หลักพันถึงแสน 3 กระเป๋าใบโปรดของคุณหนู ‘PHARITA’แห่ง BABYMONSTER

Alternative Textaccount_circle

แฟชั่นสนามบินคุณหนู ‘PHARITA‘แห่ง BABYMONSTER ทำเราใจสั่นอยู่เสมอ ครั้งนี้จึงอยากพาส่อง 3 กระเป๋าใบโปรดที่ราคาหลักพันจนถึงแสน

เริ่มต้นใบแรกด้วยราคาเบาๆ จ่ายแล้วขนหน้าแข้งไม่ร่วงเท่าไหร่กับ Charles & Keith ที่ครั้งหนึ่งเธอเคยสะพายกระเป๋ารุ่น Daki Belted Fur-Trim Curved Bag – Multi มาแล้ว แต่ช่วงนี้ดูเหมือนกระเป๋าใบโปรดจะเป็น Dou Double Chain Hobo Bag กระเป๋าสะพายหนังสีดำใบใหญ่ที่ดูแล้วทั้งเบสิกและทันสมัย มาพร้อมสายโซ่เพิ่มความหรูหราให้ไอเท็ม แต่ราคายังน่ารักเพราะอยู่ที่ 3,590 บาทเท่านั้น

ใบต่อมาราคาอาจจะกระโดดจากใบแรกพอควร เพราะนี่คือ Chanel ‘Lambskin Chain Leather Handbag’ สีชมพูหวานแหววเหมาะกับคุณหนูภริตาสุดๆ จากที่ส่องดูรุ่นนี้หาไม่ได้ในช้อปอีกแล้ว และราคาส่งต่อในเว็บไซต์มือสองก็สูงถึง 210,000 บาททีเดียว

มาถึงกระเป๋าใบสุดท้ายที่สะพายบ่อยไม่แพ้กันกับไอคอนิกแบรนด์อย่าง Lady Dior ขนาด Mini ลวดลายเอ็กซ์คลูซีฟอย่าง Black Strass Cannage Satin ที่มาพร้อมอะไหล่สีเงิน แมตช์ง่ายอละเข้ากับทุกลุค เมื่อเทียบกับอะไหล่สีทองแล้วสีนี้จะเบสิกมากกว่า สำหรับราคาอยู่ที่ประมาณ 180,000 บาท หลังจากนี้จะมีกระเป๋าใบไหนมาให้เราได้ส่องอีก รอติดตามแฟชั่นสนามบินของคุณหนูภริตาไปด้วยกันนะคะ


ภาพ: Newsen และ sedailystar

คุณจรรยา สว่างจิตร

เสน่ห์เลอค่า อสรพิษเพียงหนึ่งเดียวในโลก มูลค่า 8 หลัก ของคุณจรรยา สว่างจิตร

account_circle
คุณจรรยา สว่างจิตร
คุณจรรยา สว่างจิตร

“Diamonds are a Girl’s Best Friend” ประโยคนี้ยังมีมนตร์ขลังเสมอและยิ่งทรงพลังเมื่ออัญมณีชิ้นนั้นเป็นที่สุดแห่งความเลอค่า ไม่เพียงน้ำเอกที่ผ่านการคัดสรรอย่างประณีต งานดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ ชิ้นพิเศษหนึ่งเดียวในโลกที่ส่องประกายพร่างพราวบนสร้อยคอชิ้นโปรดของ คุณจรรยา สว่างจิตร

เสน่ห์เลอค่า อสรพิษเพียงหนึ่งเดียวในโลก มูลค่า 8 หลัก ของคุณจรรยา สว่างจิตร

ชุดลูกไม้อังกฤษสั่งตัดพิเศษในโทนสีมิดไนท์บลู ลงตัวสมบูรณ์แบบกับสร้อยคอ “เซอร์เพนติ” (Serpenti High Jewellery) สัญลักษณ์รูปงูดูทรงพลัง ประกอบด้วยเพชรน้ำงามในทุกรายละเอียด โดดเด่น ด้วยแทนซาไนต์ อัญมณีสีน้ำเงินแกมม่วงดุจสีน้ำเงินกำมะหยี่ ที่ส่งให้สร้อยเส้นนี้ทวีความหรูหราและมีเสน่ห์ สมราคา 20 ล้านบาท!

คุณจรรยา สว่างจิตร

SERPENTI HIGH JEWELLERY NECKLACE ตัวเรือนทองคำขาว ประดับ แทนซาไนต์ (Tanzanite) รูปทรงไข่ 18.72 กะรัต 1 เม็ด เป็นไฮไลท์ ตรงหัวงู ประดับทับทิม 62 เม็ด รวม 5.25 กะรัต และเพชรน้ำงาม รวม 44.16 กะรัต แทนซาไนต์เม็ดนี้คัดสรรมาจาก เหมืองที่ดีที่สุดจากประเทศแทนซาเนีย ซึ่งแทนซาไนต์ขนาด 15 – 20 กะรัต กำลังจะหมดไปอย่างถาวร กลายเป็น สิ่งที่หายากในอนาคต กว่าจะเป็นชิ้นงานสุดเลอค่า ใช้เวลา สร้างสรรค์กว่า 18 เดือน ซึ่งมาจาก ระยะเวลาในการคัดเลือกอัญมณีและ การทำแบบพิเศษขึ้นมาเพื่อรับกับ น้ำหนักแทนซาไนต์เม็ดนี้

แต่ละบุคคลมีความชื่นชอบต่างกัน อย่างผู้ชายชอบสะสมนาฬิกา ขณะที่ผู้หญิงมักชื่นชอบจิเวลรี่ สำหรับดิฉันเองเริ่มสะสมมาเมื่อ 30 – 40 ปีแล้ว จนตอนหลังเริ่มมาเก็บชิ้นงานของแบรนด์ระดับโลก ชอบงานดีไซน์ที่ดูแตกต่างกับคุณภาพน้ำของอัญมณีที่คัดสรรมาอย่างดี

เวลาจะตัดสินใจซื้ออะไรสักชิ้นไม่ได้มองว่าชิ้นนี้แพงหรือถูก อันดับหนึ่งต้องชอบ ถูกใจ อันดับสอง ถือเป็นการลงทุน สะสมเพื่อเพิ่มมูลค่าต่อไป อย่างสร้อยเส้นนี้เห็นครั้งแรกชอบเลย ด้วยดีไซน์เด่นแปลกตา ที่สำคัญมีชิ้นเดียวในโลก ก็คิดว่าถ้าเราสามารถเป็นเจ้าของได้ก็จะดี มูลค่าน่าจะเพิ่มไปเรื่อยๆ

ปัจจุบันพลอยหายากกว่าเพชร ยิ่งเม็ดที่สีสวยครบทุกองค์ประกอบยิ่งหายาก ซึ่งพลอยทุกเม็ดของ Bvlgari จะมีการคัดสรรอย่างดี ที่สำคัญเป็นพลอยไม่เผา แต่ก็ต้องสู้ราคา (ยิ้ม)

มีคนชอบแซวว่าดิฉันใช้เงินเก่ง แต่ก็หาเงินเก่งเหมือนกันนะคะ (หัวเราะ) คิดว่าเป็นการกระจายรายได้ เมื่อทำงานเยอะก็ต้องให้ความสุขตัวเอง ถ้าชอบก็ซื้อเลย ผ่านไปแล้วมานั่งเสียดาย ไม่ใช่เรา

“ของแบบนี้ตาถึง เงินถึง และใจต้องถึงด้วยนะคะ” (ยิ้ม)


ที่มา : นิตยสารแพรว

สนับสนุนเพศทางเลือก เจ้าชายวิลเลียมเผย รับได้หากพระโอรส-พระธิดาเป็น LGBT

account_circle

เจ้าชายวิลเลียม ดยุกแห่งเคมบริดจ์ เผยทรงรับได้หากพระโอรสและพระธิดาจะทรงเป็นเพศทางเลือก ( LGBT ) ขณะเสด็จไปทอดพระเนตรการดำเนินงานของกองทุนอัลเบิร์ต เคนเนดี้ เพื่อความหลากหลายทางเพศ

หากคุณอยู่ในฐานะที่กำลังเป็นพ่อแม่ หรือผู้ปกครอง และโดนตั้งคำถามว่าหากลูกเป็น LGBT คุณจะทำอย่างไร? เราเชื่อว่าคงจะมีหลากหลายคำตอบที่แตกต่างกัน ซึ่งหลายๆ ครอบครัวในปัจจุบันต่างก็รับได้ในสิ่งที่ลูกของพวกเขาเลือกที่จะเป็น เฉกเช่นเดียวกับเจ้าชายวิลเลียมที่พระองค์ก็ทรงถูกถามคำถามนี้เช่นกัน

ครั้งหนึ่งเจ้าชายวิลเลียมเสด็จไปยังกองทุนอัลเบิร์ต เคนเนดี้ เพื่อทรงหารือ และประทานสัมภาษณ์กับทูตเยาวชน ซึ่งเป็นกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ (LGBT) ในเรื่องการสนับสนุนด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตของกลุ่มคนหลากหลายทางเพศ และเยาวชน LGBT ในกรุงลอนดอน พระองค์ทรงถูกทูลถามว่า “จะทรงทำเช่นไร หากพระโอรสและพระธิดาเป็น LGBT”

การนี้เจ้าชายวิลเลียมได้ทรงมีรับสั่งว่า “ข้าพเจ้าคิดเรื่องนี้มาบ้างอยู่แล้ว เพราะมีพ่อแม่บางคนมาถามข้าพเจ้าเหมือนกัน ก็คิดว่าไม่มีปัญหาอะไร” ซึ่งพระองค์และพระชายาได้ปรึกษากันมาบ้างว่าจะสนับสนุนพระโอรส-ธิดาในเรื่องนี้ หากเกิดขึ้นมาจริงๆ โดยเฉพาะการที่จะเป็นกระแสจากสังคมที่มีต่อพระโอรส-ธิดามากกว่า ซึ่งในฐานะพระราชวงศ์ การเป็นเพศทางเลือกไม่ใช่เป็นเรื่องที่อาจเกิดขึ้นง่ายๆ แต่เนื่องด้วยกระแสสังคมที่เปลี่ยนไปมากในปัจจุบัน ทรงหวังว่าสังคมจะยอมรับในเรื่องดังกล่าวได้

“สิ่งเดียวที่ข้าพเจ้าห่วงคือ พวกเขาจะมีความเห็นและปฏิบัติต่อลูกๆ เราอย่างไร ข้าพเจ้าและแคทเธอรีนก็ได้คุยกันหลายครั้งให้แน่ใจว่าทุกอย่างเตรียมพร้อมมาดีสำหรับลูกๆ ทั้งนี้การสื่อสารกันเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่ช่วยให้เข้าใจกัน ข้าพเจ้าคุยกันบ่อยครั้งเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพื่อสนับสนุนกันและกัน และก้าวไปข้างหน้าด้วยกันได้ ดังนั้นสิ่งที่ข้าพเจ้าห่วงไม่ใช่เพราะการเป็น LGBT แต่การที่ผู้คนจะปฏิบัติอย่างไรกับพวกเขามากกว่า”

สำหรับเจ้าชายวิลเลียมนั้น พระองค์ทรงให้การสนับสนุนกลุ่มคนเพศทางเลือก เพื่อความเท่าเทียมกันทางสังคมโดยไม่ละเมิดจริยธรรมทางสังคมในหลายๆ โครงการมาตลอด  เฉกเช่นเดียวกับเจ้าชายแฮร์รี่ ซึ่งทั้งสองพระองค์นั้นทรงเจริญรอยตามและทรงสานต่อสิ่งที่พระมารดา เจ้าหญิงไดอาน่าแห่งเวลล์ได้ทรงทำไว้ขณะที่พระองค์ยังมีพระชนม์ชีพ


ข้อมูล : Royal World Thailand

ภาพ : Getty Image

เจ้านครดูไบ ประณามพระชายา “เจ้าหญิงฮายา” หลังหนีพร้อมหอบเงินพันล้าน

วิจารณ์หนัก ดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซกส์ ใช้เงินภาษีร้อยล้านบูรณะพระตำหนัก

พบรักเจ้าชายในไนท์คลับ! จากหญิงสามัญชนสู่การเป็น เจ้าหญิงแห่งเอธิโอเปีย

อบอุ่นใจ เจ้าชายแฮร์รี่ทรงโพสต์ภาพ พระโอรสน้อยอาร์ชี่ เนื่องในวันพ่อ

Rolls-Royce 500 คัน! คลังมหาสมบัติ สุลต่านบรูไน หนึ่งในราชารวยที่สุดในโลก

Eternity Ring พระธำมรงค์วงใหม่ สื่อความหมายรักนิรันดรของ ดัชเชสเมแกน

โลกไม่เคยลืม! แจ๊คเกอลีน เคนเนดี้ กับเรื่องที่คุณอาจไม่เคยรู้

account_circle

แจ๊คเกอลีน เคนเนดี้ อดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง ของสหรัฐอเมริกา ผู้หญิงที่ทรงอิทธิพลอันดับต้นๆ ทั้งเรื่องชีวิต และยังเป็นแฟชั่นไอคอนให้กับสาวๆ ทั่วโลก

ปฎิเสธไม่ได้ว่าในบรรดาสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐอเมริกา  แจ๊คเกอลีนเป็นผู้หญิงที่ถูกจับตามองมากที่สุดคนหนึ่ง เพราะนอกจากเธอจะเป็นภริยาของ จอห์น เอฟ เคนเนดี้ ประธานาธิบดีคนที่ 35 ของสหรัฐอเมริกาแล้ว

เธอยังถูกจัดให้เป็นสุภาพสตรีที่แต่งกายงามที่สุดในโลกอีกด้วย

จากเด็กหญิงหน้าตาน่ารัก เธอก้าวขึ้นเป็น The First Lady ผู้หญิงที่คอยสนับสนุนและอยู่เบื้องหลังผู้นำประเทศมหาอำนาจของโลกได้อย่างไร

บอกเลยว่าชีวิตเธอ แจ๊คเกอลีน เคนเนดี้ ไม่ได้โรยกลีบกุหลาบไปซะทีเดียว แพรวจะพาคุณไปทำความรู้จักเธอให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งบางเรื่องคุณอาจไม่เคยรู้

แจ๊คกี้ หรือ แจ๊คเกอลีน ลี โบว์เวียร์ เกิดเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2472 ที่เมืองเซาธ์แฮมป์ตัน รัฐนิวยอร์ก เป็นบุตรสาวของ นาย John Vernou Bouvier III.โบรกเกอร์ตลาดหุ้นในวอลสตรีท (ตลาดหลักทรัพย์) และมารดา นาง Janet Norton Lee มีน้องสาวชื่อ  Caroline Lee

หนูน้อยแจ๊คกี้เข้าเรียนชั้นประถมที่โรงเรียน Miss Chapin เธอเป็นเด็กน่ารัก ฉลาด และมีอารมณ์ศิลปินค่อนข้างสูง แต่ขณะเดียวกันก็แอบดื้อไม่น้อย

ในวัย 10 ปีเป็นช่วงเวลาที่ แจ๊คกี้ต้องเผชิญกับเหตุการณ์ที่พ่อแม่หย่าร้างกัน มันดูเป็นเรื่องยากสำหรับเด็กวัยนี้ และยิ่งเธอมาจากครอบครัวที่นับถือศาสนาคริสต์ นิกายคาทอลิค แถมทางโบสถ์ก็ไม่เห็นดีด้วยสำหรับการหย่าครั้งนี้ของพ่อแม่เธอสักเท่าไหร่ ยิ่งทำให้แจ๊คกี้ต้องเผชิญกับสภาวะที่ตึงเครียด

จากเด็กสาวร่าเริง กลายเป็นเด็กที่เงียบ และไม่ค่อยพูด ทว่าแม้จะต้องเจอกับช่วงเวลาที่ยากลำบากทั้งกายและใจ  แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้หนูน้อยย่อท้อ เธอกลับได้รับโอกาสดีๆ มากมายในชีวิต เธอได้เรียนบัลเลต์คลาสสิคในโรงละครโอเปล่า และยังเริ่มเรียนภาษาฝรั่งเศสอีกด้วย

แจ๊คกี้และ เจเน็ต แม่ของเธอในงาน East Hampton Horse Show เมื่อปี 1935

นอกจากนี้ แจ๊คกี้ ยังชื่นชอบการขี่ม้ามากๆ ด้วย เธอเคยชนะและได้เหรียญทองในการแข่งขันขี่ม้าเมื่อตอนอายุ 11 ปี พรสวรรค์ที่ได้มานี้ อาจจะเป็นเพราะแม่ของเธอนั้นชื่นชอบกีฬาขี่ม้า และเคยแข่งขัน จนได้แชมป์ถึงสามครั้งที่งานประจำปี National Horse Show

Bert Morgan Archive

เมื่อครั้งที่แจ๊คกี้ อายุ 1 ขวบ แม่ของเธอได้จับเธอขึ้นบนหลังม้าพร้อมกับเธอด้วย และยังให้เธอเริ่มขี่ม้าเอง โดยเริ่มหัดจากม้าแคระก่อน ฝึกจากการขี่ข้ามสิ่งกีดขวางต่างๆ จนชำนาญ จึงมาขี่ม้าไซส์ปกติ

jfklibrary

หลังจากที่พ่อกับแม่ของเธอหย่าร้างกันได้ไม่นาน สามปีถัดมา แม่ของแจ๊คกี้ก็แต่งงานใหม่กับ Hugh Auchincloss นักธุรกิจ พ่อม่ายลูกติด ซึ่งนั่นทำให้แจ๊คกี้มีพี่สาวและน้องชายเพิ่มขึ้นโดยปริยาย

ในปี 1947 หลังจากที่แจ๊คกี้จบการศึกษาจากโรงเรียน Miss Porter เธอได้เรียนต่อวิทยาลัย Vassar ในเมืองนิวยอร์ก โดยวิชาที่เลือกเรียนคือ ประวัติศาสตร์,วรรณกรรม, ศิลปะ และภาษาฝรั่งเศส

ในช่วงที่เธอเป็นนักศึกษาปี 1 แจ๊คกี้ได้เดินทางไปศึกษาที่ประเทศฝรั่งเศส และได้ไปอาศัยอยู่กับครอบครัว Renty หลังจากครบหนึ่งปี เธอต้องเดินทางกลับบ้าน แจ๊คกี้ได้เขียนถึงประสบการณ์ที่ใช้ชีวิตช่วงสั้นๆ อยู่ที่นั่นว่า

“เป็นอีกปีที่ฉันชอบมากที่สุดในชีวิต ถึงแม้จะอยู่ห่างจากบ้าน แต่ก็มีโอกาสที่จะเรียนรู้สิ่งต่างๆ ซึ่งเป็นการเรียนรู้อย่างแท้จริง

“ที่สำคัญคือบางสิ่งที่ฉันพยายามซ่อนมันมาตลอด แต่มาที่นี่ฉันได้เปิดมันขึ้นมาอีกครั้ง ฉันรักยุโรป แต่ในขณะเดียวกัน ฉันก็กลัวว่าที่นี่จะไม่ปล่อยให้ฉันไป”

เมื่อแจ๊คกี้กลับจากประเทศฝรั่งเศส เธอได้โอนย้ายที่เรียนจากวิทยาลัย Vassar ไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยจอร์จวอชิงตัน ด้วยเหตุผลที่ว่า อยากอาศัยอยู่ในเมือง และอยากอยู่ใกล้ครอบครัวของเธอด้วย

แจ๊คกี้กำลังพิมพ์บทความ ในขณะที่กำลังตั้งครรภ์ที่บ้านในเมืองจอร์จทาวน์เมื่อปี 1960

หลังจากเรียนจบ แจ๊คกี้เริ่มทำงานครั้งแรกในปี 1951 โดยเป็นช่างภาพฝึกหัดให้กับหนังสือพิมพ์วอชิงตัน ไทม์ส-เฮรัลด์ โดยหน้าที่ของเธอคือถ่ายรูป ถามคำถาม และเผยแพร่คำตอบในคอลัมน์

ในช่วงที่เธอทำงานอยู่ที่นี่ แจ๊คกี้เคยสัมภาษณ์ ริชาร์ด มิลเฮาส์ นิกสัน อดีตประธานาธิบดีคนที่ 37 ของสหรัฐอเมริกา และรองประธานาธิบดีคนที่ 36 อีกทั้งยังเคยร่วมถ่ายภาพงานพิธีบรมราชาภิเษกของพระราชินีอลิซาเบธที่ 2 ด้วย

Keystone

Glamour

ปีเดียวกันนั้น เธอได้พบรักกับจอห์น เอฟ เคนเนดี้ สส.หนุ่ม ในงานเลี้ยงสังสรรค์ ในเมืองจอร์จทาวน์ ทั้งคู่คบหาดูใจกันเรื่อยมา และหลังจากที่จอห์นได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกวุฒิสภา พวกเขาจึงได้ตัดสินใจหมั้นในวันที่ 25 มิถุนายน 2496

แหวนหมั้นที่จอห์นเลือกให้กับคู่ชีวิตของเขานั้น เป็นแหวนเพชร 2.88 กะรัต ประดับด้วยมรกต 2.84 กะรัต จากแบรนด์ Van Cleef & Arpels

จากนั้นในวันที่ 12 กันยายน 2496 ทั้งคู่ได้เข้าพิธีแต่งงานที่โบสถ์เซนต์แมรี่ เมืองนิวพอร์ต รัฐโรดไอแลนด์ และในปี 2500 แจ๊คกี้ได้ให้กำเนิดลูกสาวคนแรก ชื่อ แคโรลีน เคนเนดี้

ในช่วงที่จอห์น เอฟ. เคนเนดี้ กำลังหาเสียงเพื่อลงสมัครเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีคนที่ 35 ของสหรัฐอเมริกา แจ๊คกี้ก็ยังคงใช้เวลาว่างในขณะอยู่บ้าน เขียนคอลัมน์ Campaign Wife ให้กับหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ ซึ่งในช่วงนั้นเธอกำลังตั้งครรภ์ลูกคนที่ 2 

นอกจากนี้เธอยังได้ตอบจดหมายนับร้อยฉบับ บันทึกเทปโฆษณาทางโทรทัศน์ และยังให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างๆ ถึงแม้จะอยู่ในช่วงที่กำลังตั้งครรภ์ แต่ว่าที่สตรีหมายเลขหนึ่งคนนี้กลับไม่มีวันหยุดพัก จนกระทั่งเธอได้ให้กำเนิดลูกชาย จอห์น เอฟ. เคนเนดี้ จูเนียร์

แน่นอนว่าเป็นถึงสตรีหมายเลขหนึ่ง คงไม่มีทางอยู่เฉยแน่นอน ในปี 1961-1963 แจ๊คกี้เรียกได้ว่าเป็นต้นแบบของผู้หญิงทีมีหัวค่อนข้างทันสมัย เธอมีโครงการที่จะปรับปรุง เปลี่ยนแปลง และฟื้นฟูห้องต่างๆ ในทำเนียบขาวให้ดูสวยขึ้น

ที่คึกโครมที่สุดคือการเปลี่ยนทำเนียบขาวให้เป็นพิพิธภัณฑ์ โดยเธอได้ขอความช่วยเหลือจากนักสะสมงานศิลปะต่างๆ และนักออกแบบที่ได้รับการตกแต่งทำเนียบขาวให้มาช่วยบูรณะในครั้งนี้

นอกจากจะเนรมิตทำเนียบขาวให้เป็นพิพิธภัณฑ์แล้ว เธอยังเปิดโรงเรียนในทำเนียบขาวอีกด้วย แจ๊คกี้เปลี่ยนระเบียงชั้นสามของทำเนียบขาวให้เป็นโรงเรียนสำหรับลูกสาวของเธอ รวมถึงเด็กคนอื่นๆ ด้วย และยังสร้างสระว่ายน้ำ ชิงช้า และบ้านต้นไม้บนสนามหญ้าให้กับลูกชายสุดที่รัก

พูดถึงทำเนียบขาวหลายคนอาจจะฟังดูแล้วคงเข้าถึงยาก แต่ในสมัยที่แจ๊คกี้เป็นสตรีหมายเลขหนึ่งนั้น เธอได้เปิดทำเนียบขาว พาสื่อทัวร์ รวมถึงให้เข้ามาถ่ายทำรายการโทรทัศน์เมื่อตอนที่บูรณะทำเนียบขาว และแน่นอนว่านั่นทำให้เธอได้รับรางวัลชนะเลิศจาก เอมมี่ อวอร์ด

อีกเรื่องที่จะไม่พูดถึงคงไม่ได้ ในยุคนั้น แจ๊คกี้เรียกได้ว่าเป็นแฟชั่นไอคอนให้กับสาวๆ ทั่วโลก เธอเป็นผู้นำเทรนด์ในการแต่งตัว เธอมีสไตล์ที่ดูเรียบหรู ทันสมัย และมีความชิคในคราเดียวกัน

ไม่มีครั้งไหนที่แจ๊คกี้ออกงานแล้วจะไม่โดดเด่น ทุกๆ ครั้งที่ปรากฎตัวแจ๊คกี้จะมาพร้อมหมวกทรง pillbox แว่นกันแดดขนาดโอเว่อร์ไซส์ ถุงมือยาวถึงศอก

ชุดสไตล์ Jackie O

และชุดที่เรียกได้ว่าเป็นต้นแบบ ได้รับคำนิยามว่าเป็นชุดสไตล์ Jackie จนไม่ว่าเวลาจะผ่านมานานแค่ไหน สาวๆ ก็ยังหยิบมาใส่กันอยู่เรื่อยๆ ซึ่งในปี 1962 แจ๊คกี้ได้รับการโหวตจากผู้เชี่ยวชาญการออกแบบเครื่องแต่งกายสตรีของโลก ให้เป็น 1 ใน 10 สตรีที่แต่งกายดีที่สุดในโลก ซึ่งเป็นปีเดียวกันกับที่เธอได้รับรางวัลจาก เอมมี่ อวอร์ด

ในปี 1963 เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน ขณะที่ จอห์น เอฟ. เคนเนดี้ และ แจ๊คเกอลีน เคนเนดี้ กำลังนั่งอยู่ในรถเปิดประทุน รถได้เคลื่อนตัวช้าๆ ไปตามถนน จอห์นและแจ๊คกี้กำลังโบกมือทักทายให้กับประชาชนในเมืองดัลลัส รัฐเทกซัส

และแล้วเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อจอห์นถูกลอบสังหารโดยมือปืน กระสุนได้พุ่งเข้าที่ศีรษะของประธานาธิบดีคนที่ 35 ของอเมริกา จอห์นเสียชีวิตคาที่ ท่ามกลางความตกใจสุดขีดของแจ๊คกี้ และประชาชนที่อยู่ในเหตุการณ์

ร่างของจอหน์ถูกนำขึ้นเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวัน เพื่อกลับไปทำพิธีที่กรุงวอชิงตัน แจ๊คกี้ยังคงอยู่ในชุดที่เปรอะเปรื้อนไปด้วยเลือด และเข้าพิธีด้วยชุดนี้ ซึ่งเหตุผลที่เธอไม่เปลี่ยนชุดเพราะอยากให้โลกรับรู้ว่า เกิดอะไรขึ้นกับจอห์น สามีของเธอ

หลังจากที่จอห์นเสียชีวิตไปแล้ว แจ๊คกี้ได้ย้ายครอบครัวกลับมาใช้ชีวิตที่นิวยอร์ก และห้าปีถัดมา เธอก็ได้แต่งงานใหม่อีกครั้งกับ นายอริสโตเติล โอนาซิส มหาเศรษฐีชาวกรีก ชายที่มีอายุมากกว่าเธอถึง 20 ปี และเป็นอีกครั้งที่เธอได้กลับไปใช้ชีวิตที่ฝรั่งเศส

ในช่วงนั้นเธอและลูกๆ มักถูกปาปารัสซีที่ชื่อว่า Ron Galella คุกคามถ่ายภาพตลอด จนมีคำสั่งศาลออกมาว่าห้ามเขาเข้าใกล้พวกเธอในระยะ 25-30 ฟุต แต่ถึงอย่างไร ข้อห้ามนี้ก็ถูกละเมิดอยู่ดี นั่นทำให้แจ๊คกี้หมดความอดทน จนต้องฟ้องชายคนนี้ และแน่นอนว่าศาลตัดสินให้เธอชนะ

ถึงแม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะเจอเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต สามีที่รักได้จากไปต่อหน้าตา แต่แจ๊คกี้ก็ผ่านเรื่องราวเลวร้ายมาได้ด้วยหัวใจที่เข้มแข็ง และใช้ช่วงเวลาสุดท้ายในชีวิตกับลูกๆ และงานที่เธอรัก

แจ๊คกี้ประสบความสำเร็จเรื่องงานเป็นอย่างมาก เธอได้กลับไปเป็นบรรณาธิการหนังสืออีกครั้ง ผลงานทุกๆ เรื่องต่างมีคนจดจำและยังคงกล่าวมาจนถึงปัจจุบัน

ถึงวันนี้ชื่อของเธอยังคงอยู่ในประวัติศาสตร์ของโลก เป็นสตรีที่โลกต้องจดจำไว้ตลอดไป

 

ที่มา : www.jfklibrary.org, www.thisisinsider.com

 

ตี๋ลี่เร่อปา 001

ตี๋ลี่เร่อปา จากนักแสดงตัวเล็กๆ ที่มีเชื้อสายอุยกูร์ สู่เมกะสตาร์ของแดนมังกร

account_circle
ตี๋ลี่เร่อปา 001
ตี๋ลี่เร่อปา 001

ตี๋ลี่เร่อปา นางเอกวัยรุ่นจีนเชื้อสายอุยกูร์ สวยเหมือนกับภาพวาด ราวกับนางฟ้ามาจุติ มาพร้อมกับความสามารถ และสไตล์การแต่งตัวอันหลากหลายที่ครบเครื่อง สวยจบครบในคนเดียว

ไต่ระดับความนิยมมาเรื่อยๆ จนปัจจุบันเชื่อว่าคงไม่มีใครไม่รู้จักเธอคนนี้อย่างแน่นอน ตี๋ลี่เร่อปา นางเอกสาวสุดฮ็อตของวงการบันเทิงแดนมังกร ด้วยกระแสที่กำลังมาแรงแบบไม่มีตกขนาดนี้ วันนี้ แพรวดอทคอม เลยจะพาทุกคนไปรู้จักเธอคนนี้กันค่ะ

ตี๋ลี่เร่อปา นางเอกจีนเชื้อสายอุยกูร์ สวยหยาดเยิ้มเหมือนนางฟ้ามาจุติ

ตี๋ลี่เร่อปาหรือ ดิลราบา ดิลมูรัต วัย 29 ปี เธอเกิดวันที่  3 มิถุนายน 2535 ที่เมืองอุรุมชี ในเขตการปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ประเทศจีน อีกหนึ่งสาวฮ็อตจากฟากฝั่งจีนที่มีใบหน้า สวยคม งามดั่งสาวเปอร์เซีย ครองใจแฟนคลับชาวจีนนับล้าน แถมยังมีผลงานการแสดง งานถ่ายแบบและ ถ่ายโฆษณา มากมาย จนฮ็อตฮิตติดนางเอกอันดับ 1 อีกทั้งยังได้รับรางวัลมาแล้วนับไม่ถ้วน

ตี๋ลี่เร่อปา

นอกจากความสวยที่เห็นแล้วต้องตะลึง ความสามารถของตี๋ลี่เร่อปาก็ยังมีอีกหลากหลายด้าน ตี๋ลี่เร่อปาจบการศึกษา สาขาการแสดง จากมหาวิทยาลัยการแสดงเซี่ยงไฮ้ ด้วยความสวยอันโดดเด่น เธอจึงได้รับแสดงบทนำในเรื่อง Anarhan ซึ่งถ่ายทำเมื่อปี 2011 และถูกฉายเมื่อปี 2013 ทางสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่งในเขตปกครองตนเองซินเจียง

ซึ่งได้รับกระแสการตอบรับที่ดีมาก แม้จะอยู่ในเขตที่ห่างไกลแต่ความสามารถของเธอกลับฉายแสงเป็นอย่างมาก เธอได้รับข้อเสนอจาก Jay Walk Studio  (ต้นสังกัดปัจจุบัน) จากนั้นก็เริ่มมีผลงานต่อๆ มาในหลายเรื่องในฐานะนักแสดงสมทบ

แต่เรื่องที่สร้างชื่อเสียงให้ตี๋ลี่เร่อปาดังเป็นพลุแตกมากที่สุดคือ ซีรีส์ 3 ชาติ 3 ภพ ป่าท้อสิบลี้ ในบท ป๋ายเฟิ่งจิ่ว ซึ่งเรื่องนี้เธอยังได้เล่นกับ หยางมี่ บอสใหญ่แห่งค่าย  แถมยังพุ่งไกลไปต่อได้เป็นตัวเอกในภาค 2  เรื่อง สามชาติสามภพ ลิขิตเหนือเขนย มียอดผู้ชมเรื่องนี้มากถึง 8,380 ล้านวิว

ตี๋ลี่เร่อปา
ซีรีส์เรื่องสามชาติสามภพ ลิขิตเหนือเขนย ภาค2

ตี๋ลี่เร่อปา
เร่อปาใน ซีรีส์เรื่อง 3 ชาติ 3 ภพ ป่าท้อสิบลี้ ในบท ป๋ายเฟิ่งจิ่ว

นอกจากนี้ยังมีเรื่อง The King’s Woman และ Pretty Li Huizhen ขอหยุดหัวใจที่ยัยจอมยุ่ง กับบทสาวสุดเปิ่น ลูกเป็ดขี้เหร่ ที่มีหนุ่มขออาสามาดูแลหัวใจถึงสองคน

ตี๋ลี่เร่อปา

ตี๋ลี่เร่อปา

นอกจากงานด้านการแสดงที่เธอทำได้ดีแล้ว ร้องเพลงเธอก็ทำได้เยี่ยมไม่แพ้กัน โดยเธอได้ร้องเพลงประกอบเกมส์ออนไลน์ เสียงนี้สวยหวานไปแพ้หน้าตาเลย

การแสดงก็ทำได้เยี่ยม ร้องเพลงก็ทำได้ดีแล้ว ความสามารถเรื่องการเต้น ก็ไม่เป็นรองใคร ซึ่งเธอเคยอวดลีลา สะบัดเอวอ้อนแอ้นอรชร เต้นระบำมาแล้วในซีรีส์เรื่อง Sound of the Desert

ซีรีส์เรื่อง The Flame’s Daughter ซึ่งในเรื่องนี้เธอรับบทเป็น เลี่ยหญูเกอ เล่นคู่กับ โจว อวี๋หมิน หรือที่เราคุ้นตากันดีในบท ไจ๋ไจ๋ ผู้ชายอบอุ่น จากซีรีส์เรื่อง F4 โดยเริ่มฉายไปแล้วเมื่อต้นปี หากใครสนใจก็ไปหามาดูกันได้เลย แว่วมาว่า สนุกไม่น้อย

ผลงานล่าสุดในปีนี้ ดุจดวงดาวเกียรติยศ (You Are My Glory) เธอรับบท เฉียวจิงจิง ประกบคู่กับพระเอกสุดฮ็อต หยางหยาง (Yang Yang)

You Are My Glory

รวมถึง ทาสปีศาจ (The Blue Whisper ) รับบท จี้อวิ๋นเหอ ผู้บัญชาการปีศาจ แห่งหุบเขาหมื่นบุปผา  ประกบคู่กับ พระเอกมากความสามารถ เหรินเจียหลุน

เหรินเจียหลุนส่วนเรื่องสไตล์การแต่งตัวนั้น คงต้องบอกเลยว่า เธอเอาอยู่ทุกลุค ทั้งสายหวาน สายเซ็กซี่ หรือสายเท่ห์ ครบในคนเดียวกัน เรียกได้ว่าสวยแบบ 360 องศา เลยจริงๆ

เห็นตัวเล็กๆ แบบนี้แต่ตี๋ลี่เร่อปา ชื่นชอบที่จะทานขนมจำพวก มันฝรั่งทอด ช็อคโกแลต และของหวานอื่นๆ มาก แต่เธอก็ยังมีน้ำหนักเพียงแค่ 47 กิโลกรัมเท่านั้น แถมยังพกความสูงที่ไม่มากเพียง 168 เซนติเมตร หันมามองพุงตัวแล้ว ได้แต่ถอนหายใจเฮ้อออออออออออออ

ทำท่าทะเล้นแบบนี้ยังสวยเลย เอ้าา

อีกหนึ่งเทคนิคของการถ่ายรูปให้เราดูสวย คือ หันข้าง ยิ้มเบาๆ สาวๆ ลองทำตามกันดูนะคะ เก็บไว้เป็นเรฟเฟอเร้น ในทริปหน้าเวลาไปทะเลได้เลยค่ะ อิอิ

แม่เจ้าขาเล็กมากกกก แม่คุณเอ้ยย

แอร์พอร์ตลุคค่ะสาวๆ ดูทะมัดทะแมง เสื้อยีนส์แมทช์กับอะไรก็เข้า

ลุคแบ้วๆ ก็เอาอยู่ ด้วยแว่นตาเพียงอันเดียว จบ!

เห็นเธอแล้วคงต้องบอกเลยว่า ทำบุญมาด้วยอะไรหนออ ถึงได้สวย ฉ่ำ ไร้ที่ติขนาดนี้ แถมความสามารถก็มีรอบด้านอีก ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเธอถึงเป็นที่ชื่นชอบของใครหลายๆ คน

ภาพ : Weibo, official_mikimoto, FB : standilireba

PRAEW CHARITY 2021 "GO TOGETHER"

มหกรรมช้อปปิ้งการกุศลแห่งปี PRAEW CHARITY 2021 “GO TOGETHER”

Alternative Textaccount_circle
PRAEW CHARITY 2021 "GO TOGETHER"
PRAEW CHARITY 2021 "GO TOGETHER"

อบอุ่นไปด้วยความรักและน้ำใจแห่งการช่วยเหลือจริงๆ สำหรับมหกรรมช้อปปิ้งการกุศลแห่งปี  PRAEW CHARITY 2021 “GO TOGETHER” งานบุญดีๆของ นิตยสารแพรว ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 10-12 ธันวาคม  2564 ชั้น 1 แฟชั่น ฮอลล์ สยามพารากอน โดยงานครั้งนี้มีเหล่าดาราและเซเลบริตี้มาร่วมทำบุญมากมาย ในส่วนของการออกบูธนำสินค้าแบรนด์เนมของแท้คุณภาพดีมาขาย อาทิ คุณจินต์-จงจินต์ จึงสุระ (เครื่องประดับ) ,คุณฝน-ชวมณฑ์ ปวโรดม ,คุณมาร์ค ธาวิน ,คุณดาว-พอฤทัย ณรงค์เดช ,คุณบุญญาดา กฤติยะโชติกุล ,คุณอังคนางค์  ชากีร่า บำรุงสรณ์,คุณแจน-ปฐมพรรษ์ อิสระพิทักษ์กุล, ดร.วิราวรรณ ศรีสมบูรณานนท์,คุณป๊อป-วรเกียรติ อานันทนะสุวงศ์,คุณบอน – ก้องกิดากร ขันมณี,คุณกาย – ขนิษฐา จิตต์กุศล,คุณผึ้ง – ชลาพร อัคคะประชา,คุณมิคกี้ – ชัย พรปริญญา ,คุณกันต์ รตนาภรณ์ ฯลฯ

PRAEW CHARITY 2021 "GO TOGETHER"

ทั้งนี้ตลอด 3 วันมีโชว์จากคนดังขึ้นแสดงบนเวทีอย่างเนื่องแน่น โดยในวันศุกร์ที่ 10 ธันวาคม  2564 อาทิ เอิ๊ต-ภัทรวี ศรีสันติสุข,บูล อินดิโก, เมฆแจ็ค-จิรัฏฐ์ เมฆทวีพงศ์,อั๋น-เจษฎา ตรีรุ่งกิจ, วง LAST IDOL ยูนิต protea กับ someday,ไอซ์-พาริส อินทรโกมาลย์สุต,โอห์ม-ฐิติวัฒน์ ฤทธิ์ประเสริฐ,ฟลุ๊ค-ณธัช ศิริพงษ์ธร,มีน-พีรวิชญ์ อรรถชิตสถาพร,แปลน-รัฐวิทย์ กิจวรลักษณ์ รวมถึงแขกเซอร์ไพร้ส์พิเศษ  เคน-ธีรเดช และหน่อย-บุษกร วงศ์พัวพันธ์ เพื่อนสนิทของแพรวที่ร่วมงานกันมาตลอดหลายสิบปี มาสร้างความเซอร์ไพร้ส์ด้วย ดำเนินรายการบนเวทีโดย อั๋น-ภูวนาท คุนผลิน และ หนิง-ศรัยฉัตร กุญชร ณ อยุธยา จีระแพทย์

 ขณะที่ในวันเสาร์ที่ 11 ธันวาคม  2564 ดำเนินรายการบนเวทีโดย ไก่-ภาษิต อภิญญาวาท ,ไบร์ท-พิชญทัฬห์ จันทร์พุฒ โดยประเดิมความคึกคักด้วยหนุ่มๆ วง ATLAS,จิมมี่-กานต์ กฤษณะพันธ์,ทอมมี่-สิทธิโชค เผือกพูลผล ,ซี-พฤกษ์ พานิช, นุนิว-เชาวรินทร์ เพริศพิริยะวงศ์, SPRITE, DON KIDS, ICEAC,บุ๋น-นพณัฐ กันทะชัย,ปรม-วรุศ ชวลิตรุจิวงษ์ โชว์พิเศษจาก มิว- ศุภศิษฏ์ จงชีวีวัฒน์ และ อแมนด้า ชาลิสา ออบดัม มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2020

ปิดท้ายวันอาทิตย์ที่ 12 ธันวาคม  2564 อัดแน่นไปด้วยคนดังที่มาร่วมกิจกรรมบนเวทีเพียบ เช่น ลี-ฐานัฐพ์ โล่ห์คุณสมบัติ,จอส-เวอาห์ แสงเงิน,คริส-พีรวัส แสงโพธิรัตน์,เต-ตะวัน วิหครัตน์,ปอนด์-ณราวิชญ์ เลิศรัตน์โกสุมภ์,ภูวิน-ภูวินทร์ ตั้งศักดิ์ยืน,เอิร์ท-พิรพัฒน์ วัฒนเศรษสิริ,มิกซ์-สหภาพ วงศ์ราษฎร์,สตางค์ BNK48 -ตริษา ปรีชาตั้งกิจ, แพนด้า BNK48 -จิดาภา แช่มช้อย,แพท-วรยศ บุญทองนุ่ม,บาส-สุรเดช พินิวัตร์,ดุล ร่มจำปา,คิมม่อน-วโรดม เข็มมณฑา,คอปเตอร์-ภานุวัฒน์ เกิดทองทวี,ป๊อบ-ปองกูล สืบซึ้ง ,โอ๊ต-ปราโมทย์ ปาทาน,นนท์-ธนนท์ จำเริญ ดำเนินรายการบนเวทีโดย ป๋อมแป๋ม-นิติ ชัยชิตาทร และ ปุ๊กกี้-ปวีณ์นุช แพ่งนคร

ทั้งนี้ยังมีร้านค้าจากผู้สนับสนุนงาน PRAEW CHARITY 2021 “GO TOGETHER” มาร่วมออกบูธอีกด้วย โดยรายได้จากการขายสมทบทุน โครงการแพรวแชริตี้ มอบให้ผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19ช่วยเหลือผู้ตกงาน ไร้บ้าน ผ่าน มูลนิธิกระจกเงา และช่วยเหลือเด็กกำพร้าผ่าน สหทัยมูลนิธิ

สำหรับโครงการแพรวแชริตี้ เป็นกิจกรรมที่นิตยสารแพรวจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ พ.ศ. 2546 ด้วยความตั้งใจเป็นสื่อกลางในการระดมทุนจากผู้มีจิตศรัทธา ส่งความช่วยเหลือไปยังผู้ยากไร้ สตรี เด็ก สัตว์ทุกข์ยากรวมถึงสิ่งแวดล้อม ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา โครงการแพรวแชริตี้ได้มอบเงินให้แก่องค์กรสาธารณกุศลต่างๆ กว่า 56 แห่ง เป็นยอดเงินบริจาคกว่า 42 ล้านบาท


 

คงไว้ซึ่งความงดงาม Meiji Scroll Tiara มงกุฎองค์แรกแห่งบัลลังก์ดอกเบญจมาศ

account_circle

Meiji Scroll Tiara มงกุฎองค์แรกและยังเก่าแก่ที่สุดแห่งบัลลังก์เบญจมาศ แต่คงไว้ซึ่งความงดงาม แม้มีอายุนับร้อยปี

สำหรับราชวงศ์ญี่ปุ่นแล้ว เราอาจะไม่ค่อยได้เห็น เครื่องถนิมพิมพาภรณ์  (เครื่องประดับ) ถูกพูดถึงกันบ่อยครั้ง โดยมากที่เห็นจะเป็นราชวงศ์อังกฤษซะส่วนใหญ่ แต่อันที่จริงบัลลังก์ดอกเบญจมาศ ยังมีเครื่องประดับสำคัญประจำราชวงศ์ โดยเฉพาะเทียร่า ที่เรียกได้ว่าเป็นสมบัติล้ำค่าที่ทุกราชวงศ์ในโลกต้องมี

สำหรับมงกุฎของราชวงศ์ญี่ปุ่นนั้น Meiji Scroll Tiara นับว่าเป็นองค์แรก และยังเก่าแก่มากที่สุดในประวัติศาสตร์แห่งบัลลังก์ดอกเบญจมาศ ตามประวัติของเทียร่าองค์นี้ได้ถูกสร้างขึ้นในปี 1885 (หรือหลังจากนั้น) เพื่อสมเด็จพระจักรพรรดินีโชเก็ง พระพันปีหลวง (1849-1914) ซึ่งพระองค์ทรงเป็นพระมเหสีของสมเด็จพระจักรพรรดิเมจิ ประวัติของเทียร่าองค์นี้ เรียกได้ว่าสำคัญกับราชวงศ์ญี่ปุ่นมากเลยทีเดียว เพราะเป็นมงกุฎสำหรับสมเด็จจักรพรรดินีโดยเฉพาะ

Meiji Scroll Tiara

เทียร่าองค์นี้นอกจากจะสวยงามและทรงคุณค่าแล้ว ยังมีความพิเศษคือเพชรรูปดาวที่ประดับด้านบนมงกุฎสามารถถอดออกได้ จึงทำให้มงกุฎองค์นี้มีสองรูปแบบในหนึ่งเดียว อีกทั้งยังได้ถูกส่งต่อรุ่นสู่รุ่นมาตั้งแต่สมัยเมจิ (สมเด็จพระจักรพรรดินีโชเก็ง พระพันปีหลวง) ไทโช (สมเด็จพระจักรพรรดินีเทเม) โชวะ (สมเด็จพระจักรพรรดินีโคจุง) เฮเซ (สมเด็จพระจักพรรดินิมิชิโกะ) อย่างไรก็ตาม เราอาจจะไม่ค่อยได้เห็นเทียร่าองค์นี้บ่อยครั้งนัก เพราะโดยส่วนใหญ่แล้วองค์จักรพรรดินีจะสวมใส่ในพิธีสำคัญๆ เท่านั้น เช่น พิธีราชาภิเษกและพิธีอภิเษกสมรส

Meiji Scroll Tiara

Meiji Scroll Tiara

ทั้งนี้สมเด็จพระจักพรรดินิมิชิโกะ ทรงสวมเทียร่าองค์นี้สองครั้งคือ งานพิธีราชาภิเษกของสมเด็จพระจักพรรดิเฮเซ เมื่อปี 1990 และงานอภิเษกสมรสของเจ้าชายนารุฮิโตะ (ปัจจุบันคือ สมเด็จพระจักพรรดินารุฮิโตะ รัชสมัยเรวะ) พระโอรสของพระองค์ ขณะเดียวกันเราได้เห็นเทียร่าองค์นี้ปรากฏขึ้นอีกครั้ง โดยสมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะทรงใส่ในพระราชพิธีสืบราชสมบัติของสมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะ เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม หากสังเกตจะพบว่าถึงแม้ประเทศญี่ปุ่นจะเปิดรับวัฒนธรรมตะวันตกในช่วงปี 1868-1912 แต่การใส่เทียร่าของสตรีในราชสำนักทุกๆ พระองค์จะไม่สวมมงกุฎกับกิโมโน ซึ่งเป็นชุดแต่งกายตามแบบประเพณีโบราณของประเทศญี่ปุ่น แต่จะใส่เทียร่ากับชุดสากลเท่านั้น


ภาพ และ ข้อมูล : orderofsplendor.blogspot.com, members2.boardhost.com

6 มงกุฎ อันทรงคุณค่า งดงามสมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

ดัชเชสเคท สวมมงกุฎ “Lover’s Knot” เทียร่าองค์โปรดของเจ้าหญิงไดอานา

ส่งต่อความงดงาม Lady Gabriella Windsor สวมเทียร่าอันล้ำค่า ในพิธีเสกสมรส

 เปิดตำนานเทียร่าราชวงศ์อังกฤษ ที่คาดว่า ‘เมแกน’ จะได้สวมในวันเสกสมรส

 

 

 

 

ชีวิตจริงไม่ได้ฟินเหมือนในละคร เส้นทางรักของ ซงฮเยคโย กับ 3 พระเอกเอลิสต์

Alternative Textaccount_circle

ชีวิตจริงไม่ได้ฟินเหมือนในละคร ย้อนรอยเส้นทางความรักของ ซงฮเยคโย กับ 3 พระเอกเอลิสต์ “ลีบยองฮุน”,”ฮยอนบิน” และ “ซงจุงกิ”

หากพูดถึงนางเอกเกาหลีชื่อที่ปรากฏในอันดับต้นๆ เสมอ คงเป็นชื่อไหนไปไม่ได้นอกจาก ซงฮเยคโย นักแสดงวัย 39 ปี ผู้ซึ่งโดดเด่นไปด้วยฝีมือทางการแสดง จนเป็นที่จดจำของแฟนละครมากมาย อาทิ “Autumn in My Heart  รักนี้ชั่วนิรันดร์”, “Full House สะดุดรักที่พักใจ”, “That Winter The Wind Blows  สายลมรักในฤดูหนาว”, “Worlds Within รักนี้ไม่ต้องมีบท”, “Descendants of the Sun ชีวิตเพื่อชาติ รักนี้เพื่อเธอ” ฯลฯ แม้ว่าเธอจะได้รับการชื่นชมในเรื่องฝีมือการแสดงที่ยอดเยี่ยม แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งที่คนมักพูดถึงเธอนอกเหนือจากการแสดงคือเรื่องความรัก ชีวิตในมุมนี้ของเธอค่อนข้างเป็นที่สนใจ เนื่องจากเธอมักคบหาดูใจกับคนในวงการบันเทิง นั่นจึงทำให้เธอถูกจับตาเรื่องนี้มาตลอด

และกลายเป็นข่าวใหญ่ช็อควงการ เมื่อมีการเปิดเผยว่าเธอและ “ซงจุงกิ” นักแสดงหนุ่มที่มีอายุอ่อนกว่า 4 ปี ได้ตัดสินใจยุติความสัมพันธ์ในฐานะสามี-ภรรยา โดยฝ่ายกฏหมายของพระเอกดังได้เปิดเผยว่าทั้งสองได้หย่ากันไปแล้วเมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 2562 ต่อมาต้นสังกัดของนักแสดงสาวระบุว่าเหตุผลที่ต้องยุติความสัมพันธ์เพราะ “ทั้งคู่มีความแตกต่างกันเกินไป” ซึ่งภายหลังจากที่มีข่าวออกมาบรรดาแฟนคลับ “ซงซงคัพเพิล” ก็พากันใจสลาย เพราะที่ผ่านมาหลายคนรู้สึกอินไปกับความรักของคู่รักซูเปอร์สตาร์ เนื่องจากได้เห็นความสัมพันธ์ที่ค่อยๆ พัฒนาไปทีละขั้น จากเพื่อนร่วมงานในละครเรื่อง “Descendants of the Sun ชีวิตเพื่อชาติ รักนี้เพื่อเธอ”  กลายเป็นคนสนิท จนนำไปสู่การแต่งงานเมื่อตุลาคมปี 2017 และยิ่งได้เห็นทั้งฝ่ายหญิงและฝ่ายชายหลั่งน้ำตาเมื่อครั้งเข้าพิธีแต่งงาน จึงไม่แปลกเลยว่าแฟนคลับ “ซงซงคัพเพิล” ถึงรู้สึกใจหายกับเหตุการณ์ในครั้งนี้

แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นเชื่อว่าบุคคลที่น่าจะเสียใจมากที่สุดในเหตุการณครั้งนี้คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก 2 ซูเปอร์สตาร์ เพราะไม่ว่าใครต่างก็วาดหวังชีวิตครอบครัวที่ดี แต่สุดท้ายเมื่อไม่เป็นเหมือนที่หวัง คงต้องปล่อยมือจากกันในที่สุด

ซงฮเยคโย

ถึงแม้ “ฮเยคโย” จะเคยรั้งตำแหน่ง “สาวที่หนุ่มอยากแต่งงานด้วยมากที่สุดด้วย 3 ปี ซ้อน” แต่ความรักในชีวิตจริงไม่ได้ฟินเหมือนในละคร ที่ผ่านมาชีวิตความรักของนางเอกสาวมักจะอยู่ท่ามกลางสปอร์ตไลท์เสมอ และข่าวความรักของเธอสร้างความฮือฮาให้กับวงการบันเทิง เริ่มต้นที่พระเอกเอลิสต์คนแรก “อีบยองฮุน” (Lee Byung Hun) นักแสดงหนุ่มชื่อดังและเคยไปโกอินเตอร์ฮอลลีวู้ด เมื่อปี 2003 เขากับนักแสดงสาวได้ร่วมงานกันในละครเรื่อง “All In” และค่อยๆ พัฒนาเป็นความรัก โดยระหว่างการโปรโมทละครที่ไต้หวัน ทั้งคู่ได้แลกแหวนแทนใจกัน (มีบางข่าวเรียกว่าแหวนหมั้น) ทั้งฝ่ายชายยังเปิดเผยว่าต้องการที่จะแต่งงานกับเธอให้เร็วที่สุดเมื่อโอกาสลงตัว ทั้งสองรับงานโฆษณาด้วยกัน รวมทั้งยังมีภาพถ่ายครอบครัวไปเที่ยวด้วยกัน เรียกว่าเป็นช่วงหวานสุดๆ แต่สุดท้ายในเวลาต่อมาทั้งคู่ก็เลิกรากันด้วยเหตุผลที่ว่าต่างคนต่างไม่มีเวลาให้แก่กัน

ซงฮเยคโย

 ซงฮเยคโย

นับตั้งแต่เลิกรากับ “อีบยองฮุน” นางเอกสาวก็ครองตัวโสดมาตลอด จนมีกระแสข่าวลือออกมาว่าเธอเข็ดกับความรัก กระทั่งในปี 2008 “ฮเยคโย” มีผลงานเรือง “Worlds Within” ร่วมกับพระเอกขวัญใจสาวๆ “ฮยอนบิน” ความรักในกองละครก่อตัวขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่ถ่ายจบไม่นานทั้งคู่เริ่มพัฒนาความสัมพันธ์ กระทั่งเมื่อเดือนมี.ค. 2011 ความสัมพันธ์ก็สิ้นสุดลง ซึ่งเรื่องราวได้เปิดเผยก่อนที่พระเอกดังจะเข้ากรมได้เพียง 1 วัน สำหรับเหตุผลนั้นได้มีการเปิดเผยออกมาว่า “ทั้งคู่มีงานละครและภาพยนตร์กันแน่นมาก ๆ ในระหว่างที่พวกเขาทั้งคู่ยุ่ง ๆ ก็ไม่ค่อยได้อะไรกันมาก”

ซงฮเยคโย

ดูเหมือนว่านักแสดงสาวจะเข็ดกับความรักที่เกิดขึ้นในกองถ่าย แม้เธอจะทำงานเหมือนเดิมแต่ก็ไม่ได้มีข่าวความรักอีกกระทั่งในปี 2016 เธอได้ร่วมงานกับ “ซงจุงกิ” ในละครเรื่อง “Descendants of the Sun ชีวิตเพื่อชาติ รักนี้เพื่อเธอ” ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นความรักของทั้งคู่ ทั้งนี้มีรายงานว่าก่อนที่จะเปิดตัวคบหาดูใจกัน นักแสดงวัย 37 ปีไม่ค่อยสบายใจกับการคบหากับคนในวงการบันเทิง แต่พระเอกเจ้าของฉายา “สามีแห่งชาติ” ก็ไม่ละความพยายามที่จะจีบ และในที่สุดเธอยอมเปิดใจให้ในที่สุด ทว่าสุดท้ายแล้วความรักในชีวิตจริงไม่ได้ฟินเหมือนในละคร ปิดตำนานคู่รัก “ซงซงคัพเพิล” ถาวร

Descendants of the Sun


สามารถติดตามอ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่ 

ยามรักน้ำต้มผักก็ว่าหวาน! ย้อนฟัง “ซงจุงกิ” เคยเอ่ยปากรักภรรยาไม่มีวันเปลี่ยนแปลง

รักแท้ไม่แน่นอน! ภาพอดีตสุดหวานคู่รักซูเปอร์สตาร์ ปิดฉาก #SongSongCouple

กรี๊ด! สวยหวานกว่าเมีย “ซงจุงกิ” สามีแห่งชาติ คีพลุคหนุ่มดอกไม้ งามกว่าผู้หญิง

ซงจุงกิ พ่อคนดีศรีกรุงโซล จิตอาสาการกุศลฉลองชูซอก

หมดเวลาดื่มด่ำน้ำผึ้งพระจันทร์ Songsongcouple ได้ฤกษ์หวนคืนวงการบันเทิง

มีน้ำมีนวลชวนหลงใหล Song Hye Kyo ออกอีเว้นท์ครั้งแรก

หล่อดีต่อใจมากเว่อร์ ‘ซงจุงกิ’ ฉายเดี่ยวร่วมแฟชั่นโชว์ Dior Homme

ตำตา! แฟนคลับเมืองน้ำหอมสำลักความหวานของคู่รัก ซงซงคัพเพิล

แฟชั่นสวยชิคๆ แบบ คุณนายซง แต่งน้อย แต่งง่าย แต่ดูดีมีสไตล์

ซงจุงกิ อวดชีวิตหวานหลังแต่งงาน “สุขจนอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้”

ผัวมหาจำเริญ ซงจุงกิกับการโค้งสุดตัวให้ศรีภรรยาซองเฮเคียว

 

 

 

 

 

 

Lee Young Ae

Lee Young Ae แห่งแดจังกึม 50 ปีแล้ว แต่ยังสวยอมตะหน้าเด็กไม่มีเปลี่ยน

Alternative Textaccount_circle
Lee Young Ae
Lee Young Ae

ถ้าให้นึกถึงซูเปอร์สตาร์เอเชียที่มีผิวสวยแลดูสุขภาพดีมากๆ คนแรกเลยที่ แพรวดอทคอม นึกถึงคือ ลียองเอ ( Lee Young Ae ) นักแสดงสาวชื่อดังชาวเกาหลีใต้ ที่น้อยคนนักที่จะไม่รู้จักเธอกับบทบาท แดจังกึม จอมนางแห่งวังหลวง ที่โด่งดังมากๆ และด้วยตัวเธอเองมีอะไรหลายๆ อย่างที่น่าประทับใจ ไม่ว่าจะหน้าตาที่สวยหวานน่ามอง ผิวพรรณที่ดีผุดผ่อง รอยยิ้มพิมพ์ใจ และการแสดงที่เก่งเข้าถึงบทบาทได้ดีเยี่ยม จึงไม่น่าแปลกใจแม้ซีรี่ส์เรื่องดังจะจบมาสิบกว่าปีแล้ว แต่ภาพจำของลียองเอกลับไม่จางหายไปจากความทรงจำ และที่สำคัญเลยคือ ผิวพรรณที่สวยเปล่งประกาย ถือเป็นไอคอนประจำตัว ทำให้แบรนด์สกินแคร์ชื่อดังในเกาหลีใต้รุมจีบอยากให้เธอเป็นพรีเซ็นเตอร์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ Mamonde แบรนด์สกินแคร์ระดับไฮเอนด์อย่าง The History of Whoo ซึ่งถ้าใครที่ได้ติดตามผลงานของเธอจะรู้ว่านอกจากงานแสดงจะเลือกรับเล่นแต่บทคุณภาพแล้ว งานเกี่ยวกับโฆษณาต่างๆ และพรีเซ็นเตอร์ผลิตภัณฑ์ความงามเธอนั้นเลือกรับงานน้อยมากจริงๆ

ยืนหนึ่งเรื่องผิวสวย! Lee Young Ae แห่งแดจังกึม 50 ปีแล้ว แต่ยังสวยอมตะหน้าเด็กไม่มีเปลี่ยน

และแม้เราจะได้เห็นหน้าค่าตาของเธอบ้างประปรายไม่บ่อยนัก เพราะไปมีชีวิตครอบครัว รวมทั้งมีลูกแฝดชายหญิงอีกหนึ่งคู่ แต่เชื่อว่าความสวยผิวดีออร่าจับของเธอยามเมื่อเอ่ยถึงก็คงทำให้ทุกคนนึกถึงได้ไม่ยาก และที่สำคัญปีนี้เธออายุ 50 ปีแล้วจ้า โอมายก้อดดดด แต่ความสวยยังคงอมตะ หน้าเป๊ะเหมือนเดิมแทบไม่มีเปลี่ยน ใบหน้ายังอ่อนเยาว์ดูไม่เหมือนคนที่อายุเข้าสู่เลข 5 เลยสักนิด ซึ่งที่ผ่านมาเธอใช้ชีวิตอย่างสงบและเรียบง่ายมาโดยตลอด จนได้รับฉายาว่า “ผู้หญิงที่เปรียบเสมือนเป็นอ๊อกซิเจน” และเรื่องที่ทุกคนอยากรู้นั่นคือเคล็ดลับผิวดีของเธอนั่นเอง

เท่าที่เห็น ลียองเอ มีผิวหน้าที่ขาวใส ไร้สิวฝ้า แต่ก็เป็นผิวที่ระคายเคืองง่าย ดังนั้น เวลาที่ไม่ได้ทำงาน เธอจะพยายามไม่แต่งหน้า และตอนล้างหน้าก็ใช้แต่น้ำเปล่าล้างเท่านั้น เพื่อเป็นการรักษาความชุ่มชื้นของใบหน้า พร้อมกับฝานมันฝรั่งแผ่นบางๆ วางมาสก์หน้าสัปดาห์ละครั้ง และในแต่ละวันจะดื่มน้ำอุ่นไม่ต่ำกว่า 8 แก้ว เพื่อเป็นการขับสารพิษในร่างกายออกไป ทำให้หน้าตาและผิวพรรณสดใส ส่วนแอลกอฮอล์ กาแฟ และช็อคโกแลต เรียกได้ว่าแทบจะไม่แตะต้องเลยด้วยซ้ำ นอกจากนี้ เธอมักต้มซุปพุทราจีนกินเป็นประจำ เพื่อช่วยให้เลือดไหลเวียนดี ผิวพรรณเลยดูมีเลือดฝาดเป็นธรรมชาติและอ่อนกว่าวัยนั่นเอง ว่าแล้วแอดขอตัวไปต้มซุปพุทราแปปนะจ๊ะ อิอิ

 

 

View this post on Instagram

 

A post shared by Lee Young Ae /이영애 (@leeyoungae_official) on

ดูได้จากเรื่อง My ID is Gangnam Beauty ที่ไม่เพียงแค่สาวเกาหลีเป็นปลื้มชื่นชอบ และยกให้เป็นบิวตี้ไอคอนเท่านั้น แต่ฟากผู้ชายเองก็ยังชื่นชอบลียองเอมากเช่นกัน

อีกหนึ่งความสำคัญของการสตั๊ฟฟ์หน้าเด็กคือ การออกกำลังเป็นประจำสม่ำเสมอ เพื่อให้ร่างกายยืดหยุ่น มีรูปร่างที่ดี แถมส่งผลให้ผิวสุขภาพดีอีกด้วย


เรื่อง : PP_แพรวดอทคอม
ภาพ IG : leeyoungae_official

 

อปป้า

ย้อนความสำเร็จ ผลงานแรกของ 10 อปป้า กว่าจะมีวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ

Alternative Textaccount_circle
อปป้า
อปป้า

กว่าจะมาเป็นพระเอกดังในวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ย้อนความสำเร็จ 10 ผลงานชิ้นแรกของ อปป้า นักแสดงหนุ่มเกาหลีขวัญใจสาวๆ ทั่วเอเชีย

น้อยมากที่คนธรรมดาจะจับพลัดจับผลูมาเป็นนักแสดงนำตั้งแต่ผลงานชิ้นแรก ดาราส่วนมาก กว่าที่จะได้รับบทบาทใหญ่ ต้องใช้เวลาในการฝึกฝนฝีมืออยู่นานหลายปี โดยผลงานแรกของพวกเขาส่วนมากจะเป็นบทบาทเล็กๆ ที่ผู้ชมอาจจะไม่ได้จดจำด้วยซ้ำ วันนี้แพรวดอทคอม จะพาย้อนเวลาไปชมผลงานชิ้นแรก 10 อปป้า พวกคุณยังจดจำได้ไหมว่าหนุ่มๆเหล่านี้เคยสวมบทบาทเป็นอะไรมาก่อนที่จะกลายเป็นนักแสดงแถวหน้าขวัญใจสาวทั่วเอเชียอย่างทุกวันนี้

ย้อนความสำเร็จ ผลงานแรกของ 10 อปป้า กว่าจะมีวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ

“ซงจุงกิ” (Song Joong Ki) : หนุ่มฮ็อตเจ้าของฉายาสามีแห่งชาติ เขาเริ่มต้นในวงการบันเทิงจากการรับบทเล็กๆ ในภาพยนตร์ดังแนวอีโรติก”A Frozen Flower” เป็นหนึ่งในทหารราชองครักษ์ โดยเขาปรากฏตัวในหนังเรื่องนี้น้อยมาก แต่หลังจาก 8 ปี ผ่านไป เขากลายเป็นพระเอกแถวหน้าที่มีแฟนคลับไปทั่วโลก และฉากอาบน้ำ 3 วินาทีในวันนั้น  กลับกลายเป็นฉากอมตะที่แฟนๆ ของพระเอกหนุ่มคนนี้ต้องหามาดูให้ได้

อปป้า
ซงจุงกิ

อปป้า
A Frozen Flower ภาพยนตร์เรื่องแรกของ ซงจุงกิ

“กงยู” (Gong Yoo) : พระเอกขวัญใจสาวๆ “กงยู” ขึ้นชื่อว่าเป็นนักแสดงมากฝีมือแถวหน้าของเกาหลีใต้ แต่ก็มีบางคนยังไม่รู้ว่าก่อนที่เขาจะมีชื่อเสียงด้านการแสดงนั้นเขาเคยเป็นวีเจในรายการเพลงมากก่อน ในส่วนของงานแสดงเขาก็มีความสนใจมากและไปออดิชั่นอยู่เนื่องๆ โดยผลงานแสดงชิ้นแรกๆ ของเขาคือ “School 4” และมีผลงานตามต่อเนื่องอีกหลายเรื่อง ทว่า 17 ปีผ่านไป ในตอนนี้คงไม่มีใครไม่รู้จักชื่อของ “กงยู” พระเอกเจ้าของฉายาลมหายใจของภาคพื้นเอเชีย คนนี้!

อปป้า
“กงยู”

อปป้า
ซีรี่ส์ “School 4”

“อีมินโฮ” (Lee Min Ho) : มาถึงหนุ่มหล่อที่ทำให้สาวๆ หัวใจละลายกันเป็นแถว “อีมินโฮ” พระเอกที่สวมชุดยูนิฟอร์มนักเรียนในซีรี่ส์บ่อยที่สุด “กูจุนพโย” จากเรื่อง “Boys Over Flowers …รักฉบับใหม่หัวใจ 4 ดวง”, “คิมทัน” จากเรื่อง “The Heirs…หยุดหัวใจ นายไฮโซ” ฯลฯ ล้วนส่งให้เขาแจ้งเกิดมาแล้วทั้งสิ้น และไม่รู้บังเอิญหรืออย่างไร เพราะซีรี่ส์เรื่องแรกของเขา “Sharp” หนุ่มคนนี้ก็สวมบทบาทเป็นนักเรียน ถึงแม้จะไม่ใช่ผลงานแจ้งเกิด แต่เชื่อว่าแฟนๆ ของ “อีมินโฮ” ต่างจดจำกันได้เป็นอย่างดี

"อีมินโฮ"
“อีมินโฮ”

อปป้า
ซี่รี่ส์เรื่อง “Sharp”

“อีจงซอก”  (Lee Jung Suk) :  อีกหนึ่งพระเอกเกาหลีที่เป็นที่ชื่นชอบของสาวไทยมากๆ ก็คือ “อีจงซอก” เขาได้รับความนิยมจากซีรี่ส์ดังอาทิ “I Can Hear Your Voice”, “Doctor Stranger”, “Pinocchio”, “W” , “While You Were Sleeping” ฯลฯ “จงซอก” เป็นอีกหนึ่งคนในวงการบันเทิงที่ต้องพิสูจน์ตัวเองอย่างหนัก กว่าที่จะเริ่มเป็นที่รู้จักจากซีรี่ส์ “School 2013” เขาต้องพยายามออดิชั่นบทต่างๆ นาน 8-9 ปี ซึ่งหลายคนอาจไม่รู้มากก่อนเขาเริ่มเล่นภาพยนตร์สั้นครั้งแรกในปี 2005 กับเรื่อง “Sympathy” แม้จะไม่ประสบความสำเร็จนัก แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาได้รับโอกาสทางการแสดงในอีกหลายเรื่อง จนมีชื่อเสียงอย่างทุกวันนี้

อปป้า
“อีจงซอก”

“นัมจูฮยอก” (Nam Joo Hyuk) : หากพูดถึงพระเอกรุ่นใหม่ที่เป็นที่ชื่นชอบของวัยรุ่นมากๆ ก็คือ “นัมจูฮยอก” บางคนอาจจะทราบมาแล้วว่าก่อนที่จะมาจับงานแสดง เขาเป็นนายแบบที่ฮ็อตมาก โดยเฉพาะช่วงโซลแฟชั่นวีคเขาเป็นหนุ่มที่แบรนด์ต่างๆ ต้องการตัวมากที่สุด ไม่ใช่แค่เดินแบบได้ดีเท่านั้น แต่เขายังโดดเด่นเรื่องงานแสดง ซีรี่ส์เรื่องแรกที่ออกแนวแฟนตาซี “The Idle Mermaid” เขาแจ้งเกิดได้อย่างสวยงาม และแม้ไม่ใช่พระเอกแต่สาวๆ กลับสนใจเขามากว่าพระเอกเสียอีก อาจจะเพราะบทบาทนักศึกษาที่ใกล้เคียงอายุจริงทำให้เขาแสดงออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งหลังจากเรื่องนี้ “นัมจูฮยอก” ก็ได้ขึ้นแท่นพระเอกเต็มตัวทันที

อปป้า
“นัมจูฮยอก”

“The Idle Mermaid”

“ยูซึงโฮ” (Yoo Seung Ho) : ถึงอายุจะน้อยแต่ประสบการณ์ทางการแสดงไม่น้อยเหมือนอายุ “ยูซึงโฮ” พระเอกหนุ่มที่มีผลงานในวงการบันเทิงตั้งแต่อายุ 7 ขวบ ไม่ใช่แค่เล่นได้เท่านั้น แต่เขายังทำให้คอหนังและคอละครเสียน้ำตามามากมาย โดยเฉพาะผลงานหนังเรื่องแรก “The Way Home” ซึ่งเล่าเรื่องราวระหว่างเด็กชายในเมืองและคุณยายชนบทได้อย่างซาบซึ้ง นับเป็นนักแสดงที่มีพรสวรรค์สุดๆ ปัจจุบัน “ยูซึงโฮ” มีผลงานที่ตราตรึงใจหลายเรื่อง อาทิ “I Miss You”, “Remember – War of the Son” และ “I Am Not A Robot”

อปป้า
“ยูซึงโฮ”

อปป้า
“The Way Home”

“จองแฮอิน” (Jung HAE In) :  สำหรับพระเอกหนุ่มที่กำลังมาแรงสุดๆ ในช่วงนี้ก็คือ “จองแฮอิน” ที่สวมบทบาทหนุ่มน้อยที่ตกหลุมรักสาวรุ่นพี่ “Something in the Rain” โดยก้าวในวงการบันเทิงของ “จองแฮอิน” ไม่ง่ายเลย เพราะกว่าที่เขาจะมารับบทเด่นในละครเรื่องนี้ ก็เคยผ่านบทที่ไม่เด่นมากก่อน โดยซีรี่ส์เรื่องแรกของหนุ่มคนนี้คือ “Bride of the Century” โดยถึงเขาจะไม่ใช่นักแสดงนำ แต่การปรากฏตัวของเขาในหลายฉากก็น่าประทับใจจนละสายตาไม่ได้เลยทีเดียว

อปป้า
“จองแฮอิน”

อปป้า
“Bride of the Century”

“คิมซูฮยอน” (Kim Soo Hyun) : “คิมซูฮยอน” เป็นพระเอกที่มาพร้อมกับภาพลักษณ์เนี้ยบตลอดเวลา ยิ่งในซีรี่ส์ “My Love from the Star” ซึ่งรับบทเป็น “โทมินจุน” หนุ่มหล่อจากต่างดาว ยิ่งตอกย้ำภาพความเนี้ยบของเขามากขึ้น โดยเฉพาะทรงผมที่แทบจะไม่กระดิกผิดองศาสักเส้น ทว่าผลงานซี่รี่ส์เรื่องแรกของเขา “Kimchi Cheese Smile” ฉีกภาพของหนุ่มคนนี้สุดๆ ไม่ว่าจะทรงผมหรือการแต่งตัวเรียกว่ายุ่งเหยิงสุดๆ ซึ่งหากนำภาพมาเปรียบเทียบกันจะเห็นความแตกต่างแบบสุดขั้วไปเลย

อปป้า
“คิมซูฮยอน”

อปป้า
“Kimchi Cheese Smile”

“พัคโบกอม” (Park Bo Gum) : “พัคโบกอม” โด่งดังอย่าสุดขีดจากซีรี่ส์แนววัยรุ่น “Reply 1988”, “Love in the Moonlight” เช่นนั้นเขามีโลโก้ของภาพลักษณ์ที่สดใส ซึ่งทำให้หลายคนมีข้อสงสัยว่านอกจากบทบาทเหล่านี้แล้ว เขาสามารถแสดงอะไรที่แตกต่างกว่านี้ได้หรือไม่? เอาเป็นว่าถ้าใครเคยลองย้อนผลงานของหนุ่มคนนี้จะเห็นเลยว่าเขาแสดงได้หลายบทบาท ซึ่งผลงานเรื่องแรกที่ประเดิมเข้าวงการบันเทิงออกแนวโหดๆ หน่อยชื่อเรื่องว่า “Blind..พยานมืดปมมรณะ” นอกจากเขายังเคยสวมบทร้ายในซีรี่ส์ “I Remember You” มาแล้วด้วย ถึงอายุน้อยแต่ฝีมือไม่ธรรมดาจริงๆ

อปป้า
“พัคโบกอม”

อปป้า

“คิมวูบิน” (Kim Woo Bin) : ปิดท้ายที่พระเอกหนุ่มที่หลายคนคิดถึง “คิมวูบิน” ที่เข้ารักษาตัวจากโรคมะเร็งโพรงจมูก จากผลงานที่ผ่านมาภาพจำของ “คิมวูบิน” คือหนุ่มคูลๆ เท่ๆ แต่หากใครเคยติดตามผลงานเขาในช่วงแรก ก็จะเห็นอีกมุมหนึ่งของเขาที่คาดไม่ถึง “Vampire Idol” ซิทคอมเรื่องแรกของเขา ที่เล่าถึงการผจญภัยในโลกมนุษย์ของเหล่าแวมไพร์รูปหล่อ แม้จะมีความยาวหลายตอนแต่ทุกๆตอนก็สนุกจนต้องเผลออมยิ้ม

อปป้า

อปป้า


เปิดค่าตัว 10 พระเอกเอลิสต์ K-DRAMA อยากจ้างร่วมงานต้องใช้เงินเท่าไหร่?

นพ.สันติ  ไฉไลวณิชย์กุล, ไคโรแพรคติก, คุณหมอไคโรแพรคติก, รักษาด้วยไคโรแพรคติก, หมอไคโรฯ

นพ.สันติ ไฉไลวณิชย์กุล ฟื้นจากคนอัมพาตมาเป็นหมอไคโรแพรคติกเบอร์ต้นของเมืองไทย

นพ.สันติ  ไฉไลวณิชย์กุล, ไคโรแพรคติก, คุณหมอไคโรแพรคติก, รักษาด้วยไคโรแพรคติก, หมอไคโรฯ
นพ.สันติ  ไฉไลวณิชย์กุล, ไคโรแพรคติก, คุณหมอไคโรแพรคติก, รักษาด้วยไคโรแพรคติก, หมอไคโรฯ

จากเด็กยากจนย่านคลองเตย  ที่เริ่มทำงานตั้งแต่อายุ 10 ขวบ  ทั้งคนงานแบกปูน คนขับรถสองแถว ฯลฯ  แต่เพราะอยากเรียนหนังสือ  ทำให้เขา…  นพ.สันติ ไฉไลวณิชย์กุล  ดิ้นรนทุกหนทาง จนได้ไปเรียนหนังสือต่อที่อเมริกา  ที่นั่นเขาเริ่มต้นใหม่จากศูนย์  ต้องฝ่าฟันบททดสอบชีวิตขั้นทรหดถึงขั้นเป็นอัมพาตไปครึ่งซีก

นี่คือบทคัดย่อเรื่องราวชีวิตของ นพ.สันติ  ไฉไลวณิชย์กุล  แพทย์สาขาไคโรแพรคติกอันดับต้นๆ ของเมืองไทย ที่พร้อมเล่าทุกประสบการณ์โลดโผนที่ผ่านมาให้แพรวฟังอย่างอารมณ์ดี  ราวกับชีวิตนี้ไม่เคยผ่านเรื่องเศร้า  หรือไม่เคยลำบากมาก่อน

“ชีวิตลำบากครับ”  คุณหมอสันติพูดประโยคแรกพร้อมรอยยิ้ม  ก่อนเล่าต่อว่า  “ผมมีพี่น้อง 5 คน  พ่อเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวเล็กๆ  ใกล้กับที่เช่ารถสามล้อของปู่  พอว่างก็ไปช่วยปู่ซ่อมรถ  แต่ปู่คุมเงินทั้งหมด  พ่อจึงมีเงินติดตัวไม่มาก  ไม่พอเลี้ยงทั้งครอบครัว  แต่แม่อยากให้ผมเรียนหนังสือ  จึงเอาเข็มขัดนากซึ่งมีอยู่เส้นเดียวไปจำนำเพื่อส่งผมเข้าเรียน ป.1  พอเรียนจนถึง ป.7  ก็ต้องออกมาทำงาน

เด็กประถมจะทำงานอะไรได้หรือคะ

แบกปูนซีเมนต์ให้ร้านขายเครื่องสุขภัณฑ์  โอ้ย… เกือบตาย  ปูนถุงหนึ่งหนัก 50 กิโลกรัม  ไปวันแรกโดนแกล้งโยนถุงปูนลงบ่า  ผมถึงกับหัวทิ่ม  แต่พวกที่แกล้งหัวเราะชอบใจ

ทำงานสักพักอยากเรียนหนังสือต่อ  จึงขอเถ้าแก่เลิกงานเร็วขึ้นครึ่งชั่วโมงเพื่อไปเรียนภาคค่ำที่วัดแถวนั้น  เรียนได้ 3 ปีก็จบมัธยม จึงไปช่วยพ่อขับรถสองแถวรับส่งผู้โดยสารแถวถนนเชื้อเพลิงอยู่ 1 เดือน  แต่เบื่อมาก  ไม่ชอบ  จึงเปลี่ยนมาขับรถส่งของ  ก็ไม่ไหวอีก  พอดีเพื่อนชวนไปหุ้นทำกิจการซื้อ – ขายของเก่า  แต่ทำได้ปีเดียว  บอกตัวเองว่าไม่ใช่ทาง

พอดีตอนนั้นพี่ชายคนโตไปอยู่อเมริกาได้ 3 ปีแล้ว  ต้องเล่าย้อนกลับไปว่าพี่ชายต่างจากผม  เขาไม่ชอบให้ที่บ้านบังคับ  จึงหนีไปหางานทำและใช้ชีวิตเอง  กระทั่งดิ้นรนไปอเมริกาได้  ผมจึงเขียนจดหมายหาพี่ว่าอยากไปเรียนหนังสือ  ช่วยหาโรงเรียนกับที่อยู่ให้หน่อย  พี่ถามกลับมาว่าชีวิตที่โน่นลำบากมาก  จะไหวหรือ  แต่ผมยืนยัน  พี่จึงวิ่งหาโรงเรียน  ที่พัก  แถมหางานให้ด้วย

โชคดีว่าตอนนั้นการไปเรียนอเมริกายังไม่มีการตรวจสอบอะไรมาก  กฎมีแค่ว่าต้องอาศัยอยู่กับครอบครัวชาวอเมริกันเท่านั้น  ซึ่งพี่ชายจัดแจงให้แล้ว  ส่วนที่บ้านไม่ว่าอะไร  เพราะช่วงนั้นมีสงครามเวียดนาม  เขากลัวผมถูกจับไปเกณฑ์ทหาร  ผมจึงตีตั๋วเครื่องบินไปขาเดียว… ไม่มีกลับ

นพ.สันติ  ไฉไลวณิชย์กุล, ไคโรแพรคติก, คุณหมอไคโรแพรคติก, รักษาด้วยไคโรแพรคติก, หมอไคโรฯ

ไปถึงอเมริกาวันแรกเป็นอย่างไรคะ

ตื่นเต้นมาก  จำได้ถึงขนาดว่าเป็นวันพฤหัสบดี  พี่ชายมารับที่สนามบิน  แล้วพาผมไปส่งที่บ้านพักในเมืองรัทเธอร์ฟอร์ด (Rutherford)  รัฐนิวเจอร์ซีย์  ส่วนพี่ชายกลับไปอยู่อีกเมือง  ที่ต้องแยกกันอยู่เพราะเขาหาโรงเรียนได้แถวนั้น  ดีว่าเขาฝากเพื่อนฝรั่งในเมืองให้คอยพาผมไปโรงเรียน และไปทำงานร้านอาหารที่สมัครไว้ให้ ซึ่งวันรุ่งขึ้นผมก็ต้องทำงานเลย  เป็นร้านอาหารอิตาลีระดับ 4 ดาว

เริ่มงานวันแรก เจ้าของร้านพูดสอนงานรัวเป็นชุด  ผมฟังไม่รู้เรื่อง  แต่อาศัยสังเกตเอา  เช่น  ถ้าเขาสอนจัดโต๊ะ  เราก็ดูโต๊ะข้างๆ ว่า  อ้อ…วางจานแบบนี้นะ  ส้อม 2 คัน  มีด 2 เล่ม  ช้อน 1 คัน  จึงรอดมาได้  ตอนนั้นผมทำงานทุกวัน ศุกร์-อาทิตย์  ได้ค่าจ้างอาทิตย์ละ 50 เหรียญ  ซึ่งถือว่ามาก  แต่ยังไม่พอใช้

แล้วได้เรียนหนังสือสมใจไหมคะ
(พยักหน้า)  ต้องบอกว่าผมได้อาจารย์ที่ปรึกษาดี  เขาเคยมาเที่ยวเมืองไทยและชอบบ้านเรามาก  จึงวิ่งเต้นให้โรงเรียนเซ็นเอกสารรับรองว่าผมมาเรียนหนังสือและมีที่อยู่ในเมืองนี้  ทำให้ผมได้เรียนโรงเรียนรัฐ  ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายมาก  แต่ช่วงแรกผมยังสื่อสารกับใครไม่รู้เรื่อง  ครูจึงส่งผมเข้าไปนั่งดูวิดีโอการ์ตูนในห้องสมุดเพื่อฝึกการฟังสำเนียงให้เข้าหูก่อน  ที่เหลือค่อยๆ เรียนคำศัพท์จากชีวิตประจำวัน  เช่น  เจอเหตุการณ์รถชนมาแล้วเล่าให้เพื่อนฟังว่า One car go.  One car come. Two car  โครม!  เพื่อนก็  “Oh…accident”  เราก็จำไว้ว่า accident แปลว่า  อุบัติเหตุ

ผมใช้เวลาปรับตัวอยู่ 3 ปี  ภาษาจึงคล่องขึ้น  ตอนนั้นจบไฮสกูลพอดี  แต่ยังไม่ค่อยมีเงิน  แม้จะทำงานไปด้วยตลอดก็ตาม  ผมจึงเลือกเรียนต่อเป็นจูเนียร์คอลเลจ  เพราะค่าเล่าเรียนถูกหน่อย

ความตั้งใจจะเรียนหมอเกิดขึ้นตอนไหนคะ

เรื่องอยากเป็นหมอนั้นมีสัญญาณบอกตั้งแต่เด็ก  มาจากแม่ผมมีความรู้ค่อนข้างมาก  โดยเฉพาะเรื่องยาสมุนไพรจีน  แล้วละแวกบ้านผมมีแต่คนจน  พอใครเจ็บป่วยก็เดินมาหาแม่ที่บ้านเรียก “อาซิ่มๆ  ผมเป็นแบบนั้นแบบนี้”  แม่ก็ซักถามอาการแล้วเปิดตำราเพื่อจดชื่อสมุนไพรต่างๆ ให้เขาไปหาซื้อเอง  เป็นอย่างนี้มาตลอดตั้งแต่จำความได้  ทำให้คิดว่าเป็นหมอก็ไม่เลวแฮะ  ได้ช่วยเหลือคน  ทำให้เขาหายเจ็บป่วย

แต่ระบบการเรียนหมอที่อเมริกา  ต้องเรียนเตรียมแพทย์ 4 ปี  จากนั้นจึงเรียนแพทย์อีก 4 ปี  และฝึกงาน 2 ปี  รวมทั้งหมด 10 ปี  ผมจึงแพลนว่าจะเรียนจูเนียร์คอลเลจ 2 ปี  พอเก็บเงินได้ค่อยทำเรื่องย้ายไปเรียนมหาวิทยาลัย  ผมทำงานส่งอาหารแช่แข็งให้ภัตตาคารญี่ปุ่นพักหนึ่งก็เลิกเพราะเงินน้อย  พอดีบริษัทของวอลล์สตรีทจากนิวยอร์กต้องการคนตรวจพวกของเก่า  จำพวกเพชร  ทอง  และเงิน  คือพวกตลาดหุ้นเป็นแบบนี้  สมมุติวันนี้มีการซื้อทองราคานี้  เขาต้องรีบส่งทองไปหลอมวันนั้น  แล้วส่งไปยังปลายทางทันที

ผมลองไปสมัครดู  ตอนแรกได้ทำงานในแผนกแพ็คของและส่งของ  จากนั้นได้เลื่อนตำแหน่งไปทำหน้าที่ตรวจเศษเพชรที่เขาซื้อเข้ามา  หากเจอเพชรน้ำหนักมากกว่า 25 สตางค์  ต้องแงะออกมาส่งให้เจ้านาย  แต่ถ้าน้ำหนักน้อยกว่า 25 สตางค์ก็ทุบทิ้ง

บอกให้ตาโตเล่น  ห้องใต้ดินที่ผมทำงานอยู่ตอนนั้นเป็นห้องเก็บเพชรกับทองมูลค่ามหาศาล  เชื่อไหมผมนั่งอยู่ท่ามกลางทองคำแท่งที่กองกันอยู่เป็นตั้งๆ ท่วมตัว  ยุคที่ราคาทองขึ้นสูง  ทองทั้งห้องน่าจะมีมูลค่าราว 400 – 500 ล้านเหรียญ

ตามิพร่าไปเลยหรือคะ

ก็มีบ้าง (หัวเราะ) ผมทำงานที่นั่นอยู่ 3 ปี  ก็เก็บเงินเรียนต่อได้  ช่วงแรกสับสนอยากเรียนศัลยกรรมหัวใจ  แต่ติดขัดหลายเรื่อง  เลยคิดจะเบนไปทางทันตกรรม  แต่มีคนแนะนำให้ลองไปคุยกับหมอกายภาพ  ซึ่งเขาแนะนำให้เรียนจบเป็นหมอ  เพราะถ้าเป็นนักกายภาพอย่างเดียวมีความรู้ไม่พอ  แล้วยังต้องคอยรับคำสั่งจากแพทย์อีกทีหนึ่ง  จะไม่มีอิสระ

ผมคิดดูแล้วน่าสนใจ  จึงลองไปสอบที่ Northwestern Chiropractic College (NWCC)  ที่มินนิโซตา  ซึ่งเชี่ยวชาญด้านไคโรแพรคติก  ปัจจุบันขยายเป็นศูนย์วิจัยทางการแพทย์ที่ทางรัฐบาลอเมริกาให้การสนับสนุน  และเปลี่ยนชื่อเป็น Northwestern Health Sciences University (NWHSU)

นพ.สันติ  ไฉไลวณิชย์กุล, ไคโรแพรคติก, คุณหมอไคโรแพรคติก, รักษาด้วยไคโรแพรคติก, หมอไคโรฯ

การเป็นแพทย์ไคโรแพรคติกต้องเรียนอะไรบ้างคะ

เรียนทุกอย่างเหมือนแพทย์ทั่วไป  แต่ไคโรแพรคติกเน้นความสัมพันธ์ระหว่างโรคต่าง ๆ กับกระดูกสันหลังและระบบประสาท  เปรียบเทียบว่าเส้นประสาทเป็นสายไฟ  อวัยวะคืออุปกรณ์ไฟฟ้าดีๆ นี่เอง  เมื่ออุปกรณ์มีปัญหา  เราต้องดูว่าเกิดจากสวิตช์ไหน  สายไฟเส้นไหน  แล้วเส้นนี้วิ่งไปเชื่อมกับตรงไหน

สมมุติคนไข้บอกว่า  ตามีปัญหาอย่างนี้  แต่ตรวจตาแล้วปกติ  อาจมีปัญหามาจากระบบประสาท  ดังนั้นผมจึงต้องเรียนทุกเรื่องเพราะเชื่อมโยงถึงกันหมด  ตั้งแต่เรื่องเภสัชกรรม  กายภาพ  ตรวจวินิจฉัยโรค  รังสี ถ่ายเอกซเรย์  เคมี  วิตามิน  การทำคลอด  ฯลฯ  เรียกว่ารู้ครอบจักรวาล  อีกอย่างกฎหมายที่นั่นบังคับว่า  ถ้าเรียนแพทย์ต้องทำเป็นทุกอย่าง

โอ้โห… ฟังดูยากจังค่ะ

ทุกอย่างยาก  ไม่มีอะไรง่ายเลยชีวิตนี้(หัวเราะ)  แต่ถ้าตั้งใจก็ทำได้หมดนะ

สำหรับผมเรื่องยากคือ  ภาษาทางการแพทย์ซึ่งเป็นภาษาละตินหรือกรีก  ถือว่ายากมาก  อีกอย่างคือมหาวิทยาลัยนี้มาตรฐานสูงกว่าปกติ  อย่างที่อื่น 1 เทอมมี 16 หน่วยกิต  แต่ที่นี่เรียนเทอมละ 34 – 35 หน่วยกิต  จึงเรียนหนักเป็นสองเท่า  ซ้ำร้ายมีครูที่ปรึกษาคนหนึ่งไม่ชอบคนต่างชาติ  จึงพยายามหาเรื่องแกล้งกดดันให้ท้อถอย

เรียนแพทย์ได้ 2 ปี  เงินหมดอีกรอบ  แต่หนนี้โชคดีมีพ่อแม่บุญธรรมช่วย  ความจริงผมรู้จักครอบครัวนี้นานแล้ว  ตั้งแต่สมัยอยู่ไฮสกูล  เพราะพี่ชายเคยไปเช่าห้องในบ้านของเขาอยู่ตอนมาอเมริกาใหม่ๆ  พอผมปิดเทอม  พี่พาผมไปเที่ยวบ้านเขา  เป็นบ้านไม้เก่าแก่อายุกว่า 300 ปี  สวยมาก  ตั้งอยู่ริมทะเลที่คอนเนตทิคัต  มีทั้งหมด 16 ห้อง  แต่อยู่กันแค่สองคนสามีภรรยา  ไม่มีลูก  จึงสนิทกับพี่ชายผมดี  ภรรยาชื่อ Vivian Knapp  เป็นอดีตดาราบรอดเวย์ที่สวยมาก  ส่วนสามีชื่อ Lewis George Knapp  เป็นนักออกแบบเฮลิคอปเตอร์

วันหนึ่งวิเวียนจะให้ยาสุนัขที่บ้าน  แต่ให้ไม่เป็น  ผมจึงช่วย  พอสุนัขกลืนยาปุ๊บ  เขาบอกเลยว่า You can call me mom. (หัวเราะ)  แล้วผมเป็นคนไม่ค่อยอยู่เฉย  ช่วงหน้าร้อนเวลาเขาไปเที่ยวพักผ่อนต่างเมือง  ผมก็อาสาไปดูแลบ้าน  ทาสีให้ใหม่  ตากแดดจนตัวดำ  พอเขากลับมาจึงประทับใจมาก  ขอให้ผมแวะไปหาทุกปี  เพราะฉะนั้นพอทราบว่าผมไม่มีเงินเรียนหนังสือ  จึงให้ยืมมาหลายล้านบาท  บอกว่าไว้มีเงินค่อยนำไปคืน  ไม่ซีเรียส

มีเงินเรียนแล้ว ชีวิตคงดีขึ้นแล้วใช่ไหมคะ

ตรงกันข้าม  เรียกว่าลำบากที่สุดเลยก็ว่าได้  ตอนนั้นผมอยู่ปี 3 วันนั้นเป็นศุกร์ 13 กุมภาพันธ์ 1996  ที่มินนิโซตามีพายุหิมะเป็นครั้งแรก  รถติดยาวไป 20 ไมล์  รถผมติดอยู่ท้ายแถว  จู่ๆ มีรถ 24 ล้อวิ่งมาแล้วเสยเข้าท้ายรถผมจัง ๆ  รถคันนั้นหนักกว่า 3 หมื่นปอนด์  แรงกระแทกขนาดว่าเข็มขัดนิรภัยล็อกไม่อยู่  ผมจึงถูกอัดเข้ากับพวงมาลัย  แล้วกระดอนกลับมากระแทกพนักที่นั่งจนหักไปครึ่งหนึ่ง  ส่งผลให้สะโพกข้างซ้ายเลื่อน  เสื้อกันหนาวผมถูกแรงอัดจนฉีกออกเป็นชิ้นๆ

ผมนอนจุกครึ่งๆ กลางๆ อยู่ที่พื้นรถ  ได้ยินเสียงเบรกดังลั่นจึงพยุงตัวขึ้นมาดู  เห็นรถอีกคันพุ่งมาชนด้านข้าง  คราวนี้กระจกรถผมแตกละเอียดกระเด็นเข้ามาเต็มปาก  เท่านั้นไม่พอ… รถ 24 ล้อคันเดิมยังไถลกลับมาเสยรถผมต่อ  เนื่องจากรถมีน้ำหนักมากแม้จะเบรกแล้ว  แต่ท้ายรถยาวๆ นั้นยังไม่หยุด  ปัดขึ้นมาเรื่อยๆ จนมาขี่อยู่บนรถผม

ลุ้นวินาทีระทึกของคุณหมอ กดเลข 2

รู้จัก “เป๊ก-เศรณี ชาญวีรกูล” ลูกชายหัวแก้ว หัวแหวน อนุทิน ชาญวีรกูล

Alternative Textaccount_circle

“เป๊ก- เศรณี ชาญวีรกูล” เซเลบริตี้คนดังทายาทของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและ เห็นแบบนี้ขอบอกเลยว่าทั้งหล่อและเก่งไม่ธรรมดา

รู้จัก “เป๊ก- เศรณี ชาญวีรกูล” ลูกชายหัวแก้ว หัวแหวน อนุทิน ชาญวีรกูล หวานใจ “เพลง-ชนม์ทิดา อัศวเหม

“เป๊ก” เป็นทายาทพันล้าน โดยเขาเป็นลูกชายคนเล็กของ “อนุทิน-สนองนุช ชาญวีรกูล” รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข  เป็นหลานปู่ “คุณชวรัตน์ ชาญวีรกูล” อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข, กระทรวงพาณิชย์ และยังเป็นผู้ก่อตั้งบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) เขาสำเร็จการศึกษาจากคณะเศรษฐศาสตร์ หลักสูตรนานาชาติ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

เป๊ก เศรณีเป็นเซเลบหนุ่มไฟแรงที่กำลังเข้าสู่วัยทำงานอย่างเต็มตัว โดยเขามีเป้าหมายว่าจะทำธุรกิจที่ปู่และพ่อได้สร้างให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป อย่างไรก็ตามเมื่อปี  2563 หนุ่มเป๊กได้เข้ารับการตรวจเลือกทหารกองประจำการประจำปี 2563 ที่กองพันทหารสื่อสาร ทุ่งมหาเมฆ และจับได้ใบแดง ทบ.ผลัด 2 จึงทำให้ต้องเป็นทหารกองประจำการ 1 ปี

สำหรับงานอดิเรกที่หนุ่มเป๊กชื่นชอบคือ การออกกำลังกาย นอกจากฟิตเนสแล้วเขายังมีกีฬาอื่นๆ ที่ชื่นชอบ อาทิ ขับเครื่องบิน, ขี่ม้า, กีฬาทางน้ำ ฯลฯ

ซึ่งความชื่นชอบกีฬาเกือบทุกชนิดทำให้รูปร่างของเขาฟิตแอนด์เฟิร์มเสมอ และนี่เองทำให้เขาได้รับการแนะนำจาก “แหวนแหวน-ปวริศา เพ็ญชาติ” ให้เข้าประกวดหนุ่มในฝัน

แต่เห็นเป็นหนุ่มไลฟ์สไตล์หรูแบบนี้ ทว่าในวัยเรียนเขาใช้เงินต่อวันเพียง 100 บาท เป็นค่าอาหารกลางวัน 50 บาท และค่าจอดรถ 40 บาท

ด้านสเปคสาว “เป๊ก” เคยบอกไว้ว่าต้องเป็นคนที่คุยกันรู้เรื่อง เข้ากันได้ และเป็นคนน่ารักมากกว่า ซึ่งปัจจุบันเขากำลังคบหาดูใจกับ “เพลง-ชนม์ทิดา อัศวเหม” ลูกสาวคนเดียวของ มาดามตู่ นันทิดา แก้วบัวสาย ปัจจุบันปฎิบัติหน้าที่เป็น นายก อบจ. สมุทรปราการ  และ ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม แต่สิ่งที่ทำให้หลายๆ คนตกใจคือ “มาดามตู่” ผู้หวงลูกสาวหนักมากยอมให้ผ่านด่าน ซึ่งนี่อาจจะเป็นคนแรกและคนเดียวเลยก็ว่าได้


ภาพจาก : pek_c

สวีทจนน้ำตาลขึ้น! “เป๊ก-เพลง” ตอบทุกคำถามความรัก ควงคู่โชว์หวานด้วยกันครั้งแรก

เปิดปมในใจ เหตุใด “ชาร์ลิซ เธอรอน” ถึงไม่แต่งงาน และไม่อายเรื่องครอบครัว

account_circle

ชาร์ลิซ เธอรอน นักแสดงสาวฮอลลีวู้ดชื่อดังเปิดใจ เหตุใด เธอยังโสด และ ไม่อยากแต่งงาน ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะ ปมในใจเรื่องครอบครัวที่เกิดขึ้นกับเธอตั้งแต่เด็ก

เราเชื่อว่าหนึ่งในเป้าหมายของชีวิตผู้หญิงหลายๆ คน คือ อยากแต่งงานกับคนที่รัก มีครอบครัวที่อบอุ่น ลูกหลานพร้อมหน้า พร้อมตา แต่ก็มีบางคนที่ไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้สักเท่าไหร่ โดยเฉพาะผู้หญิงในยุคนี้ที่ทำงานเก่ง เป็น Working Women ถึงแม้พวกเธอจะไม่ Lucky in Love แต่ Lucky in Game เพียงแค่นี้ชีวิตก็แฮ็ปปี้แล้วแค่ได้อยู่กับครอบครัวที่รัก และเหล่าเพื่อนสาว

แต่บางคนก็อาจจะมีปมในใจร่วมด้วย ไม่ว่าจะเจอผู้ชายที่นิสัยแย่ ทำเรื่องให้เจ็บช้ำน้ำใจจนเข็ดกับความรัก หรือ อาจจะเป็นปมที่เกิดขึ้นเพราะครอบครัวตั้งแต่วัยเด็ก กลายเป็นบาดแผลในใจจนยากจะลบเลือน เหมือนเธอคนนี้ ชาร์ลิซ เธอรอน

รั้งหนึ่ง ชาร์ลิซ เธอรอน เคยให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร “Glamour” ว่า “ฉันไม่เคยอยากแต่งงานเลยค่ะ แม้ว่าตอนนี้ฉันจะยังโสด แต่แผนของฉันก็ยังคงเป็นเช่นนั้นอยู่”

ซึ่งเธอยังย้ำอีกว่า “ฉันไม่ได้สนใจเรื่องแต่งงานเลย” (สตรองมากแม่) ชาร์ลิซ กล่าวต่อไปว่า “ฉันไม่ได้สานสัมพันธ์กับใครมานานแล้ว เพราะฉันไม่เคยอยากแต่งงาน มันไม่ใช่เรื่องยากสำหรับฉัน เพราะมันเป็นธรรมชาติของฉันเอง ผู้คนชอบทำเรื่องนี้ให้ซับซ้อน และฉันพบว่ามักเป็นผู้หญิงมากกว่าด้วยใช่ไหมคะ?

แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า เธอไม่เคยเปิดใจรับรักใครนะ ชาร์ลิซยังคงยินดีต้อนรับคนที่คิดจะมาจีบเธอ แต่หนุ่มๆ เหล่านั้นต้องมีศักยภาพด้วยนะจ๊ะ

ทั้งนี้เธอได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องความรักเพิ่มเติมกับ “ Entertainment Tonight” ว่า “ฉันโสดมาเป็นสิบปีแล้วค่ะ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันนานขนาดนั้น”

ปัจจุบันถึงแม้เธอจะไม่ได้แต่งงาน มีสามี แต่ชาร์ลิซก็มีลูกถึงสองคน โดยเป็นเด็กชาย และเด็กหญิงที่เธอรับอุปการะมาเป็นลูกบุญธรรม ซึ่งเธอตั้งชื่อให้ว่า แจ็คสัน และ ออกัสต์ เธอกล่าวกับ ET ว่า “ฉันหวังว่า ฉันจะเป็นผู้หญิงแบบที่ฉันเป็นอยู่ตอนนี้ ฉันจะทำงาน และดูแลลูกๆ ปกป้องพวกเขาอย่างเต็มที่ ปกป้องพวกเขาจากทุกอย่าง และจะไม่ให้เกิดเรื่องที่ไม่ดีขึ้น”

เมื่อย้อนกลับไปดูปมในใจของชาร์ลิซที่กลายเป็น “แผลเป็น” ฝังลึกในใจของเธอ ก็คงต้องบอกเลยว่ากว่าจะมาถึงจุดนี้ได้เธอต้องสตรองทั้งทางร่ายกายและจิตใจมากเลยทีเดียว

ชาร์ลิซ เธอรอน

ชาร์ลิซ เปิดใจเล่าอย่างไม่อายถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวัยเด็ก ที่แม่ของเธอใช้ปืนยิงพ่อเพื่อปกป้องเธอ พ่อผู้ซึ่งติดเหล้า และมักอาละวาด ทุบตีแม่ของเธอบ่อยครั้ง

ชาร์ลิซ เธอรอน เติบโตขึ้นในฟาร์มแห่งหนึ่งซึ่งใกล้กับ เมืองโยฮันเนสเบิร์ก แอฟฟริกาใต้ โดยเธออาศัยอยู่กับเจอร์ด้า และ ชาร์ลส์ เธอรอน ชาร์ลิซเล่าว่าพ่อของเธอป่วยมาก และยังใช้ชีวิตด้วยการพึ่งแอลกอฮอล์มาโดยตลอด มันเป็นชีวิตที่ดูน่าสิ้นหวังมาก

และจากการที่ ชาร์ลส์ ติดแอลกอฮอล์อย่างหนักส่งผลให้เขาเป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง และยังก่อให้เกิดโศกนาฏกรรมกับครอบครัวขึ้น เหล้าเมื่อได้เข้าปาก ร้อยทั้งร้อยมักจะควบคุมสติไม่ได้

เรื่องราวที่น่าเศร้าเกิดขึ้นในค่ำคืนของวันที่ 21 มิถุนายน ปี 1991 เหมือนเช่นเคยที่ ผู้เป็นพ่อมักออกไปดื่มเหล้าและจะกลับมาด้วยสภาพที่เมามาย และอาละวาดเธอกับแม่ แต่ครั้งนี้ต่างออกไปเมื่อเขาพกปืนเข้ามาในบ้านด้วย

ชาร์ลส์เดินตรงมายังห้องนอนที่ เจอร์ด้า และ ชาร์ลิซ อยู่ เขาทุบประตูอย่างแรง และพยายามดันประตูเข้ามา สองแม่ลูกจึงใช้ตัวดันประตูเพื่อไม่ให้เขาเข้ามาได้ และด้วยความโมโหถึงขีดสุด ชาร์ลส์ที่ไม่ได้สติเพราะฤทธิ์เหล้า เขาก้าวถอยหลัง และใช้ปืนยิงเข้ามาที่ประตูทั้งหมด 3 นัด เดชะบุญกระสุนที่สาดเข้ามานั้นไม่โดนทั้งคู่เลยสักนิดราวกับปาฏิหาริย์อย่างไรอย่างนั้น

ความอดทนของคนเรามีขีดจำกัด เจอร์ด้าต้องปกป้องลูกสาวที่กำลังตกอยู่ในอันตราย เธอใช้ปืนของตัวเองที่เก็บไว้ในบ้านยิงไปที่สามี เขาล้มลงและเสียชีวิตทันที เจอร์ด้ารีบบอกให้ชาร์ลิสรีบหนีไป และเธอจะเป็นคนรับโทษทั้งหมดที่เกิดขึ้นเอง ”

ชาร์ลิซ เธอรอน

สิ่งที่ผู้เป็นแม่กระทำนั้นยิ่งใหญ่ และเสียสละมาก แม่กล้าหาญมาก หากเป็นเธอก็คงทำเช่นนั้นเหมือนกันกับลูกสาว” ชาร์ลิซกล่าว

ในการไต่สวนคดีนี้ เจอร์ด้าได้ให้การต่อศาลว่า สามีที่กำลังจ่อปืนมาที่เธอและลูกนั้นพูดว่า “วันนี้ฉันจะยิงพวกแกสองคนให้ตายด้วยปืนกระบอกนี้” ท้ายที่สุดศาลตัดสินว่าสิ่งที่เจอร์ด้าทำเป็นเพราะป้องกันตัวเอง ศาลยกฟ้อง ชาร์ลิสจึงได้กลับมาอยู่กับแม่อีกครั้ง

ชาร์ลิส เผยว่าเธอไม่อายเลยที่จะเล่าเรื่องความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับครอบครัวให้ใครฟัง เพราะเธอคิดว่าเมื่อเธอยิ่งพูดถึงสิ่งเหล่านี้มากเท่าไหร่ เธอก็รู้สึกได้ว่า เธอจะไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไป

ชาร์ลิซ เธอรอน

ชาร์ลิสอยากให้ทุกคนตระหนักถึงสิ่งไม่ดีที่เกิดขึ้นจากการที่เสพติดเหล้า เพราะมันจะส่งผลเสียอย่างที่คุณคาดไม่ถึง ปัจจุบัน เธอได้ก่อตั้งองค์กรการกุศลที่ชื่อว่า Charlize Theron Africa Outreach Project (CTAOP) ในปี 2007 โดยเป็นองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร เพื่อช่วยเหลือเด็กๆ ในแอฟริกาให้ต่อสู้กับโรค HIV และ AIDS นอกจากนี้เธอยังรณรงค์ต่อต้านความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงอีกด้วย


 

คู่รักไฮโซ

รักนี้มาแต่ใด? 3 คู่รักไฮโซ ฝ่ายชายเจ้าพ่อขาแร็ปฯ หัวใจฮิปฮอป

คู่รักไฮโซ
คู่รักไฮโซ

เปิด 3 คู่รักไฮโซ รักนี้มาแต่ใด?…ความรักเต้นเป็นจังหวะดนตรีฮิปฮอป คล้อยตามช่วงบีทบ็อกซ์กันเลยทีเดียว สำหรับสามคู่รักไฮโซ ที่ฝั่งหนุ่มๆ มีพาร์ทชีวิตของการเป็นแร็ปเปอร์ คลั่งไคล้ดนตรีฮิปฮอปกันเข้าเส้นเลือด

เวลานึกถึงภาพหนุ่มไฮโซ หลายคนอาจจะนึกถึงภาพผู้ชายใส่สูท มาดเนี้ยบ ทำธุรกิจ แล้วถ้าเป็นหนุ่มไฮโซ เจ้าของธุรกิจ แต่อยู่ในกลุ่มแร็ปเปอร์ หัวใจฮิปฮอปแล้วล่ะก็… แพรวดอทคอมคงต้องขอพาไปรู้จักกับ 3 หนุ่ม ป๊อก-ภัสสรกรณ์, จูเนียร์-วัชร และเวย์ ไทยเทเนี่ยม รวมถึงความรักของพวกเขากับภรรยาคนสวยว่า จุดเริ่มต้นความรักของสาวๆ กับผู้ชายสไตล์แร็ปเปอร์แบบนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ซึ่งไลฟ์สไตล์ความสนใจด้านดนตรีข้อหนึ่งล่ะที่ต้องเข้ากันได้…

รักนี้มาแต่ใด? 3 คู่รักไฮโซ ฝ่ายชายเจ้าพ่อขาแร็ปฯ หัวใจฮิปฮอป

มาร์กี้-ราศรี & ป๊อก-ภัสสรกรณ์ จิราธิวัฒน์

เริ่มต้นกันที่คู่รัก มาร์กี้-ป๊อก ที่เริ่มจากคำว่าเกลียดแรกพบมากกว่ารักแรกพบ เพราะต่างคนต่างไม่ชอบสไตล์ของกันและกันแต่แรก อย่างสาวมาร์กี้ไม่ชอบผู้ชายสัก หนุ่มป๊อกไม่ชอบดาราเพราะคิดว่าดูเย่อหยิ่ง แต่ด้วยครอบครัวของทั้งสองรู้จักกันมานานและได้นัดทานข้าวกัน จนกระทั่งทั้งสองเริ่มคุยกันในงานขายของแห่งหนึ่ง ก็ทำให้มาร์กี้และป๊อกต่างเห็นนิสัยแท้จริงของกันจนเกิดความประทับใจ ปัจจุบันทั้งคู่มีโซ่ทองคล้องใจอย่างสองแฝด น้องมิก้า และมิย่า มาเติมเต็มครอบครัวให้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น

ภาพ: IG @pokmindset @margie_rasri


น้อยหน่า- สิริผกา & จูเนียร์-วัชร วัชรพล

ต่อกันมาที่ทายาทคนโตสื่อยักษ์แห่งไทยรัฐ จูเนียร์-วัชร วัชรพล กับศรีภรรยา น้อยหน่า-สิริผกา บุตรสาวของพลตำรวจตรีแสงสูรย์ กับนางพัฒนาวดี กรรณสูต แม้จะเป็นหัวเรือใหญ่ดูแลธุรกิจสื่อ แต่เรื่องความสนใจดนตรีนั้น จูเนียร์ก็เป็นหนุ่มแร็พโย่ หัวใจฮิปฮอปมากๆ เพราะช่วงที่ไปเรียนเมืองนอกก็คลุกคลีทำเพลงฮิปฮอปจนทำให้รู้จักและสนิทกับแก๊งไทยเทเนี่ยม อีกทั้งจูเนียร์ยังเป็นเพื่อนกับ ก้อง-กรุณ ซอโสตถิกุล ซึ่งมีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องของสาวน้อยหน่า แล้วไลฟ์สไตล์ฝ่ายหญิงก็ชื่นชอบดนตรีฮิปฮอปอยู่แล้วด้วย จึงทำให้ได้มารู้จักกันโดยมีหนุ่มก้องเป็นพ่อสื่อ เรียกว่าใช้ดนตรีสานรักจนได้ผล

คู่รักไฮโซ

รักดนตรีฮิปฮอปเหมือนกันค่า..

คู่รักไฮโซ

ถอดมาดนักธุรกิจสื่อยักษ์ มาคลุกคลีทำเพลง เล่นดนตรี

คู่รักไฮโซ

จังหวะนี้ต้องได้ ต้องมันเนอะ

 

ภาพ: IG @jrocone @nn_sk


นานา ไรบีนา & เวย์ ไทยเทเนี่ยม

ปิดท้ายกันด้วยคู่รักครอบครัวฮิปฮอป แร็ปเปอร์ สำหรับ นานา-เวย์ ไทยเทเนี่ยม ที่มีลูกแฝดชายหญิงด้วยกันคือ น้องบีน่า และน้องบรู๊คลิน สำหรับจุดเริ่มต้นของความรักคู่นี้ก็ใช่ว่าราบรื่นแต่แรก เพราะช่วงที่หนุ่มเวย์เข้ามาจีบสาวนานา ที่เป็นทั้งวีเจและนักแข่งรถ ด้วยการสื่อสารภาษาอังกฤษที่ไม่เข้าใจกันก็ทำให้นานาคิดว่าฝ่ายชายจะนัดเธอไปทำเรื่องไม่ดีในเชิงสัมพันธ์ลึกซึ้ง รวมถึงเพื่อนๆ ของนานาก็ไม่ค่อยชอบหนุ่มเวย์มากนัก เพราะภาพลักษณ์เวย์เป็นหนุ่มเจ้าชู้ กลัวนานาจะตามคนไม่ทัน แต่ด้วยการพิสูจน์อะไรหลายอย่างของเวย์ก็ทำให้ความรักครั้งนี้เติบโตเบ่งบานขึ้นมาได้ จนกระทั่งในปี 2553 ทั้งสองจึงตัดสินใจแต่งงานกัน โดยธีมงานจัดเป็นธีมไดมอนด์ที่มีเพชรระยิบระยับ เอกลักษณ์ของสไตล์ฮิปฮอป

ปัจจุบัน นานา-เวย์ ไทยเทเนี่ยม มีธุรกิจแบรนด์เสื้อผ้าและร้านตัดผม Never Say Cutz ซึ่งในด้านความหวาน ความโรแมนติกของเวย์ที่เห็นตามสื่อบ่อยๆ นั้น สาวนานาเผยว่า รักของเธอก็มีมุมทะเลาะเหมือนกัน เพียงแต่ไม่ได้นำมาออกสื่อ และเธอก็ยังคงประทับใจหนุ่มเวย์ เพราะเขาจะง้อเธอทุกครั้งเมื่อเธอบอกให้ง้อ ชอบโพสต์รูปข้อความหวานซึ้งในอินสตาแกรมเวลาเราทะเลาะกัน เวลาเธอโกรธหนุ่มเวย์ก็จะมานอนกอดเธอทั้งคืน

ข้อมูล: WITH DABOYWAY & NANA /Q&A (ถามตอบ) /musical guest Youngbong
ภาพ: IG @nanarybena @daboyway

 


เรื่อง: บะหมี่กุ๊งกิ๊ง_แพรวดอทคอม

Jamie Xie

Jamie Xie ตัวแม่ Bling Empire ทายาทเศรษฐีพันล้าน สู่อินฟลูเอนเซอร์สายแฟชั่น

account_circle
Jamie Xie
Jamie Xie

Jamie Xie ทายาทมหาเศรษฐีพันล้าน  หนึ่งในตัวแม่ Bling Empire ที่หลงใหลในโลกแฟชั่น ผันตัวเองจากการเป็นนักขี่ม้า สู่การเป็นอินฟลูเอนเซอร์ ที่น่าจับตามอง

หากคุณไม่ใช่คนดัง เซเลบริตี้ หรือ สื่อมวลชน คงเป็นเรื่องยากที่จะได้รับบัตรเชิญสุดเอ็กซ์คลูซีฟเพื่อร่วมเข้าชมโชว์ของเหล่าแฟชั่นแบรนด์ดัง แต่สำหรับ Jamie Xie ทายาทมหาเศรษฐีพันล้าน ดูเหมือนว่าบัตรเชิญเหล่านี้จะถูกส่งตรงไปที่เธอเป็นประจำ หลายคนอาจจะคิดว่า ก็ใช่สิ! เธอมีเงิน เรื่องบัตรเชิญส่งถึงมือก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่คุณรู้หรือไม่ว่า … แม้คุณจะร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐี ก็ใช่ว่าแบรนด์แฟชั่นไฮเอนด์ทั้งหลายจะส่งบัตรเชิญให้คุณนะจ๊ะ

Jamie Xie ตัวแม่ Bling Empire ทายาทเศรษฐีพันล้าน สู่อินฟลูเอนเซอร์สายแฟชั่น

 

Jamie Xie

ย้อนกลับไปในเดือนกันยายนปี 2018 ช่วงเวลาก่อนที่จะถึงเทศกาล New York Fashion Week เจมี่วางแผนที่จะขอเข้าร่วมงานแฟชั่นโชว์ต่างๆ โดยเธอติดต่อไปยัง PR ของแบรนด์เหล่านั้นที่เธอต้องการเข้าไปชมโชว์ เธอรู้ดีว่าเธออาจจะเป็นหนึ่งในหลายร้อย หรือพันคน ที่ต้องการเข้าไปชมโชว์ แต่เจมี่ก็เพิ่มโอกาสให้ตัวเองมากขึ้นไป ด้วยการส่งรูปภาพตัวเองซึ่งกำลังใส่เสื้อผ้าของแบรนด์เหล่านั้น ซึ่งเธอเผยว่า มันช่วยทำให้เธอโดดเด่นมากขึ้น และแบรนด์ที่ตอบรับเธอในตอนนั้นก็คือ Proenza Schouler, Sally LaPointe และ Tibi

แพรวดอทคอมได้นำลุคส่วนหนึ่งของเจมี่มาให้คุณๆ ดูกัน โดยเป็นลุคที่เธอใส่ไปชมแฟชั่นโชว์ และลุคที่ใส่ในชีวิตประจำวัน ซึ่งแต่ละไอเท็มนั้นก็อัพเดตตามคอลเล็คชั่นเป๊ะๆ สมกับเป็น อินฟลูเอนเซอร์สายแฟชั่นจริงๆ

Jamie Xie
เดรส (David Koma) : 96,765฿
เครื่องประดับ (Piaget) : 4,838,250฿
Total look : 4.9 ล้านบาท

แจ็คเก็ต (Prada) : 161,325฿
กระเป๋า (Fendi) : 322,650฿
สเวตเตอร์ (The Row) : 32,275฿
กางเกง (Max Mara) : 32,275฿
รองเท้า (Jimmy Choo) : 32,275฿
Total look :  581,000บาท

แจ็คเก็ต (Nour Hammour) : 96,795฿
กระเป๋า (Celine) : 64,530฿
สเวตเตอร์ (The Row) : 32,275฿
กางเกง (Celine) : 64,530฿
รองเท้า (Wandler) : 16,135฿
เครื่องประดับ (Celine) : 32,275฿
Total look :  306,540บาท

Jamie Xie
แจ็คเก็ต (ไม่ทราบแบรนด์)
กระเป๋า (Burberry) : 48,413฿
กางเกงยีนส์ (Acne Studios) : 16,137฿
รองเท้าบู๊ทส์ (Rarizs Texas) : 25,816฿
Total Look : 129,100฿

เชิ้ต (Anine Bing) : 6,454฿
ยีนส์ (Grlfrnd) : 6,453฿
เข็มขัด (Chanel) : 64,550฿
กระเป๋า (Fendi) : 64,540฿
เครื่องประดับ (Cartier) : 3,227,500฿
Total look :  3.3 ล้านบาท

เดรส (Alexandre Vauthier) :129,080฿
เครื่องประดับ (Cartier & Alessandra Rich) :6,454,000฿
Total look :  6.4 ล้านบาท

แจ็คเก็ต (Alexander Wang) : 64,540฿
กระเป๋า (Chanel) : 161,375฿
สเวตเตอร์ (Gucci) : 32,270฿
กางเกง (Isabel Marant) : 16,135฿
เข็มขัด (Isabel Marant) : 32,270฿
Total Look : 322,800฿

เดรส (Nightcap) : 9,684฿
เข็มขัด (Dior) : 32,275฿
กระเป๋า (Chanel) : 161,400฿
ต่างหู (Dior) : 16,137 บาท
Total look :  225,925 บาท

เจมี่กล่าวว่า เธอรักบรรยากาศแบบนี้มาก ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า ความคลั่งไคล้ในบรรยากาศการชมโชว์ ช่างภาพ และ การเบียดเสียดของผู้คน ซึ่งเธอรู้เลยว่านี่ล่ะคืองานของเธอ ไม่กี่เดือนต่อมาเธอก็ได้ไปร่วมชมโชว์ที่ปารีสอีกครั้งกับแบรนด์ Alexandre Vauthier และ Stephane Rolland และนับตั้งแต่นั้นมาเธอก็ได้รับเชิญจากแบรนด์แฟชั่นไฮเอนด์มากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็น Dior, Celine, Balmain, Prada, Tomford เป็นต้น

เจมี่ได้ตัดสินใจเข้าเรียนสถาบันแฟชั่น FIDM (Fashion Institute of Design & Merchandising) ในลอสแองเจลิส แต่หลังจากผ่านไปหนึ่งปี เธอก็ตัดสินใจว่ามันไม่เหมาะกับตัวเธอ ดังนั้นเธอจึงลาออก และผันตัวเองมาเป็น Taste Maker (กูรูให้ความรู้ด้านต่างๆ) รวมถึงยังทำ Blog ของตัวเองใน Youtube โดยใช้ชื่อว่า Jaime Xie ซึ่งคอนเท้นต์ส่วนใหญ่นั้นจะเป็นการแกะของหรู แบรนด์เนมต่างๆ รวมถึงโชว์ไลฟ์สไตล์การแต่งตัวของเธออีกด้วย

แม้ว่าเจมี่จะมีฐานะร่ำรวย เพราะเป็นลูกสาวคนโตของ Ken Xie นักธุรกิจพันล้าน (ดอลลาร์) CEO ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Fortinet บริษัทผลิตซอฟต์แวร์ อุปกรณ์ และการให้บริการทางอินเทอร์เน็ต แต่ใช่ว่าครอบครัวของเจมี่จะเข้าใจในสิ่งที่เธอทำ โดยเฉพาะพ่อของเธอ ซึ่งเจมี่กล่าวว่า

“พ่อไม่รู้ว่าอาชีพนี้เป็นอย่างไร เขาเติบโตมาแบบคนสมัยก่อน พ่อเรียนจบปริญญาโท ทำงานหนักเพื่อสร้างธุรกิจของเขา แต่สำหรับฉันที่ออกจากโรงเรียนเพื่อทำงานด้านแฟชั่น ซึ่งพ่อและแม่ไม่ได้อยู่ในโลกของอินสตาแกรม พวกเขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร ฉันจึงต้องพยายามอธิบายเพื่อให้พวกเขาเข้าใจมากขึ้น”

ก่อนที่เจมี่จะผันตัวเองเข้ามาสู่วงการแฟชั่นแบบเต็มตัว เธอเคยเป็นนักกีฬาขี่ม้ามาก่อน ชีวิตของเธอตั้งแต่เด็กใช้เวลาอยู่กับม้ามาตลอด ซึ่งเธอเคยเผยว่า เวลาที่เหนื่อยจากการทำงาน มีเรื่องไม่สบายใจ จะยุ่งแค่ไหน หรือ อยู่ที่ไหนบนโลกใบนี้ เมื่อมีเวลาว่าง เธอจะใช้ไปกับการอยู่กับม้า และบางครั้งก็หลับไปพร้อมกับพวกมัน

นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นด้านวงการแฟชั่นของ Jamie Xie หญิงสาววัย 22 ที่ไลฟ์สไตล์ชีวิตอยู่กับการขี่ม้ามาตลอด แต่เธอก็ได้พยายามผลักดันตัวเองให้ไปนั่งอยู่ข้างรันเวย์ ชมแฟชั่นโชว์จากแบรนด์ระดับโลก พร้อมกระทบไหล่เซเลบคนดังภายใน 1 ปี เรียกได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีเลยทีเดียว

แล้วคุณล่ะมีสิ่งที่ตั้งใจ และยังไม่ได้ลงมือทำหรือยัง…


ภาพ และ ข้อมูล : www.scmp.com, @jaimexi

ซงฮเยคโย

ซงฮเยคโย ไอคอนยืนหนึ่ง ต้นแบบของสาวๆ สวยครบเครื่องรอบด้าน

account_circle
ซงฮเยคโย
ซงฮเยคโย

 ซงฮเยคโย เธอคือไอคอนยืนหนึ่งที่เป็นต้นแบบและแรงบันดาลใจให้กับสาวๆ ไม่ว่าจะเป็นหน้าตา วิถีชีวิต รวมถึงความสามารถที่ครบเครื่องรอบด้านมากๆ

สมกับเป็นนางฟ้าแห่งแดนกิมจริงๆ สำหรับ ซงฮเยคโย (Song Hye Kyo) นักแสดงหญิงชื่อดังจากประเทศเกาหลีใต้ ที่ไม่ว่าจะออกผลงานอะไรมา จะเป็นซีรีย์ ภาพยนตร์ หรืองานพรีเซนเตอร์เป็นต้องดังเปรี้ยงปร้างแทบทุกเรื่อง และทุกชิ้นงาน ต้องบอกเลยว่าเธอไม่ได้ดังแค่ในบ้านตัวเองเท่านั้นนะจ๊ะ แต่ชื่อเสียงในต่างประเทศนั้น ก็ดังไม่แพ้กันเลย

ซงฮเยคโย ไอคอนยืนหนึ่ง ต้นแบบของสาวๆ สวยครบเครื่องรอบด้าน

 ซงฮเยคโย

 

โดยเฉพาะไทยแลนด์ แดนมหัศจรรย์ ที่เธอนั้นมาสร้างชื่อไว้ตั้งแต่ปี 2544 กับผลงานซีรีย์เรื่องดังที่เรียกน้ำตาโครมๆ อย่างเรื่อง Autumn in my heart (รักนี้ชั่วนิรันด์) อินมากจ๊ะตอนนั้น น้ำตาไหลแทบทุกตอน ชีวิตนางเอกจะรันทดอะไรขนาดน้านนน แถมยังป็นนางเอกที่ป่วยได้สมจริงมาก หน้าตาซีดเซียว โนเมคอัพของจริง ซึ่งถ้านับดูแล้วก็เป็นเวลา 17 ปีแล้วที่คนไทยได้รู้จักกับเธอ

ณ ตอนนั้นเรียกได้ว่าเรื่องนี้ เป็นเรื่องแรกๆ ที่สร้างกระแสความนิยมในซีรีย์เกาหลี ให้กับแฟนๆ ชาวไทยเลยก็ว่าได้ แถมยังเป็นใบเบิกทางให้กับซีรีย์เรื่องอื่่นๆ ของเกาหลีใต้ที่จะเข้ามาฉายในไทยอีกด้วย การแสดงเรื่องแรกของนางฟ้าซองเฮเคียว ว่าสร้างความประทับใจได้เต็ม 100 ร้อยแล้ว เรื่องที่สองของเธอยิ่งแล้วใหญ่ ปังมากกก  เล่นได้น่ารักมาก ใครดูเป็นต้องหลงรักเธอมากยิ่งขึ้นไปอีก สำหรับเรื่อง Full House ที่เล่นกับพระเอกหนุ่ม เรน เคมีของทั้งคู่ตอนนั้นพุ่งกระจาย จนแฟนๆ จิ้นให้เป็นคู่กันนอกจอไปอีก

แล้วอะไรบ้างล่ะ ที่ทำให้ซองเฮเคียว ถึงยังยืนหนึ่งในวงการบันเทิงเกาหลีได้อย่างยาวนาน และงดงาม แพรวดอทคอม จะพาคุณไปดูเส้นทางชีวิตของซองเฮเคียว ที่ทำให้เธอเป็นไอคอนและ เป็นแรงบันดาลใจให้กับสาวๆ จนถึงวันนี้

อาจจะทราบกันมาบ้างแล้วว่าซองเฮเคียวนั้น เติบโตมาพร้อมกับแม่ของเธอเพียงสองคนเท่านั้น ครอบครัวของเธอไม่ได้อยู่กันพร้อมหน้า พร้อมตา พ่อ แม่ ลูก เหมือนครอบครัวอื่นๆ เพราะพ่อของเธอนั้น หย่ากับแม่ตั้งแต่เธอเพียง 8 ขวบเท่านั้น ชีวิตครอบครัวตอนนั้นของสองแม่ลูกเรียกได้ว่าลำบากพอควร ทุกช่วงชีวิตของเด็กน้อยซองเฮเคียวในตอนนั้นมีแค่แม่ ไม่ว่าจะเป็นงานที่โรงเรียน พิธีจบการศึกษา พ่อของเธอไม่เคยมาเจอ หรือมาพบเลยสักครั้ง

เฮเคียว เคยให้สัมภาษณ์ว่า “ถึงแม้เธอจะเป็นเด็กกำพร้า ไม่มีพ่อ พบเจอกับความลำบากตั้งแต่เด็ก แต่เธอก็รู้สึกว่าเธอไม่เคยขาดความรัก ความอบอุ่นจากแม่เลย” บางครั้งเฮเคียวยังรู้สึกเลยว่าบางทีแม่ก็เป็นเหมือนพี่สาว และเป็นทั้งเพื่อน ที่เธอสามารถพูดคุยได้ทุกเรื่อง แม่ไม่เคยบ่นหรือนำเรื่องทุกข์ร้อนมาเล่าให้เธอฟัง เพราะแม่ไม่อยากให้เธอต้องไม่สบายใจ เพราะฉะนั้นเฮเคียวจึงพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้แม่ของเธอไม่ลำบากและมีความสุข

ปี 2539 เฮเคียวตอนนั้นอายุเพียง 15 ปี เธอได้เข้าประกวด SunKyung Smart Model Contest และชนะคว้ารางวัลชนะเลิศ จนทำให้เธอมีโอกาสเข้ามาทำงานในวงการ ได้รับงานหลากหลายมากขึ้น ทั้งถ่ายแบบโฆษณา รวมถึงยังได้เป็นนักแสดง โดยซีรีย์เรื่องแรกที่เธอเล่นนั้นมีชื่อว่า First Love (1996) หน้าตอนนั้นละอ่อนมากกก แต่ถึงตอนนี้จะอายุ 37 แล้วแต่กาลเวลาไม่สามารถทำอะไรเธอได้จริงๆ 15 ยังไง 37 ก็เป็นอย่างนั้น

ซีรีย์เรื่องแรกของซองเฮเคียว  First Love (1996)

นอกจากซีรีย์เรื่อง Autumn in my heart และ Full House ที่สร้างชื่อเสียงให้เธอโด่งดังแล้ว เรื่องอื่นๆ ที่โดดเด่นไม่แพ้กันคือ All In (เทหน้าตักรักหมดใจ), Worlds Within (รักนี้ไม่ต้องมีบท),  That Winter The Wind Blows (สายลมรักในฤดูหนาว) และเรื่องในตำนานอย่าง Descendants of the sun ที่กลายเป็นวาระแห่งชาติ กับบทหมอคัง

จากความสามารถในการเป็นนักแสดง จึงทำให้เฮเคียวได้รับรางวัลมากมาย ซึ่งเรื่องแรกที่เธอได้รับรางวัลนั้นคือ นักแสดงหญิงยอดนิยมและขวัญใจช่างภาพ จากซีรีย์เรื่อง Autumn in my heart และรางวัล Asia’s Best Couple Award  (รางวัลคู่รักแห่งเอเชีย) จาก KBS Drama Awards 2016 รวมถึงรางวัลแดซัง จากเวที แพ็กซัง อาร์ต อวอร์ด 2016 ซึ่งรางวัลนี้ถือว่าทรงคุณค่ามากสำหรับนักแสดงของประเทศเกาหลีใต้ อีกทั้งยังเป็นรางวัลใหญ่สุดในสาขาโทรทัศน์อีกด้วย

ในฐานะนักแสดงเฮเคียวถือว่าเป็นตัวท็อปของวงการอุตสาหกรรมบันเทิงของเกาหลีใต้เลยก็ว่าได้ นอกจากนี้เธอยังมักถูกเลือกให้เป็นพรีเซนเตอร์แบรนด์ดังต่างๆ ซึ่งแบรนด์ที่เห็นปุ๊บแล้วหน้าของเฮเคียวลอยมาเลยก็คือ laneige ไม่ว่าเธอจะใช้อะไร สาวๆ ก็มักจะตามไปซื้อเสมอ อย่างลิปสติกทูโทนที่เธอใช้ในซีรีย์เรื่อง Descendants of the sun ก็กลายเป็นแรร์ไอเท็มอยู่ช่วงหนึ่ง ที่สาวๆ แห่ไปซื้อตาม

สวยละมุน ผิวดีมากกกกก อายุ 39 นะเธอ

 

 

ถึงแม้ว่าตอนนี้เฮเคียวจะหมดสัญญากับ ทางลาเนจแล้ว แต่ก็ถือได้ว่าหากพูดถึงลาเนจ ชื่อและหน้าของเธอก็ยังกลายเป็นไอคอนที่หลายคนนึกถึงเมื่อพูดถึงแบรนด์นี้ หลังจากที่เธอโบกมือลาจากลาเนจ เฮเคียวก็ได้ขึ้นแท่นกลายเป็นพรีเซนเตอร์คนแรกของ โซลวาซู และยังเป็นฑูตความงดงามแห่งวัฒนธรรมเกาหลี ซึ่งเหตุผลที่ทางโซลวาซูเลือกเธอนั้นก็เพราะ เฮเคียวเป็นนักแสดงที่มีความสามารถรอบด้าน เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์อันน่าหลงใหล เป็นความงามแห่งโซลวาซู และเป็นแรงบันดาลใจให้กับลูกค้าของโซลวาซูที่อยู่ทั่วโลกอีกด้วย

ซองเฮเคียว

อันที่จริงแล้ว สิ่งที่น่าเอาเป็นแบบอย่างจากผู้หญิงคนนี้คงไม่ใช่เพราะเธอเป็นดาราที่มีชื่อเสียงโด่งดัง มีคู่ชีวิตที่เพียบพร้อม แต่สิ่งที่เธอกลายเป็นไอคอน ให้กับผู้หญิงหลายๆ คนนั้น เพราะเธอเป็นลูกสาวที่กตัญญู

เมื่อครั้งที่เธอทำงานและซื้อรถคันแรกด้วยน้ำพักน้ำแรงของเธอเอง เฮเคียว ก็ให้แม่คนนั่งรถคนแรกก่อนใคร รวมถึงที่เธอทำงานหนักก็เพื่อเก็บเงินซื้อบ้านราคาเกือบ 150 ล้านบาทให้แม่อยู่ และไม่ให้แม่ทำงานหนักอีกต่อไป เพื่อทดแทนบุญคุณที่แม่ทำมาให้เธอมาทั้งชีวิต และสิ่งสุดท้ายที่สำคัญคือ เธอเป็นคนตั้งใจ และมุ่งมั่นในทุกๆ งานที่เธอทำ สิ่งนี้แหละที่ทำให้เธอกลายเป็นไอคอนให้กับผู้หญิงทุกๆ คน

ภาพ : @kyo1122


สามารถติดตามอ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่

ชีวิตจริงไม่ได้ฟินเหมือนในละคร เส้นทางรักของ ซงฮเยคโย กับ 3 พระเอกเอลิสต์

ไม่ใช่แค่ LISA ! 4 ดาราเกาหลีที่ถูกโกงและกรรโชกทรัพย์ โดยผู้จัดการส่วนตัว

ลุคไหนก็รอด! แฟชั่นนอกจอของ 5 นางเอกซีรี่ส์เกาหลีที่แฟนชาวไทยรู้จัก

มะเร็งคร่าชีวิต Dawn lee บิวตี้ยูทูปเบอร์ คงเหลือไว้แต่เพียงความทรงจำที่สวยงาม

account_circle

หลังจากต่อสู้กับโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง  Dawn lee หรือ บิวตี้ยูทูปเบอร์ ชาวเกาหลี ก็ได้จากไปอย่างสงบ เหลือไว้เพียงความทรงจำที่สวยงาม ให้ทุกคนได้จดจำ ไปอ่านเรื่องราวของเธอกันได้เลยค่ะ

มะเร็ง หนึ่งในโรคร้ายที่หลายคนกลัว และไม่มีใครอยากพบเจอ เฉกเช่นเดียวกับเธอคนนี้ Dawn lee หรือ เซบยอก บิวตี้ยูทูปเบอร์ ชาวเกาหลี หญิงสาวที่ให้ความรู้เรื่องความสวย ความงามกับแฟนๆ กว่า 6 แสนคนที่ติดตามเธอทางช่อง Youtube ซึ่ง เซบยอกเคยเผชิญกับโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง โดยถูกตรวจพบเมื่อช่วงเดือน กุมภาพันธ์ 2562 ที่ผ่านมา ไม่นานหลังจากที่เธอได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ เซบยอกได้เข้ารับคีโม หรือ เคมีบำบัด รวมถึงได้รับยาต้านมะเร็งโดยทันที

Dawn lee

แน่นอนว่าผลข้างเคียงของคีโมอย่างที่รู้กันคือทำให้ผมร่วง ผมของ เซบยอก ค่อยๆ ร่วงลงทุกวัน นอกจากนี้ในทุกๆ เช้าเส้นผมที่ร่วงก็มักติดบนปลอกหมอน และตามที่นอน เธอรู้สึกเศร้าใจ แต่ก็สร้างกำลังใจ และพูดกับตัวเองเสมอว่า เดี่ยวผมมันก็คงขึ้นเองอีกครั้ง และเพื่อเป็นการทำให้เซบยอกมีกำลังใจมากขึ้นแฟนหนุ่มของเธอจึงแอบเปลี่ยนผ้าปูให้เป็นสีดำ เพื่อไม้ให้เซบยอกเห็นเส้นผมที่ร่วงทุกวัน

Dawn lee

Dawn lee

อย่างไรก็ตามถึงแม้วิธีการนั้นจะช่วยทำให้ เซ บยอก สบายใจมากขึ้น แต่เส้นผมก็ไม่ได้ร่วงน้อยลง แต่กลับมากขึ้นทุกวัน เธอจึงได้ตัดสินใจโกนผมออกทั้งหมด ในขณะที่ค่อยๆ ตัดไปนั้น เซ บยอก ยังคงยิ้มที่ได้เห็นลุคผมสั้น ซึ่งเธอไม่เคยตัดมันเลยในชีวิต แต่เมื่อช่างผมค่อยๆ บรรจงโกนศีรษะของเธอนั้น เซ บยอกก็ค่อยๆ ร้องไห้ออกมา เราไม่รู้ว่าเธอรู้สึกอย่างไร แต่สำหรับผู้หญิงที่เป็นแรงบันดาลใจเรื่องความสวยงามให้กับผู้หญิงอีกมากมาย คงจะเจ็บปวดไม่น้อยเลยทีเดียว

Dawn lee

สำหรับคนที่กำลังเผชิญกำลังโรคร้ายนี้ สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผู้ป่วยมีพลังที่จะสู้ คือกำลังใจซึ่ง เซบยอกเองก็ได้กำลังใจดีๆ มากมายจากแฟนๆ ที่ติดตามเธอ และยังมีอีกหนึ่งกำลังใจสำคัญคือ มินกอน แฟนหนุ่มที่อยู่เคียงข้างเธอมาตลอด

นอกจากผมที่ร่วงจนต้องโกนทิ้งแล้ว เซบยอก ยังประสบกับสีเล็บที่คล้ำขึ้น ซึ่งเป็นผลข้างเคียงจากการให้คีโม รวมถึงเธอยังมีรอยแผลเป็นจากการฝังพอร์ตเคมีบำบัด ซึ่งเธอได้เผยว่าในตอนแรกเธอรู้สึกหวาดกลัว และกลัวที่ได้เห็นมัน เธอเกลียดมัน แต่เมื่อเธอลองไตร่ตรองความคิด กลับพบว่ามันคือเหรียญแห่งเกียรติยศ ที่ทำให้เธอต้องสู้ต่อไป

Dawn lee

Dawn lee

Dawn lee

Dawn lee

ถึงแม้ว่าเธอจะเผชิญกับโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง จนต้องผ่านการให้คีโม ซึ่งส่งผลต่อร่างกาย รวมถึงรูปลักษณ์ อย่างการผมร่วง รอยแผลเป็น สีผิวที่ไม่เนียนสวยดังเดิม แต่ เซบยอกก็ไม่ได้ทิ้งในสิ่งที่เธอรักคือการเป็น บิวตี้ยูทูปเบอร์  เธอกลับมาแต่งหน้าอีกครั้ง โดยอัดคลิปพิเศษที่เผยให้เห็นความงดงาม ความเป็นตัวตนของเธอ ถึงแม้ว่าจะไม่มีผมยาวสวยเหมือนเช่นเดิม

Dawn lee

ทั้งนี้ เซบยอก ยังได้เผยอีกว่า “หากใครที่กำลังเจ็บป่วยเหมือนฉัน หรือถ้าครอบครัวของพวกเขาได้ดูคลิปนี้ ฉันคิดว่ามันจะเป็นสิ่งเล็กๆ ที่ทำให้พวกเขาสบายใจขึ้น”

ทั้งนี้ มินกันแฟนหนุ่มของ เซบยอกได้กล่าวคำไว้อาลัย โดยเขาได้โพสต์ข้อถึงเธอ โดยมีใจความว่า 

หกปีที่ผมได้พบคุณเป็นเหมือนปาฏิหาริย์สำหรับผม เราจะเก็บความทรงจำทั้งหมดที่เราสะสมมาหลายปีไว้ในใจและนำมันออกมาเป็นครั้งคราว

วันหนึ่งหลังจากที่คุณป่วย คุณพูดกับผมว่า “คุณดูไม่มีความสุขที่ได้พบฉัน” และผมก็ตอบว่า “ผมโชคดีมากที่ได้พบคุณ”

บางครั้งมีคนพูดว่า “ผู้หญิงเจอผู้ชายดีๆ” ผมก็ตอบไปว่า “ผู้ชายต่างหากที่เจอผู้หญิงดีๆ”

ผมหวังว่าในสวรรค์คุณจะไม่ป่วยและคุณจะมีชีวิตที่สดใส

19910128 วันที่คุณเกิด
20150804 วันที่เราพบกัน
20210530 วันที่คุณกลายเป็นดวงดาว
ผมจะไม่มีวันลืมสามสิ่งนี้!

รักมากนะจองจู
ไว้เจอกันใหม่!

 

ดูโพสต์นี้บน Instagram

 

โพสต์ที่แชร์โดย 민건 MINGUN (@heisgun)


ภาพ : dawniscomingheisgun

 

 

ล็อคเป้าหมาย! 7 Timeless Bags

ล็อคเป้าหมาย! 7 Timeless Bags ที่คุณไม่มีวันเบื่อ จะกี่ปีก็ไม่มีเอ้าท์

ล็อคเป้าหมาย! 7 Timeless Bags
ล็อคเป้าหมาย! 7 Timeless Bags

พาส่อง Timeless Bags กระเป๋าที่ไม่มีวันตกยุค เรียกได้ว่าผ่านมาแล้วทุกยุคก็ว่าได้ เพราะเป็นกระเป๋าใบคลาสสิกประจำแบรนด์ที่ใครเห็นต้องรู้จัก

หากจะพูดถึงกระเป๋าของแต่ละเแบรนด์ เชื่อว่าหลายคนจะมีภาพของกระเป๋าสักใบแว๊บเข้ามาในหัว เช่นถ้าพูดถึงกระเป๋า Dior แน่นอนว่าหลายคนจะต้องนึกถึง Lady Dior นั่นเป็นเพราะว่าแต่ละแบรนด์มีกระเป๋าใบเด็ดที่เป็นเหมือนตัวแทนของแบรนด์ ใครเห็นก็รู้ได้ทันทีว่ามาจากแบรนด์ไหน ซึ่งส่วนมากแล้วกระเป๋าเหล่านี้ มักจะเป็นกระเป๋ารุ่นคลาสสิกที่ยังคงได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน หรือที่เรียกกันว่าTimeless Bags นั่นเอง

ไหนๆ ก็พูดมาขนาดนี้ ถ้าจะไม่แนะนำกระเป๋าที่ไม่มีวันหมดอายุก็คงไม่ได้แล้ว วันนี้เราเลยคัดกระเป๋ารุ่นคลาสสิกมาเสิร์ฟถึง 7 ใบด้วยกัน ส่วนจะมีกระเป๋ารุ่นไหนบ้าง มาเช็คกันเลย

 

ล็อคเป้าหมาย! 7 Timeless Bags ที่คุณไม่มีวันเบื่อ จะกี่ปีก็ไม่มีเอ้าท์

 

Fendi Peekaboo

Timeless Bags

เกือบ 10 ปีแล้ว ที่ Fendi แบรนด์สัญชาติอิตาลี ได้เปิดตัวกระเป๋ารุ่นดังอย่าง peekaboo ในช่วง Spring ปี 2009 ไม่ว่าจะมีการจัดอันดับใดๆ กระเป๋ายอดฮิตรุ่นนี้เป็นต้องติดโผกับเขาด้วย เรียกได้ว่าถ้าพูดถึงกระเป๋า Fendi ทุกคนก็จะต้องนึกถึงรุ่น  peekaboo อย่างแน่นอน โดยลูกเล่นสุดเด่นของกระเป๋ารุ่นนี้คือตัว Hardware ภายในกระเป๋าที่มีลักษณะคล้ายดวงตา ซึ่งดูแปลกและแตกต่างไปจากแบรนด์อื่นๆ ไม่ว่าตัวกระเป๋าจะถูกเปลี่ยนลวดลายหรือวัสดุไปในแบบไหน แต่เอกลักษณ์ตรงนี้ก็ยังอยู่ ทำให้ Fendi peekaboo ยังคงเป็นสินค้าขายดีตลอดกาลของแบรนด์ นอกจากนี้ทางแบรนด์ยังมีพวงกุญแจเป็นตัวตุ๊กตาเอาไว้ห้อยกระเป๋าแบบเก๋ๆ ด้วย ทำให้กระเป๋ารุ่นนี้ไม่น่าเบื่อ สามารถรวมความซนและความหรูหราไว้ได้ในใบเดียวอย่างลงตัว ถือว่าเป็น It Bag ที่คูลมากๆ

 

Chanel Classic flap

Timeless Bags

กระเป๋า Chanel Classic Flap Bag ถือเป็นอีกหนึ่งรุ่นขายดีของชาเนล เพราะไม่ว่าคุณจะเป็นคนที่ต้องการพกพากระเป๋าใบเล็กๆ สีสันฉูดฉาดอยู่ข้างกาย หรือเป็นสาวออฟฟิศที่กำลังมองหากระเป๋าดีๆ สักใบ เราขอบอกเลยว่ากระเป๋าอีกหนึ่งรุ่นที่จะตอบโจทย์ความคลาสสิกและความสนุกสนานได้ ก็คือ Chanel Classic Flap Bag ที่มีการพัฒนาดีไซน์รูปลักษณ์ตลอดเวลา ไม่ว่าจะหนัง สีกระเป๋า หรือสีของฮาร์ดแวร์ก็มีให้เลือกหลากหลาย ทำให้กระเป๋าออกมาแล้วโดนตาต้องใจทุกครั้ง ถึงแม้จะเป็นรุ่นเดิมก็ตาม แต่การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ ก็สามารถสร้างความตื่นเต้นให้เหล่าแฟชั่นนิสต้าได้ไม่น้อย ในขณะเดียวกันก็ไม่ทิ้งความเป็นตัวตน สีคลาสสิกต่างๆ ที่ได้รับความนิยมตลอดกาล ก็ยังมีให้ได้เลือกสรร ถือเป็นกระเป๋าที่ความฮ็อตไม่มีทีท่าจะลดลงจริงๆ

 

Gucci Bamboo Bag

Timeless Bags

แม้กุชชี่จะเปลี่ยนครีเอทีฟไดเร็คเตอร์เป็น อเลสซานโดร มิเคเล่ (Alessandro Michele) ซึ่งเป็นคนรื้อความคอนเซอร์เวทีฟและปลุกความสนุกเฟี้ยวฟ้าวให้แบรนด์ แต่สิ่งหนึ่งที่อเลสซานโดรไม่เคยทิ้งไปนั่นคือ “หูหิ้วไม้ไผ่” สัญลักษณ์ที่มีมาแต่ดั้งเดิมตั้งแต่ปี 1947 ของกุชชี่ จากการที่ช่างฝีมือของกุชชี่ตัดท่อนไม้ไผ่มาขัดมันและสร้างสรรค์ให้เป็นหูกระเป๋าโค้งมน ผ่านมาหลายทศวรรษ ไม้ไผ่ยังคงเป็นวัสดุที่ใช้ในการผลิตกระเป๋า จนกลายเป็นเอกลักษณ์ของกุชชี่ในที่สุด รวมถึงผลตอบรับจากเหล่าแฟชั่นนิสต้าก็เข้ามาอย่างท่วมท้นเช่นกัน

 

Balenciaga Motorcycle Bag

Timeless Bags

Motorcycle bag เกิดขึ้นในปี 1999 จากการออกแบบของ Nicolas Ghesquière แต่ทางทีมผลิตของ Balenciaga กลับปฏิเสธที่จะทำกระเป๋าใบนี้ออกมา เพราะกระเป๋ามีทรงที่ย้วยและนิ่มเกินไป แต่แล้วผู้ที่เล็งเห็นและชื่นชอบในกระเป๋ารุ่นนี้ก็คือนางแบบดัง Kate Moss  เธอได้มาเห็นกระเป๋าใบนี้ในวันฟิตติ้ง เพื่อเดินแบบให้กับ Balenciaga เธอมองว่ามันเป็นกระเป๋าที่มีสไตล์ จนในที่สุด Nicolas Ghesquière ก็ได้ขอร้องให้ Balenciaga ผลิตกระเป๋ารุ่นนี้ออกมาได้สำเร็จ

ซึ่งในช่วงแรกก็ได้ผลิตออกมาเพียงไม่กี่ใบเท่านั้น เพื่อขายให้กับเหล่าดาราและนางแบบที่สนใจอยากได้ แต่ต่อมาความต้องการกระเป๋าใบนี้ก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น ทำให้ Balenciaga ต้องผลิตกระเป๋นรุ่นนี้ออกมาเป็นจำนวนมากในทุกๆ ปี จนกลายมาเป็นกระเป๋ารุ่นคลาสสิกที่ยังคงฮิตติดลมบนมาจนถึงทุกวันนี้

 

Christian Dior , Lady Dior Bag

กระเป๋า Lady Dior เป็นอีกหนึ่งไอเท็มในฝันของสาวๆ หลายคน เพราะไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปี กระเป๋ารุ่นนี้ก็ไม่เคยตกเทรนด์ และถือเป็นรุ่นที่ขายดีที่สุดของดิออร์ กระเป๋ารูปทรงสี่เหลี่ยมใบนี้ดึงดูดด้วยแพทเทิร์นของหนังที่ตัดเย็บแบบควิลต์ เรียกว่าลายคานนาจ (Cannage) หูจับเชื่อมด้วยห่วงสีทองและห้อยตัวอักษรของโลโก้ Dior ทั้งหมดนี้เป็นผลงานการออกแบบของ จอห์น กัลลิอาโน (John Galliano) แม้ Lady Dior จะถูกปรับเปลี่ยนไปตามขนาดและวัสดุต่างๆ และมีออกมาอีกหลายสีก็ตาม แต่ลายคานนาจก็ถือว่าคลาสสิกสุดและควรมีไว้ครอบครอง

 

Givenchy Antigona

กระเป๋ารูปทรงหกเหลี่ยมที่ทีแรกไม่มีใครคิดว่าจะกลายมาเป็น Most Iconic Style วางขายครั้งแรกในปี 2010 ก่อนจะถูกนำมาเปลี่ยนสีและหนังแตกต่างกันไปในแต่ละซีซั่น มาพร้อมสายสะพายยาว สามารถใช้ทั้งแบบถือ คล้องแขน หรือครอสบอดี้ก็ได้ กลายเป็นที่ชื่นชอบอย่างรวดเร็ว เพราะเหมาะเจาะกับการใช้ในชีวิตประจำวันที่สุด

 

Goyard Saint Louis Tote

Goyard เป็นแบรนด์กระเป๋าที่หลายๆ คนคุ้นชื่อกันเป็นอย่างดี เพราะคือแบรนด์เครื่องหนังที่เก่าแก่ที่สุดในโลกสัญชาติฝรั่งเศส กระเป๋ารุ่นดังของ Goyard คือ Saint Louis ถือเป็นกระเป๋าที่แสนจะคลาสสิก มีจุดเด่นคือผ้าแคนวาสจะถูกเคลือบด้วยลายโมโนแกรมที่ในตอนนี้ได้กลายมาเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ไปแล้ว ส่วนตัวผ้า Goyardine ที่ถูกผลิตขึ้นในปี 1892 ก็มีความแข็งแรง ทนทาน แต่น้ำหนักเบา ตัวดีไซน์รวมความเรียบง่ายและความหรูหราเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว สามารถกลับใช้ได้สองด้าน  จึงเป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์มากๆ สำหรับผู้หญิงที่ต้องการมีกระเป๋าใบเก่งสักใบ มีราคาที่สามารถซื้อได้ ไม่แพงจนเกินไปเมื่อเทียบกับคุณภาพ แต่อาจจะไม่ใช่สินค้าที่หาซื้อได้ง่ายๆ เพราะไม่วางขายทางออนไลน์ หากใครอยากชัวร์ว่าได้กระเป๋าของแท้ไปนอนกอด ก็ต้องเข้าไปในช็อปนะจ๊ะ


ภาพ : www.purseblog.com  , fustany.com , www.bayareafashionista.com

Eucerin cover

เช็คลิสต์ฤดูร้อน 5 กันแดดตัวแม่ ป้องกันจุดด่างดำเริ่ด ท้าแสงไหนๆ ก็ไม่หวั่น

Eucerin cover
Eucerin cover

หน้าร้อนอย่างนี้ ขอบอกเลยว่าความรุนแรงของรังสียูวีจากแสงแดดนั้น ไม่น่ารักต่อผิวของสาวๆ อย่างแรง ไหนจะแสงสีฟ้าจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ที่คนยุคใหม่ต้องเผชิญเป็นประจำอีก โดยนอกจากปัญหาผิวคล้ำเสียแล้ว อีกปัญหาผิวจากแสงแดดที่สาวๆ ต้องระวังเป็นพิเศษ ก็คือจุดด่างดำ ฝ้า กระ เพราะเป็นแล้วหายยาก แถมกันแดดธรรมดาๆ ทั่วไปอาจไม่เพียงพอสำหรับการปกป้องผิวจากปัญหาเหล่านี้

ดังนั้นการบอกต่อไอเท็มเด็ดรอบนี้ เพื่อช่วยสาวๆ รับมือกับสารพัดปัญหาผิวจากแสงแดดและแสงสีฟ้า โดยเฉพาะปัญหาจุดด่างดำต่างๆ แพรว จึงขอแนะนำ 5 กันแดดตัวแม่! ที่มาพร้อมกับคุณภาพคับแก้ว ช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวีได้แบบเต็มประสิทธิภาพ แถมยังเริ่ดด้วยคุณสมบัติที่ดีต่อผิว ถือเป็นไอเท็มที่สาวๆ ต้องมี! สำหรับช่วงซัมเมอร์นี้เลย

 

Eucerin Sun Double Whitening Serum
Eucerin Sun Double Whitening Serum
กันแดดตัวแม่เบอร์แรกที่จะหลุดจากลิสต์นี้ไม่ได้อย่างเด็ดขาด ขอยกให้กับ Eucerin Sun Double Whitening Serum ที่มาพร้อมกับ SPF50+ PA+++ ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดได้แบบเอาอยู่ ทั้งรังสี UVA และ UVB รวมถึงยังช่วยปกป้องผิวจากแสงสีฟ้า ไม่ว่าจะเป็นแสงไฟนีออน หรือแสงจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดปัญหาผิวคล้ำเสียได้อย่างเห็นผล และที่สำคัญเลยคือนางเริ่ดกว่าครีมกันแดดทั่วไป ตรงที่ช่วยจัดการกับปัญหาจุดด่างดำ ฝ้า กระ ได้อย่างตรงจุด เพราะนางมี THIAMIDOL สารเอกสิทธิ์เฉพาะของ Eucerin ซึ่งช่วยลดเลือนจุดด่างดำต่างๆ รวมถึงฝ้าแดด พร้อมช่วยป้องกันการเกิดจุดด่างดำใหม่ และช่วยให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้นอย่างเห็นผลภายใน 2 สัปดาห์ นอกจากนี้นางยังมาในรูปแบบเนื้อเซรั่มสุดบางเบา ซึมเข้าสู่ผิวง่าย ไม่เหนียวเหนอะหนะ เหมาะกับสภาพอากาศร้อนๆ ของบ้านเราอย่างที่สุด และผ่านการทดสอบแล้วว่าไม่อุดตันรูขุมขน เวิร์คมากสำหรับการใช้ก่อนแต่งหน้า ถือเป็นกันแดดที่ครบจบในหนึ่งเดียว สาวๆ ต้องมี! จริงๆ ค่ะ

 

Kiehl’s Ultra Light Daily UV Defense AquaKiehl's Ultra Light Daily UV Defense Aquaมาต่อกันที่ Kiehl’s Ultra Light Daily UV Defense Aqua ครีมกันแดดเนื้อบางเบา ซึมเข้าสู่ผิวได้ดี ไม่ทิ้งความเหนียวเหนอะหนะ ไม่อุดตันรูขุมขน เหมาะสำหรับสาวๆ ที่มีผิวมัน แถมยังเป็นสูตรอ่อนโยน ปราศจากพาราเบน น้ำหอม และไม่มีการแต่งสี สาวๆ ที่มีผิวแพ้ง่ายสามารถใช้ได้ นางช่วยปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB ด้วย SPF50 PA++++ รวมถึงช่วยต้านอนุมูลอิสระ ด้วยการปกป้องผิวจากมลภาวะต่างๆ ทำให้ช่วยลดปัญหาผิวแก่ก่อนวัย

 

Lancome UV Expert Youth Shield Aqua GelLancome UV Expert Youth Shield Aqua Gelมาถึงกันแดดเนื้อเจล ที่ขึ้นชื่อเรื่องความบางเบาสบายผิว และการช่วยควบคุมความมัน อย่าง Lancome UV Expert Youth Shield Aqua Gel นางมาพร้อมกับ SPF50 PA++++ ที่ช่วยปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB รวมถึง Long UVA ได้ยาวนาน 12 ชั่วโมง พร้อมช่วยปกป้องผิวจากการเกิดจุดด่างดำ แถมยังช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะต่างๆ เช่น ฝุ่น ควัน ได้ด้วย สำหรับการบำรุงผิวนั้น นางมีจุดเด่นตรงที่สามารถช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น ทำให้ผิวอิ่มน้ำ แลดูเรียบเนียนขึ้น

 

Anessa Perfect UV Sunscreen Skincare MilkAnessa Perfect UV Sunscreen Skincare Milkอีกหนึ่งกันแดดยอดนิยมที่ไม่ติดโผไม่ได้คือ Anessa Perfect UV Sunscreen Skincare Milk ครีมกันแดดเนื้อน้ำนม สัมผัสบางเบาสบายผิว เกลี่ยง่าย ช่วยปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB ด้วย SPF50+ PA++++ โดดเด่นด้วยเทคโนโลยี Aqua Booster EX เอกสิทธิ์เฉพาะของ Anessa ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการปกป้องจากแสงแดดให้ดียิ่งขึ้น เมื่อโดนเหงื่อหรือน้ำ รวมถึงเป็นกันแดดที่ช่วยบำรุงผิวได้ด้วย เพราะนางใส่สารบำรุงผิวเอาไว้ 50% จึงช่วยปลอบประโลมผิวหลังการเผชิญแสงแดดได้

 

Za True White Power Block UV
Za True White Power Block UV
ปิดท้ายกันด้วย Za True White Power Block UV กันแดดเนื้อครีมที่ซึมเข้าสู่ผิวได้ดี แถมช่วยควบคุมความมันได้ โดยนางมาพร้อมกับการปกป้องผิวจากแสงแดดด้วย SPF40 PA+++ ตามติดมาด้วยสารป้องกันแสงแดดอย่าง Titanium Dioxide และ Zince Oxide ที่ช่วยกระจายรังสี และ Octyl Methoxycinnamate ที่ช่วยดูดซับรังสี นอกจากนี้นางยังช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น เพราะใส่ส่วนผสมของวิตามินอี และ Mineral เอาไว้ด้วย

กางโพยกันละเอียดขนาดนี้ เชื่อว่าสาวๆ น่าจะเจอกันแดดที่ตอบโจทย์จากลิสต์นี้อย่างแน่นอน ซึ่งนอกจากประสิทธิภาพในการปกป้องผิวจากแสงแดดแล้ว สาวๆ อย่าลืมคำนึงถึงปัญหาผิวอื่นๆ ของตัวเองกันด้วยนะคะ ยกตัวอย่างเช่น หากสาวๆ มีปัญหาจุดด่างดำ ฝ้า กระ ก็ควรเลือกกันแดดที่สามารถช่วยจัดการกับปัญหาเหล่านี้ได้อย่างตรงจุดและเห็นผลจริง เพื่อให้ผิวของสาวๆ มีสุขภาพดีในช่วงซัมเมอร์นี้และตลอดไปเลยนะคะ

เมแกน ดัชเชสแห่งซัสเซกซ์

ย้อนชม แฟชั่น เมแกน ลุคแรกหลังเสกสมรส เป๊ะทุกข้อตามกฎราชวงศ์

เมแกน ดัชเชสแห่งซัสเซกซ์
เมแกน ดัชเชสแห่งซัสเซกซ์

ก่อนจะแหกกฎจนกลายเป็นที่จับตามอง แฟชั่น เมแกน ดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ ในลุคแรกหลังเข้าพิธีเสกสมรมกับเจ้าชายแฮร์รี่ มาพร้อมเดรสสุดเรียบหรู ในโทนสีพาสเทล ที่ตรงตามกฎการแต่งกายของราชวงศ์อังกฤษทุกอย่าง

ย้อนกลับไปในปี 2018 หลังเสร็จสิ้นพิธีเสกสมรสสุดยิ่งใหญ่ระดับโลกระหว่างเจ้าชายแฮร์รี่และเมแกน มาร์เคิล ในช่วงบ่ายของวันที่ 22 พฤษภาคม ปี 2018 ตามเวลาท้องถิ่นของสหราชอาณาจักร เจ้าชายแฮร์รี่พร้อมด้วยเมแกน ดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ ทรงออกงานและร่วมทำพระราชกรณียกิจแรกด้วยกันหลังจากเข้าพิธีเสกสมรสไปเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม

ซึ่งงานนี้เป็นงานเลี้ยงเพื่อฉลองวันคล้ายวันพระราชสมภพครบรอบ 70 พรรษา เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ ที่จัดขึ้นก่อนจะถึงวันพระราชสมภพจริงในเดือนพฤศจิกายน ณ พระราชวังบักกิงแฮม ทั้งนี้ที่จัดงานล่วงหน้าก่อนหลายเดือน ก็เพื่อจะฉลองงานด้านการกุศลต่างๆ ที่เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ทรงอุปถัมภ์อยู่

เมแกน ดัชเชสแห่งซัสเซกส์
ดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์

เมแกน ดัชเชสแห่งซัสเซกส์
ดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์

แน่นอนว่าเมื่อดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ปรากฏตัวในงานแรก บวกกับความเป็นแฟชั่นไอคอนของเมแกนแล้ว ทั้งสื่อและประชาชนก็มุ่งความสนใจไปที่การแต่งตัวของเธอ เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่าราชวงศ์อังกฤษมีกฎกติกาในเรื่องของการแต่งกาย ซึ่งเป็นมารยาทที่ปฏิบัติกันมาหลายทศวรรษแล้ว โดยดัชเชสเมแกนก็สามารถทำลุคแรกอย่างเป็นทางการออกมาได้ดี ตรงกับกฎของราชวงศ์อังกฤษแบบเป๊ะๆ เรียกว่าเช็คแล้วครบทุกข้อ

ในลุคนี้เมแกนได้เลือกเดรสสุดเรียบหรูจาก Goat ราคาประมาณ 25,709 บาท หมวกใบสวยที่เข้ากับเดรสจาก Philip Treacy เครื่องประดับทั้งต่างหูและสร้อยข้อมือของแบรนด์ Vanessa Tugendhaft กระเป๋าคลัชท์โทนสีสุภาพจาก Wilbur & Gussie ราคาประมาณ 8,857 บาท และคอมพลีตลุคสุดโก้นี้ด้วยรองเท้าสีนู้ดจาก Tamara Mellon ราคาประมาณ 14,431 บาท

นอกจากนี้ อย่างที่เราได้บอกไปว่าดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ทำตามกติกาในด้านการแต่งกายตามแบบฉบับราชวงศ์อังกฤษอย่างครบถ้วน แต่หลายคนอาจยังไม่รู้ว่ามีอะไรบ้าง ดังนั้นแพรวดอทคอมจะขอแชร์ให้ทุกคนได้ทราบกัน ตามนี้เลย

ย้อนชม แฟชั่น เมแกน ลุคแรกหลังเสกสมรส เป๊ะทุกข้อตามกฎราชวงศ์

เมแกน ดัชเชสแห่งซัสเซกซ์
ไม่ทาเล็บสีสันสดใส แต่เลือกสีทาเล็บที่ดูเป็นธรรมชาติแทน

ในการแต่งกายตามแบบราชวงศ์อังกฤษ กำหนดให้สตรีสวมหมวกในงานที่เป็นทางการ

เมแกน ดัชเชสแห่งซัสเซกซ์
เป็นกฎที่รู้กันทั่วไปว่าจะไม่ได้รับอนุญาตให้จับมือกับสมาชิกคนใดในราชวงศ์ ดังนั้นสุภาพสตรีในราชวงศ์ จึงต้องถือคลัทช์ด้วยมือทั้งสองข้าง

เมแกน ดัชเชสแห่งซัสเซกซ์
สวมถุงน่องเรียบร้อย เพราะควีนเอลิซาเบธที่ 2 ต้องการให้สมาชิกในครอบครัวทุกคนสวมใส่ถุงน่อง ดังนั้นสมาชิกราชวงศ์ฝ่ายหญิงที่แต่งกายด้วยเดรสสั้นจะต้องไม่ปล่อยให้ขาเปลือยเปล่า

จากลุคแรกนี้ของเมแกน นอกจากจะสง่างามและเต็มไปด้วยความเรียบหรูแล้ว ก็สามารถทำถูกต้องตามกฎกติกาของราชวงศ์ได้อย่างดี แม้ว่าหลังจากนั้นจะแหกกฎอยู่หลายครั้งก็ตาม จนในที่สุดเธอได้ถอนตัวจากการเป็นสมาชิกราชวงศ์ชั้นสูงพร้อมกับเจ้าชายแฮร์รี่


ภาพ : IG@europe.monarchies , @meghanharrydaily

เรื่อง : ฮานะ_แพรวนิสต้า

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

หนังคนละม้วน! เมแกน เผย ดัชเชสเคท หัวเสียเรื่องถุงน่อง เจ้าหญิงชาร์ลอตต์

แฟชั่นที่ไร้กฎเกณฑ์! เมแกน ทำอะไรได้บ้าง หลังออกจากการเป็นสมาชิกชั้นสูง

เผยเหตุผลที่แท้จริง ทำไม ‘ดัชเชสเคท’ ชอบใส่ชุดสีเขียว

 

มาดามแป้ง

เปิดใจคู่กันครั้งแรก มาดามแป้ง & ดร.ณรัชต์ ความรักดั่งบุพเพสันนิวาสครั้งสุดท้าย

Alternative Textaccount_circle
มาดามแป้ง
มาดามแป้ง

เพราะ “ความรัก” มีเรื่องราวที่ทำให้หัวใจพองโตได้เสมอ เหมือนเช่นความรักของ  มาดามแป้ง -นวลพรรณ ล่ำซำ กับ พ.ต.อ. ดร.ณรัชต์ เศวตนันทน์ ที่ให้เกียรติสัมภาษณ์คู่ด้วยกันเป็นครั้งแรกที่ แพรว พร้อมเล่าถึงจุดเริ่มต้นของความรักที่คุณแป้งเชื่อว่าเป็นบุพเพสันนิวาส รวมถึงอีกหลายเหตุการณ์พิเศษที่ทำให้ทั้งคู่ตัดสินใจร่วมทุกข์ร่วมสุข เป็นเรื่องที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหน และทำให้คุณได้รู้จักนวลพรรณ ล่ำซำ ในองศาอื่น นอกจากความเป็นเซเลบริตี้หรือนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ แต่เป็นผู้หญิงธรรมดาที่น่ารักมากจริงๆ

เปิดใจคู่กันครั้งแรก มาดามแป้ง & ดร.ณรัชต์ ความรักดั่งบุพเพสันนิวาสครั้งสุดท้าย

แพรว เคยคุยกับคุณแป้งหลายครั้ง แต่เพิ่งได้โอกาสคุยกับคุณเอเป็นครั้งแรก เล่าถึงเรื่องราวในชีวิตก่อนเจอคุณแป้งหน่อยครับ

“ผมเกิดและเติบโตในครอบครัวข้าราชการ คุณปู่กับคุณพ่อเป็นตำรวจ คุณแม่เป็นครู สมัยเรียนมัธยมปลายผมเข้าเรียนที่โรงเรียนเตรียมทหาร ต่อด้วยโรงเรียนนายร้อยตำรวจ จึงได้สวมเครื่องแบบตั้งแต่อายุ 17-18 ปี ได้ฝึกการมีวินัย ความรับผิดชอบ การตรงต่อเวลา รวมถึงภาวะผู้นำ ซึ่งผมได้รับเลือกจากครูบาอาจารย์และเพื่อนๆ ให้เป็นหัวหน้านักเรียนของทั้งสองสถาบัน มีหน้าที่เป็นผู้แทนเพื่อนๆ และปกครองบังคับบัญชาน้องๆ ถือเป็นเกียรติและความภูมิใจมาก

“พอเรียนจบ ผมทำงานที่สถานีตำรวจนครบาลลุมพินีได้ 2 ปี ก็ไปเรียนต่อที่ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเรียนจบปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยเคนทักกีสเตท และปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยฟลอริดาสเตทในสาขาอาชญาวิทยา จากนั้นกลับมารับราชการในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตำแหน่งสุดท้ายคือ ผู้กำกับการ ฝ่ายองค์การตำรวจสากลกองการต่างประเทศ ยศพันตำรวจเอก

“ปี 2546 ผมได้รับการโอนย้ายไปอยู่กระทรวงยุติธรรม เป็นผู้บัญชาการสำนักงานกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ ก่อนจะเติบโตเป็นรองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ DSI แล้วได้เลื่อนเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรม ถึงวันนี้เป็นอธิบดี 3 กรมแล้ว เริ่มจากอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ อธิบดีกรมคุมประพฤติ และปัจจุบันเป็นอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ซึ่งอีก 2 ปีจะครบกำหนดเกษียณอายุราชการแล้วครับ” (ยิ้ม)

มาดามแป้ง

แล้ว “อธิบดีเอ” โคจรมาเจอ “มาดามแป้ง” ได้ อย่างไรครับ

คุณแป้งยิ้มก่อนเล่าถึงจุดเริ่มต้น “เราเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนหลักสูตร วตท. รุ่น 8 ที่สถาบันวิทยาการตลาดทุน เมื่อปี 2552 ค่ะ ก่อนหน้านั้นไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่แป้งจำได้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นรองอธิบดี DSI” (ตำแหน่งคุณเอขณะนั้น)

คุณเอพูดบ้าง “ส่วนผมก็รู้ว่าน้องแป้งเป็นเซเลบริตี้ที่สวย มีชื่อเสียงในแวดวงสังคม ความจริงแอบเห็นเขาในงานหนึ่ง ซึ่งตอนนั้นใกล้เปิดเรียน วตท. พอดี ผมได้แต่มองและชื่นชมว่าน้องคนนี้น่ารัก แต่ไม่ได้คิดว่าจะมีโอกาสใกล้ชิด จนได้เจอในห้องเรียน ซึ่งบังเอิญอีกว่าในคลาสนั้นมีอาจารย์ธงทอง จันทรางศุ เป็นเพื่อนร่วมชั้น ซึ่งท่านเป็นรุ่นพี่ของเราที่โรงเรียนสาธิตปทุมวันด้วย จึงได้เรื่องนี้เป็นจุดเชื่อมในการพูดคุย เหมือนมีความผูกพันของพี่น้องร่วมสถาบันขึ้นอีกระดับหนึ่ง”

แล้วคุณเอจีบคุณแป้งอย่างไรครับ

“อาศัยเทคโนโลยี 1G ครับ” คุณเอยิ้ม “เราส่งข้อความคุยกันผ่านโทรศัพท์มือถือ ตอนนั้นหน้าจอยังเป็นขาวดำอยู่เลย สติ๊กเกอร์มีแค่สัญลักษณ์ยิ้มธรรมดา แต่เราส่งข้อความหากันแทบจะตลอดเวลา ตั้งแต่ Good Morning จนถึง Good Night”

คุณแป้งเล่าต่อ “เราเป็นมนุษย์โลว์เทคโนโลยีทั้งคู่ ที่แปลกคือแป้งกับพี่เอมักจะส่งข้อความถึงกันในเวลาเดียวกันโดยไม่ได้นัดหมาย เรียกว่าข้อความชนกันกลางอากาศบ่อยๆ สมมติแป้งพิมพ์ถามไปว่า ‘Tham arai yu ka?’ หลังจากกดส่งไปปุ๊บ จะมีข้อความจากพี่เอมาถึงพร้อมกันว่า ‘Meeting อยู่จ้ะ…How are you?’ เป็นแบบนี้บ่อยมาก”

คุณเอ “พอผมได้คุยกับน้องแป้งก็ไม่คิดว่าเขาจะติดดินแบบ Down to Earth ขนาดนั้น ทั้งที่ภาพภายนอกมีความหรูหรา แต่จริงๆ ติดดิน จริงใจ และลุยมาก อย่างเรื่องกินก็ไม่ได้กินแต่ของแพงๆ อาหารโปรดของแป้งคือก๋วยเตี๋ยวกับอาหารอีสานด้วยซ้ำ แต่ผมสารภาพตรงๆ ว่าความที่น้องแป้งอยู่รายล้อมด้วยลักชัวรี่แบรนด์ ด้วยชื่อเสียงของตระกูลล่ำซำ ตอนแรกผมรู้สึกเกร็งมาก ก็ได้การส่งข้อความทางโทรศัพท์มือถือที่ทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น”

มาดามแป้ง

ผู้ชายคนนี้ทำลายกำแพงในหัวใจคุณแป้งได้อย่างไรครับ

“เมื่อพูดถึงความรัก แม้เกิดมาเป็นนวลพรรณ ล่ำซำ แต่ชีวิตไม่ได้โรย ด้วยกลีบกุหลาบเลย แป้งผ่านเรื่องราวทั้งสุขและทุกข์มาเยอะ ทั้งเรื่องสุขภาพ หน้าที่การงาน เคยผ่านการแต่งงาน ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลถือเป็นประสบการณ์ที่ดีของชีวิต บางคนอาจคิดว่าแป้งคงเข็ดขยาดกับความรักแล้ว แต่แป้งไม่เคยคิดแบบนั้นเลยค่ะ ความรักยังเป็นสิ่งสวยงามเสมอ แป้งไม่เคยปิดกั้นตัวเอง แต่ก็ไม่ถึงขนาดเปิดรับใครเข้ามาในใจได้ง่ายๆ เหมือนกัน เพราะอายุตัวเองก็ไม่ใช่น้อยๆ แต่เพราะพี่เอเป็นสุภาพบุรุษ มีความเข้าใจในตัวแป้ง และทุ่มเทให้ความรักจริงๆ ทำให้ความสัมพันธ์ของเราพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ

“พูดถึงคู่ชีวิต แน่นอนว่าด้วยความเป็นปุถุชนธรรมดา ไม่ว่าใครก็คงอยากได้คนที่มีพร้อมทุกอย่าง ทั้งหน้าตา ชื่อเสียง เกียรติยศ หน้าที่การงาน เงินทอง สำหรับแป้งคนที่เข้ามาในชีวิตก็มีความโดดเด่นไม่เหมือนกัน แต่ที่สุดแล้วแป้งคิดว่าพี่เอเป็นคู่ชีวิตที่เหมาะสมที่สุด ถ้าพูดแบบเปิดใจก็คงบอกว่า แป้งไม่ได้คาดหวังให้พี่เอซื้อเพชรสีชมพูในราคา 50 ล้านบาทให้ แต่สิ่งที่ทำให้แป้งมีความสุขมากคือ พี่เอเข้ามาเติมเต็มส่วนสำคัญที่แป้งต้องการ นั่นคือความสุข ด้วยนิสัยและการดูแลเอาใจใส่”

แล้วความรักก็เดินทางมาถึงงานแต่งงาน

“ใช่ค่ะ ถ้าพูดจากใจจริง แป้งไม่คิดที่จะแต่งงานใหม่ แต่หลังจากศึกษาดูใจพี่เออยู่หลายปี ทำให้มั่นใจว่าเราสามารถใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันได้ แป้งแพ้ในความจริงใจและเป็นคนดี ถึงวันนี้แป้งยังจำประโยคที่พี่เอพูดได้ว่า ถ้ามั่นใจในตัวเขา ก็แต่งงานกัน เราจะได้ใช้ชีวิตครอบครัวร่วมกัน

“ความจริง…มีเรื่องหนึ่งที่ไม่เคยบอกใคร ตอนแรกเราได้ฤกษ์แต่งงานในเดือนมีนาคม 2557 แต่ช่วงปลายปี 2556 พี่เอมีอาการตาพร่า บางครั้งมองเห็น เป็นภาพซ้อน เขาจึงไปตรวจ MRI ระหว่างรอผลเราเดินทางไปสิงคโปร์ด้วยกัน ซึ่งพอไปถึงไม่นาน คุณหมอก็โทร.มาบอกแป้งว่า ข่าวร้ายหน่อยนะ คุณเอมีถุงน้ำในสมองขนาดเท่ากับลูกมะนาวย่อมๆ เราตกใจกันมาก สักพักคุณแม่ของแป้งก็โทร.มาบอกว่าให้รีบกลับเมืองไทย ถ้าต้องผ่าสมอง ท่านเตรียมคุณหมอไว้ให้แล้ว ตอนนั้นรู้สึกช็อกมาก สรุปว่าวันนั้นเราไม่ได้นอนค้างที่สิงคโปร์ เพราะต้องเดินทางกลับมาพบคุณหมอทันที”

คุณเอเล่าต่อ “คุณหมอบอกว่าวิธีรักษามีอยู่ 3 ทาง หนึ่ง ถ้ากินยาแล้วถุงน้ำไม่ใหญ่ขึ้นก็เก็บไว้เฉยๆ ได้ และคอยมอนิเตอร์อยู่สม่ำเสมอ แต่ถ้าถุงน้ำมีขนาดใหญ่ขึ้นและมีอาการปวดหัว ก็ไปสู่ขั้นตอนที่สอง นั่นคือการสอดท่อเข้าไปดูดน้ำออก ซึ่งน้ำก็อาจเข้าไปใหม่ หรือทางที่สามคือ การผ่าตัดสมอง เพื่อนำก้อนนี้ออกมา…ในวันนั้นเราตัดสินใจว่าจะเลือกการกินยาก่อน ซึ่งถ้าพูดตรงๆ ก็เสี่ยงทุกทาง”

คุณแป้ง “หลังจากเกิดเรื่อง ญาติของแป้งถามด้วยความเป็นห่วงว่านี่เป็นเรื่องใหญ่ แป้งต้องตัดสินใจให้ดีว่าจะแต่งงานไหม เนื่องจากพี่เออายุเยอะพอสมควร ผลจากการรักษาอาจทำให้เขาเกิดเรื่องไม่ดีหรืออายุสั้นได้ แต่แป้งคิดว่าในเมื่อเรารักกันก็จะไม่ทิ้งเขาแบบนี้ พูดง่ายๆ ว่าไม่ว่าอย่างไรก็จะแต่งงานกับพี่เอ แป้งจึงเลื่อนงานให้เร็วขึ้น จากเดือนมีนาคมเป็นวันที่ 19 มกราคม 2557 เพื่อที่พี่เอจะได้ย้ายมาอยู่ด้วยกันที่บ้าน จะได้มีคนช่วยดูแล นี่คือเหตุการณ์ที่แป้งไม่เคยลืม เพราะเป็นวันที่เราตัดสินใจที่จะร่วมทุกข์ร่วมสุขกันจนแก่เฒ่าจริงๆ”

คุณเอยิ้มให้คุณแป้ง “ผมไม่เคยลืมเรื่องนี้เหมือนกัน เมื่อย้อนกลับไปก็ต้องขอบคุณน้องแป้งที่ตัดสินใจแบบนั้น เพราะถึงจะไม่ต้องผ่าตัดก็ไม่มีใครการันตีได้ว่าผมจะอยู่กับเขากี่ปี หรือถ้าต้องผ่าตัดแล้วจะมีสภาพอย่างไร แต่ด้วยน้ำใจของน้องแป้งและครอบครัวที่ตัดสินใจเลื่อนงานแต่งมาเร็วขึ้น เพราะตอนนั้นผมอยู่คอนโดคนเดียว คุณแม่ของแป้งจึงเป็นห่วงว่าถ้าผมหน้ามืดแล้วหกล้มไป จะทำอย่างไร ใครจะดูแล

“สำหรับงานแต่งงาน คุณแม่ของแป้งให้คำแนะนำว่าไม่ต้องจัดงานให้ใหญ่นัก เพราะต่างฝ่ายต่างรู้จักคนเยอะ ถ้าต้องเชิญแขกจำนวนกว่า 1,000 คน จะเตรียมงานลำบาก ให้ทำบุญเลี้ยงพระแล้วกัน เพราะฉะนั้นเราจึงเปลี่ยนวันแต่งงานจากเดือนมีนาคมเป็นวันที่ 19 มกราคม 2557 จากนั้นผมก็เข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ของบ้าน ได้รับความรักและความเมตตาจากคุณพ่อคุณแม่ รวมทั้งได้รับความช่วยเหลือจากแม่บ้านและคนงานหลายคนที่ช่วยดูแลในทุกๆ เรื่อง”

นวลพรรณ ล่ำซำ

คุณแป้งเคยเล่าว่าเวลาทำงานด้วยกัน คุณแป้งเป็นฝ่ายบู๊ ส่วนคุณเอเป็นฝ่ายบุ๋น

“ใช่ค่ะ เรามีทั้งเรื่องที่เหมือนและต่างกันหลายอย่าง สิ่งที่ต่างกันอย่างชัดเจนคือ แป้งมีนิสัยชอบความเสี่ยง ชอบความท้าทาย นี่อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้ สนุกกับการทำทีมฟุตบอล ซึ่งนี่คือนิสัยที่ตรงข้ามกับพี่เอ ถึงฝ่ายนั้นจะชอบฟุตบอล แต่มีบุคลิกที่มั่นคงและนิ่งมากกว่า แต่ความต่างนี้ได้กลายเป็นส่วนผสมที่พอดีสำหรับคู่เรา ถ้าเปรียบเทียบเป็นกองทัพ แป้งเป็นเหมือนแม่ทัพฝ่ายบู๊ ส่วนพี่เอเป็นแม่ทัพฝ่ายบุ๋น ถ้าวันไหนฝ่ายบู๊หุนหันพลันแล่นมากเกินไป พี่เอจะช่วยดึง ให้มาอยู่ตรงกลาง”

คุณเอเล่าเสริม “เนื้องานเราไม่เหมือนกันด้วย ผมเป็นข้าราชการก็ต้อง Slow But Sure ส่วนแป้งเป็นผู้นำองค์กรภาคธุรกิจ บางครั้งต้องตัดสินใจเร็ว ฉะนั้นเมื่อมาใช้ชีวิตคู่ก็เป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย ผมเองได้เปิดโลกทัศน์ออกจากกรอบเดิมๆ สำหรับแป้งก็อย่างที่เขาบอกว่าได้เรียนรู้อีกแนวคิดจากผม ซึ่งผมคิดว่าเป็นความสมดุลที่พอดี”

นอกจากเรื่องงาน สองคนนี้ดูแลกันและกันอย่างไรบ้างครับ

คุณเอตอบก่อน “เราพยายามกินข้าวด้วยกันให้บ่อยที่สุด อย่างมื้อเย็นกินด้วยกันเกือบทุกวัน ถ้าเป็นสมัยจีบกันใหม่ๆ จะมีร้านประจำ แต่พอมาอยู่ด้วยกันก็เปลี่ยนมากินที่บ้าน เพราะคุณพ่อคุณแม่ของน้องแป้งอายุมากแล้ว คุณพ่ออายุ 85 ปี ส่วนคุณแม่ 77 ปี เพราะฉะนั้นการได้กินข้าวร่วมกับบุพการีก็เป็นเรื่องที่ดี บางทีเราจะดูทีวีบนโต๊ะอาหารครั้งละ 1-2 ชั่วโมง จนน้องแป้งหรือผมหลับคาโต๊ะไปเลย แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่อบอุ่นมาก”

คุณแป้ง “ต้องขอบคุณพี่เอที่ช่วยเป็นอีกหลักหนึ่งให้ครอบครัวแป้ง แต่ช่วงหลังเรากินข้าวเย็นกันดึกมาก ปีนี้แป้งตั้งใจว่าจะหันกลับมาดูแลสุขภาพมากขึ้น ต้องยอมรับว่าเราแก่กันแล้ว”

คุณเอ “ผมเป็นห่วงน้องแป้งเรื่องนี้มาก เมื่อก่อนเขายังออกกำลังกายด้วยการเดินบนลู่วิ่งบ้าง แต่ช่วงหลังงานเยอะจนไม่ได้ออกกำลังกาย แล้วน้องแป้งมีปัญหาเรื่องนอนไม่หลับ ต้องทานยานอนหลับช่วยมาเกือบ 20 ปีแล้ว เพราะฉะนั้นเขาจะตื่นสายหน่อย ส่วนผมอาจเพราะโดนฝึกให้ตื่นเช้ามาตั้งแต่ 40 ปีที่แล้ว ไม่เกิน 6 โมงเช้าจะตื่นมาอาบน้ำ แปรงฟัน และออกกำลังกายทุกวัน”

สองคนนี้ทะเลาะกันบ้างไหมครับ

“มีบ้างอยู่แล้วค่ะ ถึงแป้งจะรักสามี แต่ก็ยอมรับว่าค่อนข้างเอาแต่ใจตัวเอง (หัวเราะ) ซึ่งพี่เอก็มีกลยุทธ์อันชาญฉลาด อย่างในปีแรกๆ ที่แต่งงานกัน ถ้าแป้งเริ่มเสียงดัง พี่เอจะบอกว่าพี่เป็นลูกคนเดียวของพ่อแม่ ตอนเด็กๆ พ่อแม่เรียกว่าน้องเอตลอด เพราะฉะนั้นเวลาทะเลาะกับแป้ง พี่เอจะบอกว่า อย่า ทำอะไรน้องเอนะ น้องเอเป็นลูกคนเดียว อย่าทำร้ายจิตใจฉัน…น่ารักไหมคะ” (คุณแป้งหันไปยิ้มให้คุณเอ)

พ.ต.อ. ดร.ณรัชต์ เศวตนันทน์

ซื้อของขวัญให้กันบ้างไหมครับ

“แป้งบังคับให้พี่เอซื้อให้บ่อยค่ะ ถือเป็นฝันร้ายของเขาเลย (คุณเอหัวเราะ) แป้งเรียงเทศกาลให้ด้วย ยกตัวอย่างช่วงปลายปีไล่ไปเลย มีคริสต์มาส ปีใหม่ ครบรอบแต่งงาน วาเลนไทน์”

คุณเอเล่าต่อ “เรื่องของขวัญไม่ได้เซอร์ไพร้ส์เท่าไรครับ เพราะน้องแป้งจะทำให้เห็นว่าอยากได้อะไร เช่น กระเป๋า ต่างหู หรือแหวน ก็เป็นอันรู้กันว่าผมจะต้องเตรียมตัวซื้อของขวัญอะไรแทนความรัก” (ยิ้ม)

ถ้าถอดบทบาทหน้าที่การงานออกไป สามีภรรยาคู่นี้ใช้ชีวิตที่บ้านอย่างไรบ้างครับ

คุณเอ “บางวันกลับมาถึงบ้านตอนเย็นเราแทบไม่ได้คุยกันเลย เพราะน้องแป้งจะโทรศัพท์สั่งงานเรื่องนั้นเรื่องนี้ พออาบน้ำเสร็จก็จะดูงานต่ออีกหน่อย จากนั้นดูยูทูบอัพเดตข่าว ทั้งกีฬา บันเทิง การเมือง ส่วนผมเปิดทีวีดูกีฬาหรือภาพยนตร์ แต่ที่อยากบอกคือบางทีเราไม่ต้องคุยกันสักคำ แต่ขอให้รู้ว่าอยู่ด้วยกันตรงนั้น ผมเชื่อว่าแป้งไม่เคยรู้สึกโดดเดี่ยว และรู้สึกได้ถึงคู่ชีวิตที่พร้อมซัพพอร์ตเสมอ”

คุณแป้งเคยเล่าว่า เชื่อว่าความรักกับคุณเอคือบุพเพสันนิวาส

“ใช่ค่ะ แป้งว่าเป็นปาฏิหาริย์นะ ไม่ง่ายเลยที่ผู้ชายผู้หญิงที่พบเจอกันในวันที่อายุใกล้ 50 ปี แล้วสามารถพัฒนาความสัมพันธ์จนได้แต่งงาน จะบอกว่าเป็นชีวิตที่สมบูรณ์หรือเปล่าคงตอบไม่ได้ เพราะโลกนี้ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ แต่สำหรับแป้ง พี่เอเข้ามาช่วยเติมเต็มให้ชีวิตแป้งมีความสุขมาก”

คุณเอ “สำหรับผม นี่คือเรื่องเหนือความคาดฝันนะ ด้วยชื่อเสียง รูปโฉม ชาติตระกูล และฐานะของน้องแป้ง ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะมาเจอผมได้ ก็ต้องถือเป็นวาสนาของผมที่ได้รับความรักจากน้องแป้ง รวมถึงครอบครัวที่ช่วยดูแลทุกอย่าง เพราะฉะนั้นผมมีเพียงหน้าที่เดียวคือดูแลน้องแป้งให้ดีที่สุด”

คุณแป้งยิ้มหวาน “มีเรื่องหนึ่งที่เราชอบเหมือนกันคือฟังเพลง พี่เอร้องเพลงเพราะนะคะ ส่วนแป้งไม่ค่อยได้เรื่องเท่าไร บางครั้งเราจะเลือกเพลงฟังไปเรื่อยๆ ว่าเพลงนี้พี่เอเหมาะร้องให้แป้งนะ หรือเพลงนี้ความหมายเหมือนคู่เราเลย เช่น เพลงสายลมแห่งรัก ของเบน-ชลาทิศ (คุณแป้งเปิดเพลงนี้
ในโทรศัพท์คลอไปด้วยแล้วยิ้มกว้าง)

“แป้งอยากให้ความรักของเราเป็นเหมือนเนื้อเพลงนี้…สายลมแห่งรักพัดมา ขอจงอย่าพารักไป อย่าพัดให้เธอห่างไกลให้เราห่างกัน หากลมได้ยินหัวใจ ขอจงเมตตาบ้างสักครั้ง ให้รักได้อยู่คู่กัน ให้เธอได้อยู่คู่ฉันตลอดไป…แป้งตั้งใจให้รักครั้งนี้เป็นรักครั้งสุดท้ายที่ดีที่สุด”


ข้อมูลจาก : IG @panglamsam นิตยสารแพรว ฉบับ 943 

สามารถติดตามอ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่

ขั้วตรงข้าม ปราง-นวลวรรณ ล่ำซำ ลูกสาวคนเก่งของ มาดามแป้ง

นี่แหละตำนานคิ้วต์เกิร์ลจุฬาฯ มาดามแป้ง-นวลพรรณ ล่ำซำ

5 เรื่องลึกที่คุณอาจยังไม่รู้เกี่ยวกับ “มาดามแป้ง” สตรองจนผู้ชายอกสามศอกต้องยกนิ้วให้!

ประสบการณ์มีลูกยาก

7 ดาราสาวผ่าน ประสบการณ์มีลูกยาก กว่าจะมีทายาทคนแรกไม่ใช่เรื่องง่าย

ประสบการณ์มีลูกยาก
ประสบการณ์มีลูกยาก

ดารา – เซเลบ แชร์ ประสบการณ์มีลูกยาก ต้องทำทุกวิถีทางกว่าจะมีทายาทสมใจ ลั่นลูกคือดวงใจของแม่ มีความสุขที่ได้เห็นเขาเติบโต

การจะมีลูกสักคน ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ยิ่งสมัยนี้ผู้หญิงส่วนใหญ่มีครอบครัวกันช้า และอายุอานามก็ปาเข้าเลข 3 เลข 4 ถึงจะตัดสินใจแต่งงาน เลยทำให้ส่งผลต่อการมีลูก เพราะปัจจุบันสังคมไทยมีค่านิยมในการแต่งงานหรือมีครอบครัวในช่วงอายุที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้หลายคนที่วางแผนมีลูกกังวลว่า การตั้งครรภ์ขณะอายุมากอาจส่งผลต่อสุขภาพครรภ์และการคลอดลูก โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป

สำหรับ ปัญหาการมีบุตรยาก ถ้าสังเกตกันจริงๆ มักจะเกิดกับคนที่มีความพร้อมสูง ในเรื่องฐานะ อย่าง ดารา – เซเลบ ในบ้านเราก็ประสบกับปัญหานี้กันหลายคู่ กว่าจะฝ่าฟันอุปสรรคในการมีลูกคนแรกมาได้ เรียกว่าต้องใช้ความอดทนสูงมาก วันนี้ แพรวดอทคอม เลยสอบถามความรู้สึกของคุณแม่ที่มีบุตรยากกับประสบการณ์ครั้งแรกที่ได้เป็นคุณแม่สมใจ

7 ดาราสาวผ่าน ประสบการณ์มีลูกยาก กว่าจะมีทายาทคนแรกไม่ใช่เรื่องง่าย

ประสบการณ์โอปอล์ ปาณิสรา

โดยเริ่มที่ โอปอล์ ปาณิสรา กับประสบการณ์ที่ยากจะลืมเลือน และต้องแลกด้วยน้ำตา กว่าจะได้เป็นคุณแม่สมใจ และยิ้มออกได้ในทุกวันนี้ เนื่องจากโอปอล์มีภาวะครรภ์เป็นพิษ และคลอดลูกแฝดชายหญิง อย่าง อลิน-อลัน ก่อนกำหนด ซึ่งน้องทั้งสองคนเกิดมาน้ำหนักค่อนข้างน้อยกว่าเด็กคนอื่น เพราะเขาเป็นแฝด คนพี่ อลินหนัก 1,200 กรัม คนน้อง อลัน 1,060 กรัม โอปอล์เผยยังไม่ทันได้กอดลูกเลย คุณแม่คนอื่นๆ ที่คลอดลูกออกมาได้ถ่ายรูป อันนี้คลอดออกมาร้องแว้ๆ คุณหมอจัดการใส่ท่อ เข้าห้องเลย แต่ถือว่าผ่านช่วงชีวิตที่ยากที่สุดเรื่องลูกมาแล้ว “ตอนนี้และทุกวันนี้ปอล์มีความสุขมากที่ได้เห็นเขาเติบโต มีพัฒนาการตามลำดับ และที่ปอล์ผ่านทุกอย่างมาได้อย่างเข้มแข็ง ก็เพราะมีพี่โอ๊คที่คอยอยู่เคียงข้างกันในทุกนาที”

ประสบการณ์แอน อลิชา

แอน อลิชา เป็นเพราะเพื่อนๆ ในแก๊งนางฟ้าอย่าง พอลล่า กับ นานา แซงหน้ามีลูกกันไปหมดแล้ว เหลือก็แต่สาวแอนที่ในตอนนั้น ทำยังไงทายาทก็ไม่มาสักที ซึ่งแอนกับภูริเองก็ทำทุกวิถีทางที่จะมีทายาทมาสืบสกุล ตลอดระยะเวลาหลังแต่งงานแอนกับภูริมุ่งมั่นและตั้งใจกับการมีลูกมากๆ ทั้งฉีดเชื้อ ใส่ตัวอ่อน และในที่สุด ริชาน้อยก็มา และทันทีที่ทราบว่าจะได้เป็นแม่คน สาวแอนก็ดีใจสุดขีด เธอบอกว่า “รอกันมาตลอด ตอนรู้ข่าวก็คือแบบว่าดีใจน้ำตาไหล ความรู้สึกคือมันพูดไม่ถูกเลยจริงๆ ว่าเป็นยังไง รู้แต่ดีใจมากๆ ค่ะ”

ประสบการณ์เมย์ เฟื่องอารมย์

เมย์ เฟื่องอารมย์ กว่าจะมีน้องมายูมาชื่นชม ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน เพราะแม่เมย์เป็นช็อกโกแลตซีสต์และเดอร์มอยด์ ซีสต์ ต้องผ่าตัดเอาออก ข้างนึงไข่ไม่ผลิตแล้ว อีกข้างมีแค่ 3 ฟอง การที่จะผสมเองตามธรรมชาติ หรือฉีดเชื้อเข้าไปโอกาสติดน้อยมาก สิ่งที่จะทำได้คือกระตุ้นไข่ ด้วยการดูดไข่ออกมาผสมสเปิร์ม แล้วฉีดกลับเข้าไป เรียกว่าต้องทำการกันหลายขั้นตอน และในช่วงระหว่างนั้นสาวเมย์ก็ต้องนอนนิ่งๆ เป็นเดือนๆ เพราะจะกระทบกระเทือนมากไม่ได้ สามีอย่างหนุ่ม กรรชัย เคยเล่าให้ฟังว่าหลังกลับจากโรงพยาบาล ถึงกับต้องแบกสาวเมย์ขึ้นห้อง เพราะไม่อยากให้เธอเดิน กลัวจะกระทบกระเทือน และพอทราบข่าวว่าการทำกิฟท์ครั้งนั้นสำเร็จ ทั้งคู่ก็ดีใจสุดขีด เพราะรอเวลานี้มานานมากแล้ว และวินาทีที่เห็นหน้าน้องมายูครั้งแรก สาวเมย์เปิดใจให้ฟังว่าเธอถึงกับร้องไห้ ด้วยความตื่นเต้น มันเหมือนฝัน แต่ต้องรีบซับน้ำตาตอนถ่ายรูปแรกกับลูก และแอบแต่งหน้าเพราะกลัวไม่สวย”

ประสบการณ์เบนซ์ พรชิตา

เบนซ์ พรชิตา เป็นอีกคนที่อยากมีลูกมาก ซึ่งหลังจากแต่งงานทั้งเบนซ์และ มิค บรมวุฒิ สามีหนุ่มก็ตั้งใจกับการมีลูกคนแรกเอามากๆ  และต้องปฏิบัติภารกิจในช่วงไข่ตก ซึ่งดันเป็นช่วงที่ทั้งคู่กำลังอยู่ในทริปไปเที่ยวกับแก๊งเพื่อนที่ประเทศญี่ปุ่น เลยทำให้ต้องนอนห้องรวมกับเพื่อนอีก แต่บังเอิญในวันนั้นเบนซ์ลองเอาที่ตรวจไข่ตกมาตรวจ ปรากฏว่าไข่ตกพอดี สาวเบนซ์เลยโทรตามหนุ่มมิค และขอร้องให้เพื่อนๆ ช่วยออกจากห้องไปก่อน เพราะทั้งคู่ต้องปฏิบัติการลับ ซึ่งก็เป็นผลสำเร็จ กลับมาเมืองไทยได้ไม่นาน เบนซ์ก็ประกาศข่าวดีว่าท้องน้องปริมลูกสาวคนแรก

โดยเธอเผยถึงความรู้สึกว่า “พอถึงวันคลอด เมื่อรู้ว่าต้องผ่าคลอดตอนนั้นถ้าถามเบนซ์ สิ่งนึงที่เบนซ์กังวลที่สุดคือกลัวจะไม่มีนมให้ลูก กังวลมาก ยิ่งวันคลอดใจก็คิดว่าจะมีนมให้ลูกเราไหมนะ หาข้อมูล ปรึกษาทั้งสามีเเละคุณหมอตลอด แต่โชคดีมากที่นมมาวันแรกเลย ใจชื้นขึ้นมานิดนึง เเต่บอกเลยว่าเจ็บมาก เพิ่งเข้าใจจริงๆ ว่าการเป็นแม่ต้องอดทนและเสียสละขนาดไหน แต่ก็เป็นความภูมิใจและมีความสุขที่สุดที่ได้เห็นลูกดูดนมจากเต้าเรา และเห็นเค้าโตขึ้นทุกวันด้วยน้ำนมจากเต้าของเราเอง”

ประสบการณ์วิกกี้ สุนิสา

วิกกี้ สุนิสา ก็เป็นอีกคนที่ตั้งใจกับการมีทายาทคนแรกเอามากๆ และทันทีที่เธอทราบว่ากำลังจะมีน้องตฤณ วิกกี้เล่าให้ฟังว่า “กี้เป็นคนทราบเรื่องนี้ก่อน เพราะพี่ชายหลับอยู่ กี้รู้สึกเหมือนร่างกายเปลี่ยนไปนิดนึง เลยคิดว่าจะตรวจเองดีไหม เพราะเราพยายามมาสักพักแล้ว และนับวันว่าน่าจะตรวจได้แล้ว ถ้าเราท้องมันน่าจะโชว์ เพราะมีตัวเทสต์ที่บ้าน ซึ่งเราต้องปัสสาวะใส่ ตอนแรกที่เทสต์ เห็นว่ายังไม่ขึ้น เราก็วางเอาไว้ พอหันกลับมาดูอีกทีตกใจ เห็นว่าขึ้นเป็น 2 ขีด แต่เรายังไม่แน่ใจ เลยลองเทสต์อีกอันหนึ่ง ก็ขึ้นเหมือนกัน เราก็รอให้พี่ชายตื่น เพราะเหมือนเขานอนพักอยู่ พอพี่ชายรู้ เขาตื่นเต้นมาก เพราะเขารอมานาน พี่ชายแทบจะร้องไห้เลยทีเดียว เขาดีใจ ถามว่าจริงเหรอ เพราะช่วงหลังกี้ทำธุรกิจ และพี่ชายติดกำกับละคร เราค่อนข้างยุ่ง ไม่ค่อยมีเวลาอยู่ด้วยกัน

ช่วงแรกเราคิดว่าเดือนที่ผ่านมา เราไม่ได้พยายามเต็มที่หรือเปล่า เราเลยไม่คาดหวัง เพราะมีเวลาอยู่ด้วยกันน้อยมาก กลับบ้านก็หลับ คิดว่าอาจจะไม่ติดหรอก พอไม่ได้คิดมาก เราเลยเซอร์ไพร้ส์ว่าเขามาแล้ว รู้สึกงงนะ คิดว่าใช่แล้วใช่ไหม เพราะถ้ามันใช่แล้ว ต่อไปชีวิตเราจะเปลี่ยนแล้วนะ เพราะกี้คลุกคลีกับเพื่อนที่มีลูกแล้วมาค่อนข้างเยอะ เรื่องการดูแลตัวเอง เรายังไม่ค่อยห่วงเรื่องตรงนั้น แต่เรากำลังมองภาพไกลกว่านั้นว่า หลังจากนี้เราจะมีคนอีกคนหนึ่ง ที่จะทำให้ชีวิตเราเปลี่ยนในแง่ที่ว่า เราจะได้รับความอบอุ่น ความสุข และเราต้องมีความเสียสละมากขึ้น นี่คือสิ่งที่จะเปลี่ยน เป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูกเหมือนกันค่ะ”

ประสบการณ์

เยลหลี เยอราดีน

เยลหลี เยอราดีน กว่าจะมีลูกชายคนแรกอย่าง น้องวิน ต้องใช้เวลาถึง 5 ปี และตั้งแต่แต่งงานมาปุ๊บ วิลลี่ กับ เยลหลี ก็เริ่มทำกิฟต์เลย หรือที่เรียกว่า  IVF ทั้งหมด 23 ครั้ง หมดเงินไปเกือบ 10 ล้าน แต่มันก็เกินคุ้ม เพราะลูกชายคนแรกก็มาสมใจ ซึ่งเยลหลีเองก็ดีใจจนน้ำตาไหล โดยเธอบอกว่าแว๊บแรก ที่ได้เห็นหน้าลูกชาย เธอไม่ร้องไห้เพราะยังตกใจว่า เอ๊ะ ใช่เหรอ? เป็นลูกของเยลหลีจริงรึเปล่า แต่พอหมอบอกว่าผมทองก็ตกใจว่ามาจากไหน และคำพูดแรกที่เธอพูดกับน้องวิน คือหม่ามี้รอมานานมากแล้ว ขอบคุณที่มาหาหม่ามี้นะครับ

ประสบการณ์นิวเคลียร์ หรรษา

กว่า นิวเคลียร์ หรรษา จะตั้งท้องสำเร็จต้องบอกว่า สามีอย่างดีเจเพชรจ้า-วิเชียร ก็ต้องคอยปลอบใจภรรยาสาวอยู่บ่อยๆ เพราะทั้งคู่ไม่ได้มีลูกด้วยวิธีธรรมชาติ แต่พึ่งวิทยาการทางการแพทย์มาช่วย และกว่าจะมีทายาทคนแรกได้สำเร็จ เรียกว่าต้องใช้ความอดทนของทั้งคุณพ่อและคุณแม่พอสมควร และในวันที่คุณแม่นิวเคลียร์ได้เห็นหน้าลูกชายครั้งแรก เธอก็เผยความรู้สึกให้ฟังสั้นๆ แต่ได้ใจความว่า “หลงลูกเป็นไง เข้าใจแล้วจริงๆ ค่ะ นั่งมองลูกได้ทั้งวันทั้งคืน ไม่เบื่อเลย”


ภาพจาก IG @newclear_hansa @ann_laisuthruklai @gellymc @pornchita @mayfuang @sunisajett @@opalpanisara

บ้านหลังแรก ของเหล่าคนดัง ที่เก็บหอมรอมริบซื้อด้วยน้ำพักน้ำแรงตัวเอง

กว่าจะมี บ้านหลังแรก เป็นของตัวเอง ใครว่ามีกันได้ง่ายๆ เหล่าคนดัง เผยต้องเก็บหอมรอมริบจากน้ำพักน้ำแรง นานแรมปีกว่าจะได้บ้านในฝัน

เรียกว่าต้องทำงานตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อตกันเลย สำหรับ เหล่าบรรดาคนดัง ที่ต่างคนต่างก็มีเป้าหมายที่คล้ายๆ กัน นั่นก็คือ การมี บ้านหลังแรก ที่เก็บเงินซื้อด้วย น้ำพักน้ำแรง ของตัวเองเพื่อจะได้มีบ้านในฝัน และเพื่อเป็นของขวัญให้กับตัวเอง หลังจากตรากตรำ ขยัน และมุ่งมั่นกับการทำงานมาอย่างยาวนาน

หลายคนเลือกที่จะซื้อบ้านเป็นของขวัญให้กับตัวเองและครอบครัว เพราะพอมีบ้าน ทุกคนก็จะได้มาอยู่รวมกัน  สำหรับ บ้านหลังแรก ของบรรดาคนดังจะ หรูหรา อลังการ น่าอยู่ ขนาดไหน วันนี้ แพรวดอทคอม รวบรวมมาให้ชมกันจ้า

บ้านหลังแรกบ้านหลังแรกหมอริท-เรืองฤทธิ์ ศิริพานิช

ขยันเมคมันนี่สุดๆ จนมีเงินเก็บเป็นถุงเป็นถัง สำหรับ คุณหมอริท-เรืองฤทธิ์ ศิริพานิช  เพราะล่าสุด เจ้าตัวได้พาครอบครัวไปซื้อบ้าน ย่านเอกมัย-ลาดพร้าว เป็นโฮมออฟฟิศหรู 5 ชั้นและมีลิฟต์ในตัว โดยสืบทราบมาว่าราคาราวๆ 30 ล้านบาทเลยทีเดียว ซึ่งในอนาคตหนุ่มริทเตรียมเปิดเป็นคลินิกและไว้พักอาศัยด้วย

โดยเจ้าตัวยังบอกอีกว่า “เก็บเงินมาหลายปี ได้ฤกษ์ซื้อตึกเป็นของตัวเอง ใช้เวลาเลือกและตัดสินใจมานานหลายเดือน จนได้เป็นบ้านหลังนี้ที่ตอบโจทย์ที่สุด หวังว่าจะเป็นทั้งบ้าน ที่ทำงานและคลินิกที่ดีในอนาคตนะครับ ปล1. ไม่ต้องแปลกใจนะครับว่าทำไมช่วงนี้ขยันทำงานเป็นพิเศษ นี่แหละครับเหตุผล  ปล2. ตอนนี้ก็ทำงานไม่หนักมากครับ แค่เรียน พร้อมกับออกตรวจ อ่านวิจัย ทำวิจัย ทำ present อ่านหนังสือ ออก event ถ่ายรายการ แค่นี้เอง สบาย”

บ้านหลังแรกเคน-ภูภูมิ พงศ์ภาณุภาค

พระเอกหนุ่ม “ เคน ภูภูมิ” ที่เปลี่ยน นามสกุล จาก พงศ์ภาณุ เป็น พงศ์ภาณุภาค ซึ่งหนุ่มเคนเองก็เป็นอีกคนที่ขยันทำงานเก็บเงินมานานหลายปีจนสามารถซื้อบ้านหลังใหญ่สุดหรูเป็นของตัวเองได้แล้ว ซึ่งต้องบอกว่าบ้านของ หนุ่มเคน นั้น หลังใหญ่ไม่เบาทีเดียว เป็นบ้านเดี่ยวสองชั้น ซึ่งเจ้าตัวนั้นดูจะมีความสุขและภูมิใจกับบ้านหลังนี้ไม่น้อย

บ้านหลังแรกบ้านหลังแรกอาเล็ก-ธีรเดช เมธาวรายุทธ

ถือเป็นพระเอกหนุ่มอีกคนที่รักครอบครัวสุด ๆ สำหรับ  อาเล็ก-ธีรเดช ที่หลังจากทำงานเก็บเงินมาสักพักใหญ่ ในที่สุดก็สามารถซื้อบ้านให้ครอบครัวหลัก 10 ล้าน ที่หาเงินมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองได้สำเร็จ และได้ฤกษ์ทำบุญบ้านพร้อมตั้งศาลพระภูมิไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยบ้านของหนุ่มอาเล็ก เป็นบ้านสองชั้นสไตล์โมเดิร์น โทนสีขาว-เทา บริเวณด้านหน้ามีสวนสวยๆ กับลานจอดรถ ภายในตกแต่งด้วยสีขาวเรียบง่ายสบายตา

บ้านหลังแรกบ้านหลังแรกบอย-พิษณุ นิ่มสกุล

เป็นอีกหนึ่งนักแสดงที่ทำงานหนักสุดๆ สำหรับ บอย-พิษณุ ซึ่งทุกงานที่เขาได้ทำ เขาจะทำมันด้วยความมุ่งมั่น ทุ่มเทกับทุกบทบาทหน้าที่ ที่ได้รับ จนทำให้เขามีวันนี้ และมีบ้านเดี่ยวหลังใหญ่ สไตล์โมเดิร์นเอเชียน มีความเป็นไทยสูง เพราะใช้ไม้ประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ แถมบ้านหลังนี้ยังเป็นบ้านในฝันของหนุ่มบอย เพราะมีสระว่ายน้ำ ซึ่งจะเห็นว่าหนุ่มบอยมักจะใช้สระนี้อยู่บ่อยๆ โดยเจ้าตัวยังบอกอีกว่า ตั้งใจจะใช้บ้านหลังนี้เป็นเรือนหออีกด้วย

บ้านหลังแรกบ้านหลังแรก

.ยิ่งศักดิ์ จงเลิศเจษฎาวงศ์

สำหรับบ้านของ อ.ยิ่งศักดิ์ บ้านหลังนี้มีความหมายที่สุด เพราะเป็นบ้านที่ซื้อจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง และเป็นบ้านหลังแรกในชีวิต ซึ่งเมื่อ 30 ปีที่แล้ว เขาประกาศขายอยู่ที่ 2.4 ล้านบาท ถ้าเป็นสมัยนี้ก็คงประมาณ 6-7 ล้าน โดยปัจจุบัน อ. ยิ่งศักดิ์ ได้ทำการรีโนเวท แล้วก็ตกแต่งใหม่เป็นสไตล์จีนย้อนยุค เนื่องจากอาจารย์เป็นคนชอบไม้ ยิ่งถ้าเป็นไม้แกะสลักด้วยจะยิ่งชอบมาก บ้านหลังนี้ก็เลยดูคลาสสิกในสไตล์จีนย้อนยุคนั่นเอง


ภาพจาก IG @ritz_rueangritz @ken_phupoom @apassin @yingsakfood @lekteeradetch

กระเป๋าคาดเอว Chanel Waist Bags

ก่อนเปย์ต้องเช็ค! กระเป๋าคาดเอว Chanel Waist Bags ราคาเท่าไหร่บ้าง

กระเป๋าคาดเอว Chanel Waist Bags
กระเป๋าคาดเอว Chanel Waist Bags

ส่องราคา กระเป๋าคาดเอว Chanel Waist Bags เทรนด์ฮิตที่ยังอยู่ พร้อมกับดีไซน์ที่เหล่าคนรักชาเนลต้องกำตังค์แน่น เพราะงานสวยน่าฟาดทุกใบ!

ชาเนลได้เปิดตัวกระเป๋าคาดเอวรูปโฉมใหม่ผ่านคอลเล็คชั่น Cruise 2019 เพื่อกลับมาปลุกกระแสความฮิตให้เปรี้ยงอีกครั้ง ซึ่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ชาเนลได้ให้ความสำคัญกับกระเป๋าคาดเอวไม่น้อย มีออกมาแล้วหลายรุ่น แถมคนดังยังหยิบมาแมทช์ลุคกันนับไม่ถ้วน เรียกได้ว่าเป็นกระเป๋าที่ประสบความสำเร็จงามๆ ไปอีกหนึ่งไลน์

โดยไอเท็มเด็ดสำหรับคอลเล็คชั่น Cruise 2019 ชาเนลได้เพิ่มกระเป๋าหน้าตาใหม่ๆ เข้ามาให้เหล่าสาวกใจเต้นรัวๆ โดยเฉพาะกระเป๋าคาดเอวที่มาแรงสุดๆ ไม่ว่าจะ Chanel Boy ฉบับมินิคาดเอว  , Sunset On the Sea กระเป๋าไล่โทนสีสดใสแบบ Ombre ที่ใช้งานแบบสะพายข้างได้ และถึงแม้กระเป๋าคาดเอวจะถูกออกแบบหลากหลายสไตล์ แต่หนังลายควิลท์เอกลักษณ์ของชาเนลก็ยังคงโดดเด่นอยู่บนไอเท็มใหม่เหล่านั้น

วันนี้เราจะโฟกัสไปที่กระเป๋าจากคอลเล็คชั่น Cruise 2019 อย่าง Chanel Waist Bags ซึ่งด้านล่างเราได้สืบราคาเบื้องต้นมาให้คุณแล้ว ใครที่แอบปิ๊งกระเป๋ารุ่นนี้อยู่ ก็ตามมาเช็คกันเลยค่า

 

ซื้อได้ที่ไหน

คุณสามารถซื้อกระเป๋า Chanel Waist ได้ที่บูติกของชาเนล และกรุณาโทรสอบถามล่วงหน้า เพื่อความพร้อมของกระเป๋าใบสวย

 

สีและดีไซน์

กระเป๋าคาดเอว Chanel Waist Bags

กระเป๋าคาดเอว Chanel Waist Bags

กระเป๋าคาดเอว Chanel Waist Bags

กระเป๋าคาดเอว Chanel Waist Bags

กระเป๋าคาดเอว Chanel Waist Bags

กระเป๋าคาดเอว Chanel Waist Bags

กระเป๋าคาดเอว Chanel Waist Bags

กระเป๋าคาดเอว Chanel Waist Bags

กระเป๋าคาดเอว Chanel Waist Bags

กระเป๋าคาดเอว Chanel Waist Bags

กระเป๋าคาดเอว Chanel Waist Bags

กระเป๋าคาดเอว Chanel Waist Bags

กระเป๋าคาดเอว Chanel Waist Bags

รุ่นและราคา

Chanel Embroidered Calfskin Boy Waist Bag ราคา $5,000 หรือประมาณ 158,270 บาท

Chanel Casual Trip Waist Bag ราคา $3,000 หรือประมาณ 94,962 บาท

Chanel Captain Gold Waist Bag  ราคา $3,700 หรือประมาณ 117,119 บาท

Chanel Sequins Waist Bag  ราคา $4,800 หรือประมาณ 151,939 บาท

Chanel Sunset On The Sea Waist Bag ราคา $3,600 หรือประมาณ 113,954 บาท


ภาพและที่มา : pursefiend.com

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ชาวเน็ตแห่คอมเม้นต์ เจ้าหญิงเคท ลุคนี้เหมือนแม่มดใน แฮร์รี่ พอตเตอร์?

ระเบิดความน่ารัก! Ploychava x O&B ออกรองเท้า 5 โทนสีใหม่ ปักลายกวางน้อยแบมบี้

โบกมือลา! วิคตอเรีย ซีเคร็ท เตรียมปิด 53 สาขาในอเมริกาเหนือ เหตุยอดขายตก

พรมแดงแรกหลังคลอด! พิปพา มิดเดิลตัน โชว์ลุคสวยหวาน หุ่นเป๊ะในเดรสคัลเลอร์ฟูล

Sparkle Look! เจ้าหญิงเคท งดงามในเดรสสุดบลิ้งค์ เจิดจรัสราวกับมีสปอร์ตไลท์ส่อง

ราคานี้จ่ายไหว? เปิดกรุกระเป๋า ดัชเชสเมแกน ตั้งแต่หลักพันจนถึงหลักแสน

งานนี้ล้มละลาย! Levi’s® x Peanuts ปล่อยคอลเล็คชั่นสุดน่ารัก ที่เหล่าสาวกต้องโดนป้ายยา

 กระเป๋าหรือแหวน! Jacquemus นำเทรนด์ไอเท็มใบเล็กกลับมาอีกครั้ง แถมไซส์จิ๋วยิ่งกว่าเดิม

โอ้แม่เจ้า ใจหายใจคว่ำ! เคนดัลล์ เจนเนอร์ แซ่บเว่อร์ร่วมงาน Oscar After Party 2019

อยากซื้อต้องรู้! พาส่องข้อมูล ‘Dior Saddle Bag’ กระเป๋าทรงอานม้า อีกหนึ่งรุ่นขึ้นแท่นขายดี

 

กระเป๋า Longchamp ของ จีซอนอู

ใบนี้สอยตามได้! กระเป๋า Longchamp ของ ‘จีซอนอู’ รุ่นเด็ดประจำซีซั่น

กระเป๋า Longchamp ของ จีซอนอู
กระเป๋า Longchamp ของ จีซอนอู

พักเบรกกระเป๋าหลักแสน พาส่องและทำความรู้จักกับ กระเป๋า Longchamp ของ ‘จีซอนอู’ ไฮไลท์ประจำคอลเล็คชั่น SS20 ราคาไม่เว่อร์ แต่คุณภาพอัดแน่น!

มาค่ะ…มาส่องกระเป๋าของคุณหมอจีกันอีกรอบ หลังจากเราได้รวบรวมแต่แบรนด์เนมราคาสูงปรี๊ดกันไปแล้ว คราวนี้มาดูแบรนด์ที่หลายๆ คนคุ้นชิน และอาจจะมีเก็บไว้สักใบสองใบอย่าง Longchamp (ลองฌอมป์) กันบ้าง ซึ่ง กระเป๋า Longchamp ของ ‘จีซอนอู’ ใบนี้ปรากฏขึ้นในตอนที่ 12 เป็นฉากที่หมอจีอยู่ในห้องทำงานของโรงพยาบาล และเราก็เหลือบไปเห็นกระเป๋าที่วางอยู่ ดีไซน์ช่างคุ้นตาซะจริงๆ มองไปมองมาก็มั่นใจแล้วว่ามันคือ Longchamp Roseau นั่นเอง!

กระเป๋า Longchamp ของ 'จีซอนอู'

กระเป๋า Longchamp ของ 'จีซอนอู'

เห็นแบบนี้แล้วก็ไม่อยากเก็บไว้คนเดียวค่ะ เพราะแบรนด์นี้ใครๆ ก็ชอบ แถมยังสามารถช้อปปิ้งตามได้ด้วย วันนี้เราเลยจะมาบอกต่อว่ากระเป๋าลองฌอมป์ของคุณหมอจีมีความพิเศษยังไง ที่สำคัญคือราคา โดยเราเช็คจากช็อปไทยมาให้แล้ว ไม่ต้องไปบวกไปลบคิดค่าเงินให้วุ่นวาย

ซึ่ง Longchamp Roseau ถือเป็นหนึ่งในไฮไลท์ของคอลเล็คชั่น Spring/Summer 2020 ที่เปลี่ยนโฉม Roseau กระเป๋าไอคอนิกรุ่นแรกของแบรนด์ ที่ถูกออกแบบขึ้นครั้งแรกตั้งแต่ปี 90s โดยในครั้งนี้นำเอาล็อคกระเป๋าทรงก้านไผ่เอกลักษณ์ที่ถือเป็น DNA ของรุ่น Roseau มาตลอดเกือบ 30 ปีมาใช้เป็นจุดเด่น โดยรูปทรงของกระเป๋าได้รับการปรับโฉมให้มีความเท่ของเส้นสายกราฟิก รูปลักษณ์ที่ถูกเปลี่ยนให้โมเดิร์นและแปลกตา แต่ยังคงไว้ซึ่งคุณภาพแบบแบรนด์เครื่องหนังชั้นนำ

กระเป๋า Longchamp ของ 'จีซอนอู'

กระเป๋า Longchamp ของ 'จีซอนอู'

โดยใบที่คุณหมอจีใช้เป็นไซส์ TOP HANDLE สี Pilot Blue มาในราคา 17,700 บาท


ภาพ : Longchamp

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

เข้าครัวให้เหมือนไปคานส์! ‘ชมพู่ อารยา’ แมตช์ชุดแบรนด์เนมแต่งลุคเซ็กซี่

นางเอกขวัญใจตลอดกาล! เปิดลุค ‘เคียวโกะ ฟูคาดะ’ ทั้งหวานทั้งแซ่บในวัย 37 ปี

ยกอันดับ 1 ให้เลย! สื่อเกาหลีพูดถึงสไตล์ ‘ลิซ่า’ แฟชั่นนิสต้าที่ได้รับการยอมรับ

ปังไม่ไหว! THIS IS ME VATANIKA เวอร์ชั่น StayHome ส่องวิถีดีไซเนอร์ยุคโควิด

สวยจบในชิ้นเดียว! แฟชั่นจั๊มสูท เทรนด์ที่สุภาพสตรีในราชวงศ์ต่างประเทศชื่นชอบ

เจ้าพ่อซูเปอร์แบรนด์ บาส-นิติ DIY หน้ากากจากผ้าแอร์เมส-ชาเนล พร้อมทำบริจาค

เปิดห้องเสื้ออีกครั้ง! Dior ผลิตหน้ากากอนามัย มอบให้บุคลากรทางการแพทย์

ไปให้สุดค่ะแม่! แฟชั่น STAYHOME ฉบับ ‘วทานิกา’ ดีไซเนอร์สุดแซ่บ

หล่อมาดนายแบบ! ‘เกาเหว่ยกวง’ หรือ ‘มหาเทพตงหัว’ กับแฟชั่นมิดชิดช่วงโควิด-19

เหตุใด ดัชเชสเคท แต่งตัวผ่อนคลายขึ้น หลัง เมแกน ออกจากการเป็นราชวงศ์ชั้นสูง

ถูกวิจารณ์เยอะเกินพอดี! คอสตูม ดั่งดวงหฤทัย ไม่เรียบง่ายตามบทนิยาย

บลิ๊งค์ขอความเท่าเทียม! สปอร์ตแบรนด์ดังตัดภาพ จีซู BLACKPINK บนเว็บไซต์จีน

#ดูเอาเถิด ลุคเข้าสวน-ทำครัวของ เจ้าแม่แฟชั่น ‘ชมพู่ อารยา’

เปลี่ยนลุคเหมือนลดอายุ! ซงฮเยคโย ถ่ายแฟชั่นเซ็ตรับซัมเมอร์

แม่จีนเปย์ไม่พัก! จัดแบรนด์เนมหรูให้ ‘ลิซ่า’ ฉลองวันเกิด 23 ปี

Burberry ดัดแปลงโรงงานในอังกฤษ ผลิตชุดคลุมและหน้ากาก มอบทางการแพทย์

สวยใจบุญ ‘ศรีริต้า’ แจกหน้ากากอนามัย 5 พันชิ้น ได้แรงสนับสนุนจากแบรนด์ไทย

ลุคเรียบง่ายแค่หลักพัน ‘ดัชเชสเคท’ เข้าเยี่ยมเจ้าหน้าที่สุขภาพในวิกฤต COVID-19

งดงามในชุดไทย ‘น้ำหวาน ซาซ่า’ เข้าพิธีแต่งงานเรียบง่ายกับ ‘กวาง เอบีนอร์มอล’

ศรีริต้า ปลื้มปีติ ได้รับพระราชทานของขวัญจากแบรนด์ SIRIVANNAVARI

ดีไซเนอร์ใจบุญ ‘แพร-วทานิกา’ ผลิตหน้ากากผ้าถวายแด่พระภิกษุสงฆ์

ไม่หลุดธีมเจ้าหญิง ‘ศรีริต้า’ สวยหรูในชุดแต่งงานแบรนด์ดัง หนักกว่า 20 กิโลฯ

โซ่ทองหนาจนต้องมอง! กระเป๋า Bottega Veneta ราคา 6 หลักของ ‘คุณนายบีเบอร์’

ขายหมดเกลี้ยง! กระเป๋า YSL ใบที่ ‘โรเซ่ Blackpink’ สะพายร่วมงานแฟชั่นวีค

สายแฟตัวจริง! ถอดสไตล์ นางแบบตัวแม่ ก่อนขึ้นรันเวย์ในแฟชั่นวีค

สีดำอมตะ! กระเป๋า Dior Ultra-Matte 3 ดีไซน์เดิม เพิ่มเติมความแมตต์ทั้งใบ

สร้อยคอทองคำที่ ‘เจ้าชายวิลเลียม’ มอบให้ ‘ดัชเชสเคท’ มีความหมายอะไรซ่อนอยู่

 

พระโอรสในเจ้าชายแฮร์รี่แห่งราชวงศ์อังกฤษ

ภาพวันเกิดในปีแรกของ อาร์ชี พระโอรสในเจ้าชายแฮร์รี่แห่งราชวงศ์อังกฤษ

Alternative Textaccount_circle
พระโอรสในเจ้าชายแฮร์รี่แห่งราชวงศ์อังกฤษ
พระโอรสในเจ้าชายแฮร์รี่แห่งราชวงศ์อังกฤษ

ภาพวันเกิดในปีแรกของ อาร์ชี แฮร์ริสัน เมานต์ แบ็ตเทน-วินเซอร์  พระโอรสในเจ้าชายแฮร์รี่แห่งราชวงศ์อังกฤษ

พระโอรสในเจ้าชายแฮร์รี่แห่งราชวงศ์อังกฤษ

เว็บไซต์ people ได้รายงานว่า วันที่ 6 พฤษภาคม 2563 เป็นวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 1 ปี ของ “อาร์ชี แฮร์ริสัน เมานต์ แบ็ตเทน-วินเซอร์” หรือ อาร์ชี่ (Archie) พระโอรสในเจ้าชายแฮร์รี่ แห่งราชวงศ์อังกฤษ (ดยุกแห่งซัสเซกส์)

โดยงานนี้ไม่ได้จัดขึ้นใหญ่โต สังเกตได้จากภาพที่เห็น เมแกน มาร์เคิล ดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ ได้ให้พระโอรสนั่งบนตัก และเล่านิทานเล่มโปรดที่ชื่อว่า Duck! Rabbit! ให้ฟัง โดยในคลิป “Archie” พยายามออกเสียงตามผู้เป็นมารดาด้วย

สำหรับคลิปนี้เจ้าชายแฮร์รี่เป็นผู้ถ่ายออกมาให้ Save the Children นำไปโพสต์ลงเผยแพร่ลงโซเชียลมีเดีย เนื่องจากทรงเข้าร่วมโครงการอ่านหนังสือออนไลน์ในโครงการ Save with Stories ของเจนิเฟอร์ การ์เนอร์ และ เอมี อดัมส์ เพื่อช่วยเหลือเด็กๆ ทั่วโลก

ทั้งนี้ตามรายงานยังระบุว่านี่เป็นภาพอันแสนหวานที่ถูกปล่อยออกมาเป็นครั้งแรกในแบบครอบครัว 3 คน หลังจากที่เจ้าชายแฮร์รี่และครอบครัวประกาศลดบทบาทในฐานะสมาชิกราชวงศ์ระดับสูง

พระโอรสในเจ้าชายแฮร์รี่แห่งราชวงศ์อังกฤษ

อย่างไรก็ตามมีรายงานว่าสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 พร้อมด้วยเจ้าชายฟิลิปพระสวามี ทรงอวยพระให้กับอาร์ชีผ่านทวิตเตอร์ราชวงศ์ว่า “สุขสันต์วันเกิดครอบครอบ 1 ขวบ อาร์ชี แฮร์ริสัน เมานต์ แบ็ตเทน-วินเซอร์” ขณะที่เจ้าชายวิลเลียมและดัชเชสแห่งแคทบริดจ์ทรงอวยพระผ่านทวิตเตอร์ @kensingtonroyal ว่า “ขอให้อาร์ชี่มีความสุขมากๆ ในวันเกิดปีแรก”

View this post on Instagram

“Duck! Rabbit!” by @akrfoundation & @tlichtenheld (published by @chroniclekidsbooks). Read by Meghan, The Duchess of Sussex (with Harry, The Duke of Sussex behind the camera) to their son Archie for his 1st Birthday. Happy Birthday, Archie! . THIRTY MILLION CHILDREN rely on school for food. Responding to the needs of kids during these school closures @savethechildren and @nokidhungry have a new fund @SAVEWITHSTORIES to support food banks, and mobile meal trucks, and community feeding programs with funds to do what they do best—and also—with educational toys, books, and worksheets to make sure brains are full, as well as bellies. . If you can manage a one time gift of $10, please text SAVE to 20222. If another amount would work better for you, please visit our website—link in bio. There is no maximum and there is no minimum—together we will rise and together we can help. . Thank you and stay safe. XX #SAVEWITHSTORIES

A post shared by #SAVEWITHSTORIES (@savewithstories) on


ข้อมูลจาก : people,THE DUKE OF SUSSEX/@SAVECHILDRENUK, PA WIRE/PA IMAGES

กงยู

หล่อคูลดูเด็ก! เปิดไอเท็มดูแลผิวของ กงยู โอปป้า หน้าใส ริมฝีปากอมชมพูน่าจุ๊บ

Alternative Textaccount_circle
กงยู
กงยู

หล่อคูลดูเด็ก! เปิดไอเท็มเทคแคร์ผิวของ กงยู โอปป้า หน้าใสสุขภาพดี ริมฝีปากอมชมพูน่าจุ๊บ

มีข่าวลือแว่วๆ มาว่า กงยู สามีแห่งชาติเจ้าของฉายา ลมหายใจแห่งภาคพื้นเอเชีย อาจจะมีผลงานซีรีส์เรื่องใหม่ชื่อ The Sea of Silence แต่คงต้องติดตามต่อไปว่าจะจริงหรือเปล่า ระหว่างรอลุ้น พริมพี่_แพรวนิสต้า จะขอพามาส่องไอเท็มโปรดที่เขาใช้ดูแลตัวเองให้ดูเด็ก แม้วัย 40+ พร้อมเคล็ดลับความคูลในการดูแลหุ่นให้น่ากอดตลอดเวลามาฝาก

โดยเขาเคยบอกไว้ว่า  “ผมพยายามออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้รูปร่างสมส่วนคงที่ ถ้าว่างจะเข้าฟิตเนสทั้งเช้าและเย็นเลย โดยเปลี่ยนวิธีการออกกำลังกายไปตามบทที่ได้รับ ผมเคยเรียนศิลปะการต่อสู้ของรัสเซียที่เรียกว่า Systema เพื่อรับบทบู๊ในหนังเรื่อง The Suspect ช่วยให้การแสดงดูสมจริงยิ่งขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นบาสเกตบอลและเบสบอลก็ยังเป็นกีฬาโปรดของผมเสมอ รวมทั้งเทนนิสที่เพิ่งหัดเล่นไปปีก่อนด้วย โค้ชเทรนผมหนักมาก ประมาณว่าจะให้เป็นนักกีฬาอาชีพเลยทีเดียว ส่วนเรื่องอาหาร ผมก็ให้ความสำคัญมากนะ เน้นของที่มีประโยชน์อย่างผักและผลไม้เป็นหลัก”

สำหรับการดูแลผิว Self-Care Trend For This Season เทรนด์ดูแลตัวเองกำลังมาแรงมากในช่วงนี้ และไอเท็มชิ้นโปรดที่ทำให้ริมฝีปากของเขาดูอมชมพูสุขภาพดีนั้น ก็คือ The Lip Balm ที่เรียกเสียงกรี๊ดจากสาวกลาแมร์ให้ชวนให้เพ้อถึงริมฝีปากน่าจุ๊บเป็นที่สุด

 

 

View this post on Instagram

 

A post shared by 라 메르 코리아 (@lamer.korea) on

 

นอกจากนี้ ยังมีไอเท็มดูแลผิวเด็ดๆ จาก ลาแมร์ ที่กงยูบอกว่าเป็นไอเดียซื้อให้คนที่เรารัก หรือจะซื้อให้ตัวเองก็ได้เหมือนกัน อาทิ  The Concentrate เซรั่มเข้มข้นที่ช่วยฟื้นบำรุงผิวให้ดูสุขภาพดี พร้อมปลอบประโลมและปกป้องผิว , Crème de la Mer มอยซ์เจอร์ไรเซอร์ไอคอนิกของลาแมร์ เนื้อครีมเข้มข้น ฟื้นบำรุงผิวแห้งล้ำลึก และ The Treatment Lotion โลชั่นบำรุงผิวสูตรน้ำ มอบความชุ่มชื้นและเตรียมผิวเพื่อการบำรุงขั้นตอนต่อไป

 

 

View this post on Instagram

 

A post shared by La Mer Thailand (@lamerthailandofficial) on

 

View this post on Instagram

 

A post shared by La Mer Thailand (@lamerthailandofficial) on

 

View this post on Instagram

 

A post shared by La Mer Thailand (@lamerthailandofficial) on


ภาพ IG : lamer.korea , lamerthailandofficial

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

เปิดลุคสวยใสวัยมัธยม “ฮันโซฮี” ก่อนโด่งดังในบทชู้รักจากซีรีส์สุดแซ่บแห่งปี

เทียบภาพ ฮันโซฮี เมียน้อยแสนสวยหน้าคล้าย ซงฮเยคโย และ ดิว อริสรา

Cocomi นักดนตรีสาวมากเสน่ห์ ขึ้นแท่นทูตความงามคนใหม่ของ Dior ภาคพื้นญี่ปุ่น

ดราม่าเกิด! คิมโกอึน โดนบูลลี่ไม่สวยพอที่จะคู่ควรเป็นนางเอกคู่ ลีมินโฮ

ทริคผิวเปล่งปลั่งของ ไอรีน แบรนด์แอมบาสเดอร์คลีนิกข์คนใหม่ ในเอเชีย แปซิฟิก

 

 

 

เมแกน Effect จริงหรือ แม้ Givenchy ถูกพูดถึงมากขึ้น แต่ยอดขายไม่ได้พุ่งตาม

เมแกน Effect จริงหรือ? แม้ Givenchy ถูกพูดถึงมากขึ้น แต่ยอดขายไม่ได้พุ่งตาม

เมแกน Effect จริงหรือ แม้ Givenchy ถูกพูดถึงมากขึ้น แต่ยอดขายไม่ได้พุ่งตาม
เมแกน Effect จริงหรือ แม้ Givenchy ถูกพูดถึงมากขึ้น แต่ยอดขายไม่ได้พุ่งตาม

เมแกน Effect! พาดหัวที่สื่อแฟชั่นต่างประเทศชอบใช้กัน แต่สำหรับแบรนด์โปรดของเธอ Givenchy แม้ว่าจะได้รับความสนใจมากขึ้น แต่ยอดขายไม่ได้เพิ่มตาม

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แบรนด์แฟชั่นทั้งเล็กและใหญ่ต่างก็ชื่นชอบที่แบรนด์ถูกค้นหาและเป็นที่พูดถึง เมื่อใดก็ตามที่ ดัชเชสแห่งซัสเซกส์ ใส่ผลงานการออกแบบของพวกเขา แต่สำหรับนักออกแบบชุดแต่งงาน Clare Waight Keller ซึ่งทิ้งบทบาทของเธอในฐานะไดเร็กเตอร์ของ Givenchy เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา หลังจากร่วมงานกับแบรนด์ดังเพียง 3 ปี ดูเหมือนว่า เมแกน Effect จะยังช่วยกระตุ้นยอดขายไม่เพียงพอ

ย้อนกลับไป Clare Waight Keller ถูกพูดถึงอย่างมากในเดือนพฤษภาคม ปี 2018 เมื่อเมแกนเข้าพิธีเสกสมรสกับเจ้าชายแฮร์รี่ ในชุดแต่งงานสีขาวแขนสี่ส่วน ดีไซน์เรียบง่ายและคลาสสิก ซึ่ง Clare Waight Keller รับหน้าที่เป็นดีไซเนอร์ชุดแต่งงานให้เมแกน ในเวลานั้น Clare เพิ่งเริ่มทำงานกับแฟชั่นเฮ้าส์เพียง 1 ปีเท่านั้นและยังเป็นไดเร็กเตอร์หญิงคนแรกของ Givenchy อีกด้วย

เมแกน Effect จริงหรือ? แม้ Givenchy

หลังจากนั้น เมแกนก็ให้การสนับสนุนผลงานของ Clar มาโดยตลอด หลังจากเธอแต่งงานกับเจ้าชายแฮร์รี่ก็ยังเลือกชุดจาก Givenchy มาใส่อยู่บ่อยครั้ง เช่นการตามเสด็จควีนเอลิซาเบธที่ 2 เป็นครั้งแรก , เข้าร่วมงานกีฬาแข่งม้าหลวง รอยัล แอสคอต ประจำปี 2018  และงาน Endeavour Fund Awards ปี 2019

เมแกน Effect จริงหรือ? แม้ Givenchy

เมแกน Effect จริงหรือ? แม้ Givenchy

ในเดือนธันวาคม ปี 2018 ดัชเชสที่กำลังตั้งครรภ์ก็ได้สร้างความเซอร์ไพร้ส์ให้กับคนทั้งงาน เมื่อเธอปรากฏตัวในงาน British Fashion Awards 2018 เพื่อมอบรางวัลดีไซเนอร์แห่งปีให้แก่ Clare Waight Keller ไดเร็กเตอร์ของ Givenchy โดยเมแกนสวมเดรสปาดไหล่สีดำ ถือเป็นอีกลุคที่ฮือฮาไม่น้อย

แม้ว่าแฟนๆ ของราชวงศ์ส่วนใหญ่จะชอบชุดแต่งงานของเมแกน แต่ชื่อเสียงที่พุ่งขึ้นของตัวแบรนด์ไม่ได้แปลว่ายอดขายจะเพิ่มตามมา

เมื่อเร็วๆ นี้ New York Times เรียกคอลเล็คชั่นของเมแกนว่า “เอาแน่เอานอนไม่ได้ ถึงแม้เธอจะมีความสง่างาม ความทันสมัย และพยายามสร้างลายเซ็นให้ตัวเองก็ตาม”

ในขณะที่ผลงานของ Waight Keller ได้รับการชื่นชมจากนักวิจารณ์แฟชั่นหลายคน แต่การเปิดตัวสินค้าในราคาที่เข้าถึงได้ง่ายอย่างรองเท้าผ้าใบและเสื้อโค้ตของแบรนด์คู่แข่งก็มีไม่น้อย ซึ่งข้อเท็จจริง เมแกนได้ผลักดันให้แฟนๆ ของเธอซื้อทุกอย่างตั้งแต่ชุด H&M ราคาต่ำกว่า $50 (ประมาณ 1,600 บาท) ไปจนถึงแบรนด์ดัง Victoria Beckham แต่ดูเหมือนว่าผู้ติดตามแฟชั่นของเมแกนจะไม่ยอมเสียเงินหลายพันดอลลาร์สำหรับสินค้า Givenchy

แต่นั่นไม่ได้กระทบความสัมพันธ์ระหว่างดัชเชสกับนักออกแบบคนโปรดของเธอ ทั้งสองยังคงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ในอนาคต Waight Keller จะไปประจำแบรนด์ไหนก็ยากจะคาดเดา แต่เชื่อว่าเมแกนจะยังคงสนับสนุนเพื่อนของเธอคนนี้อย่างแน่นอน


ที่มา : pagesix.com

ภาพ : people.com , Getty Images

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

หมอจีฟีเวอร์! ทำไอเท็มจากแบรนด์ดัง MaxMara ขึ้นสถานะ Sold Out

ซูมสมบัติตกทอด! แม่ชมส่งต่อ รองเท้าแบรนด์เนม ให้นักแสดงในสังกัดเดียวกัน

นางเอกขวัญใจตลอดกาล! เปิดลุค ‘เคียวโกะ ฟูคาดะ’ ทั้งหวานทั้งแซ่บในวัย 37 ปี

ยกอันดับ 1 ให้เลย! สื่อเกาหลีพูดถึงสไตล์ ‘ลิซ่า’ แฟชั่นนิสต้าที่ได้รับการยอมรับ

ปังไม่ไหว! THIS IS ME VATANIKA เวอร์ชั่น StayHome ส่องวิถีดีไซเนอร์ยุคโควิด

สวยจบในชิ้นเดียว! แฟชั่นจั๊มสูท เทรนด์ที่สุภาพสตรีในราชวงศ์ต่างประเทศชื่นชอบ

เจ้าพ่อซูเปอร์แบรนด์ บาส-นิติ DIY หน้ากากจากผ้าแอร์เมส-ชาเนล พร้อมทำบริจาค

เปิดห้องเสื้ออีกครั้ง! Dior ผลิตหน้ากากอนามัย มอบให้บุคลากรทางการแพทย์

ไปให้สุดค่ะแม่! แฟชั่น STAYHOME ฉบับ ‘วทานิกา’ ดีไซเนอร์สุดแซ่บ

หล่อมาดนายแบบ! ‘เกาเหว่ยกวง’ หรือ ‘มหาเทพตงหัว’ กับแฟชั่นมิดชิดช่วงโควิด-19

เหตุใด ดัชเชสเคท แต่งตัวผ่อนคลายขึ้น หลัง เมแกน ออกจากการเป็นราชวงศ์ชั้นสูง

ถูกวิจารณ์เยอะเกินพอดี! คอสตูม ดั่งดวงหฤทัย ไม่เรียบง่ายตามบทนิยาย

บลิ๊งค์ขอความเท่าเทียม! สปอร์ตแบรนด์ดังตัดภาพ จีซู BLACKPINK บนเว็บไซต์จีน

#ดูเอาเถิด ลุคเข้าสวน-ทำครัวของ เจ้าแม่แฟชั่น ‘ชมพู่ อารยา’

เปลี่ยนลุคเหมือนลดอายุ! ซงฮเยคโย ถ่ายแฟชั่นเซ็ตรับซัมเมอร์

แม่จีนเปย์ไม่พัก! จัดแบรนด์เนมหรูให้ ‘ลิซ่า’ ฉลองวันเกิด 23 ปี

Burberry ดัดแปลงโรงงานในอังกฤษ ผลิตชุดคลุมและหน้ากาก มอบทางการแพทย์

สวยใจบุญ ‘ศรีริต้า’ แจกหน้ากากอนามัย 5 พันชิ้น ได้แรงสนับสนุนจากแบรนด์ไทย

ลุคเรียบง่ายแค่หลักพัน ‘ดัชเชสเคท’ เข้าเยี่ยมเจ้าหน้าที่สุขภาพในวิกฤต COVID-19

งดงามในชุดไทย ‘น้ำหวาน ซาซ่า’ เข้าพิธีแต่งงานเรียบง่ายกับ ‘กวาง เอบีนอร์มอล’

ศรีริต้า ปลื้มปีติ ได้รับพระราชทานของขวัญจากแบรนด์ SIRIVANNAVARI

โซ่ทองหนาจนต้องมอง! กระเป๋า Bottega Veneta ราคา 6 หลักของ ‘คุณนายบีเบอร์’

ขายหมดเกลี้ยง! กระเป๋า YSL ใบที่ ‘โรเซ่ Blackpink’ สะพายร่วมงานแฟชั่นวีค

สายแฟตัวจริง! ถอดสไตล์ นางแบบตัวแม่ ก่อนขึ้นรันเวย์ในแฟชั่นวีค

สีดำอมตะ! กระเป๋า Dior Ultra-Matte 3 ดีไซน์เดิม เพิ่มเติมความแมตต์ทั้งใบ

สร้อยคอทองคำที่ ‘เจ้าชายวิลเลียม’ มอบให้ ‘ดัชเชสเคท’ มีความหมายอะไรซ่อนอยู่

ซงฮเยคโย

สื่อจีนตั้งข้อสังเกต ซงฮเยคโย อาจจะรีเทิร์นรักเก่า ฮยอนบิน

Alternative Textaccount_circle
ซงฮเยคโย
ซงฮเยคโย

ก่อนหน้านี้สื่อจีนเคยจุดประเด็นเรื่องการหย่าร้างของ ซงฮเยคโย ตั้งแต่ยังไม่มีใครระแคะระคาย ล่าสุดมีประเด็นให้ได้ฮือฮากันอีกครั้ง เมื่อมีการตั้งข้อสังเกตว่านางเอกสาว มีแววที่จะรีเทิร์นรักกับพระเอกสหายผู้กอง ฮยอนบิน

ซงฮเยคโย

ถึงจะไม่ได้มีผลงานในจีนมาพักใหญ่แล้ว แต่นางเอกสาว  ซงฮเยคโย (Song Hye Kyo) ก็ยังเป็นที่สนใจของสื่ออยู่เสมอ โดยเฉพาะหลังจากหย่าร้างเธอถูกจับตามองเรื่องความรักอย่างใกล้ชิดมากๆ และเมื่อไม่นานมานี้สื่อแดนมังกร sohu.com (คลิกลิงก์) ได้รายงานข่าวที่น่าสนใจว่าอดีตคู่รักฮันรยูสตาร์ ซงฮเยคโย และ ฮยอนบิน อาจรีเทิร์นกลับมาสานสัมพันธ์รักกันอีกครั้งหนึ่ง

เมื่อไม่นานมานี้ “Park Sol Mi” นักแสดงรุ่นพี่ของ “ฮเยคโย” ได้โพสต์ภาพเนื้อเพลงประกอบละครเรื่อง “Worlds Within…รักนี้ไม่ต้องมีบท” ซึ่งเป็นดราม่าที่สร้างชื่อให้กับเธอและพระเอกหนุ่ม “ฮยอนบิน” รวมทั้งยังเป็นโปรเจ็กต์พบรักของทั้งคู่ในปี 2008 ซึ่งในโพสต์นี้มีคนเข้ามาคอมเม้นต์มากมาย รวมถึง “Song Hye Kyo” ที่เข้ามาร่วมคอมเม้นต์ด้วยว่า “พี่สาว ฮาฮ่า”

ซงฮเยคโย

จากโพสต์ดังกล่าวได้ดึงดูดความสนใจของผู้คนจนมีการตั้งข้อสังเกตว่าอดีตคู่รักจะกลับมารีเทิร์นรักกันอีกครั้งหรือไม่ ไม่เพียงเท่านั้นสื่อจีนได้อ้างว่านักแสดงสาวเพิ่งโพสต์ภาพรูปถ่ายตอนที่เธออายุ 28 ปี ด้วยความรู้สึกอยากกลับไปช่วงเวลานั้นอีกครั้ง ซึ่งหากเทียบเคียงเวลาแล้ว ก็เป็นช่วงที่นางเอกสาวสานสัมพันธ์กับสหายผู้กองอย่างพอดิบพอดี

อย่างไรก็ตามหลังจากที่มีข้อมูลนี้ออกมาก็ทำให้แฟนๆ รู้สึกสับสนเนื่องจากปัจจุบันมีกองเชียร์มากมายที่ลุ้นให้ “ฮยอนบิน” (Hyun Bin) กับนางเอก “ซนเยจิน” (Son Ye Jin) พัฒนาความสัมพันธ์หลังจากที่ทั้งคู่ร่วมงานกันในซีรีส์รักโรแมนติก”Crash Landing on You”

สำหรับความรักระหว่าง “Song Hye Kyo” และ “Hyun Bin“ก่อตัวขึ้นระหว่างการถ่ายทำซีรีส์ Worlds Within โดยหลังจากที่ถ่ายจบไม่นานทั้งคู่เริ่มพัฒนาความสัมพันธ์ กระทั่งเมื่อเดือนมี.ค. 2011 ความสัมพันธ์ก็สิ้นสุดลง ซึ่งเรื่องราวได้เปิดเผยก่อนที่พระเอกดังจะเข้ากรมได้เพียง 1 วัน สำหรับเหตุผลนั้นได้มีการเปิดเผยออกมาว่า ทั้งคู่ห่างกันเพราะต่างคนต่างโฟกัสหน้าที่ของตัวเอง

ซงฮเยคโย

ซงฮเยคโย


ข้อมูลจาก : lovekpop95  sohu

สามารถติดตามอ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่

ชีวิตจริงไม่ได้ฟินเหมือนในละคร เส้นทางรักของ ซงฮเยคโย กับ 3 พระเอกเอลิสต์

ชู้รักดิ้นไม่หลุด! แจ็คสัน ไล ถูกปาปารัสซีรวบ ขณะนัดป้อนเค้ก แอชลีย์ จู

จับตามอง คิมโยจอง ในฐานะเงาของพี่ชาย คิมจองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ

พระเอกรักนี้ชั่วนิรันดร์ ซงซึงฮอน ถูกสวดเพราะไม่สวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ

ครอบครัวแฮ็ปปี้ สามีรักหลง 5 เรื่องจริงของ “คิมฮีแอ” ดราม่าควีนแห่งแดนกิมจิ

เฉิน วง EXO กลายเป็นคุณพ่อป้ายแดง ภายหลังภรรยาได้ให้กำเนิดลูกสาว

ดราม่าเกิด! คิมโกอึน โดนบูลลี่ไม่สวยพอที่จะคู่ควรเป็นนางเอกคู่ ลีมินโฮ

จับตา! ชอนจินซอ คิมทันตอนเด็ก ในซีรี่ส์สุดร้อนแรง The World of the Married

นักออกแบบท่าเต้น ขอโทษ “ลิซ่า BLACKPINK” หลังกล่าวหาว่าก็อปท่าเต้น

การร่วมงานกันที่น่าจับตามองระหว่าง Lady Gaga และ 4 สาว BLACKPINK

สมกับร้องไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือด คิมแทฮี แจ้งเกิดใหม่ในฐานะแม่ที่แท้จริง!

ลุ้นผลงานใหม่ของ กงยู ในดราม่าไซไฟเรื่อง The Sea of Silence

เหรินเจียหลุน ใต้เท้าลู่อี้ องครักษ์เสื้อแพร เปิดตัวลูกเมียครบเซ็ต แต่เรตติ้งไม่ตก

หลี่ เจียฉี “ราชาลิปสติก” สร้างยอดขาย 4.7 พันล้านบาท ใน “วันคนโสด” ของจีน

15 ลุค ที่พิสูจน์แล้ว แม้ ลิซ่า BLACKPINK ใส่แมสก์ก็ไม่อาจซ้อนความงามเธอได้

4 เรื่องน่าสนใจผลงานซีรีส์ใหม่ อีมินโฮ The King : Eternal Monarch

การกลับมาอย่างท็อปฟอร์มในจีน ของศิลปินเกาหลี จี-ดรากอน

ทายาทราชครูผังจี๋ หนิ่วเฉิงเจ๋อ นักแสดงเปาบุ้นจิ้น ถูกตัดสินจำคุก 4 ปี

สวยบาดใจ! ฮันโซฮี กับบทเมียน้อยสุดแซ่บ จากเรื่อง A World of Married Couple

ซนเยจิน นางเอกเคมีสาธารณะ นักแสดงสาวผู้มาพร้อมกับสายฝนและความชุ่มฉ่ำใจ

นักเต้นหักกระดูก ฟันเฟืองที่ทำให้ K-Zombie ได้รับความนิยมไปทั่วโลก

IU (ไอยู) จากเด็กน้อยที่กินมันต้ม อยู่ห้องแมลงสาบ สู่สุดยอดผู้ใจบุญแห่งเกาหลี

เปิดรายได้ของสหายผู้กอง ฮยอนบิน หล่อใจสปอร์ต ชายในฝันของสาวๆ ที่แท้จริง

หมอจีฟีเวอร์! ทำไอเท็มจากแบรนด์ดัง MaxMara ขึ้นสถานะ Sold Out

หมอจีฟีเวอร์! ทำไอเท็มจากแบรนด์ดัง MaxMara ขึ้นสถานะ Sold Out

หมอจีฟีเวอร์! ทำไอเท็มจากแบรนด์ดัง MaxMara ขึ้นสถานะ Sold Out
หมอจีฟีเวอร์! ทำไอเท็มจากแบรนด์ดัง MaxMara ขึ้นสถานะ Sold Out

ส่องแฟชั่นชิ้นเด็ดของ MaxMara ในซีรีส์เกาหลีเรื่องดัง A World of Married Couple กับไอเท็มที่คุณหมอจีซอนอูทำ Sold Out มาแล้ว

เชื่อว่าสาวๆ หลายคนที่ได้ติดตามซีรีส์เกาหลีเรื่องฮ็อตในตอนนี้อย่าง A World of Married Couple ต้องประทับใจกับเรื่องราวความเข้มข้นและดราม่าน้ำดีของซีรีส์เรื่องนี้อย่างแน่นอน แต่อีกหนึ่งไฮไลต์ที่หลายคนจับตามองก็คือแฟชั่นสุดเริ่ดของเหล่าตัวละครในเรื่อง ที่ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า กระเป๋า หรือรองเท้า ก็ต่างสวมใส่แต่แบรนด์ดังระดับโลกกันทั้งนั้น

วันนี้เราจึงได้คัดไอเท็มชิ้นเด็ดของแบรนด์ MaxMara จากในซีรีส์มาให้ชมกัน เผื่อสาวๆ คนไหนอยากลุกขึ้นมาแต่งตามหรือเซฟเก็บไว้ใน Wish List กัน!

หมอจีฟีเวอร์! ทำไอเท็มจากแบรนด์ดัง MaxMara ขึ้นสถานะ Sold Out

A World of Married Couple
หมอจีสวมเสื้อโค้ต MaxMara Raoul Wool And Cashmere สีขาวสะอาดตา ให้ลุคที่ดูหรูหราสมกับบทบาทแพทย์หญิงสุดเพอร์เฟ็คจริงๆ

MaxMara Raoul Wool And Cashmere ราคาประมาณ 86,000 บาท

A World of Married Couple
จีซอนอูในชุด MaxMara Cady Dress สีขาวงาช้าง ถือเป็นอีกหนึ่งลุคที่หลายคนต่างพูดถึง และตอนนี้เดรสที่ว่าก็ได้ Sold Out ในเกาหลีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

MaxMara Cady Dress ราคาประมาณ 54,000 บาท

จีซอนอูดูสวยสง่าในเสื้อโค้ต MaxMara Long Jago สีเบจ

MaxMara Long Jago ราคาประมาณ 140,000 บาท (โค้ตตัวนี้หลายเว็บเริ่มขึ้นสถานะ Out of Stock แล้วเช่นกัน)


บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ซูมสมบัติตกทอด! แม่ชมส่งต่อ รองเท้าแบรนด์เนม ให้นักแสดงในสังกัดเดียวกัน

เจาะราคาทีละใบ! กระเป๋า Hermès ของ ‘เมลาเนีย ทรัมป์’ รวมมูลค่าหลายล้านบาท

 

ทรงสง่างามแบบสากล ‘ในหลวง-พระราชินี’ ในวโรกาสเสด็จฯทอดพระเนตรการแสดงโอเปร่า

Alternative Textaccount_circle

ทรงสง่างามแบบสากล ‘ในหลวง-พระราชินี’ ในวโรกาสเสด็จฯทอดพระเนตรการแสดง โอเปร่า… เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2562 พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปยังหอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เพื่อทอดพระเนตรการแสดงดนตรีของนายโฆเซ การ์เรรัส (Jose Carreras) นักร้องโอเปร่าชื่อดังระดับโลก ซึ่งการแสดงครั้งนี้เป็นโชว์ปิดม่านอำลากรุงเทพมหานครของนายโฆเซ การ์เรรัส ในงานมหกรรมศิลปะการแสดงและดนตรีนานาชาติ กรุงเทพฯ ครั้งที่ 21

ทั้งนี้หลังการแสดงจบลง พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พล.อ.ท. ภักดี แสง-ชูโต เชิญช่อดอกไม้พระราชทานไปมอบให้แก่ผู้แทนคณะนักแสดง จำนวน 3 คน ได้แก่ นายโฆเซ การ์เรรัส นางสาวเซลีน ไบร์น นักโซปราโน และนายเดวิด กีเมเนซ วาทยกร

อีกทั้งในโอกาสนี้ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายโฆเซ่ การ์เรรัส เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เพื่อรับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ประถมาภรณ์ช้างเผือก (ป.ช.) ด้วย

สำหรับการเสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรคอนเสิร์ตครั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ทรงฉลองพระองค์ชุดแต่งกายแบบสากลที่สง่างาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ซึ่งทรงฉลองพระองค์ชุดราตรียาวแบบสากลให้ได้เห็นกันเป็นครั้งแรก และได้รับคำชื่นชมถึงพระสิริโฉมที่งดงามอย่างล้นหลาม โดยฉลองพระองค์ของสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ในครั้งนี้ เป็นชุดราตรียาวสีแดง ชายยาวแบบหางปลาเล็กน้อย และโดดเด่นด้วยลวดลายอันงดงามของผ้าไหมแพรวา ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของศิลปวัฒนธรรมไทย อีกทั้งประดับด้วยคริสตัลสุดระยิบระยับ พร้อมทั้งทรงเครื่องประดับทับทิมที่รับกับสีของฉลองพระองค์เป็นอย่างยิ่ง 


คลิกอ่านบทความที่เกี่ยวข้อง : ทรงงดงามตามรอยพระสัสสุ ฉลองพระองค์ผ้าไหมแพรวา ในสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ

ข้อมูลและภาพ : mgronline.com, matichon.co.th

 

ติดตามบทความอื่นๆ ได้ที่

พระจริยวัตรเรียบง่ายสไตล์ ‘เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี’ ทรงเก็บผักสวนครัวมาปรุงเมนูอร่อย

แค่เห็นก็ปลื้มใจ! เจลแอลกอฮอล์พระราชทาน ฝีพระหัตถ์ ‘เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา’

ทรงห่วงใย ‘เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี’ เสด็จเยี่ยมแพทย์-พยาบาลด้วยพระองค์เอง

สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอฯ พระราชทานเครื่องช่วยหายใจ ช่วยแนวหน้าสู้โควิด-19

‘ปิ่นโต-กระจก’ หุ่นยนต์พระราชทานจาก ‘กรมสมเด็จพระเทพฯ’ ช่วย 73 โรงพยาบาล

ทรงห่วงประชาชน พระองค์เจ้าโสมสวลี – เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา พระราชทานสเปรย์แอลกอฮอล์

คุณหมอโพสต์แทนใจ หลังได้รับพระราชทานของบางสิ่งจาก ‘กรมสมเด็จพระเทพฯ’

ขายพืชผักราคาถูกเพื่อช่วยเหลือประชาชน พระราชกระแสใน ‘กรมสมเด็จพระเทพฯ’

ในหลวง ร.10 โปรดเกล้าฯ ถอดฐานันดรศักดิ์ ‘เจ้าคุณพระสินีนาฏ’

Alternative Textaccount_circle

วันนี้ (21 ตุลาคม 2562) เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ พระบรมราชโองการ ประกาศ เรื่อง ให้ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหารพ้นจากตำแหน่ง ถอดฐานันดรศักด์ และยศทหาร ตลอดจนเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ทุกชั้นตรา ใจความดังนี้

พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหารพ้นจากตำแหน่ง ถอดฐานันดรศักดิ์ และยศทหาร ตลอดจนเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ทุกชั้นตรา เนื่องจากกระทำความผิดราชสวัสดิ์ และไม่จงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์

เจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี ประพฤติตนต่อต้านงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกในการสถาปนาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี หลังจากที่ได้ทรงประกอบพิธีราชาภิเษกสมรส เมื่อวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๖๒ โดยได้แสดงตนต่อต้านและกดดันทุกวิถีทาง เพื่อจะไม่ให้มี การสถาปนาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ขึ้นทรงดำรงตำแหน่ง แต่จะให้โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมตนเองขึ้นดำรงตำแหน่งแทน ตามที่ได้ตั้งความหวังไว้ แต่การณ์ไม่เป็นไปตามที่มุ่งหวัง หลังจากพระราชพิธีผ่านพ้นไปแล้ว ด้วยความทะเยอทะยาน มักใหญ่ใฝ่สูง จึงได้พยายามหาหนทาง ในการดำเนินการด้วยวิธีการต่างๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งการสถาปนาตำแหน่งของตนเอง นอกจากนี้เจ้าคุณพระสินีนาฏฯ ยังได้ล่วงละเมิดพระราชอำนาจ สั่งการในเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี

ด้วยเหตุนี้ เพื่อเป็นการลดปัญหา หรือการกระทำใดๆ ที่ไม่เหมาะสม อันมีผลกระทบต่อสถาบันและส่วนรวมของประเทศชาติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมสถาปนาให้ขึ้นเป็นเจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี ด้วยทรงหวังพระราชหฤทัยว่า จะลดแรงกดดัน และปัญหาอันอาจจะเกิดขึ้นที่จะส่งผลกระทบต่อสถาบัน หลังจากนั้น ได้ทรงเฝ้าติดตามความประพฤติและการปฏิบัติของเจ้าคุณพระสินีนาฏฯ มาอย่างต่อเนื่องจึงได้ทรงทราบว่า เจ้าคุณพระสินีนาฏฯ มิได้มีความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และประพฤติตนให้เหมาะสมกับตำแหน่ง อีกทั้งยังไม่พอใจในตำแหน่งที่ได้รับพระราชทาน ยังกระทำการทุกประการที่จะเทียบเท่าสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ไม่มีความเข้าใจในขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของราชสำนัก แสดงความกระด้างกระเดื่อง ต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ตลอดจนใช้ประโยชน์จากตำแหน่งในการดำเนินการสั่งการ แอบอ้างพระราชกระแสไปกระทำการ หรือสั่งการให้บุคคลต่างๆ ปฏิบัติตามคำสั่งของตนเองโดยตนเองไม่ต้องรับผิดชอบ อ้างว่าได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ดำเนินการแทนพระองค์ ทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิดในฐานะตำแหน่งของตนเอง ถือได้ว่าการกระทำดังกล่าว เป็นการเอื้อประโยชน์ ส่วนตนโดยตรง ให้เกิดความนิยมชมชอบ อันนำไปสู่สิ่งที่ตนคาดหวังไว้ มิใช่เพื่อส่วนรวมโดยแท้จริงเพราะมุ่งหวังที่จะให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวสถาปนาตนเองให้สูงขึ้น เทียบเท่าสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี

การกระทำของเจ้าคุณพระสินีนาฏฯ ดังกล่าวถือได้ว่าไม่ถวายพระเกียรติ ขาดความกตัญญู ไม่สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และสร้างความแตกแยกในหมู่ข้าราชบริพาร ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด ในหมู่ประชาชน ถือเป็นการบ่อนทำลายประเทศชาติและสถาบัน จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี พ้นจากตำแหน่งข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหาร ถอดฐานันดรศักดิ์ และยศทหาร ตลอดจนเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ทุกชั้นตรา

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ มาตรา ๑๕ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช ๒๕๖๐ ประกอบมาตรา ๔ และมาตรา ๙ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการในพระองค์ พ.ศ. ๒๕๖๐ และมาตรา ๑๐ มาตรา ๑๓ และมาตรา ๑๕ แห่งพระราชกฤษฎีกา จัดระเบียบราชการและการบริหารงานบุคคลของราชการในพระองค์ พ.ศ. ๒๕๖๐ และมาตรา ๑๒ ของพระราชบัญญัติยศทหาร พุทธศักราช ๒๔๗๙ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้เจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี พ้นจากตำแหน่งข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหาร ถอดฐานันดรศักดิ์และยศทหาร ตลอดจนเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ทุกชั้นตรา

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๒๐ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒

ประกาศ ณ วันที่ ๒๑ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒ เป็นปีที่ ๔ ในรัชกาลปัจจุบัน

 

เสียดสีตีแผ่ปัญหา ลูกบ้าสุดท้าทายของ “อึ่ง-สิทธานต์” นักรีวิวทางเท้า เจ้าของเพจ The Sidewalk

เสียดสีตีแผ่ปัญหา ลูกบ้าสุดท้าทายของ “อึ่ง-สิทธานต์” นักรีวิวทางเท้า เจ้าของเพจ The Sidewalkจะมีสักกี่คนที่กล้าออกมาเล่าปัญหาสังคมอย่างตรงไปตรงมา เพื่อจุดประกายอะไรบางอย่างในสิ่งที่เราเองก็คิดนะแต่ไม่กล้าพูด จนกระทั่งวันนึงที่มีคนออกมาเป็นเป็นกระบอกเสียงให้ทุกคนหันมาใส่ใจกับเรื่องที่ยังไม่ถูกแก้ไขได้อย่างดีพอ

อึ่ง – สิทธานต์ ฉลองธรรม ผู้ชายที่ใช้ชีวิตเหมือนคนปกติธรรมดา ทำมาหากินด้วยอาชีพคนเบื้องหลังผลิตรายการโทรทัศน์ แต่อยู่ดีๆ ก็ลุกขึ้นมาเปิดเพจตีแผ่ปัญหาทางเท้าในกรุงเทพมหานครในชื่อ The Sidewalk โลกกว้างข้างทางเท้า ซึ่งเป็นเพจที่เขาทำขึ้นสนองความคิดบางอย่างกับความไม่ชอบธรรมในสังคม โดยเฉพาะเรื่องของพื้นที่สาธารณะ และปัญหาทางเท้าในบ้านเรา คำถามที่อยากรู้ในวันนี้ก็คือ เขาทุ่มเททำไปเพื่ออะไร ในเมื่องานประจำก็มีทำ แถมสิ่งที่กำลังทำกลับไปเบียดเวลาที่ควรจะพักผ่อนหลังเลิกงานด้วยซ้ำ

เขาบอกกับเราว่าถ้าจะให้คำนิยาม หรือสถานะอะไรสักอย่างกับสิ่งที่เขาเป็นอยู่ในตอนนี้ เขาเองไม่ใช่นักรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชนอะไรแบบนั้น แต่ให้เรียกว่าเขาเป็นนักรีวิวทางเท้า น่าจะใช่มากกว่า

“ผมชื่อสิทธานต์ ฉลองธรรม อาชีพที่หามาหากินอยู่ทุกวันนี้ก็คือ ทำรายการโทรทัศน์ และโปรดักชั่นวีดิโอต่างๆ  พื้นฐานเรียนจบมาด้านภาพยนตร์ สื่อสารมวลชน จริงๆ ก็แทบจะไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องที่ทำอยู่ในเพจเท่าไหร่ แต่มันเป็นความสนใจส่วนตัวที่มีมานานแล้ว”

แรงจูงใจที่ทำให้เปิดเพจ The side walk

“ผมมีความสนใจเกี่ยวกับเรื่องของเมือง ตอนแรกเลยคือ สนใจเรื่องของพื้นที่สาธารณะ ผมเป็นคนที่ชอบสังเกตสิ่งรอบตัว เวลานั่งรถเมล์ หรือนั่งอยู่ริมทางเท้าก็จะมองผู้คนที่เดินขวักไขว่ไปมา เฝ้ามองชีวิตของเขามันเพลินดี ประกอบกับรู้สึกว่ามันมีหลายๆ ปัญหาของบ้านเรา ซึ่งอะไรที่มันควรจะเป็นไปในทางที่น่าจะเป็น ทำไมถึงไม่เป็นวะ  คือเราใช้ชีวิตอยู่นอกบ้านมากกว่าในบ้าน เพราะชีวิตที่อยู่ในบ้านส่วนใหญ่ก็แค่พักผ่อนนอนหลับ ส่วนใหญ่เราอยู่บนพื้นที่สาธารณะ ซึ่งทางเท้ามันเป็นพื้นที่สาธารณะที่มีมากที่สุดในเมือง ดังนั้นมันควรถูกออกแบบเพื่อให้เราใช้งานได้ดีสิ

เพจนี้ทำมาพักใหญ่แล้ว แต่เพิ่งมาทำเป็นวีดิโอเมื่อเดือนเมษายน และที่ตัดสินใจทำจริงๆ ไม่ได้อยากเอาตัวเข้าไปอยู่ในวีดิโอหรอก เพราะมันก็ไม่ใช่งานออฟฟิศ และใช้พลังงานเยอะให้คนเข้าใจว่าประเด็นพวกนี้มันเกี่ยวข้องกับพวกเขา พยายามหาวิธีการนำเสนอให้ทุกคนเข้ามามีส่วนร่วม ฟีตแบคก็ดีมากครับ คนก็เข้าใจมากขึ้น เพราะทุกคนเกิดการตั้งคำถามเพื่อที่จะหาความจริงว่ามันคืออะไรกันแน่

ความสนใจมันสั่งสมมาเรื่อยๆ และหาความรู้มาตลอด เราเคยไปหาความรู้จากงานสถาปนิกต่างๆ แต่เราก็ยังไม่เข้าใจมันเท่าไหร่ พอวันนึงได้มีโอกาสได้ทำรายการโทรทัศน์ ก็เลยเลือกทำเรื่องที่เกี่ยวกับเมือง ช่วงนั้น 6-7 ปีที่แล้ว ทำรายการชื่อ คนเดินเมืองอยู่ 13 ตอน ตอนแรกก็เริ่มจากทางเท้าก่อน เพราะมันเป็นสิ่งที่ใกล้ตัวเราที่สุด องค์ประกอบของทางเท้าที่เป็นมิตรกับผู้คนมันควรจะเป็นแบบไหน มีอะไรบ้าง ก็ไปสำรวจว่ามันมีไหม แล้วที่มันไม่มีมันเป็นเพราะอะไร  ต่อมาก็เล่นเรื่องทางข้ามถนนต่างๆ “

เท่าที่ไปเดินรีวิวมาทางเท้าในประเทศไทยเป็นอย่างไรบ้าง

เวลาพูดถึงทางเท้ามันอดไม่ได้ มันต้องพูดถึงถนนด้วย เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งในระบบการเดินทาง ถามว่าทางเท้าในประเทศไทยเป็นยังไง ก็ต้องถามด้วยว่าถนนในประเทศไทยเป็นยังไง อย่างในกรุงเทพฯ ที่มันมีปัญหาอย่างทุกวันนี้ก็คือ ทางเท้าแคบ มีสิ่งกีดขวางอยู่ และเกิดการทวงคืนทางเท้าขึ้นมา เป็นเพราะว่าเราให้ความสำคัญกับถนนและรถยนต์มากเกินไป ซึ่งในทุกเมืองต่างประเทศ เคยเจอปัญหานี้หมด ที่เขาเรียกว่าวัฒนธรรมรถยนต์ครองเมืองในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่จากนั้นเขาก็เริ่มปรับตัวกัน อย่างเมื่อ 20 ปีที่แล้ว หลายเมืองเขาก็เริ่มรู้สึกว่าการที่มีรถยนต์เข้ามาอยู่ในเมืองมากๆ มันไม่ได้มีอะไรดีขึ้น มันส่งผลเสียต่อการจราจร มันทำให้ไม่สะดวก ค่าใช้จ่ายสูงขึ้น มลพิษก็ส่งผลต่อสุขภาพกาย และสุขภาพจิตก็เสีย”

เคยออกไปประท้วงหรือเป็นแกนนำในการรณรงค์บ้างหรือเปล่า

“ผมเป็นคนที่โคตรเกลียดการรณรงค์เลย เพราะถ้าการรณรงค์มันช่วยแก้ปัญหาได้ มันก็คงสำเร็จไปแล้ว ในทางตรงข้ามการรณรงค์นี่แหละเป็นสิ่งที่ทำร้ายประชาชน หรือสื่อเองที่ไปช่วยโปรโมทการรณรงค์ เช่นการข้ามถนนต้องใช้สะพานลอยและทางม้าลาย แต่ไปดูเข้าจริงๆ

มันมีที่ไหนทางม้าลาย สะพานลอยก็ไม่ใช่ทุกคนจะข้ามได้ อย่างคนท้องหรือคนแก่ เด็ก คนพิการ เขาก็ข้ามไม่ได้แล้ว และการณรงค์ก็ยังทำกันแบบนี้มาโดยตลอด ซึ่งผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไปเพื่ออะไร”

เหตุและผลที่เป็นจุดเริ่มต้นของการลุกขึ้นมาทำอะไรแบบนี้ นอกจากเป็นคนชอบสังเกตผู้คนจนเห็นปัญหา อีกอย่างที่เป็นจุดที่ทำให้เกิดแรงขับครั้งใหญ่นั่นก็คือการที่เห็นคนใกล้ตัว ต้องมาเผชิญกับความไม่สะดวกในการพื้นที่สาธารณะ ซึ่งเขาเองก็รู้สึกขัดหูขัดตา และรับไม่ได้ถ้าต่อไปทุกคนยังมองข้ามและไม่นำไปสู่การแก้ไข

“มีเหตุการณ์หนึ่งคือ พี่ที่สนิทของผมเขาเป็นโรคหัวใจ และต้องเดินข้ามสะพานลอย ทีนี้เขาเดินต่อไม่ไหว ก็หยุดเดินกลางสะพาน ในใจเราก็คิดตั้งคำถามว่า แล้วงี้คนที่มีอายุหรือว่าไม่สบายจะข้ามถนนยังไง จากการที่เราได้เห็นเรื่องราวเหล่านี้ก็รู้สึกว่า ไอ้สิ่งที่คนที่ใช้ชีวิตในเมืองควรจะได้รับความสะดวกสบาย ที่เป็นไปตามธรรมชาติของมนุษย์ ทำไมถึงไม่ได้รับ โดยเฉพาะคนเดินเท้า ทำไมถึงห้ามเดินลัดสนามทั้งที่มันใกล้ จริงๆ แล้วผมว่าคนที่ใช้ชีวิตในเมืองเขาไม่ควรลำบาก หรือในสวนสาธารณะถึงห้ามเดินตัดสนาม มีหญ้าไว้ให้มองอย่างเดียวหรอ ให้ใช้ด้วยได้ไหม

ยิ่งเราได้ไปเห็นที่ต่างประเทศบ่อยๆ ก็ยิ่งรู้สึกตอกย้ำว่าที่เราคิดมันน่าจะถูกต้องนะ  ทำไมต่างประเทศถึงไม่มีสะพานลอยวะ ทำไมสวนสาธารณะเขาไม่เห็นมีข้อห้ามมากมายเหมือนบ้านเราเลยวะ ทำไมจะนอนก็นอนได้ ทำไมบ้านเราต้องมียามขี่จักรยานและคอยดูว่าใครนอนก็มาบอกให้ลุก  ก็ค้นพบว่ามันมีความคิดความเข้าใจที่บางคนอาจจะมองว่าไม่ผิด แต่เราเองมองว่าเฮ้ย มันใช่หรือเปล่า เลยทำให้ต้องมาตั้งคำถาม อย่างเช่น เขาบอกสะพานลอยสร้างขึ้นมาเพื่อความปลอดภัยของคนข้ามถนน ไปๆ มาๆ มันไม่น่าใช่เนอะ เพราะเมืองอื่นเขาไม่มีสะพานลอยแต่ทำไมเขาถึงข้ามถนนได้อย่างปลอดภัย  การมีสะพานลอยมันใช่การแก้ปัญหาที่ถูกต้องหรือเปล่า หรือมันทำขึ้นมาเพื่อให้รถยนต์ไม่ต้องหยุดให้คนข้าม “

 คิดว่าเป็นเพราะความล้มเหลวของระบบการจัดการในบ้านเราหรือเปล่า

“ก็ใช่นะ คือเราเป็นคนที่ชอบร้องเรียนมาก น่าจะเป็นคนนึงที่ร้องเรียนเยอะในทุกๆ เรื่อง ถนนหนทางนี่ส่วนใหญ่เลย เราถือว่าเราเป็นพลเมือง และคนที่ควรจัดการก็ควรจะเป็นคนที่ได้ภาษีจากเรา ที่มีหน้าที่ในการจัดการ มันเป็นหน้าที่ของเขาให้ชีวิตของพลเมืองมีมาตรฐาน ในทางกลับกันก็มีวัฒนธรรมที่ควรจะหมดไปจากบ้านเราได้แล้ว อย่างสมมติไปต่อคิวทำใบขับขี่ ตอนนั้นเราถูกคนในเครื่องแบบแซงคิว ซึ่งพนักงานในนั้นอ่ะเป็นคนให้แซง เราก็ไม่ยอม เดินเข้าห้องอธิบดีเลยว่ามันเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ก็นั่งรอจนเขามาคุย สุดท้ายเขาก็มาบอกว่ากลับบ้านไปแล้ว เรารู้สึกว่ามันไม่ใช่อ่ะ ผมเชื่อว่าทุกคนก็รู้สึก พอจุดๆ หนึ่งก็เลยเริ่มรู้ว่าการร้องเรียนคงไม่ใช่คำตอบของการแก้ปัญหา”

กังวลเรื่องอิทธิพลไหม เพราะสิ่งที่ทำคือมันสะท้อนถึงการบริหารที่ไม่ถูกจุด

“ผมไม่เคยคิดนะ และผมไม่ได้ไปด่าใคร เราไม่ได้ด่าด้วยเรื่องส่วนตัว สิ่งที่เราพูดและทำมันเป็นเรื่องสาธารณะ เราไม่ได้ไปด่าบริษัทห้างร้านหรือบุคคล เราแค่ตั้งคำถามว่าเป็นแบบนี้มันใช่หรอ เราแค่อยากที่จะสื่อสารอะไรบางอย่างเพื่อให้มีการคิดใหม่เท่านั้นเอง”

งานประจำก็มีอยู่แล้ว มาเสียเวลามาทำเรื่องนี้ คิดว่าจะสามารถจุดประกายไปได้ไกลแค่ไหน

สิ่งที่ผมทำมันอาจจะไม่ได้ถูกต้องทั้งหมดนะ แต่ผมอยากที่จะสร้างความเข้าใจใหม่ เพราะมันเป็นสิ่งที่เรารู้สึกว่าทำไมเมื่อก่อนเราไม่รู้วะ ทำไมไม่มีใครมาบอกเรา เพราะทุกอย่างมันก็เป็นเรื่องที่เราต้องเจอในชีวิตของเราทุกคน พักหลังผมก็เริ่มเข้าไปเห็นวิถีชีวิตของคนพิการมากขึ้น ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ไม่เคยรู้มาก่อนเหมือนกัน ถ้าเราทำตรงนี้สำเร็จ คนพิการเองเขาเป็นกลุ่มคนที่เปราะบางที่สุดอยู่แล้ว ถ้าเขาใช้ชีวิตได้อย่างสบายกับพื้นที่สาธารณะ เราเองก็จะใช้ชีวิตได้ด้วย

คนส่วนใหญ่จะมองคนพิการแค่สองมิติ คือ น่าสงสาร และเป็นฮีโร่ ความเป็นคนปกติกลับไม่เคยถูกถ่ายทอดออกมา หรือในมุมที่เวลาเราไปเห็นตามต่างประเทศ ทำไมรถเข็นคนพิการเต็มไปหมด เป็นเพราะพวกเขาสามารถออกมาใช้ชีวิตได้ แต่บ้านเราค่อนข้างน้อยที่จะเป็นแบบนี้ การเกิดเป็นคนพิการมันไม่ใช่กรรมนะ เพราะถ้าเป็นกรรมมันจะไม่เกิดการแก้ปัญหา ต้องเปลี่ยนความคิดตรงนี้ให้ได้

เพราะเราไม่ได้มองการพัฒนาแต่เรื่องวัตถุ เรื่องอุตสาหกรรม แต่ต้องมองที่การพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนให้ดีขึ้นด้วย ถ้ามันดีขึ้น มันก็จะเข้าใจและเกื้อกูลกันมากขึ้น ทุกวันนี้การใช้รถใช้ถนน ส่วนใหญ่จะมุ่งไปที่คน ไม่เคยพูดถึงคนขับรถ เดินข้ามถนนบอกให้ระวังรถ แต่ไม่เคยบอกคนขับรถว่าให้ระวังคน ก็เลยอยากจะให้เกิดการคิดใหม่กับเรื่องนี้ให้ได้”

คิดว่าคนแก่ คนพิการในประเทศเรามีโอกาสที่จะมีชีวิตที่ดีขึ้นไหม

“ทุกวันนี้ผมว่าสังคมใช้ชีวิตกันตามฐานะ มีตังค์ก็ใช้รถยนต์ ไม่มีก็อยู่บ้าน แต่ในความเป็นจริง สิ่งที่รัฐควรรู้คือ ทุกคนควรมีสิทธิในการใช้พื้นที่สาธารณะได้อย่างเสมอภาคเท่าเทียมกัน”

เห็นปัญหาจากคนรอบข้างแล้ว และส่วนตัวเคยเจอประสบการณ์ตรงกับการใช้ทางเท้าอย่างไรบ้าง

“เดินสะดุดล้มก็เคย แต่ถ้าที่หนักสุดก็มีทีหนึ่ง ผมไปถ่ายรายการนี้แหละ มันถ่ายไม่ได้เลย ข้ามถนนไม่ได้ ถนนข้ามยากมาก จุดนั้นอยู่แถวพัฒนาการ ตรงนั้นจะมีไฟเขียวไฟแดงกระพริบตลอด คือเขาปล่อยรถให้โฟลว์หมด มันไม่ใช่แค่สี่แยก แต่มีทั้งรถลงทางด่วน ขึ้นทางด่วน เลี้ยวขวาขึ้นทางด่วน เลี้ยวซ้ายขึ้นทางด่วน คือข้ามไม่ได้เลย อีกอย่างก็มอเตอร์ไซด์ ขับบนทางเท้า คือเราไม่ได้ตั้งใจขวางนะ แต่เราเองก็ขยับไม่ได้ไง”

ใช้เวลาเดินสำรวจนานไหมกว่าจะลงไปถ่ายจริง

“คือมันก็ผ่านตามานานแล้วกับเรื่องพวกนี้ ว่ามันมีรายละเอียดยังไงบ้าง ปัญหาอะไร ยิ่งทำบ่อยๆ ก็จะมองเห็นปัญหาเอง และแต่ละพื้นที่บางทีปัญหามันเป็นแบบเดียวกัน ก็ต้องพยายามคิดหาไอเดียวิธีการนำเสนออยู่ตลอด”

ถ่ายทำนานไหมต่อ 1 เทป

“ตอนแรกๆ เคยถ่ายวันละ 2 -3 เทป หลังๆไม่ไหวด้วยสภาพอากาศที่บางครั้งไม่เป็นใจด้วย”

มีไอเดียอะไรอีกไหมที่อยากจะเล่าเรื่องปัญหาพื้นที่สาธารณะ

“ก็มีครับ อย่างสวนสาธารณะ คือผมเคยไปถ่ายแต่เขาไม่ให้ ต้องขออนุญาต พื้นที่สาธารณะทุกคนควรมีสิทธิ์เข้าถึงได้ เราไม่ได้เป็นกองถ่ายใหญ่ที่ใช้ไฟอะไรเยอะแยะ หรือไม่ได้เข้าไปใช้พื้นที่จนทำให้คนอื่นไม่สะดวก ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นเราก็ต้องขออนุญาตอยู่แล้ว อีกเรื่องก็คือการจัดลำดับความสำคัญของการใช้ถนน อย่างที่เราเห็นอยู่ทุกวันนี้เรื่องความไม่ปลอดภัยของการใช้ถนน ซึ่งให้ความสำคัญกับรถยนต์มาก่อนเป็นอันดับแรก ถ้าตามหลักทั่วไป คนเดินเท้าต้องมาก่อน ขนส่งมวลชน จักรยาน รถยนต์ที่เป็นเซอร์วิส และรถยนต์ส่วนบุคคลคือมาท้ายสุด แต่บ้านเรามันกลับกันหมด คนส่วนใหญ่ก็รู้มากขึ้นกว่าก่อน ซึ่งการสื่อสารแค่เพจอาจไม่พอหรอก แต่ก็เป็นสิ่งที่คาดหวังในการที่เข้ามาทำตรงนี้”

คิดว่าควรเริ่มต้นแก้ไขปัญหาอะไรก่อน เพื่อให้คนใช้พื้นที่สาธารณะในเมืองใหญ่ๆ มีความสะดวกสบายมากขึ้น

“ สิ่งที่ควรมีก็คือ ความมีชีวิตชีวาบนพื้นที่สาธารณะ แต่กรุงเทพฯ ไม่ค่อยมี ซึ่งผมก็หวังว่าวันหนึ่งทางเท้าในบ้านเราจะดีขึ้นกว่านี้ เพราะทางเท้าไม่ได้มีไว้เดินสัญจรอย่างเดียว อย่างในต่างประเทศที่มีการปรับเมืองใหม่เช่น ไทม์สแควร์ในนิวยอร์กก็มีไว้ทำกิจกรรม ไว้ขายของด้วย แต่ของเรามีปัญหาเพราะทางเท้ามันแคบ และก็ไม่อยากจะดูแลความสะอาดกัน”

อนาคตจะเห็นนักรีวิวทางเท้าที่ชื่ออึ่งไปทำอะไรอีกบ้างไหม

“ผมก็ยังก็คงยังทำเพจเพื่อเล่าเรื่องพวกนี้ ผมเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบมองเห็นการปฏิบัติต่อคนที่ไม่แฟร์”

การมาทำอะไรแบบนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะใจคงเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย เคยคิดไหมว่าจะทำไปเพื่ออะไร สุดท้ายก็อาจจะแค่ให้คนรับรู้

“มุมหนึ่งมันก็ใช่ แต่ทำเพราะว่าตอนที่เรายังไม่รู้ ก็คิดว่าทำไมเราไม่รู้วะ แต่ถ้าเราได้บอกให้คนที่ไม่รู้แล้วรู้ เขาก็น่าจะดีใจ มันก็เกิดความปิติเกิดขึ้น อย่างมีเคสหนึ่งเป็นผู้ปกครองไดเร็คเมสเสจมาที่เพจบอกว่าขอบคุณทุกวันนี้เขามีลูกสองขวบครึ่งตาบอด เมื่อก่อนไม่รู้เลยว่าจะใช้ชีวิตยังไง ตอนนี้เริ่มมีคนพูดถึง เข้าใจคนใช้พื้นที่สาธารณะเขาก็รู้สึกดี  และมันก็เป็นกำลังใจที่ทำให้เราอยากที่จะทำเพจนี้ต่อด้วย แม้ว่าบางครั้งจะถูกด่า แต่ก็ไม่ท้อแท้นะ เพราะคนที่เห็นด้วยก็มีเยอะมาก”

และนี่ก็น่าจะเป็นสิ่งที่บ่งบอกได้ชัดเจนที่สุดแล้วว่าสิ่งที่ผู้ชายคนนี้เขาทำไปทั้งหมดเพื่ออะไรกันแน่ อาจไม่ได้เป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตของเขารวยมากขึ้น แต่มันก็อิ่มเอมใจที่อย่างน้อยได้พยายามพูดในสิ่งที่ทุกคนรู้สึก แต่ไม่กล้าที่จะพูดให้เกิดประเด็นเพื่อนำไปสู่การแก้ไขมากกว่าที่เป็นอยู่ ซึ่งก็ไม่ใช่เพื่อใคร แต่เพื่อเราทุกคนที่ยังต้องใช้ชีวิตอยู่ในเมืองใหญ่แห่งนี้ ที่นับวันสิทธิและความเสมอภาคในการอยู่ร่วมกันในสังคมยังไม่เกิดความเท่าเทียมกันอย่างชัดเจน

 

เรื่อง : ภัทรีพันธ์ สุขสมพร้อม

ภาพ : จักรพงษ์ นุตาลัย

 

 

อ่านเรื่องราวของ The people ต่อได้ที่นี่

ดราม่า ‘มาดามตวง’ ถูกตัดสิทธิ์ในมรดกตระกูลนับ 1,000 ล้าน เพียงเพราะเป็นผู้หญิง

“ตุ๊ก-นิรัตน์ชญา” แม่ผู้เอาชนะภาวะซึมเศร้าหลังคลอด สู่บทบาทแม่ไอดอลสุดสตรอง

วลัยกร สมรรถกร นักวาดภาพ ออร์แกนิก กับชีวิตที่โดนมะเร็งตบหน้าเรียกสติ!

โลกไม่ได้มีไว้เพื่อกอบโกย! เจมส์ ดูอัน ชายเมียนมาร์ผู้พลิกหนี้ให้เป็นเงินหมื่นล้าน

 

 

งานนี้มีสตั๊นท์! เมื่อสื่อนอกรุมถ่ายภาพ คุณแม่เซเลบริตี้ ‘มิ้งค์ สเนลไวท์’ เพราะอะไร ไปดู!

คุณแม่เซเลบริตี้ — ‘มิ้งค์ สเนลไวท์’ หรือ เสาวคนธ์ พรพัฒนารักษ์ ผู้บริหารคนเก่งแบรนด์สเนลไวท์ เป็นหญิงไทยหนึ่งเดียวที่นั่งท้องกลมป๊อก ชมโชว์ปารีสแฟชั่นวีค 2019 ด้วยความร่าเริง ทุกชุดที่เธอใส่ ทำเอาสื่อต่างชาติสตั๊นท์ รัวชัตเตอร์เพียบ!
“ปรกติคนไทยที่มาดูโชว์ มักเป็นบรรณาธิการแมกกาซีนหรือสื่อออนไลน์สายแฟชั่น พอดีมิ้งค์ได้รับเชิญจากแบรนด์ต่างๆ ทั้งจากประเทศไทยและต่างประเทศ ทั้ง Chanel, Miu Miu, Loewe, Rochas,Thom Browne และ Giambattista Valli ซึ่งตอนที่เขาเชิญคงไม่รู้หรอกว่ามิ้งค์ท้อง ก็เลยมีมิ้งค์คนเดียวนี่แหละที่เป็นคุณแม่ท้องใหญ่ แล้วนั่งฟร้อนท์โรว์ปารีสแฟชั่นวีค” (หัวเราะ)

คุณแม่เซเลบริตี้คุณแม่เซเลบริตี้
ส่วนที่มีช่างภาพและสื่อสนใจถ่ายภาพจำนวนมาก เธอไม่ได้มีเคล็ดลับอะไรพิเศษ นอกจาก…
“เราก็แต่งตัวของเรา เดินไปๆ ปรกติ ไปแบบน่าสงสารด้วยนะ เหมือนหัวเดียวกระเทียมลีบ ไม่มีทีมงานหรือใครมาด้วย คือเราไปแบบไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะมิ้งค์เคยไปงานแฟชั่นวีคที่มิลานและปารีส ตั้งแต่ปี 2560 เขาคงเริ่มคุ้นหน้าและงงๆ ว่า คนนี้คือใคร รูปร่าง ผม ชุด ดูแปลกๆ หรือเปล่า? พอเจอกันคราวนี้ เขาก็ยิ่งจำได้ว่า อ้าว…คนนี้เคยมาเมื่อปีที่แล้วนี่ ทำไมคราวนี้ท้องแล้ว แต่ยังมาอยู่ (หัวเราะ)

 

คุณแม่เซเลบริตี้
“ทริปนี้มิ้งค์ไม่ได้เตรียมชุดอะไรไปใส่เป็นพิเศษ เพื่อให้เป็นที่จับตามองของสื่อนะคะ เพราะเราแต่งแบบนี้เป็นปรกติอยู่แล้ว ตอนยังไม่ท้อง มิ้งค์จะแต่งตัวเน้นความสวยงามเป็นหลัก แต่ตอนนี้เน้นชุดที่ใส่แล้วไม่อึดอัดท้อง เพราะปรกติมิ้งค์ชอบใส่เสื้อผ้าหลวมๆ แค่เลือกไซส์ใหญ่ขึ้น เป็นสไตล์เราสวยๆ

คุณแม่เซเลบริตี้
“ปีนี้มิ้งค์แต่งตัวมั่วจริงๆ มีไปแค่ 2 กระเป๋าแน่นๆ คนอื่นเขาอาจคิดและเตรียมตัวว่าจะใส่อะไร หรือลองมิกซ์แมทช์ บางคนอาจถึงขั้นเครียด นอนไม่หลับ พรุ่งนี้จะใส่อะไรดี แต่มิ้งค์แค่ลองใส่ดูว่ารูดซิปได้ไหม ซึ่งส่วนใหญ่รูดซิปไม่ได้ อาจหากระเป๋าหรือรองเท้าแบรนด์เดียวกับที่เราไปดูโชว์มามิกซ์แมทช์ มิ้งค์ทำอย่างนี้ประจำ มั่วมาตั้งแต่ต้นจนทุกวันนี้เราก็มั่วๆ ต่อไป (หัวเราะ) คนเลยรู้สึกเหมือนเราแต่งตัวมิกซ์แมทช์อะไรก็ได้ บางครั้งแต่งตัวพลาดก็มี แต่เราต้องทำหน้ามั่นใจไป อย่าทำเคอะเขินให้เขาจับได้ว่าเราพลาด(หัวเราะ)

คุณแม่เซเลบริตี้
เหมือนเวลาเจอใครแล้วเขาทำหน้ามั่นใจ เราก็จะคิดว่าเอ๊ะ… หรือว่ามันฮิต! หรือว่าเป็นเทรนด์! เพราะการแต่งตัวคือความสุข ไม่ใช่เรื่องที่เราต้องเครียดค่ะ

คุณแม่เซเลบริตี้
“ส่วนกระเป๋า รองเท้า มิ้งค์เลือกแบบที่ใส่แล้วเดินสบายตัว ส่วนใหญ่เป็นส้นเตี้ยๆ มีบางแบรนด์ส่งกระเป๋า รองเท้ามาให้ แค่ดูว่าอะไรเข้ากับชุดเรา หรืออาจซื้อเพิ่ม 1-2 ชิ้นเท่านั้น เพราะส่วนใหญ่มิ้งค์ตัดสินใจซื้อล่วงหน้า 3-4 เดือนก่อนมาดูโชว์ ดูจากรูปแล้วชอบชิ้นไหนก็สั่งไป เขาก็มาส่งให้ เพราะมิ้งค์เรียนแฟชั่นมา จะมองออกว่าอีกสี่เดือน แบบนี้น่าจะสวย เราน่าจะใส่ได้ มิ้งค์สั่งโดยไม่ได้คำนึงถึงความสูงหรือรูปร่างเราด้วยนะ เช่น ชุดนี้ต้องสำหรับคนสูง แต่มิ้งค์ไม่สนไม่แคร์อะไรทั้งนั้น นางแบบก็คือนางแบบ เราก็เป็นนางแบบของเรา เชื่อเถอะค่ะว่าพอเสียสตางค์แล้ว ไม่มีหรอกที่เราจะทิ้งค้างไว้ ยังไงก็ต้องใส่มึนๆ ไป คนก็จะชินไปเอง

คุณแม่เซเลบริตี้
พอถูกถามถึงสไตล์การแต่งตัวของคุณแม่ท้อง 7 เดือน เธอตอบอารมณ์ดีว่า “มิ้งค์ไม่มีบรรทัดฐานอะไร ชอบแต่งตัวตามอารมณ์และความรู้สึกแต่ละวันมากกว่า ดูเหมือนแต่งตัวเยอะนะ แต่ถ้านับชิ้นจริงๆ น้อยมาก มีแค่เดรส กระเป๋า และรองเท้า มิ้งค์ไม่ค่อยเล่นเลเยอร์ แต่อาจเป็นเพราะชุดที่มิ้งค์เลือกใส่มีดีเทลและสีสัน เลยดูเหมือนเยอะ

คุณแม่เซเลบริตี้อย่างชุดสีเขียวของ Thom Browne ที่มิ้งค์ใส่ เป็นเดรสสีเขียวสายเดี่ยวกระโปรงบานธรรมดา แต่ความจริงคือ รูดซิปไม่ได้ เพราะชุดฟิต จึงเอาแจคเกตคลุม หรือชุดของ Marc Jacob ก็ซิปตึง ดูโป๊ จึงหาเสื้อคลุม เลือกสีให้เข้ากัน ไม่อย่างนั้นเห็นซิปอ้า หน้าอกดูล้นทะลัก แค่นั้นเลย

คุณแม่เซเลบริตี้
ส่วนชุดเดรสสีเขียวของ Molly Gaddard รูดซิปไม่ได้เหมือนกัน จึงหาเสื้อคลุมสีที่เข้ากัน แต่ด้วยความที่กระโปรงดูอลังการมาก มิ้งค์จะไม่ใส่รองเท้าที่ดูเด่นเวอร์ขึ้นไปอีก แต่เลือกใส่กับรองเท้าผ้าใบธรรมดาของ Prada เพื่อให้ถูกกาลเทศะ เพราะเราใส่ชุดหรูไปงานกลางวัน ถ้าใส่รองเท้าสวย ถือกระเป๋าหรูอีกอาจไม่เหมาะ นอกจากเราจะเป็นคุณแม่ที่ใส่รองเท้าเดินสบายแล้ว ยังทำให้ชุดไม่ดูโอเวอร์เกินไป แต่ดูแคชชวลสบายๆ เป็นตัวเรา อาจเป็นเพราะอย่างนี้มั้ง จึงทำให้มิ้งค์แต่งตัวดูไม่เหมือนคนท้อง

คุณแม่เซเลบริตี้
“คุณแม่คนไหนที่ท้อง มิ้งค์แนะนำว่าถ้าก่อนท้อง เราชอบแต่งตัวสวย ก็ควรทำทุกอย่างให้เหมือนเดิม อย่าไปดร็อป หรือคิดว่าฉันท้องแล้ว ต้องไม่แต่งตัวเหมือนเดิม ความสุขสำคัญมากสำหรับคนท้องนะคะ ถ้ามีคนมาห้ามนั่นห้ามนี่ จะห่อเหี่ยว สู้เราทำตัวเหมือนเดิม คุณแม่จะได้แฮปปี้ สดชื่น มีความสุข
“อยากให้คุณแม่ทุกคนแต่งตัวสวย ส่วนจะมิกซ์แมทช์แบบไหน แล้วแต่สไตล์ที่ชอบเลย”

ภาพ : @minkie_mk

ติดตามอ่านเรื่องราวอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องได้ที่

คุณแม่เซเลบริตี้ หญิงแอร์-โอ๋ อภิชญา-แชนนอน แชร์เคล็ดลับก้าวทันลูก ก้าวทันโลก

 

กระเป๋า Dior Saddle Bag

หายไปเกือบ 20 ปี! เช็คราคา กระเป๋า Dior Saddle Bag กลับมาเรียกเรตติ้งอีกครั้ง

กระเป๋า Dior Saddle Bag
กระเป๋า Dior Saddle Bag

กลับมาทวงบัลลังก์ กระเป๋า Dior Saddle Bag ดีไซน์ทรงอานม้า ที่ปลุกกระแสความฮ็อตฮิตไปทั่วโลก หลังจากหายไปนานเกือบ 20 ปี ซึ่งเหล่าคนดังต่างสะพายกันให้พรึบ 

นอกจาก Lady Dior รุ่นฮ็อตของแบรนด์เฮ้าท์ชื่อดังจะสร้างภาพจำให้คนทั้งโลกได้แล้ว กระเป๋า Dior Saddle ก็ถือเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ดังเช่นกัน ซึ่งได้เปิดตัวในรูปแบบใหม่ที่หลากหลายขึ้นในฤดูกาล Fall/Winter 2018 และกลับมาดังเป็นพลุแตกอีกครั้ง หลังจากเผยโฉม Dior Saddle ครั้งแรกเมื่อปี 1999 โดย John Galliano ผู้อำนวยการสร้างสรรค์ของดิออร์ และได้รับฟีดแบ็คอย่างถล่มทลายจากคนดังฮอลลีวู้ด รวมถึงแฟชั่นไอคอนทั่วโลก ไม่ว่าจะ ปารีส ฮิลตัน หรือบียอนเซ่ นอกจากนี้ กระเป๋า Dior Saddle ยังเคยปรากฏตัวในซีรี่ส์ดัง Sex and the City มาแล้วด้วย ก่อนจะหายไปนานเกือบ 20 ปี

กระเป๋า Dior Saddle Bag

กระเป๋า Dior Saddle Bag

แต่ทันทีที่คัมแบ็คก็ได้รับความนิยมอีกครั้ง แถมกระแสยังเปรี้ยงหนักกว่าเดิม เพราะความครีเอทที่ใส่ลูกเล่นต่างๆ บนตัวกระเป๋าอย่างลวดลายปักสุดประณีต ที่มีให้เลือกทั้งขนาดกลางและขนาดเล็ก มีสายคล้องสั้นติดมากับกระเป๋าหนึ่งเส้น และสามารถถือได้หลายแบบ เช่น สะพายไหล่ คล้องแขน หรือจะซื้อสายยาวมาเพิ่มก็สามารถสะพายแบบ crossbody ได้ 

กระเป๋า Dior Saddle มาพร้อมกับฮาร์ดแวร์โทนสีทอง ด้วยการแขวนตัวอักษร “D” ไว้ด้านหน้า และตัวอักษร “CD” ถูกติดไว้กับสายคล้องกระเป๋า หากใครกำลังมีใจให้ กระเป๋า Dior Saddle ด้านล่างนี้เราได้รวบรวมข้อมูล เช็คราคากระเป๋า ที่จะเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจของคุณมาฝากกัน หวังว่าข้อมูลเบื้องต้นเหล่านี้จะสามารถช่วยให้คุณได้กระเป๋าใบใหม่มาครอบครองเร็วๆ นะคะ

ซื้อได้ที่ไหน

คุณสามารถซื้อ กระเป๋า Dior Saddle Bag กระเป๋าดิออร์ทรงอานม้า ได้เฉพาะที่ดิออร์บูติกเท่านั้น และกรุณาโทรสอบถามก่อนจะเข้าไปช้อปปิ้งนะจ๊ะ จะได้ไม่ไปเสียเที่ยว

สีและสไตล์ กระเป๋าดิออร์ทรงอานม้า

Saddle Bag ขนาดกลาง

Saddle Bag

Saddle Bag

Saddle Bag

Saddle Bag

Saddle Bag

Saddle Bag

Saddle Bag

Saddle Bag

Saddle Bag ขนาดเล็ก

Saddle Bag ขนาดเล็ก

Saddle Bag ขนาดเล็ก

Saddle Bag ขนาดเล็ก

Saddle Bag ขนาดเล็ก

Saddle Bag ขนาดเล็ก

Saddle Bag ขนาดเล็ก

Saddle Bag ขนาดเล็ก

Saddle Bag ขนาดเล็ก

รุ่น ขนาด ราคากระเป๋า Dior Saddle Bag และ Dior Mini Saddle Bag

กระเป๋า Dior Saddle Bag in Calfskin : ขนาด 10″ x 7.9″ x 2.6″ ราคา $3,250 หรือประมาณ 101,728 บาท

กระเป๋า Dior Saddle Bag in Oblique Canvas  : ขนาด 10″ x 7.9″ x 2.6″ ราคา $2,850 หรือประมาณ 89,207 บาท

กระเป๋า Dior Saddle Bag with Embroidery (งานปักลวดลาย)  : ขนาด 10″ x 7.9″ x 2.6″  ราคา $6,000 หรือประมาณ 187,805 บาท

กระเป๋า Dior Mini Saddle Bag in Calfskin  : ขนาด 7.7″ x 6.3″ x 2.6″ ราคา $2,600 หรือประมาณ 81,382 บาท

กระเป๋า Dior Mini Saddle Bag in Oblique Canvas  : ขนาด 7.7″ x 6.3″ x 2.6″ ราคา $2,350 หรือประมาณ 73,557 บาท

กระเป๋า Dior Mini Saddle Bag with Embroidery (งานปักลวดลาย)  : ขนาด 7.7″ x 6.3″ x 2.6″ ราคา $5,900 หรือประมาณ 184,675 บาท

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

มีเงินหมื่นก็ซื้อได้! กระเป๋าแบรนด์เนม 6 ตัวท็อป มาแรงไม่แพ้ใบละแสน

เช็คลิสต์ 7 กระเป๋าแบรนด์เนม ที่ควรลงทุนซื้อเป็นใบแรก เพราะคุ้มค่าใช้ได้นาน

เปิดโพยหนังสัตว์หายากของ กระเป๋า Hermès อีกปัจจัยที่ทำให้ราคาแพงหูฉี่

ขายดีจนต้องหลีกทาง! เจาะราคาทุกไซส์ของ กระเป๋า Louis Vuitton รุ่นสะพายหลัง

ขึ้นแท่นคุณแม่ลูกสอง รวม 6 ชุดคลุมท้อง ‘แอน แฮทธาเวย์’ สวยสะพรั่งทุกลุค

Sold out แน่! อาดิดาส ปล่อย สนีกเกอร์ หนังสีขาว ดึง Blackpink ร่วมคอลเล็คชั่น

เคารพวัฒนธรรม ‘ดัชเชสเคท’ สวมชุดตามจารีต เยือนปากีสถานอย่างเป็นทางการ

ใครว่าใช้แต่ของแพง! ‘ดัชเชสเมแกน’ สวมต่างหูหลักร้อย ในทริปทัวร์แอฟริกาใต้

ยอมจ่ายเพื่อความปัง! 7 ลุคที่แพงที่สุดของ ‘เมลาเนีย ทรัมป์’ สตรีหมายเลขหนึ่ง

ลูกค้าวีไอพี ‘ตั๊ก-บงกช’ สวย คม เฉียบ หรูหราด้วยเครื่องประดับจาก Versace

เฉพาะไทยเท่านั้น! Disney x anello ออกลายแลนด์มาร์ค 5 ประเทศ 5 ดีไซน์

เปิดตัวไกลถึงปารีส! PAVA กระเป๋าผ้าไหมไทย 4 ดีไซน์ใหม่ เปรี้ยวเท่ยิ่งกว่าเดิม

สวยเปล่งประกาย ถูกใจสื่อเกาหลี ‘เจนนิษฐ์ BNK48’ ขึ้นรับรางวัลที่ปูซาน

โปรดแบรนด์เดียวกัน! ซูมนาฬิกาเรือนหรูของ สองสะใภ้ราชวงศ์อังกฤษ


ที่มา : pursefiend.com

ภาพ : pursefiend.com

 

 

 

 

 

 

สูตรลดน้ำหนัก

เปิด สูตรลดน้ำหนัก ด้วยวิธีธรรมชาติ ช่วยลด 18 โลได้ในเวลาไม่นาน

Alternative Textaccount_circle
สูตรลดน้ำหนัก
สูตรลดน้ำหนัก

สาวๆ ที่อยาก เริ่มต้นลดน้ำหนัก ด้วยวิธีธรรมชาติมาทางนี้วันนี้ แพรวดอทคอม มี สูตรลดน้ำหนัก ด้วยการนอนและดื่มน้ำอุ่น ที่ช่วยให้ลดน้ำหนักได้ลงถึง 18 โล ภายในเวลา 1 เดือนมาฝาก แต่จะจริงหรือมั่ว มาลองดูกันเลย

เชื่อว่าคนส่วนใหญ่มักมองข้ามเรื่องเล็กๆ ในชีวิตประจำวันไปไม่น้อย เพราะกิจวัตรในแต่ละวันที่แสนจะยุ่งเหยิงนั้น ทำให้อาจจะละเลยบางสิ่งที่ดีต่อร่างกายและสุขภาพไปได้ อย่างเช่น เรื่องการนอนหลับให้เต็มอิ่มและเพียงพอในแต่ละวัน และการดื่มน้ำอุ่นที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่าการดื่มน้ำเย็นที่หลายคนอาจไม่ทราบว่าช่วยได้ในหลายเรื่อง อยากให้สาวๆ ลองอ่านให้จบ แล้วนำไปลองปรับใช้กันดูนะคะ ที่สำคัญเป็น สูตรลดน้ำหนัก ด้วยวิธีธรรมชาติ ไม่มีโทษให้เกิดโยโย่ทีหลังแน่นอน

ซึ่งกระบวนการสำคัญที่ทำให้เห็นว่าการนอนหลับสัมพันธ์กับการมีรูปร่างที่ดีนั้น ก็คือ การเข้าสู่สภาวะหลับลึก, ร่างกายหลั่งฮอร์โมนโปรตีนที่ควบคุมน้ำหนักและฮอร์โมนกระตุ้นการเจริญเติบโต, ร่างกายส่งสัญญาณให้สมองควบคุมความอยากอาหารและเพิ่มพลังการเผาผลาญ และการนอนเต็มอิ่ม 6 – 8 ชั่วโมง ช่วยรักษาทรวดทรง ทำให้ไม่อ้วนง่าย

ส่วนสาเหตุหลักที่ทำให้นอนไม่หลับและผอมยาก เกิดจากภาวะความเครียดทางจิตใจ, โรคภัยไข้เจ็บ, ผลข้างเคียงจากการใช้ยา และการดำเนินชีวิตที่ไม่เหมาะสม และหลายคนที่มีอาการนอนไม่หลับ อาจจะมีลักษณะ 3 รูปแบบ คือ หลับยาก นอนกลิ้งไปกลิ้งมาเป็นชั่วโมงก็ยังไม่หลับ หลับไม่ต่อเนื่อง นอนหลับๆ ตื่นๆ ไม่ต่อเนื่อง และตื่นก่อนเวลา ตื่นกลางดึกแล้วนอนไม่หลับอีก

สูตรลดน้ำหนัก

เคล็ดลับช่วยให้หลับได้สนิท

  • ปรับแสงในห้องให้มีสีเหลืองนวลใกล้เคียงกับแสงอาทิตย์ยามเย็นทำให้สายตาได้ผ่อนคลายอย่างเต็มที่
  • สร้างสภาพแวดล้อมให้หลับสบายยิ่งขึ้น โดยการเลือกใช้สีโทนอบอุ่นอย่างสีน้ำตาลกาแฟหรือสีชมพูอ่อนกับฝ้า เพดาน ผนังและเครื่องนอน
  • งดใช้มือถือและคอมพิวเตอร์ก่อนนอน 2 ชั่วโมง เพราะหากเจอข้อมูลที่น่าสนใจจะยิ่งทำให้ร่างกายตื่นตัวและหลับยาก
  • หลังอาหารเย็น อย่าดูรายการทีวีหรือหนังที่เขย่าขวัญสั่นประสาทหรือต้องเก็บไปคิดต่อ จนทำให้นอนหลับยาก

ดื่มน้ำอุ่นทุกเช้า

  • ฝึกดื่มน้ำอุ่น 40 – 50 องศาเซลเซียส (หลังน้ำต้มเดือด 10 นาที) เมื่อตื่นนอนทุกเช้าให้เป็นนิสัย
  • อย่าเพิ่งกลืนน้ำอุ่นอึกแรกลงท้อง ควรกลั้วคอทำความสะอาดช่องปากแล้วบ้วนทิ้งเสียก่อน เพื่อป้องกันเชื้อโรคในช่องปากลงไปในร่างกาย
  • ห้ามดื่มน้ำอึกใหญ่ ค่อยๆ จิบให้น้ำไหลลงท้องเพื่อกระตุ้นอวัยวะภายในอย่างช้าๆ (น้ำ 1 แก้วใช้เวลาดื่มประมาณ 10 นาที)

ความเปลี่ยนแปลงหลังดื่มน้ำอุ่นจนน้ำหนักค่อยๆ ลดลง

  • อาการท้องผูกและอาการบวมน้ำเริ่มหายไป
  • ช่องปากและเยื่อบุลิ้นสะอาด สังเกตได้จากสีของลิ้นจะเป็นสีชมพูสวยหรือสีแดงชุ่มชื่น
  • ผิวพรรณดีขึ้น

สูตรลดน้ำหนัก

แต่ถ้าเบื่อน้ำอุ่นเปล่าๆ ลองเพิ่มรสชาติให้น้ำอุ่นด้วยการใส่ผัก ผลไม้ และสมุนไพรบำรุงร่างกาย เช่น น้ำอุ่น + มะนาว = ระงับความอยากอาหาร / กระตุ้นการย่อยอาหาร หรือน้ำอุ่น + กีวี่ฝาน 1 ชิ้น = กระตุ้นการย่อยอาหาร เป็นต้น

น้ำอุ่นแก้วสำคัญที่ควรดื่มให้ได้ทุกวัน ลองเลือกดื่มน้ำอุ่นตามช่วงเวลานี้ดู

  • แก้วที่ 1 ทุกเช้าหลังตื่นนอน น้ำอุ่นแก้วแรกช่วยกระตุ้นการเผาผลาญได้ดีที่สุด
  • แก้วที่ 2 ก่อนอาหารมื้อกลางวัน ช่วยให้รู้สึกอิ่มและกินอาหารได้น้อยลง
  • แก้วที่ 3 หลังอาหารมื้อกลางวัน ช่วยบำรุงรักษากระเพาะอาหาร
  • แก้วที่ 4 ก่อนอาหารมื้อเย็น ช่วยให้รู้สึกอิ่มและกินอาหารได้น้อยลง
  • แก้วที่ 5 หลังอาบน้ำ เป็นช่วงที่เลือดไหลเวียนดีที่สุด

และโดยปกติควรดื่มน้ำวันละ 1.6 ลิตร เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ แต่หากดื่มน้ำมากเกินไป อาจเกิดภาวะ “น้ำเป็นพิษ”ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ อ่อนเพลีย และอาจหมดสติได้ พร้อมกันนี้ควรสังเกตว่าจำนวนการปัสสาวะปกติใน 1 วัน คือ 4 – 6 ครั้ง ซึ่งหากปัสสาวะน้อยกว่า 3 ครั้งใน 1 วัน ถือว่าร่างกายอยู่ในภาวะขาดน้ำ

ส่วนในเวลานอนตอนกลางคืน ถ้าปัสสาวะบ่อยมากกว่า 4 ครั้ง แสดงว่ามีน้ำในร่างกายมากเกินไปหรือไตทำงานผิดปกติ และน้ำหนักจะลดได้ถึง 18 กก. ใน 1 เดือน! จริงหรือไม่ ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆ อย่างของแต่ละบุคคลด้วย ว่าออกกำลังกายสม่ำเสมอไหม เลือกทานแต่อาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และไม่เพิ่ม Kcal ด้วยไหม อันนี้ก็เป็นเรื่องสำคัญ แต่ว่าหากใครทำสำเร็จ อย่าลืมฟีดแบ็กกลับมาบอกแอดกันบ้างนะคะ


ข้อมูล : หนังสือ “ดื่มน้ำอุ่นลดหุ่น” และหนังสือ “ยิ่งนอน ยิ่งผอม” สำนักพิมพ์อมรินทร์สุขภาพ
ภาพ : Pexels

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

อยากผอม หุ่นเป๊ะ สุขภาพดี ลองวิธีง่ายๆ ไม่ต้องพึ่งพายาลดน้ำหนัก!

วิธีลดน้ำหนัก ด้วยการกินอาหารตามกรุ๊ปเลือด ได้ผลจริงหรือไม่?

รับมือสภาวะ Hit The Plateau หรือ “หิดปลาทู” แบบง่ายๆ ที่คนลดหุ่นต้องเจอ!

เฉลยเมคอัพไอเท็มลุคสวยหรูดูแพงของ “สู่ขวัญ” งัดมาประชันความแกลมกับซุปตาร์ฮอลลีวู้ด

เป๊ะตั้งแต่ตื่น! รีวิวต่อขนตาที่ Ever Lash Studio อัพลุคปังให้สาวๆ มั่นใจขึ้น

ลองทำ 25 ข้อ เปลี่ยนพุงพลุ้ยเป็นหุ่นเพรียว แค่เปลี่ยนไลฟ์สไตล์การกินอยู่

เผยแคลอรี่เครื่องดื่มสุดโปรดของสาวๆ ดื่มเพลินระวังอ้วนไม่รู้ตัว!!

กินแล้วดูเด็ก! 4 เมนูชะลอวัย เคล็ดลับที่ช่วยให้ผิวสวยดูอ่อนกว่าวัย

หม่ำซีฟู้ดยังไงให้ดีต่อหุ่น น้ำหนักไม่พุ่ง แคลอรี่ไม่กระฉูด!

ประชัน “เมนูเส้น” จานไหนกินแล้วผอม จานไหนกินแล้วอ้วน มาดู kcal กัน

มาดูแคลอรี่กันชัดๆ กับ “สลัดจานลวง” อาหารสุขภาพตัวการทำอ้วนกว่าเก่า

คุมน้ำหนัก! ควรเลือกน้ำสลัดรสชาติแบบไหน ปริมาณแคลอรี่เท่าไร มีบอกครบ

ชี้เป้า “บุฟเฟ่ต์ซีฟู้ดสำหรับสายเฮลท์ตี้กินดุ” อิ่มไม่ยั้ง..แต่ยังสุขภาพดี

กินง่ายไม่ทรมานตัวเองด้วย 4 โปรแกรมไดเอตตามกรุ๊ปเลือด A, B, AB และ O

วิธีรักษาภาวะอ้วนและดื้อต่ออินสุลิน สาเหตุ “อ้วนลงพุง” พบหญิงเป็นมากกว่าชาย

กินไว้ให้เป็นนิสัย! กับ 6 สุดยอดกลุ่มอาหารต้านมะเร็งที่ผู้หญิงควรใส่ใจ

ลดน้ำหนักแบบ Intermittent Fasting อิ่มบ้าง..อดบ้าง จะผอมไหม?

Ketogenic Diet เข้าใจง่ายๆ ใน 4 นาที แต่วิธีนี้ไม่เหมาะกับทุกคน!!

กินอาหารตามธาตุ ช่วยปรับสมดุลร่างกายให้ไม่เจ็บป่วย ตามหลักการแพทย์แผนไทย

 

 

 

Becoming มิเชลล์ โอบามา ผลงานมาสเตอร์พีซ โดยอดีตสตรีหมายเลข 1

Becoming มิเชลล์ โอบามา ผลงานมาสเตอร์พีซ โดยอดีตสตรีหมายเลข 1… มิเชลล์ โอบาม่า สตรีหมายเลข 1 ผิวสีคนแรกที่สร้างแรงบันดาลใจให้คนทั่วโลกด้วยเรื่องราวของเธอ จน Becoming หนังสือของเธอได้กลายเป็น หนังสือแนวอัตชีวประวัติที่ทุบสถิติขายดีที่สุดในประวัติศาสตร์! แปลไปกว่า 45 ภาษาขายดีทะลุ 10 ล้านเล่ม!

Becoming หนังสือเล่มนี้จะพาคุณดำลึกสู่จิตวิญญาณดวงหนึ่งของบุคคลแห่งประวัติศาสตร์ ขณะที่เธอเพียรพยายามใช้ชีวิตอย่างเป็นตัวของเธอเอง รวมถึงจุดแข็งและสุ้มเสียงของเธอเพื่อรับใช้อุดมคติสูงส่งหลายอย่าง นี่คือเรื่องราวอันอาจหาญจริงใจที่ท้าทายให้ผู้อ่านทั้งหลายขบคิดว่า เราเป็นใคร และอยากจะเป็นใคร

มิเชลล์ มาจากครอบครัวชนชั้นแรงงาน ในอพาร์ตเมนต์แคบๆ ในย่านที่ค่อนข้างเสื่อมโทรมของชิคาโก้ รัฐอิลลินอยส์ สิ่งเดียวอันมีค่าที่เธอมีคือ พ่อ แม่ และพี่ชายที่ทำให้เธอมั่นใจเสมอว่า “เธอคือคนสำคัญ” และนั่นคือสิ่งที่เธออยากส่งต่อให้คนทั้งโลก เส้นทางของมิเชลล์ ตั้งแต่ยังเป็นเด็กหญิงตัวน้อย จนได้เข้าไปเป็นนักศึกษาผิวสีหนึ่งในไม่กี่คนของ มหาวิทยาลัยพรินซตัน (ซึ่งอยู่ในกลุ่ม Ivy League มหาวิทยาลัยอันดับท็อปของอเมริกา ซึ่งมีฮาวาร์ดรวมอยู่ด้วย) ต่อด้วยการทำงานในบริษัทกฎหมายชั้นนำบนตึกระฟ้า จนได้พบเจอกับบารัค โอบาม่า เด็กฝึกงานของเธอ ผู้ทำให้ชีวิตของเธอต้องเปลี่ยนไปตลอดกาล นั้นสอนอะไรมากมายเรื่องความหมายที่แท้จริงของ “การเติบโต” และต่อไปนี้คือ จุดหักเลี้ยวที่ไม่ธรรมดาในชีวิตของ มิเชลล์ โอบามา จากหนังสือสร้างปรากฏการณ์ชื่อว่า Becoming

ช่วงต้นปีสุดท้ายโรงเรียนวิทนีย์ ยัง (โรงเรียนมัธยมของมิเชลล์) มิเชลล์ได้ไปพบครูแนะแนวด้านศึกษาต่อเป็นครั้งแรก เธอเข้าไปในห้องแนะแนวด้วยท่าทางภูมิใจเต็มเปี่ยมกับข้อเท็จจริงที่ว่าตัวเองอยู่ในกลุ่มนักเรียนร้อยละ 10 ที่มีคะแนนสูงสุดในชั้นที่จะเรียนจบในปีนี้ และได้รับคัดเลือกเข้าสมาคมเกียรติยศแห่งชาติ (National Honor Society) เธอจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าครูแนะแนวคนนั้นดูใบทรานสคริปต์หรือยัง หลังจากที่เธอแจ้งว่าอยากไปเรียนต่อที่พรินซตัน มหาวิทยาลัยที่อยู่ใน Ivy League หรือมหาวิทยาลัยท็อประดับโลก ครูแนะแนวอาจพูดอะไรสั้นๆ ที่เป็นเรื่องแง่บวก แต่เธอจำไม่ได้เลยนอกจากประโยคเดียวที่ดังสะท้อนก้องอยู่ในหัวว่า “ฉันไม่แน่ใจว่าเธอจะเหมาะกับพรินซตัน”

คำพูดจากครูแนะแนวในวันนี้ เธอมองว่ามันเป็นการปลูกฝังความรู้สึกล้มเหลว สอนให้มองต่ำเข้าไว้ และเธอไม่เชื่อคำที่ครูบอกแม้แต่น้อย คำชี้ขาดที่ออกมาจากปากคงผลักความมั่นใจของคนคนนึงล้มครืนไม่เป็นท่า รื้อฟื้นเสียงขึ้นในใจว่า ตัวเองไม่ดีพอ ไม่เก่งพอ และไม่มีทางเข้าเรียนที่พรินซตันได้

มิเชลล์คิดเสมอว่าตนเองเป็นมากกว่านั้น เลยหันไปปรับวิธีการแทนโดยที่ไม่เปลี่ยนเป้าหมาย ใช้วิธีสมัครเข้าเรียนพรินซตันพร้อมเลือกสมัครที่อื่นเผื่อๆ ไว้บ้าง แต่ไม่รับการสนับสนุนใดๆ กับครูแนะแนวอีก และหันไปขอให้คนที่รู้จักตัวตนของเธอจริงๆ แทน เธอบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดในเรียงความที่เขียนส่งทางมหาวิทยาลัย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโรคปลอกประสาทเสื่อมของพ่อ และการที่ครอบครัวของเธอไร้ประสบการณ์เรื่องอุดมศึกษา และหลังจากนั้นอีกหกเดือนก็มีจดหมายส่งมาที่บ้าน เป็นจดหมายตอบรับให้เธอเข้าเรียนที่พรินซตัน มหาวิทยาลัยที่เธออยากเรียน และในวันนี้มันเกิดขึ้นจริง

สู่การพบรักกับบารัค โอบาม่า ซึ่งในตอนนั้นเขาในวัย 28 ปีเข้ามาฝึกงานในบริษัทที่มิเชลล์เริ่มทำงานเป็นนิติกรได้เพียง 1 ปี เพียงวันแรกที่เข้ามาฝึกงาน เขาก็มาสายเสียแล้ว หลังจากที่บารัคปรากฎตัว เขาก็ได้สร้างกระแสให้คนในบริษัทตื่นเต้น ข้อหนึ่ง เขาเพิ่งเรียนจบปีแรกที่โรงเรียนกฎหมาย และปกติที่บริษัทรับเฉพาะนักศึกษาปีสองขึ้นไปเท่านั้น แต่ลือกันว่าเขาเป็นกรณีพิเศษ มีเสียงเล่าว่าอาจารย์ซึ่งสอนเขาที่ฮาร์วาร์ดยืนยันว่าเขาเป็นนักศึกษากฎหมายที่มีพรสวรรค์ที่สุดที่เคยพบเจอ ในขณะนั้นบารัคอายุ 28 ปีที่แก่กว่ามิเชลล์สามปี ต่างจากมิเชลล์ตรงที่หลังจบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย เขาก็ทำงานอยู่หลายปีก่อนเรียนต่อปริญญาโทที่ฮาร์วาร์ด ส่วนมิเชลล์คือพุ่งตรงจากพรินซตันสู่ฮาร์วาร์ด และเข้าทำงานที่บริษัทนี้ทันที

หลังจากที่เธอและเขาได้เรียนรู้กันและกันมาได้ระยะหนึ่งแล้ว มิเชลล์ยังไม่ตกลงปลงใจกับบารัคเสียที จนกระทั่งได้ไปซื้อไอศกรีมกิน บารัคมองมิเชลล์ด้วยสายตากรุ้มกริ่มแล้วถามว่า “ขอจูบได้ไหม” มิเชลล์ไม่ตอบแต่เอนตัวเข้าหา นั่นคือจูบและเป็นจุดเริ่มต้นของความรักของพวกเขา

ไม่มีคู่มือสำหรับคนที่จะมาเป็นสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐอเมริกา โดยหลักการแล้วนี่ไม่ใช่ตำแหน่งงาน ไม่มีเงินเดือน ไม่ระบุหน้าที่รับผิดชอบ มันพ่วงมาแปลกๆ กับตำแหน่งประธานาธิบดี เป็นเก้าอี้ที่มีสตรีอีกเกินสี่สิบสามคนนั่งมาแล้วโดยที่แต่ละคนต่างทำตามแบบฉบับของตัวเองแต่ มิเชลล์ ขบคิดอย่างหนักกับโอกาสครั้งยิ่งใหญ่ที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะมีได้นี้ ลงมือทำภารกิจตามเสียงเรียกร้องในหัวใจของเธอ เริ่มจากแปลงผักเล็กๆ ที่ไม่เคยมีใครทำในผืนดินของธรรมเนียบขาว มิเชลล์ ส่งสารออกไปจนเกิดกระแสการเปลี่ยนแปลงเรื่อง คุณภาพอาหารของเด็กๆ ทั่วทั้งสหรัฐฯ  ที่ก่อนหน้ามีปัญหาทั้งเด็กเป็นเบาหวานและน้ำหนักเกิน อีกงานใหญ่คือการส่งสารให้เด็กผู้หญิงทั่วโลกเชื่อมั่นในตัวเอง

ตั้งแต่ก้าวเข้าสู่ทำเนียบขาว มิเชลล์เข้าใจอยู่แล้วว่าตัวเองจะโดนวัดด้วยเกณฑ์มาตรฐานที่แตกต่าง ในฐานะสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งเชื้อสายแอฟริกันเพียงคนเดียวที่ทำเนียบขาวในที่สุดเธอก็ก้าวออกจากบ้านหลังใหญ่แห่งนี้ในฐานะ สตรีที่ชาวอเมริกันยกย่องที่สุด และ สตรีที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก

สำหรับนักอ่านหรือผู้ที่สนใจสามารถพบกับหนังสือ Becoming ราคา 395 บาท ได้ที่ร้านหนังสือนายอินทร์ทุกสาขา และร้านหนังสือชั้นนำทั่วไทย สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.amarinbooks.com

เลื่อน! พระราชพิธีบรมราชาภิเษกเบื้องปลาย ขบวนพยุหยาตราทางชลมารค

Alternative Textaccount_circle

วันนี้ (17 ตุลาคม 2562) เวลา 16.00 น. ณ รัฐสภา นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี แถลงข่าว พระราชพิธีบรมราชาภิเษก เบื้องปลาย

การเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนคร โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 24 ตุลาคม 2562 ว่า

นายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรีหลายคนได้หารือถึงการติดตามสถานการณ์มาเป็นระยะ และที่ประชุมได้มอบหมายให้ตนมาแถลงข่าวเพื่อชี้แจงว่า ตามที่มีการประกาศและออกข่าวเชิญชวนไปแล้วถึงการเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนคร โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 ในวันที่ 24 ตุลาคม 2562 โดยที่ผ่านมามีการดำเนินการซ้อมย่อยจำนวน 10 ครั้ง และซ้อมใหญ่เสมือนจริง 1 ครั้งแล้วในวันนี้ (17 ตุลาคม 2562)

แต่หากมีพระราชพิธีตามกำหนดเวลาเดิม จะมีอุปสรรคในเรื่องของกระแสน้ำและสภาพดินฟ้าอากาศ เมื่อเป็นเช่นนั้น เพื่อความพร้อมและความสวยงาม ไม่กระทบต่อขบวนเรือ ไม่กระทบต่อการเสด็จพระราชดำเนิน และไม่กระทบต่อประชาชน รัฐบาลจึงได้นำความกราบบังคมทูลใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ขอพระราชทานพระบรมราชวินิจฉัยที่จะให้เลื่อนกำหนดเวลาของการมีขบวนเสด็จเลียบพระนคร โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารคออกไป

โดยบัดนี้ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ กำหนดลงมาแล้วว่าให้เป็นวันพฤหัสบดี ที่ 12 ธันวาคม 2562 เวลา 15.30 น. โดยริ้วขบวนจะเป็นเช่นเดิม คือเป็นขบวนพยุหยาตราทางชลมารคใหญ่ ใช้ขบวนเรือ 52 ลำในการเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนคร เพียงแต่ให้เลื่อนกำหนดวันออกไป ยืนยันว่ายังคงมีพระราชพิธีอยู่ และยิ่งใหญ่อย่างเดิม สวยงามเช่นเดิม แต่เพื่อความเหมาะสมเกี่ยวกับกระแสน้ำและสภาพดินฟ้าอากาศ

นอกจากนี้ นายวิษณุ ยังกล่าวว่า ในวันที่ 21 ตุลาคม 2562 ซึ่งจะมีการซ้อมใหญ่เสมือนจริงอีกครั้ง โดยในวันเดียวกันนั้น จะมีการประชุมใหญ่กันอีกครั้งที่ทำเนียบรัฐบาล เวลา 10.00 น. ซึ่งตนจะเป็นประธานการประชุมดังกล่าว และมีผู้แทนจากสำนักพระราชวัง กองทัพเรือ และรัฐบาล เข้าร่วมประชุม และพร้อมตอบคำถามในการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการหลังจบประชุม


 

ข้อมูลและภาพ : www.khaosod.co.th, พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช๒๕๖๒

 

ติดตามบทความอื่นๆ ได้ที่

ประมวลภาพประวัติศาสตร์ ขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ในรัชกาลที่ 10

พระราชินี-เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา ทรงร่วมริ้วขบวนราบ ในฐานะราชองครักษ์ประจำพระองค์

มือหนึ่งประจำบ้าน กรมสมเด็จพระเทพฯ ช่างภาพกิตติมศักดิ์

พระจริยวัตรงดงาม “เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา” ตรัสขอบคุณเจ้าพนักงาน หลังเสด็จขึ้นจากเรือพระที่นั่ง

โปรดเกล้าฯ สองเจ้าฟ้าหญิง ตามเสด็จ ประทับเรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์

ภาพประวัติศาสตร์ “ในหลวง-พระราชินี” ประทับเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์

พสกนิกรเฝ้ารอชื่นชมพระบารมี พระราชพิธีเสด็จฯเลียบพระนคร ขบวนพยุหยาตราทางชลมารค

หมายกำหนดการ พระราชพิธีเสด็จฯเลียบพระนคร ขบวนพยุหยาตราทางชลมารค

เรื่องน่ารู้ ขบวนพยุหยาตราทางชลมารค พระราชพิธีบรมราชาภิเษกเบื้องปลาย

5 เหตุการณ์เดือนตุลาฯ แห่งความทรงจำ ในหลวงรัชกาลที่ 9 มหาราชแห่งแผ่นดิน

5 เหตุการณ์เดือนตุลาฯ แห่งความทรงจำ ในหลวงรัชกาลที่ 9 มหาราชแห่งแผ่นดิน… นับตั้งแต่เดือนตุลาคมเมื่อปี พ.ศ. 2559 ความรู้สึกของคนไทยทั้งชาติก็ไม่เหมือนเดิม และคงเป็นเดือนแห่งความทรงจำที่ทุกคนระลึกถึงพระมหากษัตริย์ผู้เป็นที่รักยิ่งอย่าง พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

อีกทั้งจะเป็นความบังเอิญหรือชะตาลิขิตก็คงไม่มีใครสามารถตอบได้ เพราะนับตั้งแต่ที่พระองค์ทรงดำรงสถานะพระมหากษัตริย์แห่งสยามประเทศ ก็มีหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับพระองค์ในเดือนตุลาคม ซึ่งล้วนเป็นเหตุการณ์สำคัญที่ถูกจารึกไว้ในพระราชประวัติของพระองค์ และประวัติศาสตร์ของไทยด้วย

 

3 ตุลาคม พ.ศ. 2491 ทรงประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์

ในระหว่างที่ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จประทับยังต่างประเทศ ขณะที่พระองค์ทรงขับรถยนต์พระที่นั่งเฟียส ทอปอลิโน จากเจนีวาไปยังเมืองโลซานน์ ทรงประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ชนกับรถบรรทุกอย่างแรง ทำให้เศษกระจกกระเด็นเข้าพระเนตรขวา พระอาการสาหัส หลังการถวายการรักษา พระองค์มีพระอาการแทรกซ้อนบริเวณพระเนตรขวา แพทย์จึงถวายการรักษาอย่างต่อเนื่องหลายครั้ง หากแต่พระอาการยังคงไม่ดีขึ้น กระทั่งวินิจฉัยแล้วว่าพระองค์ไม่สามารถทอดพระเนตรผ่านทางพระเนตรขวาของพระองค์เองได้ต่อไปแล้ว จึงได้ถวายการแนะนำให้พระองค์ทรงพระเนตรปลอมในที่สุด

 

 22 ตุลาคม พ.ศ. 2499 ทรงผนวช

หลังจากเสด็จนิวัติประเทศไทยเป็นการถาวร พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงออกผนวชเป็นเวลา 15 วัน ระหว่างวันที่ 22 ตุลาคม – 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2499 ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยมีสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ ทรงได้รับฉายาว่า ภูมิพโลภิกขุ หลังจากนั้นพระองค์เสด็จฯไปประทับจำพรรษา ณ พระตำหนักปั้นหยา วัดบวรนิเวศวิหาร ระหว่างที่ผนวชนั้น พระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์

โดยระหว่างที่ทรงดำรงสมณเพศพระภิกษุ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงปฏิบัติพระราชกิจ เช่นเดียวกับพระภิกษุทั้งหลายอย่างเคร่งครัด เช่น เสด็จลงพระอุโบสถทรงทำวัตรเช้า–เย็น ตลอดจนทรงสดับพระธรรมและพระวินัย นอกจากนี้ยังได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจพิเศษอื่นๆ อีกด้วย

 

14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 ทรงระงับเหตุความรุนแรงทางการเมือง

ในตลอดรัชสมัยของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เกิดเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมืองขึ้นอยู่หลายครั้ง ซึ่งแม้พระองค์ทรงดำรงสถานะของการเป็นพระมหากษัตริย์ที่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองก็ตาม แต่เมื่อใดที่ความรุนแรงเกิดขึ้นจนทำให้ประชาชนต้องบาดเจ็บ พระองค์จะทรงยื่นพระหัตถ์เข้ามาช่วยบรรเทาและระงับให้เหตุการณ์สงบลง อย่างเหตุการณ์เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 ก็ทรงมีพระราชกระแสรับสั่งทางสถานีโทรทัศน์ว่า

“วันนี้เป็นวันมหาวิปโยคที่น่าเศร้าสลดอย่างยิ่งในประวัติศาสตร์ชาติไทย ตลอดระยะเวลา 7-8 วันที่ผ่านมาได้มีการเรียกร้องและเจรจากันจนกระทั่งนักศึกษาและรัฐบาลทําความตกลงกันได้ แต่แล้วการขว้างระเบิดขวดและยิงแก๊สน้ำตาขึ้น ทําให้เกิดการปะทะกันและมีคนได้รับบาดเจ็บหลายคน ความรุนแรงได้ทวีขึ้นทั้งพระนคร ถึงขั้นจลาจลและยังไม่สิ้นสุด มีคนไทยด้วยกันต้องเสียชีวิตนับร้อย ขอให้ทุกฝ่ายทุกคนจงระงับเหตุแห่งความรุนแรงด้วยการตั้งสติยับยั้ง เพื่อให้ชาติบ้านเมืองคืนสู่สภาพปกติเร็วที่สุด

“อนึ่ง เพื่อขจัดเหตุร้ายนั้น จอมพลถนอม กิตติขจร ได้ขอลาออกจากตําแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อค่ำวันนี้ ข้าพเจ้าจึงแต่งตั้งให้นายสัญญา ธรรมศักดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ขอให้ทุกคนทุกฝ่ายร่วมกันสนับสนุน เพื่อคณะรัฐบาลใหม่สามารถบริหารงานแผ่นดินได้โดยมีประสิทธิภาพเต็มเปี่ยม และแก้ไขสถานการณ์ให้คืนสู่สภาพเรียบร้อยได้โดยเร็ว ยังความสุข ความเจริญรุ่งเรืองให้บังเกิดแก่ประเทศและประชาชนชาวไทยโดยทั่วกัน”
นับว่าการระงับเหตุการณ์ครั้งนั้นอาศัยพระบุญญาธิการของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร โดยแท้ มิฉะนั้นแล้วเหตุการณ์คงลุกลามมากขึ้น เพราะการต่อสู้ได้ขยายตัวออกไปอย่างรวดเร็ว มีการทําลายสถานที่ราชการและทรัพย์สินต่างๆ ทั้งของรัฐและเอกชนหลายแห่ง

13 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เสด็จสวรรคต

ภาพจากเพจคุณ “ณัชร สยามวาลา Nash Siamwalla, PhD”

วันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เป็นวันที่คนไทยทั้งชาติน้ำตาท่วมแผ่นดิน เมื่อทราบข่าวการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ณ โรงพยาบาลศิริราช ด้วยพระอาการสงบ ซึ่งในห้วงเวลานั้นก็เกิดเหตุอัศจรรย์ท้องฟ้าเปิดเหนือโรงพยาบาลศิริราช และในขณะเดียวกันในช่วงค่ำไปจนถึงเช้ามืดของวันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2559 ก็เกิดเหตุอัศจรรย์บนฟากฟ้าที่เรียกว่า “หมอกธุมเกตุ” ทั่วกรุงเทพมหานคร ซึ่งเหตุการณ์อัศจรรย์เช่นนี้เคยมีบันทึกไว้ว่าเคยเกิดขึ้นเมื่อครั้งในหลวงรัชกาลที่ 5 เสด็จสวรรคต

26 ตุลาคม พ.ศ. 2560 พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ

เป็นอีกหนึ่งวันที่คนไทยทุกคนอยากให้มาถึงช้าที่สุดเท่าที่จะช้าได้ สำหรับพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ซึ่งนับตั้งแต่พระองค์เสด็จสวรรคต ทางกรมศิลปากรและหน่วยงานต่างๆ ที่ได้รับมอบหมายในการจัดสร้างพระเมรุมาศก็เร่งทำงานกันอย่างไม่มีเหน็ดเหนื่อยเพื่อให้งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงมีความสมบูรณ์และสมพระเกียรติมากที่สุด โดยพระเมรุมาศที่จัดสร้างขึ้นนี้สูงเทียบเท่าตึก 17 ชั้น ทั้งยังมีรายละเอียดอย่างมาก (อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับพระเมรุมาศในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้ที่นี่) นับว่าเป็นพระราชพิธีสำคัญที่คนไทยทุกคนได้ร่วมแสดงความอาลัยต่อการเสด็จสู่สวรรคาลัยของพระองค์เป็นครั้งสุดท้าย

วีรสตรีคู่พระบารมี สมเด็จพระบรมราชินีนาถ 2 รัชกาล

วีรสตรีคู่พระบารมี สมเด็จพระบรมรชินีนาถ 2 รัชกาล …อีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ไทยที่เคยเกิดขึ้นในอดีตกาล แม้จะเป็นคนละรัชสมัยของการครองราชย์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร

แต่ก็มีช่วงเวลาที่สำคัญยิ่ง นั่นก็คือ การสถาปนาสมเด็จพระบรมราชินีนาถ  โดยเริ่มขึ้นครั้งแรกในสมัยรัชกาลที่ ๕  และอีก ครั้งในรัชกาล ๙ โดยสาระสำคัญนั้นหลายๆ เรื่องได้ถูกถ่ายทอดลงในนิตยสารแพรวฉบับพิเศษ “ตุลามหาราช” ไว้ว่า

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงฉายพระรูปร่วมกับสมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี  พระอรรคราชเทวี  และพระราชโอรส  ณ จังหวัดกาญจนบุรี  ภาพ : หนังสือเทิดพระเกียรติ ๑๕๐ ปี  สมเด็จพระปิยมหาราช

ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการแต่งตั้งพระมเหสีชั้นเจ้านายชั้นสูง  คือ สมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี  พระอรรคราชเทวี  ขึ้นเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ถือได้ว่าพระองค์ทรงให้เกียรติและยกย่องในความสามารถของสตรีอย่างยิ่ง ดังพระราชดำรัสในการโปรดเกล้าฯให้สมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระอรรคราชเทวี เป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดินแทนพระองค์  คราวเสด็จประพาสยุโรป  เมื่อวันที่ ๒๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๓๙ (นับศกอย่างเก่า)

หลังจากเสร็จสิ้นพระราชภารกิจในการเสด็จพระราชดำเนินเยือนยุโรป ช่วงระหว่างวันที่ ๗ เมษายน – ๑๖  ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๔๐  และเสด็จนิวัต พระนครแล้วมีพระราชดำริว่า  สมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระอรรคราชเทวี  ทรงปฏิบัติราชการแผ่นดินได้เรียบร้อยเป็นที่พอพระราชหฤทัยยิ่งนัก สรรพกิจทั้งหลายที่ทรงปฏิบัติมาล้วนแต่เป็นเกียรติคุณแก่ประเทศสยาม จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯเฉลิมพระนามาภิไธยจากสมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี  พระอรรคราชเทวี  เป็น “สมเด็จพระนางเจ้า เสาวภาผ่องศรี  พระบรมราชินีนาถ”  เป็นสมเด็จพระบรมราชินีนาถ พระองค์แรกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ (ภายหลังทรงได้รับการสถาปนาเป็น สมเด็จพระศรีพัชรินทรา  บรมราชินีนาถ  พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในรัชกาลที่ ๖)

ต่อมาประวัติศาสตร์ชาติไทยก็ได้จารึกถึงเรื่องการสถาปนาสมเด็จพระบรมราชินีนาถเป็นพระองค์ที่สอง  เมื่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช  บรมนาถบพิตร  มีพระราชดำริที่จะทรงพระผนวชเป็น พระภิกษุในพระพุทธศาสนาในเดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๔๙๙  โดยในวันที่ ๑๘ กันยายน พ.ศ. ๒๔๙๙  มีพระบรมราชโองการประกาศแต่งตั้งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์

หลังจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช  บรมนาถบพิตร ทรงลาสิกขาแล้ว  ต่อมาในวันที่๕ ธันวาคม ปีเดียวกัน  พระองค์มีพระบรมราชโองการประกาศเฉลิมพระอภิไธยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี  ตามที่ปรากฏในราชกิจจานุเบกษา  เล่ม ๗๓  ตอนที่ ๑๐๓ ลงวันที่ ๑๑ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๔๙๙  ความตอนหนึ่งว่า

“พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช  มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้ประกาศว่า  ตามราชประเพณีเมื่อสมเด็จพระนางเจ้าฯ  พระบรมราชินี ได้ทรงดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์  เคยมีประกาศให้ออกพระนามว่า  สมเด็จพระนางเจ้าฯ  พระบรมราชินีนาถ  และทรงพระราชดำริเห็นว่า  สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์  พระบรมราชินี ได้ทรงดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในระหว่างที่ทรงผนวช  และได้ทรงปฏิบัติพระราชภารกิจแทนพระองค์ด้วยพระปรีชาสามารถ  สนองพระราชประสงค์เป็นที่เรียบร้อย  เป็นการสมควรที่จะได้เฉลิมพระอภิไธยให้เชิดชูพระเกียรติยศยิ่งขึ้น “จึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้เฉลิมพระอภิไธยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี ว่า  สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ”

อ่านเรื่องราวพิเศษของ 2 มหาราชผู้เป็นที่รักยิ่งของชาวไทยฉบับสมบูรณ์ได้ในนิตยสารแพรวฉบับพิเศษ “ตุลามหาราช” สามารถหาซื้อได้ที่ ร้านหนังสือนายอินทร์ ทั่วประเทศ

 

 

ติดตามเรื่องราวอื่นๆ ได้ที่นี่

งดงามตราตรึง พระบรมสาทิสลักษณ์ 2 มหาราช ผลงานจรดพู่กันของ 10 ศิลปินระดับชาติ

เปิดผนึก 3 บันทึกถึงฝรั่ง คนไทยรักในหลวงรัชกาลที่๙ ด้วยหัวใจ และไม่ได้ถูกล้างสมอง

5 เหตุการณ์เดือนตุลาฯ แห่งความทรงจำ ในหลวงรัชกาลที่๙ มหาราชแห่งแผ่นดิน

เปิดเรื่องราว “เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า จากในหลวงรัชกาลที่ ๕

 

งดงามตราตรึง พระบรมสาทิสลักษณ์ 2 มหาราช ผลงานจรดพู่กันของ 10 ศิลปินระดับชาติ

งดงามตราตรึง พระบรมสาทิสลักษณ์ 2 มหาราช ผลงานจรดพู่กันของ 10 ศิลปินระดับชาติ..นับว่าเป็นครั้งแรกของการรวมเหล่าศิลปินระดับประเทศที่มาร่วมสร้างสรรค์ผลงานชิ้นพิเศษ ซึ่งปรากฏอยู่ในแพรวฉบับพิเศษ “ตุลามหาราช” ในการวาดพระบรมสาทิสลักษณ์ของสองมหาราชที่ทรงเป็นดังศูนย์รวมจิตใจของคนไทยท้ังชาติ ”พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  รัชกาลที่ ๕  และพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช  บรมนาถบพิตร  รัชกาลที่ ๙  เพื่อระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของล้นเกล้าฯ  ทั้งสองพระองค์ที่ยังคงสถิตอยู่ในใจของปวงชนชาวไทยตราบนิรันดร์

ศิลปิน : ศาสตราจารย์ปรีชา เถาทอง
ชื่อภาพ : จำแขนขาด สู่ถิ่นกาขาว ชาววิไล
เทคนิค : สีอะะคริลิกบนผ้าใบ

“ผมวาดภาพนี้ในคืน ๒๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๐  ก่อนได้รับการติดต่อจากนิตยสารแพรว  ผมเกิดความคิดว่าเดือนตุลาคม ถือได้ว่าเป็นเดือนมหาวิปโยค เพราะพระมหากษัตริย์ทั้งสองพระองค์ที่คนไทยรักและเทิดทูนเสด็จสวรรคตในเดือนนี้  จึงเป็นเหตุปัจจัยทำให้ผมวาดภาพนี้ขึ้นมา  จะเห็นได้ว่าพระพักตร์ของทั้งสองพระองค์ชัดเจน  แต่พระวรกายดูเลือนราง สื่อถึงพระองค์ท่านไม่ได้อยู่พวกเราแล้ว  มีเพียงภาพลักษณ์พิมพ์ใจที่หลงเหลืออยู่”

ศิลปิน : อาจารย์ชูศักดิ์ วิษณุคำรณ
ชื่อภาพ : กลางคืนทรงเป็นพระจันทร์ กลางวันทรงเป็นพระอาทิตย์
เทคนิค : สีอะคริลิกทองคำเปลวบนผ้าใบลินิน

“ด้วยความระลึกถึงทั้งสองพระองค์ที่ทรรงอุทิศิ ทั้งพระชนม์ชีพให้ประเทศไทย จึงตั้งใจสื่อพระพักตร์ออกมาในรูปแบบของเหรียญกษาปณ์  แสดงถึงความยิ่งใหญ่  เคารพและเทิดทูน ผมอยากให้คนไทยได้ทราบว่าทั้งสองพระองค์ทรงตั้งพระราชปณิธานเพื่อแผ่นดินไทยไว้อย่างไร แล้วทรงทำตามพระราชปณิธานนั้นจริง ๆ”

ศิลปิน : อาจารย์ธีระวัฒน์ คะนะมะ
ชื่อผลงาน : พระคู่ฟ้า คู่แผ่นดิน
เทคนิค : สีอะคริลิกบนกระดาษ

“ผมได้รับเกียรติจากนิตยสารแพรว วาดภาพเพื่อระลึกถึงพระองค์ท่าน  โดยเขียนรูปทั้งสองพระองค์ซ้อนกันอยู่ เพื่อสื่อให้รู้ว่า พระองค์ยังอยู่คงอยู่ในใจคนไทยเสมอ แม้เสด็จสวรรคตแล้วก็ตาม  โดยล้อมรอบทั้งสองพระองค์ด้วยดวงประทีป  แม้จะริบหรี่ลงแต่ก็ยังคงส่องสว่างอยู่ตลอดเวลา  ด้านหลังปล่อยเป็นพื้นขาวให้ดูสะอาด และตั้งใจให้สีที่วาดพระพักตร์ของทั้งสองพระองค์เป็นสีขาวดำ  สีซีเปีย  เพื่อให้ดูว่าเป็นภาพเก่ารางเลือน  แต่ยังคงชัดเจนและแจ่มใสในใจของพวกเราคนไทยเสมอ”

 

ศิลปิน : อาจารย์สุรเดช แก้วท่าไม้
ชื่อภาพ : ทวิปิยะองค์
เทคนิค : สีอะคริลิกและทองบนผ้าใบ

“ผมตั้งใจเขียนพระบรมสาทิสลักษณ์ทั้งสองพระองค์อยู่ในภาพเดียว  คิดด้วยความเป็นเหตุเป็นผลในฐานะพสกนิกรของพระองค์ว่า  อยากให้หลานอยู่กับปู่ที่รัก และเป็นหลานรักของปู่  จึงเขียนภาพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ขณะทรงพระเยาว์  ส่วนพระบรมสาทิสลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  รัชกาลที่ ๕  ผมเลือกพระบรมฉายาลักษณ์ที่ทรงฉายพระรูปกับพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว  โดยเปลี่ยนมาเป็นพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว  รัชกาลที่ ๙ แทน  ซึ่งเป็นพระบรมฉายาลักษณ์ขณะที่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงกอดพระองค์อยู่ โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  รัชกาลที่ ๙ ทรงถือเรือจำลองแทนความเจริญรุ่งเรือง และได้มีการปรับเปลี่ยนแสงเงาให้มีความกลมกลืนมากยิ่งขึ้น

ศิลปิน : อาจารย์ธนฤทธิ์ ทิพย์วารี
ชื่อภาพ : ด้วยสายพระเนตรที่ทอดยาวไปสู่ลูกหลานไทย
เทคนิค : สีน้ำมันบนผ้าลินิน

“ผมวาดภาพนี้ในฐานะพสกนิกรไทยคนหนึ่งที่รู้สึกต่อทั้งสองพระองค์ ด้วยสองพระพักตร์ที่เชื่อมโยงไปในทางเดียวกัน  และด้วยสายพระเนตรทอดไกลออกไปยังสิ่งเดียวกันในความหมายของผมคือ  ทรงคิดถึงและทรงห่วงใยในความอยู่ดีกินดีของพสกนิกรของพระองค์เสมอ  ซึ่งสิ่งที่พระองค์ท่านพระราชทานแก่พวกเราคือ  เสรีภาพ  ความพอเพียง  ความสามัคคี ให้รู้จักใช้ความดีในการดำรงชีวิต”

ศิลปิน : รองศาสตราจารย์ไพรวัลย์ ดาเกลี้ยง
ชื่อภาพ : สองพระองค์ทรงสถิตในดวงใจไทยนิรันดร์
เทคนิค : สีอะคริลิกบนผ้าลินิน

ศิลปิน : รองศาสตราจารย์ไพรวัลย์ ดาเกลี้ยง
ชื่อภาพ : สองพระองค์ทรงสถิตในดวงใจไทยนิรันดร์
เทคนิค : สีอะคริลิกบนผ้าลินิน

“จุดเริ่มต้นผมคิดถึงความรัก เพราะคนจะดำรงชีวิตได้ด้วยความรัก  ถือว่าเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด  ทำให้เกิดสิ่งดี ๆ ขึ้นมาในโลกนี้  ผมรู้สึกได้ว่าทั้งสองพระองค์เป็นพระโพธิสัตว์ ทรงเกิดมาเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ทุกข์ยากลำบากให้อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข โดยไม่ได้ทรงเลือกที่รักมักที่ชัง  แม้ทั้งสองพระองค์จะเสด็จสวรรคตแล้ว  แต่ความรักและความดีของพระองค์ยังคงอยู่ในจิตวิญญาณของเรา  ผมจึงถ่ายทอดให้พระองค์อยู่ท่ามกลางดอกกุหลาบ  แทนค่าด้วยความรักที่บริสุทธิ์และงดงาม”

ศิลปิน :อาจารย์กิตติ พลศักดิ์ขวา
ชื่อภาพ : สองพระมหากษัตริย์จอมทัพไทย
เทคนิค : สีน้ำมันบนผ้าลินิน

“ด้วยทั้งสองพระองค์ได้รับการถวายพระราชสมัญญาว่า “มหาราช” และทรงดำรงตำแหน่งจอมทัพไทย  จึงอยากเขียนภาพทั้งสองพระองค์ ในฉลองพระองค์เต็มยศ  เนื่องจากทรงอยู่ในสองช่วงเวลาที่แตกต่างกัน  โดยสมเด็จพระปิยมหาราชประทับเบื้องหลัง หมายถึงช่วงเวลาที่ผ่านมาแล้ว และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  รัชกาลที่ ๙ ประทับเบื้องหน้า  ด้วยภาพที่ทรงหันพระพักตร์ด้านข้าง  ทำให้เขียนออกมายากมาก  เพราะจะผลักระยะ อย่างไรให้ดูลึกดูตื้น  จะวาดอย่างไรให้รู้สึกได้ถึงพระบารมีและสมพระเกียรติทั้งสองพระองค์”

ศิลปิน : อาจารย์สุวิทย์ ใจป้อม
ชื่อภาพ : มหาราชัน
เทคนิค : สีน้ำมันบนผ้าใบ

“คอนเซ็ปต์ของภาพนี้คือ ความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่ในยุคสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  และพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร  แต่รวมอยู่ในภาพเดียวกัน เหมือนกับทั้งสองพระองค์กำลังทรงฉายพระรูปร่วมกัน”

ศิลปิน : อาจารย์ประทีป คชบัว
ชื่อภาพ : สองมหาราชในดวงใจ
เทคนิค : สีน้ำมันบนผ้าใบ

“พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  และพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช  บรมนาถบพิตร ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ผมประทับใจ ผมเลือกวาดทั้งสองพระองคข์ณะมีพระชนมพรรษา ๒๐ พรรษาต้น ๆ  เป็นช่วงวัยหนุ่มที่ทรงมีพลังและพระพักตร์เปล่งประกายงดงาม  แต่เนื่องจากพระบรมฉายาลักษณ์ ต้นฉบับของทั้งสองพระองค์เป็นขาวดำ  ฉลองพระองค์ก็เป็นสีขาวดำ  จึงต้องแปลงน้ำหนักของพระพักตร์  แปลงขาวดำให้เป็นสี  อีกทั้งเรื่องของแสงเงา  ซึ่งพระบรมฉายาลักษณ์ต้นฉบับแสงมาคนละด้านกัน  จึงต้องพยายามกลบแสงและทำให้กลมกลืนที่สุด  ถือว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก”

ศิลปิน :อาจารย์วัชระ กล้าค้าขาย
ชื่อภาพ : ๒ รัชสมัย   สถิตกลางใจ ตราบนิรันดร์
เทคนิค : สีชอล์กบนกระดาษ

“ผมจำลองความรู้สึกเหมือนเป็นช่วงเวลาที่มีวโรกาสครั้งสำคัญของพระองคท่าน อย่างการฉลองสิริราชสมบัติ  ซึ่งจะมีการออกเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก  โดยเป็นเหรียญทอง  เปรียบว่าทั้งสองแผ่นดินเป็นยุคทองของประเทศไทย  เพราะพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงวางรากฐานของประเทศทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการเมือง  การปกครอง  การศึกษา  ส่วนพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช  บรมนาถบพิตร ทรงนำรากฐานที่พระอัยกาทรงทำไว้ มาสานต่อในเรื่องความเป็นอยู่และปากท้องของประชาชน  ผมวาดพระองค์ท่านให้เห็นความต่างอย่างชัดเจนระหว่างพระอัยกาและพระราชนัดดา”

อ่านเรื่องราวพิเศษของ 2 มหาราชผู้เป็นที่รักยิ่งของชาวไทยฉบับสมบูรณ์ได้ในนิตยสารแพรวฉบับพิเศษ “ตุลามหาราช” สามารถหาซื้อได้ที่ ร้านหนังสือนายอินทร์ ทั่วประเทศ

ดราม่า ‘มาดามตวง’ ถูกตัดสิทธิ์ในมรดกตระกูลนับ 1,000 ล้าน เพียงเพราะเป็นผู้หญิง

ใครเคยผ่านช่วงชีวิตที่เจอบททดสอบยากๆ มาแล้ว คงซาบซึ้งดีกับประโยคที่ว่า ‘Life goes on’ และนี่คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับชีวิตผู้หญิงคนนี้ ‘มาดามตวง’

ชื่อ ‘มาดามตวง’ หรือ ‘อุบลรัตน์ ช่อธีระพฤกษ์’ เป็นที่รู้จักกันดีในวงการทำอาหาร เธอทำรายการ ‘มาดามตวงฟู้ดเซเลบ’ ทางช่อง 9 อสมท.มาหลายปี แล้วยังเป็นคนคิดและครีเอทสูตรอาหารอร่อยๆ ให้กับหลายๆ บริษัทที่ทำธุรกิจส่งออกอาหาร

แต่ที่ไม่ค่อยมีใครรู้คือ ‘เธอ’ เป็น 1 ใน 3 ทายาทเจ้าของธุรกิจสเปรย์ปรับอากาศ King’s Stella ที่ครองมูลค่าทรัพย์สินนับพันล้าน ทว่าเธอกลับเลือกที่จะไม่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินของตระกูล มาใช้ชีวิตแบบเริ่มต้นนับหนึ่งกับเส้นทางที่เธอสร้างเอง…

-คงต้องให้มาดามตวงเล่าย้อนให้ฟังแล้วละค่ะว่า ชีวิตวัยเด็กที่ผ่านมาเป็นอย่างไร 

ตั้งแต่เด็กโตมาก็เห็นพ่อกับแม่ทำการค้า ช่วยกันก่อร่างสร้างตัวจนเป็นเจ้าของธุรกิจสเปรย์ปรับอากาศ ‘King’s Stella’ สมัยนั้นคนไทยไม่รู้จักสเปรย์ปรับอากาศนะ เคยมีร้านทำผมซื้อไปฉีดให้ลูกค้าแล้วเอามาคืน บอกว่าฉีดผมแล้วไม่อยู่ทรง (ยิ้ม)

ตวงเป็นลูกสาวคนโต มีน้องสาวและน้องชายอย่างละหนึ่งคน พออายุได้ 3 ขวบก็ถูกแม่ส่งตัวไปให้น้าสาวเลี้ยง เพราะบ้านน้าเป็นร้านทำผมอยู่ใกล้โรงเรียนซางตาครู้สคอนแวนท์ ซึ่งตั้งอยู้ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ฝั่งธนบุรี เพราะแม่อยากให้ไปอยู่ใกล้โรงเรียน จะได้เรียนเก่งๆ ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไกล ส่วนน้องสาวและน้องชายยังอยู่กับพ่อแม่

-เหมือนเราเคยอยู่กับพ่อแม่และน้อง แต่จู่ๆ ต้องไปอยู่กับคุณน้า รู้สึกอย่างไรบ้าง

เป็นความรู้สึกที่ว่าเด็กอายุ 3 ขวบห่างอกพ่ออกแม่ ถามว่าอยู่บ้านน้ามีความสุขไหม จะมีความสุขได้อย่างไร

ทุกเช้าตวงต้องเดินไปซื้อโจ๊กที่ตลาดมานั่งกินเอง ใกล้เวลาโรงเรียนเข้า น้าก็พาเดินข้ามถนนไปส่ง เลิกเรียนกลับมาบ้านต้องหาปลาทูจากตู้กับข้าวมาคลุกข้าวกินเอง ได้เวลาหนึ่งทุ่มแปรงฟัน เดินขึ้นชั้นบน นอนในห้องมืดๆ คนเดียว มองท้องฟ้านอกหน้าต่าง คิดถึงแม่

ตวงนอนร้องไห้ทุกคืน ไม่ชอบกลางคืนเลย รู้สึกเหงามาก เป็นความรู้สึกว่าเราอยู่กับใครก็ไม่รู้ ทำให้กลัวกลางคืน กลัวความมืด พอไปโรงเรียนก็คิดถึงบ้าน คิดถึงพ่อแม่ จึงชอบยืนเกาะรั้วลูกกรงโรงเรียน เหม่อมองดูแม่น้ำ เจ้าพระยา

พอเย็นวันศุกร์ พ่อมารับกลับบ้าน เย็นวันอาทิตย์ก็พาตวงไปส่งบ้านน้าใหม่ ยังจำภาพได้ติดตาตอนที่รู้ว่าพ่อจะพาไปส่งบ้านน้า ตวงแกล้งทำเป็นหลับ เพราะคิดว่าจะได้ไม่ต้องไป ปรากฏว่าพ่ออุ้มขึ้นรถทั้งที่หลับ ตวงคว้าประตูลูกกรงเหล็กหน้าบ้านแน่นเลย ตะโกนว่าไม่ไปๆ ดิ้นอยู่ในแขนพ่อ แต่พ่อไม่เข้าใจความรู้สึกเรา เลยโดนตีไปถูกดุไปว่า ‘ต้องไปๆ’ ชีวิตตวงเป็นอย่างนี้ตลอดสองปีที่เรียนชั้นอนุบาลถึงป.1

-เรียกว่าเป็นความรู้สึกที่ไม่ดีกับชีวิตวัยเด็กเลย

ใช่ค่ะ พอตวงมีลูกเองถึงรู้ว่าชีวิต 5 ขวบปีแรกของเด็กมีความสำคัญมาก เขาต้องการความรักความเอาใจใส่จากพ่อแม่ เป็นช่วงเวลาแห่งความผูกพันและสายใยที่มีความหมายสำหรับเด็ก ถ้าพ้น 5 ปีแรกซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของชีวิตมนุษย์แล้ว แผลที่อยู่ในใจไม่มีทางหาย

พอขึ้นป.2 ถึงได้กลับมาอยู่กับพ่อแม่และน้องๆ ที่บ้าน เพราะแม่ย้ายพวกเรามาเรียนโรงเรียนแถวบ้าน ก่อนส่งตวงไปเรียนต่อป.5 ที่โรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนเวนต์ ส่วนน้องสาวเรียนป.3 ซึ่งการที่เราเข้าเรียนตอนป.5 กลายเป็นว่าเพื่อนๆ เขามีกลุ่มมีก๊วนมาตั้งแต่ป.4 ส่วนเราไม่รู้จักใครเลย เข้ากับใครก็ไม่ได้ รู้สึกขาดความมั่นใจ ถึงขนาดต้องให้แม่นั่งเฝ้าที่โรงเรียนจนกว่าจะเข้าห้องเรียน

จนตอนหลังเริ่มมีเพื่อน ความที่ตวงชอบทำงาน จึงนั่งรถไปซื้อของแถวสำเพ็ง หาโน่นนี่มาขายเพื่อน เลิกเรียนพ่อมารับ พาตวงไปดูแพ็คเกจจิ้งว่าเขาออกแบบอย่างไร ห้องแล็บเป็นแบบไหน พอมีงานกาชาด ตวงไปช่วยพ่อขายของในงานกระทั่งกิจการของพ่อขยายใหญ่ขึ้น เริ่มมีเงินเป็นกอบเป็นกำ ซื้อที่ดิน คอนโดมิเนียม และซื้อหุ้นเยอะมาก พ่อเป็นนักเลงพระด้วย  ถึงขนาดมีคนขับรถเบนซ์มาเพื่อแลกกับ ‘หลวงปู่โต๊ะ’ ของพ่อองค์เดียว

-พอโตขึ้น ชีวิตเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง

ตวงเลือกเรียนมาร์เก็ตติ้ง มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (เอแบค) ความที่พ่อมีกิจการต่างๆ มากมาย ระหว่างเรียน ตวงช่วยพ่อดูบัญชี ทำโน่นทำนี่ จนใกล้จบปริญญาตรี เริ่มสงสัยว่าทำไมไม่เห็นพ่อเรียกให้ไปช่วยทำธุรกิจที่บ้านเลย แต่ไม่กล้าถาม เพราะพ่อดุ คิดเอาเองว่าพ่อคงอยากให้เรามีประสบการณ์การทำงานกับบริษัทอื่นก่อน

และเพราะคิดแบบนี้ ทำให้ตวงตัดสินใจขอย้ายไปเรียนภาคค่ำเพราะอยากทำงาน เริ่มจากไปเป็นเซลส์ขายงานพิมพ์บัตรเครดิตให้กับบริษัทหนึ่ง พอไปเล่าให้พ่อฟัง พ่อบอกว่าอยากทำก็ตามใจ แล้วให้รถมือสองมาหนึ่งคันแบ่งกันใช้กับน้องสาว ส่วนน้องชายได้รถใหม่ป้ายแดง ถามว่ามีน้อยใจไหม นิดๆ

กระทั่งเรียนจบ มีรุ่นพี่ถามว่าสนใจทำงานมาร์เก็ตติ้งบริษัทส่งออกปลาทูน่าและซีฟู้ดกระป๋องไหม ตวงจึงสมัครทำงานที่นั่น เป็นมาร์เก็ตติ้งผู้หญิงคนเดียวของแผนกส่งออกที่สามารถปิดออร์เดอร์ส่งออกปลาทูน่าไปต่างประเทศได้เป็นร้อยตู้พันตู้ หาเงินเข้าบริษัทได้หลายพันล้านบาทภายใน 6 เดือน

แต่ตวงชอบความท้าทาย ไม่ชอบทำงานนิ่งๆ จึงถูกซื้อตัวไปทำงานบริษัทอื่น ตอนนั้นคิดว่าถ้าเราอยู่บริษัทใหญ่ เราเป็นตัวเล็กๆ แต่ถ้าออกไปอยู่บริษัทเล็กเราจะเป็นตัวใหญ่ ปรากฏว่าทำงานที่ใหม่ได้ 3 เดือน ร้องไห้ทุกวัน เพราะไม่ใช่อย่างที่เราคิดไว้

ช่วงนั้นรู้จักกับสามี (คุณชัยชนะ) แล้ว แต่ด้วยหน้าที่การงานทำให้ของเราสองคนเป็นเหมือนคู่แข่งกัน เพราะเขาเองก็ทำงานบริษัทส่งออกคล้ายคลึงกับเรา ตวงจึงปรึกษาเขาว่าจะลาออกมาเปิดบริษัทเอง สนใจมาร่วมหุ้นด้วยกันไหม ปรากฏว่าเขาตอบตกลง

พอบอกพ่อว่าจะลาออกมาเปิดบริษัท พ่อดุว่า…จะบ้าหรือ  เพิ่งทำงานสองปีจะเปิดบริษัท ให้กลับไปเป็นลูกจ้างเหมือนเดิม แต่ตวงดื้อ ใช้เงินเก็บ 50,000 บาทมาลงทุนเปิดบริษัท T.G.A Corporation เป็น Buying Agent ส่งออกผลไม้ไทยและสินค้าประเภทอาหาร

ความที่ตวงและเขาทำงานด้วยกันมาตลอด ในที่สุดจึงตัดสินใจแต่งงานกัน ของขวัญวันแต่งงานที่ได้จากพ่อคือ รถฮอนด้าแอคคอร์ดมือสองหนึ่งคัน ส่วนแม่ให้แหวนพลอยและแหวนเพชรที่แม่สะสมไว้

-รู้สึกน้อยใจไหมว่าของขวัญแต่งงานเราทั้งที ทำไมได้แค่นี้

จริงๆ ตวงไม่ได้คิดจะเอาอะไรของที่บ้านอยู่แล้ว แต่สิ่งที่อยู่ในใจเราลึกๆ คือ เอาอีกแล้ว … พ่อรักลูกไม่เท่ากัน เพราะสำหรับคนจีน การแต่งงานก็เหมือนเราต้องออกจากบ้านไปหาทุกอย่างด้วยตัวเอง วันที่ออกมาสร้างครอบครัว ในใจเราตอนนั้นไม่ได้คิดอะไร แต่ตวงคาดหวังอยู่ในใจลึกๆ ว่า วันที่พ่อไม่อยู่แล้ว ท่านอาจแบ่งมรดกหรือทรัพย์สินอะไรให้บ้าง เพราะตวงรู้ว่าพ่อมีสตางค์เยอะมาก เป็นร้อยล้านพันล้าน

ปรากฏว่าหลังจากตวงแต่งงานได้สองปี พ่อเสียชีวิต พอเปิดพินัยกรรมออกมา ไม่มีชื่อตวง ไม่มีชื่อน้องสาว เพราะน้องสาวแต่งงานไปแล้ว เราสองคนไม่ได้อะไรเลย

ถามว่าตวงอยากได้ทรัพย์สมบัติของพ่อไหม ไม่หรอก เพราะคิดมาตลอดว่าเราทำงานหาเองได้ ไม่สนใจ แต่วันที่พ่อเสียคือสิ่งที่คอนเฟิร์มความรู้สึกที่เรามีมาตลอดว่า พ่อรักลูกไม่เท่ากัน เราไม่ดีตรงไหนทำไมไม่ให้อะไรเลย ขณะที่น้องชายได้ทุกอย่าง

คำถามก็คือว่าทำไม…เราทำอะไรผิด หันมาถามสามีพลางร้องไห้พลาง เพราะเราออกมาจากครอบครัวโดยที่ไม่มีอะไรติดตัวมาเลย สามีพูดปลอบใจได้ดีมากว่า — ‘ไม่เป็นไร…พ่อคงคิดว่าพี่จะหาให้เธอได้ ไม่ต้องห่วง’

-เคยรู้สึกโทษตัวเองไหมคะ ที่เกิดมาเป็นลูกผู้หญิงในครอบครัวคนจีน

ครอบครัวคนจีนเชื่อว่า ทรัพย์สมบัติควรยกให้ลูกชายเพราะถือว่าเมื่อลูกสาวแต่งงาน ก็ไปอยู่บ้านอื่น ส่วนลูกชายต้องสืบสกุลและเลี้ยงพ่อแม่ต่อ เคยถามแม่ว่าทำไมพ่อไม่ให้อะไรตวงและน้องสาวเลย คำตอบที่ได้จากแม่คือ จริงๆ แล้วพ่อแม่รักลูกเท่ากัน

เพียงแต่ว่าบางครั้งระหว่างลูกที่แข็งแรงกับไม่แข็งแรง พ่อแม่ย่อมดูแลคนไม่แข็งแรงมากกว่าคนที่แข็งแรง ตวงเลยย้อนถามแม่ว่าหนูผิดหรือที่ทำตัวแข็งแรง จนถึงบัดนี้แม่ก็ยังตอบไม่ได้

ยิ่งมาประมวลรวมกับเหตุการณ์ตอนเด็กที่พ่อแม่แยกเราไปอยู่ที่อื่น ยิ่งทำให้ทุกอย่างคาใจว่า พ่อแม่รักลูกไม่เท่ากัน แต่ไม่เป็นไร ทุกวันนี้ตวงไม่ได้รู้สึกอะไรมากแล้ว

-พอได้คำตอบแบบนี้ มาดามตวงจัดการกับชีวิตอย่างไรต่อไปคะ

ตวงคุยกับสามีว่าชีวิตเราสองคน ขอแค่หาเงินให้ได้คนละ 30,000 บาทต่อเดือนก็อยู่ได้แล้ว เราสองคนช่วยกันทำมาหากิน ตอนนั้นตั้งเป้าว่าชีวิตนี้ขอมีเงินแค่ 10 ล้านบาทพอแล้ว

จนวันนี้หันกลับไปมองสิ่งที่เราสร้างมา กลายเป็นว่าเงิน 10 ล้านบาทที่เราเคยตั้งเป้าไว้ มันเป็นเงินน้อยนิดมากเมื่อเทียบกับสิ่งที่เราหามาได้ในปัจจุบัน ยังขำตัวเองเลยว่าเราผ่านจุดนั้นมาได้อย่างไร จนถึงวันนี้ตวงไม่เคยนับเลยว่าเรามีเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ แต่ตวงไม่เคยเป็นหนี้แบงก์และไม่เคยกู้แบงก์มาทำธุรกิจ

-ทุกวันนี้ทำงานอะไรบ้างคะ

ปัจจุบันบริษัทฯ ของเราทำส่งออกผักผลไม้และอาหาร เช่น ก๋วยเตี๋ยว ซอสผัดไทย แกงเขียวหวาน ฯลฯ ส่งออกไป 18 ประเทศ มีทั้งอังกฤษ ยุโรป อเมริกา ออสเตรเลีย และเอเชีย โดยตวงมีหน้าที่พัฒนาสูตรอาหาร ทำงานร่วมกับโรงงานผู้ผลิตเพื่อผลิตเป็นสินค้าส่งออกให้ลูกค้า ซึ่งตอนนี้มีสินค้าทั้งหมด 600 รายการแล้ว

ด้วยความที่ตวงมีความรู้เรื่องการทำธุรกิจร้านอาหาร การคิดและครีเอทเมนูต่างๆ รวมกับคอนเนคชั่นด้ายธุรกิจส่งออก ปัจจุบันตวงจึงรับเป็นที่ปรึกษา ดูแลเรื่องการสร้างแบรนด์ การครีเอทเมนูใหม่ให้บริษัทต่างๆ เช่น ร้าน ‘ข้าวแกงถนัดแดก’ และ ‘The Pizza Company’ รวมทั้งเปิดบริษัททำรายการทีวีเกี่ยวกับการทำอาหาร ‘มาดามตวงฟู้ดเซเลบ’ ทางช่อง 9 อสมท.

-ได้ข่าวว่าชีวิตการเป็นแม่ของมาดามตวง ก็ดราม่าไม่น้อยกว่าชีวิตตอนเด็กของตัวเองเหมือนกัน

ต้องบอกว่า ตวงเป็นผู้หญิงที่มีความอยากเป็นแม่มาก เพราะตวงแต่งงานตั้งแต่อายุ 25 ปี สามีอายุ 35-36 ปี ความคาดหวังของเราคือ เกิดเป็นผู้หญิงทั้งทีก็อยากมีลูกให้สมกับที่เกิดมาเป็นเพศแม่ สภาพร่างกายเราก็สมบูรณ์ ประจำเดือนมาเป๊ะ จึงคาดหวังตั้งแต่แรกว่าแต่งงาน 2-3 เดือนแรกต้องท้องเลย

แต่กลายเป็นว่าแต่งงานมาเกือบครบปีแล้ว ไม่ท้องสักที เริ่มคิดว่าทำไมการเป็นแม่ช่างยากขนาดนี้  ความมั่นใจที่จะได้เป็นแม่คนริบหรี่เหลือเกิน จนผ่านไป 2 ปีแล้วก็ยังไม่ท้อง จึงเริ่มไปพบหมอ ตวงใช้เวลา 7 ปีเทียวพบหมอ ปรึกษาหมอ 5 คน  เรียกว่าทำทุกวิธีเพื่อให้มีลูก มีครั้งหนึ่งติดได้ 2 เดือน จู่ๆ เกิดหลุด ตวงร้องไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือด ทำไมเราช่างโชคไม่ดีขนาดนี้

ระหว่างที่เทียวปรึกษาหมออยู่ 7 ปี ตวงไม่เคยคิดเลยว่าเมื่อไหร่จะติด ได้แต่คิดว่าไม่ติดอีกแล้ว ผิดหวังเดือนแล้วเดือนเล่า เพราะหาหมอแต่ละเดือนตกครั้งละ 200,000 บาท ปีหนึ่งๆ คิดเป็นเงินก็ล้านบาท

เดือนหนึ่งฉีดยาไม่ต่ำกว่า 40 เข็ม กินยาอีกเป็นกำๆ  เจาะเลือดเช็กดูฮอร์โมนว่าถึงเวลาฉีดเชื้อหรือยัง ยิ่งทำกิฟต์เด็กหลอดแก้ว ต้องดูว่าใส่ตัวอ่อนได้หรือยัง ตัวอ่อนออกมาเป็นอย่างไร จนสามีเห็นเราเจ็บและลำบาก จึงบอกว่าอยู่กันสองคนก็ได้ แต่ตวงไม่ยอม จนครั้งสุดท้ายตวงแอบไปพบหมอคนเดียว ไม่บอกสามีว่าจะไปทำ เพราะถ้าล้มเหลวขึ้นมา ตวงรู้ว่าคำตอบที่จะได้รับคือหยุดเถอะ พอเถอะ ซึ่งบั่นทอนกำลังใจเราเปล่าๆ

เพื่อนๆ ตวงหลายคนที่อยากมีลูก ถ้าทำขนาดนี้ เขาคงพากันถอดใจไปแล้ว แต่ตวง Keep Walking เพราะเราอยากมีลูก คิดแต่ว่าจะไม่หยุดจนกว่าจะได้ลูก สุดท้ายได้ลูกสาวมาหนึ่งคน (น้องวินนี่ – อรวินท์ ช่อธีระพฤกษ์)

-สิ้นสุดการรอคอย ได้เป็นมนุษย์แม่เสียที

ใช่ค่ะ ตวงเป็นแม่ที่แข็งแรงอึดถึดมากด้วย เพราะทำงานจนวันสุดท้ายที่จะไปคลอด แต่ปรากฎว่าครบระยะเวลาคลอดแล้ว ลูกไม่คลอด เพราะเขาไม่ดันตัวลงมา เราเองก็ไม่มีความรู้สึกเจ็บท้องจะคลอดเลย ทั้งที่ตามปรกติช่วง3-4 สัปดาห์ใกล้คลอด เด็กจะกลับตัวและค่อยๆ ดันตัวลงมา แต่ลูกตวงนอนเฉยๆ ไม่มีอาการเจ็บท้องเลย จนเข้าสัปดาห์ที่ 40 คุณหมอบอกว่าปล่อยไม่ได้แล้ว เพราะมดลูกของเรากำลังจะเสื่อม ถ้าปล่อยไว้ เด็กจะไม่มีอาหาร และเขาจะอยู่ไม่ได้ เดี๋ยวเป็นปัญหาอีก เพราะฉะนั้นคุณหมอบอกว่าผ่าคลอดเถอะ เพราะตอนนี้เขาสมบูรณ์เพอร์เฟ็คท์พอแล้ว

ตวงจึงต้องตัดสินใจผ่าคลอด หมอถามว่าดูฤกษ์ไหม ตวงบอกไม่ดูหรอก สำหรับตวงถ้าสะดวก และเราคิดว่าใช่ก็คือใช่ ถามหมอว่าผ่าพรุ่งนี้เลยได้หรือเปล่า หมอตกใจว่าผ่าพรุ่งนี้เลยเหรอ เพราะถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่น เขาต้องหาฤกษ์ก่อน หรือไม่ก็ขอถามสามีก่อน แต่คนอย่างดิฉันไม่ปรากฏอะไรแบบนั้นค่ะ หมอบอกว่าถ้าตัดสินใจแน่วแน่ พรุ่งนี้พบกันที่โรงพยาบาล 10.00 น.และผ่าคลอดเลย

– พอได้เป็นแม่จริงๆ รู้สึกอย่างไรบ้างคะ

ช่วง 5 ปีแรกของลูก ตวงไม่ทำงานเลย เลี้ยงและดูแลลูกอย่างเดียว เพราะตอนเด็กๆ ที่เราถูกส่งไปอยู่กับคนอื่น และเรารู้ว่าเราไขว่คว้าหาความอบอุ่น จึงไม่อยากให้สิ่งนี้เป็นแผลในใจลูก ความรักทั้งหมดที่เคยโหยหา เราพร้อมส่งมอบให้เขาเต็มๆ

ตั้งแต่ลูกเกิดมา ตวงไม่เคยวาดเส้นให้ลูกต้องเดินตามเส้นที่เรากำหนด สิ่งที่เราให้ได้คือความรัก เราเป็นแค่โค้ชชิ่ง ไม่ได้ตัดสินใจอะไรแทนเขา เพราะนี่คือชีวิตเขา เราให้ในสิ่งที่จำเป็นสำหรับการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการศึกษา แนวคิด การอยู่ในสังคม การเข้าใจคน ระเบียบวินัยชีวิต แต่ไม่ได้กำหนดชีวิตลูก

-ไม่จำเป็นว่าเขาต้องกลับมาสานต่อธุรกิจที่พ่อแม่ทำไว้ให้

ขึ้นอยู่กับเขาเลยว่าอยากทำงานนี้ไหม ล่าสุดเขาเรียนจบปริญญาตรีเกียรตินิยม คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ภาคอินเตอร์ จากภาควิชา Communication Design และได้รับคัดเลือกเป็น 1 ใน 300 คน จากจำนวนผู้สมัคร 3,000 คน เพื่อไปทำงานที่สำนักงานใหญ่ดิสนีย์แลนด์ รัฐฟลอริด้า ประเทศสหรัฐอเมริกา ทำให้เขาต้องรับผิดชอบและดูแลตัวเองหมดทุกอย่าง ซึ่งเป็นสิ่งที่เราอยากให้เขามีประสบการณ์ชีวิตอยู่แล้วเพราะตั้งแต่เล็กจนโต แม่สอนสิ่งที่อยู่ในบ้านให้ครบแล้ว นกน้อยต้องบินออกไปศึกษาต่อโลกกว้างด้วยตัวเขาเอง รู้สึกภูมิใจในตัวเขามาก

ที่ผ่านมา ชีวิตมาดามตวงอาจขรุขระบ้าง แต่ทุกอย่างอยู่ที่ใจ มองให้ทะลุแล้วปล่อยวาง นั่นละคือความสุขของชีวิต


 เรื่อง : ดั่มดั๊มพ์

ภาพ : อิทธิศักดิ์ บุญปราศภัย @madametuang

 

 

 

กงยู

ช็อตเด็ดขโมยหัวใจสาวๆ ของสุภาพบุรุษที่ชื่อ กงยู

Alternative Textaccount_circle
กงยู
กงยู

นอกจากหล่อแล้วยังเป็นสุภาพบุรุษมากๆ อีกด้วย สำหรับพระเอกขวัญใจสาวๆ กงยู ที่ล่าสุดโชว์มุมอบอุ่นน่ารักในงานเปิดตัว ภาพยนตร์ใหม่ “Kim Ji Young, Born 1982” จนทำสาวๆ ทั้งงานใจเต้นแรง

กงยู พระเอกเจ้าของฉายาลมหายใจแห่งภาคพื้นเอเชีย เป็นนักแสดงที่ค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัวสูง ชนิดที่ว่าถ้าไม่มีงานคงไม่ได้เห็นหน้าของหนุ่มคนนี้อย่างแน่นอน  ถึงจะเจอตัวยากแบบนี้แต่นั่นก็กลายเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่ง ที่ทำให้แฟนคลับคิดถึงเขาได้ตลอด จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเมื่อปรากฏตัวผู้คนถึงให้ความสนใจเขาอย่างมากมาย

กงยู

นับจากละครเรื่องล่าสุด “Goblin” เป็นเวลา 3 ปีแล้ว ที่นักแสดงหนุ่มมากฝีมือยังไม่มีผลงานใหม่ออกมาให้สาวกได้ติดตามกัน ทำให้แฟนๆ ต่างคิดถึงผลงานของเขา ซึ่งเมื่อไปออกงานอีเว้นท์เขาก็มักถูกถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งเขามักอมยิ้มก่อนตอบว่า “ยังไม่ได้ตัดสินใจ” แต่เมื่อไม่นานมานี้ เขาได้ประกาศข่าวดีว่ากำลังจะมีผลงานใหม่ออกมาให้ได้ชมกัน

และเมื่อวันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา ได้มีการเปิดตัวภาพยนตร์เรื่อง “Kim Ji Young, Born 1982” อย่างเป็นทางการ แน่นอนว่า”กงยู”กับ”จองยูมิ”ก็มามาร่วมงานในฐานะนักแสดงนำของเรื่อง โดยคู่นี้เคยร่วมงานกันมาก่อนทั้งในภาพยนตร์เรื่อง “Silenced”  และ  “Train to Busan” ทำให้ค่อนข้างสนิทสนมกัน

กงยู

กงยู

ทั้งนี้ในงานแถลงข่าวพระเอกเจ้าของฉายาลมหายใจแห่งภาคพื้นเอเชียได้เปิดเผยถึงสาเหตุที่ตกลงรับงานนี้แสดงเรื่องนี้ว่า เรื่องนี้ทำให้เขานึกถึงครอบครัว ตอนที่อ่านบทเขาถึงกับร้องไห้ออกมาและไม่ลังเลที่จะตอบตกลง

กงยู

ทั้งนี้ช็อตเด็ดที่แฟนเกาหลีและทั่วเอเชียพูดถึงคงหนีไม่พ้น ช็อตที่พระเอกหนุ่มวิ่งไปรับนักแสดงสาวขึ้นเวที นับเป็นช็อตที่ทัชหัวใจไม่น้อย ไม่เพียงเท่านั้น วันเดียวกันระหว่างที่พระเอกได้พบกับแฟนๆ เขายังเดินเข้าไปทักทายและรับของ นอกจากนี้ตอนที่รถของเขากำลังเคลื่อนตัวออกซึ่งพระเอกวัย 40 ปีได้บอกให้คนขับหยุดรถเพื่อทักทายจับมือและรับของจากแฟนคลับที่มารอเขาอีกด้วย

กงยู

https://twitter.com/i/status/1178664423570886656


ภาพจาก : http://m.news.zum.com, http://www.xportsnews.com, https://www.dispatch.co.kr

สามารถติดตามอ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่

ไขรายได้ของ 4 สาว แบล็คพิ้งค์ งานเยอะแต่ค่าตอบแทนสูงหรือเปล่า?

หวิดจลาจล! ลิซ่า BLACKPINK สาวไทยที่ทำให้ปารีสต้องเหลียวหลัง

รอคอยมา 4 ปี “แองจี้ เฮสติ้งส์” ตั้งท้องลูกแฝดทายาทเศรษฐีบ่อน้ำมัน

หล่อเนเวอร์ดาย ขาวเจิดจ้าไม่มีหมอง Lee Dong Wook ในงานเครื่องสำอางชาเนล

นักร้อง – บิวตี้บล็อกเกอร์ “ลูน่า” อดีตสมาชิก f(x) กับประเด็นหน้าลอยไปถึงอวกาศ

พบแล้วคนหาย! “ซงฮเยคโย” มูฟออนออกจากความเศร้า ซุ่มเรียนศิลปะในนิวยอร์ก

เคลียร์หมดเปลือก “มะนาว-ศรศิลป์” ปฎิเสธเลื่อยขาเตียงพ่อแม่ “พีช-พชร”

“แพนเค้ก-เขมนิจ” สวมชุดไทยเดินแบบ ในงานแฟชั่นโชว์ที่มิลาน

สื่อแดนมังกรเปรียบเทียบ ลิขิตรักข้ามดวงดาว พูดถึงเวอร์ชั่นไทยไม่ปัง

“แนท-ณัฐชา” ขอบคุณพระเจ้าส่ง “เป๊ก” มาเป็นแสงสว่างของชีวิต

สวัสดีไทยแลนด์ กงฮโยจิน เซ็กซี่แบบมีคลาส สวยแพงแบบมีระดับ 

ข้ามรุ่น 14 ปี! แม่แอฟ ประกบคู่ ต่อ ลงละครรักโรแมนติก ขอเกิดใหม่ใกล้ๆ เธอ

มิตรภาพระหว่าง 2 สาวสวย เดียร์น่า – ลิซ่า ยิ่งสนิท ยิ่งเกรงใจ

บวงสรวงโคนันอยุธยา ละครเรื่อง ลายกินรี “ตั๊ก-บงกช” คืนจอช่อง 3 ในรอบ 17 ปี

“เคท มาริลิน” จากผู้ประกาศคั่นรายการสู่บท “แม่หญิงบัว” ใน“ลิขิตรักข้ามดวงดาว”

 นางแบบไทย “แจน-ใบบุญ” บนรันเวย์แฟชั่นระดับโลก BURBERRY 2020

ใสๆ ซนๆ หวานอมเปรี้ยว “หนูพุก” ดาวรุ่งน่าจับตาใน “สามีสีทอง”

เบื้องหลัง “ปู-ไปรยา” แซ่บแหวกถึงเอว เดินเปิด-ปิดแฟชั่นโชว์ LFW2019

ปลดเพื่อเปลี่ยน “แบงค์-ธิติ” คลายล็อค อยากเติบโตบนเส้นทางการแสดง

สิบล้อยังต้องหักหลบ “ใบเฟิร์น-อัญชสา” นางเอกถึงลูกถึงคน พูดตรงแต่ไม่ใช่คนแรง

สดใสมีเสน่ห์ Yuko Araki เจ้าของฉายาเทพธิดาแห่งแดนอาทิตย์อุทัย

ส่องแฟชั่นนางเอก “เบลล่า-ราณี” ช่อง 3 VS “ชิงชิง-คริษฐา” ช่อง 7

ชีวิตขาขึ้น! ของหนุ่มอินดี้ “แน็ก-ชาลี ไตรรัตน์” ในวันที่ร้องเพลงเสียงหมาคนยังฟัง!

ล้วงหัวใจ “หมอเน๋ง-ศรัณย์” สัตวแพทย์สุดหล่อ พระเอกรุกกี้มาแรง

ในหลวง โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ ‘พลโทหญิง’ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา

Alternative Textaccount_circle

เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2562 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ พระบรมราชโองการ ประกาศ เรื่อง พระราชทานพระยศ ความว่า

พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานพระยศ

พลตรีหญิง สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภานเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา เป็น พลโทหญิง

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 15 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ประกอบมาตรา 4 และมาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการในพระองค์ พ.ศ. 2560 มาตรา 10 มาตรา 13 และมาตรา 15 แห่งพระราชกฤษฎีกาจัดระเบียบราชการและการบริหารงานบุคคลของราชการในพระองค์ พ.ศ. 2560 มาตรา 4 และมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติยศทหาร พุทธศักราช 2479

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน พุทธศักราช 2562

ประกาศ ณ วันที่ 30 กันยายน พุทธศักราช 2562 เป็นปีที่ 4 ในรัชกาลปัจจุบัน


 

ภาพ : เรารัก สมเด็จเจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา : Our Beloved HRH Princess Bajrakitiyabha

แอฟ ทักษอร ละครเรื่องใหม่

สลัดคราบสาวหวาน! ‘แอฟ-ทักษอร’ ปรับลุคสวยเท่ในละครเรื่องใหม่

แอฟ ทักษอร ละครเรื่องใหม่
แอฟ ทักษอร ละครเรื่องใหม่

สลัดลุคสาวหวานกับภาพโปรโมทละครเรื่องใหม่ของ ‘แอฟ-ทักษอร’ ในลุคนักบินสุดเท่ ทำเอาแฟนๆ ถูกอกถูกใจกับลุคใหม่ของแม่แอฟไม่น้อย

หลังจากมีข่าวว่า แอฟ-ทักษอร ยอมใจอ่อนกลับมารับงานแสดงอีกครั้ง โดยร่วมงานกับทางช่อง ONE31 ในละครเรื่อง ขอเกิดใหม่ใกล้ๆ เธอ ซึ่งจะประกบคู่กับพระเอกรุ่นน้องที่มีวัยต่างกันถึง 14 ปีอย่าง ต่อ-ธนภพ และกำกับโดย สันต์ ศรีแก้วหล่อ ก็ได้รับฟีดแบ็คเชิงบวกเข้ามาอย่างล้นหลาม เพราะเป็นการกลับมาเล่นละครของแม่แอฟในรอบ 10 ปี

โดยตัวบทยังไม่มีการเปิดเผยว่าเป็นเรื่องราวแบบไหน เพียงแต่แม่แอฟได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าที่รับเล่นละครเรื่องนี้ เพราะมีหลายเหตุผล ไม่ว่าจะเป็นบทหรือผู้กำกับ แต่ที่มีผลต่อการตัดสินใจมากที่สุดก็คือบท อ่านแล้วรู้สึกรักในตัวละครตัวนี้ คาแร็คเตอร์นางเอกมีบางส่วนที่เหมือนชีวิตจริงของเธอ คุณแม่ที่แข็งแกร่งด้านจิตใจ ทำให้แม่แอฟอยากจะเข้าไปอยู่ในบทบาทนั้น

ล่าสุดทาง ช่อง ONE31 ก็ได้ปล่อยภาพโปรโมทละครเรื่อง ขอเกิดใหม่ใกล้ๆ เธอ มาเรียกน้ำย่อย ซึ่งถือว่าพลิกคาแร็คเตอร์และลุคของแม่แอฟจากสาวหวานเป็นสาวเท่ สาวแกร่ง แบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเลยทีเดียว นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งบทบาทและอีกหนึ่งลุคที่แปลกใหม่สำหรับคนดูอย่างแน่นอน โดยภาพของนางเอกหน้าหวานในลุคของนักบินก็ทำเอาสาวๆ กรี๊ดในความเท่สมาร์ทของแม่แอฟไม่น้อย พร้อมยังชมว่าคนอะไรสวยไม่เคยเปลี่ยนจริงๆ

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

สวยหรูดุจเจ้าหญิง! ‘ญาญ่า-อุรัสยา’ ในเดรสขาวที่ใช้เวลาทำถึง 15 วัน

เจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ เสด็จฯ ทอดพระเนตรโชว์จาก Dior ใน Paris Fashion Week

เช็คราคาไอเท็มจาก CELINE ของเหล่าคนดัง ตั้งแต่หลักหมื่นยันหลักแสน

สวยหวานน้ำตาลเรียกแม่! ‘อิวานก้า ทรัมป์’ ในงานแต่งพระสหายดัชเชสเมแกน

ครั้งแรกของ ‘แอน ทองประสม’ แต่งลุคเรียบโก้ ชมโชว์ใน Milan Fashion Week

เหตุใดฉลองพระองค์ ‘ควีนเอลิซาเบธที่ 2’ ต้องมีหมายเลขกำกับทุกชุด

The Show Must Go On! ‘จีจี้ ฮาดิด’ เดินเขย่งเท้าเปล่าบนรันเวย์หลังส้นสูงหัก

เหตุผลที่ซ่อนอยู่! ทำไมดัชเชสเคทสวมชุดมีสีสัน แต่ดัชเชสเมแกนชอบใส่สีเข้ม

โดนแซวหนัก คอสตูมพาพัง ‘จุ๋ย-วรัทยา’ กับบทบาทดีไซเนอร์ในละครเรื่องใหม่

สวยสะท้านรันเวย์ แพนเค้ก-เขมนิจ โชว์สกิลเดินแบบใน London Fashion Week

สื่อนอกเผย ตู้เสื้อผ้า ‘ดัชเชสเมแกน’ มีราคาสูงกว่าบ้านในสหราชอาณาจักรถึง 3 เท่า

สองไอเท็มที่ ‘ดัชเชสเมแกน’ ห้ามแพ็คใส่กระเป๋า เมื่อเดินทางกับควีนเอลิซาเบธที่ 2

สวยระดับจักรวาล! 9 ลุคชวนหลงของ ‘แคทรีโอนา’ ใน New York Fashion Week


ภาพ : FB ช่อง one31

เหตุผลที่ซ่อนอยู่! ทำไมดัชเชสเคทสวมชุดมีสีสัน แต่ดัชเชสเมแกนชอบใส่สีเข้ม

ไม่ใช่แค่ความชอบและสไตล์ที่ต่างกันเท่านั้น! เผยเหตุผลสำคัญว่าทำไมดัชเชสเคททรงแต่งกายในโทนสีสดใส ในขณะที่ดัชเชสเมแกนก็ทรงโปรดใส่ชุดสีเข้ม

หากใครเป็นแฟนคลับของสองสะใภ้แห่งราชวงศ์อังกฤษคงจะคุ้นชินกับสไตล์การแต่งตัวของดัชเชสเคทและดัชเชสเมแกนเป็นอย่างดี แต่รู้หรือไม่ว่าแฟชั่นสวยๆ ของสองดัชเชสแตกต่างกันอย่างไร หากคุณสังเกตจะพบว่าดัชเชสเคทสวมชุดสีสันสดใสอยู่เสมอ ในขณะเดียวกันดัชเชสเมแกนก็จะใส่เสื้อผ้าสีเข้มเป็นประจำ ยิ่งทั้งสองพระองค์ออกงานด้วยกัน เรื่องของการเลือกโทนสียิ่งเด่นชัด

งานฉลองกองทัพอากาศอังกฤษครบรอบ 100 ปี

งาน Trooping the Colour ปี 2019

พิธีเสกสมรสเจ้าหญิงยูจีนี

งานคริสต์มาส ปี 2018

โดย Richard Fitzwilliams ผู้เชี่ยวชาญเรื่องราชวงศ์และนักวิจารณ์ชาวอังกฤษได้อธิบายว่า “ดัชเชสเคทและดัชเชสเมแกนทรงเป็นแฟชั่นไอคอนที่เข้าถึงผู้หญิงทั่วโลกและส่งผลต่อยอดขายของแบรนด์ต่างๆ รสนิยมที่แตกต่างกันของทั้งสองก็สืบเนื่องมาจากบทบาทที่ต่างกันภายในราชวงศ์ ดัชเชสเคทมักสวมชุดกระโปรงยาวสีสันสดใสสไตล์เลดี้ และบางครั้งก็ดูเป็นทางการ เพราะหลายคนต่างคาดการณ์ว่าพระองค์คือควีนคนต่อไปของราชวงศ์อังกฤษ ซึ่งตามกฎการแต่งกายของราชวงศ์อังกฤษ สมาชิกราชวงศ์สามารถใส่ชุดดำได้เฉพาะไปงานศพหรือพิธีไว้อาลัยเท่านั้น และไม่ใส่เสื้อผ้าสีดำในตอนกลางวัน แต่จะเลือกโทนสีที่เห็นได้อย่างเด่นชัดหรือโทนสีอ่อน เพื่อจะได้สะดุดตาท่ามกลางฝูงชน

ในทางกลับกัน ดัชเชสเมแกนจะเลือกสวมใส่เสื้อผ้าสีเข้มหรือเสื้อผ้าสีดำอยู่บ่อยๆ ก็เพื่อไม่ให้เป็นจุดสนใจไปมากกว่ากิจกรรมหรือผู้คนที่เกี่ยวข้องกับพระองค์ในงานนั้นๆ เพราะชุดสามารถกลายเป็นข่าวได้ การสวมชุดสีดำช่วยให้สิ่งที่ดัชเชสเมแกนสนับสนุนหรือบุคคลที่พบเจอกับพระองค์เป็นที่น่าสนใจและโดดเด่นขึ้น เพราะเมื่อเลือกแต่งกายด้วยชุดสีดำก็มั่นใจได้ว่าจะอยู่ห่างจากแสงสปอร์ตไลท์และทำให้เกิดการประชาสัมพันธ์มากขึ้น ซึ่ง Richard Fitzwilliams กล่าวชมว่าดัชเชสเมแกนทรงแต่งกายได้คลาสสิกและแมทช์ลุคออกมาดีเลยทีเดียว

สรุปได้ว่าคนหนึ่งปฏิบัติตามกฎระเบียบของราชวงศ์ที่สืบต่อกันมา ในขณะที่อีกคนมองว่าการเป็นจุดสนใจจะทำให้วัตถุประสงค์ของงานนั้นๆ ไม่ถูกโฟกัสเท่าที่ควร ทั้งนี้ก็เพราะบทบาทที่แตกต่างกันในอนาคตของทั้งสองพระองค์นั่นเอง

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

โดนแซวหนัก คอสตูมพาพัง ‘จุ๋ย-วรัทยา’ กับบทบาทดีไซเนอร์ในละครเรื่องใหม่

สวยสะท้านรันเวย์ แพนเค้ก-เขมนิจ โชว์สกิลเดินแบบใน London Fashion Week

สื่อนอกเผย ตู้เสื้อผ้า ‘ดัชเชสเมแกน’ มีราคาสูงกว่าบ้านในสหราชอาณาจักรถึง 3 เท่า

สองไอเท็มที่ ‘ดัชเชสเมแกน’ ห้ามแพ็คใส่กระเป๋า เมื่อเดินทางกับควีนเอลิซาเบธที่ 2

สวยระดับจักรวาล! 9 ลุคชวนหลงของ ‘แคทรีโอนา’ ใน New York Fashion Week

เจ้าสาวป้ายแดง ‘น้องนนนี่’ สวยหวานเข้าพิธีวิวาห์ในกรุงลอนดอน

โดนบ่นใครจะใส่ได้! ‘ใหม่-ดาวิกา’ แจงเสื้อผ้าแบรนด์ตัวเอง ไม่ได้มีแต่ไซส์เล็ก

ออร่าพุ่งมากแม่! ‘เจนี่’ สวยเปล่งปลั่ง อุ้มท้องโตออกงานอีเว้นท์

สนับสนุนเพื่อนซี้! รวมลุคสวยของ ‘ดัชเชสเมแกน’ ใส่เสื้อผ้าแบรนด์พระสหาย

ซื้อตามไม่ยาก!​ ชี้พิกัดกระเป๋า​ ‘แทยอน​ Girls’ Generation’ ดีไซน์น่ารัก​ ราคาน่าคบ

เพราะเหตุใด สุภาพสตรีในราชวงศ์อังกฤษ ไม่ถอดเสื้อคลุมในที่สาธารณะ

Lookbook ชิดซ้าย! ตั๊ก-บงกช สวยหรูในเดรส Versace หลักแสน


ที่มา : www.express.co.uk

ภาพ : www.popsugar.com , people.com , www.purewow.com

กระเป๋ารุ่นใหม่ Eden Bag จาก Givenchy

สวยหรู ฟังก์ชั่นเพียบ! กระเป๋ารุ่นใหม่ Eden Bag จาก Givenchy

กระเป๋ารุ่นใหม่ Eden Bag จาก Givenchy
กระเป๋ารุ่นใหม่ Eden Bag จาก Givenchy

อัพเดทกระเป๋ารุ่นใหม่จาก Givenchy คอลเล็คชั่น Fall-Winter 2019 กระเป๋าใบใหม่ที่สาวสายแฟต้องกดเลิฟ

ปลายปีกับกระแสแฟชั่นวีคที่เหล่าแฟชั่นนิสต้ามาอวดโฉมกับลุคที่รวมไอเท็มชิ้นเด็ดของฤดูกาลให้ตากล้องได้ถ่ายภาพกันอย่างจุใจ และหนึ่งในไอเท็มชิ้นโปรดที่เราเห็นสาวสายแฟตัวจริง เสียงจริง สะพายอยู่ตอนนี้คือ Givenchy (จีวองชี่) Eden Bag ที่แคมเปญเปิดตัวของกระเป๋าใบนี้ได้มีคือสาวน้อยเสียงทรงพลังอย่าง Ariana Grande มาเป็นมิวส์คนใหม่ของแบรนด์ในคอลเล็คชั่น Fall-Winter 2019

กระเป๋า Eden Bag ภายใต้การออกแบบของ Clare Waight Keller (แคลร์ เวท เคลเลอร์) ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ของแบรนด์ จีวองชี่ ได้หยิบยกเรื่องเล่าจากคัมภีร์อันเก่าแก่ ‘อาดัมกับเอวา’ เปรียบเสมือนมนุษย์ผู้ชายและผู้หญิงคู่แรกที่พระเจ้าได้สร้างขึ้นมาให้อาศัยอยู่ในสวนเอเดน แต่ทั้งคู่ไม่เชื่อฟังคำสั่งพระเจ้า เพียงเพราะอยากจะมีอิสระในตนเอง จึงเป็นที่มาของการออกแบบกระเป๋าใบนี้ ที่นำเอารูปทรงกราฟิกเข้ามาใช้ และปรับรูปทรงให้ดูนุ่มนวลเป็นธรรมชาติตามแบบฉบับของแบรนด์ ซึ่งผลงานแต่ละชิ้นเกิดจากการผสมผสานความโรแมนติก

กระเป๋า Eden มาในขนาดเล็กและกลาง ตอบโจทย์ความทะมัดทะแมงในช่วงเวลากลางวัน เติมเต็มความหรูหราในช่วงเวลากลางคืน รวมไปถึง Pouch ที่สามารถนำมาครอสบอดี้ได้ หรือสามารถปรับเป็นสายโซ่ช่วยเสริมให้ลุคดูโดดเด่นมากยิ่งขึ้น และทรง Nano Belt Bag และ Mini ที่มากับสายสะพายช่วยเพิ่มความคล่องตัว กระเป๋า Eden ที่เปี่ยมล้นด้วยฟังก์ชั่นที่หลากหลาย แคลร์ ได้เลือกใช้วัสดุอันยอดเยี่ยมไม่ว่าจะเป็น หนังกลับ หนังเรียบ และหนัง Exotic ในส่วนของความปลอดภัยของกระเป๋า จีวองชี่ได้คิดค้นตัวล็อคใหม่ที่ปิดตามเข็มนาฬิกาและด้านล่างฝากระเป๋ายังเผยโลโก้ Double G ที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ จีวองชี่ถือเป็นกระเป๋าที่สามารถปรับเปลี่ยนไปตามอารมณ์คาแร็คเตอร์ได้อย่างใจต้องการ

ส่วนกระเป๋าคลาสสิกอย่างรุ่น GV3 ก็ยังคงไม่ตกกระแส กับความสนุกของสี และวัสดุต่างๆไม่ว่าจะเป็นหนัง หรือลูกเล่น Quilted ที่มาในคอลเล็คชั่นล่าสุด

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

โดนแซวหนัก คอสตูมพาพัง ‘จุ๋ย-วรัทยา’ กับบทบาทดีไซเนอร์ในละครเรื่องใหม่

สวยสะท้านรันเวย์ แพนเค้ก-เขมนิจ โชว์สกิลเดินแบบใน London Fashion Week

สื่อนอกเผย ตู้เสื้อผ้า ‘ดัชเชสเมแกน’ มีราคาสูงกว่าบ้านในสหราชอาณาจักรถึง 3 เท่า

สวยระดับจักรวาล! 9 ลุคชวนหลงของ ‘แคทรีโอนา’ ใน New York Fashion Week

เจ้าสาวป้ายแดง ‘น้องนนนี่’ สวยหวานเข้าพิธีวิวาห์ในกรุงลอนดอน

โดนบ่นใครจะใส่ได้! ‘ใหม่-ดาวิกา’ แจงเสื้อผ้าแบรนด์ตัวเอง ไม่ได้มีแต่ไซส์เล็ก

สองไอเท็มที่ ‘ดัชเชสเมแกน’ ห้ามแพ็คใส่กระเป๋า เมื่อเดินทางกับควีนเอลิซาเบธที่ 2

ออร่าพุ่งมากแม่! ‘เจนี่’ สวยเปล่งปลั่ง อุ้มท้องโตออกงานอีเว้นท์

สนับสนุนเพื่อนซี้! รวมลุคสวยของ ‘ดัชเชสเมแกน’ ใส่เสื้อผ้าแบรนด์พระสหาย

ไอซ์​-อภิษฎา โชว์แหวนเพชรเม็ดโต หลังแฟนหนุ่มขอแต่งงาน

ราศีสะใภ้ใหญ่จับ ‘มิว-นิษฐา’ สวยออร่าพุ่ง หลังถูกขอแต่งงาน

ซื้อตามไม่ยาก!​ ชี้พิกัดกระเป๋า​ ‘แทยอน​ Girls’ Generation’ ดีไซน์น่ารัก​ ราคาน่าคบ

เพราะเหตุใด สุภาพสตรีในราชวงศ์อังกฤษ ไม่ถอดเสื้อคลุมในที่สาธารณะ

Lookbook ชิดซ้าย! ตั๊ก-บงกช สวยหรูในเดรส Versace หลักแสน

“ตุ๊ก-นิรัตน์ชญา” แม่ผู้เอาชนะภาวะซึมเศร้าหลังคลอด สู่บทบาทแม่ไอดอลสุดสตรอง

Alternative Textaccount_circle

ไม่ว่าคุณจะคลิกเข้ามาเพื่อเสพเรื่องราวของ “ตุ๊ก-นิรัตน์ชญา การุณวงศ์วัฒน์” คุณแม่อินฟลูเอนเซอร์ เจ้าของเพจ Little Monster ในฐานะอะไร คุณแม่มือใหม่ที่กำลังมุ่งมั่นกับการเลี้ยงลูก คนที่อยากมีลูกมาก หรือคนที่กลัวการมีลูกสุดชีวิต เชื่อเถอะว่าตัวตนและประสบการณ์การเป็นแม่ของผู้หญิงคนนี้ จะช่วยสร้างกำลังใจและเติมเต็มแรงบันดาลใจในการทำหน้าที่แม่ให้ดีที่สุดในแบบฉบับของตัวคุณเองได้

กว่าจะมีวันนี้ “ตุ๊ก-นิรัตน์ชญา การุณวงศ์วัฒน์” ต้องก้าวผ่านสารพัดดราม่าแห่งความเป็นแม่ ต่อสู้กับภาวะซึมเศร้าหลังคลอด จุดเริ่มต้นร้ายๆ ที่กลายเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ในการแบ่งปันความสุขให้กับหลายครอบครัว ผ่านเพจ Little Monster ที่ตอนนี้มียอดการติดตามกว่า 3.5 ล้าน

ก่อนสวมบทบาทคุณแม่อินฟลูเอนเซอร์ เคยทำอะไรมาก่อนคะ

“ตุ๊กเรียนจบปริญญาตรีด้านกราฟิกดีไซน์ที่สหรัฐอเมริกา จากนั้นเรียนต่อปริญญาโทด้านคอมมูนิเคชั่นดีไซน์ที่อังกฤษ โชคดีที่ตอนเด็กๆ รู้ตัวเร็วว่าชอบด้านศิลปะ จำได้ว่าช่วงเรียน ม.1 ถามคุณแม่ว่า พวกบิลบอร์ดหรือใบปลิว ต้องเรียนอะไรถึงสามารถทำงานพวกนี้ได้ คุณแม่บอกว่าเป็นกราฟิกดีไซน์ ตุ๊กก็เลยไปทางนั้นตั้งแต่เด็ก

“หลังเรียนจบปริญญาตรีก็ทำงานอยู่ที่สหรัฐอเมริกาพักหนึ่ง เป็นงานออกแบบทั่วไป พอเรียนจบปริญญาโทก็ไปเรียนทำขนมที่ Le Cordon Bleu เพราะสนใจด้านนี้อยู่แล้ว พอเรียนจบกำลังคิดว่าจะทำอะไรต่อดี ก็มีเหตุให้ต้องกลับมาเมืองไทย เพราะคุณพ่อไม่สบาย และไปทำงานที่แรกกับบริษัทสถาปัตย์แห่งหนึ่ง จากนั้นมาทำงานเอเจนซี่ ออกแบบพวก Corporate Identity ต่างๆ”

นิสัยส่วนตัวเป็นคนแบบไหน

“ถ้าตอนเด็กๆ เป็นคนขี้อาย ไม่ชอบเป็นจุดสนใจ ไม่ชอบพูดหน้าชั้น ตุ๊กขี้อายมาก เงียบมาก จนเป็นจุดเปลี่ยนที่พ่อแม่ต้องส่งไปเรียนเมืองนอก เพราะคุณแม่เป็นห่วง คือคุณแม่ของตุ๊กเป็นแม่ประเภทที่อดไม่ได้ที่จะทำอะไรเพื่อลูก ซึ่งการไปเรียนเมืองนอกเป็นประสบการณ์ที่ทำให้ตุ๊กเรียนรู้ที่จะทำอะไรด้วยตัวเองมากขึ้น พูดเยอะขึ้น มีความมั่นใจมากขึ้น และเป็นการบังคับให้ช่วยเหลือตัวเองโดยอัตโนมัติ

ได้รับการปลูกฝังจากพ่อแม่อย่างไรบ้าง

“คุณพ่อเป็นคนที่เข้มงวดนิดหนึ่ง ใจร้อน ชอบสอนลูกให้รู้จักตั้งเป้าหมาย ส่วนคุณแม่เป็นคนใจเย็น และคอยบอกลูกว่า อย่าลืมเอ็นจอยกับระหว่างทางด้วย สำหรับตุ๊กได้ความเป็นพ่อมาเยอะกว่า จึงเป็นคนที่ถ้าคิดจะทำอะไร ก็จะตั้งเป้าหมายไว้ก่อน เพราะพอมีเป้าหมาย เราก็จะรู้ว่าต้องทำยังไงให้ไปถึงจุดนั้น

“อย่างการเลี้ยงลูก ตุ๊กมีนิสัยเหมือนคุณพ่อมากกว่า คือมองที่จุดหมายเยอะไปหน่อย จนบางทีต้องเตือนตัวเองว่าให้น้อยลงหน่อย อย่างจิน (ลูกสาวคนโต) ที่ชอบวาดรูปมาก และเขาบอกเราบ่อยว่าอยากโตไปเป็นอะไร ตุ๊กก็จะตั้งเป้าหมายไว้แล้วว่า จะทำอะไรเพื่อซัพพอร์ตเขาให้ไปถึงจุดนั้นได้บ้าง แต่พี่เหว่ง (สามี) จะเหมือนคุณแม่ เขายังเคยบอกเราเลยว่า ไร้สาระบ้างก็ได้ รีแล็กซ์บ้างก็ได้ ไม่ต้องตึงมาก ซึ่งนั่นทำให้ตุ๊กรีแล็กซ์มากขึ้น”

จากที่ทำงานด้านกราฟิกดีไซน์อยู่ อะไรคือจุดเริ่มต้นในการทำเพจ Little Monster

“เพจ Little Monster เกิดจากการที่ตุ๊กมีภาวะซึมเศร้าหลังคลอด คุณหมอจึงแนะนำให้ลองทำอะไรที่ช่วยให้เรารู้สึกผ่อนคลายและมีความสุข ซึ่งตุ๊กชอบงานด้านกราฟิก ชอบใช้เครื่องมือกราฟิกวาดการ์ตูน และชอบเขียน ก่อนทำเพจ ตุ๊กเป็นคนที่ชอบพิมพ์สเตตัสยาวๆ เล่าเรื่องในมุมตลก พอเกิดภาวะนั้นจึงอยากกลับไปทำในสิ่งที่ชอบ

“การตั้งเพจเป็นการบำบัดตุ๊กให้ดีขึ้น เพราะได้แชร์ประสบการณ์ส่วนตัวในเวอร์ชั่นการ์ตูน ซึ่งสะท้อนอารมณ์ตอนนั้นของเราได้ แล้วพอพี่เหว่งมาอ่านหรือมาดูการ์ตูน เขาก็เข้าใจความรู้สึกของเรามากขึ้น บวกกับทำให้ตุ๊กมีอะไรทำมากขึ้น เพราะส่วนตัวเป็นคนชอบทำงาน ไม่ชอบอยู่ว่าง”

ก่อนหน้านี้วางแผนเรื่องการมีลูกไว้อย่างไรบ้าง

“เราไม่ได้มีแพลนอะไรเลย ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ คิดว่าถ้าปล่อยแล้วไม่มีก็ไม่เป็นไร อีกอย่างคือตุ๊กสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง พี่เหว่งเลยบอกว่า ไม่มีก็ไม่เป็นไร เราซะอีกที่เป็นคนบิลด์ว่า ถ้าตุ๊กเป็นแม่ ตุ๊กว่าตัวเองเป็นแม่ที่ดีได้นะ โชคดีว่าหลังจากแต่งงานยังไม่ครบปี น่าจะประมาณ 8 เดือน ก็มีเลย”

อยากมีลูกทั้งคู่เลยไหมคะ    

“ตุ๊กรู้นิสัยพี่เหว่ง และรู้อยู่แล้วว่าทางฝ่ายแม่เขาอยากเลี้ยงหลาน แต่เขาไม่เคยกดดันเรานะ เขาอยากมีลูก แต่ก็จะพูดตลอดว่ายังไม่ใช่ตอนนี้ เพราะตอนนั้นบริษัทเขามีปัญหาเรื่องการลงทุนเยอะ แล้วเราก็ไม่ได้มีเงินเยอะ ตอนที่รู้ว่าท้อง เขาไม่ยอมบอกเราด้วยซ้ำว่าเขามีเงินในบัญชีไม่ถึงห้าหมื่น ซึ่งไม่พอค่าทำคลอดอยู่แล้ว เขาใช้วิธีไปยืมเงินแม่เขามาเพื่อเป็นค่าทำคลอดให้เรา ตัวตุ๊กเองตอนนั้นก็ไม่ได้ทำงานแล้ว เพราะแพ้ท้องหนักและนานถึง 5 เดือน

“เอาเป็นว่า ณ ตอนนั้นเราไม่มีความพร้อมใดๆ เลย แต่ก็กัดฟันกันไป เขาก็ตั้งใจทำงานหาเงิน ส่วนเราที่ไม่รู้ว่ามีปัญหา พอคลอดลูกก็มีความคิดว่า อีกสักพักหนึ่งจะกลับไปรับงานฟรีแลนซ์กราฟิกแล้ว จะได้ช่วยเขาหาเงิน”

ความรู้สึกตอนมีภาวะซึมเศร้าหลังคลอดแย่ขนาดไหนคะ

“ด้วยความที่เราไม่เคยเป็นแม่มาก่อนจึงมีแรงกดดันมาก ทั้งกดดันตัวเอง และแรงกดดันจากคนรอบข้าง ว่าการเป็นแม่ที่ดีต้องเป็นยังไง ตุ๊กมีความคิดและความเข้าใจในหัวว่า การเป็นแม่ที่ดีต้องทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้ลูก ต้องไม่ทำงาน ต้องโฟกัสแต่ลูก ต้องเลี้ยงลูกเอง ต้องให้นมแม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ รวมถึงการไม่ได้ทำในสิ่งที่เคยทำ ทำให้ปรับชีวิตตอนนั้นในฐานะแม่ไม่ได้ เลยยิ่งซึมเศร้ามากขึ้น

“ช่วงที่เป็นหนักๆ บรรยากาศเหมือนก่อนฝนตก พอลืมตาก็รู้สึกว่าไม่อยากตื่น คิดแค่ว่าจะผ่านแต่ละวันไปยังไงให้ตัวเองโอเค เพราะตอนนั้นเราไม่ได้รู้สึกว่าชีวิตมันน่าอยู่ ในแต่ละวันตุ๊กก็ให้นมลูกตามปกติ แต่รู้สึกอยากนอนทั้งวัน อยากนอนจนจบวัน เพื่อจะได้ไม่มีเวลาคิดหรือทำอะไร

“แล้วทั้งๆ ที่จินไม่ได้เป็นเด็กเลี้ยงยากเลย แต่เรามีความรู้สึกผิดตลอดเวลาว่า แม่ที่ดีต้องเป็นอย่างนี้สิ แม่ที่ดีต้องอุ้มลูกแล้วยิ้ม แม่ที่ดีต้องอาบน้ำให้ลูกคล่อง แม่ที่ดีต้องมีนมให้ลูกเยอะๆ ซึ่งเราไม่เป็นแบบนั้นเลย ไม่รู้สึกแม้กระทั่งอยากจะอุ้มเขา ครั้งหนึ่งตอนอุ้มเขา เรามองหน้าเขาแล้วก็ร้องไห้ ความรู้สึกคือทำไมมันเศร้าจัง ทำไมไม่มีความสุขเลย”

รู้สึกแบบนั้นอยู่นานไหมคะ

“ตอนนั้นไม่ได้จำว่านานแค่ไหน แต่รู้แค่ว่าวันที่ตุ๊กพาจินออกไปข้างนอกสองคนได้โดยที่ไม่กลัว นั่นคือรู้สึกว่าดีขึ้นแล้ว จำได้ว่าช่วงนั้นเราอยู่กันที่คอนโด ถ้าไม่นับออกไปฉีดวัคซีน ตุ๊กจะไม่ไปไหนกับลูกตามลำพังโดยเด็ดขาด เพราะกลัวการออกไปข้างนอก กลัวคน กลัวว่าถ้าลูกร้องไห้แล้วเราหยุดลูกไม่ได้ ถ้าคนมองเราจะทำยังไง คิดแบบนี้วนไปเรื่อยๆ แล้วหยุดคิดเองไม่ได้ด้วย ก็ไม่ออกไปดีกว่า”

แล้วจัดการกับภาวะซึมเศร้าหลังคลอดอย่างไรบ้าง

“ตอนนั้นตุ๊กรู้อยู่แล้วว่าตัวเองไม่ปกติ และคิดว่าต้องทำอะไรสักอย่างให้ไม่เป็นอย่างนี้ ปกติเป็นคนที่ชอบเสิร์ชข้อมูล ก็จะรู้ว่ามีภาวะแบบนี้หลังคลอด แต่ไม่รู้ละเอียดและไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเอง จึงไปปรึกษาคุณหมอ เพื่อจะได้รู้แนวทางแก้ไขให้ผ่านพ้นไปได้ดีกว่านี้ เพราะเราไม่อยากเป็นอย่างนี้ตลอดไป

“บวกกับนิสัยที่เป็นคนชอบตั้งเป้าหมาย ก็เลยตั้งเป้าไว้ว่า ฉันจะทำยังไงก็ได้เพื่อให้หาย ซึ่งจริงๆ แล้วภาวะซึมเศร้ามีหลายระดับ แต่ละคนก็จะมีแนวทางการรักษาไม่เหมือนกัน แต่ไม่ว่าจะอยู่ในภาวะไหน การปรึกษาหมอดีที่สุด ในเคสของตุ๊ก คุณหมอแนะนำให้หาอะไรทำเพื่อให้ชีวิตสมดุล เพราะชีวิตใหม่ในฐานะแม่ของตุ๊กสุดโต่งมาก ตอนนั้นเรามีความคิดที่ว่า แม่ที่ดีต้องไม่ทำงาน ต้องเลี้ยงลูกอย่างเดียว แต่พื้นนิสัยของเรารักการทำงานมาก พอตัดไปหมด ชีวิตเลยหลุดบาลานซ์ ตอนนั้นตุ๊กจึงเริ่มหากิจกรรมทำ ออกไปนอกบ้านบ้าง คุยกับคนบ้าง บวกกับพอเรารู้สึกว่าตัวเองเลี้ยงลูกได้ดีขึ้น เหมือนรู้ใจลูกมากขึ้น ดูออกแล้วว่าลูกร้องทำไม ความกลัวต่างๆ น้อยลง และอาจจะด้วยภาวะฮอร์โมนที่ดีขึ้น หลายๆ อย่างก็เลยดีขึ้นตามลำดับ”

ภาวะซึมเศร้าหลังคลอดส่งผลกระทบต่อลูกไหมคะ

“ผลกระทบต่อลูกตอนนั้นไม่เห็น เพราะเขาเด็กมาก เขาไม่รู้หรอกว่าเราเศร้า แต่คนที่กระทบมากที่สุดน่าจะเป็นพี่เหว่ง เพราะเขาอยู่กับเราตลอด เวลาพี่เหว่งเห็นเรารู้สึกแย่ เขาจะดูเศร้าๆ จุดที่แย่ที่สุดคือวันที่เรานั่งให้นมลูกแล้วเหม่อมองไปข้างนอก พี่เหว่งก็พูดอะไรสักอย่างขึ้นมา แต่เราไม่ได้ยิน เหมือนเข้าหูซ้ายออกหูขวา เขาพูดอยู่นานจนต้องพูดเสียงดังขึ้น เราถึงจะได้ยิน เขาเลยถามเราว่า ตุ๊กไม่ได้ยินที่พี่พูดเลยหรอ สีหน้าเหมือนจะร้องไห้ แล้วก็ถามเราประมาณว่า เมื่อไหร่ตุ๊กจะกลับมา พอเราได้ยินแบบนั้นก็ร้องไห้เลย เพราะเรารู้สึกว่านี่ไม่ใช่ตัวเอง และเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำยังไงให้เราคนเดิมกลับมา”

กำลังใจสำคัญที่ทำให้หายจากภาวะซึมเศร้าหลังคลอดได้คือ…

“สิ่งที่ช่วยให้ผ่านมาได้คือครอบครัวล้วนๆ พี่เหว่ง พ่อแม่ อย่างคุณพ่อถึงจะไม่เข้าใจว่ามีโรคแบบนี้ด้วยหรอ แต่เขาก็ไม่ได้ตัดสินว่าเราผิด ส่วนคุณแม่แม้จะไม่เข้าใจ แต่ด้วยความที่เป็นแม่เหมือนกัน เขาก็จะดูแลเราอย่างดี ดีกว่าตอนที่เราเป็นเด็กอีก เพราะเขารู้ว่าเราแย่ เลยทำทุกทางให้เราดีขึ้น ตอนนั้นเขาอายุ 60 กว่าแล้ว แต่ก็ยังนั่งรถมาหาเรา ทำอาหารให้เรา ดูหลานให้เราได้นอน ส่วนพี่เหว่งที่งานเยอะมาก ก็พยายามกลับบ้านเร็วเพื่อเรา เพราะเขารู้ว่าถ้าปล่อยเราไว้คนเดียวนานๆ ไม่น่าจะดี ทั้งหมดนี้ทำให้คิดได้ว่า เพราะครอบครัวที่ทำให้ตุ๊กผ่านมาได้”

มาถึงตอนนี้ คิดว่าตัวเองเป็นแม่แบบไหนคะ

“ถ้าไม่นับที่คนอื่นมองเราจากสื่อนะ ตัวตนของตุ๊กเป็นคุณแม่ที่ชอบทำงาน ไม่อยู่นิ่ง ส่วนนิสัยเป็นคนใจร้อน ดุ แต่ก็จะมีมุมที่เล่นกับลูกแบบสนุกสนาน ที่น่าแปลกคือคนอื่นจะชอบถามเราว่า โกรธเป็นไหม เพราะดูเป็นคนใจเย็นมาก แต่จริงๆ แล้วเป็นคนใจร้อน พี่เหว่งจะใจเย็นกว่า

“ตุ๊กมองตัวเองแบบนั้น แต่การมีลูกหนึ่งคนกับสองคนก็ต่างกันนะ เพราะการมีลูกสองคนช่วยเปลี่ยนนิสัยเราไปเยอะเลย จากที่เคยใจร้อนมากหรือชอบทำงาน ถ้าไม่ได้ทำงานจะหงุดหงิด แต่พอมีลูกสองคน ถ้าลูกอยากเล่นกับเรา แล้วเราทำงานไม่ได้ ก็จะหงุดหงิดน้อยลง พออายุมากขึ้นและมีลูกสองคนทำให้รู้สึกปล่อยวางหลายๆ อย่างได้ง่ายมากขึ้น มีความใจเย็นมากขึ้น มองชีวิตกลางๆ ไม่สุขมากหรือทุกข์มาก”มีแนวทางการเลี้ยงลูกอย่างไรบ้าง

“คำถามนี้โดนถามบ่อยมาก ซึ่งตุ๊กไม่ได้มีแนวทางการเลี้ยงลูกที่ชัดเจนว่านี่คือแนวทางของฉัน แต่จะชอบแนวทางบางอย่างที่เอาไปใช้กับการเลี้ยงลูกของเราได้ เช่น การเลี้ยงลูกเชิงบวก การเลี้ยงลูกแนวนพลักษณ์ ตามบุคลิกหรือตัวตนของเรากับลูก เพราะทำให้เข้าใจตัวเราเองและตัวลูกมากขึ้น ไม่กดดันหรือเครียดมากเกินไป ส่วนการเลี้ยงลูกเชิงบวกทำให้เราสอนเขาง่าย ไม่ต้องสอนด้วยการดุ แต่สอนให้เขาเข้าใจและรู้สึกดีกับสิ่งที่ทำ จนเขาทำเพิ่มมากขึ้นเอง

“มีคนอินบ็อกซ์มาเยอะมากๆ ว่าอยากรู้แนวทางการเลี้ยงลูกของเรา เพราะเขาเห็นเราเลี้ยงลูก แล้วลูกดูมีความสุข ดูว่าง่าย แต่ตุ๊กอยากบอกว่า สิ่งที่เห็นก็แค่ด้านเดียว คุณไม่ได้เห็นบางด้านที่เป็นด้านลบของเรา เพราะเราไม่สามารถเอาทุกมุมของชีวิตครอบครัวมาตีแผ่ได้หมด”

ชีวิตจริงกับเรื่องราวที่สื่อสารออกไปบนโลกโซเชียล เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไรบ้าง

“สิ่งที่เห็นตามสื่อกับตัวตนของครอบครัวเราคือเหมือนกันเลย คลิปวิดีโอหรือสิ่งต่างๆ ที่เห็นไม่มีการแสดงละครหรือเฟค นั่นคือชีวิตของครอบครัวเราจริงๆ แต่เป็นแค่ด้านเดียว ตุ๊กจึงไม่แปลกใจที่หลายคนจะเข้าใจว่าครอบครัวเรามีแต่ความสุข เพราะเรานำเสนอแต่ความสุข

“แต่ความจริงคือทะเลาะกันก็มี พี่น้องทะเลาะกันมีทุกวัน ตุ๊กทะเลาะกับพี่เหว่งก็มี แต่เขาไม่เห็น เพราะคงแปลกถ้าเราตั้งกล้องถ่าย หรือถึงจะถ่ายได้ เราก็ไม่อยากนำเสนอมุมนั้น เพราะวันหนึ่งที่ลูกโตขึ้น เราไม่อยากให้เขาเห็น คือลูกรู้อยู่แล้วแหละว่าครอบครัวเรามีมุมนั้น  แต่ไม่จำเป็นที่จะต้องไปเตือนความทรงจำเขาว่าครอบครัวเรามีด้านนี้ เพื่อทำให้ใครๆ รู้ว่าครอบครัวเรามีทุกด้าน”ปัญหาหนักที่สุดในการเลี้ยงลูกคืออะไร

“ไม่มีปัญหาใหญ่ที่สุดในการเลี้ยงลูกนะ ไม่มีเลย แต่มีปัญหาใหญ่ที่กระทบทั้งเราและลูก ซึ่งหลักๆ เป็นปัญหาของตัวพ่อแม่ อย่างถ้าพี่เหว่งเกิดภาวะเครียด เพราะเขาทำงานหนักมากๆ บวกกับความกดดันที่คนอื่นมองว่าเขาเป็นคนตลก แต่จริงๆ แล้วเขาไม่ได้เป็นคนตลกตลอดเวลา เขามีภาวะความกดดันในฐานะหัวหน้าครอบครัว หรือเครียดกับบริษัทที่เพิ่งก่อตั้ง ซึ่งเมื่อไหร่ที่เขาเครียด คนที่ได้รับผลกระทบโดยตรงคือเรา เพราะเราก็ไม่อยากให้เขาเครียด ไม่อยากให้ครอบครัวอึมครึม ยิ่งถ้าเขาเครียดแล้วเราเครียดตาม ความเครียดของเราก็จะตกไปถึงลูกด้วย ซึ่งไม่ดีกับตัวลูก และต้องได้รับการแก้ไขอย่างรวดเร็ว”

แล้วมีวิธีแก้ไขอย่างไรคะ

“อย่างพี่เหว่ง ตุ๊กจะเตือนเขาเลยว่าตอนนี้ดูเครียดนะ และด้วยความที่เราเปิดรับทุกอย่างอยู่แล้ว ก็จะแนะนำให้เขาไปพบจิตแพทย์ โดยเรามองว่าเป็นเรื่องปกติมาก เพราะการไปปรึกษาคุณหมอช่วยทำให้รู้ว่าจะจัดการกับความเครียดยังไง ซึ่งเขาไปแล้วก็ดีขึ้น เขาจัดการกับอารมณ์และปัญหาได้ดีขึ้น พอเขาโอเค เราก็โอเค ก็ไม่กระทบกับลูก”

เห็นลูกๆ พูดภาษาอังกฤษกันเก่งมาก มีวิธีสอนอย่างไรบ้าง

“อย่างที่บอกไปแล้วว่าตุ๊กเป็นคนชอบตั้งเป้าหมาย จึงตั้งใจว่าอยากให้ลูกพูดภาษาอังกฤษได้ก่อนเข้าโรงเรียน เพราะตอนนั้นเราไม่แน่ใจว่าโรงเรียนที่เหมาะกับเขาและใกล้บ้านที่สุดจะเป็นโรงเรียนแบบไหน โรงเรียนสองภาษา โรงเรียนอินเตอร์ หรือโรงเรียนไทย เราไม่รู้เลย รู้แค่ว่าอยากให้ลูกพูดภาษาอังกฤษได้ ไม่ว่าเขาจะเรียนโรงเรียนไหนก็ตาม

“ตอนนั้นจินอายุประมาณขวบกับ 7 เดือน ก็เลยเริ่มสอนเขาโดยที่ไม่ได้ศึกษาอะไรมาก แค่คิดว่าเราพูดภาษาอังกฤษได้ยังไง ก็เพราะเราไปอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่บังคับให้ต้องพูด เลยเรียนรู้ว่าถ้าจะให้ลูกพูดภาษาอังกฤษได้ ก็ต้องจัดสิ่งแวดล้อมให้เป็นภาษาอังกฤษ การ์ตูนภาษาอังกฤษ หนังสือนิทานภาษาอังกฤษ และเราพยายามพูดภาษาอังกฤษกับเขาบ่อยๆ แต่บางคำที่เรานึกภาษาอังกฤษไม่ออก ก็โน้ตไว้แล้วไปหามาพูดกับเขาอีกที”ถ้าในอนาคตลูกๆ ไม่อยากเป็นคนที่มีชื่อเสียงบนโลกโซเชียล คิดว่าจะทำอย่างไร

“คงต้องมาคุยกันก่อนว่า ณ วันนี้เขาเป็นที่รู้จักแล้ว หากจะย้อนให้คนไม่รู้จักเขาเลยคงเป็นไปไม่ได้  แต่ถ้าวันหนึ่งเขามาบอกเราว่า หนูไม่อยากทำแล้ว เราก็มีทางเลือกให้เขาอยู่แล้ว ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันนี้แล้วด้วย ไม่ใช่ว่าต้องรอวันนั้น

“ยกตัวอย่างจิน มีครั้งหนึ่งที่เราทั้งครอบครัวต้องไปงานรับรางวัลงานหนึ่ง ซึ่งเรารู้เลยว่าต้องมีคนถ่ายรูปเยอะมาก สัมภาษณ์เยอะมาก แล้วจินต้องโดนสัมภาษณ์แน่ๆ แต่อย่างเรนนี่ (ลูกสาวคนเล็ก) ไม่เป็นไร เพราะตอนนี้เราอุ้มเขาไปไหนก็ได้ที่เขารู้สึกแฮ็ปปี้ แต่ตุ๊กรู้นิสัยจิน เลยถามเขาว่าอยากไปไหม เขาก็ถามกลับว่าเป็นงานแบบไหน เราก็เปิดรูปให้ดูและอธิบายให้ฟังว่าเขาต้องเจออะไรบ้าง สุดท้ายเขาบอกว่าไม่ไป เราก็โอเค ไม่ไปก็ไม่ไป เพราะเราให้โอกาสเขาได้เลือกเสมอ”

ตั้งแต่ทำเพจ Little Monster มา เจอดราม่าหนักที่สุดคือเรื่องอะไร

“ต้องบอกก่อนว่าตุ๊กไม่เคยเจอดราม่าใหญ่ขนาดนี้มาก่อน ใหญ่ในที่นี้คือไม่ได้มาแค่ช่องทางเดียว ซึ่งโดยปกติก็เคยเกิดดราม่าที่เพจเราอยู่ แต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่สะเทือนความเป็นแม่ของเราได้เท่าครั้งนี้ เป็นดราม่าครั้งล่าสุดที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นานนี้เอง

“เรื่องเริ่มจากว่าตุ๊กเขียนบทความหนึ่ง เพื่อสื่อสารว่าการที่เราเลี้ยงดูลูกแต่ละคนในวัยที่ต่างกันไม่เหมือนกัน อาจทำให้ลูกเข้าใจผิดว่าเราให้ความรักลูกแต่ละคนไม่เท่ากันก็ได้ ซึ่งตุ๊กไม่ได้จะสื่อสารว่ารักลูกคนนี้มากกว่าคนนี้ แต่ก็มีบางคนไปแชร์ต่อ และตั้งสเตตัสในทำนองว่า “แม่ที่รักลูกเท่ากันไม่มีอยู่จริง” จนกลายเป็นกระแสดราม่าขึ้นมา ถึงขั้นที่มีคนบอกว่าจินน่าสงสาร หรือแทบไม่ได้เห็นจินในเพจแล้ว ซึ่งเรารู้ว่าทำไมเขาถึงเข้าใจแบบนั้น เพราะเราเปิดโอกาสให้ลูกได้เลือกว่าอยากทำอะไรหรือไม่อยากทำอะไร เราไม่อยากบังคับลูกมาถ่ายคลิป ดังนั้นการที่จินไม่ถ่ายคลิปหรือออกมาในคลิปน้อย ก็เป็นเพราะการตัดสินใจของเขา แต่คนอื่นไม่รู้ ทำให้คิดไปว่าเราให้ความสำคัญกับเรนนี่มากกว่า

“ดราม่าแรงขึ้นทั้งในทวิตเตอร์และไอจี ถึงขนาดมีคนแคปรูปจิน หรือแคปโมเม้นต์ของจินในคลิป แล้วเอามาวิเคราะห์ว่าเด็กคนนี้ซึมเศร้าอยู่ บางคนก็ห่วงใย ส่งเบอร์จิตแพทย์มาให้ ตอนนั้นเราไม่ได้ตกใจอะไร เพราะทำงานตรงนี้ก็ปรึกษาจิตแพทย์เด็กอยู่แล้ว ว่าการเลี้ยงลูกบนสื่อโซเชียลต้องทำยังไงให้ถูกต้อง แต่สิ่งที่สะเทือนความเป็นแม่ของเรามาก คือเขาตัดสินเราไปแล้วว่าเราเป็นแม่ที่รักลูกไม่เท่ากัน และจินน่าสงสาร ซึ่งไม่จำเป็นว่าต้องเป็นตุ๊กหรอกที่โดนว่าแบบนี้แล้วจะสะเทือนใจ  แม่ทั่วไป ถ้ามีคนสักสองสามคนมาว่าแบบนี้ก็สะเทือนแล้วนะ แต่ของเรามีเป็นพันๆ คนที่ทั้งคอมเม้นต์ อินบ็อกซ์ แชร์ ทั้งในเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ไอจี เรียกว่าเข้ามาทุกทาง แล้วตุ๊กเป็นคนที่ต้องอ่านทุกคอมเม้นต์ ซึ่งก็มีคนเตือนว่าอย่าอ่านทั้งหมด เพราะมันจะบั่นทอน แต่เราก็ไม่ได้ ต้องอ่านทุกอย่าง เพื่อวันหนึ่งที่ลูกโตขึ้นแล้วเขามาอ่าน เราจะได้ตอบเหตุผลเขาได้หมด”

แล้วผ่านดราม่านั้นมาได้อย่างไรคะ

“ตุ๊กร้องไห้เพราะเรื่องนี้ในวันแรกๆ ที่รู้สึกว่าดราม่าแรงขึ้นเรื่อยๆ ตอนแรกคิดแบบลวกๆ เลยว่าจะเลิกทำเพจดีไหม เพราะกลัวจะส่งผลกระทบต่อลูก แต่พอผ่านไปสักสามสี่วัน เราได้ตกตะกอนความคิดและอารมณ์มากขึ้น ก็คิดได้ว่าคนที่กระทบไม่ใช่ลูก เขายังใช้ชีวิตแบบมีความสุขได้ตามปกติ แต่คนที่กระทบที่สุดคือเราเอง ซึ่งการเลิกทำเพจเป็นการหนี และตุ๊กมองว่าถ้าเรารับไม่ได้กับดราม่าแบบนี้ แล้วเราจะแนะนำลูกได้ยังไงในวันที่เขาโตขึ้นแล้วต้องเจอดราม่าหนักๆ

“มาถึงวันนี้แล้ว พอมองย้อนกลับไปในวันที่เกิดดราม่าขึ้น ตุ๊กรู้สึกโอเคและดีใจที่เกิดดราม่าครั้งนั้น เพราะทำให้เราได้มองโลกโซเชียลอีกด้านหนึ่ง ได้เห็นความน่ากลัว แต่ในความน่ากลัวนั้นก็ทำให้เราแข็งแรงขึ้น และทำให้คิดได้ว่า คนข้างนอกจะพูดยังไง ก็ไม่สำคัญเท่ากับคนข้างในที่เข้าใจกัน เพราะเราห้ามคนอื่นมาตัดสินเราหรือครอบครัวเราไม่ได้ แต่ถ้าครอบครัวเราแข็งแรง เราก็แข็งแรง และรับมือกับทุกปัญหาได้”

มาถึงวันนี้ที่ผ่านหลากหลายเรื่องราวมาได้ จนประสบความสำเร็จทั้งในฐานะแม่และการทำงาน รู้สึกอย่างไรบ้างคะ 

“รู้สึกขอบคุณหลายๆ คน ขอบคุณครอบครัว รวมไปถึงลูกเพจที่ทำให้เรามีวันนี้ เพราะหลายๆ อย่างเกิดขึ้นและแตกยอดมาจาก Little Monster ซึ่งจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยถ้าไม่มีการสนับสนุนจากลูกเพจของเรา ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็จะงงๆ ว่ามาถึงจุดนี้ได้ยังไง แต่พอทำเพจมา 6 ปี ก็เข้าใจว่าหลายๆ อย่างขึ้นอยู่กับความถูกที่ถูกเวลาและความพยายามด้วย ตุ๊กรู้สึกขอบคุณทุกคนที่ทำให้เรามีวันนี้ได้” (ยิ้ม)

ขอบคุณตัวเองด้วยไหมคะ

“ลืม (หัวเราะ) เราไม่เคยขอบคุณตัวเองเลยเนอะ แต่ส่วนใหญ่จะให้กำลังใจตัวเองมากกว่า เพราะกว่าจะเป็นเพจ กว่าจะเป็นคลิป กว่าจะเป็นอนิเมชั่น ต้องผ่านอะไรมาเยอะ ผ่านการกลั่นกรองในการคิดเยอะมาก ยิ่งการทำงานร่วมกับเด็ก เราต้องทำให้เขาไม่กดดัน ทำให้เขารู้สึกว่าไม่ใช่งาน และทำให้ลูกค้าแฮ็ปปี้ด้วย บวกกับทุกงานที่รับมา เราใช้จริง เราอยู่จริง จึงไม่ได้คิดแค่ว่าทำแล้วรับตังค์แล้วก็จบ แต่เราคิดต่อว่าจะทำอะไรได้บ้างที่เกิดประโยชน์ต่อทุกคนด้วย 

“ตุ๊กรู้สึกขอบคุณมากๆ ทุกครั้งที่เวลาเรามีคลิป ไม่ว่าจะเป็นงานสปอนเซอร์หรืองานของเราเอง แล้วได้รับอินบ็อกซ์เข้ามาเสมอๆ ว่า ขอบคุณที่ทำมันขึ้นมา และไม่ใช่น้อยเลยที่บอกว่า เขาดีขึ้นจากโรคซึมเศร้าเพราะคลิปของครอบครัวเรา

“บางคนบอกว่าเขาหยุดยาแล้วเพราะจินกับเรนนี่ ตุ๊กดีใจมาก ถึงขั้นหันไปบอกลูกว่า เราได้บุญนะเนี่ย ซึ่งแน่นอนว่าเขายังไม่เข้าใจหรอก แต่ตุ๊กก็ยังอยากแชร์ความรู้สึกดีๆ กับเขา  เพราะเรารู้สึกดีมากจริงๆ”


สัมภาษณ์/เรียบเรียง : อรจิรา ยิ้มอยู่

ภาพ : จักรพงษ์ นุตาลัย

"ชนัดดา จิราธิวัฒน์

เปิดเคล็ดลับสตั๊ฟฟ์ความงาม “ชนัดดา จิราธิวัฒน์” คุณแม่หนุ่มฮ็อต พีช พชร

Alternative Textaccount_circle
"ชนัดดา จิราธิวัฒน์
"ชนัดดา จิราธิวัฒน์

นี่แม่นะคะ ไม่ใช่พี่สาว!! เปิดวาร์ปเคล็ดลับกระชากวัย คุณแม่ส้ม “ชนัดดา จิราธิวัฒน์” สวยแซ่บ หุ่นดี แถมอ่อนกว่าวัยสมกับเป็นคุณแม่ของหนุ่มฮ็อต “พีช พชร” ที่นาทีนี้เนื้อหอมมากเป็นพิเศษ สาวๆ ทั่วประเทศอยากสมัครเป็นลูกสะใภ้คุณแม่กันถ้วนหน้า ล่าสุด คุณแม่ส้มได้ได้ถ่ายเซลฟี่กับลูกชายหัวแก้วหัวแหวน พร้อมข้อความ “มีไหล่เอาไว้ให้ซบ #ขออนุญาตfcนะคะ” เรียกได้ว่าคุณแม่คนสวยถือเป็นหนึ่งในกำลังใจสำคัญของหนุ่มพีชมากเลยทีเดียว

เปิดเคล็ดลับสตั๊ฟฟ์ความงาม “ชนัดดา จิราธิวัฒน์” คุณแม่หนุ่มฮ็อต พีช พชร

และด้วยความเป็นคุณแม่ลูกสามแล้ว แต่ยังคงสตั๊ฟฟ์ความสวยกระชากวัย และรักษาหุ่นได้เป็นอย่างดีไม่มีเปลี่ยนแปลง แม้ว่านอกจากบทบาทการเป็นคุณแม่ของลูกๆ แล้ว ยังควบบทบาทเวิร์คกิ้งวูเมนดูแลหลายธุรกิจอีก อาทิ การบริหารในเครือเซ็นทรัล แผนกจัดซื้อ ,ร้านซักแห้ง Wash Me และร้านเพชร Diamond Today แต่ถึงยุ่งแค่ไหนก็มีเวลาดูแลตัวเอง แพรวดอทคอม จึงขอล้วงเคล็ดลับเด็ดจากคุณแม่ส้มมาฝากค่ะ

เริ่มจากการมีวินัยในทุกๆ วัน คุณแม่ส้มจะขยันเข้าฟิตเนสออกกำลังกาย ทั้งวิ่ง ยกน้ำหนัก ปั่นจักรยาน สลับกันไปให้หุ่นฟิตและเฟิร์มอยู่เสมอ ส่วนเคล็ดลับที่ทำให้ดูอ่อนกว่าวัยก็คือ การเลือกทานอาหาร อย่างในตอนเช้าจะเลือกทานอะไรเบาๆ คู่กับกาแฟ ส่วนตอนกลางวันจะเป็นมื้อหนัก ทานได้เยอะขึ้นมาหน่อย และส่วนตอนเย็นจะไม่ทานเลย เน้นออกกำลังกาย โดยจะเล่นพิลาทิส และโยคะ บางครั้งอาจมีเข้ายิมบ้างสลับกันไป ซึ่งพอได้ออกกำลังกายก็จะรู้สึกว่าแข็งแรงขึ้น เพราะเมื่อก่อนเป็นคนเหนื่อยง่าย แค่ยกของหนักหรือเดินช็อปปิ้งนิดหน่อย ก็ปวดหลัง ปวดขา ปวดแขน ปวดตรงนั้นตรงนี้บ่อยๆ จนต้องไปทำกายภาพบำบัด แต่เดี๋ยวนี้แข็งแรงมากขึ้น เดินทนและอึดขึ้น ถือเป็นข้อดีของการชอบออกกำลังกายเลย นอกจากจะได้หุ่นที่เป๊ะขึ้นแล้ว ยังรู้สึกแข็งแรงและทะมัดทะแมงขึ้นอีกด้วย

 


ภาพ IG : somchanadda

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

หน้ายังเด็กแม้ 37 แล้วก็ตาม “ซงฮเยคโย” กับ 5 ข้อเคล็ดลับความงามที่ทำประจำ

แทบแยกไม่ออก! เทียบภาพ “มาดามแป้ง” ย้อนหลัง 31 ปี สวยตะลึงไม่มีเปลี่ยน

คนเรียกพี่ว่าน้อง “ต่าย เพ็ญพักตร์” เปิดเคล็ดลับสวยไม่สร่างในวัย 58 กะรัต

ชอบกินจั๊งค์ฟู้ดจนเผละ! คุณแม่วัย 51 กะรัต หันมาฟิตร่างเป๊ะไม่ต่างจากตอนสาวๆ

นกสวยไหมคะพี่ตา! แกะทริคหุ่นเป๊ะ “จอย-ชลธิชา” นางร้ายสายแบ๊ว

41 กะรัตยังเป๊ะ! แถมดูเด็กโกงอายุ “จอย ศิริลักษณ์” กับเคล็ดลับผิวใส หุ่นเซี๊ยะ

มาไกลหรือสวยไม่เปลี่ยน! เหล่าคนดังร่วมเทรนด์ฮิต ขุดรูป 10 Year Challenge

ยืนหนึ่งเรื่องผิวสวย! ลียองเอ แห่งแดจังกึม 47 ปีแล้ว แต่ยังสวยอมตะหน้าเด็กไม่มีเปลี่ยน

เป๊ะไม่เปลี่ยน! “นัท มีเรีย” สวยคมเข้ม ผิวดี หุ่นฟิตเปรี๊ยะตลอดกาล

สวยไม่ศัลยฯ นางเอกตลอดกาล “กบ – สุวนันท์” กับที่มาความผิวดี หุ่นเป๊ะไม่มีเปลี่ยน

เรื่องวัยไม่ใช่ปัญหา! เปิดสูตรสวยโกงอายุของ 5 คนดังรุ่นใหญ่

ผิวสวยสมวัยไม่ยาก! แชร์ทริคดูแลผิวให้ถูกวิธีตามช่วงอายุระหว่าง 20-50 ปี

สวยไม่สร่าง ดูดีไม่เปลี่ยน “แหม่ม – คัทลียา” แนะเคล็ดลับหน้าเด็กกว่าอายุจริง

เคล็ดลับสุขภาพดีง่ายๆ สไตล์ “ต้อม – พลวัฒน์” อายุ 55 ปีแต่ยังแข็งแรงเหมือนเดิม

“ทรงผมโป่ง” ที่ “เจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี” ทำ เป็นทรงผมนิยมในสมัยร.๖

ส่องลุคไร้เครา “คีอานู รีฟส์” ยังคงเท่และหล่อบาดใจไม่มีเปลี่ยน

งามอย่างไทย “มาดามแป้ง” ดูอ่อนกว่าวัย เวลาทำอะไรไม่ได้จริงๆ

5 ทิปส์ผิวสวยดูเด็กกว่าวัยของมาดามแป้ง “นวลพรรณ ล่ำซำ” ทำได้ไม่ยาก

เราต้องดูอ่อนกว่าอายุ! แนะเทคโนโลยีผิวสวยสำหรับสาววัย 40+

งดงามดั่งนางในวรรณคดี “เบลล่า ราณี” ฟ้อนรำบวงสรวงหอแก้วมุกดาหาร

ทริคความงามที่ซ่อนอยู่ใน Apple Cider Vinegar ที่เหล่าคนดังทำเป็นประจำ

 

 

 

เบลล่า ลุคเซ็กซี่

สวยแซ่บยืนหนึ่ง! ‘เบลล่า-ราณี’ ไต่ระดับความเผ็ด เผยมุมเซ็กซี่

เบลล่า ลุคเซ็กซี่
เบลล่า ลุคเซ็กซี่

ดีกรีความแซ่บทวีคูณขึ้นทุกวัน สำหรับนางเอกตัวท็อป ‘เบลล่า-ราณี’ กับลุคเซ็กซี่อวดหุ่นสวย จนใครเห็นก็ต้องอิจฉา

ถ้าพูดถึงนางเอกรูปร่างดี หุ่นเฟิร์มก็ต้องนึกถึง เบลล่า-ราณี สาวสวยสายเฮลตี้ ที่ขยันออกกำลังกายอยู่ตลอดจนเป็นเจ้าของเอวเอส เรียกได้ว่าจากการออกกำลังกายอย่างหนักของสาวเบลล่าก็ทำให้เธอมีหน้าท้องสวยๆ ที่สามารถโชว์ได้อย่างมั่นใจ และช่วงนี้ก็ยิ่งเซ็กซี่ขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะออกงานอีเว้นท์ในเดรสไสต์เกาะอก ซีทรู หรือแหวกขา จะชุดไหนก็ช่วยเสริมให้หุ่นเฟิร์มๆ ของสาวเบลล่าสวยชวนมองและมีเสน่ห์มากขึ้นไปอีก

นอกจากนางเอกดังจะไต่ระดับความเผ็ดในการออกงานอีเว้นท์ต่างๆ แล้ว ลุคในวันสบายๆ วันพักผ่อนก็ไม่ใช่เล่นๆ ยิ่งตอนไปเที่ยวทะเลกับเดอะแก๊งยิ่งไม่ธรรมดา เพราะชุดว่ายน้ำถูกอัพบนอินสตาแกรมรัวๆ แต่ลุคที่ออกมาเป็นความเผ็ดแบบกำลังดี ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป ขอบอกว่าใครที่อยากสวยแซ่บและดูแพงสไตล์นางเอกก็ต้องแต่งแบบสาวเบลล่าเลยจ้า

สวยแซ่บยืนหนึ่ง! ‘เบลล่า-ราณี’ ไต่ระดับความเผ็ด เผยมุมเซ็กซี่

ตอนออกงานอีเว้นท์ว่าสวยเผ็ดแล้ว ลุควันพักผ่อนก็ไม่เบานะจ๊ะ มีความเซ็กซี่และอินเนอร์ดีมาก

ภาพลักษณ์นางเอกไม่จำเป็นต้องใสๆ แบ๊วๆ เพราะมาแนวสวยแซ่บก็ชนะใจแฟนคลับได้เหมือนกัน

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

สวยจนต้องโฟกัส! กระเป๋า Chanel โทนสี Ombre ของ ‘มิว-นิษฐา’

สื่อนอกเผย ตู้เสื้อผ้า ‘ดัชเชสเมแกน’ มีราคาสูงกว่าบ้านในสหราชอาณาจักรถึง 3 เท่า

ออร่าพุ่งมากแม่! ‘เจนี่’ สวยเปล่งปลั่ง อุ้มท้องโตออกงานอีเว้นท์

สนับสนุนเพื่อนซี้! รวมลุคสวยของ ‘ดัชเชสเมแกน’ ใส่เสื้อผ้าแบรนด์พระสหาย

สองไอเท็มที่ ‘ดัชเชสเมแกน’ ห้ามแพ็คใส่กระเป๋า เมื่อเดินทางกับควีนเอลิซาเบธที่ 2

ไอซ์​-อภิษฎา โชว์แหวนเพชรเม็ดโต หลังแฟนหนุ่มขอแต่งงาน

ราศีสะใภ้ใหญ่จับ ‘มิว-นิษฐา’ สวยออร่าพุ่ง หลังถูกขอแต่งงาน

ซื้อตามไม่ยาก!​ ชี้พิกัดกระเป๋า​ ‘แทยอน​ Girls’ Generation’ ดีไซน์น่ารัก​ ราคาน่าคบ

เพราะเหตุใด สุภาพสตรีในราชวงศ์อังกฤษ ไม่ถอดเสื้อคลุมในที่สาธารณะ

Lookbook ชิดซ้าย! ตั๊ก-บงกช สวยหรูในเดรส Versace หลักแสน

มนต์แห่งจันทรา จงสำแดงฤทธา ณ บัดนี้! Sailor Moon x O&B รองเท้าที่คุณต้องมี

แฟชั่นหลักแสนของ สตรีหมายเลข 1 ‘เมลาเนีย ทรัมป์’ เมื่อต้องเยือนฝรั่งเศส


ภาพ : IG@bellacampen

กระเป๋า มิว- นิษฐา Chanel

สวยจนต้องโฟกัส! กระเป๋า Chanel โทนสี Ombre ของ ‘มิว-นิษฐา’

กระเป๋า มิว- นิษฐา Chanel
กระเป๋า มิว- นิษฐา Chanel

สวยจนมองข้ามไม่ได้! กระเป๋า Chanel Sunset on the Sea ของนางเอกหน้าหวาน มิว-นิษฐา ไอเท็มโทนสี Ombre ที่เหล่าสาวกชาเนลต้องจัด

หลังจากถูกแฟนหนุ่มทายาทหมื่นล้านขอแต่งงาน ‘มิว-นิษฐา’ ก็ออร่าเจ้าสาวจับ สวยวันสวยคืน ล่าสุดนางเอกดังได้ตีตั๋วไปเที่ยวไกลถึงอิตาลีพร้อมกับครอบครัว ในวันพักผ่อนสบายๆ ที่เพลิดเพลินไปกับวิวทิวทัศน์และบ้านเมืองของอิตาลี สาวมิวก็ไม่ลืมที่จะอัพเดทภาพสวยๆ บนอินสตาแกรมให้แฟนๆ ได้กดไลค์คลายความคิดถึง ซึ่งนอกจากบรรยากาศดีๆ การแต่งตัวชิคๆ ของสาวมิวจะน่าสนใจแล้ว เราก็แอบเห็นไอเท็มสีจี๊ดที่เธอติดตัวไปด้วยเกือบตลอดทั้งทริปนี้ นั่นก็คือ กระเป๋า Chanel Sunset on the Sea มาพร้อมหนังไล่โทนสี Ombre ที่สวยเด่นจนต้องซูม!

สวยจนต้องโฟกัส! กระเป๋า Chanel โทนสี Ombre ของ ‘มิว-นิษฐา’

โดยกระเป๋า Chanel Sunset on the Sea เป็นไอเท็มใหม่สำหรับคอลเล็คชั่น Cruise 2019 ของ Chanel ที่ได้รับความนิยมไม่น้อย เพราะมาพร้อมหนังอันโดดเด่นมีการไล่โทนสีสดใสแบบ Ombre ประดับด้วยด้ามจับโซ่เรซิ่นที่ไล่สีโทนเดียวกับกระเป๋าและโซ่โลหะสีทอง ซึ่งกระเป๋ารุ่นนี้ของชาเนลถือเป็นหนึ่งในคอลเล็คชั่นที่น่าตื่นเต้นที่สุด มีให้เลือกใช้งานได้ทั้งแบบสะพายข้างและคาดเอว

The Sunset On The Sea ผลิตขึ้นมาจากหนังลูกวัว (grained calfskin) หนังถูกตัดเย็บเป็นลายตารางหรือ quilting แต่ละช่องจะเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสหรือสี่เหลี่ยมคางหมูอันเป็นสัญลักษณ์ของกระเป๋าชาเนล โซ่โลหะสีทองด้านบนและโซ่เรซิ่นก็เข้ากับสีสไตล์ Ombre ของกระเป๋าได้ดี ส่วนโลโก้ CC ตกแต่งอยู่ด้านหน้ากระเป๋าพร้อมตัวล็อคเปิด-ปิดที่เห็นได้เด่นชัด สำหรับราคาจะแตกต่างกันตามขนาด โดยจะเริ่มต้นที่ $3,600 หรือประมาณ 112,665 บาท ไปจนถึงราคา $4,900 หรือประมาณ 153,350 บาท

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

สื่อนอกเผย ตู้เสื้อผ้า ‘ดัชเชสเมแกน’ มีราคาสูงกว่าบ้านในสหราชอาณาจักรถึง 3 เท่า

ออร่าพุ่งมากแม่! ‘เจนี่’ สวยเปล่งปลั่ง อุ้มท้องโตออกงานอีเว้นท์

สนับสนุนเพื่อนซี้! รวมลุคสวยของ ‘ดัชเชสเมแกน’ ใส่เสื้อผ้าแบรนด์พระสหาย

สองไอเท็มที่ ‘ดัชเชสเมแกน’ ห้ามแพ็คใส่กระเป๋า เมื่อเดินทางกับควีนเอลิซาเบธที่ 2

ไอซ์​-อภิษฎา โชว์แหวนเพชรเม็ดโต หลังแฟนหนุ่มขอแต่งงาน

ราศีสะใภ้ใหญ่จับ ‘มิว-นิษฐา’ สวยออร่าพุ่ง หลังถูกขอแต่งงาน

ซื้อตามไม่ยาก!​ ชี้พิกัดกระเป๋า​ ‘แทยอน​ Girls’ Generation’ ดีไซน์น่ารัก​ ราคาน่าคบ

เพราะเหตุใด สุภาพสตรีในราชวงศ์อังกฤษ ไม่ถอดเสื้อคลุมในที่สาธารณะ

Lookbook ชิดซ้าย! ตั๊ก-บงกช สวยหรูในเดรส Versace หลักแสน

มนต์แห่งจันทรา จงสำแดงฤทธา ณ บัดนี้! Sailor Moon x O&B รองเท้าที่คุณต้องมี

แฟชั่นหลักแสนของ สตรีหมายเลข 1 ‘เมลาเนีย ทรัมป์’ เมื่อต้องเยือนฝรั่งเศส


ภาพ : IG@mewnittha , pursefiend.com

“หนุ่ม-ศรราม”

“หนุ่ม-ศรราม” ในจอเป็นสามีจอมเผด็จการ นอกจอเป็นทาสเมีย

Alternative Textaccount_circle
“หนุ่ม-ศรราม”
“หนุ่ม-ศรราม”

“หนุ่ม-ศรราม” น้อมรับประแสชังแรง! บท “เจียด” ทำคนดูเกลียดกันทั่วบ้านทั่วเมือง ยืนยันถึงในจอจะเป็นสามีจอมเผด็จการ นอกจอเป็นทาสเมีย

“หนุ่ม-ศรราม”

ถึงความเจ้าชู้จะไม่สู้ 2 เพื่อนซี้ “ฟลุค–เกริกพล” ที่รับบทเป็น “ยล” และ “น็อต–วรฤทธิ์” ที่รับบทเป็น “คำหลวง” แต่ “หนุ่ม-ศรราม” ซึ่งรับบทเป้น “เจียด” กลับถูกแฟนละครเกลียดซะยิ่งกว่า ด้วยพฤติกรรมที่ชอบกดขี่และพูดจาดูถูกภรรยาอยู่บ่อยๆ จึงมีแต่คนยุให้ “เภา” ซึ่งแสดงโดย “นุสบา ปุณณกันต์” หย่าขาดจากเขาให้เร็วๆ ในขณะที่ “นุสบา” ได้รับความเห็นใจอย่างท่วมท้น ฟาก “ศรราม” กลับได้กระแสชิงชังเพราะทำคนดูเกลียดกันทั่วบ้านทั่วเมือง ซึ่งงานนี้หนุ่มได้เปิดใจถึงกระแสที่ได้รับว่า “ก่อนอื่นเลย ต้องขอขอบคุณแฟนๆทุกคนที่ติดตามละครเรื่องสามีสีทองนะครับ ผลตอบรับดีมากอย่างที่คาดไม่ถึงเลยทีเดียว มีคนด่าตั้งแต่ตอนแรกแล้ว จนถึงตอนนี้มันก็เข้มข้นขึ้นมาเรื่อยๆแล้ว เพิ่มอีกเพิ่มอีกขึ้นมาเรื่อยๆ จนตอนนี้ติดเพดานบินแล้วครับ คือ เกลียดเจียดกันทั่วบ้านทั่วเมืองแล้ว ผมดีใจนะครับ เพราะชีวิตของการเล่นละครเนี่ย สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ เมื่อเรารับบทเป็นตัวละครใดแล้ว เวลาเราไปไหนแล้วคนอื่นเขาเรียกเราเป็นชื่อตัวละครได้ อันนั้นเป็นจุดที่เราจะสามารถวัดความสามารถของนักแสดงได้ครับ ว่าแต่ ทำไมเกลียด เจียด คนเดียวเลยล่ะ”

” แต่ในความน่ารังเกียจของเจียดนั้น ผมอยากให้ผู้ชมมองอีกมุมว่า ปัญหาในครอบครัว บางทีมันก็ไม่ได้เกินจากมือที่ 3 หรือการเจ้าชู้ ไปวอกแวก เสมอไป แต่สามารถเกิดจากแค่คน 2 คน ก็ได้ ซึ่งสำหรับผมถ้าเจอใครที่เป็นแบบเจียด ก็คงต้องบอกให้เรียบเปลี่ยนพฤติกรรมโดยด่วนเลยครับ ในละครเห็นเมียเป็นทาส แต่ในชีวิตจริง ผมเป็นทาสภรรยากับลูกนะครับ  คือเราให้เกียรติเขาและลูก รักเมียรักลูกครับ ตรงข้ามกับละครอย่างสิ้นเชิงเลยนะ  แต่สุดท้าย ก็อย่าเพิ่งเกลียดกันจนเลิกติดตามนะครับ อย่างที่เขาเคยบอกกันไว้ว่า สงครามไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหาร”

“หนุ่ม-ศรราม”

เมื่อถูกถามว่าในละครเห็นเมียเป็นทาส แล้วในชีวิตจริงล่ะเห็นเมียเป็นอย่างไร หนุ่มรีบบอก “ในชีวิตจริงผมเป็นทาสภรรยากับลูกครับ (หัวเราะ) คือเราให้เกียรติเขาและลูก รักเมียรักลูกครับ ตรงข้ามกับละครเลยนะ (ยิ้ม)”

“หนุ่ม-ศรราม”

อย่างไรก็ตามหนุ่มได้ส่งท้ายว่า “แต่สุดท้ายก็อย่าเพิ่งเกลียดกันจนเลิกติดตามนะครับ อย่างที่เขาเคยบอกสงครามไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหาร สามีสีทองก็เช่นกัน ต้องติดตามกันไปว่าบทสรุปของเจียดบ้าอำนาจจะเป็นอย่างไร แล้วอีก 2 คู่จะเป็นอย่างไร”

สามารถติดตามชมได้ในละคร สามีสีทอง ที่ออกอากาศทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 22.00 น. ทางช่อง อมรินทร์ ทีวี HD กด 34

“หนุ่ม-ศรราม”


สามารถติดตามอ่านบทความอื่นๆ ได้ที่นี่ 

 สาวงามจากปลายด้ามขวาน “ปลา-เกวลิน” ดาวรุ่งผู้โดดเด่นใน “สามีสีทอง”

“พลอย-ชิดจันทร์ ห่ง” รับบทเมียน้อย สะท้อนใจเรื่องใกล้ตัวทุกครอบครัว

ชอบละครแซ่บต้องปักหมุด “สามีสีทอง THE HUSBANDS” เวอร์ชั่นแรก

บทสัมภาษณ์ก่อนจากลา ชีวิตของต้องการ-วลัยกร เด็ดเดี่ยวจนลมหายใจสุดท้าย

Alternative Textaccount_circle

เมื่อช่วงปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา แพรวได้มีโอกาสไปสัมภาษณ์คุณ ต้องการ- วลัยกร สมรรถกร นักวาดภาพประกอบ เจ้าของผลงานชื่อดัง ความสุขของกะทิ ในบ้านหลังน้อยที่เขาใหญ่ วันนั้นเธอต้อนรับเราด้วยความร่าเริง และเป็นกันเองที่สุดใครจะคิดว่านั้นคือครั้งสุดท้ายที่เราได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้หญิงที่มีทัศนคติชีวิตและเด็ดเดี่ยวที่สุดคนหนึ่ง

เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ต้องการ – วลัยกร สมรรถกร นักวาดภาพ ออร์แกนิก เจ้าของผลงานภาพประกอบวรรณกรรมไทยเรื่องเยี่ยม “ความสุขของกะทิ” ตรวจพบว่า เป็นมะเร็งผิวหนังระยะที่ 1

และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่นักวาดภาพ ออร์แกนิก ตั้งคำถามเกี่ยวกับการใช้ชีวิตที่ผ่านมา โดยคำถามเด่นที่เธอเฝ้าเวียนถามตัวเองคือ “ฉันทำอะไรผิด?”

กระทั่งสุดท้ายเธอก็ได้คำตอบว่า มะเร็ง เป็นเหมือนโอกาสที่ทำให้เธอตัดสินใจเปลี่ยนชีวิต  ทั้งขายบ้าน ย้ายไปอยู่ต่างจังหวัด เปลี่ยนสไตล์การวาดรูปไปเป็นแนวออร์แกนิก ด้วยการใช้สีจากดอกไม้ ใบไม้ รวมทั้งจัดตลาดนัดออร์แกนิก ‘นิดนิด’ (Niche Niche Weekend Market) ซึ่งต่อยอดแรงบันดาลใจให้ใครหลายต่อหลายคน

เล่าให้ฟังหน่อยสิคะ ว่าเป็นมะเร็งได้อย่างไร

เรามีไฝเม็ดเล็กๆ อยู่ตรงตำแหน่งข้อมือด้านขวามานานแล้ว กระทั่งวันหนึ่งมันโตขึ้นเร็วมาก สีดำเข้มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด คนรอบข้างทักกันหนักมาก จึงตัดสินใจไปตรวจ

ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ผลออกมาว่าเป็นมะเร็งผิวหนังระยะที่ 1 คุณหมอเองก็ตกใจ เพราะเมื่อสิบปีที่แล้ว การเป็นมะเร็งตอนอายุ 37 ถือว่ายังอายุน้อย แต่ไม่มีเวลาจิตตก เพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วมาก หลังจากรู้ผลก็พยายามตั้งสติ โฟกัสที่การรักษา กลับบ้านไปบอกแม่ เพราะหมอนัดผ่าตัดวันรุ่งขึ้นเลย

วิธีผ่าตัดคือคว้านเนื้อตรงข้อมือขวาไปเยอะพอสมควร แล้วใช้เนื้อตรงขาขวามาแปะไว้ พร้อมกับเลาะต่อมน้ำเหลืองซีกขวาไปด้วยเพราะกลัวมะเร็งจะลาม

เมื่อผ่าตัดเสร็จก็นอนรอผลในโรงพยาบาล 2-3 วัน โชคดีที่ผลออกมาว่า มะเร็งยังไม่ลุกลาม ผลการผ่าตัดรักษาได้หายขาด ส่วนสาเหตุที่เป็นนั้น ระบุไม่ได้ชัดเจน  แต่เดาว่าเป็นเพราะเราไม่ดูแลตัวเอง กินตามใจปาก นอนดึก เครียด

เรื่องแย่คือเรากลับคิดว่าตัวเองแข็งแรงดี เพราะไม่ค่อยป่วย จึงไม่สนใจสุขภาพ และด้วยอาชีพนักวาดภาพประกอบ ทำให้ไฝตรงข้อมือเสียดสีกับกระดาษทุกวัน ซึ่งอาจจะมีผลกับการเป็นมะเร็ง

หลังออกจากโรงพยาบาลแล้วชีวิตเป็นอย่างไรคะ

หมอสั่งให้นอนพักนิ่งๆ ที่บ้าน 1 เดือน ไม่ต้องทำอะไร ตอนนั้นกำลังวาดภาพประกอบเรื่อง “ความสุขของกะทิ” ก็ต้องเลื่อนงานออกไปก่อน ข้อมือข้างขวามีผ้าก็อตพันไว้หนามาก ส่วนแผลจากการผ่าตัดต่อมน้ำเหลืองก็มีสายเดรนสำหรับขับของเสียออก แม่ต้องเช็ดตัวให้

ต้องการ - วลัยกร สมรรถกร , นักวาดภาพประกอบ , ออร์แกนิก , นักวาดภาพออร์แกนิก , ตลาดออร์แกนิก , ความสุขของกะทิ , มะเร็ง , มะเร็งผิวหนัง

ทีนี้พอไม่ได้ทำอะไร ว่างเกินไป ก็เกิดอาการจิตตก มีคำถามว่า เราทำอะไรผิดถึงเป็นโรคร้าย และหลังจากนี้จะใช้ชีวิตอย่างไร  

ยิ่งหาคำตอบก็ยิ่งเครียด พอดีมีรุ่นน้องคนหนึ่งรู้ว่าเป็นมะเร็ง โทรมาบอกว่า มีคอร์สธรรมชาติบำบัดของคุณหมอเจคอบ วาทักกันเชรี ชาวอินเดีย ที่จังหวัดลพบุรี โดย 1 คอร์สต้องอยู่ทั้งหมด 7 วัน สนใจไหม ตัดสินใจไปเลย เพราะตอนนั้นยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ บวกกับไม่เคยได้ยินเรื่องการบำบัดด้วยธรรมชาติมาก่อน จึงตัดสินใจลองดู

คอร์สนี้เป็นอย่างไรคะ

มันแปลกใหม่มาก งงว่ามีสิ่งนี้ด้วยเหรอ  แต่ก็ถูกจริตกับเรามากเช่นกัน

เรื่องดีคือเราได้คำตอบว่า สาเหตุที่ป่วยเพราะกินอาหารที่มีสารเคมีเยอะเกินไป บวกกับไลฟ์สไตล์อื่นๆ เช่น การใช้สบู่ แชมพู เครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์ทั้งหลายในชีวิตประจำวันที่มีส่วนผสมของเคมี มันกระทบกับสุขภาพทั้งนั้น

ใน 7 วันนั้น เราปรับชีวิตใหม่หมดเลย เช้าตื่นขึ้นมาเล่นโยคะ ล้างจมูกและล้างตาด้วยน้ำเกลือ เพื่อเอาของเสียออก ดมใบกะเพราเพื่อให้จมูกโล่ง เรียนเรื่องการพอกโคลนเพื่อดีท็อกซ์ร่างกาย รวมทั้งเรียนรู้ทฤษฎีเกี่ยวกับธรรมชาติบำบัด ว่าร่างกายเยียวยาตัวเองด้วยธรรมชาติอย่างไร

หลังจากจบคอร์ส อาจารย์สั่งให้ล้างพิษด้วยการกินผักผลไม้สดที่ไม่ผ่านกระบวนการใดๆ รวมทั้งงดเว้นการกินข้าวและเนื้อสัตว์ เป็นเวลา 9 เดือนเพื่อล้างของเสียออกจากร่างกาย โดยอยู่ภายใต้การดูแลของคุณหมอที่เชี่ยวชาญด้านธรรมชาติบำบัด

ปรากฏว่าร่างกายดีขึ้นเลยล่ะ น้ำหนักลดลงอย่างเห็นได้ชัด ตัวเบา สดชื่นขึ้นมาก เหมือนของเสียถูกขับออกมาจนหมด ซึ่งเราทำได้โดยไม่รู้สึกทรมาน เพราะมองว่าเป็นเรื่องสนุกและท้าทาย พอจบคอร์สก็กลับมากินข้าวตามปกติ โดยเน้นอาหารออร์แกนิกเป็นหลัก

ตอนนั้นได้คำตอบต่อคำถามที่ตั้งไว้แล้วว่า มันเกี่ยวกับอาหารการกิน และการใช้ชีวิตทุกอย่าง รู้แล้วว่าต่อไปนี้เราจะดูแลตัวเองอย่างไร ชีวิตมีทางเลือกนะ ทำให้สนใจและหันมาใช้ชีวิตออร์แกนิกจริงจัง

ต้องการ - วลัยกร สมรรถกร , นักวาดภาพประกอบ , ออร์แกนิก , นักวาดภาพออร์แกนิก , ตลาดออร์แกนิก , ความสุขของกะทิ , มะเร็ง , มะเร็งผิวหนัง

จริงจังขั้นไหนคะ

เรียกว่านับตั้งแต่เป็นมะเร็งก็ไม่กลับไปหาหมอแผนปัจจุบันอีกเลย ยกเว้นหมอฟัน ถ้าเจ็บป่วยก็กินยาสมุนไพร รักษาด้วยวิธีธรรมชาติบำบัด ไม่ต้องกินยาให้ตับไตทำงานหนัก เช่น ถ้าเป็นไข้ ปวดศีรษะ เราก็ดื่มน้ำเปล่าบีบมะนาวแล้วนอนพัก อาการก็ดีขึ้น หรือถ้าเจ็บคอ บอกเลยว่า น้ำผึ้งผสมมะนาวเอาอยู่

จริงๆ ความรู้พวกนี้เชื่อว่าหลายคนรู้กันนะ แต่ส่วนใหญ่อาจหลงลืมไป เพราะชินกับยาเคมี อย่างการทำคีโมก็ทำร้ายร่างกายเยอะ จึงคิดว่า ถ้าจะตายก็ขอตายแบบธรรมชาติหน่อยเถอะ

ทีนี้พอเราจะเลือกใช้ชีวิตแบบนี้ กรุงเทพฯ ก็กลายเป็นสถานที่ที่ไม่ตอบโจทย์ เพราะทั้งอากาศไม่ดี รถติด และอาหารออร์แกนิกตอนนั้นก็หายาก บอกตัวเองว่าอยากหาที่ผืนเล็กๆ อยู่ต่างจังหวัด ที่เลือกปากช่องเพราะห่างจากกรุงเทพฯ แค่ 2 ชั่วโมง แต่อากาศผิดกันเยอะมาก พอแม่เห็นด้วย ก็ตัดสินใจขายบ้านเลย

เราขับรถตระเวนหาที่ จนเจอที่ดินประมาณ 5 ไร่ ใช้เงินเก็บทั้งหมดในชีวิตมาปลูกบ้านอยู่กับแม่และแมวอีก 1 ตัว ส่วนเรื่องงาน โชคดีที่เป็นฟรีแลนซ์ สามารถทำงานส่งทางอีเมล์ได้ ส่วนงานสอนที่คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพฯ ก็ไม่ได้ทำให้ลำบาก เข้ากรุงเทพฯ สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ใช้เวลาเดินทางเพียง 1 ชั่วโมงครึ่ง ก็ถึงมหาวิทยาลัยแล้ว ถือว่าสะดวกมาก

ต้องการ - วลัยกร สมรรถกร , นักวาดภาพประกอบ , ออร์แกนิก , นักวาดภาพออร์แกนิก , ตลาดออร์แกนิก , ความสุขของกะทิ , มะเร็ง , มะเร็งผิวหนัง

ตอนย้ายบ้านชีวิตเปลี่ยนขนาดนี้ เหงาไหมคะ

ไม่เลยค่ะ เพราะใจเรามาแล้ว จึงไม่ได้ปรับตัวอะไรมาก กลับค้นพบข้อดีมากกว่า เช่น ไม่ต้องผจญกับรถติดอีกต่อไป พอไม่มีห้างให้เดินก็ทำให้ไม่คิดอยากไปไหน อยู่บ้าน ไปซื้อของที่ตลาด อากาศก็ดี มีเวลาและมีที่ให้เดินเล่นรอบบ้าน หายเครียดไปเยอะเลย

เรื่องงานก็อิงกับออร์แกนิกด้วยใช่ไหมคะ

รู้ไหมว่าศิลปินโดนพิษจากสีเยอะที่สุด แล้วสีบางชนิดทำจากส่วนผสมของแร่ธาตุที่มีพิษเยอะ อย่างเวลาเขียนสีน้ำมัน กลิ่นเคมีจะโชยเข้าจมูกตลอด มีเพื่อนคนหนึ่งชอบทำงานลงรักปิดทอง แต่เขาแพ้สีและน้ำยาจนต่อมน้ำเหลืองตรงแขนบวม ต้องกินสเตียรอยด์

หรืออย่างสีน้ำ ถ้าเลือกสีน้ำคุณภาพดีจริงๆ พิษจะน้อย แต่ถึงอย่างไรมันก็มีพิษ เมื่อ 4 ปีที่แล้วจึงตัดสินใจเปลี่ยนแนวงาน อยากให้งานเป็นหนึ่งเดียวกับไลฟ์สไตล์ เอาให้ออร์แกนิกสุดๆ ไปเลย

ปกติเราชอบกินชาสด วันหนึ่งทำชาดอกอัญชัน โดยนำดอกอัญชันมาใส่น้ำร้อน เห็นว่า สีฟ้าที่กระจายตัวออกมา เป็นเหมือนเวลาเราล้างพู่กัน นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่อยากทำสีจากธรรมชาติ เช่น ผลเล็กๆ ของต้นพริกฝรั่งที่แม่ปลูกรอบบ้านให้สีแดงสด  แล้วที่บ้านมีต้นกรรณิการ์ด้วย เรารู้ว่าเขาใช้ดอกมันย้อมจีวร ก็ใช้โคนกลีบดอกมาบี้จนได้สีส้ม

เราสนุกกับการลองโน่นนี่นั่นจนได้คำตอบว่า สีทุกอย่างหาได้จากต้นไม้ ดอกไม้ในบริเวณบ้านนี่เอง ที่สำคัญคือใช้สีจากธรรมชาติแล้วมาตรฐานงานก็ไม่ตก จึงตัดสินใจปิดกล่องสีน้ำ ไม่ได้หยิบมาใช้อีกเลย

เรื่องดีคือพอเปลี่ยนแหล่งที่มาของสี งานเรากลับมีสไตล์ที่ชัดเจนขึ้น เพราะโทนสีจะแตกต่างจากสีสำเร็จรูปในกล่องมาก มีความเป็นธรรมชาติในตัว ต้องการ - วลัยกร สมรรถกร , นักวาดภาพประกอบ , ออร์แกนิก , นักวาดภาพออร์แกนิก , ตลาดออร์แกนิก , ความสุขของกะทิ , มะเร็ง , มะเร็งผิวหนัง

แต่สีธรรมชาติที่ต้องปรุงต้องแต่งมันก็ทำให้งานเพิ่มขั้นตอนยุ่งยากขึ้นมานนะคะ

คีย์เวิร์ดคือเราสนุกกับมันไง แต่ถ้าวันไหนขี้เกียจก็จะเป็นความยุ่งยากนิดๆ  เพราะแทนที่จะเปิดกล่องมา บีบสี ผสมน้ำวาดรูปได้เลย แต่กลายเป็นว่าต้องเดินเก็บดอกไม้ เอามาฉีก บด ผสมน้ำ แต่โดยรวมแล้วถือว่าดี เพราะมันเข้ากับไลฟ์สไตล์เรา

ต้องการ - วลัยกร สมรรถกร , นักวาดภาพประกอบ , ออร์แกนิก , นักวาดภาพออร์แกนิก , ตลาดออร์แกนิก , ความสุขของกะทิ , มะเร็ง , มะเร็งผิวหนัง

ต้องการ - วลัยกร สมรรถกร , นักวาดภาพประกอบ , ออร์แกนิก , นักวาดภาพออร์แกนิก , ตลาดออร์แกนิก , ความสุขของกะทิ , มะเร็ง , มะเร็งผิวหนัง

ข้อเสียเพียงอย่างเดียวคือ ภาพจริงจะเก็บได้ไม่นาน เพราะสีจะซีด หรือเพี้ยนไป อย่างสีฟ้าจากดอกอัญชัน อาจเปลี่ยนไปเป็นสีเหลือง แต่โชคดีอีกว่าชิ้นงานที่ต้องทำส่งลูกค้า ไม่กระทบอะไร เพราะเขาไม่ได้ต้องการชิ้นงานจริง เราสแกนส่งได้ตั้งแต่วาดเสร็จเลย

ต้องการ - วลัยกร สมรรถกร , นักวาดภาพประกอบ , ออร์แกนิก , นักวาดภาพออร์แกนิก , ตลาดออร์แกนิก , ความสุขของกะทิ , มะเร็ง , มะเร็งผิวหนัง

ต้องการ - วลัยกร สมรรถกร , นักวาดภาพประกอบ , ออร์แกนิก , นักวาดภาพออร์แกนิก , ตลาดออร์แกนิก , ความสุขของกะทิ , มะเร็ง , มะเร็งผิวหนัง

ต้องการ - วลัยกร สมรรถกร , นักวาดภาพประกอบ , ออร์แกนิก , นักวาดภาพออร์แกนิก , ตลาดออร์แกนิก , ความสุขของกะทิ , มะเร็ง , มะเร็งผิวหนัง

แล้วจุดเริ่มต้นของการทำตลาดออร์แกนิกล่ะคะ

หลังจากอยู่ปากช่องมาสักพัก ได้รู้จักกับเพื่อนอีก 2 คน คนแรกคือ เหมียว (รสริน ติยะชาติ) เจ้าของซานโตฌา เฮลท์ แอนด์ ไลฟ์สไตล์ รีสอร์ท (Santosha Health & Lifestyle Resort) และในเวลาใกล้เคียงกันก็เจอ หอม (คำหอม ศรีนอก) ที่เพิ่งย้ายจากกรุงเทพฯ  มาอยู่ปากช่องเหมือนกัน

เราจึงคุยกันว่ามีคนกรุงย้ายมาอยู่ปากช่องเยอะนะ หันมาใช้ชีวิตแบบออร์แกนิกก็เยอะ แล้วที่นี่ก็หาผักปลอดสารพิษกินได้ง่ายด้วย คุยไปคุยมาก็ได้ไอเดียว่า สามารถทำที่นี่เป็นออร์แกนิกคอมมูนิตี้ได้  ที่คิดตรงกันคืออยากให้มีช่องทางในการเลือกซื้อของออร์แกนิกได้ง่ายขึ้น จึงเป็นที่มาของการทำตลาดนัดโดยตั้งชื่อว่า “ตลาดนิดนิด” เป็นตลาดของกลุ่มคนเล็กๆ

เราใช้วิธีประกาศรับสมัครร้านทางเฟสบุ๊ค โดยใช้ธีมว่าทุกอย่างต้องเป็นงานคราฟท์และออร์แกนิก มีคนสนใจมาขายของกันเยอะ โดยส่วนใหญ่มาจากกรุงเทพฯ ส่วนคนท้องถิ่นมักจะนำผักสดมาขาย

ต้องการ - วลัยกร สมรรถกร , นักวาดภาพประกอบ , ออร์แกนิก , นักวาดภาพออร์แกนิก , ตลาดออร์แกนิก , ความสุขของกะทิ , มะเร็ง , มะเร็งผิวหนัง

นอกจากนี้ยังมีน้องๆ ที่รู้จักกัน มาจากเชียงใหม่ สกลนคร นำเสื้อผ้างานฝีมือมาขายด้วย ทั้งหมดนี้ เราไม่เก็บค่าเช่าที่เลย เพราะเขาต้องเดินทางมาขายถึงปากช่อง แถมยังต้องหาที่พักด้วย รายได้ทั้งหมดจึงเป็นของเขา เราแค่อยากให้คนกลุ่มคนเล็กๆ นี้มีพื้นที่ในการขายของเท่านั้น

ต้องการ - วลัยกร สมรรถกร , นักวาดภาพประกอบ , ออร์แกนิก , นักวาดภาพออร์แกนิก , ตลาดออร์แกนิก , ความสุขของกะทิ , มะเร็ง , มะเร็งผิวหนัง

ส่วนรายได้ของเรามาจากการขอสปอนเซอร์ ซึ่งไม่หวังเอากำไร แค่พอให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการจัดงานทั้งหมดก็พอ เช่น ค่าปั่นไฟ, ค่าเช่ารถห้องน้ำ ฯลฯ

ผลตอบรับจากการจัดงานครั้งแรกดีมาก จนตอนหลังมีคนจ้างให้ไปจัดตลาดนัดให้ทั้งที่ปากช่องและที่กรุงเทพฯ ซึ่งทำให้เราหายเหนื่อยไปเยอะ เพราะไม่ต้องขอสปอนเซอร์แล้ว โดยจัดกันช่วงต้นฤดูหนาว ซึ่งเป็นฤดูกาลท่องเที่ยว ซึ่งปีนี้จัดมาเป็นปีที่ 4 แล้ว

แรงบันดาลใจที่อยากให้คนอื่นได้ลองใช้ชีวิตออร์แกนิกคืออะไรคะ

คงตั้งแต่ตอนที่ป่วยค่ะ เรารู้สึกว่า ชีวิตยังมีทางเลือกนะ

ไม่ใช่ว่าเรียนจบ ทำงานหนัก ป่วย เข้าโรงพยาบาล แล้วเอาเงินที่ทำงานหนักมาจ่ายไปกับค่ารักษาพยาบาลซึ่งแพงมหาศาล

จริงๆ เราเลือกไปใช้ชีวิตแบบอื่นได้ แต่ดูเหมือนทุกคนอาจจะเชื่อข้อมูลเรื่องโรคภัยต่างๆ จากสื่อ หรือหมอมากเกินไป จนคิดว่าเราทำอะไรกับชีวิตตัวเองไม่ได้ ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ใช่ เราทำได้

ต้องการ - วลัยกร สมรรถกร , นักวาดภาพประกอบ , ออร์แกนิก , นักวาดภาพออร์แกนิก , ตลาดออร์แกนิก , ความสุขของกะทิ , มะเร็ง , มะเร็งผิวหนัง

ต้องการ - วลัยกร สมรรถกร , นักวาดภาพประกอบ , ออร์แกนิก , นักวาดภาพออร์แกนิก , ตลาดออร์แกนิก , ความสุขของกะทิ , มะเร็ง , มะเร็งผิวหนัง

ยิ่งสมัยนี้คนเมืองสามารถใช้ชีวิตออร์แกนิกได้ง่ายขึ้น มีตลาดสีเขียวที่เชื่อถือได้ สินค้าปลอดสารมีให้เลือกหลากหลาย เรียกว่ากรุงเทพฯ สมัยนี้อยู่ง่ายขึ้น แค่โทรสั่ง ผักก็ไปส่งถึงที่บ้านแล้ว

ที่สำคัญคือคุณต้องขวนขวายรู้ด้วยว่า กินอะไรเข้าไปบ้าง ไม่ได้ห้ามกินของหวาน หรืออย่าดื่มแอลกอฮอล์ คือถ้ากินอะไรไม่ดีเข้าไป ก็ควรหาอาหารดีๆ เติมเข้าไปด้วย หาเวลาหายใจให้เต็มปอดบ้าง ถ้าไม่สบายขอให้ตัดใจพักจากงานก่อน บางคนใช้วิธีอัดยาเข้าไปแล้วทำงานต่อ ซึ่งไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องสำหรับร่างกาย ขอแนะนำให้พักก่อน รับรองว่างานรอคุณได้

แต่สำหรับคนที่ไม่ติดเงื่อนไขในในชีวิตมาก พร้อมที่จะออกมาใช้ชีวิตต่างจังหวัด สนับสนุนเลยค่ะ สำคัญที่สุดคือ อย่ากลัวการเปลี่ยนแปลง

สุดท้ายแล้ว เหมือนมะเร็งช่วยสะกิดบอกจริงๆ

“มาก(ลากเสียงยาว) ค่ะ สะกิดนี่เรียกว่าน้อยไป ต้องใช้คำว่ามะเร็งช่วย “ตบหน้า” ให้เรารู้สึกตัวว่า อย่าอยู่อย่างไร้จุดหมายเรื่อยเปื่อย เราใช้ชีวิตที่ดีกว่าเดิมได้ ชีวิตมีทางเลือกจริงๆ และเสมอด้วย

เรียกว่าถ้าไม่ได้เป็นมะเร็งตอนนั้น เราก็คงยังนึกไม่ออกว่า จะเปลี่ยนตัวเองมาใช้ชีวิตแบบวันนี้ได้อย่างไร”

ล่าสุดในช่วงเช้าของวันนี้ (21 พ.ย. 62) ที่ผ่านมา คุณต้องการ ได้เสียชีวิตลงแล้ว แพรวดอทคอม ต้องขอแสดงความเสียใจด้วยนะคะ และรู้สึกเป็นเกียรติมากๆ ที่ครั้งหนึ่งเราเคยได้สนทนากันเพื่อพูดคุยเรื่องราวชีวิตที่น่าสนใจให้ผู้อ่านได้มีแรงบันดาลใจจนถึงทุกวันนี้ ขอให้คุณต้องการไปสู่ภพภูมิที่ดีนะคะ ยินดีที่ได้รู้จัก….


 

เรื่อง : ปาจรีย์

ภาพ : ชวรินทร์ และ Niche Niche Weekend

 

คุณหมึกแดง เผย ม.ร.ว.ถนัดศรี เป็นมะเร็งระยะสุดท้าย เตรียมใจแล้วหากท่านจากไป

account_circle

คุณหมึกแดง หรือ หม่อมหลวงศิริเฉลิม สวัสดิวัตน์ เผยอาการล่าสุดของ หม่อมราชวงศ์ถนัดศรี สวัสดิวัตน์ ทรุดหนัก หลังแพทย์ตรวจพบว่าเป็น มะเร็งระยะสุดท้ายซึ่งเริ่มจากท่อน้ำดี จนกระจายไปทั่วร่างกาย

อาการน่าเป็นห่วงมากเลยทีเดียว สำหรับ หม่อมราชวงศ์ถนัดศรี สวัสดิวัตน์ หลังจากที่ท่านต้องเข้ารักษาสุขภาพที่โรงพยาบาลเปาโล เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม มาเป็นเวลาหนึ่งเดือน อันเนื่องมาจากอาการป่วยของคนวัยชรา แต่ล่าสุดวันนี้ 27 สิงหาคม คุณหมึกแดง ลูกชายคนโต ได้ออกมาโพสต์เฟสบุ๊ค “ครอบจักรวาล” ถึงสาเหตุที่ทำให้ ม.ร.ว. ถนัดศรี อาการทรุดหนักลงเรื่อยๆ

***อัพเดตล่าสุด คุณหมึกแดงได้โพสต์ผ่านเฟสบุ๊คครอบจักรวาลว่า แจ้งให้ทุกท่านทราบ คุณพ่อ. ม.ร.ว. ถนัดศรี สวัสดิวัตน์ได้ ถึงแก่กรรมเมื่อเวลา 11 35วันนี้ที่โรงพยาบาลเปาโล***

คุณหมึกแดง

เรียนทุกท่านทราบ
ตามที่ผมได้รายงานอาการป่วยของคุณพ่อมาตลอดตั้งแต่ได้เข้าโรงพยาบาลมาเมื่อวันที่ 29 เดือนที่แล้ว โดยไม่ได้เรียนให้ทราบว่าคุณพ่อเป็นโรคอะไร

บัดนี้ผมควรจะเล่าข้อ เท็จจริงของอาการและโรคของคุณชายและสาเหตุที่คุณพ่อได้มาอยู่ที่โรงพยาบาล

ในวันที่ 2 เดือนนี่ ได้ประชุมกับคณะแพทย์ที่ดูแลคุณพ่อหลังจาก ได้ไปทำ PET SCAN มาแล้วในวันที่ 1. ปรากฎว่า ผลของการตรวจออกมาไม่ดีเลย หากไม่ทำ PET SCAN ก็จะไม่ทราบเลยว่าคุณพ่อเป็นมะเร็ง ระยะสุดท้าย ที่เริ่มจาก ท่อน้ำดี และกระจายไปทั่วร่างกาย ทางลูกได้ปรึกษากับคุณหมอว่าควรจะดูแลคุณพ่อเช่นไร

เราเห็นพ้องต้องกันว่าการดูแลคุณพ่อควรจะเป็นไปตามอาการและ ไม่ให้คุณพ่อทรมาน และไม่ให้มีการผ่าตัดหรือเจาะอะไรเลย ให้ประคับประคองไปจนถึงที่สุดและให้คุณพ่อไปอย่างสงบและไม่ทรมาน

คุณหมึกแดง

ปัญหาของมะเร็งของคุณพ่อนั้นมันกระจายไปทั่วและที่สำคัญคือลามไปที่ปอด ทำให้คุณพ่อหายใจลำบากขึ้นเรื่อยๆ หากคุณพ่อมีอาการเหนื่อยในการหายใจก็จะหมายความว่าคุณชายจะเริ่มทรุดลงแล้ว และต้องเริ่มให้ยามอร์ฟีน เพื่อบรรเทาความปวดและความเหนื่อย

ทางทีมแพทย์และลูกๆ ก็หวังว่าคุณพ่อจะอยู่กับเราได้ไประยะหนึ่งโดยยังไม่ต้องใช้ยามอร์ฟีน ในระยะแรก ทางคุณหมอได้ให้ทางครอบครัวกราบบังคมทูลเจ้านายและ ผู้ใกล้ชิดคุณพ่อ ให้มาหามาเยี่ยมและมาลาให้เรียบร้อย ในขณะที่คุณพ่อยังแจ่มใสอยู่ และก็หวังว่าคุณชายจะอยู่กับเราไปได้นานหน่อย เพื่อนสนิทส่วนมากของคุณพ่อ คนที่เคารพคุณพ่อก็ได้มากันหมดแล้ว

คืนวันที่ 25 อาการคุณพ่อได้ทรุดลงอย่างเร็ว ทางคุณหมอเริ่มให้ยามอร์ฟีนอ่อนๆ ก่อนเพื่อให้คุณพ่อไม่เหนื่อย และให้อาหารทางสาย และมีการดูดเสลดออกจากปอด พ่นยา เพื่อให้คุณพ่อหายใจได้ สบายขึ้น

เช้าวันที่ 26 ลูกๆหลานๆเข้ามาดูอาการคุณพ่อ คุณพ่อมีอาการปวดเพิ่มขึ้นและมีอาการบวมที่ท้อง เพราะมะเร็งมันเริ่มที่ท่อน้ำดี คุณหมอจึงให้ยามอร์ฟีนเพิ่มตามลำดับความดันของคุณพ่อยังดีอยู่ในวันนั้นยังสงบดี

เช้าวันที่ 27 คุณพ่อ อาการทรุดลงอีก มีเลือดออกมาในกระเพาะ คุณหมอได้ล้างกระเพาะให้ แต่อาการปวด เริ่มมากขึ้นจึงให้ ยามอร์ฟีน เพิ่มงดอาหารและน้ำ เหลือแต่น้ำเกลือและยามอร์ฟีน ความดันเริ่มลดลงมาตามลำดับ แต่ก็ถือว่ายังไม่ทรุดลงมากนัก

เมื่อคืนนี้ คุณพ่อปวดมากขึ้นตามลำดับ oxygen ลดลงมาเหลือ 94-96 บางครั้งก็ต่ำกว่านั้นเมื่อคุณพ่อกลั้นหายใจ ความดันลดลงมาที่ 106

คุณหมึกแดง

ผมค้างที่โรงแรมใกล้โรงพยาบาลเปาโลเมื่อคืน และ มาที่โรงพยาบาลแต่เช้า คุณพ่อปวดมากขึ้น ร้องและดิ้นไปหมด คุณหมอเพิ่มยามอร์ฟีนไปที่ 4 มิลิกรัม ต่อชั่วโมง เพิ่อคุณพ่อได้ไม่ทรมาน

การที่เราให้ยามอร์ฟีนกับคุณพ่อนั้นต้องคำนึงถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับความดันของคุณพ่อ ขณะนี้เป็นระยะสุดท้ายแล้วที่ทางคณะแพทย์และลูกๆจะพยายามทำให้คุณพ่อไม่เจ็บปวด และจากเราไปอย่าสงบและไม่ทรมาน เราเพียงแต่ดูอาการต่อไป แต่ก็ต้องเริ่มทำใจสวดมนต์และเตรียมตัวสำหรับการจากไปของคุณพ่อที่เราทุกคนรักและ เทิดทูนเหนือสิ่งใดในชีวิต

จึงกราบเรียนมาให้ทราบโดยทั่วกัน


ภาพ และ ข้อมูล : ครอบจักวาล

 

อ่านเรื่องราวอื่นๆ ต่อไปด้ที่นี่

ม.ล. ภาสันต์ สวัสดิวัตน์ ลูกไม้ใต้ต้น ปิ่นโตเถาเล็กที่พ่อหิ้วไปตั้งแต่เกิด

ศาลสั่ง ม.ร.ว. ถนัดศรี เป็นคนไร้ความสามารถ อยู่ภายใต้การดูแลของ ม.ล. ภาสันต์

เปิดลิสต์ 16 กระเป๋า Navy Blue โทนสีสุภาพ เรียบหรู แมทช์กับชุดไหนก็ดูแพง

account_circle

เปิดลิสต์ 16 กระเป๋า Navy Blue (สีกรมท่า) โทนสีสุภาพ เรียบหรู ดูสุขุม แมทช์กับชุดไหนก็ดูแพง น้อยแต่มากเรียบแต่โก้ต้องยกให้สีนี้ไปเลยรัวๆ

หากจะซื้อ กระเป๋าแบรนด์เนม ใบแรกสักใบ เราเชื่อว่าโดยส่วนใหญ่สีที่หลายๆ คนคงเลือกซื้อคือ สีดำ เพราะเป็นสีที่เข้ากับทุกลุค แมทช์กับชุดไหนก็เข้า ไม่ต้องคิดเยอะ (ยกเว้นแต่คุณจะเป็นสาวหวานหยดย้อย ใส่กระโปรงฟูฟ่อง ก็อาจจะไม่ถูกใจมากนัก) ที่สำคัญคือสีดำดูแลรักษาง่ายสุดในบรรดาทุกๆ สี แต่ยังมีอีกสีที่คุณสาวๆ อาจมองข้ามนั่นคือ กระเป๋า Navy Blue สีกรมท่า หรือ จะเรียกว่า กระเป๋าสีน้ำเงินเข้ม

อันที่จริงช่วงแรกในวงการแฟชั่น สีเนวี่บลูแทบจะได้รับความนิยมน้อยมากๆ ที่จะนำมาทำเป็นเครื่องหนัง แต่ในปี 2016 เป็นต้นมา สีกรมท่า หรือ หลายๆคนเรียกว่า กระเป๋าสีน้ำเงินเข้ม นี้กลับได้รับความนิยมมากขึ้นจนน่าแปลกใจ และฮอตฮิตต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ทำเอาสาวๆ หลายคนแอบปันใจจากสีดำ มาซบอกสีกรมท่ากันน่าดู ทั้งนี้ต้องบอกเลยว่าความเรียบหรู แต่ดูดีของสีเนวี่บลูนั้นมีเสน่ห์ในตัวเองจริงๆ เพราะเป็นสีสุภาพ ใช้งานง่าย เข้ากับทุกลุค ไม่ต่างจากสีดำเลย อีกทั้งยังขับผิวของผู้ใช้สีนี้ให้ดูออร่ามากยิ่งขึ้น ที่สำคัญคือเหมาะกับสีผิวทุกสี ไม่ว่าคุณจะเป็นคนผิวสีไหน เนวี่บลูก็เอาอยู่

ซึ่งถ้าใครยังไม่มีไอเดียว่าจะซื้อ กระเป๋าแบรนด์เนม ใบแรกในโทนสีนี้แบบไหน และจะซื้อแบรนด์ใด แพรวดอทคอมได้ลิสต์ 16 กระเป๋าแบรนด์เนม ในโทนสีเนวี่บลู มาให้คุณสาวๆ ได้ลองเลือกกัน บอกเลยว่าดีงามทุกใบ แล้วคุณจะหลงรักเนวี่บลูมากขึ้นแน่นอน

AllSaints Kita Hobo

Navy Blue

Balenciaga City Bag

Navy Blue

Botkier Perry Tote

Navy Blue

Boyy Bobby Tote

Navy Blue

Chloé Pixie Bag

Navy Blue

Dolce & Gabbana Lucia Top Handle Bag

Navy Blue

Givenchy Antigona Bag

Navy Blue

J.W. Anderson Pierce Bag

Navy Blue

Loeffler Randall Suede Shoulder Bag

Navy Blue

Louis Vuitton Pochette Mètis Bag

Navy Blue

Madewell Trick Tote

Navy Blue

Prada Pionniere Velvet Shoulder Bag

Mansur Gavriel Volume Clutch

Rebecca Minkoff Love Crossbody Bag

Saint Laurent Sunset Bag

Tory Burch Mini Juliette Top Handle Bag


ภาพ : purseblog

 

 

 

 

เจ้าหญิงชาร์ลอตต์ ไอคอนวัย 5 ชันษา สร้างเม็ดเงินมูลค่าแสนล้านในอังกฤษ

account_circle

เจ้าหญิงชาร์ลอตต์ ไอคอนวัย 5 ชันษา กับการสร้างเม็ดเงินมูลค่าหลายพันล้าน ในระบบเศรษฐกิจของประเทศอังกฤษ เพราะไม่ว่าเจ้าหญิงน้อยจะใส่เสื้อผ้าแบบไหน ใช้ไอเท็มอะไร เสื้อผ้าข้าวของเหล่านั้นเป็น ต้อง Sold out ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า จนของขาดตลาด!

เจ้าหญิงชาร์ลอตต์

เมื่อปี 2018 “Brand Finance Group” บริษัทให้คำปรึกษาด้านกลยุทธ์ และประเมินมูลค่าทรัพย์สิน พบว่าเจ้าหญิงชาร์ลอตต์สามารถนำเงินเข้าประเทศอังกฤษ นับตั้งแต่ที่พระองค์ทรงประสูติ จนถึงวัย 3 ชันษา โดยเจ้าหญิงน้อยทรงทำเงินได้มากถึง 4,300 ล้านดอลลาห์สหรัฐ หรือประมาณ 1.3 แสนล้านบาท มากกว่าเจ้าชายจอร์จที่ทำเงินไปได้ 3,200 ล้านดอลลาห์สหรัฐ

โดยเงินที่สะพัดเข้าประเทศอังกฤษนี้มีผลมาจากการที่เจ้าหญิงชาร์ลอตต์ทรงมีอิทธิพลด้านแฟชั่น ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า เครื่องประดับแบรนด์อังกฤษต่างๆ ที่พระองค์สวมใส่นั้น ขายดีจนถล่มทลาย จนไอเท็มหลายๆ ชิ้นขาดตลาด เรียกได้ว่าสร้างรายได้ให้กับทางแบรนด์อย่างมหาศาล

เจ้าหญิงชาร์ลอตต์

เจ้าหญิงชาร์ลอตต์

ทั้งนี้ในวันที่เจ้าหญิงชาร์ลอตต์ทรงประสูติที่โรงพยาบาลเซนต์แมรี่  และดัชเชสทรงอุ้มพระองค์ในผ้าคลุมสีขาวจากแบรนด์ G.H. Hurt & Sons ออกมาให้ทุกคนได้ยลโฉมนั้น ไอเท็มชิ้นนี้ก็ได้ความสนใจเป็นอย่างมาก ซึ่งนาย Gillian Taylor ไดเร็คเตอร์ของแบรนด์ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับ The Telegraph  เมื่อปี 2016 ว่า “ช่วงเวลาแค่ไม่กี่นาที มีคนเข้ามาดูสินค้าในเว็บไซต์มากกว่าหนึ่งแสนครั้ง จาก 183 ประเทศทั่วโลก ทั้งนี้เขายังเสริมอีกว่า ทางแบรนด์ขายผ้าคลุมชิ้นนี้ได้เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในอเมริกา, ออสเตรเลีย, แคนาดาและ ปัจจุบันก็ยังคงขายได้อย่างต่อเนื่อง

เจ้าหญิงชาร์ลอตต์ เจ้าหญิงชาร์ลอตต์ เจ้าหญิงชาร์ลอตต์

หลายๆ ครั้งที่เราได้เห็นเจ้าหญิงชาร์ลอตต์ทรงใส่ชุดกระโปรง ที่ดูสดใส น่ารัก ซึ่งชุดเหล่านี้มาจาก M&H แบรนด์เสื้อเด็กจากประเทศสเปน ซึ่งก็ทำเอาทางขายดีเป็นเทน้ำ เทท่า โดย Margarita Pato ผู้ก่อตั้งแบรนด์ได้ออกมาเผยว่า “เจ้าหญิงชาร์ลอตต์ทรงสวมชุดกระโปรงลายดอกไม้ของเรา พระองค์ทรงสร้างอิมแพคให้กับทางแบรนด์เป็นอย่างมาก มันเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับแบรนด์ขนาดกลางเช่นเรา ที่มีเพียง 5 สาขาในสเปน”

เจ้าหญิงชาร์ลอตต์

นอกจากนี้ ยังมีรองเท้าที่เจ้าหญิงชาร์ลอตต์ทรงใส่จากแบรนด์ My 1st Years ก็ทำให้ยอดขายสูงกว่าปกติมากถึง 97 เปอร์เซนต์ แต่ที่สร้างปรากฎการณ์จนกลายเป็นกระแสที่ถูกเรียกว่า ชาร์ลอตต์ เอฟเฟค คือชุดกระโปรงลายดอกไม้สีน้ำเงินจากแบรนด์ Little Alice London

ซึ่งพระองค์ทรงใส่เมื่อครั้งที่เสด็จไปเยี่ยมพระมารดา ในวันประสูติเจ้าชายหลุยส์เมื่อปี 2018 ซึ่งชุดนี้เรียกได้ว่าขายดีเอามากๆ โดยทุกไซส์ขายหมดภายในหนึ่งชั่วโมง และหมดสต็อคอย่างรวดเร็วถึงแม้ตัวหนึ่งจะราคาสูงถึง ₤45 ปอนด์ หรือประมาณ 2,000 บาท

เจ้าหญิงชาร์ลอตต์

เรียกได้ว่าเจ้าหญิงชาร์ลอตต์ทรงเป็นเจ้าหญิงที่คนทั่วโลกให้ความสนใจมากที่สุดอีกพระองค์หนึ่ง ความนิยมในตัวของเจ้าหญิงน้อยพระองค์นี้มีไม่แพ้ไปกว่าพระอัยยิกา (เจ้าหญิงไดอานา) พระมารดา (ดัชเชสเคท) และ พระปิตุจฉา (ดัชเชสเมแกน) โดยเฉพาะในเรื่องของแฟชั่นที่พระองค์ทรงมีอิทธิพลกับแม่ๆ ทั่วโลกที่อยากให้ลูกสาวใส่เสื้อผ้าเหมือนกับ เจ้าหญิงชาร์ลอตต์


ข้อมูล : www.express.co.uk

ภาพ : Getty Image

 

 

หอมฟุ้งพาใจนุชละลาย! รีวิวน้ำหอม ‘เป๊ก-ผลิตโชค’ COLOUR SOUL

ไม่ต้องป้ายยาเหล่าแฟนคลับก็พร้อมเปย์ เมื่อ เป๊ก-ผลิตโชค เปิดตัวน้ำหอมแบรนด์ตัวเองเป็นครั้งแรกในชื่อ COLOUR SOUL

หลังจากลุ้นกันมานานว่าความลับ (SECRET) ที่หนุ่มเป๊กคอยบอกใบ้กับแฟนๆ มาตลอดหลายเดือนคืออะไร ในที่สุดก็เฉลยออกมาแล้ว แต่กลับทำให้แฟนๆ แตกตื่นกันยิ่งกว่าเดิมซะงั้น เพราะหนุ่มเป๊กประกาศเปิดตัวแบรนด์ตัวเอง COLOUR SOUL EAU DE PARFUM/ SECRET COLLECTION  (คัลเลอร์ โซล โอ เดอ พาร์ฟูม / ซีเครทคอลเล็คชั่น) ถือเป็นครั้งแรกกับสินค้าที่ ‘เป๊ก-ผลิตโชค อายนบุตร’ เป็นเจ้าของด้วยตัวเอง โดยรุ่นแรกมาภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘SECRET’ นับเป็นเซอร์ไพร้ส์ที่เหล่านุชพากันกรี๊ดแตก เพราะล้วนอยากเป็นเจ้าของน้ำหอมขวดนี้กันทั้งนั้น!

โดยน้ำหอมที่ทำออกมาในครั้งนี้ เป็นเหมือนการส่งมอบของขวัญสุดพิเศษคืนให้กับแฟนคลับที่หนุ่มเป๊กรัก ซึ่งเจ้าตัวพิถีพิถันตั้งใจทุกรายละเอียด ทุกขั้นตอน ตั้งแต่การตั้งชื่อแบรนด์ บินไปประเทศอิตาลีเพื่อเลือกรูปแบบ และออกแบบผลิตภัณฑ์ด้วยตัวเอง รวมไปถึงการคัดเลือกโรงงานผู้ผลิตและนำเข้า วัตถุดิบที่ได้มาตรฐานสากล (EDP Grade, Imported Ingredients from Europe) คัดเลือกส่วนผสมและกลิ่นเอง ได้ทดลองใช้สินค้าจริงจนมั่นใจในคุณภาพของสินค้า เพื่อให้แฟนคลับได้รับสิ่งที่ดีที่สุด

เป๊ก-ผลิตโชค กล่าวว่า “ตื่นเต้นและดีใจมากๆ ครับ กับการเป็นเจ้าของน้ำหอมแบรนด์ตัวเอง COLOUR SOUL  เป็นน้ำหอม UNISEX  ใช้ได้ทั้งชายและหญิง หรือจะเป็นหนุ่มสาวคนไหนที่กำลังมองหาน้ำหอมเพิ่มเสน่ห์ ส่วนใครจะซื้อฝากคนรักรับรองว่าถูกใจแน่นอน ที่สำคัญสินค้าเป็น Limited Edition 10,000 ชิ้น การลงมือทำน้ำหอมแบรนด์ตัวเองในครั้งนี้ ที่ตั้งใจหลักๆ ก็เพื่อขอบคุณแฟนคลับที่สนับสนุนกันตลอดมา ‘เป๊ก’ ตั้งใจทำงานนี้มากๆ ฝากทุกคนเป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ :)”

สำหรับกลิ่นของน้ำหอม COLOUR SOUL หนุ่มเป๊กได้รังสรรค์โดยนำความสดใสจากส้มซีตรัส, มะกรูด, แมนดาริน ผสมผสานกับกลิ่นเปลือกไม้, ไม้ซีดาร์,พิมเสน, ดอกมะลิ, พืชตะไคร่น้ำ, สาหร่ายทะเล,กลิ่นเค็มจากเกลือ, อำพัน, อินทรีย์, และกลิ่นชะมดที่เป็นความหอมเฉพาะตัว ซึ่งวัตถุดิบทุกอย่างที่นำมาใส่พรีเมี่ยมจากทั่วยุโรปทั้งหมด

ด้านแพ็คเกจและดีไซน์ผลิตภัณฑ์ COLOUR SOUL SECRET EAU DE PARFUM (คัลเลอร์ โซล ซีเครท โอ เดอ พาร์ฟูม) หนุ่มเป๊กตั้งใจออกแบบด้วยตัวเอง BOTTLE ทรงเหลี่ยมแบบมีบ่า เพราะเป็นคนที่ชอบดีไซน์ที่เรียบๆ มีสไตล์ และโทนสีดำ-เงิน  จึงนำมาออกแบบบนขวดน้ำหอม เพื่อให้ดูน่าค้นหา อีกทั้งส่วนตัวก็ชอบสีสันของใบไม้และดอกไม้แนว TROPICAL FOREST บวกกับเวลาไปเที่ยวทะเล รู้สึกว่าทำให้เราสดชื่น เลยได้แรงบันดาลใจเลือกผสมผสานทั้งสองอย่างมารวมไว้บนขวด

หอมฟุ้งพาใจนุชละลาย! รีวิวน้ำหอม ‘เป๊ก-ผลิตโชค’ COLOUR SOUL

หลังจากทราบที่มาที่ไป รวมถึงส่วนผสมต่างๆ กันแล้ว ก็มาถึงการรีวิวจากผู้ใช้จริงกันบ้างค่ะ จากวันที่แพรวดอทคอมได้น้ำหอมมา ก็เริ่มสำรวจแพ็คเกจตั้งแต่กล่องไปจนถึงขวดน้ำหอม ความรู้สึกแรกที่เห็นแอบตกใจเพราะออกมาดีเกินคาด สีสันสดใสกว่าที่คิด แต่โดยรวมสามารถบ่งบอกตัวตนของเจ้าของแบรนด์ได้เป็นอย่างดี และเมื่อลองฉีดน้ำหอมลงบนข้อมือ สัมผัสแรกที่รู้สึกคือหัวสเปรย์สามารถฉีดน้ำหอมออกมาเป็นละอองละเอียดฟุ้งกระจายและนุ่มนวลมากๆ

กล่องสวยมากกกกก เป็นใบไม้และดอกไม้แนว TROPICAL FOREST ที่หนุ่มเป๊กชอบ

เปิดกล่องมาก็จะเป็นรูปเท่ๆ จากเจ้าของแบรนด์

ส่วนกลิ่นมีความหอมสดชื่นกำลังดี แอบซ่อนความหวานไว้อย่างลงตัว ไม่เลี่ยนแต่กลับหวานนุ่มและซุกซน กลิ่นแรกอย่าง Top note (กลิ่นช่วงนี้จะอยู่ได้ประมาณช่วง 10 – 20 นาทีแรก) ไม่แรงหรือฉุนจนต้องหันหน้าหนี ในทางกลับกันดันเป็นกลิ่นที่ปลื้มมากๆ เพราะส่วนตัวแล้วนานๆ ทีจะเจอน้ำหอมที่กลิ่น Top note ละมุนขนาดนี้

จากนั้นก็ปล่อยให้ Middle Notes (กลิ่นช่วงนี้จะอยู่ได้ประมาณช่วง 4-6 ชั่วโมง) ได้ทำหน้าที่ และต้องพิสูจน์ว่าจะติดทนนานจริงไหม ขอบอกเลยว่าฉีดลุยมาทุกสถานการณ์ ตั้งแต่นั่งทำงานในห้องแอร์แบบสบายๆ , ไปงานรับปริญญาน้องสาว หรือแม้กระทั่งเดินช้อปปิ้งที่ตลาดนัดจตุจักรบ่ายจรดค่ำ กลิ่นน้ำหอมก็ยังติดทนตามคำเคลมที่ว่าเป็น EAU DE PARFUM จริงๆ (น้ำหอมที่มีส่วนผสมของน้ำมันหอมในปริมาณ 15-18 % กลิ่นติดทนนานถึง 4-6 ชั่วโมง) จากนั้นก็ทิ้งกลิ่นจางๆ ของ Base Notes เอาไว้ (กลิ่นสุดท้ายของน้ำหอมที่อยู่นานตลอดทั้งวัน) จังหวะที่ยกมือขึ้นมารวบผมก็ได้กลิ่นน้ำหอมเบาๆ จากข้อมือตัวเอง ขอบอกว่ากลิ่นหอมมีเสน่ห์มาก ฉีดแล้วจะรู้สึกตกหลุมรักตัวเองเลยล่ะ

เปิดมาอีกชั้นก็ต้องกรี๊ดดดด เพราะขวดน้ำหอมสวยแพงมากกกก

ซูมกันชัดๆ ขวดน้ำหอมลายสวยและโดดเด่นจริงๆ

ด้านหลังขวดเป็นสีดำเรียบๆ สกรีนตัวหนังสือสีขาว

ด้านในกล่องที่ได้มา ประกอบไปด้วยน้ำหอม รูป การ์ด และซีเคร็ท ฟลาวเวอร์ ที่เปิดออกมาจะเป็นดอกเดซี่

โฟกัสใกล้ๆ กันอีกรอบ ทุกอย่างลงตัวและมีความเป็นเฮียจริงๆ

ดอกไม้ที่ถูกใส่มาเป็นดอก African daisy ที่หมายถึงความบริสุทธิ์ใจต่อกันและกัน เป็นตัวแทนความรักอันซื่อสัตย์และภักดี

ดีเทลต่างๆ ที่ถูกเลือกตั้งแต่กลิ่น ดีไซน์ของขวด ลวดลายต่างๆ รวมไปถึงซีเคร็ท ฟาวเวอร์ เรียกได้ว่าทุกสิ่งที่ใส่มา เต็มไปด้วยความใส่ใจของหนุ่มเป๊กจริงๆ แบบนี้จะไม่เปย์ไหวเหรอ


เรื่องและภาพ : Hana_แพรวดอทคอม (ฮานะ)

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

วงการผู้ปกครองสั่นสะเทือน! ซูมแฟชั่นแม่ชม ส่งลูกแฝดไปโรงเรียน

เพราะเหตุใด สุภาพสตรีในราชวงศ์อังกฤษ ไม่ถอดเสื้อคลุมในที่สาธารณะ

ไม่จำเป็นต้องเซ็กซี่ ‘คูฮเยซอน’ นางเอกหน้าหวาน กับสไตล์ที่เป็นตัวเอง

โสดเจิดจรัส ‘ซงฮเยคโย’ สวยจิกกล้องแตก ถ่ายแบบแบรนด์รองเท้าในเมืองไทย

รวมลุค Baby Bump สวยใสสไตล์ ‘เจนี่’ ว่าที่คุณแม่คนใหม่ของแก๊งนางฟ้า

สวยทุกองศา ‘ยุนอึนฮเย’ อัพเดทลุคสมาร์ทเซ็กซี่ ร่วมอีเว้นท์ดัง

เรียบแต่โก้! ‘ปาร์คบอม’ อดีตสมาชิก 2NE1 โชว์เรียวขาสวย ร่วมอีเว้นท์ในกรุงโซล

ถอดราคาทุกไอเท็ม! ‘จีซู BLACKPINK’ สวยหรูในลุคคุณหนู Dior

อยากได้ของแท้ ต้องเช็คราคา! 6 กระเป๋าแบรนด์เนมรุ่นดัง ที่ใครๆ ก็หมายตา

สวยเท่มีสไตล์ ‘มินนี่-ณิชา’ แห่งวง (G)I-DLE อีกหนึ่งสาวไทยในวงการ K-POP

เก๋ไม่เหมือนใคร! ‘แพรี่พาย’ หลงรักผ้าไทย ครีเอทดีไซน์จนน่าใส่ตาม

หวานหยาดเยิ้ม ‘ตี๋ลี่เร่อปา’ ในเดรสสีชมพูพาสเทล ร่วมอีเว้นท์แบรนด์ดัง

เลอค่าทุกใบ! เช็คราคากระเป๋า Chanel Métiers d’Art 2019 ดีไซน์สไตล์อียิปต์

สไตล์ที่ไม่เคยเปลี่ยน! ทำไม ‘เจ้าหญิงชาร์ลอตต์’ ทรงใส่แต่เดรส

แฟนคลับจีนเปย์หนัก! ส่งของแบรนด์เนมให้ ‘ลิซ่า’ ฉลองครบรอบ 3 ปี BLACKPINK

ในหลวง โปรดเกล้าฯ ให้เผยแพร่ประวัติเจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี

Alternative Textaccount_circle

ตามที่ เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สถาปนา พลตรีหญิง ท่านผู้หญิงสินีนาฏ วงศ์วชิราภักดิ์ ขึ้นเป็น “เจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี”

เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2562 พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดทำประวัติเจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี และพระราชทานพระบรมฉายาลักษณ์ที่ฉายกับเจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี โดยทรงมีพระบรมราชานุญาตให้เผยแพร่ลงในเว็บไซต์  www.royaloffice.th ของหน่วยราชการในพระองค์ ดังนี้

เจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี ในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมสถาปนาเป็นเจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 เกิดวันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2528 จ.น่าน จบการศึกษาระดับประถมศึกษา ที่โรงเรียนราชปิโยรสา ยุพราชานุสรณ์ (ริม-ป่าคาประชานุเคราะห์) ต.ท่าวังผม อ.ท่าวังผา จ.น่าน ระดับมัธยมศึกษา ที่โรงเรียนท่าวังผาพิทยาคม ต.ท่าวังผา อ.ท่าวังผา จ.น่าน โดยในปี พ.ศ. 2551 สำเร็จการศึกษาระดับชั้นปริญญาตรี พยาบาลศาสตร์บัณฑิต วิทยาลัยพยาบาลกองทัพบก รุ่นที่ 41 ปี พ.ศ. 2551

ประวัติด้านการศึกษาหลักสูตรทางทหาร

– สำเร็จหลักสูตรทหารอาสามหาดเล็กราชวัลลภ มวก.หญิง รักษาพระองค์ ปี พ.ศ. 2557
– สำเร็จฝึกหลักสูตรหน่วยทหารทรหด ปี พ.ศ. 2557
– สำเร็จการฝึกหลักสูตร Combat Qualifying Course Jungle Warfare ของหน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ปี พ.ศ.2558
– สำเร็จการศึกษาตามหลักสูตร ชั้นนายร้อย หน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ของโรงเรียนทหารราบ ศูนย์การทหารราบ ปี พ.ศ. 2558
– สำเร็จการศึกษาตามหลักสูตร ชั้นนายพัน หน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ของโรงเรียนทหารราบ ศูนย์การทหารราบ ปี พ.ศ. 2558
– สำเร็จการศึกษาตามหลักสูตรหลักประจำ โรงเรียนเสนาธิการทหารบก ชุดที่ 95 ปีการศึกษา 2560

ประวัติด้านการศึกษาหลักสูตรพิเศษและการบิน

– สำเร็จการศึกษาตามหลักสูตร ส่งทางอากาศ ของโรงเรียนสงครามพิเศษ ศูนย์สงครามพิเศษ รุ่นที่ 292 ปี พ.ศ. 2558 การศึกษาดีเด่น ประกอบด้วย กระโดดร่มตัวเปล่าในเวลากลาง และกระโดดร่มประกอบเครื่องสนามในเวลากลางวัน
– สำเร็จการศึกษาตามหลักสูตร ส่งทางอากาศนาวิกโยธิน ของโรงเรียนทหารนาวิกโยธิน ปี พ.ศ. 2560 (กระโดดร่มในเวลากลางคืน)
– ทบทวนหลักสูตร ส่งทางอากาศ ของโรงเรียนสงครามพิเศษ ศูนย์สงครามพิเศษ ปี พ.ศ. 2562 (กระโดดร่มในเวลากลางคืน)
– ศึกษาภาควิชาการบิน ของโรงเรียนการบิน กองทัพอากาศไทย (กำแพงแสน) และทำการฝึกบินกับเครื่องบิน บ.ฝ.16ก. ปี พ.ศ. 2561
– ศึกษาหลักสูตร Private Pilot License (PPL) ณ โรงเรียนการบิน Jesenwang สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี

ประวัติการรับราชการ และการถวายงาน

ปี พ.ศ. 2551 – พยาบาลประจำแผนกห้องฉุกเฉิน กองการพยาบาล โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า
ปี พ.ศ. 2551 – 2555 – พยาบาลประจำแผนกอายุรกรรมหญิง กองการพยาบาล โรงพยาบาลอานันทมหิดล
ปี พ.ศ.2555 – ดำรงตำแหน่ง เจ้าพนักงานในพระองค์ ประเภททั่วไป ระดับชำนาญงาน งานศิลปาชีพ 904 ฝ่ายกิจการพิเศษ ประจำราชสำนัก โครงการในพระองค์ฯ และการพระราชกุศล ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร สำนักพระราชวัง
ปี พ.ศ. 2557 – ดำรงตำแหน่งเจ้าพนักงานในพระองค์ ประเภททั่วไประดับอาวุโส งานพระราชกุศล และพระราชานุเคราะห์ โครงการในพระองค์ ฝ่ายราชเลขานุการ กองกิจการในพระองค์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร สำนักพระราชวัง
ปี พ.ศ. 2558 – ดำรงตำแหน่ง รองผู้บังคับกองร้อยทหารมหาดเล็ก ราชวัลลภรักษาพระองค์ (3) ศูนย์ฝึกทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ โรงเรียนทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ หน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ (อัตราพันตรี)

ประวัติการรับราชการ และการถวายงาน

ปี พ.ศ. 2558 – ดำรงตำแหน่ง เจ้าพนักงานในพระองค์ ประเภททั่วไประดับอาวุโส งานพระราชกุศล และพระราชานุเคราะห์ โครงการในพระองค์ ฝ่ายราชเลขานุการ กองกิจการในพระองค์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร สำนักพระราชวัง
ปี พ.ศ. 2559 – ดำรงตำแหน่ง ประจำหน่วย ทหารมหาดเล็ก ราชวัลลภรักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการถวายความ ปลอดภัยรักษาพระองค์ (อัตราพันโท)
ปี พ.ศ. 2559 – ดำรงตำแหน่ง ประจำหน่วยหน่วยทหารมหาดเล็ก ราชวัลลภรักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการถวายความ ปลอดภัยรักษาพระองค์ (อัตราพันเอก)
ปี พ.ศ. 2561 – ดำรงตำแหน่ง ผู้บังคับกองพันราชสำนัก กรมทหารรักษาวังมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ กองบัญชาการทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ (อัตราพันเอกพิเศษ)
ปี พ.ศ. 2561 – ดำรงตำแหน่ง รองผู้บังคับการกรมทหารรักษาวังมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ กองบัญชาการทหาร มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ (อัตราพันเอกพิเศษ)
– ปฏิบัติหน้าที่ ผู้บังคับกองพันราชสำนัก กรมทหารรักษาวังมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ กองบัญชาการทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ (อัตราพันเอกพิเศษ)

ประวัติการรับราชการ และการถวายงาน
ปี พ.ศ. 2562 – ปัจจุบัน – ดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการกองปฏิบัติการกิจการ ราชสำนัก กรมกิจการวัง (อ) ทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ กรมฝ่ายเสนาธิการ กองบัญชาการทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ (อัตราพลตรี)
– ปฏิบัติหน้าที่ รองผู้บังคับการกรมทหารรักษาวังมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ กองบัญชาการทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์
– ปฏิบัติหน้าที่ ผู้บังคับกองพันราชสำนัก กรมทหารรักษาวังมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ กองบัญชาการทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์
ปี พ.ศ. 2560 – ปัจจุบัน – ปฏิบัติหน้าที่ราชองครักษ์ในพระองค์พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว

ด้านเครื่องราชอิสริยาภรณ์
ปี พ.ศ. 2556 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นตริตาภรณ์มงกุฎไทย (ต.ม.)
ปี พ.ศ. 2559 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นตริตาภรณ์ช้างเผือก (ต.ช.)
ปี พ.ศ. 2559 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย (ท.ม.)
ปี พ.ศ. 2560 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นทวีติยาภรณ์ช้างเผือก (ท.ช.)
ปี พ.ศ. 2562 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นสูงสุดมหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.)
ปี พ.ศ. 2562 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นสูงสุดมหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.)
ปี พ.ศ. 2562 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า (ฝ่ายใน) ชั้นที่ 1 ปฐมจุลจอมเกล้า (ป.จ.)
ปี พ.ศ. 2562 – เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 10 ชั้นที่ 1 (ว.ป.ร.1)
ปี พ.ศ. 2562 – เข็มราชวัลลภทองคำลงยา

ด้านราชการและภารกิจพิเศษ
ปี พ.ศ. 2559 – ปัจจุบัน – ปฏิบัติหน้าที่ถวายงานการพระราชกุศลในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
– ปฏิบัติหน้าที่ฝ่ายเสนาธิการ โครงการพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว

ด้านประสบการณ์ในการปฏิบัติหน้าที่
ปี พ.ศ. 2560 – ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งผู้บังคับแถวแซงเสด็จขบวนพระบรมราชอิสริยยศ ในการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
– ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งองครักษ์คู่เคียงพระบรมอัฐิ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
– ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งยามถวายพระเกียรติพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพล อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
– ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งแถวรับเสด็จ ขบวนพระบรมราชสรีรางคาร พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ณ วัดบวรนิเวศวิหาร


 

“ปลา-เกวลิน”

สาวงามจากปลายด้ามขวาน “ปลา-เกวลิน” ดาวรุ่งผู้โดดเด่นใน “สามีสีทอง”

Alternative Textaccount_circle
“ปลา-เกวลิน”
“ปลา-เกวลิน”

“ปลา-เกวลิน” ดาวรุ่งผู้โดดเด่นใน “สามีสีทอง” สาวงามจากปลายด้ามขวาน ผู้มีฝันอยากจะเป็นนักแสดงสาวมากความสามารถแบบรุ่นพี่ “ญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์”

“ปลา-เกวลิน”

ยังคงความเข้มข้นตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบันเลยสำหรับละครเรื่อง “สามีสีทอง” ของช่อง อมรินทร์ ทีวี HD กด 34 โดยในตอนปัจจุบันนี้ตัวละครต่างๆ ได้เผยปมออกมาแล้ว โดยเฉพาะคู่ของ “คำหลวง” (น็อต-วรฤทธิ์ เฟื่องอารมณ์) กับ “ทองพัน” (เข็ม-ลภัสรดา ช่วยเกื้อ) ได้รับรู้การมีอยู่ของ “พองาม”แสดงโดย “ปลา-เกวลิน” ลูกสาวเพียงคนเดียวของ “คำหลวง” ที่เกิดกับ “เพลินตา” (อ๋อม-สกาวใจ พูนสวัสดิ์) ซึ่ง “คำหลวง” ดีใจที่ได้พบทายาท ขณะที่เมียหลวงอย่าง“ทองพัน”ไม่ชอบนักที่ต้องเห็นลูกภรรยาน้อยมาใกล้ชิดกับสามีของตน นั่นจึงทำให้ทั้งคู่ทะเลาะกันบ่อยๆ ทำให้น้องใหม่อย่าง “เกวลิน อุดมอักษร” ต้องเข้าฉากปะทะอารมณ์กับรุ่นพี่ “เข็ม-ลภัสรดา ช่วยเกื้อ”และ “อ๋อม-สกาวใจ พูนสวัสดิ์” หลายฉากแต่เธอก็ทำออกมาได้ดีเลยทีเดียว

“ปลา-เกวลิน”

“ปลา-เกวลิน”

โดย “เกวลิน อุดมอักษร” หรือ “ปลา” เกิดเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2539 เป็นสาวสวยที่มาไกลจากหาดใหญ่ พื้นที่ปลายด้ามขวานของประเทศไทย แม้จะไม่หน้าตาคมเข้มแต่ก็ไม่แพ้บรรดานักแสดงสาวรุ่นพี่ที่มีพื้นเพมาจากทางใต้ แต่ละคนสวยจับใจทั้งนั้น อาทิ “ ทับทิม-อัญรินทร์ ธีราธนันพัฒน์, “ปอย-ตรีชฎา เพชรรัตน์”, “มุก-มุกดา นรินทร์รักษ์”, “แพทริเซีย กู๊ด”, “เนย-โชติกา วงศ์วิลาศ” เป็นต้น

สำหรับผลงานการแสดงที่เธอผ่านมานั้นก็มีหลายเรื่อง Love Songs Love Series ตอน จะรักหรือจะร้าย, เมียน้อย, Club Friday The Series 10 รักนอกใจ ทั้งนี้เธอได้เปิดเผยถึงความรู้สึกกับงานแสดงว่าทำแล้วรู้สึกสนุกตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการฝึกและหาประสบการณ์แม้ว่าจะยากแต่เธอก็จะพยายามอย่างเต็มที่ ซึ่งสาวสวยยังได้เปิดเผยว่าไอดอลทางการแสดงของเธอก็คือนักแสดงสาวมากความสามารถ “ญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์ “ นั่นเอง

สามารถติดตามชมได้ในละคร สามีสีทอง ที่ออกอากาศทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 22.00 น. ทางช่อง อมรินทร์ ทีวี HD กด 34

https://www.instagram.com/p/B0s6ajzhaXW/?igshid=1cf1lfrd8sdlk


 

สุภาพสตรีในราชวงศ์อังกฤษ ไม่ถอดเสื้อคลุมในที่สาธารณะ

เพราะเหตุใด สุภาพสตรีในราชวงศ์อังกฤษ ไม่ถอดเสื้อคลุมในที่สาธารณะ

สุภาพสตรีในราชวงศ์อังกฤษ ไม่ถอดเสื้อคลุมในที่สาธารณะ
สุภาพสตรีในราชวงศ์อังกฤษ ไม่ถอดเสื้อคลุมในที่สาธารณะ

กฎการแต่งกายอีกข้อที่ต้องปฏิบัติตาม สุภาพสตรีในราชวงศ์อังกฤษ ไม่ถอดเสื้อคลุมในที่สาธารณะ จะด้วยเหตุผลใด วันนี้เราหาคำตอบมาให้แล้ว

ถ้าใครติดตามข่าวสารหรือเรื่องราวเกี่ยวกับราชวงศ์อังกฤษคงไม่แปลกใจเท่าไหร่กับกฎเกณฑ์ต่างๆ ที่สมาชิกราชวงศ์ต้องเจอ แม้ว่ากฎบางข้อจะทำให้ต้องขมวดคิ้วด้วยความสงสัย หรือบางข้อก็ดูไม่น่าจะเป็นกฎได้ โดยเฉพาะกฎการแต่งกายของเหล่าสุภาพสตรีที่มักจะมีข้อห้ามและข้อควรทำอยู่มากมาย ไม่ว่าจะการถือคลัทช์ด้วยสองมือ , การห้ามสวมใส่เสื้อผ้าขนสัตว์ หรือต้องเตรียมชุดดำไว้เมื่อต้องเดินทางไปต่างประเทศ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นกฎที่สุภาพสตรีในราชวงศ์อังกฤษปฏิบัติกันมาช้านาน จนสมาชิกรุ่นหลังๆ ก็ยังคงปฏิบัติตามกันมาเรื่อยๆ

สุภาพสตรีในราชวงศ์อังกฤษ ไม่ถอดเสื้อคลุมในที่สาธารณะ

นอกจากกฎที่เราได้กล่าวไปข้างต้น ยังมีอีกหนึ่งข้อที่หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อน นั่นคือ สุภาพสตรีในราชวงศ์อังกฤษ ไม่ถอดเสื้อคลุมในที่สาธารณะ ถือเป็นสิ่งที่จะไม่มีทางได้เห็นอย่างแน่นอน หากลองสังเกตจะพบว่าสุภาพสตรีในราชวงศ์อังกฤษไม่เคยถอดเสื้อคลุมออก ณ ตรงนั้นเลย เราจะสามารถเห็นว่าชุดด้านในเป็นแบบไหนก็ต่อเมื่ออยู่ภายในอาคารแล้วเท่านั้น นอกจากการออกมาข้างนอกจะมีอากาศที่หนาวจนต้องสวมเสื้อคลุมไว้ตลอด แต่อีกหนึ่งเหตุผลที่สำคัญจนกลายเป็นกฎข้อห้ามคือการถอดเสื้อคลุมออกถูกมองว่าเป็นการกระทำที่ไม่สุภาพและไม่เหมาะสมสำหรับดัชเชสหรือเจ้าหญิง ในทางกลับกันการหยิบเสื้อคลุมขึ้นมาใส่ในที่สาธารณะก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำเช่นเดียวกัน

สุภาพสตรีในราชวงศ์อังกฤษ ไม่ถอดเสื้อคลุมในที่สาธารณะ

เหตุผลของกฎแต่ละข้อ บ่งบอกความเป็นผู้ดีอังกฤษโดยแท้จริงๆ

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

สไตล์ที่ไม่เคยเปลี่ยน! ทำไม ‘เจ้าหญิงชาร์ลอตต์’ ทรงใส่แต่เดรส

ไม่จำเป็นต้องเซ็กซี่ ‘คูฮเยซอน’ นางเอกหน้าหวาน กับสไตล์ที่เป็นตัวเอง

โสดเจิดจรัส ‘ซงฮเยคโย’ สวยจิกกล้องแตก ถ่ายแบบแบรนด์รองเท้าในเมืองไทย

สวยทุกองศา ‘ยุนอึนฮเย’ อัพเดทลุคสมาร์ทเซ็กซี่ ร่วมอีเว้นท์ดัง

เรียบแต่โก้! ‘ปาร์คบอม’ อดีตสมาชิก 2NE1 โชว์เรียวขาสวย ร่วมอีเว้นท์ในกรุงโซล

ถอดราคาทุกไอเท็ม! ‘จีซู BLACKPINK’ สวยหรูในลุคคุณหนู Dior

อยากได้ของแท้ ต้องเช็คราคา! 6 กระเป๋าแบรนด์เนมรุ่นดัง ที่ใครๆ ก็หมายตา

สวยเท่มีสไตล์ ‘มินนี่-ณิชา’ แห่งวง (G)I-DLE อีกหนึ่งสาวไทยในวงการ K-POP

เก๋ไม่เหมือนใคร! ‘แพรี่พาย’ หลงรักผ้าไทย ครีเอทดีไซน์จนน่าใส่ตาม

หวานหยาดเยิ้ม ‘ตี๋ลี่เร่อปา’ ในเดรสสีชมพูพาสเทล ร่วมอีเว้นท์แบรนด์ดัง

เลอค่าทุกใบ! เช็คราคากระเป๋า Chanel Métiers d’Art 2019 ดีไซน์สไตล์อียิปต์

สไตล์ที่ไม่เคยเปลี่ยน! ทำไม ‘เจ้าหญิงชาร์ลอตต์’ ทรงใส่แต่เดรส

แฟนคลับจีนเปย์หนัก! ส่งของแบรนด์เนมให้ ‘ลิซ่า’ ฉลองครบรอบ 3 ปี BLACKPINK

รวมลุค Baby Bump สวยใสสไตล์ ‘เจนี่’ ว่าที่คุณแม่คนใหม่ของแก๊งนางฟ้า

แบรนด์ไทยยัยหนูก็เลิฟ! รวมลุค ลิซ่า BLACKPINK กับแฟชั่นฝีมือคนไทย


ภาพ : getty images

10 ลุคสุดเซี๊ยะ เซ็กซี่เหลียวหลัง “แพทริเซีย กู๊ด” หนูไม่ได้แบ๊วๆ ใสๆ

account_circle

ยิ่งโต ยิ่งสวย แถมหุ่นดีขึ้นทุกวัน สำหรับนางเอกสาว “แพทริเซีย กู๊ด” สลัดภาพนางเอกสวยหวานมาเป็นสาวเปรี้ยวกับ 10 ลุคสุดเซี๊ยะ เซ็กซี่ขยี้ใจเบาๆ ตามที่สาวแพทได้ให้สัมภาษณ์อย่างชัดเจนว่า “หนูก็ไม่ได้รู้สึกว่า แบ๊วๆ ใสๆ ตั้งแต่แรก”

หลังจากตกอยู่ในกระแสวิพากษ์ วิจารณ์มาพักใหญ่สำหรับข่าวการเลิกรากับ หนุ่ม “พีช พชร” ล่าสุดนางเอกสาวลูกครึ่ง “แพทริเซีย กู๊ด” ก็ได้ออกมาเปิดใจ และให้สัมภาษณ์ถึงข่าวดราม่าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสาเหตุของการเลิกกันของเธอและหนุ่มพีช พชร และกรณีภาพหลุดที่ไปนั่งทานข้าวกับ หนุ่ม “โน้ต วิเศษ” รวมถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ ที่งานนี้สาวแพทก็คอนเฟิร์มชัดๆ อีกว่า เธอและหนุ่มโน้ตยังเป็นแค่คนรู้จักกันเท่านั้น

ทั้งนี้แพทริเซียยังถูกนักข่าวถามอีกว่า จากข่าวนี้คนเขามองว่าลบภาพ แบ๊วๆ ใสๆ ของแพทไปหมดเลย  ซึ่งเธอเองก็ได้ตอบอย่างชัดเจนว่า

“แบ๊วๆ ใสๆ เหรอคะ หนูก็ไม่ได้รู้สึกว่า แบ๊วๆ ใสๆ ตั้งแต่แรก อาจจะเป็นเพราะว่า…. พี่ๆ รู้สึกไหมว่าตั้งแต่ที่หนูเข้าวงการมา พูดอะไรหนูก็ตรง อาจจะเป็นด้วยบทละคร การที่เรายังเด็ก เราก็ถ่ายแบบ ไม่สามารถทำอะไรได้หลากหลาย แต่พอเราถึงจุดๆ หนึ่งที่โอเค เรียนจบแล้ว ทุกคนก็อาจจะเห็นว่ามันเหมาะสมที่แพทสามารถรับบทอะไรที่มันท้าทายขึ้น หรือว่าโตขึ้น”  

พูดไปอาจจะยังไม่เห็นภาพ แพรวดอทคอมคัด 10 ลุคมาให้ดูกันชัดๆ ว่าสาวแพทนั้นโตขึ้นมากจริงๆ ลืมภาพ น้อยหน่า สาวน้อยวัยใสในละครเรื่อง หนุ่มบ้านไร่กับหวานใจไฮโซ ไปได้เลยจ้า


ภาพ : @patriciagood

 โน๊ต วิเศษ ไฮโซหนุ่มเจ้าเสน่ห์ อดีตหวานใจ เหล่านางเอกแถวหน้าวงการบันเทิงไทย

ร้อนใจ “โน้ต-วิเศษ” เคลื่อนไหว “แพทริเซีย” ตกเป็นเหยื่อของข่าวและคำพูดของคน

“ผมรู้สึกแย่ที่เขาถูกด่า เขาไม่ได้ฆ่าคนตาย” พีช-พชร ปกป้อง “แพทริเซีย”

สัญญาณสุดทางรัก “พีช-พชร” อันฟอลโลว์ ด้าน “แพทริเซีย” ร้องไห้กลางวันเกิด

“แพทริเซีย” เมาท์ “พีช-พชร” ใครว่าแบดบอย ออกจะน่ารัก มุ้งมิ้ง อยู่ด้วยแล้วแฮ็ปปี้

คู่รักดิสนีย์แลนด์เลิฟเวอร์ “พีช-แพทริเซีย” ควงแขนเช็คอินแจกความมุ้งมิ้งทั่วโลก

จะถูกใจไหม! เมื่อ ‘พีช-พชร’ ซื้อข้าวของให้ ‘แพทริเซีย’ ด้วยงบ 10,000 บาท

น่าชื่นชม พีช-แพทริเซีย ไม่ซื้อดอกไม้ให้กันในวันรับปริญญา แต่จะนำเงินไปทำบุญแทน

 ตาเป็นประกาย! โฟกัส แหวนคู่ที่นิ้วนางข้างซ้าย พีช – แพทริเซีย

“แพทริเซีย” เมาท์ “พีช-พชร” ใครว่าแบดบอย ออกจะน่ารัก มุ้งมิ้ง อยู่ด้วยแล้วแฮ็ปปี้

“คูฮเยซอน”

ช้ำใจอย่างต่อเนื่อง “คูฮเยซอน” เผยว่าสามีต้องการหย่าเพราะเธอหัวนมไม่เซ็กซี่

Alternative Textaccount_circle
“คูฮเยซอน”
“คูฮเยซอน”

หลังจากที่เมื่อเร็วๆนี้ เรื่องราวการหย่าร้างของ “ซงซงคัพเพิล” คู่รักคู่ขวัญจากซีรีส์ “Descendants of the Sun” ของช่อง KBS ได้ปิดฉากลงไม่นาน ก็ได้เกิดข่าวฉาวครั้งใหม่ในวงการ เมื่อมีการเปิดเผยว่าความรักของคู่รักนอกจอ “คูฮเยซอน” กับ”อันแจฮยอน” จากซีรีส์ “Blood” ช่อง KBS ก็มาถึงทางตันอีกคู่

18 สิงหาคม 2561 “คูฮเยซอน” นางเอกสาวจากซีรีส์ “Blood” ได้ออกมาเปิดเผยผ่านไอจีส่วนตัวระบุถึงข่าวเกี่ยวกับชีวิตคู่ของเธอว่า “เมื่อความรักของเราได้จืดจางลง หัวใจของสามีฉันก็เปลี่ยนไป และเขาต้องการที่จะหย่า แต่ฉันยังคงอยากที่จะอยู่ในสถานะแต่งงานอยู่ ในสัปดาห์หน้าตัวแทนของสามีฉันจะเปิดเผยรายงานข่าว ฉันจึงมาแจ้งให้ทุกคนได้ทราบว่าทั้งหมดไม่เป็นความจริง ฉันหวังว่าความจริงจะเปิดเผยออกมาค่ะ” นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าการที่นักแสดงสาวตัดสินใจออกมาดับเครื่องชนสามีเป็นผลพวงจากการที่คุณแม่ของเธอสุขภาพแย่จากเรื่องดังกล่าว รวมถึงต้นสังกัดที่ดาราสาวมองว่าเข้าข้างคู่กรณีมากกว่า เนื่องจากเธอเพิ่งมาเซ็นสัญญากับบริษัทดังกล่าวภายหลังจากแต่งงานกับ “อันแจฮยอน”

“คูฮเยซอน”

21 สิงหาคม 2561 พระเอก “Blood” ออกมาเปิดเผยเรื่องราวในมุมของตนเองระบุว่า “ผมเคยรักคูฮเยซอนและเคารพเธอ จึงตัดสินใจแต่งงานกัน  และ 3 ปีที่ผ่านมาของการสมรสก็เป็นช่วงเวลาที่มีความสุข แต่ก็มีช่วงเวลาที่เกินกว่าจิตใจของผมจะรับได้  เราพยายามปรับปรุงความสัมพันธ์ของเราแล้ว แต่มันไม่ง่ายที่จะลดความแตกต่างของเราทั้งคู่ ดังนั้ เราจึงตัดสินใจจะแยกทาง ผมทิ้งบ้านไว้ให้เธอกับสัตว์เลี้ยง 5 ตัว เพื่อให้เธอสะดวกสบาย และผมได้จัดการค่าใช้จ่ายตามที่เธอคำนวณไว้แต่กลายเป็นว่าเธอเรียกร้องเงินเพิ่มจากเดิมอ้างว่าจำนวนเงินที่เราตกลงกันก่อนหน้านี้ไม่เพียงพอ ซึ่งผมต้องไปกู้เงินและขายบ้านจึงทำให้ต้องไปปรึกษาเรื่องนี้กับต้นสังกัด” พร้อมกันนี้พระเอกแวมไพร์ยังเปิดเผยว่า หลังจากที่พยายามตกเรื่องหย่าแต่ฝ่ายหญิงไม่ยอม เธอได้ขอกุญแจสำรองและบุกขึ้นมาในห้องของเขา นั่นทำให้เขารู้สึกกลัวเธอ ไม่เพียงเท่านั้น เขายังเปิดเผยอีกว่าเขาแต่งงานกับนางเอกดังมานาน 3 ปีก็จริงแต่ 1 ปีกับ 4 เดือนที่ผ่านมานั้นเขาต้องกินยาและรักษาโรคซึมเศร้าด้วย

“คูฮเยซอน”

วันเดียวกันหลังจากที่ “อันแจฮยอน”ออกมาเปิดเผยนางเอกสาวได้โพสต์ข้อความชี้แจงเพิ่มเติมอย่างทันควันระบุว่าเรื่องเงินที่เขาพูดมานั้นไม่ตรงประเด็น เพราะเธอต้องการเงินแต่งงานที่เอาไปบริจาคให้แก่โรงพยาบาลเด็กร่วมกันคืน (เงินบริจาคตกลงจะจ่ายคนละครึ่งแต่กลายเป็นว่านางเอกสาวเป็นคนออกเองคนเดียว) รวมทั้งเงินชดเชยจากจำนวนที่เธอจ่ายค่าตกแต่งบ้านไปทั้งหมด ยิ่งไปกว่านั้นนักแสดงสาวยังระบุว่าสามีของเธอพูดว่าต้องการจะหย่าเพราะเธอเซ็กซี่ไม่พอ  “พอฉันถามเขาว่าฉันทำอะไรผิด เขาก็พูดว่าฉันไม่เซ็กซี่เลย สามีของฉันบอกฉันว่าเขาอยากจะหย่ากับฉัน เพราะหัวนมของฉันไม่เซ็กซี่ แม้กระทั่งตอนที่เราอยู่ด้วยกัน เขาก็ออกอาการเบื่อหน่ายชีวิตสมรสของเรา”

“คูฮเยซอน”

ล่าสุดยังมีการเปิดเผยถึงอีกหนึ่งสาเหตุการหย่าร้างว่ามาจากผู้หญิงอื่นด้วย โดยทนายความของนางเอกสาวได้เปิดเผยว่า “มันเป็นความจริงที่เธอทำตามขั้นตอนเพื่อหารือเกี่ยวกับการหย่า หลังจากได้รับความเครียดจาก “อันแจฮยอน”ที่ขาดความสนใจในชีวิตคู่ของพวกเขา การทรยศต่อความไว้วางใจของเธอ เขาโทรหาผู้หญิงอื่นและคุยอย่างสนิทสนมตอนที่มึนเมา อย่างไรก็ตามหลังจากที่แม่ของเธอได้รับผลกระทบทางจิตใจก็ทำให้สุขภาพของท่านแย่ลง ด้วยความปราถนาที่อยากจะปกป้องครอบครัวของเธอ เธอจึงได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนว่าไม่ต้องการหย่า ความรู้สึกปัจจุบันของเธอที่อยากดูแลแม่และครอบครัวจึงไม่เปลี่ยนแปลง”

“คูฮเยซอน”

อย่างไรก็ตามประเด็นของคู่รักคู่นี้เป็นที่พูดถึงอย่างมาก โดยในเวบไซต์ Twitterของเกาหลีใต้ และ https://www.naver.com/ ชื่อของพวกเขาขึ้นในลำดับต้นๆ ขณะที่เมื่อคืนที่ผ่านมา “หัวนมเซ็กซี่” (섹시한 젖꼭지) กลายเป็นคำค้นหาอันดับหนึ่งเลยทีเดียว คนคงอยากรู้ว่าหัวนมเซ็กซี่เป็นอย่างไรแน่ๆ


ภาพจาก :goohyesun_84

สามารถติดตามอ่านบทความอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นี่

“ผมรู้สึกแย่ที่เขาถูกด่า เขาไม่ได้ฆ่าคนตาย” พีช-พชร ปกป้อง “แพทริเซีย”

สัญญาณสุดทางรัก “พีช-พชร” อันฟอลโลว์ ด้าน “แพทริเซีย” ร้องไห้กลางวันเกิด

แต่งงานตอนลูกโต “เดอะร็อค” จูงมือ “ฮาเชี่ยน” ลั่นระฆังวิวาห์

งานแต่งงานเล็กๆ ของนักร้องสาวเสียงเล็กๆ “พลอย ลิตเติ้ลวอยซ์”

 โน๊ต วิเศษ ไฮโซหนุ่มเจ้าเสน่ห์ อดีตหวานใจนางเอกตัวท็อป ลือมือที่สาม แพท-พีช!

“แก้ว BNK48” ออกมาเคลื่อนไหวครั้งแรก ภายหลังข่าวใช้แบรนด์เนมปลอม

 ไทยแลนด์ดินแดนโรแมนติก เจย์ โจว – ฮันนาห์ ควินลิแวน หวานฉูดฉาดกลางกรุง

 ตาชั้นเดียวกระชากใจ 8 หนุ่มแดนกิมจิ อย่าเผลอมองตา อาจถูกขโมยหัวใจ

ผจก.กำมะลอ อดีตคนขับรถซุปตาร์ดัง แดนกิมจิ หลอกเงินเด็กฝึกหัด 620 ล้านวอน

22 วัน 6.8 โล เผยวิธีลดน้ำหนัก ‘บียอนเซ่’ กับการกินแบบ Plant Based Diet


 

สาวสายกินต้องมี! 5 ไอเท็มช่วยอัพเรียวปากสวยเป๊ะ กินไม่ยั้งก็ยังปัง

Alternative Textaccount_circle

นอกจากที่รู้ๆ กันอยู่ว่าสาวๆ ต้องเลือกลิปสติกสูตรติดทน เพื่องานตะลุยกินที่สวยปัง แต่ทั้งนี้ก็ยังมีอุปกรณ์เสริมอื่นๆ อีกด้วย ที่จะช่วยเตรียมให้เรียวปากพร้อมรับกับลิปสติกได้อย่างสมบูรณ์แบบ เรียบเนียน ไม่ตกร่อง ช่วยให้ลิปสติกเกาะติดริมฝีปากได้ยาวนานพร้อมสู้กับของทอด ของมัน และน้ำซุปได้อย่างเต็มกำลัง ชนิดที่กินไม่ยั้ง ปากก็ยังสวยเป๊ะ ซึ่งนี่คือ 5 ไอเท็มต้องมี! ที่ แพรว ขอหยิบมาแนะนำสำหรับสาวๆ สายกิน

 

ลิปสครับ ชิ้นนี้มีไว้ไม่ตกร่อง

สาเหตุที่ริมฝีปากหลุดล่อน เป็นรอยตกร่องเสียสวยเวลาขยับปากเคี้ยวอาหาร ส่วนหนึ่งเพราะสาวๆ ไม่เตรียมริมฝีปาก ให้เรียบเนียนก่อนลงลิปสติก ก่อนตะลุยกินสตรีทฟู้ดครั้งต่อไป ต้องไม่ลืมสครับริมฝีปากด้วยลิปสครับ โดยใช้แปรงมาสคาราแบบใช้แล้วทิ้งหรือแปรงสีฟันนิ่มๆ เป็นตัวช่วยขัด

RECOMMENDED

BURT’S BEES CONDITIONING LIP SCRUB

PIXI BEAUTY NOURISHING LIP POLISH

FRESH SUGAR LIP POLISH

 

ลิปบาล์ม ถึงกลัวมันก็ต้องทา

สาวสายกินบางคนไม่กล้าทาลิปบาล์มก่อนลงลิปสติก เพราะกลัวว่าความมันจะทำให้สีสันลบเลือนเร็ว หารู้ไม่ว่าเรียวปากที่ไม่ชุ่มชื้น ลิปสติกก็เกาะไม่อยู่เช่นกัน เลือกใช้ลิปบาล์มเนื้อครีม หรือขี้ผึ้งที่ไม่มันวาวมาก ทาแบบใช้นิ้วนวดคลึงแล้วเช็ดออกก่อนลงลิปสติก แบบนี้ถึงจะอยู่ยาว

RECOMMENDED

LA MER THE LIP BALM

ELIZABETH ARDEN EIGHT HOUR INTENSIVE LIP REPAIR BALM

 

ลิปไพรเมอร์ ของดีที่ถูกลืม

ชาวสตรีทฟู้ดลืมไปหรือยังว่าเรามีนวัตกรรมที่เรียกว่า Lip Primer แม้ไม่ฮิตมาก แต่ชิ้นนี้เหมาะกับสายกินของแท้ Face Primer ช่วยให้รองพื้นติดทนอย่างไร Lip Primer ก็เป็นรองพื้นที่ช่วยให้ลิปสติกติดทนทานเช่นกัน ลองใช้ลิปไพรเมอร์ดู แล้วจะรู้ว่าลงสีได้เรียบเนียนติดทนนานขึ้นเยอะ

RECOMMENDED

M.A.C. PREP + PRIME LIP

 

NYX LIP PRIMER

COLLECTION LIP PRIMER

 

ลิปไลเนอร์ ไอเท็มท้าสู้ความมัน

อยากจะปิดจบจานหอยทอดผัดไทยด้วยเรียวปากที่เรียบเนียนสม่ำเสมอเหมือนเพิ่งทาใหม่ๆ แนะนำว่าลิปไลเนอร์เท่านั้นที่เอาอยู่ จากที่ปกติใช้เขียนขอบปากอย่างเดียว สาวๆ ลองเขียนลิปไลเนอร์แบบทั่วทั้งปาก แล้วค่อยทับด้วยลิปสติกในสีเดียวกัน รับประกันความเป๊ะ

RECOMMENDED

NARS VELVET LIP LINER

CHANEL LE CRAYON LVRES

SISLEY PHYTO-LVRES PERFECT LIPLINER

 

Blender Brush ใช้กับปากก็ไม่ผิดกติกา

ทิปส์ง่ายๆ ที่เมคอัพอาร์ติสต์ใช้สำหรับปิดจบลิปสติกบนเรียวปากให้ติดทนนานคือ การใช้แปรงขนาดกลางขนฟู หรือ Blender Brush เกลี่ยลิปสติกอีกครั้ง เพื่อให้เนื้อลิปสติกแน่นสนิทลงไปในร่องปาก วิธีนี้จะทำให้เรียวปากดูเนียน สีลิปสติกติดทนนานอย่างเป็นธรรมชาติ

RECOMMENDED

SUQQU EYESHADOW BRUSH

 

M.A.C 217S BLENDING BRUSH

ZOEVA LUXE EYE BLENDER BRUSH (225)

 

เรื่องกินถือเป็นเรื่องใหญ่ก็จริง แต่สำหรับสาวๆ สายกินมักวิตกกังวลกันว่า จะกินเก่งยังไงให้ยังสวยเป๊ะได้อยู่ ดังนั้น นิตยสารแพรว ฉบับเดือนสิงหาคม 2562 ซึ่งจัดเต็มในธีมสตรีทฟู้ด จึงรวบรวมหลากหลายทริคบิวตี้เด็ดๆ มาเพื่อสาวๆ สายกินโดยเฉพาะด้วย อย่าลืมไปติดตามกัน เพราะยังมีเทคนิคดีๆ ในการอัพเรียวปากสวยอีกเพียบเลย


 

ที่มา : นิตยสารแพรว ฉบับ 949

ภาพปก : pexels.com

โลกไม่ได้มีไว้เพื่อกอบโกย! เจมส์ ดูอัน ชายเมียนมาร์ผู้พลิกหนี้ให้เป็นเงินหมื่นล้าน

“เมื่อคุณต้องรับบทผู้นำ จงนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงที่คุณอยากเห็นบนโลกนี้”  คือโคทคำพูดของ  เจมส์ ดูอัน (Jame Duan) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เฟรเกรนท์ พร็อพเพอร์ตี้ ที่แปะไว้บนเว็บไซต์  www.fragrantproperty.com 

ประสบการณ์คือแรงผลักดันให้หนุ่มเมียนมาร์ผู้ไม่ชอบตีกรอบให้ตัวเองคนนี้กลายเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ

ทว่าสิ่งที่แพรวเลือกโฟกัส เจมส์ ดูอัน  คือ ‘เชื้อดี’ ที่เขามีอยู่ในตัวตน เมื่อผสมกับความกล้าตัดสินใจโดยไม่ยี่หระกับความล้มเหลวนานัปที่พบเจอ  ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่คุณควรจะได้เรียนรู้จากเขา

ทราบว่ามีแววนักธุรกิจมาตั้งแต่เด็กๆ 

จะว่าอย่างนั้นก็ไม่ผิดครับ  ผมเกิดในครอบครัวใหญ่  ฐานะปานกลาง  เดิมคุณพ่อเป็นวิศวกร  เเต่งงานกับภรรยาคนจีน  มีลูก 5 คน  แต่ในช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2  ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารที่พม่า  พอหลังสงครามยุติกลับเมืองจีนไม่ได้  จึงตั้งรกรากอยู่พม่าแล้วแต่งงานใหม่กับคุณแม่  ซึ่งเป็นคนจีนที่ไปค้าขายอยู่ที่นั่น

คุณแม่มีอาชีพปล่อยเงินกู้ให้เกษตรกร  พร้อมทั้งขายผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร  มีพื้นที่สำหรับให้ชาวบ้านเช่าขายของในตลาด   ผมเป็นลูกคนสุดท้องในจำนวนทั้งหมด 9 คน  คุณพ่อจึงค่อนข้างตามใจ  อยากได้อะไรก็ได้  แต่สิ่งที่ท่านขอคือเรื่องภาษา  ตั้งแต่เกิดจนถึงอายุ 15 ปี  ผมพูดภาษาพม่าแทบไม่ได้เลย  เพราะคุณพ่อเน้นให้เรียนภาษาจีนมาตลอด

ส่วนคุณแม่ค่อนข้างเข้มงวด  ท่านสอนว่าถ้าอยากได้อะไรต้องหามาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง  ยังจำได้ตอนอายุ 12 ปี  ผมอยากลองค้าขายเองบ้างจึงขอทุนมา 5,000 (ประมาณ 15,000 บาท)  ทั้งที่ที่บ้านเป็นแหล่งขายข้าวกับพืชผลทางการเกษตรรายใหญ่  แต่คุณแม่ไม่ให้เอาไปขาย  ผมจึงต้องไปตระเวนหาซื้อข้าวสารจากพ่อค้าคนกลาง  เพื่อเอาไปขายให้ชาวบ้าน

แล้วขาดทุนหรือกำไรคะ

สรุปได้กำไรมา 2,500 จ๊าด  ซึ่งสมัยนั้นถือว่าเยอะ  ตอนนั้นเลยคิดว่าถ้าเรียนจบคงใช้ชีวิตอยู่ที่พม่าช่วยครอบครัวทำธุรกิจนี่แหละ  แต่พม่าเกิดเหตุการณ์ประท้วงครั้งใหญ่  มหาวิทยาลัยถูกปิด  มีคำสั่งห้ามเรียนหนังสือ  ทางบ้านจึงส่งผมไปอยู่กับญาติที่ยูนนานประเทศจีน

ช่วงปี 1989  จีนยังเป็นคอมมิวนิสต์สุดๆ  ชุดนักเรียนต้องเป็นสีเขียว  ประเทศยังยากจนมาก  ดูจากพี่สาวผมที่เป็นผู้อำนวยการโรงงานผลิตรองเท้าของรัฐบาล  ซึ่งมีขนาดใหญ่มาก  ผลิตรองเท้า 9 ล้านคู่ต่อเดือน  แต่ได้เงินเดือนแค่ 65 หยวน  โชคดีว่าค่าครองชีพต่ำมาก  ราคาแชมเปญ 1 ขวดไม่ถึง 1 หยวน  ผมพกเงินติดตัวไป 4,000 หยวนจึงถือว่าเป็นเศรษฐี(หัวเราะ)

เจมส์ ดูอัน , Jame Duan , เศรษฐี , มหาเศรษฐี , นักธุรกิจ , นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

จัดว่ามือเติบเลยหรือเปล่าคะ

(หัวเราะ) ไม่มีโอกาสครับ  เพราะคุณน้าที่ไปอยู่ด้วยเขาค่อนข้างเข้มงวด  จึงไม่มีสิทธิ์เกเร  ชีวิตตอนนั้นเป็นรูทีนเป๊ะๆ  ตื่นเช้ามาเรียนหนังสือ  ตกเย็นเตะฟุตบอล  วันเสาร์-อาทิตย์เรียนพิเศษ  และเพราะกรอบพวกนี้ที่ทำให้ผมฝืนเรียนอยู่ได้แค่ประมาณปีกว่าก็ลาออก  แล้วบินมาไทยเพื่อทำเรื่องขอไปเรียนต่อที่ไต้หวัน โดยมาพักอยู่กับพี่ชาย  ซึ่งมาตั้งรกรากอยู่เมืองไทยนานแล้ว

แต่ผมมาไทยได้ไม่ถึงเดือน  เรื่องที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น  พี่ชายประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิต  ตอนนั้นรู้สึกเคว้งอย่างบอกไม่ถูก  นอกจากเสียใจที่พี่ชายที่รักมากจากไป  ผมยังไม่รู้จักใครที่นี่เลย

ตอนนั้นมี 3 ทางให้เลือกคือกลับไปช่วยที่บ้านทำธุรกิจที่พม่า  สองคือขอเงินแม่แล้วเรียนต่อ  หรือสามอยู่ที่เมืองไทย  ซึ่งผมเลือกข้อสุดท้าย  คิดว่าไหนๆ ก็ออกจากบ้านมาแล้ว  ต้องอยู่ด้วยตัวเองให้ได้  ต้องหาเงินไปเรียนต่อเอง  ความจริงถ้าออกปากขอเงินคุณแม่  ท่านก็คงให้อยู่แล้ว  แต่ไม่อยากรบกวน  อยากยืนหยัดด้วยตัวเอง

โดดเดี่ยวในเมืองไทยต้องปรับตัวอย่างไรบ้างคะ

เยอะเลยครับ  ผมมาอยู่เมืองไทยตอนอายุ 18 ปี  ด้วยความที่มีเงินไม่มาก  จึงไปเช่าห้องเล็กๆ อยู่แถววังบูรพา  พร้อมกันก็คิดว่าเมื่อตั้งใจจะอยู่เมืองไทย  สิ่งแรกที่ผมต้องรู้และเข้าใจให้ได้คือภาษาไทย  ซึ่งผมไม่มีพื้นเลย

วิธีฝึกของผมคือทุกครั้งที่มีการถ่ายทอดสดการประชุมสภา  ผมจะอัดเป็นวิดีโอไว้แล้วมาเปิดดู  เพื่อฝึกพูดก่อนนอนทุกคืน  เพราะคิดว่าเป็นทางเดียวที่จะได้ศึกษาเรื่องกฎหมาย  นโยบายต่างๆ ของรัฐบาลเพื่อให้เข้าใจเมืองไทยมากขึ้น  พร้อมกับได้ฝึกพูดไปด้วย

ส่วนเรื่องหาเงินเลี้ยงชีพ   ช่วงแรกผมเริ่มจากรับสอนพิเศษภาษาจีนก่อน  มีคนมาจ้างให้ไปสอนลูกคนรวย  ผมเลยย้ายไปอยู่ที่บ้านเขา  แต่โชคร้ายเจอเด็กไม่ตั้งใจเรียน  ผมทนทำอยู่ 2 เดือนกว่าก็เลิก  พอดีมีโอกาสรู้จักเถ้าแก่ชาวสิงคโปร์  เขาชวนให้ไปทำงานขายเครื่องใช้ไฟฟ้า  ผมเลยย้ายไปเช่าหอพักอยู่กับเพื่อนร่วมงานคนไทย 4 คน  ทำให้ได้ฝึกภาษาไทยทุกวัน  จนพูดได้คล่อง

การขายเครื่องใช้ไฟฟ้ายังทำให้ผมได้ทักษะด้านการเจรจาต่อรอง  ผมบอกกับเถ้าแก่ว่า  คุณต้องการยอดเท่าไหร่  ผมจะทำให้ 3 เท่า  ตอนนั้นผมได้เงินเดือน 18,000 บาท  ยังไม่รวมค่าคอมมิชชั่น  จัดเป็นพนักงานที่ขายของได้เยอะที่สุด  ทำอยู่ครึ่งปีผมก็ได้เป็นผู้จัดการแล้ว  ผ่านไป 2 ปีมีเงินเก็บ 6 แสนบาท  จึงตัดสินใจลาออกมาทำธุรกิจของตัวเอง

เจมส์ ดูอัน , Jame Duan , เศรษฐี , มหาเศรษฐี , นักธุรกิจ , นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

ทำเกี่ยวกับอะไรคะ

เปิดร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าที่อุดรธานีครับ  ผมทำตามคำแนะนำของเถ้าแก่ที่เชียร์ให้มีธุรกิจของตัวเอง  เขาบอกว่าควรเริ่มที่ตลาดต่างจังหวัด  เพราะกรุงเทพฯการแข่งขันสูง  ปรากฏว่าจริงตามนั้น  ธุรกิจผมไปได้ดี  จึงค่อยๆ เพิ่มทีม  ขยายสาขาไปเรื่อยๆ

ความที่ไม่ชอบหยุดนิ่ง  จึงนำเงินไปลงทุนทำบริษัทเทรดดิ้งที่ฮ่องกง  นำเข้าสินค้ามาไทยเพื่อส่งไปขายที่พม่า  แล้วก็ไปเทคโอเวอร์โรงงานผลิตไม้ที่อินโดนีเซีย 3 แห่ง  จังหวะนั้นตรงกับเมืองจีนเกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่พอดี  รัฐบาลสั่งห้ามไม่ให้มีการตัดไม้  จึงต้องอิมพอร์ตไม้จากต่างประเทศ  ซึ่งส่งผลดีกับธุรกิจผม  เพราะค้าขายได้ราคาดีมาก

ผมว่าตัวเองโชคดีตรงที่พูดภาษาจีนได้  คอนเน็กชั่นต่างๆ ที่ผมได้มานั้นล้วนมาจากภาษาจีน  ไม่ใช่จากการบริหารหรือยุทธศาสตร์อะไรเลย

ตอนนั้นยอมรับว่ามีอีโก้สูง  เพราะคิดว่าเราเก่ง  อายุแค่ยี่สิบกว่ามีเงินเก็บหลายสิบล้านบาท  ทุกอย่างกำลังไปได้สวย  จนมาถึงจุดเปลี่ยน  เมื่อต้องเจอกับวิกฤติการเงินปี’40

ยอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้าน้อยลงเรื่อยๆ  ทำให้ผมไม่มีเงินก้อนไปหมุนในธุรกิจต่างๆ  แล้วเป็นช่วงจังหวะเดียวกับที่คุณแม่ไม่สบายต้องมารักษาตัวที่เมืองไทย  แต่ผมแทบไม่มีเวลาอยู่กับท่าน  เพราะต้องจัดการกับปัญหาการเงินที่อยู่ๆ ก็พลิกจากกำไรกลายเป็นหนี้สินถึง 40 ล้านบาท จนวินาทีที่รู้ว่าท่านเสียชีวิตแล้ว

คุณรับมือกับมรสุมที่ประเดประดังด้วยวิธีไหนคะ

ณ ตอนนั้นผมเสียใจมาก  เสียศูนย์  ไม่รู้ว่าจะทำต่อไปเพื่ออะไร  เป็นหนี้สิน 40 ล้านโดยไม่ทันตั้งตัว  แล้วยังมาเสียคุณแม่อีก  ด้านความรู้สึกพยายามบอกตัวเองว่า  ท่านไปสบายแล้ว  เราต้องก้าวเดินต่อไปให้ได้  เพราะที่ผ่านมาคุณแม่นี่แหละที่สอนว่าเกิดเป็นคนต้องเข้มแข็ง

ช่วงนั้นผมกลับไปเยี่ยมญาติพี่น้องที่พม่า  การได้อยู่กับครอบครัวทำให้ผมหายเศร้าลงไปได้เยอะ  ส่วนเรื่องหนี้สินผมตัดสินใจขายโรงงานที่อินโดนีเซีย  เพื่อนำเงินไปสร้างโรงงานที่พม่าให้เสร็จ  โชคร้ายอีกว่าพม่าโดนอเมริกาคว่ำบาตร  โรงงานในพม่าส่วนใหญ่ต้องย้ายฐานไปเวียดนาม  แต่ผมไม่มีทุนเหลือแล้ว  สุดท้ายจึงตัดใจขายโรงงานทิ้งไปแบบถูกๆ  ต่อด้วยขายธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าเพื่อใช้หนี้ให้หมด

เจมส์ ดูอัน , Jame Duan , เศรษฐี , มหาเศรษฐี , นักธุรกิจ , นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

ท้อไหมคะ

ผมว่าของแบบนี้อยู่ที่มุมมอง  สำหรับผมไม่เคยคิดว่ามีช่วงไหนที่ชีวิตลำบาก  จึงไม่เคยมองว่าช่วงไหนคือช่วงที่ท้อแท้  เหมือนกับที่จนถึงวันนี้  ผมก็ไม่เคยบอกใครว่าผมมีความสุขหรือประสบความสำเร็จ  ผมโฟกัสในสิ่งที่ต้องทำ ณ ปัจจุบันมากกว่า ผมแค่พยายามทำหน้าที่เท่าที่ทำได้  เหนื่อยก็พัก  สิ่งที่จะทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองลำบากที่สุดคือการไม่ได้ทำอะไรต่างหาก (หัวเราะ)

อย่างช่วงที่ขายธุรกิจใช้หนี้ไปแล้ว  ผมก็ไม่ต่างอะไรกับคนตกงาน  จู่ๆ งานก็ไม่มีทำ  ออฟฟิศก็ไม่ต้องไป  อยู่บ้านเฉยๆ  ซึ่งผมไม่ชินกับวิถีชีวิตแบบนี้  จึงรู้สึกหงุดหงิด

พอตื่นมาไม่รู้จะทำอะไรจึงใส่สูทผูกไท  แต่งชุดทำงาน  แล้วออกจากบ้านเก้าโมงเช้า  เพื่อไปนั่งอ่านหนังสือในร้านกาแฟ  พอถึงห้าโมงเย็นก็กลับบ้าน  จนพนักงานที่ร้านแซวว่า ‘เลิกงานแล้วหรือคะ’  หรือไม่ก็ไปออกกำลังกายวันละ 4 ชั่วโมง  รู้สึกว่าการทำให้ตัวเองเหนื่อยแล้วโอเคขึ้น

สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมไม่เครียดเพราะคิดเสมอว่า  ในเมื่อเรามาจากศูนย์  อย่างเก่งที่สุดก็กลับไปที่เดิม  จะเครียดทำไม  แต่คนที่เครียดกลับเป็นครอบครัว  เพราะเขากลัวผมเครียด (หัวเราะ)  ผมต้องคอยให้กำลังใจพวกเขาว่า …

เดี๋ยวผมก็ฟื้นขึ้นมาใหม่ได้

 

ติดตามวิธีการสู้ชีวิตของเขา กดเลข 2

แฟชั่นถุงผ้ามาแน่! แพรวแชริตี้ 2019 ปลุกกระแสรักษ์โลก คนดังร่วมรณรงค์ ลด ละ เลิกใช้พลาสติก

แฟชั่นถุงผ้ามาแน่! แพรวแชริตี้ 2019 ปลุกกระแสรักษ์โลก คนดังร่วมรณรงค์ ลด ละ เลิกใช้พลาสติก..PRAEW Charity 2019 นับวันปัญหาสิ่งแวดล้อมยิ่งรุนแรงขึ้น ถ้าเราไม่ช่วยกัน โลกจะดีขึ้นได้อย่างไร?

นิตยสารแพรว ขอเชิญชวนคุณทุกท่านร่วมเป็นสาวนหนึ่งของ แพรวแชริตี้ 2019 กับโปรเจ็กต์ “ แพรว Love The Earth “  โดยการใช้ถุงผ้าแทนถุงพลาสติกและตอกย้ำให้ทุกคนร่วมมือกันหาวิธีช่วยกันแก้ปัญหาและรักษาสิ่งแวดล้อม จะวิธีใดก็ได้ขอให้ลงมือทำ พร้อมนำเสนอถุงผ้าลายพิเศษจาก 6 คนดัง ที่ร่วมใจกันออกแบบมาในสไตล์ของตัวเอง

อาทิ โป๊ป –ธนวรรธน์ วรรธนภูติ ที่มาในคอนเซ็ปต์ชัดเจนจากใจ  SAVE THE WORLD, เบลล่า – ราณี แคมเปน มาพร้อมข้อมความ SAY NO TO PLASTIC, มาริโอ้ เมาเร่อ  ครีเอตตัวการ์ตูนมอนเตอร์ จินตนาการถึงวิกฤตภาวะโลกร้อนที่ขนาดว่าปีศาจยังไม่สามารถทนอยู่ได้

สิงโต –ปราชญา เรืองโรจน์ โชว์ผลงานการวาดดอกกุหลาบมากหมายความหมาย A rose to give และสุดท้าย มีน –พีรวิชญ์ อรรถชิตสถาพร และแปลน – รัฐวิทย์ กิจวรลักษณ์  ร่วมกันออกแบบลายเส้นรูปสิงโตพร้อมข้อความ REUSE ME!  เพื่อเรียกร้องให้ทุกคนหันมาใช้ถุงผ้ากันบ่อยๆ

ถุงผ้าทุกแบบ (290 บาท) เริ่มจำหน่ายวันที่ 1 กย.นี้ ณ จุดแลกของสมนาคุณ และเคาน์เตอร์แคชเชียร์ชั้น 1 ห้างเซ็นทรัลชิดลม, ลาดพร้าว, บางนา, ปิ่นเกล้า และเซน และวางจำหน่ายที่งานแพรวแชริตี้ พร้อมประมูลถุงผ้าพร้อมลายเซ็น วันที่ 5 – 6 ต.ค. 62 ที่ ชั้น 1 Zen @ Central World โดยรายได้หลังค่าใช้จ่ายในการผลิตถุงผ้า นำไปมอบให้องค์กรที่ทำงานด้านสิ่งแวดล้อม

ภาพแห่งความปิติ “สมเด็จพระพันปีหลวง” ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลในวันเฉลิมพระชนมพรรษา

Alternative Textaccount_circle

ภาพแห่งความปิติ “สมเด็จพระพันปีหลวง” ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลในวันเฉลิมพระชนมพรรษา… วันนี้ (12 สิงหาคม 2562) ในช่วงเวลาบ่าย พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เสด็จออกพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลเนื่องในโอกาสมหามงคล วันเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเจริญพระชนมายุ 87 พรรษา เป็นการส่วนพระองค์ ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน ในพระราชวังดุสิต

ในโอกาสนี้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี, สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้ากรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี, สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา, สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา และสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติฯ สิริวิบูลยราชกุมาร เสด็จออกในการนี้ด้วย อีกทั้ง ท่านผู้หญิงสิริกิติยา เจนเซน เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทด้วย


 

ข้อมูลและภาพ : โบราณนานมา, เรารักพระองค์หญิง” Sirivannavari narirat, Thairoyalfamily

เปิดสูตร "แกงหอง" ตำราชาววัง เมนูพื้นบ้านทรงโปรดในสมเด็จพระพันปีหลวง

เปิดสูตร “แกงหอง” ตำราชาววัง เมนูพื้นบ้านทรงโปรดในสมเด็จพระพันปีหลวง

เปิดสูตร "แกงหอง" ตำราชาววัง เมนูพื้นบ้านทรงโปรดในสมเด็จพระพันปีหลวง
เปิดสูตร "แกงหอง" ตำราชาววัง เมนูพื้นบ้านทรงโปรดในสมเด็จพระพันปีหลวง

“แกงหอง” สำหรับคนสมัยนี้อาจจะไม่คุ้นกันนัก แต่ทราบกันไหมว่า เมนูแกงหองนี้เอง คือพระกระยาหารทรงโปรดในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อนพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ เมื่อครั้งทรงเป็นพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ทรงได้ให้สัมภาษณ์ในรายการโทรทัศน์รายการหนึ่งเกี่ยวกับ พระกระยาหารทรงโปรดของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเล่าว่า

“การทำอาหารเป็นสิ่งที่โปรดมาก บ่อยครั้งที่ทำถวายพระเจ้าอยู่หัว ล่าสุดทำข้าวแช่ถวาย ท่านก็ทรงชอบ แต่จริงๆ พระเจ้าอยู่หัวทรงโปรดอาหารฝรั่ง ส่วนพระราชินีทรงโปรดแกงหอง เป็นแกงโบราณสูตรชาววัง ทำจากหมูสามชั้นและหน่อไม้จีน หากมีโอกาสก็จะทำถวายตลอด ส่วนเจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ฯ ทรงโปรดอาหารที่ไม่ใส่ผัก”

สำหรับแกงชนิดนี้เป็นแกงสไตล์จีน คนทั่วไปอาจแทบนึกหน้าตาไม่ออกว่าเป็นอย่างไร ซึ่งในหนังสือชื่อ สำรับ ของหม่อมหลวงขวัญทิพย์ เทวกุล ได้บอกสูตรสำหรับการทำแกงหอง รวมถึงขั้นตอนการทำไว้ดังนี้

เครื่องปรุง

หน่อไม้จีน 1 กก.

ถั่วลิสง 150 กรัม

หมูสามชั้น 500 กรัม

น้ำ 12 ถ้วย

เกลือ 3 ช้อนชา

โป๊ยกั๊ก  5 ดอก

ซอสถั่วเหลืองปรุงรส 2 ช้อนโต๊ะ

ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ

ซีอิ๊วดำ 1 1/2 ช้อนชา

น้ำตาล 100 กรัม

วิธีทำ

ต้มน้ำในหม้อด้วยไฟแรงจนเดือด จากนั้นใส่หมูสามชั้นและลดไฟ ต้มไปประมาณ 10 นาที และนำขึ้นมาหั่นขนาดพอดีคำ

ใส่หมูสามชั้นกลับไปที่หม้อ เร่งไฟแรงอีกครั้ง และใส่ถั่วลิสงดิบ โป๊ยกั๊ก เกลือ ซอสถั่วเหลืองปรุงรส ซีอิ๊วขาว และซีอิ๊วดำลงไป พร้อมกับลดไฟอ่อนแล้วเคี่ยวอีก 30 นาที

หั่นหน่อไม้จีนตามขวาง ไม่ต้องหนาหรือบางมาก ใส่ลงไปในหม้อต้มอีก 1 ชั่วโมง จากนั้นใส่น้ำตาล และเร่งไฟให้แรงเดือดอีกครั้ง และยกลงจากเตา

ดูจากขั้นตอนต่างๆ แล้ว แกงหองเป็นเมนูที่ไม่ได้มีวิธีการทำที่ซับซ้อน วัตถุดิบก็หาซื้อง่าย นับว่าเป็นอีกหนึ่งพระกระยาหารที่สะท้อนให้เห็นถึงความเรียบง่ายของพระองค์โดยแท้


ขอขอบคุณข้อมูลจากหนังสือ สำรับ /ผู้แต่ง หม่อมหลวงขวัญทิพย์ เทวกุล

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

6 มงกุฎ อันทรงคุณค่า งดงามสมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

เรื่องเล่าจากพระราชโอรส-ธิดาถึง “สมเด็จพระพันปีหลวง” พระผู้ทรงเป็นแม่และครู

ยลโฉมเครื่องประดับ ‘สมเด็จพระพันปีหลวง-สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ’ ทรงเคยสวมใส่

ประชัน “เมนูเส้น” จานไหนกินแล้วผอม จานไหนกินแล้วอ้วน มาดู kcal กัน

Alternative Textaccount_circle

คนรักเส้น แต่ก็รักสุขภาพด้วยควรรู้ว่าแต่ละจานหรือชามของ “เมนูเส้น” ที่ทานไปนั้น มีกี่แคลอรี่ จะได้รับมือในการออกกำลังกายว่าจะต้องเบิร์นน้ำหนักออกไปเท่าไร อย่างที่ว่า..กินเท่าไหน เอาออกไปเท่านั้น แม้ว่าเมนูเส้นบางชามจะดูไม่น่าอ้วนก็ตาม วันนี้ แพรวดอทคอม จะพามาดูแคลอรี่กันให้ชัดๆ เลยว่า เมนูเส้นแบบไหนทานแล้วอ้วน เมนูไหนทานแล้วผอมกันค่ะซิส

มาเริ่มกันที่เมนูเส้นที่กินแล้วอ้วน!!! กันก่อนเลยค่ะซิส

หลายคนคิดว่าเส้นใหญ่กินแล้วอ้วน แต่เมื่อเทียบแคลอรี่ให้เห็นกันจะจะ เส้นที่ให้พลังงานสูงคือ บะหมี่ไข่และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป

บะหมี่น้ำหมูแดง (1 จาน 231 kcal) และบะหมี่แห้งหมูแดง (1 ชาม 345 kcal) บะหมี่เส้นสีเหลืองนุ่มก็ให้พลังงานสูงเช่นกัน ยิ่งถ้ากินแบบแห้ง เติมน้ำมันกระเทียมเจียว จะยิ่งให้พลังงานสูง (กินมาก อ้วนมาก)

ยำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป (1 จาน 215 kcal) และผัดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป (1 จาน 530 kcal) บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมีปริมาณแป้งสูง (75.9 กรัม) แนะนำให้เลือกกินเมนูยำแทนเมนูผัด

ต่อกันที่ เมนูเส้น กินแล้วผอม กันค่ะ

ยำเส้นแก้ว (1 จาน 100 kcal) เทียบกับยำวุ้นเส้น (1 จาน 120 kcal) เส้นใสๆ ทำจากสาหร่ายสีน้ำตาล ให้พลังงานต่ำ เพราะไม่มีส่วนประกอบของแป้งเลย หาซื้อได้ที่ซูเปอร์มาร์เก็ต

สุกี้น้ำใส่วุ้นเส้น (1 ชาม 320 kcal)  วุ้นเส้นไก่ฉีก ยำวุ้นเส้น สุกี้น้ำ ฯลฯ ล้วนเป็นเมนูยอดฮิตช่วงลดน้ำหนัก เพราะวุ้นเส้นที่ลวกแล้วจะพองตัวกินแค่นิดเดียวก็รู้สึกอิ่ม แต่ใช่ว่าทุกเมนูที่ทำจากวุ้นเส้นจะให้แคลอรี่ต่ำเสมอไป เพราะวุ้นเส้นผัดไทยกุ้งสด 1 จาน 520 kcal!

 

ก๋วยเตี๋ยวเส้นบุกหมู (1 ชาม 129 kcal) เทียบกับก๋วยเตี๋ยวหมู (1 ชาม 335 kcal)

เส้นหมี่ข้าวกล้องเห็ดสับ (1 ชาม 300 kcal) เทียบกับก๋วยเตี๋ยวเนื้อสับ (1 ชาม 370 kcal)

พลังงานจากเส้นแต่ละชนิดปริมาณ 100 กรัม

  • เส้นบุก 0 kcal
  • เส้นใหญ่ 160 kcal
  • บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 366 kcal
  • เส้นหมี่ 376 kcal
  • บะหมี่ไข่ 357 kcal
  • เส้นแก้ว 7 kcal
  • วุ้นเส้น 337 kcal
  • เส้นเล็ก 349 kcal

อร่อยอย่างเดียวไม่พอ ต้องดูคุณค่าอาหารและแคลอรี่ด้วยนะคะซิส ว่าแต่ใครชอบเมนูเส้นจานไหนที่กินแล้วอ้วน ก็อย่าลืมกินในปริมาณที่พอเหมาะนะ และหมั่นออกกำลังกายนะคะ xoxo


เรื่อง : PP_แพรวดอทคอม
ภาพ : Pexels และ Amarin.intra

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

กินง่ายไม่ทรมานตัวเองด้วย 4 โปรแกรมไดเอตตามกรุ๊ปเลือด A, B, AB และ O

มาดูแคลอรี่กันชัดๆ กับ “สลัดจานลวง” อาหารสุขภาพตัวการทำอ้วนกว่าเก่า

วิธีรักษาภาวะอ้วนและดื้อต่ออินสุลิน สาเหตุ “อ้วนลงพุง” พบหญิงเป็นมากกว่าชาย

ลดหุ่นผิดวิธีหรือเปล่า? เพราะออกกำลังกายแล้ว “น้ำหนักลด แต่ไขมันไม่ลด”

วิธีที่คนดังนิยมทำ! “จองอิลอู” แชร์ทริคลดน้ำหนัก 13 โล ภายในเวลา 20 วัน

เร่งฟิตหุ่น..ด้วยกีฬาหลากประเภทเป็นเรื่องดี แต่ควรรู้วิธีตั้งรับอาการบาดเจ็บด้วย

กินไว้ให้เป็นนิสัย! กับ 6 สุดยอดกลุ่มอาหารต้านมะเร็งที่ผู้หญิงควรใส่ใจ

ลดน้ำหนักแบบ Intermittent Fasting อิ่มบ้าง..อดบ้าง จะผอมไหม?

Ketogenic Diet เข้าใจง่ายๆ ใน 4 นาที แต่วิธีนี้ไม่เหมาะกับทุกคน!!

กินอาหารตามธาตุ ช่วยปรับสมดุลร่างกายให้ไม่เจ็บป่วย ตามหลักการแพทย์แผนไทย

ชี้เป้า “บุฟเฟ่ต์ซีฟู้ดสำหรับสายเฮลท์ตี้กินดุ” อิ่มไม่ยั้ง..แต่ยังสุขภาพดี

อร่อยจนต้องแวะลิ้มรส 3 ร้านเด็ดย่านตัวเมืองภูเก็ต กินเพลินเที่ยงวันยันเที่ยงคืน

 

 

แพรวแชริตี้ 2019 ร่วมใจรักษ์โลกไปกับ แพรว Love The Earth

นิตยสารแพรว ขอเชิญชวนคุณทุกท่านร่วมเป็นสาวนหนึ่งของ แพรวแชริตี้ 2019 กับโปรเจ็กต์ “ แพรว Love The Earth “  โดยการใช้ถุงผ้าแทนถุงพลาสติกและตอกย้ำให้ทุกคนร่วมมือกันหาวิธีช่วยกันแก้ปัญหาและรักษาสิ่งแวดล้อม จะวิธีใดก็ได้ขอให้ลงมือทำ พร้อมนำเสนอถุงผ้าลายพิเศษจาก 6 คนดัง ที่ร่วมใจกันออกแบบมาในสไตล์ของตัวเอง อาทิ โป๊ป –ธนวรรธน์ วรรธนภูติ ที่มาในคอนเซ็ปต์ชัดเจนจากใจ  SAVE THE WORLD, เบลล่า – ราณี แคมเปน มาพร้อมข้อมความ SAY NO TO PLASTIC, มาริโอ้ เมาเร่อ  ครีเอตตัวการ์ตูนมอนเตอร์ จินตนาการถึงวิกฤตภาวะโลกร้อนที่ขนาดว่าปีศาจยังไม่สามารถทนอยู่ได้, สิงโต –ปราชญา เรืองโรจน์ โชว์ผลงานการวาดดอกกุหลาบมากหมายความหมาย A rose to give และสุดท้ายมีน –พีรวิชญ์ อรรถชิตสถาพรและแปลน – รัฐวิทย์ กิจวรลักษณ์  ร่วมกันออกแบบลายเส้นรูปสิงโตพร้อมข้อความ REUSE ME!  เพื่อเรียกร้องให้ทุกคนหันมาใช้ถุงผ้ากันบ่อยๆ

ภายในงานยังมีกิจกรรมสุดพิเศษให้ทุกท่านที่มาร่วมงานประมูลถุงผ้าลายต้นแบบที่เหล่าคนดังได้ลงมือวาดเองกับมือ เอาใจขาช้อปด้วยสินค้าออร์แกนิคและผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับธรรมชาติ  ฟัง Talk จากคนดังนำโดย นุ่น – ศิรพันธ์, ท็อป – พิพัฒน์และอเล็กซ์ เรนเดล ที่จะชวนให้ทุกท่านรักษ์โลกไปพร้อมๆกัน และปิดท้ายด้วยมินิคอนเสิร์ตจากเหล่าศิลปินชื่อดังที่พร้อมใจกันมาสร้างสีสันให้กับงาน นอกจากคุณจะได้ถุงผ้าลายน่ารักไว้ใช้แล้ว ยังได้ช่วยเหลือสิ่งแวดล้อม เพราะรายได้ (หลังหักค่าใช้จ่ายในการผลิต) จะนำไปช่วยเหลือองค์กรที่ทำงานเพื่อสิ่งแวดล้อมต่อไป หากใครอยากเป็นเจ้าของและติดภารกิจต่างๆ ไม่สามารถมาร่วมสนุกวันงานก็สามารถเป็นเจ้าของถุงผ้าลายพิเศษนี้ได้ในราคาใบละ 290 บาท ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 62 นี้ ณ จุดแลกของสมาคุณและเคาน์เตอร์แคชเชียร์ ชั้น 1 เซ็นทรัล ชิดลม, ลาดพร้าว, บางนา,  ปิ่นเกล้า และ Zen  รวมทั้งมีจำหน่ายในวันงานแพรวแชริตี้ 5-6 ตุลาคม 2562 ณ ชั้น 1 ZEN ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์

 

แพรวา9ศพ, ถวิล เช้าเที่ยง, ดร.เป็ด - ศาสตรา เช้าเที่ยง

ย้อนความทรงจำถึง ดร.เป็ด! ถวิล เช้าเที่ยง แม่ผู้สูญเสียลูกจากคดี #แพรวา9ศพ

แพรวา9ศพ, ถวิล เช้าเที่ยง, ดร.เป็ด - ศาสตรา เช้าเที่ยง
แพรวา9ศพ, ถวิล เช้าเที่ยง, ดร.เป็ด - ศาสตรา เช้าเที่ยง

ณ ตอนนี้  คดี #แพรวา9ศพ  ก็ถือเป็นอันสิ้นสุดลงแล้ว  หลังจาก น.ส.แพรวา เทพหัสดิน ณ อยุธยา  ได้เซ็นมอบอำนาจให้ตัวแทนคือ  หนุ่ม – กรรชัย กำเนิดพลอย  และเดชา กิตติวิทยานันท์  ทนายความ  นำหลักทรัพย์  เป็นเช็คระบุจำนวนเงิน 41.7  ล้านบาท  ไปวางที่ศาลแพ่ง  เมื่อวันที่  6  สิงหาคม และศาลแพ่งได้โอนเงินเข้าบัญชี 27 ผู้เสียหาย จนครบถ้วนในเช้าวันที่ 9 สิงหาคม ที่ผ่านมา

ย้อนกลับไปในค่ำคืนวันที่ 27  ธันวาคม  2553  เหตุการณ์รถเก๋งชนรถตู้สายหมอชิต-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต นับเป็นคดีสะเทือนขวัญที่คร่าชีวิตบุคลากรระดับหัวกะทิไปถึง 9 ศพอย่างน่าเสียดาย…

หนึ่งในนั้นคือ “ดร.เป็ด – ศาสตรา เช้าเที่ยง” นักวิจัย อนาคตไกลของสำนักงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ความภูมิใจสูงสุดในชีวิตของผู้เป็นแม่ … “แม่หนิง”  ถวิล เช้าเที่ยง  ที่ยึดอาชีพร้อยพวงมาลัยขายจนส่งลูกเรียนจบปริญญาเอก

“เรายังใช้เวลาอยู่ด้วยกันไม่คุ้มเลย” คือคำพูดที่แม่หนิง  แม่ผู้เดียวดายที่เคยฝากไว้กับแพรวหลังเกิดเหตุ #แพรวา9ศพ ไม่นาน

และนี่คือห้วงตอนหนึ่งของการพูดคุยที่แพรวชวนแม่หนิงย้อนเล่าถึงความทรงจำที่มีต่อลูกชายผู้เป็นที่รัก

ดร.เป็ด  ตอนเด็กๆ เป็นคนอย่างไรคะ

เป็ดเป็นลูกของหลานสาวค่ะ  แม่บอกกับแม่ของเป็ดตอนท้องว่าถ้าเป็นผู้ชาย  ขอเลี้ยงเอง  เพราะแม่ไม่ได้แต่งงาน  ไม่มีลูก  เป็ดเลี้ยงง่าย  เป็นเด็กดี  ขยัน  ชอบอ่านหนังสือ  ตอนเช้าแม่ไปส่งที่โรงเรียนด้วยรถมอเตอร์ไซค์ พอกลับถึงบ้าน  เขาจะรีบวางกระเป๋าแล้วหอบพวงมาลัยไปเร่ขายตามหมู่บ้าน  ทำอย่างนี้ทุกวัน

พอเรียนจบชั้นม.ต้นจากโรงเรียนเบญจมราชูทิศ ราชบุรี  เขาอยากเรียนต่อที่โรงเรียนเตรียมอุดมฯ  พอเขาสอบได้  แม่ก็ดีใจ  แต่เขาต้องไปพักอยู่กับญาติในกรุงเทพฯ  ปิดเทอมใหญ่ค่อยกลับมาสอนพิเศษวิชาเลขกับวิทยาศาสตร์ให้รุ่นน้องที่โรงเรียนเบญจมฯ  พอเรียนถึงชั้น ม.5  เขาสอบเทียบติดคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล  ขณะเดียวกันก็สอบชิงทุนของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไว้ด้วย  พอได้ทุน  จึงสละสิทธิ์ที่ศิริราช เพราะการไปเรียนเมืองนอกเป็นความฝันของเขา

เขาตัดสินใจเอง  หรือปรึกษาแม่หนิงก่อนคะ

เขาตัดสินใจเอง  ตอนแรกที่แม่รู้  แม่ไม่อยากให้ไป  แต่เขาร้องไห้เป็นวัน  พยายามอธิบายให้ฟังว่าสิ่งที่เขาจะไปเรียนนั้นดีแค่ไหน  แม้ใช้เวลานานถึง 10 ปี  แต่คุ้ม เพราะได้เรียนทั้งปริญญาตรี โท เอก  สุดท้ายแม่ต้องยอม

ปกติเขาไม่เคยขอเงินพิเศษ  ให้เท่าไหร่ใช้เท่านั้น  ตอนนั้นเขาขอ 3,000 บาท  บอกจะไปเรียนพิเศษภาษาอังกฤษ  แม่บอกว่าใช้เงินให้เป็นประโยชน์  เพราะแม่ร้อยพวงมาลัยได้กำไรน้อย  พูดแค่นั้น ไม่เคยว่าอะไร  เพราะเขาไม่เคยทำอะไรให้ต้องว่าเลย  เขาไม่เรื่องมาก  อยากเรียนอย่างเดียว

ก่อนไปเมืองนอก แม่พาเขาไปซื้อของที่ห้าง ซื้อไปร้องไห้ไป  เพราะไม่เคยต้องห่างกันนานขนาดนี้  คืนนั้นเขากอดแม่ บอกว่า  ‘ถึงผมจะไม่ค่อยแสดงออก  แต่ผมอยากบอกว่าผมรักแม่’

ดร.เป็ด – ศาสตรา เช้าเที่ยง ผู้เสียชีวิต

พอไปเมืองนอกแล้ว  คุยกันบ่อยไหมคะ

เมื่อไปถึงอังกฤษ  ช่วงแรกเขาโทร.มาหาแม่แล้วร้องไห้  บอกว่าคิดถึง  หลังจากนั้นก็โทรคุยกันตกเดือนละ 3 ครั้ง  เพราะค่าโทรศัพท์แพง  แม่บอกว่า  เป็ดต้องอดทนนะลูก  เพราะเราเป็น ดร.ที่จนที่สุดในเมืองไทย  ไม่มีอะไรพร้อมเหมือนคนอื่น พอปิดเทอม  เขากลับมาเยี่ยมแม่ปีละครั้ง  แล้วก็มาช่วยขายพวงมาลัยเหมือนเดิม  ไม่มีบ่น  ไม่มีอาย

พอปี 2549  เป็ดก็จบปริญญาเอกสาขาพันธุวิศวกรรม (จาก Universityof Bermingham ประเทศอังกฤษ)  พอกลับมาก็เข้าทำงานที่สวทช.  แม่ภูมิใจที่สุดที่ลูกทำสำเร็จ  ตอนนั้นถึงจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน  เพราะเขาต้องทำงานที่กรุงเทพฯ  แต่ว่างเมื่อไหร่เขาก็กลับมาหา  มากอดมาหอมและบอกรักแม่

เขาบอกให้แม่อดทนอีกนิด  จะซื้อบ้านให้   แม่เคยถามเขาว่า ทำไมไม่ซื้อรถก่อน  เวลาเดินทางจะได้สะดวก  เขาบอกว่าเขานั่งรถเมล์  รถตู้ได้  อยากซื้อบ้านให้แม่มากกว่า  จะได้อยู่สบายๆ  ไม่ต้องนั่งปวดหลังร้อยพวงมาลัยทั้งวัน  แม่ฟังแล้วก็ดีใจ แอบหวังว่าวันที่เราจะได้อยู่ด้วยกันใกล้เข้ามาแล้ว

ตามแผน ดร.เป็ดต้องกลับมาใช้ทุนกี่ปีคะ

(แม่หนิงตอบทั้งน้ำตา) ไม่รู้เหมือนกัน  เขาไม่ได้เล่า  แต่กลับมาอยู่แค่ 4 ปี เขาก็ตาย (บรรยากาศเงียบกันไปครู่หนึ่ง)

แม่ยังจำได้  คืนนั้น (วันที่ 27 ธันวาคม 2553) ประมาณห้าทุ่ม  ตำรวจโทร.หาแม่  บอกว่าลูกแม่เสียแล้ว  แม่แทบช็อก  ใจหายวูบ

หลังจากนั้นแม่ก็กินไม่ได้  นอนไม่หลับอยู่ 3 วัน 3 คืน  คิดว่าทำไมเป็นอย่างนี้  ทำไมลูกเราต้องตาย  เสียดายลูก  แม่มีลูกคนเดียว  แล้วเขาเป็นคนดี  ไม่เคยทำอะไรให้เสียใจ  ตอนไปขนของจากคอนโดเป็ดกลับมา  ทำใจไม่ได้เลย  เห็นแล้วร้องไห้  คิดถึงลูก  เรามีกันอยู่แค่สองคน  พอไม่มีเขาแล้วแม่ก็หมดหวัง  ใช้ชีวิตให้ผ่านไปวันๆ  เขาเพิ่งกลับมาได้แค่ 4 ปีเท่านั้น  เรายังใช้เวลาด้วยกันไม่คุ้มเลยจริงๆ

แม่หนิง – ถวิล เช้าเที่ยง ในวันนี้

ที่ผ่านมา  แม่หนิงติดตามความคืบหน้าของคดีเองหรือเปล่าคะ

เปล่า  ไม่ได้ติดตามเลย  ทางมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์กับที่ทำงานของเป็ดช่วยจัดการให้  ถ้ามีอะไรคืบหน้าเขาก็ติดต่อมา  แม่ของคนที่ขับรถชนมางานศพ  มากราบขอโทษแทนลูกและให้เงินช่วยเหลือ  แม่ก็บอกเขาไปว่า  ครอบครัวเขายังโชคดีที่ได้อยู่ด้วยกัน  ได้กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตา  แต่แม่ไม่มีโอกาสแบบนั้นอีกแล้ว

หลังจากเป็ดจากไป  แม่เคยไปที่ทำงานของเป็ด  ทั้งเจ้านายและเพื่อนร่วมงานบอกว่าเป็ดเก่งและมีความสามารถ  แม่ฟังแล้วก็ดีใจที่อย่างน้อยลูกเราเป็นที่รักของทุกคน  เคยมีคนแม่ถามว่าเลี้ยงลูกอย่างไร  เขาถึงเป็นคนดีอย่างนี้  แม่ตอบเขาว่า  แค่เลี้ยงตามปกติ  ไม่มีอะไรพิเศษ  คนจะดีหรือไม่อยู่ที่ตัวเขาเอง  ไม่ต้องพูดกันเยอะ

ตอนนี้คดีก็สิ้นสุดแล้ว  แม่รู้สึกโล่งขึ้นไหมคะ

โล่งใจ  ดีใจ  ขอบคุณนักข่าวทุกคนที่มาช่วยเหลือ  ขอบคุณทุกคนเลย  ไม่ว่าช่องไหนก็แล้วแต่  เงินที่ได้มาก็ตั้งใจจะนำไปทำบุญ  กับปลูกบ้าน  ที่เหลือก็จะเก็บไว้รักษาตัวเองบ้าง  ไว้งานศพตัวเองบ้าง  แม่ไม่กลัวตาย  วันรดน้ำศพแม่ยังจับมือเป็ดแล้วพูดว่า… ชาติหน้าขอให้เราได้เป็นแม่ลูกกันอีก

แม้จะไม่ร่ำรวย  แต่มีลูกดี  แม่ก็ภูมิใจที่สุดแล้ว


ขอบคุณที่มาภาพประกอบ  : ทุบโต๊ะข่าว Amarin TV 34HD

 

Gwangjang Market

กินแบบไม่ไฮโซที่ Gwangjang Market ตลาดท้องถิ่นเก่าแก่ของชาวเกาหลีใต้

Alternative Textaccount_circle
Gwangjang Market
Gwangjang Market

ครัวของกรุงโซล Gwangjang Market ตลาดท้องถิ่นเก่าแก่ของชาวเกาหลีใต้ ที่โดดเด่นเรื่องสตรีทฟู้ดพื้นเมือง

สำหรับคนต่างชาติ โซลคือเมืองหลวงของเกาหลีใต้ แต่สำหรับชาวเกาหลีแล้วโซลเป็นเมืองที่เปลี่ยนไปแบบปุ๊บปั๊บ อิทธิพลวัฒนธรรมต่างชาติหลั่งไหลอย่างล้นหลามเข้ามาในประเทศ จนบางคนถึงกับตระหนกว่าโซลกำลังจะสูญเสียประเพณีและวิถีชีวิตของมันไป โดยเฉพาะวัฒนธรรมการกิน ที่ทุกวันนี้มีผู้คนคิดค้นอาหารริมทางขึ้นมาใหม่  ซึ่งแต่ละเมนูที่โด่งดังก็อุดมไปได้ ไส้กรอก แฮม และชีท ซึ่งไม่ใช่อาหารดั้งเดิมเลย

 Gwangjang Market

“ตลาดกวางจัง” ( Gwangjang Market ) เป็นตลาดถาวรแห่งแรกและใหญ่ที่สุดของเกาหลี ทั้งยังเป็นแหล่งรวมอาหารหนึ่งที่ดีที่สุด ที่จะสามารถรับประทานอาหารพื้นเมืองขึ้นชื่อ โดยตลาดแห่งนี้เป็นมีความเก่าแก่ มีอายุกว่า 100 ปี ประกอบไปด้วย โซนของสด โซนของแห้ง โซนเสื้อผ้า แต่ที่โดดเด่นที่สุดก็คือโซนสตรีทฟู้ดที่เต็มไปด้วยอาหารเก่าแก่ที่ได้รับความนิยม อาทิ ปูดองซีอิ๋ว, ต๊อกบกกี (ก้อนแป้งข้าวเจ้ารสเผ็ด), “คิมบับ” (ข้าวห่อสาหร่าย), “พินแดต๊อก”(แพนเค้กถั่วเขียว) “มันดู”(เกี๊ยวกิมจิ,เกี๊ยวหมู), “พิบิมบับ” (ข้าวยำเกาหลี), “พัดจุก”( โจ๊กถั่วแดง), “ซุนแด” (ไส้กรอกหมูเกาหลี), “ออมุก” (ปลาบดเสียบไม้) คัลกุกซู (ก๋วยเตี๋ยวมีดตัด) ที่เสิร์ฟคู่กับกิมจิ

Gwangjang Market

 ภาพจาก visitkorea.or.kr

Gwangjang Market

ไอดอลเกาหลี “ไค”กับ “ซูโฮ”วง EXO พา”นักแสดงจาก “Stranger Things” ไปรับประทานอาหารที่“ตลาดกวางจัง” ภาพจาก Netflix

Gwangjang Market

Gwangjang Market

“ตลาดกวางจัง” โซนสตรีทฟู้ด เปิด 09.00-23.00 น. เปิดทุกวัน โดยรถไฟใต้ดินสามารถลงที่สถานี Jongno 5-ga Station (Seoul Subway Line 1), ทางออกที่ 8
และ Euljiro 4-ga Station (Seoul Subway Line 2 & 5), ทางออกที่ 4 รถบัสลงที่ Jongno 5(o)-ga  Green Bus: 111, 2014, 2112, 7212 Blue Bus: 101, 103, 106, 140, 143, 150, 160, 201, 260, 262, 270, 271, 273, 370, 720, 721, N15, N26, N62 และ Red Bus: 9301


 

ชานมไข่มุก

จากขนมริมทาง สู่ ชานมไข่มุก เครื่องดื่มที่เป็นความภูมิใจของไต้หวัน

Alternative Textaccount_circle
ชานมไข่มุก
ชานมไข่มุก

จากขนมพื้นเมืองริมทาง “Fen Yuan” สู่ ชานมไข่มุก เครื่องดื่มประจำชาติความภูมิใจของไต้หวัน

นาทีนี้หากจะพูดถึงเครื่องดื่มที่ฮิตที่สุด คงไม่มีเมนูไหนที่ตอบโจทย์ได้ดีไปกว่า ชานมไข่มุก อีกแล้ว เพราะไม่ได้ฮิตแค่ในเมืองไทยเท่านั้น แต่เป็นที่นิยมใน ฮ่องกง,ญี่่ปุ่น,อเมริกาเหนือ ฯลฯ โดย Allied Analytics ได้เปิดเผยมูลค่าตลาดชาไข่มุกทั่วโลก ในปี 2560 อยู่ที่ 1,954 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (65,000 ล้านบาท) และมีแนวโน้มว่าในปี 2566 จะสูงถึง 3,214 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (100,000 ล้านบาท) ซึ่งจุดที่ทำให้โด่งดังเป็นพลุแตกก็เพราะนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวของไต้หวัน ซึ่งหน่วยงานต่างๆ ได้เลือกชานมไข่มุกมาอยู่ในแผนโปรโมทในฐานะเครื่องดื่มประจำชาติ

และหากยังพอจำกันได้ 15 ปีที่แล้ว ชาไข่มุกเคยเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมในเมืองไทยมาแล้วครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะมีเมนูอื่นเข้ามาครองใจ แต่การกลับมาในครั้งนี้ร้อนแรงยิ่งกว่าเก่า เพราะมีการนำเข้าทั้งร้านแบรนด์จากต่างประเทศ แฟรนไชส์ เปิดขายกันอย่างคึกคัก ทำให้มีศึกแย่งชิงตลาดอย่างเข้มข้น ไม่แพ้รสชาติของชานมไข่มุกเลยทีเดียว

และหากใครไปเดินตลาดหรือสตรีทฟู้ดของไต้หวันคงได้เห็นร้านน้ำแข็งไส ซึ่งในหนึ่งถ้วยจะใส่ท็อปปิ้งได้หลายอย่าง และหนึ่งในนั้นก็คือไข่มุก หรือ “เฝิ่นหยวน” ซึ่งแท้จริงแล้วขนมชนิด นี่แหละ! คือส่วนประกอบหลักของ ชานมไข่มุก เครื่องดื่มที่เป็นความภูมิใจของไต้หวันที่หลายคนติดใจ โดยมุกยังแบ่งออกเป็น 2 ชนิดคือ”Babo”คือมุกใหญ่ กับ “Pearl”คือมุกเล็ก

https://www.instagram.com/p/BzhUgvOD5XY/

มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของชานมไข่มุกไต้หวันหลายเรื่อง แต่เรื่องที่โด่งดังที่สุดน่าจะเป็นเรื่องของร้านชาเก่าแก่ที่ชื่อว่า “Chun Shui Tang ” โดยผู้จัดการฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์”หลินชิ่วฮุย”เปิดเผยว่าระหว่างที่นั่งประชุมกันอยู่ เธอนึกสนุกจึงนำขนม “เฝิ่นหยวน” ไปใส่ในชานม ซึ่งเธอค้นพบว่ามันเข้ากันได้ และมีสัมผัสที่น่าสนใจ จึงลองนำมาแบ่งให้ผู้ร่วมประชุมได้ทาน ก่อนตัดสินใจนำไปขายในร้าน ซึ่งหลังจากที่เปิดขายก็ได้กระแสตอบรับที่ดีมาก ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นถึง 80 เปอร์เซ็น

อย่างไรก็ตามร้าน “Chun Shui Tang” ที่เคลมว่าเป็นต้นตำหรับแท้ๆ แต่กลับเปิดแค่ที่ไต้หวัน 12 สาขา และที่ญี่ปุ่น 7 สาขาเท่านั้น ทั้งที่จริงๆแล้วน่าจะขยายสาขาได้ทั่วโลกเหมือนกับสตาร์บัค แต่ “หลินชิ่วฮุย” ก็ปฏิเสธ โดยเธอบอกว่ามีคนมาขอซื้อแฟรนไชส์ไปเปิดเป็นจำนวนมาก แต่เธอปฏิเสธเนื่องจากเธอมองว่ามีคนเพียงหยิบมือเดียวเท่านั้นที่ชงชาได้ถูกวิธี ชาคือความภาคภูมิใจของคนในชาติ แม้ธุรกิจต้องการเงินแต่นั่นก็ไม่ใช่ทั้งหมด เธอเชื่อว่าการรักษาวัฒนธรรมและให้คนรุ่นหลังได้รู้จักกับชาที่แท้จริงสิคือสิ่งที่เยี่ยมยอดมากกว่า


ภาพจาก : chunshuitang

สามารถติดตามอ่านบทความอื่นๆได้ที่นี่

 อร่อยจนต้องเลียนิ้ว จาฏ รสชาติสะท้อนวิถีชีวิตของอินเดีย

3 ร้านกินอร่อยแบบจุกๆ ข้าวมันไก่ เมนูประจำชาติสิงคโปร์

ต้องมนตร์เสน่ห์ ศรีลังกา สัมผัสดินแดนวิถีพุทธ ในประเทศที่น่าเที่ยวที่สุดในโลก

account_circle

ต้องมนตร์เสน่ห์ ศรีลังกา สัมผัสดินแดนแห่งวิถีชาวพุทธ ธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ ตะลุยแหล่งมรดกโลกที่ Lonely Planet ยกให้เป็นประเทศที่น่าเที่ยวที่สุด 2019 ซึ่งครั้งหนึ่งในชีวิต ต้องเดินทางไปสักครั้ง

หากนึกถึง ดินแดนแห่งพุทธภูมิ เชื่อว่าหลายคนคงนึกถึงประเทศอินเดียแน่นอน แต่คุณรู้ไหมว่ายังมีอีกหนึ่งประเทศอย่าง โคลัมโบ หรือ ศรีลังกาที่ผู้คนให้ความสำคัญในด้านศาสนาไม่แพ้กับอินเดียเลย ทั้งนี้ประเทศศรีลังกาก็ยังเด่นในเรื่องธรรมชาติที่ยังมีความงดงาม และอุดมสมบูรณ์รอต้อนรับนักท่องเที่ยวให้มาสัมผัสด้วยตนเองสักครั้ง

เมื่อไม่นานมานี้เรามีโอกาสได้เดินทางไปประเทศศรีลังกา เพื่อร่วมงานงานแถลงข่าวการร่วมมือลงนามด้านการท่องเที่ยว หรือ MOU ที่ประเทศโคลัมโบ ( ศรีลังกา ) ทำร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นอกจากจะเดินทางไปร่วมงานนี้แล้ว เรายังได้เดินทางท่องเที่ยวไปยังที่สำคัญๆ ของประเทศศรีลังกา ซึ่งเป็นสถานที่ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโก ว่าเป็นมรดกโลก ซึ่งทริปนี้เราไปเพียงแค่ 3 ใน 7 แห่งของมรดกโลกในประเทศนี้เท่านั้น

ทริปนี้เราเดินทางโดยศรีลังกาแอร์ไลน์ บินตรงจากสนามบินสุวรรณภูมิ ใช้เวลาบินประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง และเนื่องจากเราไม่ได้มีเวลามากเท่าที่ควร เลยขอลิสต์ 3 สถานที่สำคัญของศรีลังกาที่ต้องมา เผื่อเพื่อนๆ คนไหนสนใจ โดยเฉพาะใครเป็นสายบุญ สายลุย สายประวัติศาสตร์ ควรจดไว้ในลิสต์ด่วนๆ จ้า

ศรีลังกา

ศรีลังกา

ศรีลังกา

ศรีลังกา

เริ่มกันที่แรกเลย เดินทางจากโคลัมโบบนเส้นทางสายหลักมุ่งหน้าสู่อนุราธปุระ และโปโลนนารุวะ เพื่อไปยัง ‘วัดถ้ำแห่งดัมบุลละ’ ความพิเศษของที่นี่นอกจากจะได้ชมวิวบนยอดเขาที่มองไปเห็นสิริกายา อีกหนึ่งมรดกโลก ยังจะได้ชมผลงานชิ้นเอกของศิลปะแบบพุทธที่อยู่ภายในถ้ำที่มีอายุกว่าพันปี ถึงแม้ว่าแต่ละชิ้นจะมีการเสื่อมสลายไปตามกาลเวลาบ้าง แต่ก็ต้องบอกเลยว่าทางศรีลังกาบูรณะได้อย่างดีเยี่ยมเลยทีเดียว

ศรีลังกา

ศรีลังกา

ศรีลังกา

'ศรีลังกา'
ปีนป่ายบันไดนั้นขึ้นไปเพื่อไปชมภาพเฟรสโก ทำเอาขาสั่นเชียวล่ะ

จุดหมายต่อไปคือ ‘สิกิริยา’ อยู่ห่างจาก วัดถ้ำแห่งดัมบุลละ ในระยะที่ไม่ไกลมากนัก ใช้เวลาขับรถประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งเราขอปักหมุดเลยว่าควรจะมาเป็นอย่างยิ่ง ที่สำคัญควรจะเตรียมพลังกาย พลังใจ เตรียมแรงขาเพื่อเดินขึ้นเขาไปชมจิตรกรรมอันลือชื่ออย่าง ภาพเขียนสีเฟรสโก ที่เวลาจะผ่านมาขนาดไหนแต่ความงดงามของภาพเขียนนี้ก็ยังมีความสมบูรณ์มาก ใครไม่กลัวความสูงควรปีนขึ้นไป ห้ามพลาดเลยจริงๆ

ปล.ภาพที่เห็นนี้ถ่ายจากแบบจำลองที่วาดเหมือนต้นแบบเป๊ะๆ ของจริงเขาห้ามถ่ายโดยเด็ดขาดนะจ๊ะ

'ศรีลังกา'
ข้างบนนี้มีลิงด้วยนะ แต่เขาไม่ทำร้ายคน และไม่ขอของกิน

ศรีลังกา

ศรีลังกา

ศรีลังกา

สำหรับสิกิริยานั้น หากมองด้านหน้าจะพบกับภูเขาที่สูงตระหง่าน ตามประวัติศาสตร์นั้น ด้านบนของภูเขานี้ถูกสร้างให้เป็นพระราชวัง เพื่อเป็นสวนสราญรมย์ โดยกษัตริย์กัสยาปะ ซึ่งด้านบนจะมีพระราชวังโบราณ และมีสระสรงน้ำ แต่ก่อนที่จะเดินขึ้นไปนั้นต้องเดินผ่านอุ้งเท้าราชสีห์ขนาดมหึมา คาดว่าในส่วนของลำตัวนั้นถูกทำลายลงจากศึกสงคราม สำหรับเราที่กลัวความสูงมาก ขอย้ำว่ามาก ก็ต้องรวบรวมความกล้าอยู่นานกว่าจะเดินขึ้นไปได้ แต่บอกเลยว่าคุ้มแสนคุ้มจริงๆ เมื่อเห็นวิวที่มองลงมาจากด้านบน

ปิดท้ายกับมรดกโลกที่สุดท้าย จุดมุ่งหมายของชาวพุทธที่ครั้งหนึ่งในชีวิตต้องเดินทางมา หากใครไม่มาก็เหมือนมาไม่ถึงศรีลังกา ‘นครหลวงแห่งแคนดี้’ เมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆ ของประเทศศรีลังกา เมืองที่นักท่องเที่ยวชื่นชอบ และเป็นหนึ่งในเดสติเนชั่นที่ทุกคนต้องมา เพราะมีทะเลสาบใจกลางเมืองที่สามารถเดินเล่นชมวิวได้อย่างเพลิดเพลิน

ศรีลังกา

ศรีลังกา

ชาวศรีลังกาทุกเพศ ทุกวัย ไม่ว่าจะวัยเด็กไหนขนาดไหน พ่อแม่จะพาลูกๆ เข้าวัด เพื่อปลูกฝังธรรมะในจิตใจ

แล้วเมืองนี้สำคัญอย่างไรล่ะ สำหรับเมืองแคนดี้นั้นมีสถานที่ ที่สำคัญที่สุดคือ ดาลาดะ มาลิกาวะ หรือ วัดพระธาตุเขี้ยวแก้วที่คนไทยรู้จัก ซึ่งวัดแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานพระทันตธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เชื่อกันว่าพระทันตธาตุของพระพุทธเจ้านั้นมีทั้งหมด 4 องค์ ซึ่งสององค์นั้นอยู่บนโลกมนุษย์ คือประเทศศรีลังกา และประเทศจีน ส่วนอีกสององค์อยู่บนสวรรค์ และชั้นบาดาล ต้องบอกเลยว่าในทุกๆ วันจะมีชาวศรีลังกาเดินทางไปขอสักการะองค์พระทันตธาตุกันแน่นขนัด ซึ่งทางวัดก็ไม่ได้เปิดให้ใครเข้าไปถึงด้านใน แต่สามารถนำดอกบัวมาสักการะไว้ที่ด้านนอกได้

ทั้งนี้ในช่วงเดือนกรกฎาคม หรือ สิงหาคมของทุกปี ยังมีพิธีสำคัญอย่าง พิธีเอสละ เประเฮระ โดยจะมีการนำพระทันตธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มาประดิษฐานบนหลังช้างเพื่อแห่ไปยังรอบเมือง ซึ่งขบวนช้างนั้นมีการตกแต่งอย่างสวยงาม และขบวนแห่จะประดับประดาไปด้วยแสงสีสุดอลังการ

'ศรีลังกา'
การแสดงพื้นเมือง เพื่อเป็นการต้อนรับแขกที่มาเยือนของชาวศรีลังกา ก่อนเข้าที่พัก

'ศรีลังกา'
รถเมล์ ยานพาหนะที่ชาวศรีลังใช้เดินทางเป็นส่วนใหญ่

'ศรีลังกา'

'ศรีลังกา'
รถขายขนม อีกหนึ่งเสน่ห์ที่พบได้ในประเทศนี้

'ศรีลังกา'
ร้านขายอาหารเช้าในตัวเมืองศรีลังกา

'ศรีลังกา'
ชานม ที่รสชาติหวานมากกกกก กินคู่กับ ฮอปเปอร์ (Hoppers) แป้งที่นำไปทอดไม่มีรสชาติ ก็เข้ากันดีนะ เป็นเมนูอาหารเช้าประจำชาติของประเทศศรีลังกา

ก่อนอื่นต้องขอสารภาพเลยว่า ก่อนมาเราไม่ค่อยอินกับประเทศนี้สักเท่าไหร่ ในหัวไม่เคยมีแพลนท่องเที่ยวของประเทศศรีลังกาเลย เพราะด้วยความที่เราคิดว่ามันน่าจะไปยาก ไม่ได้มีอะไรที่น่าสนใจเท่าที่ควร รวมถึงต่อมมโนก็พาเอาคิดว่าผู้คนที่นี่คงน่ากลัว แต่ผิดคาดเลยจริงๆ ต้องบอกเลยว่าชาวศรีลังกาน่ารัก เป็นมิตร พวกเขาใจดี และที่สำคัญคือสุภาพมากกกกกกกกกกกกก จนทำให้เราตกหลุมรักประเทศนี้แบบไม่มีข้อแม้เลย และคิดว่าหากมีโอกาส คงได้กลับมาเที่ยวอีกสักครั้ง เพราะศรีลังกายังมีอะไรให้เราค้นหาอีกเยอะ 🙂


เรื่อง : New Nitcha

ภาพ : New Nitcha, Bomber Chak

 

3 ร้านกินอร่อยแบบจุกๆ ข้าวมันไก่ เมนูประจำชาติสิงคโปร์

Alternative Textaccount_circle

ถึงแม้ว่า ข้าวมันไก่ (Chicken Rice) จะไม่ได้มีต้นกำเนิดจากในประเทศสิงคโปร์ แต่เมนูนี้กลับสร้างชื่อเสียง จนถูกยกให้เป็นเมนูประจำชาติ ที่ไม่ว่าใครไปเยือน ต้องขอลิ้มลองสักครั้งให้ได้

หากพูดถึงสาธารณรัฐสิงคโปร์ หลายคนจะนึกถึง ความหรู ความทันสมัย และตื่นตัว เพราะที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งเศรษฐกิจ แม้จะเป็นประเทศที่มีอายุน้อย แต่กลับพัฒนาประเทศได้รวดเร็ว ในยุค 80  เป็นช่วงที่กำลังสร้างเมือง จึงมีบริษัทต่างชาติเข้ามา ทำให้ธุรกิจเริ่มขยายตัว  นั่นจึงทำให้ผู้คนมากมายอพยพมาทำการค้า และแน่นอนว่า พวกเขาก็ได้นำอาหารจากท้องถิ่นเดิมเข้ามาด้วย ทำให้ที่นี่นอกจากจะมีคนจากหลายเชื้อชาติแล้ว ยังมีวัฒนธรรมการรับประทานที่หลากหลายด้วย

สำหรับสายสตรีทฟู้ด ถ้าไปสิงคโปร์อาจต้องผิดหวัง เพราะที่นี่ไม่ได้มีร้านอาหารริมถนนเหมือนอีกหลายประเทศในแถบเอเชีย แต่ก็อย่าเพิ่งเสียใจไป เพราะประเทศที่ได้ชื่อว่ามีระเบียบที่สุด ได้จัดโซนไว้เฉพาะเรียกว่า “ฮอว์กเกอร์เซ็นเตอร์” (Hawker Centres) ซึ่ง “Hawker” เป็นภาษาอังกฤษแปลว่า “คนหาบเร่”

โดย”ฮอว์กเกอร์เซ็นเตอร์”หรือห้องอาหารชุมชนนี้ จะกระจายตัวอยู่ทุกชุมชนทั่วเมือง แต่ละที่มีขนาดใหญ่เท่ากับสนามฟุตบอล ภายในมีร้านเล็กๆ อยู่รวมกันมากถึง 100 ร้าน และแต่ละแห่งจะนำเสนออาหารหลากหลาย ที่นี่จึงถือเป็นสวรรค์ของเหล่านักชิมก็ว่าได้

ข้าวมันไก่

เมื่อพูดถึงอาหารขึ้นชื่อของสิงคโปร์  คงต้องยกให้กับเมนู ข้าวมันไก่ หรือชาวจีนเรียกว่า “ไก่เหวินชาง” ที่แม้ว่าสูตรอาหารเด็ดจานนี้จะมีต้นกำเนิดมาจากชาวจีนไหหลำ แต่ปัจจุบันพูดได้เต็มปากเลยว่าเมนูนี้ได้สร้างชื่อให้กับสิงคโปร์ จนกลายเป็นอาหารประจำชาติไปแล้ว เพราะว่ากันว่าเมนูนี้เป็นอาหารสนองความสุข เป็นสายใย และความผูกพัน ผู้คนจำนวนมากโตมากับข้าวมันไก่

แน่นอนว่าเมื่อชาวสิงคโปร์ชื่นชอบข้าวมันไก่มากๆ ร้านขายจึงมีมากตามไปด้วย และนั่นทำให้เกิดข้อถกเถียงว่า “ข้าวมันไก่ร้านไหน อร่อยที่สุดในสิงคโปร์?” วันนี้เลยรวบรวม 3 ร้านที่เขาว่าเด็ดมาให้ไปตามกินกันค่ะ

1. “Sin Kee Famous Cantonese Chicken Rice” @ Holland Drive ร้านที่ได้รับการการันตีรางวัล Michelin Bib Gourmand และยังได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในร้านสตรีทฟู้ดในสารคดีของ Netflix เริ่มดำเนินกิจการเมื่อปี 1971 ร้านดั้งเดิมอยู่ที่ Margaret Drive แต่ปิดไปแล้ว ต่อมาทายาทรุ่น 2 ได้มาเปิดกิจการแต่ว่าได้แยกย้ายกันไปเปิดเป็นของตัวเอง หลายแห่งปิดไป กระทั่งได้มารวมตัวเปิดที่ Holland Drive เอกลักษณ์ที่โดดเด่นของ Sin Kee คือเนื้อไก่คุณภาพและเก็บกักความชุ่มฉ่ำ พวกเขามีสูตรลับในการดึงรสชาติคือการต้มไก่สลับน้ำร้อนน้ำเย็น

https://www.instagram.com/p/BU8Z0eeF2aU/?igshid=13x0seqedwxof

2.”Tian Tian Hainanese Chicken Rice” @ Maxwell Food Centre เป็นอีกหนึ่งร้านที่ได้รับการการันตีรางวัล Michelin Bib Gourmand โดย Tian Tian มีความโดดเด่นเรื่องข้าวและไก่ที่ชุ่มฉ่ำจนเกือบลื่น ถึงอย่างนั้นแต่ก็ไม่เลี่ยนมาก เพราะน้ำจิ้มทำให้รสชาติเข้ากันได้อย่างลงตัว พวกเขามีเคล็ดลับความสำเร็จคือสูตรดั้งเดิมซึ่งมีการปรับปรุงอย่างสม่ำเสมอ เอาเป็นว่าใครอยากไปรับประทานก็ต้องรีบไป และยอมเสียเวลาเข้าคิวรอกันนานหน่อยนะคะ

https://www.instagram.com/p/5V8jW3xW-L/?igshid=12a73fmlg8pwx

3. “Ah-Tai Hainanese Chicken Rice” @ Maxwell Food Centre ที่ “Maxwell Food Centre” เหมือนสมรภูมิสงครามเจ้าแห่งข้าวมันไก่เลยก็ว่าได้ เพราะที่นี่มี 2 ร้านดัง “Tian Tian” และ “Ah-Tai ” ที่ตั้งอยู่ห่างกันเพียง 3 ร้าน เอกลักษณ์ที่แตกต่างก็คงจะเป็นการเสิร์ฟไก่ไม่มีกระดูกเน้นเนื้ออกมากกว่า

https://www.instagram.com/p/BZjxGvqAHNW/?igshid=1bsrbrzek6in9


ข้อมูลจาก : Netflix /guide.michelin/visitsingapore

 

 

จาฏ

อร่อยจนต้องเลียนิ้ว จาฏ รสชาติสะท้อนวิถีชีวิตของอินเดีย

Alternative Textaccount_circle
จาฏ
จาฏ

รสชาติสะท้อนวิถีชีวิตจิตวิญญาณของอินเดีย จาฏ ของ “ดาลจันทร์” ร้านฮิตที่โด่งดังในหมู่คนเดลีและคนต่างชาติ

จาฏ

การเดินทางไปต่างประเทศทำให้เราได้เปิดประสบการณ์ใหม่ๆ แต่หากนักเดินทางอยากเรียนรู้วัฒนธรรม ประเพณี และวิถีชีวิตของคนเมืองนั้น ก็คงต้องลองลิ้มชิมรสชาติของอาหารท้องถิ่นดูสักครั้ง แต่หากอยากลงลึกถึงจิตวิญญาณและค้นพบรสชาติของประเทศนั้นๆ อย่างแท้จริง ก็ไม่ควรพลาดการชิม “อาหารสตรีทฟู้ด” (Street food)

จากกระทู้ต่างๆ เกี่ยวกับ “อาหารสตรีทฟู้ด” หนึ่งประเทศที่นักเดินทางพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า น่าตื่นเต้นและท้าทายสุดๆ ต้องยกให้กับ “อินเดีย” (Indian) ดินแดนที่น่าอัศจรรย์ ประเทศที่มีประวัติอันยาวนานกว่าหนึ่งพันปี

อาหารริมทางเป็นที่นิยมมากในอินเดีย เพราะมันเริ่มจากการเป็นของจำเป็น บ้านในอินเดียเป็นจำนวนมากไม่มีห้องครัว ดังนั้นพวกเขาจึงต้องฝากท้องไว้กับอาหารริมทางล้วนๆ ซึ่งแต่ละเมนูก็มีมาตั้งแต่สมัยอดีต “นิฮารี” (nihari) , “โชบะเรตูเร” (chole bhature) หรือแม้กระทั่ง “ซีกข์เคบับ” (seekh kebab) ซึ่งเป็นของพระราชา ก็สามารถพบเห็นได้ ไม่แปลกเลยที่สตรีทฟู้ดของอินเดียจะมีความพิเศษมากๆ

คนใช้แรงงานต้องกินข้าว แต่ก็มีอีกหลายเมนูที่รับประทานได้สะดวกกว่า โดยเมนูฮิตที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในเดลีก็คือ “จาฏ” (chaat) มาจากคำว่า “จาฏนา” (chatna) แปลว่า เลียนิ้ว  ปกติแล้วจะเป็นมันฝรั่งทอดกรอบ โปะด้วยชัทนีย์โยเกิร์ตและผัก เมนูนี้มีรสชาติหวาน เปรี้ยว กรุบกรอบ และความเผ็ด ซึ่งแผงขายจาฏที่โด่งดังสุดๆ ในตอนนี้ก็คือแผงของ  “ดาลจันทร์ ” หรือร้าน “SOHAN LAL DAL CHAND KASHYAP (MANGRA CHAT WALE)” ซึ่งตั้งอยู่ที่ Mayur Vihar Phase-1 Opp. Aggarwal Bikaneri Sweets Delhi 110091

จาฏ

ร้านของ “ดาลจันทร์” โด่งดังในหมู่คนเดลีและคนต่างชาติ เขามีชื่อเสียงด้าน “อลูติกกี้”  (aloo tikki) มากที่สุด โดยอลูติกกี้คือจาฏชนิดหนึ่งทำมาจากมันบด ยัดไส้ด้วยถั่วแล้วนำมาทอด ให้รสชาติที่ทั้งละมุนลิ้นและกรุบกรอบในคำเดียวกัน

“ดาลจันทร์” บอกว่าครอบครัวเขาเป็นครอบครัวจาฏ เพราะเริ่มต้นธุรกิจนี้มาตั้งแต่รุ่นปู่ รุ่นพ่อ และเขาเป็นรุ่นที่สาม ซึ่งสิ่งที่ถูกถ่ายทอดมารุ่นต่อรุ่น นอกจากสูตรความอร่อยแล้วก็คือความซื่อสัตย์ พ่อของเขาสอนว่า “เงินไม่ใช่ทุกอย่าง” ดังนั้น “ดาลจันทร์” ยอมที่จะกำไรน้อยหน่อย แต่เขาจะไม่ยอมอะลุ่มอล่วยกับวัตถุดิบ เขาอยากเสิร์ฟแต่ของที่ดีที่สุดให้ลูกค้า เมื่อไหร่ก็ตามที่ลูกค้ามาที่ร้าน เขาต้องการจะเห็นลูกค้ามีความสุข

จาฏ

เจ้าของร้านรุ่น 3 “ดาลจันทร์” (ผู้ชายใส่แว่น)

อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะยังมีการแบ่งชั้นวรรณะอยู่ แต่สตรีทฟู้ดก็ทำให้เริ่มมีความเสมอภาคกันมากขึ้น แผงของ “ดาลจันทร์” มีทั้งคนที่ใส่เพชรมากิน คนธรรมดาๆ นักเรียน คนแก่ เรียกว่ามีคนทุกรูปแบบรวมตัวกันอยู่ที่นั่นเลยก็ว่าได้


ข้อมูลจาก : Netflix, Mangla Chat Wale

ในหลวง โปรดเกล้าฯสถาปนา สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา

Alternative Textaccount_circle

ในหลวง โปรดเกล้าฯสถาปนา สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา… วันนี้ (28 กรกฎาคม 2562) พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ประกาศว่า โดยที่ทรงพระราชดาริว่า สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี เป็นพระราชธิดาพระองค์ใหญ่ ได้ทรงปฏิบัติพระกรณียกิจด้วยพระวิริยอุตสาหะ และพระกตัญญูกตเวทิตา ฉลองพระเดชพระคุณ มาแต่รัชกาลก่อน สืบเนื่องมาจนถึงรัชกาลปัจจุบัน ทรงปฏิบัติพระราชกิจแทนพระองค์ในหลายวาระ และทรงรับเป็นพระธุระในการส่วนพระองค์ ให้ดำเนินลุล่วงไปด้วยความเรียบร้อย แบ่งเบาพระราชภาระ ได้เป็นอันมาก เป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัย

นอกจากนั้น สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี ได้ทรงปฏิบัติ พระกรณียกิจในด้านสาธารณกุศลมาเป็นเวลายาวนาน ผ่านมูลนิธิอาสา เพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย ซึ่งทรงรับเป็นประธานกรรมการ ทรงรับปฏิบัติงานที่คณะทูตถาวรแห่งประเทศไทย ประจาองค์การสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก อีกทั้งทรงปฏิบัติพระกรณียกิจในด้านกฎหมาย ซึ่งทรงพระปรีชาสามารถเป็นอย่างยิ่ง ทรงรับราชการในตำแหน่งอัยการผู้เชี่ยวชาญ สำนักงานอัยการสูงสุด ทรงก่อตั้งโครงการกำลังใจ ในพระดำริ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ต้องขัง นับว่าได้ทรงปฏิบัติงาน สร้างสรรค์ประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชนเป็นอเนกประการ สมควรที่จะสถาปนาพระเกียรติยศให้สูงขึ้น ตามแบบอย่างโบราณราชประเพณี

จึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สถาปนา สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี ขึ้นเป็นเจ้าฟ้าต่างกรมฝ่ายใน มีพระนามตามที่จารึกในพระสุพรรณบัฏว่า สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา กับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นโบราณมงคลนพรัตนราชวราภรณ์

ขอจงเจริญพระชนมายุ พรรณ สุข พล ปฏิภาณ คุณสารสมบัติ สรรพสิริสวัสดิ์ พิพัฒนมงคล วิบุลศุภผล สกลเกียรติยศ ปรากฏยิ่งยืนนาน ตลอดจิรัฏฐิติกาล เทอญ

ประกาศ ณ วันที่ 28 กรกฎาคม พุทธศักราช 2562 เป็นปีที่ 4 ในรัชกาลปัจจุบัน


 

ตำแหน่งนี้มีมาแต่โบราณ “ในหลวง” โปรดเกล้าฯสถาปนา “เจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี”

Alternative Textaccount_circle

ตำแหน่งนี้มีมาแต่โบราณ “ในหลวง” โปรดเกล้าฯสถาปนา “เจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี”… วันนี้ (28 กรกฎาคม 2562) พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ประกาศว่า โดยที่ทรงพระราชดำริว่า พลตรีหญิง ท่านผู้หญิงสินีนาฏ วงศ์วชิราภักดิ์ ปฏิบัติราชการ ในตำแหน่งผู้อำนวยการกองปฏิบัติการกิจการราชสำนัก กรมกิจการวัง ทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ กรมฝ่ายเสนาธิการกองบัญชาการทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ปฏิบัติหน้าที่ รองผู้บังคับการ กรมทหารรักษาวังมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ กองบัญชาการทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ และผู้บังคับกองพันราชสำนัก กรมทหารรักษาวังมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ กองบัญชาการทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ ได้ปฏิบัติหน้าที่ฉลองพระเดชพระคุณในราชการในพระองค์ด้วยความเรียบร้อยและแบ่งเบาพระราชภาระได้เป็นอันมาก จนเป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัย สมควรจะยกย่องให้มีเกียรติยศสูงขึ้นตามโบราณราชประเพณี

จึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สถาปนา พลตรีหญิง ท่านผู้หญิงสินีนาฏวงศ์วชิราภักดิ์ ขึ้นเป็น เจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณีตามที่จารึกลงในสุพรรณบัฏ

จงเจริญด้วยอายุ พรรณ สุข พล ปฏิภาณ คุณสารสมบัติ สรรพสิริสวัสดิ์ พิพัฒนมงคลทุกประการ

ประกาศ ณ วันที่ 28 กรกฎาคม พุทธศักราช 2562 เป็นปีที่ 4 ในรัชกาลปัจจุบัน

ทั้งนี้สำหรับตำแหน่ง “เจ้าคุณพระ” หรือ “Royal Noble Consort” คือตำแหน่งพระสนมเอกขั้นหนึ่ง สูงกว่าตำแหน่งเจ้าคุณจอมมารดา และเจ้าจอมมารดา สถาปนาครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2464 ในสมัยรัชกาลที่ 6 หรือเมื่อ 98 ปีก่อน คือ “เจ้าคุณพระประยุรวงศ์” พระสนมเอกในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 โดยทำหน้าที่เป็นผู้เบิกพระโอษฐ์พระราชโอรสและพระราชธิดาในรัชกาลที่ 5 จึงได้รับการแต่งตั้งเป็น “เจ้าคุณจอมมารดาแพ” และต่อมาพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงสถาปนาเกียรติยศขึ้นเป็นเจ้าคุณชั้นพิเศษให้ออกนามว่า “เจ้าคุณพระประยุรวงศ์”

นอกจากนี้ หนังสือ คำราชาศัพท์ ฉบับเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 ได้ให้ความหมายของคำว่า “เจ้าคุณพระ” ไว้คือ “ภรรยาของพระมหากษัตริย์ ที่มิได้เป็นเจ้านาย ซึ่งมีลูกชายหรือลูกสาว”


 

พระปรีชาหาญกล้าของ “ในหลวงรัชกาลที่ 10” กษัตริย์นักรบของชนชาวไทย

Alternative Textaccount_circle

“พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว” ในหลวงรัชกาลที่ 10 ทรงมีพระปรีชาสามารถด้านการทหารอย่างเปี่ยมล้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการบิน ซึ่งพระองค์ทรงใฝ่รู้ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ ตลอดจนทรงสั่งสมประสบการณ์อยู่เป็นนิจ และทรงเคยเข้าร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับทหารแนวหน้ามาแล้ว จนนับได้ว่าทรงเป็นกษัตริย์นักรบของชนชาวไทย อีกทั้งพระปรีชาสามารถด้านการทหารของพระองค์ยังเป็นที่ประจักษ์ผ่านนานาพระราชกรณียกิจที่ทรงปฏิบัติด้วยความกล้าหาญเยี่ยงชายชาติทหารอย่างแท้จริง

พระปรีชาหาญกล้าของ “ในหลวงรัชกาลที่ 10” กษัตริย์นักรบของชนชาวไทย

ในหลวงรัชกาลที่ 10

 

ทรงศึกษาด้านการทหารอย่างมุ่งมั่น

พระราชประวัติด้านการศึกษาของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว แสดงให้เห็นว่าพระองค์ทรงสนพระทัยด้านการทหารตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ และทรงมุ่งมั่นตั้งพระทัยเป็นอย่างมาก โดยพระองค์ทรงเข้าศึกษาชั้นอนุบาลปีที่ 1 ที่โรงเรียนจิตรลดา เมื่อ พ.ศ. 2499 ขณะมีพระชนมายุ 4 พรรษา จากนั้นเมื่อ พ.ศ. 2509 จึงเสด็จพระราชดำเนินไปทรงศึกษาต่อในระดับประถมศึกษาที่โรงเรียนคิงส์มีด แคว้นซัสเซกส์ ประเทศอังกฤษ และศึกษาต่อในระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนมิลฟิลด์ แคว้นซอมเมอร์เซท ประเทศอังกฤษ จากนั้นเสด็จพระราชดำเนินไปทรงศึกษาวิชาทหารที่โรงเรียนคิงส์สกูล ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย แล้วทรงศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา สาขาอักษรศาสตร์ (ด้านการทหาร) จากมหาวิทยาลัยนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย เมื่อนิวัติประเทศไทยทรงรับราชการทหาร แล้วทรงศึกษาต่อที่โรงเรียนเสนาธิการทหารบก รุ่นที่ 46 อีกทั้งยังทรงเข้าศึกษาในสาขาวิชานิติศาสตร์ รุ่นที่ 2 มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ซึ่งพระองค์ทรงสำเร็จการศึกษานิติศาสตรบัณฑิต เกียรตินิยมอันดับ 2 และเมื่อ พ.ศ. 2533 ทรงได้รับการศึกษา ณ วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรแห่งสหราชอาณาจักร

 

ทรงเข้าร่วมรบอย่างกล้าหาญในปฏิบัติการ ณ บ้านหมากแข้ง

หนึ่งในพระราชกรณียกิจอันทรงคุณค่า ซึ่งแสดงให้เห็นถึงพระปรีชาสามารถด้านการทหารและน้ำพระราชหฤทัยอันกล้าหาญของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว คือทรงเข้าร่วมรบในปฏิบัติการ ณ บ้านหมากแข้ง เมื่อ พ.ศ. 2519

ในหลวงรัชกาลที่ 10
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ขณะทรงร่วมรบที่บ้านหมากแข้ง

โดยในครั้งนั้นพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ร้อยเอกสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร (พระราชอิสริยยศในขณะนั้น) เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมตำรวจ ทหาร และราษฎรในพื้นที่ ณ ฐานปฏิบัติการบ้านหมากแข้ง อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย หลังจากพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยได้ส่งกำลังเข้าโจมตีฐานปฏิบัติการของตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ทำให้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ด้วยความหาญกล้าอย่างชายชาติทหาร พระองค์จึงทรงไม่เพียงแค่ทรงเยี่ยมเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้กับทุกคนที่บ้านหมากแข้งเท่านั้น แต่ยังทรงร่วมรบและบัญชาการรบที่แนวหน้าด้วยพระองค์เอง ทั้งนี้ขณะที่พระองค์เสด็จพระราชดำเนินโดยเฮลิคอปเตอร์เพื่อไปยังแนวหน้า ได้มีการยิงถล่มจากพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ทำให้เฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งไม่สามารถลงจอดได้ เหตุการณ์ในวันนั้นชาวบ้านในพื้นที่เล่าว่า พระองค์ทรงกระโดดลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ ความสูงประมาณ 12 เมตร แล้ววิ่งหลบฝ่าดงกระสุนอย่างกล้าหาญ จากนั้นพระองค์จึงทรงวิเคราะห์และวางแผนการรบให้กับทหารในพื้นที่ ออกลาดตระเวน และอยู่ยามเช่นเดียวกับทหารคนอื่นๆ

 

ทรงมีพระอัจฉริยภาพด้านการบินล้ำเลิศ

พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระปรีชาสามารถด้านการบินเป็นเลิศ ยากที่จะมีผู้ใดเสมอเหมือน จนทรงได้รับการขนานพระนามว่า “กษัตริย์นักบินพระองค์แรกแห่งราชวงศ์จักรี” ซึ่งพระองค์ทรงทำการบินกับเครื่องบินของกองทัพอากาศเกือบทุกรูปแบบ อีกทั้งยังทรงผ่านการฝึกบินหลักสูตรการบินเฮลิคอปเตอร์ และทรงเข้ารับการฝึกบินในหลักสูตรการบินรบชั้นสูง (Advance Fighter Course) กับเครื่องบินขับไล่สมรรถนะสูงแบบ F-5 E/F จนสำเร็จตามหลักสูตรด้วยพระวิริยอุตสาหะอย่างเปี่ยมล้น ทั้งนี้พระองค์ยังทรงนำความรู้มาจัดหลักสูตรการฝึกบิน และทรงปฏิบัติหน้าที่ครูการบินด้วยพระองค์เอง เพื่อพระราชทานฝึกสอนทั้งภาควิชาการและการฝึกบินให้แก่นักบินขับไล่ของกองทัพอากาศ โดยทรงตั้งพระราชหฤทัยแน่วแน่ว่าจะทรงถ่ายทอดประสบการณ์ที่มีให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ในหลวงรัชกาลที่ 10

นอกจากนี้พระปรีชาสามารถด้านการบินของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ยังสร้างความปลื้มปิติให้แก่พสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นเมื่อ พ.ศ. 2547 ซึ่งเกิดเหตุภัยพิบัติคลื่นยักษ์สึนามิ ทันทีที่พระองค์ทรงทราบข่าวก็ทรงขับเครื่องบินโบอิ้ง 737-400 เสด็จพระราชดำเนินไปยังสถานที่เกิดเหตุโดยเร็ว เพราะทรงเป็นห่วงผู้ประสบภัยพิบัติเป็นอย่างมาก หรือเมื่อ พ.ศ. 2552 ทรงปฏิบัติหน้าที่นักบินที่ 1 เครื่องบินโบอิ้ง 737–400 ในเที่ยวบินสายใยรักแห่งครอบครัว เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย และจัดหาอุปกรณ์ด้านการแพทย์ สำหรับโรงพยาบาลใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย

นับว่าพระปรีชาสามารถของพระองค์ได้นำความสุขมาสู่ชนชาวไทย อีกทั้งยังสะท้อนให้เห็นถึงน้ำพระราชหฤทัยอันงดงามที่ทรงบำบัดทุกข์บำรุงสุขพสกนิกรตามพระราชปณิธานที่ทรงมุ่งหมายไว้


 

ชุดแต่งงาน ศรีริต้า

ฝีมือปักชั้นสูง! ‘ศรีริต้า’ เผยโฉมชุดแต่งงานจากแบรนด์ดัง สวยหรูสไตล์เจ้าหญิง

ชุดแต่งงาน ศรีริต้า
ชุดแต่งงาน ศรีริต้า

นางเอกหน้าหวาน ‘ศรีริต้า’ เผยภาพชุดแต่งงานดีไซน์หรู โดดเด่นด้วยงานปักชั้นสูงจากแบรนด์ดัง เรียกน้ำย่อยถึง 3 ชุด ให้ความรู้สึกสวยเลอค่าดุจเจ้าหญิง 

เมื่อปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ไฮโซกรณ์ ณรงค์เดช ได้คุกเข่าขอ ศรีริต้า เจนเซ่น แต่งงานในบรรยากาศสุดโรแมนติกราวกับอยู่ในเทพนิยาย และยิ่งโรแมนติกไปมากกว่านั้นคือเมื่อสามปีที่แล้วในวันที่ 30 พฤษภาคม ยังเป็นวันที่หนุ่มกรณ์ขอสาวริต้าออกเดทอีกด้วย หลังจากประกาศข่าวดีให้แฟนๆ ได้รู้ ต้นเดือนกรกรฎาคมทั้งคู่ก็ควงกันไปปารีส เนื่องจากสาวริต้าได้รับเทียบเชิญให้เข้าร่วมชมแฟชั่นโชว์จากหลายแบรนด์ดัง เรียกได้ว่าสวีทหวานไม่ห่างกันเลย

ล่าสุดนางเอกสาวสวยก็ได้เผยภาพชุดแต่งงานของเธอบนอินสตาแกรม รวมทั้งหมด 3 ชุดด้วยกัน โดยเป็นชุดจากแบรนด์ดังอย่าง Elie saab และ Versace ซึ่งแบรนด์เหล่านี้ต่างก็มีจุดเด่นทั้งคู่ อย่าง Elie saab เป็นแบรนด์โอต์ กูตูร์ของดีไซเนอร์ฉายาเจ้าพ่อชุดแต่งงาน ที่ใครๆ ก็ให้การยอมรับ โดยเฉพาะงานปักชั้นสูงที่มีฝีมือประณีตอันโด่งดัง และถ้าพูดถึงชุดแต่งงานแล้ว Elie saab จะเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่เจ้าสาวหลายคนนึกถึง ส่วน Versace เองก็มีความเป็นเอกลักษณ์สูงมากในเรื่องลวดลาย แม้จะเป็นชุดแต่งงานแต่ซิกเนเจอร์ตรงนี้ยังคงอยู่และถูกใส่เข้ามาได้อย่างลงตัว ถือเป็นชุดแต่งงานที่มีดีไซน์เรียบหรู แต่ไม่น่าเบื่อ

ชุดแต่งงานจาก Elie saab

ชุดแต่งงานจาก Versace

ไม่รู้ว่าชุดแต่งงานทั้ง 3 ชุดที่สาวริต้าอัพเดทมานี้ เธอจะเลือกใส่ในพิธีวิวาห์หรือเป็นแค่การถ่ายพรีเวดดิ้งเท่านั้น แต่ไม่ว่าอย่างไรก็สวยสมศักดิ์ศรีนางฟ้าลาเวนเดอร์จริงๆ

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

งามแต้งามว่า เปิดลุค ‘แม่หญิงสุดาวดี’ คู่หมั้นคนใหม่ของอ้ายน้อยจั๋น

บานเย็นเด่นขโมยซีน! เบลล่า-ราณี สวยหวานขึ้นรับรางวัลนาฏราชครั้งที่ 10

กระแสตีกลับ ‘ซงฮเยคโย’ โดนชาวเน็ตเกาหลีดราม่า ยิ้มแย้มออกงานหลังมีข่าวหย่า

ลุคไหนก็สวยชวนมอง สาวข้ามเพศ ผู้ลงสมัครมิสยูนิเวิร์สเวียดนาม 2019

แหกกฎแฟชั่นราชวงศ์ ‘ดัชเชสเมแกน’ สวมเดรสดำในเวลาที่ควรเลี่ยง

วันเกิดปีนี้แฮปปี้ ‘เนย-โชติกา’ จัดปาร์ตี้อบอุ่น เพื่อนสนิทหอบของขวัญอวยพร

ศรีริต้า สวยเข้าตาแบรนด์ระดับโลก ดึงตัวถ่ายแบบจิเวลรี่มูลค่ากว่าร้อยล้านบาท

ซงฮเยคโย สวยหรูราวกับเจ้าหญิง ร่วมงานอีเว้นท์เครื่องประดับในโมนาโก

ช้อปเป็นต้องแบบนี้! ควีนเลตีเซีย สวยหรูในเดรสทวีด ราคาหลักร้อย

คิวต์มากแม่! กระเป๋า Longchamp 3 ทรงพิเศษ ดีไซน์น่ารัก แถมพับเก็บได้

แฟชั่นสไตล์มิดเดิลตัน! รวมลุค ‘พิปพา’ พระขนิษฐาเจ้าหญิงเคท ชมการแข่งเทนนิส

โซโล่สเตจไฟลุก! ลิซ่า ใส่โช้คเกอร์แบรนด์ SIRIVANNAVARI เล่นคอนเสิร์ตที่ไทย

มองแล้วเพลิน 9 ลุคแต่งตามได้ของ กู่ลี่นาจา นางเอกหน้าสวยแดนมังกร

หมดสต๊อก! กระเป๋าใบใหม่ของเจ้าหญิงเคท จาก Alexander McQueen

แต่งตัวยังไงให้เด็กลง! เจาะดีเทล Airport Look หยางมี่ เจ้าแม่แฟชั่นแดนมังกร

เซ็กซี่แต่ไม่โป๊ แพนเค้ก-เขมนิจ อวดหุ่นนางแบบในชุดว่ายน้ำ

สวมขาสั้นได้เท่านั้น! กฎราชวงศ์อังกฤษที่เจ้าชายพระองค์น้อยต้องปฏิบัติตาม


ภาพ : IG@sriritajensen

CELINE คอลเล็คชั่น LOVE PRINT

น่ารักไปหมด เลือกเปย์ไม่ถูก! CELINE คอลเล็คชั่นใหม่ LOVE PRINT

CELINE คอลเล็คชั่น LOVE PRINT
CELINE คอลเล็คชั่น LOVE PRINT

น่ารักจนห้ามใจไม่ไหว เลือกเปย์ไม่ถูก เมื่อ CELINE ออกคอลเล็คชั่นใหม่ LOVE PRINT แต่งลวดลายบนไอเท็มชิ้นเด็ดตั้งแต่เสื้อผ้ายันรองเท้า

เอดี้สลิมาน (HEDI SLIMANE) ได้เผยโฉมคอลเล็คชั่นที่ทำร่วมกับนักศิลปินชาวอเมริกันนามว่า ANNELI SANAYE HENRIKSSON ภายใต้คอลเล็คชั่นที่ชื่อว่า ‘LOVE PRINT COLLECTION’ โดยคอลเล็คชั่นนี้จัดจำหน่ายทั้ง เครื่องหนังชิ้นเล็ก รองเท้า กระเป๋าสะพายหลังและเสื้อผ้า

สำหรับศิลปิน ANNELI SANAYE HENRIKSSON เธอทำงานประจำอยู่ที่ชิคาโกและนครนิวยอร์ก ผ่านทางเทคนิคทางศิลปะทางหลายแขนง เธอมีความถนัดพิเศษทางด้านศิลปวัตถุและกลุ่มศิลปะแอ็คชั่น (Action) ที่ตีความงามงานจากความคิดก่อให้เกิดเป็นศิลปะแบบใหม่ ซึ่งแตกต่างจากงานศิลปะฝีมือแบบเดิมๆ อีกทั้งเธอยังจัดทำแฟนซีน อาร์ตบุ๊ค (Art Book) และจัดนิทรรศการแสดงผลงานผ้าทอฝีมือของเธอมาแล้วทั่วโลก อีกทั้งจัดงานอาร์ตและมิวสิคโชว์ขึ้นที่ชิคาโก้และเธอยังเป็นคนโปรดิวซาวน์กีต้าร์ให้กับเพลง FAUX MARXIST ของวงอาร์ตพังค์วงหนึ่ง

พบกับแอคเซสซอรี่ผู้หญิงและผู้ชายคอลเล็คชั่นนี้จากแบรนด์ CELINE ตั้งแต่วันนี้ได้ที่ CELINE Store รวมถึงออนไลน์สโตร์ www.celine.com

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

บานเย็นเด่นขโมยซีน! เบลล่า-ราณี สวยหวานขึ้นรับรางวัลนาฏราชครั้งที่ 10

กระแสตีกลับ ‘ซงฮเยคโย’ โดนชาวเน็ตเกาหลีดราม่า ยิ้มแย้มออกงานหลังมีข่าวหย่า

ลุคไหนก็สวยชวนมอง สาวข้ามเพศ ผู้ลงสมัครมิสยูนิเวิร์สเวียดนาม 2019

แหกกฎแฟชั่นราชวงศ์ ‘ดัชเชสเมแกน’ สวมเดรสดำในเวลาที่ควรเลี่ยง

วันเกิดปีนี้แฮปปี้ ‘เนย-โชติกา’ จัดปาร์ตี้อบอุ่น เพื่อนสนิทหอบของขวัญอวยพร

ศรีริต้า สวยเข้าตาแบรนด์ระดับโลก ดึงตัวถ่ายแบบจิเวลรี่มูลค่ากว่าร้อยล้านบาท

ซงฮเยคโย สวยหรูราวกับเจ้าหญิง ร่วมงานอีเว้นท์เครื่องประดับในโมนาโก

ช้อปเป็นต้องแบบนี้! ควีนเลตีเซีย สวยหรูในเดรสทวีด ราคาหลักร้อย

คิวต์มากแม่! กระเป๋า Longchamp 3 ทรงพิเศษ ดีไซน์น่ารัก แถมพับเก็บได้

แฟชั่นสไตล์มิดเดิลตัน! รวมลุค ‘พิปพา’ พระขนิษฐาเจ้าหญิงเคท ชมการแข่งเทนนิส

โซโล่สเตจไฟลุก! ลิซ่า ใส่โช้คเกอร์แบรนด์ SIRIVANNAVARI เล่นคอนเสิร์ตที่ไทย

มองแล้วเพลิน 9 ลุคแต่งตามได้ของ กู่ลี่นาจา นางเอกหน้าสวยแดนมังกร

หมดสต๊อก! กระเป๋าใบใหม่ของเจ้าหญิงเคท จาก Alexander McQueen

แต่งตัวยังไงให้เด็กลง! เจาะดีเทล Airport Look หยางมี่ เจ้าแม่แฟชั่นแดนมังกร

เซ็กซี่แต่ไม่โป๊ แพนเค้ก-เขมนิจ อวดหุ่นนางแบบในชุดว่ายน้ำ

สวมขาสั้นได้เท่านั้น! กฎราชวงศ์อังกฤษที่เจ้าชายพระองค์น้อยต้องปฏิบัติตาม

“ซงจุงกิ”

หย่าเรียบร้อยวันนี้ “ซงฮเยคโย” – “ซงจุงกิ” พร้อมดีลีทรูปคู่ออกจากไอจี

Alternative Textaccount_circle
“ซงจุงกิ”
“ซงจุงกิ”

วันที่ 22 ก.ค. 2562 ต้นสังกัดของ “ซงฮเยคโย” ประกาศข่าวการหย่าของนางเอกสาวและพระเอก “ซงจุงกิ” เสร็จสิ้นโดยสมบูรณ์ ขณะที่แฟนคลับสังเกตดาราสาวได้ลบภาพคู่เกลี้ยงไอจี

เปิดสัปดาห์ใหม่มาแบบร้อนแรงเลย เพราะเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ที่ศาลครอบครัวโซล คู่รักซูเปอร์สตาร์เกาหลีใต้ “ซงฮเยคโย” และ “ซงจุงกิ” ได้ปิดห้องคุยกัน และเมื่อเวลา 10.00 น. (ตามเวลาเกาหลีใต้) ก็ได้มีการประกาศว่าทั้งคู่ได้หย่าโดยสมบูรณ์แล้ว

ขณะที่ UAA ต้นสังกัดของ “ซงฮเยคโย” ระบุว่า ทั้งคู่หย่าร้างโดยสมบูรณ์ไม่ต้องมีค่าเลี้ยงดูหรือการแบ่งทรัพท์สินแต่อย่างใด

ขณะที่ทางด้านแฟนคลับได้สังเกตว่าปัจจุบันไอจี @Kyo1122 ของนางเอกสาวได้ลบภาพคู่ของอดีตสามีออกจนหมดสิ้นแล้ว เป็นการปิดฉากคู่รัก “ซงซงคัพเพิล” โดยสมบูรณ์

“ซงจุงกิ”


สามารถติดตามอ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่

ชีวิตจริงไม่ได้ฟินเหมือนในละคร เส้นทางรักของ ซงฮเยคโย กับ 3 พระเอกเอลิสต์

หน้ายังเด็กแม้ 37 แล้วก็ตาม “ซงฮเยคโย” กับ 5 ข้อเคล็ดลับความงามที่ทำประจำ

ถึงเวลาอัพลุค! รวมไอเดียทรงผมสไตล์ “ซงฮเยคโย” ทั้งแบบ ผมสั้น และผมยาว

รักแท้ไม่แน่นอน! ภาพอดีตสุดหวานคู่รักซูเปอร์สตาร์ ปิดฉาก #SongSongCouple

ออนนี่ฟินเว่อร์ ซงฮเยคโย โพสต์มีความสุขมากๆ ขณะอยู่ในเมืองไทย

มีความเซ็กซี่เบาๆ ซงฮเยคโย ถ่ายแฟชั่นแว่นตากันแดด VEDI VERO

รวมช็อตเกรงใจสามี! ซงฮเยคโย เกร็งควง พัคโบกอม แถลงข่าวละคร Encounter

สวยฉ่ำเบอร์แรง! “ซงฮเยคโย” ออร่าจับในงานเปิดตัวสกินแคร์ชื่อดังที่ฮ่องกง

แฟชั่นสวยชิคๆ แบบ คุณนายซง แต่งน้อย แต่งง่าย แต่ดูดีมีสไตล์

กระแสตีกลับ ‘ซงฮเยคโย’ โดนชาวเน็ตเกาหลีดราม่า ยิ้มแย้มออกงานหลังมีข่าวหย่า

การปรากฏตัวครั้งแรกของ Song Hye Kyo และครบรอบ 2 ปี วันประกาศแต่งงาน

โสดอย่างเฉิดฉาย ‘ซงฮเยคโย’ เผย อยากให้เวลากับตัวเอง ก่อนเริ่มโปรเจ็กต์ใหม่

นางงามเกาหลี

เวทีขาอ่อนแดนกิมจิลุกเป็นไฟ ดราม่าชุดประจำชาติ นางงามเกาหลี

Alternative Textaccount_circle
นางงามเกาหลี
นางงามเกาหลี

ระอุไม่แพ้เวทีขาอ่อนเมืองไทยเลยสำหรับการประกวด นางงามเกาหลี โดยเฉพาะประเด็นที่ทำให้สาธารณชนไม่พอใจมากๆ ก็คือ สาวงามในฮันบกสุดสยิว จนกลายเป็นเรื่องราวดราม่าชุดประจำชาติ ที่ไม่ใช่ชุดประจำชาติ

ช่วงนี้แวดวงนางงามดูร้อนแรงเป็นพิเศษ ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะว่าช่วงนี้หลายประเทศได้มีการจัดการประกวดเพื่อคัดเลือกตัวแทนสาวงามไปแข่งในเวทีโลก ซึ่งปกติแล้วมักจะจัดขึ้นในช่วงสิ้นปี ในช่วงเวลานี้จึงถือเป็นโค้งสุดท้ายสำหรับการค้นหาตัวแทนประเทศ

และสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา สาธารณรัฐเกาหลี ได้มีการจัดประกวด “มิสโคเรีย 2019” (Miss Korea 2019) ขึ้น โดยเวทีนี้ถือเป็นตำนานการประกวดยาวนานและใหญ่ที่สุดในประเทศ และผู้ชนะจะได้เป็นตัวแทนในการประกวด “นางงามจักรวาล” (Miss Universe) ซึ่งผู้ชนะในเวทีนี้ก็คือ “คิมเซยอน” สาวน้อยวัย 19 ปี ส่วนสูง 171.3 เซนติเมตร น้ำหนัก 54.4 กิโลกรัม เธอเป็นนักศึกษาสาวปีสองวิชาเอกกราฟฟิกดีไซน์ของศูนย์ศิลปะวิทยาลัยการออกแบบ (Art Center College of Design) ที่เมืองแพซาดีน่า รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา

นางงามเกาหลี

“คิมเซยอน” Miss Korea 2019

ภายหลังจากรับตำแหน่งไม่นานก็มีดราม่าเกิดขึ้นทันทีถึง 2 ประเด็นด้วยกัน ประเด็นแรกเกี่ยวกับเจ้าของตำแหน่ง “มิสโคเรีย 2019” เธอเป็นนางงามเกาหลีแท้ๆ แต่กลับมีสัญชาติอเมริกัน ขณะที่เมืองสาวลึกไปถึงครอบครัว ก็ทำให้ได้ทราบว่า เธอคือลูกสาวคนเล็กของ “คิมชางฮวาน” เจ้าของค่าย “Media Line Entertainment” ที่เพิ่งมีข่าวฉาวว่าโปรดิวเซอร์ทุบตีสมาชิกวง “The East Light”จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่ง“คิมชางฮวาน” ต้องโทษจำคุก 8 เดือนแต่ให้รอลงอาญาไว้ก่อน 2 ปี

นางงามเกาหลี

อีกประเด็นที่กลายเด็นดราม่าใหญ่ก็คือชุดฮันบกสุดวาบหวิว ของบรรดา นางงามเกาหลี “มิสโคเรีย” ปีที่แล้วที่ใส่มาร่วมอำลาตำแหน่งไม่เคารพความสง่าและความงามของชุดแต่งกายประจำชาติเลยแม้แต่น้อย

นางงามเกาหลี

ทันทีที่เกิดกระแสขึ้นมา ทางกองประกวดไม่รอช้า รีบชี้แจงถึงเรื่องดังกล่าวโดยทันที ระบุว่า “เราปรารถนาจะแยกแยะข่าวลือออกมาจากความจริงเกี่ยวกับชุดที่กลายเป็นประเด็นขึ้นมาระหว่างการประกวดมิสโคเรียปีนี้ ชุดฮันบกผสมผสานที่ก่อให้เกิดการโต้แย้งกันขึ้นมานั้น เป็นชุดที่ไม่ได้สวมใส่โดยผู้เข้าประกวดมิสโคเรีย 2019 แต่เป็นผู้เข้าประกวด 7 อันดับแรกจากการประกวดมิสโคเรีย 2018 เมื่อปีที่แล้ว พวกเธอสวมมันระหว่างการเดินอำลาสำหรับการประกวดในปีนี้”

อย่างไรก็ตามมีการเปิดเผยว่า ชุดนี้เป็นการร่วมงานกันโดยผู้เข้าประกวดมิสโคเรียปีก่อนกับ “คิมเยจินฮันบก” บริษัทเดียวกับที่ตัดเย็บชุดฮันบกให้กับ “คิมแดจุง” อดีตประธานาธิบดีเกาหลีใต้ และ “บิลคลินตัน” อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา


 

Burberry Title Bag

โทนสีดีต่อใจ! Burberry Title Bag คอลเล็คชั่น Fall/Winter 2019 สวยหรู ดูเลอค่า

Burberry Title Bag
Burberry Title Bag

เอาเงินไปเลย! Burberry นำเสนอ Title Bag ไอเท็มล่าสุดจากคอลเล็คชั่น Fall/Winter 2019 เน้นโทนสีเบจ อันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์

ภายใต้การนำของ ริคคาร์โด้ ทิชชี่ ครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ของแบรนด์ Burberry ที่ได้ปรับปรุงแบรนด์เสียใหม่จนกลายเป็นแบรนด์ไฮเอนด์สายสตรีทแฟชั่น การันตีด้วยกระแสความนิยมและยอดขายของแบรนด์ที่ดีขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นปีที่แล้ว

สำหรับไอเท็มล่าสุดจากคอลเล็คชั่น Fall/Winter 2019 เผยโฉม Title Bag ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งซิกเนเจอร์ ไอเท็มของแบรนด์ Burberry นอกเหนือจาก TB bag กระเป๋าประดับฮาร์ดแวร์โลหะสีเงินและทองตรา TB จากคอลเล็คชั่น Spring/Summer 2019 ครั้งนี้ Title Bag นำเสนอความเรียบง่ายโก้หรูตามแบบฉบับ Burberry แต่สร้างความโดดเด่นให้กับตัวกระเป๋าและผู้ถือได้แบบไม่ต้องสงสัย ด้วยวัสดุหนังนิ่มลูกวัว แทบด้านบนปักด้วยมุดสีทองสุดคลาสสิกที่มีมาหลายสไตล์หลากสี แต่จะเน้นไปในโทนสีเบจ สีอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ Burberry

กระเป๋า Title Bag จากคอลเล็คชั่น Fall/Winter 2019 ปล่อยวางจำหน่ายแล้วทั่วโลก ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผ่านทางช็อปของแบรนด์และเว็บไซต์ www.Burberry.com

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ซงฮเยคโย สวยหรูราวกับเจ้าหญิง ร่วมงานอีเว้นท์เครื่องประดับในโมนาโก

มองแล้วเพลิน 9 ลุคแต่งตามได้ของ กู่ลี่นาจา นางเอกหน้าสวยแดนมังกร

หมดสต๊อก! กระเป๋าใบใหม่ของเจ้าหญิงเคท จาก Alexander McQueen

แต่งตัวยังไงให้เด็กลง! เจาะดีเทล Airport Look หยางมี่ เจ้าแม่แฟชั่นแดนมังกร

สวมขาสั้นได้เท่านั้น! กฎราชวงศ์อังกฤษที่เจ้าชายพระองค์น้อยต้องปฏิบัติตาม

แหกกฎแฟชั่นราชวงศ์ ‘ดัชเชสเมแกน’ สวมเดรสดำในเวลาที่ควรเลี่ยง

แฟชั่นที่ถูกแบน! เพราะเหตุใดขนสัตว์จึงเป็นสิ่งต้องห้ามของราชวงศ์อังกฤษ

ว่าที่นางเอกคนต่อไป ‘น้องอันดา’ หรือ ‘บัวเกี๋ยง’ กับ 10 ลุคนอกจอ น่ารักสมวัย

แพนเค้ก เดินแบบผ้าไทยในดูไบ เข้าตาดีไซเนอร์อิตาลีคว้าตัวขอร่วมงานด้วย

เจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ ทรงฉลองพระองค์แบรนด์ไทย ใน Paris Fashion Week

ลิซ่าสายเปย์! ซื้อของขวัญแบรนด์เนมให้เพื่อนร่วมงาน ในทริปฝรั่งเศส

ลิสต์ 5 สิ่งควรรู้​ ก่อนเปย์เงินแสน​ซื้อกระเป๋า Celine Triomphe Bag

 

ตามรอยกลิ่นกาสะลอง

ตามรอยกลิ่นกาสะลอง คาเฟ่สไตล์ย้อนยุค พิพิธภัณฑ์บ้าน 100 ปี “เฮือนสีมันตรา”

Alternative Textaccount_circle
ตามรอยกลิ่นกาสะลอง
ตามรอยกลิ่นกาสะลอง

ตามรอยกลิ่นกาสะลอง เปิดบ้าน “นายแคว้นมั่ง”และ”ซ้องปีบ” ณ “เฮือนสีมันตรา” คาเฟ่สไตล์ย้อนยุค พิพิธภัณฑ์บ้าน 100 ปี ของนายไปรษณีย์หลังเเรกในมณฑลพายัพ

ตามรอยกลิ่นกาสะลอง

“มนตรี เจนอักษร” รับบท “นายแคว้นมั่ง” พ่อของ “ซ้องปีบ” และ “กาสะลอง” ผู้เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ในละคร

เข้มข้นเพิ่มขึ้นทุกตอนสำหรับละครเรื่อง กลิ่นกาสะลอง ที่กำลังออกอากาศอยู่ทางช่อง 3 และด้วยความสนุกทำให้มีผู้ชมติดตามดูกันเป็นจำนวนมาก จนเกิดปรากฏการณ์ฟีเวอร์ขึ้น เห็นได้ชัดจากข่าวที่บรรดา ส.ส.หญิงเข้าสภาด้วยชุดไทยล้านนา รวมถึงการเที่ยวตามรอยละคร

โดยหนึ่งในสถานที่ที่กำลังเป็นที่สนใจในขณะนี้คือคาเฟ่และรีสอร์ท “เฮือนสีมันตรา” ซึ่งตั้งอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ ที่นี่เป็นฉากหลักของละครเรื่อง “กลิ่นกาสะลอง” เพราะเป็นบ้านของ “นายแคว้นมั่น” ที่อาศัยอยู่กับ “ซ้องปีบ” และมีเหตุการณ์สำคัญหลายเหตุการณ์เกิดขึ้น

จากที่เห็นในละคร “เฮือนสีมันตรา” สามารถคงบรรยากาศเมืองเจียงใหม่เมื่อสมัยรัชกาลที่ 5 ได้อย่างน่าทึ่ง จนใครเห็นภาพแล้วต่างก็อยากแวะเวียนมาที่นี่เพื่อ ตามรอยละครกลิ่นกาสะลอง

ตามรอยกลิ่นกาสะลอง

ตามรอยกลิ่นกาสะลอง

ตามรอยกลิ่นกาสะลอง

สำหรับตัวคาเฟ่นั้น เป็นอาคารอาคารเป็นพิพิธภัณฑ์บ้าน 100 ปี ตัวบ้านเดิมสร้างเมื่อปีพ.ศ.2453 เป็นบ้านพักนายไปรษณีย์หลังเเรกในมณฑลพายัพ เดิมตั้งอยู่ที่ ที่ทำการไปรษณีย์เเม่ปิง ทางตระกูลสีมันตรได้ประมูลบ้านหลังนี้เเละย้ายมาไว้ที่อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อปีพ.ศ.2549 โดยใช้รูปแบบอาคารแบบเดิมเเทบทั้งสิ้น เปลี่ยนเเต่เพียงแบบหลังคาให้เป็นทรงล้านนา

ตามรอยกลิ่นกาสะลอง

“ฝ้าย-นันทนัช โล่ห์สุวรรณ” รับบท “เหมย”

โดยเพจ “สีมันตรา รีสอร์ท” ได้แจงผ่านเพจว่า “พิพิธภัณฑ์บ้าน 100 ปี เฮือนสีมันตรา” นั้นเกิดขึ้นเพราะอยากให้ทุกคนได้มีโอกาสมาสัมผัสศิลปวัฒนธรรมสถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่คุณพ่อ(เจ้าของบ้าน)พยายามรักษาไว้เพื่อลูกหลานจึงไม่มีการเก็บค่าเข้าชม แต่ค่าทำนุบำรุง-ค่าน้ำ-ค่าไฟ ได้มาจาก “ร้านกาแฟกึ่งพิพิธภัณฑ์” ด้วยความที่คุณแม่เป็นคนชอบทำขนมหวานอยู่แล้ว จึงอยากให้คนเข้ามาพักผ่อนและแลกเปลี่ยนมุมมองความคิดทั้งยังเป็นการดีที่ทำให้คนในหมู่บ้านมีงานทำอีกด้วย

หากใครอยากเดินทางมาสัมผัสคาเฟ่สไตล์ย้อนยุค พิพิธภัณฑ์บ้าน 100 ปี “เฮือนสีมันตรา” สามารถเดินทางมาได้ที่นี่ เปิดบริการวันศุกร์,เสาร์ และวันอาทิตย์ นอกจากนี้ยังมีบริการให้เช่าชุดเมืองเพื่อถ่ายรูปให้เข้ากับบรรยากาศอีกด้วย

ตามรอยกลิ่นกาสะลอง

ตามรอยกลิ่นกาสะลอง

ตามรอยกลิ่นกาสะลอง


ข้อมูลจาก : สีมันตรา รีสอร์ท

 

นิทรรศการแห่งกำลังใจ “มะเร็ง มาเล็ง (Cancer Cancel)” ของศาสตราจารย์เกียรติคุณพิษณุ ศุภนิมิตร

Alternative Textaccount_circle

นิทรรศการ “มะเร็ง มาเล็ง (Cancer Cancel)” ของศาสตราจารย์เกียรติคุณพิษณุ ศุภนิมิตร ซึ่งจัดขึ้นที่หอศิลป์ ณ บ้านเจ้าพระยา ได้มีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการแล้ว เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2562 เวลา 17.00 น. ท่ามกลางบรรยากาศสุดชื่นมื่น

ทั้งนี้ นิทรรศการ “มะเร็ง มาเล็ง (Cancer Cancel)” ของศาสตราจารย์เกียรติคุณพิษณุ ศุภนิมิตร เป็นการบันทึกเรื่องราวของตัวเองในช่วงที่ป่วยเป็นมะเร็ง ซึ่งถ่ายทอดผ่านผลงานศิลปะและบทกวี ทำให้บรรยากาศของงานเปิดนิทรรศการเต็มไปด้วยบรรดาเพื่อนฝูงคนสนิท ศิลปิน และลูกศิษย์มาให้กำลังใจอาจารย์พิษณุจนล้นงาน โดยรายได้จากการจำหน่ายภาพกว่าเก้าแสนบาท อาจารย์จะมอบให้กับศิริราชมูลนิธิทั้งหมด

นิทรรศการ “มะเร็ง มาเล็ง (Cancer Cancel)” เปิดให้ชมฟรีตั้งแต่วันที่ 5-28 กรกฎาคม 2562 ที่ หอศิลป์ ณ บ้านเจ้าพระยา โดยเปิดวันพุธ-วันจันทร์ เวลา 10.00-18.00 น. ปิดวันอังคารและวันหยุดนักขัตฤกษ์ สามารถดูวิธีการเดินทางมาหอศิลป์ ณ บ้านเจ้าพระยา ได้ที่ https://www.facebook.com/275189249750837/posts/289648701638225/ หรือ Google Map: https://goo.gl/maps/CU52MxUuD1C2


ภาพ : Arts Gallery at Ban Chao Phraya

ไป่ ทา ควน

เปิดวาร์ปเพื่อนบ้านงานดี “ไป่ ทา ควน” หนุ่มเมียนมารูปงาม กล้ามแน่น

Alternative Textaccount_circle
ไป่ ทา ควน
ไป่ ทา ควน

กำลังเป็นที่จับตามองในโลกโซเชี่ยลมากโดยเฉพาะสาวๆ ชาวไทย สำหรับหนุ่มเมียนมากล้ามแน่นนามว่า “ไป่ ทา ควน” (Paing Takhon) หนุ่มฮ็อตหน้าหล่อสไตล์โอปป้า ซึ่งเขาเป็นทั้งนักร้อง นายแบบ และนักแสดงชื่อดังจากเมียนมา ที่กำลังเป็นไวรัลในประเทศไทย นอกจากนี้ เขายังเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้กับแบรนด์ต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นอาหาร เครื่องดื่ม สมาร์ทโฟน เครื่องสำอาง และธนาคารอีกด้วย เรียกได้ว่าเปิดมุมมองใหม่ของหนุ่มเมียนมาในอีกมิติเลยทีเดียว

ซึ่งถ้ามองเพียงผิวเผิน หนุ่มเมียนมาสุดฮ็อตคนนี้ ยังมีหน้าตาละม้ายคล้ายคนดังหลายคนเลย ไม่ว่าจะเป็น ไค EXO ไอดอลเกาหลีชื่อดัง , คิมซูฮยอน ซูเปอร์สตาร์เกาหลี, หวังลีฮอม อดีตซูเปอร์สตาร์ไต้หวัน, ธัญญ์ ธนากร นักแสดงไทย, แถมยังหล่อเซอร์สไตล์คล้าย เป้ อารักษ์ นักแสดงชื่อดังฝั่งไทยอีกด้วย แถมยังมีเสน่ห์มากๆ สำหรับใครที่เป็นทาสน้องหมาและน้องแมว เพราะหนุ่มคนนี้ เขายังเป็นทาสของสัตว์โลกน่ารักเหล่านี้ด้วย

และด้วยความฮ็อตปรอทแตกขนาดนี้ ทำให้เฟซบุ้คของ ไป่ ทา ควน มียอดผู้ติดตามถึง 1,150,335 คน และอินสตาแกรม 283,000 คน ทำให้หนุ่มคนนี้อัดคลิปวิดีโอลงบนอินสตาแกรมเพื่อขอบคุณชาวไทยที่ให้ความสนใจเขาเป็นจำนวนมาก (แปะคลิปไว้ด้านล่างนี้แล้วจ้า) เอาเป็นว่าไปส่องเองแล้วกันว่าหล่อ งานดี กล้ามแน่นขนาดไหน ถึงทำให้สาวๆ กรี้ดได้ขนาดนี้

 

 

View this post on Instagram

 

ขอบคุณแฟนๆจากเมืองไทยทุกๆคนนะครับ🙏🏽

A post shared by Paing Takhon (@paing_takhon) on

 


ภาพ FB : Paing Takhon , IG : paing_takhon

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Handsome Guy หายไปไหน? ทำไม 6 คนดังหล่อล่ำกล้ามแน่นถึงพุงพลุ้ยเพียงนี้

โตเป็นสาวแล้วนะ “ดี เดอะสตาร์” เด็กหญิงผมหยิกฟูเสียงใส ตอนนี้สวยขึ้นเป็นกอง

ราคาศัลยกรรมซื้อรถได้! “ฮารุ” รีวิวเปิดหมดเปลือกยกเครื่องหน้าใหม่ พอใจมาก

คิ้วกลืนไปกับผิว! “จีจี้ ฮาดิด” ในลุคสุดเฟี้ยซ เน้นแต่งตาแรง ปากเบา และคิ้วหาย

เจาะเมคอัพทริคงานผิวเผยกระฉบับ “ดัชเชสเมแกน” เน้นสวยหรูดูเนเชอรัล

คิวต์เว่อร์! เปิดวาร์ป “Lana” ศิลปินโซโล่หญิงคนแรกของรัสเซียในวงการ K-POP

Produce X 101 ปล่อยคลิป Relay Self-Cam เผยหน้าสดไร้เมคอัพ “คิมอูซอก”

วิธีที่คนดังนิยมทำ! “จองอิลอู” แชร์ทริคลดน้ำหนัก 13 โล ภายในเวลา 20 วัน

หุ่นเป๊ะราวซูเปอร์โมเดล “ลิซ่า” ผอมเพรียวจนสื่อเกาหลียกฉายา”เอวมด”อันดับหนึ่ง

ร้อนนักตัดเลย “ไคอา เกอร์เบอร์” หั่นผมสั้นระดับคางอัพลุคใหม่สุดเฟียซ

เหมือนไหม? มิสยูนิเวิร์สฟิลิปปินส์ 2019 กับ น้ำตาล มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2016

คิ้วเข้มนัยน์ตาคม! เปิดบิวตี้ทิปส์ “นาโอมิ สก็อตต์” ผู้รับบท เจ้าหญิงจัสมิน

ริฮานน่า ต้อนรับ อแมนด์ล่า สเตนเบิร์ก สู่ครอบครัวเฟนตี้บิวตี้ในฐานะ Fenty Face 

เคยผอมแห้งสู่หุ่นสุดแซ่บชวนฝัน “แอน มนัสนันท์” เทรนเนอร์สาวผู้เลิฟชานมไข่มุก

ทิปส์แต่งหน้าลุคแม่มังกร Game Of Thrones จาก JiBbie Rubiie เมคอัพอาร์ติสต์

ลุคใหม่ทำใจละลาย “ลิซ่า” ในเมคอัพลุค Sunburn Coral หวานอมเปรี้ยว

สถานะโสด! หนุ่มหล่อเครางาม Louis Spencer พระนัดดาของเจ้าหญิงไดอานา

 

 

 

เจ้านครดูไบ ประณามพระชายา “เจ้าหญิงฮายา” หลังหนีพร้อมหอบเงินพันล้าน

account_circle

เจ้าหญิงฮายา บินท์ ฮุสเซนแห่งจอร์แดน ทรงเสด็จหนีจากพระสวามี ชีค โมฮัมเหม็ด บิน ราชิด อัล มัคตูม เจ้าผู้ครองนครดูไบ พร้อมด้วยพระธิดา พระโอรส และเงินจำนวน £31 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 1.2 พันล้านบาท เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่!

รวยล้นฟ้า หรือมีอำนาจสักเพียงใด แต่หากจะต้องอยู่ด้วยความขมกลืน ไร้อิสระ ราวกับเป็นนกน้อยในกรงทอง หนึ่งทางเลือกที่ดีที่สุด คือการหนีไปให้ไกล เฉกเช่นเดียวกับกรณีของ เจ้าหญิงฮายา บินท์ ฮุสเซนแห่งจอร์แดน พระชายาของ ชีค โมฮัมเหม็ด บิน ราชิด อัล มัคตูม เจ้าผู้ครองนครดูไบ และยังติดอันดับมหาเศรษฐีรวยที่สุดในโลก ที่พระองค์ทรงเลือกทางเดินนี้

เจ้าหญิงฮายา

จากการไม่ปรากฏพระองค์ในงานสังคม และในที่สาธารณะ จึงทำให้หลายฝ่ายตั้งสังเกตว่าเจ้าหญิงฮายาทรงหายพระพักตร์ไปไหน จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้เอง ได้มีข่าวว่าเจ้าหญิงฮายา บินท์ ฮุสเซนแห่งจอร์แดน ทรงหลบหนีออกนอกประเทศ พร้อมด้วยพระธิดาและพระโอรส

ทั้งนี้พระองค์ยังนำทรัพย์สินส่วนพระองค์เป็นจำนวนเงิน £31 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 1.2 พันล้านบาท ไปด้วย เพื่อทรงไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ยังประเทศเยอรมัน เรียกได้ว่าเป็นข่าวใหญ่ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เลยก็ว่าได้ โดยเพจ Royal World Thailand ได้รายงานข่าวนี้ว่า

สื่อตะวันออกกลางและในต่างประเทศเผยแพร่ข่าวใหญ่สะเทือนราชสำนักอาระเบียน เมื่อเจ้าหญิงฮายา บินท์ ฮุสเซนแห่งจอร์แดน เสด็จหนีจากพระสวามี ชีค โมฮัมเหม็ด บิน ราชิด อัล มัคตูม เจ้าผู้ครองนครดูไบ และรองประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ไปยังกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ อันจะนำไปสู่การจบความสัมพันธ์นี้

แหล่งข่าวได้รายงานว่า เจ้าหญิงฮายา ได้เสด็จไปพร้อมด้วย ชีคเคาะห์ จาลีลา พระธิดา พระชันษา 11 ปี  และชีคซายิด พระโอรส พระชันษา 7 ปี  ซึ่งยังไม่ได้รับการยืนยันในเรื่องนี้ แหล่งข่าวได้รายงานอีกว่า ระหว่างที่ประทับในกรุงลอนดอน ทรงหาทางเพื่อทรงหย่าและขอลี้ภัยทางการเมืองในประเทศเยอรมนี ด้วยความช่วยเหลือจากพระสหายสนิทที่เป็นทูตในเยอรมนี

เจ้าหญิงฮายา พระชันษา 45 ปี พระกนิษฐภคินีในสมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลลาห์ที่ 2 แห่งจอร์แดน ทรงเสกสมรสกับชีค โมฮัมเหม็ด เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2004 โดยทรงมีบทบาทสำคัญทางสังคมอันโดดเด่นมากที่สุดพระองค์หนึ่ง จากการทรงปฏิบัติพระกรณียกิจของสหประชาชาติ ซึ่งอยู่ๆ ก็ทรงหายไปจากแวดวงสังคม ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม และทรงหายไปจากสื่อสังคมออนไลน์ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีความเห็นใดๆ จากราชสำนักจอร์แดนในเรื่องนี้เช่นกัน

เจ้าหญิงฮายา

ทั้งนี้ แหล่งข่าวได้รายงานว่า ทางการเยอรมนีได้รับคำร้องขอส่งพระองค์กลับ ซึ่งทางการเยอรมันได้ปฏิเสธให้ความเห็นเรื่องนี้ บางสื่อในตะวันออกกลางได้รายงานว่า ทางการเยอรมันได้ปฏิเสธส่งพระองค์กลับเช่นกัน

เหตุการณ์นี้ ทำให้ย้อนนึกถึงเจ้าหญิงดูไบอีกพระองค์ที่ทรงพยายามหนีเช่นกันเมื่อปีที่แล้ว ชีคเคาะห์ ลาติฟา หนึ่งในพระธิดาในชีค โมฮัมเหม็ด ที่ทรงหนีจากประเทศเมื่อปีที่แล้ว เนื่องด้วยปัญหาส่วนพระองค์ในครอบครัว และทรงถ่ายคลิปวิดีโอพระองค์เอง เพื่อเปิดเผยเรื่องราวของพระบิดาสู่สาธารณชน และทรงขอความช่วยเหลือด้านมนุษยชนของสหประชาชาติผ่านทางอดีตประธานาธิบดีของไอร์แลนด์ จนกระทั่งทรงถูกพบในมหาสมุทรอินเดีย และถูกนำพระองค์กลับไปยังดูไบ และไม่มีผู้ใดพบเห็นหรือรู้ข่าวคราวอีกเลย

เจ้าหญิงฮายา

สำหรับเจ้าหญิงฮายา บินท์ ฮุสเซนแห่งจอร์แดน พระองค์ทรงเป็นพระธิดา ในอดีตสมเด็จพระราชาธิบดีฮุสเซน แห่งจอร์แดน กับ ราชินีเอเลีย อัล ฮุสเซน พระชายาองค์ที่ 3 พระองค์ทรงเป็นพระธิดาในลำดับที่ 6 จากรัชทายาททั้งหมด 11 คน นอกจากนี้เจ้าหญิงฮายายังทรงเป็นพระขนิษฐา ในสมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลเลาะห์ที่ 2 แห่งจอร์แดน กษัตริย์จอร์แดนองค์ปัจจุบัน

เจ้าหญิงฮายา ทรงเข้าพิธีเสกสมรสกับ ชีค โมฮัมเหม็ด บิน ราชิด อัล มัคตูม ในปี 2547 ปัจจุบันพระองค์ทรงมีพระธิดา และพระโอรสด้วยกัน 2 พระองค์คือ เจ้าหญิงอัล จาลิลา บิน โมฮัมเหม็ด บิน ราชิด อัลมักตูม พระชันษา 11 ปี และเจ้าชายซาเยด บิน โมฮัมเหม็ด บิน ราชิด อัลมักตูม พระชันษา 7 ปี

ทั้งนี้ ชีค โมฮัมเหม็ด บิน ราชิด อัล มัคตูม เจ้าผู้ครองนครดูไบ ยังได้ทรงโพสต์ข้อความถึงพระชายาว่า “คุณได้ทรยศความไว้ใจที่มีค่ามากที่สุด”


ข้อมูล : Royal World Thailand, www.thesun.co.uk

ภาพ : Getty Image

'ดัชเชสเมแกน' สวมเดรสดำ

แหกกฎแฟชั่นราชวงศ์ ‘ดัชเชสเมแกน’ สวมเดรสดำในเวลาที่ควรเลี่ยง

'ดัชเชสเมแกน' สวมเดรสดำ
'ดัชเชสเมแกน' สวมเดรสดำ

อีกครั้งกับการแหกกฎของราชวงศ์อังกฤษ เมื่อ ‘ดัชเชสเมแกน’ สวมเดรสดำในเวลาที่ควรเลี่ยง เข้าร่วมชมการแข่งขันเบสบอล ในกรุงลอนดอน

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซกส์ เสด็จฯ ร่วมชมการแข่งขันเมเจอร์ลีก เบสบอล ระหว่างทีม Boston Red Sox และ New York Yankees ที่สนาม Queen Elizabeth Olympic Park ซึ่งถือเป็นการออกงานอย่างเป็นทางการครั้งที่ 3 ของดัชเชสเมแกน หลังจากปรากฏตัวครั้งล่าสุดในงาน Trooping the Colour ด้วยชุดสีเนวี่จาก Givenchy

'ดัชเชสเมแกน' สวมเดรสดำในเวลาที่ควรเลี่ยง

'ดัชเชสเมแกน' สวมเดรสดำในเวลาที่ควรเลี่ยง

โดยการแข่งขันเบสบอลนัดนี้ ดัชเชสทรงโปรดมินิเดรสสีดำที่ดูเป็นทางการจาก Stella McCartney มูลค่า 860 ปอนด์ หรือประมาณ 33,455 บาท มากกว่าเสื้อยืดหรือเดนิม และรองเท้าหนังกลับสีดำโดย Aquazzura นักออกแบบคนโปรดอีกคนของดัชเชสเมแกน ในขณะที่เจ้าชายแฮร์รี่ทรงสวมเสื้อโปโล Invictus Games สีดำ กางเกงยีนส์สีดำและรองเท้าหนังกลับสีเข้ม

'ดัชเชสเมแกน' สวมเดรสดำในเวลาที่ควรเลี่ยง

'ดัชเชสเมแกน' สวมเดรสดำในเวลาที่ควรเลี่ยง

'ดัชเชสเมแกน' สวมเดรสดำในเวลาที่ควรเลี่ยง

นอกจากนี้อีกประเด็นที่น่าสนใจคือการแต่งกายของดัชเชสเมแกนที่มักจะแหกกฎอยู่หลายครั้ง เราจะเห็นดัชเชสเมแกนสวมชุดสีดำบ่อยจนชินตา แต่รู้หรือเปล่าว่าตามกฎการแต่งกายของราชวงศ์อังกฤษ ซึ่งปฏิบัติสืบต่อกันมาอย่างยาวนาน หนึ่งในนั้นก็คือการสวมชุดสีดำ ที่เหล่าสมาชิกราชวงศ์จะสามารถใส่ชุดดำเฉพาะไปงานศพหรือพิธีไว้อาลัยเท่านั้น สมาชิกราชวงศ์จะไม่ใส่เสื้อผ้าสีดำในตอนกลางวัน แต่จะเลือกโทนสีที่เห็นได้อย่างเด่นชัดหรือโทนสีอ่อน เพื่อจะได้สะดุดตาท่ามกลางฝูงชน แม้ ‘ดัชเชสเมแกน’ สวมเดรสดำในเวลาที่ควรเลี่ยง อย่างตอนกลางวันหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าลุคเหล่านี้ดูเรียบโก้และสง่างามมากจริงๆ

ดัชเชสเมแกน ใส่ชุดดำ

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

แฟชั่นที่ถูกแบน! เพราะเหตุใดขนสัตว์จึงเป็นสิ่งต้องห้ามของราชวงศ์อังกฤษ

ซีทรูสะกดรันเวย์! ชมพู่-อารยา เดินฟินาเล่ปิดโชว์ Georges Hobeika ในปารีส

แต่งตัวยังไงให้เด็กลง! เจาะดีเทล Airport Look หยางมี่ เจ้าแม่แฟชั่นแดนมังกร

ลิซ่าสายเปย์! ซื้อของขวัญแบรนด์เนมให้เพื่อนร่วมงาน ในทริปฝรั่งเศส

สวยเฟี้ยซทุกองศา! ลิซ่า BLACKPINK บินตรงปารีส ชมโชว์ CELINE SS 2020

น้ำเงินสวยพิฆาต! แคทรีโอนา เกรย์ คัมแบ็คไทยแลนด์ สวมมงให้ MUT 2019

เป็นลูกรักพ่อ เสื้อผ้าต้องเด่น! เผยความพิเศษคอสตูม ซ้องปีบ ในกลิ่นกาสะลอง

สมบัติล้ำค่า ‘ต่างหูเพชร’ มรดกตกทอดของราชวงศ์สเปน หลายทศวรรษยังงดงาม

เรียบไปไม่ถนัด! ผู้ดีอังกฤษประชันหมวกใบเด่น ในงานแข่งม้า Royal Ascot 2019

นี่แหละซูเปอร์โมเดล! เคนดัลล์ เจนเนอร์ ในวันสบายๆ ยังสวยชวนมอง

ซีทรูหวานหยด! เจ้าหญิงเคท แต่งชุดสีฟ้า เข้าชมการแข่งขันขี่ม้า Royal Ascot

แฟชั่นไอคอนแห่งยุโรป ควีนเลตีเซีย เจ้าหญิงเคท แต่งลุคเรียบหรูสไตล์ผู้ดีอังกฤษ

ชี้เป้า Louis Vuitton Cannes Bag กระเป๋าใบโปรดที่ เนย-โชติกา กำลังเลิฟ


ภาพ : Getty Images

อินเลิฟแต่พอดี! แม่ขวัญฤดีพูดชัด ลูกสาวคนเดียว โตแค่ไหนก็ยังห่วง

อินเลิฟแต่พอดี เขยบ้านนี้ต้องรู้! แม่ขวัญฤดีพูดชัด ลูกสาวคนเดียว โตแค่ไหนก็ยังห่วง..ตั้งแต่ หยดน้ำ นิวาตวงศ์ ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของนักแสดงรุ่นใหญ่ ขวัญฤดี กลมกล่อม และ ปู อนุวัฒน์ เปิดตัวว่ากำลังคบหาดูใจกับพระเอกหนุ่ม ท็อป จรณ โสรัตน์ ซึ่งมีอายุต่างกันนับสิบปี เพราะฝ่ายหญิงเป็นนิสิตปี 4 คณะเศรษฐศาสตร์ ภาคอินเตอร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แต่ดูเหมือนว่าคู่รักอินเลิฟสายฮาได้โล่คู่นี้ ต่างฝ่ายต่างขยันหยอดมุขฮาส่งถึงกันไปมาตลอดๆ

แต่ถึงแม้จะสวีทหวานออกสื่อโซเชียลขนาดไหน ก็ยังอยู่ในสายตาของครอบครัวไม่ห่าง เพราะทั้งคุณแม่ขวัญฤดีและพ่อปู อนุวัฒน์ ก็มีลูกสาวแค่คนเดียว แถมยังสวยสะพรั่งขนาดนี้แน่นอนว่าก็ทั้งห่วงและหวงเป็นธรรมดา ซึ่งล่าสุดขวัญฤดี กลมกล่อม คุณแม่ของหยดน้ำได้ให้สัมภาษณ์กับแพรวดอทคอม เกี่ยวกับความรักของลูกสาวคนเดียวว่า

“สเปกของว่าที่ลูกเขย พ่อกับแม่ขอแค่ว่า ให้เขารักลูกเราจริง เป็นคนดี ทำอาชีพสุจริต สามารถดูแลรับผิดชอบลูกเราได้ แค่นั้นพอแล้ว ส่วนลูกจะชอบผู้ชายบุคลิกหรือคาแรคเตอร์แบบไหน แล้วแต่หยดน้ำเลย

“ถ้าถามว่าทุกวันนี้ยังเป็นห่วงลูกไหม หัวอกคนเป็นพ่อแม่ห่วงลูกไม่มีวันจบสิ้น ตอนเขาเด็ก เราก็คิดว่าเขาโตเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว เราคงห่วงน้อยลง แต่ก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย ยิ่งดูข่าว เห็นเรื่องอะไรไม่ดี จะนึกถึงลูกก่อนเลย รู้สึกกังวลไปหมด จนกลายเป็นว่าเราวิตกกังวล ต้องคอยเตือนและเล่าเรื่องให้ลูกฟัง เพื่อที่เวลาเขาไปไหนมาไหนจะได้รู้จักระมัดระวังตัวเอง เพราะสำหรับคนเป็นแม่แล้ว

“ไม่ว่าลูกจะโตขนาดไหน ก็ยังเป็นเด็กในสายตาคนเป็นแม่อยู่ดี”

 

หยดน้ำ นิวาตวงศ์

ดูเหมือนความรักครั้งนี้หนุ่มท็อปเองก็น่าจะสอบผ่านฉลุย เพราะเจ้าตัวก็ได้ทำความรู้จักพบเจอกับครอบครัวฝ่ายหญิงแล้ว อีกทั้งการวางตัวของทั้งคู่ก็ดูกำลังพอดี ไม่ได้หวานจนเลี่ยนหรือเกินงาม ยกตัวอย่างในไอจีของหนุ่มท็อปและน้องหยดน้ำ ที่ฝ่ายชายชอบเขียนแคปชั่นในไอจีตัวเองก่อน จากนั้นไม่นาน หยดน้ำ ก็เริ่มเขียนตอบบ้าง ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นข้อความฮาๆ ปนหวาน ชวนให้อมยิ้ม จนเพื่อนๆ ส่งเม้นท์ในไอจีว่า ไม่น่าเชื่อว่าหยดน้ำจะมาสายนี้ มาดูกันว่า 12 ประโยคมัดใจคู่รักอินเลิฟ ที่อ่านแล้วอดยิ้มตามไม่ได้ มีอะไรบ้าง

รวม 12 ประโยคฮามัดใจคู่รักอินเลิฟ

1.มุกเสี่ยวคิดไม่ทัน คิดถึงพี่ละกันมันง่ายดี แฮ่

2.คิทเช่นคือครัว แต่คิดถึงชัวร์คือเธอ 5555555555555555555

3.อยากจะขัดใจ แต่ไม่มีสกอตไบรท์

หยดน้ำ นิวาตวงศ์

4.ยูวีไม่ดีต่อตา แต่ยูมองมามันดีต่อใจ

5.ขาดแว่นโลกคงเบลอ ขาดเธอโลกคงพัง

หยดน้ำ นิวาตวงศ์

6.อากาศร้อนอาจจะทำให้คุณเป็นบ้า แต่ถ้าคุณสบตาผมอาจจะบ้า เพราะหลงรักคุณ…

7.หน้าตาอาจเหมือนโจร แต่จิตใจอ่อนโยนนะบอกเลย

8.เบื่อความร้อน ต้องการความรัก

หยดน้ำ นิวาตวงศ์

9.สวัสดีจ้ะ วันนี้วันดี ยิ้มสิๆ วันเกิดพี่เอง…

10.คนใดที่ถูกเจียวคือคนเดียวที่ถูกใจ

11.ที่ยิ้มไม่ได้เจ้าชู้ แค่เอ็นดูในความน่ารัก

12.อยากมีผมอยู่ข้างๆ ก็แสกกลางดิค้าบ

หยดน้ำ นิวาตวงศ์

หยดน้ำ นิวาตวงศ์

 

รูป : @yodnamnivatvongs @topiz_js

ตามอ่านเรื่องราวอื่นๆที่เกี่ยวข้องได้ที่

ทริคสวยผิวดีได้จากพ่อ! หยดน้ำ – นัดดาภรณ์ นิวาตวงศ์ ลูกสาวสุดเลิฟของพ่อปู-แม่ขวัญฤดี

สวยวันสวยคืน น้องหยดน้ำ ลูกสาว ‘ปู อนุวัฒน์&ขวัญฤดี’ สวยคม เพราะส่วนผสมที่ลงตัว

ต้อนรับวันแม่ ‘ขวัญฤดี’ควงลูกสาว‘น้องหยดน้ำ’ถ่ายแฟชั่น โชว์ความสวยคม สะกดทุกสายตา!

10 คู่รักคนดังรุ่นใหญ่ คงคอนเซ็ปต์รักหวาน รักนานสม่ำเสมอ

ชิมลางเล่นลิเกครั้งแรก! มิ้นต์-ชาลิดา ทุ่มฝึกร้องรำสุดตัว ประกบ ท็อป-จรณ ใน “รักหลงโรง”

เขย่าขวัญเด็กยุค 4 จี กันตนาปัดฝุ่น “ตุ๊กตา” ละครผีสุดหลอนเมื่อ 29 ปีที่แล้ว

ขีดชอล์คกันมดแพร้บ! อัพเดท สเตตัส … ใครกำลังคบใครบนโลกนี้ (ภาค Thailand)

สวยได้แม่ คมได้พ่อ “น้องจีน”ลูกสาว”จอนนี่-จริยา แอนโฟเน่” ออร่าจับระดับนางเอก

ผิวดี..เพราะมีสเต็ป! สาธิต 7 ขั้นตอนลบเมคอัพให้ผิวคลีนอย่างถูกวิธี

นางแบบ 180 ซม. มิกิ-ชัชฎา ลูกสาว หมู-ดิลก ภูมิใจเขียนชื่อพ่อเป็นไอดอลส่งงานอาจารย์

พริกกะเหรี่ยงเผ็ดจี๊ดถึงใจ มีมี่-กัลย์สุดา สาวงามลูกครึ่งเมียนมา ที่หลายคนเอ็นดู

งานดีอีกละ! “แทน & ปัญญ์” ลูกนักแสดงรุ่นใหญ่ “นง – ทนงศักดิ์” หล่อ เซอร์ มีความเฮลตี้ ได้พ่อมาเต็มๆ

เผยชีวิตนักแสดงรุ่นใหญ่ อาหนิง-นิรุตติ์ ศิริจรรยา การค้นหาสิ่งที่ชอบเจอไม่ง่าย

10 เรื่องที่แท้ทรูที่ทำให้รู้จัก หยดน้ำ นิวาตวงศ์ ลูกพ่อปู อนุวัฒน์-แม่ขวัญฤดี มากขึ้น

สาว 2 เจน ตระกูลปัญโญภาส แมว จารุวรรณ-หมิว ลลิตา สวยสง่าสมแม่ลูกนักแสดง

ไฟแรง! ฐณส หงสนันทน์ บินเรียนภาษาและธุรกิจเพิ่มที่จีน กลับไทยพร้อมลุยธุรกิจครอบครัว

เผ็ดหูอื้อ! “หมาก-ญาญ่า” เปิดใจพลิกเล่นบทกร้านโลกใน “คลื่นชีวิต”

เอาใจคนรักผิว

เปิดลิสต์ 8 ศัลยกรรมความงามที่เหล่าวัยรุ่นอยากทำ แต่ยังไม่ถึงเวลา

#SongSongCouple

รักแท้ไม่แน่นอน! ภาพอดีตสุดหวานคู่รักซูเปอร์สตาร์ ปิดฉาก #SongSongCouple

Alternative Textaccount_circle
#SongSongCouple
#SongSongCouple

โมเม้นต์หวาน ของคู่รักซูเปอร์สตาร์ #SongSongCouple หวานฉ่ำน้ำตาลเรียกพี่ขนาดนี้ จะหย่าได้อย่างไรกัน? 

ก่อนหน้านี้ก็เคยทำเอาใจหายใจคว่ำ เมื่อสื่อแดนมังกรได้เปิดเผยว่าคู่รักซูเปอร์สตาร์เกาหลีใต้ ซงจุงกิ และ ซงฮเยคโย มีแววว่าจะสวมคอนเวิร์สแยกทางกัน ภายหลังแต่งงานและใช้ชีวิตคู่ร่วมกันมาได้ปีกว่าๆ โดยสาเหตุหลักที่มีข่าวออกมาในครั้งนี้ก็เป็นเพราะสื่อดังกล่าวได้สังเกตว่านางเอกสาวคนดัง ปรากฏตัวในงานอีเว้นต์ที่สิงคโปร์ โดยนิ้วนางข้างซ้ายปราศจากแหวนแต่งงานของพระเอกเจ้าของฉายาสามีแห่งชาติ ทั้งยังบอกอีกว่าซูเปอร์สตาร์สาวได้ทำการลบภาพคู่ของเธอและสามีในอินสตาแกรมด้วย แต่เมื่อมีการตรวจสอบภาพคู่รัก SongSongCouple ก็ยังอยู่ดีเช่นเดิม ทำเอาบรรดาแฟนคลับทนไม่ไหวออกมาตำหนิพฤติกรรมของสำนักข่าวอย่างร้อนแรง

อันที่จริงแล้วข่าวที่ออกมาแม้จะทำให้คนนอกตกใจ แต่สำหรับบรรดาแฟนคลับกลับไม่ไหวติงต่อข่าวเลย เพราะที่ผ่านมาทั้งคู่มักถูกโจมตีด้วยข่าวในทำนองระแหงระแหงเนืองๆ ซึ่งสุดท้ายทั้งหมดก็เป็นเพียงแค่ข่าวโคมลอย แต่ล่าสุดข่าวเรื่องการเลิกราก็ดังกล่าวจะเป็นความจริง เพราะตัวแทนกฏหมายของฝ่ายชายออกมาเปิดเผย ตำนานคู่รักวงการบันเทิง  #songsongcouple จึงเป็นอันต้องปิดฉากลงถาวร

สำหรับคู่รักคู่นี้ช่วงที่มีข่าวเรื่องระหองระแหงกันออกมาก็ยังไม่มีใครกล้าฟันธง หากย้อนกลับไปเมื่อปีก่อนความสวีทหวานของทั้งคู่ก็ดูแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เรียกว่าเป็นข่าวใหญ่ที่ทำเอาช็อกจริงๆ ภาพโมเม้นต์หวานน้ำตาลแพ้ ของคู่รัก SongSongCouple เหล่านี้คงไม่มีให้เห็นกันอีกแล้ว

สายตาที่มีเธอตลอดเวลา : หากใครได้เห็นภาพในงานแต่งงานของทั้งคู่ ก็คงได้เห็นว่าแววของพระเอกหนุ่มเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักมากแค่ไหน อย่างที่ทราบกันดี หนุ่มซงจุงกิแอบปลื้มสาวซงฮเยคโยมานานในฐานะนักแสดง และเขายังเคยไปที่กองถ่ายเพื่อเจอเธอด้วย นอกจากนี้คนใกล้ชิดของทั้งคู่ยังเคยเปิดเผยว่า แม้ดาราสาวจะรู้สึกอึดอัดใจกับการคบกับคนในวงการ แต่ฝ่ายชายก็พยามเดินหน้าจีบจนยอมเปิดใจในที่สุด ดังนั้นไม่แปลกเลยที่เรามักได้เห็นสายตาของซงจุงกิที่แสดงความรักให้กับซงฮเยคโยในทุกๆ ครั้ง

SongSongCouple

SongSongCouple

คอยเป็นห่วงเป็นใย : ในเวลาส่วนตัวที่คู่รักคู่นี้เดินทางไปสถานที่ต่างๆ สิ่งหนึ่งที่ได้เห็นเสมอก็คือสายตาของสามีที่คอยเป็นห่วงเป็นใยคนรักของเขา โดยครั้งหนึ่งที่สนามบินในประเทศฝรั่งเศส ซงจุงกิได้แสดงความหวงใยศรีภรรยา เขาคอยหันมองเธอตลอด และเมื่อเร่งฝีเท้าเร็วขึ้นเขาก็ใช้แขนโอบเข้าที่เอวของเธอ ทำเอาแฟนคลับที่เห็นอุทาน Oh My God! ออกมาในทันที จากนั้นก็หันมารับดอกไม้และส่งยิ้มในกับแฟนคลับเหล่านั้น ก่อนจับมือภรรยาเดินต่อไป เพื่อขึ้นรถไป

SongSongCouple

SongSongCouple
ภาพ : @mmmmicky_/HIMESHAWELF

ให้เกียรติศรีภรรยา : ความรักของซงจุงกิไม่ได้มีแค่การกระทำเท่านั้น ทุกๆ ครั้งที่ถูกซักถามถึงเรื่องราวเกี่ยวกับภรรยาเขามักพูดถึงเธออย่างให้เกียรติเสมอ โดยเฉพาะประโยคที่ว่า “ภรรยาผมสวยมากครับ”

SongSongCouple


อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ซงจุงกิ ได้ที่นี่

ทวงบัลลังก์เขยไทย! รวมช็อตฟิน “ซงจุงกิ” ในงานแกรนด์โอเพนนิ่ง 11street

สะเทือนวงการ แต่งฟ้าแลบ! “ซงจุงกิ-ซงฮเยคโย” เข้าประตูวิวาห์ 31 ตุลาคมนี้

เคลียร์ไปเลยม้วนเดียวจบ! 10 ข้อเกี่ยวกับ “ซงซงคัพเพิล” คู่รักซูเปอร์สตาร์แดนกิมจิ

ขอซดใบบัวบก2แก้ว!หลุดการ์ดแต่ง จุงกิ-เฮเคียว ลงท้ายหวานตะเตือนใจแฟนคลับ

D-Day 7 วัน จุงกิ สามีแห่งชาติสละโสด แย้มเพื่อนซี้ ซองเฮเคียว รับหน้าที่ร้องเพลงรัก

หวานฉ่ำวันแห่งความสุข ซงจุงกิ&ซองเฮเคียว ลั่นระฆังรักชื่นมื่น

ผัวมหาจำเริญ ซงจุงกิกับการโค้งสุดตัวให้ศรีภรรยาซองเฮเคียว

ซงจุงกิ อวดชีวิตหวานหลังแต่งงาน “สุขจนอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้”

ตำตา! แฟนคลับเมืองน้ำหอมสำลักความหวานของคู่รัก ซงซงคัพเพิล

หล่อดีต่อใจมากเว่อร์ ‘ซงจุงกิ’ ฉายเดี่ยวร่วมแฟชั่นโชว์ Dior Homme

รักไม่แคร์อายุ หวานไม่แคร์ตัวเลข 6 คนดังหญิง มีแฟนเด็กอินเลิฟกรุบๆ!

ซงจุงกิ พ่อคนดีศรีกรุงโซล จิตอาสาการกุศลฉลองชูซอก

ย้อนความสำเร็จ ผลงานแรกของ 10 อปป้า กว่าจะมีวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ

 

ซ้องปีบ ในกลิ่นกาสะลอง

เป็นลูกรักพ่อ เสื้อผ้าต้องเด่น! เผยความพิเศษคอสตูม ซ้องปีบ ในกลิ่นกาสะลอง

ซ้องปีบ ในกลิ่นกาสะลอง
ซ้องปีบ ในกลิ่นกาสะลอง

“แต่งตัวล้ำสมัยจนเกินหน้าแม่หญิงอื่น” จากประโยคนี้คงไม่ต้องสืบว่านายหมอทรัพย์หมายถึง ซ้องปีบ ในกลิ่นกาสะลอง วันนี้เราจะพามาหาคำตอบและที่มาของคอสตูมในเรื่องนี้ว่ามีความพิเศษอย่างไร 

เดินทางมาถึงตอนที่ 5 แล้วสำหรับละครพีเรียดเรื่องดัง กลิ่นกาสะลอง นอกจากหลายคนต่างลุ้นให้นายหมอทรัพย์รู้ความจริงสักทีว่าผู้หญิงที่ตัวเองแอบรักมีฝาแฝด อีกหนึ่งความน่าสนใจที่โลกออนไลน์พูดถึงกันไม่น้อย ก็คือการแต่งตัวจัดเต็มของซ้องปีบ ที่ไม่ว่าจะออกมาฉากไหน เสื้อผ้า หน้าผมเป๊ะไปหมด ทั้งปิ่นปักผม ผ้าลูกไม้ ซิ่นผ้าไหม เครื่องแต่งกายสไตล์ยุโรป ในขณะที่กาสะลองนุ่งเพียงผ้าซิ่นฝ้าย เห็นทีจะมีฉากเมื่อคืนก่อนนำขบวนฟ้อนรำเท่านั้น ที่กาสะลองจะแต่งองค์ทรงเครื่องจนสวยผิดหูผิดตา

โดยผู้กำกับการแสดง สันต์ ศรีแก้วหล่อ ได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเสื้อผ้าของกาสะลองและซ้องปีบ ผ่านทางรายการเปิดกองวิก 3 ว่า “ได้มีการรีเสิร์ชและคุยกับทางคอสตูม เนื่องจากซ้องปีบเป็นลูกรักของพ่อ มีความเป็นแฟชั่นกว่ากาสะลอง เพราะฉะนั้นเนื้อผ้าเลยถูกทำให้มีสีสันฉูดฉาด มีรูปแบบของตะวันตก ของฝรั่งเข้ามาเยอะหน่อย มันเลยต่างกันออกไป ส่วนกาสะลองก็จะบ้านๆ เป็นชาวบ้านๆ และองค์รวมทั้งหมดมันคือเรื่องของชาวบ้าน เสื้อผ้าเลยจะไม่หวือหวา ไม่วิจิตรอะไรมากนัก มันก็จะแฟชั่นเท่าที่ลูกสาวกำนันจะเป็นได้ ส่วนการแต่งหน้าทำผมก็ออกแบบให้ธรรมชาติมากขึ้น”

กลิ่นกาสะลอง

ซ้องปีบ แต่งกายแบบสตรีคหบดีชาวเชียงใหม่ในสมัยรัชกาลที่ 6 สวมเสื้อตะวันตกแฟชั่นยุคทีนส์ นุ่งผ้าซิ่นลุนตยาอะเชะโบราณ อายุนับร้อยปีสีชมพูสดสวย ต่อตีนจกไหมเงินไหมทอง

ซึ่งการแต่งกายของชาวเชียงใหม่ในช่วงรัชกาลที่ 5-6 (มณฑลพายัพ) ผู้หญิงสามัญชนชาวเชียงใหม่ในช่วงแรกของยุคนี้ยังมีลักษณะคล้ายคลึงกับการแต่งกายตามแบบจารีต กล่าวคือนิยมไว้ผมยาว รวบไว้เป็นมวยเหนือท้ายทอย บางครั้งมีการ “อั่วช้อง” คือการสอด “ช้อง” หรือเส้นผมปลอมเพิ่มเข้าไปกับผมจริง เพื่อให้เป็นมวยขนาดใหญ่ นุ่งซิ่นตาหรือซิ่นตีนจกตามฐานะของตน นอกจากนี้ความนิยมในการสวมเสื้อมีมากขึ้น แบบเสื้อที่นิยมใส่กันแรกๆ จะเป็นเสื้อแขนกระบอกรัดรูปพอดีตัว เข้าใจว่ารูปแบบเสื้อดังกล่าว ได้รับอิทธิพลมาจากแฟชั่นอังกฤษสมัยวิกตอเรียน และคงเป็นเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่ส่งมาขายจากอินเดียหรือพม่า ตัดเย็บด้วยผ้าฝ้ายทอโรงงานจากประเทศอังกฤษ

ทั้งนี้เสื้อผู้หญิงอีกแบบหนึ่งนำรูปแบบมาจากเสื้อกุยเฮงของจีน นิยมตัดเป็นเสื้อคอกลมผ่าหน้า ชายเสื้อสั้นประมาณเอว แขนเสื้อกว้างขึ้นกว่าเดิม มักเป็นแขนยาวหรือแขนสามส่วน ตัดเย็บจากผ้าฝ้ายโรงงานเนื้อบาง บางครั้งก็มีผ้าไหม ผ้าสาลู ผ้าป่านด้วย แบบเสื้อดังกล่าวไม่เพียงแต่ชาวล้านนานิยมเท่านั้น ชาวพม่าหรือกลุ่มชาวไทในรัฐฉานก็ใช้ด้วย รูปแบบเสื้อคอกลมแขนกว้างนี้ เสื้อชนิดได้รับความนิยมอย่างมาก และต่อมาได้พัฒนาได้เป็นแบบเสื้อพื้นเมืองที่เรารู้จักกันดีในปัจจุบันคือเสื้อหม้อห้อม ในยุคนี้ก็ยังนิยมคล้องผ้าแพรสีอ่อนๆ อยู่เช่นเดิม

ต่อมาในช่วงปลายรัชกาลที่ 5 ผู้หญิงสามัญชนชาวเชียงใหม่ ได้ปรับรูปแบบเสื้อลูกไม้อันหรูหราแบบตะวันตก เป็นเสื้อคอกลม ชายเสื้อเสมอเอว แขนยาวเสมอข้อศอก การประดับตกแต่งด้วยลูกไม้เพียงเล็กน้อยตามชายเสื้อ ทำผมแบบใหม่ ทรง “อี่ปุ่น” และแต่งผมด้วยการผูกริบบิ้น ทั้งยังนิยมถือผ้าเช็ดหน้าสีขาวแบบฝรั่ง เครื่องประดับแบบจารีตค่อยคลายความนิยมลง จากลานหูเปลี่ยนเป็นต่างหูประดับเพชรเม็ดเล็กๆ สวมจี้ห้อยคอ หรือสร้อยข้อมือเส้นบางๆ เข็มขัดเงิน เป็นของใหม่ที่เข้ามาพร้อมๆ กับพ่อค้าและช่างชาวจีน รวมถึงปัจจัยจากการเฟื่องฟูของผลิตภัณฑ์เครื่องเงิน เนื่องจากก่อนหน้านี้ไม่เคยปรากฏหลักฐานว่าสามัญชนชาวเชียงใหม่ใช้เข็มขัดทั้งในภาพถ่ายและงานจิตรกรรมฝาผนัง


ข้อมูลการแต่งกายของชาวเชียงใหม่ในช่วงรัชกาลที่ 5-6 : Facebook ผ้าและสิ่งถักทอไท

ภาพ : IG@noproblemfg

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

สวยเฟี้ยซทุกองศา! ลิซ่า BLACKPINK บินตรงปารีส ชมโชว์ CELINE SS 2020

สวยเท่มีเอกลักษณ์ พรีคอลเล็คชั่น Burberry Autumn/Winter 2019

สมบัติล้ำค่า ‘ต่างหูเพชร’ มรดกตกทอดของราชวงศ์สเปน หลายทศวรรษยังงดงาม

เรียบไปไม่ถนัด! ผู้ดีอังกฤษประชันหมวกใบเด่น ในงานแข่งม้า Royal Ascot 2019

นี่แหละซูเปอร์โมเดล! เคนดัลล์ เจนเนอร์ ในวันสบายๆ ยังสวยชวนมอง

ซีทรูหวานหยด! เจ้าหญิงเคท แต่งชุดสีฟ้า เข้าชมการแข่งขันขี่ม้า Royal Ascot

รู้ไว้ได้ใช้แน่ วิธีดูแลกระเป๋าแบรนด์เนม ให้สวยทนทานทุกฤดูกาล

เตรียมควักตังค์จ่าย! ยูนิโคล่ เปิดตัวคอลเล็คชั่นพิเศษ เสื้อยืดลาย BT21

แฟชั่นไอคอนแห่งยุโรป ควีนเลตีเซีย เจ้าหญิงเคท แต่งลุคเรียบหรูสไตล์ผู้ดีอังกฤษ

ชี้เป้า Louis Vuitton Cannes Bag กระเป๋าใบโปรดที่ เนย-โชติกา กำลังเลิฟ

133 คู่ในไทย! ONITSUKA TIGER x GIVENCHY ปล่อยสนีกเกอร์ ลิมิเต็ด อิดิชั่น

สวยไม่สร่าง! คุณแม่ยังสาว ‘หลินซินหยู’ จื่อเวย จากองค์หญิงกำมะลอ

สวยสง่าอำลาตำแหน่ง แคทรีโอนา เกรย์ ในเดรสราชินีแห่งกล้วยไม้ฟิลิปปินส์

สื่อนอกเผยค่าใช้จ่ายกว่า 5 ล้านบาท แฟชั่นสไตล์ผู้ดี ‘เมลาเนีย ทรัมป์’ เยือนอังกฤษ

งดงามคนละสไตล์ สองดัชเชสกับชุดแบรนด์โปรด ในงาน Trooping the Colour

สตรีราชวงศ์อังกฤษ

เหตุผลที่ สตรีราชวงศ์อังกฤษ เล็บต้องสั้น และห้ามทาสีเข้ม

Alternative Textaccount_circle
สตรีราชวงศ์อังกฤษ
สตรีราชวงศ์อังกฤษ

ว่ากันด้วยเรื่องของกฎระเบียบของ สตรีราชวงศ์อังกฤษ ทั้งเรื่องแฟชั่นและบิวตี้นั้นมีมากมายที่ควรทำและไม่ควรทำ ซึ่งก่อนหน้านี้ แพรวดอทคอม เคยนำเสนอเรื่อง อีกหนึ่งกฎควรรู้ ทำไมสมาชิกราชวงศ์อังกฤษต้องถือคลัทช์ด้วยสองมือ หลายคนอาจไม่เคยรู้ก็คือการถือคลัทช์ด้วยสองมือ หากใครสังเกตเมื่อดัชเชสเคทและดัชเชสเมแกนเสด็จฯ ออกงานต่างๆ ทั้งสองพระองค์มักจะถือคลัทช์ด้วยสองมือ เพราะเป็นกฎที่รู้กันว่าบุคคลทั่วไปจะไม่ได้รับอนุญาตให้จับมือกับสมาชิกคนใดในราชวงศ์ จึงทำให้เกิดกฎการถือคลัทช์ขึ้น โดยสุภาพสตรีของราชวงศ์ต่างถือคลัทช์ด้วยมือทั้งสอง และถ้ามือถูกครอบครองด้วยกระเป๋า ทุกคนจะลงความเห็นได้ทันทีว่าจะไม่มีการสัมผัสใดๆ และจะไม่มีคำถามเกิดขึ้น ทั้งนี้ยังสามารถเลี่ยงหรือปฏิเสธการจับมือจากฝ่ายตรงข้ามได้โดยไม่ให้เสียน้ำใจอีกด้วย

แต่สำหรับด้านความสวยความงาม แพรวดอทคอม จะมาพูดถึงกฎเหล็กบิวตี้เกี่ยวกับ เรื่องพระนขา หรือเล็บ ของสตรีราชวงศ์อังกฤษ ที่เราทุกคนเห็นกันเป็นประจำ บางคนอาจสังเกต และบางคนอาจจะไม่ได้สังเกตว่า เล็บของสตรีราชวงศ์อังกฤษ อาทิ สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบทที่ 2, ดัชเชสเคทแห่งเคมบริดจ์, ดัชเชสเมแกนแห่งซัสเซกส์, ดัชเชสคามิลลาแห่งคอร์นวอล และเจ้าหญิงยูจีนีแห่งยอร์ค ฯลฯ นั้น เราแทบไม่เห็นเล็บของทุกพระองค์ยาวเลย และแทบจะไม่เห็นสีสันหรือลวดลายบนเล็บอีกด้วย

เหตุผลนั่นก็เพราะว่าเราจะไม่มีวันได้เห็นสาวราชวงศ์อังกฤษพระองค์ใดตกแต่งเรียวเล็บ หรือทาเล็บสีสดแจ๋นหรือสีเมทัลลิก แต่เล็บในแบบที่ราชวงศ์เปิดไฟเขียวคือ เล็บที่ดูสั้นสวยสะอาด และทาด้วยสีเบาๆ เท่านั้น ห้ามฉูดฉาดเด็ดขาด ซึ่งแบรนด์น้ำยาทาเล็บที่สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบทที่ 2 โปรด คือแบรนด์ Essie สี Ballet Slippers ซึ่งไม่น่าเชื่อว่ายาทาเล็บราคาเพียง 9 เหรียญนี้ จะถูกใช้ในงานพิธีสำคัญของราชวงศ์อังกฤษมากว่า 30 ปีแล้วด้วยนะคะ และนี่จึงเป็นเหตุผลที่จริงๆ ด้านบิวตี้อีกเรื่องของสตรีราชวงศ์อังกฤษที่ไม่มีสิทธิ์แหวกได้

สตรีราชวงศ์อังกฤษ สตรีราชวงศ์อังกฤษ

สตรีราชวงศ์อังกฤษ

สตรีราชวงศ์อังกฤษ

สตรีราชวงศ์อังกฤษ สตรีราชวงศ์อังกฤษ


ภาพ : Getty Image 

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ย้อนดู 4 ลุคสวยๆ ของเมแกน มาร์เคิล ก่อนจะเป็น “ดัชเชสแห่งซัสเซกส์”

6 ข้อ โลกบิวตี้ของเจ้าหญิงองค์ใหม่ “ดัชเชสเมแกน” กับสไตล์ของราชวงศ์อังกฤษ

กฎบิวตี้ ที่เมแกนไม่มีสิทธิ์ได้ทำอีกแล้ว เมื่อวันนี้เธอกลายเป็นดัชเชสแห่งซัสเซกซ์

อีกหนึ่งกฎควรรู้ ทำไมสมาชิกราชวงศ์อังกฤษต้องถือคลัทช์ด้วยสองมือ

พ่อก็ทำได้! เจ้าชายวิลเลียม ทรงทำผมให้เจ้าหญิงชาร์ลอตต์โดยดูวิธีจากยูทูบ

กลิ่นน้ำหอมและเมคอัพไอเท็มที่ “เจ้าหญิงเคท ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์” ทรงโปรด

เผย 10 บิวตี้ไอเท็ม เมคอัพโทนธรรมชาติที่ “เจ้าหญิงเคท” ทรงเลือกใช้

รวมแฟชั่น 15 ทรงผมสุดเพอร์เฟ็กต์ของเจ้าหญิงเคท มิดเดิลตัน

 

 

Burberry 2019

สวยเท่มีเอกลักษณ์ พรีคอลเล็คชั่น Burberry Autumn/Winter 2019

Burberry 2019
Burberry 2019

ล่าสุด Burberry ได้เผยภาพแคมเปญ พรีคอลเล็คชั่น Autumn/Winter 2019 ดีไซน์โดย ริคคาร์โด ทิชชี่ ครีเอทีฟไดเร็คเตอร์ โดยได้ Rianne Van Rompaey , Fran Summers , Mariacarla Boscono , Lucas Davey และ Alexis Chaparro มาร่วมแสดงในแคมแปญ ซึ่งภาพถ่ายแฟชั่นเซ็ตทั้งหมดลั่นซัตเตอร์โดยช่างภาพชื่อดังชาวอังกฤษอย่าง Mark Borthwick

พรีคอลเล็คชั่น Burberry Autumn/Winter 2019 เน้นไปในโทนสีเบจ สีอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ Burberry โดยมีตั้งแต่สีน้ำผึ้งไปจนถึงวินเทจโอ๊ค บวกกับ Thomas Burberry Monogram , ลายรันเวย์ปริ้น รูปสัตว์ ที่มาเพิ่มลูกเล่นให้กับคอลเล็คชั่นนี้มากยิ่งขึ้น

Riccardo Tisci ประธานฝ่ายสร้างสรรค์แบรนด์ Burberry กล่าวว่า “โดยคอลเล็คชั่นนี้ผมต้องการที่จะสานต่อเรื่องราวจากคอลเล็คชั่น Spring/Summer 2019 ซึ่งเป็นคอลเล็คชั่นแรกของผมกับแบรนด์ Burberry แต่จะโฟกัสมากขึ้นในส่วนของลายปริ้น สีเบจเฉดสีอันป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ Burberry และเสื้อโค้ช รวมไปถึง Thomas Burberry monogram”

คอลเล็คชั่น Autumn/Winter 2019  ปล่อยวางจำหน่ายแล้วทั่วโลก ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผ่านทางช็อปของแบรนด์และออนไลน์เว็บไซต์ www.Burberry.com

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

สมบัติล้ำค่า ‘ต่างหูเพชร’ มรดกตกทอดของราชวงศ์สเปน หลายทศวรรษยังงดงาม

เรียบไปไม่ถนัด! ผู้ดีอังกฤษประชันหมวกใบเด่น ในงานแข่งม้า Royal Ascot 2019

นี่แหละซูเปอร์โมเดล! เคนดัลล์ เจนเนอร์ ในวันสบายๆ ยังสวยชวนมอง

ซีทรูหวานหยด! เจ้าหญิงเคท แต่งชุดสีฟ้า เข้าชมการแข่งขันขี่ม้า Royal Ascot

รู้ไว้ได้ใช้แน่ วิธีดูแลกระเป๋าแบรนด์เนม ให้สวยทนทานทุกฤดูกาล

เตรียมควักตังค์จ่าย! ยูนิโคล่ เปิดตัวคอลเล็คชั่นพิเศษ เสื้อยืดลาย BT21

แฟชั่นไอคอนแห่งยุโรป ควีนเลตีเซีย เจ้าหญิงเคท แต่งลุคเรียบหรูสไตล์ผู้ดีอังกฤษ

ชี้เป้า Louis Vuitton Cannes Bag กระเป๋าใบโปรดที่ เนย-โชติกา กำลังเลิฟ

133 คู่ในไทย! ONITSUKA TIGER x GIVENCHY ปล่อยสนีกเกอร์ ลิมิเต็ด อิดิชั่น

แค่สนุกไปกับโชว์! แพนเค้ก-เขมนิจ เคลียร์ข่าวไม่ได้แย่งซีน แมท-ภีรนีย์ กลางรันเวย์

สวยไม่สร่าง! คุณแม่ยังสาว ‘หลินซินหยู’ จื่อเวย จากองค์หญิงกำมะลอ

ผ่านไป 3 ปีแทบไม่ต่าง เจ้าหญิงเคท งามสง่าในเดรสตัวเดิม คุ้มค่าเงินหลายหมื่น

น่ารักยกแก๊ง KARL DOTS ไอเท็มลายจุดสุดคลาสสิก ตัวช่วยแมทช์ลุคไม่ให้น่าเบื่อ

สวยสง่าอำลาตำแหน่ง แคทรีโอนา เกรย์ ในเดรสราชินีแห่งกล้วยไม้ฟิลิปปินส์

เปิดช็อปพร้อมดีไซน์ใหม่ PAVA กระเป๋าผ้าไหมไทยของ แหวนแหวน-ปวริศา

สื่อนอกเผยค่าใช้จ่ายกว่า 5 ล้านบาท แฟชั่นสไตล์ผู้ดี ‘เมลาเนีย ทรัมป์’ เยือนอังกฤษ

งดงามคนละสไตล์ สองดัชเชสกับชุดแบรนด์โปรด ในงาน Trooping the Colour

 

ผ่านด่านอีกคน Ronja นางแบบพลัสไซส์คนที่ 2 ที่ได้ร่วมงานกับ Victoria’s Secret

Alternative Textaccount_circle

ก่อนหน้านี้ แพรวดอทคอม เคยเปิดวาร์ปนางแบบชาวสเปน Lorena Duran ที่ได้ออกมาโพสต์บนอินสตาแกรมส่วนตัวของเธอว่า “ฉันมีความสุขและภาคภูมิใจในงานใหม่นี้ ถึงเวลาสำหรับความหลากหลาย ขอบคุณทีม วิคตอเรีย ซีเคร็ท ที่ทำให้ฝันของฉันเป็นจริง” ซึ่งเป็นการการันตีว่าวิคตอเรีย ซีเคร็ท เปิดรับนางแบบพลัสไซส์เข้ามาร่วมงานด้วยเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ และ Lorena Duran ก็ถือเป็นสาวอวบคนแรกที่ผ่านด่านเข้ามาได้

อย่างที่ทุกคนรู้ว่าการจะเป็นนางแบบนั้น เชื้อชาติไหนก็เป็นได้ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ในฐานะของนางแบบที่มีรูปร่างพลัสไซส์ถือเป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับ วิคตอเรีย ซีเคร็ท ที่ยึดกับภาพลักษณ์ของนางแบบจะต้องมีหุ่นเป๊ะ ผอมเพรียว ขาเรียวยาว เอวบางมาโดยตลอด ครั้งนี้ถือว่าแบรนด์ได้ก้าวข้ามกำแพงบางอย่าง ทำให้เปิดรับนางแบบพลัสไซส์อย่าง Lorena Duran ซึ่งประเดิมเป็นคนแรกเข้ามาเพื่อความหลากหลายและเป็นภาพลักษณ์ใหม่

และล่าสุด นางแบบพลัสไซส์คนที่ 2 ของ Victoria’s Secret ก็มาล่ะจ้า นั่นคือ Ronja Manfredsson นางแบบพลัสไซส์สัญชาติสวีเดน วัย 21 ปี ซึ่งเธอได้โพสต์รูปคอลเล็คชั่นชุดชั้นในที่เธอถ่ายกับแบรนด์ Victoria’s Secret ผ่านทางอินตาแกรมส่วนตัวพร้อมแคปชั่นที่ว่า “ฉันขอขอบคุณทุกคนที่เชื่อมั่นในตัวฉัน มันมีความหมายกับฉันมาก รักทุกคน”

โดยเธอมีสัดส่วนอยู่ที่ 12US/14UK ซึ่งจัดว่าอยู่ในหมวดของนางแบบพลัสไซส์ในอุตสาหกรรมแฟชั่น เธอเป็นนางแบบพลัสไซส์คนที่ 2 ที่ได้ร่วมถ่ายแบบชุดชั้นในกับแบรนด์ Victoria’s Secret โดยก่อนหน้านี้เธอเคยมีผลงานถ่ายแบบแฟชั่นมากมาย รวมถึงเป็นหนึ่งในผู้ประกวด Scandinavia’s Next Top Model เป็นรายการเรียลลิตีโชว์ที่ทำการค้นหาสุดยอดนางแบบจากประเทศแถบสแกนดิเนเวียอีกด้วย เอาเป็นว่าคงต้องรอติดตามกันว่าการรีแบรนด์พลิกประวัติศาสตร์ครั้งนี้จะทำให้เธอได้เป็นส่วนหนึ่งของแฟชั่นโชว์ในปีนี้หรือไม่


เรื่อง : PP_แพรวดอทคอม
ภาพ IG : ronjamanfredsson

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

นางแบบพลัสไซส์คนแรก! ‘Lorena Duran’ ผู้พลิกประวัติศาสตร์ วิคตอเรีย ซีเคร็ท

อวบแล้วไง มั่นใจก็แล้วกัน “Venezia Cruz” นางแบบพลัสไซส์แต่ S Line สวยแซ่บเว่อร์

สาวอ้วนก็สวยได้ Vivian Kim นางแบบพลัสไซส์ชาวเกาหลีใต้ อวดหุ่นแซ่บสะเทือนแผง!

แซ่บระเบิด! นางแบบพลัสไซส์ ส่งแฟชั่นสุดจี๊ด แรงบันดาลใจแด่สาวอวบ

หุ่นเป๊ะเหมือนตอนเข้าวงการใหม่ๆ “ตั๊ก บงกช” ฟิตหุ่นจนเซี๊ยะ กล้ามหน้าท้องแน่น

เคยผอมแห้งสู่หุ่นสุดแซ่บชวนฝัน “แอน มนัสนันท์” เทรนเนอร์สาวผู้เลิฟชานมไข่มุก

Handsome Guy หายไปไหน? ทำไม 6 คนดังหล่อล่ำกล้ามแน่นถึงพุงพลุ้ยเพียงนี้

เผ็ชชช! ซูมความสวยเซ็กซี่ “Alexina Graham” นางฟ้าคนใหม่ของ Victoria’s Secret

พาทัวร์ร้าน Victoria’s Secret แหล่งช้อปของเหล่านางฟ้า สาขาใหม่ใหญ่ที่สุดในไทย

เป็นนางฟ้าต้องอดทน! เหล่านางแบบ Victoria’s Secret ฟิตหุ่นหนักมากก่อนขึ้นรันเวย์

ส่องสไตล์ Kelsey Merritt นางแบบฟิลิปปินส์คนแรกที่ได้เดินรันเวย์ Victoria’s Secret

Karlie Kloss เฉลยเคล็ดลับหุ่นเพอร์เฟ็คท์ แค่กินขนมก่อนขึ้นโชว์บนรันเวย์ Victoria’s Secret

อยากสวยต้องทำไม่ใช่แค่คิด! แชร์ 14 บิวตี้ทิปส์จากเหล่านางฟ้า Victoria’s Secret

ส่องลุค ‘ไคอา เกอร์เบอร์’ ลูกสาวสุดฮ็อตของซินดี้ ครอว์ฟอร์ด อดีตซูเปอร์โมเดลระดับโลก

ร้อนนักตัดเลย “ไคอา เกอร์เบอร์” หั่นผมสั้นระดับคางอัพลุคใหม่สุดเฟียซ

ไม่ได้ใช้กาวติดขนตา! แฮร์สไตลิสต์ “ลิซ่า” เฉลยวิธีเซ็ตหน้าม้า หลังมีคนเข้าใจผิด

คล้ายมาก “พัคจีอู” นางแบบจิ๋วที่ชาว BLINK ตั้งฉายาว่า “มินิเจนนี่” BLACKPINK

นี่คนหรือนางฟ้า! ส่องหน้าสวยหวาน Dasha Taran บิวตี้บล็อกเกอร์ชาวรัสเซีย

อดีตคลั่งผอม ปัจจุบันเชพบ๊ะ เทรนเนอร์สาวเผยทริคปั้นก้นแบบ Kim Kardashian

เปิดวาร์ปนักเพาะกายเกาหลีใต้ Yeon Woo Jhi บาร์บี้นักกล้าม หน้าตาจิ้มลิ้มน่ารัก

จัดเต็มมากลูก! เมคอัพ แอนด์ แฮร์สไตล์ แซบลืม “ลิซ่า” ซิงเกิ้ลใหม่ Kill This Love

ไม่ด้อยกว่าใคร! Aaron Philip นางแบบข้ามเพศสุดสตรอง แม้พิการก็ทำงานได้

แง้มกระเป๋าเครื่องสำอางส่องชิ้นเด็ดของสาวสุดเซ็กซี่ “Doutzen Kroes” หนึ่งในนางฟ้าวิกตอเรียส์ซีเคร็ต

นางแบบผิวสีชาวไลบีเรียผุดไอเดีย Black Mirror สะท้อนความงาม 2 ด้าน

 

 

เซอร์ไพร์สขั้นสุด!เนรมิตลุคปัง เสิร์ฟแหวนเพชร 1 ล้านบาท!!! #40ปีแพรวแจกเพชร

นั่งลุ้น นอนลุ้น…ใจเต้นไม่เป็นจังหวะกันมาหลายเดือน สำหรับกิจกรรม #40ปีแพรวแจกเพชร ลุ้นรับ แหวนเพชร Jubilee 4.96 กะรัต มูลค่า 1,000,000 บาทกับกติกาแสนง่าย เพียงสะสมคูปองครบ 4 ชิ้น (จากฉบับ พ.ย.2561 – ก.พ.2562) พร้อมโพสต์รูปภาพ ‘บอกรักแพรว’ เล่าถึงความประทับใจและความผูกพันระหว่างคุณกับแพรวบน Fb: นิตยสารแพรว พร้อมแฮชแท็ก #40ปีแพรวแจกเพชร #praewmag #รักนิตยสารแพรว

วันนี้ แพรว ขอแสดงความยินดีกับ ผู้โชคดีคนพิเศษ“คุณฟาง – พาขวัญ ตังคโณบล”ที่ได้รับแหวนเพชรสุดอลังจาก Jubilee ไปครอง ในกิจกรรม#40ปีแพรวแจกเพชร

แต่ แพรว จัดให้ทั้งที บอกเลยว่าไม่ได้มีแค่นี้แน่นอนค่ะ เพราะเราเตรียมเซอร์ไพร์ส แบบซ้อนแผนไว้เพียบ!!! ไปดูกันค่ะ

เริ่มด้วยภารกิจ “เนรมิตลุคสวย” ทีมงานโทรนัดแนะคุณฟางบอกเพียงให้มารับรางวัล แต่ความจริง ได้เตรียมช่างแต่งหน้า ทำผม ทำเล็บ ไว้รอภายในห้องสวีท บนโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิล์ด เพื่อเนรมิตความสวยให้คุณฟางแบบชุดใหญ่พร้อมด้วยชุดสวยๆ จากแบรนด์TAWN.Cและรองเท้าจาก Roger Vivier

อ่านต่อหน้า 2

สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ

ในหลวงโปรดเกล้าฯ สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ บังคับบัญชากรมกิจการในสมเด็จพระพันปีหลวง

Alternative Textaccount_circle
สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ
สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ

ในหลวงโปรดเกล้าฯ สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ บังคับบัญชากรมกิจการในสมเด็จพระพันปีหลวง… เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2562 พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการ ประกาศ เรื่อง การบังคับบัญชาหน่วยราชการในพระองค์ ข้าราชการและข้าราชบริพารในกรมกิจการในพระบรมวงศานุวงศ์ ความว่า

พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมการบังคับบัญชาหน่วยราชการในพระองค์ ข้าราชการและข้าราชบริพารในกรมกิจการในพระบรมวงศานุวงศ์

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 15 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 และมาตรา 4 และมาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการในพระองค์ พุทธศักราช 2560 และมาตรา 3 มาตรา 6 มาตรา 7 มาตรา 10 มาตรา 11 และมาตรา 15 แห่งพระราชกฤษฎีกาจัดระเบียบราชการและการบริหารงานบุคคลของราชการในพระองค์ พุทธศักราช 2560

จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมการบังคับบัญชาหน่วยราชการในพระองค์ ข้าราชการและข้าราชบริพารในกรมกิจการในพระบรมวงศานุวงศ์ ขึ้นตรงกับ สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เป็นผู้บังคับบัญชาและรับผิดชอบการปฏิบัติราชการ ดังนี้

1. กองราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

2. กองราชสำนักสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

3. กองศิลปาชีพ

4. สถาบันสิริกิติ์

5. มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ

6. นางสนองพระโอษฐ์และคุณข้าหลวงในพระองค์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน พุทธศักราช 2562

ประกาศ ณ วันที่ 14 มิถุนายน พุทธศักราช 2562 เป็นปีที่ 4 ในรัชกาลปัจจุบัน

สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ

สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ


 

ข้อมูลและภาพ : ratchakitcha.soc.go.th


 

ติดตามบทความอื่นๆ ได้ที่

อบอุ่นใจ “พระองค์หริภา” เฝ้ารับเสด็จพระมารดาอย่างใกล้ชิด ในการชมความคืบหน้าโครงการในพระ

รำลึกวันอานันทมหิดล ในหลวงโปรดเกล้าฯให้พระราชวงศ์ถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์

พระองค์หริภา ทรงพาชมความคืบหน้าจิตรกรรมฝาผนังในพระดำริ วัดธาราทิพย์ชัยประดิษฐ์

สานต่อพระปณิธานพระมารดา “เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ” ทรงเตรียมจัดงาน “เพื่อนพึ่ง ภาฯ 2562”

ในหลวงพระราชทานเลี้ยงสถานสงเคราะห์ 8 แห่ง ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ

วันเฉลิมพระชนมพรรษา “สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ” พสกนิกรร่วมใจถวายพระพรชัยมงคล

พระราชินีนักบิน “สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ” นักบินหญิงแห่งกองทัพอากาศ

ในหลวง ร.10 โปรดเกล้าฯให้เผยแพร่พระราชประวัติ “สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ”

แถลงการณ์สำนักพระราชวัง “สมเด็จพระพันปีหลวง” ทรงหายจากพระอาการประชวร

บรรยากาศสุดอาลัย กรมสมเด็จพระเทพฯ พระราชทานน้ำหลวงอาบศพ พลเอก เปรม

ในหลวง ร.10 ทรงโทมนัส โปรดเกล้าฯให้ไว้ทุกข์ในราชสำนักแก่ พลเอก เปรม

ในหลวง-พระราชินี เสด็จฯ เปิดประชุมรัฐสภา พร้อมทรงมีพระราชดำรัสในรัฐพิธี

เผยความหมาย “ตราสัญลักษณ์ประจำพระองค์” ของในหลวงและพระราชินี

ในหลวง ร.10 ทรงมีพระราชสาส์นแสดงความยินดีแด่ควีนเอลิซาเบธที่ 2

เริ่มพรุ่งนี้! ตารางการแสดงมหรสพสมโภช 7 วัน เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

ในหลวง ร.10 พระราชทานพระบรมฉายาลักษณ์ที่ทรงฉายกับสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ

ในหลวง ร.10 พระราชทานพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ

เผยโฉม เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 10 รายพระนามและรายนามผู้ได้รับพระราชทาน

ในหลวง ร.10 พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ จัดเลี้ยงขอบคุณผู้ปฏิบัติงานพระราชพิธีฯ

ในหลวง ร.10 ทรงมีพระราชกระแสขอบใจ ชมเชยทุกคน ร่วมจัดพระราชพิธีฯลุล่วง

กรมสมเด็จพระเทพฯ เสด็จฯเยี่ยมโรงสีข้าว-โรงโคนม สวนจิตรลดาแห่งใหม่

รู้จัก “เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า” เกียรติยศพระราชทาน แห่งราชวงศ์จักรี

ในหลวง ร.10 พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์แก่ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯในการพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ

ในหลวง ร.10 และสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ เสด็จฯในการพระราชพิธีพืชมงคล

ในหลวง ร.10 พระราชทานเครื่องราชฯแก่ “ท่านผู้หญิงพลอย” และ “คุณใหม่”

น้ำพระทัยเปี่ยมล้น ในหลวง ร.10 พระราชทานเงิน 2,400 ล้าน แก่โรงพยาบาล

ตี๋ลี่เร่อปา​

สวยตรึงใจ​ ตี๋ลี่เร่อปา​ นางเอกฮ็อตแดนมังกร​ เยือนไทยอย่างเป็นทางการ

Alternative Textaccount_circle
ตี๋ลี่เร่อปา​
ตี๋ลี่เร่อปา​

จิ้งจอกน้อยแห่งชิงชิว ตี๋ลี่เร่อปา นางเอกฮ็อตแดนมังกร ปลาบปลื้มแฟนคลับไทยแห่ต้อนรับอย่างอบอุ่น หลังบินด่วนมาร่วมงานเปิดตัว WeTv

ความน่ารักของแฟนคลับชาวไทยทำเอาสาวฮ็อตจากแดนมังกร ตี๋ลี่เร่อปา นางเอกซีรีส์ดัง “สามชาติสามภพ ลิขิตรักเหนือเขนย” ออกปากชื่นชมกับสื่อมวลชนไทยถึง 2 ครั้ง ในงานแถลงข่างเปิดตัว We Tv แพลตฟอร์มให้บริการวีดีโอสตรีมมิ่ง ผ่านช่องทางฃเว็ปไซต์และแอฟพลิเคชั่น ที่จัดขึ้น ณ โรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพฯ

โดยนักแสดงสาวกล่าวขอบคุณที่แฟนคลับชาวไทยที่แห่กันมาที่สนามบินสุวรรณภูมิเพื่อต้อนรับเธออย่างอบอุ่นแม้จะเป็นเวลาดึกดื้น (14 มิ.ย.2562 เวลา 02.00 น. )

“ก็รู้สึกขอบคุณแฟนคลับทุกคนนะคะ​ เพราะก่อนมาได้เห็นในอินเทอร์เน็ตแล้วว่าแฟนคลับไปรอตั้งแต่บ่ายสอง ​แต่ลงเครื่องตอนตีสอง แล้ว​รู้สึกอึ้งมากที่แฟนคลับมารอนานขนาดนี้ ซึ่งก็ต้องขอขอบคุณทุกคนค่ะ”

ตี๋ลี่เร่อปา

ตี๋ลี่เร่อปา

ตี๋ลี่เร่อปา

เมื่อถามถึงการกลับมารับบท “​ไป๋เฟิ่งจิ๋ว”​อีกครั้งในซีรีส์​ “สามชาติสามภพ​ ลิขิตเหนือเขนย​” เธอกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ได้รับบท​ไป๋เฟิ่งจิ๋วมารอบหนึ่งแล้ว เพราะฉะนั้นในการรับบทเหมือนเดิมอีกครั้งก็ง่ายขึ้น เพราะมีประสบการณ์มาแล้ว​ แต่การรับบทครั้งที่สองนี้สิ่งที่ต้องทำก็คือการเติมเต็มบทนั้นให้ดีที่สุด”

อย่างไรก็ตามนางเอกสาวได้กล่าวทิ้งท้ายว่า “ขอบคุณทุกคนที่ติดตาม​ผลงานมาตลอด ก็อยากให้ฉายเร็วๆ เหมือนกันค่ะ​ ซึ่งจะฉายพร้อมกันทั้งที่เมืองไทยและเมืองจีน”

ตี๋ลี่เร่อปา

ตี๋ลี่เร่อปา

ตี๋ลี่เร่อปา


 

ติดตามบทความอื่นๆ ได้ที่

ตี๋ลี่เร่อปา นางเอกจีนเชื้อสายอุยกูร์ สวยหยาดเยิ้มเหมือนนางฟ้ามาจุติ

พรีเคมีความฟิน ละครภาคต่อ สามชาติสามภพ ลิขิตเหนือเขนย

แองเจล่าเบบี้ ถูกสวดยับหลังลัดฟ้ามาถ่ายแฟชั่นที่ภูเก็ต

มาไทยไม่บอก จ้าวลู่ซือ นางเอกวัยรุ่นแดนมังกร แอบมาเล่นสงกรานต์ที่สยามสแควร์

หยางมี่ สวยละมุน หน้าหวาน ชวนฝัน ราชินีจอแก้ว ซุปตาร์ตัวท็อปของจีน

ชีวิตหลังม่านมายาของ นางเอกจีนหน้าใส สิงเฟย เจ้าของฉายารักแรกแห่งชาติ

มิน-พีชญา สวมเครื่องเพชร 100 ล้าน เดินพรมแดงคานส์ ในฐานะนักแสดงหนังจีน

ซีรีส์จีนสุดฮ็อต “Legend of the Dragon Pearl ลิขิตรักไข่มุกมังกร” เตรียมลงจอ

งานนี้ของจริง! สื่อจีนบอยคอต D&G ใน Milan Fashion Week แถมไร้เงาตัวแม่จากแดนมังกร

ราวกับต้องมนต์! ตี่รี่เลอปา ในชุดจีนโบราณ สวย สง่าราวกับนางพญา

เจ้าเหว่ยนำทีม! แคมเปญต้อนรับตรุษจีนของแบรนด์ดัง Burberry ให้ความรู้สึกคิดถึงบ้าน

หาชมยาก! สุดยอดผลงานไอคอนิกของ Guo Pei กูตูลิเย่ร์หญิงคนแรกของจีน

จีนสั่งยกเลิกโชว์! ดราม่าเดือด Dolce&Gabbana ส่อเหยียดเชื้อชาติ

ฟ้าหลังฝน! สื่อจีนเผยฤกษ์แต่งงานใหม่ ของ ฟ่านปิงปิง และ ลี่เฉิน

เหยื่อไฟรัก! Zhou Yan สาวจีน สวยสตรอง ไม่อายที่จะปกปิดแผลเป็นอีกต่อไป

ก๊อก ก๊อก ก๊อก สรรพากรจีนเคาะประตูบ้าน 2 นางเอกดัง เจ้าเหว่ย และ ซูฉี

กระแสสังคมในจีนเรียกร้องให้มีการแบนงาน นางเอกซูเปอร์สตาร์ ฟ่านปิงปิง

แทบแยกไม่ออก! สาวจีนโชว์แต่งหน้าแปลงโฉมเป็น “โมนาลิซา” เหมือนเว่อร์

กูตูลิเย่ร์หญิงแห่งแดนมังกร! Guo Pei ชื่อที่ต้องถูกจารึกในประวัติศาสตร์จีน

ออนแอร์แล้ว! บี้ KPN กับบท เซี่ยฉวนอวี๋ พระเอกจีนย้อนยุคใน Cinderella’s Chef

คริสวู อดีตสมาชิกวง EXO ขึ้นแท่นดาราจีนคนแรกได้โชว์คอนเสิร์ตใน Super Bowl

จริงหรือไม่? ฟ่านปิงปิง ซูเปอร์สตาร์อันดับ 1 ของจีนฟาดค่าตัว 100 ล้าน

สุดยอดหนังไทยแห่งปี! ฉลาดเกมส์โกงค่าย จีดีเอช ทำรายได้ที่จีน1,300ล้านบาท

ทำความรู้จักซูเปอร์โมเดลจีนตัวท็อประดับโลก “Fei Fei Sun” สาวคนใหม่ของ Estee Lauder

รักจากแดนมังกร ใหม่-ดาวิกา ยิ้มปลื้ม แฟนคลับชาวจีนจัดมีตติ้งให้ (มีคลิป)

รันเวย์สะเทือน! WEE ขนทัพดารา – นางแบบดังกว่า 80 ชีวิต ผงาดดุจนางพญาในนวนิยายจีน

รู้จัก หม่าซือฉุน พระเอกเอ้ยนางเอกซีรีส์จีนชื่อหวาดเสียว ‘แม่ทัพอยู่บน ข้าอยู่ล่าง’

ส่องให้แสบตาเล่น แหวนเพชรแต่งงานของซุป’ตาร์จีน โคตรอัญมณี ใหญ่กระแทกตา

ไมค์-พิรัชต์ เปิดกล้องซีรีส์ My Amazing Boyfriend 2 ที่นานกิง สู้ต้องพูดภาษาจีนทั้งเรื่อง

Balenciaga Fall 2019

อัพเดท It Bag ใน Balenciaga Fall 2019 อินสไปร์จากกระเป๋านักเรียนญี่ปุ่น

Balenciaga Fall 2019
Balenciaga Fall 2019

ดีไซน์คลาสสิกและพิเศษกว่าทุกใบ เพราะกระเป๋า SHARP XS SATCHEL จาก Balenciaga Fall 2019 ถือเป็น It Bag​ ประจำคอลเล็คชั่นที่คุณควรเป็นเจ้าของ

ถ้าพูดถึง Balenciaga เราก็จะคุ้นหน้าคุ้นตากับไอเท็มดีไซน์แปลกๆ ที่มักจะประยุกต์ของใช้รอบตัวมาเป็นแฟชั่นได้อย่างไร้ข้อจำกัด ทำให้เราได้เห็นไอเดียสุดแหวกอยู่เรื่อยๆ ไม่ว่าจะ ต่างหูรูปฝาขวด, กระเป๋าคล้ายถุงใส่ผ้านวม, คลัทช์พรมเช็ดเท้า ก็ล้วนมาจากการดัดแปลงสิ่งรอบตัวให้กลายเป็นไอเท็มที่เพิ่มมูลค่าได้ และที่สำคัญข้าวข้องเหล่านี้ต่างติดอันดับสินค้าขายดีของแบรนด์ไปเป็นที่เรียบร้อย

แต่ใครว่า Balenciaga จะมีแค่ไอเท็มแนวนี้ เพราะงานสวยๆ ดีไซน์เรียบหรู ทาง Balenciaga ก็ไม่เป็นรองใครเหมือนกัน อย่างล่าสุดกับกระเป๋าจาก Balenciaga Fall 2019 ที่มีชื่อว่า SHARP XS SATCHEL ซึ่งถือเป็น It Bag​ ของคอลเล็คชั่นนี้เลยก็ว่าได้ มีดีไซน์เรียบหรูและคลาสสิก ได้แรงบันดาลใจมาจากกระเป๋านักเรียนญี่ปุ่น โดยสีดำและสีดาร์กเรด เป็นกระเป๋าถือหนังลูกวัวผิวเรียบ ส่วนใบสีขาวปั๊มนูนลายหนังจระเข้ พร้อมสายสะพายสามารถถอดและปรับระดับได้ ตกแต่งด้านหน้าด้วยโลโก้แบบใหม่ เพิ่มความโดดเด่นด้วยอะไหล่สีทอง

Balenciaga Fall 2019

หากใครเห็นแล้วเกิดอาการปิ๊งเจ้ากระเป๋า SHARP XS SATCHEL ก็สามารถหาช้อปได้ที่เว็บไซต์ www.balenciaga.com ซึ่งตอนนี้เปิดขายทางออนไลน์มาแล้ว 2 สัปดาห์

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

แค่สนุกไปกับโชว์! แพนเค้ก-เขมนิจ เคลียร์ข่าวไม่ได้แย่งซีน แมท-ภีรนีย์ กลางรันเวย์

สวยไม่สร่าง! คุณแม่ยังสาว ‘หลินซินหยู’ จื่อเวย จากองค์หญิงกำมะลอ

ผ่านไป 3 ปีแทบไม่ต่าง เจ้าหญิงเคท งามสง่าในเดรสตัวเดิม คุ้มค่าเงินหลายหมื่น

น่ารักยกแก๊ง KARL DOTS ไอเท็มลายจุดสุดคลาสสิก ตัวช่วยแมทช์ลุคไม่ให้น่าเบื่อ

สวยสง่าอำลาตำแหน่ง แคทรีโอนา เกรย์ ในเดรสราชินีแห่งกล้วยไม้ฟิลิปปินส์

เปิดช็อปพร้อมดีไซน์ใหม่ PAVA กระเป๋าผ้าไหมไทยของ แหวนแหวน-ปวริศา

สื่อนอกเผยค่าใช้จ่ายกว่า 5 ล้านบาท แฟชั่นสไตล์ผู้ดี ‘เมลาเนีย ทรัมป์’ เยือนอังกฤษ

งดงามคนละสไตล์ สองดัชเชสกับชุดแบรนด์โปรด ในงาน Trooping the Colour

ชาวเน็ตตั้งข้อสังเกต ควีนเอลิซาเบธสวมเทียร่าทับทิมพม่า เหยียดโดนัลด์ ทรัมป์?

ยกหูคุยกับ ฌอน โพเอม ส่วนตัวไม่รู้จัก ช่อ-พรรณิการ์ ยืนยันชุดขาวดำไว้ทุกข์ได้

อีกกฎเคร่งครัด เหตุใดราชวงศ์อังกฤษต้องเตรียมชุดสีดำ เมื่อเดินทางไปต่างประเทศ

แม่กบขอปกป้องลูก หลังมีดราม่า น้องณดาใส่ชุดว่ายน้ำ โพสต์ท่าสะบัดผม

เช็คอินเซี่ยงไฮ้ มายด์-อชิ แต่งลุคสาวโบฮีเมียน ชมโชว์ Chloé SPRING 2020

12 ลุคสไตล์ เฟิร์น-นพจิรา นางเอกหัวใจศิลา ผู้หญิงที่หลายคนอิจฉา

โดนแซวจนได้ เชิ้ตแบรนด์ดัง Valentino เหมือนเสื้อคนขับแท็กซี่?

จองอิลอู

วิธีที่คนดังนิยมทำ! “จองอิลอู” แชร์ทริคลดน้ำหนัก 13 โล ภายในเวลา 20 วัน

Alternative Textaccount_circle
จองอิลอู
จองอิลอู

เมื่อปลายปี (2018) ที่ผ่านมา นักแสดงหนุ่มแดนโสม จองอิลอู (Jung Il Woo) ได้ปลดประจำการทหารเป็นที่เรียบร้อย หลังเข้ากรมรับใช้ชาติไปตั้งแต่เดือนธันวาคม 2016 สร้างความดีใจให้เหล่าแฟนคลับไม่น้อยที่หนุ่มอิลอูดูหน้าตาผ่องใส และอวบอิ่ม ดูมีน้ำมีนวลขึ้น เพราะก่อนหน้านี้เขาได้รับการบรรจุให้เข้าปฏิบัติหน้าที่ประจำหน่วยบริการสาธารณะเนื่องมาจากอาการบาดเจ็บที่ข้อมือ, สะโพก และอีกหลายจุด อันเนื่องมาจากอุบัติเหตุรถชนในปี 2006 นอกจากนี้เขายังได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ว่าเป็นโรคหลอดเลือดถุงลมโป่งพอง (Cerebral Aneurysm) แต่นักแสดงหนุ่มก็ยังพยายามที่จะปฏิบัติหน้าที่ทหารได้อย่างเต็มที่โดยปราศจากการขอผ่อนผันใดๆ น่าชื่นชมจริงๆ และสำหรับหุ่นที่ดูอวบขึ้นเล็กน้อยของหนุ่มอิลอูนั้น อันที่จริงเรียกว่าโอปป้าหุ่นกำลังน่ากอด ดูอบอุ่นเลยล่ะ จริงๆ ไม่ดูอ้วนเลยด้วยซ้ำ

แต่ด้วยความที่เป็นนักแสดงจึงต้องฟิตหุ่นอย่างหนัก เพราะหลังปลดประจำการทหาร เขาก็มีผลงานการแสดงมาจ่อคิวรอทันที ซึ่งหนุ่มอิลอูเองก็ออกปากว่าเขารอมานานที่จะได้กลับมามีผลงานแสดงอีกครั้ง และจะทำงานหนักตอบแทนความรักที่ทุกคนมอบให้ โดยเคล็ดลับที่เขาใช้ลดน้ำหนักนั้น หนุ่มอิลอูได้ให้สัมภาษณ์ไว้ในรายการ Access Showbiz Tonight ว่า..

“เขามีน้ำหนักเพิ่มขึ้นมากระหว่างเข้ากรม ซึ่งก่อนหน้านี้เขามีรูปร่างที่ค่อนข้างผอมบาง พอหลังออกจากกรม กลับมารับงานแสดง เขาจึงต้องเร่งฟิตรูปร่างให้ผอมบางลงเหมือนเดิม โดยวิธีที่เขาทำนั้นก็ไม่ยาก ใช้ใจล้วนๆ เริ่มจากตอนเช้าจะเข้ายิมเพื่อออกกำลังกาย โดยไม่ทานอะไรเลย จากนั้นมื้อกลางวัน เขาเลือกทานแค่มันหวานหรือบางครั้งก็อกไก่คลีน และตอนเย็นก็ออกกำลังกายอีกครั้ง ทำแบบนี้ประจำติดต่อกันเป็นเวลา 20 วัน ทำให้เขาสามารถลดน้ำหนักได้ 13 กิโลกรัม ภายในเวลา 20 วัน! นั่นเอง แถมเขายังทิ้งทายขำๆ ไว้ว่าเพราะค่าจ้างที่จะได้รับจากงานแสดงนั้นคุ้มค่าที่จะลดน้ำหนัก!!” แอดเป็นห่วงโอปป้า..ยังไงก็อย่าลืมดูแลสุขภาพด้วยนะคะ

โอปป้าของแอดดูอวบอิ่มไปนิดหนึ่ง แต่ไม่เป็นไร โอปป้าฟิตหุ่นภายในเวลา 20 วัน ลดลง 13 โลแล้ว

โอปป้าของแอดดูอวบอิ่มไปนิดหนึ่งหลังปลดประจำการทหาร แต่ไม่เป็นไร โอปป้าฟิตหุ่นภายในเวลา 20 วัน ลดลง 13 โลแล้ว เก่งมากๆ ค่ะ

อกไก่ อาหารมื้อเที่ยงของโอปป้า

มื้อเที่ยงบางวันก็ทานแค่มันหวาน

อยากใจแข็งและมีวินัยแบบโอปป้าจองอิลอูบ้าง รับรองผอมแน่ๆ แต่ยังไงซะ ถ้าใครอยากลองวิธีนี้ก็อย่าลืมดูแลสุขภาพด้วยนะคะ 


ข้อมูล : koreaboo
ภาพ : jungilwoo_official, jungilwoo.delights, Pixabay

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

หุ่นเป๊ะราวซูเปอร์โมเดล “ลิซ่า” ผอมเพรียวจนสื่อเกาหลียกฉายา”เอวมด”อันดับหนึ่ง

มีวินัยจึงสำเร็จ “อิน บูโดกัน” ขยันฟิตหุ่น 2 เดือน น้ำหนักฮวบลง 10 โล และยังสู้ต่อ

กินไปก่อนเดี๋ยวผอมเอง! แชร์เคล็ดลับหุ่นเป๊ะของ 4 สาว BLACKPINK

หุ่นเป๊ะเหมือนตอนเข้าวงการใหม่ๆ “ตั๊ก บงกช” ฟิตหุ่นจนเซี๊ยะ กล้ามหน้าท้องแน่น

เร่งฟิตหุ่น..ด้วยกีฬาหลากประเภทเป็นเรื่องดี แต่ควรรู้วิธีตั้งรับอาการบาดเจ็บด้วย

ไม่เป๊ะก็เป็นนางแบบได้ Sara Geurts วัย 28 ปี ดูแก่กว่าวัย เพราะโรคหนังยืดผิดปกติ

จากคนไม่เคยคิดจะออกกำลังกาย! “ฮารุ สุประกอบ” ฟิตร่างหนักจนหุ่นเปลี่ยนไป

ดีท็อกซ์อารมณ์ด้วย”โยคะ”แสนเซ็กซี่กลางธรรมชาติ แถมหุ่นดีด้วยนะ

อยากหุ่นดีอย่าขี้เกียจ! “ออร์แกน” แนะเทคนิคเฟิร์มเฉพาะส่วน ไม่เอาแบบผอมเกินไป

หุ่นดีมาก “ชญาณิศา ชมชื่นดี” นักกระโดดค้ำสาวทีมชาติไทย กล้ามท้องฟิตเปรี๊ยะจนน่าอิจฉา

อยากผอมหุ่นดี ลองเคล็ดลับฟิตหุ่นฉบับมือโปรของเทรนเนอร์สาวสวย “พิมพ์อร โมกขะสมิต”

อยากหุ่นดี เซ็กซี่แบบ “ปู ไปรยา” หน้าท้องราบมีกล้ามท้องนิดๆ บั้นท้ายกลมมน ลองออกสเต็ปแดนซ์ฟิตร่างสิ

 

 

 

เชิ้ตแบรนด์ดัง Valentino

โดนแซวจนได้ เชิ้ตแบรนด์ดัง Valentino เหมือนเสื้อคนขับแท็กซี่?

เชิ้ตแบรนด์ดัง Valentino
เชิ้ตแบรนด์ดัง Valentino

หน้าตาละม้ายคล้ายสิ่งที่คนไทยคุ้นชิน เสื้อเชิ้ตแบรนด์ดัง Valentino จึงไม่วายโดนแฟนคลับแซวว่าแอบเหมือนคนขับแท็กซี่ หลังจากเห็นไอดอลเกาหลีใส่ 

จะว่าไปไฮแบรนด์ก็ช่างขยันออกไอเท็มให้ถูกแซวอยู่เรื่อย ไม่ว่าจะต่างหูฝาขวดจาก Balenciaga หรือจะเป็นหมวกสานชาวไร่ของ Gucci ล่าสุดกับเสื้อเชิ้ตแขนสั้นจาก Valentino ก็หนีไม่พ้น โดนแฟนคลับไอดอลเกาหลีพากันแซวว่าคล้ายกับเสื้อคนขับแท็กซี่ ซึ่งถ้าพูดถึงซูเปอร์แบรนด์แสนคลาสสิก วาเลนติโน ก็ต้องนึกถึงหมุดร็อคสตัดเอกลักษณ์ประจำแบรนด์ ที่ไม่ว่าจะไปอยู่บนกระเป๋าหรือรองเท้าก็ขายดีไปซะหมด และยังเป็นแบรนด์ที่ถูกล้อเลียนน้อยมากกกก แต่คราวนี้ดีไซน์เสื้อดันไปคล้ายกับคนขับแท็กซี่ จนแฟนๆ อดแซวไม่ได้จริงๆ

โดยอง NCT

อง ซองอู wanna one

เสื้อตัวดังกล่าวถูกใส่โดยไอดอลชายเกาหลีเมื่อไม่นานมานี้ จึงทำให้หัวข้อเกี่ยวกับการแต่งตัวของหนุ่มๆ ถูกหยิบขึ้นมาพูดถึงอีกครั้ง จนทางเราเองก็อดไม่ได้ที่จะเข้าไปหารายละเอียดของเสื้อตัวนี้ โดยไอเท็มชิ้นนี้เป็นเสื้อสีฟ้ารุ่น Short-sleeve couture shirt (เสื้อกูตูร์แขนสั้น) จาก Valentino ราคา $357 หรือประมาณ 11,336 บาท ที่มาพร้อมกระดุมและกระเป๋าปะด้านหน้า 2 ข้างที่หน้าอกเสื้อ ผลิตจากผ้าฝ้าย 100% ส่งตรงมาจากอิตาลีเลยทีเดียว  

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ธรรมดาไม่เป็น! Balenciaga ออกไอเท็มชวนงง ต่างหูฝาขวด ราคาหลักหมื่น

เปิดใจครั้งแรก ศรีริต้า ตอบชัดหลังถูกเปรียบเทียบ ชมพู่-อารยา บนพรมแดงคานส์

เลิฟหนักมาก! ส่องราคา LOEWE กระเป๋าใบโปรดของ โรเซ่ BLACKPINK

ถอดลุคเจ้าหญิงจัสมิน ‘นาโอมิ สก็อตต์’ นางเอกหน้าคมจาก อะลาดิน 2019

ลาอีกแบรนด์! Topshop เตรียมปิดสาขาทั้งหมดในอเมริกา

เอวบาง ร่างเพรียว! โรเซ่ BLACKPINK กับแฟชั่นเสื้อครอปที่แต่งแล้วปังทุกรอบ

สวยครบสไตล์แม่! ลูกเกด-เมทินี โชว์ฝีมือออกแบบรองเท้า SHU X METINEE

เตรียมเหินฟ้าไปเซี่ยงไฮ้ มายด์-ลภัสลัล ได้เทียบเชิญชมโชว์ Chloé Spring 2020

ลุคนอกพรม! ปู-ไปรยา สมาร์ทเซ็กซี่ ร่วมงานกาล่าการกุศลส่งท้ายคานส์ 2019

น่ารัก…น่าช้อป พาบุก คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ สโตร์แห่งแรกในไทย ที่ชวนให้คิดถึงปู่

สวยสะพรึง ไอศวรรยา ราย ผู้หญิงที่ ชมพู่-อารยา มองเป็นต้นแบบบนพรมแดงคานส์

คอสตูมพัง! แฟนละครตั้งคำถาม นี่เหรอชุดแต่งงาน เจนี่ ในแรงเงา 2

ชุดแน่นเกินไป? แอล แฟนนิง เป็นลมในงานปาร์ตี้ เทศกาลหนังเมืองคานส์


ภาพ : www.valentino.com , Twitter@ephneyt

ชาวญี่ปุ่นซึ้งใจ สมเด็จพระจักรพรรดิญี่ปุ่น ทรงหยุดรถเพื่อให้รถพยาบาลขับไปก่อน

account_circle

ประชาชนชาวญี่ปุ่นซาบซึ้งใจ สมเด็จพระจักรพรรดิญี่ปุ่น และสมเด็จพระจักรพรรดินี ทรงหยุดรถขบวนพระที่นั่ง เพื่อให้รถพยาบาลที่กำลังเปิดไซเรนนำคนเจ็บส่งโรงพยาบาล ท่ามกลางประชาชนที่มาคอยต้อนรับเป็นจำนวนมาก

สมเด็จพระจักรพรรดิญี่ปุ่น

นับเป็นครั้งแรกที่สมเด็จพระจักรพรรดินารูฮิโตะ เสด็จออกส่วนภูมิภาคภายหลังจากขึ้นครองราชย์ พร้อมด้วยสมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะเพื่อทรงพระราชกรณียกิจ โดยเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2562 ที่ผ่านมา ทั้งสองพระองค์ได้เสด็จประพาส เพื่อร่วมงานปลูกต้นไม้ที่สวนสาธารณะ Shinrin Koen ณ เมือง Owariasahi จังหวัด Aichi

สมเด็จพระจักรพรรดิญี่ปุ่น

สมเด็จพระจักรพรรดิญี่ปุ่น

ทั้งนี้สมเด็จพระจักรพรรดินารูฮิโตะ และสมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะเสด็จพระราชดำเนินออกจากโตเกียว มายังเมืองนาโกย่าด้วยรถไฟชินกังเซ็น จากนั้นเสด็จต่อด้วยรถยนต์พระที่นั่ง  ซึ่งขณะที่ขบวนรถแล่นผ่านนั้นมีประชาชนเป็นจำนวนมากมาเฝ้ารับเสด็จตลอดทาง แต่ในขณะที่รถกำลังเคลื่อนตัวมาเรื่อยๆ ก็ได้มีรถพยาบาลวิ่งเปิดไซเรนมาด้านหลังของขบวนรถพระที่นั่ง ซึ่งตำรวจที่ขับรถจักรยานยนต์นำหน้าขบวนเสด็จไม่รอช้า นำขบวนรถชิดด้านซ้าย และขับรถไปเพื่อนำหน้าขบวนรถพยาบาลแทน ภายหลังจากที่รถพยาบาลขับผ่านไป ทั้งสองพระองค์จึงได้เสด็จพระราชดำเนินต่อ

เหตุการณ์นี้นำมาซึ่งความซึ้งใจให้กับประชาชนญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก และส่วนใหญ่นั้นยังชื่นชมการทำงานของตำรวจญี่ปุ่น ทั้งนี้ผู้ใช้ทวิตเตอร์ชาวญี่ปุ่น @sayakawa3838 ได้โพสต์ว่า 両陛下のお列でも緊急車両最優先の大原則は揺るぎません。緊急車両には道を譲りましょう (แม้แต่ขบวนรถสมเด็จพระจักรพรรดิ์ยังหยุดรถเปิดทางให้รถพยาบาลเลย เรา ๆ ท่านๆ ก็จงให้ทางรถพยาบาลไปก่อนกันเถอะ)

ด้านคนไทยเองก็มีเหตุการณ์ที่ซาบซึ้งใจ ไม่แพ้กับประชาชนชาวญี่ปุ่นเลย โดยเมื่อปี 2560 มีผู้ใช้เฟสบุ๊คชื่อว่า พรรษประเวศ พลอยสีสุข ได้โพสต์ข้อความเล่าถึงเหตุการณ์ประทับใจว่า

“เมื่อเวลา 09.20 (12 ตุลาคม 2560) ผมมีคนไข้ฉุกเฉินบนรถ ระหว่างทางนำส่งได้ เจอกับ ขนวบรถพระที่นั่ง สมเด็จพระเทพฯ ด้วยมีรถติดตาม 10 กว่าคัน แต่รถท่านทรง เบี่ยงซ้ายและ เปิดทางให้กับ รถพยาบาล ของผม ด้วยให้ไปก่อน ผมพูดอะไรไม่ออก #ขอพระองค์ทรงพระเจริญ”

ทั้งนี้คุณพรรประเวศ ยังได้ให้สัมภาษณ์กับสื่ออีกด้วยว่า ขณะนั้นตนได้นำคนไข้ฉุกเฉิน ซึ่งอยู่ในภาวะกำลังขาดออกซิเจนนำส่งโรงพยาบาลรามาธิบดี โดยในระหว่างขับรถไปโรงพยาบาลแถวสวนจิตรลดานั้นได้เจอกับขบวนเสด็จของ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร มหาวชิราลงกรณวรราชภักดี สิริกิจการิณีพีรยพัฒน รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี พร้อมด้วยรถติดตามกว่า 10 คัน ขณะนั้นเองทหารองครักษ์ได้โบกให้รถพยาบาลไปก่อน พร้อมกับรถพระที่นั่งของพระองค์ก็ได้เบี่ยงซ้ายเพื่อให้รถของตนได้แซงขวาขึ้นไป ซึ่งเหตุการณ์นี้เล่าอีกกี่ครั้งก็นำมาซึ่งความปลื้มปิติในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์เป็นอย่างยิ่ง เป็นเหตุการณ์ที่น่าประทับใจมิรู้ลืม


ข้อมูล : world walker

ภาพ : @sayakawa3838

ติดตามบทความอื่นๆ ได้ที่

ชาวญี่ปุ่นตื้นตันใจ สมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะ เสด็จออกหน้าสีหบัญชรครั้งแรก

สานต่อพระราชไมตรีจากรุ่นสู่รุ่น ราชวงศ์ไทย-ญี่ปุ่น ความสัมพันธ์แน่นแฟ้นยาวนาน

ญี่ปุ่นเข้าสู่ยุคเรวะ “จักรพรรดินารุฮิโตะ” ทรงประกอบพิธีขึ้นครองราชย์

ว่าที่จักรพรรดิพระองค์ใหม่ “เจ้าชายนารุฮิโตะ” ลูกไม้ใต้ต้นแห่งราชวงศ์ญี่ปุ่น

ต้นแบบคุณพ่อที่น่ารัก พระจริยวัตรแสนอบอุ่นของ เจ้าชายนารุฮิโตะ ว่าที่จักรพรรดิญี่ปุ่น

“ขอบใจจากใจจริง” พระราชดำรัสสุดท้ายในฐานะพระประมุขของ จักรพรรดิอากิฮิโตะ

วันประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น “จักรพรรดิอากิฮิโตะ” ทรงเข้าพิธีสละราชสมบัติ

ย้อนชมภาพตราตรึงใจ พระราชไมตรีดุจพี่น้อง “ในหลวง ร. 9 – จักรพรรดิอากิฮิโตะ”

เรียบง่ายแต่สุขล้น ชีวิตหลังสละราชบัลลังก์ของ “จักรพรรดิ-จักรพรรดินีญี่ปุ่น”

สำนักพระราชวังญี่ปุ่นเผย พระยศใหม่ของพระราชวงศ์ เมื่อเข้าสู่รัชศกเรวะ

เหตุผลที่ “จักรพรรดิอากิฮิโตะ-จักรพรรดินีมิชิโกะ ทรงเปรียบดั่งสันติสุขแห่งยุคเฮเซ

บทพิสูจน์รัก “จักรพรรดินีมิชิโกะ” ซินเดอเรลล่าญี่ปุ่น ชีวิตในวังที่โรยด้วยขวากหนาม

เบื้องลึกรักหวานในสนามเทนนิส จักรพรรดิ-จักรพรรดินีญี่ปุ่น สู้ฟันฝ่าม่านประเพณี

 

สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา

พระราชินีนักบิน “สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ” นักบินหญิงแห่งกองทัพอากาศ

Alternative Textaccount_circle
สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา
สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา

นับตั้งแต่ สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ทรงได้รับการสถาปนาพระเกียรติยศขึ้นเป็นพระราชินีคู่พระบารมีของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และเป็นมิ่งขวัญของประชาชนชาวไทย ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่านอกจากพระสิริโฉมอันงดงาม และพระจริยวัตรอันนอบน้อมที่ครองใจพสกนิกรทั้งแผ่นดินได้แล้ว พระองค์ยังทรงแสดงให้เห็นถึงพระปรีชาสามารถในด้านอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการทหาร ซึ่งโดดเด่นมากๆ และที่สำคัญยังเต็มไปด้วยความแข็งแกร่งไม่แพ้ชายชาตรีเลยทีเดียว

สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา

สำหรับพระปรีชาสามารถด้านการทหารของสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ นั้น พระองค์ทรงเคยเป็นทหารหญิง และราชองครักษ์ อีกทั้งทรงผ่านหลักสูตรการฝึกต่างๆ มากมาย ทั้งหลักสูตรรักษาพระองค์, ยิงปืนของหน่วยรบพิเศษ, ยิงปืนฉับพลัน เป้าเคลื่อนไหว, การชิงตัวประกัน, การยิงใน CQB : Close Quarters Battle และการฝึกกระโดดร่มลงทะเลในเวลากลางคืน

สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา

ทั้งนี้ล่าสุดได้มีการเปิดเผยถึงพระปรีชาสามารถด้านการทหารอันน่าทึ่งของสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ นั่นคือ พระองค์ทรงผ่านหลักสูตรการอบรมด้านการบินที่สำคัญ ทำให้ทรงเป็นนักบินหญิงที่ทรงฝึกบินกับกองทัพอากาศ และทรงฝึกเป็นนักบินขับไล่

โดยพระองค์ทรงสำเร็จการฝึกและศึกษาตามหลักสูตรการบินของหน่วยฝึกการบินพลเรือนกองทัพอากาศ เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2553 ทรงทำการบินกับเครื่องบินแบบ Cessna T 41

ต่อมาทรงสำเร็จการฝึกและศึกษาตามหลักสูตรศิษย์การบินทหารบกอากาศยานปีกติดลำตัว ชั้นมัธยม ของโรงเรียนการบินทหารบก เมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2555 ทรงทำการบินกับเครื่องบิน Cessna T 41

สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา

จากนั้นทรงสำเร็จการฝึกและศึกษาตามหลักสูตรการบินของโรงเรียนการบิน กองทัพอากาศ เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555 ทรงทำการบินกับเครื่องบินแบบ CT-4E และ PC-9 ทั้งนี้ทรงฝึกบินขั้นต้นด้วยเครื่องบินแบบ CT-4E ของทหารอากาศ หรือที่รู้จักกันในชื่อ Chicken โดยทรงเข้ารับการอบรมวิชาภาคพื้นก่อนทำการบิน เมื่อวันที่ 22-30 มีนาคม พ.ศ. 2554 รวมเวลา 36 ชั่วโมงบิน จากนั้นทรงฝึกบินภาคอากาศอีกจำนวน 24 เที่ยวบิน รวมเวลา 38.35 ชั่วโมงบิน โดยทรงบินเดี่ยว 25 นาที

ต่อมาในเดือนเมษายน พ.ศ. 2555 ทรงฝึกบินกับเครื่องบินฝึกขับไล่แบบ 19 หรือ PC-9 ของโรงเรียนการบินกำแพงแสนทหารอากาศ โดยทรงเข้ารับการอบรมวิชาภาคพื้นก่อนทำการบิน รวมเวลา 20 ชั่วโมงบิน และทรงฝึกบินภาคอากาศอีกจำนวน 57 เที่ยวบิน รวมเวลา 78.1 ชั่วโมงบิน

โดยภายหลังเสร็จสิ้นการฝึกอบรมทั้งหมด ผู้บัญชาการทหารอากาศได้ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายปีกนักบินทหารอากาศ ใบประกาศนียบัตรนักบินทหารอากาศ ชุดปาร์ตี้สูท PATCH ผ้าพันคอ และหมวก แด่สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ

สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา

นอกจากนี้พระองค์ยังเสด็จฯ ไปทรงฝึกและศึกษาการบินเพิ่มเติม ณ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ทรงผ่านการทดสอบและได้รับใบอนุญาตนักบินของสหภาพยุโรป ออกใบอนุญาตโดย สำนักงานการบินพลเรือน แห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ดังนี้ ใบอนุญาตนักบินส่วนบุคคล PPL(A) ทรงทำการบินกับเครื่องบิน Cessna 172, Mooney M-20, Piper PA-34 Seneca ใบอนุญาตนักบินพาณิชย์ตรี CPL(A) โดยมี Type Rating ของเครื่องบินแบบ Boeing 737 300-900 และใบอนุญาตนักบินพาณิชย์เอก (ATPL-Theory)

ต่อมาทรงได้รับใบอนุญาตนักบินพาณิชย์เอก จากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย และปัจจุบันทรงปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งนักบินผู้ช่วย ทำการบินกับเครื่องบินพระราชพาหนะ Boeing 737-400 และ Boeing 737-800


 

ข้อมูล : กรมประชาสัมพันธ์, กองทัพอากาศ, Wassana Nanuam, โบราณนานมา


 

ติดตามบทความอื่นๆ ได้ที่

ในหลวง ร.10 โปรดเกล้าฯให้เผยแพร่พระราชประวัติ “สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ”

แถลงการณ์สำนักพระราชวัง “สมเด็จพระพันปีหลวง” ทรงหายจากพระอาการประชวร

บรรยากาศสุดอาลัย กรมสมเด็จพระเทพฯ พระราชทานน้ำหลวงอาบศพ พลเอก เปรม

ในหลวง ร.10 ทรงโทมนัส โปรดเกล้าฯให้ไว้ทุกข์ในราชสำนักแก่ พลเอก เปรม

ในหลวง-พระราชินี เสด็จฯเปิดประชุมรัฐสภา พร้อมทรงมีพระราชดำรัสในรัฐพิธี

เผยความหมาย “ตราสัญลักษณ์ประจำพระองค์” ของในหลวงและพระราชินี

ในหลวง ร.10 ทรงมีพระราชสาส์นแสดงความยินดีแด่ควีนเอลิซาเบธที่ 2

เริ่มพรุ่งนี้! ตารางการแสดงมหรสพสมโภช 7 วัน เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

ในหลวง ร.10 พระราชทานพระบรมฉายาลักษณ์ที่ทรงฉายกับสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ

ลุ้นตัวเกร็ง! 8 สาวงามผู้สมัคร มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2019 สวยสม Golden Tiara

account_circle

ลุ้นจนตัวเกร็งจริงๆ จ๊ะพี่จ๋า สำหรับ 8 สาวงามผู้เข้าสมัคร มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2019 ที่สามารถเอาชนะใจกรรมการจนคว้า Golden Tiara รางวัลพิเศษที่จะพาพวกเธอเข้ารอบ 60 คนโดยอัตโนมัติ โดยไม่ต้องลุ้นให้เมื่อยตุ้ม

ฤดูกาลประกวดนางงามเริ่มขึ้นแล้ว สำหรับปีนี้เวทีการประกวดสาวงามที่หลายคนรอคอยอย่าง มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ก็ได้ทำการคัดเลือกอย่างเข้มข้นเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2562 โดยทางกองประกวดได้ทำการออดิชั่นสาวงามจากทั้งหมด 100 คน ให้เหลือเพียง 60 คนสุดท้าย ในการประกวด Miss Universe Thailand 2019 และที่พิเศษสุดๆ ในการคัดเลือกครั้งนี้คือมีการกดปุ่มทองโดยคณะกรรมการเพื่อมอบ Golden Tiara ทั้งหมด 10 รางวัล จากกรรมการทั้งหมด 10 ท่าน โดยแต่ละคนจะมีเพียง 1 สิทธิ์เท่านั้น ซึ่งสาวงามคนไหนได้รับการกดปุ่มทองจะได้เข้ารอบ 60 คน โดยอัตโนมัติไม่ต้องไปลุ้นให้หืดขึ้นคอกันเลยจ้า

อย่างไรก็ตาม ไม่จำเป็นว่ากรรมการจะต้องกดปุ่มทองทุกคน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความน่าสนใจของตัวนางงาม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการตอบคำถาม รูปร่าง หน้าตา บุคลิกท่าทาง ที่พรีเซ้นต์ออกมาจนทำให้กรรมการประทับใจ ซึ่งงานนี้มีสาวๆ เพียง 8 คนเท่านั้น ที่สามารถชนะใจกรรมการจนได้ Golden Tiara มาครอง บอกเลยว่าแต่ละคนสวยเป๊ะ โปรไฟล์ดี ภาษาเยี่ยม ตอบคำถามลื่นไหลไม่ติดขัด จะมีใครกันบ้างไปดูกันเลย

1. ปวีณสุดา ดรูอิ้น (ฟ้าใส) Golden Tiara by พี่ปอย ตรีชฏาเพชรรัตน์

 มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2019

2. มิเรียม ศรพรหมมาศ (มิเรียม) Golden Tiara by นายแพทย์อาภรธร ศิริวัฒนา

 มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2019

3. แพรววัชร ชมิด (กวาง) Golden Tiara by พี่ลูกเกด เมทินี กิ่งโพยม

 มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2019

4. ธนัชพร บุญแสง (เบลล่า) Golden Tiara by คุณกรกนก สว่างรวมโชค

 มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2019

5. วริศรา บุญเพ็ชร (หญิง) Golden Tiara by พี่โจ้ อธิษฐ์ ฐิรกิตติวัฒน์

 มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2019

6. คิม โดเชคาโลวา (คิมมี่) Golden Tiara by ดร.จันทร์จิรา จันทร์โฉม

 มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2019

7. ณัฐวรรณ มิชฌิมวงศ์ (หนุ๋มหนิ๋ม) Golden Tiara by ชาม ไอยวริญท์ โอสถานนท์

 มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2019

8. กัลย์สุดา ชนาคีรี (มีมี) Golden Tiara by แน็ต อนิพรณ์ เฉลิมบูรณะวงศ์

 มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2019

เป็นไงกันบ้าง สวยถูกใจกันไหมคะ ว่าแต่ในสาวๆ ทั้งหมด 8 คนนี้ใครกำลังเชียร์อยู่บ้างเอ่ย ชอบคนไหน ชูป้ายไฟให้ใครกันบ้าง คอมเม้นต์บอกกันมาได้เลย ดูซิว่าจะตรงใจกับแพรวดอทคอมหรือเปล่า


ภาพ : Miss Universe Thailand 2019

สิงเฟย

ชีวิตหลังม่านมายาของ นางเอกจีนหน้าใส สิงเฟย เจ้าของฉายารักแรกแห่งชาติ

Alternative Textaccount_circle
สิงเฟย
สิงเฟย

สัมภาษณ์พิเศษ เบื้องหลังชีวิตหลังม่านมายา นางเอกวัยรุ่น สิงเฟย จากซีรีส์ “Put Your Head on My Shoulder อุ่นไอในใจเธอ” เจ้าของฉายารักแรกแห่งชาติ

มองวงการซีรีส์ในเมืองไทยช่วงนี้ ดูเหมือนว่าซีรีส์จากแดนมังกรนั้นมาแรงไม่แพ้ซีรีส์จากเกาหลีใต้เลย โดยเฉพาะซีรีส์แนววัยรุ่นที่นอกจากบทดีจนทำแฟนๆ ฟินตัวลอยแล้ว พระเอก – นางเอกยังหล่อสวยน่ามองสุดๆ

โดยเฉพาะช่วงที่ผ่านมา ซีรีส์หนึ่งเรื่องที่เป็นกระแสดังพลุแตก ไม่พูดถึงไม่ได้คือ “Put Your Head on My Shoulder อุ่นไอในใจเธอ” ซึ่งนำแสดงโดยพระเอก “หลินอี” (Lin Yi) และนางเอกหน้าเด็ก “สิงเฟย” (Xing Fei) ซึ่งเคยแสดงฝีมือจนได้รับคำชื่นชมมากมายมาแล้วจากเรื่อง “Master Devil Do Not KISS Me คุณชายวายร้าย”

และเมื่อไม่นานมานี้ “Lin Yi” และ “Xing Fei” ได้บินลัดฟ้ามาสบตากับแฟนคลับชาวไทยในงาน “WeTV presents 520 Put Your Head on My Shoulder 1st Fan Meeting in Bangkok” ซึ่งจัดขึ้น ณ รอยัล แกรนด์เธียเตอร์ ชั้น 6 สยามพารากอน งานนี้แฟนคลับไทยไม่พลาด ทำหน้าที่เจ้าบ้านเป็นอย่างดีด้วยการเดินทางไปให้กำลังใจทั้งคู่กันอย่างคับคั่ง

สิงเฟย - หลินอี งานแฟนมีตติ้ง

สิงเฟย - หลินอี งานแฟนมีตติ้ง

สิงเฟย งานแฟนมีตติ้ง

ทั้งนี้ในช่วงเช้าก่อนที่จะเริ่มงานแฟนมีตติ้ง แพรวดอทคอม ได้มีนัดสัมภาษณ์กับนางเอก “Xing Fei” เพราะเราได้ข่าวว่าเธอคนนี้มีความฮ็อตจนถึงขั้นได้รับฉายา “รักแรกแห่งชาติของจีน” เราเลยอยากไปทำความรู้จักสาวคนนี้ ซึ่งพอได้เจอกับเธอแล้ว บอกเลยว่านอกจากจะน่ารัก ยิ้มสดใสจนละลายหัวใจคนที่ได้เห็นแล้ว เธอยังเป็นคนสบายๆ แถมเป็นกันเองอีกด้วย

นางเอกผู้หลงใหลในเสน่ห์ของเมืองไทย

“Xing Fei” เอ่ยกับเราว่า ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอเดินทางมาเมืองไทย แฟนๆ อาจจะไม่ทราบมาก่อนว่าเธอมักเดินทางมาเที่ยวที่นี่ปีละอย่างน้อยหนึ่งครั้ง เธอชอบประเทศไทยมากๆ เพราะเมืองไทยมีเสน่ห์หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอาหาร วัฒนธรรม สถานที่ท่องเที่ยว รวมถึงผู้คน ดูเหมือนว่าเธอจะชอบทุกอย่างที่นี่มากจริงๆ เพราะในงานแถลงข่าวเธอถึงขั้นบอกว่าอยากจะย้ายมาอยู่ที่นี่เลย

“นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มาเมืองไทยนะคะ จริงๆ แล้วฉันมาไทยปีละครั้ง ฉันชอบประเทศไทยมากๆ เมืองไทยมีเสน่ห์หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอาหาร วัฒนธรรม สถานที่ท่องเที่ยว รวมถึงผู้คน แม้ครั้งนี้จะเป็นการมาทำงาน แต่ฉันคาดหวังว่าในครั้งหน้าจะได้ไปสถานที่ที่แค่คนไทยรู้จัก หรือได้มีโอกาสมาที่นี่ให้บ่อยกว่านี้ ทุกครั้งก็เกินความคาดหวัง ประเทศไทยร้อนแรงกว่าที่ฉันคิดเสมอ”

สิงเฟย

“Xing Fei” ผู้หญิงที่สาวๆ อยากสิงร่างมากที่สุด

ซีรีส์ “Put Your Head on My Shoulder อุ่นไอในใจเธอ” เป็นซีรีส์ที่เอาใจสายฟินสุดๆ โดยเฉพาะฉากหวานระหว่างพระเอก – นางเอก ไม่หวือหวาแต่กลับทำให้สุขใจสุดๆ ซึ่งนี่เองเป็นที่มาว่าสาวๆ ที่ได้ชมเรื่องนี้อิจฉาจนอยากจะสิงร่าง “Xing Fei” สวมบทนางเอกแทนซะอย่างนั้น

“ฉันมาเพื่อเชิญชวนทุกคนมาดูซีรีส์เรื่องนี้ แต่ดูเหมือนว่าทุกคนจะได้ชมกันหมดแล้ว จริงๆ แล้วในเรื่องนี้ไม่ได้มีอะไรมากมาย แต่ค่อนข้างเซอร์ไพร้ส์กับการแสดงของ ‘Lin Yi’ เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่เขาได้รับบทพระเอก แต่ฉันไม่รู้สึกอย่างนั้นเลย ในอนาคตฉันเชื่อว่าเขาจะสามารถพัฒนาการแสดงได้มากกว่านี้ แต่ส่วนสำคัญที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกร่วมไปด้วย น่าจะเป็นเพราะสคริปต์และผู้กำกับที่ทำออกมาได้เยี่ยมมากๆ”

สิงเฟย

น่าเบื่อ ขาดอิสระ นี่แหละชีวิตของคนดัง

ใครๆ ก็ทราบว่าวงการบันเทิงแดนมังกรค่อนข้างกว้างขวาง ไม่ว่าคนดังจากประเทศไหนก็มักอยากมาตีตลาดที่เมืองจีน ซึ่งหากใครได้รับโอกาสก็ถือเป็นโชคดีมากๆ “Xing Fei” เองในฐานะดาวรุ่งที่ประสบความสำเร็จ เธอมีงานทั้งในและนอกประเทศมากมาย ทว่าเธอกลับบอกกับเราว่า ชีวิตของดารานั้นน่าเบื่อกว่าคนธรรมดามากๆ

“สำหรับความดัง ในความเป็นจริงคือเฉยๆ ฉันรู้สึกว่าชีวิตของดาราน่าเบื่อมากกว่าชีวิตของคนธรรมดาด้วยซ้ำ เพราะทุกวันก็ต้องทำงาน และไม่ค่อยอิสระสักเท่าไหร่ ทำอะไรก็ไม่ได้ ทุกอย่างของชีวิตมันต้องเอาจริงเอาจังไปหมด” (เธอตอบพร้อมส่งยิ้มให้ผู้จัดการส่วนตัว)

สิงเฟย

คุณพ่อคุณแม่คัดค้านเมื่อเธออยากก้าวเข้าสู่วงการบันเทิง

วงการบันเทิงเกือบจะไม่ได้ดาวดวงนี้มาประดับวงการ เมื่อคุณพ่อคุณแม่ของ “Xing Fei” คัดค้าน ไม่อยากให้เธอก้าวเข้าสู่เส้นทางสายนี้

“ถึงแม้ในวัยเด็กคุณพ่อคุณแม่จะยินยอมให้ฉันทำในสิ่งที่ต้องการ แต่เมื่อถึงเวลาที่ฉันต้องตัดสินใจเลือกว่าจะเป็นดาราหรือไม่ ท่านกลับไม่สนับสนุน เรียกว่าคัดค้านเลยก็ว่าได้ เพราะพวกท่านรับราชการ มันเลยค่อนข้างแตกต่างกับเส้นทางชีวิตที่ฉันจะเลือก”

สิงเฟย

นักแสดงสาวที่ไม่หยุดเรียนรู้

ถึงแม้จะได้รับเสียงชื่นชมในผลงานการแสดง แต่นางเอกสาว “Xing Fei” ก็ไม่หยุดที่จะเรียนรู้ เธอมักขอคำปรึกษาจากครูและนักแสดงอาวุโสเสมอเพื่อพัฒนาฝีมือตัวเอง

“ฉันคิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับนักแสดงคือทำผลงานได้ดี ดังนั้นสิ่งที่จะช่วยพัฒนาการแสดงของฉันก็คือการขอคำปรึกษาจากคุณครู รวมถึงรับคำแนะนำจากนักแสดงอาวุโสเกี่ยวกับปัญหาของการแสดง”

สิงเฟย

“Your Highness, The Class Monitor” ผลงานใหม่ที่จะฉายทาง WeTV

“Put Your Head on My Shoulder อุ่นไอในใจเธอ” จบไปแล้ว แต่นางเอกคนนี้ก็มีผลงานใหม่มาเสิร์ฟแฟนๆ กับเรื่อง “Your Highness, The Class Monitor” ซึ่งจะฉายทาง WeTV ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมนี้

“สำหรับเรื่องนี้ก็จะเป็นอีกเรื่องที่เกี่ยวกับชีวิตในมหาวิทยาลัย ฉันรับบทเป็นคนเรียนเก่ง แต่นิสัยต่างกันมากกับ ‘ซือถูมั่ว’ (ชื่อนางเอกในซีรีส์ Put Your Head on My Shoulder อุ่นไอในใจเธอ) ฉันหวังว่าทุกคนจะติดตามผลงานของฉันในทุกๆ เรื่อง และหวังว่าแฟนๆ ทุกคนจะมีความสุขมากๆ ค่ะ”

อย่างไรก็ตาม “Xing Fei” ยังได้ฝากข้อความถึงแฟนคลับชาวไทยของเธอด้วย เธอบอกว่า “ขอบคุณทุกคนที่ชอบ ‘ซือถูมั่ว’ มากๆ ค่ะ ฉันจะทำผลงานดีๆ ออกมาให้ทุกคนได้เห็นอีก ฉันหวังว่าทุกคนจะได้พลังงานบวกในชีวิตจากผลงานของฉันนะคะ” พร้อมทิ้งท้ายว่า “จะกลับมาอีกแน่นอน ครั้งนี้ไม่ได้มีเวลากินเพราะต้องทำงาน แต่ครั้งหน้าฉันจะกลับมากินอย่างเดียวค่ะ”

สิงเฟย


ภาพ : จักรพงษ์ นุตาลัย

เรื่อง : นนทพร สุทธิพิบูลย์

สถานที่ : โรงแรมดับเบิ้ลยู กรุงเทพ กรุงเทพมหานคร

ประสานงานการสัมภาษณ์โดย : WeTV Thailand

Lisa BLACKPINK แรงสุดฉุดไม่อยู่ ยอดไอจีทะยานสู่ 20 ล้าน ยืนหนึ่งในแดนกิมจิ

account_circle

ยืนหนึ่งไม่เหลือที่ให้ใครเลยจริงๆ สำหรับ Lisa BLACKPINK สาวน้อยมหัศจรรย์ของประเทศไทย เพราะล่าสุดนั้นยอดฟอลโล่อินสตาแกรมทะลุไปมากกว่า 20 ล้านคน และมีทีท่าว่ากราฟตัวเลขจะพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แรงสุดฉุดไม่อยู่แล้วจ้าาา

 Lisa BLACKPINK

นาทีนี้คงไม่มีใครไม่รู้ไม่จัก Lisa BLACKPINK เพราะยัยหนูนั้นร้อนแรงยิ่งกว่าไฟเออร์จริงๆ ไม่ว่าจะขยับตัวทำอะไร ต้องเป็นกระแสให้บลิ๊งค์อย่างเราๆ ได้ชื่นอก ชื่นใจทุกครั้ง แน่นอนว่าว่าไม่ใช่แค่แฟนคลับในประเทศไทยเท่านั้น ที่คอยอัพเดตผลงานของเธอ แต่ในระดับอินเตอร์ตอนนี้ลิซ่าก็เข้าไปอยู่ในใจของพวกเขา ทั้งเหล่าแฟนบอย แฟนเกิร์ล โดนตกไปอย่างไม่รู้ตัว

ในปี 2012 ค่าย YG Entertianment ได้ปล่อยคลิปสาวๆ ที่คาดว่าจะได้รับการเดบิวต์เป็นเกิร์ลกรุ๊ปวงใหม่ ซึ่งหนึ่งในนั้นมีคลิปสาวน้อยที่โชว์ลวดลายการเต้นอย่างโดดเด่น ถึงแม้ว่าตอนนั้นเธอจะเป็นเพียงเด็กฝึกเพียงคนหนึ่งของค่ายก็ตาม แต่เธอก็เรียกได้ว่าฉายแววซูเปอร์สตาร์ ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา

หลังจากนั้นในช่วงปี 2014 มีข่าวว่าหยางแห่งค่าย YG จะเดบิวต์สาวๆ เกิร์ลกรุ๊ปวงใหม่ ทำเอาแฟนๆ หลายคนต่างคาดเดาว่าสมาชิกในวงจะมีใครบ้าง แต่หยางก็คือหยาง หลังจากที่ปล่อยคลิปจนล่วงเลยมาถึงสองปี และมีข่าวว่าจะเดบิวต์สาวๆ เกิร์ลกรุ๊ปวงใหม่ ซึ่งบรรดาแฟนไซต์ต่างก็ไปตั้งบ้านเพื่ออัพเดตข่าวของพวกเธอ แต่รอจนแล้วจนเล่า หยางก็ยังดึงเช็งจนบางบ้านต้องปิดตัวลงจนรอไม่ไหว และได้มีการสร้างแฮชแทค #WeWantYGNGG ในทวิตเตอร์เพื่อเมนชั่นไปหาค่ายว่า รอไม่ไหวแล้วจ้า เมื่อไหร่จะเดบิวต์เกิร์ลกรุ๊ปวงใหม่สักทีพ่อคู้นนนน!

และแล้ววันที่รอคอยก็มาถึงในปี 2016 เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม YG  Entertianment ได้เปิดตัวสมาชิกเกิร์ลกรุ๊ปวงใหม่โดยใช้ชื่อวงว่า BLACKPINK แน่นอนว่าหนึ่งในสมาชิกก็มีสาวน้อยจากประเทศไทย ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล ด้วยและเป็นเพราะความสามารถในด้านการร้อง และการเต้น ที่โดดเด่น บวกกับหน้าตาที่สวย น่ารักราวกับตุ๊กตา จึงทำให้ลิซ่ามีแฟนคลับติดตามมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากเปิดตัวได้ไม่นาน

ภาพแรกบน Instagram “lalalalisa_m”

และหลังจากที่ปล่อยอัลบั้ม “สแควร์วัน” และ “สแควร์ทู” ในปีเดียวกัน ความสำเร็จของสาวๆ วง BLACKPINK ก็มีทีท่าว่าจะดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง พวกเธอเป็นที่รู้จักกันมากขึ้นทุกวัน ทุกนาที โดยเฉพาะลิซ่าที่นำความภูมิใจมาให้กับประเทศไทย ถัดมาในปี 2018 เรียกได้ว่าเป็นปีทองของพวกเธอจริงๆ เพราะหลังจากเปิดตัวอัลบั้ม “สแควร์อัป” และมีเพลงนำยอดฮิตอย่าง DDU-DU DDU-DU ซึ่งตอนนี้ยอดวิวปาเข้าไปกว่า 800 ล้านวิวและไม่เกินปีนี้คงทะยานขึ้นสู่พันล้านวิวเป็นแน่แท้ สาวๆ ก็ได้สร้างอินสตาแกรมส่วนตัวพร้อมกับเปิดตัวซิงเกิ้ลนี้ในวันที่ 15 มิถุนายน 2561

ทันทีที่เปิดอินสตาแกรม ยอดฟอลโล่ก็หลั่งไหลเข้ามาอย่างสายน้ำ ไอจีของลิซ่า น้องเล็กในวงก็แซงหน้าพี่ๆ ทะยานขึ้นสู่อันดับ 1 ภายใน 5 เดือนลิซ่ามีผู้ติดตามมากกว่า 10 ล้านคน และถัดมาจากนั้น 1 เดือนจำนวนผู้ติดตามก็มากขึ้นเป็น 12.5 ล้านคน เบียดแม่อั้ม พัชราภาผู้ที่ครอบอันดับ 1 มาหลายปีซ้อน ขึ้นแท่นไอจีที่มีผู้ติดตามมากที่สุดในประเทศไทย

เท่านั้นยังไม่พอไอจีของลิซ่าก็ยังขึ้นเป็นอันดับ 1 ไอดอลฝ่ายหญิงของแดนกิมจิ แซงหน้าไอจีของแทยอน Girl’s Generation ซุปตาร์จากประเทศเกาหลีใต้ ในช่วงต้นปี 2562 ที่ผ่านมาอีกด้วย

 Lisa BLACKPINK

 Lisa BLACKPINK

 Lisa BLACKPINK

 Lisa BLACKPINK

 Lisa BLACKPINK

ทะยานต่อไม่รอแล้วนะ เดือนกุมภาพันธฺ์ 2562  ยอดฟอโล่ของลิซ่าก็ยังมาแรงอย่างต่อเนื่อง โดยตัวเลขสูงถึง 15 ล้านคน ตีคู่ไอจีของชานยอล EXO มาเนืองๆ ขึ้นเป็นไอดอลฝ่ายหญิงที่มีผู้ติดตามมากที่สุดในประเทศเกาหลีใต้ คนจะดังเอาช้างมาฉุดก็คงไม่อยู่แล้ว หลังจากที่เปิดตัวอัลบั้มใหม่ที่ทุกคนรอคอยกันมานานอย่าง Kill This Love รวมถึง BLACKPINK ยังได้ขึ้นแสดงในเทศกาลดนตรีสุดยิ่งใหญ่ระดับโลก Coachella 2019 กระแสการตอบรับจากฝั่งอินเตอร์ของลิซ่า และสมาชิกในวงก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณ ไอจีของสาวๆ มีผู้กดติดตามกันรัวๆ กันเลยทีเดียว

ในวันที่ 13 เมษายน 2562  ไอจีของลิซ่าโค่นแชมป์รุ่นพี่ศิลปินอย่าง ชานยอล EXO ลง ขึ้นแท่นเป็นอันดับ 1 ไอจีซึ่งผู้มีติดตามมากที่สุดในเกาหลีใต้ นับๆ ดูแลลิซ่าใช้เวลาเพียง 10 เดือนเท่านั้น

 Lisa BLACKPINK

แรงอย่างเนื่องจริงๆ โดยเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2562 ไอจีของลิซ่ามีผู้ติดตามมากกว่า 20 ล้านคน หลังจากที่เปิดมาใกล้จะครบปีแล้ว ซึ่งจะครบรอบในวันที่ 15 มิถุนายน เดือนหน้านี้แล้วนะจ๊ะ  นับว่าเป็นไอดอลเกาหลีสัญชาติไทยที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เก่งมากเลยลู้กกกกก


ภาพ : Getty Image, Instagram (lalalalisa_m, real__pcy)

 

 

 

ยาลดความอ้วน ผมก็เคยขาย! เหรินเจิ้งเฟย จากยาจกสู่แม่ทัพใหญ่ “Huawei”

account_circle

จากยาจก สู่มหาเศรษฐีพันล้าน เหรินเจิ้งเฟย ผู้ก่อตั้งและแม่ทัพใหญ่ของ “Huawei” บริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์เครือข่ายและโทรคมนาคมรายใหญ่ที่สุดของจีน

ดูเหมือนว่าตอนนี้ข่าวกูเกิลแบนหัวเว่ย เพราะได้รับคำสั่งจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกานำโดย ประธานาธิบดีสหรัฐโดนัลด์ ทรัมป์ จะเป็นข่าวใหญ่ระดับโลกที่คนให้ความสนใจมากที่สุดในขณะนี้ โดยเฉพาะกับผู้ที่ใช้มือถือหัวเว่ย ที่ดูจะกังวลเป็นมากพิเศษ

เพราะอย่างที่รู้กันว่าหัวเว่ยใช้ระบบปฏิบัติการ Google Android บนมือถือ ซึ่งหากหัวเว่ยถูกระงับการใช้ถาวรนั้น ต่อจากนี้มือถือรุ่นใหม่ๆ ที่หัวเว่ยจะผลิตออกมาจะไม่สามารถเข้าระบบการใช้งานต่างๆ บนกูเกิลได้ เช่น Youtube, Gmail, Goolgle Map ฯลฯ แม้ว่าตอนนี้ทางการสหรัฐฯจะออกใบอนุญาตชั่วคราวเป็นเวลา 90 วันให้กับหัวเว่ย เพื่อให้ทางแบรนด์ยังสามารถซื้ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ผลิตในประเทศสหรัฐฯ รวมถึงให้ผู้ใช้ยังสามารถอัพเดตซอฟต์แวร์บนมือถือได้ แต่ไม่สามารถใช้ผลิตรุ่นใหม่ได้

เหรินเจิ้งเฟย

แต่ดูเหมือนว่า 90 วันที่สหรัฐฯให้มานั้นจะไม่ได้มีผลกระทบใดๆ ต่อหัวเว่ย โดยนายเหรินเจิ้งเฟย ได้เผยถึงใบอนุญาตชั่วคราวที่ให้มาว่า “คำสั่งนี้แทบไม่มีความหมาย” ซึ่งเขายังได้บอกอีกว่า หัวเว่ยรู้ล่วงหน้าแล้วว่าจะต้องเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ซึ่งบริษัทเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเต็มที่ โดยหัวเว่ยได้สร้างระบบปฏิบัติการของตัวเองอย่าง Hongmeng OS มาตั้งแต่ปี 2012 ซึ่งตามรายงานนั้นระบบปฏิบัติการนี้ก็พร้อมใช้งานแล้วอีกด้วย

ทั้งนี้นายเหรินเจิ้งเฟย ยังกล่าวอีกด้วยว่า การแบนของสหรัฐฯจะไม่ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาโครงข่าย 5G หัวเว่ย เพราะบริษัทคู่แข่งอื่นๆ ไม่สามารถตามได้ทัน อย่างน้อยก็อีกสองถึงสามปี

ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง และ นายเหรินเจิ้งเฟย

ศึกทางการค้าครั้งนี้ดูแล้วจะไม่ใช่การรบแบบธรรมดา เพราะล่าสุดประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้ส่งสัญญาณว่าหากสหรัฐฯมีการคว่ำบาตรทางการค้ากับประเทศจีน แดนมังกรจะไม่ส่งแร่แรร์เอิร์ธให้ ซึ่งแร่นี้มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะเป็นส่วนประกอบสำคัญในการผลิตชิปคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ไฮเทคอีกมากมาย รวมถึงอาวุธ โดยจีนนั้นมีแร่จำนวนนี้ถึง 90% ของทั้งโลก โดยสัญญาณนี้เกิดขึ้นขณะที่นายสี จิ้นผิง เดินทางไปเยี่ยมโรงงานผลิตแร่แรร์เอิร์ธ (Rare-earth) ที่มณฑลเจียงซี

จากที่กล่าวไปตอนต้นว่า “Huawei” เป็นบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์เครือข่ายและโทรคมนาคมรายใหญ่ที่สุดของจีน รวมถึงในปีที่ผ่านมาหัวเว่ยยังมียอดขายกว่า 200 ล้านเครื่อง ทำยอดขายกว่าแสนล้านดอลลาร์ แซงหน้าสมาร์ทโฟนในตำนานอย่าง I-Phone ขึ้นแท่นเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจาก Samsung

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าหัวเว่ยจะยังไม่หยุดเพียงเท่านี้ เพราะทางแบรนด์ได้ออกมาประกาศอย่างชัดเจนว่า จะแซงซัมซุงและขึ้นเป็นอันดับ 1 ในตลาดสมาร์ทโฟน ภายในปี 2020 ให้ได้ แต่กว่าที่หัวเว่ยจะผงาดขึ้นมาเป็นผู้นำทางคมนาคมในแดงมังกร บอกเลยว่าไม่ง่าย แล้วเหรินเจิ้งเฟย พาหัวเว่ยมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร หนังสือ HUAWEI จากมดสู่แดนมังกร มีคำตอบ

เหรินเจิ้งเฟย เป็นชาวมณฑลเจ้อเจียง เกิดเมื่อปี 1944 ในอำเภอเจิ้นหนิง เขตอ่านซุ่น เมืองกุ้ยโจว ซึ่งเป็นเขตภูเขา เป็นที่อาศัยของชนกลุ่มน้อยและยากจน

พ่อของ เหรินเจิ้งเฟย ชื่อเหรินโมซุ่น ทำงานเป็นครูสอนหนังสือที่เมืองติ้งไห่ มณฑลเจ้อเจียง และเมืองหนานจิง มณฑลเจียงซู  ส่วนแม่ชื่อเฉิงหย่วนเจา แม้จะมีความรู้เพียงระดับมัธยมปลายแต่ด้วยอิทธิพลจากสามี จึงพยายามศึกษาด้วยตนเองจนได้เป็นอาจารย์สอนคณิตศาสตร์มัธยมปลายผู้มีชื่อเสียง ติดตามสามีสู่เขตภูเขากุ้ยโจวที่แร้นแค้น เพื่อมอบชีวิตให้กับเด็กยากจน เป็นผู้ขยันอดทน จิตใจดีงาม และประหยัดมัธยัสถ์

เหรินเจิ้งเฟยมีพี่น้องเจ็ดคน เขาเป็นคนโต ครอบครัวทั้งเก้าคนต้องยังชีพด้วยเงินเดือนอันน้อยนิดของพ่อแม่ เมื่อลูกเจ็ดคนโตขึ้นทุกวัน เสื้อผ้าก็สั้นลงทุกวัน และเด็กต้องเรียนหนังสือ รายจ่ายครอบครัวสูงมาก เหรินเจิ้งเฟยจำได้ว่าทุกวันเปิดเทอมต้องจ่ายค่าเล่าเรียนสองถึงสามหยวน แม่ก็จะกลุ้มใจ ทุกครั้งพอสิ้นเดือนแม่ต้องขอยืมเงินจากเพื่อนบ้านเพื่อประทังความหิว  บางครั้งก็หายืมไม่ได้  เหรินเจิ้งเฟยตอนก่อนจบมัธยมจึงไม่เคยสวมชุดนักเรียน แม้อากาศร้อนก็ยังคงสวมเสื้อหนาๆ เพื่อนนักเรียนก็ยุให้เขาขอเสื้อใหม่จากแม่ แต่เขาบอกว่าไม่กล้า เพราะรู้ดีว่าแม่ทำไม่ได้ หลังสอบเข้ามหาวิทยาลัย แม่ให้เสื้อเชิ้ตแก่เขาสองตัว ยามนั้นเขาอยากจะร้องไห้ เพราะ “ถ้าฉันได้ น้องๆ ก็ต้องลำบากแน่”

ระหว่างปี 1959 – 1962 เป็นห้วงเวลาสามปีที่ประเทศจีนลำบากมาก สำหรับครอบครัวสกุลเหรินที่มีลูกมากจึงยิ่งขัดสน ตลอดสามปีในโรงเรียนมัธยมปลายความฝันสูงสุดของเหรินเจิ้งเฟยคือ “ได้กินหมั่นโถวขาวล้วนสักลูก” แต่ห้วงเวลานี้เป็นยุคที่ชาวจีนลำบากที่สุดนับแต่มีประเทศจีนมา และความไม่เห็นแก่ตัวของพ่อแม่กลับมีผลอย่างลึกซึ้งต่อเหรินเจิ้งเฟย ในความเรียงเรื่อง “พ่อกับแม่ของผม” เขารำลึกดังนี้

“ขณะนั้นผมอายุ 14-15 เป็นลูกคนโต น้องๆ ยังเล็กอยู่และไม่รู้ความพ่อกับแม่จะแอบกินอาหารเองสักคำย่อมทำได้ แต่พวกท่านไม่เคยทำ เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น อาจมีน้องๆ คนสองคนไม่รอดถึงวันนี้”

“ใกล้ถึงวันสอบเข้ามหาวิทยาลัย ผมอ่านหนังสืออยู่กับบ้านแล้วหิวจนทนไม่ไหว จึงเอารำข้าวคลุกกับผักแล้วย่างกิน พ่อได้เห็นเข้าหลายครั้ง ท่านปวดใจมาก เวลานั้นที่บ้านจนสุดๆ แม้แต่ตู้ที่ล็อกกุญแจได้สักใบก็ไม่มี อาหารต้องเก็บใส่กระปุกดิน แต่ผมไม่เคยแอบหยิบกินเลย ถ้าทำเช่นนั้น อาจมีน้องๆ คนสองคนไม่รอดถึงวันนี้”

ปี 1987-1997  เหรินเจิ้งเฟย ก่อตั้งหัวเว่ยด้วยเงินทุนจดทะเบียนสองหมื่นหนึ่งพันหยวน หลังพากเพียรสร้างธุรกิจมาสิบปี จากห้องทำงานเล็กๆ หัวเว่ย กลายเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านโทรคมนาคมในประเทศจีน และเพื่อขยายตลาดในลาตินอเมริกา เหรินเจิ้งเฟยจึงร่วมลงทุนทำธุรกิจด้วยเงินสามสิบล้านดอลลาร์ที่บราซิล หลังลงนามในสัญญาร่วมทุน หุ้นส่วนฝ่ายบราซิลจัดแจงให้เหรินเจิ้งเฟยไปท่องเที่ยวในป่าเขตร้อนแอมะซอน ก่อนออกเดินทาง บรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงของหัวเว่ยพากันเลือกรองเท้าไนกี้และอาดิดาส แต่เหรินเจิ้งเฟยกลับซื้อรองเท้ายางราคาถูกที่สุด หลังการเดินป่า พอกลับถึงโรงแรม ทุกคนทิ้งรองเท้าเปื้อนโคลนไป แต่เหรินเจิ้งเฟยกลับขัดล้างรองเท้ายางคู่นั้นจนสะอาด ผึ่งให้แห้งแล้วเก็บกลับประเทศจีน

แม้ปัจจุบันหัวเว่ยจะได้ชื่อว่า “ไฮเทค” แต่ธุรกิจที่หัวเว่ยทำเมื่อแรกเริ่มคือการค้า เนื่องจากไม่มีประสบการณ์ทางการค้า ยามนั้นพวกเขาทั้งหกคนจึงยังหาทิศทางไม่พบ อะไรที่ทำเงินได้ก็ทำ เคยขายเครื่องส่งสัญญาณเตือนไฟไหม้และยังเคยขายยาลดความอ้วนด้วย

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม ปี 1994 ในนิทรรศการโทรคมนาคมนานาชาติครั้งที่หนึ่งที่ปักกิ่ง ท่ามกลางบู๊ธของต่างชาติ หัวเว่ยเป็นบริษัทจีนบริษัทเดียว ที่ร่วมแสดงในนิทรรศการและเป็นธงชาติดาวห้าดวงผืนเดียวที่ประดับในโซนของผู้ผลิตชาวต่างชาติ งานนิทรรศการครั้งนี้เหรินเจิ้งเฟยประกาศต่อลูกค้าชาวจีนว่า “สิบปีข้างหน้า ตลาดอุปกรณ์โทรคมนาคมจะถูกแบ่งเป็นสามส่วน ซีเมนส์ อัลคาเทล และหัวเว่ย”

สำหรับบริษัทที่เป็นเพียงห้องทำงานเล็กๆ ที่เพิ่งเข้าสู่วงการแล้ว การกล่าวเช่นนี้เท่ากับเป็นการท้าทายยักษ์ใหญ่โทรคมนาคมทั่วโลก เมื่อเรามองกลับไปในอดีต น่าจะพอเห็นภาพว่ายามที่เหรินเจิ้งเฟยกล่าวคำพูดสุดอหังการเช่นนี้ห้าวหาญเพียงใด ทว่าใครบ้างจะนึกถึง บริษัทเทคโนโลยีจีนบริษัทนี้แหละในยี่สิบปีให้หลังท่ามกลางประกายดาบและมรสุมคลื่นลม หัวเว่ยไม่เพียงจะเป็นตัวป่วนของโลกโทรคมนาคม แต่ยังกลายเป็นฝันร้ายที่ไล่ไม่ไปของบรรดายักษ์ใหญ่ในยุโรปและสหรัฐอเมริกาด้วย

สิ่งหนึ่งที่ทำให้เหรินเจิ้งเฟยประสบความสำเร็จจนมาถึงวันนี้คือ เขาเป็นคนมือเติบมากกับสาธารณกุศล แต่ตนเองกลับกระเหม็ดกระแหม่ นี่คือบทเรียนที่ดีที่สุดสำหรับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของหัวเว่ย และในเวลาต่อมา ไม่ว่าไปดูงานหรือพาลูกค้าไปเที่ยว ยามต้องซื้อข้าวของส่วนตัว บรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงรอบตัวเขาไม่มีใครกล้ามือเติบอีกต่อไป ทุกคนพากันเลือกซื้อของราคาถูกและใช้ได้ทน

นอกจากความประหยัดแล้ว เอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของเหรินเจิ้งเฟยคือเขาไม่ให้ความสำคัญกับทรัพย์สินและความร่ำรวย เขายินดีแบ่งปันผลลัพธ์จากการต่อสู้แก่พนักงาน จึงทำให้มียอดฝีมือจำนวนมากยินดีร่วมงานกับเขาเพื่อช่วยให้กิจการของหัวเว่ยเติบโตยิ่งขึ้น

หากลองหวนมองประวัติการพัฒนาตลอดยี่สิบเจ็ดปีของหัวเว่ย การที่เหรินเจิ้งเฟยสามารถดึงดูดคนนับพันนับหมื่นให้ร่วมแรงร่วมใจกันมุ่งสู่เป้าหมาย และพนักงานส่วนมากก็เคารพนับถือเหรินเจิ้งเฟยจากใจจริง ก็เพราะเขารู้จักกระจายทรัพย์และกล้าที่จะมอบอำนาจ นี่คือประเด็นสำคัญที่ทำให้หัวเว่ยซึ่งเริ่มจากห้องทำงานเล็กๆ ที่มีคนหกคน เติบโตเป็นบริษัทข้ามชาติที่มีพนักงานหนึ่งแสนห้าหมื่นคนเช่นปัจจุบัน

“ความไม่เห็นแก่ตัวของผมได้มาจากพ่อแม่ สาเหตุที่หัวเว่ยประสบความสำเร็จเช่นทุกวันนี้ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะความไม่เห็นแก่ตัวของผม” เหรินเจิ้งเฟยกล่าวเช่นนี้ เป็นการรำลึกถึงบิดามารดา แสดงความสำนึกบุญคุณ และได้ถ่ายทอดแนวคิดง่ายๆ แต่ลึกซึ้งแก่ชาวหัวเว่ย


ข้อมูล : Amarin How To (HUAWEI จากมดสู่แดนมังกร)

ภาพ : Getty Image

NoLisaNoMoney

ดราม่า #NoLisaNoMoney แบรนด์ดังไม่โปรโมท ลิซ่า เหมือนเพื่อนๆ ในวง

Alternative Textaccount_circle
NoLisaNoMoney
NoLisaNoMoney

จู่ๆ ก็เกิดกระแสดราม่าทำให้เหล่าบลิ้งค์ไม่พอใจอย่างมากกับการเลือกปฏิบัติของแบรนด์คอนแทคเลนส์ชื่อดังของเกาหลี O-lens กับสาวๆ วง BLACKPINK ที่สมาชิกทุกคนเป็นพรีเซ็นเตอร์ (ย้ำว่า “สมาชิกทุกคนเป็นพรีเซ็นเตอร์” นะจ๊ะ) ตั้งแต่เมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว (2018) และเดือดไฟลุกเป็นพิเศษสำหรับเมนหลักหรือแฟนคลับของสาว  “ลิซ่า – ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK” โดยเฉพาะ เหตุที่เกิดดราม่านี้ขึ้นเพราะที่หน้าร้านของแบรนด์คอนแทคเลนส์ดังกล่าว ในสาขาฮ่องกงไม่ติดรูปโปรโมท ลิซ่า เพียงคนเดียว แต่กลับมีรูป 3 สาว เจนนี่ โรเซ่ จีซู เท่านั้น จึงเกิดเป็นประเด็นความไม่ยุติธรรมนี้ขึ้น

ทำให้เหล่าบลิ้งค์ที่ไม่พอใจการเลือกโปรโมทแบบไม่เท่าเทียมกันดังกล่าว นำภาพหน้าร้านสาขาฮ่องกงและข้อความเป็นภาษาจีนว่า “ทำไมไม่มีลิซ่าอยู่ข้างนอกกระจก ฉันหวังว่ารูปโปรโมทหน้าร้านจะมีสมาชิกวง Blackpink ครบทั้ง 4 คน ในครั้งต่อไปนะ” มาเผยแพร่ในโลกโซเชี่ยล ซึ่งประเด็นดังกล่าวนอกจากดูเหมือนเลือกปฏิบัติแล้ว แฟนคลับของสาวลิซ่ามองว่าที่ทางแบรนด์เลือกทำแบบนี้ เพราะ ลิซ่า เป็นไอดอลสาวชาวไทย ไม่ใช่คนเกาหลีเหมือนกับสามสาว จึงไม่ได้ให้ความสำคัญเท่าเทียมกัน จนเกิดแฮชแท็ก #NoLisaNoMoney ขึ้นจนติดเทรนด์อันดับ 1 ในประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อย

อีกทั้ง แฟนคลับหลายคนยังสังเกตอีกว่า รูปโปรโมทอื่นๆ ในร้านและสื่อโซเชี่ยล ทางแบรนด์คอนแทคเลนส์ ไม่ได้ให้สไตลิสต์เปลี่ยนชุดให้ ลิซ่า แต่ในขณะที่สามสาวสมาชิกคนอื่นๆ ในวง กลับมีการเปลี่ยนชุดในการถ่ายโฆษณาอีกด้วย จึงถือเป็นการไม่ให้เกียรติและเหมือนถูกเลือกปฏิบัติ เพียงเพราะลิซ่าเป็นคนไทยงั้นเหรอ??

และในที่สุด ทางแบรนด์คอนแทคเลนส์สาขาฮ่องกงเหมือนจะสำนึกผิดกับกรณีที่เกิดขึ้น เพราะมีผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่งแชร์ภาพคำแปลว่า  “ก่อนอื่น ต้องขอขอบคุณที่ได้พบข้อผิดพลาดและปัญหาในการทำงานของพวกเรา สาเหตุที่ตอบช้าเนื่องจากทางบริษัทกำลังตรวจสอบและหาทางแก้ไขต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น BPนั้นมี 4คน ไม่สามารถขาดคนใดคนหนึ่งได้ และพวกเราจะเร่งดำเนินการแก้ปัญหานี้อย่างเร่งด่วน” – ผู้หญิงของทาบิ (@VIP_pocky) May 18, 2019

 

View this post on Instagram

 

OLENS 香港在新店設計上的失誤,對BLACKPINK,特別是對Lisa 及所有BLINKs帶來的不愉快,深表歉意。 我們非常感謝您提供的所有寶貴意見,特別是對BLACKPINK的愛戴、關懷和支持。 我們正在努力修改店舖內與BLACKPINK圖像相關的設計,我們保證四人一個不會少。 OLENS HK sincerely apologize to BLACKPINK, especially to LISA and all those BLINKs who were being upset by the oversight on our part. We truly appreciate all your valuable comments with showing the love, care & support to BLACKPINK. Store design will be revised and particularly with BLACKPINK images. ONLY when all four members are together, BLACKPINK exists! #SorryLISA #SorryBLINKs

A post shared by OLENS Hong Kong (@olenshk) on

รูปโปรโมทแบรนด์ OLENS สาขาฮ่องกง โดยหน้าร้านโปรโมทแค่สามสาว BLACKPINK ขาดลิซ่า

หลังจากเหล่าบลิ้งค์ส่วนใหญ่เห็นภาพโปรโมทหน้าร้านดังกล่าว จึงเกิดดราม่าขึ้น และนี่คือข้อความเพียงส่วนหนึ่งบนทวิตเตอร์ตามแฮชแท็กดัง #NoLisaNoMoney

  • สรุปง่ายๆ คือ -โอเลนส์ HK(แบรนด์คอนแทคส์เลน สาขาฮ่องกง)ไม่ให้เกียรติลิซ่า -โอเลนส์ตั้งใจถ่ายรูปให้ลิซ่าตกเฟรมลงไอจี -โอเลนส์ออกมาบอกว่าเพิ่งรู้ว่าBPมี4คน -ลิซ่าไม่มีโปสเตอร์หน้าร้านคนเดียว(ในร้านด้วย) -โอเลนส์เขียนชื่อลิซ่าผิด -โอเลนส์ไม่ได้เปลี่ยนชุดให้น้องตอนถ่ายรูป #NoLisaNoMoney
  • สรุปแท็ก #NoLisaNoMoney – Olens ฮ่องกงติดรูปเดี่ยวแค่สามคน ฟอลบ้านบาร์แค่สามคน คนเลยถามทำไมไม่มีรูปลิซ่า ทั้งๆที่จ้างทั้งวง – Olens ตอบขอโทษกำลังแก้ไข ขอบคุณที่ทำให้รู้ว่าบพ.มีสี่คน – ฟคโมโหคำตอบเนี่ยแหละ ถ้าบอกบานกระจกไม่พอบลาๆจะโมโหน้อยกว่าบอกพึ่งรู้ว่าบพ.มีสี่คนอีก
  • สรุป olens ฮ่องกงอยากลองของ – รูปหน้าร้านมีรูป 3 คนยกเว้นลิซ่า – รูปที่ถ่ายภายในร้านลง ig ถ่ายเห็น 3 คนยกเว้นลิซ่า – พิมพ์ชื่อลิซ่าผิด – รูปถ่ายแบบมีลิซ่าคนเดียวที่ไม่ได้เปลี่ยนชุด – ออกมาขอโทษ เหมือนเพิ่งรู้ว่า bp มี 4 คน (อันนี้ฮา)
  • อยากให้ทางค่ายยุติธรรมกับลิซหน่อยเถอะนะ แฟนคลับหรือเมนลิซก็คือพร้อมปกป้องลิซมากอะตอนนี้ มาบอกว่าพึ่งรู้ว่าวงมี4คน มันเจ็บใจนะ โปรโมทก็ทุกคน แต่ป้ายขึ้นมีแค่รูปสามคน โรเซ่ เจนนี่ จีซู แล้วคือลิซ่าอ่ะ โซโล่ในบั้มไม่มี ชุดก็เปลี่ยนน้อย ขอความเท่าเทียมหน่อยเถอะ #NoLisaNoMoney

ข้อความด้านบนนี้เป็นเพียงความคิดเห็นบางส่วนเท่านั้นบนทวิตเตอร์จาก #NoLisaNoMoney

 

View this post on Instagram

 

A post shared by OLENS Hong Kong (@olenshk) on


เรื่อง : PP_แพรวดอทคอม
ภาพ : #NoLisaNoMoney , OLENS Hong Kong

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ลุคใหม่ทำใจละลาย “ลิซ่า” ในเมคอัพลุค Sunburn Coral หวานอมเปรี้ยว

ไม่ได้ใช้กาวติดขนตา! แฮร์สไตลิสต์ “ลิซ่า” เฉลยวิธีเซ็ตหน้าม้า หลังมีคนเข้าใจผิด

แกะสูตรลิซ่า! แชร์ 4 วิธีล็อค ผมหน้าม้าไม่แตก ไม่เสียทรง สะบัดแค่ไหนก็เอาอยู่

จัดเต็มมากลูก! เมคอัพ แอนด์ แฮร์สไตล์ แซบลืม “ลิซ่า” ซิงเกิ้ลใหม่ Kill This Love

12 สาวไทย ติดอันดับหน้าสวยที่สุดในเอเชียแปซิฟิก “ลิซ่า BLACKPINK อันดับ 1”

ละมุนมาก! “ลิซ่า BLACKPINK” สวยครบรสทุกลุค จะหวานก็ได้ เปรี้ยวแซ่บก็ไม่ติด

เปิดวาร์ปเมคอัพทริคสไตล์ “ลิซ่า BLACKPINK” พร้อมบิวตี้ไอเท็มที่ขาดไม่ได้

บลอนด์เทา สีผมใหม่ของ “ลิซ่า BLACKPINK” สวยคูลดูเปรี้ยวเท่

มากกว่าสวยคือความทุ่มเท “ลิซ่า BLACKPINK” มีวันนี้ได้เพราะความสามารถ

คล้ายมาก “พัคจีอู” นางแบบจิ๋วที่ชาว BLINK ตั้งฉายาว่า “มินิเจนนี่” BLACKPINK

สวยที่สุดในชีวิตจริง! จีซู-เจนนี่ Blackpink ติดอันดับจากผลโหวตของไอดอลด้วยกันเอง

จับตาดู “เจนนี่ Blackpink” เตรียมขึ้นแท่นมิวส์สาวคนใหม่แบรนด์ Hera แทนตัวแม่ จวนจีฮุน

เปิดเคล็ดลับสวยหุ่นเป๊ะเอวเอสแบบ “เจนนี่ BLACKPINK” พร้อมส่องบิวตี้ไอเท็มชิ้นโปรด

สีนี้อินเทรนด์! ชี้เป้าเมคอัพไอเท็มโทนสี Living Coral ตาม Pantone 2019

เมคอัพไอเท็มน่าตำช่วงนี้ ครบทั้งผิว แก้ม ปาก ตา และคิ้ว ให้เปลี่ยนลุคสวยได้ไม่ซ้ำ

 

 

 

น้ำชา

ยืนยันจัดงานแต่งต่อ น้ำชา ชีรณัฐ เชื่อรักแท้ต้องมีอุปสรรค

Alternative Textaccount_circle
น้ำชา
น้ำชา

น้ำชา ชีรณัฐ เปิดใจถึงกระแสข่าวลือ รักแท้แม่ไม่ปลื้ม ด้าน ดร.วาว ดิลกะ ลัทธพิพัฒน์ แคนเซิลให้สัมภาษณ์ร่วมเพราะติดภารกิจเดินทางไปต่างประเทศด่วน

น้ำชา

หลังจากมีผู้ัไม่หวังดีปล่อยข่าวโคมลอยออกมาว่าครอบครัว ดร.ดิลกะ ลัทธพิพัฒน์ ไม่ปลื้มสาว “น้ำชา-ชีรณัฐ ยูสานนท์” จนกลายเป็นประเด็นร้อนในโลกโซเชียลมีเดีย ล่าสุด 21 พ.ค. 2562 ดาราสาวได้ออกมามาเปิดใจถึงเรื่องดังกล่าว โดยเธอยืนยันว่าข่าวที่เกิดขึ้นไม่เป็นความจริง พร้อมประกาศเดินหน้าจัดงานแต่งต่อไป

วันนี้มาให้สัมภาษณ์คนเดียว? (ก่อนหน้านี้ในหมายแจ้งว่าจะมีการให้สัมภาษณ์คู่)

“ก่อนอื่นต้องขอโทษพี่ๆ นักข่าวและสื่อมวลชนทุกคน ที่วันนี้พี่วาวมีเรื่องด่วนจริงๆ เขาต้องรีบบินไปเมืองนอก เพราะเขามีภารกิจเมื่อเช้า ก็เลยทำให้มาไม่ได้ กับข่าวที่ออกมาทำให้น้ำชาค่อนข้างสะเทือนใจ ตกใจและช็อก เพราะเรื่องแต่งงานเป็นเรื่องที่เซนซิทีฟและทัชหัวใจผู้หญิงทุกคนบนโลกนี้ เราค่อนข้างตกใจ แต่พอมานั่งเคลียร์แบบนี้ ก็รู้ว่าทุกเรื่องไม่ใช่ความจริง”

ความสัมพันธ์กับคุณแม่ฝ่ายชาย?

“กับคุณแม่จะมีการนัดเจอกันหลายครั้ง ทั้งกับตัวชาและครอบครัวของชา แต่ว่าพี่วาวเขาบินไปเมืองนอกทุกเดือน เดือนละ 2 สัปดาห์ แล้วคุณแม่ก็อาการไม่ค่อยดี ท่านป่วยและอายุมากแล้ว ส่วนชาเองก็งานยุ่งมาก คิวก็เลยไม่แมทช์กัน บวกกับที่พี่วาวเคยพูดกับชาว่า ทางคุณแม่ท่านก็อายุมากแล้ว แล้วท่านก็เลยบอกว่า ถ้าตกลงจะใช้ชีวิตกับใครจริงๆ จังๆ ก็อยากให้ดูสัก 2-3 ปี เป็นอย่างต่ำ แต่เราก็คบกันมา 2 ปี และการที่มาขอชาแต่งงาน ก็ค่อนข้างที่จะเร็วเกินกำหนดที่คุณแม่ได้วางไว้นะคะ ก็เลยยังไม่เจอกัน”

เหมือนในข่าวบอกว่าคุณแม่ไม่ทราบเรื่องที่ ดร.วาวมาขอน้ำชาแต่งงาน?

“เดี๋ยววันนี้ พี่วาวเขาจะชี้แจงทุกอย่าง ผ่านช่องทางอินสตาแกรมของเขา เขาจะชี้แจงทุกอย่างเอง เนื่องจากเขามาไม่ได้จริงๆ เดี๋ยวเขาจะอธิบายทุกอย่างในนั้น”

จริงไหมกับข่าวที่ว่าบ้านฝ่ายชายไม่ปลื้ม คิดว่าข่าวออกมาจากทางไหน ทั้งๆ ที่ท่านป่วยอยู่?

“เออ..ชาไม่ทราบนะ เรื่องข่าวมันเป็นอะไรที่ห้ามกันไม่ได้ เหมือนห้ามไม่ให้คนพูดก็ไม่ได้”

อย่างแหวนที่บอกว่าคุณแม่เป็นคนให้มา แสดงว่าท่านก็รู้สิว่าลูกเขาจะแต่งงาน?

“ทราบค่ะ คือชาไม่ได้อยากให้ฟังชาตรงนี้แค่คนเดียวด้วย เพราะมันไม่หนักแน่นพอ อยากให้ไปดูในช่องทางของเขา เขาสามารถยืนยันได้ว่ามาจากคุณแม่จริงๆ แล้วทุกอย่างก็คือคุณแม่ได้รับรู้แล้ว”

กระทบกระเทือนจิตใจมากไหม หลังจากที่เราออกมาพูดเรื่องแต่งงาน อีกวันก็มีข่าวนี้ออกมา?

“เรื่องคุณแม่ของพี่วาว ท่านไม่ปลื้มเนี่ยะ มันก็เป็นความรู้สึกของเขา ชาเองไม่ทราบเพราะเราเองก็ไม่เคยเจอกัน แต่ถามว่าข่าวกระทบกระเทือนจิตใจไหม ก็ค่อนข้าง เพราะผู้หญิงทุกคนถ้าเจออย่างนี้มันก็เสียใจ แต่ว่าเดี๋ยวก็ดีขึ้น เพราะชาเชื่อว่าข่าวแป๊บเดียว เดี๋ยวก็หายไป”

พี่วาวให้กำลังใจน้ำชาอย่างไรบ้าง?

“ก็พยายาม เขาให้กำลังใจเราทุกคำ เขาก็บอกรักและบอกว่าสู้ๆ นะ คือมันเป็นเรื่องที่ใครๆ ต้องเสียใจอยู่แล้ว เพราะมันเป็นเรื่องที่กระทบจิตใจเยอะ ถึงแม้มันจะไม่ใช่เรื่องจริงก็ตาม ชาเชื่อว่าผู้หญิงทุกคนต้องรู้สึกอยู่แล้ว”

พี่เขาอึดอัดใจไหมในฐานะคนกลาง?

“อึดอัด เขาค่อนข้างอึดอัดค่ะ เพราะว่าเขาก็คือคนกลาง นั่นก็แม่ นี่ก็แฟน แต่เชื่อว่าเดี๋ยวก็ผ่านไปได้ คือที่ชาเสียใจเพราะไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นกับเรา ถึงแม้มันจะใม่ใช่ความจริงก็ตาม แต่มันก็กระทบกระเทือนจิตใจ ชายอมรับว่าไม่อยากออกไปเจอใครเลย จนกว่าจะได้มาพูดวันนี้”

น้ำชา

มีคนมาถามไถ่เยอะ?

“ก็เยอะค่ะ ไลน์ก็เด้งทั้งวันเหมือนกัน ชากับพี่วาวไม่เคยทะเลาะกันเลย เราคบกันมาด้วยดีตลอด ถึงแม้อายุห่างกันตั้ง 14 ปี แต่เราก็ไม่ทะเลาะกัน พอวันที่เขาขอแต่งงานเราก็ดีใจ เพราะมันเป็นเรื่องใหญ่แต่พอวันต่อมามาเจอข่าวนี้ ก็แบบช็อก ช็อกแบบไปไม่ถูกเลย แต่ว่าเดี๋ยวก็ดีขึ้น”

ย้อนกลับไปก่อนจะมีการขอแต่งงาน น้ำชาเคยเจอกับคุณแม่มาก่อนไหม?

“ก็อย่างที่บอกไปเมื่อกี้เลย ไม่เคยเจอ ด้วยปัจจัยอะไรหลายๆ อย่าง ด้วยหลักการของเขา และท่านก็อายุมากแล้ว ก็คงไม่มีแรงมาทำความรู้จักแล้วก็หายไป ท่านคงอยากให้พี่วาวชัวร์จริงๆ ว่าจะจริงจัง อีกอย่างพี่วาวก็ 44 ปีแล้ว”

หลังเหตุการณ์นี้ จะมีการเข้าไปพบท่านไหม?

“ชาไม่ได้ติดเลย เพราะชาเป็นเด็ก ยังไงชาก็ต้องเคารพท่าน”

ครอบครัวของน้ำชาว่าอย่างไรบ้าง?

“คุณแม่ก็ค่อนข้างตกใจ คุณพ่อคุณแม่ทุกคนยังไงก็รักลูกตัวเองสุดหัวใจ พอมีข่าวนี้ออกมาท่านก็ค่อนข้างที่จะตกใจ และยอมรับว่าก็มีการเข้าใจผิดในช่วงแรกเหมือนกัน แต่พอชาได้อธิบายให้ท่านฟังแล้ว ท่านก็โอเค”

แสดงว่าหลังจากนี้ก็จะดำเนินการต่อไป?

“ใช่ค่ะ เชื่อว่ารักแท้ก็ต้องมีอุปสรรคนิดนึง (หัวเราะ) ยังไงก็ต้องทำให้ได้ เพราะจริงๆ มันไม่มีอะไรเลย มันแค่ข่าวที่ไม่เกิดขึ้นจริง ที่ออกมาให้ชาเสียใจเล่นๆ เราก็ไม่อยากจะไปจมกับมัน ชาอยู่ในวงการมา 10 กว่าปีแล้ว เพราะฉะนั้นอยากให้ทุกคนฟังจากชาและพี่วาวว่าความจริงเป็นอย่างไร มากกว่าที่จะไปอ่านและนำไปพูดสนุกกัน เพราะว่าการที่คุณพูดหรือเขียนสนุกๆ มันทำให้คนที่ถูกพูดถึงเสียใจมากๆ ได้ ”

ได้หาคนปล่อยนข่าวไหม?

“ไม่ได้หา แต่เราก็มีสตอรี่ออกไป เกี่ยวกับคนที่พูดพาดพิงและคนที่ทำให้เป็นข่าวนี้ ไม่ได้พูดถึงใครใดๆ ที่ใกล้ชิดพี่วาวหรืออะไร ชาพูดถึงคนที่ทำให้เกิดข่าวนี้ขึ้น ก็ไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไร”

อะไรที่ทำให้ชาและวาวยังจับมือกันแน่นแม้จะมีอุปสรรค?

“ความรักเป็นอันดับแรกเลย และตลอดระยะเวลา 2 ปีที่คบกัน มันมีเรื่องดีๆ เยอะมาก เยอะกว่าเรื่องแบบนี้ ยังไงก็ผ่านไปได้อยู่แล้วค่ะ”

แล้วเรื่องงานแต่งงานจะทำอย่างไรต่อไป?

“งานแต่งก็คือเหมือนเดิมค่ะ จริงๆ แพลนไว้ว่าจะจัดภายในสิ้นปีนี้ แต่มันไม่ทัน ไหนจะงานเยอะก็ต้องเตรียมนู่นเตรียมนี่เยอะอีก ก็เลยต้องเป็นปีหน้า และรอฤกษ์ด้วย”

สุดท้ายคิดว่าการที่เราออกมาพูดตรงนี้แล้วเรื่องจะเงียบลงไหม?

“นั่นเป็นเรื่องของอนาคต คนเราจะพูดจะอะไร ก็ทำได้แหละ มันจะทำตรงไหนก็ได้ ชาไม่สามารถที่จะห้ามได้ แต่ก็อยากจะฝากถึงเหมือนกันว่า การที่เราสนุกปากมันทำให้คนมีปัญหากัน เข้าใจผิด หรือทำให้เสียความรู้สึกได้มาก ขณะที่คุณสนุกในการพูดกับเพื่อนๆ ของคุณ”

น้ำชา


ภาพจาก : @Lindsay_magic

 

พระราชพิธีบรมราชาภิเษก

เริ่มพรุ่งนี้! ตารางการแสดงมหรสพสมโภช 7 วัน เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

Alternative Textaccount_circle
พระราชพิธีบรมราชาภิเษก
พระราชพิธีบรมราชาภิเษก
แม้พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 ของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว จะเสร็จสิ้นสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าความประทับใจจะคงอยู่ตลอดไป รวมถึงจะมีการเฉลิมฉลองด้วยมหรสพสมโภช ในวันที่ 22-28 พฤษภาคม 2562 อีกด้วย ซึ่งรัฐบาลขอเชิญประชาชนร่วมชมมหรสพสมโภช เนื่องในงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ปี 2562 ส่วนกลาง ณ ท้องสนามหลวง และส่วนภูมิภาค 76 จังหวัดพร้อมกันทั่วประเทศ
สำหรับการแสดงมรสพสมโภชครั้งนี้จะมีการแสดงชุดพิเศษ ได้แก่ รำถวายพระพร และการแสดงโขน เรื่อง รามเกียรติ์ ซึ่งได้แบ่งการจัดงานเป็น 2 ส่วน คือที่เวทีกลางท้องสนามหลวง โดยจะเริ่มแสดงในเวลา 18.30 – 21.30 น. รวมถึงจะมีการแสดงที่น่าสนใจอีกมากมาย เช่น การละเล่นของหลวง, มหาดุริยางค์สากล, ดุริยางค์ไทย, การแสดงละครเพลงในสวนฝัน “ผสานใจภักดิ์จงรักนฤบดี” นำแสดงโดย สินจัย เปล่งพานิช, โป๊ป ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ, เบลล่า ราณี แคมเปน และ เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์ เป็นต้น
ส่วนเวทีย่อยจะแบ่งออกเป็น 2 แห่ง คือ เวทีฝั่งศาลฎีกา และเวทีฝั่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยจะเริ่มแสดงในเวลา 17.30-18.30 น. ซึ่งจะมีการแสดงหุ่นละคร และมหกรรมเพลงพื้นบ้าน
นอกจากนี้ตลอดทั้ง 7 คืน ในเวลา 21.30-23.00 น. ก็จะมีการแสดงแสง สี เสียง ม่านน้ำ ไฟประดับชุด “แสงแห่งพระมหากรุณาธิคุณอบอุ่นหล้า” ซึ่งประดับด้วยไฟแอลอีดีสีต่างๆ นับ 10,000 ดวง และมีการจัดสวนดอกไม้และต้นไม้บนพื้นที่กว่า 20,000 ตารางเมตร ให้ประชาชนได้ชมกัน
พระราชพิธีบรมราชาภิเษก

พระราชพิธีบรมราชาภิเษก

พระราชพิธีบรมราชาภิเษก

ทั้งนี้มีตารางการแสดงมหรสพสมโภชตลอด 7 วัน ดังนี้

พระราชพิธีบรมราชาภิเษก

พระราชพิธีบรมราชาภิเษก


 

ภาพ : พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช๒๕๖๒CMO Group – Bangkok Creative Playground


 

ติดตามบทความอื่นๆ ได้ที่

ในหลวง ร.10 พระราชทานพระบรมฉายาลักษณ์ที่ทรงฉายกับสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ

ในหลวง ร.10 พระราชทานพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ

เผยโฉม เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 10 รายพระนามและรายนามผู้ได้รับพระราชทาน

ในหลวง ร.10 พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ จัดเลี้ยงขอบคุณผู้ปฏิบัติงานพระราชพิธีฯ

ในหลวง ร.10 ทรงมีพระราชกระแสขอบใจ ชมเชยทุกคน ร่วมจัดพระราชพิธีฯลุล่วง

กรมสมเด็จพระเทพฯ เสด็จฯเยี่ยมโรงสีข้าว-โรงโคนม สวนจิตรลดาแห่งใหม่

รู้จัก “เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า” เกียรติยศพระราชทาน แห่งราชวงศ์จักรี

ในหลวง ร.10 พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์แก่ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯในการพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ

ในหลวง ร.10 และสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ เสด็จฯในการพระราชพิธีพืชมงคล

ที่สุดแห่งความประณีต ‘ผ้าไหมทอ’ คอสตูมราชสำนัก ที่ใช้ตัดชุดไทยให้กับเจ้านายทุกพระองค์

เข้มแข็งดุจชายชาติทหาร เหตุผลที่ สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ และเจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ ทรงร่วมขบวน

ในหลวง ร.10 พระราชทานเครื่องราชฯแก่ “ท่านผู้หญิงพลอย” และ “คุณใหม่”

น้ำพระทัยเปี่ยมล้น ในหลวง ร.10 พระราชทานเงิน 2,400 ล้าน แก่โรงพยาบาล

5 ทรงพระเกศาแบบไทยของ “เจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ” ทรงสง่างามในการพระราชพิธีฯ

3 ขัตติยราชนารีแห่งพระราชวงศ์จักรี ทรงพระสิริโฉมในฉลองพระองค์ชุดไทย

เจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ เจ้าหญิงผู้เป็นรอยยิ้มของราชวงศ์ไทย

งดงาม ทรงคุณค่า ฉลองพระองค์ของ พระเจ้าแผ่นดิน ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

ปลื้มปิติถ้วนหน้า ประมวลภาพในหลวงรัชกาลที่ ๑o เสด็จออก ณ สีหบัญชร

ยืนหนึ่งสมศักดิ์ศรี เจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ เจ้าหญิงที่มีสไตล์ระดับโลก

พระฉายาลักษณ์ “สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ” รอยยิ้มแห่งแผ่นดินตรึงใจพสกนิกร

พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัส ในการเสด็จออกสีหบัญชร

เปิดบันทึก ร.๖ ทรงตรัสไม่มียานพาหนะใดประทับแบบคิงแท้ๆ เท่าพระราชยาน

งดงามจับตา 2 พระธำมรงค์คู่พระบารมี แห่งพระมหากษัตริย์จักรีวงศ์

พระบรมฉายาลักษณ์สุดอบอุ่นของ ในหลวง ร.10 กับพระราชธิดาและพระราชโอรส

กษัตริย์บรูไน สูญเงินรายได้โรงแรมเดียวเกือบ 100 ล้าน หลังถูกฮอลลีวู้ดบอยคอต

กษัตริย์บรูไน ถูกพิษ Dorchester War ที่กำลังเป็นประเด็นฮ็อตลามไปทั่วโลก

เมื่อเหล่านักแสดงฮอลลีวู้ด เซเลบริตี้ และองค์กรต่างๆ ร่วมแสดงพลัง เพื่อต่อต้านการประกาศใช้บทลงโทษตามกฎหมายอิสลาม (ชารีอะห์) ในการลงโทษกลุ่มคนรักร่วมเพศ ประเทศบรูไน พร้อมเรียกร้องให้ผู้คนทั่วโลกร่วมบอยคอตการใช้บริการโรงแรมทั้ง 9 แห่งในเครือ Dorchecter Collection ที่กษัตริย์บรูไนเป็นเจ้าของ ได้แก่

กษัตริย์บรูไนThe Dorchester ลอนดอน อังกฤษ

 

กษัตริย์บรูไน

กษัตริย์บรูไน45 Park Lane ลอนดอน อังกฤษ

 

กษัตริย์บรูไน

กษัตริย์บรูไน Coworth Park สหราชอาณาจักร อังกฤษ

 

กษัตริย์บรูไน

กษัตริย์บรูไนThe Beverly Hills Hotel ลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา

 

กษัตริย์บรูไน

กษัตริย์บรูไนHotel Bel-Air ลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา

 

กษัตริย์บรูไน

กษัตริย์บรูไนLe Meurice ปารีส ฝรั่งเศส

 

กษัตริย์บรูไน

กษัตริย์บรูไนHotel Plaza Athenee ปารีส ฝรั่งเศส

 

กษัตริย์บรูไนHotel Eden โรม อิตาลี

 

กษัตริย์บรูไนHotel Principe di Savoia มิลาน อิตาลี

แค่สิบกว่าวันที่มีแคมเปญนี้ เฉพาะโรงแรม The Beverly Hills Hotel ลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกาถูกยกเลิกงานอีเว้นต์ และการจองห้องพักของเหล่าซุปตาร์ ชวดเงินไปแล้วเกือบ 100 ล้านบาท ยังไม่รวมรายได้จากห้องอาหารและบาร์ที่หดหายไป เพราะไม่มีแขกมาใช้บริการ ลองคิดเล่นๆ ว่า ถ้าโรงแรมอีก 8 แห่ง ชวดเงินอีกแห่งละเกือบ 100 ล้านบาทละ จะเป็นยังไง

ตอนนี้โรงแรมทั้ง 9 แห่งในเครือ Dorchester Collection ปิดอินสตาแกรมและโซเชี่ยลมีเดียหนีเรียบ มีเพียงทวิตเตอร์จากฝั่งผู้บริหาร Dorchecter Collection ที่ออกมาบอกว่า ถ้าปรากฏการณ์นี้ยังมีอย่างต่อเนื่อง จะส่งผลกระทบกับพนักงานกว่าสี่พันคน รวมถึงพันธมิตร และคู่ค้าที่ทำธุรกิจร่วมกันแน่นอน ล่าสุดการบอยคอตยังลามไปถึงสายการบิน Royal Brunei ด้วยจ้า

ทำให้กษัตริย์บรูไนยอมถอยหนึ่งก้าว ด้วยการประกาศระงับใช้กฎหมายชั่วคราว เพื่อให้สถานการณ์เงินในกระเป๋ากลับมาตุงเหมือนเดิม ส่วนหนังม้วนนี้จะจบยังไง คงต้องรอดูต่อยาวๆไปครับ…พี่น้อง!

 

อ่านเรื่องราวอื่นๆที่เกี่ยวข้องได้ที่

ขอโทษแล้ว! Dolce&Gabbana ยอมรับบทเรียน หลังฟีดแบ็คแรงจากคลิปส่อเหยียดเชื้อชาติ

สะท้านวงการแฟชั่น เหล่าดีไซน์เนอร์ดังรวมตัว บอยคอต “เมลาเนีย ทรัมป์”

 

เจ้าหญิงไอโกะ รัชทายาทองค์เดียว ของจักรพรรดินารุฮิโตะ แห่งบัลลังก์เบญจมาศ

account_circle

เจ้าหญิงไอโกะ พระธิดาและรัชทายาทพระองค์เดียว ของสมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะ และ สมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะ แห่งบัลลังก์เบญจมาศ

เจ้าหญิงไอโกะ หรือ เจ้าโทชิ ทรงประสูติ เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2544 ณ โรงพยาบาล Imperial Household Agency กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น พระองค์ทรงเป็นพระธิดาและรัชทายาท พระองค์เดียวของ สมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะ และ สมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะ

จ้าหญิงไอโกะ

โดยในขณะที่สมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะทรงตั้งพระครรภ์นั้น พระองค์มีพระชนมายุ 37 ปี และยังมีรายงานจาก นายเบน ฮิลส์ (Ben Hills) นักข่าว ผู้เขียนหนังสือเจ้าหญิงมาซาโกะ : นักโทษแห่งบัลลังก์เบญจมาศ (Princess Masako: Prisoner of the Chrysanthemum Throne) ระบุว่าสมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะ ทรงพระครรภ์เจ้าหญิงไอโกะด้วยการปฏิสนธินอกร่างกาย

สำหรับพระนามของเจ้าหญิงไอโกะนั้น มีความหมายลึกซึ่งเป็นอย่างมากและยังทรงเป็นพระนามที่ สมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะ และ สมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะ ทรงตั้งพระนามด้วยพระองค์เอง ซึ่งโดยปกติแล้วสมเด็จพระจักรพรรดิที่ทรงครองราชย์ ณ ตอนนั้นจะเป็นผู้ตั้งให้

จ้าหญิงไอโกะ

สำหรับพระนามของเจ้าหญิงไอโกะ หรือ เจ้าโทชินั้น นำมาจากคำสอนของเม่งจื๊อ นักปรัชญาชาวจีน โดยมีความหมายว่า….

“ผู้ที่ให้ความรักก็จะได้ความรักตอบ ผู้ที่ให้ความเคารพก็จะได้ความเคารพตอบ”

เมื่อนำพระนามของพระองค์มาแยกกันจะให้ความหมายว่า “ไอโกะ” (愛子) ประกอบด้วยตัวคันจิสองตัวคือ “ความรัก” () กับ “เด็ก” () รวมกันมีความหมายว่า “บุคคลอันเป็นที่รัก” ส่วนพระอิสริยยศและราชทินนาม “เจ้าโทชิ” (敬宮 toshi-no-miya) มีความหมายว่า “บุคคลผู้ควรแก่การเคารพ”

ปัจจุบันเจ้าหญิงไอโกะทรงมีพระชนมายุ 17 ชันษา ทรงศึกษาอยู่ที่โรงเรียนกากุชูอิน โรงเรียนหลวง แห่งราชวงศ์ญี่ปุ่น ซึ่งแต่เดิมโรงเรียนแห่งนี้ เมื่อปี 1926 ได้มีพระราชโองการเกี่ยวกับการศึกษาของราชนิกูล ได้ระบุว่า “ราชนิกูลทั้งชายและหญิงจะต้องเข้าเรียนที่กากุชูอิน” แต่ปัจจุบันโรงเรียนแห่งนี้ได้เปิดรับสามัญชนให้มาเข้าศึกษาได้ด้วย แต่ถึงอย่างไรก็ตามโรงเรียนกุกุชูอิน ก็ยังติดภาพลักษณ์ว่า เป็นโรงเรียนของชนชั้นสูง

ทั้งนี้เมื่อย้อนกลับไปในช่วงเดือนมีนาคม 2553 ขณะนั้นเจ้าหญิงไอโกะทรงศึกษาอยู่ในระดับชั้นประถมศึกษา พระองค์ทรงเกิดอาการโศกเศร้า และประทับอยู่แต่ในวัง ไม่เสด็จไปโรงเรียน เมื่อสืบสาวถึงต้นต่อของสาเหตุจึงพบว่า เจ้าหญิงไอโกะถูกเพื่อนร่วมชั้นกลั่นแกล้ง (Bully) ภายหลังจากนั้นในเดือนพฤษภาคม 2553 เจ้าหญิงไอโกะได้เสด็จกลับไปศึกษาตามเดิม โดยทางราชสำนักได้มีการจำกัด และเข้มงวดจำนวนพระสหายของเจ้าหญิงไอโกะ รวมถึงแพทย์ประจำพระราชสำนักมกุฎราชกุมาร ยังแนะนำให้สมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะ เสด็จฯ ไปรับ-ส่งพระธิดาที่โรงเรียนทุกวันอีกด้วย

โดยเหตุการณ์นี้ยังเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยรักษาโรคเครียด จนเกิดภาวะโรคซึมเศร้าของ สมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะ อันเนื่องจากในตอนนั้นพระองค์ทรงถูกกดดันให้มีรัชทายาทเพศชาย แต่หลังจากที่พระองค์ต้องเสด็จฯ ไปรับ-ส่งพระธิดาที่โรงเรียนทุกวัน อาการประชวรก็ของพระองค์ก็เริ่มดีขึ้นตามลำดับ และเมื่อเจ้าหญิงไอโกะทรงดีขึ้นกับการไปโรงเรียน จึงทำให้สมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะก็ทรงมีพระเกษมสำราญมากขึ้นอีกด้วย

จ้าหญิงไอโกะ

อย่างที่ทราบกันดีว่ากฎมณเฑียรบาลของประเทศญี่ปุ่นนั้นจะต้องรัชทายาทที่เป็นเพศชายเท่านั้น ถึงจะมีสิทธิ์ในบัลลังก์เบญจมาศ แต่การประสูติของเจ้าหญิงไอโกะนั้น ทำให้เกิดวิกฤตการสืบราชสมบัติของญี่ปุ่นเนื่องจากไม่มีเจ้านายรุ่นใหม่ที่เป็นเพศชาย จึงทำให้เกิดข้อถกเถียงถึงการแก้ไขกฎมณเฑียรบาล ที่ระบุว่าผู้สืบราชสมบัติจะต้องเป็นบุตรคนโตเพศชายเท่านั้น แต่เปลี่ยนเป็นบุตรคนโตที่เป็นหญิงหรือชาย ก็สามารถขึ้นครองราชย์ได้

แต่ดูเหมือนว่า ข้อเสนอได้ถูกเลื่อนออกไปเมื่อ หลังจากการประกาศของสำนักพระราชวังว่าเจ้าหญิงคิโกะ พระชายาในเจ้าชายฟุมิฮิโตะ เจ้าชายอะกิชิโนะ พระอนุชาในจักรพรรดินารุฮิโตะ ทรงพระครรภ์เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549 ภายหลังจึงได้ประสูติกาลเจ้าชายฮิซาฮิโตะแห่งอากิชิโนะ เมื่อวันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2549 โดยพระองค์จะขึ้นเป็นรัชทายาทลำดับที่สามและเป็นเจ้านายฝ่ายหน้าพระองค์ล่าสุดในรอบ 41 ปีของญี่ปุ่น

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2550 นายกรัฐมนตรีประเทศญี่ปุ่น นายชินโซ อาเบะ ได้ประกาศยกเลิกข้อเสนอการแก้กฎมณเฑียรบาล ที่จะให้เจ้านายที่เป็นสตรีขึ้นครองราชย์ จึงคาดการณ์ว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงกฏเพื่อให้เจ้าหญิงไอโกะขึ้นครองราชย์


ข้อมูล : http://royalcentral.co.uk, Wikipedia

 

 

Unisex

อวตารยานแม่ขอระบาย “ดัง พันกร” กับแฟชั่น Unisex ที่หลายคนไม่เข้าใจ

Alternative Textaccount_circle
Unisex
Unisex

แต่ก่อนว่าแต่งตัวเก่งแล้ว ปัจจุบันแต่งตัวเก่งยิ่งกว่าเก่าจนกลายเป็นยานแม่ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับ  “ดัง-พันกร บุณยะจินดา” ศิลปินผู้หลงใหลในแฟชั่น Unisex ทว่าแม้จะเป็นความชอบส่วนตัวของเขา แต่กลับขัดหูตาคนอื่น กระทั่งมีการวิพากษ์วิจารณ์ ล่าสุด นักร้องดังได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ในงาน ไทเกอร์ บาล์ม แอนด์ ลีโอ พรีเซ้นต์ คูลฟาเรนไฮต์ มิวสิค เฟส วันซ์ อัพออน อะทีน # มันส์สุดในสามโลก ที่จัดขึ้น ณ สนามเด็กเต้นโอเชี่ยนมารีน่า ยอร์ช คลับ พัทยา

Unisex

ตอนนี้ “ดัง” กลายเป็นคนดังในโลกแฟชั่นไปแล้ว?

“ดังโตมากับแฟชั่น เป็นนักร้องที่ชอบแฟชั่นเท่านั้นเองครับ”

ส่วนตัวรู้สึกยังไงก็แฮชแท็ก “อวตารยานแม่” ?

“ก็ต้องถามคนอื่นมากกว่า ดังเองไม่ทราบเหมือนกันครับ รู้สึกไม่เหมือนใครดี อาจจะเป็นจิกซอว์ตัวต่อไปสำหรับโปรเจ็กค์ใหม่ ก็ขอฝากผลงานใหม่ด้วยเร็วๆนี้”

ตอนนี้คนจับตามองแฟชั่นไอคอนมากกว่างานเพลงไปแล้ว?

“ก็รู้สึกโอเคนะครับ แฟชั่นมันเป็นสิ่งที่เข้ากันได้ในยุคนี้ ใส่อะไรก็ได้ บางคนอาจจะมองว่าดังมาใส่กระโปรงขึ้นเวที แต่จริงๆ เมื่อก่อนประเทศอื่นเขายังนุ่งโสร่ง ใส่กระโปรงกันเลย ฉะนั้นก็ไม่แปลกอะไร ตัวดังมองว่าใส่อะไรก็ได้ที่รู้สึกว่าเราเป็นตัวเรา ไม่ต้องแคร์ใครเพราะชีวิตมันเป็นชีวิตของเรา ใครจะมองว่าเราเป็นยังไงไม่ต้องสนใจ ถ้าเรามองว่าเราเท่ เรามั่นใจ นั่นแหละอย่าให้ความคิดคนอื่นมาทำให้เราไขว้เขว”

มีความอึดอัดกับความสงสัยของคนที่มองว่าทำไมเราต้องใส่กระโปรงหรือเป็นแฟชั่นของเราบ้างหรือเปล่า?

“ผมก็มีอินสไปเรชั่นมาจากตัวเองนี่แหละครับ ก็แฟชั่นมันคืออาร์ตมันไม่มีอะไรผิดถูก ไม่มีอะไรถูกผิด อยู่ที่คนจะมอง อยู่ที่คนจะชอบ อยู่ที่แต่ละคน อะไรที่เราใส่แล้วเรามั่นใจก็ไม่ต้องไปแคร์คนอื่น ความมั่นใจพลังงานบวกเข้าถึงตัวเอง มันจะมีสิ่งดีๆเข้ามาหาตัวเราเอง”

Unisex

จริงๆต้องเป็นแบรนด์เนมทั้งตัวไหม คนมองว่าพอเราใส่ทีไรทุกอย่างต้องแบรนด์เนมหัวจรดเท้าตลอด?

“เอาภาพสวยหรือเอาเรื่องจริงครับ ก็ต้องแบรนด์เนมทั้งตัวครับ พูดเล่นครับ (หัวเราะ) จริงๆ แว่นตาดังซื้อตลาดนัดได้นะ ชุดนอนบางชุดก็ซื้อตลาดนัดนะ อย่างกางเกงผ้าแพร เสื้อสั้นๆ เราก็เอามามิกซ์แอนด์แมตซ์”

หลายคนมองว่าแฟชั่นที่เราใส่ค่อนข้างแปลกตา?

“สมัยนี้มันไม่มีคำว่าชายหรือหญิงแล้ว ทุกคนเท่าเทียมกันหมด ดังพยายามมองหลายๆแง่ให้ตัวเองรู้สึกให้กำลังใจตัวเอง  เลยรู้สึกว่าถ้าใครจะมาชมว่าเราเท่ เราก็มองว่าก็พ่อเราเท่ หรือบางคนอาจจะติเราว่าทำไมหวาน แต๋วแตก ก็ช่วยไม่ได้ก็แม่เราสวย”

แสดงว่ากระแสสังคมไม่ได้ทำให้ความเป็นตัวตนของเราหายไป?

“ไม่หรอกครับ การทำงานเพลงมันไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องเงินอย่างเดียว มันคือการให้ความหวัง ให้กำลังใจคน ให้สิ่งดีๆให้แง่คิดดีๆกับแฟนเพลงแฝงอยู่ การทำงานมันไม่ใช่แค่รักๆใคร่ๆ มันต้องมีแก่นของมันก่อน แล้วค่อยมาแตกเป็นเรื่องรักๆใคร่ๆ”

คนเลยมองว่าเราจะเอาแฟชั่นมาประกอบกับงานเพลงใหม่ยังไง ชุดเราจัดจ้าน เพลงเราก็ต้องจัดจ้านรุนแรงขึ้นไป หรือจะเปลี่ยนแนว?

“ก็ให้จำคำว่าแฟชั่นไว้แล้วกันครับ แล้วเดี๋ยวเราได้พบกันแน่นอน”

Unisex

สำหรับ “ยูนิเซ็กส์” ( Unisex ) คือ เทรนด์แฟชั่นที่สามารถประยุกต์ใช้ได้กับทั้งเพศชายและหญิง ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าหรือเครื่องประดับ ไม่ได้แบ่งแยกว่าเหมาะสมกับเพศใดเพศหนึ่ง ปรากฏครั้งแรกในนิตยสารของสหรัฐอเมริกาในปี ค.ศ.1968 และกลายเป็นแฟชั่นตั้งแต่ปี 1980 เป็นต้นมา

อันที่จริงแล้วแฟชั่นสไตล์นี้ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร และหลายครั้ง เราสวมใส่ในชีวิตประจำวันด้วยซ้ำ  อย่าง H&M ได้ออกไลน์เสื้อผ้าที่ชื่อว่า Denim United กระทั่ง Zara ก็มีไลน์เสื้อผ้าที่ชื่อว่า Ungendered ซึ่งบางครั้งอาจจะอยู่ในตู้เสื้อผ้าที่บ้านของคุณก็ได้


ภาพจาก : @dunkphunkorn

สมาชิกราชวงศ์อังกฤษต้องถือคลัทช์ด้วยสองมือ

อีกหนึ่งกฎควรรู้ ทำไมสมาชิกราชวงศ์อังกฤษต้องถือคลัทช์ด้วยสองมือ

สมาชิกราชวงศ์อังกฤษต้องถือคลัทช์ด้วยสองมือ
สมาชิกราชวงศ์อังกฤษต้องถือคลัทช์ด้วยสองมือ

เป็นอีกหนึ่งกติกามารยาทในเรื่องแฟชั่นที่หลายคนอาจไม่เคยรู้ว่า ทำไมสมาชิกราชวงศ์อังกฤษต้องถือคลัทช์ด้วยสองมือ ซึ่งวันนี้เราจะมาเฉลยให้ได้ทราบกัน

อย่างที่หลายคนเข้าใจกันดีว่าราชวงศ์อังกฤษมีกฎการแต่งกายที่ถูกกำหนดไว้สำหรับสมาชิกราชวงศ์มาแล้วหลายสิบปี บางครั้งจากธรรมเนียมเก่าแก่ก็ได้กลายเป็นแฟชั่น อย่างเช่นการสวมหมวกของสุภาพสตรีในราชวงศ์อังกฤษ ที่เป็นสัญลักษณ์การแต่งกายตามแบบฉบับผู้ดีอังกฤษไปแล้ว หรือไม่ก็การห้ามสวมรองเท้าส้นเตารีดต่อหน้าควีนเอลิซาเบธที่ 2 เพราะพระองค์ไม่ทรงโปรดรองเท้าลักษณะนี้เอามากๆ

ซึ่งกฎอีกหนึ่งข้อที่หลายคนอาจไม่เคยรู้ก็คือการถือคลัทช์ด้วยสองมือ หากใครสังเกตเมื่อดัชเชสเคทและดัชเชสเมแกนเสด็จฯ ออกงานต่างๆ ทั้งสองพระองค์มักจะถือคลัทช์ด้วยสองมือ เพราะเป็นกฎที่รู้กันว่าบุคคลทั่วไปจะไม่ได้รับอนุญาตให้จับมือกับสมาชิกคนใดในราชวงศ์ จึงทำให้เกิดกฎการถือคลัทช์ขึ้น โดยสุภาพสตรีของราชวงศ์ต่างถือคลัทช์ด้วยมือทั้งสอง และถ้ามือถูกครอบครองด้วยกระเป๋า ทุกคนจะลงความเห็นได้ทันทีว่าจะไม่มีการสัมผัสใดๆ และจะไม่มีคำถามเกิดขึ้น ทั้งนี้ยังสามารถเลี่ยงหรือปฏิเสธการจับมือจากฝ่ายตรงข้ามได้โดยไม่ให้เสียน้ำใจ

สมาชิกราชวงศ์อังกฤษต้องถือคลัทช์ด้วยสองมือ

เรียกได้ว่าเป็นกฎที่ปฏิบัติกันมานานตั้งแต่เจ้าหญิงไดอาน่า ดัชเชสเคท มาจนถึงสมาชิกราชวงศ์อังกฤษคนล่าสุด ดัชเชสเมแกน ก็ทรงรักษากฎข้อนี้เช่นกัน แต่ถ้าหากมีการจับมือเกิดขึ้น ก็จะมีวิธีการตามกฎคือ ต้องสบตากับคนที่จับมือด้วย จับมือหลวมๆ ไม่แน่นจนเกินไป และเขย่ามือเพียง 1-2 ครั้งเท่านั้น

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ไขความลับ ‘ดัชเชสเมแกน’ สวมส้นสูงไซส์ใหญ่กว่าขนาดเท้าจริงเพราะอะไร

ตามรอยไอเท็ม! ลิซ่า BLACKPINK กับกระเป๋าโท้ทจากแบรนด์ SIRIVANNAVARI

แฟชั่นนี้ควีนไม่ปลื้ม! เผยสไตล์ของสองดัชเชสที่ห้ามแต่งต่อหน้าควีน

ลุคนี้อย่างเท่! ญาญ่า-อุรัสยา บินตรงนิวยอร์ก ชมโชว์ Louis Vuitton Cruise 2020

สวยเรียบแต่หลุดธีม ส่องลุคคนดังใน Met Gala 2019 แต่งเบาจนจืดสนิท

Exclusive! ไม่เสี่ยงก็ไม่สนุก ป่าน-ณิชาภัทร คนไทยหนึ่งเดียวใน Met Gala 2019

ยอมกันที่ไหน! คนดังงัดไม้ตายทำพรมแดง Met Gala 2019 ลุกเป็นไฟ

ฉายเดี่ยว! เวอร์ฌินี เวียร์ด ผู้กุมบังเหียนคนใหม่ ปล่อยของใน Chanel Cruise 2020

ต้องสวยทุกลุค! แคท-ซอนย่า แนะไอเดียแมทช์เสื้อสีเหลืองยังไงให้เป๊ะทุกมุม

พักเบรกความหวาน ตามหาทุกไอเท็มของ ญาญ่า ในภาพสุดสวีทกับณเดชน์

คุณฝน รติรส พระสหายสนิทพระองค์หญิงฯ เผยวิธีแมทช์จิวเวลรี่ให้เข้ากับวันทำงาน

เปลี่ยน ‘เสื่อกก’ ให้เป็นกระเป๋า ไอเท็มดีไซน์โมเดิร์นฝีมือคนไทย ดังไกลถึงต่างแดน

ช็อกรันเวย์! นายแบบชาวบราซิลเสียชีวิต หลังล้มหมดสติระหว่างโชว์


ภาพ : Getty Images

Queen Of Cannes

เส้นทางพรมแดงกว่าจะเป็น “ชมพู่ อารยา” Queen Of Cannes

Alternative Textaccount_circle
Queen Of Cannes
Queen Of Cannes

ชีวิตถ้าขาดเป้าหมาย ก็เหมือนกับการเดินทางที่ไม่รู้เส้นทางที่แน่นอน จนอาจทำให้เสียเวลา ทว่าคงไม่เกิดขึ้นกับเธอคนนี้แน่นอน “ชมพู่-อารยา” สาวเพอร์เฟคชั่นนิส เธอสนุกกับการวางแผนชีวิตของตัวเอง ไปสู่เส้นทางที่เธอใฝ่ฝัน จนวันนี้เธอได้รับฉายาว่า ราชินีพรมแดงเมืองคานส์ (Queen Of Cannes )

ความตื่นเต้นกับการเดินทางครั้งที่ 7 ในการเดินพรมแดงเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองคานส์ (Festival de Cannes 2019) 

“ปีนี้เป็นปีที่ 7 แล้ว เดินมาแล้ว 19 พรมก็ยังรู้สึกตื่นเต้นเหมือนทุกครั้ง แน่นอนว่ามันมีอินเนอร์อะไรบางอย่างที่เปลี่ยนไปตามกาลเวลา ปีแรกเราก็จะไร้เดียงสามากๆ แต่พอหลังๆ เราก็จะเริ่มรู้มากขึ้น แต่ว่าทุกๆ ปี มันก็เป็นเรื่องของการที่เราอยากจะทำให้มันดีขึ้นกว่าเดิมไปอีก มันก็เป็น Challenge ฉะนั้นก็จะตื่นเต้นมากๆ จริงๆ การเตรียมตัวไม่ใช่ตั้งแต่วันนี้ อาทิตย์ที่แล้ว หรือเดือนที่แล้ว แต่ชมคิดเรื่องครั้งต่อไปตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่เดินพรม โดยแต่ละปีหลังจากที่เดินเสร็จเราก็จะสรุปว่าแต่ละครั้งเราได้อะไร เราเรียนรู้อะไร และถ้าเรามีโอกาสอีกครั้งหนึ่งเราจะทำอะไร”

Queen Of Cannes

เปิดงาน Cannes 2019 “L’Oreal Paris : My Empire, My Own Rules. Because I’m worth it”

หลายคนอาจจะเห็นแค่เบื้องหน้าและมองว่าการเดินพรมแดงเป็นเรื่องง่ายๆ?

“จริงๆ มันไม่ง่ายนะคะ แต่โอเคแหละมันก็คือการเดิน แต่ทีนี้เราคิดว่าอยากเห็นภาพที่ออกมายังไง เราคิดว่าอะไรคือภาพที่สมบูรณ์แบบที่สุดของเรา อะไรคือสแตนดาร์ดที่เราคิดว่าเราอยากจะไปให้ถึง มันได้อยู่ที่ว่าเราเซ็ทอัพตรงนี้มากแค่ไหน เพราะฉะนั้นถ้าภาพที่เรามีมันสมบูรณ์แบบมาก การที่จะไปอยู่ตรงนั้นมันมีดีเทลเยอะมาก”

ทุกๆ ครั้งที่ไปเดินชมพู่ทำการบ้านไปอย่างหนักด้วยตัวเองเสมอ?

“ใช่ค่ะ เราก็อยากมีส่วนในการคอนโทรลสิ่งนั้นออกไป เพราะเราก็อยากให้มันเป็นตัวเรามากที่สุด แต่แน่นอนว่าเราต้องพูดคุยกับทีมของเราในเรื่องเมคอัพกับทางลอรีอัล ประเทศไทย รวมถึง “คุณแม่ป้อม” (วินิจ บุญชัยศรี) ที่มีส่วนในการช่วยกันออกแบบลุคต่างๆ หรืออาจารย์เอกช่างทำผม แต่ชมว่าสิ่งที่สำคัญมากที่สุดก็คือความกระตือรือร้นต้องการให้มันดีที่สุด”

Queen Of Cannes

อะไรคือแรงผลักดันให้ชมพู่สำหรับทำเป้าหมายใหญ่ของตัวเองได้สำเร็จ?

“ไม่พูดถึงไม่ได้คงเป็นคนที่สนับสนุนชม มีมดงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เยอะมาก ถ้าไม่มีพวกเขาก็คงไม่มีภาพที่สมบูรณ์แบบออกมาให้ทุกคนได้เห็น ส่วนหนึ่งเราเองต้องหิว หิวที่อยากจะให้งานออกมาดีที่สุด คือชมหยวนกับใครก็ได้ แต่ชมจะไม่หยวนกับสแตนดาร์ดกับงานของเรา ชมว่าตรงนี้มั้งที่เป็นพลังให้เราต้องผลักตัวเราเอง จริงๆ ปีนี้ทางแบรนด์ได้มีแมสเซจที่เราอยากบอกทุกคนตรงนี้ รวมถึงเรื่อง M power พลังผู้หญิง ชมอยากจะใช้เวทีนี้ ให้ทุกคนเห็นว่าถ้าเรามีภาพที่ชัดเจนและทำทุกสิ่งด้วยความมั่นใจ ทุ่มเทอย่างเต็มที่ เราก็จะไปถึงจุดมุ่งหมายที่เราวางไว้ได้ อยากจะเป็นกำลังใจให้ทุกๆ คน ชมว่าเป็นเชิงสัญลักษณ์ที่อยากจะให้ทุกคนเข้าใจแมสเซจตรงนี้ว่าเรา ทำอะไรก็ได้ ขอให้เรามุ่งมั่นกับมัน”

Queen Of Cannes

รู้สึกอย่างไรที่ผู้คนให้กำลังใจและเชียร์เราทุกปี?

“รู้สึกดีใจ และมันก็เป็นความอิ่มเอมใจแบบบอกไม่ถูก ถ้าไม่มีคนเชียร์ ก็ไม่รู้ว่าเราจะเอาแรง เอากำลังที่ไหนไปทำ มันมีความหมายกับชมมากๆ เลยนะคะ แน่นอนว่าบางปีมันก็อาจจะมีฟีดแบ็คที่เป็นในแง่ลบบ้าง แต่เราก็ยังรู้สึกว่าคนเขาก็ยังรัก ยังติดตามเรา เหมือนเขาเชียร์เราแบบไม่ว่าเราจะเป็นอะไรเขาก็ยังเชียร์ ก็เป็นความภูมิใจและเป็นกำลังใจที่ดีมาก”

Queen Of Cannes


ภาพจาก : @pom_vinij

สามารถติดตามอ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่ 

เส้นทางพรมแดงกว่าจะเป็น “ชมพู่ อารยา” Queen Of Cannes

ปังทุกลุค! รวม 18 ทรงผมร่วมพรมแดงคานส์ “ชมพู่ อารยา” ตลอด 6 ปีที่ผ่านมา

ย้อนพรมแดงคานส์ รวมลุคทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ของ ชมพู่-อารยา ตลอด 6 ปี

เล่นใหญ่ จัดเต็มแบบไม่มียั้ง กับ 5 ลุคสวยสะพรึงของซุป’ตาร์บนพรมแดงคานส์

ไฟนอลบิวตี้ลุคอินคานส์!! ปิดฉากฟินาเล่ของแม่ชม ทำเอาพรมแดงเดือด

ก่อนส่งท้าย ส่องเมคอัพเดย์ลุคขุ่นแม่กับภารกิจคัดเครื่องเพชรสุดหรู เตรียมปิดฉากพรมแดงคานส์สุดอลังฯ

สมเด็จพระเทพฯ

ที่มาพระยศพิเศษ สมเด็จพระเทพฯ พระองค์โสมฯ เฉลิมพระนามใหม่ ในรัชกาลที่ 10

Alternative Textaccount_circle
สมเด็จพระเทพฯ
สมเด็จพระเทพฯ

ที่มาพระยศพิเศษ สมเด็จพระเทพฯ พระองค์โสมฯ เฉลิมพระนามใหม่ ในรัชกาลที่ 10… ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 ของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว อีกหนึ่งพระราชพิธีสำคัญที่พสกนิกรเฝ้าชื่นชม คือพระราชพิธีเฉลิมพระปรมาภิไธย พระนามาภิไธย และสถาปนาพระฐานันดรศักดิ์พระบรมวงศ์ ซึ่งมีขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ (5 พฤษภาคม 2562) 

การสถาปนาพระฐานันดรศักดิ์ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกครั้งนี้ พระยศพิเศษของ “สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี” และ “พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ” ซึ่งทรงได้รับพระราชทานในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร นับว่ามีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก โดยมีการคาดเดากันว่าจะได้รับการปรับเปลี่ยนหรือไม่ อย่างไร แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ขึ้นอยู่กับพระบรมราชวินิจฉัยส่วนพระองค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ สถาปนาพระฐานันดรศักดิ์ และเฉลิมพระนามาภิไธย ดังนี้

 

สมเด็จพระเทพฯ

“สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี” ทรงได้รับการการสถาปนาพระฐานันดรศักดิ์ และเฉลิมพระนามาภิไธยเป็น “สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร มหาวชิราลงกรณวรราชภักดี สิริกิจการิณีพีรยพัฒน รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี” (อ่านว่า สม-เด็ด-พระ-กะ-นิด-ถา-ทิ-ราด-เจ้า-กรม-สม-เด็ด-พระ-เทบ-พะ-รัด-ราด-สุ-ดา-เจ้า-ฟ้า-มะ-หา-จัก-กรี-สิ-ริน-ทอน-มะ-หา-วะ-ชิ-รา-ลง-กอน-วอ-ระ-ราด-ชะ-พัก-ดี-สิ-หริ-กิด-จะ-กา-ริ-นี-พี-ระ-ยะ-พัด-รัด-ถะ-สี-มา-คุ-นา-กอน-ปิ-ยะ-ชาด-สะ-หยาม-บอ-รม-มะ-ราด-ชะ-กุ-มา-รี)

สมเด็จพระเทพฯ

สมเด็จพระเทพฯ

ทั้งนี้ สมเด็จพระเทพฯ ทรงได้รับการถวายพระนามจากสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ เมื่อแรกประสูติว่า “สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิรินธรเทพรัตนสุดา กิติวัฒนาดุลโสภาคย์” ซึ่งแปลว่า นางแก้ว อันหมายถึง หญิงผู้ประเสริฐ ครั้นในปี พ.ศ. 2520 ซึ่งขณะนั้นสมเด็จพระเทพฯ ทรงมีพระชนมายุ 22 พรรษา พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงมีพระราชดำริว่า สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิรินธรเทพรัตนสุดา กิติวัฒนาดุลโสภาคย์ ทรงได้รับความสำเร็จในการศึกษาอย่างงดงาม และทรงบำเพ็ญพระองค์ให้เป็นประโยชน์แก่ชาติบ้านเมืองมากมาย รวมถึงทรงเพียบพร้อมด้วยพระจรรยามารยาทและคุณสมบัติแห่งขัตติยราชกุมารีทุกประการ อีกทั้งยังเป็นที่รักใคร่ นับถือ และสรรเสริญพระเกียรติคุณโดยถ้วนทั่ว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาพระอิสริยยศและพระอิสริยศักดิ์ให้สูงขึ้น ให้ทรงรับพระราชบัญชาและสัปตปฎลเศวตฉัตร (เศวตฉัตร 7 ชั้น) ซึ่งพระราชอิสริยยศนี้สูงส่งที่สุดของเจ้านายฝ่ายใน พร้อมทั้งเฉลิมพระนามตามที่จารึกในพระสุพรรณบัฏว่า “สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี” เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2520 ในการพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 50 พรรษา ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

 

การสถาปนาพระฐานันดรศักดิ์

“พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ” ทรงได้รับการสถาปนาพระฐานันดรศักดิ์เป็นพระองค์เจ้าต่างกรมฝ่ายใน และเฉลิมพระนามาภิไธยเป็น “พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ” (อ่านว่า พระ-เจ้า-วอ-ระ-วง-เทอ-พระ-อง-เจ้า-โสม-สะ-วะ-ลี-กรม-มะ-หมื่น-สุด-ทะ-นา-รี-นาด)

สมเด็จพระเทพฯ

ทั้งนี้ พระองค์โสมฯ ทรงมีพระนามเดิมว่า หม่อมหลวงโสมสวลี กิติยากร เป็นอดีตพระวรชายาในพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งดำรงพระราชอิสริยยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และทรงเป็นพระธิดาพระองค์ใหญ่ของหม่อมราชวงศ์อดุลกิติ์ กิติยากร กับท่านผู้หญิงพันธุ์สวลี กิติยากร จึงทรงเป็นทั้งเป็นพระภาติยะ (หลานที่เป็นลูกของพี่ชายหรือน้องชาย) และอดีตพระสุณิสา (ลูกสะใภ้) ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง จึงทรงได้รับการสถาปนาพระอิสริยยศเป็น “พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรชายาฯ” ซึ่งนับเป็นเจ้านายพระองค์แรกที่ดำรงพระอิสริยยศเป็นพระวรชายา ทรงมีพระธิดาพระองค์เดียวคือ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนธิราเทพยบดี ภายหลังการหย่าในปี พ.ศ. 2534 พระองค์ยังมีสถานะเป็นเจ้านายและได้รับการเฉลิมพระนามว่า “พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ” โดยสร้อยพระนาม “พระวรราชาทินัดดามาตุ” เป็นพระยศพิเศษพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร หมายถึง พระมารดาของพระราชนัดดาพระองค์แรกแห่งพระมหากษัตริย์ผู้ประเสริฐ


 

ติดตามบทความอื่นๆ ได้ที่

พระราชพิธีเฉลิมพระราชมณเฑียร โบราณราชประเพณีอันเป็นสิริมงคล

จารึกประวัติศาสตร์ พระมหากษัตริย์จักรีวงศ์ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกโดยสมบูรณ์

พระปฐมบรมราชโองการของ “ในหลวง รัชกาลที่ 10”

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯในการประกาศพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

สานต่อพระราชไมตรีจากรุ่นสู่รุ่น ราชวงศ์ไทย-ญี่ปุ่น ความสัมพันธ์แน่นแฟ้นยาวนาน

สมพระเกียรติ ขบวนเชิญพระสุพรรณบัฏ ดวงพระบรมราชสมภพ และพระราชลัญจกร

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

นักข่าวสายทหารเผย 10 พระปรีชาสามารถของ “สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ”

ตามรอย “การสถาปนาสมเด็จพระราชินี” โบราณราชประเพณีที่เปี่ยมด้วยความหมาย

ภาพประวัติศาสตร์ พระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระราชินีสุทิดา ในรัชกาลที่ 10

พระบรมวงศานุวงศ์

สถาปนาพระฐานันดรศักดิ์ พระบรมวงศานุวงศ์ ในรัชกาลที่ ๑o

Alternative Textaccount_circle
พระบรมวงศานุวงศ์
พระบรมวงศานุวงศ์

ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 ของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว อีกหนึ่งพระราชพิธีสำคัญที่พสกนิกรเฝ้าชื่นชม คือพระราชพิธีเฉลิมพระปรมาภิไธย พระนามาภิไธย และสถาปนาพระฐานันดรศักดิ์พระบรมวงศ์ ซึ่งมีขึ้นในวันนี้ (5 พฤษภาคม 2562) โดยมีการสถาปนาพระฐานันดรศักดิ์ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกแก่พระบรมวงศานุวงศ์ในรัชกาล 10 ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยมไหยสูรยพิมาน ซึ่งอยู่ภายในหมู่พระมหามณเฑียร ในพระบรมมหาราชวังทางทิศเหนือ โดยทรงมีพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อาลักษณ์อ่านประกาศพระราชโองการ

โดยในส่วนของพระบรมวงศานุวงศ์ ทรงมีพระบรมราชโองการให้สถาปนาพระนามาภิไธย และพระฐานันดรศักดิ์ ดังต่อไปนี้

 

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

พระราชอิสริยยศสูงสุด คือ ได้รับสัปตปฎลเศวตฉัตร หรือฉัตร 7 ชั้น เสมอเท่าสมเด็จพระบรมราชชนนี และสมเด็จพระบรมราชินี จะไม่มีการลดพระราชอิสริยยศแต่อย่างใด ได้สถาปนาพระฐานันดรศักดิ์เป็น สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร มหาวชิราลงกรณวรราชภักดี สิริกิจจการิณีพิรยพัฒน รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี

 สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี

สถาปนาพระฐานันดรศักดิ์เป็น สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัติยราชนารี

 พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ

พระองค์เคยทรงเป็นพระวรชายามาก่อนนั้น แล้วถึงเป็นพระวรราชาทินัดดามาตุ อันหมายถึงแม่ของหลานกษัตริย์ผู้ประเสริฐ ได้รับการสถาปนาพระฐานันดรศักดิ์เป็น พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ

นอกจากนี้พระราชโอรสและพระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวทั้ง 3 พระองค์ ได้รับการสถาปนาพระฐานันดรศักดิ์ ดังนี้

พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา สถาปนาพระฐานันดรศักดิ์เป็น สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี

พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ สถาปนาพระฐานันดรศักดิ์เป็น สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา

พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ สถาปนาพระฐานันดรศักดิ์เป็น สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร

ในส่วนของพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ และ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ พระธิดาในสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัติยราชนารี ได้รับการสถาปนาพระฐานันดรศักดิ์ ดังนี้

พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ สถาปนาพระฐานันดรศักดิ์เป็น พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์

พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ สถาปนาพระฐานันดรศักดิ์เป็น พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ


ข้อมูล : ราชกิจจานุเบกษา

ภาพ :

– Royal World Thailand – รอยัล เวิลด์ ประเทศไทย

– ชมรมคนรักพระมหากษัตริย์ของชาติไทย

– เรารัก พระองค์ภา : Our Beloved Princess Bajrakitiyabha

– เรารัก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

– welove_thairoyalfamily

– เรารักสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี

– กองทุนพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์

– เรารักพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ

 

 

พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

เฉลิมพระนาม พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ ๙ ” พระบรมราชชนนีพันปีหลวง “

Alternative Textaccount_circle
พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

รัชกาลที่ ๑๐ เฉลิมพระปรมาภิไธย “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร” พระนามาภิไธย “สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ” รัชกาล ๙

วันอาทิตย์ที่ 5 พฤษภาคม 2562 “พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดี ศรีสินทรมหาวชิราลงกรณมหิศรภูมิพลราชวรางกูร กิติสิริสมบูรณอดุลยเดช สยามินทราธิเบศรราชวโรดม บรมนาถบพิตร พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว” ประทับพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยมไหยสูรยพิมาน ซึ่งอยู่ในหมู่พระมหามณเฑียร เพื่อพระราชพิธีเฉลิมพระปรมาภิไธย พระนามาภิไธย และสถาปนาพระฐานันดรศักดิ์พระบรมวงศ์

โดยหลังจากที่ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชานพระพุทธรูปประจำพระชนมวารรัชกาล ๑-๙ ที่หน้าพระที่นั่งบุษบกมาลามหาจักรพรรดิพิมาน และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อาลักษณ์อ่านประกาศพระบรมราชโองการเฉลิมพระปรมาภิไธย “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร” เฉลิมพระนามาภิไธย “สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ ๙” และสถาปนาพระฐานันดรศักดิ์พระบรมวงศ์


พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

“พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดี ศรีสินทรมหาวชิราลงกรณมหิศรภูมิพลราชวรางกูร กิติสิริสมบูรณอดุลยเดช สยามินทราธิเบศรราชวโรดม บรมนาถบพิตร พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว” มีพระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ประกาศว่า “โดยที่พระราชอนุสรณ์คำนึงถึง สมเด็จพระบรมชนกนาถ “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร” ซึ่งได้ทรงรับพระราชภาระสืบราชสันตติวงศ์เป็นพระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ ๙ แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ ดำรงพระองค์เป็นมิ่งขวัญของพสกนิกรชาวไทย ได้ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่นานับประการ เป็นคุณประโยชน์อเนกอนันต์แก่อาณาประชาราษฎร์ เป็นที่ประจักษ์แก่ตาแก่ใจของบรรดาพสกนิกรและนานาอารยประเทศ จนกระทั่งเสด็จสวรรคต เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2559 แม้ระยะเวลาจะล่วงเลยมาจวบจนปัจจุบันแต่เหล่าพสกนิกรก็ยังคำนึงถึงพระกรุณาธิคุณเสมอมาไม่เสื่อมคลาย ในศุภสมัยอันเป็นมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษกนี้ สมควรจะได้สนองพระเดชพระคุณถวายพระเกียรติยศให้ปรากฏแผ่ไพศาลยิ่งขึ้น ด้วยมีพระราชหฤทัยระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระบรมชนกนาถจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เฉลิมพระปรมาภิไธยพระบรมอัฐิสมเด็จพระบรมชนกนาถตามที่จารึกในพระสุพรรณบัฏว่า”พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร” ขอให้พระเกียรติยศปรากฏแผ่ไพศาลไปในสากลจักรวาลตลอดนิจนิรันดร์”

พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

“พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร”

(คำอ่าน : พระ-บาด-สม-เด็ด-พระ-บอ-รม-ชะ-นะ-กา-ทิ-เบด มะ-หา-พู-มิ-พน-อะ-ดุน-ยะ-เดด-มะ-หา-ราด บอ-รม-มะ-นาด-บอ-พิด)

พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

“พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดี ศรีสินทรมหาวชิราลงกรณมหิศรภูมิพลราชวรางกูร กิติสิริสมบูรณอดุลยเดช สยามินทราธิเบศรราชวโรดม บรมนาถบพิตร พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว” มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ประกาศว่า “โดยที่พระราชดำริด้วยพระราชหฤทัยประกอบด้วยพระกตัญญูกตเวทิตา ระลึกถึงพระเดชพระคุณ “สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ” พระบรมราชนี ทรงดำเนินพระราชพระจริยวัตรด้วยพระราชปณิธานธรรมราชินีในศุภสมัยแห่งมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษกนี้สมควรจะเฉลิมพระเกียรติยศสนองพระคุณตามโบราณราชประเพณีอันจะอำนวยสวัสดิ์พิพัฒนมงคล แด่พระองค์สยามรัฐสีมาอาณาจักรจึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เฉลิมพระนามาภิไธย “สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ” ในรัชกาล ๙ ตามที่จารึกในพระสุพรรณธนบัตรว่า “สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง” และถวายเหรียญรัตนาพรรัชกาลที่ 10 ชั้นที่ 1”

พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

 “สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง”

(คำอ่าน : สม-เด็ด-พระ-นาง-เจ้า-สิ-หริ-กิด พระ-บอ-รม-มะ-ราด-ชะ-ชน-นะ-นี-พัน-ปี-หลวง)

พระบรมราชชนนีพันปีหลวง


พระราชประวัติ

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ ๙ หรือ พระพันปีหลวง (Queen Mother) พระนามเดิม “หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร” พระราชสมภพเมื่อวันศุกร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2475 ณ บ้านของพลเอก เจ้าพระยาวงษานุประพัทธ์ (หม่อมราชวงศ์สท้าน สนิทวงศ์) บ้านเลขที่ 1808 ถนนพระรามที่ 6 ตำบลวังใหม่ อำเภอปทุมวัน จังหวัดพระนคร เป็นธิดาใน “หม่อมเจ้านักขัตรมงคล กิติยากร” (พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นจันทบุรีสุรนาถ) กับ “หม่อมหลวงบัว กิติยากร”(ราชสกุลเดิม สนิทวงศ์) มีพระเชษฐาสองคนคือ “หม่อมราชวงศ์กัลยาณกิติ์ กิติยากร”และ “หม่อมราชวงศ์อดุลกิติ์ กิติยากร” มีพระขนิษฐาหนึ่งคนคือ “ท่านผู้หญิงบุษบา สธนพงศ์”

พระนาม “สิริกิติ์” ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว มีความหมายว่า “ผู้เป็นศรีแห่งกิติยากร” เรียกโดยลำลองว่า “คุณหญิงสิริ” ส่วนพระราชสวามีจะทรงเรียกว่า “แม่สิริ”

เมื่อ “หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์” มีอายุราว 2 ปี ขณะที่พี่เลี้ยงอุ้มอยู่นั้นก็มีแขกเลี้ยงวัว ซึ่งเป็นเพื่อนของแขกยามประจำบ้านมาหากัน พอแขกที่มาเหลือบเห็น “หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์” ก็จ้องพร้อมทั้งกวักมือเรียกพี่เลี้ยงขอให้เห็นใกล้ๆ หน่อย เมื่อ เข้ามาใกล้มองดูสักครู่ก็พูดว่า “ต่อไปจะเป็นมหาราชินี” พี่เลี้ยงก็ชอบใจ ถึงไม่เชื่อแต่ก็ปลื้มใจ แต่ก็สอดคล้องกับ “หม่อมราชวงศ์กิติวัฒนา ปกมนตรี”กล่าวถึง “หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์” มีหมอดูทำนายทายทุกว่า “จะได้เป็นราชินี” ทำให้พระสหายขนานนามว่า “ราชินีสิริกิติ์” ไม่มีใครคาดคิดว่าหลายสิบปีผ่านไปคำทำนายนั้นได้กลายเป็นความจริง

28 เมษายน พ.ศ. 2493 พระราชพิธีราชาภิเษกสมรสในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชกับ “หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์”จัดขึ้น ณ วังสระปทุม ในการนี้ได้สถาปนาให้ขึ้นเป็น”สมเด็จพระราชินีสิริกิติ์”

ต่อมาในวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2493 “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช” ทรงพระราชดำริว่า ตามโบราณราชประเพณีเมื่อสมเด็จพระมหากษัตริยาธิราชเจ้าได้เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติบรมราชาภิเษกแล้ว ย่อมโปรดให้สถาปนาเฉลิมพระเกียรติยศสมเด็จพระอัครมเหสีขึ้นเป็นสมเด็จพระบรมราชินี ดังนั้น พระองค์จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศสถาปนาเฉลิมพระเกียรติยศ “สมเด็จพระราชินีสิริกิติ์” ขึ้นเป็น “สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี” หลังจากนั้นทั้งสองพระองค์ได้เสด็จฯ กลับไปยังสวิตเซอร์แลนด์เพื่อทรงรักษาพระองค์และทรงศึกษาต่อ จนกระทั่ง พระองค์มีพระประสูติกาล “สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี” และเมื่อสมเด็จพระเจ้าลูกเธอมีพระชันษาได้ 3 เดือน จึงเสด็จนิวัติประเทศไทย

เมื่อ พ.ศ. 2499 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีพระราชประสงค์จะผนวชเป็นพระภิกษุระหว่างวันที่ 22 ตุลาคม ถึง 5 พฤศจิกายน เป็นระยะเวลา 15 วัน จึงต้องมีการแต่งตั้งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ดังนั้นพระองค์ทรงพระราชดำริว่า “สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี” เป็นผู้ทรงพระปรีชาสามารถในอันที่จะรับพระราชภารกิจในคราวนี้ได้ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง “สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี”เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในระหว่างที่ผนวช ต่อมา ในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคมปีเดียวกันนี้ “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช” มีพระบรมราชโองการประกาศว่าตามราชประเพณีเมื่อ “สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี” ได้ทรงดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ จึงได้เลื่อนเป็น”สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ”นับว่าทรงเป็นสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถพระองค์ที่ 2 ในประเทศไทย โดยพระองค์แรกคือ “สมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระบรมราชินีนาถ” (ภายหลังได้รับการสถาปนาเป็น สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง)

พระอิสริยยศ

• หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร (12 สิงหาคม พ.ศ. 2475 – 28 เมษายน พ.ศ. 2493)

• สมเด็จพระราชินีสิริกิติ์ (28 เมษายน พ.ศ. 2493 – 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2493)

• สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี (5 พฤษภาคม พ.ศ. 2493 – 5 ธันวาคม พ.ศ. 2499)

• สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ (5 ธันวาคม พ.ศ. 2499 –13 ตุลาคม พ.ศ. 2559 )

• สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร (13 ตุลาคม พ.ศ. 2559 – 5 พฤษภาคม 2562 )

•สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง (5 พฤษภาคม 2562 – ปัจจุบัน)


 

สืบทอดตามรอยพระราชบิดา ภาพประวัติศาสตร์พิธีบรมราชาภิเษก ตามโบราณราชประเพณี

ประวัติศาสตร์ชาติไทยได้ถูกจารึกอีกครั้งในวันนี้ (4 พ.ค. 2562 ) กับพระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งจัดขึ้นเป็นไปตามโบราณราชประเพณีที่มีมายาวนาน เพื่อเป็นการสถาปนาพระเกียรติยศแห่งพระมหากษัตริย์ไทยอย่างเป็นทางการ

ทั้งนี้ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของพระบาทสมเด็จพระชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เมื่อปี พ.ศ. 2493  ครั้งนั้นก็ยังคงเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่ชาวไทยยังคงระลึกถึงจวบจนทุกวันนี้ และในครั้งนี้ (4 พ.ค. 2562) ถือเป็นมหาฤกษ์อีกครั้งที่ชาวไทยจะได้ชื่นชมพระบารมี และพระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งภาพประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ หากลองมาเทียบกันแล้วแม้จะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเวลาที่ต่างกัน แต่ก็ยังคงความศักดิ์สิทธิ์และงดงามไม่เปลี่ยนแปลง


ภาพบางส่วนจาก : FB@royalworldthailand , FB@โบราณนานมา

การสถาปนาสมเด็จพระราชินี

ตามรอย “การสถาปนาสมเด็จพระราชินี” โบราณราชประเพณีที่เปี่ยมด้วยความหมาย

Alternative Textaccount_circle
การสถาปนาสมเด็จพระราชินี
การสถาปนาสมเด็จพระราชินี

ตามรอย “การสถาปนาสมเด็จพระราชินี” โบราณราชประเพณีเปี่ยมด้วยความหมาย… ตามที่เมื่อวานนี้ (1 พฤษภาคม 2562) สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการ ประกาศ เรื่อง สถาปนาสมเด็จพระราชินี และทรงประกอบพระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระราชินี และพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และราชประเพณีโดยสมบูรณ์ทุกประการแล้ว จึงเป็นที่ทราบโดยทั่วกันว่า “สมเด็จพระราชินีสุทิดา” ทรงดำรงตำแหน่งพระอิสริยยศ ฐานันดรศักดิ์แห่งพระราชวงศ์นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปการสถาปนาสมเด็จพระราชินี

การสถาปนาสมเด็จพระราชินี

จากเหตุอันน่าปิติยินดีของปวงชนชาวไทยนี้ แพรวดอทคอม  จึงขอนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับความเป็นมาของการสถาปนาสมเด็จพระราชินี ว่าเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ และมีความสำคัญอย่างไร

การสถาปนาสมเด็จพระราชินี มีขึ้นครั้งแรกในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เมื่อครั้งที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนา “หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ พระอัครมเหสี” เป็น “สมเด็จพระราชินีสิริกิติ์” ในพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2493 ต่อมาในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2493 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เฉลิมพระเกียรติยศ “สมเด็จพระราชินีสิริกิติ์” เป็น “สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี” เพื่อให้ดำรงพระเกียรติยศสมบูรณ์ตามโบราณราชประเพณี

การสถาปนาสมเด็จพระราชินี
พระราชพิธีราชาภิเษกสมรส เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2493 ของในหลวง รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9

การสถาปนาสมเด็จพระราชินี

การสถาปนาสมเด็จพระราชินี
พระราชพิธีสถาปนา “หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ พระอัครมเหสี” เป็น “สมเด็จพระราชินีสิริกิติ์” ในพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส

การสถาปนาสมเด็จพระราชินี

การสถาปนาสมเด็จพระราชินี
พระราชพิธีสถาปนา “สมเด็จพระราชินีสิริกิติ์” เป็น “สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี” ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก วันที่ 5 พฤษภาคม 2493

การสถาปนาสมเด็จพระราชินี

นอกจากนี้ หากย้อนกลับไปในช่วงต้นรัชกาลที่ 7 การสถาปนาสมเด็จพระราชินีจะมีความแตกต่างในรายละเอียดอยู่เล็กน้อย คือเป็นการสถาปนาสมเด็จพระบรมราชินีในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ซึ่งมีขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2468 แต่จะสังเกตได้ว่านับตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นครองราชย์ มีการออกพระนาม “หม่อมเจ้ารำไพพรรณี” ซึ่งเป็นพระชายามาแต่เดิมว่า “หม่อมเจ้ารำไพพรรณี พระวรราชชายา” ดำรงพระเกียรติยศเป็นพระมเหสีก่อน จากนั้นจึงสถาปนาเฉลิมพระอิสริยยศขึ้นเป็น “สมเด็จพระนางเจ้ารำไพรรณี พระบรมราชินี” ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

การสถาปนาสมเด็จพระราชินี
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพรรณี พระบรมราชินี ในพระราชพิธีสถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระบรมราชินี ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

จากความเป็นมาของการสถาปนาสมเด็จพระราชินีนี้ จึงอาจสรุปได้ว่าเมื่อพระมหากษัตริย์เสด็จขึ้นครองราชย์แล้ว ก่อนที่จะทรงประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษก หากทรงมีพระชายามาแต่เดิม หรือทรงประกอบพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสในภายหลัง ไม่ว่าจะทรงดำรงพระฐานะเป็นพระมเหสีเอก หรือพระอัครมเหสี ก็จะโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงพระอิสริยยศอยู่ในพระฐานะหนึ่งก่อน จนเมื่อทรงรับบรมราชาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์โดยสมบูรณ์แล้ว ก็จะเฉลิมพระเกียรติยศเป็น “สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี” เพื่อพระเกียรติยศตามโบราณราชประเพณีโดยสมบูรณ์ทุกประการ


 

ข้อมูล : เรื่องเล่าของรอยใบลาน

ภาพ : bangkokbiznews.com, เรารักราชวงศ์จักรี “We love Chakri Dynasty”, th.wikipedia.org

พระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระราชินีสุทิดา

ภาพประวัติศาสตร์ พระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระราชินีสุทิดา ในรัชกาลที่ 10

Alternative Textaccount_circle
พระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระราชินีสุทิดา
พระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระราชินีสุทิดา

ภาพประวัติศาสตร์ พระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระราชินีสุทิดา ในรัชกาลที่ 10… ตามที่ วันนี้ (1 พฤษภาคม 2562) สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการ ประกาศ เรื่อง สถาปนาสมเด็จพระราชินีสุทิดา แล้วนั้น

เมื่อเวลา 16.32 น. วันเดียวกัน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออก ณ ห้อง ว.ป.ร. พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต พร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และพลเอกหญิง สุทิดา วชิราลงกรณ์ ณ อยุธยา ในการสถาปนาสมเด็จพระราชินี

พระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระราชินีสุทิดา

ในการนี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อารักษ์อ่านประกาศสถาปนา พลเอกหญิง สุทิดา วชิราลงกรณ์ ณ อยุธยา เป็นสมเด็จพระราชินี จากนั้น พลเอกหญิง สุทิดา วชิราลงกรณ์ ณ อยุธยา เฝ้าฯ ทูลเกล้าฯ ถวายกรวยกระทงดอกไม้ธูปเทียนแพแด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

พระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระราชินีสุทิดา

พระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระราชินีสุทิดา

พระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระราชินีสุทิดา

จากนั้น สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานน้ำพระมหาสังข์ ใบมะตูม และทรงเจิมสมเด็จพระราชินี และพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ เหรียญรัตนาภรณ์รัชกาลที่ 10 ชั้นที่ 1 และพระราชโองการสถาปนาแก่สมเด็จพระราชินีสุทิดา

พระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระราชินีสุทิดา

พระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระราชินีสุทิดา

พระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระราชินีสุทิดา

ผู้อำนวยการเขตดุสิต เฝ้าฯ ทูลเกล้าฯ ถวายสมุดจดทะเบียนราชาภิเษกสมรส ทรงลงพระปรมาภิไธย และพระนามาภิไธย ในสมุดทะเบียนราชาภิเษกสมรส ในการนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงลงพระนามาภิไธย ในฐานะทรงเป็นสักขีพยาน และพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ลงนามในสมุดจดทะเบียนราชาภิเษกสมรส ในฐานะสักขีพยาน

พระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระราชินีสุทิดา

จากนั้น พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ทูลเกล้าฯ ถวายทะเบียนราชาภิเษกสมรสแด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระราชินี


 

ติดตามบทความอื่นๆ ได้ที่

ในหลวง ร.10 มีพระราชโองการ สถาปนาสมเด็จพระราชินี

“พระที่นั่งสุทไธสวรรย์ปราสาท” ที่ ในหลวง ร.10 จะเสด็จออก ณ สีหบัญชร

แผนการถ่ายทอดสด “พระราชพิธีบรมราชาภิเษก” 4 วัน ผ่าน ทรท.

ที่มาและความหมาย “ทีปังกร” พระนามมงคลพระราชทานจากทูลกระหม่อมปู่

ย้อนชมภาพตราตรึงใจ พระราชไมตรีดุจพี่น้อง “ในหลวง ร.9 – จักรพรรดิอากิฮิโตะ”

เผยพระนาม ในหลวง รัชกาลที่ 10 จากพระราชกฤษฎีกา เหรียญเฉลิมพระเกียรติฯ

แถลงการณ์สำนักพระราชวัง ความคืบหน้าพระอาการประชวรของ “พระองค์โสมฯ”

ประมวลภาพ พิธีจารึกพระสุพรรณบัฏ ดวงพระบรมราชสมภพ แกะพระราชลัญจกร

ความสำคัญและขั้นตอน พิธีจารึกพระสุพรรณบัฏ แกะพระราชลัญจกร

ทรงเปี่ยมด้วยพระวิริยะ เบื้องหลังการฝึกอบรมทรงม้าของ พระองค์หญิงฯ ครั้งล่าสุด

ประชาชนเฝ้าชื่นชม ขบวนเชิญน้ำอภิเษก จากวัดสุทัศน์ ไปยังวัดพระแก้ว

ศักดิ์สิทธิ์และสมพระเกียรติ พิธีเสกน้ำอภิเษกรวม ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

ประมวลภาพ ขบวนเชิญน้ำอภิเษก จากกระทรวงมหาดไทย ไปยังวัดสุทัศน์

สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 เสด็จฯ ไปประทับ ณ รพ. จุฬาฯ

รู้จัก 8 เครื่องสูง สิ่งประกอบพระราชอิสริยยศของพระมหากษัตริย์ไทย

สมพระเกียรติ พิธีพลีกรรมตักน้ำศักดิ์สิทธิ์ในกรุงเทพฯ พระราชพิธีบรมราชาภิเษก

ประมวลภาพ “พิธีพลีกรรมตักน้ำ” ทั่วไทย ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

ใช้ให้ถูกต้อง! ตัวอย่างถ้อยคำถวายพระพรชัยมงคล ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

ข้อควรรู้ ประดับตราสัญลักษณ์พระราชพิธีบรมราชาภิเษกอย่างถูกต้อง เพื่อเทิดพระเกียรติสูงสุด

สมเด็จพระเทพฯ เสด็จฯปล่อยพันธุ์ปลาไทย ในวโรกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ

พระจริยวัตรงดงามตลอด 64 พรรษา เรื่องราวจาก “ทูลกระหม่อมน้อย” สู่ “สมเด็จพระเทพรัตนฯ”

นางแบบกิตติมศักดิ์ “พระองค์หญิงฯ” พระสิริโฉมงดงามบนรันเวย์ของห้องเสื้อธีระพันธ์

กำหนดการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ตลอดเดือนเมษายน-พฤษภาคม

ในหลวง ร.10 มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ เรียกคืนเครื่องราชฯ “ทักษิณ ชินวัตร”

“พระองค์หริภา” ทรงมุ่งมั่นทำนุบำรุงศาสนา ประทานทรัพย์ส่วนพระองค์บูรณะวิหารวัดเก่าแก่

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ อัญเชิญพระบรมราโชวาท ในหลวง ร.9 ‘ส่งเสริมคนดีปกครองบ้าน

เส้นทางพระเกียรติยศของ สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี

account_circle

เส้นทางพระเกียรติยศของ สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี

นับเป็นวันมหามงคล ของประเทศไทย เมื่อมีข่าวอันน่ายินดี ที่ต้องจารึกในประวัติศาสตร์ โดยเมื่อวันที่นี้ ๑ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ได้มีราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ เรื่อง “พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสถาปนา พลเอกหญิง สุทิดา วชิราลงกรณ์ ณ อยุธยา พระอัครมเหสี เป็น สมเด็จพระราชินีสุทิดา ทรงดำรงตำแหน่งพระอิสริยยศ ฐานันดรศักดิ์แห่งพระราชวงศ์” 

การนี้ เมื่อวันที่ ๔ พฤษภาคม ๒๕๖๒  พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศสถาปนาเฉลิมพระเกียรติยศ สมเด็จพระราชินีสุทิดา ขึ้นเป็น สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี

สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ พระบรมราชินี

สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ พระบรมราชินี

แพรวดอทคอมพาย้อนดูเส้นทางพระเกียรติยศของ สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ก่อนที่พระองค์จะทรงได้รับการสถาปนาเป็น สมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชินี อย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นการประกาศผ่าน เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา โดยสำนักนายกรัฐมนตรี และ พระราชโองการของ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว

03/10/2555 ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี

ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นตริตาภรณ์ช้างเผือก ให้แก่ ว่าที่พันโทหญิง สุทิดา วชิราลงกรณ์ เป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากเป็นผู้ที่ได้ถวายงานแด่ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร ด้วยความซื่อสัตย์ จงรักภักดี มีความรับผิดชอบ ในหน้าที่ที่ทรงมอบหมาย ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความตั้งใจ และเสียสละ ทั้งนี้ เพื่อเป็นขวัญและกําลังใจ ในการปฏิบัติหน้าที่ถวายงานสืบไป

09/07/2556 ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี

ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นทวีติยาภรณ์ช้างเผือก (ท.ช.) เนื่องในโอกาสพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธ.ค. 2556 ให้แก่ พันเอกหญิง สุทิดา วชิราลงกรณ์ รองผู้บังคับการโรงเรียนทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ (2) และผู้บังคับการ หน่วยฝึกทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ หน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ สํานักผู้บัญชาการทหารสูงสุด เนื่องจากเป็นผู้ที่ได้ ถวายงานแด่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร ด้วยความซื่อสัตย์ จงรักภักดี มีความ รับผิดชอบในหน้าที่ที่ทรงมอบหมาย ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความตั้งใจและเสียสละ ทั้งนี้ เพื่อเป็นขวัญและกําลังใจ ในการปฏิบัติหน้าที่ถวายงานสืบไป

17/09/2556 ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี

ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นประถมาภรณ์มงกุฎไทย (ป.ม.) ให้แก่ พันเอกหญิง สุทิดา วชิราลงกรณ์ ตั้งแต่ 13 ก.ย. 2556 เนื่องจากเป็นผู้ที่ได้ถวายงานแด่ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร ด้วยความซื่อสัตย์ จงรักภักดี มีความรับผิดชอบในหน้าที่ที่ทรงมอบหมาย ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความตั้งใจ และเสียสละ ทั้งนี้ เพื่อเป็นขวัญและกําลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ถวายงานสืบไป

11/11/2556 ประกาศสำนักนายรัฐมนตรี

มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ พระราชทานยศพลตรีหญิง ให้แก่ พันเอกหญิง สุทิดาวชิราลงกรณ์ ซึ่งรับราชการมาด้วยความเรียบร้อยเป็นผลดีแก่ทางราชการ ตั้งแต่วันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๖

11/11/2556 ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี

มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ พันเอกหญิง สุทิดา วชิราลงกรณ์ เป็น นายทหารปฏิบัติการพิเศษ สํานักงานนายทหารปฏิบัติการพิเศษในพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ สํานักผู้บัญชาการทหารสูงสุด (อัตราพลตรี) ตั้งแต่ 10 พ.ย. 2556

09/12/2556 ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี

ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นประถมาภรณ์ช้างเผือก (ป.ช.) ให้แก่ พลตรีหญิง สุทิดา วชิราลงกรณ์ ตั้งแต่ 8 ธ.ค. 2556 เนื่องจากเป็นผู้ที่ได้ถวายงานแด่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร ด้วยความซื่อสัตย์ จงรักภักดี มีความรับผิดชอบในหน้าที่ที่ทรงมอบหมาย ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความตั้งใจและเสียสละ ทั้งนี้ เพื่อเป็นขวัญและกําลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ถวายงานสืบไป

09/12/2556 ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี

มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ พลตรีหญิง สุทิดา วชิราลงกรณ์ นายทหาร ปฏิบัติการพิเศษ สํานักงานนายทหารปฏิบัติการพิเศษในพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ สํานักผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นผู้บังคับการโรงเรียนทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ หน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ สํานักผู้บัญชาการทหารสูงสุด (อัตราพลตรี) ตั้งแต่ 8 ธ.ค. 2556

กดหน้า 2 อ่านต่อ (เส้นทางพระเกียรติยศ ของสมเด็จพระราชินีสุทิดา พระอัครมเหสี ในรัชกาลที่ 10)

สถาปนาสมเด็จพระราชินี

ในหลวง ร.10 มีพระราชโองการ สถาปนาสมเด็จพระราชินี

Alternative Textaccount_circle
สถาปนาสมเด็จพระราชินี
สถาปนาสมเด็จพระราชินี

วันนี้ (1 พฤษภาคม 2562) สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการ ประกาศ เรื่อง สถาปนาสมเด็จพระราชินี ความว่า

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ประกาศว่า โดยที่ทรงประกอบพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส กับ พลเอกหญิง สุทิดา วชิราลงกรณ์ ณ อยุธยา ถูกต้องตามกฎหมาย และราชประเพณีโดยสมบูรณ์ทุกประการแล้ว

จึงมีพระราชโองการให้สถาปนา พลเอกหญิง สุทิดา วชิราลงกรณ์ ณ อยุธยา พระอัครมเหสี เป็น สมเด็จพระราชินีสุทิดา ทรงดำรงตำแหน่งพระอิสริยยศ ฐานันดรศักดิ์แห่งพระราชวงศ์ ตั้งแต่บัดนี้ เป็นต้นไป

ประกาศ ณ วันที่ 1 พฤษภาคมพุทธศักราช 2562 เป็นปีที่ 4 ในรัชกาลปัจจุบัน

สถาปนาสมเด็จพระราชินี


 

ติดตามบทความอื่นๆ ได้ที่

“พระที่นั่งสุทไธสวรรย์ปราสาท” ที่ ในหลวง ร.10 จะเสด็จออก ณ สีหบัญชร

แผนการถ่ายทอดสด “พระราชพิธีบรมราชาภิเษก” 4 วัน ผ่าน ทรท.

ที่มาและความหมาย “ทีปังกร” พระนามมงคลพระราชทานจากทูลกระหม่อมปู่

ย้อนชมภาพตราตรึงใจ พระราชไมตรีดุจพี่น้อง “ในหลวง ร.9 – จักรพรรดิอากิฮิโตะ”

เผยพระนาม ในหลวง รัชกาลที่ 10 จากพระราชกฤษฎีกา เหรียญเฉลิมพระเกียรติฯ

แถลงการณ์สำนักพระราชวัง ความคืบหน้าพระอาการประชวรของ “พระองค์โสมฯ”

ประมวลภาพ พิธีจารึกพระสุพรรณบัฏ ดวงพระบรมราชสมภพ แกะพระราชลัญจกร

ความสำคัญและขั้นตอน พิธีจารึกพระสุพรรณบัฏ แกะพระราชลัญจกร

ทรงเปี่ยมด้วยพระวิริยะ เบื้องหลังการฝึกอบรมทรงม้าของ พระองค์หญิงฯ ครั้งล่าสุด

ประชาชนเฝ้าชื่นชม ขบวนเชิญน้ำอภิเษก จากวัดสุทัศน์ ไปยังวัดพระแก้ว

ศักดิ์สิทธิ์และสมพระเกียรติ พิธีเสกน้ำอภิเษกรวม ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

ประมวลภาพ ขบวนเชิญน้ำอภิเษก จากกระทรวงมหาดไทย ไปยังวัดสุทัศน์

สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 เสด็จฯ ไปประทับ ณ รพ. จุฬาฯ

รู้จัก 8 เครื่องสูง สิ่งประกอบพระราชอิสริยยศของพระมหากษัตริย์ไทย

สมพระเกียรติ พิธีพลีกรรมตักน้ำศักดิ์สิทธิ์ในกรุงเทพฯ พระราชพิธีบรมราชาภิเษก

ประมวลภาพ “พิธีพลีกรรมตักน้ำ” ทั่วไทย ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

ใช้ให้ถูกต้อง! ตัวอย่างถ้อยคำถวายพระพรชัยมงคล ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

ข้อควรรู้ ประดับตราสัญลักษณ์พระราชพิธีบรมราชาภิเษกอย่างถูกต้อง เพื่อเทิดพระเกียรติสูงสุด

สมเด็จพระเทพฯ เสด็จฯปล่อยพันธุ์ปลาไทย ในวโรกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ

พระจริยวัตรงดงามตลอด 64 พรรษา เรื่องราวจาก “ทูลกระหม่อมน้อย” สู่ “สมเด็จพระเทพรัตนฯ”

นางแบบกิตติมศักดิ์ “พระองค์หญิงฯ” พระสิริโฉมงดงามบนรันเวย์ของห้องเสื้อธีระพันธ์

กำหนดการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ตลอดเดือนเมษายน-พฤษภาคม

ในหลวง ร.10 มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ เรียกคืนเครื่องราชฯ “ทักษิณ ชินวัตร”

“พระองค์หริภา” ทรงมุ่งมั่นทำนุบำรุงศาสนา ประทานทรัพย์ส่วนพระองค์บูรณะวิหารวัดเก่าแก่

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ อัญเชิญพระบรมราโชวาท ในหลวง ร.9 ‘ส่งเสริมคนดีปกครองบ้าน

พสกนิกรเฝ้ารับน้ำพระพุทธมนต์จาก ในหลวง ร.10 หลังพิธีเปลี่ยนเครื่องทรงพระแก้วมรกต

นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณ ในหลวง ร.10 เสด็จฯพระราชทานเพลิงศพ วิชัย ศรีวัฒนประภา

นายกฯตู่ชื่นมื่น ในหลวง ร.10 พระราชทานแจกันดอกไม้ เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิด

ภาพความประทับใจนับครั้งไม่ถ้วน พระเมตตาที่ “สมเด็จพระเทพฯ” มีต่อบัณฑิตผู้พิการ

สมพระเกียรติ ประมวลภาพการฝึกซ้อมริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ พระราชพิธีบรมราชาภิเษก

ทรงเสียพระราชหฤทัยอย่างสุดซึ้ง ในหลวง ร.10 มีพระราชสาส์นถึงเหตุกราดยิงที่นิวซีแลนด์

เลอค่าน่าสะสม แสตมป์ที่ระลึกชุดพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ร.10 อยากได้ต้องทำอย่างไร

ศูนย์พักพิงสุนัขจรจัด นครชัยบุรินทร์ โครงการจากพระปณิธานของ “ฟ้าหญิงจุฬาภรณ์”

คุณฝน-รติรส เผยลึกทุกดีเทล ชุดเจ้าสาวหนึ่งเดียวในโลก ฝีพระหัตถ์พระองค์หญิงสิริวัณณวรีฯ

งดงามและเปี่ยมความหมาย ตราสัญลักษณ์พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พ.ศ. 2562

ซาบซึ้งในพระเมตตา ในหลวง ร.10 พระราชทานกำลังใจแก่พลทหารที่เหยียบกับระเบิด

ในหลวง ร. 9 - จักรพรรดิอากิฮิโตะ

ย้อนชมภาพตราตรึงใจ พระราชไมตรีดุจพี่น้อง “ในหลวง ร.9 – จักรพรรดิอากิฮิโตะ”

Alternative Textaccount_circle
ในหลวง ร. 9 - จักรพรรดิอากิฮิโตะ
ในหลวง ร. 9 - จักรพรรดิอากิฮิโตะ

ย้อนชมภาพตราตรึงใจ พระราชไมตรีดุจพี่น้อง “ในหลวง ร.9 – จักรพรรดิอากิฮิโตะ”… ปีนี้นับเป็นปีมหามงคลของประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น ด้วยเหตุอันเป็นมงคลเดียวกัน นั่นคือการเสด็จขึ้นครองราชย์อย่างเป็นทางการของพระประมุขพระองค์ใหม่ นั่นคือ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ซึ่งจะมีพระราชพิธีบรมราชาภิเษกในวันที่ 4-6 พฤษภาคม 2562 และเจ้าชายนารุฮิโตะ มกุฎราชกุมารแห่งญี่ปุ่น ที่จะเสด็จขึ้นครองราชย์ในวันที่ 1 พฤษภาคม 2562 และจะมีพระราชพิธีบรมราชาภิเษกในวันที่ 22 ตุลาคม 2562

ทั้งนี้อีกหนึ่งความน่าปิติยินดีเป็นอย่างยิ่ง คือการที่พระราชบิดาของทั้งสองพระองค์ นั่นคือ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ ทรงมีพระราชไมตรีต่อกันมาเป็นเวลาช้านานแล้ว อีกทั้งยังทรงมีสายสัมพันธ์แน่นแฟ้นประดุจพระเชษฐาและพระอนุชาเลยทีเดียว ซึ่งนั่นทำให้ราชวงศ์ไทยและราชวงศ์ญี่ปุ่นเปรียบดั่งมิตรแท้ รวมถึงยังส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในด้านอื่นๆ อีกด้วย

ในโอกาสอันเป็นมงคลนี้ แพรวดอทคอม จึงขอพาทุกคนย้อนไปชมภาพประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นและยาวนานของพระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองพระองค์

ความสัมพันธ์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ เริ่มต้นขึ้นในเดือนพฤษภาคม ปี 2506 เมื่อครั้งที่ในหลวง รัชกาลที่ 9 เสด็จฯเยือนประเทศญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 เพื่อเข้าเฝ้าฯสมเด็จพระจักรพรรดิฮิโรฮิโตะ พระราชบิดาของสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ ซึ่งในขณะนั้นทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นเจ้าชายอากิฮิโตะ มกุฎราชกุมาร โดยสมเด็จพระจักรพรรดิฮิโรฮิโตะและสมเด็จพระจักรพรรดินีนางาโกะ ทรงให้การต้อนรับในหลวง รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 อย่างอบอุ่นและสมพระเกียรติ รวมถึงเจ้าชายอากิฮิโตะ มกุฎราชกุมาร ที่ถวายการต้อนรับเป็นอย่างดีเช่นกัน

ในหลวง ร. 9 - จักรพรรดิอากิฮิโตะ
ในหลวง รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 เสด็จฯถึงสนามบินฮาเนดะ กรุงโตเกียว โดยมีสมเด็จพระจักรพรรดิฮิโรฮิโตะ และสมเด็จพระจักรพรรดินีนางาโกะ ทรงรอรับเสด็จ

ในหลวง ร. 9 - จักรพรรดิอากิฮิโตะ
ในหลวง รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ทรงเยี่ยมสมเด็จพระจักรพรรดิฮิโรฮิโตะ และสมเด็จพระจักรพรรดินีนางาโกะ ณ พระราชวังอิมพีเรียล

ในหลวง ร. 9 - จักรพรรดิอากิฮิโตะ
งานถวายเลี้ยงพระกระยาหารค่ำอย่างเป็นทางการแด่สมเด็จพระจักรพรรดิและสมเด็จพระจักรพรรดินี ณ อาคารโคริน

ในหลวง ร. 9 - จักรพรรดิอากิฮิโตะ
เจ้าชายอากิฮิโตะ ประทับเคียงข้างสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9

ต่อมาในเดือนธันวาคม ปี 2507 ราชวงศ์ญี่ปุ่นจึงตอบแทนพระราชไมตรี ด้วยการเสด็จฯเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของเจ้าชายอากิฮิโตะ มกุฎราชกุมาร พร้อมด้วยพระชายา เจ้าหญิงมิชิโกะ มกุฎราชกุมารี (พระอิสริยยศในขณะนั้นของทั้งสองพระองค์)

ในหลวง ร. 9 - จักรพรรดิอากิฮิโตะ
ในหลวง รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้เจ้าชายอากิฮิโตะ และเจ้าหญิงมิชิโกะ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน

ในหลวง ร. 9 - จักรพรรดิอากิฮิโตะ
นายกเทศมนตรีนครกรุงเทพทูลเกล้าฯถวายกุญแจเมืองแด่เจ้าชายอากิฮิโตะ

ในหลวง ร. 9 - จักรพรรดิอากิฮิโตะ
ในหลวง รัชกาลที่ 9 พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์แก่เจ้าหญิงมิชิโกะ

ในหลวง ร. 9 - จักรพรรดิอากิฮิโตะ
งานพระราชเลี้ยงพระกระยาหารค่ำอย่างเป็นทางการแก่เจ้าชายอากิฮิโตะและเจ้าหญิงมิชิโกะ ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท

 

ในหลวง ร. 9 - จักรพรรดิอากิฮิโตะ
งานพระราชเลี้ยงพระกระยาหารค่ำอย่างเป็นทางการแก่เจ้าชายอากิฮิโตะและเจ้าหญิงมิชิโกะ ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท

ในครั้งนั้นในหลวง รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ทรงนำเสด็จเจ้าชายอากิฮิโตะและเจ้าหญิงมิชิโกะ เพื่อเสด็จฯเยือนจังหวัดเชียงใหม่ โดยในระหว่างนั้นในหลวง รัชกาลที่ 9 ทรงมีพระราชกระแสถึงปัญหาด้านโภชนาการของประชาชนที่ไม่สมดุลแก่เจ้าชายอากิฮิโตะ ในปีถัดมาเจ้าชายอากิฮิโตะจึงน้อมเกล้าฯถวายปลานิลแด่ในหลวงรัชกาลที่ 9 จำนวน 50 ตัว เพื่อทรงทดลองเลี้ยงต่อไป เหตุการณ์นี้จึงนับเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ประเทศไทยมีปลานิลเป็นอาหาร และเป็นสัตว์เศรษฐกิจมาจนถึงทุกวันนี้ อีกทั้งยังแสดงให้เห็นถึงพระราชไมตรีของทั้งสองพระองค์ที่แน่นแฟ้นและงดงามยิ่งนัก

ในหลวง ร. 9 - จักรพรรดิอากิฮิโตะ
เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรกิจการของคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

ในหลวง ร. 9 - จักรพรรดิอากิฮิโตะ
เสด็จพระราชดำเนินถึงท่าอากาศยานเชียงใหม่

ในหลวง ร. 9 - จักรพรรดิอากิฮิโตะ
เจ้านายฝ่ายเหนือประกอบพิธีบายศรีถวายตามประเพณีของนครเชียงใหม่ ณ พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์

ในหลวง ร. 9 - จักรพรรดิอากิฮิโตะ
เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรการใช้ช้างในกิจการป่าไม้ ณ บริเวณวนอุทยานน้ำตกแม่สา

ในหลวง ร. 9 - จักรพรรดิอากิฮิโตะ

ในหลวง ร. 9 - จักรพรรดิอากิฮิโตะ
เจ้าชายอากิฮิโตะและเจ้าหญิงมิชิโกะกราบบังคมทูลลาในหลวง รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9

ติดตามต่อคลิกหน้า 2

ปาร์คยูชอน

เขย่าวงการอีกรอบ พระเอกซีรีส์บัณฑิตหน้าใสฯ ปาร์คยูชอน ถูกจับเสพยาบ้า

Alternative Textaccount_circle
ปาร์คยูชอน
ปาร์คยูชอน

คนในยุคนี้ต่างรู้ดีว่ายาเสพติดเป็นสิ่งที่ไม่ดี ทว่ากลับยังมีหลายคนที่ตกเป็นทาสมัน และไม่น่าเชื่อว่าคนๆ นั้นจะคืออดีตสมาชิกไอดอลระดับตำนาน ปาร์คยูชอน 

วงการ K-POP ไอดอลของเกาหลียังคงมีเรื่องให้ช็อคกันอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดมีประเด็นร้อนระอุอีกครั้งเมื่อมีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจพบสารเสพติดประเภท Philopon จำพวกยาบ้าและยาอี ที่บริเวณขนขาของพระเอกหนุ่มคนดังจากซีรีส์ “Sungkyunkwan Scandal บัณฑิตหน้าใส หัวใจว้าวุ่น” ปาร์คยูชอน (Park Yoo Chun) ภายหลังก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมนางสาว “ฮวางฮานา” ซึ่งเธอได้ซัดทอดว่าอดีตแฟนหนุ่มดีกรีดาราดัง เป็นคนชักชวนให้ใช้ยาเสพติด โดยเหตุการณ์ล่าสุด ดูจะทำให้อนาคตในวงการบันเทิงต้องมืดบอดสนิท ทั้งๆ เมื่อปีที่แล้ว เพิ่งจะพ้นข้อกล่าวหาการบังคับขืนใจ

ปาร์คยูชอน

รายงานจากสำนักข่าวเกาหลีใต้ระบุว่าในวันที่ 16 เม.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจค้นบ้านของดาราหนุ่ม นอกจากนั้นยังมีการส่งเส้นผมให้กับทางสำนักงานบริการนิติวิทยาศาสตร์แห่งชาติ ซึ่งผลออกมาเป็นลบ กระทั่งในวันที่ 19 เม.ย. มีการเจ้าไปตรวจสอบอีกครั้งและได้ขอตัวอย่าง เส้นผมและขนไปตรวจสอบ ปรากฏว่าเขาเพิ่งจะโกนขนส่วนใหญ่ออกไป แต่สุดท้ายเจ้าหน้าที่ก็สามารถเก็บตัวอย่างจากขนขาได้ ล่าสุดมีการเผยการตรวจสอบในครั้งนี้ ซึ่งปรากฏว่าพบสารเสพติดประเภท Philopon จำพวกยาบ้าและยาอี โดยในวันที่ 25 เม.ย. จะมีการออกหมายจับดาราหนุ่ม

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดต้นสังกัด C-JeS Entertainment ก็ได้ออกมาประกาศตัดขาดกับดาราหนุ่มคนดังด้วยการยกเลิกสัญญา โดยแถลงการณ์ระบุว่า ที่ผ่านมาทางต้นสังกัดเชื่อใจมาตลอด แต่ผลที่ออกมาทำให้รู้สึกผิดหวังจนไม่สามารถเชื่อใจกันได้อีก ทางต้นสังกัดจึงตัดสินใจยกเลิกสัญญาอย่างเป็นทางการ

ปาร์คยูชอน

สำหรับ “มิกกี้ ยูชอน” ในแง่มุมของนักแสดงและศิลปินถือเป็นคนบันเทิงที่มีคุณภาพมากๆ เขาเริ่มก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงด้วยการประกวดร้องเพลง กระทั่งในปี 2003 จึงได้เข้าเป็นเด็กฝึกในสังกัดใหญ่ เขาใช้เวลาฝึกฝนประมาณ 6 เดือน จากนั้นได้เปิดตัวในฐานะ 1 ในสมาชิกบอยแบนด์ “TVXQ” (เทพเจ้าแห่งโลกตะวันออก) ศิลปินวงแรกๆ ที่ปลุกกระแส K-POP จนมีแฟนคลับทั้งในและนอกประเทศเป็นจำนวนมาก และแม้ว่าหนุ่มคนนี้จะออกจากสังกัดเดิมและมาตั้งวงใหม่ร่วมกับเพื่อนอีก 2 คนในนาม “JYJ” แต่แฟนคลับก็ยังรักและเชียร์พวกเขาอย่างเหนียวแน่น และพวกเขายังเคยรับหน้าที่ระดับชาติเป็นทูตในการแข่งขัน “อินชอนเอเชียนเกมส์ 2014”

ไม่เพียงแค่ในฐานะศิลปินเท่านั้น แต่ “มิกกี้ ยูชอน”ยังโด่งดังในฐานะนักแสดง ทั้งยังได้รับรางวัลนักแสดงชายยอดเยี่ยมจากหลากหลายเวทีคุณภาพ โดยผลงานที่สร้างชื่อได้แก่ “Sungkyunkwan Scandal บัณฑิตหน้าใส หัวใจว้าวุ่น” , “Rooftop Prince ตามหาหัวใจเจ้าชายหลงยุค”,  “Miss Ripley เล่ห์รักลวงหลอก”, “Missing You รักสุดใจ”, “The Girl Who Sees Smells สืบรักจากกลิ่น” ฯลฯ

ปาร์คยูชอน


 

Chanel “Side-Packs” กระเป๋าที่คาดว่าจะฮ็อตฮิตกว่า อากาศในฤดูร้อนนี้

account_circle

เมื่อแบรนด์แฟชั่นระดับไฮเอนด์อย่าง Chanel ออกกระเป๋ารุ่นใหม่ที่เรียกว่า “Side-Packs” ทำเอาแฟชั่นบล็อกเกอร์ ต่างคาดการณ์ว่า จะเป็นกระเป๋าที่ฮ็อตฮิต และได้รับความนิยมสูงสุดในฤดูร้อนนี้

นอกจากเครื่องประดับ อย่างเพชร หรือ อัญมณีที่คู่ควรกับผู้หญิงแล้ว “กระเป๋า” นี่ล่ะที่เราคิดว่าเป็นไอเท็มที่ขาดไม่ได้เลย สำหรับสาวๆ ซึ่งแบรนด์ดังต่างก็ขยันออกแบบใหม่ๆ มายั่วเงินในกระเป๋าซะเหลือเกิน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ Chanel แบรนด์ไอคอนิกที่สาวๆ ชื่นชอบ

โดยล่าสุดในคอลเล็คชั่น Spring/Summer 2019 ซึ่งตอนนั้นปู่คาร์ลยังอยู่และได้นำเสนอคอลเล็คชั่นนี้ให้ไอเท็มมีความชิล สบาย เหมาะกับหน้าร้อน และบรรยากาศริมทะเล ดูได้จากแฟชั่นโชว์ที่จัดอย่างอลังการ เนรมิตรันเวย์ให้เหมือนกับอยู่ริมทะเลอย่างไร อย่างนั้น

Side-Packs

Side-Packs

Side-Packs

Side-Packs

ทั้งนี้กระเป๋าหนังลาย quilted เรียกได้ว่าเป็นลายไอคอนิก และคลาสสิก ของ Chanel เลยล่ะ ซึ่งในคอลเล็คชั่นนี้เราจะได้เห็นกระเป๋ารูปแบบใหม่ที่เรียกว่า “Side-Packs” บอกเลยว่าโดดเด่นและสะดุดตาเป็นอย่างมาก ซึ่งโดยปกติแล้วเวลาสาวๆ สะพายกระเป๋า หลักๆ คือ สะพายข้าง สะพายหลัง เป็นต้น แต่กระเป๋าของ Chanel ในคอลเล็คชั่นนี้ สามารถสะพายกระเป๋าได้ทีเดียวสองใบเก๋ๆ คล้ายกับกระเป๋าสะพายหลัง เป็นไอเท็มใหม่ที่น่ารัก จนเงินในกระเป๋าสั่นระรัวเลยค่าคุณ

Side-Packs
Blanc

Side-Packs
Beige

Jaune

Rouge

Side-Packs
สี Noir

 

สำหรับกระเป๋ารุ่นนี้ทำมาจาก หนังลูกแกะ และโลหะสีทอง มีด้วยกัน 5 สี คือ สี Blanc, Beige, Jaune, Rouge และ Noir ซึ่งสีนี้จะพิเศษตรงที่ว่า จะมีโซ่ซึ่งเป็นอะไหล่สีทอง และ มุก ทำเป็นสายสะพาย มีความหรูหรามากขึ้น

Side-Packs

นอกจากนี้ยังมีรุ่นที่ตัวกระเป๋าทำมาจาก ผ้าเดนิมและโลหะสีทอง ซึ่งมีสีเดียวคือ Bleu foncé  ในส่วนของราคานั้น คิดว่าหลายคนคงจะเดากันถูกแล้ว ว่าไม่ต่ำกว่า 6 หลักแน่นอน แต่จะเท่าไหร่นั้นไปดูกัน สำหรับรุ่นที่เป็นหนังลูกแกะนั้น สนนราคาอยู่ที่ 269,000 สำหรับรุ่นเดนิม ราคา 204,500 ราคากรุบๆ เหมาะแก่การจับจองเป็นเจ้าของที่สุด!


 

ภาพ : Getty Image, Chanel

กว่าจะมาเป็นสมบัติล้ำค่า มงกุฎหนามแห่งNotre-Dame สัญลักษณ์แห่งความเจ็บปวดของพระเยซู

ข่าวของมหาวิหาร Notre-Dame ที่ถูกเพลิงไหม้ นับว่าเป็นข่าวใหญ่ในสัปดาห์นี้ที่ทั่วโลกกำลังเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเป็นมหาวิหารที่มีความสำคัญและมีอายุมากถึง 850 ปีแล้ว ซึ่งมีคุณค่าทั้งทางประวัติศาสตร์ศิลปะอันวิจิตรงดงาม รวมไปถึงข้าวของที่ถูกเก็บอยู้ในมหาวิหารอย่าง มงกุฎหนามแห่งNotre-Dame ก็ล้วนเป็นสมบัติอันล้ำค่าที่มีอายุนับหลายพันปี

บาทหลวงFournier

ซากปรักหักพังของมหาวิหาร Notre-Dame ที่ถูกเพลิงไหม้ แม้ว่าจะไม่ได้ถูกทำลายไปทั้งหมด แต่ก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่ศิลปะสถาปัตยกรรมหลายส่วนโดยเฉพาะบริเวณหลังคา,กระจกสีบริเวณโถงขวาง รวมทั้งยอดของมหาวิหารถูกไฟไหม้ แต่ก็ยังโชคดีที่ โดยบาทหลวงFournier ยอมเสี่ยงชีวิตฝ่ากองเพลิงเข้าไปในมหาวิหารเก็บสมบัติชิ้นสำคัญอย่าง มงกุฎหนามกว่าจะมาเป็นสมบัติล้ำค่า มงกุฎหนามแห่งNotre-Dame (The Holy Crown of Thorns) เอาออกมาได้ ของล้ำค่าต่างๆ ที่ถูกเก็บอยู่นั้นจึงไม่ได้รับความเสียหายตามไปด้วย

สำหรับ มงกุฎหนามมงกุฎหนามแห่งNotre-Dame  (The Holy Crown of Thorns) ถือว่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์ และเป็นหนึ่งในสมบัติอันล้ำค่าที่มีอายุมากเกือบ 2 พันปี ปรากฏขึ้นเมื่อครั้งที่พระเยซูถูกนักรบโรมันจับตรึงกางเขน และบังคับให้สวมมงกุฎนี้เพื่อทรมานพระองค์จนกระทั่งสิ้นพระชนม์

กว่าจะมาเป็นสมบัติล้ำค่า มงกุฎหนามแห่งNotre-Dame สัญลักษณ์แห่งความเจ็บปวดของพระเยซู

หลังจากที่พระเยซูสิ้นพระชนม์จากการถูกตรึงกางเขน มงกุฎนี้ได้กลายเป็นสิ่งล้ำค่า เดิมทีถูกเก็บรักษาไว้อยู่ในกรุงเยรูซาเล็มและประเทศตุรกี อีกทั้งเปลี่ยนมือผู้เก็บรักษาอยู่หลายครั้ง ตัวหนามของมงกุฎก็ถูกตัดออกไปเพื่อเป็นของกำนัลให้กับเหล่ากษัตริย์นักรบอยู่หลายพระองค์ เพราะเชื่อว่ามีความศักดิ์สิทธิ์และสามารถป้องกันอันตรายได้ จนกระทั่งในสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 9 ของฝรั่งเศส พระองค์มีความสนพระทัยที่จะครอบครองมงกุฎหนามชิ้นนี้ จึงได้เสนอไถ่มงกุฎคืนมาแทน ในช่วงที่พระเจ้า Baldwin ที่ 2 แห่งอาณาจักร Byzantine (ตุรกี) กำลังเจอกับวิกฤติเศรษฐกิจอย่างหนัก และได้นำสมบัติในพระคลังรวมถึง มงกุฎหนาม ไปจำนำกับพวก Venetian จนไม่สามารถไถ่คืนมาได้ และนับตั้งแต่นั้นมา มงกุฎหนาม จึงได้มาอยู่ในฝรั่งเศส ซึ่งช่วงแรกนั้นถูกเก็บไว้ที่มหาวิหารแซงต์ แชแปล แต่หลังจากการปฏิวัติฝรั่งเศสเมื่อปี ค.ศ.1801 มงกุฎหนาม จึงถูกย้ายไปเก็บไว้ที่มหาวิหารNotre-Dame

ทั้งนี้ของชิ้นสำคัญที่อยู่ในมหาวิหารนอกจาก มงกุฎหนาม แล้ว ยังมีเสื้อคลุมที่สวมใส่โดยพระเจ้าหลุยส์ที่ 9 ในสมัยศตวรรษที่ 13 ซึ่งเชื่อกันว่าพระเจ้าหลุยส์ที่ 9 ทรงใส่เสื้อคลุมตัวนี้ขณะที่ทรงอันเชิญมงกุฎหนามของพระเยซูมายังฝรั่งเศส โดยพระเจ้าหลุยส์ที่ 9 ยังทรงเป็นกษัตริย์พระองค์เดียวของฝรั่งเศส ที่ได้รับการประกาศให้เป็นนักบุญด้วย รวมถึงระฆังที่ระบุชื่อตามนักบุญจำนวน 10 ใบ โดยระฆังที่มีขนาดใหญ่ที่สุดมีชื่อว่าเอ็มมานูเอล มีน้ำหนักกว่า 23 ตัน และติดตั้งบริเวณหอคอยทางทิศใต้ของมหาวิหารในปี 1685

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : ภาควิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร

คุณ Treephob Tiangtrong

  เพจ ย่อยประวัติ

ภาพ : Amarin TV และ Twitter@@Eloraillere

 

 

อ่านเรื่องราวอื่นๆ ได้ที่นี่

มหาเศรษฐีพันล้าน เมืองน้ำหอม ร่วมบริจาคเงินกว่าหมื่นล้าน บูรณะ Notre Dame

 

BLACKPINK ติดอันดับ Forbes “30 Under 30” เกิร์ลกรุ๊ปทรงอิทธิพลแรกของโลก

account_circle

BLACKPINK ติดอันดับ Forbes “30 Under 30 Asia” ประจำปี 2019 ในกลุ่มเอนเตอร์เทนเมนท์ – กีฬา ตัวแทนคนรุ่นใหม่ที่อายุไม่เกิน 30 ปี ซึ่งประสบความสำเร็จและน่าจับตามอง รวมถึงทรงอิทธิของโลก

สมกับเป็นวงเกิร์ลกรุ๊ปที่กำลังฮอตฮิต และมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกสำหรับ BLACKPINK ที่ตอนนี้ไม่ว่าพวกเธอขยับไปไหน ทำอะไร ต้องกลายเป็นกระแส และเรียกเสียงฮือฮาแทบจะทุกครั้ง

Forbes

นับตั้งแต่เดบิวต์เพลงแรกอย่าง Boobayah เมื่อปี 2016 จนถึงตอนนี้กับเพลง Kill This Love ที่คัมแบคมาไม่ถึง 10 วันแต่ยอดวิวสูงถึง 202 ล้านวิวแล้ว ซึ่งสาวๆ BLACKPINK ใช้เวลาเพียง 2 ปีกว่าเท่านั้นในการผงาดขึ้นเป็นวงเกิร์ลกรุ๊ปอันดับ 1 ของประเทศเกาหลีใต้

Forbes

ไม่เพียงแค่นั้น ตอนนี้พวกเธอเรียกได้ว่ากำลังก้าวขึ้นมาเป็นกลุ่มศิลปินหญิงระดับอินเตอร์ ที่ทรงอิทธิพลไปทั่วโลกเลยก็ว่าได้ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้พวกเธอถูก Forbes จัดอันดับให้ติดอยู่ใน 30 Under 30 Asia ประจำปี 2019 ในกลุ่มเอนเตอร์เทนเมนท์ – กีฬา โดยเป็นกลุ่มตัวแทนคนรุ่นใหม่ที่อายุไม่เกิน 30 ปี ซึ่งพวกเขาเหล่านี้ประสบความสำเร็จและน่าจับตามอง รวมถึงยังทรงอิทธิพลของโลกอีกด้วย

Forbes

ทั้งนี้สาวๆ ยังสามารถสร้างประวัติศาสตร์ให้กับวงการเพลง K-pop กับเพลง DDU-DU DDU-DU ด้วยการพาเพลงนี้ไปเปิดตัวบนชาร์ต Billboard Hot 100 ด้วยอันดับที่ 55 ซึ่งถือว่าเป็นอันดับสูงที่สุดของเกิร์ลกรุ๊ปเกาหลี ลบสถิติเพลง “Nobody” จากวงรุ่นพี่อย่าง Wonder Girls ที่ติดอันดับ 76 ในช่วงนั้นลงได้

นอกจากนี้ BLACKPINK ยังเป็นเกิร์ลกรุ๊ปที่ได้เซนต์สัญญากับ Interscope Records ค่ายเพลงดังระดับโลก ภายใต้การดูแลของ Universal Music Group เพื่อโปรโมทเพลงในระดับอินเตอร์

ทั้งนี้สาวๆ ยังได้ไปร่วมโชว์และทอล์กในรายการ “The Late Show With Stephen Colbert“ ซึ่งพวกเธอยังถูกสัมภาษณ์โดยพิธีกรชื่อดังอย่าง “John Oliver” อีกด้วย

ตอกย้ำความสำเร็จในระดับสากลมากยิ่งขึ้น เมื่อสาวๆ จะได้ไปร่วมแสดงในเทศกาลดนตรี Coachella 2019 ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 12-14 เมษายน และ 19-21 เมษายน 2019 ซึ่งปีจะมีการถ่ายทอดสดผ่าน Youtube ด้วยนะจ๊ะ

สำหรับปีนี้เราคงได้เห็นผลงานของสาวๆ มากยิ่งขึ้น เพราะนอกจากงานเพลงแล้ว สาวๆ BLACKPINK เรียกได้ว่าเนื้อหอมมากกกก เพราะแบรนด์ดังต่างๆ ทั่วโลกอยากร่วมงานกับเธอกันเป็นแถว ซึ่งบลิ๊งค์ชาวไทยอาจจะได้เจอลิซ่า กันบ่อยขึ้น เพราะล่าสุดยัยหนูได้เป็นพรีเซนเตอร์ให้กับเครือข่ายโทรศัพท์ชื่อดังของบ้านเราเป็นที่เรียบร้อย

CL 2NE1

คิม แทรี

ทั้งนี้ยังมีศิลปินจากเกาหลีอย่าง CL หรือ ลี แชริน อดีตสมาชิกนักร้องสาววง 2NE1 และ คิม แทรี นักแสดงดาวรุ่งของแดนกิมจิ ที่ได้รับรางวัล Best New Actress awards ประจำปี 2016 และ 2017 รวมถึงยังเป็นนักแสดงดาวรุ่งที่ค่าตัวแพงที่สุด ในวงการบันเทิงเกาหลีอีกด้วย


ภาพ : lalalalisa_m, roses_are_rosie, chaelincl

Choi Kyoung Won สไตล์ลิสต์ผู้อยู่เบื้องหลัง แฟชั่นสุดปัง สะกดทุกสายตาของ BLACKPINK

เปิดคลังแสง กล้องถ่ายรูป “LISA BLACKPINK” พร้อมฝีมือการถ่ายรูปที่ไม่ธรรมดา

เปย์นี้เพื่อลลิษา! Blink ชาวจีนซื้อของหรูระดับไฮเอนด์ ให้กับลิซ่า BLACKPINK

Blink ชาวจีนทำโปรเจ็กต์ดีๆ เพื่อสังคม ฉลองวันเกิดลิซ่า BLACKPINK

 

 

 

 

ความหมายของ ‘เบญจราชกกุธภัณฑ์’ เครื่องแสดงพระอิสริยศักดิ์ แห่งพระมหากษัตริย์

เครื่องมงคลสิริเบญจราชกกุธภัณฑ์ เป็นอีกสิ่งที่สำคัญที่มักจะได้เห็นในพระราชพิธีสำคัญตามโบราณราชประเพณี รวมถึงพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เพื่อเป็นการแสดงพระอิสริยศักดิ์ของพระมหากษัตริย์มาตั้งแต่สมัยสุโขทัย จวบจนมาถึงสมัยรัตนโกสินทร์

ทั้งนี้ในสมัยรัตนโกสินทร์ในบางรัชกาลกลับมีเครื่องราชกกุธภัณฑ์มากกว่า 5 สิ่ง เช่น ในรัชกาลที่ 2 ปรากฏว่ามีอยู่ 7 สิ่ง ได้แก่ พระมหาพิชัยมงกุฎ,พระขรรค์,ฉลองพระบาท ,ธารพระกร,ฉัตร,วาลวิชนี (พัดกับแซ้จามรี) และพระแสงดาบ ส่วนในรัชกาลที่ 7 มีอยู่ 5 สิ่ง คือ พระมหาพิชัยมงกุฎ,พระแสงขรรค์ชัยศรี,ฉลองพระบาท,ธารพระกร และวาลวิชนี โดยยังคงใช้มาจนถึงในสมัยรัชกาลที่ 9

พระมหาพิชัยมงกุฎ

เป็นเครื่องมงคลสิริเบญจกกุธภัณฑ์ ประเภทเครื่องราชศิราภรณ์ โโยพระมหาราชครูเป็นผู้ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายสมเด็จพระมหากษัตริย์ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก หลังจากทรงรับพระปรมาภิไธยและทรงรับที่จะดำรงราชสมบัติ

ทั้งนี้พระมหาพิชัยมงกุฎที่นำมาเป็นภาพตัวอย่างให้ดูนั้น สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1 ทำด้วยทองคำลงยาประดับเพชร ประดิษฐ์ดุนลายต่อเติมเป็นลายรักร้อย มีดอกประจำยามทั้งสี่ด้านทุกชั้น เกี้ยวแต่ละชั้นประดับด้วยดอกไม้ไหวทองคำฝังเพชรและกรรเจียกจรประดับเพชรซ้ายขวา ระหว่างเกี้ยวแต่ละชั้นวางกระจังตาอ้อยเรียงซ้อนกันห้าชั้น เกี้ยวบนสุดเป็นยอดรูปปลีบัวแวง มีมาลัยลูกแก้วคั่นบัวกลุ่มสามชั้น ยอดสุดเดิมเป็นทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ร้อยด้วยเพชรเล็กๆ แต่ภายหลังรัชกาลที่ 4 โปรดให้หาซื้อเพชรจากเมืองกัลกัตตา ประเทศอินเดีย มาประดับแทน และพระาชทานนามว่า “พระมหาวิเชียรมณี” และประดับระย้ารูปใบโพโดยรอบ รวมน้ำหนักทองคำทั้งสิ้น 7.3 กิโลกรัม ความสูงรวมยอด 66 ซม. สื่อความหมายถึงพระมหากษัตริย์ทรงเป็นยอดแห่งความเคารพอย่างสูง

พระแสงขรรค์ชัยศรี

เป็นเครื่องมงคลสิริเบญจกกุธภัณฑ์ ประเภทเครื่องราชศัสตรา โดยพระมหาราชครูเป็นผู้ทูลถวายในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกต่อจากพระมหาพิชัยมงกุฎ พระแสงขรรค์ชัยศรีจัดเป็นพระแสงราชศัสตราวุธ อันเป็นของใช้สำหรับพระมหากาัตริย์ มีลักษณะคล้ายดาบยาวคมทั้งสองข้าง

ธารพระกร

เป็นเครื่องมงคลสิริเบญจกกุธภัณฑ์ จะถูกถวายต่อจากพระแสงขรรค์ชัยศรี ธารพระกรนี้ทำจากไม้ชัยพฤกษ์หุ้มด้วยทองคำเกลี้ยง ส่วนศีรษะทำเป็นหัวเม็ดทรงบัวอ่อน เถลิงคอทำด้วยเหล็กคร่ำทองเป็นลายก้านเย่งดอกใน ประกอบแม่ลายขนาบทั้งล่างและบน ส่วนสันล้อมสามขาด้วยเหล็กกล้าคร่ำทอง

วาลวิชนี

เป็นเครื่องมงคลสิริเบญจกกุธภัณฑ์ที่จะถูกถวายเป็นลำดับถัดมาต่อจากธารพระกร ประกอบด้วย พัดวาลวิชนี ทำด้วยใบตาลขลิบทองหุ้มขอบ ด้ามและนมพัดทำด้วยทองคำเพลาลายลงยาราชาวดีประดับด้วยรัตนชาติ ส่วนพระแส้จามรีทำด้วยด้วยขนหางจามรี ด้ามเป็นแก้ว จงกลรัดโคนแส้และส้นทำด้วยทองคำเพลาลาย ลงยาราชาวดีประดับด้วยรัตนชาติ

ฉลองพระบาทเชิงงอน

เป็นเครื่องมงคลสิริเบญจกกุธภัณฑ์ ประเภทเครื่องที่จะถูกถวายสุดท้ายในส่วนของเครื่องมงคลสิริเบญจราชกกุธภัณฑ์ ทำด้วยทองคำจำหลักลายประดับด้วยรัตนชาติ ด้านในทั้งสององค์บุด้วยสัดหลาดสีแดง

สำหรับการใช้เครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์ ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของพระมหากษัตริย์แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์นั้น ยังได้มีการบันทึกโดยปรากฏตามลำดับรัชกาลต่างๆ ของพระมหากษัตริย์ไทยแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ดังเช่นในรัชกาลที่ 1 -4 ดังนี้

รัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช

“พระมหาราชครูพิธีอ่านพระเวทสรรเสริญไกรลาศแล้ว ถวายพระสุพรรณบัฏเบญจราชกกุธภัณฑ์คือ พระมหามงกุฎ,พระแสงขรรค์,ธารพระกร,พัดวาลวิชนี ฉลองพระบาท แล้วถวายพระแสงอัษฎาวุธ…” กล่าวกันว่าในการถวายพระมหาพิชัยมงกุฎนั้น เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้ายอยู่หัวทรงรับจากพระมหาราชครูแล้ว ทรงส่งให้เจ้าพนักงานโดยมิได้ทรงสวมมงกุฎ (เจ้าพระยาทิพากรวงศ์,พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 1)

รัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย

“พระมาหราชครูพราหมณ์โตรคาจารย์ถวายพระสุพรรณบัฏจารึกพระนามและเครื่องราชกกุธภัณฑ์ทั้งพระแสงขรรค์,พระแสงอัษฎาวุธ,เครื่องสรรพยุทธ์ทั้งปวงตามเยี่ยงอย่างพระราชพิธี…” (เจ้าพระยาทิพากรวงศ์,พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 2)

รัชกาลพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว

“…แล้วเสด็จมาพระที่นั่งภัทรบิฐ รับพระสุพรรณบัฏและเครื่องราชกกุธภัณฑ์ เจษฎาวุธเสร็จแล้วเสด็จขึ้นพระมหามณเฑียร…” (เจ้าพระยาทิพากรวงศ์,พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 3 )

รัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

“พระมาหราชครูถวายพระสุพรรณบัฏ,พระมหาพิไชยมงกุฏ,พระมหาสังวาล ทรงรับมาสวมสอดทรงในพระองค์ แล้วพระมหาราชครูถวายธารพระกรกับพระแสงขรรค์ ทรงรับธารพระกรพาดเบื้องขวา พระแสงพาดเบื้องซ้าย แล้วทรงรับพระแสงอัษฎาวุธ เครื่องราชกกุธภัณฑ์ราชูโภค ประกอบด้วยลักษณุเวทอิศวรมนตร์ ทั้งนี้ทรงรับแล้ว แต่ฉลองพระบาท พระมหาราชครูมาสอดทรงถวาย…” (สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ,พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 5)

ทั้งนี้การถวายสิริราชสมบัติและเครื่องเบญราชกกุธภัณฑ์แล้วเสร็จ จึงจะมีพระราชดำรัสเป็นพระปฐมบรมราชโองการในข้อความอย่างเดียวกันทุกรัชกาลว่า “พรรณพฤกษ์ ชลธี แลสิ่งของในแผ่นดินทั่วทั้งพระราชอาณาเขต ซึ่งหาผู้หวงแหนมิได้นั้น ตามแต่สมณชีพพราหมณาจารย์ราษฎรจะปรารถนาเถิด” ซึ่งในรัชกาลถัดมาก็โปรดเกล้าฯ ให้ปฏิบัติเช่นเดียวกันตามโบราณราชประเพณีจนถึงปัจจุบัน

 

ที่มา :

หนังสือ ประมวลภาพประวัติศาสตร์ไทย พระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมัยรัตนโกสินทร์ โดย กรมศิลปากร สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ

หนังสือ เครื่องราชภัณฑ์ ผู้เขียน วิทย์ พิณคันเงิน

 

 

เครื่องสุง

รู้จัก 8 เครื่องสูง สิ่งประกอบพระราชอิสริยยศของพระมหากษัตริย์ไทย

Alternative Textaccount_circle
เครื่องสุง
เครื่องสุง

ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 ของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 4-6 พฤษภาคม 2562 การเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนคร โดยขบวนพระพยุหยาตราสถลมารค (ทางบก) ในวันที่ 5 พฤษภาคม 2562 นับเป็นพระราชพิธีสำคัญที่พสกนิกรต่างเฝ้าชื่นชมในความยิ่งใหญ่และงดงาม ซึ่ง “เครื่องสูง” เป็นสิ่งประกอบพระราชอิสริยยศของพระมหากษัตริย์ ที่จะประกอบอยู่ในขบวนพระพยุหยาตราสถลมารคด้วย แพรวดอทคอม จึงขอพาทุกคนไปทำความรู้จักกับเครื่องสูงชนิดต่างๆ กันค่ะ

เครื่องสูง
(ซ้าย) พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินโดยขบวนราบใหญ่ ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก (ขวา) พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

เครื่องสูง
การฝึกซ้อมริ้วขบวนที่ 3 ริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ พยุหยาตราสถลมารคเสด็จเลียบพระนคร ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562

สำหรับความหมายของคำว่า “เครื่องสูง” สันนิษฐานว่าเป็นชุดหรือสำรับที่ประกอบด้วยฉัตรเป็นหลัก เพราะฉัตรคือร่มของนักรบ จึงมีศักดิ์ศรีสูงกว่าสิ่งใดทั้งหมด ส่วนประกอบต่างๆ นั้นเพื่อเป็นประโยชน์ในการปกป้องแสงแดดและสายลม ตลอดจนป้องกันศาสตราวุธที่อาจมีได้ เช่น ธนูหรือกระสุน เพื่อช่วยปะทะหรือบังไม่ให้ต้องพระวรกายของพระมหากษัตริย์ได้ ส่วนการที่สร้างขึ้นอย่างประณีตนั้น เนื่องจากเป็นเครื่องราชภัณฑ์ จึงต้องประดิษฐ์ด้วยฝีมือที่งดงาม ซึ่งเครื่องสูงสำหรับพระราชอิสริยยศพระมหากษัตริย์มี 8 สิ่ง ดังนี้

เครื่องสูง

1. ฉัตรเจ็ดชั้น 

สันนิษฐานว่ามีใช้ในสมัยรัตนโกสินทร์ เพราะไม่ปรากฏในสมัยอยุธยา โดยสำรับหนึ่งมี 4 คัน สำหรับปัก หรือให้พนักงานถือ 4 มุมพระที่นั่งหรือพระราชยานในกระบวนพยุหยาตรา ซึ่งถ้าใช้ปักในเรือพระที่นั่ง จะปักไว้หน้าพระที่นั่งคันหนึ่ง และหลังพระที่นั่งอีกคันหนึ่ง

2. ฉัตรห้าชั้น 

สำรับหนึ่งมี 10 คัน ให้พนักงานถือด้านหน้าพระที่นั่ง 6 คัน ด้านหลังพระที่นั่ง 4 คัน วิธีถือคือเดินเป็นสองแถว (สลับกับบังแทรก) ด้านหน้า 3 คู่ ด้านหลัง 2 คู่ ถ้าปักเรือพระที่นั่ง ด้านหน้า 3 คัน ด้านหลัง 2 คัน

เครื่องสูง

3. บังแทรก

เป็นแผ่นผ้าปักหักทองขวางหรือปักทองแผ่ลวด รูปแบนกลม ขอบรูปใบสาเก คือเป็นจักๆ ตอนล่าง ตอนบนเป็นยอดแหลม สำรับหนึ่งมี 6 คัน พนักงานถือแทรกสลับกับฉัตร 5 ชั้น โดยมีด้ามยาวเช่นเดียวกับฉัตร วัดความยาวตั้งแต่ยอดถึงด้ามสุดได้ 78 เซนติเมตร

4. บังสูรย์ 

เป็นเครื่องบังแดดขนาดใหญ่รูปใบโพ ปักหักทองขวางหรือปักทองแผ่ลวด มีด้ามไม้ปิดทอง วัดความกว้างของแผ่นได้ 90 เซนติเมตร ความสูงจากยอดลงมาถึงด้ามสุดได้ 325 เซนติเมตร พนักงานถืออยู่ข้างพระราชยาน ตรงกันข้ามกับพระกลด (ร่ม)

เครื่องสูง

5. จามร

เป็นแผ่นคล้ายพัดรูปน้ำเต้า เดิมนั้นเป็นปลอกแส้ทำจากขนจามรี จึงเป็นที่มาของคำว่าจามร แต่เมื่อตัวแส้สูญหายไปแล้วจึงเหลือแค่ปลอก มีการบันทึกไว้ว่า ภายหลังเลิกใช้ แล้วเอาพุ่มดอกไม้เงินทองหรือทวนที่มีพู่มาถือแทน ซึ่งมีมาตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จามรสำรับหนึ่งมี 16 คัน เมื่อเปลี่ยนมาใช้พุ่มดอกไม้เงินทองหรือทวนก็มี 16 คันเช่นเดียวกัน โดยพนักงานเสื้อแดงเรียกว่า “พรหม” ถือจามร 8 คัน ด้านขวาพระราชยาน และพนักงานเสื้อเขียวเรียกว่า “อินทร์” ถือจามร 8 คัน ด้านซ้ายพระราชยาน

6. พัดโบก 

เป็นพัดใบตาลลงรักปิดทอง มีขนาดใหญ่ ซึ่งพนักงานถือเข้าขบวนพยุหยาตราหรือเสด็จพระราชดำเนิน รูปทรงงอนช้อย ด้ามเป็นคันดาล คือหักโค้งเข้ามุมฉาก ถ้าเป็นพัดโบกที่ใช้ในพระราชฐานขณะพระมหากษัตริย์ประทับพระที่นั่งจะมีปลายมน พนักงานถืออยู่ค่อนไปทางหลังพระราชยาน

7. ชุมสาย

เป็นฉัตรอีกแบบหนึ่ง มี 3 ชั้น ขนาดใหญ่กว่าทุกชนิด ทำด้วยผ้าสีปักหักทอง มีเส้นไหมผูกโยงตาข่ายห่างๆ คลุม เลยลงมาถึงข้างล่างทำเป็นพู่ห้อยเพื่อกันลมตีกลับ สำรับหนึ่งมี 4 คัน ลวดลายที่ปักประดับเป็นลายกระจังหรือลายกรวยเชิงในรูปบัวคว่ำทั้ง 3 ชั้น มีระบาย 2 ชั้น เช่นเดียวกับฉัตรทุกชนิด พนักงานถือตามฉัตร 5 ชั้น

เครื่องสูง

8. พระกลด

เป็นร่มกันแดดกันฝน มีลักษณะเป็นฉัตรชั้นเดียว ตัวพระกลดทำด้วยผ้าชุบขี้ผึ้ง ผ้าโหมด ผ้าตาด หรือเยียรบับดำ ด้ามนั้นมีทั้งที่เป็นไม้หุ้มด้วยเงินถม ทาทอง ลงยาสี ยอดเป็นรูปพรหมพักตร์ ใช้กั้นอยู่ตรงกันข้ามบังสูรย์ หรือค่อนไปข้างหน้าบ้าง ข้างหลังบ้าง อีกทั้งยังมีการใช้ในสามัญชนด้วย คือการใช้สำหรับนาคที่เตรียมเข้าอุปสมบท ซึ่งเป็นการให้เกียรติอย่างหนึ่ง และปรากฏหลักฐานว่ามีการใช้สำหรับสามัญชนมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย


 

ข้อมูลและภาพ : หนังสือเครื่องราชภัณฑ์ / ผู้เขียน วิทย์ พิณคันเงิน, หนังสือ ประมวลภาพประวัติศาสตร์ไทย พระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมัยรัตนโกสินทร์

ภาพเพิ่มเติม : จตุพล กล้าศึก

10 เรื่องที่แท้ทรูที่ทำให้รู้จัก หยดน้ำ นิวาตวงศ์ ลูกพ่อปู อนุวัฒน์-แม่ขวัญฤดี มากขึ้น

ขอบอกว่า ‘ลุค’ แบ๊วของ หยดน้ำ นัดดาภรณ์ นิวาตวงศ์ ทายาทหนึ่งเดียวของนักแสดงรุ่นใหญ่เจ้าบทบาท –ปู อนุวัฒน์ นิวาตวงศ์ และขวัญฤดี (กลมกล่อม)  เธอไม่ได้แบ๊วอย่างที่หลายคนเห็นและเข้าใจนะจ๊ะ มาทำความรู้จักเธอผ่าน 10 เรื่องที่เผยให้เห็นตัวตนของสาวน้อยหน้าหวานคนนี้กัน  

 หยดน้ำ นิวาตวงศ์

10 เรื่องที่แท้ทรูที่ทำให้รู้จัก หยดน้ำ นิวาตวงศ์ มากยิ่งขึ้น

1.ปัจจุบันเธอเป็นนักศึกษาคณะเศรษฐศาสตร์ ภาคอินเตอร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กำลังจะจบปี 3 ขึ้นปี 4 เร็วๆ นี้ และด้วยความที่ชอบวาดรูป ชอบศิลปะมาตั้งแต่เด็ก เมื่อเรียนจบปริญญาตรี เธอจึง   แพลนที่จะเรียนต่อ Textile Art หรืออาจลงเรียนซัมเมอร์คอร์สสั้นๆ ของ Parsons School of Design ที่นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เพื่อดูว่าชอบด้านนี้จริงไหม

 หยดน้ำ นิวาตวงศ์

2.คนอื่นอาจมองว่าหยดน้ำเหมือนเป็นคนขี้เหงา เพราะมักเห็นเธอนั่งอ่านหนังสือตามร้านกาแฟ หรือเดินเล่นคนเดียว แต่ขอบอกว่าอันนั้นเป็นเรื่องปรกติจ้า เธอบอกกับ ‘แพรวดอทคอม’ ว่า

“หยดน้ำเป็นคนติสท์ๆ มีโลกส่วนตัวสูงมาก ชอบอ่านหนังสือ และอ่านหนังสือเยอะมากๆ ตอนเด็ก ชอบอ่านนิยาย แต่เดี๋ยวนี้ชอบอ่านเรื่องเกี่ยวกับการพัฒนาตนเอง เช่น Mindset, Positive Thinking ฯลฯ เพราะการอ่านหนังสือช่วยให้เราค้นพบคำตอบ หรือทางออกของปัญหาได้ด้วยตัวเอง”

 หยดน้ำ นิวาตวงศ์

3.คำว่า ‘คุณหนู’ เป็นคำจำกัดความที่คนมองเห็นครั้งแรกมักบอกเธอเสมอๆ เช่น ครูสอนพิเศษพบเธอครั้งแรกพร้อมกับพูดว่า – ‘เนี่ย…ต้องเป็นคุณหนูแน่ๆ เลย’ รวมถึงอีกหลายคนที่เจอกัน แต่เธอบอกเราว่า “ถ้ารู้จักจริงๆ จะรู้ว่า หยดน้ำติดดิน และลุยมาก ยิ่งถ้าอยู่กับเพื่อน จะเป็นคนอะไรก็ได้ สบายๆ”

 หยดน้ำ นิวาตวงศ์

4.คนส่วนใหญ่มักทึกทักว่าเธอเป็นสาวเรียบร้อย แต่ที่จริงเธอเป็นสาวโก๊ะ และมีความเอ๋อๆ

 หยดน้ำ นิวาตวงศ์

5.ถ้าเรียนจบปริญญาตรีเมื่อไหร่ สิ่งแรกที่เธออยากทำ คือ แบ็คแพ็คเที่ยวรอบโลก เพราะเธอมองว่าการเที่ยวทำให้ได้ประสบการณ์ ได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ เรียนรู้วัฒนธรรมและความคิดผู้คน และตอนนี้เธอเริ่มสตาร์ทเที่ยวคนเดียวเป็นครั้งแรก ด้วยการเดินทางไปสวิตเซอร์แลนด์ ต่อด้วยฟินแลนด์

 หยดน้ำ นิวาตวงศ์

6.เธอยอมรับว่าตัวเอง ‘ดื้อเงียบ’ มากถึงมากที่สุด และรู้วิธีว่าควรจะอ้อนพ่อปู แม่ขวัญ และคุณย่าอย่างไร จึงจะสำเร็จ ขอได้ทุกอย่างตามที่ปรารถนา

 หยดน้ำ นิวาตวงศ์

7.ถ้าดูหน้าตาและบุคลิกแล้ว เหมือนจะเป็นคนนุ่มนิ่ม โอนอ่อนผ่อนตาม แต่ที่จริงเป็นคนใจแข็งและเด็ดเดี่ยวมาก

 หยดน้ำ นิวาตวงศ์

“ถ้าหยดน้ำมีปัญหาอะไร ชอบแก้ปัญหาด้วยตัวเอง ไม่ชอบพูดหรือปรึกษาใคร แต่จะใช้วิธีอยู่คนเดียว ร้องไห้คนเดียว และหาวิธีจัดการกับความคิดของตัวเอง เช่น ถ้ามีปัญหาเรื่องความรัก หยดน้ำขี้สงสารมาก  ถ้ายังโอเค. เรายอมได้หมด แต่ถ้าถึงจุดหนึ่งพอแล้ว ไม่ไหวแล้ว พอก็คือพอ เรียกว่าถ้าตัดใจเมื่อไหร่ ไม่เอาคือไม่เอาเลย”

 หยดน้ำ นิวาตวงศ์

8.หนุ่มในสเปค ต้องเป็นคนตัวสูงใหญ่ หน้าและผิวเข้ม เธอบอกว่า “ตั้งแต่โตมา หยดน้ำไม่เคยกรี๊ดผู้ชายหล่อ หรือชอบใครก่อนเลย แต่ต้องรู้จักกัน คุยกัน ถ้ารู้สึกว่าคลิกกัน เข้าใจกัน หยดน้ำถึงจะชอบ ไม่เคยชอบใครก่อน เพราะเขาหล่อ”

 หยดน้ำ นิวาตวงศ์

9.ผ้ชายที่จะชนะใจเธอได้ ต้องไม่ใช่ผู้ชายจอมตื๊อ มุ้งมิ้ง งี่เง่า เพราะตัวเธอเองไม่ใช่คนงี่เง่า ไม่ขี้หึง ไม่ระแวง ให้เกียรติและเคารพพื้นที่ส่วนตัวของกันและกัน ถ้าใครที่เธอคุยด้วยแล้วรู้สึกว่าใช่ เธอจะพาให้ไปพบคุณพ่อเลย จะได้รู้ว่าโอเคไหม เป็นการคบกันอยู่ในสายตาผู้ใหญ่

 หยดน้ำ นิวาตวงศ์

10.ความรักเป็นเรื่องสำคัญ แต่ไม่จำเป็นต้องจบลงด้วยการแต่งงานเสมอไป เพราะเธอคิดว่า

“การที่เรารักใครสักคน นั่นคือการให้ เมื่อเรามีความสุขกับการให้ ถึงจะไม่ได้อะไรตอบแทนกลับมา หรือถึงจะรู้สึกเสียใจ แต่อย่างน้อยก็คุ้มค่าที่เราได้ให้กับคนที่เรารัก ทุกครั้งที่หยดน้ำอกหัก เสียใจ ไม่เคยมองว่าเป็นความทุกข์มากมายอะไร แต่ความผิดหวัง ทำให้เราเรียนรู้และโตขึ้น ทำให้เราเป็นเราในทุกวันนี้”

 หยดน้ำ นิวาตวงศ์

เป็นไงบ้างสำหรับสาวลุคแบ๊ว แต่ความคิดเธอไม่แบ๊วเลยใช่มะ ติดจะเป็นหญิงเก่งและแกร่งตั้งแต่วัยรุ่นด้วยซ้ำไป ครบเครื่องได้พ่อกับแม่จริงๆ เลยเชียว

ภาพ : @yodnamnivatvongs

ติดตามอ่านเรื่องราวอื่นๆของเธอได้เพิ่มเติมที่

ทริคสวยผิวดีได้จากพ่อ! หยดน้ำ – นัดดาภรณ์ นิวาตวงศ์ ลูกสาวสุดเลิฟของพ่อปู-แม่ขวัญฤดี

ต้อนรับวันแม่ ‘ขวัญฤดี’ควงลูกสาว‘น้องหยดน้ำ’ถ่ายแฟชั่น โชว์ความสวยคม สะกดทุกสายตา!

ดัชเชสเมแกน ไม่ทรงประสงค์คลอดที่เดียวกับ เจ้าหญิงไดอานา และดัชเชสเคท

account_circle

ดัชเชสเมแกน ไม่ทรงประสงค์คลอดรัชทายาทที่เดียวกับ เจ้าหญิงไดอานา และดัชเชสเคท อันเนื่องมาจาก พระองค์ต้องการความสงบในระหว่างคลอด!

ใกล้ถึงวันประสูติเต็มทีแล้วสำหรับรัชทายาทของเจ้าชายแฮรรี่ และ เมแกน มาร์เคิล ดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซกส์ ซึ่งกำหนดการประสูตินั้นจะอยู่ในช่วงปลายเดือนเมษานี้นี่เอง หลายคนตื่นเต้นที่จะได้เห็น และได้ลุ้นกันว่ารัชทายาทของทั้งสองพระองค์นั้นเป็นพระธิดา หรือ พระโอรส แต่โดยส่วนใหญ่คาดการณ์กันว่า น่าจะเป็นพระธิดา เพราะสังเกตจากการจัด Baby Shower ที่ใช้เงินไปมากกว่า 14 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังมีการทายพระนามของรัชทายาทของทั้งสองพระองค์ ซึ่งความนั้นเป็นทางเดียวกันว่า ดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซกส์ อาจจะทรงให้พระธิดาที่จะประสูตินั้น ชื่อว่า “ไดอานา” ซึ่งเป็นชื่อของเจ้าหญิงแห่งเวลล์ พระมารดาของเจ้าชายแฮร์รี่นั้นเอง

เจ้าหญิงไดอานา

ทั้งนี้ สถานที่ประสูติรัชทายาท ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ผู้คนให้ความสนใจ ซึ่งตามราชประเพณีนั้นแต่ดั้งเดิมนั้น สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซเบธที่ 2 ทรงมีพระประสูติกาลพระโอรส และพระธิดาที่พระราชวังบัคกิงแฮม แต่ในส่วนของเจ้าหญิงไดอานา ไม่ได้ทรงปฏิบัติตามกฏข้อนี้ ซึ่งพระองค์นั้นทรงให้การประสูติเจ้าชายวิลเลียม และเจ้าชายแฮร์รี่ที่โรงพยาบาลเซนต์แมรี่ในส่วนที่เรียกว่า ลินโด วิง โดยเป็นพื้นที่ส่วนพระองค์ เฉกเช่นเดียวกับดัชเชสเคทเมื่อครั้งที่ให้การประสูติ เจ้าชายจอร์จ เจ้าหญิงชาร์ลอตต์ และเจ้าชายหลุยส์ พระองค์ก็ทรงให้การประสูติรัชทายาททั้งสามพระองค์ที่นี่เช่นเดียวกัน

แต่ในขณะเดียวกัน ดยุคและดัชเชสแห่งซัสเซกส์ อาจจะทรงเลือกการประสูติรัชชาทายาทที่ London Wellness Center แทน อันเนื่องมาจากดัชเชสเมแกนทรงอยู่ในความดูแลของ Doula ซึ่งดูลานั้นคือผู้ช่วยของคุณแม่มือใหม่ ที่จะมาช่วยคุณแม่ผ่านการคลอดลูกในครั้งแรก เป็นผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการรับรอง ในการให้ความช่วยเหลือและให้ความรู้ เรื่องสุขภาพร่างกายและสุขภาพจิตใจ ที่เกิดขึ้นระหว่างการตั้งครรภ์ไปจนถึงการคลอดลูก ซึ่งดัชเชสเมแกนนั้นต้องการความสงบและพลังบวกในระหว่างให้การประสูติรัชทายาท ด้วยเหตุนี้พระองค์จึงเลือกที่นี่แทนโรงพยาบาลเซนต์แมรี่นั่นเอง


ภาพ : Getty Image

เจ้าหญิงน้อยกำลังมา? เจาะดีเทลงาน Baby Shower ดัชเชสเมแกน งานนี้ใช้จ่ายกว่า 14 ล้าน!

เรียกร้องมากไป? ควีนสั่งห้าม ‘ดัชเชสเมแกน’ ยืมเทียร่า Lover’s Knot

เคล็ดลับที่ไม่ลับของ 5 เจ้าหญิงคนดังระดับโลก กับทิปส์ความงามที่ทำได้ทุกวัน ในราคาเบาๆ

จากวันนั้นจนถึงวันนี้! เปิดไทม์ไลน์เส้นทางรักโรแมนติกของ เจ้าชายแฮร์รี่ และ ดัชเชสเมแกน

พระอิริยาบถน่ารักในมาดนักกีฬาของ ดัชเชสเคทแห่งเคมบริดจ์ ขณะเสด็จเยือนไอร์แลนด์เหนือ

ส่งต่อความงดงาม! รวมภาพดัชเชสเคททรงใส่เครื่องประดับสุดโปรดของ เจ้าหญิงไดอานา

เผยความจริง! เหตุที่ดัชเชสเคททรงใส่ชุดซ้ำ เพราะทรงมีต้นแบบจากเจ้าหญิงพระองค์นี้นี่เอง

โซฮี

“กงยู” และ โซฮี อดีตสมาชิก Wonder Girls เดินเล่นริมหาดด้วยกันยามดึก

Alternative Textaccount_circle
โซฮี
โซฮี

ดาราสาว โซฮี อดีตสมาชิก Wonder Girls ตอบข้อสงสัยเกี่ยวกับกระแสข่าวลือที่ว่าเธอและ “กงยู” พระเอกเกาหลีขวัญใจสาวๆ ไปเดินเล่นริมหาดด้วยกันยามดึก

โซฮี

พระเอกเอลิสต์ของเกาหลีใต้อย่าง โซจีซบ,โจอินซอง และ กงยู ถือป็นดาราหนุ่มที่มีฝีมือการแสดงอันยอดเยี่ยม ทั้งยังมีแฟนคลับมากมายทั่วเอเชีย แต่ถึงเสน่ห์จะร้อนแรงและเป็นขวัญใจสาวๆ ขนาดไหน แต่พวกเขากลับยังครองตัวเป็นโสดมาตลอด กระทั่งวัยบางคนเฉียดและเข้าสู่หลักสี่แล้วก็ตาม เช่นนั้นหนุ่มๆ เหล่านี้จึงมักถูกจับตามองเป็นพิเศษเกี่ยวกับเรื่องความรัก ดังนั้นเมื่อมีกระแสข่าวลือหรือข่าวเล็กๆ น้อยๆ จึงย่อมเป็นที่สนใจของสื่อมวลชนและแฟนคลับเป็นอย่างมาก

“กงยู” มักถูกจับคู่กับนักแสดงหญิงที่ร่วมงานด้วยอยู่บ่อยครั้ง เริ่มตั้งแต่ตกเป็นข่าวกับ “อิมซูจอง” ภายหลังร่วมงานกันในเรื่อง “Finding Mr.Destiny” ต่อมาตกเป็นข่าวกับนางเอกคนดัง “ยุนอึนเฮ” เมื่อครั้งแสดงในซีรีส์ “Coffee Prince” และตกเป็นข่าวกับ “คิมโกอึน” จากการร่วมงานกันในซีรีส์ดัง “Goblin” ไม่เพียงตกเป็นข่าวกับนักแสดงหญิงคู่ขวัญเท่านั้น เมื่อเดือนมกราคม 2018 “กงยู” ตกเป็นข่าวกับ “จองยูมิ” นักแสดงสาวที่รับบทคนท้องในภาพยนตร์เรื่อง “Train to Busan” ซึ่งในเวลาต่อมาต้นสังกัดของทั้งคู่ก็ได้ออกมาปฏิเสธอย่างรวดเร็ว

“Train to Busan” ออกฉายเมื่อปี 2016 แม้จะผ่านไปกว่า 3 ปีแล้ว แต่ “กงยู” ก็ยังตกเป็นข่าวกับนักแสดงหญิงในเรื่องนี้อีกครั้ง ซึ่งล่าสุดกลายเป็นข่าวฮือฮา เมื่อพิธีกรคนหนึ่งในรายการ Please Take Care of Refrigerator ของสถานีโทรทัศน์ JTBC ออกมาเปิดเผยว่า เขาได้ยินมาว่าอดีตสมาชิกเกิร์ลกรุ๊ปวง Wonder Girlsและหนุ่ม”กงยู”ได้ไปเดินเล่นริมหาดด้วยกันยามดึก เรื่องนี้ทำเอาคนดูและพิธีกรต่างหูผึ่งกันยกใหญ่

โซฮี

อย่างไรก็ตามก่อนที่ใครจะคิดเลยเถิดไปไกล โซฮี ซึ่งเป็นหนึ่งในนักแสดงที่เล่นภาพยนตร์เรื่อง “Train to Busan” ได้ไขข้อสงสัยของหลายคน โดยเธอบอกว่า  “ทีมนักแสดงเรื่อง“Train to Busan”สนิทกันมาก ดังนั้นพวกเราถึงไปเดินเล่นด้วยกันทั้งหมดค่ะ”

ได้เห็นนักแสดงสาวออกมายืนยันแบบนี้แล้ว เชื่อว่าไม่มีอะไรในกอไผ่แน่นอน เอาเป็นว่าแฟนคลับคนไหนที่กำลังร้องไห้อยู่ ไม่ร้องแล้วนะจ๊ะ

โซฮี

โซฮี

โซฮี

โซฮี โซฮี


ข้อมูลจาก soompi : Ahn So Hee Clarifies Rumors About Her Walk On The Beach With Gong Yoosoompi

กำหนดการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

กำหนดการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ตลอดเดือนเมษายน-พฤษภาคม

Alternative Textaccount_circle
กำหนดการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
กำหนดการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2562 ที่ปวงชนชาวไทยได้รับข่าวอันเป็นมงคลยิ่ง นั่นคือการที่ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 4-6 พฤษภาคม 2562

โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทุกหน่วยงานที่มีหน้าที่ความรับผิดชอบต่างๆ เกี่ยวกับการจัดพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ได้มุ่งทำงานในส่วนที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มความสามารถ เพื่อให้พระราชพิธีบรมราชาภิเษกเกิดขึ้นอย่างสมพระเกียรติที่สุด

ดังนั้นเมื่อเข้าสู่เดือนเมษายน ซึ่งนับว่าใกล้พระราชพิธีบรมราชาภิเษกเข้าไปทุกขณะแล้ว แพรวดอทคอม จึงขอนำกำหนดการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ที่จะเกิดขึ้นตลอดเดือนเมษายน – พฤษภาคม มาเผยแพร่ให้ประชาชนชาวไทยได้ทราบกันอีกครั้ง เพื่อเป็นการเน้นย้ำและเป็นข้อมูลให้ทุกคนสามารถมีส่วมร่วมกับพระราชพิธีสำคัญนี้ได้อย่างถูกต้องสมบูรณ์

วันที่ 6 เมษายน 2562         พิธีพลีกรรมตักน้ำจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์

วันที่ 8 เมษายน 2562         ประธานสงฆ์ประกาศชุมนุมเทวดาในการพิธีทำน้ำอภิเษกและจุดเทียนชัย

วันที่ 9 เมษายน 2562          ต้นเทียนชัย เวียนเทียนสมโภชน้ำอภิเษก

วันที่ 18 เมษายน 2562        เสกน้ำอภิเษกจากกรุงเทพฯ และ 76 จังหวัด, ประกาศชุมนุมเทวดา ทำน้ำเทพมนตร์ เจริญพระพุทธมนต์ ทำน้ำพระพุทธมนต์

วันที่ 19 เมษายน 2562        แห่เชิญน้ำอภิเษกจาก “วัดสุทัศนเทพวราราม” ไปยัง “วัดพระศรีรัตนศาสดาราม”

วันที่ 22 เมษายน 2562        พระสงฆ์ 10 รูป เจริญพระพุทธมนต์

วันที่ 23 เมษายน 2562        จารึกพระสุพรรณบัฏ ดวงพระราชสมภพ แกะพระราชลัญจกร และ จารึกพระสุพรรณบัฏพระบรมวงศ์ ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม

วันที่ 2 พฤษภาคม 2562      เสด็จพระราชดำเนินไปทรงถวายราชสักการะพระบรมราชานุสรณ์ พระลานพระราชวังดุสิต ปฐมบรมราชานุสรณ์สะพานพระพุทธยอดฟ้า และเสด็จพระราชดำเนินบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์

วันที่ 3 พฤษภาคม 2562      เชิญพระสุพรรณบัฏ ดวงพระราชสมภพและพระราชลัญจกร ไปยังพระที่นั่งไพศาลทักษิณ, เสด็จพระราชดำเนินไปทรงนมัสการพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร  นมัสการพระรัตนตรัย ถวายบังคมพระบรมอัฐิ พระอัฐิ และจุดเทียนชัย

 วันที่ 4 พฤษภาคม 2562     พระราชพิธีบรมราชาภิเษก, เสด็จออกมหาสมาคมรับการถวายพระพรชัยมงคล, ประกาศพระองค์เป็นศาสนูปถัมภก ถวายบังคมพระบรมอัฐิ พระอัฐิ สดัปกรณ์, เฉลิมพระราชมณเฑียร

วันที่ 5 พฤษภาคม 2562       พระราชพิธีเฉลิมพระปรมาภิไธย พระนามาภิไธย สถาปนาพระฐานันดรศักดิ์พระบรมวงศ์, เสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนคร โดยขบวนพระพยุหยาตราสถลมารค

วันที่ 6 พฤษภาคม 2562        เสด็จออก ณ สีหบัญชร พระที่นั่งสุทไธสวรรย์ปราสาทให้ประชาชนเฝ้าฯถวายพระพรชัยมงคล เสด็จออก ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ให้คณะทูตานุทูตและกงสุลต่างประเทศเฝ้าฯถวายพระพรชัยมงคล

พฤษภาคม – พฤศจิกายน     ขบวนพยุหยาตราทางชลมารค

กำหนดการพระราชพิธีบรมราชาภิเษ


 

ภาพ : คณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์พระราชพิธีบรมราชาภิเษก


 

ติดตามบทความอื่นๆ ได้ที่

งดงาม “เข็มที่ระลึกตราสัญลักษณ์พระราชพิธีบรมราชาภิเษก” เตรียมเปิดขายรอบปฐมฤกษ์แล้ว

สมพระเกียรติ ประมวลภาพการฝึกซ้อมริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ พระราชพิธีบรมราชาภิเษก

เลอค่าน่าสะสม แสตมป์ที่ระลึกชุดพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ร.10 อยากได้ต้องทำอย่างไร

งดงามและเปี่ยมความหมาย ตราสัญลักษณ์พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พ.ศ. 2562

พสกนิกรปลื้มใจ! ในหลวง ร.10 พระราชทานแบบตราสัญลักษณ์พระราชพิธีบรมราชาภิเษกแล้ว

ควรค่าแก่การรู้ 4 ขั้นตอนสำคัญอันศักดิ์สิทธิ์ของ “พระราชพิธีบรมราชาภิเษก”

กรมธนารักษ์ เปิดจองเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกและเหรียญที่ระลึก พระราชพิธีบรมราชาภิเษก

“หน่อต้นพระศรีมหาโพธิ์” เครื่องมุทิตาบรรณาการจากศรีลังกา เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

Louis Vuitton Tambour Horizon สมาร์ทวอทช์เรือนหรู ราคาเหยียบแสน สวยเฉียบยิ่งนัก

account_circle

Louis Vuitton Tambour Horizon นาฬิกาสมาร์ทวอทช์เรือนหรูระดับไฮเอนด์ ราคาเหยียบแสน สวยเฉียบยิ่งนัก ที่สำคัญฉลาดยิ่งกว่าเดิมLouis Vuitton Tambour Horizon

หลังจากเปิดตัวนาฬิกาสมาร์ทวอทช์ Tambour Horizon เจนแรกเมื่อช่วงปี 2560 ที่ผ่านมา ปีนี้เองหลุยส์ วิตตองได้ฤกษ์กลับมาทวงบัลลังก์ในฐานะแบรนด์แฟชั่นระดับโลกซึ่งเป็นผู้ผลิตนาฬิกาสมาร์ทวอทช์ ซึ่งทางแบรนด์ได้ออกเจน 2 มาเอาใจสายไอทีแต่ก็อยากคูลๆ ชิคๆ ในคราเดียวกัน บอกเลยว่ารุ่นปังขึ้นกว่าเดิมแน่นอน

Monogram Brown

สำหรับ Tambour Horizon นั้นเป็นนาฬิกาที่ประมวลผลด้วยระบบ Android ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Snapdragon 3100 มาพร้อมกับหน้าจอสัมผัสขนาด  1.2 นิ้ว ความละเอียด 390×390 พิกเซล มีRAMขนาด 512MB และพื้นที่เก็บข้อมูลในเครื่อง 4GB ตัวเรือนทำมาจากแซฟไฟล์ พร้อมปั้มลายโลโก้ไอคอนิคอย่าง LV บนหน้าจอ สวยหรู ดูโดดเด่นเป็นสง่าเวลาใส่ยิ่งนัก และที่สำคัญคือตัวเครื่องสามารถสแตนด์บายได้สูงสุดถึง 5 วันด้วยแบตเตอรี่ความจุ 300mAh

Matte Black

นอกจากนี้ยังมีแอพลิเคชั่นต่างเช่น “My Travel” ยกระดับการใช้ชีวิตให้ง่ายยิ่งขึ้น เก็บทุกรายละเอียดการเดินทางของคุณ รวมถึง “LV City Guide” แอพที่จะช่วยให้ข้อมูลต่างๆ ของประเทศและเมืองต่างๆ ที่คุณเดินทางมาถึง และแอพสุดพิเศษซึ่งไม่มีในเจนแรกอย่าง “Pollution” ที่จะช่วยตรวจสอบคุณภาพของอากาศ แหม มันช่างเหมาะกับบ้านเราอะไรเยี่ยงนี้ ควรซื้อด่วนๆ เลยค่าคู้นนนนนน

Pure White

Monogram Eclipse

ทั้งนี้ Tambour Horizon มีทั้งหมด 4 แบบคือ  Monogram Brown, Monogram Eclipse, Pure White และ Matte Black สำหรับราคานั้นอยู่ที่ $2,250 – $8,500 ดอลลาห์สหรัฐ หรือประมาณ 74,250-280,500 บาท


ภาพ : Louis Vitton

ศิลปะคือชีวิต! หลุยส์ วิตตอง เตรียมปล่อย Pencil Roll ลายโมโนแกรม สายอาร์ตห้ามพลาด

ฝนเทลงมา เทลงมา! งานนี้ไม่มีเปียก เสื้อกันฝนงานคราฟท์ 2.4 แสนบาท จาก Louis Vitton

เตรียมฟาด! Louis Vuitton เตรียมวางขาย เคสใส่ลิปสติกโมโนแกรม สาวๆ ไม่ควรพลาด

ร้าน SIRIVANNAVARI

แฟล็กชิพสโตร์แห่งแรก! ร้าน SIRIVANNAVARI งดงาม หรูหรา พร้อมให้ยลโฉมแล้ว

ร้าน SIRIVANNAVARI
ร้าน SIRIVANNAVARI

เผยโฉมอย่างเป็นทางการ ร้าน SIRIVANNAVARI แฟล็กชิพสโตร์แห่งแรกในไทย ที่ถูกตกแต่งได้อย่างงดงาม หรูหรา ซึ่งได้รวบรวมคอลเล็คชั่นทรงออกแบบของพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ให้ได้ชมกันอย่างจุใจ

เมื่อวานนี้ (28 มี.ค.62) พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์เสด็จไปทรงเป็นประธานเปิดร้าน SIRIVANNAVARI แฟล็กชิพสโตร์ ที่ ศูนย์การค้าสยามพารากอน

ร้าน SIRIVANNAVARI

ร้าน SIRIVANNAVARI

โดยร้าน SIRIVANNAVARI แห่งนี้เป็นแฟล็กชิพสโตร์ที่มีขนาด 160 ตารางเมตร รวบรวมคอลเล็คชั่นทรงออกแบบ อาทิ เครื่องแต่งกายแฟชั่นสำหรับสุภาพสตรี และสุภาพบุรุษ เครื่องประดับ กระเป๋า รองเท้า ฯลฯ ภายในร้านตกแต่งด้วยวัสดุชั้นเลิศที่สะท้อนถึงบุคลิกของแบรนด์ อาทิ หินอ่อน แก้ว กระจกรมควัน ไปจนถึงการลงรายละเอียดต่างๆ ที่ทำจากมือ สร้างสรรค์บรรยากาศภายในร้านให้ดูสง่างาม แต่ยังคงซึ่งความรู้สึกอบอุ่น

ร้าน SIRIVANNAVARI

สามารถชมคอลเล็คชั่นทรงออกแบบประจำฤดูกาลสปริง/ซัมเมอร์ 2019 ของแบรนด์ SIRIVANNAVARI และ S’HOMME ได้ที่ร้าน SIRIVANNAVARI ชั้น 1 ศูนย์การค้าสยามพารากอน

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

 เฉียบทุกลุค! 12 Princess Style ของพระองค์หญิงสิริวัณณวรีฯ

 แม่จีนทุ่มไม่อั้น! แกะกล่องของขวัญวันเกิด ลิซ่า BLACKPINK หรูหราระดับไฮเอนด์

เห็นแล้วเกิดกิเลส! เปิดโพยสนีกเกอร์ ลิซ่า BLACKPINK ตั้งแต่หลักพันยันหลักหมื่น

ยิ่งกว่าขุมทรัพย์! เปิดคลังกระเป๋า Chanel เจนนี่ BLACKPINK จะคอลเล็คชั่นไหนขอให้บอก

แบรนด์เดียวในดวงใจ! รู้จัก กระเป๋า Launer ที่ควีนเอลิซาเบธทรงใช้มานานกว่า 50 ปี

พักเบรกลุคหวาน! ยลโฉม เจ้าหญิงเคท ในสไตล์เวิร์กกิ้งวูแมน

 เจ้าแม่ ZARA! ควีนเลตีเซีย กับฉลองพระองค์คุ้มราคาที่เป็นมากกว่าแฟชั่น

แฟนคลับแซว แม่นาคเวอร์ชั่นเกาหลี? นานะ After School กับคอสตูมจากแบรนด์ดัง

เฉียบทุกลุค! 12 Princess Style ของพระองค์หญิงสิริวัณณวรีฯ

เกิดกระแสทุกยุค! 6 แฟชั่นไอเท็ม เทรนด์ฮ็อตที่มีอิทธิพลมาจาก เกิร์ลกรุ๊ป K-Pop

 แฟชั่นนี้เสี่ยงไปไหม! ทำไมดัชเชสเมแกนยังสวมส้นสูง 4 นิ้ว ขณะทรงพระครรภ์

พลัสไซส์แล้วไง ขอแค่มั่นใจ! ชี้เป้า 13 ชุดวันพีช ตัวช่วยเสริมความแซ่บของสาวเจ้าเนื้อ

บุกคลังกระเป๋า ‘อามัล คลูนีย์’ ทนายสาวผู้มีสไตล์ พระสหายดัชเชสเมแกน

ว่าที่เจ้าสาวปักหมุดด่วน! มาร์กี้-ราศรี ปล่อยเช่าชุดแต่งงานจาก 3 แบรนด์ดัง

ของขวัญวันเกิด ลิซ่า BLACKPINK

แม่จีนทุ่มไม่อั้น! แกะกล่องของขวัญวันเกิด ลิซ่า BLACKPINK หรูหราระดับไฮเอนด์

ของขวัญวันเกิด ลิซ่า BLACKPINK
ของขวัญวันเกิด ลิซ่า BLACKPINK

แกะกล่องของขวัญวันเกิด ลิซ่า BLACKPINK ที่แฟนคลับชาวจีนต่างทุ่มสุดตัวกับสินค้าแบรนด์เนมราคาแพง เพื่อมอบให้กับลิซ่าในวันที่ 27 มีนาคมที่ผ่านมา

ใครที่เป็นแฟนคลับเหล่าไอดอลเกาหลีคงคุ้นชินกับการมอบของขวัญและทำโปรเจ็กต์ดีๆ ให้กับศิลปินที่เราชื่นชอบในวันคล้ายวันเกิดกันอยู่แล้ว ซึ่งเดือนนี้ก็ถึงคิวของ ลิซ่า BLACKPINK สาวน้อยมากความสามารถที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกและเป็นที่รักของแฟนๆ มากมาย โดยน้องลิซเกิดวันที่ 27 มีนาคม 2540 ปีนี้อายุครบ 22 ปีบริบูรณ์ และแน่นอนว่าวันเกิดของลิซ่า แฟนๆ ไม่ปล่อยให้เหงา เพราะได้จัดเต็มกับของขวัญวันเกิด รวมถึงโปรเจ็กต์ดีๆ เพื่อสังคม อย่างเช่น การปลูกต้นไม้ , การบริจาคเงินและอาหารสัตว์ให้กับสถานสงเคราะห์สัตว์เลี้ยงที่ถูกทอดทิ้ง และอีกสิ่งที่ขาดไม่ได้คือการอวยพรวันเกิดบนจอ LED ตามจุดต่างๆ เพื่อแสดงออกถึงความรักที่มีต่อไอดอลคนโปรด

ส่วนแฮชแท็กที่เกิดขึ้นเพื่อให้แฟนๆ ร่วมอวยพรวันเกิดของน้องลิซ่าคือ #AceLalisaDay เรียกได้ว่าถ้าเปิดแฮชแท็กนี้ก็จะเห็นบลิ๊งค์จากทั่วทุกมุมโลกส่งข้อความและกำลังใจดีๆ ให้กับน้องเพียบ จนล่าสุดลิซ่าก็ได้ลงภาพบนอินสตาแกรม พร้อมแคปชั่นที่ว่า “thank u for wishing me a happy birthday”

ของขวัญวันเกิด ลิซ่า BLACKPINK

ซึ่งวันเกิดของน้องลิซ บลิ๊งค์ต่างก็ช่วยกันซัพพอร์ทเต็มที่เพื่อให้เกิดโปรเจ็กต์ดีๆ แต่ที่เห็นแล้วต้องว้าวกับพลังเปย์สุดตัว คงต้องยกให้กลุ่มแฟนคลับชาวจีน LISABar ที่ใจป้ำพร้อมทุ่มไม่อั้นเพื่อยัยหนู นอกจากโครงการดีๆ ที่ทำเพื่อสังคมแล้ว ก็ไม่ลืมที่จะสรรหาของขวัญสุดพิเศษมาเสิร์ฟให้ศิลปินสุดเลิฟ โดยในปี 2019 นี้ แฟนคลับชาวจีน LISABar ก็ยกทัพของขวัญมาตั้งแต่ถ้วยชามรามไห , เครื่องสำอาง , น้ำหอม , เสื้อผ้า , กระเป๋า , รองเท้า ไปจนถึงกล้อง Leica เรียกได้ว่ามาครบทุกประเภทจริงๆ เห็นกองของขวัญที่ตั้งเรียงรายกันแล้วก็รู้เลยว่ามูลค่าไม่ธรรมดา

ของขวัญวันเกิด ลิซ่า BLACKPINK
ดูกล่อง ดูถุงของแต่ละแบรนด์สิคะ เลอค่ามากกกก

ของขวัญวันเกิด ลิซ่า BLACKPINK
LISABar โพสต์ภาพพร้อมแคปชั่น : ของขวัญวันเกิดถูกส่งไปยังค่าย YG แล้ว เป็นของขวัญจากแฟนๆ ชาวจีน ที่สำคัญที่สุดคือเราหวังว่าลิซ่าจะชอบ

ของขวัญแต่ละชิ้นถูกห่อไว้อย่างสวยงามและน่ารักมากๆ

เชื่อว่าเห็นถุง เห็นกล่องแล้ว หลายคนคงอยากรู้แน่ๆ ว่ามีอะไรอยู่ข้างในบ้าง ซึ่งกลุ่มแฟนคลับ LISABar ก็ใจดีมาเปิดกล่องของขวัญให้บลิ๊งค์ทุกคนได้ดูกัน แพรวดอทคอมเองก็แอบไปส่องมาแล้ว ขอบอกว่าของขวัญแต่ละชิ้น OMG! มาก รับรองว่าต้องได้เห็นน้องลิซใช้อย่างแน่นอน และไหนๆ LISABar ก็เผยไอเท็มแต่ละชิ้นออกมาแล้ว วันนี้แพรวดอทคอมจึงขอพาแฟนๆ ของน้องลิซ่าไปชมของขวัญวันเกิดมูลค่ารวมหลายล้านบาทที่แฟนคลับชาวจีนมอบให้กันค่ะ โดยขอเน้นไปที่แฟชั่นไอเท็มและเครื่องประดับสุดหรูนะจ๊ะ

ของขวัญวันเกิด ลิซ่า BLACKPINK
เสื้อยืด Speedhunters boyband T-shirt จาก Balenciaga ราคาประมาณ 18,360 บาท

ของขวัญวันเกิด ลิซ่า BLACKPINK
แจ็คเก็ต Cropped denim jacket จาก Acne Studios ราคาประมาณ 17,330 บาท

ผ้าพันคอ The Classic Check Cashmere Scarf จาก Burberry ราคาประมาณ 13,650 บาท

หมวกไหมพรม Embroidered Crest Rib Knit Wool Cashmere Beanie จาก Burberry ราคาประมาณ 13,988 บาท

หมวก Logo-trim wool beret จาก Charles Jeffrey Loverboy ราคาประมาณ 6,700 บาท

กระเป๋าสตางค์ Small Trifold Wallet In Grained Calfskin จาก Celine ราคาประมาณ 15,950 บาท

กระเป๋าสะพาย Iside Mini Bag SS19 จาก Valextra ราคาประมาณ 91,513 บาท

กระเป๋า Gucci Zumi grainy leather small top handle bag ราคาประมาณ 101,574 บาท

กระเป๋าลายน้องแมว Balenciaga Kitten Everyday Camera Bag ราคาประมาณ 25,234 บาท

รองเท้าส้นสูงประดับคริสตัล BOBBIE 100 Black Patent Leather Pointy Toe Pumps with Crystal Strap จาก Jimmy Choo ราคาประมาณ 31,990 บาท

ของขวัญวันเกิด ลิซ่า BLACKPINK
รองเท้าส้นสูง ROMY 85 Platinum Amethyst Dusty Glitter Dégradé Pointy Toe Pumps  จาก Jimmy Choo ราคาประมาณ 19,659 บาท

ของขวัญวันเกิด ลิซ่า BLACKPINK
รองเท้าจาก Louis Vuitton Frontrow Sneakers ราคาประมาณ 31,944 บาท

สร้อยข้อมือสุดหรูจากแพนดอร่า Sterling Silver Charms Bracelet ราคาประมาณ 2,308 บาท

สร้อยข้อมือ Linear Diamond Chain Bracelet จาก Monica Vinader ราคาประมาณ 15,742 บาท

สร้อยคอ Fiorever 18K Rose Gold And Diamond Necklace จาก Bvlgari ราคาประมาณ 56,024 บาท

ต่างหูรุ่น Sweetberry จาก Golden Dew ราคาประมาณ 9,268 บาท

นี่เป็นแค่ของขวัญบางส่วนเท่านั้น ถ้าใครอยากเห็นแบบครบทุกชิ้น ก็กดเข้าไปที่ LISABar ได้เลยค่า

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

เห็นแล้วเกิดกิเลส! เปิดโพยสนีกเกอร์ ลิซ่า BLACKPINK ตั้งแต่หลักพันยันหลักหมื่น

ยิ่งกว่าขุมทรัพย์! เปิดคลังกระเป๋า Chanel เจนนี่ BLACKPINK จะคอลเล็คชั่นไหนขอให้บอก

แบรนด์เดียวในดวงใจ! รู้จัก กระเป๋า Launer ที่ควีนเอลิซาเบธทรงใช้มานานกว่า 50 ปี

พักเบรกลุคหวาน! ยลโฉม เจ้าหญิงเคท ในสไตล์เวิร์กกิ้งวูแมน

 เจ้าแม่ ZARA! ควีนเลตีเซีย กับฉลองพระองค์คุ้มราคาที่เป็นมากกว่าแฟชั่น

แฟนคลับแซว แม่นาคเวอร์ชั่นเกาหลี? นานะ After School กับคอสตูมจากแบรนด์ดัง

เฉียบทุกลุค! 12 Princess Style ของพระองค์หญิงสิริวัณณวรีฯ

เกิดกระแสทุกยุค! 6 แฟชั่นไอเท็ม เทรนด์ฮ็อตที่มีอิทธิพลมาจาก เกิร์ลกรุ๊ป K-Pop

 แฟชั่นนี้เสี่ยงไปไหม! ทำไมดัชเชสเมแกนยังสวมส้นสูง 4 นิ้ว ขณะทรงพระครรภ์

พลัสไซส์แล้วไง ขอแค่มั่นใจ! ชี้เป้า 13 ชุดวันพีช ตัวช่วยเสริมความแซ่บของสาวเจ้าเนื้อ

บุกคลังกระเป๋า ‘อามัล คลูนีย์’ ทนายสาวผู้มีสไตล์ พระสหายดัชเชสเมแกน

ว่าที่เจ้าสาวปักหมุดด่วน! มาร์กี้-ราศรี ปล่อยเช่าชุดแต่งงานจาก 3 แบรนด์ดัง


ภาพ : IG@lalalalisa_m  , Twitter@LISABar_CN

เปิดอาณาจักร ความลับของเสี่ยหนู พื้นที่ 700 ไร่ รีสอร์ทเขาใหญ่ คอกม้า ท้าความสูง

กำลังเนื้อหอมที่สุดในเวลานี้เห็นทีจะหนีไม่พ้นชื่อของหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล ซึ่งยังคงขอปิดปากเงียบเกี่ยวกับการรวมกับแกนนำพรรคใหญ่เพื่อจัดตั้งรัฐบาล หลายคนอาจจะรู้จักเขาในฐานะบทบาทของการเป็นนักการเมืองกันแล้ว วันนี้จะพามาดูอีกด้านหนึ่งของชีวิตเขาว่าที่ผ่านมาก่อนที่จะเข้าสู่สนามการเมือง ผู้ชายคนนี้ตัวตนจริงๆ เขาเป็นอย่างไร

อนุทิน ชาญวีรกูล เขาอยู่ในครอบครัวนักธุรกิจชาวไทยเชื้อสายจีน ซึ่งได้สืบทอดการบริหารในฐานะกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน)ต่อจากคุณพ่อของเขา นิสัยจริงๆ อาจจะเป็นคนใจร้อน และมุ่งมั่นกับการทำงานให้ประสบความสำเร็จ แต่ก็มีความละเอียดรอบคอบมาก เพราะเมื่อช่วงที่เขาอายุ 30 ต้องเจอกับวิกฤติต้มยำกุ้ง ทำให้ธุรกิจที่เขาทำเกิดปัญหา ซึ่งจุดนี้ทำให้เขาได้รับบทเรียนและรู้จักแก้ไขปัญหาด้วยสติและกลายเป็นคนที่ชอบสวดมนต์เป็นประจำ จนสามารถจำบทสวดมนต์ได้ทุกบท

ยานพาหนะคู่ใจของเสี่ยหนู

นอกจากนี้เขายังเป็นคนชอบขับเครื่องบิน ถึงขั้นไปเรียนจนสอบใบขับขี่ได้ ทุกวันนี้ถ้าเดินทางไกลภายในประเทศ ที่ต้องขับรถใช้เวลานานหลายชั่วโมง เขาจะขับเครื่องบินขนาดเล็กด้วยตัวเองเดินทางไปมากกว่า และด้วยความชอบในเรื่องการบิน ทำให้เขาหันมาเปิดธุรกิจเช่าเครื่องบินส่วนตัวให้กับเหล่านักธุรกิจอีกด้วย

นอกจากนี้อีกหนึ่งธุรกิจที่หลายคนอาจคุ้นหน้าคุ้นตากันดี เพราะพื้นที่กว่า 700 ไร่แห่งนี้เคยเป็นกองถ่ายของละครเรื่องดังมากมาย Rancho Charnvee Resort Country Club ของเขา เริ่มแรกเมื่อซื้อมีพื้นที่ 200 ไร่ เขาวางแผนไว้ว่าจะทำเป็นสวนข้าวโพดและฟาร์มโคนม แต่ด้วยธุรกิจเริ่มแรกของที่นี่ยังไม่สามารถทำกำไรได้ เขาจึงเปลี่ยนไปทำคอกม้า และสนามกอล์ฟ เพื่อรองรับกลุ่มนักธุรกิจ และผู้ที่ชื่นชอบการขี่ม้า และเพิ่มห้องพักขยายต่อเป็น 70 ห้อง เพื่อรองรับผู้ที่เข้ามาใช้บริการได้ครบถ้วนมากขึ้น

สำหรับพื้นที่ส่วนตัว เขามีบ้านอยู่ภายในรีสอร์ทแห่งนี้ด้วย และบ้านหลังนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการเข้ามาสร้างอาณาจักร Rancho Charnvee Resort Country Club พื้นที่ 700 ไร่ ซึ่งโดยส่วนตัวเขาเป็นคนที่ชื่นชอบสไตล์คันทรี่ จึงออกแบบโครงสร้างบ้านและอินทีเรียทั้งหมดให้เป็นสไตล์ อิงลิช คันทรี่ ที่ดูอบอุ่นและมีกลิ่นอายของความวินเทจอยู่ทั่วทุกมุมบ้าน

จะว่าไปแล้วเสี่ยหนูก็มีรสนิยมไม่เบา ทั้งขับเครื่องบิน ขี่ม้า อีกทั้งยังแต่งบ้านได้น่าอยู่ไม่น้อย มาดของการเป็นนักธุรกิจก็มีความมั่นคงแข็งแรง ส่วนบทบาททางการเมืองตอนนี้ก็ดูจะมีทิศทางที่สดใส เพราะพรรคการเมืองของเขาถือเป็นตัวแปรสำคัญในการจัดตั้งรัฐบาล แต่จะขยับไปถึงการเป็นนายกรัฐมนตรีได้หรือไม่ ก็คงต้องติดตามกันต่อไป แต่ที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดในเวลานี้ ตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงใดกระทรวงหนึ่งคงไม่มีทางหลุดมืออย่างแน่นอน

 

ภาพ : รายการแพรว The Jet Set

 

 

 

 

พลิกประวัติศาสตร์การเมืองไทย กอล์ฟ ธัญญ์วาริน ว่าที่ ส.ส.ข้ามเพศคนแรกในสภา

account_circle

พลิกประวัติศาสตร์การเมืองไทย กอล์ฟ ธัญญ์วาริน ว่าที่ ส.ส.ข้ามเพศคนแรกที่เตรียมเข้าสภา จากพรรคอนาคตใหม่ เป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของเพศทางเลือกทุกๆ คน

กอล์ฟ ธัญญ์วาริน

เป็นอีกหนึ่งผู้สมัครที่พลิกประวัติศาสตร์การเมืองไทย เพราะหลังจากการนับคะแนนเสียงเลือกตั้งที่เกือบจะสิ้นสุดแล้วอย่างเป็นทางการชื่อของ กอล์ฟ-ธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ ซึ่งเธอนั้นเป็นผู้สมัคร ส.ส. บัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่ ลำดับที่ 9 ก็ติดหนึ่งในว่าที่ ส.ส.ที่เตรียมกำลังจะเข้าสภา โดยประวัติของคุณกอล์ฟนั้นน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว ซึ่งครั้งหนึ่งพรรคอนาคตใหม่ได้เคยลงเรื่องราวของเธอไว้ว่า

ธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ หรือ กอล์ฟ หากจะเอ่ยถึงบุคคลในแวดวงสังคมไทยที่ลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของวงการศิลปะภาพยนตร์ หนึ่งในชื่อนั้นคงหนีไม่พ้นชื่อของ กอล์ฟ ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง จากเรื่อง ‘Insects in the Backyard แมลงรักในสวนหลังบ้าน’ ธัญญ์วารินต่อสู้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง ยาวนานถึง 7 ปี กว่าที่ ภาพยนตร์ “Insects in the Backyard” ซึ่งถูกสั่งแบนจะสามารถออกฉายได้ การต่อสู้ของ กอล์ฟ ธัญญ์วาริน ไม่ใช่แค่เพี่อให้หนังได้ฉาย แต่ต่อสู้เพี่ออยากให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมภาพยนตร์และสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก

กอล์ฟ-ธัญญ์วาริน เคยได้รับการเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย คนที่ 5 มีผลงานกำกับ ทั้งละคร ภาพยนตร์ และเคยได้รับรางวัลทั้งจากผลงานการกำกับ และการเป็นนักแสดง

กอล์ฟ-ธัญญ์วาริน มองว่าการต่อสู้เรียกร้องในเรื่อง สิทธิ เสรีภาพ ความเท่าเทียมกันของมนุษย์ ผู้มีความหลากหลายทางเพศ คนพิการ ผู้มีเชื้อเอชไอวี เด็ก สตรี และผู้ต้องขัง ให้มีสิทธิ เสรีภาพเท่าเทียมกับคนอื่นๆ ในสังคม การช่วยให้ประชาชนไม่ถูกปิดกั้นเสรีภาพทางความคิด และการแสดงออกทางวัฒนธรรมอันหลากหลาย เป็นสิ่งที่จะต้องต่อสู้กันต่อไป เพื่อให้เกิดขึ้นเป็นจริงให้ได้

จากนี้ กอล์ฟ-ธัญญ์วาริน ตั้งเป้าไว้ว่าจะเป็น ส.ส. กะเทยแต่งหญิงคนแรกของไทยในสภา และตั้งใจว่าจะใช้ช่องทางการเมือง ในการเรียกร้อง ผลักดัน ประเด็นผู้มีความหลากหลายทางเพศและประเด็นศิลปวัฒนธรรมทั้งในสภาฯ และนอกสภาฯ

ปิยบุตร ชักชวน กอล์ฟ-ธัญญ์วาริน มาทำงานในวงรับฟังความคิดเห็นนโยบายด้านวัฒนธรรมของพรรคอนาคตใหม่ บทบาททางการเมืองของกอล์ฟ คือการสร้างสัญลักษณ์ปักหมุดความหลากหลายของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ต้องมีความหลากหลายเป็นตัวแทนของภาคศิลปวัฒนธรรมและสิทธิเสรีภาพ ไม่ใช่ว่า ส.ส. ทุกคนจะมีหน้าตาเหมือนกันหมด


ข้อมูล และ ภาพ : พรรคอนาคตใหม่, Tanwarin Sukkhapisit ธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์

คุณมูนา

หักเหลี่ยมเฉือนคมสุด! คุณมูนา เผยเบื้องหลังชีวิตหรูสะใภ้ดูไบ แซ่บยิ่งกว่าละครหลังข่าว

Alternative Textaccount_circle
คุณมูนา
คุณมูนา

ตำนานซินเดอเรลล่าดูไบ คุณมูนา อัลล์ ซารูนี่ณ์ เผยเบื้องหลังชีวิตสะใภ้สุดหรู หักเหลี่ยมเฉือนคม แซ่บยิ่งกว่าละครหลังข่าว

ก่อนหน้านี้ คุณมูนา อัลล์ ซารูนี่ณ์ เจ้าของฉายา “ตำนานซินเดอเรลล่าดูไบ”ได้เคยเปิดปากเล่าถึงวิถีชีวิตราวกับเจ้าหญิง ภายหลังได้แต่งงานกับ “ อาเหม็ด นูร์ ซารูนี่ณ์” นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ติดอันดับมหาเศรษฐีรวยระดับต้นๆ ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ว่าชีวิตที่นั่นเธอแทบไม่ต้องทำอะไรเลย เพราะมีคนรับใช้คอยดูแลเธอมากถึง 16 คน โดยชีวิตในทุกๆ วันหลังจากตื่นนอนเธอจะแต่งหน้าและใช้ชุดสวยๆ จากนั้นก็ถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึก ในเวลากลางคืนมักจะมีปาร์ตี้สังสรรค์ ซึ่งเธอบอกว่าอันที่จริงแล้วเธอถูกเชิญแทบทุกคืน เพียงแต่เธอไม่ได้ไปทุกคืนงานเท่านั้นเอง

“ตำนานซินเดอเรลล่าดูไบ” ยังได้เปิดเผยเรื่องที่ทำให้หลายคนหูผึ่ง เกี่ยวกับการช้อปปิ้ง โดยเธอได้เล่าว่าในคฤหาสน์ที่ดูไบเธอมีรถทุกยี่ห้อ นอกจากนี้เธอยังเป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบเพชรมากๆ จึงเก็บสะสมไว้เป็นจำนวนมาก แต่ที่ทำให้หลายคนอึ้งไม่ใช่เพราะมีเยอะ แต่เพราะสร้อยเพชรของเธอบางเส้นราคาเท่ากับตึกในดูไบเลยทีเดียว

คุณมูนา

(10 เรื่องสุดเว่อร์วังของ มูนา อัลล์ ซารูนี่ณ์ เศรษฐีนีไทยในดูไบ)

ถึงแม้วิถีชีวิตดุจเจ้าหญิงอาจจะทำให้บางคนอิจฉาเธอมากๆ แต่เบื้องหลังชีวิตสุดหรูนี้จริงๆ แล้วก็น่าเหนื่อยใจไม่น้อย เมื่อเธอต้องหักเหลี่ยมเฉือนคมกับบรรดาสะใภ้คนอื่นทุกวัน โดย “มูนา อัลล์ ซารูนี่ณ์” ได้เผยชีวิตอีกมุมหนึ่งผ่านรายการ “ตีท้ายครัว” ซึ่งออกอากาศเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562

โดยคุณมูนาได้เปิดเผยว่า ได้มีโอกาสเจอกับสามีเพราะเขาเป็นลูกค้าที่มาซื้อทัวร์ของบริษัท ทำให้ทั้งคู่มีโอกาสเจอกันบ่อยๆ แต่ช่วงแรกไม่ได้มีการสานสัมพันธ์เนื่องจากคุณมูนามีสามีอยู่แล้ว แต่ว่าหลังจากที่เลิกรากับอดีตสามี ทั้งคู่จึงเริ่มใกล้ชิดสนิทกันมากขึ้น กระทั่งตกลงปลงใจกันในที่สุด

ทว่าเส้นทางความรักไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ คุณมูนาบอกว่าด่านที่หนักที่สุดของความรักก็คือการต้องฝ่าด่านครอบครัวของสามีดูไบ เพราะทางบ้านได้หาเลือกผู้หญิงที่จะมาแต่งงานกับสามีไว้แล้ว ซึ่งผู้หญิงคนนี้ก็มีดีกรีความรวยไม่ธรรมดาเพราะเป็นลูกสาวของผู้นำเข้านาฬิกาสุดหรูยี่ห้อ Rolex ซึ่งเป็นที่ทราบดีว่ายี่ห้อนี้ถึงจะมีราคาแพงหูฉี่แต่กลับขายดิบขายดีในดูไบมากๆ แต่ก็โชคดีที่ผู้หญิงทนรอเขาไม่ไหวจึงได้แต่งงานไปก่อนทำให้คุณมูนามีโอกาสได้เข้ามาเป็นสมาชิกครอบครัวนี้อย่างสมบูรณ์

คุณมูนา

ถึงแม้จะฝ่าด่านครอบครัวมาได้ แต่ชีวิตสะใภ้ดูไบก็ยังไม่ได้ราบรื่นนัก คุณมูนาบอกว่าครอบครัวที่ดูไบอยู่รวมกัน ทำให้เธอต้องพบเจอกับสะใภ้คนอื่นๆ ทุกคนดูเหมือนจะมีความเขม่นกันไม่น้อย “ชีวิตที่นั่นมันไม่ได้ลำบากขนาดที่ว่าต้องไปแบกหามอะไร แต่มันเหนื่อยตรงนี้เวลาสะใภ้เจอกันมันเหมือนกับในละครต้องเชือดเฉือนกัน โดยเฉพาะเรื่องการแต่งตัวที่นั่นให้ความสำคัญมาก มีการซุบซิบ วันนี้จะใส่ชุดอะไร จะใส่เพชรอะไร เวลาจะตัดเสื้อผ้าก็ต้องคอยหลบๆซ่อนๆ เป็นอย่างนี้ตลอด วันๆ ไม่ต้องทำงาน แค่สู้รบการสะใภ้ด้วยกันก็เหนื่อยแล้ว”

คุณมูนาเล่าต่อว่า “แต่คุณแม่สามีดีกับพี่มากๆ เพราะเราเป็นคนปรนนิบัติท่านทุกอย่าง บีบ,นวด,ปอกผลไม้ รวมถึงทำกับข้าวให้ด้วย ท่านจึงรักและค่อนข้างเอ็นดู นั่นจึงทำให้สะใภ้คนอื่นเขม่นเพราะรู้สึกหมั่นไส้ด้วย”

อย่างไรก็ตามคุณมูนายอมรับว่า “ตอนไปที่ดูไบใหม่ๆ พี่สู้พวกเขาไม่ได้เลยในเรื่องการแต่งตัว แต่ด้วยความที่เป็นคนพัฒนาเร็ว ตอนนี้จึงสู้กับพวกเขาได้แล้ว”

คุณมูนา


ข้อมูลจาก : รายการตีท้ายครัว ช่อง 3

เปิดภาพคอกม้า-บ้านที่อังกฤษ… อาณาจักรแสนล้าน ในวันที่ไร้ เจ้าสัววิชัย ศรีวัฒนประภา

หลายปีมาแล้ว เมื่อครั้งที่ลมหายใจของผู้ชายคนนี้ยังคงเคลื่อนไหวไปตามจังหวะของชีวิต โดยในขณะนั้นเขากำลังมุ่งมั่นกับการทำทีมสโมสรเลสเตอร์ซิตี้ ให้ขึ้นมาอยู่ในระดับแถวหน้าของวงการฟุตบอลอังกฤษ และปฏิเสธไม่ได้เลยว่าความตั้งใจและทุ่มเททั้งหมดของเขา ทำให้ชื่อ เจ้าสัววิชัย ศรีวัฒนประภา กลายเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็วในระดับโลก

ชีวิตของเจ้าสัววิชัย ศรีวัฒนประภา ในช่วงนั้น เรียกว่าอยู่อังกฤษมากกว่าเมืองไทยก็ว่าได้ และที่นั่นก็ทำให้เขาสร้างสิ่งต่างๆ ที่เขารักไว้มากมาย ซึ่งก็นับว่าเป็นโอกาสที่พิเศษมากๆ ที่เวลานั้นแพรว ได้เป็นส่วนหนึ่งในการเข้าไปสัมผัสวิถีชีวิตของมหาเศรษฐีผู้นี้ถึงที่บ้านของเขาในประเทศอังกฤษ

เจ้าสัววิชัย ศรีวัฒนประภา , บ้านเจ้าสัววิชัย , คิงเพาเวอร์ , King Power , ครอบครัวศรีวัฒนประภา

 

เจ้าสัววิชัย ศรีวัฒนประภา , บ้านเจ้าสัววิชัย , คิงเพาเวอร์ , King Power , ครอบครัวศรีวัฒนประภา

เจ้าสัววิชัย ศรีวัฒนประภา , บ้านเจ้าสัววิชัย , คิงเพาเวอร์ , King Power , ครอบครัวศรีวัฒนประภา

 

เจ้าสัววิชัย ศรีวัฒนประภา , บ้านเจ้าสัววิชัย , คิงเพาเวอร์ , King Power , ครอบครัวศรีวัฒนประภา

เจ้าสัววิชัย ศรีวัฒนประภา , บ้านเจ้าสัววิชัย , คิงเพาเวอร์ , King Power , ครอบครัวศรีวัฒนประภา

 

และนี่คืออีกหนึ่งบทสัมภาษณ์ ที่เกิดขึ้นภายใต้อาณาจักรสุดกว้างใหญ่ของชายผู้เป็นตำนาน วิชัย ศรีวัฒนประภา ที่แพรวขอมอบให้กับทุกคนที่ศรัทธาในตัวเขา

บ้าน สนามขี่ม้า และทีมฟุตบอล

“ผมใช้ชีวิตอยู่ที่อังกฤษมากกว่า เพราะมีบ้าน มีสนามขี่ม้า มีทีมฟุตบอล มีเพื่อนที่ไม่ใช่คนไทย(หยอดมุกเสร็จก็ขำกับอาการตาโตของคนสัมภาษณ์) เอ้า… เจอคนไทยแล้วผมเหนื่อยนะ เพราะต้องไปกินร้านเดิมๆ อย่างเขาบอกอยากกินเป็ด ผมเพิ่งกินมา(ทำเสียงหน่าย) แต่สุดท้ายก็ต้องไปกับเขา

เจ้าสัววิชัย ศรีวัฒนประภา , บ้านเจ้าสัววิชัย , คิงเพาเวอร์ , King Power , ครอบครัวศรีวัฒนประภา

“ผมไม่ได้เจาะจงว่าจะอยู่ที่ไหน ผมมีบ้านที่เมืองไทยในหลายๆ จังหวัด แล้วก็มีที่นี่ เคยอยากซื้อบ้านในหลายๆ ประเทศ ทั้งญี่ปุ่น จีน อเมริกา แต่สุดท้ายก็รู้สึกว่าเป็นภาระ สู้ไปเปิดห้องSuite คืนละแสนที่โรงแรมนอนดีกว่า อยู่ 5 คืนก็ 5 แสน ขณะที่ถ้าซื้อบ้านหลังหนึ่งมันมีค่าใช้จ่ายมากกว่านั้น แต่ผมเคยมีบ้านที่เมืองจีนนะ เพราะเคยไปบุกเบิกทำดิวตี้ฟรีที่กำแพงเมืองจีน แต่พอเปิดไปได้สัก 2 ปีเริ่มไม่ไหว เพราะปัญหามาก รีดผมตลอด จนผมบอกเอาไปเถอะ เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ ตอนนี้จึงพูดได้ว่าผมทำดิวตี้ฟรีเฉพาะในเมืองไทยเท่านั้น”

เจ้าสัววิชัย ศรีวัฒนประภา , บ้านเจ้าสัววิชัย , คิงเพาเวอร์ , King Power , ครอบครัวศรีวัฒนประภา

เจ้าสัววิชัย ศรีวัฒนประภา , บ้านเจ้าสัววิชัย , คิงเพาเวอร์ , King Power , ครอบครัวศรีวัฒนประภา

สนามโปโลของคุณวิชัย

“การได้มาที่นี่ต้องบอกว่าเป็นโชค เดิมสนามนี้เมื่อสิบกว่าปีที่แล้วเป็นของปริ๊นซ์มาเลเซีย ผมเคยจะซื้อจากเขา แต่เขาเรียกแพงมาก ผมจึงตัดใจ แล้วก็ลืมไปเลย กระทั่งเจ้าของคนต่อมาซึ่งเป็นชาวสวีเดนเชิญผมมาเล่นโปโล แต่ตอนนั้นผมเพิ่งตกม้าและเจ็บคอ จึงให้ลูกชายลงเล่นแทน ทีนี้พอกลับมาเห็นอีกครั้งความชอบก็ยังอยู่ เลยให้คนไปทาบทามว่าถ้าจะขายเมื่อไหร่ให้บอก ผ่านไป 3 เดือน เขาโทรมาบอกว่าจะขาย 12 ล้านปอนด์ ผมบอกถ้าให้ 10 ล้านจะไปดูพรุ่งนี้เลย เขาถามกลับมาว่าจ่ายสดหรือเปล่า ผมบอกเดี๋ยวนี้ บังเอิญตอนนั้นเขาร้อนเงิน ผมเลยได้มา ตอนแรกคิดว่าที่เล็กนิดเดียว ที่ไหนได้ตั้ง 666 ไร่

เจ้าสัววิชัย ศรีวัฒนประภา , บ้านเจ้าสัววิชัย , คิงเพาเวอร์ , King Power , ครอบครัวศรีวัฒนประภา

“พอคนรู้ว่าผมซื้อสนามนี้ก็ถามเลย มีสนามอยู่แล้วจะซื้อทำไม(คุณวิชัยมีสนามโปโลที่แกดบริดจ์อยู่ก่อนแล้ว เนื้อที่ 32 เอเคอร์) ผมบอกว่าก็ชอบ และผมมีลูก 4 คน ตั้งใจให้เขาคนละสนาม ตอนนี้ผมก็มีสนามที่สามแล้ว อยู่ใกล้ๆ กันนี่แหละ อย่างที่บอกในตอนต้น ผมเป็นคนที่ถ้าชอบผมก็ซื้อ เวลาเจอคำถามว่าซื้อไปทำอะไร จึงตอบอย่างอื่นไม่ได้จริงๆ นอกจาก…ก็ชอบน่ะ”

เจ้าสัววิชัย ศรีวัฒนประภา , บ้านเจ้าสัววิชัย , คิงเพาเวอร์ , King Power , ครอบครัวศรีวัฒนประภา

เจ้าสัววิชัย ศรีวัฒนประภา , บ้านเจ้าสัววิชัย , คิงเพาเวอร์ , King Power , ครอบครัวศรีวัฒนประภา

เจ้าสัววิชัย ศรีวัฒนประภา , บ้านเจ้าสัววิชัย , คิงเพาเวอร์ , King Power , ครอบครัวศรีวัฒนประภา

 

เจ้าสัววิชัย ศรีวัฒนประภา , บ้านเจ้าสัววิชัย , คิงเพาเวอร์ , King Power , ครอบครัวศรีวัฒนประภา

ไลฟ์สไตล์ของคุณวิชัย

“คนแวดล้อมผมชอบถามว่าพรุ่งนี้ทำอะไร ผมบอกค่อยคิด ไม่ชอบฟิก เวลาจะบอกเองว่าเราต้องทำอะไร เหมือนอย่างผมอยู่ที่อังกฤษนี่ แรกๆ คนฝึกม้าก็ถามจัง… จะขี่ม้าไหม ผมบอกคุณมีหน้าที่ฝึกม้าก็ไปฝึก ผมตื่นมาอยากขี่ก็ขี่ เพราะพรุ่งนี้ไม่มีใครรู้ว่าฝนจะตกหรือเปล่า ถ้าฝนตกจะเล่นยังไง ถ้าแพลนไว้ก็เล่นไม่ได้ เราลิขิตเหนือข้างบนไม่ได้จริงไหม

“ผมตื่นไม่สายและไม่เช้า เพราะเป็นคนนอนดึก ไม่ใช่ความคิดแล่นตอนกลางคืน เพราะความคิดผมแล่นตลอดอยู่แล้ว แต่ไม่ชอบนัดใครเช้า เพราะเวลาเช้าเป็นเวลาส่วนตัว ผมไม่ชอบใช้อ่างอาบน้ำ รู้สึกว่าเสียเวลา อยู่คนเดียวในอ่างก็ไม่เอนจอย จะไปเอาคนมาอยู่ด้วยก็ไม่รู้เขาจะอยากอยู่ด้วยหรือเปล่า เพราะฉะนั้นอย่ามีดีกว่า รีบอาบรีบออก

“ที่เล่ามาเพราะต้องการจะบอกว่าไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนผมก็พยายามจะทำให้ชีวิตมีความสุข ความสุขของผมไม่ใช่การไปรับของของคนอื่น ใครให้ของขวัญอะไรผมไม่เคยเปิด ไม่ใช่เพราะไม่อยากรู้ แต่ไม่ได้อยากได้ ปีใหม่หรือวันเกิดผมบอกคนอื่นเลยว่าไม่ต้องให้อะไรผม เพราะผมพอแล้ว

 

เจ้าสัววิชัย ศรีวัฒนประภา , บ้านเจ้าสัววิชัย , คิงเพาเวอร์ , King Power , ครอบครัวศรีวัฒนประภา

เจ้าสัววิชัย ศรีวัฒนประภา , บ้านเจ้าสัววิชัย , คิงเพาเวอร์ , King Power , ครอบครัวศรีวัฒนประภา

เจ้าสัววิชัย ศรีวัฒนประภา , บ้านเจ้าสัววิชัย , คิงเพาเวอร์ , King Power , ครอบครัวศรีวัฒนประภา

 

เจ้าสัววิชัย ศรีวัฒนประภา , บ้านเจ้าสัววิชัย , คิงเพาเวอร์ , King Power , ครอบครัวศรีวัฒนประภา

เจ้าสัววิชัย ศรีวัฒนประภา , บ้านเจ้าสัววิชัย , คิงเพาเวอร์ , King Power , ครอบครัวศรีวัฒนประภา

เจ้าสัววิชัย ศรีวัฒนประภา , บ้านเจ้าสัววิชัย , คิงเพาเวอร์ , King Power , ครอบครัวศรีวัฒนประภา

เจ้าสัววิชัย ศรีวัฒนประภา , บ้านเจ้าสัววิชัย , คิงเพาเวอร์ , King Power , ครอบครัวศรีวัฒนประภา

เจ้าสัววิชัย ศรีวัฒนประภา , บ้านเจ้าสัววิชัย , คิงเพาเวอร์ , King Power , ครอบครัวศรีวัฒนประภา

 

เจ้าสัววิชัย ศรีวัฒนประภา , บ้านเจ้าสัววิชัย , คิงเพาเวอร์ , King Power , ครอบครัวศรีวัฒนประภา

 

เจ้าสัววิชัย ศรีวัฒนประภา , บ้านเจ้าสัววิชัย , คิงเพาเวอร์ , King Power , ครอบครัวศรีวัฒนประภา

“ที่เล่ามาเพราะต้องการจะบอกว่าไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนผมก็พยายามจะทำให้ชีวิตมีความสุข ความสุขของผมไม่ใช่การไปรับของของคนอื่น ใครให้ของขวัญอะไรผมไม่เคยเปิด ไม่ใช่เพราะไม่อยากรู้ แต่ไม่ได้อยากได้ ปีใหม่หรือวันเกิดผมบอกคนอื่นเลยว่าไม่ต้องให้อะไรผม เพราะผมพอแล้ว ผมชอบอยู่เฉยๆ เงียบๆ ไม่ชอบกวนคนอื่น (หัวเราะ)”

 

เรื่อง : CHTN Y.

ภาพ : กฤตธี

เรียบเรียง : SRIPLOI

 

อ่านเรื่องราวอื่นๆ ต่อได้ที่นี่

ไขความลับชีวิตของ ‘วิชัย ศรีวัฒนประภา’ มหาเศรษฐีผู้ให้ เจ้าสัวหัวใจเพชร!

“เจ้าสัววิชัย” จากความรักใน “กีฬาโปโล” สู่การเป็นเจ้าพ่อคอนเน็คชั่นระดับราชวงศ์

สามัคคี 4 พี่น้อง ‘ศรีวัฒนประภา’ วิสัยทัศน์เจ้าสัววิชัย ปูทางอนาคต แบ่งการบริหารงานชัดเจน

THE POSSIBLE MAN ความลับที่ซ่อนอยู่ในปาฏิหาริย์ของ วิชัย ศรีวัฒนประภา

ดยุกและดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ เสด็จวางดอกไม้ ไว้อาลัยเจ้าสัววิชัย ณ คิง เพาเวอร์ สเตเดียม

เบื้องหลังแชมป์พรีเมียร์ลีกของเลสเตอร์ซิตี้ เพราะเจ้าของทีม วิชัย ศรีวัฒนประภา ทุ่มขนาดนี้!

เรียบหรู ดูแพง 4 ชุดแต่งงานของ “มายด์ ศรันย์รัฐ” เจ้าสาวไฮโซฟ้าประทาน ทายาทหมื่นล้าน

account_circle

เรียบหรู ดูแพง เผยที่มาและดีเทลทั้ง 4 ชุดแต่งงานของ “มายด์ ศรันย์รัฐ” เจ้าสาวคนสวยของไฮโซฟ้าประทาน จิตตรัตน์เสนีย์ ทายาทหมื่นล้าน นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

"มายด์ ศรันย์รัฐ"

สมกับเป็นเจ้าสาวของทายาทหมื่นล้านสำหรับ มายด์ ศรันย์รัฐ จิตตรัตน์เสนีย์ เจ้าสาวคนสวย (มากกกก) ที่เพิ่งเข้าพิธีวิวาห์กับ ไฮโซฟ้าประทาน  จิตตรัตน์เสนีย์ ทายาทนักธุรกิจหมื่นล้าน เจ้าของโรงแรมหรูและรีสอร์ทชื่อดัง เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2562 ที่ผ่านมา

โดยงานวิวาห์สุดหรูนี้จัดขึ้นที่โรงแรม InterContinental Bangkok ซึ่งมีแขกมาร่วมงานนับพันคน บรรยากาศภายในงานนั้นบอกเลยว่า สวยงาม อลังการสุดๆ ราวกับอยู่ในเทพนิยาย ที่อบอวลไปด้วยดอกไม้นานาพันธ์ุ ทั้งนี้คุณมายด์ยังได้ให้สัมภาษณ์กับแพรวดอทคอมถึงคอนเซ็ปต์และดีเทลต่างๆ ในงานด้วยว่า “งานนี้พี่ฟ้ามีส่วนร่วมและเป็นกำลังสำคัญในการจัดงานเเต่งนี้มากค่ะ เพราะเวลาเราคิดอะไรออก เราจะถามเขาว่าดีไหม ชอบไหม ควรมีอะไรเพิ่มเติมอีกบ้าง ซึ่งพี่ฟ้าจะเเนะนำ นำเสนอเรื่องที่เราคาดคิดไม่ถึง ทำให้งานดำเนินไปได้ง่ายขึ้นมากจริงๆ ค่ะ”

“รวมถึงคุณพ่อพี่ฟ้า ชอบเรื่องต้นไม้ดอกไม้มาก มายด์เลยตั้งใจให้งานออกมาแบบเป็นเหมือนเราอยู่ใน Forest (ป่า) ซึ่งได้ทางทีม Rainforest มาเป็นผู้จัดเรื่องตกแต่งสถานที่ให้ค่ะ เพราะทีมนี้โดดเด่นเรื่องดอกไม้มากจริงๆ มายด์ได้พบคุณโจ้ ซึ่งเป็นเจ้าของ เลยบอกทางพี่โจ้ว่า มายด์อยากได้งานแบบ Forest ขอโทนสีเขียวแบบต้นสนไม่เอาหวานมาก ขอทางเดินแบบไม่เดินไปแล้วเห็นเจ้าบ่าวเจ้าสาวได้เลย พี่โจ้เลยทำทางเดินให้โค้งไปมา แขกต้องเดินเข้าไปเหมือนอยู่ในสวนดอกไม้ เดินไปจนสุดทาง ถึงจะพบเจ้าบ่าวเจ้าสาวยืนอยู่ ขอให้แขกรู้สึกสดชื่น โดยแอบซ่อนเสียงนก เสียงน้ำไหล ไว้ตลอดทางเดินนั้นด้วยคะ ซึ่งทางทีม Rainforest ก็ไม่ทำให้มายกับพี่ฟ้าผิดหวังจริงๆ”

ส่วนงานด้านในเวทีเป็นพื้นใสมองเห็นดอกไม้อยู่ด้านล่างทำให้มีความโปร่ง ส่วนฉากด้านหลังเป็นเหมือนภูเขาดอกไม้ สูง 6เมตร เเละมีน้ำตก ซึ่งใช้การปล่อยดรายไอซ์แทนการไหลของน้ำแทน มีคอนเซ็ปต์ที่อยากให้ฉากหลังเป็นภูเขาก็คือ

“Love like a mountain ,hard to climb , but once you get to the top the view is beautiful.”

เหมือนความรักที่บางครั้งต้องผ่านอุปสรรค ไม่ว่าทุกข์หรือสุข ถ้าหากเรายังอดทนฝ่าฟันด้วยกันมา อยู่ข้างๆ กัน ความรักที่เราให้กันก็จะสวยงามเเละมั่นคงตลอดไป เหมือนการปีนภูเขา ถ้าหากปีนมาถึงยอดเขาเเล้ว เราก็จะพบกับความสวยงามเช่นกัน

อีกทีมที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือ ทีม Kaidangdesign ของพี่น้ำ และสมาชิกทุกคนในทีมไข่แดงที่มาช่วยออแกนไนซ์ ทำให้งานราบรื่นผ่านไปได้ด้วยดี ทางทีมงานเป็นกันเองเเล้วก็น่ารักมากๆค่ะ

นอกจากสถานที่และคอนเซ็ปต์ที่ทำเราประทับใจในงานนี้แล้ว สิ่งที่โดดเด่นมากที่สุดคือ ชุดแต่งงานของเจ้าสาวที่มีถึง 4 ชุด โดยแต่ละชุดนั้นสวยงาม ดูเรียบหรู บ่งบอกความเป็นตัวเจ้าสาวที่มีความแกลม มีคาริสม่า สมกับเป็นวันพิเศษของเธอจริงๆ

"มายด์ ศรันย์รัฐ"

สำหรับชุดแรกนั้นคือชุดในช่วงพิธีเช้ามาจากร้าน Vanus Couture โดยจะเป็นชุดไทยประยุกต์ ช่วงด้านบนเป็นแขนยาวปักคริสตัลเกือบทั้งหมด ด้านล่างคุณมายด์ยังอยากให้รู้สึกว่ามีความเป็นไทยอยู่ เลยใช้กระโปรงมีเชิง และเป็นสีขาวทั้งชุด

ออกแบบโดย คุณสรรค์ ดีไซน์เนอร์เจ้าของแบรนด์วนัชกูตูร์ เป็นการผสมผสานระหว่างความโมเดิร์นสมัยใหม่และความเป็นไทย ด้วยการเลือกใช้ผ้าไหมลำพูนตัดเย็บเป็นผ้านุ่งทรงเมอเมด แต่ยังคงไว้ซึ่งหน้านางแสดงถึงความเป็นไทย ประกอบกับการใช้ลูกไม้ฝรั่งเศสทำตัวเสื้อท่อนบนและเพิ่มระบายช่วงเอว( ทรงดอกพุด) เพื่อให้รู้สึกถึงยุคสมัยใหม่คงไว้ซึ่งความเป็นไทย ชุดไทยประยุกต์ที่เจ้าบ่าวสวมใส่ ออกแบบโดยคุณสรรค์ ดีไซน์เนอร์เจ้าของแบรนด์วนัชกูตูร์เช่นเดียวกัน โดยใช้ผ้าไหมปักธงชัยสี่เส้นแท้ในการตัดเย็บทั้งชุด แต่ออกแบบให้ตัวเสื้อมีความทันสมัยไม่เหมือนใคร

ส่วนในช่วงพิธีงานเย็น มีทั้งหมด 3 ชุดประกอบด้วย ชุดถ่ายรูปตรงแบ็คดรอป, ชุดเดินเข้าพิธี และชุดอาฟเตอร์ปาร์ตี้ “โดยชุดถ่ายรูปตรงแบ็คดรอป มายด์สั่งตัดจากแบรนด์ POEM ออกแบบขึ้นใหม่โดย คุณฌอน เจ้าของเเบรนด์ ซึ่งมายด์บอกคอนเซ็ปต์พี่ฌอนไปว่า อยากได้เท่ๆ แต่ยังดูเป็นเจ้าสาว อยากได้ผ้าเรียบๆ ไม่มีปัก อยากให้ดูเรียบหรู จึงได้เป็นกระโปรงแหวกขาด้านหน้าเเละต่อผ้าเป็นกระโปรงยาวด้านหลัง และแบรนด์นี้สิ่งที่ทำให้สาวๆ ชอบที่สุด คือการทำให้เอวเล็กค่ะ ซึ่งตอนลองก่อนใส่จริง เราเห็นเอวเราครั้งเเรกเรายังตกใจ เล็กมากจริงๆ เหลือเอว 22 ได้ ซึ่งตลอดการทำงานกับพี่ฌอน พี่ฌอนเป็นคนที่น่ารักมาก ใส่ใจทุกรายละเอียด สมกับเป็นแบรนด์ POEM จริงๆ ค่ะ ในส่วนของราคาชุดนี้อยู่ที่ประมาณ 200,000 บาทค่ะ”

อีกหนึ่งคือชุดคือตอนเดินเข้าพิธี ชุดนี้เป็นการสั่งตัดใหม่จากแบรนด์ Verawang ผ่านทางร้าน Sol and GRAVITE “ซึ่งชุดนี้ต้องใช้ความพยายามอย่างมาก เพราะต้องสั่งจากอเมริกา รอเป็นเวลา 3 เดือนกว่าจะได้ชุดนี้มาค่ะ เห็นชุดจริงแล้วสวยมากๆ”

สุดท้ายคือชุดอาฟเตอร์ปาร์ตี้ “เป็นชุดตัดใหม่จากแบรนด์ NARONG ชุดนี้เป็นชุดที่มายด์ตั้งใจจะให้เป็นชุดที่ดูแล้วสนุก เล่นกับไฟ มายด์เลยเลือกที่จะเป็นงานปักทั้งชุด เราเลยเลือกแบรนด์นี้ เพราะโดดเด่นในงานปักมากๆ คุณณรงค์ออกเเบบชุดปักคริสตัลทั้งตัว เวลาเต้นเเล้วพลิ้วไปตามตัวเรา พอเห็นชุดที่ตัดเสร็จแล้ว ก็สวยตามที่เราต้องการจริงๆ ค่ะ”

เป็นเจ้าสาวที่สวยมากๆ แต่งหน้าช่วงเช้าโดยพี่อ๊อฟ สุรศักดิ์ ทำผมโดย พี่โอ๋ (Ao Hair)

แต่งหน้าช่วงเย็นโดยพี่ป้อม วินิจ ทำผมโดย พี่อ๊อฟ สุรศักดิ์ 

การ์ดที่มีดีเทลเรียบๆ แต่แฝงไว้ด้วยความหรูหรา

รองเท้าเจ้าสาวในช่วงเย็นจากแบรนด์ Jimmy Choo และในช่วงเช้าจากแบรนด์ Manolo Blahnik ส่วนของเจ้าบ่าวจากแบรนด์ Christian Louboutin

ความน่ารักของงานนี้ยังมีดีเทลต่างๆ อย่างของชำร่วยที่บ่าวสาวมอบให้กับแขกที่มาร่วมงานนั้นคือ โมเดลตุ๊กตา Bearbrick 100%  และยังมีกิจกรรมในพิธีแต่งงานอย่างเช่น มี Lucky Draw ในงานซึ่งแขกผู้มีเกียรติที่ถูกจับชื่อมานั้นจะได้ของรางวัลเป็น กระเป๋าคลัทช์จากแบรนด์ Valentino , Ipad , Apple watch และ MOET & CHANDON ICE IMPERIAL ไวน์ชั้นดีจากฝรั่งเศส 2 ขวด

ทั้งนี้เมื่อเราถามไปว่าทั้งคู่นั้นพบรักกันได้อย่างไร คุณมายด์ได้บอกเราว่า “พี่ฟ้ากับมายด์อยู่ในสังคมที่ใกล้กันอยู่แล้วค่ะ พบเจอเห็นกันเป็นประจำ ต่างคนต่างเจอเรื่องราวในชีวิตที่คล้ายๆ กัน สุดท้ายเลยทำให้เข้าใจกันได้ง่าย เเละนิสัยเหมือนกันค่ะ เลยตัดสินใจคบกัน จนมาถึงวันเเต่งงานในวันนี้ค่ะ และทางครอบครัวของเราทั้งสองคน ก็พอรู้จักกันมาก่อนด้วยค่ะ

อีกทั้งพี่ฟ้าเป็นผู้ชายที่เรารู้สึกว่าอยู่กับเขาเเล้วเรารู้สึกปลอดภัยและสบายใจ เขาไม่เคยทำให้มายด์เสียใจเเม้แต่ครั้งเดียวตั้งแต่คบกันมา ไม่ว่าชีวิตของพี่ฟ้าในวันที่พี่ฟ้าดีสุดๆ หรือเจอปัญหาอะไรมาก็ตาม เขาจะรีบกลับมาเจอเราทุกวันหลังจากทำงาน ประทับใจที่เขารักเรา และพยายามทำทุกอย่างให้เราสบายใจ โดยที่เราไม่ต้องเอ่ยบอก อีกเรื่องที่สำคัญเลย อีกมุมที่คนข้างนอกไม่เคยเห็น คือเขาเป็นคนรักครอบครัวมาก เวลาอยู่กับเขา เขาจะพูดถึงครอบครัวบ่อยสุดๆ เเละพยายามทำทุกอย่างให้คุณพ่อคุณเเม่สบายใจค่ะ 🙂


เรื่อง : Nitcha

ภาพ และ ข้อมูล : ศรันย์รัฐ  จิตตรัตน์เสนีย์ , mindv, sean_poem

บุญปลูก

ใสๆ แต่ไหวพริบดี บุญปลูก อีกหนึ่งว่าที่สะใภ้ของบ้านแบ้ ละครกรงกรรม

Alternative Textaccount_circle
บุญปลูก
บุญปลูก

แม้จะอายุเพียง 18 ปี แต่ฝีมือการแสดงกลับไม่ธรรมดาเลย สำหรับ “น้ำฟ้า-ธัญญภัสร์ ภัทรธีรชัยเจริญ” หรือ บุญปลูก ในละครเรื่อง กรงกรรม 

กำลังเข้มข้นเลยสำหรับละคร กรงกรรม เพราะดำเนินมาถึงตอนที่ “ซ้อเรณู” (เบลล่า-ราณี แคมเปน) ใช้ไสยเวชมัดใจแม่ผัว “ย้อย” (ใหม่ เจริญปุระ) งานนี้สะใภ้ทูลหัวอย่าง “พิไล” (พิชชาภา พันธุมจินดา) ตกกระป๋อง เมื่อรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจมากๆ เลยเอาความแค้นมาลงที่ “เรณู” เลยเกิดศึกของ 2 สะใภ้ขึ้น

งานนี้บอกเลยว่า “เรณู” ไม่ได้หัวเดียวกระเทียมลีบอีกต่อไป เพราะนอกจากมีแม่ผัวอย่าง “ย้อย” คอยปกป้องแล้ว ยังมีลูกทีมที่เข้มแข็งอย่างบุญปลูกลูกจ้างที่น่ารักและซื่อสัตย์คอยอยู่เคียงบ่าเคียงไหล่กับเธอด้วย โดยซีนเมื่อคืนที่ผ่านมา (19 มี.ค. 2562) นักแสดงสาวคนนี้ ที่เรามักเห็นว่าเงียบๆ ติ๋มๆ กลับลุกขึ้นมาฟาดฝีปากกับพิไลอย่างเผ็ดร้อน ทำเอาผู้ชมสะใจไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นการพูดหรือท่าทางสื่ออารมณ์สาวคนนี้ก็แสดงออกมาได้อย่างน่าติดตามจริงๆ

https://twitter.com/pinkazaa/status/1108063876640198656

สำหรับบทนี้แสดงโดย“น้ำฟ้า-ธัญญภัสร์ ภัทรธีรชัยเจริญ”สาวน้อยวัย 18 ปี เธอเคยแสดงในละครเรื่องสายลับจับแอ๊บ และภาพยนตร์เรื่อง เพื่อน..ที่ระลึก แม้จะมีผลงานมาไม่มาก แต่สาวคนนี้กลับแสดงออกมาได้ดีมากๆ บอกเลยว่าไม่ผิดหวังในการแคสติ้งของ “อ๊อฟ-พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง” จริงๆ

อย่างไรก็ตามสำหรับในเรื่อง “กรงกรรม”นี้ บทของเธอไม่ใช่แค่เด็กเฝ้าร้านธรรมดาๆ เพราะสุดท้ายก็จะกลายเป็นหนึ่งในสะใภ้ของบ้านแบ้ด้วย ส่วนจะเป็นได้อย่างไรนั้น ต้องติดตามกันในละครเรื่องกรงกรรมนะจ๊ะ

บุญปลูก

บุญปลูก

บุญปลูก

บุญปลูก

  


ภาพและข้อมูลจาก : http://www.ch3thailand.com

สามารถติดตามอ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่ 

ใสๆ แต่ไหวพริบดี บุญปลูก อีกหนึ่งว่าที่สะใภ้ของบ้านแบ้ ละครกรงกรรม

ดังพลุแตก! ซ้อ 2 บ้านแบ้ แพร์ พิชชาภา “เราคือนางเอกไม่เคยคิดว่าตัวเองคือนางร้าย”

สวยเกินเบอร์! เปลือยหน้าสด จันตา สาวฮ็อตเนื้อหอมแห่งชุมแสง

5 เรื่องลึกแต่ไม่ลับ ของ อีย้อย แม่ผัวตัวร้ายในละคร กรงกรรม

ช่อง3เตรียมทวงบัลลังก์! จับตาดู “กรงกรรม” ใหม่ปะทะเบลล่า สะเทือนจอ ดราม่าเข้มข้น

ดราม่าเข้มข้น! ค่ายแอคอาร์ตปล่อยภาพละคร “กรงกรรม” แล้ว

แซบจนเขี่ย “ซ้อเรณู” เจาะประวัติ มุก สิรินรัตน์ นักแสดงน้องใหม่ฝีมือไม่ธรรมดา

ทำไมอยากเฝ้าเก๊ะจนตัวสั่น! ชำแหละตัวตน พิไล ที่ในละครไม่ได้พูดถึง

5 นาทีเปลี่ยนชีวิต ป๊อปปี้ ณัฐชา เขาว่าเธอคือร่างอวตาร “พี่ใหม่ เจริญปุระ”

HALO BROW

ล้ำไปไหม HALO BROW เทรนด์คิ้ววงแหวน สวยแปลกแหวกโลกบิวตี้อีกแล้ว

Alternative Textaccount_circle
HALO BROW
HALO BROW

น่าจะเคยเห็นผ่านตากันมาบ้างสำหรับสาวๆ บางคน เป็นไงบ้างคะสำหรับเทรนด์นี้ HALO BROW เทรนด์คิ้ววงแหวน เคยลองเขียนกันหรือยัง มาแปลกแหวกแนวอีกแล้ว อย่างที่เคยบอกไปว่าโลกแฟชั่นและบิวตี้ไม่เคยหยุดนิ่งจริงๆ ค่ะ มักมีเทรนด์ใหม่ๆ เทรนด์แปลกๆ ที่ทั้งจำเจและไม่ซ้ำซากจำเจหมุนเวียนผลัดเปลี่ยนมาให้อัพเดทกันอยู่เรื่อยๆ แต่ก็ไปไวมาไวเช่นกัน

อย่างเทรนด์คิ้ววงแหวนนี้เกิดจาก ฮานน่า ลีน (Hannah Lyne) บิวตี้บล็อกเกอร์สาววัย 16 ปี ที่มักจะครีเอทการแต่งหน้าแบบกราฟิกใหม่สไตล์ต่างๆ อยู่ตลอดเลย ซึ่งเธอมักลองวาดคิ้วในรูปแบบต่างๆ ไม่ใช่แค่วงแหวน เป็นชั้นๆ ก็มี อายแชโดว์ก็ลองแต่งแบบซ้อนหลายสีหลายมิติดูล้ำแล้วล้ำอีกก็มีมาให้เห็นเสมอ และผลงานที่เธอนำเสนอผ่านอินสตาแกรมของเธอนั้น อะไรที่ดูล้ำมากๆ มักกลายเป็นเทรนด์ที่ถูกนำมาพูดถึงในโลกโซเชียลมากเลยทีเดียว แล้วสาวๆ ล่ะคะ เห็นเทรนด์คิ้วแบบนี้ อยากลองเขียนดูบ้างไหม?

 

 

View this post on Instagram

 

A post shared by hannah lyne (@hannahdoesmakeupp) on

 

View this post on Instagram

 

A post shared by hannah lyne (@hannahdoesmakeupp) on

 

View this post on Instagram

 

A post shared by hannah lyne (@hannahdoesmakeupp) on

 

View this post on Instagram

 

A post shared by hannah lyne (@hannahdoesmakeupp) on

 

View this post on Instagram

 

A post shared by hannah lyne (@hannahdoesmakeupp) on


เรื่อง : PP_แพรวดอทคอม
ภาพ IG : hannahdoesmakeupp

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

เมคอัพรันเวย์ SIRIVANNAVARI อีกหนึ่งดีเทลสำคัญ ที่ทำให้โชว์นี้สมบูรณ์ที่สุด

เทคนิคแต่งตาทรงกราฟิกสไตล์ร็อค เน้นลูกเล่นที่ขนตาล่างเหมือนรัศมีดาวรอบดวงตา

สวยคูลดูฮิปๆ ตามเทรนด์ผมเปีย Cornrows ถักแบบใส่ไหมที่เหล่าคนดังฮิต

จ่อทำลายสถิติ! สาวเมียนมาเอวเล็ก 13.7 นิ้ว แถมสะโพกผาย สัดส่วนโค้งเว้าเว่อร์

ค้นหาความต่างระหว่าง “ครีม กับ เจล” ว่าคุณเหมาะกับแบบไหนมากกว่ากัน

แบ๊วเบอร์แรง! คิมเบอร์ลี่ สลัดสไบเปลี่ยนสไตล์เป็นบาร์บี้ในลุคสีชมพูช็อกกี้พิ้งค์

สวยที่สุดในชีวิตจริง! จีซู-เจนนี่ Blackpink ติดอันดับจากผลโหวตของไอดอลด้วยกันเอง

สวยได้ไม่ต้องสวดมนต์ “ญิ๋งญิ๋ง – ศรุชา” แอตติจูดดี งามจากภายในแบบไม่ต้องมโน

เปิดลิสต์ 8 ศัลยกรรมความงามที่เหล่าวัยรุ่นอยากทำ แต่ยังไม่ถึงเวลา

12 สาวไทย ติดอันดับหน้าสวยที่สุดในเอเชียแปซิฟิก “ลิซ่า BLACKPINK อันดับ 1”

บลอนด์เทา สีผมใหม่ของ “ลิซ่า BLACKPINK” สวยคูลดูเปรี้ยวเท่

จับตาดู “เจนนี่ Blackpink” เตรียมขึ้นแท่นมิวส์สาวคนใหม่แบรนด์ Hera แทนตัวแม่ จวนจีฮุน

10 อันดับ ซุป’ตาร์หน้าสวยที่สุดในโลกตามหลักวิทยาศาสตร์

อัพเดทเทรนด์ผม 2019 ครบเครื่องเรื่องทรงผม สีผม การดัดผมจากปารีสแฟชั่นวีค

ลองถาม “เวียร์ ศุกลวัฒน์” ว่าชอบให้สาวเบล…เอ้ย สาวๆ ทาลิปสีอะไร มาดูคำตอบ

ฮาวทูทรงผม 3 แบบสไตล์สาวมิลาน เรียบหรู เซอร์ สั้น ไปเที่ยวก็ได้ ออกงานก็เริ่ด!!

 

เจาะ 7 ธุรกิจ ซึงรี BIGBANG ถ้ามักเน่เลือกแต่ด้านสว่าง ชีวิตคงไม่ดิ่งเหวเหมือนวันนี้

account_circle

เจาะ 7 ธุรกิจ ซึงรี BIGBANG ถ้ามักเน่ (น้องเล็ก) เลือกแต่ด้านสว่าง ชีวิตคงไม่ดิ่งเหวเหมือนวันนี้ ยังนำมาซึ่งคดีอื้อฉาว จนทำให้เขากลายเป็นผู้ต้องสงสัยของเรื่องนี้

ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาข่าวของอดีตนักร้องตัวท็อประดับต้นๆ แห่งค่าย YG Entertainment อย่าง ซึงรี หรือ อี ซึงฮยอน มักเน่น้อย (น้องเล็ก) แห่งวง BIGBANG ดูจะเป็นประเด็นร้อนแรงที่เขย่าขวัญวงการบันเทิงประเทศเกาหลีใต้ เมื่อมีข่าวว่าเขาทำการค้าประเวณี ไม่เพียงแค่ในประเทศตัวเองเท่านั้น แต่ที่น่าตกใจมากยิ่งขึ้นคือ มีการจัดจ้างผู้หญิงบริการเพื่อต้อนรับนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งเรื่องนี้ได้กลายเป็นคดีใหญ่ของแดนกิมจิ รวมถึงเป็นประเด็นที่คนทั่วโลกให้ความสนใจ

ซึงรี BIGBANG

หากย้อนกลับไปก่อนที่จะเกิดเรื่องอื้อฉาวนี้ ก็ต้องบอกเลยว่า นอกจากเขาจะเป็นนักร้อง เป็นไอดอลที่มีชื่อเสียงโด่งดังแล้ว ซึงรียังเป็นนักธุรกิจหนุ่มที่จับอะไรก็ประสบความสำเร็จด้วยวัยเพียงแค่ 28 ปี ซึ่งเขานั้นยังได้ฉายาว่า ‘Seungtsby’ ซึ่งมาจากคำว่า Seungri + Gatsby (จากภาพยนตร์ The Great Gatsby) อีกด้วย

สำหรับธุรกิจที่เขาเป็นทั้งเจ้าของ และเป็นหุ้นส่วนนั้นมีถึง 7 อย่าง ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจด้านอาหาร ผับบาร์ หรือแม้กระทั่งโรงเรียนสอนร้องเพลงและเต้น ซึ่งทุกอย่างที่เขาทำนั้นล้วนแล้วแต่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ซึ่งหากไม่มีเรื่องนี้เกิดขึ้น เขาก็คงเป็นไอดอลที่น่าเอาเป็นแบบอย่างมากที่สุดคนหนึ่ง

Joy Dance & PlugIn Music Academy

bigbangworldwide.blogspot.com

ygfamilylover.wordpress.com

เริ่มกันที่ธุรกิจแรกคือ ‘Joy Dance & PlugIn Music Academy’ โรงเรียนสอนร้องเพลง และเต้น เป็นหนึ่งในธุรกิจของซึงรีที่พิสูจน์ความสามารถด้านธุรกิจของเขามากที่สุด โดยตัวเขาเองก็เป็นนักร้องและนักเต้นฝีมือเยี่ยมคนหนึ่งจึงไม่แปลกใจเลยว่า ผู้ปกครองหลายคนเชื่อมั่น และพร้อมที่จะส่งบุตรหลานมาเรียนที่นี่ ซึ่งนักร้องที่มีชื่อเสียงและเป็นไอดอลของวงการ K-Pop  อย่าง J-Hope (BTS) , JinWoo (WINNER) , Hyuk (VIXX) และศิลปินอีกหลายๆ คนก็ยังเคยผ่านการเทรนด์จากฝีมือเขามาแล้ว

Natural High Records

แน่นอนว่าเพลงแนว EDM เป็นอีกหนึ่งตลาดใหญ่ในวงการเพลงของเกาหลีใต้ หากใครชอบปาร์ตี้ก็จะถูกใจแนวเพลงนี้ไม่เบา ซึ่งตัวซึงรีเองนั้นนอกจากจะเป็นนักร้อง เขาเองก็ยังมีความสามารถในเรื่องการเป็นดีเจ นั่นจึงทำให้เขาเปิด Natural High Records (NHR) บริษัทที่รวมดีเจมากฝีมือ สร้างรายได้อย่างล้นหลามให้กับเขา ซึ่งหยาง ฮยอนซอก หรือ ประธานหยาง แห่งค่าย YG ก็ได้ซื้อบริษัทนี้ต่อเขาเป็นที่เรียบร้อยเมื่อปี 2018 ที่ผ่านมา

Aori Ramen

อีกหนึ่งธุรกิจที่สร้างรายได้อย่างมหาศาลให้กับเขาก็คือ ธุรกิจร้านอาหารแฟรนไชส์ อย่าง Aori Ramen ราเมงสูตรญี่ปุ่น ที่มีสาขามากว่า 45 แห่งในเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น เวียดนาม และมาเลเซีย ทั้งนี้ซึงรียังได้ลงภาพในอินสตาแกรมส่วนตัวด้วยว่า เร็วๆ นี้ร้านราเมงของเขาจะมาเปิดสาขาที่ไทยอีกด้วย

ซึงรี BIGBANG

แต่ภายหลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ทางไอจี AORI RAMEN ได้ออกมาโพสต์อย่างเป็นทางการแล้วว่า มีการเปลี่ยน CEO จากซึงรีเป็นท่านอื่นเรียบร้อย

AND. here Cafe

AND. here Cafe ร้านกาแฟที่ซึงรีเปิดให้กับแม่ของเขาเมื่อปี 2014 ซึ่งมีสาขาทั้งในกรุงโซล และปูซาน โดยเมนูยอดฮิตและเป็นเมนูเด่นของร้านคือ Baked Waffles & Fresh Coffee

YGX 

ดูเหมือนว่าธุรกิจนี้กำลังจะไปได้สวยถ้าไม่มีเหตุการณ์นี้เข้ามาเบรกเสียก่อนสำหรับ YGX ค่ายเพลงน้องใหม่ในเครือ YG Entertainment ซึ่งตัวเขานั้นนั่งเป็น CEO บริหารด้วยตนเอง โดย YGX จะเข้ามาดูแลในส่วนของ NHR (ที่หยางซื้อต่อจากเขา) และ HIGHGRND บริษัทเพลงฮิปฮอป

รวมถึง X Academy สถาบันสอนร้องเพลงและเต้นให้กับเยาวชนที่สนใจ ซึ่งเป้าหมายของสถาบันแห่งนี้คือ เฟ้นหาเด็กฝึกและเดบิวต์พวกเขาให้เป็นศิลปิน โดยหากนักเรียนคนไหนฝึกฝนผ่านถึง Class ระดับ X ประธานหยางก็จะเป็นผู้ที่คัดเลือกให้มาร่วมงานกับค่ายใหญ่อย่าง YG Entertainment

Monkey Museum

มาอีกหนึ่งถึงธุรกิจบันเทิงที่ตัวเขาเป็นเจ้าของอย่าง Monkey Museum สถานบันเทิงที่ตั้งอยู่ในคังนัม ประเทศเกาหลีใต้ ย่านที่ขึ้นชื่อในเรื่องความหรูหราและไฮโซ ซึ่งตั้งอยู่ในใจกลางกรุงโซล ซึ่งที่นี่เป็น VIP lounge Bar ถ้าหากใครไม่จองก่อนก็เข้าไม่ได้ และส่วนใหญ่จะเป็นระดับ VIP เท่านั้นถึงจะมีโอกาสได้เข้า มีเงินอย่างเดียวก็เข้าไม่ได้นะเออ

Burning Sun Club

asuka_gri

ปิดท้ายกันที่ Burning Sun ผับหรูชื่อดังที่กำลังตกเป็นข่าวอื้อฉาว และเป็นจุดเริ่มต้นของคดีนี้ในเรื่อง การค้ายาเสพติด ค้าประเวณี การทุจริตของเจ้าหน้าที่ และการใช้อำนาจในทางที่มิชอบของกลุ่มผู้มีอำนาจ ซึ่งตามข่าวนั้นทางผับให้การกับตำรวจว่า ซึงรีไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ เลยแต่เมื่อย้อนกลับไปดูข้อมูลเก่า ก่อนที่เรื่องนี้จะแดงออกมานั้น ซึงรีเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนของผับ และยังเคยเป็นผู้อำนวยการผับแห่งนี้ด้วย

ความเลวร้ายของผับนี้ หลายคนอาจจะทราบกันดีถึงกรณีที่มีหญิงสาว (ซึ่งคาดว่าจะเป็นหญิงไทย) โดนการ์ดลากเข้าห้อง VIP ในท่าทางที่หมดสติ แต่ในขณะนั้นก็มีชายพลเมืองดีมาช่วยในขณะที่กำลังถูกคุกคามทางเพศ แต่เขาดันถูกการ์ดทำร้ายร่างกายแทน และเมื่อไปแจ้งความกับตำรวจ ก็กลายเป็นว่าเขาถูกแจ้งข้อหากลับว่าเป็นคนก่อกวน และสร้างความเดือดร้อนให้กับผับแทน

ซึ่งทางผับยังได้ออกมาแถลงอีกด้วยว่าผู้หญิงคนนี้ถูกพาตัวออกไปจากร้าน เพราะสร้างความเดือดร้อนโดยการทำลายข้าวของ และสร้างความน่ารำคาญให้กับโต๊ะ VIP อีกทั้งเธอยังทำร้ายร่างกายพนักงานในร้านอีกด้วย แต่เมื่อย้อนกลับไปดูคลิปที่อยู่ในกล้องวงจรปิดกลับพบว่าเธอถูกการ์ดในร้านลากตัวไปแบบคนไม่ได้สติ แต่ถึงกระนั้นตัวเธอเองก็ยังใช้แรงที่มีต่อต้านการ์ดที่กำลังลากเธอ เห็นคลิปแล้วก็ต้องบอกเลยว่า สงสารผู้หญิงคนนั้นเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตามทางผับก็ได้ออกมาชี้แจงอีกด้วยว่า วันเกิดเหตุซึงรีไม่ได้อยู่ในคลับ และน้อยมากที่เขาจะเข้ามาที่ร้าน

ชีวิตของคนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เราเลือกหนทางของชีวิตได้ สิ่งหนึ่งที่ซึงรีแสดงให้ทุกคนเห็นอย่างประจักษ์ชัดว่า เขานั้นเป็นคนเก่ง เป็นคนมีความสามารถ เป็นศิลปิน เป็นไอดอลที่แฟนคลับให้ความรักมากมาย แต่ใครจะรู้ว่า อีกด้านหนึ่งที่เขาไม่แสดงให้เห็นนั้นกลับสร้างความสะเทือนใจให้กับเหล่า VIP ที่รักและชื่นชมเขามาตลอด

ครั้งหนึ่งฮยอง (พี่ชาย) ในวง BIGBANG ได้เคยเขียนถึงเขาไว้ว่า

 

แดซอง ซึงรี แทยัง สมาชิกวง BIGBANG

ในฐานะน้องเล็กของวง ในฐานะซึงฮยอนตัวน้อย ฉันนึกภาพไม่ออกเลยว่านายต้องลำบากแค่ไหน ฉันภูมิใจมากที่นายอดทนผ่านช่วงเวลานั้นมาได้ ถ้าเป็นฉัน ฉันคงหมดไฟหรือเลือกทางที่ผิดไปแล้ว ถึงแม้นายจะถอดใจก็ไม่มีใครสนหรอก นายคือซึงรี นายหาทางของนายเองได้

ตอนนี้นายก็หาทางเองได้แล้ว แต่ระวังตัวให้ดีนะ คนหลอกลวงมีเยอะ นายน่ะอ่อนแอจิตใจเปราะบางเหมือนเต้าหู้”

จู่ๆความคิดก็แวบขึ้นมาในหัว จะเป็นยังไงนะถ้าซึงรีไม่ได้มาร่วมวงกับเรา แต่ก็เหมือนทุกครั้งคำตอบคือ พวกเราคงไม่มีความสุขเหมือนกับที่มีกันอยู่ตอนนี้

ซึงรีเป็นความสุขของทุกคนนะ…


ข้อมูล : www.kpopmap.com, @ICs_nsu, www.hallyukstar.com, IG : seungriseyo

 

ศิลปินเกาหลี

เข้มข้นยิ่งกว่าซีรีส์! ความจริงของการสาวไส้ ศิลปินเกาหลี

Alternative Textaccount_circle
ศิลปินเกาหลี
ศิลปินเกาหลี

“ชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร” ไม่ใช่คำพูดเกินจริง เพราะละครหลายเรื่องก็สร้างมาจากเรื่องจริงทั้งนั้น ทว่างานนี้บทละครที่ว่าแน่ก็ต้องชิดซ้าย เมื่อได้เจอกับข่าวล่าสุดที่เขย่าวงการบันเทิง ศิลปินเกาหลี วงการธุรกิจ วงการคนมีสี และ ผู้มีอิทธิพล ในประเทศเกาหลีใต้

Ep. 1 เหรียญสองด้าน

เมื่อก่อนนี้วงการบันเทิงเกาหลีใต้อยู่นอกสายคนทั่วโลก กระทั่งรัฐบาลเห็นช่องทางที่น่าจะเป็นผลดีกับการท่องเที่ยวและวัฒนธรรม จึงได้ให้การสนับสนุนและจัดทำแผนระยะเวลา 5 ปี ที่เริ่มจากการขับเคลื่อนด้วยละครทีวี ไปสู่ด้านอื่นๆ ภาพยนตร์, ภาษา, อาหาร กระทั่งเพลง (K-pop) ที่ตอนนี้ได้รับความนิยมมากทั้งในแถบเอเชีย  กระทั่งข้ามไปยังฝั่ง สหรัฐอเมริกา และยุโรป ช่วงเวลานี้วงการบันเทิงเกาหลีเลยกลายเป็นที่จับตามองของคนทั่วโลก และมีคนมากมายอยากที่จะก้าวเข้าสู่วงการบันเทิง

เหรียญที่มีสองด้านเช่นไร วงการบันเทิงเกาหลีก็มีสองด้านเช่นกัน เพราะหลายครั้งมีข่าวที่สร้างความสะเทือนใจให้กับสาธารณชน โดยเฉพาะคดีโศกนาฏกรรมของ นักแสดงดาวรุ่ง “จางจายอน” ที่ตอนนั้นกำลังมีผลงานซีรีส์ “F4” เวอร์ชั่นเกาหลี ฆ่าตัวตายพร้อมกับทิ้งจดหมายเบื้องหลังที่ทำให้เธอคิดสั้นระบุว่าเธอถูกบังคับให้หลับนอนกับผู้มีอำนาจ มากกว่า 100 ครั้ง ขณะที่ “ยุนจีโอ” เพื่อนสนิทของนักแสดงสาวเปิดเผยเมื่อเร็วๆ นี้ว่าเธอรู้สึกไม่ยุติธรรมที่ยังเห็นคนร้ายเชิดหน้าชูตาในสังคม และในอีกไม่นานนี้คดีของ“จางจายอน” จะหมดอายุความ เธอจึงพยายามรวบรวมรายชื่อเพื่อเรียกร้องให้พลิกคดีขึ้นมาใหม่

ศิลปินเกาหลี

Ep.2 ด้านมืดของน้องเล็ก

ค่าย YG Entertainment กลายเป็นค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ที่ทำรายได้อันดับต้นๆ โดยมีศิลปินหลักก็คือ “Big Bang” จนถึงวันนี้ผ่านมา 13 ปีแล้ว แต่พวกเขาก็ยังเป็นศิลปินที่ได้รับความนิยมเสมอ นอกจากพวกเขาจะเป็นนักร้องที่แฟนคลับชื่นชอบแล้ว พวกเขายังเป็นไอดอลของศิลปินรุ่นใหม่อีกด้วย

น้องเล็กของวง “ซึงรี” โดดเด่นกว่าพี่ๆ ทุกคนที่การพูด เขาจึงมักได้รับหน้าที่เอ็มซีของวง ด้วยบุคลิกสนุกสนาน และเข้ากับคนได้ง่าย ทำให้เขาเป็นที่ชื่นชอบและมักถูกเชิญไปออกรายการต่างๆ อยู่เป็นประจำ ทว่าล่าสุดด้านมืดของเขาได้ถูกเปิดเผยเมื่อไม่นานมานี้ จากกรณีที่มีการทำร้ายกันหน้าผับ Burning Sun ที่เขามีหุ้นส่วน จากจุดนั้นความจริงทุกอย่างค่อยๆ เปิดเผยออกมา กระทั่งกลายเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีจัดหาบริการประเวณีแก่บุคคลอื่น โดยมีหลักฐานเป็นข้อความสนทนา เปิดโปงโดย “คังคยองยุน” ผู้สื่อข่าวของสถานีโทรทัศน์ SBS เล่าว่าเธอได้นำเสนอข้อกล่าวหาของซึงรีที่ติดสินบนพวกนักลงทุนด้วยการจัดหาบริการทางเพศเธอใช้เวลา 26 เดือนในการรวบรวมข้อมูล และได้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย รวมถึงได้ขอคำยืนยันจากผู้เชี่ยวชาญระบบจดหมายเหตุดิจิทัลเพื่อพิสูจน์ว่าเป็นข้อความจริงหรือไม่ จากนั้นได้ส่งต่อไปยังคณะกรรมการต่อต้านทุจริตและสิทธิพลเมือง ก่อนที่จะเอาออกมาเปิดเผยต่อสาธารณชน และเริ่มมีการสืบสวนเต็มรูปแบบ

ศิลปินเกาหลี

Ep. 3 มหากาพย์สาวไส้ศิลปินเกาหลี

ประเด็นร้อนที่จุดกระแสให้ผู้คนหันมาสนใจข่าวนี้ก็คือ การเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของบรรดาหนุ่มหล่อขวัญใจสาวๆ ที่ไม่ได้ดีเหมือนที่หลายคนรู้จัก พวกเขาตั้ง“กรุ๊ปแชทบาป” (กลุ่มแชร์คลิปแอบถ่ายผู้หญิงที่ร่วมหลับนอน) ขึ้นมาแลกเปลี่ยนคลิปกันโดยมีสมาชิกทั้งสิ้น 8 คน คือ 1. ซึงรี อดีตสมาชิกวง Big Bang 2. จองจุนยอง 3.ชเวจงฮุน อดีตลีดเดอร์หนุ่มแห่งวง FTISLAND 4.ประธานยู 5. นายคิม พนักงานBurning Sun 6. นายควอน ที่ว่ากันว่าเป็นพี่ชายของนักร้องเกิร์ลกรุ๊ป 7. นาย B อดีตพนักงาน YG Entertainment 8. นายพัค เพื่อนของ “จองจุนยอง”

นอกจากใน “กรุ๊ปแชทบาป” แล้ว “จองจุนยอง” ยังส่งคลิปไปให้ไอดอลกรุ๊ปชื่อดัง, ศิลปินเดี่ยว และนักแสดงชายรุ่นเดียวกัน ต่อมามีการเปิดเผยรายชื่อ “จุนฮยอง” สมาชิกวง HIGHLIGHT เขายอมรับว่าได้รับรู้เรื่องคลิปดังกล่าว ทั้งยังมีการแลกเปลี่ยนความคิดที่ไม่เหมาะสม ขณะที่  “อีจงฮยอน” นักแสดงและสมาชิกวง CNBLUE มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ โดยการให้“จองจุนยอง”หาผู้หญิงมาให้ร่วมหลับนอน

ศิลปินเกาหลี

Ep. 4 โอกาสของคนที่ไม่คู่ควร

“จองจุนยอง” ศิลปินหนุ่มมากความสามารถที่แจ้งเกิดจากการประกวดในรายการเพลง แม้จะเป็นศิลปินแต่เขาเข้าร่วมในรายการวาไรตี้บ่อยๆ  กระทั่งปี 2016 เขาถูกอดีตแฟนสาวฟ้องร้องในข้อหาแอบถ่ายคลิปขณะร่วมหลับนอน ซึ่งเข้าข่ายอาชญากรทางเพศ โดยไม่กี่วันหลังจากที่มีข่าวออกมาเขาได้จัดงานแถลงข่าวเพื่อชี้แจงกับสื่อมวลชนโดยระบุว่า คลิปถูกถ่ายตอนที่คบหากัน ทั้งคู่ถ่ายไปเพื่อความสนุกและได้รับการยินยอมทั้งสองฝ่าย หลังจากนั้นคลิปได้ถูกลบในทันที  พร้อมยืนยันว่าไม่ได้มีการพยายามที่จะซ่อนกล้อง  “จองจุนยอง”  ยังได้เล่าว่าวันหนึ่งเขาและแฟนสาวได้เริ่มทะเลาะกัน เธอจึงเกิดความไม่พอใจ และใช้เรื่องถ่ายคลิปดังกล่าวเพื่อดำเนินการทางกฎหมายกับเขา เธอถูกสอบสวนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ต่อมาได้ถอนฟ้องในที่สุด

แม้จะมีการถอนฟ้องแต่ตามกฎหมายยังมีการสืบสวนต่อไป ซึ่งอัยการมีคำสั่งให้ “จองจุนยอง” ส่งมอบมือถือจึงเริ่มมีการสอบสวนอย่างละเอียด แต่ปรากฏว่าไม่พบวีดีโอหรือภาพถ่ายที่น่าอายของหญิงสาว จึงมีประกาศว่าเขาบริสุทธิ์ เขาจึงได้รับโอกาสให้กลับมาทำงานในวงการบันเทิงอีกครั้ง

ศิลปินเกาหลี

Ep.5 โทรศัพท์ทองคำ

ประเด็นที่เกิดขึ้นได้มีการขยายผลมาสู่ “กรุ๊ปแชทบาป” ที่แกนหลักเป็นศิลปินหนุ่ม “จองจุนยอง” เขาได้แชร์คลิปอนาจารของเขากับสาวๆ ดูเหมือนว่าเขาพยายามอวดชัยชนะกับเพื่อนๆ ซึ่งเมื่อดูจากวันและเวลาที่ส่งแล้วค่อนข้างใกล้เคียงกับช่วงที่เขาถูกอดีตแฟนสาวฟ้องร้องในข้อหาแอบถ่ายคลิปขณะร่วมหลับนอน ผู้คนจึงพากันสงสัยว่ามีบางอย่างที่ไม่ได้รับการเปิดเผยจากการสืบสวนเมื่อปี 2016 จนทำให้เรื่องนี้กลายเป็นศูนย์กลางของข่าวฉาว

โดยในรายการวาไรตี้รายการหนึ่งเพื่อนของ “จองจุนยอง” ได้เปิดเผยว่าเขามีโทรศัพท์มือถือที่มีเบอร์ของสาวเป็นจำนวนมาก พวกเขาเรียกมันว่า “โทรศัพท์ทองคำ” ซึ่งก็ทำให้มีผู้สงสัยว่าเขาได้ส่งมอบโทรศัพท์มือถือเครื่องนี้ให้เจ้าหน้าตำรวจเพื่อพิสูจน์หลักฐานอย่างเหมาะสมหรือเปล่า รวมถึงกุญแจสำคัญของเรื่องนี้คือ หน่วยงานสืบสวนได้ทำการตรวจสอบอย่างเหมาะสมและถูกต้องในตอนนั้นหรือไม่

ศิลปินเกาหลี

Ep. 6 คำให้การขัดแย้ง

อีกหนึ่งคนที่ถูกเปิดเผยว่าร่วมอยู่ในกรุ๊ปแชทก็คือ “ชเวจงฮุน” อดีตลีดเดอร์หนุ่มแห่งวง “FTISLAND” เนื่องจากมีการเปิดเผยข้อความ ที่เกี่ยวข้องกับคดีเมาแล้วขับ เมื่อเดือนมีนาคม ปี 2016

โดยในแชทผู้ที่ใช้ชื่อว่า”ชเวจงฮุน”ระบุว่า “จะมีข่าวผมได้อย่างไร ในเมื่อผมจัดการเรื่องนี้แล้วอย่างเงียบๆ” ด้าน “มิสเตอร์คิมXX” ตอบกลับไปว่า “นายรู้ไหมว่าประธานยูต้องวิ่งเต้นขนาดไหนเพื่อที่จะปกปิดข่าวให้” ขณะที่ผู้ที่ใช้ชื่อว่า “ซึงรี” บอกว่า “อย่าคิดว่าจะมีใครช่วยปกปิดอีก “XX ฮยอง”ต้องใช้เงินเขาเพื่อปกปิดเรื่องนี้”

แม้ว่าจะมีข้อความแชทเป็นหลักฐานและ “ชเวจงฮุน” ยอมรับในความผิดจริง แต่ในส่วนที่มีการกล่าวว่าเขาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปกปิดความผิดนั้น นักร้องหนุ่มปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง

ศิลปินเกาหลี

Ep.7 คีย์แมน

จากแชทของ “ชเวจงฮุน” ได้ระบุชื่อของ “ประธานยู” ซึ่งในเวลาต่อมามีการเปิดเผยว่าเขาคือ “ยูอินซอก” สามีของนักแสดง “พัคฮันบยอล” และเป็นประธานของ YURI HOLDINGS ทำธุรกิจในด้านอาหารและความบันเทิงรวมถึงยังเป็นหุ้นส่วนคนสำคัญของผับ Burning Sun โดยเมื่อวันที่ 16 มี.ค. สถานีโทรทัศน์ SBS รายงานว่า เป็นอีกคนที่อยู่ในกรุ๊ปแชท ทั้งยังมีคอนเนคชั่นกับผู้มีสีมากที่สุด รายงานยังระบุอีกว่ากรุ๊ปแชทที่มีสมาชิก 8 คน ถือกำเนิดขึ้นเพื่อมอบหมายงานเกี่ยวกับความบันเทิงทางเพศให้กับนักลงทุนที่เป็นคู่ค้าของเขา ขณะที่ YURI HOLDINGS ปฏิเสธและบอกว่าข้อความพวกนั้นเป็นข้อความที่เกินจริง อย่างไรก็ตามปัจจุบันเขากำลังถูกสอบสวนในเรื่องการติดสินบนเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ศิลปินเกาหลี

Ep.8 ตัวละครลับ

Yonhap News ได้รายงานว่าสืบเนื่องการขยายผลแชทในเดือนกรกฎาคมปี 2016 กลุ่มแชทดังกล่าวได้มีการพูดถึงนายตำรวจท่านหนึ่ง ซึ่งเมื่อเร็วๆนี้ตัวแทนตำรวจแห่งชาติได้เปิดเผยว่านายตำรวจที่พูดถึงน่าจะเป็นผู้กำกับการอาวุโส โดยในปี 2015 เขาได้ประจำการที่สถานีตำรวจกังนัม ก่อนจะได้เลื่อนขั้นในปี 2016 และได้ไปประจำที่ทำเนียบประธานาธิบดีหลังจากนั้น โดยเขาได้ปฏิเสธไม่รู้จัก “จองจุนยอง” แต่ยอมรับว่าเคยไปตีกอล์ฟกับนาย “ยูอินซอก” โดยในขณะนี้เขาได้ถูกย้ายออกจากตำแหน่งไปปฏิบัติหน้าที่ราชการในกรมตำรวจชั่วคราวในระหว่างการสืบสวน

 

ศิลปินเกาหลี

โปรดติดตามความคืบหน้าในบทความต่อไป


ข้อมูลจากรายการ New Late Night E News ช่อง sbs ออกอากาศทาง VIU ประเทศไทย

นักข่าวคัง

เจ้าหน้าที่ตำรวจกดดันให้ นักข่าวคัง มอบพยานหลักฐาน มิเช่นนั้นจะถูกสอบสวน

Alternative Textaccount_circle
นักข่าวคัง
นักข่าวคัง

โลกโซเชียลให้กำลังใจ นักข่าวคัง (คังคยองยุน) ภายหลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจกดดันให้เธอมอบพยานหลักฐาน ที่เกี่ยวของกับคดีของศิลปินดัง “ซึงรี” มิเช่นนั้นจะถูกนำตัวไปสอบสวน

การต่อสู้เพื่อผู้หญิงอย่างกล้าหาญ ของ คังคยองยุน นักข่าวผู้เขย่าวงการบันเทิงเกาหลี

เรียงหน้าประกาศลาวงการบันเทิง! 4 นักร้องเกาหลี มีส่วนร่วมแชทกรุ๊ปแชร์คลิปเซ็กส์

ประเด็นข่าวที่เกี่ยวข้องกับ “ซึงรี” อดีตสมาชิกวง Big Bang  ยังคงเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อคืนนี้ (14 มีนาคม 2562) ทำเอาผู้ชมที่ติดตามข่าวมาอย่างต่อเนื่องหลับไม่ลง เพราะมีการเปิดเผยว่า “อีจงฮยอน” นักแสดงและสมาชิกวง CNBLUE เป็นอีกหนึ่งคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ โดยมีหลักฐานเป็นแชทที่เปิดเผยให้เห็นว่าเขาไม่เพียงแต่ให้ “จองจุนยอง”หาผู้หญิงมาให้ร่วมหลับนอนเท่านั้น แต่ยังแอบตั้งกล้องถ่ายตอนที่มีเพศสัมพันธ์กับเธอ และยังไม่หมดแค่นั้น เพราะศิลปินหนุ่มยังได้แชร์คลิปดังกล่าวไปให้ไอดอลกรุ๊ปชื่อดัง, ศิลปินเดี่ยว และนักแสดงชายรุ่นเดียวกันอีกด้วย

นักข่าวคัง

“อีจงฮยอน” นักแสดงและสมาชิกวง CNBLUE

ขณะที่ตอนนี้มีรายงานว่านักข่าวสาว “คังคยองยุน” อยู่ในช่วงที่ได้รับความกดดันจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มอบวัตถุพยานทั้งหมดให้กับพวกเขา มิเช่นนั้นจะถูกสอบสวน ซึ่งเมื่อมีข่าวนี้ออกมาก็ทำให้หลายคนเป็นกังวลในในความปลอดภัยของเธอด้วย

ทั้งนี้ที่ผ่านมา “คังคยองยุน” ผู้สื่อข่าวของสถานีโทรทัศน์ SBS funE ได้ตัดสินใจทำสกู๊ปชิ้นนี้ขึ้น เธอได้ใช้ระยะเวลา 2 ปีกว่าๆ ในการรวบรวมหลักฐานทั้งหมดด้วยทีมของเธอเอง ไม่เพียงเท่านั้น เพราะข่าวที่เธอได้นำเสนอไปถูกออกอากาศในรูปแบบรายการกึ่งสด เพื่อป้องกันการถูกแทรกแซงจากบุคคลที่เสียผลประโยชน์ จะเห็นได้ว่าทุกๆ อย่างแทบไม่ผ่านกระบวนการของเจ้าหน้าที่ตำรวจเลย ซึ่งในประเด็นนี้ชาวเกาหลีใต้ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก!!!

นักข่าวคัง

อย่างไรก็ตามสาเหตุที่ “คังคยองยุน”  ทุ่มเทอย่างมากให้กับการนำเสนอข่าวนี้เนื่องจากเธอรู้สึกเห็นใจผู้หญิงที่ตกเป็นเหยื่อที่ถูกคุกคามทางเพศ โดยจากการทำข่าวเธอได้พูดคุยกับเหยื่อของ “จองจุนยอง” ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาที่มีอายุเพียง 20 ต้นๆ และดาราหญิงดาวรุ่ง แต่กลับต้องมาเจอเรื่องที่เลวร้าย

นักข่าว”คังคยองยุน”ยังเล่าอีกว่าเมื่อเหยื่อรู้ตัวว่าถูกแอบถ่ายพวกเธอได้เรียกร้องให้ “จองจุนยอง” ลบคลิปนั่นเสีย  แต่เขาไม่หยุดพฤติกรรม เขาแกล้งทำเป็นลบขณะที่ส่งไฟล์ให้กับเพื่อนของเขา และให้เพื่อนส่งกลับมาให้เขาอีกครั้ง เขาดูไม่สำนึกและดูจะสนุกกับสิ่งที่ทำลงไปด้วย

นักข่าวคัง

2 หนุ่มเพื่อนซี้ “จองจุนยอง” และ “อีจงฮยอน”


เครดิตภาพ : SBS funE

สามารถติดตามอ่านบทความอื่นๆ ได้ที่นี่

ของขลังเพิ่มเสน่ห์ ลิซ่า BLACKPINK พกตะกรุดสีผึ้งเมตตามหานิยม

หายคิดถึงพระเอกผู้เป็นรักแรก SO JI SUB แฟนมีตติ้งอินไทยแลนด์

รวมโมเม้นต์หวานน้ำตาลเรียกพี่ ของคู่รักซูเปอร์สตาร์ SongSongCouple

ฮยอนบิน ปฏิเสธข่าวเดท ซนเยจิน เพื่อนกันเฉยๆ

ซุป’ตาร์ใจกุศล Lee Young Ae ร่วมลงทุนมอบเงินส่วนตัว ชุบชีวิตโรงพยาบาลใกล้ตาย

 

รักอ้อตลอดไป! สัญญาจากปากชายชาติทหาร “พล.อ.อภิรัชต์” ที่มีให้กับ ดร.กฤษติกา

account_circle

รักอ้อตลอดไป จะรักอ้อเพียงคนเดียว! สัญญาจากปากชายชาติทหาร “พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์” ที่มีให้กับ รศ. ดร.กฤษติกา ภรรยาที่เป็นคู่ชีวิตมานานมากกว่า 20 ปี

คุณคือจุดอ่อน หากย้อนกลับไปเมื่อปี 2543 เราเชื่อว่าหลายคนคงเคยดูรายการ The Weakest Link หรือ กำจัดจุดอ่อน โดยคำพูดที่กล่าวไปนั้นมาจากปากของพิธีกรหน้าดุอย่าง กฤษติกา  ศิริจรรยา (นามสกุลเดิม) ซึ่งเธอนั้นเป็นพิธีกรที่มีสไตล์เป็นของตนเอง ไม่เหมือนกับพิธีกรคนไหน และแน่นอนว่าคำพูดนี้ได้กลายเป็นวลียอดฮิต ติดปากมากในช่วงนั้น

ปัจจุบันผู้หญิงคนนี้มีตำแหน่งเป็นถึง รศ.ดร.กฤษติกา คงสมพงษ์ และยังเป็นภรรยาของผู้บัญชาการทหารบกคนล่าสุด อีกทั้งยังควบตำแหน่งอุปนายกสมาคมแม่บ้านทหารบกอีกด้วย

หากย้อนกับไปดูเส้นทางความรักของบิ๊กแดงกับ ดร.อ้อแล้ว ก็ต้องบอกเลยว่าผ่านบทพิสูจน์มาค่อนข้างเยอะ ด้วยความที่ดร.อ้อนั้น ย้ายไปอยู่ประเทศอเมริกาตั้งแต่วัยเด็ก จึงทำให้เธอนั้นถึงกับคิดหนัก ประกอบกับเธอมีความคิดว่า “ผู้ชายไทยมีตำนานความเจ้าชู้ที่น่ากลัว”

ซึ่งครั้งหนึ่ง ดร.อ้อ ได้เปิดใจกับนิตยสารแพรวเกี่ยวกับความรักของเธอและบิ๊กแดงว่า….

สมัยที่ทำร้านไอศกรีมอยู่ที่อเมริกามีคนมาจีบเยอะเหมือนกัน ก็มีที่ไปออกเดทด้วย แต่ไม่ได้คิดจะคบเป็นแฟน ก่อนหน้าที่จะเจอสามี บอกตรงๆ อ้อไม่เคยคิดถึงเรื่องแต่งงานเลย ตั้งใจไว้ว่าต้องเรียนให้จบก่อน เพราะฉะนั้นเวลามีใครเอาดอกไม้ช่อโตๆ มาให้จะรู้สึกแปลกๆ เอามาทำไม เอากลับไปเถอะ

ตอนนั้นพี่แดงไปเป็นผู้ช่วยทูตทหารที่วอชิงตัน ส่วนอ้อเรียนจบแล้วทำงานอยู่ที่นิวยอร์กไลฟ์ วันหนึ่งเขาโทรศัพท์มาขอข้อมูลเกี่ยวกับการประกัน โดยให้พรีเซ็นต์ที่สถานทูต เสร็จแล้วเราก็เลี้ยงข้าวเขาตามธรรมเนียม เหมือนเลี้ยงลูกค้าเพื่อสร้างความสัมพันธ์ หลังจากนั้นเขาก็โทรมาขอเลี้ยงข้าว แล้วนัดไปพรีเซ็นต์งานอีก ผู้ชายไทยแผนสูงนะ หลอกให้เราเทียวไปมา เลี้ยงข้าวกันไปมาตั้งหลายรอบ แต่ไม่ซื้ออะไรของนิวยอกร์กไลฟ์เลย

ตอนแรกก็ไม่ได้คิดว่าเขาจะมาจีบ เพราะแต่ก่อนอ้อดำและล่ำ คิดถึงหุ่นนักวิ่งที่วิ่งวันละ 4 ไมล์สิ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมมาชอบเรา แต่เขาคงดูแล้วมั้งว่าเราน่าจะเข้ากับเขาและกับวัฒนธรรมไทยได้ พอเขาขอแต่งงานก็เลยลางานทางโน้นสามเดือนเพื่อมาเทสต์ดูว่าเราจะมาอยู่ทางนี้ได้ไหม ไม่ได้ตัดสินใจลาออกทันที เผื่อเปลี่ยนใจ เราต้องเทสต์ให้แน่ใจก่อน

ส่วนการเทสต์บิ๊กแดงของ ดร.อ้อ ก็ต้องบอกเลยว่าเธอมีความละเอียดมาก โดยดร.เผยว่า อ้อบินไปมาระหว่างไทย-อเมริกาหลายเดือนเพื่อจะดูว่าเราจะอยู่ด้วยกันได้จริงๆ หรือเปล่า เทสต์ตัวเองด้วย เพราะเราเป็นคนเห็นแก่ตัว เขารักเราจริงหรือ ถ้าเราอยู่ที่นี่จะลำบากไหม ถ้าลำบากคงไม่อยู่ เราไม่ชอบความลำบาก ที่สำคัญ ถ้าหลังแต่งงานแล้วเราต้องเสียสละมาอยู่กับเขา แล้วเขาไม่ให้ทำงานข้างนอกยิ่งต้องคิดนาน

เราต้องการความมั่นใจว่า แต่งงานกันไปแล้วจะไม่เดือดร้อน เพราะการที่จะต้องย้ายรกรากจากอเมริกา จากครอบครัวมาอยู่ที่นี่ต้องทำอะไรใหม่หมดเลย แถมไม่มีเพื่อนด้วย เราจึงต้องรู้ให้แน่ว่าเขาเป็นคนดี ไม่มีอะไรซ่อนเร้น ที่สำคัญต้องรักเรา ไม่เจ้าชู้ตามประสาผู้ชายไทยซึ่งมีตำนานความเจ้าชู้ที่น่ากลัว หลังจากดูพฤติกรรมนานพอสมควร ก็ตกลงแต่งงาน

และเมื่อถามไปว่าเคยมีคำมั่นสัญญาต่อกันว่าอย่างไรบ้าง ดร.อ้อได้ตอบว่า “เขาบอกเขาจะรักอ้อตลอดไป อย่างตอนที่ใครว่าอ้อมาจากนรก ก็มีเขาคนเดียวที่บอกว่า อ้อเป็นสิ่งดีที่สุดที่เกิดขึ้นในชีวิต แค่นั้นก็ลบสิ่งที่บั่นทอนเราได้หมด เท่ากับว่าทุกวันนี้พี่แดงยังทำตามคำพูดเขาได้ คือรักเรา รักครอบครัว ไม่ทำความเดือดร้อนใจใดๆ ให้ อ้อจึงไม่เคยเจาะลึกเรื่องพฤติกรรมของสามี เชื่อใจเขา

อีกทั้งต้องขอบคุณตัวเองที่เชื่อคุณแม่ว่า เราเป็นผู้หญิง จะต้องมั่นใจว่าคนที่แต่งงานด้วยรักเรามากกว่าที่เรารักเขา เพราะผู้หญิงต้องเสียสละมากกว่าผู้ชาย ไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยงดูลูกหรือการที่ไม่ออกทำรายได้ที่สองให้ครอบครัว ฉะนั้นผู้หญิงเราเสียเปรียบเสมอไม่ว่าจะอยู่ประเทศไหน

แต่พี่แดงทำให้ปลาบปลื้มได้เสมอว่า ถึงแม้ว่าเราจะรักพี่แดงแค่ไหน แต่สุดท้ายแล้วเรารู้ว่าเขารักเรามากกว่า ไม่ว่าจะทำอะไรเป็นอย่างไร เขาก็จะอยู่เคียงคู่ตลอดไป เราเป็นผู้หยิงจะต้องมั่นใจตรงนี้ ไม่อย่างนั้นจะรู้สึกกดดัน

ส่วนเรื่องความโรแมนติกนั้น คู่นี้ก็มีมุมน่ารักๆ ที่หลายๆ คู่จะเอาไปทำตามก็เป็นอะไรที่ดีนะ ซึ่งเธอบอกว่า “ไม่รู้ว่าที่จะพูดนี่คือโรแมนติกหรือเปล่า ฟังดูอาจจะขัดกับคนสมัยใหม่ เพราะโรแมนติกของอ้อคือความสม่ำเสมอ จะบีบยาสีฟันให้ทุกครั้ง จัดเครื่องแบบ ชุดนอน กางเกงชั้นในให้พร้อม สามีไม่ต้องเปิดลิ้นชักหยิบอะไรเลย เรียกว่าอะไรใกล้ชิดจะทำให้เขาด้วยมือตัวเอง แต่อะไรที่ไม่จำเป็น เช่น เรื่องปัดกวาดเช็ดถูก็ให้คนอื่นทำไป

อ้อไม่พูดหวานแบบพูดปุ๊บดอกไม้ถึง ไม่ได้อยากให้สามีกลับบ้านพร้อมดอกไม้ช่อใหญ่ อย่างมากวาเลนไทน์ขอแค่กุหลาบแดงหนึ่งดอกพอแล้ว ซึ่งเราจะเก็บไว้จนแห้ง ปักใส่แจกันปีต่อปี

เราพยายามโรแมนติกใส่กันนะ อ้อเรียกว่า dear หรือที่รัก เขาก็เรียกอ้ออย่างนี้เหมือนกัน แต่จะไม่เรียกต่อหน้าคนอื่น เมื่อไหร่ที่โกรธ อ้อจะบอกเขาว่า พี่แดงสังเกตไหม อ้อกำลังเรียกพี่แดงว่าพี่แดง เขาก็จะรู้ว่า เฮ้ย มาแล้ว เราต่างคนต่างรู้วิธีถอยเวลาใครไม่สบอารมณ์จะเว้นวรรคสักแป๊บแล้วค่อยมาพูดกันด้วยเหตุผล ไม่เคยตวาด ไม่ทะเลาะกันต่อหน้าลูก และไม่มีฟอร์ม

แต่บางทีอ้อเป็นฝ่ายง้อก่อนด้วยซ้ำ ไม่ใช่ว่าฉันมีเกียรติมีเชิงมากมาย ยิ่งบางครั้งเรารู้ว่าเราเป็นฝ่ายอาละวาด อย่างครั้งหนึ่งอ้อน้อยใจว่านานแล้วที่ไม่ได้ไปกินข้าวกันสองคน พอจะไปก็ถูกยกเลิกเอานาทีสุดท้าย ซึ่งธุระที่เขาไปแทนการกินข้าวกับเรานั้นเขาอาจจะไปเข้าป่าหรือไปหาผู้ใหญ่ รู้ ! รู้ว่าระหว่างเข้าป่ากับไปกินข้าวกับเรา เขาอยากไปกับเรามากกว่า แต่อดงอนไม่ได้ตามประสาผู้หญิง งอนแล้วก็ง้อเอง หรือถ้าเขามาง้อก็จะไม่มีฟอร์มอะไรมาก โตๆ กันแล้ว อย่าหลอกตัวเองเลยว่าถูกตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้หญิงอย่างอ้อที่ยอมรับว่าขี้งอนแต่บางทีการงอนก็เพิ่มรสชาติให้กับชีวิตแต่งงานเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าอะไรก็ได้ๆ ตลอดกาล

ทั้งนี้ดร.อ้อยังเผยอีกว่า บิ๊กแดงนั้นหวงมาก ซึ่งเธอก็ปล่อยให้เขาหวงไป แต่จะไม่ทำตัวให้ห่วงอย่างการเที่ยวเตร่ เราไม่อยากไปเท่าไหร่ เพรราะไม่ชอบนอนดึก แต่บางทีต้องไป เพราะอยากเจอเพื่อนที่เขายังเที่ยวกันอยู่ พี่แดงอนุญาต แต่จะจัดขบวนคนขับหนึ่งคน ข้างคนขับอีกหนึ่ง คุณนายอ้อคนเดียว แล้วเขาจะต้องรู้ทุกระยะ คุณอ้ออยู่ตรงไหน ถึงไหนแล้ว คุยกับคนขับตลอด ซึ่งบางคนที่ไม่ชินอาจจะคิดว่า เอ๊ะ สิทธิเสรีภาพฉันอยู่ไหน แต่อ้อเข้าใจว่าเขาห่วง แล้วก็หวงด้วย

เขาชอบถามว่ามีใครเข้ามาคุยหรือเปล่า เราก็บอก พี่แดงอ้อนี่นะจะมีใครเข้ามาคุย มันเป็นอะไรก็ไม่รู้นะ ไม่มีใครมาจีบเลยแย่มากเลย คิดว่าคงจะด้วยคาแร็คเตอร์ ทำให้คนไม่กล้าเข้ามาคุยก่อน แต่พี่แดงมีเหตุผล ถ้าเราขอทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์และไม่รบกวนเวลาของครอบครัวมากนัก อย่างที่มาเป็นพิธีกรหรือเป็นอาจารย์สอนหนังสือ เขาก็ไม่ว่า

พล.อ.อภิรัชต์

ปัจจุบันบิ๊กแดงมีลูกสาวและลูกชายของภรรยาคนแรก คือ หมอเพลิน ร้อยโทหญิง อมรัชต์ คงสมพงษ์ และ พลุ-ร้อยเอก พิรพงศ์ คงสมพงษ์ และถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของดร.อ้อแต่เธอก็ดูแลลูกๆ ทั้งสองคนเหมือนกับแม่บังเกิดเกล้า ตั้งแต่เปลี่ยนผ้าอ้อมให้ด้วยตนเอง โดยไม่มีพี่เลี้ยง เพราะหวงลูกมาก ไม่อยากให้ใครที่ไม่ใช่ญาติมาอุ้ม

ต้องบอกเลยว่าเพราะความความรัก ความอบอุ่นของคนเป็นแม่ที่มีให้กับลูกๆ จึงทำให้ครอบครัวนี้สนิทกันมาก ซึ่งเมื่อต้นปี 2018 ที่ผ่านมาสาวเพลินได้เข้าพิธีวิวาห์เป็นที่เรียบร้อยท่ามกลางความชื่นใจของบิ๊กแดงและดร.อ้อ ที่เห็นอีกก้าวหนึ่งในชีวิตของลูกสาว


ที่มา : นิตยสารแพรว

ภาพ : plern_k, Kritika Kongsompong

 

 

 

ควีนเอลิซาเบธที่ 2 แห่งอังกฤษ

ยกให้เป็นผู้นำเทรนด์! ควีนเอลิซาเบธที่ 2 ทรงแต่งฉลองพระองค์ด้วยสีแพนโทนแห่งปี 2019

ควีนเอลิซาเบธที่ 2 แห่งอังกฤษ
ควีนเอลิซาเบธที่ 2 แห่งอังกฤษ

ควีนเอลิซาเบธที่ 2 แห่งอังกฤษ ทรงปรากฏตัวพร้อมฉลองพระองค์สี Living Coral แพนโทนประจำปี 2019 ซึ่งลุคสีสันโดดเด่นนี้ ถือเป็นงานที่ควีนทรงถนัดมากที่สุด

เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เสด็จฯ เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ และทางอินสตาแกรม The Royal Family ได้แบ่งบันโพสต์ของควีนเอลิซาเบธที่ 2 ในฉลองพระองค์สีส้มสดลงบนบัญชีออฟฟิเชียล ถึงแม้ว่าการแต่งฉลองพระองค์สีลูกกวาดจะเป็นซิกเนเจอร์ลุคของควีนเอลิซาเบธที่ 2 แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าสีแพนโทนประจำปี 2019 อย่าง Living Coral (Pantone 16-1546) สีธรรมชาติของปะการัง ที่เน้นความสดใส มีชีวิตชีวา ช่างตรงกับสีฉลองพระองค์ของควีนเอลิซาเบธที่ 2 ในลุคนี้อยู่ไม่น้อย

ซึ่งในปี 2018 ที่ผ่านมา ผู้นำแฟชั่นที่เราเริ่มเห็นใส่เสื้อผ้าโทนสี  Living Coral กันบ้างแล้วคือ นักร้องระดับตัวแม่ เจโล , นางแบบดัง จีจี้ ฮาดิด รวมถึง เบลล่า ฮาดิด และเคนดัลล์ เจนเนอร์ แต่ตัดภาพกลับมาในปี 2019 ยังไม่มีคนดังจัดเต็มด้วยโททัลลุคสี Living Coral กันเลย เห็นทีจะมีควีนเอลิซาเบธที่ 2 นี่แหละที่ทรงแต่งเป็นคนแรก เรียกได้ว่านำเทรนด์ในสไตล์พระองค์เองได้อย่างเฉียบขาด

ควีนเอลิซาเบธที่ 2 แห่งอังกฤษ

ควีนเอลิซาเบธที่ 2 แห่งอังกฤษ

โดยสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงสวมฉลองพระองค์สีสันสดใสอยู่เสมอ ถือเป็นภาพที่เราเห็นกันจนชินตา ไม่ว่าพระองค์จะเสด็จฯ ไปที่ไหน เราจะได้ชมฉลองพระองค์สีสันโดดเด่นแทบทุกครั้ง และเหตุผลที่พระองค์ต้องแต่งฉลองพระองค์สีสด ก็เพราะต้องการให้ประชาชนเห็นได้อย่างชัดเจน แม้ว่าจะอยู่ระยะไกลก็ตาม เนื่องจากโอกาสที่ประชาชนจะได้เห็นควีนของพวกเขาไม่ได้มีมากนัก

ควีนเอลิซาเบธที่ 2 ยังเคยตรัสว่า “หากฉันใส่สีเบจ คงไม่มีใครรู้ว่าฉันเป็นใคร” ทั้งนี้ผู้ช่วยดูแลฉลองพระองค์สีสันสดใสให้แด่สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ก็คือแองเจลา เคลลี นั่นเอง

นอกจากฉลองพระองค์สีสันเด่นสะดุดตาแล้ว พระองค์จะทรงพระมาลา (หมวก) พร้อมกับ ถุงพระหัตถ์ (ถุงมือ) ในยามออกงานอยู่เสมอ อย่างฉลองพระองค์ลุคล่าสุด ก็ทรงแต่งครบทุกข้อที่กล่าวมา โดยทรงเลือกโค้ทสีส้มสดจับคู่กับพระมาลาโทนสีเดียวกัน ด้านในเป็นเดรสลายดอกไม้สีเขียวสดใส ฉลองพระบาทสีดำส้นเตี้ยจากแบรนด์ดัง Gucci และกระเป๋าถือทรงโปรดจาก Launer

ควีนเอลิซาเบธที่ 2 แห่งอังกฤษ

ควีนเอลิซาเบธที่ 2

ควีนเอลิซาเบธที่ 2

ควีนเอลิซาเบธที่ 2

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

เปิดตู้เสื้อผ้า! รวม Baby Bump สไตล์ดัชเชสเมแกน ค่าใช้จ่ายมากถึง 500,000 ปอนด์?

ราคานี้จ่ายไหว? เปิดกรุกระเป๋า ดัชเชสเมแกน ตั้งแต่หลักพันจนถึงหลักแสน

ชาวเน็ตแห่คอมเม้นต์ เจ้าหญิงเคท ลุคนี้เหมือนแม่มดใน แฮร์รี่ พอตเตอร์?

เอ๊ะ! หน้าตาคุ้นๆ กระเป๋า Book tote ลวดลายใหม่จาก Dior บนรันเวย์ Paris Fashion Week

รวมหมัดเด็ด! กระเป๋าคอลเล็คชั่นสุดท้ายที่ ปู่คาร์ล ฝากไว้บนรันเวย์ Chanel Fall/Winter 2019

วาร์ปไปปารีส! ญาญ่า-อุรัสยา นั่งฟร้อนท์โรว์ Louis Vuitton ชมแฟชั่นโชว์ส่งท้ายซีซั่น

ดาเมจความน่ารักเต็มร้อย! พาส่อง Couple fashion สไตล์สาวหวาน แม่แอฟ-น้องปีใหม่

อยากซื้อต้องรู้! พาส่องข้อมูล ‘Dior Saddle Bag’ กระเป๋าทรงอานม้า อีกหนึ่งรุ่นขึ้นแท่นขายดี

โบกมือลา! วิคตอเรีย ซีเคร็ท เตรียมปิด 53 สาขาในอเมริกาเหนือ เหตุยอดขายตก

ก่อนเปย์ต้องเช็ค! กระเป๋าคาดเอว Chanel Waist Bags ดีไซน์ใหม่ ราคาเท่าไหร่บ้าง


ภาพ : Getty Images

กัปตันหญิงคนแรกแห่งภูฏาน! กษัตริย์จิกมี ทรงไว้วางพระทัยให้ขับมายังกรุงเทพฯ

account_circle

กัปตันหญิงคนแรกแห่งภูฏาน! กษัตริย์จิกมี ทรงไว้วางพระทัยให้ขับมายังกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2562 ที่ผ่านมา พร้อมด้วย สมเด็จพระราชินีเจตซุน เพมา วังชุกพระชายา เนื่องในวันสตรีสากลกัปตันหญิงคนแรกของภูฏาน

โดยเที่ยวบินนี้นับว่าเป็นเที่ยวบินในประวัติศาสตร์เลยก็ว่าได้ เมื่อกษัตริย์จิกมี และ สมเด็จพระราชินีเจตซุน เพมา วังชุก พระชายา ทรงเลือกเสด็จพระราชดำเนินด้วยสายการบิน DrukAir หรือ Royal Bhutan Airline ซึ่งความพิเศษของเที่ยวบิน KB 130 นี้คือมีกัปตันและลูกเรือเป็นผู้หญิงทั้งหมด โดยกัปตันที่เป็นคนขับเครื่องบินลำนี้คือ  Ugyen Dema เธอยังเป็นกัปตันหญิงคนแรกของ DrukAir ในรอบ 35 ปีนับตั้งแต่สายการบินก่อตั้งมาเมื่อวันที่  5 เมษายน 2524 อีกด้วย

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2561 ทางสายการบินได้แต่งตั้งให้  Ugyen Dema วัย 33 ปีเป็นนักบินหญิงคนแรกของสายการบิน ซึ่งเธอได้เข้ามาทำงานสายการบินแห่งนี้เมื่อปี 2006 และรับหน้าที่ในตำแหน่ง  trainee pilot จากนั้นพัฒนาขึ้นมาเป็น Senior First Officer และปัจจุบันเธอได้ก้าวเข้ามารับตำแหน่ง กัปตันหญิงคนแรกของสายการบินแห่งชาติของประเทศภูฏาน

Ugyen Dema ยังเคยให้สัมภาษณ์ด้วยว่า ไฟลท์แรกที่เธอได้ทำหน้าที่เป็นกัปตันนั้นก็คือ เส้นทาง ภูฏาน-กรุงเทพฯ รวมถึงเธอยังเผยที่มาของอาชีพนี้ด้วยว่า

” แม่ของฉันเป็นแรงบันดาลใจให้กับฉันเสมอมา เธอเป็นทุกอย่างให้กับฉัน ความท้าทายนี้ สำหรับฉันคิดว่า ผู้ชายและผู้หญิง หรือจะเป็นเพศอะไรก็ได้ ทุกคนสามารถเป็นนักบินได้หมด หากแต่คุณมีความตั้งใจและมุ่งมั่นในงานนั้นจริงๆ ไม่มีอะไรที่คุณจะทำไม่ได้” 

ซึ่งเธอยังได้กล่าวปิดท้ายอีกด้วยว่า “มีผู้หญิงไม่กี่คนที่เป็นนักบิน เพราะส่วนมากอาชีพนี้มีแต่ผู้ชาย ฉันหวังว่าฉันจะสามารถเป็นแรงบันดาลใจให้กับสาวๆ ทุกคนที่อยากจะเป็นนักบิน”

สำหรับไฟลท์นี้ยังมี Senior First Officer (นักบินผู้ช่วย) คือ Sonam Lhamo และ วิศวกรการบินและอวกาศ  Sonam Deki Tshering รวมถึงเหล่าบรรดาลูกเรือ อย่างพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินก็ยังเป็นผู้หญิงทั้งหมดอีกด้วย

สำหรับ DrukAir หรือ Royal Bhutan Airline มีพนักงานซึ่งเป็นผู้หญิงถึง 168 คน คิดเป็น 35.44 เปอร์เซนต์ของพนักงานทั้งหมดของสายการบิน ซึ่ง DrukAir นั้นยังมีการผลักดันให้เห็นว่าผู้หญิงนั้นก็มีความสำคัญในอุตสาหกรรมการบิน และยังมุ่งมั่นที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้หญิงต่อไป เพื่อให้พวกเธอมีบทบาทบนเส้นทางนี้ในอนาคตมากขึ้น


ภาพ : His Majesty King Jigme Khesar Namgyel Wangchuck

‘ยายยาย’ น้องปีใหม่ กำลังใจแห่งบ้าน ‘ภักดิ์สุขเจริญ’ กับ 12 ลุคสุดเปรี้ยว เฟี้ยว เท่

‘ยายยาย’ น้องปีใหม่ สมาชิกคนสำคัญผู้เป็นกำลังใจของ ‘บ้านภักดิ์สุขเจริญ’ ไม่ชอบการเป็นข่าวอย่างมาก แต่ชอบที่จะใช้ชีวิตส่วนตัวเงียบๆ กันเองกับคนในครอบครัว ซึ่งก็คงจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ

เพราะล่าสุดแพรวดอทคอมติดต่อขอสัมภาษณ์ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ไขศรี ภักดิ์สุขเจริญ –แม่เลี้ยงแอฟ ทักษอร หรือที่น้องปีใหม่เรียก ‘ยายยาย’ หรือ ‘ยายหมี’ แต่เธอปฏิเสธ เพราะคุณพ่อแอฟ (อนุสรณ์) ชอบความเป็นส่วนตัว ซึ่งคนที่ใกล้ชิดยายยายจะรู้ดีว่า ปรกติแล้วเธอไม่ค่อยพูดเยอะ…เจ็บคอ (555!) แต่ถ้าพูดเมื่อไหร่ละก็เป็นเรื่อง เพราะพูดน้อยต่อยหนักทุกที แถมยังเป็นยายยายที่มีสไตล์การแต่งตัวเก๋ด้วยนะ โดยเฉพาะเทคนิคการมิกซ์แมทช์สีแต่ละลุคของเธอ บอกเลยว่าสมกับเป็นสถาปนิกหญิงหัวใจอาร์ติสท์จริงๆ ไปดูกันว่าแต่ละลุคของเธอจะเปรี้ยว เฟี้ยว และเท่ขนาดไหน!

‘ลุค’ สุดเปรี้ยว เฟี้ยว เท่ ของ ‘ยายยาย’ น้องปีใหม่

‘ยายยาย’ น้องปีใหม่

Look 1 ใครจะคิดว่าท่านรองคณบดี คณะสถาปัตย์ฯ จุฬาฯ จะแต่งเปรี้ยวได้ใจมหาชนขนาดนี้ พร้อมแคปชั่นน่ารักๆ “ดิฉันสร้างโลกสองใบนี้ขึ้นมาด้วยสติล้วนๆ” #จริงจังกับโลกทุกใบไม่มีเท # แก้เครียด ทำเอาคนเม้นท์ไอจีแทบแตก เพราะไม่เชื่อว่ายายยายจะสลัดลุคอาจารย์ได้แซ่บเว่อร์ขนาดนี้

‘ยายยาย’ น้องปีใหม่

Look 2 เวอร์ชั่นนี้ก็เป๊ะปังไม่ธรรมดา มีความเป็นแม่เสือสาว ดาวโรงเรียนมาก เพราะนานๆ ศิษย์เก่าโรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนแวนต์เขาจะนัดรวมตัวกันงานรียูเนี่ยน ยายหมี ในฐานะศิษย์เก่าเซนต์โยฯและเป็นสถาปนิกหญิงดีกรีดอกเตอร์จากมหาวิทยาลัยลอนดอนสหราชอาณาจักร ก็ต้องโชว์สปิริต แต่งตัวสวย ฟรุ้งฟริ้งมาร่วมงานนี้  เอิ่ม…ว่าแต่เวลาสอนนักศึกษาหน้าชั้น ยืนสอนท่านี้ด้วยป่ะคะ ;))

‘ยายยาย’ น้องปีใหม่

Look 3 งานนี้ก็รวมรุ่นเซนต์โยฯ อีกแล้วครับท่าน ขึ้นชื่อว่ายายหมี ธรรมดาได้ที่ไหน ช่างไปหาเครื่องหัวมาใส่ จากธรรมดา กลายเป็นความเว่อร์วังอลังการขึ้นมาทันที

 

‘ยายยาย’ น้องปีใหม่

 

Look 4 หลายชุดที่ยายยายใส่เวลาไปเที่ยว มักมีผ้าไทยเป็นไอเท็มหนึ่งของการแต่งตัวเสมอ ซึ่งเธอบอกว่า ‘ยายหมีรักมัดหมี่’ ซึ่งเธอก็สามารถนำผ้าไทยมาแต่งได้อย่างพอดิบพอดี ดูสวยงาม เก๋เว่อร์!

‘ยายยาย’ น้องปีใหม่

Look 5 แทบทุกทริปที่เดินทางท่องเที่ยว ดูเหมือนเธอคิดไว้แล้วว่าจะใส่ชุดไหนกับแบ็คกราวนด์อะไร เวลาถ่ายรูปจะได้มีสตอรี่ ดูสวยแจ่ม อย่างตอนไปญี่ปุ่น เธอเลือกใส่ทั้งเสื้อและกระโปรงลาย Polka Dot โพสท่าถ่ายรูปโดยมีลายจุดสีเหลืองดำเป็นแบ็คกราวนด์อยู่ข้างหลัง อารมณ์ประมาณว่ายกย่อง ‘Yayoi Kusuma’ เจ้าแม่ลาย Polka Dot ที่ทั่วโลกกล่าวขานถึง

‘ยายยาย’ น้องปีใหม่

Look 6 ทริปนี้ชวนกันไปไหว้พระวัดป่าดาราภิรมย์ จังหวัดเชียงใหม่ เธอใส่ชุดแซ็คลาย Polka Dot ขาว พื้นดำ ยืนหน้าประตูทางเข้าวัดสีขาวลวดลายแบบล้านนา ดูเรียบร้อยสง่างามกลมกลืนกับฉากหลัง แต่ก็มีดีเทลให้น่าจดจำ

‘ยายยาย’ น้องปีใหม่

Look 7 ลุคนี้ยายยายขอแต่งตัวสนุกๆ คล่องตัว ไปเที่ยวเมืองแห่งสีสันที่เนปาล เห็นผ้าสวยๆ ในตลาด แล้วอดโพสท่าสวยแข่งกับผ้าไม่ได้

‘ยายยาย’ น้องปีใหม่

Look 8 สีแดงกับเขียวไม่น่าอยู่ด้วยกันได้ แต่ยายยายสามารถมิกซ์แมทช์เฉดสีให้ดูเข้ากันได้อย่างคลาสสิค ยิ่งมีแบ็คกราวนด์เป็นประตูไม้แกะสลักสีดำและอิฐสีแดง ยิ่งดูสวยโดดเด่นเข้าไปใหญ่

‘ยายยาย’ น้องปีใหม่

Look 9 เป็นกระโปรงแซ็คพลีทสีเหลืองตัดลวดลายสีน้ำเงินเนวี่บลู ดูสวยนวลๆ

‘ยายยาย’ น้องปีใหม่

Look 10 เสื้อขาวแขนเต่อกับกางเกงฮาเร็มลายสีชมพูและฟ้าสด บอกเลยว่าชุดนี้เหมือนจะธรรมดา แต่ไม่ธรรมดา

‘ยายยาย’ น้องปีใหม่

Look 11 เสื้อลายฟอสซิลกับกระโปรงสีกากี สวมหมวกเบเร่ต์เป็นพร็อพ ดูเก๋อยู่

‘ยายยาย’ น้องปีใหม่

Look 12 กระโปรงแซ็ค ปริ้นท์ลายใบไม้สีเขียวไล่เฉด ดูเข้ากับบรรยากาศโดยรอบ ซึ่งแวดล้อมด้วยภูเขาและแปลงพืชผักสีเขียวที่เชียงใหม่ สวยจัง

นาทีนี้พูดเลยว่า ไม่มีคุณยายคนไหนเปรี้ยวเฟี้ยวได้ เท่า ‘ยายยาย’ ของน้องปีใหม่แล้วละ

ภาพ : @meekhaisri

ติดตามเรื่องราวอื่นๆ ของครอบครัวภักดิ์สุขเจริญได้ที่

สวยหวานแต่สตรองมาก! เปิดใจ แอฟ ทักษอร ผู้หญิงเข้มและแข็งแห่งปี 2018

ปรบมือรัวๆ ให้สตรีสุดสตรอง 5 ผู้หญิงแกร่งแห่งปี 2018

ดาเมจความน่ารักเต็มร้อย! พาส่อง Couple fashion สไตล์สาวหวาน แม่แอฟ-น้องปีใหม่

เบลล่า - ราณี แคมเปน

ชีวิตไม่มีคำว่าง่ายของ “เบลล่า – ราณี” เจ้าของฉายาแห่งปี “สวยยืนหนึ่ง”

เบลล่า - ราณี แคมเปน
เบลล่า - ราณี แคมเปน

ชีวิตไม่มีคำว่าง่ายของ “เบลล่า – ราณี” เจ้าของฉายาแห่งปี “สวยยืนหนึ่ง”…จากบทแม่หญิงการะเกด ทำให้เบลล่ากลายเป็นนางเอกแถวหน้าของวงการบันเทิง และพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเธอไม่ได้มีดีแค่เล่นบทอย่างแม่หญิงการะเกดอย่างเดียว พอถึงคราวที่ต้องเล่นดราม่าเข้มข้น เจ้าตัวก็ทำได้ดีไม่มีที่ติกับบทโสเภณีอย่างเรณูในละครกรงกรรม

ขึ้นแท่นมาเป็นนางเอกแถวหน้าของช่อง 3 ที่ผ่านมาใช่ว่าเส้นทางของการเป็นนักแสดงและนางเอกของเจ้าตัวจะมาแบบง่ายๆ ทุกคนคงทราบดีว่าผู้หญิงคนนี้เธอสู้ขนาดไหน ทั้งเคยไปเป็นพนักงานพาร์ตไทม์หารายได้พิเศษ ขนาดว่าพอเริ่มเข้าวงการบันเทิงเซ็นสัญญากับทางช่อง ก็ยังต้องนั่งรถตู้ ต่อรถเมล์มาเรียนการแสดง ส่วนเรื่องเรียนก็ทำได้ดี ไม่มีให้ครอบครัวเสียหน้า ทุกอย่างเชื่อว่าทุกคนคงได้รับรู้กันมาบ้างแล้ว แต่กับการมาถ่ายแฟชั่นขึ้นปกนิตยสารแพรวฉบับ 25 มิถุนายน 2561 กับพี่โน้ต – อุดม แต้พานิช ครั้งนี้ เป็นอีกครั้งที่เธอยอมเล่าเรื่องส่วนตัวลึกกว่าเดิม แถมบางเรื่องก็เพิ่งรู้เหมือนกันนะว่า นางเอกอย่างเบลล่าก็มีความคิดแบบนี้เหมือนกัน

เบลล่า - ราณี แคมเปน

ชีวิตไม่ง่าย แต่ไม่ดราม่า

“เวลาเบลอยากได้อะไร เบลไม่อยากกวนคุณพ่อคุณแม่นะ มีช่วงหนึ่งที่ธุรกิจที่บ้านเริ่มไม่ค่อยดี เบลก็อยากช่วยแบ่งเบา ความจริงคุณพ่อไม่ได้อยากให้ทำงานเต็มร้อย เพราะท่านห่วงว่าจะเรียนไม่จบ ท่านซีเรียสเรื่องนี้มาก เพราะเชื่อว่าเป็นพื้นฐานของชีวิต ตอนนั้นเบลเริ่มไปแคสต์โฆษณา ก็ได้งานมาเรื่อยๆ ไม่นานก็เก็บเงินซื้อโน้ตบุ๊กได้ พอทำงานได้สักพักก็บอกแม่ว่าไม่ต้องจ่ายค่าเทอมให้แล้วนะ เบลจ่ายเอง มันก็เป็นความภูมิใจของเด็กที่สามารถดูแลเรื่องนี้ของตัวเองได้”

อาชีพในฝัน

“สมัยเด็กๆ มีความฝันเยอะ เดี๋ยวอยากเป็นครู อยากขายของ แต่ที่อยากเป็นแอร์โฮสเตสเพราะเป็นอาชีพที่ได้เดินทางไปเจออะไรใหม่ๆ ไม่อยู่กับที่ แล้วเราพูดภาษาอังกฤษได้ คุณพ่อก็ทำธุรกิจเปิดโรงเรียนสอนภาษา มีคนที่อยากสมัครแอร์โฮสเตสหลายคนมาเรียน พอได้คลุกคลีก็ทำให้อยากทำอาชีพนั้นค่ะ”

ชีวิตไม่มีคำว่าง่ายของ “เบลล่า – ราณี” เจ้าของฉายาแห่งปี “สวยยืนหนึ่ง”

แขนหักเพราะอ้วน

“ตอนอายุได้ 9 ขวบ เป็นช่วงที่เบลโตเร็วจนต้องเปลี่ยนรองเท้าบ่อย คุณแม่เลยซื้อไว้เผื่อโตมาให้ 2 เบอร์ แต่ใส่แล้วมันเดินไม่ถนัด จนสะดุดล้ม และดันใช้มือยันพื้นไว้ ความที่น้ำหนักตัวเยอะก็เลยแขนหัก แต่ไม่ได้ไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนั้นนะคะ เพราะเบลไม่รู้ว่าอาการเจ็บแบบนั้นคือแขนหัก คุณแม่ก็บอกว่าโรงพยาบาลปิดแล้ว เลยต้องไปหาวันรุ่งขึ้น เวลาเล่าเรื่องนี้ทีไรคุณแม่จะบอกว่า เธอเลิกแฉฉันได้แล้ว ^^”

กำลังใจจากลุง

“ในวันที่เบลเหนื่อยมากๆ พี่เขาเป็นกำลังใจให้ตลอด แม้จะไม่ค่อยเจอกันสักเท่าไหร่ พี่เขาเป็นคนหนึ่งที่อยู่ในทุกช่วงชีวิตของเบลที่มีทั้งสุขและทุกข์ อย่างตอนที่เบลโดนกระแสนู่นนี่นั่น พี่เขาก็บอกว่า เป็นเรื่องปกติ ไม่ต้องไปอะไรกับมันมาก เราแค่มั่นใจในสิ่งที่ทำ เขาชอบแนะนำให้เป็นตัวเองให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้”

เบลล่า - ราณี แคมเปน

 

สวย นิสัยดี และเป็นธรรมชาติแบบนี้ ใครๆ ก็หลงรักสาวเบลล่ากันทั้งนั้น ยิ่งรู้ว่าที่ผ่านมา กว่าเจ้าตัวจะมาถึงจุดนี้ไม่ใช่ง่ายเลย ขนาดโน้ตบุ๊กเครื่องเดียว ใครจะไปคิดว่าแต่ก่อนสาวเบลล่าต้องทำงานเก็บเงินซื้อเอง และเห็นแววว่าทุกวันนี้ก็ยังใช้ได้ดีอยู่ด้วยนะ แหม…สวย ทำงานเก่ง และยังรู้จักใช้เงินเป็นอีกแม่คุณ

 

อ่านบทสัมภาษณ์แบบเต็มๆ ได้ที่ นิตยสารแพรว ฉบับวันที่ 25 มิถุนายน 2561

 

อดีตเจ้าชายนิโคลัส แห่งโรมาเนีย พร้อมด้วยภริยา จัดทริปฮันนีมูนสุดโรแมนติกที่ประเทศไทย

account_circle

อดีตเจ้าชายนิโคลัส แห่งโรมาเนีย พร้อมด้วยภริยา อาลิน่า-มาเรีย เดินทางขึ้นเหนือ ล่องใต้ กับทริปฮันนีมูนสุดโรแมนติกที่ประเทศไทย

อดีตเจ้าชายนิโคลัส แห่งโรมาเนีย

ฮันนีมูน เรียกได้ว่าเป็นธรรมเนียมหลังแต่งงาน ที่คู่รักจะเดินทางไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ ซึ่งประเทศไทยจัดว่าเป็นประเทศที่คู่รักทั่วโลกต่างเดินทางมาฮันนีมูน เพราะมีสถานที่ให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ทะเล ภูเขา แม่น้ำ ฯลฯ อีกทั้งอาหารยังอร่อย และ ค่าใช้จ่ายเรื่องการเดินทางก็มีราคาที่ไม่แพงมากนัก จึงเป็นที่ประทับใจของคู่รัก รวมถึงนักท่องเที่ยวอย่างเป็นอย่างมาก

ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ อดีตเจ้าชายนิโคลัสแห่งโรมาเนีย ที่เมื่อไม่นานมานี้เขาได้เดินทางมาประเทศไทยพร้อมด้วยภริยา อาลิน่า-มาเรีย โดยทั้งคู่เลือกจังหวัดภูเก็ต เชียงใหม่ และกรุงเทพฯ เป็นสถานที่ฮันนีมูนในทริปนี้อดีตเจ้าชายนิโคลัส แห่งโรมาเนีย

ภาพนี้โรแมนติกมากๆ แถมเจ้าช้างที่นี่ยังเชื่องมากๆ ด้วย คู่รักที่กำลังหาสถานที่ฮันนีมูน ที่นี่ดีงามสุดๆ

ทั้งนี้อดีตเจ้าชายนิโคลัส และภริยายังได้แชร์ภาพสุดประทับใจผ่านอินสตาแกรม ขณะที่พวกเขาใช้เวลาอย่างมีความสุขในประเทศไทย อย่างที่ Elephant Hills tent Camp จ.ภูเก็ต ซึ่งทั้งคู่ยังได้ทำกิจกรรมร่วมกับช้าง เป็นภาพที่น่าประทับใจเป็นอย่างยิ่ง

เกาะสิมิลัน น้ำใสมากกกก

อุทยานแห่งชาติเขาสก

Elephant Hills tent Camp

ในขณะเดียวกันอดีตเจ้าชายนิโคลัสยังได้แชร์ภาพและคลิปขณะทำกิจกรรมต่างๆ รวมถึงยังเผยแพร่วัฒนธรรมไทยให้กับผู้ติดตามได้เห็นถึงความสวยงามและเขายังเชิญชวนให้มาเที่ยวประเทศไทยอีกด้วย

นอกจากจะได้ลองทานอาหารไทยแล้ว ทั้งคู่ยังได้ลองสวมชุดม่อฮ่อมของคนเหนือ เป็นภาพที่สบายๆ และเป็นกันเองอย่างมาก

อดีตเจ้าชายนิโคลัสลงมือทำอาหารด้วยตัวเอง

นอกจากนี้ทั้งคู่ยังได้เดินทางไปยัง จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นอีกทริปหนึ่งในแพลนฮันนีมูน โดยไปยังวัดพระสิงห์วรมหาวิหาร และยังได้รับประทานอาหารไทย รวมถึงอดีตเจ้าชายนิโคลัสได้ทำกิจกรรมเล็กๆ น้อยๆ โดยเป็นลูกมือช่วยคุณป้าทำอาหาร ณ สวนอาหารธรรมชาติ จินเจอร์ ฟาร์ม อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่

หลังจากทริปเชียงใหม่แล้วทั้งคู่ได้เดินทางมาพักผ่อนปิดท้ายทริปฮันนีมูนที่ กรุงเทพฯ โดยเดินทางไปยังบ้านจิมทอมป์สัน รวมถึงยังได้ไปอุดหนุนกระเป๋าหนัง Exotic Skin จาก S’UVIMOL แบรนด์เครื่องหนังไทยคุณภาพเยี่ยม ซึ่งคุณแพร–พัชรพิมล ยังประภากร เจ้าของแบรนด์ยังมอบของขวัญเป็นท่ระลึกให้กับ อาลิน่า-มาเรีย สร้างความประทับให้กับเธอเป็นอย่างมาก

หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมถึงเรียกว่าคุณนิโคลลัสว่า “อดีตเจ้าชาย” ซึ่งเดิมนั้นเขานั้นเป็นพระโอรสคนแรกใน เจ้าหญิงเอเลนาแห่งโรมาเนีย กับ โรบิน เมดฟอร์ธ-มิลส์ และยังเป็นพระราชนัดดาคนที่ 2 ใน สมเด็จพระราชาธิบดีมีไฮที่ 1 แห่งโรมาเนีย กับ สมเด็จพระราชินีอานาแห่งโรมาเนีย ภายหลังประเทศโรมาเนีย ทำการปฏิวัติล้มเลิกระบอบกษัตริย์ จึงทำให้เขาต้องออกจากพระอิสริยยศเมื่อปี พ.ศ. 2558 และเปลี่ยนมาใช้นามสกุลของบิดาแทน

สำหรับเส้นทางความรักของอดีตเจ้าชายนิโคลัสและ ภริยานั้น เขาได้หมั้นหมายกับ อาลิน่า-มาเรีย ผู้ประกาศข่าวชาวโรมาเนีย และได้คุกเข่าของเธอแต่งงานเมื่อ เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2560 ทั้งนี้ สมเด็จพระราชาธิบดีมีไฮที่ 1 แห่งโรมาเนีย ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดพิธีสมรสขึ้นในช่วงกลางปี พ.ศ. 2561 ที่ผ่านมา

เป็นทริปสุดเพอร์เฟค ซึ่งทั้งคู่เลือกประเทศไทยเป็นที่ฮันนีมูน โดยไม่ได้ลังเล เห็นภาพและรอยยิ้มของทั้งคู่แล้ว ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามีความสุขมากขนาดไหน อีกนัยยะหนึ่งคือ ไทยยังเป็นสวรรค์ของนักท่องเที่ยว


ข้อมูล : Wikipedia

ภาพ : Instagram (alinamariaderoumanie, nicolaealromaniei, suvimolbkk)

6 อันดับ รถ SUV ปี 2019 แพงขั้นเทพ มีไม่กี่คนเท่านั้นที่ถูกเลือกให้เป็นเจ้าของ

 มาแล้วจ้า…รถ SUV ปี 2019 หรือจะเรียกว่ารถกิจกรรมกลางแจ้งขับเคลื่อนสี่ล้อ ซึ่งเป็นที่ปรารถนาของใครหลายๆ คน โดยเฉพาะคุณผู้ชายที่ชื่นชอบการเดินทาง ต้องบอกว่ารถ SUV ปี 2019 แม้จะมีสมรรถนะการขับขี่ขั้นเทพก็จริง แต่ภายในห้องโดยสารก็ต้องหรูหราระดับเฟิร์สท์คลาส ตอบโจทย์ความสะดวกสบายให้คนขับด้วยนะ ปีนี้จึงมีรถ SUV ที่ออกแบบให้ดูหรูหราฟู่ฟ่าขั้นเทพทั้งภายนอกภายใน  มาดูกันว่าปีนี้ใครแพงสุด หรูสุด มีเงินอย่างเดียวก็ซื้อไม่ได้ แต่ต้องมีใจรัก และได้รับเลือกให้ได้จับจองเป็นเจ้าของด้วยนะ คุณถึงจะได้ครอบครอง… แม่เจ้าว้าว สุดจริงอ่ะ!

 

รถ SUV ปี 2019

รถ SUV ปี 2019

อันดับ 1           ครองแชมป์แพงสุดในปีนี้ ต้องยกให้ Rolls-Royce Cullinan ราคา 32.9 ล้านบาท นั่นแค่ราคาเริ่มต้นเท่านั้นนะจ๊ะ ถือเป็นรถเอสยูวีระดับ Ultra Luxury รุ่นแรกของ Rolls-Royce รถยนต์แบรนด์เก่าแก่สัญชาติผู้ดีอังกฤษ แค่ชื่อรุ่นรถคันนี้ ก็รู้แล้วว่าหรูฟราฟู่ฟ่าขนาดไหน เพราะชื่อ Cullinan เป็นชื่อที่มาจากโคตรเพชรขนาดใหญ่สุดเท่าที่โลกเคยค้นพบมา แน่นอนว่าสมรรถนะการขับขี่รถคันนี้ต้องไม่ธรรมดา ซึ่งนั่นก็หมายความว่าการออกเดินทางท่องโลกของคุณบนรถเอสยูวีคันนี้ จะต้องสุดเอ็กซ์คลูซีฟและโคตรหรูหราใครได้ขับคันนี้ บอกเลยว่าชีวิตดี๊ดีอ่ะ

รถ SUV ปี 2019

โครงสร้างภายนอกดูหรูหราสง่างาม มีระบบกันสะเทือนแบบสปริงลม (Air Suspension Height Adjustment) ให้ความนุ่มสบายราวกับนั่งอยู่บนปุยเมฆ ประตูไฟฟ้ารุ่นเหวี่ยงเปิดออกอย่างนุ่มนวล ภายในหรูหราด้วยตู้เก็บของตกแต่งลายไม้และหนังเท็กซ์เจอร์เดียวกับกระเป๋า Prada เบาะที่นั่งปรับเอนนอนได้หลายระดับ ให้ความรู้สึกเหมือนนั่งเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว มีเคาน์เตอร์สำหรับวางเครื่องดื่มด้วยนะ หรือถ้าไม่ชอบสไตล์ตกแต่งแบบนี้ จะยอมจ่ายเพิ่มเพื่อตกแต่งให้เป็น Super Luxury ตามกิจกรรมและความต้องการก็ได้นะ โรลส์รอยซ์เขาไม่ติด ตามใจลูกค้าเสมอ

 

รถ SUV ปี 2019

 

อันดับ 2           ตกเป็นของ Bentley Bentayga ราคา 24.5 ล้านบาท พร้อมกับเคลมตัวเองว่าเป็นรถเอสยูวีที่หรูและเร็วที่สุดในโลก  คือ 306 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็นไงละ ด้านการขับขี่มีโหมด Drive Dynamics ให้เลือกปรับ 4 รูปแบบ คือ Comfort, Bentley, Sport และ Custom สามารถเซตค่าได้ตามชอบใจ แถมยังมีระบบ Bentley Dynamic Ride ป้องกันการเอียงของตัวรถแบบเรียลไทม์ขณะเข้าโค้ง เพื่อกดให้หน้ายางสัมผัสพื้นถนนเต็มที่ ตัวรถมีความมั่นคง เพื่อความสบายขณะเดินทาง เรียกว่าหรูและท้าทายความเร็ว กล้าได้กล้าเสียสไตล์ Bentley Boy

รถ SUV ปี 2019

รถ SUV ปี 2019

อันดับ 3           ยกให้ Lamborghini Urus ราคา 23.42 ล้านบาท ได้ชื่อว่าเป็นรถที่ถ่ายทอดดีเอ็นเอของลัมโบร์กินีมาแบบเต็มๆ มีทั้งความสปอร์ตและออฟโรดในหนึ่งเดียว ดีไซน์สปอร์ต โฉบเฉี่ยวดุดันตามชื่อ Urus เป็นคำเฉพาะที่นำมาจากชื่อสายพันธุ์วัวป่ายุคดึกดำบรรพ์ Aurochs เชื่อกันว่าเป็นต้นกำเนิดของวัวกระทิงนักสู้ของสเปนในปัจจุบัน โหมดการขับขี่ก็ไม่ธรรมดา มีทั้งระบบลดการสั่นสะเทือนของพวงมาลัย มีชุดระบบแบบมัลติฟังก์ชั่นเพื่อควบคุมอินโฟเทนเมนต์ รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนทุกระบบปฏิบัติการ ระบบนำทาง ปุ่มสตาร์ท ระบบปลดล็อคประตูรถ ทั้งหมดนี้เป็นระบบสัมผัส สามารถปรับเปลี่ยนโหมดคาแรคเตอร์การขับขี่ได้ตามชอบ

รถ SUV ปี 2019

รถ SUV ปี 2019

อันดับ 4         ตกเป็นของแชมป์ผู้ผลิตรถ SUV ค่าย Range Rover เพียงแต่รุ่นแพงสุดของเขาคือ Range Rover รุ่น SV Coupe ราคา 10-17 ล้านบาท เป็นรถเอสยูวีอีกรุ่นที่โลกฮือฮา  และได้ชื่อว่า โคตรอภิมหาความหรูหรา ผลิตขายแค่ 999 คันทั่วโลก แล้วอย่างนี้จะไม่ให้แพง ไม่ให้คนตามหายังไงไหว คนที่จะได้ครอบครองรถคันนี้ จึงต้องเป็นผู้ที่ถูกเลือกและคู่ควรแล้วจริงๆ เพราะด้วยราคาและจำนวนผลิตแค่นี้ บอกได้เลยว่าไม่ง่ายที่จะครอบครอง ต้องเป็นคนพิเศษเท่านั้น จึงจะได้รับสิทธิ์นี้

รถ SUV ปี 2019

รถ SUV ปี 2019

อันดับ 5         เป็นของรุ่นนี้ Range Rover Vogue ราคา 9-12 ล้านบาท เป็นรถที่มีระบบ Plug-in Hybrid Electric รักษ์โลกสุดๆ เพราะไร้มลพิษ ประตูระบบไฟฟ้า ประตูท้ายเปิดอัตโนมัติโดยไม่ต้องใช้รีโมท มีระบบจดจำปรับที่นั่งคนขับ มีเทคโนโลยีใหม่ๆ ของการขับขี่มากมาย ธรรมดาได้ที่ไหน

 

รถ SUV ปี 2019

อันดับ 6                      เป็นรถเอสยูวีทรงกล่องเหลี่ยมๆ ดูถึกๆ โหดๆ แต่ก็มีเสน่ห์ในแบบของมันนะ  Mercedes-Benz G-Class รุ่น AMG G63 ราคาเริ่มต้นกว่า 6 ล้านบาท ยังไม่รวมภาษี เป็นรุ่นที่ถูกออกแบบมาเพื่อแต่งเติมความเป็นที่สุดแห่งรถเอสยูวี พร้อมขับขี่ในทุกสถานการณ์ มีทั้งความเร็วและความแรง เบาะที่นั่งมีระบบทำให้เบาะอุ่น พร้อมระบบนวดด้วยนะ… ชอบตรงนี้ 555! สามารถปรับเอนนอนได้ด้วยระบบไฟฟ้า ตัวถังเป็นเหล็กแข็งและอลูมิเนียม… อึดพอไหมอ่ะ

ทั้งหมดนี้ ไม่รวยจริงขับไม่ได้ เรียกว่าเป็นของเล่นคนรวย ที่มีราคา ความหรูหรา และสมรรถนะการขับขี่เป็นเดิมพันจริงๆ

ภาพ : www.rolls-roycemotorcars.com, www.thedrive.com, www.nktorque.com, www.lambhogini.com , www.bentleymotors.com, www.landrover.co.th

 ติดตามเรื่องราวอื่นๆเกี่ยวกับรถยนต์ที่ผู้หญิงอย่างเราต้องรู้ได้เพิ่มเติมที่

ผู้หญิงต้องรู้! ตัวช่วยสำคัญของรถยนต์ เพื่อความปลอดภัยของคุณ

แพงยับ! 6 คุณสมบัติสมค่าตัว Porsche Cayenne รุ่นล่าสุด เพิ่งเปิดตัวครั้งแรกในโลกที่เยอรมนี

 แกะรอยรถหรู Land Rover ราชรถคันงาม ที่ใช้ต้อนรับเจ้าชายน้อยแห่งเคมบริดจ์องค์ใหม่

 

 

กระเป๋า Jacquemus Le Sac Chiquito

กระเป๋าหรือแหวน! Jacquemus นำเทรนด์ไอเท็มใบเล็กกลับมาอีกครั้ง แถมไซส์จิ๋วยิ่งกว่าเดิม

กระเป๋า Jacquemus Le Sac Chiquito
กระเป๋า Jacquemus Le Sac Chiquito

ขอขยี้ตามองอีกทีว่านี่คือ กระเป๋าหรือแหวน! Jacquemus ทำให้แปลกใจอีกครั้ง เมื่อเผยโฉมกระเป๋าใบน้อยที่มีขนาดเล็กจิ๋วยิ่งกว่ารุ่นเดิม ใน Paris Fashion Week 2019

สัปดาห์แฟชั่นอย่าง Paris Fashion Week 2019 ได้เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 25 ก.พ. ไปจนถึง 5 มี.ค. ซึ่งมีหลายแบรนด์ได้อวดโฉมคอลเล็คชั่นใหม่กันไปแล้ว แต่แบรนด์ที่ต้องปักหมุดเข้าไปซูมชัดๆ ในรอบนี้ขอยกให้ Jacquemus ผู้นำเทรนด์กระเป๋าใบจิ๋ว ที่พยายามพิสูจน์แล้วว่าขนาดของกระเป๋าไม่ใช่เรื่องสำคัญ โดยก่อนหน้านี้ทางแบรนด์เคยเปิดตัวกระเป๋าใบเล็กใบน้อยที่สามารถใส่ได้เพียงแท่งหมากฝรั่ง รุ่น Jacquemus Le Sac Chiquito ออกมาสร้างกระแสฮือฮาในราคา $522 หรือประมาณ 16,388 บาทไปแล้ว รอบนี้ก็คัมแบ็คกระเป๋าไลน์เดิม เพิ่มเติมคือจิ๋วยิ่งกว่า

Jacquemus
การ์ดเชิญร่วมชมโชว์ของ JACQUEMUS คอลเล็คชั่น WINTER 2019/20

ใน Paris Fashion Week 2019 แม้แต่บัตรเชิญเหล่าคนดังเข้าร่วมชมโชว์ ทาง Jacquemus ก็มีไอเดียเก๋ๆ ส่งการ์ดเชิญไปพร้อมกระเป๋าใบน้อยน่ารัก น่าเอ็นดู ที่ใครเห็นแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ และต้องบอกว่าความนิยมของกระเป๋าไซส์เล็กยังคงมีมาอย่างต่อเนื่อง โดยกระเป๋ารุ่นก่อนหน้านี้ Jacquemus Le Sac Chiquito ก็สามารถสร้างยอดขายได้เป็นที่น่าพอใจ เหล่าคนดังต่างถือกันให้พรึบ ตั้งแต่นักร้องสุดแซ่บ ริฮานน่า มาจนถึงแฟชั่นนิสต้าตัวแม่ของไทย ชมพู-อารยา ก็ไม่พลาดอัพเดทเทรนด์ ถือกระเป๋าใบเล็กตะมุตะมิออกงานเช่นกัน

ส่วนกระเป๋ารุ่นใหม่ Jacquemus Le Chiquito Micro Purse บนรันเวย์ Paris Fashion Week 2019 นางแบบเพียงใช้นิ้วเกี่ยวไว้ก็แคร์รี่อยู่แล้ว เพราะน้องไซส์เล็กจิ๋วมากจริงๆ จนถึงขนาดว่าต้องซูมกันเลยทีเดียว โดยดีไซน์ของกระเป๋ารุ่นนี้ไม่ต่างจากรุ่นเดิมมาก เพียงแค่ถูกย่อขนาดให้เล็กลง และใส่ตัวอักษร J สีทองไว้มุมขวาเท่านั้น ซึ่งกระเป๋ารุ่นใหม่จะวางจำหน่ายหรือไม่ ราคาเท่าไหร่ ตอนนี้ยังไม่มีระบุแน่ชัด แต่ถ้าหากวางขายก็น่าสนใจว่าเซเลบคนไหนจะเปิดประเดิมกระเป๋ารุ่นใหม่ของ Jacquemus เป็นคนแรก งานนี้รอติดตามกันได้เลยจ้า

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ราคานี้จ่ายไหว? เปิดกรุกระเป๋า ดัชเชสเมแกน ตั้งแต่หลักพันจนถึงหลักแสน

โอ้แม่เจ้า ใจหายใจคว่ำ! เคนดัลล์ เจนเนอร์ แซ่บเว่อร์ร่วมงาน Oscar After Party 2019

Exclusive เพื่อสาวๆ เท่านั้น! อาดิดาส เตรียมปล่อย Sleek 4 สี 4 ดีไซน์ใหม่ ราคาไม่แรง

อยากซื้อต้องรู้! พาส่องข้อมูล ‘Dior Saddle Bag’ กระเป๋าทรงอานม้า อีกหนึ่งรุ่นขึ้นแท่นขายดี

นาทีนี้ต้องซื้อเก็บไว้ 5 กระเป๋า Chanel รุ่นไอคอนิกที่คุ้มค่าแก่การลงทุน

 เช็คข้อมูลก่อนหิ้ว กระเป๋า Chanel Sunset on the Sea หนังโทนสี Ombre ที่ต้องมีสักใบ!

Romantic Style! เจ้าหญิงเคท งดงามสะกดทุกสายตา ในเดรสสีหวานจาก Gucci

แมทช์ลุคเพอร์เฟ็ค! 13 สไตล์ที่เข้ากันได้ดีของ ดยุกและดัชเชสแห่งเคมบริดจ์

ต้องฟาดสักใบ! กระเป๋า Chanel Backpack ไอเท็มใหม่ล่าสุดของ ‘ลิซ่า BLACKPINK’


ที่มา : www.popsugar.com

ภาพ : IG@jacquemus , www.popsugar.com , nowfashion.com , IG@millionsofstars_official

Adidas Originals Exclusive Sleek

Exclusive เพื่อสาวๆ เท่านั้น! อาดิดาส เตรียมปล่อย Sleek 4 สี 4 ดีไซน์ใหม่ ราคาไม่แรง

Adidas Originals Exclusive Sleek
Adidas Originals Exclusive Sleek

อาดิดาส เตรียมปล่อย Sleek คอลเล็คชั่นสุดพิเศษ 4 สี 4 ดีไซน์ ให้สาวๆ สาวกอาดิดาสได้แซ่บแบบมีสไตล์ วางจำหน่ายพร้อมกันทั่วโลก 28 กุมภาพันธ์นี้

อาดิดาส ออริจินอลส์ เปิดตัว Sleek รองเท้าสนีกเกอร์คอลเล็คชั่นใหม่ เอาใจสาวๆ สาวกอาดิดาส โดยครั้งนี้มาพร้อมกับ 4 ดีไซน์ใหม่ ไม่ซ้ำใคร โดยคอลเล็คชั่น Sleek ออกแบบด้วยดีไซน์สุดคลาสสิก ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรองเท้าเทนนิสโมเดลสุดฮิตตลอดกาล นุ่มสบายในการสวมใส่ด้วยหนังนิ่มด้านบน ผสมผสานกับการตัดเย็บที่ได้คุณภาพ และในส่วนพื้นทำจาก Rubber Sole ตกแต่งด้านข้างด้วยสัญลักษณ์ 3 แถบ และเพิ่มความพิเศษด้วยโลโก้ Trefoil เอกลักษณ์จากอาดิดาส

รองเท้าคอลเล็คชั่น Sleek มีมาให้เลือกถึง 4 รุ่น 4 สไตล์ 4 สี โดย Sleek W เป็นรองเท้าทรงคลาสสิก มาพร้อมกับสีสันสดใสอย่างสีชมพูตัดด้วยพื้น Rubber Sole สีแดง อีกสไตล์ถัดมาเป็นรองเท้าสีขาว-เขียวนีออน ที่เพิ่มแถบคาดหนามเตยสำหรับกระชับรูปเท้า และ Sleek W ดีไซน์ออกมาในสไตล์ของรองเท้าหุ้มข้อโทนสีขาวชมพู ปิดท้ายด้วยรองเท้าดีไซน์สุดเก๋อย่าง Sleek Z โมเดลที่ตกแต่งด้วยซิปโทนสีเขียวมิ้นท์ พร้อมให้สาวๆ ได้เป็นเจ้าของแล้ว

ซึ่งคอลเล็คชั่น Sleek W จะวางจำหน่ายพร้อมกันทั่วโลกในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ และ Sleek Z จะวางจำหน่ายในวันที่ 28 มีนาคม ที่ร้านค้าอาดิดาส ออริจินอลส์ทุกสาขา และ www.adidas.co.th

Adidas Originals Exclusive Sleek

Sleek W สีขาว-เขียวนีออน ราคา 3,500 บาท

Sleek W สีชมพูตัดด้วยพื้น Rubber Sole สีแดง ราคา 3,500 บาท

Adidas Originals Exclusive Sleek
สามารถสอบถามราคา Sleek W หุ้มข้อได้ที่ช็อปอาดิดาส ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์

Adidas Originals Exclusive Sleek

Adidas Originals Exclusive Sleek
Sleek Z วางจำหน่ายในวันที่ 28 มีนาคม

Adidas Originals Exclusive Sleek

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

โอ้แม่เจ้า ใจหายใจคว่ำ! เคนดัลล์ เจนเนอร์ แซ่บเว่อร์ร่วมงาน Oscar After Party 2019

อยากซื้อต้องรู้! พาส่องข้อมูล ‘Dior Saddle Bag’ กระเป๋าทรงอานม้า อีกหนึ่งรุ่นขึ้นแท่นขายดี

งานนี้ของจริง! สื่อจีนบอยคอต D&G ใน Milan Fashion Week แถมไร้เงาตัวแม่จากแดนมังกร

สวยหวานท้าพรมแดง! ส่อง Pink Dresses โทนสีมาแรง ในงาน ‘ออสการ์ 2019’

ต้องฟาดสักใบ! กระเป๋า Chanel Backpack ไอเท็มใหม่ล่าสุดของ ‘ลิซ่า BLACKPINK’

Love Karl! Fendi โชว์ผลงานสุดท้ายของ คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ ใน Milan Fashion Week

 สีแบบนี้ห้ามใจได้เหรอ กระเป๋าหนังสาน 2 รุ่นใหม่จาก โบเตก้า เวเนต้า สวยสดทุกใบ

นาทีนี้ต้องซื้อเก็บไว้ 5 กระเป๋า Chanel รุ่นไอคอนิกที่คุ้มค่าแก่การลงทุน

พระปฐมบรมราชโองการ

ย้อนรำลึก “พระปฐมบรมราชโองการ” ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกแห่งกษัตริย์จักรีวงศ์

Alternative Textaccount_circle
พระปฐมบรมราชโองการ
พระปฐมบรมราชโองการ

ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก อีกหนึ่งความสำคัญและความศักดิ์สิทธิ์ที่จะได้รับการจารึกไว้ตลอดไป คือการที่พระมหากษัตริย์จะพระราชทาน “พระปฐมบรมราชโองการ” หลังจากพราหมณ์ทูลเกล้าฯ ถวายเครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์ และเครื่องราชูปโภคแล้ว

โดยพระปฐมบรมราชโองการ นับตั้งแต่รัชกาลที่ 1 จนถึงรัชกาล 9 มีเนื้อความและใจความสำคัญที่แตกต่างกันไป ตามความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยนั้นๆ ซึ่งล้วนแสดงถึงพระราชปณิธานในฐานะทรงเป็นผู้รับพระราชภาระแห่งชาติบ้านเมือง

ในโอกาสที่ใกล้จะถึงพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 4-6 พฤษภาคม 2562 แพรวดอทคอม จึงรวบรวมพระปฐมบรมราชโองการของพระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี ตั้งแต่รัชกาลที่ 1 จนถึงรัชกาลที่ 9 มาให้ประชาชนชาวไทยได้รำลึกนึกถึงกัน

 

พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1

พ.ศ. 2328

พระปฐมบรมราชโองการ

“…พรรณพฤกษ ชลธี แลสิ่งของในแผ่นดิน ทั่วเขตพระนคร ซึ่งหาผู้หวงแหนมิได้นั้น ตามแต่สมณชีพราหมณาจารย์ราษฎรปรารถนาเถิด…”

(ที่มา : phralan.in.th)

 

พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2

วันที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2352

พระปฐมบรมราชโองการ

“ แต่บรรดาพฤกษาและแม่น้ำใหญ่ น้อย และสิ่งของทั้งปวง ซึ่งมีในแผ่นดิน ทั่วขอบเขตแดนพระนคร ซึ่งหาเจ้าของหวงแหนมิได้ ให้พระราชทานแก่ สมณะ พราหมณ อณาประชาราษฎร์ทั้งปวง ตามแต่ปรารถนาเถิด ”

(ที่มา : phralan.in.th)

 

พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3

วันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2367

พระปฐมบรมราชโองการ

“เจ้าพระยา และพระยา ของซึ่งถวายทั้งนี้ จงจัดแจงบำรุงไว้ให้ดี จะได้รักษาแผ่นดิน”

ในการพระราชพิธีพระบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ไม่พบหลักฐานพระปฐมบรมราชโองการหลังจากพิธีถวายสิริราชสมบัติและเครื่องสิริราชกกุธภัณฑ์ที่พระที่นั่งภัทรบิฐ พบแต่ “ พระราชโองการปฏิสันถาร ” ในการเสด็จมหาสมาคม ซึ่งโปรดให้พระบรมวงศานุวงศ์ และขุนนางทั้งฝ่ายทหารและพลเรือนเข้าเฝ้าเพื่อรับการถวายราชสมบัติ จากนั้นจึงมีพระราชโองการตรัสปฏิสันถารกับเจ้าพระยา และพระยาทั้งปวง ซึ่งมีข้อความเดียวกันทุกรัชกาล ต่อมาภายหลังพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้ยกเลิกพิธีส่วนนี้ มีแต่เพียงการถวายพระพรชัยมงคลจากขุนนางฝ่ายหน้าและข้าทูลละอองธุลีพระบาทฝ่ายในเท่านั้น (ที่มา : phralan.in.th)

 

พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4

วันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2394

พระปฐมบรมราชโองการ

“ พรรณพฤกษ ชลธี แลสิ่งของในแผ่นดิน ทั่วเขตพระนคร ซึ่งหาผู้หวงแหนมิได้นั้น ตามแต่สมณชีพราหมณาจารย์ราษฎรจะปรารถนาเถิด ”

(ที่มา : phralan.in.th)

 

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 

ครั้งแรก วันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2411

พระปฐมบรมราชโองการ

“แต่บรรดาที่ไม่มีเจ้าของผลไม้ทั้งน้ำในห้วยละหารตรท่าก็ดี ตามแต่สมณพราหมณาจารยอาณาประชาราษฎรจะมาแต่จตุระทิศต่างๆ ตามแต่จะปรารถนา”

(ที่มา : phralan.in.th)

 

ครั้งหลัง วันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2416

พระปฐมบรมราชโองการ

คำภาษามคธ

“อิทานหํ สพฺเพสํ อนุมติยา ราชา มุทฺธาวสิตฺโต สฺยาเมสุ อิสฺสราธิปจฺจํ รชฺชํ กาเรมิธ ธฺมมิกราชปเวณิยา อนุชานามิ ยนฺติ สฺยามวิชิเต อปรปริคฺคหิตํ ติณกฏฺโจทกํ สมณพฺราหฺมณาทโย สพฺเพสฺยามรฏฺฐิกา ยถาสุขํ ปริภุญฺชนุตุฯ”

คำแปล

“ครั้งนี้ท่านทั้งปวงพร้อมใจกัน ยอมให้เราเปนเจ้าครองราชสมบัติได้รับมุรธาภิเษกเปนใหญ่ในสยามราษฎร์วราณาจักรนี้แล้ว เราขออนุญาตยอมให้ โดยธรรมิกราชประเพณี พรรณพฤกษชลธีในสยามราษฎร์วราณาจักรนี้ ซึ่งไม่มีเจ้าของหวงแหนนั้น ตามแต่สมณพราหมณาจารย์ ประชาราษฎรทั้งปวงจะปรารถนาใช้สอยเทอญ ฯ”

(ที่มา : phralan.in.th)

 

พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6

วันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2453

พระปฐมบรมราชโองการ

คำภาษามคธ

“อิทานาหํ พฺราหฺมณา ราชภารํ วหนฺโต พหุโน ชนสฺส อตฺถาย หิตาย สุขาย ธมฺเมน สเมน รชฺชํ กาเรมิ ตุมฺหากํ สปริคฺคหิตานํ อุปริ ราชกํ อาณํ ปสาเรตฺวา นาโถ หุตฺวา ธมฺมิกํ รกฺขาวรณคุตฺตี สํวิทหามิ วิสฺสฏฺฐา หุตฺวา ยถาสุขํ วิหรถ ฯ”

คำแปล

“ดูกรพราหมณ์ บัดนี้เราทรงราชภาระครองแผ่นดินโดยธรรมสม่ำเสมอ เพื่อประโยชน์เกื้อกูลและสุขแห่งมหาชน เราแผ่ราชอาณาเหนือท่านทั้งหลายกับโภคสมบัติ เปนที่พึ่ง จัดการปกครองรักษาป้องกัน อันเปนธรรมสืบไป ท่านทั้งหลายจงวางใจอยู่ตามสบาย เทอญ ฯ ”

(ที่มา : phralan.in.th)

 

พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7

วันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2468

พระปฐมบรมราชโองการ

คำภาษามคธ

“อิทานาหํ พฺราหฺมณา ราชภารํ วหนฺโต พหุโน ชนสฺส อตฺถาย หิตาย สุขาย ธมฺเมน สเมน รชฺชํ กาเรมิ ตุมฺหากํ สปริคฺคหิตานํ อุปริ ราชกํ อาณํ ปสาเรตฺวา นาโถ หุตฺวา ธมฺมิกํ รกฺขาวรณคุตฺตี สํวิทหามิ วิสฺสฏฺฐา หุตฺวา ยถาสุขํ วิหรถ ฯ”

คำแปล

“ ดูกรพราหมณ์ บัดนี้เราทรงราชภาระครองแผ่นดินโดยธรรมสม่ำเสมอ เพื่อประโยชน์เกื้อกูลและสุขแห่งมหาชน เราแผ่ราชอาณาเหนือท่านทั้งหลายกับโภคสมบัติ เปนที่พึ่ง จัดการปกครองรักษาป้องกัน อันเปนธรรมสืบไป ท่านทั้งหลายจงวางใจอยู่ตามสบาย เทอญ ฯ ”

(ที่มา : phralan.in.th)

 

พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร รัชกาลที่ 8

เสด็จสวรรคตก่อนทรงรับพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

 

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9

วันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2493

พระปฐมบรมราชโองการ

“เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม”


 

ข้อมูล : phralan.in.th, หนังสือ ประมวลภาพประวัติศาสตร์ไทย พระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมัยรัตนโกสินทร์

ภาพ : หนังสือ ประมวลภาพประวัติศาสตร์ไทย พระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมัยรัตนโกสินทร์

รุ่นใหม่ รูปหล่อ ฟ้ารักพ่อผมไม่เกี่ยว! เปิดใจหมอเอ้ก-คณวัฒน์ “อย่าเลือกผมเป็นส.ส. เพราะหน้าตา”

account_circle

เปิดใจ หมอเอ้ก-คณวัฒน์ จันทรลาวัณย์ จากนายแพทย์ประจำบ้าน สาขาจักษุวิทยา สู่ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ กลุ่ม New Dem นักการเมืองรุ่นใหม่ ที่ตอนนี้กำลังมาแรง เพราะหน้าตาอันหล่อเหลาทำเอาสาวๆ กรี๊ดกร๊าด จนเกิดวลีเข้าคูหากาหัวใจ แต่สำหรับตัวเขานั้นบอกเลยว่า “ผมไม่เคยบอกว่าต้องเลือกผมเพราะหน้าตา”

เป็นอีกหนึ่งนักการเมือง คนรุ่นใหม่ในสนามเลือกตั้งที่น่าจับตามองไม่น้อย เพราะดูจากโปรไฟล์ของเขาแล้วก็ต้องบอกเลยว่า เก่งไม่ใช่เบา ซึ่งหลายคนอาจจะพอคุ้นหน้า คุ้นตา กันมาบ้างแล้วผ่านหน้าจอทีวี เพราะเขานั้นเคยผ่านงานในวงการบันเทิงมาก่อน แต่ก็เป็นแค่ช่วงระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่จะหยุดงานตรงนี้ไป โดยหมอเอ้กให้เหตุผลว่า “ถึงแม้ว่างานนี้จะทำรายได้ดี แต่ก็ไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริง”

ล่าสุดเราเห็นเขาอีกครั้งในหน้าจอโทรทัศน์ และในโลกของอินเตอร์เน็ต แต่ครั้งนี้หมอเอ้กกลับมาในฐานะของนักการเมือง ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส ที่จะลงเลือกตั้งในวันที่ 24 มีนาคม ที่จะถึงนี้ แพรวดอทคอมก็ไม่พลาดที่จะชวนหมอเอ้ก คณวัฒน์ มาร่วมพูดคุย ถึงที่มา และเหตุผลว่าทำไมถึงเลือกเส้นทางนี้กันค่ะ

ออกจากวงการบันเทิงเพราะอะไร

จริงๆ แล้วผมอยู่แปบเดียวนะครับ อยู่แค่ปีเดียวเอง ตอนนั้นยังเป็นช่วงวัยรุ่น ก็เลยได้มีโอกาสมาทำงานตรงนี้ ผ่านพี่ที่รู้จัก คือ พี่โกโก้ นิรุณ ลิ้มสมวงศ์ ที่เสียชีวิตไปแล้ว ถ้าถามว่าผมออกเพราะอะไร ผมรู้สึกว่าพอไปอยู่ตรงจุดนั้น มันไม่ใช่ตัวผม คนในวงการบันเทิงก็จะมีคาแร็คเตอร์อีกแบบหนึ่ง ซึ่งจริงๆ แล้วผมไม่ได้มีคาแร็คเตอร์ในแบบนั้น ประกอบกับในช่วงนั้นผมก็เริ่มเรียนหมอแล้ว และรู้สึกว่าตัวเองชอบวิชาการแพทย์มากกว่า ก็เลยขอเลือกที่จะทำเพียงอย่างเดียวครับ

เป็นหมอแล้ว ทำไมถึงอยากลงเล่นการเมือง

คือต้องบอกอย่างนี้ครับ ผมรู้สึกสนใจในเรื่องของบ้านเมืองมาตั้งแต่เด็กๆ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะคุณพ่อ คุณแม่ด้วยเพราะท่านปลูกฝังให้เราสนใจดูข่าวสารบ้านเมือง โดยเฉพาะ ในช่วง 14 ตุลาคม ที่มีการออกมาเรียกร้อง และเกิดปัญหาต่างๆ ผมก็เลยรู้สึกอินมาก แต่ท่านก็ไม่ค่อยอยากให้ผมเล่นการเมือง หรือยุ่งเกี่ยวกับการเมืองครับ ซึ่งก็มีผู้ใหญ่เตือนมาตลอดเหมือนกันครับว่าการเมืองเป็นเรื่องของผลประโยชน์

จนมาในช่วงมัธยมปลาย ที่กำลังสอบเข้าเรียนแพทย์ ผมจำได้ดีในปี 2549 มีการรัฐประหารเกิดขึ้น เกิดกลุ่มคนเสื้อเหลือง เสื้อแดง มาตลอด จนมาถึงวันนี่ที่ทำให้ผมรู้สึกว่าถึงเวลาแล้วหรือยังที่คนรุ่นใหม่อยากจะเห็นบ้านเมืองเดินไปข้างหน้าจริงๆ ไม่อยากให้วนกลับมาติดหล่มเหมือนเดิม เลยเลือกที่จะเข้ามาทำงานตรงนี้ ด้วยมุมมองที่ว่า ถ้าผมเป็นหมอไปเรื่อยๆ ผมได้ช่วยคนแน่นอนในช่วงชีวิตหนึ่งของผมอาจจะช่วยคนได้สักแสนคน แต่หากผมยึดมั่นในอุดมการณ์ ในทางที่ถูกต้อง ผมคิดว่าการที่มาทำการเมือง ทำงานที่พัฒนาบ้านเมือง มันจะได้ประโยชน์ต่อคนหมู่มาก

มองทิศทางของตัวเองในเส้นทางนี้ว่าอย่างไรบ้าง

การเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบเขต ผมเลือกเองครับ ผมคิดว่านี่จะเป็นจุดเริ่มต้น สำหรับความคิดผม ผมมองว่าการวางนโยบาย หรือการสร้างนโยบายอะไรก็ตาม เราอาจจะเรียนมา หรือเห็นในต่างประเทศ อยากจะผลักดันให้มันเป็นเหมือนเขา ถือเป็นเรื่องที่ดี เป็นเจตนาที่ดี แต่สุดท้ายการลงพื้นที่ การเจอกับพี่น้องประชาชนจริงๆ มองตาทุกวัน วันละ 100-200 คน คุณจะรู้เลยว่าจริงๆ แล้วพี่น้องประชาชน อาจจะไม่ได้ต้องการอะไรที่เหมือนเมืองนอก อาจจะไม่ต้องการที่เราคิดไปเองก็ได้

เราต้องมองเรื่องเกี่ยวกับขั้นพื้นฐาน เรื่องที่เกี่ยวกับชีวิตประจำวันของเขา เช่น เรื่องปากท้อง เรื่องวันนี้เขาจะหาข้าวให้ลูกกินได้อย่างไร เขาจะไปหาหมอต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ ต้องเสียรายได้เท่าไหร่ต่อวัน เราต้องมองเรื่องธรรมดาๆ พวกนี้ก่อน

นโยบายปลูกกัญชาเสรี และ LGBT คิดว่าสำคัญอย่างไรกับคนไทย และจะเปลี่ยนแปลงประเทศได้อย่างไร

เรื่องของกัญชา คือผมผลักดันในแง่ที่ว่ามันเป็นพืชเศรษฐกิจ หลายๆ คนที่ออกมาต่อต้าน หรือออกมาว่าผมว่าไปสนับสนุนให้คนมาเสพกัญชา ซึ่งจริงๆ แล้วผมไม่ได้มีความคิดที่จะให้คนมาเสพกัญชา โดยปราศจากการควบคุม ผมมองว่ามันเป็นเรื่องของพืชเศรษฐกิจ เพราะตอนนี้ตลาดโลกมันเปิดออกในเรื่องของกัญชาไม่ว่าจะเป็นการใช้ในการด้านการแพทย์ หรือ สันทนาการก็ตาม หลายๆ ประเทศผ่านกฎหมายที่ปลดล็อกเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็น ประเทศแคนาดา สหรัฐอเมริกา (บางมลรัฐ) ประเทศอุรุกกวัย และประเทศเนเธอร์แลนด์ ที่ให้คนสามารถที่จะมาเสพกัญชาได้ ตรงนี้เป็นโอกาสให้กับเกษตรกร และประชาชนคนไทย ที่จะสร้างรายได้ ผมมองในแง่นี้ ผมมองในแง่ของโอกาส เอาตรงนี้มาเป็นจุดแข็งของเรา ต้องบอกว่ากัญชาในประเทศไทยมีมานาน ถึงคุณจะบอกว่าไม่อยากให้ผ่านกฎหมาย แต่เราต้องมองให้ขาดว่าจะทำอย่างไรให้ได้ประโยชน์จริงๆ จากตรงนี้ ซึ่งในมุมมองของผม ผมอยากผลักดันให้กัญชาเป็นพืชเศรษฐกิจของไทยให้ได้ ไม่มีการผูกขาด ปกป้องสิทธิบัตร และรัฐต้องทำหน้าที่เป็นหัวหอกในการเปิดตลาดหรือผลิตภัณฑ์กัญชาของไทยให้ออกสู่ตลาดโลก

ส่วนในเรื่องของ LGBT ต้องบอกอย่างนี้ครับว่า พรรคประชาธิปัตย์และกลุ่ม New Dem แทบจะเป็นกลุ่มแรกๆ เลยที่ออกมาพูดว่าเราเข้าใจในพระราชบัญญัติคู่ชีวิต แต่อุดมการณ์ของเรา เรารู้สึกว่าอันนั้นไม่ใช่คำตอบ เรามองว่าทำไมต้องสร้างเพศที่ 3 ขึ้นมาหรือเพศอื่นๆ ขึ้นมา ทั้งๆ ที่เราทุกคนเหมือนกัน เพราะฉะนั้นเราถึงมุ่งประเด็นไปที่กฎหมายแพ่งมาตรา 1448 เพื่อให้บุคคลสองคน สามารถแต่งงานกันได้ไม่ใช่แค่เพศชายกับเพศหญิง ทุกคนควรได้สิทธิเท่าเทียมกัน อย่างในคอนเซปต์ของต่างประเทศจะมี คอนเซปต์หนึ่งที่เรียกว่า positive discrimination หรือการเหยียดในเชิงบวก เช่นกรณีของ LGBTQ ที่ไปบอกว่าเขาได้สิทธิเหมือนเรา แต่ดันไปสร้างอะไรที่ทำให้เขารู้สึกแปลกแยกออกไป ถ้าบอกว่าเขาเหมือนเราจริง ก็ไม่ควรไปสร้างอะไรให้เขาแตกต่าง

เหมือนกับเรื่องของหน้าตา หรือรูปลักษณ์ภายนอก อย่างปัจจุบันที่มีกระแสเรื่อง “ฟ้ารักพ่อ” ผมก็ไม่ได้ไปเกี่ยวข้องอะไร แต่ก็มีคนลากผมเข้ามาร่วมด้วยโดยบอกว่า “ถ้าชอบแต่หน้าตาไปชอบหมอเอ้กประชาธิปัตย์ดีกว่าไหม” ทำเอาผมรู้สึกว่า ผมไม่มีการศึกษาเลย อันนี้ก็เป็นการเหยียดในเชิงบวกอย่างหนึ่ง ซึ่งผมก็ได้กล่าวไปในหลายรายการว่า ผมขอบคุณนะที่ชอบผมเพราะหน้าตา มันเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ แต่การเลือกตั้ง หรือการเลือกใคร มันมีอะไรมากกว่านั้น ถ้าเกิดเสียเวลาแค่ห้าวินาทีมาดูเรื่องรูปลักษณ์ภายนอก ไม่ว่าจะเป็นผม คุณธนาธร หรือใครก็ตาม เสียเวลาอีกห้าวินาที หรือสิบวินาทีในการอ่านนโยบายเขาหน่อย ว่าเขาต้องการจะผลักดันอะไร และนโยบายของเขาทำได้จริงหรือไม่

คิดว่าการลงสมัครครั้งนี้ จะได้การรับเลือกไหม คาดหวังขนาดไหน

ผมคิดว่าทุกคนที่มาสมัครมีความคาดหวังอยู่แล้ว ว่าอยากจะได้รับการรับเลือก เป็นที่ไว้ใจของพี่น้องประชาชน แต่ในความคาดหวัง ก็มีการเตรียมใจอยู่แล้วบ้าง เพราะเราไม่รู้ว่าประชาชนครั้งนี้จะให้โอกาสเราหรือไม่ สำหรับผมไม่ว่าจะชนะหรือแพ้การเลือกตั้ง ผมก็อยากทำงานตรงนี้ ยังอยากเป็นปากเป็นเสียงให้กับพี่น้องประชาชน เพราะฉะนั้นหากผมไม่ได้รับเลือก ผมก็ยังจะทำเหมือนที่ทำอยู่ทุกวัน ในการลงเดินพื้นที่พบเจอพี่น้องประชาชน เอาปัญหาของพวกเขามาอยู่นโยบาย

คิดว่าคนอื่นจะมองไหมว่าใช้หน้าตามาเป็นแรงจูงใจให้เลือก

ผมไม่เคยบอกว่าต้องเลือกผมเพราะหน้าตา ผมคิดว่ามันเหมือนกับการอ่านหนังสือ บางคนอ่านปก ถ้าสนใจก็ไปอ่านเนื้อหาข้างในต่อ แต่บางคนไม่ชอบปกก็วางหนังสือลง แต่กับบางคนชอบปกซื้อหนังสือเลยก็มี มีหลากหลายรูปแบบ ผมไม่เคยโฆษณาปก ผมพยายามจะให้เห็นเนื้อหาหนังสือของผมมาโดยตลอด เพราะฉะนั้นก็อยากให้พี่น้องประชาชนลองดูว่าเนื้อหาหนังสือมันคืออะไร

ข้อดีของตัวคุณในฐานะนักการเมืองรุ่นใหม่ คิดว่ามีอะไรบ้าง

ผมคิดว่าคนที่เป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ คงมีความคิดว่าอยากจะมาเปลี่ยนแปลงอะไรที่ปัจจุบันเราติดหล่มทางการเมืองอยู่ แต่ผมพูดแบบนี้ไปก็อาจจะดูไม่แฟร์สำหรับนักการเมืองที่เข้ามาวงการนี้มาก่อน ผมคิดว่าหลายๆ ท่านก็มีความตั้งใจดีที่จะมาเปลี่ยนแปลงบ้านเมือง แต่ผมอยากเสนอในมุมมองแบบนี้แล้วกันว่า ในฐานะคนรุ่นใหม่ และ เป็นคนใหม่ในพื้นที่ เวลาผมลงพื้นที่ ผมต้องทำงานหนักกว่าคนอื่น ต้องขยันกว่าคนอื่น ทำอย่างไรให้คนจดจำเราได้ ทำให้คนรู้จักนโยบายที่เราอยากจะผลักดัน ทำให้คนเข้าใจว่าเขาเลือกเราแล้วจะได้อะไร ตรงนี้เป็นสิ่งที่ผมสู้เต็มที่ ผมมุ่งมั่นที่จะทำ ไม่รู้ว่าเป็นข้อดีหรือเปล่า แต่ว่าเป็นสิ่งที่ผมต้องทำ ในฐานะนักการเมืองรุ่นใหม่

ชอบผู้หญิงแบบไหน

เมื่อก่อนผมก็จะชอบผู้หญิงที่มีอารมณ์ มีความกุ๊กกิ๊ก อยู่ด้วยแล้วหรือรู้สึกมีความสุข แต่พอมาทำงานตรงนี้ผมรู้สึกว่า การทำอาชีพการเมืองเป็นอาชีพที่ต้องเสียสละเยอะมากๆ ซึ่งผู้หญิงที่จะเลือกมาเป็นแฟนในวันนี้  ผมชอบคนที่เข้าใจว่าคู่ชีวิตที่เขาเลือกจะเจออะไร และเขาสามารถช่วยอะไรได้บ้าง ดูแลอะไรได้บ้าง แต่พูดไปแบบนี้ก็จะไม่แฟร์ เพราะกลับกันแล้วเขาได้อะไรจากผมบ้าง ซึ่งถ้าหากตรงนั้นมันตรงกัน ผมก็โอเค ถ้าหากเป็นผู้หญิงที่เข้าใจตรงจุดนี้ ก็เพียงพอแล้วครับ


ภาพ : ดวงพร ใบพลูทอง

ขอบคุณสถานที่ถ่ายทำ ร้าน DOUBLE SLASH // coffee space  เชิงสะพานพระราม 8 ฝั่งธนฯ ติดกับคอนโด ชาโต อินทาวน์
Instagram : double.slash.coffee, Tel : 097-989-6499

 

กระเป๋า Chanel Backpack ลิซ่า Blackpink

ต้องฟาดสักใบ! กระเป๋า Chanel Backpack ไอเท็มใหม่ล่าสุดของ ‘ลิซ่า BLACKPINK’

กระเป๋า Chanel Backpack ลิซ่า Blackpink
กระเป๋า Chanel Backpack ลิซ่า Blackpink

น่ารักจนอยากสอยตามอีกแล้ววว เมื่อลิซ่า BLACKPINK สะพายไอเท็มใหม่ กระเป๋า Chanel Backpack ราคาหลักแสน ที่ขอบอกว่ากระเป๋ารุ่นนี้มีหลายสีให้เลือกนะเธอ

หลังจากพาส่อง พารู้จักฟังก์ชันและราคาของกระเป๋าที่ขายดีจนหมดเกลี้ยงอย่าง Balenciaga Monday Bowling S ที่น้องลิซ่า BLACKPINK ใช่บ่อยมว๊ากกกกันไปแล้ว กระแสตอบรับก็ล้นหลามสุดๆ มีสาวๆ หลายคนอยากจะเปย์ Balenciaga ตามน้องลิซอยู่ไม่น้อย

แต่ก่อนจะไปสอย ไปช้อปกระเป๋าใบนั้น อยากจะบอกว่าอย่าเพิ่งรีบร้อน เพราะเรามีตัวเลือกใหม่มาทำให้คุณได้ใจเต้นไม่เป็นจังหวะกันอีกแล้ว กับกระเป๋า Chanel Backpack ใบสีแดง ซึ่งเป็นใบล่าสุดที่น้องลิซ่าสะพายและอัพรูปบนอินสตาแกรมของตัวเองรัวๆ จนตามไลค์แทบไม่ทันในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา บอกเลยว่าส่องแล้ว จ้องแล้ว นอกจากความน่ารัก ความสดใสของยัยหนู ก็คงต้องยกให้กระเป๋าสะพายหลังสุดเด่นนี่แหละ ที่แอบแย่งซีนไปเบาๆ และมีเหรอที่เราจะปล่อยผ่าน เพราะสีสันบวกกับดีไซน์มันช่างยั่วใจเหลือเกิน เห็นทีต้องสืบราคากันสักหน่อยแล้ว

กระเป๋า Chanel Backpack

กระเป๋า Chanel Backpack

กระเป๋า Chanel Backpack

กระเป๋า Chanel Backpack

ซึ่งกระเป๋า Chanel Backpack ใบสีแดงนี้มีขนาดความกว้าง 9.8 นิ้ว สูง 7.9 ลึก 4.9 นิ้ว ราคา $4,100 ส่วนราคาในไทยที่ระบุบนเว็บไซต์ของ Chanel อยู่ที่ 131,500 บาท เป็นกระเป๋าที่มีหนังให้เลือก 2 แบบ คือหนังแกะ ฮาร์ดแวร์ Gold-Tone Metal และหนังลูกวัว ฮาร์ดแวร์ Gold-Tone Metal

กระเป๋า Chanel Backpack

กระเป๋า Chanel Backpack

กระเป๋า Chanel Backpack

นอกจากกระเป๋าใบสีแดงที่น้องลิซสะพายแล้ว Chanel Backpack รุ่นนี้ก็ยังมีสีอื่นๆ ให้ตำอีกเพียบ และมีอีกหลายขนาดให้ได้เลือกสรรตามความเหมาะสมในการใช้งานด้วย ส่วนสีอื่นๆ จะโดนใจจนต้องเสียทรัพย์หรือเปล่า เรามายลโฉมพวกนางกันเลยจ้า

กระเป๋า Chanel Backpack
สีชมพู ขนาด : ความกว้าง 8.1 นิ้ว สูง 6.7 นิ้ว ลึก 3.5 นิ้ว ราคา 133,500 บาท

 

สีส้ม ขนาด : ความกว้าง 8.1 นิ้ว สูง 6.7 นิ้ว ลึก 3.5 นิ้ว ราคา 125,500 บาท

 

กระเป๋า Chanel Backpack
สี Navy Blue ขนาด : ความกว้าง 8.1 นิ้ว สูง 6.7 นิ้ว ลึก 3.5 นิ้ว ราคา 133,500 บาท

 

สีดำ ขนาด : ความกว้าง 8.1 นิ้ว สูง 6.7 นิ้ว ลึก 3.5 นิ้ว ราคา 125,500 บาท

 

สีเทา ขนาด : ความกว้าง 9.8 นิ้ว สูง 7.9  ลึก 4.9 นิ้ว ราคา 139,000 บาท

 

สีฟ้า ขนาด : ความกว้าง 11.6 นิ้ว  สูง 9.8 ลึก 5.3 นิ้ว ราคา 151,000 บาท

 

สีเขียว ขนาด : ความกว้าง 11.6 นิ้ว  สูง 9.8 ลึก 5.3 นิ้ว ราคา 143,000 บาท

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Sold out! กระเป๋า Balenciaga Monday Bowling S ลูกรักใบใหม่ของ ลิซ่า BLACKPINK

ราคานี้ซื้อได้! เจาะ 12 ไอเท็ม ‘สองสะใภ้แห่งราชวงศ์อังกฤษ’ ที่งบไม่เกินหลักพัน

 Street Style แบบนางงามจักรวาล! ‘แคทรีโอนา เกรย์’ เช็คอิน New York Fashion Week

 ดีไซน์สไตล์โมเดิร์น ‘แหวนแหวน-ปวริศา’ เปิดตัว ‘พาวา’ กระเป๋าผ้าไหมไทย

สวยจนต้องสืบราคา! ‘ชุดลีดธรรมศาสตร์’ จากแบรนด์ดัง ‘โพเอม’ ในงานบอลประเพณี ครั้งที่ 73

 วาเลนไทน์นี้ขอแซ่บ! ส่อง 12 ไอเท็มสีจี๊ดจาก Balenciaga คอลเล็คชั่นฤดูร้อน 2019

นาทีนี้ต้องประชัน! คอสตูมย้อนยุค ทองเอก หมอยา ท่าโฉลง VS บ่วงสไบ เรื่องไหนเป๊ะกว่ากัน

แบบนี้ต้องแท็กแฟน! 10 ของขวัญวันวาเลนไทน์ ที่คิ้วต์เบอร์แรงจนเกินต้านทาน


เรื่อง : Hana_แพรวดอทคอม (ฮานะ)

ภาพ : IG@lalalalisa_m , www.chanel.com

ไอเท็มใหม่สีจี๊ดจาก Balenciaga

วาเลนไทน์นี้ขอแซ่บ! ส่อง 12 ไอเท็มสีจี๊ดจาก Balenciaga คอลเล็คชั่นฤดูร้อน 2019

ไอเท็มใหม่สีจี๊ดจาก Balenciaga
ไอเท็มใหม่สีจี๊ดจาก Balenciaga

วาเลนไทน์ไม่จำเป็นต้องหวาน เพราะงานนี้ขอเรียกความแซ่บด้วย 12 ไอเท็มใหม่สีจี๊ดจาก Balenciaga ที่รับรองว่าเดือนแห่งความรักของคุณจะเปรี้ยวซ่ากว่าทุกปี

สำหรับคอลเล็คชั่นฤดูร้อนปี 2019 จอห์น ราฟแมน  (Jon Rafman) ศิลปินและผู้กำกับภาพยนตร์ ชาวแคนาดา ร่วมมือกับ เดมนา วาซาเลีย (Demna Gvasalia) อาร์ทิสติกไดเร็คเตอร์ของ บาเลนเซียก้า (Balenciaga) สร้างสรรค์วิดีโออินสตอลเลชั่นโดยใช้ชื่อว่า The Ride Never Ends (การเดินทางอันไม่มีที่สิ้นสุด)

คอลเล็คชั่นนี้ออกแบบรันเวย์ให้เป็นอุโมงค์จอ LED ขนาดใหญ่ สูงจากพื้นจรดเพดาน สร้างภาพเสมือนจริงราวกับอยู่ในดินแดนแห่งความฝัน โดยภาพวิดีโอถูกฉายผ่านทางจอ LED ทั้งบริเวณผนังอุโมงค์และพื้นรันเวย์ ผลงานนี้ถูกกำกับโดย จอห์น ราฟแมน โดยเริ่มต้นเปิดฉากด้วยแสงสีน้ำเงินประกอบกับตัวอักษรภาษาอังกฤษ ซึ่งเรียกว่า Blue Screen of Death หรือที่เราคุ้นเคยกันดีกับภาพบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ เมื่อเวลาเกิดการผิดพลาด (error)

หลังจากนั้นไม่นานภาพเก่าพร้อมตัวอักษรค่อยเลือนหายไปจนหมดสิ้น ซึ่งถูกชะล้างโดยภาพลักษณะคล้ายของเหลว พร้อมเปิดฉากใหม่ ด้วยภาพระบบนิเวศน์แบบดิจิตัลที่ดูแปลกตา ซึ่งถ่ายทอดอารยธรรมสุดท้ายของผู้ที่หลงใหลในเทคโนโลยี อันกำลังจะล่มสลายหายไปในอากาศ เพียงแค่ชั่วพริบตา โดยภาพเคลื่อนไหวจะมีลักษณะค่อยๆ พับตัวเข้าหากัน ราวกับรูหนอนที่เปรียบเสมือนทางเชื่อมทะลุมิติ ซึ่งในขณะที่วิดีโอเปิดฉายอยู่นั้น สร้างประสบการณ์ใหม่ให้ผู้ชม ได้สัมผัสถึงการเปลี่ยนผ่านไปสู่การเดินทางอันไม่มีที่สิ้นสุด และผลงาน The Ride Never Ends (การเดินทางอันไม่มีที่สิ้นสุด) ถูกจัดแสดงขึ้นเป็นครั้งแรกบนรันเวย์คอลเล็คชั่นฤดูร้อน 2019 ของบาเลนเซียก้า (Balenciaga) ในกรุงปารีส

ไอเท็มใหม่สีจี๊ดจาก Balenciaga

ส่วนความเด็ดของ Balenciaga คอลเล็คชั่นฤดูร้อน 2019 คือรูปแบบการสร้างแพทเทิร์นอันชาญฉลาด ถือเป็นหัวใจหลักในการสร้างสรรค์เสื้อผ้าในคอลเล็คชั่นนี้ พลังและความคิดสร้างสรรค์ที่เกิดขึ้นและขับเคลื่อนบาเลนเซียก้าในตอนนี้ก็คือนวัตกรรมในการตัดเย็บ ซึ่งเกิดมาจากการค้นพบวิธีการ จัดโครงสร้างในสไตล์งานสถาปัตยกรรมรูปทรงใหม่ให้กับเสื้อผ้า การทดลองนี้เกิดขึ้นจากการใช้เทคโนโลยีชั้นสูง ในการสร้างรูปแบบแจ็คเก็ต และโค้ทแบบสามมิติขึ้นมา สำหรับทั้งผู้ชายและผู้หญิง กระบวนการนี้เองเป็นเสมือนการหล่อหลอมงานในแบบเทเลอร์และงานกูตูร์ไว้ด้วยกัน สู่เสื้อผ้าในรูปแบบใหม่ที่ผู้คนสวมใส่กันจริงๆ ในแบบปัจจุบันนี้

ช่วงไหล่แบบใหม่ : ไหล่ทรงกล่องสี่เหลี่ยม การขยายช่วงหัวไหล่ของตัวเสื้อให้ยาวขึ้น และไม่มีแผ่นหนุนไหล่

งานเทเลอร์แบบใหม่ : ใช้การตัดเย็บในแบบงานเทเลอร์กับการตัดเย็บเสื้อเชิ้ตและกางเกง

ซิลลูเอทชุด : สร้างซิลลูเอทของชุดโดยเห็นได้จากด้านหน้า โดยเฉพาะโครงชุดแบบรูปตัว C ปกเสื้อตั้ง สร้างความ ดรามาติก และชุดกระโปรงเย็บด้วยเทคนิคตะเข็บเดี่ยว

งานโอต์กูตูร์ที่สวมใส่ง่าย : ชุดกระโปรงหรือชุดสูทสองชิ้น สำหรับสวมใส่งานตอนเย็นสร้างสรรค์ขึ้นด้วยการจับเดรปรูปทรงของกระโปรงเป็นทรงแจกันหลากหลายแบบ เสื้อผ้าสามารถสวมใส่แล้วเคลื่อนไหวได้อย่างสง่างาม

นอกจากนั้นไอเท็มอื่นๆ อย่าง กระเป๋าและรองเท้า ก็ถูกเติมสีสันสุดจี๊ดเพื่อให้รับกับซัมเมอร์สุดๆ แต่โทนแดงหรือชมพู ก็เข้ากันได้ดีกับช่วงเดือนแห่งความรัก อย่างวันวาเลนไทน์ที่กำลังใกล้เข้ามา ถือว่าข้าวของสีสันจัดจ้านเหล่านี้จะช่วยให้ลุคในวันแห่งความรักของคุณไม่น่าเบื่อ หลุดจากความหวานละมุน มาแต่งตัวด้วยสีแซ่บๆ ก็เป็นตัวเลือกที่ดีไม่น้อย สดใสแถมยังเริ่ดเว่อร์

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

 Sold out! กระเป๋า Balenciaga Monday Bowling S ลูกรักใบใหม่ของ ลิซ่า BLACKPINK

รู้ไว้ก่อนเสียตังค์ช้อป กระเป๋า Balenciaga Classic City ที่เหล่าคนดังตกหลุมรัก

 ล็อคเป้าหมาย! 7 Timeless Bags ที่คุณไม่มีวันเบื่อ จะกี่ปีก็ไม่มีเอ้าท์

แฟชั่นไม่ใช่แค่ความเก๋! เมื่อไอเท็มจาก Balenciaga ช่วยลดปัญหาความอดอยากได้

โดนฟ้อง! หลัง Balenciaga ออกพวงกุญแจต้นสน ดีไซน์คล้ายแผ่นน้ำหอมปรับอากาศชื่อดัง

 รู้จักไอเท็มแทนใจ! หมวก Balenciaga จากแม่นาย เวียร์-ศุกลวัฒน์ ใส่ไปทุกที่

 เรียกให้ถูก…อ่านให้เป๊ะ! ชื่อแบรนด์เนม สะกดยากออกเสียงยังไง แล้วมีอะไรเด็ด

ของขวัญวันวาเลนไทน์

แบบนี้ต้องแท็กแฟน! 10 ของขวัญวันวาเลนไทน์ ที่คิ้วต์เบอร์แรงจนเกินต้านทาน

ของขวัญวันวาเลนไทน์
ของขวัญวันวาเลนไทน์

คัดมาให้แล้ว 10 ของขวัญวันวาเลนไทน์ ที่ใครได้ไปเป็นต้องยิ้มแก้มปริ เพราะแต่ละไอเท็มโซคิ้วต์มากเว่อร์ เชื่อว่าสาวๆ เห็นแล้วจะต้องกดเลิฟแน่นอน

เทศกาลแห่งความรักอย่างวันวาเลนไทน์ใกล้เข้ามาแล้ว อีกเพียงอาทิตย์เดียวเท่านั้น คนที่โลกกำลังเป็นสีชมพูพร้อมที่จะมอบของขวัญให้คนรักหรือยัง ของขวัญที่จะทำให้ผู้รับรู้สึกเซอร์ไพร้ส์ นอกเหนือไปจากช็อกโกแลตรสชาติเยี่ยม ถ้าใครยังลังเลไม่รู้จะซื้ออะไรดี ก็มาทางนี้เลย เพราะแพรวดอทคอมได้รวมของขวัญสุดน่ารักที่เห็นแล้วใจต้องเต้นไม่เป็นจังหวะมาฝากกันด้วย รับรองว่า 10 ไอเท็มต่อไปนี้จะทำให้ผู้รับยิ้มได้ชัวร์ หรือถ้าใครเข้ามาส่องแล้วอยากจะได้เป็นของตัวเองสักชิ้นสองชิ้น ก็ลองแกล้งๆ แท็กหาคุณแฟนดูนะจ๊ะ เผื่อเขาจะกำลังมองหาของขวัญให้เราอยู่ จะได้ซื้อให้ซะเลย อิอิ

ซึ่งเหล่าไอเท็มที่เราได้นำมาให้เลือกสรรกัน มีทั้งเสื้อ , กระเป๋า , รองเท้า ไปจนถึงถุงเท้าลายน่ารักๆ เรียกได้ว่าครอบคลุมทุกอย่างที่ผู้หญิงให้ความสนใจจริงๆ เอาเป็นว่าเรามาเช็คกันเลยดีกว่า ว่าจากไอเท็มทั้งหมด มีชิ้นไหนที่คุณอยากจะรับเข้ามาเป็นลูกรักคนใหม่บ้าง

แบบนี้ต้องแท็กแฟน! 10 ของขวัญวันวาเลนไทน์ ที่คิ้วต์เบอร์แรงจนเกินต้านทาน

เสื้อฮู้ด Lou & Grey รุ่น Conscious Cotton Heart Patch Hoodie ราคา $60 หรือประมาณ 1,878 บาท

 

ของขวัญวันวาเลนไทน์
กระเป๋า Kate Spade New York รุ่น Heart It Sam Satchel ราคา $328 หรือประมาณ 10,267 บาท

 

ของขวัญวันวาเลนไทน์
กระเป๋า Longchamp Le Pliage รุ่น Club Tote ราคา $155 หรือประมาณ 4,850 บาท

 

กระเป๋า Marc Jacobs รุ่น Snapshot Crossbody Bag ราคา $295 หรือประมาณ 9,230 บาท

 

กระเป๋า Gucci Soho Disco Leather ราคา $1,190 หรือประมาณ 37,250 บาท

 

กระเป๋าใส่นามบัตร Kate Spade New York Blake Street Hearts Lynleigh Card Case ราคา $58 หรือประมาณ 1,815 บาท

 

ถุงเท้า Loft Embroidered Heart Ankle Socks ราคา $8 หรือประมาณ 250 บาท

 

รองเท้าส้นสูง Kate Spade New York Daxton Slingback Pumps ราคา $198 หรือประมาณ 6,200 บาท

 

สนีกเกอร์ Comme des Garçons PLAY x Converse Chuck Taylor Heart ราคา $135 หรือประมาณ 4,225 บาท

 

สนีกเกอร์ Nike Epic React Flyknit Running Shoes ราคา $150 หรือประมาณ 4,695 บาท

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ออร่าเจิดจรัส! รวม 9 ฉลองพระองค์โทนสีแดง ‘เจ้าหญิงเคท’ งดงามทุกสไตล์

Sold out! กระเป๋า Balenciaga Monday Bowling S ลูกรักใบใหม่ของ ลิซ่า BLACKPINK

 ฟังก์ชั่นแน่น! กระเป๋า Fendi คอลเล็คชั่น SS19 เพิ่มช่องเก็บของ เน้นการใช้สอย

โชว์ซิกแพคกันไปเลย! ไอดอลชายแห่งวงการ K-pop แห่ใส่เสื้อครอปเผยมุมเซ็กซี่

Shoe of the Week! ซูมชัดๆ รองเท้า ดัชเชสเมแกน ในลุคโมโนโครมสุดหรู

ความหวานจัดเต็ม! กระเป๋าโทนสีชมพูดีต่อใจ การันตีว่าเหมาะกับ ‘วาเลนไทน์’ ที่ซู้ดดด

ลิปสติก 10 แท่งนี้คือเฉดสีชมพูในตำนานที่ฮิตแรงมาทุกยุคสมัย ต้องแน่แค่ไหนถามใจดู!


ภาพและที่มา : www.popsugar.com

เรียบเรียง : Hana_แพรวดอทคอม (ฮานะ)

ฟังก์ชั่นแน่น! กระเป๋า Fendi คอลเล็คชั่น SS19 เพิ่มช่องเก็บของ เน้นการใช้สอย

สะดุดตายิ่งกว่าไอเท็มชิ้นไหนๆ บนรันเวย์ ก็คงต้องยกให้ กระเป๋า Fendi ในคอลเล็คชั่น Spring/Summer 2019 ที่ทำเอาสาวๆ ใจเต้นไม่เป็นจังหวะกันเลยทีเดียว

เริ่ดที่สุดดดด เมื่อคอลเล็คชั่นเสื้อผ้า Ready-to-wear Spring/Summer 2019 ของ Fendi ได้ดีไซเนอร์มือฉมัง คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ มาร่วมออกแบบด้วย โดยอาศัยความสมมาตรของธรรมชาติ กลายเป็นผลงานอันเต็มไปด้วยรายละเอียดตกแต่งที่ดูแปลกตา เร่าร้อน และสนุกสนาน แต่ก็ใส่ได้ในชีวิตประจำวัน

ความอ่อนหวาน โรแมนติก และประโยชน์ใช้งานคือสิ่งสำคัญ ละลานตาด้วยบรรดาเฉดสีจากหินแร่ ไม่ว่าจะเป็นสีเขียวเซจ , สีน้ำตาลคอนญัค , สีแดงเบอร์กันดี้ , สีส้มของเนื้อส้ม , สีขาวโพลน , สีน้ำเงินผ้าเดนิม และสีทราย เสื้อผ้าต่างๆ อาศัยเทคนิควิศวกรรมโครงสร้างทางการตัดเย็บ เพื่อให้สอดคล้องกับสัดส่วนโค้งเว้าเย้ายวนแห่งความเป็นผู้หญิง

ส่วนไอเท็มที่ถือว่าเด็ดทุกซีซั่น คงหนีไม่พ้นกระเป๋า ซึ่งกระเป๋าประจำฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน 2019 ออกแบบโดยซิลเวีย เวนตูรินิ เฟนดิ ประกอบไปด้วยกระเป๋า Peekaboo อันเป็นเอกลักษณ์ ประดับปลอกหุ้มกันน้ำ (DeFender) ร่วมกับหูหิ้วที่สามารถสลับเปลี่ยนได้ในตัว และยังมีความสดใหม่จากการเติมซองกระเป๋าทับลงไปด้านนอก มอบความสะดวกในแง่ของประโยชน์ใช้สอย เป็นบทสะท้อนถึงกระเป๋าเข็มขัดคาดที่มีซองกระเป๋าไว้บรรจุโทรศัพท์มือถือ หรือใส่เหรียญสตางค์

กระเป๋า Fendi

กระเป๋า Fendi

กระเป๋า Fendi

กระเป๋า Fendi

กระเป๋า Fendi

กระเป๋า Baguette อันโด่งดังระดับตำนานกลับมาอีกครั้งกับงานประดับผ้าเลื่อมหรูหรา อีกทั้งยังมีรุ่นโอเวอร์ไซส์แบบใหม่ ตัดเย็บขึ้นจากหนังดุนลายโลโก้เนื้อนุ่มดุจถุงมือ และมีน้ำหนักเบาเป็นพิเศษ ซึ่งหนังชนิดเดียวกันนี้ยังถูกนำมาใช้กับกระเป๋ารุ่นใหม่ ‘Upside Down’ รูปทรงจำลองซองจดหมายพับปาก พร้อมตัวกลัดโลโก้ FF

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

5 สิ่งต้องเช็ค! ก่อนเสียเงินซื้อ It Bag ทรงคลาสสิก Fendi peekaboo

ล็อคเป้าหมาย! 7 Timeless Bags ที่คุณไม่มีวันเบื่อ จะกี่ปีก็ไม่มีเอ้าท์

สแกนไอเท็มเด็ด! 12 กระเป๋าแบรนด์ดัง น่าฟาดบนรันเวย์ Milan Fashion Week Men’s 2019

เริ่ดกว่าเดิม! Fendi อัพลุค It Bag ในตำนาน “Baguette” กลับมาทวงบัลลังก์ความเปรี้ยวแซ่บ

ซีซั่นนี้มาแรง PVC Buckets กระเป๋าไม่กลัวน้ำไอเท็มใหม่ล่าสุดจาก Fendi คอลเล็คชั่น SS19

ทริปสุดหรู VS. แฟชั่นไฮแบรนด์ สุพรทิพย์ ช่วงรังษี เซเลบริตี้เสน่ห์แรงในดินแดนอียิปต์

ทริปสุดหรู VS. แฟชั่นไฮแบรนด์ สุพรทิพย์ ช่วงรังษี บอกเลยว่าชีวิตเธอช่วงนี้เดินทางบ่อยมากกก ถึงมากที่สุด เพราะเธอขอว่างเว้นจากการทำงาน เพื่อออกเดินทางท่องโลกกว้าง และเดินสายทำบุญ เข้าคอนเซ็ปต์ชีวิตนับจากนี้ มีแต่เที่ยว เราจึงได้เห็นเธออัพไอจีรัวๆ ในชุดสวยหรูเริ่ชชช สไตล์การแต่งตัวแต่ละทริป ไม่ธรรมดา… บอกเลย

ทริปสุดหรู VS. แฟชั่นไฮแบรนด์ สุพรทิพย์ ช่วงรังษี

ทริปสุดหรู VS. แฟชั่นไฮแบรนด์ สุพรทิพย์ ช่วงรังษี
ประเดิมวันแรกก็ Chanel ทั้งชุดมาเลยจ้า

ทริปสุดหรู VS. แฟชั่นไฮแบรนด์ สุพรทิพย์ ช่วงรังษี
สวยทุกองศาจริงๆ

          ไปถึงอียิปต์ Day 1 สุพรทิพย์ก็เริ่มต้นทริปด้วย Chanel สีน้ำเงินทั้งชุด พร้อมจิเวลรี่เลยจ้า เป็นมาดาม Chanel ยืนหนึ่งจริงๆ ให้ลุคดูทะมัดทะแมงมากๆ เพราะต้องเดิน เดิน และเดินเที่ยว

ทริปสุดหรู VS. แฟชั่นไฮแบรนด์ สุพรทิพย์ ช่วงรังษี

ทริปสุดหรู VS. แฟชั่นไฮแบรนด์ สุพรทิพย์ ช่วงรังษี

Day 2  มาในลุค Chanel ตั้งแต่หมวกถึงกางเกงค่ะ แมทช์เสื้อสีขาวกับกางเกงลายทางขาวแดง ส่วนรองเท้า Nike ถึงได้กระโดดสูง ท่าเปรี้ยวขนาดนี้ ไปเที่ยวในกรุงไคโรมาค่ะ

ทริปสุดหรู VS. แฟชั่นไฮแบรนด์ สุพรทิพย์ ช่วงรังษี

ทริปสุดหรู VS. แฟชั่นไฮแบรนด์ สุพรทิพย์ ช่วงรังษี
โพสต์ท่านี้อย่างมีมีชีวิตชีวาหน้าปิรามิดเก่าแก่อายุเกือบ 5,000 ปี ซึ่งได้กลายเป็นต้นแบบปิรามิดสามเหลี่ยมกีซ่าที่เลื่องชื่อ

ทริปสุดหรู VS. แฟชั่นไฮแบรนด์ สุพรทิพย์ ช่วงรังษี

Day 3 วันนี้ไปเที่ยวปิรามิดเก่าแก่อายุเกือบ 5,000 ปี งานนี้ขอใส่เสื้อและกางเกง Chanel เสื้อขนมิ้งค์สีดำของ Loius Vuitton แว่นตา Gucci ส่วนหมวกใบละ 130 บาท ได้จากตลาดในกรุงไคโร อียิปต์เช่นกัน แล้วค่อยมาเพิ่มความดูมีอะไร ด้วยการติดเข็มกลัด Chanel ส่วนผ้าโพกหัวก็ผืนละ 200 บาท ตลาดไคโรอีกเช่นกันค่ะ อุ๊ตะ…เริ่ชชชช

ทริปสุดหรู VS. แฟชั่นไฮแบรนด์ สุพรทิพย์ ช่วงรังษี

Day 4 เสื้อคลุมพื้นเมืองของอียิปต์ ซื้อได้จากตลาดที่นั่น ราคาชุดละ 1,400 บาท หรือ 700 ปอนด์อียิปต์เท่านั้น แต่ดูแล้วอลังการมาก ดูเข้ากับปิรามิดแห่งกีซ่าที่มีขนาดใหญ่และเก่าแก่ที่สุด สร้างโดยฟาโรห์คูฟู แห่งราชวงศ์ที่ 4 ของอาณาจักรอียิปต์โบราณ ซึ่งเป็นฉากหลัง

ทริปสุดหรู VS. แฟชั่นไฮแบรนด์ สุพรทิพย์ ช่วงรังษี

Day 5 ไปเที่ยวชมสฟิงซ์ ในลุคเสื้อคุลมพื้นเมืองของอียิปต์ หาซื้อได้จากตลาดที่นั่นอีกเช่นกัน

ทริปสุดหรู VS. แฟชั่นไฮแบรนด์ สุพรทิพย์ ช่วงรังษี

ทริปสุดหรู VS. แฟชั่นไฮแบรนด์ สุพรทิพย์ ช่วงรังษี

Day 6 ลุคนี้ดูเกร๋เปรี้ยว ด้วยการแมทช์หมวก Hermes กับเสื้อ และรองเท้า Louis Vuitton หยอดความเซ็กซี่ด้วยถุงมือเกร๋ๆ

ทริปสุดหรู VS. แฟชั่นไฮแบรนด์ สุพรทิพย์ ช่วงรังษี
สวยหยด สมกับเป็นมาดาม Hermes

ทริปสุดหรู VS. แฟชั่นไฮแบรนด์ สุพรทิพย์ ช่วงรังษี

Day 7 ไปเที่ยววิหารฟิเล อายุสองพันกว่าปี  สร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพไอซิส ตั้งอยู่บนเกาะเล็กๆ ที่ต้องนั่งเรือออกไป วันนี้สุพรทิพย์จึงขอเป็นมาดาม Hermes ผสมความ Egypt & India Authentic ด้วยการใส่เสื้อตัวใน ที่ได้จากตอนไปเที่ยวอินเดีย สวมทับด้วยเสื้อโค้ท Loro piana กระเป๋า Birkin Hermes มีผ้าคลุมศีรษะได้จากตลาดในกรุงไคโร อียิปต์ ผืนละ 200 บาท โปรดสังเกตวิธีการแมทช์สีสิคะ… อ่ะเกร๋ๆ

ทริปสุดหรู VS. แฟชั่นไฮแบรนด์ สุพรทิพย์ ช่วงรังษี

ทริปสุดหรู VS. แฟชั่นไฮแบรนด์ สุพรทิพย์ ช่วงรังษี
ชีวิตแฮปปี้ก็จะมีอาการประมาณนี้

Day 8 ไปเที่ยววิหารเดนเดรา ที่ยังคงความงามอย่างสมบูรณ์ ได้เห็นปริศนาของภาพหลอดไฟในห้องใต้ดิน ที่ยังคงเป็นข้อกังขาจนถึงทุกวันนี้ รวมถึงภาพดวงดาวในสุริยจักรวาล ที่แสดงถึงความรู้อันยิ่งใหญ่ของชาวอียิปต์โบราณ วันนี้เธอจึงเลือกเสื้อตัวในเป็น Dior สีขาวเรียบๆ เสื้อคาดิแกนสีฟ้า ถุงมือ Chanel ส่วนกระโปรงและหมวกเป็นของแบรนด์ Loro piana

ทริปสุดหรู VS. แฟชั่นไฮแบรนด์ สุพรทิพย์ ช่วงรังษี ทริปสุดหรู VS. แฟชั่นไฮแบรนด์ สุพรทิพย์ ช่วงรังษี

ทริปสุดหรู VS. แฟชั่นไฮแบรนด์ สุพรทิพย์ ช่วงรังษี

ทริปสุดหรู VS. แฟชั่นไฮแบรนด์ สุพรทิพย์ ช่วงรังษี

ทริปสุดหรู VS. แฟชั่นไฮแบรนด์ สุพรทิพย์ ช่วงรังษี

Day 9 วันนี้ขึ้นจากเรือ ต่อด้วยรถม้า ไปมหาวิหาร Edfu เลยอยากขอชิลๆ ในชุดพื้นเมืองคุณภาพดี ซื้อจากกรุงไคโรราคาแค่พันบาทเท่านั้น ผ้าคลุมสไตล์อียิปต์พื้นเมือง ไว้คลุมไหล่คลุมผมได้ ผืนละ 250 บาทเอง

ทริปสุดหรู VS. แฟชั่นไฮแบรนด์ สุพรทิพย์ ช่วงรังษี

Day 10 วันนี้ Total Look Gucci ค่ะ ชุดนี้เหมาะมากกับการเดินช้อปปิ้ง ชมแสงสีเสียงที่กิซ่ายามค่ำคืน

ทริปสุดหรู VS. แฟชั่นไฮแบรนด์ สุพรทิพย์ ช่วงรังษี

ทริปสุดหรู VS. แฟชั่นไฮแบรนด์ สุพรทิพย์ ช่วงรังษี

ทริปสุดหรู VS. แฟชั่นไฮแบรนด์ สุพรทิพย์ ช่วงรังษี

Day 11 Chanel Total Look ล่องเรือในแม่น้ำไนล์ที่ Aswan และ Luxor สวยยาวๆ ไปค่ะ

ดูแล้วอิ่มตา อิ่มใจ สวยสมกับเป็น Cairo Fashion Week จริงจริ๊งๆ

ภาพ : @supornthip

 

สามารถติดตามอ่านเรื่องราวอื่นๆ ของสุพรทิพย์ ช่วงรังษี ได้เพิ่มเติมที่ :

กว่าจะเป็นเซเลบระดับเอลิสต์ “ทิปปี้-สุพรทิพย์” ความสำเร็จที่ไม่ได้คว้ามาง่ายๆ

เช็คอินถิ่นนางเลิ้ง “พี่ทิปปี้-ครูปาน” ชี้เป้ามุมอาร์ตและของอร่อย

เด็กๆหลบไป ขุ่นแม่มาแล้ว! ส่องลุคสวยเจิดออนเดอะบีชของทิปปี้ -สุพรทิพย์อินมัลดีฟส์

 

คู่รักวงการบันเทิง

มาทำให้อิจฉาวนไป! คู่รักวงการบันเทิง พาเหรดโชว์หวานฆ่าคนโสด

Alternative Textaccount_circle
คู่รักวงการบันเทิง
คู่รักวงการบันเทิง

ต้อนรับเดือนแห่งความรัก คู่รักวงการบันเทิง มิ้นต์ – ภูผา, เบลล่า – เวียร์ พาเหรดควงแขนออกงานคู่ อวดความหวานให้คนโสดอิจฉาวนๆ ไป

นอกจากในเดือนกุมภาพันธ์จะมีเทศกาล “ตรุษจีน” ซึ่งเป็นวันสำคัญของคนเชื้อสายจีนแล้ว ในเดือนนี้ก็ยังมี “วาเลนไทน์” ซึ่งเป็นวันสำคัญของฝรั่งอีกด้วย ซึ่งจากการสังเกตทุกๆ ปีในช่วงนี้ วงการบันเทิงเมืองไทยจะครึกครื้น เพราะคู่รักหลายคู่นิยมควงกันออกงานอีเว้นท์ ซึ่งเป็นโมเม้นต์ที่อาจไม่ค่อยได้เห็นบ่อยเท่าไหร่ และเมื่อวานนี้ (1 ก.พ.62) เป็นวันแรกที่ก้าวเข้าสู่เดือนแห่งความรักอย่างเต็มๆ ซึ่งก็ไม่ผิดวันเพราะทันทีที่เข้าสู่เดือนใหม่นี้ 2 คู่รักที่แฟนคลับจับตามองก็ได้ออกมาปรากฏตัวร่วมกันก็คือ “มิ้นต์-ชาลิดา วิจิตรวงศ์ทอง” กับ “ภูผา เตชะณรงค์” และ “เบลล่า-ราณี แคมเปน” กับ “เวียร์-ศุกลวัฒน์ คณารศ” โดยคู่รักทั้งสองก็ยังได้โพสต์ท่าน่ารักๆ ให้แฟนๆได้เก็บความประทับใจ รวมถึงยังได้อัพเดทเกี่ยวกับความรักตลอด 1 ปีที่ผ่านมาให้ผู้สื่อข่าวได้ฟังกันด้วย

ความรักปีที่ 7 ของ มิ้นต์ – ภูผา

เป็นคู่ที่เหนียวแน่นมาก แต่นานๆ ทีจะมีงานคู่กันสักครั้งสำหรับ  “มิ้นต์” และ “ภูผา”ที่ล่าสุดจูงมือกันมารับงาน “CHINESE NEW YEAR FESTIVAL 2019” ที่เซ็นทรัล เอ็มบาสซี และเซ็นทรัลชิดลม สำหรับปีนี้เป็นปีที่ 7 แล้ว ที่ทั้งคู่ได้ศึกษากัน ซึ่งสาวมิ้นต์ได้พูดถึงว่า “เข้าปีที่ 7 แล้วค่ะ แต่ถามว่ากลัวอาถรรพ์เลข 7 มั้ย เราก็ไม่ค่อยจะกลัวนะคะ ถามว่าเรียกแฟนได้หรือยัง ค่อยเป็น ค่อยไปนะคะ เราอยู่กันแบบเพื่อน เราไม่ค่อยสวีท เวลาคุยกันเราก็คุยกันแบบเพื่อน ดูแลกันไปมา มีความเข้าใจให้กัน” ขณะที่หนุ่ม “ภูผา” บอกว่า มีความเชื่อว่าเวลาที่ผ่านมาได้พิสูจน์อะไรหลายๆ อย่างแล้ว ทั้งนี้เมื่อถูกถามถึงเรื่องแต่งงาน นางเอกสาวบอกว่ายังไม่พร้อมเพราะยังอยู่ในช่วงที่ต้องเรียนหนังสืออยู่ ดังนั้นเธอจึงขอตั้งใจกับเรื่องนี้และเรื่องงานก่อน

เบลล่า – เวียร์ หวานทุกวันอยู่แล้ว

ปีที่ผ่านมา “เบลล่า” และ “เวียร์” ดูจะเปิดตัวมากขึ้นจากที่เห็นมีการรับงานคู่กันหลายครั้ง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ภาพคู่สักภาพก็ดูจะเป็นเรื่องที่แสนยาก ล่าสุดในงาน Siam Paragon Chinese New Year 2019 the Great and Glorious Celebration ทั้งคู่ได้รับงานคู่กันอีกครั้ง และยังได้ถือโอกาสให้สัมภาษณ์คู่ร่วมกันอีกด้วย

สำหรับวาเลนไทน์นี้ทั้งคู่บอกว่ายังไม่มีแพลน ด้วยความที่ตารางงานเดือนกุมภาพันธ์ไม่ค่อยจะตรงกันสักเท่าไหร่ แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นก็คงไม่เป็นอะไรเพราะหนุ่มเวียร์บอกเองเลยว่า “ถ้าจะอดฉลองวาเลนไทน์ก็ไม่เป็นไรครับ ก็แค่วันๆ หนึ่ง ผมหวานทุกวันอยู่แล้ว” พูดตรงขนาดนี้สาว “เบลล่า”ที่อยู่ข้างๆตอนสัมภาษณ์ก็เขินม้วนเลยทีเดียว

การสัมภาษณ์ในครั้งนี้ยังได้เห็นความห่วงใยที่มีให้กันของทั้งคู่อีกด้วย เมื่อ “เบลล่า”ให้สัมภาษณ์พูดถึงหนุ่ม “เวียร์” ที่ชื่นชอบการขับขี่มอเตอร์ไซค์ในช่วงที่มีค่าฝุ่นพิษเกินมาตรฐานว่า “เบลก็จะเตือนเขาตลอดเวลาขี่มอเตอร์ไซค์ว่าได้เอาหน้ากากติดตัวไปด้วยหรือเปล่า บางทีเขาก็ลืมบ้าง แต่อยากให้ป้องกันไว้ก่อนก็ดีกว่าค่ะ” ได้ฟังจบก็เชื่อแล้วว่าทั้งหวานและเป็นห่วงเป็นใยกันทุกวันจริงๆ

คู่รักวงการบันเทิง

คู่รักวงการบันเทิง

คู่รักวงการบันเทิง

คู่รักวงการบันเทิง


 

ทองเอก หมอยา ท่าโฉลง

สุดฮาแต่สาระเพียบ “ทองเอก หมอยา ท่าโฉลง” ละครดียืนหนึ่ง 2019

Alternative Textaccount_circle
ทองเอก หมอยา ท่าโฉลง
ทองเอก หมอยา ท่าโฉลง

เรียกว่ากระแสแรงตั้งแต่ก่อนลงจอ สำหรับละครเรื่อง ทองเอก หมอยาท่า โฉลง ซึ่งได้ฤกษ์ออกอากาศไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อคืนวันที่ 31 ม.ค. ที่ผ่านมา และได้กระแสตอบรับจากผู้ชมดีมากๆ ออนแอร์ไปเพียงไม่กี่นาที แฮชแท็ก #ทองเอกหมอยาท่าโฉลง ก็ติดเทรนด์อันดับหนึ่งบนทวิตเตอร์ ถือเป็นละครที่ดีและมาแรงในปี 2019 จริงๆ

ทองเอก หมอยาท่า โฉลง

บอกเลยว่าการที่ละครเรื่องนี้ได้รับความนิยมนั้นไม่ใช่เรื่องฟลุคเลย เพราะหากดูโดยละเอียดจะเห็นว่าหลายอย่างมีความสนใจมากๆ แต่จะในส่วนใดบ้างนั้น ต้องไปติดตามอ่านกันเลยค่ะ

ทองเอก หมอยาท่า โฉลง

1. คลายเครียด ฮาดีมีสาระ : “ทองเอกฯ” เป็นละครของค่ายโซนิค บูม โดยผู้จัด “ก้อง-ปิยะ เศวตพิกุล” และ “ชุดาภา จันทเขตต์” ซึ่งผู้จัดทั้งสองมีความสนใจเกี่ยวกับเรื่องสมุนไพรเป็นพิเศษ จึงอยากที่จะนำมาเสนอให้ผู้ชมได้ชมกัน

ทองเอก หมอยาท่า โฉลง

2. พลิกฟื้นภูมิปัญญาเรื่องสมุนไพรไทย : นอกจากเป็นละครที่สนุกและเบาสมองแล้ว ละครเรื่องนี้ยังเต็มไปด้วยสาระโดยเฉพาะเรื่องสมุนไพรและการแพทย์แผนไทย ผ่านตัวละครที่ชื่อ “ทองเอก” ที่พยายามศึกษาหาความรู้ในเรื่องนี้ ซึ่งผู้จัดและนักแสดงต้องไปเรียนรู้กันอย่างละเอียดกับหมอยาแพทย์แผนไทยตัวจริง

ทองเอก หมอยาท่า โฉลง

3. พระเอก-นางเอกแคสติ้งโดนใจ : ก่อนที่จะมาเป็นละครที่คนประทับใจได้อย่างตอนนี้ ทุกฝ่ายก็ต้องเตรียมตัวอย่างหนัก โดยเฉพาะทีมหานักแสดงที่ต้องแคสติ้งออกมาให้ได้ดีที่สุด ซึ่งก่อนหน้านี้ทั้ง “มาริโอ้” และสาว”คิมเบอร์ลี่” ก็เคยตกเป็นประเด็นว่าไม่เหมาะสม เพราะมีใบหน้าที่ไม่ใช่สไตล์ไทยเท่าไหร่ ทว่าเรื่องนี้กลับไม่เป็นผลกระทบ เพราะทั้งสองมีคาแร็คเตอร์ที่สนุกสนานอยู่แล้ว ยิ่งทำให้ละครเรื่องนี้ดูกลมกล่อมอย่างลงตัว

ทองเอก หมอยาท่า โฉลง

4. ทุกตัวละครมีมิติ : ไม่ใช่แค่พระเอก -นางเอกเท่านั้นที่บทส่งให้โดดเด่น แต่นักแสดงสมทบคนอื่นๆ ก็ได้รับความสำคัญไม่แพ้กัน

ทองเอก หมอยาท่า โฉลง

5. เพลงโดน : สำหรับเพลงประกอบนั้น ได้กระแสดีมาตั้งแต่ก่อนละครออกอากาศ โดยในเรื่องนี้มีเพลงประกอบละครอยู่ 2 เพลง คือ “กอด” เพลงแนวป็อปผสมความเป็นไทย ขับร้องโดย “กัน-นภัทร อินทร์ใจเอื้อ” เพลงที่สองคือ”ยายายา” เพลงสนุกๆ ที่ถ่ายทอดความน่ารักของพระเอกหนุ่ม “มาริโอ้ เมาเร่อ” มาฟีเจอร์ริ่งกับแก๊งเพื่อนๆ ของเขา

ทองเอก หมอยาท่า โฉลง

สามารถติดตามความสนุกและความฮาผสานความรู้ในละครเรื่องทองเอกทุกวันพุธ – พฤหัสบดี เวลา 20.20 น. ทางช่อง 3


 

ติดตามเรื่องราวอื่นๆ ได้ที่

คู่นี้ต้องซ้ำ! ซีรี่ส์เกาหลี 2019 ที่นักแสดงคู่ขวัญ กลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง

ตบหน้านักวิจารณ์หนัง! Bohemian Rhapsody คว้ารางวัลหนังยอดเยี่ยมจากงานลูกโลกทองคำ

เข้มข้นแน่นอนเจ้าค่ะท่านผู้ชม! เปิดลิสต์ ละครพีเรียด ที่เตรียมออกอากาศในปี 2562

คอนเสิร์ต 2 รอบจัดเต็ม! โวคอลควีน ‘แทยอน GIRLS’ GENERATION’ สะกดผู้ชมทั้งฮอลล์

เหตุผล 6 ข้อของ”ฮยอนบิน และ พัคชินฮเย”ที่ควรดู Memories of the Alhambra

6 ความเกร๋ในเทศกาลดนตรี “นั่งเล่น มิวสิค เฟสติวัล 4”

จัดที่ไทยเท่านั้น! อากาเซเตรียมฟิน โชว์สุดพิเศษ “GOT7 NESTIVAL 2018 IN BANGKOK”

อัพเดท ละครลิขิตรักข้ามดวงดาว ผกก.ใหม่ เผยใกล้ปิดกล้องเต็มที

ปิดตำนานละครน้ำดี น้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์ 20 ปี คู่โทรทัศน์เมืองไทย

“บลู เจน” ส่งความแมนข้ามแดน ดึง “เควลล่า” นางเอกสาวชาวจีนร่วมเล่นเอ็มวี

คัดมาให้ชม 6 เรื่อง จากสามช่อง ละครเด่น ล็อตปลายปี 2561 สนุกแน่นอน!

ขยับต่อไม่รอแล้วนะ! บิ๊ก เมาน์เท่น มิวสิค เฟสติวัล ปีที่ 9 กลับมาแล้ว มีศิลปินคนไหนบ้างมาดู

คอแฟชั่นดูหรือยัง! 5 ภาพยนตร์เกี่ยวกับแวดวงแฟชั่น ที่ยังถูกพูดถึงจนทุกวันนี้

12 ปีที่รอคอย! เกทสึโนวา ระเบิดพลังกับคอนเสิร์ตเดี่ยว พร้อมโมเมนต์ชวนซึ้ง กว่าจะมีวันนี้

น่ารักจิ้มลิ้ม! ส่อง Ella Gross นางแบบเด็กลูกครึ่งเกาหลี-อเมริกัน ศิลปินฝึกหัดค่าย YG

อิจฉาตาร้อนเป็นไฟ! ฟิล์ม-ธนภัทร ลีลาจีบสาวแพรวพราวทำ “บี-น้ำทิพย์” ตุ๊บๆ

กระเป๋า TB Bag จาก Burberry

หรูหราน่าสอย! เช็คลิสต์ความพิเศษ กระเป๋า TB Bag จาก Burberry ก่อนเสียตังค์เปย์

กระเป๋า TB Bag จาก Burberry
กระเป๋า TB Bag จาก Burberry

กระเป๋า TB Bag จาก Burberry เป็นหนึ่งในผลงานการออกแบบแรกภายใต้การทำงานของ Riccardo Tisci ในฐานะผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของ Burberry โดยชื่อกระเป๋า TB Bag ตั้งเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Thomas Burberry กระเป๋า TB Bag ปรากฏให้เห็นครั้งแรกบนรันเวย์คอลเล็คชั่นฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน 2019 ซึ่งเป็นคอลเล็คชั่นแรกในการทำงานของ Riccardo Tisci ในฐานะผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของ Burberry โดยชื่อกระเป๋า TB Bag ใช้ตัวย่อซึ่งได้มาจากชื่อผู้ก่อตั้งแบรนด์ Burberry นั่นก็คือ Thomas Burberry

กระเป๋า TB Bag จาก Burberry

โลโก้

ฮาร์ดแวร์โลโก้ตัวอักษร TB ที่ประดับอยู่บนตัวกระเป๋าทำด้วยมือผลงานช่างจากอิตาลี และเป็นดั่งการเฉลิมฉลองประวัติศาสตร์ของแบรนด์ Burberry ด้วยการนำเอาชื่อย่อของผู้ก่อตั้งแบรนด์ Thomas Burberry มาใช้ รูปแบบของโลโก้ตัวอักษร TB นั้นใช้รูปแบบเดียวกันกับที่ใช้ในการสร้างสรรค์ลายพิมพ์ผ้า ผ้าพันคอ และแอคเซสเซอรี่ทั้งหมดของแบรนด์

ดีไซน์

ตัวกระเป๋าได้รับการออกแบบให้สามารถใช้งานได้อย่างหลากหลาย สายกระเป๋าสามารถถอดออกได้ และยังสามารถใช้ในรูปแบบกระเป๋าสะพายไหล่หรือสะพายคาดลำตัว หรือถือในแบบคลัทช์ ภายในบุด้วยหนังมีหลายช่อง ทั้งช่องกระเป๋าด้านหน้าและช่องกระเป๋าซิปด้านหลัง มีให้เลือกในหลากหลายเฉดสีและสไตล์ พร้อมด้วยฮาร์ดแวร์โลโก้ TB

เฉดสี

กระเป๋า TB Bag ขนาดกลางสีดำประดับด้วยฮาร์ดแวร์โลโก้ TB สีทอง มีวางจำหน่ายแล้วในขณะที่คอลเล็กชั่นเต็มจะเปิดตัวในเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นไป คอลเล็กชั่นกระเป๋า TB Bag จะมีให้เลือกหลากหลายเฉดสีและสไตล์ รวมไปถึงกระเป๋าคาดเอวและกระเป๋าคลัทช์อีกด้วย

กระเป๋า TB Bag ขนาดเล็ก มีให้เลือกถึง 14 เฉดสีทั้งในแบบสายหนังหรือสายโซ่ ได้แก่ สีดำ , สีน้ำตาลมอลต์ , สีแดงเข้ม , สีชมพู , สีน้ำตาลเข้ม , สีน้ำผึ้ง , สีน้ำตาลเมล็ดลินิน , สีทูโทน

กระเป๋า TB Bag ขนาดกลาง มีให้เลือกถึง 10 สี ทั้งในแบบสายหนังหรือสายโซ่ ได้แก่ สีน้ำตาลมอลต์ , สีแดงเข้ม , สีน้ำตาลเข้ม , สีน้ำผึ้ง , สีน้ำตาลเมล็ดลินิน , สีทูโทน

กระเป๋า TB Bag จาก Burberry

กระเป๋า TB Bag จาก Burberry

กระเป๋า TB Bag แบบคาดเอว มีให้เลือก 5 เฉดสี ในแบบสายหนังหรือสายโซ่ เช่น สีน้ำตาลมอลต์ , สีดำ , สีเขียวพิสตาชิโอ , สีวานิลลา

กระเป๋า TB Bag แบบคลัทช์ มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีน้ำผึ้ง ตัวกระเป๋าประดับด้วยฮาร์ดแวร์สีทองอ่อน , ผ้าแคนวาส ประดับด้วยหนังสีน้ำตาลมอลต์ และฮาร์ดแวร์สีเงิน

แมททีเรียล 

กระเป๋า TB Bag ทั้งหมดทำจากหนังลูกวัวอ่อนนุ่มในแบบ Made In Italy การันตีถึงคุณภาพในการตัดเย็บ ใช้กรรมวิธีการฟอกหนังแบบการฟอกโครม (Chrome Tanned) เพื่อให้สีกระเป๋าติดทนนาน ในส่วนริมกระเป๋านั้นใช้การเพนท์ด้วยมือ ฮาร์ดแวร์โลโก้ TB นั้นทำด้วยมือและมีบานพับสามารถปิดเปิดได้สะดวก

 

ส่งตรงจากรันเวย์! แฟชั่นผ้าปิดปากเก๋ๆ ของ Andrea Crews เจ้าแห่งการคอลแลป

เปิดฉากโชว์ลำดับที่ 4 บนรันเวย์ปารีสแฟชั่นวีคสำหรับบุรุษ เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมาด้วย Andrea Crews เจ้าแห่งการคอลแลป กับไอเท็มผ้าปิดปากเก๋ๆ ที่เห็นแล้วต้องอยากได้

ปารีสแฟชั่นวีคไม่เคยหลับไหล ล่าสุดโชว์วันที่ 5 (19 มกราคม 2562) ช่วงเวลาประมาณ 13.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นในกรุงปารีส ซึ่งตรงกับช่วงประมาณหกโมงเย็นของไทย Andrea Crews แบรนด์สุดชิคก็ได้เปิดรันเวย์ขึ้น พร้อมแฟชั่นเก๋ๆ ที่เตรียมมาเสิร์ฟอย่างอัดแน่น ส่วนรันเวย์ไม่ได้หวือหวา มาในแบบเรียบๆ คุมโทนสีเข้มๆ มีความสลัวนิดๆ แต่เสื้อผ้าก็ไม่จมหายไปกับรันเวย์ เพราะสีสันแสบใช่เล่น มีความนีออน ความโดดเด่นของโทนสีอยู่ไม่น้อย

ซึ่งถ้าพูดถึง Andrea Crews หลายคนอาจจะไม่คุ้นหูเท่าไหร่ แต่จะบอกว่านางเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงในปารีส และได้ collaboration กับแบรนด์ดังๆ มาแล้วมากมาย เช่น Vans , Schott NYC , ยูนิโคล่ และใน Paris fashion week men’s 2019 ก็เป็นการฉายเดี่ยวบนรันเวย์อีกครั้ง กับคอลเล็คชั่น Menswear F/W 2019-2020 ที่ยังไม่ทิ้งความเก๋ของแบรนด์ นอกจากสีสันของเสื้อผ้าจะสะดุดตาแล้ว อีกหนึ่งไอเท็มที่เชื่อว่าถ้าคนไทยได้เห็นต้องพุ่งเป้าเช่นกัน นั่นก็คือ หน้ากาก ที่ตอนนี้กลายเป็นไอเท็มจำเป็นของบ้านเราไปแล้ว เนื่องจากปัญหามลพิษ ที่เต็มไปด้วยฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ซึ่งสามารถเข้าไปยังระบบทางเดินหายใจ ถุงลมในปอดและกระแสเลือดได้โดยตรง ก่อให้เกิดผลเสียกับร่างกาย

แม้หน้ากากบนรันเวย์ของ Andrea Crews จะเป็นแฟชั่นที่ทำออกมาสำหรับหน้าหนาว แต่จากที่เหล่านายแบบ นางแบบใส่ออกมาแล้ว แลดูหนาแน่น ปลอดภัย อาจจะช่วยป้องกันมลพิษได้ดี หากใครอยากหาหน้ากากที่นอกจากจะช่วยกันฝุ่นได้แล้ว ยังมีความเก๋และเท่ ก็เล็งๆ Andrea Crews ไว้ได้เลย

 

ส่งตรงจากรันเวย์! แฟชั่นผ้าปิดปากเก๋ๆ จาก Andrea Crews เจ้าแห่งการคอลแลป

 

Andrea Crews เจ้าแห่งการคอลแลป

Andrea Crews เจ้าแห่งการคอลแลป

Andrea Crews เจ้าแห่งการคอลแลป

Andrea Crews เจ้าแห่งการคอลแลป

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ไอเท็มที่ขาดไม่ได้! แนะนำ หน้ากาก N95 ป้องกันฝุ่น PM 2.5 ภัยร้ายต่อร่างกาย

 สีสันกระแทกตา! กระเป๋า Louis Vuitton บนรันเวย์ Paris fashion week men’s 2019 จี๊ดได้ใจ

เครื่องหัวแน่น! ซูมไอเท็มยอดฮิตใน Paris Fashion Week Men’s 2019 ที่ทุกแบรนด์ต้องมี

สแกนไอเท็มเด็ด! 12 กระเป๋าแบรนด์ดัง น่าฟาดบนรันเวย์ Milan Fashion Week Men’s 2019

ยิ่งกว่านำเทรนด์! รวม 3 แบรนด์สุดล้ำ ออกไอเดียฟาดรันเวย์ Paris Fashion Week

สับขาลุยน้ำ! ไคอา เกอร์เบอร์ โมเดลดาวรุ่ง นำทีมบนรันเวย์ YSL ใน Paris Fashion Week

คนดังเต็มรันเวย์! แฟชั่นโชว์ Miu Miu Croisiere 2019 จัดให้ผู้ชมใกล้ชิดนางแบบสุดๆ


เรื่อง : Hana_แพรวดอทคอม (ฮานะ)

ภาพ : Getty Images

ลิสต์มาให้เลือก! 10 รองเท้าโทนสี Living Coral แพนโทนประจำปี 2019 สอยไปไม่ตกเทรนด์

ได้เวลาหาเรื่องช้อปปิ้งอีกแล้ว กับ 10 รองเท้าโทนสี Living Coral ที่น่าสอย น่าโดนไปซะทุกคู่ ด้วยโทนสีสดใส สวยเด้ง จะมาในดีไซน์แบบไหนก็ดีต่อใจจริงๆ

เข้าปี 2019 มาเกินครึ่งเดือนแล้ว ดีกรีความแรงของเทรนด์ต้อนรับต้นปีก็ยังไม่ทีท่าว่าจะเบาลง เรียกได้ว่าเป็นปีที่มาพร้อมเฉดสีดึงดูดสายตาจริงๆ เพราะแฟชั่นโชว์บนรันเวย์มิลานและปารีส แต่ละแบรนด์ก็เลือกสีฉูดฉาดเข้ามาใส่ในคอลเล็คชั่นของตัวเอง ซึ่งเป็นการตอกย้ำกระแสเข้าไปอีกว่า ปีนี้โทนสีแซ่บยืนหนึ่ง! โดยมีสี Pantone ประจำปี 2019 คือ Living Coral (Pantone 16-1546) เป็นสีธรรมชาติของปะการัง มีความส้มปะการัง ส้มพีช ที่เน้นความสดใส มีชีวิตชีวา และเป็นโทนที่มีทั้งความละมุน ความแซ่บในเวลาเดียวกัน

ดังนั้นหลายๆ แบรนด์ก็ย่อมออกข้าวของต่างๆ ที่มาในโทนสีนี้ แต่ถ้าเป็นแฟชั่นบนรันเวย์หลายคนก็อาจจะมองว่าไกลตัวไปนิดดด วันนี้เราเลยมีไอเท็มที่ทุกคนต้องใช้อยู่แล้วในชีวิตประจำวันอย่าง รองเท้า มาเป็นตัวช่วยเสริมลุคให้อินเทรนด์กัน

 

ลิสต์มาให้เลือก! 10 รองเท้าโทนสี Living Coral แพนโทนประจำปี 2019

 

 

รองเท้าโทนสี Living Coral
รองเท้าส้นสูงปรี๊ดจาก Elisabetta Franchi รับรองใส่แล้วเปรี้ยวเว่อร์

 

รองเท้าโทนสี Living Coral
รองเท้าจาก Andrea Mondin ที่มีวัสดุเป็นผ้าใส่ได้สบายๆ

 

รองเท้าส้นสูงมีคริสตัลเล็กๆ เพิ่มความแซ่บจาก Pas De Rouge

 

รองเท้าจาก Santoni Rubelli มีความจีนนิดๆ สีคอรัลกับสีทองเข้ากันไปอีกกก

 

รองเท้าแตะไฮโซของ Alberta Ferretti ที่ปักลายดอกไม้แบบเก๋ๆ

 

รองเท้าจาก Bata แบรนด์ที่คนไทยคุ้นเคย ก็มีงานดีไซน์น่ารักๆ เหมือนกัน

 

รองเท้าส้นสูงจาก Andrea Mondin สวยมากกกกก ทั้งสี ทั้งดีไซน์ลงตัวสุดๆ

 

รองเท้าบู๊ทจาก Coliac Martina Grasselli มาแบบเรียบๆ แต่ดูแพง เป็นคู่ที่ใส่ได้นานเลยล่ะ

 

รองเท้าน่ารักๆ ซนๆ จาก Gianna Meliani ชอบความเลื่อมหลากสีสันตรงส้น ที่ทำให้รองเท้าดูเริ่ดขึ้นมากกกก

 

รองเท้าส้นสูงแบบเปิดส้นของ Sarah Chofakian คู่นี้ถักสานจากหนังแพะนะจ๊ะ ไม่ธรรมดาจริงๆ

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

รวมของเด็ดน่าสอย! ไอเท็มสี Coral แพนโทนประจำปี 2019

กลับมาทวงคืน! 7 เทรนด์แฟชั่นในอดีต ที่กำลังจะคัมแบ็คครั้งยิ่งใหญ่ในปี 2019

กวาดเรียบทุกรันเวย์! 5 นางแบบเอเชีย ติดโผฉายแววมาแรงในปี 2019

ล็อคเป้าหมาย! 7 Timeless Bags ที่คุณไม่มีวันเบื่อ จะกี่ปีก็ไม่มีเอ้าท์

 สีสันกระแทกตา! กระเป๋า Louis Vuitton บนรันเวย์ Paris fashion week men’s 2019 จี๊ดได้ใจ

เครื่องหัวแน่น! ซูมไอเท็มยอดฮิตใน Paris Fashion Week Men’s 2019 ที่ทุกแบรนด์ต้องมี

สแกนไอเท็มเด็ด! 12 กระเป๋าแบรนด์ดัง น่าฟาดบนรันเวย์ Milan Fashion Week Men’s 2019

ต้องจัดสักใบ! Celine Micro Belt Bag กระเป๋ายอดฮิต ดีไซน์หรู แต่มีลูกเล่น

 ขอน่ารักบ้าง! กระเป๋ารุ่นดัง Louis Vuitton ถูกเติมลายใหม่ในคอลเล็คชั่น New Love Lock

กระเป๋าสตางค์สั่น! ไอเท็มหนังสาน จากโบเตก้า เวเนต้า เตรียมต้อนรับเทศกาลตรุษจีน


เรื่อง : Hana_แพรวดอทคอม (ฮานะ)

ภาพ : www.italianshoes.com

แฟชั่นแว่นกันแดด

อัพเดทเทรนด์มาแรง! แฟชั่นแว่นกันแดด ประจำปี 2019 ที่ควรมีเก็บไว้

แฟชั่นแว่นกันแดด
แฟชั่นแว่นกันแดด

ถึงเวลาต้องอัพเดท! แฟชั่นแว่นกันแดด เทรนด์ที่จะมาแรงในปี 2019 แว่นกันแดดจากแบรนด์ไหน ดีไซน์ไหนจะครองตำแหน่งเจ้าแม่แห่งไอเท็มสุดชิคไปครอง เรามาลุ้นกัน

สำหรับปี 2019 เราขอแนะนำแว่นตาที่เหมาะสำหรับใส่ไปเที่ยวเพลิดเพลินต้อนรับปีหมูทอง เพราะเชื่อว่าแพลนการท่องเที่ยวในช่วงต้นปีนี้ยังเหลืออีกเพียบ ไม่ก็อาจจะเป็นการเริ่มต้นการเดินทางของสาวๆ หลายคน ไม่ว่าจะใส่เก๋ๆ ไปรับลมเย็นๆ ทางตอนเหนือ หรือใส่ไปเที่ยวในทริปต่างประเทศ ถ่ายรูปอัพลงโซเชียลสวยๆ ขอบอกเลยว่าต้องไม่พลาดเทรนด์แว่นกันแดดที่มาแรงในซีซั่นนี้ ซึ่งมีทั้งแว่นเลนส์สีสันสดใส แว่นตากรอบกลิตเตอร์และแว่นตาขนาดใหญ่ ดีไซน์แปลกตา ที่จะสามารถเสริมลุคของคุณให้พร้อมออกไปเที่ยว ไปเริ่ดกับเพื่อนๆ ได้แบบไม่ตกเทรนด์

 

อัพเดทเทรนด์มาแรง! แฟชั่นแว่นกันแดด ประจำปี 2019 ที่ควรมีเก็บไว้

 

แว่นตาเลนส์สี Pastel Hues

Ray-Ban รุ่น RB2168

(กรอบใสเลนส์สีเขียว / กรอบใสเลนส์สีชมพู / กรอบลายเลนส์สีชมพู) แว่นตารุ่น Meteor ได้กลับมาอีกครั้ง กับกรอบอะซิเตททรงสี่เหลี่ยมลายริ้วประกายและแบบโปร่งใส ด้วยเทรนด์ที่สดใสมีหลากหลายเฉดสีไว้ให้เลือกสรร พร้อมน้ำหนักที่เบาที่สุด เราขอนำเสนอโทนแว่นตาเลนส์สีพาสเทลของ Evolve (ราคาสำหรับกรอบใสเลนส์สี 8,600 บาท และสำหรับกรอบลาย 7,250 บาท)

แฟชั่นแว่นกันแดด

แฟชั่นแว่นกันแดด

แฟชั่นแว่นกันแดด

Prada รุ่น PR62VS

(กรอบเหล็กเลนส์สีชมพู / กรอบเหล็กเลนส์สีเขียว) การพัฒนาที่มีระดับของคอลเล็คชั่น Prada Ultravox สุดพิเศษ รูปทรงแบบแคทอายที่โค้งเล็กน้อย ได้รับการนำเสนอออกมาด้วยโครงเหล็กและสะพานแว่นแบบคู่อันโดดเด่น พร้อมด้วยขาแว่นสุดเพรียวที่มีการสลักโลโก้อย่างประณีต แสดงให้เห็นถึงการผสมผสานสไตล์สมัยใหม่ในรุ่นนี้ กรอบแว่นมาในสีเหล็ก จับคู่กับเลนส์สีชมพูและสีเขียว แมทช์ง่ายกับทุกลุค (ราคา 11,750 บาท)

แฟชั่นแว่นกันแดด

แฟชั่นแว่นกันแดด

 

แว่นตากรอบกลิตเตอร์

Burberry รุ่น BE4279

แว่นตาที่มาพร้อมกรอบอะซิเตททรงสี่เหลี่ยมสีชมพูออมเบร่ ที่มาพร้อมกับเลนส์สีน้ำตาลแบบมีขอบป้องกัน (ราคา 9,400 บาท)

แฟชั่นแว่นกันแดด

Burberry รหัสรุ่น BE4283

กรอบอะซิเตทสีชมพูออมเบร่กลิตเตอร์ไล่สีไปจนถึงสีขาวพร้อมกับเลนส์ใสในสไตล์ยุค 1950 (ราคา 10,350 บาท)

แฟชั่นแว่นกันแดด

 

แว่นตาแฟชั่น

Coach รุ่น HC8260

วัสดุอะซิเตทแต่งสีเกรดพรีเมียมคือสุดยอดของแฟชั่นสไตล์ในรูปร่างทรงตาแมวแบบกลมอันนำสมัย พร้อมด้วยความซับซ้อนอย่างงดงามและผิวขัดมัน ผลงานชิ้นนี้มาพร้อมกับลามิเนตสีลูกไม้พร้อมกับเลนส์ไล่เฉดสี (ราคา 6,400 บาท)

แฟชั่นแว่นกันแดด

Dolce & Gabbana รุ่น DG2216

แว่นตากันแดดที่มีเลนส์หลายเหลี่ยมขนาดใหญ่ คล้ายกับอัญมณีล้ำค่า ยึดด้วยหนามเตยสีทอง กรอบโลหะเรียวบาง รุ่นนี้มีความโดดเด่นขึ้นด้วยลายขาแว่นที่มีสีเข้าคู่กับสีเลนส์ (ราคา 21,850 บาท)

แฟชั่นแว่นกันแดด

Emporio Armani รุ่น EA2075

แว่นกันแดดน้ำหนักเบาทรงตาแมว ทำจากเลนส์โปร่งใสขนาดใหญ่ ซึ่งมีส่วนตรงกลางเป็นกระจกบนขอบผิวด้าน มีการตกแต่งด้วยกลิตเตอร์เล็กน้อย ให้สัมผัสของความหรูหราที่นำเสนอบน Cat Walkอ ขาแว่นทรงเรียวบางประดับโลโก้รูปนกอินทรีเคลือบอินาเมล สำหรับปี 2019 นี้ สามารถเพิ่มความหวานด้วยสีทองชมพูพร้อมด้วยเลนส์กระจกสีชมพู (ราคา 9,150 บาท)

แฟชั่นแว่นกันแดด

 

เทรนด์แฟชั่น ปี 2019

กลับมาทวงคืน! 7 เทรนด์แฟชั่นในอดีต ที่กำลังจะคัมแบ็คครั้งยิ่งใหญ่ในปี 2019

เทรนด์แฟชั่น ปี 2019
เทรนด์แฟชั่น ปี 2019

ขอบอกว่าปี 2019 นี้ เทรนด์แฟชั่นในอดีต ที่เคยเป็นกระแสแรงและเคยได้รับความนิยมมาก่อน พวกนางกำลังจะกลับมาทวงคืนตำแหน่งความฮ็อตแล้วนะจ๊ะ 

ในปี 2019 นี้ เรากำลังจะย้อนกลับไปสู่เทรนด์ที่เคยมีผู้คนให้ความสนใจและใส่กันทั้งเมืองมาแล้ว เพราะนักออกแบบชั้นนำ เช่น Fendi , Louis Vuitton และ Givenchy กำลังสร้างเทรนด์แฟชั่นของปีที่แล้ว เช่น กางเกงขาสั้น Bike Shorts และกางเกงคาร์โก้ให้ได้รับความนิยมอีกครั้ง

ซึ่งเทรนด์ที่เกิดขึ้นไม่ได้มาจากบนรันเวย์เพียงอย่างเดียว เพราะเหล่าแฟชั่นนิสต้าและคนดังในแวดวงแฟชั่นก็มีอิทธิพลต่อผู้คนไม่น้อย โดยบุคคลเหล่านี้ก็มีแนวโน้มที่จะเกาะติดเทรนด์ที่เคยผ่านการบูมเป็นพลุแตกมาแล้วเช่นกัน แต่จะนำไอเท็มต่างๆ มามิกซ์แอนด์แมทช์ให้ดูแตกต่างจากเดิม ดังนั้นเรามาเช็คกันดีกว่าว่าแนวโน้มของแฟชั่นที่จะคัมแบ็คในปี 2019 มีเทรนด์อะไรบ้าง

 

กลับมาทวงคืน! 7 เทรนด์แฟชั่นในอดีต ที่กำลังจะคัมแบ็คครั้งยิ่งใหญ่ในปี 2019

 

Tie-Dye

คาดว่าเราจะได้เห็นเสื้อผ้าลายมัดย้อมมากขึ้นในปี 2019 หากใครกลัวว่าแฟชั่นผ้ามัดย้อมจะดูไม่โมเดิร์น ก็ลองเลือกลวดลาย โทนสี และดีไซน์ที่ใส่ได้ตลอด เช่น เสื้อเชิ้ตติดกระดุม, เดรสสายเดี่ยวที่สามารถแมทช์เข้ากับเสื้อให้ได้ลุควินเทอร์แบบชิคๆ หรือจะเป็นกระโปรงสั้นเก๋ๆ ที่มีลายมัดย้อมก็เวิร์ค

เทรนด์แฟชั่นในอดีต

เทรนด์แฟชั่นในอดีต

 

Flatform Sandals

Flatforms กลับมาแล้ว! รองเท้าแตะที่มีการรองพื้นส้นในระดับเท่ากัน หรือที่เราเรียกกันว่ารองเท้าส้นตึก เป็นรองเท้าที่เข้าได้กับเสื้อผ้าแทบจะทุกสไตล์ ไม่ว่าจะเป็นใส่คู่กับเดรส หรือแต่งตัวแนววินเทจหน่อยๆ ก็เลือก Flatform Sandals เข้ามาเพิ่มความสนุกได้

เทรนด์แฟชั่นในอดีต

เทรนด์แฟชั่นในอดีต

 

Cargo Pants

Cargo Pants กางเกงที่มีลักษณะเหมือนกับกางเกงทหาร หรือกางเกงช่างซ่อมที่จะมีกระเป๋าใหญ่ๆ อยู่ทั้งสองข้างของกางเกงก็เคยได้รับความนิยมมาก่อน และตอนนี้กางเกงคาร์โก้กำลังจะกลับมาโดดเด่นอีกครั้ง คุณสามารถแมทช์กางเกงคาร์โก้เข้ากับเสื้อแขนยาวสักตัว ตามด้วยรองเท้าส้นเตี้ยปลายแหลม เพื่อให้ได้ลุคสุดคูล

เทรนด์แฟชั่นในอดีต

เทรนด์แฟชั่นในอดีต

 

Bold Shoulders

ใครที่เคยคิดว่าจะมีไม่แผ่นรองไหล่อีกแล้ว บอกเลยว่าในปี 2019 เทรนด์นี้มาแน่นอน โดยการสร้างความสมดุลให้ไหล่เข้ากันได้ดีกับกางเกงที่พอดีตัว หรือจะแอบหลวมนิดหน่อยก็ยังได้อยู่ ซึ่งเทรนด์ Bold Shoulders เหมือนพาเรากลับไปยุค 80 ที่เสื้อผ้าเสริมแผ่นรองไหล่ให้ไหล่กว้างขึ้นเป็นกระแสและฮิตมากๆ

เทรนด์แฟชั่นในอดีต

เทรนด์แฟชั่นในอดีต

 

Pops of Neon

ในปี 2019 ดูท่าความนิยมของนีออน สีสันสุดจัดจ้านจะเพิ่มมากขึ้น เช่น การช่วยอัพเกรด Winter neutrals ของคุณด้วยสีเขียวนีออนอันโดดเด่น และถ้าหากคุณรู้สึกสนุกกับสีสันเหล่านี้ สามารถผสมและจับคู่เฉดสีนีออนที่แตกต่างกันได้ เช่น เลือกแมทช์เสื้อกับรองเท้าสีนีออนคนละโทน ก็แซ่บไม่เบา

เทรนด์แฟชั่นในอดีต

เทรนด์แฟชั่นในอดีต

 

Bike Shorts

ใครจะชอบหรือไม่ แต่เทรนด์กางเกงปั่นจักรยานหรือ Bike Shorts คัมแบ็คชัวร์! เพราะสามารถช่วยให้รูปร่างดูเพรียวบางได้ คุณจะใส่คู่กับเสื้อคอเต่าและเบลเซอร์ก็เข้ากันได้ดี หรือใครจะสายสปอร์ตหน่อยก็เลือกแว่นและเสื้อสไตล์เท่ๆ มาใส่กับ Bike Shorts ก็เก๋ไปอีกแบบ

เทรนด์แฟชั่นในอดีต

เทรนด์แฟชั่นในอดีต

 

Grandma’s Crochet

แฟชั่นโครเชต์จะเป็นอีกหนึ่งความร้อนแรงในปี 2019 โดยสามารถใส่ได้หลายแบบ เช่น เสื้อถักโครเชต์หลากสีที่จะทำให้คุณอบอุ่น แถมยังดูดีได้ เพียงแค่ใส่กับเสื้อยืดและกางเกงขายาวแบบง่ายๆ หรือจะลองปรับด้วยการสวมเสื้อสเวตเตอร์ถักโครเชต์กับกระโปรงเพื่อให้ดูมีสไตล์ไม่ซ้ำใคร ไม่ก็เดรสถักโครเชต์สีขาวทั้งตัว ที่ถือว่าเป็นทางเลือกสุดเริ่ดเลยทีเดียว

เทรนด์แฟชั่นในอดีต

เทรนด์แฟชั่นในอดีต

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ : 

รวมของเด็ดน่าสอย! ไอเท็มสี Coral แพนโทนประจำปี 2019

กวาดเรียบทุกรันเวย์! 5 นางแบบเอเชีย ติดโผฉายแววมาแรงในปี 2019

ล็อคเป้าหมาย! 7 Timeless Bags ที่คุณไม่มีวันเบื่อ จะกี่ปีก็ไม่มีเอ้าท์

จัดสักใบ! กระเป๋า Gucci ดีไซน์ใหม่ จากสองรุ่นสุดฮ็อต พร้อมเรียกเงินในกระเป๋าแล้ว

คัลเลอร์โทนขายดี! 12 สียอดนิยมของ กระเป๋า Hermès Birkin ที่ใครเห็นเป็นต้องเลือก

ลาก่อนหนังสัตว์หายาก! Chanel ประกาศเลิกใช้หนัง exotic และขนสัตว์มาผลิตสินค้า

 แฟชั่นไม่ใช่แค่ความเก๋! เมื่อไอเท็มจาก Balenciaga ช่วยลดปัญหาความอดอยากได้


ภาพและที่มา : www.popsugar.com

ให้ตั้งการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

Alternative Textaccount_circle
ให้ตั้งการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
ให้ตั้งการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

วันนี้ (1 มกราคม พ.ศ. 2562)  สำนักพระราชวังเผยแพร่ประกาศสำนักพระราชวัง เรื่อง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก โดยมีรายละเอียดดังนี้

เลขาธิการพระราชวัง รับพระราชโองการเหนือเกล้าเหนือกระหม่อม ให้ประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า โดยที่ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ได้เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์แห่งประเทศไทย ตามคำกราบทูลเชิญของประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ปฏิบัติหน้าที่ประธานรัฐสภา กราบบังคมทูลในนามของปวงชนชาวไทยนั้น

ทรงพระราชดำริว่า เป็นโอกาสอันควรที่จะได้ประกอบการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ตามพระราชประเพณี เพื่อความเป็นสวัสดิมงคลของประเทศชาติ และราชอาณาจักร ให้เป็นที่ชื่นชมยินดีของประชาชนผู้มีความหวังตั้งใจอยู่ทั่วกัน จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ตั้งการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกขึ้น ดังนี้

วันที่ ๔ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒ พระราชพิธีบรมราชาภิเษก และเสด็จออกมหาสมาคม พระบรมวงศานุวงค์ คณะองคมนตรี คณะรัฐมนตรี ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายพระพรชัยมงคล จากนั้น พระราชพิธีเฉลิมพระราชมณเฑียร

วันที่ ๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒ พระราชพิธีเฉลิมพระปรมาภิไธย พระนามาภิไธย และสถาปนาฐานันดรศักดิ์พระบรมวงศานุวงค์ จากนั้น เสด็จเลียบพระนคร โดยขบวนพยุหยาตราทางสถลมาคร

วันที่ ๖ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒ เสด็จออก ณ.สีหบัญชร พระที่นั่งสุทไธยสวรรย์ปราสาท พสกนิกรเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายพระพรชัยมงคล จากนั้น เสด็จออก ณ.พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท คณะทูตานุทูต และกงสุลต่างประเทศ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายพระพรชัยมงคล

ส่วนการเสด็จเลียบพระนคร โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมาคร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้มีขึ้น ในช่วงการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน ปลายปีพุทธศักราช ๒๕๖๒

จึงประกาศมาให้ทราบโดยทั่วกัน
สำนักพระราชวัง
๑ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๒

ให้ตั้งการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก


 

ติดตามบทความอื่นๆ ได้ที่

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระราชดำรัสอำนวยพรปีใหม่ พุทธศักราช 2562

ปิติสุข! สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทาน ส.ค.ส. ปีใหม่ พุทธศักราช 2562 แก่พสกนิกรชาวไทย

“พระองค์ติ๊ด” ประทาน ส.ค.ส. ปีใหม่ พุทธศักราช 2562

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช

“พระองค์หริภา” ประทาน ส.ค.ส. ปีใหม่ พุทธศักราช 2562 แก่พสกนิกรชาวไทย

“พระองค์ภา” ประทาน ส.ค.ส. ปีใหม่ พุทธศักราช 2562 แก่พสกนิกรชาวไทย

พสกนิกรปลาบปลื้มใจ! “พระองค์ที” ฉลองพระองค์ราชปะแตน เสด็จไปทรงร่วมงานอุ่นไอรักฯ

“ฟ้าหญิงจุฬาภรณ์” พระราชทาน ส.ค.ส. ปีใหม่ พุทธศักราช 2562

ภาพฝีพระหัตถ์ “ปีกุนหมูอยู่ยั่งยืน” ส.ค.ส. ปีใหม่พระราชทานในสมเด็จพระเทพฯ

เทรนด์ผมสั้น 2019

เปลี่ยนลุคให้ดูชิคๆ ตาม “เทรนด์ผมสั้น 2019” สไตล์สาวเอเชียกันค่ะ

Alternative Textaccount_circle
เทรนด์ผมสั้น 2019
เทรนด์ผมสั้น 2019

ปีนี้ แพรวดอทคอม จะชวนสาวๆ มาตัดผมตาม เทรนด์ผมสั้น 2019 เปลี่ยนลุคจนแบ๊วลืมอายุแบบย้อนวัยไปมัธยมต้นกันดีกว่าค่ะซิส คือล่าสุดแอดติดซี่รี่ส์เกาหลีเรื่องใหม่ล่าสุด ที่ซุปตาร์สาว “ซงฮเยคโย” เป็นนางเอก แล้วก็ในเรื่องลุคใหม่ของซงฮเยคโยนั้นก็เปลี่ยนลุคจนน่ารักดูสวยแบ๊วมากๆ เลยล่ะค่ะ กับทรงผมบ็อบสั้นเลยติ่งหูมาเล็กน้อย พร้อมหน้าม้าเก๋ๆ ชิคๆ สไตล์สายเกา เรียกได้ว่าการติดซีรี่ส์ของแอดก็สามารถอัพเดทเทรนด์ได้นะจ๊ะว่าตอนนี้ทรงไหนกำลังมา อิอิ

แอดการันตีเลยว่าทรงผมบ็อบสั้น ไม่ว่ากี่ปีต่อกี่ปีก็ไม่เคยเอ้าท์เลย แถมเหล่าคนดังยังฮ็อตฮิตตัดตามกันมากขึ้นกว่าแต่ก่อนที่มักไว้ผมยาวม้วนลอน หลังๆ หลายปีที่ผ่านมา ผมสั้นมาแรงแหกทุกโค้งชนิดที่ชิคจนทนไม่ไหวต้องตัดตามกันจนติดเทรนด์เลยก็ว่าได้ เห็นแบบนี้ใครอยากตัดสั้นบ้าง แอดมีไอเดียมาฝาก ไม่ว่าจะเป็น ผมบ็อบสั้นหน้าม้า ซึ่งหน้าม้ากับทรงผมจะสั้นเท่าคาง แล้วสไลซ์ผมตามกรอบหน้าเล็กน้อย เหมาะสำหรับสาวหน้ากลมที่ไม่ค่อยมั่นใจ ทรงนี้จะช่วยปิดกรอบหน้ากรุบกริบ แล้วยิ่งถ้ามีหน้าผากที่กว้าง การไว้หน้าม้าถือเป็นตัวเลือกที่ดีนะจ๊ะ ส่วนใครที่เป็นสายมั่น จะผมบ็อบตรงสั้นแสกกลาง หรือตัดสั้นระดับติ่งหูเลยก็ได้ ยิ่งทำให้หน้าดูเด็กลงด้วย แถมมีความมินิมัลนิดๆ เก๋ๆ แต่ถ้ามั่นแบบไม่แคร์เวิล์ดก็ลองไถอันเดอร์คัทด้านในก็ได้ แอดว่าโคตรเท่เลยล่ะคะ

ส่วนเคล็ดลับง่ายๆ สำหรับสาวผมสั้นที่ไม่อยากเซตทรง ให้สระผมช่วงเช้าแทน เพราะตอนกลางคืนเวลาเรานอนทับจะทำให้ผมงอนเป็นเป็ด ไม่เป็นทรง และเวลาที่จะเซ็ตทรงให้ใช้หวีเสนียดช่วยจัดทรง เพราะซี่ของหวีเล็กและถี่มาก ทำให้ได้ผมหน้าม้าที่เรียบเรียงเส้นสวยงามนะจ๊ะสาวๆ

เปลี่ยนลุคให้ดูชิคๆ ตาม “เทรนด์ผมสั้น 2019” สไตล์สาวเอเชียกันค่ะ

บอกเลยว่าแอดไม่พูดเปล่านะจ๊ะ ไปตัดตามมาล่ะจ้า รู้สึกสวยมั่นขึ้นไปอีก xoxo


เรื่อง : PP_แพรวดอทคอม
ภาพ : #encounter

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

รวมลุคทรงผม “เห่อแฮน เนีย” Miss Universe Vietnam 2018 ผมยาวก็สวย..ผมสั้นก็แซ่บ!

ตัดจริง! แพรี่พาย หั่นผมสั้นดัดลอนสุดเก๋ เปลี่ยนลุคใหม่ไฉไลเหมือนเดิม พร้อมฮาวทู

ร้อนจนอยากหั่นผมสั้นลุคบอยๆ แต่กลัวไม่รอด ลองส่องลุค Cara Delevingne ดูสิ

ส่องลุค ผมสั้น “ใหม่ – แต้ว” สวยเปรี้ยวเฉี่ยวคูณสอง!!

แบ๊วกระชากวัย “เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ” หั่นผมสั้น ปรับลุคใหม่ ลบภาพใจเริง

อัพเดตผมสั้นสไตล์ PONY Makeup บิวตี้บล็อกเกอร์เกาหลีสุดฮ็อต พร้อมเมคอัพทริคเพิ่มมิติให้ใบหน้า

หล่อไม่เบา!! จากสาวเซ็กซี่ “ไอซ์-อภิษฎา” เปลี่ยนสไตล์สวมวิกผมสั้นสีทองอวดลุคบอยๆ ได้แซ่บเว่อร์

ผมสั้นบ๊อบดัดลอนยุค 50 เก๋ไก๋แบบเซเลบสาว ‘ทัตพิชา ศริดารา’ อยากสวยสไตล์วินเทจต้องจัดด่วน!!

คิดจะตัดผมสั้น ต้องมั่นให้สุดแบบ ‘เตย – ณัชชา’ ดีไซเนอร์สาวมาดเท่ ลุคบอยๆ ที่หนุ่มต้องเหลียวมอง

คลิปสอนเทคนิคม้วนผมของสาวผมสั้น 3 สไตล์ดูแล้วไม่น่าเบื่อ แต่น่ารัก ทำเองได้ไม่ง้อซาลอน

อย่า..งง! คนเดียวกันค่ะ 12 ซุปตาร์ฮอลลีวูดหั่นผมสั้นปรับลุคใหม่ เฉี่ยวขึ้นเยอะ

Review เปลี่ยนผมแห้งเสีย เป็นผมแซ่บสวยเก๋ๆ ตามเทรนด์กันดีกว่า

ถึงขั้นหนุ่มๆ ต้องอาย!…4 สาวเจ้าของทรงผมสั้นเปิดหู เปลี่ยนลุค สวย-หล่อสั่งได้หมด!

 

 

 

กวาดเรียบทุกรันเวย์! 5 นางแบบเอเชีย ติดโผฉายแววมาแรงในปี 2019

ติดอันดับตัวท็อป 5 นางแบบเอเชีย เจ้าแม่รันเวย์ประจำปี 2018 โชว์สกิลเดินแบบให้กับแบรนด์ดัง เรียกได้ว่ามาแรงไม่แพ้นางแบบสายฝ.เลยทีเดียว

จากการจัดอันดับ Runway Rankings เหล่านางแบบที่ขึ้นรันเวย์แบรนด์ดังมากที่สุดในช่วงปี 2018 ของเว็บไซต์ models.com ที่คัดมาเฉพาะ Top Show ปรากฏว่ามีนางแบบชาวเอเชียติดโผเป็นอันดับแรกๆ อยู่หลายคนเลยทีเดียว ตั้งแต่คนที่ฟาดไปถึง 27 โชว์ มาเป็นอันดับที่ 4 ซึ่งห่างจากอันดับแรกเพียง 2 โชว์เท่านั้น (อันดับแรก 29 โชว์) ส่วนนางแบบที่คว้ารางวัล Model of the Year ในงาน British Fashion Awards ประจำปี 2018 ไปครองอย่าง ไคอา เกอร์เบอร์ ก็ได้ร่วมเดินแบบให้แบรนด์ต่างๆ ไปถึง 21 โชว์ด้วยกัน

จาก Runway Rankings ที่จัดโดยเว็บไซต์ models.com เห็นได้ชัดว่านางแบบชาวเอเชียทำคะแนนขึ้นมาอยู่ในระดับท็อปกันไม่น้อย  วันนี้เราจึงพามาส่องนางแบบชาวเอเชียที่มีผลงานโดดเด่นในปี 2018 จนได้เดินแบบให้กับแบรนด์ดังระดับโลกชนิดที่สับขาแทบไม่ทัน และคาดว่าความแรงระดับนี้จะส่งให้ในปี 2019 พวกเธอจะฮ็อตยิ่งกว่าเดิม ถูกแบรนด์ดังรุมจีบไม่หวาดไม่ไหวเลยทีเดียว

 

กวาดเรียบทุกรันเวย์! 5 นางแบบเอเชีย ติดโผฉายแววมาแรงในปี 2019

 

แรงอย่างต่อเนื่อง Sora Choi นางแบบชาวเกาหลีใต้ ที่ติดเกือบทุกโผ เพราะในปี 2018 เดินแบบไปถึง 27 โชว์ เช่น Alexander Wang , Louis Vuitton , Valentino , H&M x Moschino Spring 2019 , Stella Mccartney , Chloé รวมถึงแบรนด์ดังอื่นๆ อีกนับไม่ถ้วน

นางแบบเอเชีย
Alexander Wang COLLECTION 2. Show

 

นางแบบเอเชีย
Louis Vuitton Spring/Summer 2019

 

นางแบบเอเชีย
Valentino Pre-Fall 2019 Show Tokyo

 

นางแบบเอเชีย
H&M x Moschino Spring 2019

 

มากันที่นางแบบชาวเกาหลีใต้อีกคน Hyun Ji Shin ที่รับงานเดินแบบตาม Sora Choi มาติดๆ กับ  26 โชว์ เช่น Chanel , Versace , Coach , Stella Mccartney , Louis Vuitton , Givenchy , YSL และอีกมากมาย

นางแบบเอเชีย
Versace Pre-Fall 2019

 

Givenchy

 

นางแบบเอเชีย
Chanel Spring/Summer 2019

 

นางแบบเอเชีย
Chanel Pre-Fall 2019 Métiers d’Art Show in New York

 

ฟากนางแบบสาวหมวย He Cong จากประเทศจีน ก็ฟาดไปเบาๆ 20 โชว์ ได้แก่ Valentino , Coach , Stella Mccartney , Chanel , Dior , Burberry และอีกหลายๆ แบรนด์ดัง

นางแบบเอเชีย
Coach Pre- Fall 2019

 

Stella Mccartney

 

Chanel Spring/Summer 2019

 

Burberry

 

นางแบบสุดฮ็อตชาวเกาหลีใต้ Yoon Young Bae ก็ยังคงความแรงอยู่ที่ 18 โชว์ เช่น Valentino , Chanel , Versace , Elie Saab , Dior , Jacquemus , Roberto Cavalli และแบรนด์ระดับท็อปอีกนับสิบแบรนด์

นางแบบเอเชีย
Valentino

 

นางแบบเอเชีย
Versace

 

Chanel Spring/Summer 2019

 

Elie Saab

 

ปิดท้ายที่นางแบบชาวจีน Chunjie Liu เขย่ารันเวย์ไปถึง 14 โชว์ เช่น Alexander McQueen , Versace , Giambattista Valli , Elie Saab , Stella McCartney , Loewe , Balmain รวมถึงอีกหลายๆ แบรนด์ที่มีชื่อเสียง

Alexander McQueen Spring/Summer 2019

 

Balmain

 

Elie Saab

 

Giambattista Valli

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

เรียบง่ายและดูชิล! Street Style ของสองแม่ลูกคนดังแห่งวงการนางแบบ

คนดังเต็มรันเวย์! แฟชั่นโชว์ Miu Miu Croisiere 2019 จัดให้ผู้ชมใกล้ชิดนางแบบสุดๆ

ขาเรียวยาวต้องโชว์! 9 ลุค มินิเดรส สไตล์นางแบบดัง เคนดัลล์ เจนเนอร์

 3 นางแบบสาวเอเชีย สวยเผ็ดสู้สายฝ. ติดโผ 50 โมเดลตัวท็อป ลุคเฉี่ยว เปรี้ยวซ่าทุกนาง

ว่าที่ซูเปอร์โมเดล! ส่องนางแบบวัยทีน ออร่าแรง สวยจนละลาย

 ส่องสไตล์สุดชิค “ไคอา เกอร์เบอร์” นางแบบวัยทีน ลูกสาวซูเปอร์โมเดล “ซินดี้ ครอว์ฟอร์ด”


ที่มา : models.com

ภาพ : models.com , IG@iamhyunjishin , heconghc , mulan_bae , chunjie_liu , sola5532

ลึกลับ ณ โตเกียว! ชี้เป้าร้าน INUA (อินนัว) หนึ่งเดียวในญี่ปุ่น ล้ำทุกรสชาติจนต้องไปลอง

ลึกลับ ณ โตเกียว! ชี้เป้าร้าน INUA (อินนัว) หนึ่งเดียวในญี่ปุ่น ล้ำทุกรสชาติจนต้องไปลอง…ลืมภาพเดิมๆ เวลาไปเที่ยวญี่ปุ่น แล้วคุณต้องนึกถึงแต่ร้านซูชิ ชาบู ปิ้งย่าง ที่เหล่า Youtuber เขาการันตีไปก่อนได้เลย เพราะวันนี้แพรวดอทคอมจะพามาร้านอาหารที่ลึกลับที่สุดแห่งหนึ่งในโตเกียว และเป็นร้านเดียวในญี่ปุ่น เรียกได้ว่าแต่ละเมนูที่ออกมาว้าว…ตั้งแต่ยังไม่ได้ชิม

ไม่ใช่ใครจะได้ชิมกันง่ายๆ สำหรับร้านอาหารที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในกลุ่มคนที่รักการกินระดับโลก เพราะร้านอาหารที่ชื่อว่า INUA (อินนัว) แห่งนี้ เพิ่งจะตกลงตัดสินใจมาเปิดที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นได้ไม่นาน หลังจากที่ประสบความสำเร็จอย่างมากจากการทำร้านอาหาร NOMA ซึ่งอยู่ที่กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ให้กลายเป็นร้านอาหารอันดับหนึ่งของโลกมาหลายสมัยแล้ว

เชฟ Thomas Frebel

จุดเริ่มต้นที่ทำให้ร้านอาหารสัญชาติเดนมาร์กแห่งนี้เข้ามาเปิดที่ญี่ปุ่นก็เพราะว่าก่อนหน้านี้ เคยมาฝากฝีมือที่โแรงแรมแมนดารินโอเรียลเต็ลของญี่ปุ่น จนติดใจกันมาแล้ว และด้วยรสชาติที่การันตีความเป็น Best of the world จากนักชิมทั่วโลก ทำให้ทางบริษัทคาโดคาวะ จากญี่ปุ่นถึงขั้นขอซื้อลิขสิทธิ์จากทางร้าน NOMA มาเปิดร้านอาหารแห่งใหม่ โดยใช้ชื่อว่า INUA (อินนัว) ที่กรุงโตเกียว โดยดึงตัวเชฟ Thomas Frebel หนึ่งในเชฟฝีมือดีจากร้านต้นตำรับมารับหน้าที่สร้างสรรค์เมนูทั้งหมด

ร้านอาหาร INUA (อินนัว) อาจจะไม่ใช่ร้านอาหารในสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ เพราะแต่ละเมนูเป็นการผสมผสานเอกลักษณ์ของอาหารแบบสแกนดิเนเวียน ซึ่งเป็นต้นตำรับที่ทางร้านคงเอกลักษณ์จากร้าน NOMA ที่เดนมาร์ก มาเข้ากับวัตถุดิบของญี่ปุ่นได้อย่างกลมกล่อมลงตัว โดยวัตถุดิบแต่ละชนิดที่นำมาใช้ ทางเชฟโทมัสจะนำไปทดลองปรุงในห้องครัวทดลองก่อน เพื่อให้แน่ใจได้ว่าวัตถุดิบแต่ละชนิดของญี่ปุ่นนั้นเหมาะกับการนำมาปรุงรสชาติในรูปแบบใดบ้าง ซึ่งถ้าใครได้มาที่ร้านนี้ต้องบอกก่อนว่าอาหารแต่ละจาน เชฟจะเสิร์ฟในสไตล์ Chef’s Choice  ไล่ระดับรสชาติกันตั้งแต่เมนูเรียกน้ำย่อยไปจนจบที่ของหวาน

เริ่มกันที่เมนูแรกเป็นเมล็ดทานตะวันในน้ำซุปเพื่อเปิดต่อมรับรสเรียกความสดชื่นก่อน ตามมาด้วยเกาลัดทานคู่กับซอส กินคู่กับทรัฟเฟิลคัสตาร์ด และเมนูที่ทำจากหน่อไม้ญี่ปุ่นรสชาติกลมกล่อม

Pumpkin seeds,ginkgo nuts and squid broth

Marinated chestnut with truffle custard

Grilled bamboo and haskap

มาต่อที่เมนูเห็ดที่รสชาติถูกปากมากๆ โดยวัตถุดิบหลักที่เชฟนำมาทำก็คือ เห็ดไมตาเกะ ซึ่งนำไปรมควันและเคี่ยวจนเปื่อย

Smoked and braised maitake mushroom

จานที่ 5และุ 6  เป็นอีกหนึ่งรสชาติเบาๆ แต่ลงตัว ด้วยวัตถุดิบที่ทางเชฟนำมาผสมผสานกันอย่างดี ทั้งผักใบเขียวที่นำไปนึ่งและปรุงอย่างพิถิพิถัน ห่อด้วยฟองเต้าหู้ เป็นการเพิ่มรายละเอียดให้กับจานนี้ละมุนลิ้นตั้งแต่คำแรกจนคำสุดท้าย ก่อนจะเริ่มจานต่อไปเป็นสลัดผักที่แสนจะเรียบง่าย แต่รสชาติล้ำลึกมาก

Steamed greens wrapped in yuba

Grilled snap beans and semi dried fruits

ในจานที่ 7,8และ9 เนื้อสัตว์ชนิดแรกที่เชฟเลือกเสิร์ฟให้ก็คือกุ้งหวาน โดยนำมาทำเป็นเมนูกินคู่กับสาหร่ายญี่ปุ่นดอง ถือเป็นการเริ่มต้นจานหลักได้ดี จากนั้นต่อด้วยเมนูที่ผสมผสานวัตถุดิบชั้นเลิศจากท้องทะเลอย่าง King Crab ที่โรยหน้าด้วยเห็ดทรัฟเฟิลสไลด์บาง ตามด้วยเมนูก้านเห็ดเข็มทองราดซอสไข่แดง ซึ่งห่อด้วยใบแนซเทอร์ชัม ได้รสชาติของผักสดที่เข้ากับเห็ดและซอสเต็มๆ คำ ก่อนจบจานหลักด้วยเมนูข้าวผัดเนื้อปูและดอกไม้ โดยเมนูนี้ยังเพิ่มลูกเล่นในการกินด้วยซุปแบบกรอบรสเป็ด ซึ่งผ่านกรรมวิธีจากการนำน้ำซุปเป็ดไปเคี่ยวจนเข้มข้น จากนั้นนำไปอบจนแข็งตัวเป็นแผ่น ปิดท้ายด้วยการตัดความเลี่ยนด้วยซากูระดองให้กินเพื่อปรับรสชาติในเมนูต่อไป

Pickled seaweed and Ama Ebi

King crab and white truffle

Enoki, egg yolk sauce and nasturtium leaf

Rice,King Crab and flowers

จบจากจานหลักมาต่อกันที่ของหวานเมนูแรก เป็นการนำเอาขนมญี่ปุ่นอย่างโมจิมาคลุกเคล้ากับข้าวบาเลย์เคลือบคาราเมล ได้ทั้งความหอม ความนุ่ม และกรุบกรอบ เป็นเมนูที่กินเข้าไปแล้วมีหลากหลายของTexture และลงตัวมาก ตบท้ายด้วยลูกแพร์คลุกกับเกลือญี่ปุ่น เรียกความสดชื่นก่อนจบมื้ออาหาร

Mochi and caramelized barley

Fresh seasonal pear

นอกจากความพิถิพิถันของอาหารทุกจานที่เชฟคิดขึ้นมาแล้ว เรื่องบรรยากาศของร้านก็ถูกดีไซน์ขึ้นมาพิเศษ ในทุกรายละเอียดไม่ว่าจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ ถูกส่งตรงมาจากเดนมาร์กทั้งหมด เพื่อคงเอกลักษณ์ของร้านดั้งเดิม

ส่วนถ้วยชามต่างๆ ที่ใช้ในร้านก็มีการออกแบบพิเศษโดยศิลปินญี่ปุ่น เรียกได้ว่าเป็นร้านอาหารที่เต็มไปด้วยรสชาติของศาสตร์และศิลป์ในการทำอาหารที่มีความชัดเจนและไม่เหมือนใคร

ใครที่เดินทางไปกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น หากอยากลองกินอาหารที่อร่อยได้สุขภาพที่ดี และเข้าถึงรสชาติของวัตถุดิบญี่ปุ่นแท้ๆ ก็ควรจะหาโอกาสไปลองที่ร้าน INUA (อินนัว) กันสักครั้ง แต่ต้องขอบอกก่อนว่าถ้าจะวอล์คอินเข้าไปเลยอาจจะยาก เพราะด้วยความที่เมนูอาหารของร้านถูกปากทั้งคนญี่ปุ่นและชาวต่างชาติมาก ทำให้ต้องจองคิวกันเป็นเดือนๆ เอาเป็นว่านอกจากวางแผนการเที่ยวญี่ปุ่นแล้ว อย่าลืมวางแผนเรื่องการจองคิวล่วงหน้าที่นี่ https://inua.jp/en/reservations/?fbclid=IwAR2p-USLwOnfXOtJjZwmhxCjYCcCKl60rQs5yP-YRq_phL0B7A6lrt-VJM8 กันด้วยนะ

 

เรื่อง/ภาพ : แพรว

 

 

 

 

 

 

ดวงความรักของ 12 ราศี ในปี 2019

เจาะลึกถึงขั้วหัวใจ “รักรุ่ง VS รักร่วง” ดวงความรักของ 12 ราศี ในปี 2019

Alternative Textaccount_circle
ดวงความรักของ 12 ราศี ในปี 2019
ดวงความรักของ 12 ราศี ในปี 2019

เจาะลึกถึงขั้วหัวใจ “รักรุ่ง VS รักร่วง” ดวงความรักของ 12 ราศี ในปี 2019… เพราะความรักไม่เข้าใครออกใคร จะสุขหรือทุกข์ล้วนมีความรักเป็นหนึ่งในตัวแปร แพรวดอทคอม จึงขอจัดเต็มกับเรื่องราวความรักของสาวๆ ว่าจะเป็นอย่างไรกันบ้าง โดยได้แม่หมอสุดฮ็อตอย่าง หมอต้อม-วัชราภรณ์ เจริญธรรมวัชณ์ ที่ร่ำลือกันถึงความแม่นยำ ทั้งยังเป็นที่ปรึกษาเรื่องความรักของใครหลายคน เพราะทั้งตรงไปตรงมาและเต็มไปด้วยการให้กำลังใจ จะรักรุ่งโรจน์หรือรุ่งริ่ง เธอก็มีทางออกให้เสมอ ที่สำคัญเธอบอกว่า ถ้าอยากเปลี่ยนแปลงอนาคต ไม่ต้องเปลี่ยนดวง แต่จงเปลี่ยนพฤติกรรม

 

ราศีมังกร
(16 มกราคม – 15 กุมภาพันธ์)

คนมีคู่ : ภาพรวมความรักของคนราศีมังกรจะมีเรื่อง Commitment การให้คำสัญญาหรือปักธง เพื่อบอกถึงความชัดเจนในความสัมพันธ์มากขึ้น คู่ไหนที่ความสัมพันธ์ไม่ชัดเจนก็จะชัดขึ้น อาจมีการร่วมธุรกิจหรือวางแผนครอบครัว ไปจนถึงตัดสินใจแต่งงานกัน หรือใครที่อยากมีลูกก็จะสมหวังเสียที ใครที่ไม่ถึงขั้นแต่งงานก็อาจได้ซื้อคอนโดอยู่ด้วยกัน ทำให้หายกังวลใจในเรื่องชีวิตคู่ แต่พอเข้าช่วงกลางปี คนราศีนี้จะนึกอยากเปลี่ยนแปลงชีวิต ทำอะไรที่ใหญ่ขึ้น อาจมีการใช้เงินก้อนใหญ่ กลายเป็นภาระตามมา ทำให้มีความคิดเห็นไม่ลงรอยกับคนรักได้ แต่ไม่ต้องห่วง ทุกอย่างจะคลี่คลายและสงบลงในช่วงปลายปี

คนโสด : ปี 2019 คุณจะเหมือนเจอจิ๊กซอว์ชิ้นที่หายไปมาเติมเต็ม มีแนวโน้มจะพบรักและลงเอยกันแบบปุบปับ ปิดดีลเร็วมากจนเพื่อนตกใจ แต่ต้องเลือกให้ดีเพราะครั้งนี้จะไม่ได้เข้ามาแค่คนเดียว หลังจากแห้งเหี่ยวมาหลายปี ปีนี้บอกเลยว่าน้ำจะท่วม เตรียมวิดน้ำและรอเลือกได้ แฟนควรเป็นคนที่ใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศหรือทำงานอยู่กับบริษัทต่างชาติจึงจะอยู่กันได้ เพราะคนราศนี้ชอบความอินเตอร์แบบโกเมืองคานส์ บวกกับทำอะไรเป็นรูทีน จึงต้องการคนรักที่จะเข้ามาเปลี่ยนชีวิต เติมไลฟ์สไตล์และสังคมใหม่ๆ

 

ราศีกุมภ์
(16 กุมภาพันธ์ – 15 มีนาคม)

คนมีคู่ : ปีที่ผ่านมาคนราศีกุมภ์อาจประสบปัญหาในเรื่องคู่ เพราะต่างฝ่ายต่างมีปัญหาและภาระในครอบครัวของตัวเอง ทำให้ความโรแมนติกลดลง ซึ่งจะดำเนินต่อเนื่องมาถงึ ปี 2019 อาจมีพ่อแม่ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งป่วยจนละเลยการดูแลกันและกัน บวกกับปีนี้คนราศีกุมภ์มีแนวโน้มจะสร้างเนื้อสร้างตัว อาจมีการซื้อบ้านหรืออสังหาริมทรัพย์หรือร่วมลงทุนทางธุรกิจ ทำให้เกิดหนี้สินหรือภาระมากขึ้น ชีวิตคู่จึงไม่หวานชื่นเหมือนเดิม ขอเตือนว่าอย่าลืมให้กำลังใจกันระหว่างทางบ้าง เพราะถ้ารอไปให้กำลังใจในวันหมดแรงจะไม่เหลืออะไร ปี 2019 จะเป็นบททดสอบว่าคนที่มีคู่จะทิ้งกันหรือไม่

คนโสด : คงต้องกลับมามองตัวเองว่าคุณไม่มีแฟนเพราะอะไร หลังจากที่บ้าเลือดหาเงิน ลุยงานเป็นหลัก ก็จะเริ่มรู้สึกว่าแม้ไม่ได้ตั้งมาตรฐานไว้สูง แต่คุณมีข้อแม้เยอะทำให้มีคู่ยาก อาจเพราะคนราศีกุมภ์มีฟอร์ม ไม่เข้าหาใครก่อน แต่ปีนี้คุณจะได้พบคนที่มาจากแดนไกลจากการทำงานหรือเพื่อนเก่าแนะนำมา ควรลุยเต็มที่ เพราะฟ้าเปิดมาก แค่เป็นตัวเอง เปิดใจเพื่อเรียนรู้ อย่านำเขาไปเปรียบเทียบกับใคร อย่าคาดหวัง และอย่าให้ความต่างของอายุมาเป็นข้ออ้าง เพราะคนอายุมากจะได้แฟนเด็กที่มีนิสัยเป็นผู้ใหญ่ ส่วนคนอายุน้อยจะได้แฟนผู้ใหญ่ที่นิสัยเด็กมาเป็นเพื่อนเล่น ไม่ว่าคุณจะคบเด็กหรือผู้ใหญ่ คุณก็จะได้แฟนที่มีความเป็นเด็กและผู้ใหญ่อยู่ในคนเดียว ซึ่งถือว่าดี เพราะคนราศีนี้ขี้เบื่อ ขี้รำคาญ ขี้บ่น ถ้าใครที่ทำให้คุณไม่เบื่อ ไม่รำคาญ และฟังคุณบ่นได้ ถือว่าโอเค

 

ราศีมีน
(16 มีนาคม – 15 เมษายน)

คนมีคู่ : ถือเป็นปีที่ดีมากสำหรับราศีมีน เรียกว่าเพอร์เฟ็กต์ที่สุดในบรรดา 12 ราศี เพราะจะได้รับโอกาสดีๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแต่งงานหรือการเริ่มความสัมพันธ์ใหม่ๆ เป็นปีที่จะได้เฉลิมฉลองเรื่องความสัมพันธ์ หากคู่ไหนคบกันมานิ่งๆ นานๆ จะมีการเปลี่ยนแปลงให้ได้โฟกัสกับชีวิตครอบครัวมากขึ้น เช่น จากที่มุ่งมั่นทำงานก็มีเวลาไปเที่ยวกับคนรัก มีคำหวานให้กัน ขยันทำเซอร์ไพร้ส์จนแฟนเลิกบ่น

คนโสด : เนื้อหอมสุดๆ ไม่ว่าจะโสดแบบไหนก็จะมีคนมาชอบ คนที่อายุมากจะได้แฟนมีตำหนิ อาจเคยแต่งงานมาแล้ว เป็นหม้าย หรือเกือบได้แต่งงานแต่โดนเท คนโสดที่เป็นหม้ายก็จะเรตติ้งพุ่งชนิดปิดดีลรอบสองได้สบายๆ ใครที่โสดสนิท ขอแค่อย่าปากหนัก ชอบก็บอกว่าชอบ อย่าลองใจ อย่ารอเวลา อย่าเล่นเกมจนอาจทำให้พลาดคนดีๆ จะเลือกใครให้ระวังการตัดสินใจของตัวเองมากๆ อย่าฟังเพื่อน แต่ให้ฟังหัวใจตัวเองกับคนในครอบครัวเป็นหลัก เพราะราศีนี้รักพ่อแคร์แม่ ถ้าไม่แน่ใจเรื่องไหน จงถามคนของคุณให้ชัดเจน จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น

 

ราศีเมษ
(16 เมษายน – 15 พฤษภาคม)

คนมีคู่ : ปี 2019 คุณละเลยสุขภาพตัวเอง ทำให้สรีระไม่สวยงามอย่างเคย อาจอ้วนไป ผอมไป จนทำให้คนรักปวดใจ กลายเป็นปัญหาครอบครัวได้ ต้องเข้าใจเขาหน่อย คนรักกันต้องมองหน้ากันทุกวัน รักกันที่หัวใจก็ใช่ แต่ภายนอกก็ต้องดูแลตัวเองด้วย ช่วยเห็นใจคนที่ต้องมองคุณทุกวันด้วย เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้จะกลายเป็นเรื่องจุกจิกที่ทำให้มีการทะเลาะกันไปตลอดทั้งปี และอาจส่งผลให้คนราศีนี้แอบมีกิ๊ก หวั่นไหวไปชอบคนมีเจ้าของ หรือถ่านไฟเก่าเกิดคุมาเผาครอบครัวได้ ขอเตือนว่าอย่าเล่นกับไฟ หันกลับไปมองความรักและคนรักของตัวเองให้มาก เรียนรู้ที่จะให้เกียรติกันทั้งจากการแสดงออก การดูแล พูดจาถนอมน้ำใจกัน อย่าถือวิสาสะกับความสัมพันธ์ที่คบกันมานานว่าจะทำหรือพูดอะไรก็ได้ ถ้าคุณอยากให้คนรักให้เกียรติ คุณก็ต้องให้เกียรติทั้งตัวเองและคนรักของคุณด้วย หากคุณทั้งคู่ร่วมมือกันแก้ไขจนผ่านปี 2019 ไปได้ ก็จะทำให้รักกันมากขึ้นในปีต่อไป

คนโสด : จะชอบคนมีเจ้าของแล้วดันคิดเข้าข้างตัวเองแบบไม่เคยเป็นมาก่อน ถือวิสาสะไปอยู่ในความรักของคนอื่นโดยไม่รู้ตัว แต่โดยเนื้อแท้แล้วคุณเป็นคนจริงจังกับความรัก ไม่เจ้าชู้ แต่อย่าให้ความเหงาเล่นงานจนมีข้ออ้างให้ตัวเองยอมมีความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจนกับคนที่มีเจ้าของ หรือเราเองอาจโดนคบซ้อนจนต้องเสียใจภายหลัง แต่หากอดทนจนผ่านช่วงเดือนกันยายนไปได้จนถึงปลายปี ดวงจะพลิกไปเลย จะมีความรักเข้ามาแบบไม่ทันตั้งตัว เป็น Love At First Sight ความรักแบบเทพนิยายที่จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนคุณเองก็ตอบไม่ได้

 

ราศีพฤษภ
(16 พฤษภาคม – 15 มิถุนายน)

คนมีคู่ : บอกเลยว่าราศีพฤษภจะเหนื่อยหน่อยนะ ทั้งเหนื่อยดูแลแฟนและครอบครัว จะมีปัญหาเหมือนมรสุมเข้า ต้องเป็นผู้นำครอบครัวที่ต้องรับผิดชอบทั้งค่าใช้จ่ายและอะไรต่อมิอะไรเต็มไปหมด ทำให้เหนื่อยจนต้องการกำลังใจจากคนรัก แนะนำว่าให้บอกออกไปตรงๆ อย่าโชว์แมนหลอกเขา ให้ซื่อสัตย์กับความรู้สึก อ่อนแอให้คนรักเห็นบ้างก็ได้ บอกเขาว่าเราเหนื่อยบนความสุข เขาจะได้หาวิธีมาดูแลเรา อย่ามัวแต่อดทนจนหมดแรง นอกจากนี้คุณยังมีแนวโน้มจะไปนิยมชมชอบคนอื่น อาจจะออกแนวเป็นแฟนคลับหรือมีเพื่อนสนิทใหม่ที่สนิทมากจนแฟนสงสัย คือไม่ได้นอกใจ แต่แค่อยากหาอินสไปเรชั่นใหม่ๆ ให้ชีวิต แนะนำว่าหาแรงบันดาลใจจากข้างนอกแล้ว ก็อย่าลืมหาแรงบันดาลใจจากข้างในความสัมพันธ์ของคุณด้วย เดี๋ยวชีวิตคู่จะมีปัญหา

คนโสด : ปีนี้จะมีคนที่มีเจ้าของมาชอบ แถมชอบอย่างชัดเจนเสียด้วย ชนิดที่คุณก็รู้ว่าใคร และมีแนวโน้มสูงว่าคุณก็จะคบหากับเขา เพราะฉะนั้นจงระวังความทุกข์ที่จะเกิด เพราะหักห้ามใจไม่ได้ พยายามหาทางรับมือและยอมรับความเหงาเถอะค่ะ พยายามถอยตัวออกให้ห่าง ไม่อย่างนั้นคุณอาจต้องจมอยู่กับความเศร้าแบบระยะยาว เพราะคุณกำลังอยู่ในช่วงเปราะบาง หรือคนโสดบางคนอาจไปเป็นกิ๊กกับเพื่อนสนิทตัวเอง แต่สุดท้ายคุณจะไม่ยอมคบกับเขา เพราะคุณเองต้องการความสัมพันธ์แบบที่มีใครสักคนมาดูแลและเข้าใจ ถ้ายังไม่ถูกใจก็ยังไม่คบจริงจัง ทำให้ความสัมพันธ์ของคุณในปี 2019 เป็นแนวไม่ถึงกับเหือดแห้ง แต่ก็ไม่ชุ่มฉ่ำ

 

ราศีเมถุน
(16 มิถุนายน – 15 กรกฎาคม)

คนมีคู่ : ถือเป็นปีแห่งการสมานฉันท์สำหรับคนมีคู่ เพราะจะขยันโรแมนติกใส่กัน และทำความรู้จักกับครอบครัวของอีกฝ่าย เนื่องจากต่างฝ่ายต่างมีความแตกต่าง แต่จะเป็นคู่ที่มีความกลมเกลียว มีการไปมาหาสู่ระหว่างกันในครอบครัว และรักกันแบบรักเหลือเกิน ใครเห็นก็จะบอกว่าเป็นคู่ที่เพอร์เฟ็กต์มาก แต่ในความสมบูรณ์แบบย่อมมีความไม่สมบูรณ์ซ่อนอยู่ ดังนั้นอย่าตามใจคนรักจนตัวเองอึดอัด เพราะการตามใจไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุดในความสัมพันธ์ ลองแสดงความคิดเห็นที่ขัดแย้งกันบ้างก็ได้ จะได้เรียนรู้ที่จะปรับตัวเข้าหากัน อย่ามัวแต่อยากให้ครอบครัวอบอุ่นจนตัวเองอึดอัดแล้วกลายเป็นระเบิดเวลา ลองบอกความรู้สึกของตัวเองอย่างตรงไปตรงมา เชื่อเถอะว่าคนรักของคุณรับได้

คนโสด : ความรักจะฮึกเหิมมาก เครื่องร้อนสุดๆ คนจะเข้ามาเยอะราวกับมีงานเซลครั้งใหญ่ ซึ่งคุณก็จะเก็บไว้หมด อาจเพราะคุณกำลังต้องการใครสักคนจริงๆ แต่สุดท้ายคุณจะตัดสินใจคัดแบบครีมๆ ไว้ 1 คน ขอแค่อย่าตัดสินใจผิด ถ้าคุณเป็นผู้หญิง ใครที่จีบคุณแล้วปล่อยให้คุณจ่ายค่าอาหาร หรือถ้าคุณเป็นผู้ชาย แล้วคู่เดตคุณสั่งอาหารแพงทุกเมนู ก็พึงระวังไว้ให้ดี อย่าคบใครที่ตั้งตนเป็นฝ่าย “รับ” อย่างเดียว จะช่วยให้คุณตัดตัวเลือกทิ้งได้ง่ายขึ้น

 

ราศีกรกฎ
(16 กรกฎาคม – 15 สิงหาคม)

คนมีคู่ : ในที่สุดคุณก็ยอมเอ่ยปากออกความคิดเห็นและปรึกษาเรื่องตัวเองกับคนรักราวกับเขาเป็นจิตแพทย์ อาจเพราะที่ผ่านมาคุณรู้สึกเหมือนหมดพลังไร้เรี่ยวแรงจากการปรับตัวเพื่อให้เข้ากับใครสักคน จนหลายครั้งต้องฝืนความรู้สึกตัวเอง พูดง่ายๆ ว่ายอมให้คนรักนำ โดยไม่เคยบอกความต้องการของตัวเอง แต่ปีนี้ถึงเวลาแล้วที่คุณจะบอกความรู้สึกของตัวเองให้เขาได้รู้ จนคนรักอาจรู้สึกว่ามีปัญหาอะไรกันหนา ฉันทำให้ชีวิตเธอแย่มากใช่ไหม บอกเขาว่าไม่ใช่ คุณแค่มีปัญหากับตัวเอง เพราะยอมมาตลอดจนหมดความอดทน ทำให้ความรักไม่เหลือความฟินใดๆ แต่การคุยกันก็เพื่อจะทำให้เราช่วยกันเติมคำว่าฟินในความสัมพันธ์ เป็นปีที่คุณกับคนรักต้องเปิดใจให้กันมากขึ้น จะได้ลงมือทำอะไรไปด้วยกัน

คนโสด : อย่าปิดกั้นตัวเอง ที่ผ่านมาคนราศีนี้ยังไม่เคยเลือกอะไรจริงจัง ไม่ได้กลัวเจ็บ แค่ยังไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วตัวเองต้องการอะไร ความจริงคนราศีกรกฎต้องการแค่ใครสักคนมาอยู่บ้านเป็นเพื่อน พร้อมนอนดูหนังดูซีรี่ส์ไปกับเขา คนที่ทำให้โลกของคุณไม่น่าเบื่อ หากใครทำให้บ้านของคุณมีความสุขได้ คนนั้นคือคนที่คุณกำลังตามหาอยู่ แต่!…คุณต้องลุกขึ้นแล้วเดินออกไปหา อย่านั่งอยู่กับที่รอให้ความรักมาจอดอยู่หน้าบ้าน เพราะมันจะไม่มา จงเดินออกไปแสวงหาความรัก ออกไปเจอผู้คนบ้าง บอกเลยว่าคุณเป็นคนมีเสน่ห์ หาแฟนได้ไม่ยาก แค่ขาดประสบการณ์ สิ่งที่คุณต้องเติมคือแค่หาประสบการณ์ให้ตัวเอง รู้จักมีจริต มารยา เล่ห์เหลี่ยม และค่อยๆ พัฒนาตัวเองให้เป็นคนน่ารักเพื่อตัวเองก่อน แล้วคุณจะเป็นคนที่น่ารักของใครสักคนเอง ไม่เกินเดือนพฤศจิกายนความรักของคุณจะชัดเจน ถึงเวลานั้นอย่าอายที่จะมีแฟนอีกล่ะ

 

ราศีสิงห์
(16 สิงหาคม – 15 กันยายน)

คนมีคู่ : ด้วยความมั่นใจและอุ่นใจในความสัมพันธ์ที่มีอยู่ จะทำให้คุณหลงลืมและละเลยรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตคู่ สิ่งที่ควรทำคือ ต้องรู้จักพัฒนาความสัมพันธ์ให้ดีขึ้นกว่าเดิม ไม่ใช่ใช้ชีวิตเหมือนวันแรกที่คบกัน เช่น ทำตัวเองให้ดีขึ้น ให้กำลังใจคนที่คุณรัก เพราะปีนี้จะมีเรื่องเข้ามาเยอะ สิ่งที่ควรละคือ เลิกกัดและติแฟน เพราะในโลกนี้ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ แต่คุณน่ะเสพติดความสมบูรณ์แบบ ถ้ามีปัญหาให้ช่วยกันดูแล ไม่ต้องแก้ปัญหาทุกเรื่องก็ได้ เพราะปีนี้จะมีปัญหาเข้ามาเรื่อยๆ แก้กันไม่หมด เพียงแต่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แค่ประคับประคองกันไป โดยมองว่าเรายังมีกันและกัน เห็นคุณค่าของกันและกัน ถ้าผ่านปีนี้ไปได้ คุณจะรักกันมากขึ้น และก้าวข้ามปัญหาไปได้อย่างสวยงาม

คนโสด : ถ้าคุณจะเลือกสวยอยู่บนหิ้ง ความจริงก็ไม่มีใครว่า แค่ชีวิตคุณจะขาดสีสัน ถ้าอยากให้เกิดความเปลี่ยนแปลงก็แค่เดินลงมาจากหิ้ง อย่าหยิ่งให้มาก แล้วจะรู้ว่าในโลกนี้ยังมีอะไรอีกหลายอย่างที่คุณพลาดไป คุณอาจรู้สึกว่าไม่เห็นอยากรู้เลย ขอถามกลับว่า แล้วเคยได้สัมผัสหรือรู้จักมันแล้วหรือยัง ลองเปิดใจบ้างแลว้ เพราะปี 2019 นี้ ความรักของคุณจะโลดโผน คุณจะได้เจอคนร้อยพ่อพันแม่ ได้ทำความรู้จักกับคนใหม่ๆ ทั้งแบบต่างชนชั้น ต่างประสบการณ์ ต่างอายุ ต่างชาติ ทุกคนจะเป็นเหมือนหนังสือที่เดินเข้ามาให้คุณอ่าน ถึงเวลาที่คุณควรเปิดอ่านบ้าง ไม่จำเป็นต้องรักใคร แค่ศึกษาเรียนรู้กันไป ถ้าชอบก็เก็บไว้ ถ้าไม่ชอบ จะทิ้งก็ไม่มีใครว่า แค่อย่าปิดกั้นตัวเองจนไม่ปล่อยให้ตัวเองมีความสุข ลองมองหาสิ่งที่ทำให้ใจเราเต้นผิดจังหวะบ้าง จะได้รู้ว่าควรควบคุมจังหวะการเต้นของใจอย่างไรให้กลับมาเหมือนเดิม

 

ราศีกันย์
(16 กันยายน – 15 ตุลาคม)

คนมีคู่ : ความรักของคู่คุณเหมือนผ่านมรสุมมามาก เป็นช่วงเวลาที่ได้เรียนรู้เรื่องราวต่างๆ จนเข้าใจชีวิต ได้กอดคอหัวเราะและร้องไห้ไปด้วยกัน จนมาถึงจุดที่ต้องชวนกันไปพักผ่อน เบรกตัวเองและคนรักจากความรับผิดชอบและหน้าที่อันมากมาย แล้วหาเวลาไปเติมความรักกันสองคน กลับไปเป็นคู่รักวัยรุ่นอีกครั้ง เพื่อเติมพลังและความหวานให้ความสัมพันธ์ คุณจะมาถึงช่วงที่เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น มองความสัมพันธ์แบบใจเขาใจเรา และได้เจอสมดุลในตัวเอง ถ้ารู้สึกว่าตัวเองผิดเรื่องอะไร ให้ยอมรับในเรื่องนั้น เชื่อเถอะว่าคนรักของคุณจะเข้าใจ เพราะนี่คือเวลาของการให้กำลังใจและดูแลกันและกัน

คนโสด : เบื่อกับการปรับตัวและกลัวทนพิษบาดแผลไม่ไหวจึงไม่อยากมีแฟน แต่ใจจริงน่ะเหงาและอยากมีแฟนสุดๆ แค่กลัวว่ามีแล้วจะไม่ดีหรือต้องปรับตัวอีก แก่แล้วแต่ยังทำตัวเหมือนวัยรุ่น เลยขอผัดวันไปก่อน ลองคิดสิว่าถ้ามีความรักแล้วเจ็บจะเป็นไรไป คนอื่นเจ็บกันเยอะแยะยังรอดมาได้ คุณอย่ามัวแต่ทำตัวสวยอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์ที่สร้างขึ้นมาจากความกลัวของตัวเอง เพราะคุณเป็นประเภทสวยและรวยมาก ถ้าทุ่งลาเวนเดอร์ใหญ่ขนาดนี้ ใครจะกล้าเข้ามาในชีวิตคุณ เอาเป็นว่าถ้าอยากมีใครสักคนก็จงเปิดใจและปรับตัวให้คนได้เห็นความน่ารักในตัวคุณ แต่ถ้าไม่อยากมีใคร ก็อยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์ต่อไป

 

ราศีตุล
(16 ตุลาคม – 15 พฤศจิกายน)

คนมีคู่ : กำลังอินเลิฟและมีความโรแมนติกขั้นสุดจนถูกแซว ช่วยเกรงใจคนโสดรอบข้างบ้าง คนรักจะน่ารักและเปิดเผย แถมพาคุณไปเปิดตัวมากขึ้น ทำให้คุณภูมิใจ เพราะรู้สึกว่ามีตัวตนในชีวิตของเขามากขึ้น

คนโสด : ปี 2019 ถ้าคนโสดราศีตุลไม่มีคู่ ให้มาหาแม่หมอได้เลย อย่างไรก็ต้องมีแน่นอน จะได้เจอคนที่ใช่ในเวลาที่ถูก แถมตรงสเป็คเสียด้วย หลังจากมีความสัมพันธ์ไม่ชัดเจนหรือมีคู่ก็ไม่ได้ดั่งใจมานาน คราวนี้จะได้ดั่งใจเสียที เพราะคนราศีนี้เป็นพวกมีมาตรฐานของตัวเองชอบคนหุ่นดี ถ้าตัวเตี้ย ช่วงขาต้องเล็ก ถ้าตัวสูง ช่วงขาต้องยาว และต้องมีเสน่ห์เย้ายวนด้วยนะ หล่อสวยเลือกได้จริงๆ

 

ราศีพิจิก
(16 พฤศจิกายน – 15 ธันวาคม)

คนมีคู่ : คู่ของคุณมาถึงจุดที่ต้องตัดสินใจว่าจะไปต่อหรือจะเลิก ตัวคุณน่ะรู้แล้วว่าชอบหรือไม่ชอบอะไร แต่ยังกลัวการเปลี่ยนแปลงและการสูญเสีย แต่ให้คิดว่าถึงจะสูญเสีย คุณก็จะได้สิ่งใหม่เข้ามา รู้จักมองโลกในแง่บวกบ้าง ไม่ใช่เพื่อใคร แต่เพื่อตัวเอง เพราะการมองบวกจะทำให้คุณเป็นคนแรกที่มีความสุข มันคือการบำบัดตัวเอง ทำให้คนรอบตัวอยากอยู่ใกล้เรา ความสัมพันธ์ก็เหมือนกับการทำงาน เมื่อเราฝึกฝนไปเรื่อย ๆ อย่างไรก็รอด แต่ถ้าเราไม่อยากทำแล้ว เราก็ต้องหยุด อย่าไปทุกข์กับมัน เมื่อไหร่ก็ตามที่เราปล่อยความคิด เราจะมีความสุขทันที อย่าไปคิดว่าพรุ่งนี้จะไม่ดี แค่ขอให้เราชัดเจนกับตัวเอง ก็จะเหมือนการแก้ปัญหาสายตาสั้นโดยการใส่แว่น ถ้าเห็นชัดก็แก้ได้ถูก อย่าไปฝืนกับความรักที่ไม่ใช่

คนโสด : อย่าคิดว่าไม่มีคนที่ใช่หรือคุณไม่ดีพอ ใครเบื่อที่จะต้องบอกว่าตัวเองเป็นอย่างไร ควรจะปล่อยให้คนอื่นได้เรียนรู้เราและเรียนรู้จังหวะของคนอื่นบ้าง ปล่อยให้เวลาทำหน้าที่ของมัน โดยไม่ต้องเล่นเกมหรือทดสอบ อย่าเป็นผู้ควบคุมตลอดเวลา ปล่อยไหลบ้าง จะได้เรียนรู้เขาไง การถามไม่ได้แปลว่าคุณจะได้คำตอบหรือพบคำตอบที่แท้จริง เราต้องให้เวลาในการศึกษาบางอย่าง สาวราศีพิจิกเป็นผู้หญิงเก่ง มั่นใจในตัวเอง แถมมีเสน่ห์ที่สุดในบรรดา 12 ราศี แต่ชอบคอนโทรล แถมยังได้ทั้งบู๊และบุ๋น ถ้าคุณปล่อยให้ธรรมชาติทำหน้าที่ของมัน รวมถึงความรัก คุณจะได้ในสิ่งที่ต้องการโดยไม่ต้องเหนื่อย

 

ราศีธนู
(16 ธันวาคม – 15 มกราคม)

คนมีคู่ : อย่าคาดหวังในความสัมพันธ์ว่าต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้จนทำให้อึดอัดทั้งคู่ ลองนำความต้องการของทั้งสองคนมาวางตรงกลาง แล้วหาว่ามีอะไรบ้างที่ตรงกัน ถ้าไม่มีตรงกันเลย ให้ถามว่าเราอยู่กันเพราะอะไร เพราะรักกันหรือเหมาะสม แล้วคุยให้ชัดว่าจะไปต่อหรือจะกลับไปเป็นเพื่อน คนราศีนี้มักได้แฟนเก่ามาเป็นเพื่อน ถ้าอยากได้แฟนก็วางความสัมพันธ์ให้ชัดเจนว่าเป็นแฟน อย่าไปทำตัวเป็นเพื่อน เพราะเพื่อนทำแทนแฟนไม่ได้ ต้องให้เคลียร์ แล้วชีวิตรักจะมีความชัดเจนมากขึ้น ถ้ารู้สึกมีปัญหาในชีวิตคู่ อย่าฟังเพื่อนหรือครอบครัวเยอะ ให้ฟังตัวเองมากๆ เพราะคุณน่ะเชื่อเพื่อน แต่บอกเลยว่าเขาไม่รู้จักคุณและคนรักของคุณดีเท่าที่คุณรู้จัก

คนโสด : เป็นคนรักแรง เกลียดแรง ดื้อ เชื่ออะไรก็ยึดอยู่อย่างนั้น ไม่ปล่อยวางจนตัวเองเหนื่อย อย่าเอาแต่ใจจนละเลยความถูกต้อง จะทำให้คุณพลาดคนดีๆ ลดความเอาแต่ใจของตัวเองลง แล้วจะเจอคนที่ใช่ แต่ไม่ต้องลดมาตรฐาน อาจได้เจอรักใหม่ในคนเก่าหรือรักใหม่ในคนใหม่


 

ที่มา : นิตยสารแพรว ฉบับ 939

สีขายดี กระเป๋า Hermes Birkin

คัลเลอร์โทนขายดี! 12 สียอดนิยมของ กระเป๋า Hermès Birkin ที่ใครเห็นเป็นต้องเลือก

สีขายดี กระเป๋า Hermes Birkin
สีขายดี กระเป๋า Hermes Birkin

กระเป๋า Hermès Birkin อีกหนึ่งรุ่นขายดีที่เหล่าเซเลบถือกันทั้งเมือง นอกจากกระเป๋าใบสีดำจะเป็นที่ชื่นชอบแล้ว ก็ยังมีกว่า 10 สี ที่ขายดีไม่แพ้กัน

Hermès เป็นแบรนด์หรูที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะเรื่องราคาที่แพงหูฉี่ อย่างกระเป๋ารุ่นดัง Hermès Birkin ก็ไม่ต้องพูดถึง ราคาแรงชนิดที่เบรคแทบไม่ทัน แต่ด้วยความพิเศษและคุณภาพล้นแก้วของแบรนด์ ทำให้ยังคงรักษาฐานลูกค้าระดับเอลิสต์ไว้ได้อย่างเหนียวแน่น

นอกจากหนังของกระเป๋า Hermès จะเป็นตัวสำคัญที่ทำให้เหล่าแฟนตัวยงตัดสินใจควักเงินซื้อแล้ว เรื่องของโทนสีก็ตีคู่กันมาติดๆ และตัวเฉดสีนี่แหละ ที่มักจะเป็นหนึ่งในคำถามที่ถูกถามมากที่สุดว่า สียอดนิยมของกระเป๋า Hermès Birkin คือสีอะไร เพราะกระเป๋ารุ่นนี้เขามีสีสันหลากหลาย ตั้งแต่สีอ่อนไปจนถึงสีสดจัดจ้าน และแม้ว่าโทนสีดำจะเป็นที่นิยม แต่สีอื่นๆ ก็ถูกส่งออกจากสต๊อกไม่น้อยเหมือนกัน

สำหรับมือใหม่ที่กำลังมองเจ้ากระเป๋าใบนี้อยู่ อาจเป็นเรื่องยากที่จะฟันธงเลือกสีใดสีหนึ่ง โดยที่ไม่มีความลังเล ดังนั้นเราได้รวบรวมรายชื่อทั้ง 12 สียอดนิยมของกระเป๋า Hermès Birkin มาไว้ด้านล่างนี้แล้ว

 

12 สียอดนิยมของ กระเป๋า Hermès Birkin ที่ใครเห็นเป็นต้องเลือก

 

1. Black

แน่นอนว่าสีเบสิคอย่างสีดำต้องติดโผ เพราะมันสามารถเข้าได้กับทุกสิ่ง ถือเป็นทางเลือกที่ดี โดยเฉพาะคนที่ซื้อกระเป๋า Birkin เป็นครั้งแรกจะได้ไม่รู้สึกพลาดที่ซื้อมา เพราะมันเป็นสีที่ใครใช้ก็รอด

กระเป๋า Hermès Birkin

 

2. Gold

สำหรับสีทองในที่นี้ Hermès ไม่ได้หมายถึงทองฉูดฉาดตามภาพที่คุณมีอยู่ในหัว แต่เป็นโทนสี camel esque ซึ่งเป็นหนึ่งในสีแรกๆของ Hermès ที่ออกมาแล้วได้รับความนิยม เพราะนอกจากสีดำ ก็สีทองโทน camel นี่แหละที่สามารถเข้าได้กับทุกลุคและไม่น่าเบื่อ

กระเป๋า Hermès Birkin

 

3. Orange H

นี่อาจเป็นสีที่โดดเด่นที่สุดของ Hermès และเป็นสีที่หลายคนเห็นกันอยู่บ่อยๆ เป็นสีโทนเดียวกับกล่องสีส้มที่มีชื่อเสียงของ Hermès และเป็นอีกสีที่จะเพิ่มความสดใสให้กับชุดไหนก็ได้

กระเป๋า Hermès Birkin

 

4. Rouge H

สำหรับสี Rouge H ถือว่าเป็นสีแดงเข้มที่มีความสง่างาม สามารถแมทช์กันได้ดีกับเสื้อผ้าในตู้ของคุณ เพราะเป็นสีแดงที่ดูแพงและใช้ไม่ยาก

กระเป๋า Hermès Birkin

 

5. Blue Sapphire

ส่วนสีน้ำเงินเข้มอย่าง Blue Sapphire ก็แสดงถึงความหรูหรา ที่เต็มไปด้วยความลึกลับซับซ้อน น่าค้นหา ถ้าแต่งตัวเรียบๆ แล้วถือกระเป๋าใบนี้ รับรองว่าลุคธรรมดาๆ จะโดดเด่นขึ้นมาทันที

กระเป๋า Hermès Birkin

 

6. Etoupe

สี Etoupe เป็นอีกสีที่แฟนกระเป๋าแอเมสรู้จักกันดี เพราะเป็นโทนสีที่ใช้ง่าย ส่วนเรื่องการตัดเย็บก็น่าทึ่งด้วยการใช้โทนสีที่ตัดกันอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งจุดนี้ถือเป็นเอกลักษณ์ของกระเป๋าสี Etoupe เลยก็ว่าได้

กระเป๋า Hermès Birkin

 

7. Rose Tyrien

ต่อกันที่สีชมพูที่ดูคล้ายกับสีของหมากฝรั่ง เป็นสีที่จะช่วยเติมเต็มลุคของคุณให้โดดเด่นและมีสีสัน ทำให้การแต่งตัวมีความสดใส สนุกสนานมากยิ่งขึ้น

กระเป๋า Hermès Birkin

 

8. Etain

มีสี Etoupe แล้วจะขาดสี Etain ไปได้ยังไง เพราะเป็นสองสียอดนิยมที่หลายคนจะลังเลตอนเลือกซื้อ ซึ่งสี Etain จะเป็นโทนสีเทา ที่เข้าได้กับทุกลุคของคุณเช่นกัน เป็นใบที่ไม่ต้องคิดเยอะ จับแมทช์กับชุดแบบไหนก็ดูเข้ากันไปหมด

กระเป๋า Hermès Birkin

 

9. Blue Jean

ต่อกันที่โทนสีฟ้าสดใสอย่างสี Blue Jean กันบ้าง สำหรับสีนี้เป็นสีโทนที่เบาและอ่อนนุ่ม แถมยังได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วหลังจากเปิดตัว และเมื่อไม่นานมานี้ทาง Hermès ถึงกับต้องเพิ่มการผลิตสี Blue Jean โดยเฉพาะ

กระเป๋า Hermès Birkin

 

10. Rouge Vif

Rouge Vif เป็นโทนสีแดงที่คล้ายกับสีลิปสติก เป็นสีที่มีชีวิตชีวาและสมบูรณ์แบบ สำหรับใครที่อยากได้กระเป๋า Birkin ที่ดูโดดเด่นที่สุดในคอลเล็คชั่นของคุณ คงต้องเพิ่มสี Rouge Vif เข้าไปไว้ในกรุซะแล้ว

กระเป๋า Hermès Birkin

 

11. Blue Electric

นี่คือการเปิดตัวสีใหม่ล่าสุดของ Hermès เป็นสีน้ำเงินที่อมความฟ้านิดๆ เหมาะกับคนที่มีลุคเป็นนางพญาถึงจะเอายู่ เป็นสีใหม่ที่แฟนๆ รู้จักกันดี และเป็นที่นิยมอย่างมากในกลุ่มเซเลบ

กระเป๋า Hermès Birkin

 

12. Vert Olive

นี่คือสีมะกอกที่เต็มไปด้วยความน่ารัก เรียบหรู ไม่จืดชืด แต่กลับเป็นสีที่หายากมากๆ ปัจจุบันไม่ค่อยเห็นใครถือกระเป๋าสี Vert Olive สักเท่าไหร่ แต่ก็ยังคงเป็นสีที่กลุ่มลูกค้ามีความต้องการอย่างมาก

กระเป๋า Hermès Birkin

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

5 เหตุผล ทำไม กระเป๋า Hermès ตั้งราคาสูงเสียดฟ้าแล้วยิ่งเป็นที่ต้องการ

รู้หรือเปล่า! หนังกระเป๋า Hermès ทำมาจากสัตว์ชนิดใดบ้าง แล้วต่างกันยังไง

#ชื่อมันต้องมี เปิดโพย Hermès Guides แล้วจะรู้ว่ากระเป๋าดังไม่ได้มีแต่ Birkin และ Kelly!

 ได้แรงอก! จาก “Hermes สู่ Mouawad” 10 กระเป๋าแพงที่สุดในโลกปี 2018

รู้จัก “Hermès kelly” กระเป๋าใบหรูที่ “แหวนแหวน” ถูกฉกในมิลาน

กำเนิด ผ้าพันคอ Le carre Hermes ครั้งแรก สู่เรื่องราวความหรูหรา จนกลายเป็นตำนาน

วิถีคนรวย! เจมี ฉัว เศรษฐีนีชาวสิงคโปร์ผู้มี กระเป๋า Hermes มากกว่า 200 ใบ


ที่มา : pursefiend.com

ภาพ : pursefiend.com , www.starstyle.com

หาชมยาก! สุดยอดผลงานไอคอนิกของ Guo Pei กูตูลิเย่ร์หญิงคนแรกของจีน

account_circle

รวมสุดยอดผลงานไอคอนิกของ Guo Pei กูตูลิเย่ร์หญิงแห่งแดนมังกรวัย 50 ปี ผลงานระดับมาสเตอร์พีซบนรันเวย์ตั้งแต่ปี 2006-2017 นำมาจัดแสดงครั้งแรกที่ Canadian Exhibition เมืองโตรอนโต ประเทศแคนาดา

Guo Pei

กัวเป่ย ดีไซเนอร์หญิง เจ้าของห้องเสื้อ Rose Studio และยังเป็นดีไซเนอร์โอต์กูตูร์คนแรกของจีน กับผลงานการออกแบบเสื้อผ้าชั้นสูง แรงบันดาลใจจากเสื้อผ้าของชนชั้นสูงในราชสำนักของจีน ซึ่งแต่ละชุดนั้นจะมีการปักเย็บที่ละเอียดและปราณีตมากและใช้วัสดุที่มีราคาแพง

ผลงานสร้างชื่อที่ทำให้ กัวเป่ย โด่งดังมากก็คือ ชุดคลุมสีเหลืองนกคานารี ที่ขุ่นแม่ริฮานน่าใส่เมื่อครั้งไปเดินพรมแดงในงาน New York’s Met Gala เมื่อปี 2015 ซึ่งชุดนี้ที่ริริใส่นั้นเธอได้ออกแบบไว้เมื่อปี 2008 และใช้เวลาในการตัดเย็บถึง 50,000 ชั่วโมง ในระยะเวลา 2 ปี

ทันทีที่ริฮานน่าปรากฏตัวในชุดนี้ ชื่อของ กัวเป่ย ผลงานของเธอก็ถูกพูดถึงไปทั่วโลก สื่อต่างๆ ให้ความสนใจในชุดนี้มาก และนั่นทำให้ในปี 2016 กัวเป่ยได้รับเชิญให้ไปแสดงผลงานที่ Fashion Week Paris Haute-Couture ณ กรุงปารีส ซึ่งเธอนั้นเป็นดีไซเนอร์จีนคนแรก และคนเดียวที่ได้รับเกียรติให้ไปงานนี้ นอกจากนี้เธอยังติดอันดับและได้รับการยกย่องจากนิตยสารไทม์ให้เป็น 1 ใน 100 บุคคลผู้ทรงอิทธิพลของโลก

และนี่เป็นอีกครั้งที่ กัวเป่ย ได้รับเชิญให้ไปจัดแสดงผลงานของเธอ และยังเป็นการจัดแสดงที่รวบรวมผลงานไอคอนิกตั้งแต่ปี 2006-2017 ที่เฉิดฉายบนรันเวย์มาให้ได้ดูมากกว่า 40 ชุด แต่ละชุดบอกเลยว่าหรูหรา อลังการ สมกับเป็นผลงานของ กูตูลิเย่ร์หญิงคนแรกของประเทศจีน

โดยผลงานมาสเตอร์พีซทุกชิ้นในทุกคอลเล็คชั่นที่กัวเป่ยนำมาให้ดูตั้งแต่ปี 2006 นั้นประกอบไปด้วย Samsara (2006), An Amazing Journey in a Childhood Dream (2008), 1002 Nights (2010)

รวมถึงคอลเล็คชั่น Guo’s Legend of the Dragon (2012) ซึ่งคอลเล็คชั่นนี้มีความพิเศษคือ ใช้ลวดลายของมังกร สัญลักษณ์ของจักรพรรดิและวัฒนธรรมของประเทศจีน มาออกแบบในคอลเล็คชั่น และคอลเล็คชั่น Guo’s 2015 MAC Cosmetics collaboration ที่คอแลปกับเครื่องสำอาง MAC

นอกจากนี้ยังมี คอลเล็คชั่น shimmering metallics from Encounter (fall 2016) ซึ่งกัวเป่ยทำขึ้นเพื่อนำไปจัดแสดงที่งาน Fashion Week Paris Haute-Couture และผลงานมาสเตอร์พีซคอลเล็คชั่นสุดท้ายที่นำมาจัดแสดงในงานนี้คือ Ornate Garments ซึ่งเธอได้แรงบันดาลใจจากวิหารในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่ซังคท์กัลเลิน

ปิดท้ายด้วยผลงานการออกแบบชุดแต่งงานแบบจีนโบราณให้กับคู่รักนักแสดงแดนมังกร ถังเยียน และ หลัวจิ้น สวยงาม ดูมีเอกลักษณ์ และแสดงออกทางวัฒนธรรมของจีนได้อย่างเลอค่ามาก


ภาพ : IG (guopei)

ขนาดกระเป๋า Louis Vuitton

แฟนหลุยส์ควรรู้! ตัวย่อแต่ละไซส์ของ กระเป๋า Louis Vuitton หมายถึงอะไร

ขนาดกระเป๋า Louis Vuitton
ขนาดกระเป๋า Louis Vuitton

กระเป๋า Louis Vuitton แต่ละรุ่นก็ทำออกมาหลายขนาด โดยจะมีตัวย่อระบุขนาดตั้งแต่  BB , PM , MM ไปจนถึง GM แต่สาวๆ รู้หรือเปล่าว่าตัวย่อเหล่านี้หมายถึงอะไร ถ้าอยากรู้คำตอบ ก็ตามแพรวดอทคอมมาเลยค่า

อีกหนึ่งแบรนด์เฮ้าส์สุดหรูที่ยังคงครองใจเหล่าแฟชั่นนิสต้าได้อยู่หมัด นั่นก็คือ Louis Vuitton ที่ไอเท็มสร้างชื่ออย่างกระเป๋ารุ่น Speedy , Alma , Neverfull มีให้เห็นแทบจะทุกมุมเมือง ซึ่งกระเป๋าแต่ละรุ่นของหลุยส์ วิตตอง ก็ช่างครีเอทไซส์ต่างๆ ออกมาให้แฟนตัวยงของแบรนด์ได้เลือกแมทช์เข้ากับสไตล์ของตัวเอง ไม่ว่าจะไซส์ BB , PM , MM , หรือ GM และไม่ใช่กระเป๋าทุกรุ่นที่ Louis Vuitton จะทำออกมาครบทั้ง 4 ขนาด เพราะกระเป๋ารุ่น Trevi ก็มีเพียงสองขนาดคือ PM และ GM เท่านั้น ส่วนกระเป๋าที่ทำออกมาทั้ง 4 ไซส์ ก็คือรุ่น Alma

กระเป๋า Louis Vuitton
Louis Vuitton รุ่น  Trevi ไซส์ PM

 

กระเป๋า Louis Vuitton
Louis Vuitton รุ่น Alma

นักช้อปหรือบิ๊กแฟนของหลุยส์ วิตตอง รู้กันหรือเปล่าว่าตัวย่อ BB, PM, MM, และ GM ของไซส์เหล่านี้หมายถึงอะไร วันนี้เราจะมาหาคำตอบกันค่ะ

เริ่มกันที่ ไซส์ BB ที่มีขนาดเล็กที่สุด หรือจะเรียกว่าเป็น mini bag ก็ได้ ส่วนความหมายของไซส์ BB ตามการคาดเดาของเว็บไซต์ yoogiscloset ได้ระบุว่า BB ย่อมาจาก baby bandouliere ซึ่งหมายถึงกระเป๋าสะพายเด็กทารก โดยกระเป๋าไซส์ BB ที่ได้รับความนิยม ก็อย่างเช่นรุ่น Alma BB,  Pallas BB,  Capucines BB,  Montaigne BB

ต่อกันที่ ไซส์ PM ย่อมาจาก Petit Model หรือ “small model” in French เป็นกระเป๋าใบขนาดกลางกำลังดี สามารถจุของต่างๆ ได้พอสมควร และกระเป๋าสุดป๊อปในไซส์ PM คือ Alma PM,  Galliera PM,  Trevi PM,  Totally PM

มากันที่ ไซส์ MM ซึ่งย่อมาจาก Moyen Modèle หรือ Medium Model เป็นกระเป๋าใบขนาดใหญ่ สามารถใส่ข้าวของลงไปได้เยอะ และกระเป๋ารุ่นท็อปฮิตในไซส์ MM คือ  Neverfull MM,  Artsy MM,  Brea MM,  Sully MM

สุดท้ายกับ ไซส์ GM ย่อมาจาก Grande Model เป็นกระเป๋าไซส์ใหญ่ที่สุด ใครชอบพกอะไรเยอะๆ ต้องถูกใจ ส่วนกระเป๋ารุ่นที่ขายดีสุดๆ ในไซส์ GM คือ Neverfull GM,   Tivoli GM,   Delightful GM

กระเป๋า Louis Vuitton

ภาพเปรียบเทียบขนาดต่างๆ ของกระเป๋า Louis Vuitton โดยเลือกใช้กระเป๋ารุ่น Alma เพราะมีครบทั้ง 4 ไซส์ และจะทำให้เห็นความแตกต่างระหว่าง BB , PM , MM , GM ได้ชัดเจน

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Cool Style! ญาญ่า ฉีกกฎสาวหวาน งัดลุคสวยเท่ ชมโชว์ Louis Vuitton

ทุกผืนมีเรื่องราว! ผ้าพันคอ Louis Vuitton ดีไซน์สวย ลวดลายไม่ซ้ำเดิม

ฉีกดีไซน์เดิม…สร้างสไตล์ใหม่ กระเป๋า Louis Vuitton คอลเล็คชั่น New Wave พร้อมแล้ว!

เผยที่มา ‘ทรังค์ Louis Vuitton’ อันเก่าแก่ ใครกันเป็นผู้สั่งทำถวายสมเด็จพระราชินี ในรัชกาลที่ 9

เตะตาแฟนบอล! Louis Vuitton เสิร์ฟ FIFA World Cup 2018 ต้อนรับบอลโลก

ตะลึงไปเลย! ชักโครกทองคำหุ้มหนังโมโนแกรม “Louis Vuitton” ราคาเหยียบ 3 ล้านบาท

ช้าไม่ได้แล้ว “Louis Vuitton X Supreme” เปิดขายในไทยวันนี้เป็นวันแรก

 Louis Vuitton บุกญี่ปุ่น เปิดแฟชั่นโชว์ผ่านรันเวย์สุดอลังการในคอลเล็คชั่น Cruise 2018


ภาพและที่มา : www.yoogiscloset.com

Model of the Year

มาแรงแซงรุ่นพี่! ไคอา เกอร์เบอร์ คว้ารางวัล Model of the Year 2018 ไปครอง

Model of the Year
Model of the Year

นาทีนี้มาแรงแซงทางโค้งนางแบบรุ่นพี่ไปหลายคน สำหรับไคอา เกอร์เบอร์ สาวน้อยวัย 17 ปี ที่ล่าสุดได้ตำแหน่ง Model of the Year จากงานประกาศรางวัล British Fashion Awards 2018

ฮ็อตจนฉุดไม่อยู่จริงๆ สำหรับนางแบบวัยทีนที่เพิ่งอายุครบ 17 ปีบริบูรณ์ไปเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา อย่าง ไคอา เกอร์เบอร์ ลูกสาวคนเก่งของซินดี้ ครอว์ฟอร์ด ซูเปอร์โมเดลระดับโลก ที่ล่าสุดได้คว้ารางวัล Model of the Year ในงาน British Fashion Awards ประจำปี 2018 ไปครองแบบสวยๆ โดยผู้ที่เข้าชิงสาขาเดียวกับเธอได้แก่ Adut Akech , Adwoa Aboah , เบลล่า ฮาดิด และวินนี ฮาร์โรว์

ถ้าใครได้ติดตามชมแฟชั่นโชว์ของแบรนด์ต่างๆ ในปีนี้ เป็นต้องเห็นสาวไคอาเดินสับขาอยู่บนรันเวย์ จะเรียกว่าฟาดแทบทุกแบรนด์เลยก็ว่าได้ แถมยังเป็นตัวเด่นในโชว์นั้นๆ อีกด้วย และถ้าเธอจะเป็นนางแบบที่มาแรงที่สุดในปี 2018 ก็คงเถียงไม่ออกจริงๆ ทั้งนี้งานประกาศรางวัล British Fashion Awards ที่ไคอาได้เข้าร่วมนั้น เป็นงานที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในสหราชอาณาจักรตั้งแต่ปี 1989 เพื่อมอบรางวัลให้กับผู้ที่ทำผลงานได้โดดเด่นที่สุดในอุตสาหกรรมแฟชั่น ซึ่งในปีนี้จัดขึ้นที่ รอยัล อัลเบิร์ต ฮอลล์ (Royal Albert Hall) ณ กรุงลอนดอน

Model of the Year

Model of the Year

Model of the Year

Model of the Year

นอกจากรางวัลที่สาวไคอาได้รับแล้ว ยังมีรางวัลสาขาอื่นๆ ในวงการแฟชั่นอีกมากมาย ส่วนจะมีดีไซเนอร์คนไหน หรือแบรนด์ดังแบรนด์ใดได้รับรางวัลจากงาน British Fashion Awards บ้าง เรามาเช็คไปพร้อมๆ กันเลย

Accessories Designer of the Year ได้แก่ Demna Gvasalia จาก Balenciaga

Brand of the Year ได้แก่ Gucci

British Designer of the Year Menswear ได้แก่ Craig Green จาก Craig Green

British Designer of the Year Womenswear ได้แก่ Clare Waight Keller จาก Givenchy

British Emerging Talent Menswear ได้แก่ Samuel Ross จาก A-Cold-Wall

British Emerging Talent Womenswear ได้แก่ Richard Quinn จาก Richard Quinn

Business Leader ได้แก่ Marco Bizzarri จาก Gucci

Designer of the Year ได้แก่ Pierpaolo Piccioli จาก Valentino

Urban Luxe ได้แก่ แบรนด์ Off-White

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ส่องสไตล์สุดชิค “ไคอา เกอร์เบอร์” นางแบบวัยทีน ลูกสาวซูเปอร์โมเดล “ซินดี้ ครอว์ฟอร์ด”

เรียบง่ายและดูชิล! Street Style ของสองแม่ลูกคนดังแห่งวงการนางแบบ

สับขาลุยน้ำ! ไคอา เกอร์เบอร์ โมเดลดาวรุ่ง นำทีมบนรันเวย์ YSL ใน Paris Fashion Week

ย้อนเวลา! ซูมลุค 20 Top Model บนรันเวย์แรก ที่หลายคนอาจไม่เคยเห็น

ส่องลุค ‘ไคอา เกอร์เบอร์’ ลูกสาวสุดฮ็อตของซินดี้ ครอว์ฟอร์ด อดีตซูเปอร์โมเดลระดับโลก

 หน้าตาดีมาตลอด 16 ปี ไคอา เกอร์เบอร์ ลูกไม้ใต้ต้น ผู้สะกดคำว่ายุคมืดไม่เป็น

มันไม่แฟร์! ‘จีจี้ ฮาดิด’ โพสต์ระบาย กรณีปาปารัสซี่จ่อฟ้องทวงเครดิตภาพ จากการตามถ่ายเธอ

ใส่แล้วบุคลิกภาพดี…สำคัญกว่าราคาแพง! บุกคลังรองเท้า เจี๊ยบ-โสภิตนภา ใช้งานคุ้มทุกคู่

จดลิสต์ด่วน! ชี้เป้ากระเป๋าดีไซน์คล้ายกับ อามัล คลูนีย์ ในลุคนี้ แต่ราคาถูกกว่าเกินครึ่ง


ภาพและที่มา : www.dailymail.co.uk
Lady Dior

เตรียมหิ้วงานอาร์ท! ศิลปินหญิง 11 คน ร่วมออกแบบลวดลายลงบน Lady Dior

Lady Dior
Lady Dior

Lady Dior กระเป๋าไอคอนิคที่ประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลายของเฮ้าส์ใหญ่อย่างดิออร์ ได้เกิดเป็นกระแสบูมสุดๆ ในช่วงที่เจ้าหญิงไดอาน่าทรงถือกระเป๋าใบนี้ออกงานอยู่บ่อยครั้ง เรียกได้ว่าเป็นกระเป๋าใบโปรดของพระองค์เลยทีเดียว และถึงจะได้รับความนิยมไปทั่วโลก แต่ตำนานแห่งวงการแฟชั่นอย่าง เลดี้ ดิออร์ ก็ไม่เคยหยุดนิ่ง มีการพัฒนารูปโฉมใหม่ๆ ออกมาให้ได้สอยกันทุกคอลเล็คชั่น

นอกจากทางแบรนด์จะครีเอทกระเป๋าเลดี้ ดิออร์ ออกมาในแบบที่แปลกตาแล้ว ก็ยังไปดึงมือของศิลปินมากมายมาร่วมรังสรรค์ให้ It Bag ระดับตำนานมีเรื่องราวมากยิ่งขึ้น เติมเต็มกระเป๋าให้มีความพิเศษด้วยไอเดียและมุมมองของเหล่าอาร์ทติสที่มีต่อ เลดี้ ดิออร์

ล่าสุดแบรนด์เฮ้าส์ชื่อดัง ก็ได้จับมือกับศิลปินหญิงถึง 11 คน เพื่อเปิดตัวแคปซูลคอลเล็คชั่นที่ ART BASEL งานแสดงศิลปะระดับนานาชาติที่มีการจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในหลายๆ เมือง ซึ่งทางดิออร์ปักหลักอยู่ที่เมืองไมอามี รัฐฟลอริดา และรอบนี้ได้เชิญศิลปินหญิงทั้งหมด 11 คนมาร่วมออกแบบลวดลายให้กับกระเป๋ารุ่นดังในโปรเจ็กต์Lady Dior Art ที่ได้รับผลตอบรับอย่างล้นหลามมาโดยตลอด และนี่นับเป็นครั้งแรกที่มีแต่ศิลปินหญิงเท่านั้น โดยศิลปินทุกท่านได้ออกแบบกระเป๋ารุ่นไอคอนิคนี้ตามสไตล์และการตีความของตัวเอง

 

เตรียมหิ้วงานอาร์ท! ศิลปินหญิง 11 คน ร่วมออกแบบลวดลายลงบนกระเป๋า Lady Dior

 

Mickalene Thomas

Lady Dior

 

 Pae White

Lady Dior

 

Polly Apfelbaum

Lady Dior

Lady Dior

 

 Lee Bul

Lady Dior

Lady Dior

Lady Dior

 

Haruka Kojin

Lady Dior

Lady Dior

 

Morgane Tschiember

Lady Dior

Lady Dior

 

Li Shurui

Lady Dior

 

 Janaina Tschape

Lady Dior

 

Isabelle Cornaro

Lady Dior

Lady Dior

 

 Burcak Bingol

Lady Dior

Lady Dior

 

Olga de Amaral

Lady Dior

Lady Dior

Lady Dior

ถ้าสาวๆ คนไหนเห็นแล้วอยากหิ้วงานศิลปะเหล่านี้ก่อนใคร ก็เตรียมนับแบงค์ได้เลย เพราะกระเป๋ามีราคาเริ่มต้น $5000 หรือประมาณ 164,050 บาท โดยแต่ละใบจะมีจำหน่ายเฉพาะที่ Dior’s Miami Design District จนถึงสิ้นปี ก่อนที่จะเปิดตัวทั่วโลกในเดือนมกราคม ปี 2019

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

คอลเล็คเตอร์ทั่วโลกรุมแย่ง! กระเป๋า “Dior Lady Art” งานศิลปะจากฝีมือศิลปินระดับโลก

 เช็คให้ดี…ดูให้ชัวร์ 5 สิ่งควรรู้ ก่อนลงทุนซื้อ กระเป๋า Lady Dior สักใบ

ต้องสอยแล้ว! กระเป๋า ‘ดิออร์’ คอลเล็คชั่น SS 2018 ลายเก๋จนกระเป๋าสตางค์สั่น

งานดีมีสตอรี่! แว่นกันแดดสุดจี๊ดจาก “Dior” คอลเล็คชั่น Spring-Summer 2018 ดีไซน์แปลกแหวกสุดๆ

คัดมาแล้ว! ไอเท็มสีดำควรสอยจาก “Dior” แมตช์ลุคได้ทุกโอกาส


ภาพและที่มา : fashionweekdaily.com

นิโคลีน

10 จุดแข็ง “นิโคลีน” สร้างผลงานประวัติศาสตร์บนเวทีมิสเวิลด์ 2018

Alternative Textaccount_circle
นิโคลีน
นิโคลีน

นับเป็นความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งของคนไทย สำหรับการคว้าตำแหน่งรองชนะเลิศอันดับ 1 ในการประกวดเวทีระดับโลก มิสเวิลด์ 2018 (Miss World 2018) ของ “นิโคลีน-พิชาภา ลิมศนุกาญจน์” ตัวแทนสาวงามจากประเทศไทย ซึ่งถือว่าทำผลงานได้ดีที่สุดในประวัติศาตร์เลยทีเดียว

แน่นอนว่าความสำเร็จครั้งนี้ นิโคลีนไม่ได้คว้ามาง่ายๆ เธอต้องทุ่มเททั้งแรงใจและแรงกายจนสุดความสามารถ ซึ่งคนไทยทุกคนเห็นถึงความตั้งใจของเธอ รวมทั้งความเก่งกาจสามารถที่เป็นจุดแข็งที่ทำให้นิโคลีนมาถึงเส้นชัยในครั้งนี้ ซึ่งจะมีอะไรบ้างนั้น ไปดูกันค่ะ

  1. มีความสามารถรอบด้าน ปฏิเสธไม่ได้ว่านิโคลีนเป็นคนที่มีความสามารถหลากหลายและรอบด้านจริงๆ สังเกตง่ายๆ จากการประกวดในครั้งนี้ที่เธอติดอันดับแทบจะทุกรางวัล ไม่ว่าจะเป็น 10 คนสุดท้ายของมิสมัลติมีเดีย 18 คนสุดท้ายในกลุ่มความสามารถพิเศษ 32 คนสุดท้ายของกิจกรรม Top Model รวมถึงได้ผ่านเข้ารอบ 30 คนสุดท้ายแบบอัตโนมัติจากการแข่งขัน Head to Head Challenge
  2. ใช้ภาษาอังกฤษดีเยี่ยม การสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษสำหรับเวทีการประกวดระดับโลก นับเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะหากการสื่อสารไม่ราบรื่น ความคิดหรือความตั้งใจที่สาวงามอยากจะสื่อออกไป ก็อาจจะเข้าใจได้ยากยิ่ง แต่สำหรับนิโคลีนหายห่วงได้ในเรื่องนี้ เพราะเธอสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้สามารถสื่อสารได้อย่างลึกซึ้ง ซึ่งเป็นจุดแข็งที่ทำให้เธอสามารถแสดงทัศนคติได้อย่างโดดเด่นจนน่าประทับใจ
  3. สวยแบบอินเตอร์ ในการประกวดนางงาม เรื่องความสวยความงามต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งนิโคลีนมีจุดแข็งในข้อนี้อยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเธอมีความสวยในสไตล์อินเตอร์ที่ได้ใจทั้งกรรมการและแฟนๆ นางงามทั่วโลก ด้วยใบหน้าสวยคม ตาโต ผิวสวย ซึ่งอาจจะเป็นผลมาจากความกลมกล่อมที่พอดิบพอดีของการมีเชื้อสายทั้งไทย จีน และอเมริกันของนิโคลีนก็เป็นได้
  4. สวยมีสมอง ตอบคำถามชนะเลิศ รอบการประกวดที่ทำให้สาวงามตื่นเต้นและประหม่ามากที่สุด เห็นจะเป็นรอบการตอบคำถามต่อหน้าคณะกรรมการและคนทั้งโลก ที่แสดงให้เห็นถึงปฏิภาณไหวพริบและแนวคิดของสาวงามแต่ละคน ซึ่งบอกเลยว่าในทุกๆ รอบนิโคลีนทำได้ดีอย่างน่าชื่นชมที่สุด ทั้งจากการแข่งขันรอบ Head to Head Challenge ที่เธอพูดได้อย่างซาบซึ้งกินใจจนคณะกรรมการต้องเทคะแนนให้ และการตอบคำถามในรอบ 5 คนสุดท้าย ที่ถามว่า “จุดแข็งของนิโคลีนในการเป็น Miss World คืออะไร” แล้วเธอตอบว่า “จุดแข็งของฉันคือได้ทำในสิ่งที่รัก เช่น โครงการ Love For All โดยมีน้องชายที่เป็นโรคออทิสติกเป็นแรงบันดาลใจให้ฉันอยากเปลี่ยนแปลงโลกให้ดีขึ้น”
  5. ไม่ลดละความพยายาม เชื่อว่าทุกคนคงได้เห็นจุดแข็งข้อนี้ของนิโคลีนกันแล้วอย่างแน่นอน สำหรับความพยายามจนประสบความสำเร็จ เพราะอย่างที่ทราบกันว่า ก่อนหน้าที่นิโคลีนจะได้รับตำแหน่งมิสไทยแลนด์เวิลด์ 2018 จนได้เป็นตัวแทนสาวไทยมาประกวดมิสเวิลด์ครั้งนี้ เธอเคยผิดหวังจากเวทีมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2018 มาก่อน แต่นั่นไม่ทำให้เธอหมดหวังหรือลดละความพยายาม กลับเป็นแรงผลักดันให้เธอสู้ต่ออย่างมุ่งมั่นตั้งใจจนมาถึงจุดนี้ได้สำเร็จ
  6. นางงามจิตอาสา การันตีรางวัลจากโอบามา กิจกรรมจิตอาสาเป็นสิ่งที่นิโคลีน ทำมาตั้งเเต่สมัยเรียนที่ไฮสกูล ประเทศสหรัฐอเมริกา ก่อนที่จะมาประกวดที่ประเทศไทยด้วยซ้ำ โดยเริ่มตั้งเเต่อายุ 5 ขวบ ในตอนนั้นประเทศไทยเกิดสึนามิ เธอและเพื่อนๆ ได้เก็บรวบรวมเงิน โดยแคะกระปุกออมสิน นำมาบริจาคร่วมกับเพื่อนๆ ราวประมาณ 1,000 กว่าเหรียญ  จึงกลายเป็นที่มาให้เธอเดินหน้าทำความดี เเละเป็นจิตอาสาเรื่อยมา จนได้รับรางวัลจิตอาสาดีเด่น “THE PRESIDENT’S VOLUNTEER SERVICE AWARDS” จากประธานาธิบดี บารัค โอบา เลยทีเดียว นอกจากนี้ยังขึ้นไปบนดอยคอยสอนเด็กๆ เรื่องการแปรงฟัน อาบน้ำอย่างถูกวิธีเพื่อสุขอนามัยอีกด้วย
  7. มีทัศนคติเชิงบวก ทัศนคติเชิงบวกทำให้นิโคลีนมุ่งมั่นในการทำทุกอย่างด้วยความตั้งใจจริง และทำออกมาได้ดี อย่างการที่นิโคลีนมีความตั้งใจที่อยากเปลี่ยนแปลงโลกให้น่าอยู่มากยิ่งขึ้น ด้วยโครงการ love for all เพื่อเด็กออทิสติก ซึ่งมีที่มาจากทัศนคติเชิงบวกที่เธอมี แม้จะต้องเจอกับเรื่องแย่ๆ ก็ตาม
  8. นางงามผู้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ นิโคลีนสามารถเข้ารอบลึกสุดในรอบ 33 ปี นับตั้งแต่มีการส่งตัวแทนสาวไทยเข้าประกวด Miss World และเป็นตัวแทนเอเชียเพียงคนเดียวที่เข้ารอบ Top 5 ที่สำคัญถือเป็น Miss Thailand World คนแรกและคนเดียวที่ได้ตำแหน่งรองชนะเลิศอันดับ 1 ของเวทีมิสเวิลด์โดยไม่มีรองอันดับ 2 อีกด้วย
  9. มีความเป็นผู้นำ ต้องยอมรับว่านอกจากความสวย ความเก่ง และความฉลาดแล้ว นิโคลีนยังเป็นคนที่มีความเป็นผู้นำสูงอีกด้วย อย่างในการประกวดมิสเวิลด์ครั้งนี้ที่เห็นได้ชัดเลยคือ เธอได้รับหน้าที่เป็นผู้นำในการแสดง เรียกว่าโดดเด่นมากๆ รวมถึงความเป็นผู้นำครอบครัว ในฐานะพี่สาวที่นิโคลีนแสดงออกอย่างมุ่งมั่นในการทำเพื่อน้องชายที่เป็นออทิสติก
  10. มากประสบการณ์ผ่านมาหลายเวทีนางงาม
    – มิสไทยนิวเยียร์ยูเอสเอ 2014
    นิโคลีน พิชาภา ลิมศนุกาญจน์ ได้เข้าร่วมประกวดมิสไทยนิวเยียร์ยูเอสเอ 2014 และเธอสามารถคว้าตำแหน่งมิสไทยนิวเยียร์ยูเอสเอ 2014 พร้อมด้วยรางวัลชุดกีฬายอดเยี่ยม และชุดไทยยอดเยี่ยม
    – มิสทีนเอเชียยูเอสเอ 2015
    นิโคลีน พิชาภา ลิมศนุกาญจน์ ได้เข้าร่วมประกวดมิสทีนเอเชียยูเอสเอ 2015 และเธอสามารถคว้าตำแหน่งมิสทีนเอเชียยูเอสเอ 2015 พร้อมด้วยรางวัลบุคลิกภาพยอดเยี่ยม และชุดประจำชาติยอดเยี่ยม
    – มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2018
    นิโคลีน พิชาภา ลิมศนุกาญจน์ ได้เข้าร่วมประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2561 โดยได้หมายเลขประจำตัว คือ หมายเลข 1 โดยนิโคลีนสามารถเข้ารอบ 10 คนสุดท้ายได้ พร้อมด้วยรางวัล People’s Choice Award โดยผู้ชนะในปีนั้นคือโศภิดา กาญจนรินทร์
    – มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2018
    หลังจากการประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ได้จบลงซักพัก นิโคลีนก็ได้สมัครเข้าประกวดมิสไทยแลนด์เวิลด์ต่อ โดยได้หมายเลขประจำตัว คือ หมายเลข 7 ในช่วงการประกวดนิโคลีนถูกจัดอยู่ในกลุ่มตัวเก็งในประกวดมาโดยตลอด และเธอสามารถคว้าตำแหน่งมิสไทยแลนด์เวิลด์ 2561 มาครองได้สำเร็จ
    – มิสเวิลด์ 2018
    เวทีนางงามระดับโลกที่เพิ่งจบไปสดๆ ร้อนๆ นิโคลีนใช้ความสวยและสามารถรอบด้าน ทำให้คว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1  และ มิสเวิลด์เอเชีย+โอเชียเนีย ไปครอบครอง ซึ่งนิโคลีนยังได้รับคะแนนโหวตสูงสุดจากทั่วโลกอีกด้วย

เรื่อง : ทีมแพรวดอทคอม
ภาพ : #MissWorld2018

 

 

Chanel เลิกใช้หนัง exotic

ลาก่อนหนังสัตว์หายาก! Chanel ประกาศเลิกใช้หนัง exotic และขนสัตว์มาผลิตสินค้า

Chanel เลิกใช้หนัง exotic
Chanel เลิกใช้หนัง exotic

Chanel ประกาศเลิกใช้หนัง exotic ในการผลิตสินค้า ทำให้กลายเป็นแบรนด์สุดหรูแบรนด์แรกที่จะไม่ใช้หนังสัตว์หายาก อย่าง หนังจระเข้ , ตะกวด , งู และปลากระเบน รวมถึงขนสัตว์ชนิดต่างๆ ด้วย

แม้ว่าหลายแบรนด์จะหันมารับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น อย่างการงดใช้ขนสัตว์ในการผลิตสินค้าของตัวเอง แต่ก็ยังไม่มีแบรนด์ไหนออกมาประกาศยกเลิกการใช้หนังสัตว์ชนิดหายาก นอกจากแบรนด์หรูสัญชาติฝรั่งเศสอย่าง Chanel ที่ออกมาประกาศจุดยืนชัดเจนว่าขอโบกมือลาจากหนังสัตว์หล่านี้ ทั้งที่สินค้าของแบรนด์ เช่น กระเป๋า , เสื้อโค้ท และรองเท้าที่ทำจากหนังงู , หนังจระเข้และปลากระเบน มีราคาสูง เช่นเดียวกับกระเป๋า Chanel มือสองที่ทำจากหนัง exotic สามารถขายได้มากถึง 20,000 ปอนด์ หรือประมาณ 836,594 บาทบนโลกออนไลน์

ล่าสุดเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา กระเป๋าหนัง Python ถูกนำออกจากเว็บไซต์ของชาเนลอย่างเป็นทางการ ในขณะที่กระเป๋ามือสองรุ่นนี้สามารถขายได้ในราคา 5,000 ปอนด์ หรือประมาณ 209,148 บาท แต่กระเป๋าที่ทำจากหนังสัตว์แปลกๆ ของชาเนล ก็ยังคงมีขายตามเว็บไซต์อื่นๆ ในราคาหลายหมื่นปอนด์

Chanel เลิกใช้หนัง exotic
กระเป๋าหนังปลากระเบน ขายได้ในราคา 2,968 ปอนด์ หรือประมาณ 124,150 บาท บนเว็บไซต์อื่นๆ

 

Chanel เลิกใช้หนัง exotic
กระเป๋ามือสองของชาเนลจากปี 1990 ทำมาจากหนังตะกวด และขณะที่ผลิตภัณฑ์จากหนังสัตว์ถูกแบนจากเว็บไซต์ชาเนล แต่สินค้านี้สามารถซื้อได้ที่เว็บไซต์อื่นๆ ในราคา 3,360 ปอนด์ หรือประมาณ 140,547 บาท

โดยบรูโน่ พาฟโลฟสกี้ (Bruno Pavlovsky ) หัวหน้าฝ่ายแฟชั่นของชาเนล กล่าวว่า “เราจะไม่ใช้หนังสัตว์หายากในการสร้างสรรค์คอลเล็คชั่นต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพราะการใช้หนังสัตว์เหล่านี้ มันขัดกับหลักจริยธรรม” ด้านกลุ่มองค์กรพิทักษ์สัตว์ PETA ที่ทำงานต่อต้านการทรมานสัตว์ทุกรูปแบบ ก็ออกมาแสดงความคิดเห็นกับการประกาศยกเลิกใช้ exotic skins หรือหนังสัตว์แปลกๆ ของชาเนลว่า “มันเชยไปแล้ว สำหรับการใช้หนังสัตว์ที่ถูกทรมาน เพื่อนำมาผลิตเสื้อผ้าหรือเครื่องประดับ ซึ่งในขณะเดียวกันแบรนด์อื่นๆ เช่น Louis Vuitton ก็กำลังปฏิบัติตามการนำของชาเนล เปลี่ยนไปใช้วัสดุที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ซึ่งช่วยชีวิตสัตว์ที่ต้องทนอยู่กับความรุนแรง เจ็บปวดนับไม่ถ้วน”

Chanel เลิกใช้หนัง exotic
กระเป๋า Chanel 2.55 หนังจระเข้ ซึ่งตอนนี้ถูกห้ามลงในเว็บไซต์ของแบรนด์ แต่ยังหาได้ในราคา 22,000 ปอนด์ หรือประมาณ 920,253 บาท บน FarFetch เว็บขายเสื้อผ้าแฟชั่นจากอังกฤษ

 

Chanel เลิกใช้หนัง exotic
กระเป๋าชาเนล Grey Python Mini Flap ขายอยู่บนเว็บไซต์ Hardly Ever WornIt (HEWI) ในราคา 3,950 ปอนด์ ประมาณ 165,227 บาท และคาดว่ามูลค่าของกระเป๋ามือสองในรุ่นนี้จะเพิ่มมากขึ้น

ก่อนหน้านี้แบรนด์แฟชั่นชั้นนำก็ได้รับแรงกดดันอย่างหนัก จากการประกาศเลิกใช้ขนสัตว์ของ Gucci , Armani , Versace และ John Galliano แต่การการรณรงค์ด้านสิทธิสัตว์กับการหยุดใช้ผลิตภัณฑ์จากหนังจระเข้และหนังงูไม่ได้รับความร่วมมือจากแวดวงแฟชั่นมากนัก เพราะแบรนด์หรูบางแบรนด์ได้ลงทุนไปกับฟาร์มเลี้ยงสัตว์เลื้อยคลาน เพื่อให้สามารถรับประกันได้ว่าหนังที่นำมาใช้ไม่ผิดจริยธรรม

Claire Bass ผู้อำนวยการ Humane Society International  กล่าวว่า “เฟอร์เป็นธุรกิจที่ทำให้สัตว์นับล้านตัวไปสู่ชีวิตอันน่าสังเวชในฟาร์มขนสัตว์ ดังนั้น HSI จึงมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ชาเนลกลายเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ระดับโลกที่จะช่วยชีวิตสัตว์นับไม่ถ้วน อย่าง จระเข้ , ตะกวด , งู และปลากระเบน เพราะการเติบโตของแบรนด์หรูสามารถเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมได้ โดยที่ไม่ต้องเกี่ยวข้องกับการทนทุกข์ทรมานและการตายของสัตว์ ซึ่งจะนำไปสู่ยุคใหม่ของแฟชั่นที่มีจริยธรรม ส่วนแบรนด์ที่ใช้ขนสัตว์ เช่น Fendi , Dolce & Gabbana และ Louis Vuitton จำเป็นต้องเอาใจใส่และควรเลิกใช้ขนสัตว์ในอนาคตข้างหน้า”

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

รวม 6 ไฮไลท์เด็ด! แฟชั่นโชว์ Chanel Métiers d’Art 2018/19 สะท้อนชีวิตอียิปต์โบราณ

เปิด 5 เรื่อง (ไม่) ลับเกี่ยวกับไอเท็มยอดฮิตจาก Chanel ที่สาวกควรรู้

5 ข้อควรรู้ ก่อนเสียเงินเปย์ Chanel Classic Flap Bag ไว้ครอบครอง

ไอเท็มโปรดคนดัง! พาเช็คความชัวร์ก่อนฟาด ‘กระเป๋า Chanel Gabrielle’ ราคาหลักแสน


ภาพและที่มา : www.dailymail.co.uk

สนีกเกอร์คู่ใจ

ราคาสบายกระเป๋า! ส่งทายปีด้วย 7 สนีกเกอร์คู่ใจ ที่คุณไม่ควรพลาด

สนีกเกอร์คู่ใจ
สนีกเกอร์คู่ใจ

ปีใหม่ เทศกาลหยุดยาว ที่หลายคนเตรียมแพ็คกระเป๋าชวนแก๊งเพื่อนซี้ คนรัก หรือครอบครัวออกเที่ยวสัมผัสลมหนาว ซึ่งไอเท็มติดกระเป๋าที่ทุกคนไม่ควรลืมก็คือ รองเท้าผ้าใบหรือ สนีกเกอร์คู่ใจ ที่ใส่ลุยได้ทุกที่ เพราะนอกจากจะสวมใส่สบายแล้ว ยังเพิ่มลุคเท่ๆ ให้คุณได้ดูดีอีกด้วย แต่ใครที่ยังไม่มีสนีกเกอร์คู่ใจหรือกำลังมองหาคู่ใหม่ ต้องแวะไปที่งาน “Central Sneaker Mania” เพราะรวมสุดยอดสนีกเกอร์แบรนด์ดังรุ่นใหม่ล่าสุด และรุ่นยอดนิยม มาให้เลือกช้อปกันแบบจุใจ พร้อมส่วนลดสูงสุด 20% ระหว่างวันที่ 27 พ.ย. – 10 ธ.ค. 61 ซึ่งวันนี้เราหยิบสนีกเกอร์รุ่นเด็ดบางส่วนมาให้ชมกันก่อน ส่วนใครถูกใจรุ่นไหนพุ่งตัวไปช้อปกันได้เลย

เริ่มที่สนีกเกอร์สำหรับ หนุ่มๆ ที่ต้องการความคล่องตัว แต่ยังคงความเท่ในแบบหนุ่มคลาสสิก

Fila “Mind Blower” ราคา 2,990 บาท

สนีกเกอร์คู่ใจ

เริ่มที่คู่แรกสำหรับ Fila รุ่น Mind Blower ผ้าใบสุดคลาสสิกจากยุค 90s ที่นำกลับมาดีไซน์ใหม่ให้มีความโดดเด่นด้วยโลโก้ FILA ที่สร้างความแปลกใหม่ด้วยการออกแบบโลโก้ให้ต่างไปจากเดิม รวมทั้งการจัดวางโลโก้ขนาดใหญ่ในตำแหน่ง midsole (บริเวณตรงกลางรองเท้า) เพิ่มความเท่ มีสไตล์ ชวนสะดุดตาเห็นได้อย่างเด่นชัด

 

New Balance “574 sport” ราคา 3,990 บาท

สนีกเกอร์คู่ใจ

เติมความเท่กันต่อกับ New Balance รุ่น 574 sport จากรองเท้าวิ่งที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก นำมาดีไซน์ใหม่ให้มีความทันสมัยผสมผสานความคลาสสิกเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว จนกลายเป็นรองเท้ารุ่นใหม่ที่มีความโดดเด่นไม่เหมือนใครล นอกจากนี้ยังใช้วัสดุพิเศษที่ช่วยให้รองเท้ามีน้ำหนักเบา พร้อมด้วยเทคโนโลยี Fresh Foam ที่พื้นรองเท้าชั้นกลาง ทำให้ใส่สบาย จึงมั่นใจได้ว่ารองเท้าคู่นี้จะตอบโจทย์ในทุกๆ วันของคุณ

 

New Balance “X-90” ราคา 3,990 บาท

สนีกเกอร์คู่ใจ

สำหรับหนุ่มที่ชอบความเรียบง่าย New Balance รุ่น X-90 ตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี เพราะนำดีไซน์ใหม่ในสไตล์มินิมอลและรูปทรงแบบคลาสสิกเข้าไว้ด้วยกัน จนได้เป็นรองเท้าสไตล์ Chunky ที่สมบูรณ์แบบ โดยผสมผสานเข้ากับเทคโนโลยีสุดล้ำจาก New Balance ด้วยพื้นรองเท้าแบบ REVlite ที่ช่วยรองรับแรงกระแทกและเพิ่มความนุ่มสบายในการสวมใส่มากยิ่งขึ้น

 

ด้านสาวๆ เราก็มีสนีกเกอร์แบรนด์ดัง หลากหลายสไตล์มาให้เลือกช้อปด้วยเช่นกัน

Fila “Disruptor 3 Premium” ราคา 2,990 บาท

สนีกเกอร์คู่ใจ

เริ่มที่ชังกี้สนีกเกอร์ที่กำลังเป็นที่นิยมของสาวๆ ทั่วโลก ด้วยแบรนด์ดังอย่าง Fila รุ่น Disruptor 3 Premium อีกหนึ่งสนีกเกอร์ที่สาวๆ ควรมี เพราะโดดเด่นด้วยแฟชั่นรองเท้าของยุค 90s ในโทนสีเทาและสีแดง บริเวณด้านบนของรองเท้าทำจากหนังกำมะหยี่ งานนี้สาวสายสตรีทแฟชั่นไม่ควรพลาดอย่างแรง

 

NIKE “W AF1 JESTER PRINT” ราคา 4,200 บาท

สนีกเกอร์คู่ใจ

ว้าวกันต่อกับสนีกเกอร์ระดับตำนานจากแบรนด์ Nike รุ่น W AF1 JESTER PRINT ที่มาพร้อมความสดใสและสวยงาม  ด้วยพื้นรองเท้าแบบฟันเลื่อยและเพิ่มลูกเล่นด้วยสีนีออนที่ขอบพื้นรองเท้า ทำให้สวยสะดุดตา นอกจากนี้ยังลดแรงกระแทก ด้วยระบบ Nike Air ให้รู้สึกเบาสบายในทุกย่างก้าวของสาวๆ

 

Nike Air Vapormax Flyknit 2 ราคา 6,700 บาท

สนีกเกอร์คู่ใจ

เอาใจสาวหวานที่ชื่นชอบการวิ่งกันบ้าง ด้วยรองเท้า Nike Air Vapormax Flyknit 2 มาพร้อมนวัตกรรม Max Air แบบใหม่ล่าสุดใต้ฝ่าเท้าให้ความรู้สึกเหมือนวิ่งบนอากาศ ด้วย VaporMax และดีไซน์ใหม่ที่ช่วยรองรับรอบส้นเท้าได้ดียิ่งขึ้น คู่กับสัมผัสที่โอบรับพอดีเท้าของ Flyknit พื้นรองเท้าสุดล้ำเติมเต็มความสมบูรณ์แบบให้รองเท้า พร้อมมอบลุคเหนือระดับสำหรับสาวๆ

 

Onitsuga Tiger “GSM” ราคา 4,500 บาท

สนีกเกอร์คู่ใจ

ปิดท้ายกับคอลเล็คชั่นต้อนรับปีใหม่ Onitsuga Tiger รุ่น GSM ที่ได้แรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากรองเท้าเทนนิสปี 1970 ความพิเศษของรองเท้ารุ่นนี้ คือ การห้อย Tag หัวเสือที่เป็นสัญลักษณ์ของ Onitsuka Tiger ทั้งยังแฝงลูกเล่นของผ้าแบบขนตุ๊กตาลงในไลน์ Tiger Stripe โดยคอลเล็คชั่นนี้มาในคอนเซ็ปต์ Playful Holiday เพื่อให้เหมาะกับเทศกาลในการเฉลิมฉลองช่วงวันหยุดสิ้นปีอีกด้วย

ช้อปรองเท้าคู่ใหม่ไว้ใส่ออกไปท่องโลกกว้าง ได้ที่งาน “Central Sneaker Mania” รวบรวมสุดยอดสนีกเกอร์หลากหลายแบรนด์ดังรุ่นใหม่ล่าสุด มาให้คนรักรองเท้ากีฬาและรองเท้าผ้าใบได้เลือกช้อปกันแบบจุใจ พร้อมส่วนลดสูงสุด 20% รับรองว่าปีใหม่ทุกย่างเก้าของคุณจะโดดเด่นอย่างมีสไตล์แน่นอน

 

‘ไอซ์ พาริส’

ธรรมดาที่ไหน! ‘ไอซ์ พาริส’ ผู้หลงใหลในเสียงดนตรี ฝันอยากเป็นศิลปินเดี่ยว

‘ไอซ์ พาริส’
‘ไอซ์ พาริส’

‘ไอซ์ พาริส’ ฝันอยากเป็นศิลปินเดี่ยว ทำเพลงเอง เพราะชื่นชอบและหลงใหลในเสียงดนตรีมาตั้งแต่เด็กๆ เจ้าตัวเผยรู้สึกสนุกทุกครั้งเมื่อได้อยู่กับเสียงดนตรี

 ‘ไอซ์ พาริส’โด่งดังมาจากบท ‘ฉี’ ในละคร ‘เลือดข้นคนจาง’ สำหรับ ไอซ์-พาริส อินทรโกมาลย์สุต ที่ถึงแม้ละครจะจบลงไปแล้ว แต่กระแสตอบรับก็ยังแรงไม่ตก แถมไปไหนมาไหนมีแต่คนตะโกนเรียก “ฉี” เต็มไปหมด เพราะบทนี้ส่งให้หนุ่มไอซ์ดังเป็นพลุแตก แถมมีงานอย่างต่อเนื่อง เพราะกำลังซุ่มถ่ายซีรีส์เรื่องใหม่อีกเรื่องอยู่

นอกจากนี้ ‘ไอซ์ พาริส’ ยังมีงานเพลงให้แฟนๆ ได้ติดตามกับการรวมตัวของ 9 หนุ่มหล่อ ในโปรเจ็กต์ NINE BY NINE ที่ปล่อยเพลง NIGHT LIGHT มาให้สาวๆ ได้กรี๊ดกันแล้ว ซึ่งกระแสตอบรับยังดีสุดๆ สำหรับหนุ่มไอซ์ผู้ที่หลงใหลในเสียงดนตรีมาตั้งแต่เด็กๆ เปิดใจกับ แพรวดอทคอม ว่าพอทราบว่าจะได้มาทำเพลงในโปรเจ็กต์นี้ รู้สึกดีใจมาก เพราะเป็นความฝันตั้งแต่เด็กที่อยากจะเป็นศิลปิน และถ้ามีโอกาสก็อยากจะเป็นศิลปินเดี่ยวอีกด้วย

ละครจบไปแล้ว แต่กระแสของไอซ์ยังไม่ตกเลย

“กระแสตอบรับมันก็ดีมาตั้งแต่ช่วงแรกๆ แล้ว พอจบไปก็ยังมีกระแสที่ดีมากด้วย ที่ตอนจบมันเป็นแบบนี้ๆ มันก็มีทั้งคนชอบทั้งคนติ แต่ว่าผมรู้สึกว่ามันก็เป็นอะไรที่ดีนะ ที่มีคนสนใจเยอะมาก แล้วก็รู้สึกดีใจที่เราได้เป็นส่วนหนึ่งในผลงานดีๆ ที่แบบเกิดขึ้นในเมืองไทย”

เรียกว่าชีวิตเปลี่ยนเลยไหม หลังละครเรื่องนี้จบ

“เปลี่ยนครับ เพราะมันก็เหนื่อยขึ้นเยอะเลย ช่วงนี้ก็เหมือนมีงานเข้ามามากขึ้น รู้สึกว่าเราแบบโชคดีที่ได้โอกาสนี้มา ขอบคุณทุกคนที่คอยติดตามด้วย”

บท “ฉี” เป็นบทที่ค่อนข้างซีเรียสนะ

“ผมว่าซีเรียสทุกคนเลย ทั้งเรื่องด้วย”

‘ไอซ์ พาริส’พอรู้ว่าจะได้เล่นกับ พี่แหม่ม, พี่แท่ง, พี่เจี๊ยบ,พี่อุ๋ม  แต่ละคนเก่งๆ และคร่ำหวอดอยู่ในวงการมานาน รู้สึกตื่นเต้นไหม

“คือตอนแรก เรากลัวครับ ด้วยความที่มันเป็นพี่ย้ง กำกับ แค่นั้นเราก็กลัวแล้ว แล้วพี่ย้งก็จะมาบอกว่าเนี่ยมีนักแสดงผู้ใหญ่เขาเล่นกันดีๆ นะ พวกแกเล่นกันดีๆ นะ แล้วที่หนักสุดคือพี่ๆ ใน NINE BY NINE เนี่ยแหละครับ ทั้งพี่ต่อ พี่เจ พี่เจมส์ ก็จะชอบมาขู่ ว่าเนี่ยนักแสดงผู้ใหญ่เขาทำการบ้านกันมาดีนะ ถ้าเล่นไม่ได้นี่ แย่นะ ก็จะมาพูดกรอกหูเราอยู่แบบนี้ทุกวันเลย เราก็กลัวนะ กลัวมาก แต่พอเราได้ออกกองไปเจอนักแสดงผู้ใหญ่จริงๆ เจอพี่ย้งปรากฏว่ามันไม่ใช่อะไรอย่างนั้นเลย ทุกคนน่ารักมาก ทุกคนพยายามช่วยเรา แนะนำเรา ทุกคนดูอยากให้งานออกมาดี ตั้งใจ มันกลายเป็นการทำงานที่สนุก เพราะเราก็ตั้งใจมาก เพราะกลัวจะไปเป็นตัวถ่วงเขา เหมือนต้องตั้งใจมาก เราก็อยากให้มันออกมาดี ปรากฏว่าพอเราไปถึงจริงๆ ทุกคนน่ารัก น่ารักมาก เราก็เลยรักพี่ๆ ทุกคนไปเลย ทำงานด้วยกันมันก็สนุกไปเลย”

ก่อนหน้านี้เคยมีผลงานมาก่อนแล้วด้วย 1 เรื่อง

“เรียกว่าเป็นนักแสดงสมทบใน ซีรีส์ SOS คือรับเชิญแค่นิดเดียว ยังไม่ได้มีบทจริงจัง”

เลือดข้นฯ จบไปแล้ว มีละครเรื่องใหม่หรือยัง

“ตอนนี้ก็กำลังถ่ายเรื่องต่อไปอยู่ครับ ก็ต้องบินไปถ่ายที่เชียงใหม่ทุกวีค เป็นซีรีส์แฟนตาซีหน่อยๆ เป็นแนวจิกหมอน เขินๆ หน่อย”

‘ไอซ์ พาริส’ในส่วนของงานเพลงล่ะ

“ตอนนี้เราออกเพลงแรกมาแล้ว คือเพลง NIGHT LIGHT ส่วนเพลงที่ 2 เราก็อัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว กำลังเตรียมที่จะปล่อย เดี๋ยวใกล้ๆ จะไปถ่ายเอ็มวีภายในเดือนนี้แหละครับ ก็จะเตรียมปล่อยเดือนหน้า”

เพลงแรกกระแสตอบรับเป็นยังไงบ้าง

“กระแสตอบรับค่อนข้างดี ใน Line TV วิวก็พุ่งเยอะมาก เป็นกระแสตอบรับที่ดี วันเปิดตัวที่พาร์ค พารากอน ก็มีคนมาเต็มลานเลย ก็รู้สึกดีใจ อยากจะขอบคุณที่ค่อยซัพพอร์ตเรา เราทำเพลงออกมาเป็นแนวเพลงที่ช่วงนี้ไม่ค่อยมี หรือมีน้อย ก็มีความกลัวอยู่นิดนึงว่าคนจะชอบไหม แต่พอกระแสออกมาดีรู้สึกดีใจ ภูมิใจ”

ชอบไหมกับการเป็นนักร้อง

“ชอบครับ ผมเป็นคนที่ชอบเสียงดนตรีมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ผมเริ่มจากการทำวง ผมมีวงกับน้องแจ๊คกี้มาก่อน เป็นคนที่หลงใหลในเสียงดนตรีมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว พอได้มาทำตรงนี้รู้สึกสนุกและเอ็นจอยมาก”

ระหว่างการแสดงกับนักร้อง ชอบงานไหนมากกว่ากัน

“มันตอบยากว่าชอบอันไหนมากกว่ากัน ผมว่าถ้าเกิดต้องให้เลือกจริงๆ ผมเลือกดนตรีเพราะว่ามันไม่ใช่ว่าเราชอบมากกว่านะ แต่เราอยู่กับมันมานานกว่า เราเลยรู้สึกว่าเราถนัด เรามีความผูกพันกับมันมากกว่า แต่ถ้าต้องเลือกจริงๆ มันก็เลือกไม่ได้ เพราะเราชอบทั้งคู่ อยากจะทำทั้งสองอย่างควบคู่กันไป”

‘ไอซ์ พาริส’มีแพลนในอนาคตหรือยัง ว่าอยากจะทำอะไรในวงการบันเทิงอีก

“ที่อยากทำเลยคืออยากมีเพลงเป็นของตัวเอง ทำเพลงเอง เราไม่รู้เราทำได้ดีแค่ไหน เรามีการวางแพลนไว้เหมือนกันว่าจะทำเพลงเดี่ยวเป็นของตัวเอง แต่ด้วยความที่ช่วงตรงนี้มันยังยุ่งมาก ก็เลยยังไม่ได้ทำอะไรลงลึกมาก”

แสดงว่าในอนาคตอาจจะได้เห็นไอซ์เป็นศิลปินเดี่ยว

“มันเป็นความฝันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว คือผมเริ่มเล่นดนตรี เริ่มเล่นกีต้าร์ตอน ม. 2 เพราะว่าช่วงนั้น เป็นครั้งแรกที่ผมได้ไป Big Mountain แล้วได้ไปเห็น บอดี้สแลม เห็นพี่ยอดมือกีต้าร์ บอดี้สแลม ผมยาวๆ สะบัดผม ผมเขาปลิว แล้วมีแสงอยู่ข้างหลัง แล้วมีคนเป็นแสน เราเห็นในจอตอนที่เขาฉายพี่ยอดฉายพี่ยอดจากข้างหลัง ผ่านคนดู ผมรู้สึกผมเห็นแล้ว ผมต้องอยู่จุดนั้นให้ได้อ่ะ มันเป็นอะไรที่ตรึงตรา ตรึงใจเรามาก มันเกินคำบรรยาย ณ โมเม้นต์นั้น คือผมตายไปเลยขอนอนอยู่ตรงนั้นไปเลย มันเหมือนเป็นพลังที่เราต้องการในชีวิต เป็นเหมือนแรงขับเคลื่อน แล้วก็เลยกลายเป็นความฝันตั้งแต่ตอนนั้นมา และความฝันนั้นก็ยังอยู่ เราก็เลยอยากทำให้มันสำเร็จ ถามว่าเราอยากเป็นศิลปินเดี่ยวอย่างเดียวเลยใช่ไหม มันก็ไม่ใช่ขนาดนั้น เพราะพอเราได้มาทำงานแสดง เราก็ตกหลุมรักงานแสดงมากๆ เหมือนกัน ตอนนี้ก็ทำให้มันแคบลงมาแล้ว รู้ว่าเราชอบอะไร แต่มันอาจจะยังไม่เป๊ะ เพราะเหมือนตอนนี้เราสามารถตัดออกไปได้แล้วว่าสิ่งที่เราไม่ชอบคืออะไร แต่ว่าเรายังหาไม่ได้เป๊ะๆ ว่าเราชอบอะไร อยากจะลองทำไปก่อน แต่ความฝันที่จะเป็นศิลปินเราก็ยังไม่ทิ้งนะ เพราะเราตั้งเป้ามานานแล้ว ความฝันจริงๆ คืออยากจะขึ้นคอนเสิร์ตใหญ่ๆ แบบบอดี้สแลมอะไรอย่างนี้ คือเห็นพี่ตูนบนคอนเสิร์ตแล้วเขาบอกให้ทุกคนกระโดด แล้วทุกคนก็สนุกไปกับพี่เขา เห็นแล้วเราจะร้องไห้เลย มันตื้นตันมาก เป็นความฝันของเราเลยครับ”

9 ไฮไลท์เด็ด Hermès ช็อปใหม่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา หรูหราสมกับเป็นแบรนด์แฟชั่นไอคอนระดับโลก

9ไฮไลท์เด็ด Hermès ช็อปใหม่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา หรูหราสมกับเป็นแบรนด์แฟชั่นไอคอนระดับโลก…เป็นเวลากว่า 180 ปีแล้วที่ Hermès ได้หยิบเอางานศิลปะมาสร้างสรรค์ได้อย่างทรงคุณค่าและมีเรื่องราวให้คนทั่วโลกได้จดจำในฐานะแบรนด์แฟชั่นระดับโลกที่ครองใจผู้คนมาตั้งแต่ปี 1837

ล่าสุดกับการเปิดช็อปใหม่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา Hermès ได้แสดงตัวตนอย่างมีเอกลักษณ์ โดยตั้งตระหง่านอย่างสง่างามอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งที่นี่จะเป็นอีกหนึ่งแห่งใหม่ที่มีไฮไลท์เด็ดๆ ไม่แพ้กับช็อปHermès ที่อื่นในเมืองไทย แต่จะเต็มไปด้วยความพิเศษมากมาย ถึง 9 เรื่องเด็ด โดยเฉพาะการออกแบบ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในปรพะเทศไทยสำหรับช็อปใหม่ของ Hermès ณ ICONSIAM กรุงเทพมหานคร

1. งดงามด้วยรายละเอียดของการออกแบบสถาปัตยกรรมโดยใช้ RDAI ซึ่งเป็นบริษัทออกแบบจากส่งตรงมาจากปารีส ประเทศฝรั่งเศส

2. ภายในร้านออกแบบเป็นสองชั้นนี้มีพื้นที่รวมถึง 368 ตรม. ซึ่งเป็นร้าน Hermès ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยอีกด้วย

3. ช็อปแห่งนี้เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมที่สวยงามและเป็นเอกลักษณ์ พื้นหินขัดสีชาและน้ำตาลเทาฝังด้วยไวท์สโตนดูเรียบง่ายสะอาดตา

4. บริเวณด้านหน้าของร้านเป็นกระจกพับซ้อนขนาดใหญ่ที่สูงเด่นสง่างาม อีกทั้งเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งด้านในที่ลาดเอียงไปในทิศทางเดียวกันกับกระจกด้านนอก ให้ความรู้สึกที่โดดเด่น แตกต่าง และมีมิติที่สวยงาม

5. ภายในช็อปตกแต่งด้วยโคมไฟ Grecques lights ที่ถูกออกแบบขึ้นตั้งแต่ปี 1925 ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของร้าน Hermès

6. การจัดแบ่งโซนนั้นแยกออกเป็น 4 ส่วน แต่ละส่วนถูกแบ่งด้วยบานกระจกขนาดใหญ่ จัดแสดงสินค้าได้แก่ ผ้าพันคอซิลค์ น้ำหอม เครื่องประดับแฟชั่น ตามมาด้วยพื้นที่แสดงสินค้าเครื่องหนัง เครื่องแต่งกายของบุรุษและสตรี และส่วนของนาฬิกาและเครื่องประดับจิวเวลรี่ ทำให้สามารถชมสินค้าของ Hermès ท่ามกลางทัศนียภาพของแม่น้ำเจ้าพระยาได้อย่างน่าประทับใจ

7. ทั้ง 2 ชั้นของร้านถูกเชื่อมด้วยบันได มีความโปร่งโล่ง ออกแบบมาจากหินและไม้พิเศษ ระหว่างทางเดินลงไปที่ชั้น Ground floor สามารถมองออกไปเห็นแม่น้ำเจ้าพระยา เมื่อเข้าสู่ชั้นนี้จะเป็นมุมมองที่เปิดกว้างออกไปสู่ตัวอาคารด้านนอก

8. สินค้าในกลุ่ม Equestrian ที่เกี่ยวข้องกับม้าอันเป็นต้นกำเนิดของแบรนด์จะถูกจัดแสดงอยู่ในชั้น Ground floor พร้อมด้วยสินค้าในกลุ่มเฟอร์นิเจอร์สำหรับบ้านที่มาเปิดตัวเป็นครั้งแรกในประเทศไทย

9. ความประณีตงดงามของกระจกส่วนหน้าได้รับแรงบันดาลใจจากกระทงของไทย ที่ถูกประดับด้วยตาข่ายถักระยิบระยับ โอบล้อมร้านทั้งสองชั้นไว้ให้เป็นหนึ่งเดียว

ความพิเศษของ Hermès แห่งใหม่ที่ถูกเนรมิตขึ้นนั้น ยังมาพร้อมไอเท็มสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่ออกแบบขึ้นมาใหม่นั่นก็คือ กระเป๋า kit bag ที่สร้างสรรค์ขึ้นจาก H canvas และ Swift calfskin สี turquoise และถุงมือชกมวยทำจากหนังสีเข้ากัน ทั้งสองผลิตภัณฑ์ประดับด้วย calfskin badge และ tiger head ที่ออกแบบและวาดด้วยมือ ผลงานทั้งหมดสร้างสรรค์โดยนักธรรมชาติวิทยา Robert Dallet เพื่อเป็นการฉลองช็อปใหม่ของ Hermès อีกด้วย


เวทีมิสยูนิเวิร์ส

ฟาดกันสุด! ตามดูชุดประจำชาติ 7 ประเทศในแถบเอเชีย เวทีมิสยูนิเวิร์ส

Alternative Textaccount_circle
เวทีมิสยูนิเวิร์ส
เวทีมิสยูนิเวิร์ส

รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง! ตามส่องคู่แข่ง เวทีมิสยูนิเวิร์ส เจาะชุดประจำชาติ 7 ประเทศในแถบเอเชีย สวย เด่น กินกันไม่ลง

เหลือเวลาอีกไม่เท่าไหร่แล้ว การประกวดรอบตัดเชือกของ เวทีมิสยูนิเวิร์ส จะเริ่มต้นขึ้น โดยในสัปดาห์นี้ประเด็นที่พูดถึงกันเป็นอย่างมากก็คือ การเตรียมพร้อมของแต่ละประเทศในรอบ ชุดประจำชาติ (National Costumes) ซึ่งตอนนี้ก็มีหลายประเทศเหมือนกัน ที่ทำการเปิดตัวชุดประจำชาติ วันนี้ แพรวดอทคอม เลยขอถือโอกาสรวบรวมชุดประจำชาติ 7 ประเทศในแถบเอเชีย มาให้ได้ชมกัน จะมีประเทศอะไรบ้างนั้น ไปติดตามกันเลยดีกว่า


Thailand

ประเทศไทยปีส่งชุด Chang the Icon of Siam ไปสู้ศึกบนเวทีนางงามจักรวาล เพราะมีความโดดเด่นในการนำเสนอความเป็นไทยและมีความร่วมสมัยด้วยการใช้เทคนิคพิเศษที่สามารถแปลง Transform จากชุดราตรีเป็นชุด Chang the Icon of Siam เชื่อว่าจะสร้างความประทับใจให้ผู้ชมทั่วโลกที่ติดตามชมการประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2018

เวทีมิสยูนิเวิร์ส

นิ้ง-โศภิดา กาญจนรินทร์


China

อีกหนึ่งประเทศน่าจับตามองก็คือประเทศจีน ครั้งนี้มาในชุดมังกรสีทองอร่าม โดยได้รับแรงบันดาลใจจาก บูเช็กเทียน จักรพรรดินีองค์เดียวในประวัติศาสตร์ นอกจากชุดที่มีสไตล์เป็นเอกลักษณ์แล้ว สีของชุดยังขับผิว ส่งให้สาวงามโดดเด่นยิ่งขึ้นอีกด้วย

เวทีมิสยูนิเวิร์ส

Meisu Qin ตัวแทนสาวงามจากประเทศจีน

เวทีมิสยูนิเวิร์ส


Korea

สำหรับของเกาหลียังเน้นชุดแบบฮันบก ที่ดูแปลกตาไปอาจจะเป็นทรงผมที่มีการครีเอทให้เก๋ขึ้นกว่าเก่า แม้ชุดจะไม่แตกต่างจากเดิมเท่าไหร่ แต่เชื่อว่าตัวแทนจากเกาหลีใต้  น่าจะมีไม้เด็ดที่ทำให้กรรมการลงคะแนนให้เธออย่างแน่นอน

เวทีมิสยูนิเวิร์ส

Baek Ji Hyun ตัวแทนจาก สาธารณรัฐเกาหลีใต้


Vietnam

เวียดนามได้เปิดเผยชุด 6 แบบ ออกมาให้ประชาชนได้เลือก ทว่ายังไม่ตัดสิน แต่ถึงอย่างนั้น ชุดที่ถูกพูดถึงจนกลายเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ก็คือชุด“Banh Mi” (บั๋นหมี่) หรือ แซนด์วิชเวียดนามที่เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก

 เวทีมิสยูนิเวิร์ส

เวทีมิสยูนิเวิร์ส

H’Hen Nie ตัวแทนผู้เข้าประกวดจากเวียดนาม 


Cambodia

ด้านกัมพูชาส่งชุดที่มีชื่อว่า “The Kingdom of Wonder” ลงสู้กศึก สำหรับชุดนี้เป็นผลงานของห้องเสื้อ Madam Boutique Amy ซึ่งชุดนี้จะเป็นการพรีเซ็นต์ทั้งประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน และวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของประเทศกัมพูชา ได้แรงบันดาลใจมาจากยุคศตวรรษที่ 15-18 โดยจุดเด่นของชุดอยู่ที่ฉากด้านหลังเป็นธงชาติรูปทรงแผนที่ของประเทศ โดยมีนครวัดนครธม มรดกโลกที่แต่งตั้งโดยองค์กรยูเนสโก อยู่ตรงกลาง

 

เวทีมิสยูนิเวิร์ส

Rern Sinat ตัวแทนจาก ประเทศกัมพูชา


Japan

ถือเป็นชาติที่ไอเดียสร้างสรรค์สุดๆ สำหรับประเทศญีปุ่น ที่งานนี้ส่งตัวแทนแห่งดวงจันทร์ “เซเลอร์มูน” มาร่วมประกวดด้วยโดยชุดนี้เป็นชุดแบบ 2 IN 1 ชุดแรกจะเป็นชุดนินจา อีกหนึ่งชุดก็คือเซเลอร์มูน โดยความพิเศษที่ชาติไหนก็หาไม่ได้ก็คือเป็นชุดลิขสิทธิ์แท้ที่ออกแบบโดย อ.นาโอโกะ ทาเคอุจิ

เวทีมิสยูนิเวิร์ส

ยูมิ คาโต้ ตัวแทนผู้เข้าประกวดจากประเทศญีปุ่น

เวทีมิสยูนิเวิร์ส


Malaysia

ชุดประจำชาติมาเลเซีย ปีนี้มาแนวดุดัน ช่วงบนมีความวิจิตรของลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์

เวทีมิสยูนิเวิร์ส

Jane Teoh เป็นตัวแทนจากมาเลเซีย


เป็นอย่างไรกันบ้างกับชุดประจำชาติของทั้ง 7 ประเทศ มีความงดงามงามกินกันไม่ลงเลย เอาเป็นว่าใครชอบชุดไหนก็อย่าลืมคอมเม้นต์บอกกันบ้างนะคะ

สวยลุคดี! รวม 9 ดาราหญิงไทยที่ได้เป็นพรีเซ็นเตอร์คนแรกให้กับแบรนด์บิวตี้

Alternative Textaccount_circle

ผลิตภัณฑ์ความงามกับพรีเซ็นเตอร์ผู้หญิงสวยๆ ถือเป็นของคู่กัน ยิ่งได้ซูเปอร์สตาร์ ดาราดังที่มีฐานแฟนคลับเยอะๆ ยิ่งส่งผลดีต่อแบรนด์ เพราะเป็นการขยายกลุ่มเป้าหมายและยอดจำหน่ายให้พุ่งเกินเป้าหมายที่วางไว้ แถมได้ภาพลักษณ์ที่ดีต่อตัวแบรนด์นั้นๆ ด้วย ซึ่งเรื่องพรีเซ็นเตอร์แบรนด์ต่างๆ ทุกคนคงเห็นและเคยชินกันไปแล้ว หรือแม้กระทั่งจำได้ว่าใครเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้แบรนด์อะไรบ้าง แล้วแบรนด์บิวตี้หลายๆ แบรนด์ที่ทั้งมีมานานแล้ว และเพิ่งเปิดตัวไม่นาน ทุกคนรู้จักบ้างหรือเปล่าว่า ใคร? ดาราคนไหน? เป็น พรีเซ็นเตอร์คนแรก ให้กับแบรนด์นั้นๆ วันนี้ แพรวดอทคอม ได้รวบรวมดาราหญิงคนไทยที่ได้เป็นพรีเซ็นเตอร์คนแรกให้กับแบรนด์บิวตี้มาบอกกันค่ะ

“นุ่น-สินิทธา บุญยศักดิ์” พรีเซ็นเตอร์คนแรกของแบรนด์ Mistine (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น นุ่น-ดารัณ บุญยศักดิ์)

แบรนด์ Mistine เริ่มใช้พรีเซ็นเตอร์ครั้งแรกหลังจากตั้งบริษัทมาได้ 2 ปี และดาราหญิงคนแรกที่ได้เป็นพรีเซ็นเตอร์คือ นุ่น-ดารัณ บุญยศักดิ์ ซึ่งโฆษณาเครื่องสำอางมิสทีนที่แสดงคู่กับ ไมเคิล พูพาร์ท ในบท “ฟ้า-รุจน์” ถือเป็นผลงานที่สร้างชื่อให้นุ่นเลยทีเดียวในสมัยนั้น จากยุคเริ่มแรกของการสร้างแบรนด์คำว่า “มิสทิน มาแล้วค่ะ” ผ่านทางภาพยนตร์โฆษณา และมี “พรีเซ็นเตอร์” เป็นผู้ช่วยคนสำคัญ ซึ่งจะสังเกตได้ว่ามิสทีนจะมีพรีเซ็นเตอร์หลักแต่ละบิวตี้ไอเท็มตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ทำให้แบรนด์แข็งแกร่งถึงทุกวันนี้


“แต้ว-ณฐพร เตมีรักษ์” ดาราไทยคนแรกที่ได้เป็นพรีเซ็นเตอร์แบรนด์เกาหลี The Face Shop

เป็นอีกหนึ่งแบรนด์เครื่องสำอางกลิ่นอายเกาหลีที่ได้รับความนิยมจากคนไทย เมื่อไม่นานมานี้ได้ตัดสินใจเปิดตัวแบรนด์แอมบาสเดอร์ของแบรนด์ที่เป็นคนไทยคนแรกอย่าง แต้ว ณฐพร ท่ามกลางบรรยากาศแบบ Wonder Land ที่เนรมิตพื้นที่บริเวณลานเอเดนของเซ็นทรัลเวิลด์ให้กลายเป็นดินแดนแห่งธรรมชาติ ส่วนเหตุผลที่เลือกแต้วมาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์คนไทยคนแรก เพราะแต้วสามารถถ่ายทอดตัวตนความสดใส ร่าเริง เป็นธรรมชาติของ THE FACE SHOP ออกมาได้เป็นอย่างดี และนี่ถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญที่จะทำให้ THE FACE SHOP ประเทศไทย สามารถทำยอดขายได้ถึง 650 ล้านบาทตามเป้า


“เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา” ดาราไทยคนแรกที่ได้เป็นพรีเซ็นเตอร์แบรนด์ญี่ปุ่น SENKA 

เมื่อไม่นานมานี้ ชิเซโด้ ได้เปิดตัว 2 ผลิตภัณฑ์สูตรใหม่ SENKA Perfect Whip และ SENKA Perfect White Clay วิปโฟมหนานุ่มเนื้อละเอียดที่เป็นเอกลักษณ์เฉพะของ SENKA ภายใต้ธีมสีขาวน้ำเงินที่เป็นสีเอกลักษณ์ของแบรนด์ พร้อมเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ SENKA คนไทยคนแรก “เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา” ที่ควงคู่มากับพระเอกหนุ่มหล่อหน้าใส  “เคน-ภูภูมิ พงศ์ภาณุ” ที่มาในมาดดีเจหนุ่มสุดหล่อ


“ออกแบบ-ชุติมณฑน์ จึงเจริญสุขยิ่ง” ดาราไทยคนแรกที่ได้เป็นพรีเซ็นเตอร์คนแรกของแบรนด์เกาหลี Face So!

FACE SO! เปิดตัวเครื่องสำอางสำหรับงานผิว พร้อมกับการเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์คนแรกของเฟสโซ ออกแบบ ชุติมณฑน์ ตัวแทนของผู้หญิงที่ดูแลผิวดี เชื่อมั่นในตัวเอง เพราะการแต่งหน้าที่ดีเริ่มจากเครื่องสำอาง งานผิวที่ดี FACE SO! จึงพัฒนาเครื่องสำอางสำหรับลงงานผิวโดยเฉพาะ และได้พัฒนาเครื่องสำอาง FACE SO! Collection แรกเพื่อผู้หญิงไทยโดยเฉพาะ เพราะผู้หญิงไทยรุ่นใหม่มีความทันสมัย ให้ความสำคัญกับบุคลิกภาพ เป็นตัวของตัวเองมากกว่าความสวย


“โบวี่-อัฐมา ชีวนิชพันธ์” พรีเซ็นเตอร์คนแรกของแบรนด์ Freyja Peau

ในงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ เฟรยา คลีนซิ่ง (Freyja cleansing) ทางแบรนด์ได้เปิดตัวพรีเซ็นเตอร์คนแรกของแบรนด์  โบวี่่-อัฐมา ชีวนิชพันธ์ ในงาน Freyja cleansing the new innovation of beauty คลีนซิ่งน้ำแร่ประจุลบครั้งแรกของเมืองไทย นวัตกรรมจากประเทศญี่ปุ่น ที่ไม่ใช่แค่ทำความสะอาดอย่างล้ำลึก แต่มาพร้อมการบำรุงด้วยสารสกัดสาหร่ายหิมะแดงจากประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ช่วยคืนความอ่อนเยาว์ให้ผิวที่คุณรัก และสารบำรุงสกัดจากธรรมชาติอีกกว่า ชนิด 


“สู่ขวัญ บูลกุล” แบรนด์แอมบาสเดอร์แบรนด์หรู Lancôme คนแรกของไทย

เจ้าของแฮชแท็กดัง #ของมันต้องมี สู่ขวัญ บูลกุล ด้วยบุคลิกต่างๆ และความเลิฟช้อปปิ้งเครื่องสำอางในรายการ Celeb Blog ทางช่องนิตยสารแพรว ทำให้สู่ขวัญเป็นขวัญใจคนทั้งประเทศ และยังถือเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้หญิงยุคนี้ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเมื่อไม่นานมานี้ ได้รับบทบาทใหม่ในการร่วมงานกับ LANCÔME ในฐานะแบรนด์ Muse คนแรกของไทย แบรนด์เครื่องสำอางระดับโลกที่มีอายุยาวนานกว่า 80 ปี (ก่อตั้งตั้งแต่ปี 1935)


“ใบเฟิร์น-พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์” พรีเซ็นเตอร์ครีมกันแดดคนแรกของแบรนด์ MizuMi

ครีมกันแดดอันดับต้นๆ ที่สาวๆ คิดถึง แน่นอนว่าต้องมีแบรนด์ MizuMi รวมอยู่ด้วย และเพื่อสร้างแบรนด์ให้แกร่งขึ้น จึงได้เลือก ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก มาเป็นพรีเซ็นเตอร์คนแรกให้ครีมกันแดด ถ้าใครได้เห็นใบเฟิร์นตัวจริง จะรู้สึกได้ถึงออร่าความสดใส ดูเป็นธรรมชาติ เป็นตัวของตัวเอง และใบเฟิร์นเองก็เป็นคนที่มีไลฟ์สไตล์หลากหลายตรงกับกลุ่มเป้าหมายครีมกันแดด


“ใหม่-ดาวิกา โฮร์เน่” พรีเซ็นเตอร์คนไทยคนแรกของแบรนด์ Za

ZA ผลิตภัณฑ์สำหรับสาวเอเชีย ได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้วงการบิวตี้อีกครั้ง ด้วยการจัดงาน Za BEAUTY SQUARE ปฏิวัติความงามตามแบบฉบับสาวเอเชียที่ดูทันสมัย และมีสไตล์เป็นของตัวเอง โดยเปิดตัวนางเอกสุดฮ็อต ใหม่-ดาวิกา โฮร์เน่ ในฐานะพรีเซ็นเตอร์คนไทยคนแรก ที่โดดเด่นด้วยบุคลิกที่สดใส ร่าเริง มั่นใจ และกล้าที่จะค้นหาสิ่งใหม่ๆ เพื่อตัวเอง ซึ่งตรงกับคาแร็คเตอร์ของแบรนด์


“มัดหมี่-ร้อยโทหญิงพิมดาว พานิชสมัย” Muse สาวคนแรกของ Atelier de Prestige บูติคน้ำหอมระดับโลก

สวรรค์สำหรับคนรักน้ำหอมระดับโลก ในรูปแบบบูติคน้ำหอม ภายใต้ชื่อ “Atelier de Prestige” ได้มีการเปิดตัว Muse สาวคนแรก มัดหมี่-ร้อยโทหญิงพิมดาว ในฐานะ Ambassador ของ Atelier de Prestige ผู้เป็นตัวแทนของหญิงสาวยุคใหม่ที่สร้างแรงบันดาลใจ ทั้งด้านการใช้ชีวิตในแบบฉบับของตัวเองอย่างมั่นใจ มีสไตล์ และพร้อมมอบสิ่งที่ดีให้กับผู้คนรอบข้าง โดยมัดหมี่ ได้กล่าวไว้ว่า “มัดหมี่เองรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งเช่นกันที่ได้เป็นแอมบาสเดอร์ของ Atelier de Prestige บูติคน้ำหอมที่ดีเยี่ยมและพิเศษที่สุดในโลกแห่งแรกของประเทศไทย ที่ๆ คนรักน้ำหอมไม่ควรพลาด  ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมา สิ่งที่มัดหมี่หลงใหลมากที่สุดคือการร้องเพลง  น้ำหอมก็เหมือนกับดนตรีหรืองานศิลปะ แต่ละท่วงทำนองของกลิ่นหอม คือ เสียงเพลงบ่งบอกความรู้สึกแห่งอารมณ์และจิตใจ ดังนั้น การได้เปิดประสบการณ์โลกความหอมให้ตัวเอง ทำให้เราเข้าใจใน ห้วงอารมณ์ ตลอดจนปรัชญาชีวิตของตัวเอง อีกทั้งยังได้พบเรื่องราวที่ประทับใจผ่านกลิ่นหอมมากมายที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาด้วยค่ะ”


เรื่อง : PP_แพรวดอทคอม
ภาพ IG : sinittt337, taewaew_natapohn, esthersupree, aokbab, bowie_atthama, suquanbulakul, baifernbah, davikah, mutmeepimdao

 

Love at first sight รักแรกพบ เพียงสบตาแค่ 1 ครั้ง! ประสบการณ์รักของคนดังที่ลืมไม่ลง

Alternative Textaccount_circle

มีการถกกันหลายครั้งว่า love at first sight หรือ รักแรกพบ มีอยู่จริงหรือไม่ และการเจอกันเพียงแค่ครั้งเดียวจะทำให้รักใครได้หรือเปล่า วันนี้ แพรวดอทคอม มีประสบการณ์ความรักของเหล่าคนดังมาแบ่งปันกัน และเชื่อว่าอาจจะเป็นคำตอบที่บางคนอยากรู้ก็ได้ค่ะ


ครั้งแรกที่เห็นรู้เลยว่าคือคนสุดท้ายในชีวิต 

“เนม-ปราการ ไรวา” และ “ป้อ-สารชา” เพิ่งเข้าพิธีแต่งงานไปเมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา แม้จะใช้เวลาศึกษาดูใจกันได้ไม่นาน แต่ทั้งคู่กลับเข้าใจกันเป็นอย่างดี โดยในงานแถลงข่าวนักร้องหนุ่มได้เปิดเผยเรื่องราวรักแรกพบระหว่างเขาและภรรยาไว้อย่างน่าประทับใจอีกด้วย โดยเนมบอกว่าตั้งแต่ที่เจอป้อวันแรกเขาก็รู้สึกแล้วว่าอยากให้เธอเป็นคนสุดท้าย เนมยังบอกอีกว่าป้อเป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์ อยู่ด้วยแล้วมันทำให้เขาสนุกและร่าเริง รวมถึงความสบายใจไม่เคยรู้สึกอึดอัดเลยที่มีป้ออยู่เคียงข้าง นอกจากนี้เนมยังสารภาพอีกว่าเขารู้สึกชอบป้อมานาน หลังจากได้เห็นเธอในอินสตาแกรม ไม่น่าเชื่อว่าหลายปีผ่านไป สาวคนนี้จะกลายมาเป็นคู่ชีวิตของเขาในปัจจุบัน

รักแรกพบ

รักแรกพบ


รักแรกพบที่มาพร้อมกับเซ้นส์บางอย่าง

ใครจะคิดว่าวันที่ทำงานเป็นปกติที่เหมือนกับทุกๆ วัน จะเป็นวันที่เปลี่ยนชีวิตของเราไปตลอด “เมย์-เมลนีย์ อยู่วิทยา” เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับความรักของเธอให้ฟังว่า ตอนเช้าในวันที่จะได้เจอกับ คุณต้น-เดิมพัน ความรู้สึกมันบอกว่าวันนี้ต้องมีอะไรที่พิเศษ วันนี้ต้องได้เจอใครสักคนแน่ๆ เลย แล้วพอได้พบกับคุณต้นมันรู้สึกเลยว่าใช่ และพอได้เอาเรื่องนี้มาคุยกันอีก คุณต้นก็บอกเหมือนกันว่าเขามีความรู้สึกว่ากำลังรอใครสักคนอยู่ มันคลิกและมันเข้ากันมาก พอได้มาคบกันมันราบรื่นไม่มีอุปสรรค ด้วยความที่ไลฟ์สไตล์ค่อนข้างคล้ายๆ กัน เลยมีทั้งที่เขาเข้ามาเติมเต็มและเปลี่ยนความคิดอะไรหลายอย่างให้กับเรา เพราะเขาเป็นคนที่คิดบวกมาก ถ้าถามว่ามีทะเลาะกันบ้างไหมก็ต้องบอกว่ามีแต่ไม่บ่อย ทุกครั้งที่ทะเลาะกันเราสองคนก็ได้เข้าใจกันให้มากขึ้น บางทีตอนที่เราทะเลาะกันบางครั้ง ก็ทำให้เห็นว่าสามีของเธอรักเธอมากขนาดไหน

 รักแรกพบ

รักแรกพบ


เพียงสบตาเท่านั้นหัวใจก็หวั่นไหว

แต่งงานกันมาประมาณ 2 ปีแล้ว แต่ความหวานยังไม่มีดร็อปลงเลย สำหรับคู่รักพาวเวอร์ทรี “แมน-การิน ศตายุ” และ “เกล-เวธกา” คบหาดูใจกันมานานถึง 10 ปี ก่อนจะตกลงปลงใจแต่งงานกันเมื่อปี 2016 โดยแมนได้เล่าถึงความประทับใจเกี่ยวกับครั้งแรกที่ได้เจอเกลให้ฟังว่าเธอคือผู้หญิงในอุดมคติเห็นแวบแรกก็รู้สึกว่า คนนี้เป็นคนที่เราอยากใช้ชีวิตอยู่ด้วย ทั้งๆ ที่แค่เห็นและยังไม่ได้คุยกันเลย แมนเล่าว่าก่อนหน้านั้นเขามีความรักมาแต่ไม่เยอะเพราะคบใครก็คบนาน  สำหรับงานแรกที่มีโอกาสได้เจอกับเกลก็คืองานจิบน้ำชาช่อง 3 แมนเป็นนักแสดงรุ่นหนึ่งและเกลเป็นนักแสดงรุ่นสอง ซึ่งเมื่อเกลขึ้นไปแนะนำตัวบนเวที ก็รู้สึกว่าคนนี้แหละใช่เลย แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกัน จนได้มาแสดงละครกับเกล ซึ่งบทที่ได้รับคือแมนเป็นน้า เกลเป็นหลาน ไม่ได้เล่นคู่กัน แม้จะอย่างนั้นแต่ละครเรื่องนี้ก็ทำให้แมนมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับเกล แมนเล่าว่าฉากแรกที่เข้าด้วยกันเป็นฉากที่เดินทางกลับมาจากเมืองนอก เกลในฐานะหลานวิ่งเข้ามาหาและกอดเขา ตอนนั้นเขารู้สึกสปาร์คเลย จากจุดเริ่มต้นในวันนั้นจนกลายเป็นรักแท้ในวันนี้

รักแรกพบ

รักแรกพบ


คู่กันแล้วไม่แคล้วกัน

คำกล่าวที่ว่า คู่กันแล้วไม่แคล้วกันยังใช้ได้ผลเสมอ เหมือนกับนักแสดงหนุ่ม “พีท ทองเจือ” ที่เล่าย้อนอดีตไปถึงวันที่พบกับภรรยา “เจ็ง -วิไลลักษณ์” เป็นครั้งแรก โดยเขาบอกว่า ช่วงที่เขาพบกับภรรยาเป็นช่วงที่งานยุ่งมาก ไม่มีวันหยุดเลยสักวัน ทว่าจู่ๆ กองละครที่เขาต้องไปแสดงก็เกิดแคนเซิล ทำให้เขาว่างและด้วยความที่พีทเป็นผู้ชายชอบช้อปปิ้ง ก็เลยตัดสินใจไปเดินสยามคนเดียว ปรากฏว่าเจอแฟนๆ เข้ามาขอลายเซ็น และได้เจอกับคุณเจ็ง ซึ่งตอนนั้นแทนที่เขาจะยืนอยู่ในกลุ่ม เขากลับยืนอยู่ไกลออกไปประมาณ 50 เมตร โดยที่เขาไม่มองเราเลย แต่หนุ่มพีทกลับมองเธอไม่ละลายตา สุดท้ายตัดสินใจเดินเข้าไปหาเองและลองขอเบอร์เขาดู ปรากฏว่าเขาให้เบอร์คุณแม่มา พีทบอกว่าตอนที่เห็นภรรยาเขารู้สึกว่ามันมีเคมีบางอย่างที่เขาเองก็บอกไม่ได้เหมือนกัน ซึ่งจากที่เห็นแม้เวลาผ่านไปหลายสิบปีแล้วแต่ความรักที่เขามีให้กับภรรยาก็ยังไม่เปลี่ยนไปเลย

รักแรกพบ

รักแรกพบ


เราคือแฟนคนแรกของกันและกัน

ปิดท้ายที่คู่ของนักแสดงสาว “ซาร่า เล็กจ์ ” และนักร้องหนุ่ม “เอ็ม-สืบสกุล ทวีผล” ที่ไม่ใช่แค่เพียงพบรักกันเท่านั้น แต่ว่าทั้งคู่ยังเป็นรักแรกของกันและกันอีกด้วย  โดยทั้งคู่เล่าว่าตอนนั้นเพื่อนของเรานัดออกมาเที่ยวก็เลยทำให้มีโอกาสได้เจอกัน จากนั้นก็คุยกันมาเรื่อยๆ ซาร่าบอกว่าเอ็มไม่ใช่หนุ่มในสเปค แต่ทว่าทุกครั้งที่คุยกันมันทำให้เธอสบายใจ แม้จะมีช่วงที่ทะเลาะเบาะแว้งกันบ้าง แต่สุดท้ายทั้งคู่ก็เข้าใจกัน และตกลงที่จะเคียงข้างกันตลอดไป

รักแรกพบ

รักแรกพบ


เป็นอย่างไรกันบ้าง สำหรับเรื่องราวความรักของ 5 คู่รักคนดัง แต่ละคู่มีโมเม้นต์ที่น่าประทับใจจริงๆ เห็นแบบนี้แล้ว เราคนโสดก็ได้แต่อิจฉาจังเลย

สู่ความเป็นตำนาน! 10 ซูเปอร์คาร์ในยุคแรก จากแบรนด์ดังระดับโลก

account_circle

10 ซูเปอร์คาร์ในยุคแรก จากแบรนด์ดังระดับโลก สร้างชื่อจนกลายเป็นตำนาน ถึงราคาจะแพงแสนแพง แต่แลกกับสมรรถนะและนวัตกรรม ก็คงต้องยอม

รถยนต์ถือว่าเป็นยานพาหนะที่คนทั่วโลกเลือกใช้มากที่สุด ปัจจุบันผู้ผลิตจากค่ายรถยนต์ต่างๆ นิยมใส่นวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อเป็นการเอาใจลูกค้า แต่ยิ่งใหม่ ยิ่งดีมากเท่าไหร่ ยิ่งราคาแพงมากเท่านั้น โดยเฉพาะรถในตระกูลซูเปอร์คาร์ ที่ไม่ได้มีไว้แค่ขับในท้องถนนอย่างเดียว แต่ยังใช้สำหรับแข่งในสนามแข่งรถอีกด้วย

ซูเปอร์คาร์ ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าต้องเป็นรถที่วิเศษ ยอดเยี่ยม สุดยอด ขึ้นอยู่ว่าจะนิยามแบบไหน ยิ่งขึ้นชื่อว่าเป็นรถซูเปอร์คาร์ด้วยแล้ว นวัตกรรมเครื่องยนต์และดีไซน์ ก็ต้องดีเยี่ยมให้สมกับชื่อ แต่ก็อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า ยิ่งดี ยิ่งเริ่ด ราคาก็ต้องแพงมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งหากลองย้อนกลับไปในอดีตช่วงปี 1950 ถึงปี 1960 ซูเปอร์คาร์ในยุคแรกๆ ของแบรนด์ดังต่างๆ เช่น Mercedes Benz, Chevrolet, Jaguar และ Ferrari นั้นถือเป็นรถซูเปอร์คาร์ที่มีส่วนทำให้กีฬาแข่งรถนั้นมีความก้าวหน้ามากขึ้น

แพรวดอทคอม ย้อนอดีต พาคุณๆ ไปดู 10 ซูเปอร์คาร์ในยุคแรกๆ จากแบรนด์ดังระดับโลก รถยนต์ที่ไม่ได้มีแค่ความเร็ว แต่ดีไซน์ และสมรรถนะนั้น เรียกได้ว่าซูเปอร์สมเลยจริงๆ

Mercedes Benz 300SL Gullwing (1954 – 1957)

300SL’Gull Wing’ เรียกได้ว่าเป็นรถซูเปอร์คาร์ที่มีความคลาสสิกมากเลยทีเดียว และยังเป็นโฉมแรกของ Mercedes Benz แบรนด์ดังจากประเทศเยอรมันอีกด้วย เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี ในปี 1954 ในงานนิวยอร์กมอเตอร์โชว์ สำหรับรุ่นนี้นั้นบอดี้รถทำมาจากอะลูมิเนียม ในส่วนของสมรรถนะนั้นรถรุ่นนี้มีถังน้ำมัน 3 ลิตร ขับเคลื่อนด้วยความเร็ว 240 แรงม้าให้ความเร็วสูงสุดที่ 165 ไมล์ต่อชั่วโมง

Chevrolet Corvette C1 (1953 – 1962)

เชฟโรเลต รถยนต์สัญชาติอเมริกัน ในบ้านเราอาจจะเป็นรถที่ไม่ได้รับความนิยมมากเท่ารถญี่ปุ่น แต่หากคุณได้ลองไปประเทศสหรัฐอเมริกา คุณจะรู้เลยว่ารถยี่ห้อนี้ป็อบปูล่ามากเพียงใด อันที่จริงแล้ว เชฟโรเลต ถือว่าเป็นแบรนด์แรกที่ผลิตรถซูเปอร์คาร์ตีคู่กันมากับ เมอร์เซเดส-เบนซ์ เลยก็ว่าได้ ซึ่งรถซูเปอร์คาร์ของเชฟโรเลตนั้น สมรรถนะยอดเยี่ยมยิ่งกว่าเบนซ์ซะอีก เพราะภายในรถมีปุ่มกดเพื่อเร่งความเร็วต้น 60 กิโลเมตร ภายในเวลาเพียง 6 วินาที ซึ่งในขณะที่ Gullwing ทำได้เพียง 40 กิโลเมตรเท่านั้น

Jaguar E-Type (1961 – 1970)

ในปี 1961 จากัวร์ รถหรูแบรนด์ดังจากอังกฤษ ได้สร้างประวัติศาสตร์ เปิดตัวรถในรุ่น E-Type ที่งานเจนีวา มอเตอร์โชว์ ซึ่งในรุ่นนี้นั้นวิ่งได้ถึง 150 ไมล์ต่อชั่วโมง เป็นรถที่มีความคลาสสิก อีกทั้งราคาก็ไม่ได้แรงเกิน เพราะผลิตออกมาในจำนวนจำกัด จึงได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก

Ferrari 250 GTO (1962 – 1964)

เฟอร์รารี่ 250 จีทีโอ รถยนต์สมรรถนะสูง จากประเทศอิตาลี เป็นรถยนต์ประเภท GT  สำหรับรุ่นนี้เรียกได้ว่าเป็นโฉมแรกที่ใครจะได้ซื้อต้องได้รับการอนุมัติจาก เอ็นโซ เฟอร์รารี่ ผู้ก่อตั้งเสียก่อน มีเงินอย่างเดียวก็ซื้อไม่ได้นะจ๊ะ ในปีแรกเฟอร์รารี่ 250 จีทีโอ ผลิตเพียงแค่ 36 คันในราคา $18,000 และใช้ชื่อโฉมว่า ‘Series I’  แต่ไม่นานนักหลังขายหมด เฟอร์รารี่ ก็ได้ทำการปรับแต่งตัวถังเพียงเล็กน้อย และยังเปลี่ยนชื่อเป็น ‘Series II’ รวมถึงทำการผลิตรถเพิ่มเพียง 3 คันเท่านั้น รวมแล้วทั้งสองรุ่น เฟอร์รารี่ 250 จีทีโอ ผลิตออกมาเพียง 39 คันเท่านั้น!

Aston Martin DB5 (1963 – 1965)

หากใครเคยดูภาพยนตร์เรื่อง สายลับ 007  คงจะคุ้นหน้าคุ้นตากันดี สำหรับรถยนต์รุ่นนี้ เพราะนี่คือรถประจำตัวของบอนด์นั่นเอง Aston Martin DB5 รถสปอร์ตคูเป้สองประตู สัญชาติอังกฤษ มีความหรูหราและคลาสสิกเป็นอย่างมาก สำหรับรุ่นนี้มีอะไรที่แปลกตา และทันสมัยกว่ารถในยุคแรกๆ เลยก็ว่าได้ เบาะและประตูหุ้มด้วยหนังแท้ กระจกปรับไฟฟ้าที่ติดตั้งมาจากโรงงาน ส่วนความเร็วอยู่ที่ 240 แรงม้าที่รอบเครื่องยนต์ 5,500 รอบต่อนาที

Shelby Cobra CSX2000 (1962) 

Cobra หลายคนอาจจะไม่คุ้นหูกับรถยนต์ยี่ห้อนี้มากนัก แต่คุณรู้หรือไม่ว่ารถคันนี้ถูกประมูลไปเมื่อปี 2016 ในราคา 12.5 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ ซึ่งราคานี้ยังไม่รวมภาษีนะจ๊ะ หากรวมแล้วก็จะอยู่ที่ 13.75 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ ในตอนนั้นเรียกได้ว่าเป็นรถที่แพงที่สุดในโลก แล้วอะไรถึงทำให้ราคามันแพงหูฉี่ขนาดนี้ ก็คงต้องบอกเลยว่ารถคันนี้ออกแบบโดย Carroll Shelby เจ้าของผู้ก่อตั้งบริษัท อีกทั้งรถคันนี้ยังเป็น Prototype คันแรกของ Cobra  ด้านสมรรถนะนั้นสามารถวิ่งด้วยความเร็ว 246 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง

Ford GT40 (1966 – 1968)

เป็นอีกรุ่นในตำนานของวงการรถแข่ง สำหรับ Ford GT40 ซึ่งนักแข่งรถตัวจริงนั้นจะรู้จักกันดีว่าเจ้ารุ่นนี้นั้นยอดเยี่ยมขนาดไหน เพราะเจ้านี่เคยคว้าชัยชนะติดต่อกันถึง 4 ปีซ้อนในการแข่งขัน Le Mans 24 ชั่วโมง โค่นแชมป์อย่าง  เฟอร์รารี่ ที่ชนะติดต่อกันมาถึง 6 ครั้ง เอาเป็นว่าไม่พูดเยอะเจ็บคอ สำหรับความพิเศษของรุ่นนี้ คือ ตัวเครื่อง  V8 ขนาด 4737 CC ซึ่งซ่อนอยู่ในรถที่มีความสูงเพียง 40 นิ้ว แจ่มไหมล่ะ ซึ่งต้องบอกเลยว่าผู้ผลิต เขาผลิตเจ้านี้มาเพื่อนโค่นแชมป์เฟอรารี่โดยเฉพาะเลยนะ และก็ทำสำเร็จซะด้วยสิ

Lamborghini Miura P400 (1966 – 1969)

Lamborghini Miura P400 รถซูเปอร์คาร์ในตำนานจากค่ายกระทิงดุ ซึ่งรุ่นนี้เป็นรุ่นต้นแบบและยังเป็นรุ่นแรกๆ ที่มีการวางเครื่องยนต์ไว้ตรงกลางห้องเครื่อง อีกทั้งยังมาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด V12 กำลัง 370 แรงม้า ความเร็วสูงสุด 300 กม./ชม. (186 ไมล์/ชม.) ปัจจุบันรถคันนี้มีมูลค่าสูงถึง $3.6 ล้านดอลลาห์สหรัฐ

BMW 2002 Turbo (1973 – 1974)

บีเอ็มดับเบิลยู อีกหนึ่งรถค่ายดังจากประเทศเยอรมัน สำหรับรถรุ่นนี้นั้น ถึงแม้ว่าโครงสร้างรถอาจจะไม่ดูโฉบเฉี่ยวถ้าเทียบกับค่ายอื่น แต่ต้องบอกเลยว่าสมรรถนะของมันไม่ธรรมดาจริงๆ BMW 2002 Turbo มาพร้อมกับเครื่องยนต์  4 สูบ 170 แรงม้า ทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 185 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อีกทั้งยังสามารถวิ่งได้ 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายในเวลา 7 วินาที!

Porsche 911 Carrera 2.7 RS (1972 – 1974)

ปิดท้ายสุดยอดซูเปอร์คาร์ในยุคแรกจากแบรนด์ดังระดับโลกกันที่ พอร์ช คาร์เรรา RS 2.7 สำหรับเจ้าตัวนี้เป็นรถอีกหนึ่งรุ่นที่ผลิตเพื่อนำมาเป็นรถแข่ง อีกทั้งยังเป็นที่ชื่นชอบของนักสะสม เพราะมีความคลาสสิก นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับสรรถนะของตัวเครื่องที่ดีไม่เบา โดยเจ้าตัวนี้มากับเครื่องยนต์ 6 สูบนอน 2,700 cc ผลิตแรงม้าได้ 210 แรงม้า ส่วนจุดเด่นของคาร์เรรา RS 2.7 ที่เป็นเอกลักษณ์สำคัญคือ สปอยเลอร์หลังทรงหางเป็ดที่เห็นปุ๊บก็รู้ปั๊บว่าเป็นรุ่นใด

 

ข้อมูล : http://www.supercarworld.com

สวยหวานแต่สตรองมาก! เปิดใจ แอฟ ทักษอร ผู้หญิงเข้มและแข็งแห่งปี 2018

ปลายปี2017 ข่าวที่ทุกสื่อทั้งออฟไลน์และออนไลน์หยิบมาเป็นพาดหัวใหญ่คือ แอฟ ทักษอร ยอมรับว่า แยกกันอยู่กับ สงกรานต์ เตชะณรงค์ แล้ว และกำลังรอวันหย่า

แต่นอกเหนือจากเนื้อข่าว สิ่งที่เราเห็นคือ การวางตัวได้อย่างน่าชื่นชมของแอฟในการตอบคำถามที่ยากสุดๆ และถ้าคุณกำลังคิดว่า แอฟช่างเป็นผู้หญิงที่ Strong เหลือเกิน คำพูดบรรทัดต่อจากนี้จะยิ่งย้ำว่า ภาพภายนอกของแอฟที่อาจดูเรียบร้อย อ่อนหวาน ได้ซ่อนความแข็งแรงไว้ในปริมาณที่ไม่น่าเชื่อ

“อาจเพราะเรื่องของเราจบไปนานแล้ว แอฟจึงพูดด้วยความมั่นใจ ในที่นี้ไม่ได้เป็นคนมั่นใจในตัวเองนะ แต่มั่นใจในการตัดสินใจ เพราะเราตัดสินใจไปปีกว่าแล้ว แอฟรู้ว่ามีคนไม่เข้าใจ หรือไม่เห็นด้วยบ้าง ยอมรับเลยว่าเวลาคนว่าเราเพราะไม่เข้าใจ แอฟรู้สึกนะคะ ไม่ได้บรรลุถึงขนาดไม่เป็นไรจ้ะ ตามสบาย (หัวเราะ) แต่ที่ทนเพราะคิดแล้วว่าถ้าเราอยากเคลียร์ตัวเองทุกอย่างว่าฉันบริสุทธิ์ผุดผ่อง ถ้าฉันดีร้อยเปอร์เซ็นต์ นั่นหมายถึงว่าอีกฝ่ายต้องมีอะไรสิ แล้วเราต้องลุกขึ้นมาพูดตรงนั้นหรือเปล่า มันต้องแลกไหม ผลจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ลูกต้องรับรู้อะไรบ้าง คิดว่าไม่คุ้ม เพราะฉะนั้นยอมโดนว่าดีกว่า น้อยใจบ้าง เดี๋ยวก็หาย

แอฟ ทักษอร

“ถามว่าเสียน้ำตาไหมเวลามีคนมาว่า ไม่นะ เพราะแอฟมีเรื่องที่ทำให้ร้องไห้เยอะมาแล้ว พอผ่านเรื่องพวกนั้นมาก็เหมือนทุกอย่างจบ ไม่รู้จะร้องอะไร อย่างเวลาคนถามว่า ทำไมพูดเรื่องหย่าได้โดยไม่รู้สึกอะไร จริงๆ ไม่ใช่ไม่รู้สึกนะคะ แต่ย้ำว่าความที่เรื่องจบมานานแล้ว วันที่ออกมาพูดจึงไม่มีเรื่องของอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ว่าว่าอุ๊ย… เพิ่งทะเลาะกันวันนี้ ออกมาพูดเลยดีกว่า จริงๆ ก็ไม่ค่อยมีใครรู้เรื่องที่เกิดขึ้นด้วย เพราะแอฟก็ไม่รู้ว่าจะพูดไปทำไม เพราะฉะนั้นเมื่อเรื่องทั้งหมดได้เคลียร์จบไปแล้ว วันนี้แอฟจึงใช้ชีวิตได้อย่างโล่ง สบาย พร้อมลุยต่อไป ไม่ว่าจะเรื่องงานหรือเรื่องลูก

“ยอมรับว่าช่วงที่ยังบอกเรื่องนี้กับใครไม่ได้ อึดอัดมาก เพราะแอฟเป็นคนตรงๆ ไม่ชอบแสดง แต่ก่อนที่จะออกมาพูดกับสื่อ เวลามีคนถามเรื่องครอบครัว ซึ่งจริงๆ เราไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้ว แต่แอฟก็ต้องตอบว่า ค่ะ แฮปปี้ดีค่ะ ซึ่งความจริงไม่ใช่ ก็เลยเป็นความอึดอัดตรงนั้น ตอนนี้จึงรู้สึกสบายใจ แต่ก็อย่างที่เล่าว่า เราต้องรับให้ได้ที่บางคนก็ไม่เข้าใจ เพราะเป็นห่วงปีใหม่ที่ต้องโตขึ้นมาแบบนี้ ก็ขอให้เชื่อเถอะว่าชีวิตแม่คนหนึ่ง ต้องพยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุดเพื่อลูกอยู่แล้ว

แอฟ ทักษอร

“สำหรับใครที่คิดว่า… ทำไมแอฟถึงทำอย่างนี้ ไม่อดทนเพื่อลูก ก็ขอให้ลองย้อนกลับไปคิดนิดหนึ่งว่า แสดงว่าสิ่งที่ต้องทนนั้นมันไม่ดีกับลูก แอฟถึงไม่ทน ไม่ใช่ตัวเองไม่อดทนนะ มั่นใจสูงมากกว่าเป็นคนถึก ทนได้ค่ะ ให้อยู่แบบไร้ตัวตน หรืออะไร แอฟทำได้ เพราะนิสัยไม่ได้เป็นผู้ญิ้งผู้หญิงขนาดนั้น แต่การที่ตัดสินใจแบบนี้แปลว่า เลือกมาแล้วว่าดีที่สุดเพื่อลูก ไม่ใช่เพื่อตัวเองแน่นอน ถ้าเพื่อตัวเองอาจจะอยู่ไปเรื่อยๆ ก็ได้นะ พูดตรงๆ เวลาเราไม่ประสบความสำเร็จเรื่องอะไร สมมติเลิกกับแฟนก็คือไม่ประสบความสำเร็จเรื่องความรักใช่ไหม ใครจะอยากเปิดเผยให้คนอื่นรับรู้ว่าฉันไม่ประสบความสำเร็จเรื่องนี้

“สิ่งที่เกิดขึ้นแอฟถือเป็นประสบการณ์ชีวิตอีกครั้งหนึ่ง จริงๆ ถ้าไม่ได้มีลูก สถานการณ์ก็อาจพลิกกลับเป็นเรื่องเล็กสำหรับคนที่เป็นแฟนแล้วเลิกกัน แต่พอมีลูกจึงทำให้ดูรุนแรง มีผลกระทบเยอะ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ยิ่งทำให้รู้ว่า จริงๆ แล้วเราผ่านไปได้ทุกเรื่องแหละ ถ้ามีสติ ไม่อินหรือดราม่ามากเกินไป คือแอฟไม่ได้เป็นคนโลกสวยแบบเวลามีความสุขแล้วเหมือนฝันหวาน เพราะฉะนั้นเวลาลงจึงลงได้โดยที่เข้าใจ แต่ไม่ใช่ไม่เสียใจเลยนะคะ ก็มีช่วงที่เสียใจ แต่แอฟไม่ใช่ผู้หญิงที่จะเสียใจลงไปมากๆ เพราะสุดท้ายไม่ว่าอย่างไรเราก็ต้องมีความรักให้กับตัวเองด้วย”

แอฟ ทักษอร

อาจจะเพราะด้วยแนวคิดเช่นนี้กระมังที่ทำให้คนส่วนใหญ่ลงความเห็นว่า แอฟ ทักษอร เข้มและแข็งกว่าที่คิด

“แอฟว่าที่ตัวเองเป็นแบบนี้เพราะการเลี้ยงดูของพ่อแม่ บวกกับความโชคดีที่ตั้งแต่เด็กจนถึงปัจจุบัน แอฟอยู่ในสังคมที่ดี ทำให้เราเป็นคนแบบนี้ อย่างคนสนิทรอบตัวที่เป็นผู้หญิง ส่วนใหญ่นิสัยก็จะแมนๆ ไม่เซ้นสิทีฟ ไม่ดราม่า กับด้วยนิสัยว่าแอฟเป็นแนวชอบเก็บความรู้สึก หรือประมวลผลเรื่องที่เกิดขึ้น ทำให้อารมณ์ไม่ค่อยขึ้นลงเท่าไร ทำให้เรามั่นใจในการตัดสินใจเรื่องต่างๆ พูดได้เลยว่า กับคุณสงกรานต์ก็ไม่ได้มีช่วงที่ทะเลาะกันเสียงดังนะคะ แค่พอถึงจุดที่แอฟรู้สึกไม่โอเค ก็บอกว่า ไม่โอเคแล้วนะ เราไปละ แค่นั้น ไม่มีแบบ อ้าว! (เสียงสูง) หรือฝนตกร้องไห้อะไรแบบนั้น

แอฟ ทักษอร

“ให้พูดตรงๆ แอฟโอเคมากแล้วกับชีวิตที่อายุเกือบถึงหลัก 40 ปี แล้วเพิ่งเคยผิดหวังกับความรักมา 2 ครั้ง ถือว่าเป็นเรคคอร์ดที่ไม่อายปีใหม่ (หัวเราะ) ลูกจะได้เห็นว่า แม่ไม่ได้ระหกระเหิน หรือมีดราม่าอะไรมากมาย และถึงนับต่อแต่นี้แอฟจะไม่มีความรักครั้งใหม่ ก็ไม่รู้สึกเสียใจหรือเสียดาย เพราะแอฟก็มีปีใหม่แล้ว ทุกวันที่อยู่ด้วยกัน เขาจะทำให้แม่รู้สึกชื่นใจเล็กๆ น้อยๆ ได้ตลอดทั้งวัน อย่างจู่ๆ ก็บอกว่า รักแม่นะ แค่นี้ก็ชื่นใจแล้ว จากที่แอฟไม่ใช่ผู้หญิงรักเด็ก ไม่ชอบเล่นกับเด็ก แต่วันนี้การได้อยู่กับปีใหม่คือความสุขที่สุด

“นี่ตอบแบบไม่ได้หลงลูกนะคะ (หัวเราะ)”

 

 

“เราต้องไม่ถอยหลังเข้าคลอง” ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ ทรงห่วงการท่องเที่ยวไทย แนะอย่าสร้างช่องโหว่ให้ต่างชาติโจมตีเรา

ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เสด็จเข้าร่วมงาน World Travel Market (WTM) 2018 ครั้งที่ 38  และทอดพระเนตรคูหาประเทศไทย ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นงานส่งเสริมการขายทางการท่องเที่ยวที่มีความสำคัญที่สุดในสหราชอาณาจักร โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยนำผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวไทยเข้าร่วมงานจำนวน 41 ราย ภายใต้แนวคิด Amazing Thailand วิถีกิน วิถีถิ่น (Eat Thai. Visit Thai) ในโอกาสนี้ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดีประทานสัมภาษณ์แก่คณะสื่อมวลชนไทย
Q : ปัจจุบันมีการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง ขอพระราชทานคำแนะนำ ว่าเราจะเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไปท่องเที่ยวได้อย่างไร
 A : การส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง คล้ายกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวทั่วๆ ไป ที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ พวกเราสื่อมวลชนต้องช่วยกันประชาสัมพันธ์ช่วยกันให้ข้อมูล โดยเฉพาะสื่อออนไลน์ เพื่อให้ทั่วถึงทุกคนในประเทศไทย สำหรับพวกเราที่เป็นประชาชนและคนที่อยู่ในท้องถิ่นนั้นๆ ก็สามารถช่วยกันเล่าเรื่องราวและโชว์ความสวยงามของท้องถิ่นที่อยู่ใน 55 จังหวัดเมืองรอง
Q : ขอพระราชทานแนะนำแนวทางการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยื
A : สิ่งสำคัญของการท่องเที่ยวคือ เรื่องของความยั่งยืน ประเทศไทยโชคดีที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลาย สวยงามและมีวัฒนธรรมที่น่าประทับใจ อันที่จริงไม่ได้ยากที่จะส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นเรื่องดีที่สถานที่เหล่านั้นยังไม่ถูกทำลายไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ไม่อย่างนั้นทะเลก็จะไม่สวย สกปรก ไม่สามารถที่จะไปว่ายน้ำได้ นักท่องเที่ยวจะรู้สึกไม่ประทับใจ เราต้องช่วยกันอนุรักษ์สิ่งเหล่านั้นไว้
อย่างการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ อยากชักชวนนักท่องเที่ยวและพวกเราคนไทยทุกคน ต้องอนุรักษ์ธรรมชาติไม่ใช่ว่า โลกร้อนไม่มี ความเสียหายของธรรมชาติที่เกิดจากการทิ้งขยะไม่ใช่ไม่มี เพราะฉะนั้นต้องรณรงค์ให้รักธรรมชาติ รักแหล่งท่องเที่ยวเพราะสถานที่เหล่านั้นเป็นสมบัติของชาติ ตอนนี้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยมีการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ให้รักษาทรัพยากรธรรมชาติไว้ ด้วยการไม่ทิ้งขยะ ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้มีการรณรงค์เรื่องการลดใช้พลาสติกกันทั่วโลกและเมืองไทยก็เริ่มรณรงค์ด้วยเช่นกัน และมี #4ocean อย่างไรก็ชอให้ช่วยกันกำจัดขยะพลาสติก เราต้องสร้างกระแสในการรักษาธรรมชาติไว้ไม่เช่นนั้นเราจะไม่มีความยั่งยืนในด้านท่องเที่ยว
Q : ปัจจุบันมีการส่งเสริมการท่องเที่ยวใน 55 จังหวัดเมืองรอง พระองค์ทรงประทับใจเมืองรองเมืองใดเป็นพิเศษ และอย่างไร
A : อันที่จริงเวลาไปต่างจังหวัดก็ไปทำงานไม่ได้ไปเที่ยว เมื่ออายุมากขึ้นก็จะไปกลับเลย หรือจะไปจังหวัดใกล้ๆ พักเพียงหนึ่งวัน อันที่จริงเมืองรองที่อยากไปเที่ยวมากที่สุดคือ เมืองน่าน อยากไปดูภาพกระซิบรัก เป็นภาพเขียนปู่ม่าน ย่าม่าน วัดภูมินทร์ และได้เคยไปวัดพระธาตุแช่แห้ง ซึ่งเป็นพระธาตุประจำวันเกิด 2-3 ครั้ง และเคยไปดูซากุระเมืองไทยที่เมืองเลยแล้ว
Q : ปัจจุบันวัยรุ่นไทยหันมาให้ความสนใจกับสื่อโซเชียลมีเดียมากกว่าการอ่านหนังสือ ขอพระราชทานคำแนะนำในการให้วัยรุ่นไทยใช้สื่อโซเชียลอย่างสร้างสรรค์
A : ตอนนี้กระแสสังคมเปลี่ยนแปลงไปแล้ว ฉะนั้นเราไม่ถอยหลังเข้าคลอง คนไทยต้องไม่ถอยหลังเข้าคลอง ไม่ย้อนกลับไปในอดีต กระแสสังคมและกระแสเทคโนโลยีเปลี่ยนไปแล้ว ฉะนั้นเราต้องใช้โอกาสนั้นในการที่จะเพิ่มศักยภาพประเทศ ทำให้บ้านเมืองของเราดีขึ้น ถึงเวลาที่เราจะต้องใช้สื่อโซเชียล สื่ออินเตอร์เน็ตในการโปรโมท ประเทศเรา เด็กไทยไม่ชอบอ่านหนังสืออยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเขาสนใจและหาความรู้ได้ โดยส่งเสริมให้หาความรู้จาก Google อ่านข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต และสื่อโซเชียล อีกทั้งใช้สื่อโซเชียลในการเผยแพร่ ประเทศชาติของเรา อันที่จริงตอนนี้เราใช้อินสตาแกรมได้ เช่น แข่งขันกันส่งรูปมาว่าบ้านของเขาสวยแค่ไหน ทุกคนทั่วโลกก็จะได้เห็น
Q : ขอพระราชทานคำแนะนำเรื่องการดูแลนักท่องเที่ยว
A : เสน่ห์ของประเทศไทยคือความมี friendly และความเป็นมิตร เรามียิ้มสยาม และเราต้องขายความจริงใจ ความเป็นมิตร เรามีน้ำใจ เราโชคดีเรามีธรรมชาติที่สวยงามมีวัฒนธรรมที่ดี อย่างไรก็ตามต้องขายความจริงใจ ความเป็นมิตร และสิ่งสำคัญที่สุด เราต้องไม่ไปหลอก เขาไม่ไปขโมยของเขา และไม่ไปข่มขืนเขา ไม่เช่นนั้นฝรั่งจะเอาเราไปว่าได้ อย่าทำให้มีช่องโหว่ให้คนมาโจมตีเราได้
Q: ขอพระราชทานคำแนะนำในการให้คนไทยหันมาใช้ผ้าไทยให้มากขึ้น
A : แพคเกจจิ้งและการดีไซน์สำคัญมาก ทำให้สบาย และทำให้เด็กๆ และวัยรุ่นชอบ ในการทำตลาดทุกอย่างที่ทำต้องให้โดนใจวัยรุ่น ทำให้น่ารัก สามารถทำเป็นตุ๊กตาหรือที่ติดกระเป๋าก็ได้ เป็นเคสใส่โทรศัพท์มือถือหรือเอามาตกแต่งต่างๆ นานา ซึ่งคนไทยออกแบบเก่งอยู่แล้ว สามารถทำได้สวยงาม ผ้าไทยต้องโปรโมทในรูปแบบนี้บ้าง
Q : พระองค์ทรงมีการดูแลสุขภาพมีการพักผ่อนอย่างไรบ้าง
A : รับประทานของที่มีประโยชน์ เช่น ผักผลไม้ สลัด และดื่มน้ำเยอะๆ ต้องออกกำลังกายเยอะๆ ทุกวัน พักผ่อนให้เพียงพอ ต้องไม่เครียดต้องไม่โกรธใคร ต้องแฮ็ปปี้ๆ
เรื่อง/ภาพ : กิดานันท์ สุดเสน่หา
กว่าจะขึ้นแท่นมหาเศรษฐี

กว่าจะขึ้นแท่นมหาเศรษฐี เหล่านักธุรกิจแถวหน้าของไทย เคยทำอาชีพอะไรมาก่อน?

กว่าจะขึ้นแท่นมหาเศรษฐี
กว่าจะขึ้นแท่นมหาเศรษฐี

ก่อนจะประสบความสำเร็จ แน่นอนว่าต้องฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ มากมาย และกว่าจะขึ้นแท่นมหาเศรษฐี ก็ต้องต่อสู้ ดิ้นรน เพราะหนทางที่ผ่านมาไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ

คำว่า อย่านอนตื่นสาย อย่าอายทำกิน อย่าหมิ่นเงินน้อย อย่าคอยวาสนา ประโยคนี้ยังใช้ได้ดีทุกยุค ทุกสมัย เพราะมหาเศรษฐี บางคนก็เริ่มจากอาชีพเล็กๆ และทุกคนต่างก็เคยมีอาชีพแรกที่เคยทำกันทั้งนั้น แต่เคยรู้ไหมว่ามหาเศรษฐีที่ร่ำรวยระดับต้นๆ ของเมืองไทย กว่าที่พวกเขาเหล่านั้นจะมาถึงวันนี้ กว่าจะขึ้นแท่นมหาเศรษฐี เขาเคยประกอบอาชีพอะไร เป็นอาชีพแรก

กว่าจะขึ้นแท่นมหาเศรษฐีพนักงานแบกของ

ตัน ภาสกรนที เป็นลูกคนสุดท้องจากลูกๆ 6 คน ในครอบครัวชาวไทยเชื้อสายจีนที่มีฐานะปานกลาง โดยบิดาของเขาอพยพมาจากสาธารณรัฐประชาชนจีน และตั้งรกรากที่จังหวัดชลบุรี คุณตันจบการศึกษาชั้นมัธยมปีที่ 3 และเริ่มทำงานแรกเป็นพนักงานแบกของ และหันมาเป็นเจ้าของแผงหนังสือที่ชลบุรี และเริ่มต้นขยายกิจการไปซื้อห้องแถว จนกลายเป็นเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

ต่อมา เป็นนักธุรกิจ ผู้ก่อตั้งบริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม และขายหุ้นใหญ่ของ บมจ.โออิชิกรุ๊ป ที่มีอยู่ให้กับบริษัท ไทยเบฟเวอร์เรจ จำกัด (มหาชน) และลาออกจากตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บมจ.โออิชิกรุ๊ป แล้วไปก่อตั้งบริษัท ไม่ตัน จำกัด ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นอิชิตัน กรุ๊ป

กว่าจะขึ้นแท่นมหาเศรษฐีขายถั่วคั่ว

วิกรม กรมดิษฐ์ เกิดที่จังหวัดกาญจนบุรี บรรพบุรุษสืบเชื้อสายมาจากชาวจีนแคะ ซึ่งอพยพมาตั้งถิ่นฐานอยู่ในชุมชนท่าเรือเมื่อ 150 กว่าปีมาแล้ว นอกจากนี้เขายังมีเชื้อสายมอญจากยาย เขาเป็นบุตรชายคนโตของตระกูล มีน้องมารดาเดียวกันและต่างมารดา 23 คน จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติไต้หวัน มีความสนใจการค้าตั้งแต่ยังเล็ก อาชีพแรกของเขาคือการรับช่วงต่อกิจการร้านถั่วคั่วจากป้า ขณะเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จนเมื่อเรียนจบปริญญาตรีกลับมาเปิดบริษัท วี แอนด์ เค คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งเป็นธุรกิจนำเข้า – ส่งออก เมื่อปี พ.ศ. 2518 ต่อมาหันมาบุกเบิกธุรกิจด้านนิคมอุตสาหกรรม 3 แห่ง ของประเทศไทยและ 2 แห่งในประเทศเวียดนาม ก่อให้เกิดมูลค่าการลงทุนกว่า 7 แสนล้านบาท การจ้างงานกว่า 200,000 คน มีโรงงานกว่า 850 โรง

ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) และประธานมูลนิธิอมตะ ตลอดจนสนใจการเขียนหนังสือเพื่อถ่ายทอดประสบการณ์ชีวิตให้ประโยชน์แก่อนุชนรุ่นหลัง ในปี 2549 ถึง 2551 ได้รับการจัดอันดับจากนิตยสารฟอร์บส์ให้ติดอันดับ 40 มหาเศรษฐีในเมืองไทย และในปี 2551 Foreign Direct Investment magazine (fDi) ในเครือของFinancial Times Group จากลอนดอน ได้มอบรางวัล fDi Personality of the Year 2008-Asia แต่ยังคงใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายในต่างจังหวัด

กว่าจะขึ้นแท่นมหาเศรษฐีแคชเชียร์

ธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ และมหาเศรษฐีอันดับที่ 1 ของประเทศไทยจากการจัดอันดับของนิตยสารฟอร์บ โดยข้อมูลกุมภาพันธ์ ปี 2018 มีทรัพย์สิน 9.377 แสนล้านบาท ติดอันดับ 95 ของโลก ธนินท์ เจียรวนนท์ เกิดที่ย่านเยาวราช กรุงเทพมหานคร เป็นบุตรชายคนที่ 5 ในบรรดาบุตรทั้ง 5 คนของ นายเอ็กชอ แซ่เจี๋ย ชาวจีนแต้จิ๋วอพยพ นายธนินท์เริ่มทำงานเป็นครั้งแรกที่ร้านเจริญโภคภัณฑ์ เมื่ออายุได้ 19 ปี หลังจากสำเร็จการศึกษาด้านพาณิชยกรรมที่ฮ่องกง โดยทำงานในตำแหน่ง แคชเชียร์ คุณธนินท์ เข้ารับการศึกษาชั้นประถมที่โรงเรียนสารสิทธิ์พิทยาลัย อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี จนจบการศึกษาในปี พ.ศ. 2492 และได้ไปศึกษาชั้นมัธยมจนจบในปี พ.ศ. 2494 จากโรงเรียนซัวเถา ประเทศจีน และอุดมศึกษาในปี พ.ศ. 2499 จากสถาบันศึกษาฮ่องกงวิทยาลัย รวมทั้งผ่านการศึกษาอบรมจากวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร หลักสูตรภาครัฐร่วมเอกชน รุ่นที่ 1 ปี พ.ศ. 2532

ต่อมาได้โยกย้ายไปทำงานที่สหพันธ์สหกรณ์ค้าไข่แห่งประเทศไทย และบริษัท สหสามัคคีค้าสัตว์ จำกัด ตามลำดับ กระทั่งเมื่ออายุ 25 ปี ได้กลับมาทำงานอีกครั้งที่เจริญโภคภัณฑ์ ปัจจุบันเป็นผู้บริหารระดับสูงของเครือเจริญโภคภัณฑ์ รับผิดชอบบริหารงานในตำแหน่งประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักดีว่าเป็นบริษัทผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

กว่าจะขึ้นแท่นมหาเศรษฐีซื้อ-ขายไอเท็มเกม

อิทธิพัทธ์ กุลพงษ์วณิชย์ เขาเคยถูกตราหน้าว่าเป็นคนไม่เอาถ่าน ไม่สนใจการเรียน ชีวิตของเขา มีแต่คำว่า “เกม” เท่านั้น โดย ต๊อบ อิทธิพัทธ์ เริ่มเล่นเกมออนไลน์ Everquest มาตั้งแต่ ม.4 ถึงขนาดสะสมแต้มจนรวยที่สุดในเซิร์ฟเวอร์ และกลายเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงอย่างมากในเกมดังกล่าว จนมีฝรั่งมาขอซื้อไอเท็มเด็ดๆ ไอเท็มเจ๋งๆ ที่หายากในเกมจากเขา และนั่นก็เป็นการเริ่มต้นสร้างรายได้ของต๊อบ ซึ่งการซื้อขายไอเท็มเกมดังกล่าว บวกกับการที่เป็นผู้ทดสอบระบบเกมในฐานะคนเล่น ก็สร้างรายได้ให้เขาเป็นกอบเป็นกำ จนมีเงินเก็บเป็นหลักแสนบาทเลยทีเดียว

ด้วยความที่เป็นเด็กติดเกม ต๊อบ อิทธิพัทธ์ จึงเรียนจบชั้นระดับมัธยมมาได้อย่างยากลำบาก และเรียนต่อระดับอุดมศึกษาที่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ซึ่งตอนนั้นนั่นเองเขาก็เริ่มก้าวเข้าสู่ถนนแห่งเส้นทางธุรกิจ พร้อมตั้งใจจะทำความฝันของตัวเองให้เป็นจริงด้วยการมีธุรกิจเป็นของตัวเอง และในช่วงจังหวะที่เกมออนไลน์เริ่มไม่เป็นที่นิยมเหมือนเคย เขาก็หารายได้จากช่องทางอื่น ทั้งขายเครื่องเล่นวีซีดี ดูทำเลเปิดร้านกาแฟหน้ามหาวิทยาลัย แต่ก็ไม่เป็นที่ประสบความสำเร็จ  จนกระทั่งเขาได้ไปเดินงานแฟร์ ช่องทางธุรกิจ ซึ่งในงานนั้นมีแฟรนไชส์จากประเทศญี่ปุ่นมาออกบูธ ด้วยความที่เขาเป็นคนชอบกินเกาลัดอยู่แล้วเลยสนใจธุรกิจนี้เป็นพิเศษ จึงเข้าไปสอบถามค่าแฟรนไชส์เกาลัดดังกล่าว แต่ราคาสูงเกินกำลังที่เขามี เลยขอแค่เช่าตู้คั่วเกาลัดเท่านั้น แล้วมาสร้างแฟรนไชส์เป็นของตัวเอง และเมื่อวันที่เขาต้องไปเซ็นสัญญาซื้อขายเกาลัดที่ห้างแห่งหนึ่ง ก่อนออกจากบ้านเขาได้ยินคุณพ่อพูดกับเพื่อนว่า “ลูกอั้วกำลังจะเป็นเถ้าแก่น้อยแล้ว” คำว่าเถ้าแก่น้อยที่ได้ยินในตอนนั้น จึงเป็นที่มาของชื่อ “เถ้าแก่น้อย” สาหร่ายทอดกรอบในปัจจุบันนี้

กว่าจะขึ้นแท่นมหาเศรษฐีนักแสดงประกอบ

ปัญญา นิรันดร์กุล เป็นพิธีกรและนักแสดงชาวไทย เข้าสู่วงการบันเทิง ด้วยการแสดงภาพยนตร์ไทย เรื่องแรกคือ สืบยัดไส้ ในปี พ.ศ. 2521 ในบทบาท นักแสดงประกอบ และต่อมาในปีเดียวกัน ปัญญาจึงได้แสดงละครในบทพระเอกเป็นเรื่องแรกคือ ศรีธนญชัย ทางไทยทีวีสีช่อง 3 จากการชักชวนของ ภัทราวดี ศรีไตรรัตน์ และยังได้รับโอกาสแสดงบทพระเอกในภาพยนตร์ และละครโทรทัศน์อีกหลายเรื่อง โดยมีชื่อเสียงคู่กับ อรพรรณ พานทอง และ เพ็ญพิสุทธิ์ คงสมุทร ปัจจุบัน ปัญญา นิรันดร์กุล ดำรงตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน)

มหาเศรษฐีใจบุญ

ยกย่อง “เจ้าสัววิชัย” มหาเศรษฐีใจบุญ บริจาคเงินช่วยเหลือสังคมอย่างต่อเนื่อง

มหาเศรษฐีใจบุญ
มหาเศรษฐีใจบุญ

มหาเศรษฐีใจบุญ “เจ้าสัววิชัย” เป็นบุคคลที่ทำงานเพื่อสังคมมาโดยตลอด และยังบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือสังคมมาอย่างต่อเนื่อง

 มหาเศรษฐีใจบุญ

จากกรณีที่ เฮลิคอปเตอร์ของ นักธุรกิจเจ้าของกิจการ คิง เพาเวอร์ และประธานสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี้ ประสบอุบัติเหตุตก ไฟลุกท่วม บริเวณลานจอดรถใกล้สนามฟุตบอลคิงเพาเวอร์สเตเดียม ในเมืองเลสเตอร์ ประเทศอังกฤษ นับเป็นข่าวที่สร้างความตกใจให้กับคนไทยและแฟนฟุตบอลทั่วโลก ล่าสุด วันที่ 29 ต.ค. 2561 ทางสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี้ ได้แถลงข่าวอย่างเป็นทางการ ยืนยันว่า คุณวิชัย ศรีวัฒนประภา ประธานสโมสร และอีก 4 คนที่อยู่บนเฮลิคอปเตอร์ไม่มีใครรอดชีวิต สร้างความเศร้าเสียใจให้กับคนไทยและแฟนบอลทั่วโลก สำหรับ คุณวิชัย ถูกยกย่องให้เป็น มหาเศรษฐีใจบุญ เพราะที่ผ่านมาเขาได้ทำคุณประโยชน์ให้กับสังคมมากมาย บริจาคเงินช่วยเหลือสังคมมาอย่างต่อเนื่อง

บริจาค 2 ล้านปอนด์ เพื่อสร้างอาคารโรงพยาบาลเด็กในเลสเตอร์

เรียกว่าเป็นข่าวที่สร้างความฮือฮาอย่างมาก เมื่อ คุณวิชัยได้บริจาคเงิน 2 ล้านปอนด์  (ประมาณ 102 ล้านบาท)  เพื่อสร้างอาคารโรงพยาบาลเด็กในเลสเตอร์ ซึ่งเงินบริจาคในครั้งนั้นได้ถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเด็กเลสเตอร์ เพื่อช่วยสนับสนุนโครงการระดมเงิน 30 ล้านปอนด์ที่จะยกระดับโรงพยาบาลเด็กของเมืองและของประเทศมาอยู่ในสถานที่เดียวกัน พอเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลทราบข่าว ต่างรู้สึกดีใจ และเมื่อพวกเขาทราบถึงยอดเงินบริจาค ก็ยิ่งทึ่งมากเช่นกัน

มหาเศรษฐีใจบุญประเดิมก่อนเริ่มวิ่ง คิงเพาเวอร์ ร่วมบริจาค 24 ล้าน หนุน “ตูน บอดี้สแลม” ก้าวคนละก้าว

สำหรับโครงการ “ก้าวคนละก้าว” วิ่งจากสุดเขตแดนใต้ อำเภอ เบตง จังหวัดยะลา ไปจนถึง เหนือสุดแดนสยาม อำเภอแม่สาย จังหวัด เชียงราย รวมระยะทาง 2,191 กม. ผ่าน 20 จังหวัด ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. – 25 ธ.ค. 2560 โดยก่อนที่จะเริ่มวิ่ง กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ร่วมมอบเงิน จำนวน 24,000,000 บาท แก่ นายอาทิวราห์ คงมาลัย หรือ ตูน บอดี้สแลม เพื่อสนับสนุนโครงการ “ก้าวคนละก้าว” เพื่อซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับ 11 โรงพยาบาลที่ยังขาดแคลน และต้องการความช่วยเหลือและแรงสนับสนุนจากคนไทยทุกคน

มหาเศรษฐีใจบุญกลุ่มคิง เพาเวอร์ใจป้ำบริจาคสมทบรวม 100 ล้าน ร่วมก้าวคนละก้าว กับ ตูน อาทิวราห์

เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. 2560 ตูน บอดี้สแลม พร้อมคณะวิ่งโครงการ “ก้าวคนละก้าว” ได้เดินทางมาถึงโรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ โดย คุณวิชัย-คุณอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา แห่งกลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ มอบเงินบริจาค 53 ล้านบาท รวมทั้งผู้บริจาคหน่วยงาน กลุ่มต่างๆ รวมทั้งสิน 89 ล้านบาท และคิง เพาเวอร์ มอบอีก 11 ล้านบาท เพื่อให้ครบ 100 ล้านบาท

สนับสนุนการก่อสร้างห้องน้ำให้กับ 10 ชุมชนท่องเที่ยว รวมมูลค่า 10 ล้านบาท

นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยหลังลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ร่วมกับ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ในโครงการห้องน้ำชุมชนในแหล่งท่องเที่ยวโครงการแรกของประเทศไทย ภายใต้ชื่อ “พลังคนไทย ห้องน้ำสุขใจ” ว่า คิง เพาเวอร์ ได้สนับสนุนค่าใช้จ่ายการออกแบบและก่อสร้างห้องน้ำในปีแรกนี้ให้กับ 10 ชุมชนท่องเที่ยว รวมมูลค่า 10 ล้านบาท รวม 70 ห้อง จึงขอให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่มีศักยภาพในการดูแลและรักษาความสะอาดได้อย่างต่อเนื่อง โดยไม่เรียกเก็บค่าใช้จ่ายกับผู้ใช้บริการ โดยแห่งแรกที่จัดสร้างขึ้นคือที่สวนพฤกษศาสตร์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ จ.เชียงใหม่

มหาเศรษฐีใจบุญมอบ 27 ล้าน สนับสนุนการฉายภาพยนตร์ในโครงการ “ก้าวคนละก้าว” ให้คนไทยได้ชมฟรีจำนวน 750,000 ที่นั่งทั่วประเทศ

กลุ่มบริษัท  คิง เพาเวอร์ มอบเงินจำนวน 27,000,000 บาท แก่ อาทิวราห์ คงมาลัย เพื่อสนับสนุนการฉายภาพยนตร์ในโครงการ ก้าวคนละก้าว ให้คนไทยได้ชมฟรีจำนวน 750,000 ที่นั่งทั่วประเทศ ระว่างวันที่ 6 – 16 กันยายน 2561 นับเป็นหนึ่งในโครงการที่อยู่ภายใต้ คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย ที่มุ่งส่งเสริมให้คนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีด้านสาธารณสุขอย่างยั่งยืน

มอบทุนให้เด็กไทยเรียนต่อและฝึกฟุตบอลในอะคาเดมีของสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้

คุณวิชัยได้ให้ทุนเด็กไทย เรียนต่อและฝึกฟุตบอลในอะคาเดมีของสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งคุณวิชัยจะไปให้กำลังใจเด็กๆ ที่สนามฝึกซ้อมอยู่บ่อยๆ


ภาพจาก IG @lcfc @leicestercityfc

บททดสอบธุรกิจยักษ์ใหญ่จากพ่อสู่ลูก “อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา” ทายาทคิง เพาเวอร์

Alternative Textaccount_circle

ปี 2558 สโมสรเลสเตอร์ซิตี้ได้รับการจัดอันดับว่ามี Social Media Improve หรือถูกพูดถึงเพิ่มขึ้นในโลกออนไลน์เป็นอันดับ 1 ของโลก นั่นคือส่วนหนึ่งของเทพนิยายแห่งวงการฟุตบอลที่คนทั่วโลกปรบมือให้ความสำเร็จที่ไม่มีใครคาดคิดว่า ทีมฟุตบอลขนาดเล็กจะกลายเป็นแชมป์ของอังกฤษ ภายใต้การนำของ อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ชายผู้คลั่งไคล้ฟุตบอล ซึ่งเดินทางมาจากคนละทวีป

ในขณะที่เกมฟุตบอลไม่ได้ลดทอนความดุเดือด อัยยวัฒน์ก้าวขึ้นมาเป็นซีอีโอคนใหม่ของคิง เพาเวอร์ พร้อมบททดสอบที่ใหญ่กว่าเดิม และเทพนิยายเรื่องใหม่ที่เขากำลังจะเขียนต่อไป

ย้อนกลับไปพูดถึงเด็กชายอัยยวัฒน์ ภาพแรกที่นึกถึงคืออะไรครับ
ภาพที่คุณพ่อคุณแม่ทำงานหนัก ผมเป็นลูกคนเล็ก อาจโชคดีกว่าพี่ๆ เพราะตอนผมเกิด ครอบครัวเริ่มมีฐานะจากธุรกิจดิวตี้ฟรีแล้ว ขณะที่ผมก็เป็นลูกที่ติดคุณพ่อคุณแม่ ถ้าท่านยังไม่กลับบ้าน ผมจะไม่นอน เป็นแบบนั้นตั้งแต่เรียนอนุบาลถึงประถม ผมเรียนเซนต์คาเบรียลตั้งแต่ ป.1 – ม.6 เป็นสถานที่ฝึกฝนทั้งวิชาความรู้และการใช้ชีวิต วัยนั้นมีแต่ความสนุกกับเพื่อน ผมเป็นหัวโจกตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม ส่วนหนึ่งอาจซึมซับมาจากคุณพ่อที่ใจกว้าง ชอบเลี้ยงเพื่อน ผมก็เป็นแบบนั้น แต่คุณพ่อทำให้เห็นว่า ที่คนรอบข้าง
ซาบซึ้งกับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เพราะมาให้ท่านเลี้ยง แต่ทุกคนมีความสุขกับบรรยากาศนั้น

คำว่าหัวโจก หมายถึงมีเรื่องชกต่อยด้วยไหม
ไม่ครับ ผมซ่า แต่ไม่เกเร คือเปลี่ยนชุดนักเรียนแล้วไปเที่ยวกับเพื่อนต่อได้เลย แต่ไม่เล่นยา ไม่สูบบุหรี่ ไม่ต่อยตีกับใคร สามารถเข้ากับเพื่อนได้ทุกกลุ่ม ในโรงเรียนจะมีเด็กสองแบบ คือ ตั้งใจเรียนกับเกเร สำหรับผมอยู่ตรงกลาง คุยได้หมด

รู้มาว่าคุณอัยยวัฒน์เข้าห้องประชุมกับคุณพ่อตั้งแต่ยังเด็ก
ใช่ครับ คุณพ่อมีความคิดว่า การเรียนไม่ได้พิสูจน์ว่าเราเก่ง ท่านพูดเสมอว่า ไม่ต้องเรียน ออกมาทำงานเลยก็ได้ แต่คุณแม่ไม่ยอม (หัวเราะ) แต่พอโรงเรียนเลิก ผมจะแวะไปหาคุณพ่อคุณแม่ที่บริษัท วิ่งเล่นอยู่ในห้องทำงานของท่านบ้าง หลับบ้าง แต่ขณะเดียวกันก็ได้เห็นกระบวนการที่คุณพ่อเรียกประชุม ชมเชยและต่อว่าพนักงาน พออายุ 16 ปี คุณพ่อก็ให้เข้าประชุมบอร์ด ต้องฟังและจดรายละเอียดต่างๆ

คุณพ่อบอกไหมว่าทำไมต้องให้ประชุมด้วย
ไม่ครับ ท่านบอกให้เข้ามาฟัง ผมก็โอเค ใช้เวลา 2 – 3 ชั่วโมง ไม่ได้เสียหายอะไร ตอนนั้นยังไม่เข้าใจหรอกว่าตัวเลขที่จดลงกระดาษจะส่งผลอะไรในอนาคตบ้าง แต่การได้อยู่ใกล้ๆ ก็ทำให้รู้ว่า บริษัทเติบโตเร็วมาก ผมอยู่ในทุกประชุมสำคัญ ทำให้รู้ว่าคุณพ่อคิดอะไร เหตุผลที่เปิดดิวตี้ฟรีที่สุวรรณภูมิคืออะไร มีขั้นตอนอย่างไร ซึ่งเป็นความบังเอิญหรือคุณพ่อวางแผนไว้ก็ไม่รู้นะ (หัวเราะ) แล้วโชคดีที่ผมไม่ได้อึดอัดอะไรกับการเข้าประชุม กลับรู้สึกสนุกด้วยซ้ำ

แล้วเข้ามาทำงานที่คิงเพาเวอร์อย่างเป็นทางการเมื่อไรครับ
ปี 2552 ผมเข้ามาเป็นผู้ช่วยของคุณพ่อ ท่านไม่ได้กำหนดล่วงหน้านะครับว่าลูกแต่ละคนต้องอยู่ในบทบาทไหน แต่อาจเพราะพี่ๆ ไปเรียนต่างประเทศตั้งแต่ชั้นมัธยม ส่วนผมอยู่ใกล้คุณพ่อตั้งแต่เด็กจนเรียนจบมหาวิทยาลัย จึงรู้ใจท่านเร็วกว่าคนอื่น แล้ววันที่ผมเข้ามาก็ไม่มีตำแหน่งในบริษัทว่าง คุณพ่อจึงให้เป็นผู้ช่วย พูดง่ายๆ คือ ทำงานตามสั่ง หรือเจเนอรัลเบ๊ (หัวเราะ)

หน้าที่ผมมีตั้งแต่กรองเอกสารก่อนถึงคุณพ่อ ประสานงานกับผู้ใหญ่ เป็นปีแรกที่ได้ประสบการณ์เยอะและทำงานหนัก ขณะที่ชีวิตส่วนตัวก็เต็มที่ ตอนกลางคืนไปเที่ยวกับเพื่อน คิดว่าร่างกายไหว แต่วันหนึ่งก็ป่วยจนต้องให้น้ำเกลือที่โรงพยาบาล ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นจากที่คุณพ่อให้งานเยอะหรอก ผมเองที่แบ่งเวลาไม่เป็น หลังจากนั้นจึงจัดตารางเวลาใหม่ ชีวิตก็ดีขึ้น ยังเที่ยวเหมือนเดิม แต่ไม่เคยทำให้งานเสียนะครับ ผมคิดว่าถ้าตอนเช้ายังมาทำงานตรงเวลาได้จะทำให้คุณพ่อไว้ใจ ทุกวันนี้ก็ยังเป็นแบบนั้น ต่อให้เที่ยวหนักแค่ไหน ผมก็ยังทำงานได้ อย่างบางวันกลับถึงบ้านตอนตี 4 แต่พอ 6 โมงเช้าก็ไปตีกอล์ฟกับคุณพ่อต่อได้

เป็นเจเนอรัลเบ๊อยู่นานไหม
พักใหญ่ครับ (หัวเราะ) แต่พอทำงานที่คิง เพาเวอร์ ได้หนึ่งปี คุณพ่อให้ผมไปเป็นรองประธานสโมสรเลสเตอร์ซิตี้ ซึ่งขณะนั้นอยู่ในลีกแชมเปี้ยนชิปของอังกฤษ (รองจากพรีเมียร์ลีก) โดยยังทำงานผู้ช่วยให้ท่านด้วย ผมจึงต้องนั่งเครื่องบินไปๆ กลับๆ แต่ใช้เวลาที่อังกฤษประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ อยู่นานจนต้องเสียภาษี เพราะเกิน 180 วันตามที่กฎหมายกำหนด

บทสนทนาแรกๆ ที่คุณวิชัยพูดกับคุณอัยยวัฒน์ เรื่องเลสเตอร์ซิตี้คืออะไรครับ
จำได้ว่าผมนั่งอยู่ในร้านอาหารกับคุณพ่อ ท่านเล่าว่า คิง เพาเวอร์ จะเป็นสปอนเซอร์บนเสื้อของทีมเลสเตอร์ซิตี้ ท่านจะไปดูสนามฟุตบอลของทีม และอยากให้ผมไปด้วย รุ่งขึ้นเราก็นั่งเครื่องบินไปคุยกับเจ้าของทีมในขณะนั้นคือ มิลาน แมนดาริช ที่สโมสร ปรากฏว่าคุณพ่อคุยกับเขา 10 นาที แล้วบอกผมว่าซื้อทีมแล้วนะ ผมตกใจเหมือนกัน แต่คิดว่าเป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอลก็น่าสนุกดี พอกลับมาถึงบ้านจึงถามคุณพ่อว่าคิดจ้างใครดูแล ผมจะได้วางแผนให้ ท่านบอกว่า ต๊อบดูไปสิ ผมฟังแล้วช็อกไปแป๊บหนึ่ง รู้ว่าไม่ง่ายแน่ๆ แต่ก็รับปากว่าจะทำให้ดีที่สุด

เด็กผู้ชายหลายคนฝันอยากเป็นเจ้าของทีมฟุตบอลในอังกฤษรวมถึงคุณด้วยไหม
ใช่ครับ (ยิ้ม) ผมว่าเด็กโรงเรียนชายล้วนคงไม่ต่างกันคือ ชอบฟุตบอลพรีเมียร์ลีกของอังกฤษ ผมอ่านหนังสือพิมพ์ สตาร์ซอคเก้อร์ สปอร์ตพูล แล้วคุยกับเพื่อนว่า ทำไมเจ้าของทีมนี้บริหารอย่างนี้ ทำไมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดยอมขายผู้เล่นคนนี้ ถ้าผมเป็นเจ้าของสโมสรจะทำแบบนี้ เป็นเรื่องเพ้อฝันสนุกๆ ของเด็กผู้ชาย แต่พอวันหนึ่งได้เป็นจริงๆ ก็ประหลาดดีเหมือนกัน

การบริหารทีมฟุตบอลเองไม่ได้เจอแค่เรื่องสนุกใช่ไหมครับ
เหนื่อยครับ แค่วันแรกที่ซื้อทีม พอเซ็นสัญญาปุ๊บ เจ้าของเก่าบอกว่าเลิกอัดฉีดเงินให้ทีมแล้วนะ แล้วหยิบเอกสารอีกใบหนึ่งมาให้ว่า
ทีมติดหนี้อยู่ 3 แสนปอนด์ เป็นเงินไทยประมาณ 15 ล้านบาท อะไรกัน นี่วันแรกก็เป็นหนี้เลยหรือ ผมถามพ่อเพื่อความมั่นใจว่า เอาจริงใช่ไหม ท่านตอบว่า เซ็นๆ ไปเถอะ ผมจำได้ไม่ลืมเลย เพราะธุรกิจแรกที่คุณพ่อมอบหมายให้ทำอายุ 25 ปีก็เป็นหนี้แล้ว ยังถามตัวเองว่าใช่หรือ

งานแรกในฐานะรองประธานสโมสรเลสเตอร์ซิตี้คืออะไรครับ
แถลงข่าวเพื่อบอกเป้าหมายว่า เราต้องการกลับขึ้นไปเล่นในพรีเมียร์ลีก ซึ่งไม่ใช่ง่ายครับ เริ่มตั้งแต่ภาษาอังกฤษของผมไม่ได้ดีมาก แม้จะอ่านออก เขียนได้ ฟังเข้าใจ แต่การสื่อสารเป็นภาษาธุรกิจยากกว่า แล้วตอนนั้นผมยังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการบริหารทีมฟุตบอล วันแรกในห้องประชุม ทีมบริหารพูดถึงการเซ็นสัญญากับนักเตะ หรือเรื่องอะไรก็แล้วแต่ ผมไม่เข้าใจเลย หลังจากนั้นต้องอ่านข้อมูลทั้งหมด พยายามศึกษาเองประมาณ 1 สัปดาห์จึงพอจับทางได้บ้าง

มีสายตาของพนักงานที่มองเจ้าของใหม่ด้วยความไม่มั่นใจไหม
โอ้โฮ…เยอะ วันแรกที่ผมเดินเข้าออฟฟิศ ทุกคนหันมามองกันหมด ผมไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรกันบ้าง แต่สิ่งที่สัมผัสได้คือ ความกังวลว่าเด็กไทยอายุ 25 ปีจะเข้ามาทำอะไรกับพวกเขา กว่าที่ผมจะทำให้ทุกคนเชื่อมั่นก็ใช้เวลาอยู่เกือบปี โดยมีวิธีเดียวคือ พิสูจน์ให้เห็นหลังจากอ่านรายละเอียดของสโมสร ผมเขียนคำถามที่อยากรู้ แล้วเรียกผู้อำนวยการฝ่ายต่างๆ มานั่งคุยคนละ 3 ชั่วโมง เริ่มตั้งแต่เก้าโมงเช้าถึงสามทุ่ม แทบไม่ได้กินข้าว ทำแบบนี้อยู่ 2 – 3 สัปดาห์ จึงรู้ว่าคนนี้เก่งด้านไหน ควรให้ทำอะไร จากนั้นเริ่มวางโครงสร้างใหม่ให้สโมสร เนื่องจากตอนนั้นที่เลสเตอร์ยังทำงานไม่ค่อยเป็นระบบ อย่างเรื่องสัญญาก็มีเฉพาะแค่ของนักฟุตบอล แต่สัญญาของพนักงานไม่มี ไม่จ่ายโบนัสมา 10 ปี ไม่ขึ้นเงินเดือนมา 5 ปี พอรู้ปัญหาเหล่านี้ผมจึงกลับเมืองไทยให้คุณพ่อส่งเจ้าหน้าที่แผนกบัญชี ไอที ร้านค้า และฝ่ายบุคคลของคิง เพาเวอร์ ไปที่อังกฤษกับผม 2 สัปดาห์ เราจะไปผ่าตัดบริษัทกัน

แผนกแรกๆ ที่ต้องผ่าตัดคืออะไรครับ
ผมเริ่มทำพร้อมกันหลายส่วนครับ ยกตัวอย่างร้านของที่ระลึก ผมถามเจ้าหน้าที่ว่า จัดการเรื่องสต๊อกสินค้าอย่างไร พนักงานหยิบกระดาษ A4 ให้ดูว่า นี่ไงเสื้อ 100 ตัว ขายได้ก็ใช้ปากกาเขียนเครื่องหมายไว้ แค่นี้เองครับ พอเดินไปดูหลังร้านก็มั่วมาก มีของวางกองๆ อยู่บนชั้น ถ้าลูกค้าถามถึงจึงหยิบมาให้ ผมบอกพนักงานว่าแบบนี้เจ๊งแน่ ผมทำธุรกิจค้าปลีกที่เมืองไทย ถ้าคุณขายของแบบนี้ ผมเสียหน้า ผมจะส่งคนมาเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด เขาก็ช็อกกัน แต่ผมอธิบายต่อว่าไม่ได้ให้ออกนะ คุณยังทำงานเหมือนเดิม แต่ช่วยเขียน Wish List สิ่งที่อยากเห็นในร้านนี้มา ผมจะทำให้ หลังจากนั้นเขาเขียนมาว่า ขอร้านใหญ่ขึ้น มีระบบงานที่ชัด ผมอ่านแล้วได้ข้อสรุปว่า จริงๆ พนักงานรู้ว่าปัญหาคืออะไร แต่ไม่มีใครลงไปดู ผมจึงใช้วิธีเดียวกันนั้นกับทุกแผนก ให้พนักงานทุกคนเขียนว่า เขาอยากเห็นอะไรเกิดขึ้นในสโมสร ซึ่งพอรวมกันแล้วยาวเหยียดแบบกระดาษ A4 ต่อกัน 10 แผ่น ผมอยากให้เห็นมากเลย (ยิ้ม)

เรื่องไหนที่อ่านแล้วอึ้งบ้าง
เยอะครับ เช่น อยากได้ระบบไอที ตอนนั้นอินเทอร์เน็ตที่สโมสรยังไม่มี ผมพูดได้ว่า ทีมฟุตบอลไม่ได้เป็นตัวอย่างของบริษัทที่ดี เจ้าของส่วนใหญ่โฟกัสแค่เรื่องซื้อนักฟุตบอลเก่งๆ เพื่อให้ทีมขึ้นชั้นและประสบความสำเร็จ แต่ไม่สนใจระบบบริหาร สิ่งอำนวยความสะดวก จนถึงอุปกรณ์แวดล้อมที่จำเป็น แต่ผมทุ่มเงินกับตรงนั้น

ตกใจไหมว่าสโมสรฟุตบอลอังกฤษไม่ใช่อย่างที่คิด
ตกใจไม่ทันแล้ว ผมถามคุณพ่อว่า 10 นาทีที่คุยกับเจ้าของคนเก่านี่คุยอะไรบ้าง (หัวเราะ) แต่ผมไม่เคยคิดว่าท่านซื้อทีมฟุตบอลผิดหรือถูกนะครับ ซึ่งถ้าถามในวันนี้ก็พิสูจน์แล้วว่า ไม่ผิด เพียงแต่วันนั้นผมรู้สึกสนุกกับโปรเจ็คท์ใหญ่ที่คุณพ่อให้ทำ และเป็นหน้าที่ผมที่ต้องทำให้ดี ผมใช้เวลา 2 ปีแรกไปกับการพัฒนาทุกอย่าง ตั้งแต่สนามฟุตบอล ที่นั่งคนดู ห้องพักนักกีฬา ฟิตเนส ร้านขายของที่ระลึก ควบคู่ไปกับการพัฒนานักฟุตบอล โดยนำวิทยาศาสตร์การกีฬาเข้ามาใช้ เช่น พอนักฟุตบอลตื่นตอนเช้าให้ใช้เครื่องตรวจว่า คนฟิตน้อยที่สุดคือใคร ให้เห็นพร้อมกันทั้งทีม ซึ่งนักฟุตบอลก็มืออาชีพนะครับ เขาพร้อมปรับปรุงตัวเอง เพียงแต่ผมอยากได้ระบบวัดผลที่ชัดเจน ไม่ใช่นักฟุตบอลคนนี้เก่งมาก แต่ความฟิตต่ำ เพราะเทคโนโลยีสมัยใหม่บอกได้ว่า คุณเล่นได้แค่ 50 นาทีหรือเต็มเวลา ช่วยให้โค้ชตัดสินใจง่ายขึ้นในการเลือกนักฟุตบอล หรือเปลี่ยนผู้เล่นสำรองลงสนาม นี่คือสิ่งที่ผมลงทุนตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาทำทีม

คุณวิชัยให้อิสระคุณต๊อบบริหารทีมได้เต็มที่ไหมครับ
ปล่อยครับ แต่ก็จะด่าว่าจะลงทุนอีกนานแค่ไหน (หัวเราะ) ไหนว่าจะขึ้นชั้นตั้งแต่ปีแรก ผ่านมา 3 ปียังทำไม่ได้ พูดตรงๆ ว่าผมก็กดดัน แต่บอกคุณพ่อว่า ถ้าทีมได้ขึ้นชั้น สิ่งที่เราลงทุนทั้งหมด ไม่ว่าจะร้านขายของที่ระลึก หรือสนามฟุตบอลที่ทันสมัยจะกลายเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าแน่นอน

สองปีแรกหมดเงินไปเท่าไร
ต้องมี 20 – 30 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,300 ล้านบาท) นั่นแค่การปรับปรุงสโมสรนะครับ ถือว่ามากกว่าหลายทีมในระดับแชมเปี้ยนชิป มีแต่คนบอกว่า ผมบ้า สต๊าฟโค้ชยังส่งอีเมลมาว่า หยุดลงทุนได้ไหม ซื้อนักเตะเถอะ ทีมไม่ขึ้นชั้นหรอกถ้าทำแค่นี้ ผมบอกว่าเรื่องนั้นก็ทำอยู่ แต่จะซื้อในราคาที่สมเหตุสมผล ซึ่งนักฟุตบอลหลายคนที่เราซื้อมาในราคาไม่แพง แต่ฟอร์มดีมาก นั่นเพราะผมเชื่อในตัวเลข ผมเปลี่ยนระบบของแมวมองใหม่ทั้งหมด ทีมงานต้องเขียนแต้มให้ผมดูว่า นักฟุตบอลที่เขาสนใจได้กี่คะแนนในเรื่องไหนบ้าง เราถึงขนาดส่งหัวหน้าทีมแมวมองไปคุยกับครอบครัวของนักฟุตบอลว่า เขามีบุคลิกอย่างไร โทรศัพท์ไปถามสโมสรเก่าของเขาว่า เคยสร้างปัญหาอะไรหรือเปล่า เมื่อได้ข้อมูลผมจะนั่งคุยกับทีมงาน 3 คน คือ ผู้จัดการทีม ผู้อำนวยการสโมสร และหัวหน้าแมวมอง ถ้ามีแค่หนึ่งเสียงไม่เห็นด้วยก็จบ

ฟังดูเหมือนการรับพนักงานเข้าบริษัท
ประมาณนั้นครับ ความผิดพลาดจึงน้อย แล้วผมซื้อเฉพาะนักฟุตบอลที่อยากเล่นให้สโมสรจริงๆ ถ้าเจอเคสนักฟุตบอลที่มีชื่อเสียง แล้วออกลีลา เช่น ทีมนั้นก็สนใจนะ ทีมนี้ก็อยากได้เขานะ ผมบอกทันทีว่า ถ้าอย่างนั้นเชิญไปเลยครับ ผมไม่สนใจ ไม่อยากได้คนที่มาเพราะเงิน อยากให้มาเพราะต้องการเล่นกับเลสเตอร์จริงๆ แต่ไม่ใช่ว่า ไม่เคยเจอปัญหาเลย มีบ้างเป็นธรรมดา อย่างมีนักฟุตบอลของเราขับรถชน หรือรถเสียสักอย่างนี่แหละ เขาโทร.มาบอกที่ออฟฟิศว่า เรียกประกันอย่างไร แล้วต้องทำอะไรต่อ คือทำไม่เป็นเลยหรืออีกคนไปเที่ยวกลางคืนแล้วโดนถ่ายคลิป เราก็ต้องเคลียร์กับนักข่าวว่าไม่จริงนะ ฯลฯ คือ มีเรื่องให้ทำทุกวัน

นักข่าวที่อังกฤษขึ้นชื่อเรื่องความโหดด้วยสิ
มาก…เขาจะถามจี้ ถ้าตอบผิดจะกลายเป็นหอกแทงเราในอนาคต แต่เขาก็ให้ความเคารพนะครับ ฝรั่งทำงานแบบมืออาชีพ ถ้าคุณตรงไปตรงมา เขาจะยอมรับ แต่ถ้าทำเรื่องผิด เขาจะหาช่องและทำลาย อย่างวันนี้ที่ผมคุยกับ แพรว ก็อาจมีนักข่าวแปลเป็นภาษาอังกฤษแล้วไปถามที่สโมสร แต่ผมโอเค เพราะพูดเรื่องจริงทั้งหมด ไม่มีอะไรปิดบัง ไม่เคยวิ่งหนีนักข่าว อย่างเรื่องลงทุนแล้วทีมยังไม่ขึ้นชั้นก็ถูกถามบ่อย แต่พอถึงวันที่เรากลับไปเล่นในพรีเมียร์ลีกได้สำเร็จก็กลายเป็นคำตอบถึงการที่ผมเลือกลงทุนปรับปรุงสโมสรตั้งแต่วันแรกที่ทำให้ทีมมีความพร้อมมากๆ ไม่ว่าเรื่องสนามและระบบวิทยาศาสตร์การกีฬาที่ทีมเลสเตอร์ซิตี้น่าจะดี ติดท็อปเท็นของอังกฤษ เรามีร้านค้าขนาดใหญ่ขึ้น ที่จอดรถเพียงพอ ฟิตเนสและสนามซ้อมทันสมัย นอกจากนี้ผมกับคุณพ่อยังใช้วิธีบริหาร
แบบคนไทย นั่นคือ ความใส่ใจ ช่วงแรกๆ เราใช้เวลาคลุกคลีกับนักกีฬาเยอะ เพื่อสร้างทีมเวิร์ค พอเตะฟุตบอลเสร็จ คุณพ่อจะพาทุกคนไปเลี้ยงข้าวบ้าง หรือวันพิเศษอย่างคริสต์มาสก็จัดปาร์ตี้ในสนาม ให้นักฟุตบอลและทีมงานพาครอบครัวมาสนุกด้วยกัน พอปิดฤดูกาลก็พามาเที่ยวเมืองไทย ซึ่งไม่มีสโมสรไหนทำ ผมเชื่อว่าสิ่งนี้ทำให้กำแพงระหว่างผู้บริหารกับนักฟุตบอลลดน้อยลง

วันที่ทีมนอกสายตาอย่างเลสเตอร์ซิตี้ได้แชมป์พรีเมียร์ลีก บรรยากาศสุดยอดขนาดไหน
จริงๆ วันที่ขึ้นมาเล่นพรีเมียร์ลีก บรรยากาศก็สุดยอดแล้ว แฟนบอลหลายคนร้องไห้ด้วยความดีใจ มีคุณตาอายุประมาณ 70 – 80 ปี
ถือไม้เท้าเดินมาคุยกับผมว่า เขาเชียร์บอลมาตั้งแต่อายุ 9 ขวบ เขามีวันนี้เพราะพวกเรา ขอบคุณมากจริงๆ แล้วก็ร้องไห้ หลังจากนั้น
เราแห่รถฉลองไปทั่วเมืองที่มีคนมาคอยเป็นแสน ครั้งนั้นผมก็ว่าสุดๆ แล้ว แต่วันที่ได้แชมป์พรีเมียร์ลีก ในเมืองเลสเตอร์มีประชากรประมาณ 250,000 คน วันนั้นมีคนออกมาฉลอง 240,000 คน แทบจะหมดเมือง ผมเห็นสายตาที่ส่งมาให้แล้วพูดไม่ออก ทุกคนฉลองเต็มที่ เพราะเราไม่รู้ว่าในชาตินี้จะเกิดเหตุการณ์นี้อีกไหม ผมยังบอกคุณพ่อว่า ถ้าจ้างคนจำนวนมากขนาดนี้ออกมาฉลองให้ ต้องใช้เงินเท่าไร ผมคิดไม่ออก แล้วทุกคนมาด้วยความสุขจริงๆ ผมเชื่อว่าให้เอาเงินมากองมากแค่ไหนก็ทำไม่ได้ มีอดีตเจ้าของทีมหลายคนมาดูเกมในสนามแล้วบอกว่าเราทำให้เขาตายตาหลับ ผมว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่แค่การที่ทีมขนาดเล็กได้แชมป์ลีกสูงสุดของ
ประเทศอังกฤษ แต่เป็นเรื่องของแรงบันดาลใจให้คนทั้งโลกเห็นว่า ถ้าคุณทำดี ทำถูก มีความพยายามก็ประสบความสำเร็จได้

ถ้าพูดในแง่ของการตลาด ในปี พ.ศ. 2558 เลสเตอร์ซิตี้ได้รับการจัดอันดับว่ามี Social Media Improve หรือการถูกพูดถึงเพิ่มขึ้น
ในโลกออนไลน์เป็นอันดับ 1 ของโลก ข้อสำคัญคือ แบรนด์คิง เพาเวอร์ ก็อยู่ติดกับทีมเลสเตอร์ ทั้งสองจึงเติบโตขึ้นด้วยกัน อย่างในเกมที่เราชนะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 5 ประตูต่อ 3 ประตู เมื่อปี พ.ศ. 2557 ภาพชัยชนะของเราถูกแชร์ไปทั่วโลก เพื่อนคุณพ่อจากหลายประเทศส่งข้อความแสดงความยินดีทั้งทางโทรศัพท์มือถือ ไลน์ อีเมล ผมบอกคุณพ่อว่า ไม่มีธุรกิจไหนที่จะสร้างภาพลักษณ์ได้ดีขนาดนั้นโดยใช้เวลาเพียง 90 นาทีอีกแล้ว

หลังจากเป็นแชมป์ของอังกฤษ เลสเตอร์ซิตี้วางเป้าหมายต่อไปอย่างไร
บางคนบอกว่า การเป็นแชมป์ว่ายากแล้ว แต่การป้องกันแชมป์ยิ่งใหญ่กว่า ผมบอกได้เลยว่า ไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้น แต่ตอนเริ่มฤดูกาลแข่งขันใหม่เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา นักฟุตบอลในทีมยังติดกับความสำเร็จ คิดว่าตัวเองเป็นเทวดา เป็นแชมป์เก่า สุดท้ายก็แพ้ตั้งแต่เกมแรก

อ่านต่อหน้า 2

วิชัย ศรีวัฒนประภา

ไขความลับชีวิตของ ‘วิชัย ศรีวัฒนประภา’ มหาเศรษฐีผู้ให้ เจ้าสัวหัวใจเพชร!

วิชัย ศรีวัฒนประภา
วิชัย ศรีวัฒนประภา

เปิดชีวิตมหาเศรษฐีไทยที่ดังไกลถึงต่างประเทศ “วิชัย ศรีวัฒนประภา” แห่งอาณาจักรคิง เพาเวอร์ พร้อมเปิดดูขุมทรัพย์ที่อังกฤษ ครั้งแรกในนิตยสารไทย

29 ปี คือเวลาที่คิง เพาเวอร์ก่อร่างสร้างธุรกิจสินค้าปลอดภาษีขึ้นในประเทศไทย

5.39 หมื่นล้านบาทคือจำนวนสินทรัพย์โดยประมาณการที่ “ฟอร์บ” ใช้ในการคำนวณลำดับเศรษฐีอันดับที่ 11 ให้กับเจ้าพ่อคิง เพาเวอร์ คนนี้ (ข้อมูลปี 2557)

150 ล้านปอนด์++ คือจำนวนเงินที่เขาใช้เพื่อซื้อสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี้ ของอังกฤษ ซึ่งเมื่อก่อนยังเป็นแค่ทีมในระดับแชมเปี้ยนชิพ ทว่าวันนี้ขึ้นชั้นพรีเมียร์ลีกได้ด้วยเม็ดเงินที่เขาทุ่มเพื่อทำให้ทีมแข็งแกร่ง

666 ไร่ คือเนื้อที่ของสนามโปโล Billingbearที่ได้ชื่อว่าดีที่สุดในประเทศอังกฤษ แม้แต่ราชวงศ์อังกฤษยังเทใจยกให้เป็นสนามชั้นเลิศ และแพรวเป็นนิตยสารฉบับเดียวที่เขายอมเปิดรั้วให้บุกเข้าไปในอาณาจักรนั้น

นี่ยังไม่นับพิพิธภัณฑ์พระเครื่องเก่าแก่นับพันองค์ที่ประเมินค่ามิได้ คลังไวน์กว่าพันขวดที่เซียนไวน์ยกให้เป็นคอลเล็กชั่นเด็ด และล่าสุดเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวที่เขา “ลัดคิว” ได้มาด้วยการยอมจ่ายค่าคอมมิชชั่นไปหลายล้านเหรียญ

จริงอยู่ว่าประเทศไทยมีเจ้าของธุรกิจที่มีตัวเลขหมุนเวียนในโครงข่ายว่ากันในระดับพันล้าน หมื่นล้าน เกินจำนวนนิ้วในร่างกายมนุษย์ แต่ในจำนวนทั้งหมดนั้นจะมีสักกี่คนที่ “สร้าง” และ “ใช้” เงินได้อย่างสนุกเช่นนี้

ให้นับนิ้วในหนึ่งมืออาจจะนับได้ไม่หมดเสียละมัง ทว่าคุณวิชัย หรือ “ท่านประธาน” สรรพนามที่คนในอาณาจักรคิง เพาเวอร์ใช้เรียกขานก็ดันอยู่กลุ่มนี้ซะด้วยสิ

“ผมอาจแปลกกว่าคนอื่นนะ ตรงที่ใช้ชีวิตด้วยความสุขเป็นตัวขับเคลื่อน ตั้งแต่เล็ก ถ้าผมจะทำอะไรต้องมีความสุข ถ้าไม่มีความสุขก็อย่าคิดเลยว่าจะทำ ฉะนั้นแพง ถูก ไม่ใช่เหตุผล เหตุผลคือความชอบ เป็นคนชอบอะไรก็เต็มที่ สุดขั้ว ไม่คิดหรอกว่ามีต้นทุนเท่าไหร่”

เพราะอย่างนี้เลยมีคำล้อกันว่า “ของเล่น” ท่านประธานล้วนแต่มีราคาแสนแพง

อยู่ที่คนมอง ผมห้ามความคิดใครไม่ได้ คำว่าของเล่น เด็กไปซื้อของเล่นมาเล่นมันก็ใช่ ผู้ใหญ่ก็เหมือนกัน ผมว่าเขาคงแค่เอามาเปรียบเทียบ เพราะจริงๆ แล้วมันคือสิ่งที่ทำให้เราได้เอนจอยกับมันมากกว่า การเอนจอยมีหลายอย่าง อย่างผมชอบรถ ผมก็ซื้อๆๆ คุณอาจบอกว่าถ้าชอบก็ดูในท้องถนน หรือในโชว์รูมไปสิ อันนั้นก็เป็นวิธีคิดแบบหนึ่ง แต่สำหรับผม ดูน่ะดูได้ แต่มันไม่ใช่ของเรา นี่ผมอยากนั่งเมื่อไหร่ก็ได้นั่ง ผมว่าเศรษฐีที่มีกำลัง แล้วกล้าออกมาแสดง กล้าเอาเงินมาทำให้มีประโยชน์กับตัวเอง หรือกับสังคม ดีกว่าเก็บไว้ที่แบงค์ให้ลูกให้หลานใช้ ผมกลัวเวลาตายไปแล้วจะมีความรู้สึกว่า ทำไมเอาเงินเราไปใช้แบบผิดๆ ทำไมตอนมีชีวิตอยู่เราไม่ใช้ซะก่อน

วิชัย ศรีวัฒนประภา

หลายคนมองว่าท่านคือเจ้าพ่อธุรกิจดิวตี้ฟรี เพราะงานที่ทำหรือเปล่าคะที่ทำให้ท่านมีบุคลิกแบบกล้าชน กล้าทำอย่างนี้

ผมเป็นของผมอย่างนี้มาตั้งแต่เด็ก ซึ่งมาจากผมถูกส่งไปไต้หวันตั้งแต่อายุ 11 ตอนแรกโกรธพ่อแม่มาก คิดอะไร จะให้เราไปอยู่ยังไง แต่ก็เพราะเหตุนั้นที่ทำให้เราต้องช่วยเหลือตัวเอง และทำให้เข้มแข็ง เพราะถึงจะไปอย่างมีฐานะ แต่เขาก็ให้เราเท่าคนอื่น อาทิตย์ละ 50 เหรียญยูเอส คำถามคือเราจะบริหารเงินอย่างไร เคยอยู่บ้านมีคนซักเสื้อผ้าให้ แต่นี่ต้องทำเองทุกอย่าง ต้องอยู่กับคนที่เราไม่รู้จัก คนนี้ก็ข่ม คนนั้นก็ขู่ เพราะเราเด็กสุด ทำให้ผมต้องมาคิดว่าจะทำอย่างไร ที่สุดชีวิตสอนให้เราหากำแพงพิง นั่นคือใครใหญ่ผมก็ไปหา ไปไหนก็ไปกับเขา แค่อาทิตย์แรกก็สบายแล้ว นักเรียนไทยที่อยากจะรังแกเราเพราะเห็นเป็นเด็กใหม่ก็ไม่กล้า

เมื่อรวมกับนิสัยที่ชอบให้มากกว่ารับ อย่างที่เล่า พ่อแม่ส่งเงินให้ใช้อาทิตย์ละ 50 เหรียญ แต่ผมใช้วันเดียวหมด แจกจ่ายไปทั่ว คนถึงจำผมได้เพราะผมแชร์ความสุข อย่ามาถามนะว่าพรุ่งนี้กินอะไร เอนจอยวันนี้ก่อน แต่ผมเชื่อว่าเราไม่จนตรอกหรอก เดี๋ยวมันก็มาเอง และก็จริง หลายครั้งผมพบว่าเพราะการให้ของเรานี่แหละที่ทำให้ผมไม่เคยจนตรอกสักครั้ง

ระบบการศึกษาที่ไต้หวันมีส่วนช่วยหล่อหลอมด้วยไหมคะ

ไม่ได้ช่วยเลย เพราะผมไม่ได้เรียน ไม่ชอบเรียนหนังสือ ไม่ชอบเข้าห้องเรียน รู้สึกว่าทำไมต้องเข้า เข้าแล้วจะเก่งหรือ หรือการสอบ ผมก็ไม่เคยคิดว่าต้องเป็นที่หนึ่ง ห้องเรียนสำหรับผมจึงเป็นการเข้าไปเพื่อดูว่าเขาเรียนกันอย่างไร แต่พอสอบตกแล้วพ่อถาม ผมก็บอกเดี๋ยวจะเรียนให้ดู เอาเอเลย แล้วผมก็ทำให้เขาเห็นว่าเราทำได้

ผมโชคดีที่พ่อแม่ไม่บังคับ เพราะเขารู้ว่าผมรู้จักขีดกรอบตัวเอง ชีวิตทั้งที่ไต้หวันจนไปต่ออเมริกา อาจมีเดินล้ำออกนอกกรอบไปบ้าง แต่ที่สุดผมก็เดินกลับเข้ามาเอง เขาจึงสบายใจ เหนืออื่นใดผมไม่ยุ่งกับยาเสพติด เหมือนที่ผมสอนลูก (คุณวิชัยมีลูก 4 คนคือคุณวรมาศ คุณอภิเชษฐ์ คุณอรุณรุ่ง และคุณอัยยวัฒน์) จะทำอะไรตามสบาย คิดเอง ตัดสินใจเองได้ทุกอย่าง

ตอนอ่านประวัติท่านซึ่งบอกตรงๆ ว่าหาได้ยากมาก ยังสงสัยว่าไปบุกธุรกิจดิวตี้ฟรีที่ต่างประเทศได้อย่างไร

เริ่มต้นจากที่คุณพ่อส่งไปเรียนไต้หวันน่ะแหละ สมัยนั้นไม่มีบินตรง ต้องแวะเปลี่ยนเครื่องที่ฮ่องกง ขาบินกลับไทยตอนปิดเทอมต้องมีคนฝากซื้อของจากร้านปลอดภาษีที่ฮ่องกงทุกครั้ง ทำให้ผมมีความคิดว่าทำไมประเทศไทยไม่มีร้านปลอดภาษีแบบฮ่องกงบ้าง นั่นเป็นความคิดที่ติดอยู่ในใจมาตลอด พอโตขึ้นยิ่งเดินทางบ่อย ทำให้เห็นธุรกิจดิวตี้ฟรีจากทั่วโลก พบว่าเป็นธุรกิจที่น่าสนใจ เป็นสิ่งที่คนเดินทางทุกคนชอบ จึงบอกตัวเองว่าน่าจะทำได้

แต่พอลองเวิร์คจริงก็พบว่าธุรกิจนี้ทำยากในประเทศไทย เพราะต้องขอสัมปทานจากรัฐบาล และยุคนั้นรัฐฯก็ให้สัมปทานเฉพาะรัฐวิสาหกิจเท่านั้น เจ้าที่ได้ไปคือการบินไทย เลยไม่ได้คิดต่อ หันไปทำอย่างอื่น นั่นคือเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าแบรนด์เนมดังๆ เช่น Christian Dior, Lanvin, NinaRicci, Celine ฯลฯ สมัยก่อนสินค้าแบรนด์เนมในประเทศไทยยังมีกำแพงภาษีสูงมาก ผมใช้วิธีติดต่อกับซัพพลายเออร์ว่าถ้าอยากมาบุกเบิกแบรนด์ในเมืองไทยต้องให้ราคาต่ำ ก็เริ่มขายจากพวกนั้น ทำอยู่หลายปี เดินทางไปกลับต่างประเทศเป็นว่าเล่น วันหนึ่งเพื่อนที่ทำดิวตี้ฟรีที่ฮ่องกงก็ชวนให้ซื้อหุ้นเขา 10%มันเป็นธุรกิจที่ผมสนใจอยู่แล้ว ก็ลุยเลย กระทั่งภายในสองปีผมก็กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่

ทั้งหมดมาจากการเดินทางไปต่างประเทศบ่อยๆ ซึ่งทำให้ผมมีเพื่อนเยอะ ไม่ใช่แค่ที่ฮ่องกง ทั้งเขมร มาเก๊า จีนแผนดินใหญ่ ทุกที่ที่ผมเข้าไปทำธุรกิจดิวตี้ฟรี คอนเน็คชั่นล้วนเป็นใบเบิกทาง แต่เราจะมีคอนเน็คชั่นที่ดีได้ต้องทำให้เขาเชื่อถือเราก่อน ความเชื่อถือมาจากอะไร ความจริงใจ ตรงไปตรงมา ไม่เบี้ยว ไม่โกง พูดคำไหนคำนั้น

ขณะเดียวกันความคิดที่ว่าธุรกิจนี้น่าจะทำได้ในประเทศไทยก็ยังมีอยู่ และอย่างที่เล่าไป พื้นที่สนามบินดอนเมืองในตอนนั้น การบินไทยเป็นผู้ได้สัมปทานซึ่งเขาไม่ได้ทำจริงจัง เขาให้สัมปทานกับรายอื่นต่อซึ่งส่วนใหญ่เป็นร้านขายของที่ระลึก โดยในส่วนของๆ แบรนด์เนม เขาก็เอาของเราไปขาย เรียกว่าส่งไปเท่าไหร่ก็ขายหมด ผมจึงคุยกับคนที่เช่าสัมปทานต่อว่าทำไมไม่โน้มน้าวการท่าฯ (การท่าอากาศยาน หรือ ทอท.เจ้าของพื้นที่) ให้ทำเอง โดยผมจะนำโนว์ฮาวทั้งหมดมาถ่ายทอดให้ ซึ่งตอนนั้นผมทำดิวตี้ฟรีที่ฮ่องกงได้ 3-4 ปีแล้ว

ปรากฏ ทอท.สนใจ สิ่งที่ผมบอกเขาคือเราต้องทำแบบอินเตอร์ ต้องแยกดิวตี้ฟรีกับของที่ระลึก และต้องให้คนที่เป็นเจ้าของสัมปทานทำอย่างจริงจัง สมมติการบินไทยทำได้ปีละพันล้าน ถามไปเลยว่าใครทำได้เกินก็เอาไป ตอนนั้น ทอท.เห็นด้วย แต่ก็ยังกลัวอยู่ เลยยังถือสัมปทานไว้เอง แต่จ้างผมกับพาร์ตเนอร์คนไทยอีกคนไปบริหารให้ และใช้วิธีแบ่งตรงให้เรา ใช้วิชาชีพเรา พูดง่ายๆ เหมือนจ้างเราไปออแกไนซ์

ทำไปสักพัก ผมกับพาร์ตเนอร์ตัดสินใจแยกจากกัน ตอนนั้นรัฐฯมีโครงการเปิดประมูลสัมปทานร้านค้าปลอดอากรนอกพื้นที่สนามบิน แต่นโยบายยังคงเดิมคือคนที่เปิดต้องเป็นรัฐวิสาหกิจเท่านั้น ผมคิดว่าการท่องเที่ยวน่าจะเป็นหน่วยงานที่ตรงที่สุด เลยชวนร่วมทุน ททท.ก็เห็นด้วย เพราะไม่ต้องทำอะไรเลย ผมยืมชื่อเขา โดยเป็นคนลงทุนทั้งหมด รวมทั้งเลือกโลเกชั่นคือที่ตึกมหาทุนพลาซ่า ถนนเพลินจิตแต่แบ่งหุ้นให้เขา 10 เปอร์เซ็นต์ และให้เขาเป็นคนถือสัมปทาน 5 ปี นับเป็นจุดเริ่มต้นที่เมืองไทยมีร้านค้าปลอดอากรที่สมบูรณ์ในเมืองแห่งแรกในประเทศ

อ่านต่อหน้า 2

 

เรื่อง: CHTN Y.

ที่มา : นิตยสารแพรวฉบับ 841 คอลัมน์ สัมภาษณ์

ภาพ : Leicester City Football Club

หล่อ โสด รวยแสนล้าน! Gustav Magnar Witzøe มหาเศรษฐีหนุ่ม อายุน้อยที่สุดในโลก

account_circle

Gustav Magnar Witzøe วัยรุ่นแสนล้าน วัย 27ปี มหาเศรษฐีหนุ่มที่อายุน้อยที่สุด ติดอันดับสามในโลก แถมยังพ่วงตำแหน่งนายแบบสุดแซ่บ เห็นแล้วใจบ่ดี หัวใจตึกตัก

โอ้ยๆ พ่อคุณ หล่ออะไรขนาดนั้น เห็นแล้วใจสั่น อ่อนระทวย นานทีๆ จะมีหนุ่มโสด แถมยังหล่อ รวย (มากกกกกก) มาเติมความสดใส ซาบซ่า ให้กับชีวิต แค่เพียงได้มองก็เหอะ แต่เห็นแล้วบอกเลยว่า แซ่บจริงๆ !!

Gustav Magnar Witzøe

เอาเป็นว่า ไม่พูดเยอะ เจ็บคอ ชายหนุ่มที่เราจะพาคุณๆ ไปทำความรู้จักนั้นมีชื่อเสียง เรียงนามว่า Gustav Magnar Witzøe เขาเป็นทั้งนักธุรกิจ มหาเศรษฐีหนุ่มที่อายุน้อยที่สุดในโลก มีทรัพย์สินมูลค่ารวมถึง $3.1 พันล้านดอลลาห์สหรัฐ (แสนล้านกรุบ เท่านั้นเอง) อีกทั้งยังเป็นนายแบบ จะว่างานนี้เป็นงานอดิเรกก็ว่าได้

ปัจจุบันเขาเป็นทายาทเจ้าของ Salmar ASA  หนึ่งในฟาร์มปลาแซลมอนที่ใหญ่ที่สุดในโลก จากประเทศนอร์เวย์ ซึ่งกิจการนี้เป็นของคุณพ่อของเขานาย Gustav Witzoe ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งเมื่อปี 1991 และตัวเขาได้เข้ามามีสัดส่วนในการถือหุ้นนี้ด้วยเมื่อปี 2003 โดยในตอนนั้นเขามีอายุเพียง 19ปี เท่านั้น

นอกจากจะเป็น หนึ่งในฟาร์มปลาแซลมอนที่ใหญ่ที่สุดในโลกแล้ว บริษัท Salmar ยังมีสำนักงานใหญ่ ตั้งอยู่บนเกาะ Frøya ซึ่งอยู่ในภูมิภาค Central-Norway อีกทั้งยังมีโรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์ที่ได้จากปลาแซลมอน อยู่บนเกาะนั้นด้วย

แต่กว่าที่พ่อของเขาจะนำชื่อของเขามาใส่ในรายชื่อผู้บริหาร เพื่อให้มีหุ้นส่วนในบริษัทนั้น บอกเลยว่าครอบครัวของเขาเองก็ได้มีการพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้นานพอสมควร เพราะหากลองพิจารณาดูแล้ว สำหรับเด็กวัย 19 นั้นมีทั้งด้านดีและด้านลบ โดยเขาได้เคยให้สัมภาษณ์ว่า “มันส่งผลกระทบต่อหลายๆ ด้าน มีทั้งดีและไม่ดี และอาจจะส่งผลต่อความสัมพันธ์ของคุณ โดยเฉพาะกับเพื่อนๆ”

ซึ่งในขณะที่พ่อเขายังคงดูแลบริษัท Salmar นั้น ตัวเขาเองก็ยังทำธุรกิจอื่นๆ อีกด้วย เช่น Norwegian Snapchat-challenger Gobiand และ Airbnb host service Keybutler ซึ่งเขายังนั่งในตำแหน่ง CEO เพื่อดูแล และบริหารงานเอง

นอกจากงานหลักที่ทำเป็นประจำแล้ว งานอดิเรกอย่างอาชีพ นายแบบ ก็เป็นอีกงานที่เขาก็ให้ความสำคัญไม่น้อย ก็ดูสิหน้าดี หุ่นแซ่บขนาดนั้น ถ่ายลุคไหนก็เอาอยู่

เมื่อว่างจากการทำงาน ตัวเขาเองก็มักเดินทางท่องเที่ยวไปที่ต่างๆ รอบโลก เช่น ฝรั่งเศส, อเมริกา, ดูไบ และ อังกฤษ เป็นต้น

พายเรือเก๋ๆ ที่ประเทศดูไบ

เครื่องบินเจ๊ตส่วนตัว ไปได้รอบโลก

ส่วนสไตล์การแต่งตัวของหนุ่มคนนี้ โดยมากจะเป็นลุคสบายๆ ดูเป็นสตรีทบอย แต่พอใส่สูทก็กลายเป็นลุค business ขึ้นมาทันที

 

 

 

 

 

เขาเป็นผู้ชายรักสัตว์ ฉันรักเขา

ถูกใจกันไหมคะสาวๆ โปรไฟล์ดีขนาดนี้ แถมยังสถานะตอนนี้ยังโสดดดดดดดดดด ใครชอบทานปลาแซลมอนเป็นชีวิตจิตใจ ตีตั๋วไปนอร์เวย์ได้เลยจ้า อิอิ


ภาพ : guswitzoe

กระเป๋า Chloé Mily

ใบเดียวได้ทุกลุค! แนะสิ่งควรรู้เกี่ยวกับ กระเป๋า Chloé Mily ที่ผู้หญิงควรมีในกรุ

กระเป๋า Chloé Mily
กระเป๋า Chloé Mily

กระเป๋า Chloé Mily เรียกได้ว่าเป็นกระเป๋าที่เผยถึงความเป็นผู้หญิงอ่อนหวาน แต่ในขณะเดียวกันก็เต็มไปด้วยความแข็งแกร่ง เพราะรูปร่างและดีไซน์ที่ผสานความเฟมินีนและความเท่จากตัวล็อคอันเป็นเอกลักษณ์ของกระเป๋ารุ่นนี้ไว้ได้อย่างลงตัว อีกทั้งตัวกระเป๋า Mily ยังสามารถใช้งานได้อเนกประสงค์ เนื่องจากดีไซน์ให้มีช่องเก็บของหลายช่อง ตัวล็อคที่มีลูกเล่นลดเลี้ยวก็ดึงความสนุกในการใช้งานออกมาได้อย่างดี พร้อมกับแสตมป์โลโก้แบรนด์ไว้ด้านหน้า ยิ่งทำให้เป็นที่จดจำได้ง่าย สายหนังสีดำที่แขวนอยู่กับห่วงพวงกุญแจก็ช่วยเสริมให้ตัวกระเป๋าดูโมเดิร์น ส่วนหนังแพะสุดหรูที่นุ่มนวลก็เป็นหัวใจหลักก็กระเป๋าได้อย่างไม่มีข้อบกพร่อง นอกจากนี้ห่วงโซ่ทองเหลืองที่ทำให้ตัวกระเป๋าดูแกลม ดูแพงก็สามารถปรับสะพายเป็นสองสายหรือสายเดียวก็ได้ตามความต้องการ และสายหนังสีดำก็สามารถถอดออกได้ บอกเลยว่ามีใบเดียว ครบจบทุกโอกาส เพราะจะแมทช์เข้ากับลุคไหนก็รอดชัวร์!

จากคุณสมบัติที่เลอค่าและคุ้มแก่การลงทุน เราจึงขอแนะนำกระเป๋า Chloé Mily ตามด้านล่างนี้ สำหรับข้อมูลที่จะสามารถช่วยให้หลายๆ คนที่กำลังเล็งกระเป๋ารุ่นนี้อยู่ ตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น เอาล่ะ…เรามาอ่านข้อควรรู้ของ The Chloé Mily Shoulder Bag กันเลย

 

ซื้อได้ที่ไหน

คุณสามารถซื้อกระเป๋า Chloé Mily ได้โดยตรงจากเว็บไซต์ของ Chloé , ร้านค้าขายกระเป๋าแบรนด์เนมแท้ หรือง่ายที่สุดคือเดินไปเลือกในช็อปของ Chloé ที่อยู่ใกล้คุณ

 

ขนาดและราคา

Chloé Mily Medium Shoulder Bag

กระเป๋า Chloé Mily

ขนาด : ความกว้าง  9.3 นิ้ว สูง  7 นิ้ว ลึก 3.4 นิ้ว

ราคาเริ่มต้นประมาณ : 63,764 บาท

 

สีที่มีให้เลือก

กระเป๋า Chloé Mily

 

มุมอื่นๆ

กระเป๋า Chloé Mily

กระเป๋า Chloé Mily

กระเป๋า Chloé Mily

กระเป๋า Chloé Mily

 

อ่านบทความเกี่ยวกับกระเป๋าจากแบรนด์อื่นๆ ได้ที่ : 

คนดังชวนทำบุญ! กระเป๋า Club 21 จากลายมือเด็กสะกดคำผิด สะท้อนปัญหาการศึกษา

ชวนเสียทรัพย์เก่ง! กระเป๋า Gucci Spring/Summer 2019 ดีไซน์มุ้งมิ้งแปลกตา น่าสอย

Céline เปิดตัวกระเป๋าใหม่ ส่งให้เซเลบทั่วโลกลองใช้ ก่อนวางขายสิ้นปีนี้

Less is more! 5 กระเป๋าแบรนด์ดัง เรียบแต่ชิค ลงทุนไปไม่มีตกเทรนด์

ราคาแรงจนสะดุ้ง! กระเป๋า Maison Margiela รุ่น PVC Tote Bags มูลค่าเกือบห้าหมื่นบาท

ของปลอมเกลื่อน! กระเป๋า BAO BAO รุ่นดังจาก Issey Miyake มีที่มายังไง

แสงสะท้อนเข้าตา! ส่องความระยิบของ กระเป๋า คิม คาร์เดเชียน ราคาไม่เบาอยู่ที่หลักแสน

คัดมาให้อิน! 12 กระเป๋าแบรนด์ฮ็อต พร้อมบอกราคา ซีซั่นนี้ต้องสอยรับ Fall-Winter 2018

คุ้มค่าน่าเปย์! 9 กระเป๋าแบรนด์เนมรุ่นฮ็อต ไอเท็มต้องมี ที่ควรค่าแก่การลงทุน

 ได้แรงอก ! จาก “Hermes สู่ Mouawad” 10 กระเป๋าแพงที่สุดในโลกปี 2018


ที่มา : pursefiend.com

ภาพ : www.chloe.com , pursefiend.com

 

ดีไซเนอร์ระดับโลก

“นีโกลาส์ เฌสกีแยร์” ดีไซเนอร์ระดับโลก มอบของขวัญหนึ่งเดียวในโลกให้ “ญาญ่า”

Alternative Textaccount_circle
ดีไซเนอร์ระดับโลก
ดีไซเนอร์ระดับโลก

“นีโกลาส์ เฌสกีแยร์” ดีไซเนอร์ระดับโลก แห่งแบรนด์ LOUIS VUITTON มอบของขวัญสุดพิเศษหนึ่งเดียวในโลกให้กับ “ญาญา-อุรัสยา เสปอร์บันด์”

ดีไซเนอร์ระดับโลก

นับเป็นการเริ่มต้นเดือนที่ดีสำหรับนางเอกสาว “ญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์ ” เพราะในเดือนตุลาคมนี้ นอกจากภาพยนตร์เรื่อง นาคี 2 ที่เธอนำแสดงจะเข้าฉายแล้ว เธอยังได้รับของขวัญสุดพิเศษจาก ดีไซเนอร์ระดับโลก “นีโกลาส์ เฌสกีแยร์” ในฐานะ Friend of Louis Vuitton โดยจุดที่พิเศษก็คือมีชื่อย่อภาษาอังกฤษของเธอปรากฏอยู่บนกระเป๋า ทำขึ้นเพื่อมอบเป็นเฉพาะให้กับเธอเท่านั้น ซึ่งดาราสาวก็ปลาบปลื้มมากๆ

ดีไซเนอร์ระดับโลก

ทั้งนี้ “ญาญ่า-อุรัสยา” ในฐานะ Friend แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มานาน ซึ่งทำให้เธอได้ไปร่วมงานแฟชั่นโชว์ของแบรนด์ในหลายๆ ครั้งซึ่งการไปปรากฏตัวของเธอทุกครั้งก็ได้รับความสนใจ ดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยที่เธอจะได้รับของขวัญสุดพิเศษนี้

ดีไซเนอร์ระดับโลก

ญาญา-อุรัสยา เสปอร์บันด์

อย่างไรก็ตามในตอนนี้นางเอกสาวได้เดินทางไปที่ฝรั่งเศสเพื่อร่วมงาน Louis Vuitton women’s Spring/Summer 2019 ภายใต้ผลงานการสร้างสรรค์ของ “นีโกลาส์ เฌสกีแยร์” ณ พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ปารีส ประเทศฝรั่งเศส

ดีไซเนอร์ระดับโลก

“นีโกลาส์ เฌสกีแยร์” ดีไซเนอร์ระดับโลก แห่งแบรนด์ LOUIS VUITTON


ภาพจาก : IG @urassayas

แฟชั่นฉลองพระองค์ พระองค์หญิงสิริวัณณวรีฯ

ชม 6 แฟชั่นฉลองพระองค์ พระองค์หญิงสิริวัณณวรีฯ ใน Paris Fashion Week

แฟชั่นฉลองพระองค์ พระองค์หญิงสิริวัณณวรีฯ
แฟชั่นฉลองพระองค์ พระองค์หญิงสิริวัณณวรีฯ

พาชม 6 แฟชั่นฉลองพระองค์ พระองค์หญิงสิริวัณณวรีฯ เจ้าหญิงดีไซเนอร์ของไทย เสด็จฯ ร่วมงาน Paris Fashion Week เพื่อทอดพระเนตรโชว์จากแบรนด์ดังทั่วโลก ในคอลเล็คชั่น Spring/Summer 2019

ดำเนินเข้าสู่สัปดาห์สุดท้ายแล้ว สำหรับ Paris Fashion Week กับโชว์ในคอลเล็คชั่น Spring/Summer 2019 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 24 กันยายน ถึง 3 ตุลาคม ซึ่งในครั้งนี้พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ก็ได้เสด็จฯ เข้าร่วมงานแฟชั่นโชว์ระดับโลกเหมือนกับปีที่ผ่านๆ มา หากยังจำกันได้ เมื่อช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา พระองค์หญิงสิริวัณณวรีฯ ก็ได้เสด็จฯ เข้าร่วม Paris Fashion Week เพื่อทอดพระเนตรโชว์ระดับโอต์กูตูร์เช่นกัน

ส่วนแฟชั่นโชว์ที่พระองค์หญิงสิริวัณณวรีฯ ได้ทอดพระเนตรไปแล้วในคอลเล็คชั่นล่าสุด SS 2019 นั้น ได้แก่ Valentino , Balmain , Hermès , Elie Saab , Chloé , Dior โดยพระองค์หญิงสิริวัณณวรีฯ ทรงประทับตรงฟร้อนท์เช่นเดียวกับทุกครั้ง และในการเสด็จทอดพระเนตรแฟชั่นโชว์รอบนี้ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ทรงเลือกฉลองพระองค์ได้อย่างโดดเด่น เรียกแสงแฟลชจากสื่อต่างชาติไปไม่น้อยเลยทีเดียว

 

ชม 6 แฟชั่นฉลองพระองค์ พระองค์หญิงสิริวัณณวรีฯ ใน Paris Fashion Week

 

แฟชั่นฉลองพระองค์ พระองค์หญิงสิริวัณณวรีฯ

เริ่มกันที่ฉลองพระองค์ล่าสุด ฉลองพระองค์ลูกไม้จาก La Perla และฉลองพระองค์กระโปรงจาก Maison Alaïa ทรงเลือกทับโดยฉลองพระองค์ที่มีฮู้ดจาก valentino และรองพระบาทจาก Christian Louboutin สำหรับลุคนี้เป็นการเสด็จทอดพระเนตรแฟชั่นโชว์ของ Valentino

 

แฟชั่นฉลองพระองค์ พระองค์หญิงสิริวัณณวรีฯ

พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ทรงเลือกฉลองพระองค์สีน้ำตาลจาก Max mara รองพระบาท Gianvito Rossi และกระเป๋าทรงถือของ Hermès สำหรับลุคนี้เป็นการเสด็จทอดพระเนตรแฟชั่นโชว์ของ Hermès ในคอลเล็คชั่น Spring 2019

 

แฟชั่นฉลองพระองค์ พระองค์หญิงสิริวัณณวรีฯ

พระองค์หญิงสิริวัณณวรีฯ ฉลองพระองค์จาก Balmain เข้ากับฉลองพระองค์กระโปรงของ Sirivannavari รองพระบาทส้นสูงจาก YSL และทรงเลือกจิเวลรีจาก SIRIVANNAVARI Bijoux เพื่อเสด็จทอดพระเนตรแฟชั่นโชว์ Balmain

 

แฟชั่นฉลองพระองค์ พระองค์หญิงสิริวัณณวรีฯ

พระองค์หญิงสิริวัณณวรีฯ ฉลองพระองค์เดรสลูกไม้ปักสีขาวจาก elie saab ฉลองพระองค์โค้ทสีน้ำตาลจาก max mara ส่วนรองพระบาทส้นสูงเป็นของ Christian Louboutin ก่อนเสด็จทอดพระเนตรแฟชั่นโชว์ Elie Saab คอลเล็คชั่น Spring 2019

 

พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ฉลองพระองค์แจ็กเกตจาก Alaïa ฉลองพระองค์จาก Max Mara พระสนับเพลาจาก Chloé รองพระบาทจาก Louboutin และพระกุณฑลจาก Sirivannavari Jewelery ก่อนเสด็จทอดพระเนตรแฟชั่นโชว์ Chloé SS 2019

พระองค์หญิงสิริวัณณวรีฯ ฉลองพระองค์แจ็คเก็ตลายเสือสุดเด่นจาก Alaïa ฉลองพระองค์ด้านในจาก Max Mara พระสนับเพลาสีเทาเมทัลลิคจาก Chloé รองพระบาทจาก Louboutin และพระกุณฑลจาก Sirivannavari Jewelery เพื่อเสด็จทอดพระเนตรแฟชั่นโชว์ Chloé

 

แฟชั่นฉลองพระองค์ พระองค์หญิงสิริวัณณวรีฯ

พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ เสด็จฯ ร่วมงาน Paris Fashion Week 2018 ด้วยฉลองพระองค์จาก Dior เพื่อทอดพระเนตรแฟชั่นโชว์ของ Christian Dior Spring/Summer 2019

 

อ่านบทความอื่นๆ ของ พระองค์หญิงสิริวัณณวรีฯ เพิ่มเติมได้ที่ : 

พระองค์หญิงสิริวัณณวรีฯ ทรงร่วมงาน Paris Fashion Week ทอดพระเนตรโชว์ระดับโอต์กูตูร์

 พระองค์หญิงสิริวัณณวรีฯ เสด็จร่วมงาน Paris Fashion Week ทรงพระสิริโฉมทุกอิริยาบถ

 พระองค์หญิงสิริวัณณวรีฯ ทรงพระสิริโฉมเฉิดฉายด้วยแฟชั่นฉลองพระองค์ ณ กรุงปารีส

พระองค์หญิงฯ ในฉลองพระองค์ผ้าไหมมัดหมี่นกยูงทอง ทรงพระสิริโฉมงดงามเหนือใคร

พระองค์หญิงสิริวัณณวรีฯ ทรงเผยคอลเล็คชั่นทรงออกแบบ SS 2018 แรงบันดาลพระทัยมาจากบทพระนิพนธ์


เรื่อง : Hana_แพรวดอทคอม (ฮานะ)

ภาพ : IG@fookie_beauty , polpatasava , praewmag

อาฉี

“ไอซ์ พาริส” หรือ อาฉี นักแสดงหนุ่มผู้สูญเสียคุณพ่อทั้งในจอและนอกจอ

Alternative Textaccount_circle
อาฉี
อาฉี

ทำความรู้จักนักแสดงหนุ่มน่าจับตามอง “ไอซ์-พาริส อินทรโกมาลย์สุต” หรือ อาฉี จากละครเรื่อง “เลือดข้นคนจาง” 

เรียกว่าขึ้นแท่นหนุ่มฮ็อตแล้วสำหรับ อาฉี  หรือ “ไอซ์-พาริส อินทรโกมาลย์สุต” นักแสดงหนุ่มจากละครเรื่อง “เลือดข้นคนจาง” ซึ่งรับบทเป็นลูกชายของ “ประเสริฐ จิระอนันต์” ผู้ที่เสียชีวิตจุดเริ่มต้นของปมฆาตกรรมในเรื่องนี้ โด่งดังแบบนี้ก็เลยอยากถือโอกาสพาทุกคนทำความรู้จักกับหนุ่มคนนี้เสียหน่อย กับ 5 ข้อ รู้จัก “ไอซ์-พาริส”

1. ประวัติหนุ่มหล่อเซอร์ : “ไอซ์” ชื่อจริง “พาริส อินทรโกมาลย์สุต” เกิดเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2541 ปัจจุบันอยู่กับ คุณแม่, พี่สาว “ไอริส อินทรโกมาลย์สุต”ซึ่งเพิ่งจบการศึกษาจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ส่วนคุณพ่อ “มาริส อินทรโกมาลย์สุต” ได้เสียชีวิตลงเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา และทำให้เขาได้เรียนรู้ว่า “ชีวิตมันสั้นนัก”

อาฉี

 อาฉี อาฉี อาฉีอาฉี

2. หน้าตาดียกบ้าน : หากใครได้เห็นโฉมหน้าของบ้านนี้แล้วก็จะเห็นได้ว่า หน้าตาดียกบ้านเลยล่ะ โดยเฉพาะคุณแม่มีความสวยไม่สร่าง บอกตรงๆ เห็นทีแรกก็นึกว่าเป็นพี่สาวของหนุ่มคนนี้ซะอีก


คุณแม่
อาฉี อาฉี อาฉี


พี่สาว

อาฉี อาฉี


3. หนุ่มหล่อผู้เต็มเปี่ยมไปด้วยความสามารถ : ก่อนที่จะโด่งดังจากเรื่อง “เลือดข้นคนจาง” เขาเคยแสดงเป็นตัวประกอบใน Project S The Series | SOS skate ซึม ซ่า ไม่ใช่แค่งานแสดงเท่านั้นแต่เขายังเป็น 1 ในโปรเจกต์ไอดอลของ 4NOLOGUE ศิลปิน 9×9 (ไนน์ บาย นาย) ร้อง เต้น แถมยังเล่นกีตาร์ได้ครบ ทั้งในในเดือนพฤศจิกายนนี้เขากำลังจะออกอัลบั้มอีกด้วย

อาฉี อาฉี

อาฉี

4. ไม่ได้มีแค่พรสวรรค์แต่ยังมีพรแสวงด้วย : “ไอซ์” เคยให้สัมภาษณ์ว่าส่วนตัวชอบการเต้นอยู่แล้ว เริ่มหัดเต้นจากการดูภาพยนตร์ Step Up และรู้สึกว่าทำได้ดีจึงเริ่มฝึกฝนหน้ากระจก ส่วนการร้องเพลงนั้น หนุ่มคนนี้บอกว่าไม่เคยมีพื้นฐานเลย แต่พอได้ร่วมโปรเจกต์ไนน์ บาย นาย ก็เลยต้องเรียนจนกลายเป็นชื่นชอบอย่างจริงจัง

อาฉี

อาฉี

5. ไอดอลตัวอย่าง : “ไอซ์” เคยเปิดใจว่า 3 สิ่งที่ทำให้ทุกวันนี้เขามีความสุขก็คือ การเดินตามความฝันของตัวเอง, ครอบครัว และ การได้ช่วยเหลือผู้อื่น ซึ่งต้นแบบนั้นไม่ได้มาจากใครที่ไหนแต่เขาเห็นตัวอย่างจากคุณพ่อของเขานั่นเอง

อาฉี อาฉี อาฉี


ภาพจาก : IG @icipariss

ดาราภาพยนตร์และโทรทัศน์จีน

เปิดเผยผลสำรวจ “ฟ่านปิงปิง” 0% ไม่มีความรับผิดชอบต่อสังคม

Alternative Textaccount_circle
ดาราภาพยนตร์และโทรทัศน์จีน
ดาราภาพยนตร์และโทรทัศน์จีน

เว็บไซต์ chinadaily เผยผลสำรวจ “รายงานความรับผิดชอบต่อสังคมของ ดาราภาพยนตร์และโทรทัศน์จีน 2017-2018” นางเอก “ฟ่านปิงปิง” ได้อันดับบ๊วย 0% ไม่มีความรับผิดชอบต่อสังคม

“ฟ่านปิงปิง”

นี่แหละค่ะที่เรียกว่ามรสุมชีวิต มองไปทางไหนก็เจอแต่อุปสรรคไปหมด ใช่ค่ะเรากำลังพูดถึงเรื่องราวของนางเอกดังแดนมังกร “ฟ่านปิงปิง” ที่กำลังเผชิญกับปัญหาครั้งใหญ่หลังถูกโยงว่ามีพฤติกรรมหลีกเลี่ยงภาษี เพราะล่าสุดหลังจากที่ข่าวฉาวยังไม่ทันจางหาย นักแสดงสาวคนดังก็ถูกจัดอันดับให้เป็น ดาราภาพยนตร์และโทรทัศน์จีนที่ไม่มีความรับผิดชอบต่อสังคมไปเสียแล้ว

เว็บไซต์ chinadaily เปิดเผยเกี่ยวกับ ผลการวิจัยเกี่ยวกับความรับผิดชอบต่อสังคมของเหล่าบรรดาคนเด่นคนดังชาวจีน, ไต้หวัน และฮ่องกง จัดทำโดยนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยปักกิ่ง นอร์มอล (Beijing Normal University) และสถาบันวิจัยสังคมวิทยาเกี่ยวกับความรับผิดชอบทางสังคมจีน (Chinese Academy of Social Sciences Corporate Social Responsibility Research Institute) อันเป็นองค์กรของรัฐ ซึ่งใช้ชื่อว่า “รายงานความรับผิดชอบต่อสังคมของดาราภาพยนตร์และโทรทัศน์จีน 2017-2018” ได้จัดอันดับดาราบนพื้นฐานหลักการ 3 ประการ คือ ผลงานภาพยนตร์และโทรทัศน์, กิจกรรมการกุศล และความประพฤติของแต่ละคน โดยมีคะแนนเต็ม 100 คะแนน ซึ่งผลปรากฏว่าซูเปอร์สตาร์สาวแดนมังกรคนนี้ติดอันดับสุดท้ายจากดาราทั้งหมด 100 คน

“ฟ่านปิงปิง”
“สวี่เจิง”

“ฟ่านปิงปิง”
“TFBoys”

“ฟ่านปิงปิง”
“เลย์” สมาชิกบอยแบนด์เกาหลี “Exo”

โดยอันดับแรกก็คือ “สวี่เจิง” นักแสดงจากภาพยนตร์เรื่อง “Lost On Journey” (2010) 78.08% ตามมาด้วย 2 หนุ่มจากบอยแบนด์ชื่อดัง “TFBoys” โดย “Karry Wang” 75.89%, “Jackson Yi” 75.28% อันดับ 4 “จางอี้ชิง” หรือ “เลย์” สมาชิกบอยแบนด์เกาหลี “Exo” 65.55% อันดับ 5 “Roy Wang” จาก “TFBoys” 64.17% ในขณะที่“ฟ่านปิงปิง”รั้งบ๊วย 0.0% ทว่าที่น่าแปลกใจกว่านั้นก็คือคู่หมั้นของเธอ “หลี่เฉิน” ติดอันดับ 7 61.8%

“ฟ่านปิงปิง”
“หลี่เฉิน”คู่หมั้นของดาราสาวซูเปอร์สตาร์

อันที่จริงแล้ว“ฟ่านปิงปิง”ชาวเน็ตหลายคนลงความเห็นว่าเธอได้รับคะแนน 0.0% เห็นทีจะไม่ถูกเพราะที่ผ่านมาเธอช่วยเกี่ยวกับเรื่องการกุศลมากมาย อย่างเหตุระเบิดในเทียนจิน เธอก็ควักกระเป๋าบริจาคไปถึง 1 ล้านหยวน ให้กับหน่วยดับเพลิงเทียนจิน ทว่าความดีที่เคยทำมาถูกลบทิ้งไปเสียแล้ว อีกหนึ่งตัวอย่างก็คือราชานักบู๊ “เฉินหลง” เขาทำงานการกุศลมาตลอดชีวิตแต่กลับติดโผในลำดับที่ 42 เลยทีเดียว

“ฟ่านปิงปิง”


ข้อมูลจาก : chinadaily.com.cn

โอ-วรุฒ วรธรรม

จารึกความหล่อบนหน้านิตยสารแพรว “โอ-วรุฒ” พระเอกดังยุค 90’s กับผลงานสุดตรึงใจ

Alternative Textaccount_circle
โอ-วรุฒ วรธรรม
โอ-วรุฒ วรธรรม

นับเป็นอีกหนึ่งความสูญเสียครั้งสำคัญของวงการบันเทิงไทย สำหรับการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของ “โอ-วรุฒ วรธรรม” พระเอกชื่อดังแห่งยุค 90’s ซึ่งมีอาการวูบหมดสติ และหยุดหายใจไปชั่วขณะ เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 9 กันยายนที่ผ่านมา จากนั้นถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน ซึ่งแพทย์ได้ทำการปั๊มหัวใจเพื่อยื้อชีวิต แต่แล้วคุณโอก็จากไปอย่างสงบในช่วงเวลาประมาณ 2.40 น. ของวันที่ 11 กันยายน 2561 ที่โรงพยาบาลนครพิงค์ จังหวัดเชียงใหม่ ในวัย 48 ปี

จารึกความหล่อบนหน้านิตยสารแพรว “โอ-วรุฒ” พระเอกดังยุค 90’s กับผลงานสุดตรึงใจ

สำหรับ “โอ-วรุฒ” นั้นถือว่าเป็นตำนานความฮ็อตของพระเอกแห่งยุค 90’s เลยทีเดียว ในเวลานั้นต้องบอกเลยว่าไม่มีใครที่ไม่รู้จักพระเอกหน้าตาหล่อใส นัยน์ตาหวานหยาดเยิ้มคนนี้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะเมื่อเอ่ยถึง “โกโบริ” จากภาพยนตร์เรื่อง คู่กรรม ที่แม้จะถูกสร้างมาหลายเวอร์ชั่นแล้วก็ตาม แต่เชื่อว่าภาพโกโบริในบทบาทการแสดงของ “โอ-วรุฒ” น่าจะเป็นที่จดจำของใครหลายๆ คนอยู่มาก อีกทั้งภาพยนตร์เรื่อง คู่กรรม นี้เองที่เป็นผลงานแจ้งเกิดของพระเอกคนนี้ จนขึ้นแท่นเป็นขวัญใจวัยรุ่นในยุคนั้น

ความดังแบบพลุแตกของ “โอ-วรุฒ” ในเวลานั้น นอกจากจะคอนเฟิร์มได้จากผลงานทางจอเงินและจอแก้วที่มากมายก่ายกองแล้ว การขึ้นปกนิตยสารแบบนับไม่ถ้วนก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่การันตีความฮ็อตของพระเอกคนนี้ได้เป็นอย่างดี

สำหรับการสูญเสียในครั้งนี้ แพรวดอทคอมขอแสดงความเสียใจกับครอบครัว วรธรรม อย่างสุดซึ้ง และเพื่อเป็นการรำลึกถึงความประทับใจของพระเอกชื่อดังที่สร้างความสุขให้กับคนไทยมาเนิ่นนาน แพรวดอทคอมจึงรวบรวมผลงานการถ่ายแบบของ “โอ-วรุฒ” ที่เคยฝากความประทับใจเอาไว้บนหน้านิตยสารแพรวมาให้ทุกคนได้ชื่นชมกันค่ะ

 

โอ-วรุฒ วรธรรม
ครั้งแรกของ โอ-วรุฒ บนปกนิตยสารแพรว ฉบับ 169 กับดาราวัยรุ่นคนอื่นๆ สังเกตได้ว่าออร่าความหล่อพุ่งกว่าใครๆ เลย

 

โอ-วรุฒ วรธรรม
โอ-วรุฒ กับ มาช่า วัฒนพานิช บนปกนิตยสารแพรว ฉบับ 186

 

โอ-วรุฒ วรธรรม
โอ-วรุฒ ฉายเดี่ยวบนปกนิตยสารแพรว ฉบับ 211 บอกเลยว่าหล่อใส ตาหวานใจละลายมาก

 

โอ-วรุฒ วรธรรม
โอ-วรุฒ กับ หมิว-ลลิตา นางเอกคู่ขวัญจากละครเรื่อง ในฝัน ถ่ายแบบคู่กันลงนิตยสารแพรว ฉบับ 218

 

โอ-วรุฒ วรธรรม
โอ-วรุฒ กับเหล่าพระเอกสุดฮ็อตในยุคนั้น (วิลลี่ แมคอินทอช, ฉัตรชัย เปล่งพานิช, ลิขิต เอกมงคล และจอนนี่ แอนโฟเน่) ถ่ายแบบร่วมกันลงนิตยสารแพรว ฉบับ 260

 

โอ-วรุฒ วรธรรม
โอ-วรุฒ ติด 1 ใน 11 นายแบบยอดนิยมแห่งปี ถ่ายแบบลงนิตยสารแพรว ฉบับ 308

 

โอ-วรุฒ วรธรรม
โอ-วรุฒ กับนางเอกคู่ขวัญ แหม่ม-จินตรา จากภาพยนตร์เรื่อง คู่กรรม ปี 2531 บนปกนิตยสารแพรว สุดสัปดาห์

 

โอ-วรุฒ วรธรรม
โอ-วรุฒ บนปกนิตยสารแพรว สุดสัปดาห์ ออร่าความหล่อมาเต็มจริงๆ

 

เชื่อว่าผลงานของอดีตพระเอกดังคนนี้จะเป็นที่จดจำของทุกคนตลอดไปอย่างแน่นอน แพรวดอทคอมขอให้คุณโอไปสู่สุคติในภพภูมิที่ดีนะคะ 


 

ติดตามบทความอื่นๆ ของ โอ-วรุฒ วรธรรม ได้ที่ :

บทสัมภาษณ์แห่งความทรงจำ “โอ-วรุฒ” พระเอกฮ็อตยุค 90’s

รวมผลงานในความทรงจำที่ทำให้รู้จัก “โอ-วรุฒ วรธรรม” อดีตพระเอกดังของเมืองไทย

“โอ-วรุฒ วรธรรม”

รวมผลงานในความทรงจำที่ทำให้รู้จัก “โอ-วรุฒ วรธรรม” อดีตพระเอกดังของเมืองไทย

Alternative Textaccount_circle
“โอ-วรุฒ วรธรรม”
“โอ-วรุฒ วรธรรม”

รวม 10 ผลงานฮิตที่อยู่ในความทรงจำ จนทำให้คนไทยได้รู้จัก “โอ-วรุฒ วรธรรม” อดีตพระเอกดังของเมืองไทย ดวงดาวที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับ

เป็นอีกหนึ่งครั้งที่วงการบันเทิงเมืองไทยต้องสูญเสียบุคลากรที่เคยสร้างความสดใสบนหน้าจอโทรทัศน์และภาพยนตร์ไปอย่างไม่มีวันกลับ เพราะเมื่อคืนวันที่ 10 กันยายน ที่ผ่านมา พระเอกดัง “โอ-วรุฒ วรธรรม” ได้เสียชีวิตลงในวัย 48 ปี ที่โรงพยาบาลนครพิงค์ จังหวัดเชียงใหม่ ท่ามกลางความเสียใจของครอบครัว ญาติ เพื่อน และแฟนคลับ ซึ่ง “แรม วรธรรม” บิดาของเขาได้เปิดเผยว่าจะรับศพลูกชายเพื่อนำไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่ วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร ต.พระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เป็นเวลา 7 วัน และจะเก็บศพไว้ 100 วัน แล้วจึงฌาปนกิจ

“โอ-วรุฒ” เกิดเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2512 อีกเพียงไม่กี่วันก็จะก้าวเข้าสู่วัย 49 ปีแล้ว แต่ก็ต้องเสียชีวิตลงก่อน เขาเป็นเลือดศิลปินอย่างแท้จริง เป็นลูกไม้ตกใต้ต้นของนักแสดงอาวุโส “แรม วรธรรม” และเป็นหลานตาของ “ร้อยโทหม่อมหลวงพร้อม กุญชร” จบการศึกษาจากโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน ก่อนจะเดินทางไปศึกษาต่อที่อังกฤษเพื่อเรียนด้านการบิน แต่ต่อมาตัดสินใจเลิกเรียนด้านการบิน เพื่อเข้าสู่วงการบันเทิงอย่างเต็มตัว

แม้ว่าถึงตัวจะจากไปแต่ผลงานยังอยู่ในความทรงจำของผู้ชม เขามีผลงานฝากไว้ให้ได้จดจำมากมาย มีภาพยนตร์ทั้งสิ้น 7 เรื่อง พิธีกรทำมาทั้งหมด 14 รายการ และแสดงละครมามากถึง 48 เรื่อง ซึ่งก็มีหลายเรื่องที่ปัจจุบันแฟนๆ ก็ยังจดจำเขาจากบทบาทนั้นๆได้เป็นอย่างดี

ภาพยนตร์ คู่กรรม (2531)

ภาพยนตร์เรื่องแรกที่แจ้งเกิดให้กับเขา คือหนังอมตะคู่กรรมเวอร์ชั่น 2  “คู่กรรม” โดย “โอ”รับบทเป็น “โกโบริ” หรือ “พ่อดอกมะลิ” แสดงคู่กับนางเอก “แหม่ม-จินตรา สุขพัฒน์” ซึ่งมารับบทเป็น “อังศุมาลิน” จากบทนี้ยังทำให้เขาได้รับรางวัล พระราชทานพระสุรัสวดี ครั้งที่ 12 ประจำปี พ.ศ. 2531 ตุ๊กตาเงิน ดาวรุ่งฝ่ายชาย และความหล่อใสจากบทบาทหนุ่มญี่ปุ่นทำให้เขาขึ้นแท่นเป็นพระเอกขวัญใจวัยรุ่นในยุคนั้น

“โอ-วรุฒ วรธรรม”

ภาพยนตร์ เขาชื่อกานต์ (2531)

ภาพยนตร์สะท้อนปัญหาสังคม ” เขาชื่อกานต์” เวอร์ชั่นปี 2531 นำแสดงโดย “วรุฒ วรธรรม” รับบทเป็น “หมอกานต์”  นายแพทย์ที่ยึดถือในอุดมคติ ทำงานด้วยความซื่อสัตย์ ยึดมั่นอุดมการณ์ จนทำให้เป็นที่ขัดแย้งกับข้าราชการฉ้อราษฎร์บังหลวงหลายฝ่าย ทำให้ถูกลอบทำร้ายในที่สุด ซึ่งเรื่องนี้หลายคนก็เสียน้ำตาให้กับเขาเป็นลิตรๆ

“โอ-วรุฒ วรธรรม”

ภาพยนตร์ หลงไฟ (2533)

ผลงานภาพยนตร์อีกหนึ่งเรื่องที่ส่งให้เขาโด่งดังมากก็คือ “หลงไฟ” “โอ”รับบทเป็น “โชน” ประกบคู่กับ “ฮันนี่ บุญยเกียรติ” รับบท “ก้านแก้ว”

“โอ-วรุฒ วรธรรม”

ภาพยนตร์ โก๊ะจ๋าป่านะโก๊ะ (2534)

ภาพยนตร์ดังมากๆ อีกหนึ่งเรื่องก็คือ “โก๊ะจ๋าป่านะโก๊ะ” เวอร์ชั่นปี 2534 นักศึกษากลุ่มหนึ่ง กับพรานหนุ่ม นามว่า โก๊ะ โดยที่พวกเขาจะไปมอบของให้กับเด็กชาวเขาแต่เกิดพลัดหลงเข้าไปในถ้ำและเกิดแผ่นดินไหวทำให้พวกเขาย้อนไปในอดีต สำหรับในเรื่องนี้เขารับบทเป็น “โอสถ”

โก๊ะจ๋าป่านะโก๊ะ

ละคร ละอองดาว (2534)

หลังจากเป็นพระเอกดังโกยเงินจากจอเงินมาหลายเรื่อง “โอ” ก็เริ่มหันมารับงานละครด้วย ซึ่ง “ละอองดาว” เป็นผลงานเรื่องแรกทางจอแก้วของเขา รับบทเป็น “กรกฏ เบญจรงค์” ประกบคู่กับนางเอกดัง “แอน-สิเรียม ภักดีดำรงฤทธิ์”

“โอ-วรุฒ วรธรรม”

ละคร ในฝัน (2535)

ละครเรื่อง “ในฝัน” แม้จะไม่ใช่ผลงานชิ้นแรกทางจอแก้ว แต่กลับเป็นผลงานที่อยู่ในความทรงจำของผู้ชม โดย “โอ”รับบทเป็น “เจ้าชายพิรียพงศ์” ประกบคู่กับนางเอกสุดฮ็อต “หมิว-ลลิตา ปัญโญภาส ” และจากเรื่องนี้เขายังได้รับรางวัลโทรทัศน์ทองคำ ครั้งที่ 7 ประจำปี พ.ศ. 2535 นักแสดงนำชายดีเด่น

“โอ-วรุฒ วรธรรม”

ละคร พี่เลี้ยง (2535)

อีกหนึ่งละครฮิตที่ผู้ชมจดจำเขาได้ดีก็คือบทบาท “สัตยา วาลย์” พระเอกในเรื่อง “พี่เลี้ยง” เวอร์ชั่นปี 2535 เวอร์ชั่นคลาสสิก โดยในเรื่องนี้เขาประกบคู่กับนางเอกเจ้าบทบาท “ต้อม-รชนีกร พันธุ์มณี”

“โอ-วรุฒ วรธรรม”

ละคร ผู้กองยอดรัก (2538)

อีกหนึ่งบทบาทที่ยังติดตาติดใจแฟนคลับก็คือบทบาทของ “พัน น้ำสุพรรณ” จากเรื่อง “ผู้กองยอดรัก” คู่กับ “แนน-ชลิตา เฟื่องอารมย์” ความน่ารักของทั้งคู่จากเรื่องนี้ส่งผลให้แฟนๆ เรียกร้องให้ทั้งสองมีผลงานคู่กันอีกนั่นก็คือ “สาบนรสิงห์”

“โอ-วรุฒ วรธรรม”


 

โอ-วรุฒ

บทสัมภาษณ์แห่งความทรงจำ “โอ-วรุฒ” พระเอกฮ็อตยุค 90’s

Alternative Textaccount_circle
โอ-วรุฒ
โอ-วรุฒ

บทสัมภาษณ์แห่งความทรงจำ “โอ-วรุฒ วรธรรม” พระเอกฮ็อตยุค 90’s ก่อนชีวิตพังเพราะพิษสุรา…กลายเป็นอีกหนึ่งข่าวของวงการบันเทิงช่วงนี้ที่น่าเป็นห่วงไม่น้อยเลยทีเดียว สำหรับอาการป่วยของอดีตพระเอกชื่อดังแห่งยุค 90’s โอ-วรุฒ วรธรรม ที่เพิ่งถูกหามส่งโรงพยาบาล หลังเกิดอาการชักหมดสติ และหยุดหายใจ ซึ่งหลังจากที่นำตัวเข้าห้องฉุกเฉินแล้ว ทีมแพทย์ได้ปั๊มหัวใจ 2 รอบจนมีชีพจร จากนั้นรีบส่งตัวต่อไปยังโรงพยาบาลนครพิงค์ เพื่อทำการรักษาต่อไป โดยล่าสุดเมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 11 ก.ย. 2561 คุณโอนั้นได้เสียชีวิตแล้ว

ย้อนกลับไปเมื่อเกือบ 10 ปีก่อน ผู้ชายที่ชื่อ โอ-วรุฒ ก็เป็นอีกหนึ่งหนุ่มฮ็อตที่แพรวนั้นเคยนั่งพูดคุยด้วย และหากเอ่ยถึงพระเอกคาสโนว่าแห่งวงการบันเทิงบ้านเรา เชื่อว่าชื่อของเขาจะต้องติดอยู่ในอันดับต้นๆ แน่นอน

นอกจากความหล่อเหลาที่เป็นเอกลักษณ์บวกกับผลงานการแสดงแล้ว อีกหนึ่งประเด็นที่ทำให้เขากลายเป็นที่รู้จักเป็นอย่างมากก็คือ ความเพลย์บอยที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นตัวพ่อเลยทีเดียว แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า ครั้งหนึ่งผู้ชายเจ้าชู้คนนี้เคยกลับตัวกลับใจและถอดเขี้ยวเล็บคาสโนว่าทิ้ง เพื่อใช้ชีวิตครอบครัวที่อบอุ่น ซึ่งแพรวดอทคอมจะพาไปย้อนฟังคำสารภาพจากปากของเพลย์บอยกลับใจคนนี้กัน

โอ-วรุฒ วรธรรม

เหตุผลที่ทำให้เพลย์บอยกลับใจ

“ถ้าใช้คำพูดแบบแสลงใจตัวเองก็ต้องบอกว่า เริ่มจากวัย สังขาร บรรยากาศรอบข้างที่เพื่อนฝูงมีครอบครัวกันหมดแล้ว บวกกับความเบื่อสิ่งที่ทำอยู่ซ้ำๆ แต่ก่อนหน้านี้หลายปีผมทำตัวเหมือนตอนที่แพรวสัมภาษณ์คราวก่อน คือ ว่างก็ควงสาวเที่ยว กิน ดื่ม นอนไม่กี่ชั่วโมงตื่นขึ้นมาทำงาน

“เพราะตอนนั้นผมไม่คิดแต่งงานจริงๆ สนุกกับชีวิตที่นึกจะทำอะไร ไปไหน ก็ลุยได้เลย ไม่ต้องนึกถึงอะไรหรือใคร ไม่เคยนับว่ามีกิ๊กกี่คน รู้แต่ว่าเยอะ อย่าว่าแต่คบพร้อมกันหลายคนเลย นัดไปเที่ยวพร้อมกัน 4 คนยังเคย ขวาสอง ซ้ายสอง ซึ่งคงไม่ใช่เพราะเสน่ห์หรือความหล่อเหลาหรอก ความเป็นโอ-วรุฒคงใช้ดึงดูความเสน่หาอย่างเมื่อก่อนที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าชายไม่ได้แล้ว แต่น่าจะเป็นความเป็นคนที่สาวๆ อยู่ด้วยแล้วมีความสุข ได้หัวเราะ ได้รับการเอาใจมากกว่า

“นิสัยผมขี้เกรงใจและช่างเอาใจ แม้แต่กับทีมงานก็สนใจ ดูแล ใส่ใจ เช่น ไปพักตามต่างจังหวัดจะดูแลว่าน้องทีมงานผู้หญิงไม่ควรนอนห้องที่มีรู ประตูเสีย นับประสาอะไรกับสาวๆ ที่คบหาล่ะ”

โอ-วรุฒ วรธรรม

วีรกรรมของเพลย์บอยตัวพ่อที่ต้องจารึกไว้

“ช่วงสามปีที่อยู่คอนโดห้วยขวาง กับอีกสามปีที่ซื้อบ้านหลังนี้ ผมใช้ชีวิตแบบเพลย์บอยตัวพ่อเลยล่ะ ตอนนั้นนึกสนุกขนาดทำห้องนอนให้เหมือนโรงแรม เพดานเป็นกระจก เตียงเป็นกลาสบ็อกซ์ อาการหนักขนาดแม่บ้านอยู่ไม่ได้ ประมาณว่าเปิดเธ็คในบ้านน่ะ แล้วไม่ได้จัดเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ด้วยนะ ว่างเมื่อไหร่จัดเลย สัปดาห์ละหลายวัน กลางวันเปิดไฟนีออนทรงกลมธรรมดา กลางคืนเปิดไฟดิมเมอร์ มีไฟเธ็คทั้งแบบหมุน แบบยิง มีเลเซอร์ จ้างโคโยตี้มาเต้น โทร.ชวนเพื่อนมาตรึม คนไหนแต่งงานแล้วก็สอนให้บอกเมียว่าลูกค้านัดคุย

“ถือหลักเพื่อนมาต้องไม่ขาดตกบกพร่อง กินกระหน่ำ บางวันเป็นปาร์ตี้ไวน์ก็เปิดทีละ 10 ขวด ไวน์ดีมีชาติตระกูลด้วยนะ พี่สาวอยู่การบินไทยมีหน้าที่ซื้อเหล้าดีๆ มาฝากทีละขวด เราก็เก็บสะสมไว้ วันไหนรู้สึกว่างานสนุกจังเลยก็เอาออกมาเปิดแจม แต่วันไหนเพื่อนพาแฟนมา แต่ไม่มีเพื่อนแฟนมาฝาก บรรยากาศเซ็งๆ ก็ให้กินยี่ห้อถูกๆ ไป กรณีเพื่อนชวนสาวมาหาก็มีเรื่องเล่าอีก คือเพื่อนบางคนวิสัยทัศน์ดี ชวนรุ่นน้องมา เราก็จัดการเลี้ยงดูอย่างดี อย่างแพง และบริการด้วยตัวเอง เอนเตอร์เทนเต็มที่ แต่บางทีมีพลาด

“อย่างรายหนึ่งบอกว่ามีน้องๆ 3 คนเที่ยวอยู่ที่ฮาร์ดร็อคคาเฟ่ สยามฯ อยากมาแจมด้วย โอ้ มาเลยจ้ะ พี่จะแช่ไวน์อย่างดีไว้ให้ เพราะสาวเที่ยวฮาร์ดร็อคต้องไม่ธรรมดา สักพักบีเอ็มซีรี่ส์ 3 มาจอดหน้าบ้าน ที่ลงรถมาเป็นสาวนุ่งกระโปรงยีนส์สั้น ผมสีชมพูสด เล็บดำ ตัวก็ดำออกเขียว อุ้มหมามาด้วย วรุฒรีบหยิบไวน์ออกจากถัง ใช้ผ้าที่พันค่อยๆ เช็ดขวดเดี๋ยวฉลากหลุด ใช้มือตบจุกก๊อกเก็บกลับที่เดิม ไม่ให้กินหรอก นอกจากแต่งตัวไม่ดูกาลเทศะแล้ว สภาพดูไม่ได้เลยจริงๆ ทั้งสามคน (ขำกันน้ำตาไหล)

“บางคนคิดว่าผมกับนีโน่ (เมทนี บุรณศิริ) เหมือนกัน ความริงคนละอย่างเลย รายนั้นชอบเสียงเพลง พาสาวไปคลับดีๆ สังคมไฮๆ ส่วนผมติดเฮฮา ต้องมีเพื่อนล้อมหน้าล้อมหลัง อยู่กันเยอะๆ นี่แหละดี ทำเป็นตลก หมาหยอกไก่ โอบๆ แตะ ไป แต่ไก่อย่าเผลอนะ หมากัดคอเลยล่ะ (หัวเราะกันสนุก) ผมเต็มที่อยู่อย่างนั้นหลายปีจึงค่อยเริ่มเว้นระยะ สามสี่เดือนมีปาร์ตี้ใหญ่สักครั้ง”

โอ-วรุฒ วรธรรม

จุดเปลี่ยนของคาสโนว่า

“ทีแรกยังไม่รู้หรอกว่าจะเปลี่ยน วันนั้นผมไปเยี่ยมพี่ศรีหนุ่ม เชิญยิ้ม ที่โรงพยาบาลเวชธานี แล้วถูกใจประชาสัมพันธ์หน้าตาน่ารัก ขาวๆ ตาโตๆ ชื่อเก๋ ขอเบอร์มาแบบไม่คิดอะไรมาก แค่อยากจีบไว้ก่อน วันหนึ่งเลิกงานเร็ว ชวนน้องเก๋ไปกินข้าวดีกว่า พอโทร.ชวนเธอก็ตกลง ปกตินัดสาวไม่ค่อยแต่งตัว แต่วันนั้นแต่งอย่างงาม แจ็คเก็ตสูท กางเกงขาเดป รองเท้าหนังหัวแหลม เป็นชุดของรายการน่ะ ขอยืมเขาไป ฉีดน้ำหอมซะฉุยเลย แต่ตอนขับรถออกมาผมโทร.หาเก๋หลายครั้ง เขาไม่รับเลย คิดว่าฟาวล์แล้ว เอาวะ แต่งเต็มยศไปหาโคโยตี้ก็ได้ กำลังจะเบนรถไปที่อื่น เขาโทร.กลับมาขอโทษว่าเมื่อกี้ยังไม่เลิกงานจึงไม่ได้รับสาย โล่งไป วันนั้นเขาชวนเพื่อนๆ มากินข้าวด้วยสองคน บรรยากาศค่อนข้างฝืดๆ จีบไม่ค่อยออก เพราะผมอยู่ในช่วงเข้าพรรษาด้วย พอไม่ดื่ม พูดจาไม่คล่อง

“เจอกันครั้งที่สอง พาเขาไปซื้อของใช้เข้าบ้านที่โลตัส คราวนี้ไปสองคน ช่วงกลางวันเก๋คงไม่กลัว (หัวเราะ) คิดว่าที่เขาไว้ใจเพราะหนึ่งเรามีชื่อเสียง การจะทำเรื่องไม่ดีกับใครสักคน หน้าอย่างนี้ อยู่ที่ไหนก็จับได้ และเก๋คงคิดว่าผมไม่ทำอะไรไม่ดีหรอก เพราะเขามาบอกทีหลังว่า เคยพูดกับแม่และพี่สาวตั้งแต่ตอน 10 ขวบแล้วว่าชอบพระเอกคนนี้” (ยิ้มเขิน)

ผู้หญิงที่กุมหัวใจเพลย์บอยตัวพ่อและทำให้ชีวิตเขาเปลี่ยนไป

“ผมไม่สามารถบรรยายได้ชัดเจน มันเป็นความรู้สึกสบายใจ เก๋เป็นผู้หญิงที่ไม่จุกจิก ว่าไงว่าตามกัน และเข้าใจผม ผมเองไม่ใช่คนที่พูดคำว่า “รัก” ง่ายๆ อย่างในอดีต ถ้ารู้ตัวว่าไม่ได้จริงจังกับใครจะไม่มีทางบอกรักใครมั่วๆ ให้เมาอยากไรก็ไม่พูด ขนาดแค่ถูกถามว่า “คิดถึงไหม” อย่างมากก็ทำเสียงรับคำอือออไปในลำคอ ไม่พูดออกมาเป็นคำว่าคิดถึง เพราะไม่ได้รู้สึกอย่างนั้น

“สำหรับเก๋ก็ใช้เวลานานพอสมควร เริ่มจาก “คิดถึงจัง” ใช้สรรพนาม “เค้า” กับ “ตัวเอง” ส่วนคำว่า “รัก” ผมบอกในวันเกิดเก๋ เดือนตุลาคม ปี 50 ระหว่างพาไปกินข้าวล่องแม่น้ำเจ้าพระยา จากนั้นก็เรียกเขาว่า “ที่รัก” ทุกคำ

“ผมตัดสินใจแล้วว่าผู้หญิงคนนี้แหละที่จะอยู่กับเรา เขาเป็นทั้งคนดีและสวย ในขณะที่ผมก็อยากมีสังคมแบบเพื่อนๆ อายุขนาดนี้แล้วจะคิดขวางโลกต่อไปทำไม ฝืนไปก็อยู่คนเดียว ไม่มีใครเที่ยวด้วยแล้ว ทำไมไม่ปรับตัวเองให้สนุกกับเพื่อนแบบครอบครัว ซึ่งพอได้มีชีวิตแบบครอบครัวจริงๆ ก็ทำให้ผมรักเก๋มากขึ้นกว่าเดิมอีก เพราะไม่ได้มีแค่เขา ยังมีลูกที่เป็นเชื้อสายของผมอยู่กับเขาด้วย ทำให้เราสองคนรักกันมากขึ้น แล้วชีวิตผมก็เปลี่ยนไปจากที่ทำเพื่อตัวเองมาตลอดกลายเป็นทำเพื่อเก๋และลูก”

แม้วันนี้ทั้งคู่จะแยกทางกันแล้ว แต่ความรักครั้งนี้ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นดีๆ ที่ทำให้ “โอ-วรุฒ วรธรรม” เปลี่ยนแปลงชีวิตให้ดีขึ้น เรียนรู้ที่จะรักตัวเอง รักคนอื่น และทำสิ่งดีๆ เพื่อคนที่ตัวเองรัก


ที่มา : นิตยสารแพรว ฉบับ 718 (25 กรกฎาคม 2552)

ว่าที่สะใภ้ไฮโซ

สวยใส ราศีเจ้าสาวจับ 7 นางเอก เตรียมขึ้นแท่น ว่าที่สะใภ้ไฮโซ

ว่าที่สะใภ้ไฮโซ
ว่าที่สะใภ้ไฮโซ

7 คู่รักของเหล่าบรรดานางเอกแถวหน้าของเมืองไทย เตรียมขึ้นแท่น ว่าที่สะใภ้ไฮโซ ในเร็วๆ นี้ แต่ละคู่น่าอิจฉาทั้งนั้น

นางเอก กับ ไฮโซ มักเป็นของคู่กันจริงๆ เพราะเดี๋ยวนี้ นางเอกเกือบค่อนวงการก็มีแฟนเป็นไฮโซกันแทบทั้งนั้น แต่ในวันนี้เราจะยกตัวอย่าง 7 นางเอกที่มีแววว่า เตรียมขึ้นแท่น ว่าที่สะใภ้ไฮโซ ในเร็วๆ นี้

เริ่มที่คู่แรก อย่าง แพนเค้ก-เขมนิจ จามิกรณ์ กับ สารวัตรหมี พ.ต.ต.ศักดิ์สุนทร เปรมานนท์ ไฮโซหนุ่มทายาทเจ้าของที่ดินมหาเศรษฐีย่านทองหล่อ แต่ทำตัวติดดินสุดๆ แถมยังค่อยตามดูแลสาวแพนเค้กตลอด และเป็นคนที่เข้าหาผู้ใหญ่ ทำให้พ่อแม่ของนางเอกสาวเชื่อใจและไว้ใจ ให้สาวแพนเค้กไปไหนมาไหนกับพี่หมีแบบไร้กังวล เรียกว่าฝากชีวิตกับว่าที่ลูกเขยคนนี้ได้อย่างหายห่วง

ว่าที่สะใภ้ไฮโซ ว่าที่สะใภ้ไฮโซ

ต่อมาเป็นคู่ของ มิ้นต์-ชาลิดา วิจิตรวงศ์ทอง กับ ทายาทคนสุดท้องแห่งโบนันซ่า เขาใหญ่ ภูผา เตชะณรงค์ คู่นี้ก็คบหาดูใจกันมาอย่างยาวนาน แถมควงกันไปเที่ยวทั้งในเมืองไทย และต่างประเทศด้วยกันบ่อยๆ ความรักก็ดูจะราบรื่นสุดๆ จนหลายคนลุ้นอยากให้คู่นี้ออกมาประกาศข่าวดีเร็วๆ

ว่าที่สะใภ้ไฮโซ ว่าที่สะใภ้ไฮโซ

มาถึงคู่ของคุณอรุณา หรือ บี-น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์ กับ ไฮโซฮิม-อิสริยะ คูหาเปรมกิจ ทายาทตระกูลค้าทองคําและดีลเลอร์รถหรู รอยัลมอเตอร์ ที่ชีวิตจริงช่างต่างจากในละคร เพราะคู่นี้แม้จะไม่ค่อยถ่ายรูปคู่ออกสื่อ แต่นานๆ โผล่ที ต้องบอกเลยว่าฆ่าคนโสดตายสนิท เพราะหวานกันจนน้ำตาลเรียกพี่เลยล่ะ

ว่าที่สะใภ้ไฮโซ

ส่วน ริต้า ลาเวนเดอร์ หรือ ศรีริต้า เจนเซ่น กับ ไฮโซหนุ่ม กรณ์ ณรงค์เดช ผู้บริหารหนุ่มสุดหล่อแห่งค่าย KPN ซึ่งความรักครั้งนี้ดูจะลงตัว และสดใสสุดๆ ประดุจดังวิ่งเล่นในทุ่งลาเวนเดอร์ คู่นี้เลยมีกองเชียร์ตามลุ้นให้มีข่าวดีกันเร็วๆ

ว่าที่สะใภ้ไฮโซ ว่าที่สะใภ้ไฮโซ

อีกคู่ที่น่ารักเสมอต้นเสมอปลาย สำหรับ แพทริเซีย-ธัญชนก กู๊ด กับไฮโซหนุ่ม พีช-พชร จิราธิวัฒน์ ทายาทเครือเซ็นทรัล ซึ่งตอนนี้เรียนจบแล้วทั้งคู่ แถมสาวแพทริเซียยังคว้าเกียรตินิยมอันดับ 1 จากคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อีกด้วย โดยความรักที่ผ่านมาของ “แพทริเซีย” กับ “พีช พชร” อยู่ในสายตาผู้ใหญ่ตลอด และดูเหมือน คุณแม่ส้ม-ชนัดดา จิราธิวัฒน์ แม่ของหนุ่มพีช จะเอ็นดูว่าที่ลูกสะใภ้คนนี้อยู่ไม่น้อย

ว่าที่สะใภ้ไฮโซ ว่าที่สะใภ้ไฮโซ

ด้านนางเอกวิก 7 สี มิน-พีชญา วัฒนามนตรี กับ ไฮโซโอ๊ต พิทักษ์ สภาธรรม ปัจจุบันทำงานเป็นที่ปรึกษาด้านการลงทุนของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ถึงแม้อายุจะห่างกัน 9 ปี แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคในความรักครั้งนี้เลย เพราะต่างฝ่ายต่างเข้าใจกัน และคุยกันรู้เรื่อง ที่สำคัญหนุ่มโอ๊ตยังเป็นที่ปรึกษาที่ดีในการทำธุรกิจของสาวมินอีกด้วย และที่เยี่ยมไปกว่านั้นคือ หนุ่มโอ๊ตสามารถพิชิตใจคุณพ่อของสาวมินได้แล้วด้วย

ว่าที่สะใภ้ไฮโซ

คู่ล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวว่าคบหากัน อย่าง นางเอกสาวหน้าหวาน มิว-นิษฐา จิรยั่งยืน กับ ไฮโซเซนต์-ธราภุช คูหาเปรมกิจ ทายาทธุรกิจหมื่นล้าน อดีตหวานใจ คริส หอวัง ที่ตอนนี้ทั้งคู่ออกมายอมรับแบบเต็มปากเต็มคำแล้วว่าคบหากันจริง และไม่ได้เป็นมือที่สามทำความรักระหว่างสาวคริสกับไฮโซเซนต์พัง แต่ทั้งคู่คบกันหลังจากที่ฝ่ายชายเลิกรากับนักแสดงสาวรุ่นพี่ไปแล้ว ซึ่งสาวคริสเองก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ตรงกัน ในเมื่อทุกคนตอบแบบเคลียร์ๆ เลยทำให้ความรักของทั้งคู่ราบรื่น แถมสาวมิวยังบอกอีกว่าพาฝ่ายชายไปเจอคุณพ่อกับคุณแม่มาแล้ว

ว่าที่สะใภ้ไฮโซ

เห็นความรักของทั้ง 7 คู่แล้ว ต้องบอกว่าน่าอิจฉาทุกคู่จริงๆ แต่ละคนนอกจากจะได้แฟนดีโปรไฟล์เลิศ แถมยังรวยเวอร์ ราศีเจ้าสาวจับทุกคนเลยจ้า


 

แก๊งเฟอร์บี้

เมาท์เพื่อนเก่ง! จับเข่าคุย “แก๊งเฟอร์บี้” 5 นางเอกไม่ขายฝัน โก๊ะ ฮา น่ารัก

Alternative Textaccount_circle
แก๊งเฟอร์บี้
แก๊งเฟอร์บี้

ครั้งแรกกับการถ่ายแฟชั่นแบบยกก๊วนของสาวๆ แก๊งเฟอร์บี้ ซึ่งไม่ง่ายเลยที่นางเอกระดับท็อปถึง 5 คนจะมีคิวว่างและรวมตัวกันได้ในวันเดียว นี่เป็นสิ่งที่ 5 สาว “แต้ว เต้ย แมท มิ้นต์ มิว” คิดเหมือนกันในวันแรกที่พวกเธอนัดเจอกันแบบงงๆ และคิดว่าคงมากันไม่ครบ นั่นถือเป็นจุดเริ่มต้นของกลุ่มเพื่อนที่มีชื่อแก๊งแปลกๆ ว่า “เฟอร์บี้” ก่อนที่มิตรภาพนั้นจะสร้างเรื่องราวที่น่ารักมากมาย บอกเลยว่าเห็นลุคนางเอกกันอย่างนี้ ใครจะไปรู้ว่าแต่ละนางกลับเป็นสายฮาใช่ย่อย แถมเมาท์เพื่อนเก่งไม่เบาเลยล่ะ

แก๊งเฟอร์บี้

“แก๊งเฟอร์บี้” ชื่อนี้มีที่มานะจ๊ะ

แมท : “วันที่เรานัดกินข้าวกันครั้งแรก แมทเล่าเรื่องตอนไปแข่งสปาร์ตัน เรซ ไทยแลนด์ เป็นรายการวิ่งวิบากเป็นด่านๆ ซึ่งถ้าไม่ผ่านด่านไหนจะต้องถูกทำโทษด้วยท่าออกกำลังกายที่เรียกว่า เบอร์พี (Burpee) ซึ่งระหว่างที่วิ่งมีคนที่อยู่ข้างหลังแมทพูดกับเพื่อน ของเขาว่า นี่ถ้าใครไม่ผ่านด่านให้ไปเฟอร์บี้ (หัวเราะ) คือ แมทไม่แน่ใจว่าเขาพูดผิดหรือแกล้งพูดขำๆ แต่ในกลุ่มเขาไม่ได้แก้คำให้ แมทก็เลยเล่าให้เพื่อนๆ ฟัง ทุกคนก็ฮากัน พอถ่ายรูปรวมแล้วโพสต์ลงอินสตาแกรม เลยเขียนแฮชแท็กเล่นๆ ว่าเฟอร์บี้ แต่กลายเป็นว่าคนที่ฟอลโลว์เราคงชอบชื่อนี้ จนกลายเป็นชื่อแก๊งโดยไม่ได้ตั้งใจ”

มิว : “ก็เลยได้ชื่อแก๊งตลกๆ แบบไม่ทันได้คิดไว้ก่อน และก็ไม่ได้คิดว่าจะมีคนพูดถึงเยอะอย่างที่แมทบอก ไม่อย่างนั้นจะตั้งชื่อแก๊งให้สวยๆ เพราะๆ กว่านี้” (หัวเราะ)

แก๊งเฟอร์บี้

เรื่องราวของแต่ละนางก่อนจะมารวมแก๊งกัน 

แต้ว : “ถ้าไม่นับละครที่ได้เล่นด้วยกันบ้าง ก็ได้เจอกันในงานช่องอยู่เรื่อยๆ ค่ะ เรามักได้โชว์ร้องเพลง หรือเต้นด้วยกันบ่อยๆ อาจเพราะอายุรุ่นๆ เดียวกัน จริงๆ ถ้านับเป๊ะๆ แต้วอายุมากที่สุด แต่นับว่าเป็นรุ่นเดียวกัน”

แมท : “แมท มิ้นต์ แต้ว เข้าเรียนคลาส เดียวกันตอนโปรเจ็กต์พาวเวอร์ทรีรุ่นที่ 2 แต่แมทมาทีหลังสุด ได้เรียนแค่ 2-3 ครั้งสุดท้าย เลยไม่สนิทกับใคร แล้วตอนนั้นมีละครเรื่อง น่ารัก ที่รวมเด็กรุ่นนี้ ซึ่งแมทก็ไม่ได้เล่นด้วย และเป็นนักแสดงหญิงคนเดียวที่ฉีกออกไปเล่นละครกับพี่นก-จริยา”

เต้ย : “ส่วนเต้ยไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขาเลย จริงๆ เข้าวงการมาพอๆ กับทุกคน แต่เต้ยเพิ่งเข้าช่อง 3 ได้ 3-4 ปี ก็ได้เจอทุกคนในงานช่องอยู่เรื่อยๆ นะคะ เคยเล่นละครกับคุณแมทด้วย พอเวลามีงานช่องก็ชอบไปอยู่ติดกับเขา เพราะเป็นคนหนึ่งที่สามารถเล่นติงต๊องด้วยได้” (แมท ยกนิ้วโป้งให้เต้ย)

 

จุดเริ่มต้นของ “แก๊งเฟอร์บี้” กับการนัดเปียแชร์กันทุกเดือน 

แต้ว : “นัดกินข้าวกันครั้งแรก เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม ที่ผ่านมานี้เองค่ะ เราไม่ได้คิดต่อด้วยซ้ำว่าจะมีนัดครั้งต่อๆ ไป แต่กลายเป็นว่าได้เจอกันอีกเรื่อยๆ อาจเพราะมีแฮชแท็ก #เฟอร์บี้ไม่ขายฝัน ที่เหมือนเป็นการคาดโทษว่าต้องมาเจอกันนะ ไม่ขายฝันนี้นะ ทำให้ทุกคนพยายามมาเช็คชื่อ แล้วที่บังเอิญมากขึ้นไปอีกคือ เรามีคิวตรงกันอีกในวันที่ 24 มิถุนายน และ กรกฎาคม จนแมทออกไอเดียเล่นๆ ว่าเราจะนัดกินข้าวพร้อมเปียแชร์ในทุกวันที่ 24 ของทุกเดือน” (หัวเราะกันทั้งวง)

แก๊งเฟอร์บี้

ความฮาก่อนการรวมแก๊งแบบเฉพาะกิจเพื่อมาถ่ายนิตยสารแพรว

มิ้นต์ : “ตอนแรกพี่แต้วไม่ว่างคนเดียว พี่แมทก็เลยแซวว่า ไม่เป็นไร เดี๋ยวตัดแปะแต้วลงในแฟชั่นก็ได้ (หัวเราะ) พี่แมทเป็นสายฮา ของกลุ่ม สมมติพี่เต้ยติดธุระต้องไปถ่ายโฆษณา ไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ไม่ได้ พี่แมทจะพูดเล่นว่า เต้ยไปเที่ยวเถอะ เดี๋ยวแมทแสตนด์บายทำงานให้เอง” (หัวเราะ)

แมท : “ตอนแรกเรามีบลัฟกันด้วยว่าใครจะมาได้บ่อยที่สุด ซึ่งแค่ทริปแรกตอนไปเที่ยวภูเก็ต เต้ยก็หลุดจากลิสต์แล้ว ไม่มีวินัยในการเที่ยวเลย มีวินัยในการทำงานสูงเกินไป”

เต้ย : “จริงๆ ล็อกคิวไว้แล้วนะ แต่คุณจ๊อด (ผู้จัดการของเต้ย) บอกว่าต้องใช้คิวนี้จริงๆ แล้วตอนนั้นทุกคนก็ตกลงกันช้า เต้ยคิดว่าคงไม่ไปแล้ว จึงให้คิวงานไป พอสองวันถัดมา เพื่อนๆ ค่อยบอกว่าตกลงจะไปภูเก็ต แต่ไม่ทันแล้วไง” (หัวเราะ)

 

ความโก๊ะของมิ้นต์ในทริปภูเก็ตที่เพื่อนๆ อดเมาท์ไม่ได้

แมท : “ก่อนไปภูเก็ตมิ้นต์หาร้านขายชุดว่ายน้ำในอินสตาแกรม เพราะมีไอเดียว่าถ้าทุกคนใส่ชุดแบบเดียวกันแต่หลากสี เวลาถ่ายรูปน่าจะสวย พอมิ้นต์เจอร้านที่ถูกใจก็ส่งแบบชุดว่ายน้ำเข้ามาในกรุ๊ปไลน์ให้ทุกคนเลือก ซึ่งรูปที่มิ้นต์ส่งมาสวยมาก พอเลือกเสร็จ มิ้นต์ก็บอกว่าไม่ต้องเป็นห่วงนะทุกคน ทางร้านจะส่งของไปให้ที่โรงแรม พอเราไปถึงปุ๊บก็ใส่ได้เลย ซึ่งพอเปิดพัสดุออกดูก็พบว่า…

มิว : “น้องมิ้นต์สั่งชุดอะไรก็ไม่รู้ ไม่เห็นเหมือนในรูปเลย” (หัวเราะ)

มิ้นต์ : “หนูก็ตกใจเหมือนกัน คือมิ้นต์คิดว่าทุกคนไม่น่ามีเวลาหาชุดว่ายน้ำ แล้วมิ้นต์ชอบซื้อของออนไลน์อยู่แล้ว ส่วนใหญ่จะเลือกร้านที่มียอดคนตามเยอะๆ ซึ่งปกติซื้อมาก็ไม่มีปัญหา นี่เป็นครั้งแรกที่แบบ เฮ้ย ทำไมผ้าย้วยอย่างนี้ เสียหายหลายพันมาก” (หัวเราะ)

แก๊งเฟอร์บี้

เมื่อแก๊งเฟอร์บี้ไม่ขายฝัน ขอแอบเมาท์ขายเพื่อนกันบ้าง

มิ้นต์ : “พี่แมทเป็นคนที่ตรงมากๆ บางคนอาจคิดว่าพูดตรงไป๊ (หัวเราะ) แต่ถ้าสนิทด้วยจะรู้ว่าไม่มีอะไร น่ารักมากๆ ส่วนพี่เต้ยเป็นสายตลก ชอบทำอะไรเปิ่นๆ แต่น่ารัก คุยด้วยแล้วโลกสดใส เป็นคนที่หัวเราะได้กับทุกเรื่อง”

เต้ย : “คุณแมทมีคาแร็คเตอร์ชัดมาก เป็นหัวโจกสายเอนเตอร์เทน ตลก น่ารัก เป็นเจ๊เอนจอยประจำกลุ่ม ส่วนพี่แต้วเป็นคนที่เต้วรู้จักมานานที่สุด เพราะเป็นรุ่นพี่ที่โรงเรียนบดินทรเดชาและเป็นดาวโรงเรียนด้วย เวลาพี่แต้วเดินมาจะเหมือนมีออร่าเปิดไฟ น้องๆ จะกรี๊ดกร๊าด พอได้รู้จักกันมากขึ้น พี่แต้วก็น่ารักจริงๆ เป็นคนง่ายๆ อยู่ด้วยแล้วสบายใจ แต่ถ้าสายจัดกิจกรรมต้องคุณมิ้นต์ ถือเป็นแอดมินของกลุ่มเฟอร์บี้ ทุกนัดที่ไม่ล่มก็เพราะคุณมิ้นต์ คอยจัดการนี่แหละ”

แมท : “มิวเป็นสาวโก๊ะ น่ารัก คือบางทีเพื่อนพูดกันจบหมดแล้ว มิวจะแบบ อ๋อ อืม อะไรนะ (หัวเราะ) ส่วนแต้วเห็นเรียบร้อย ความจริงไม่ธรรมดานะจ๊ะ ตอนไปเที่ยวภูเก็ตด้วยกันมีคลิปที่แมทเต้นอยู่ชั้นบนของเรือ คนก็จะคอมเมนต์ว่าแซ่บมาก แต่ไม่มีใครเห็นว่าแต้วกำลังเต้นอยู่ชั้นล่าง ขอบอกว่าแต้วเต้นเลื้อยสู้ตายจริงๆ นางแซ่บนะจ๊ะ”

บอกแล้วว่าแต่ละนางไม่ใด้มีแค่ลุคนางเอกอย่างที่เห็นในจอกันนะจ๊ะ ถ้าอยากรู้ว่าใครเป็นยังไงอีก ทั้งเรื่องชีวิตส่วนตัว การงาน และความรัก ก็ไปตามอ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็มกันได้ที่ นิตยสารแพรว ฉบับ 936 เลยจ้า


ที่มา : นิตยสารแพรว ฉบับ 936

เจ้าหญิงแมรีแห่งเดนมาร์ก

งดงามโดดเด่น! เจ้าหญิงแมรีแห่งเดนมาร์ก ฉลองพระองค์สีแดงสด ต้อนรับผู้นำจากฝรั่งเศส

เจ้าหญิงแมรีแห่งเดนมาร์ก
เจ้าหญิงแมรีแห่งเดนมาร์ก

งดงามโดดเด่น! เจ้าหญิงแมรีแห่งเดนมาร์ก ฉลองพระองค์สีแดงสด ต้อนรับผู้นำจากฝรั่งเศส

หากพูดถึงเจ้าหญิงแมรี มกุฎราชกุมารีแห่งเดนมาร์ก หลายคนจะนึกถึงเจ้าหญิงพระพักตร์หวานที่เต็มไปด้วยแย้มพระสรวล และยังเป็นเจ้าหญิงอีกหนึ่งพระองค์ที่ถูกสื่อจับตามองไม่น้อย ทุกครั้งที่เสด็จฯ ไปยังสถานที่ต่างๆ ฉลองพระองค์ของเจ้าหญิงแมรีจะได้รับความสนใจและถูกพูดถึงอยู่เสมอ บ่อยครั้งที่แฟชั่นฉลองพระองค์ของเจ้าหญิงจะถูกจัดอันดับให้เป็นชุดหรือเดรสที่ดีที่สุดในโลก เรียกได้ว่าทรงเป็นแฟชั่นไอคอนอีกหนึ่งพระองค์เลยทีเดียว

ล่าสุดเจ้าฟ้าชายเฟรเดอริก มกุฎราชกุมารแห่งเดนมาร์กและเจ้าหญิงแมรี มกุฎราชกุมารีแห่งเดนมาร์ก ทรงต้อนรับเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีแห่งฝรั่งเศสและสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง บริจิตต์ มาครง ภริยา ในโอกาสมาเยือนประเทศเดนมาร์กเป็นเวลาสองวัน (28-29 สิงหาคม) และยังเข้าร่วมพิธีวางพวงมาลา ณ อนุสาวรีย์ที่ The Citadel อีกด้วย ซึ่งนอกจากพระราชกรณียกิจแล้ว สิ่งที่ละสายตาไปไม่ได้เลย นั่นก็คือฉลองพระองค์ของเจ้าหญิงแมรีที่มาในสีแดงสดงดงาม โทนสีเดียวกับสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งแห่งฝรั่งเศส บริจิตต์ มาครง แต่เป็นคนละสไตล์ ทำเอาแฟชั่นชุดนี้เป็นที่สนใจของสื่อและประชาชนไม่น้อย

เจ้าหญิงแมรีแห่งเดนมาร์ก

(ซ้ายไปขวา) เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีแห่งฝรั่งเศสและบริจิตต์ มาครง ภริยา เจ้าฟ้าชายเฟรเดอริก มกุฎราชกุมารแห่งเดนมาร์ก และเจ้าหญิงแมรี มกุฎราชกุมารีแห่งเดนมาร์ก

 

เจ้าหญิงแมรีแห่งเดนมาร์ก

เจ้าหญิงแมรี มกุฎราชกุมารีแห่งเดนมาร์ก และ บริจิตต์ มาครง สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง ในชุดสีแดงสด

 

เจ้าหญิงแมรีแห่งเดนมาร์ก

แม้จะมาคนละสไตล์ แต่เฉดสีก็มีความโดดเด่นไม่แพ้กัน

 

เจ้าหญิงแมรีแห่งเดนมาร์ก

จะมองมุมไหนเจ้าหญิงแมรี่ก็สง่างาม

 

ต่อไปเรามาเจาะไอเท็มในลุคนี้ของเจ้าหญิงแมรีกันบ้าง ไม่ว่าจะเดรสสีแดงสุดเด่น กระเป๋า รองเท้า รวมถึงเครื่องประดับ มาดูกันว่าเจ้าหญิงจะทรงเลือกไอเท็มจากแบรนด์ไหนมาคอมพลีทลุคบ้าง เริ่มจากฉลองพระองค์ที่เด่นสะดุดตามากที่สุดในลุคนี้ นั่นก็คือเดรสแขนยาวสีแดง ความยาวกำลังดีจาก Raquel Diniz ต่อด้วยกระเป๋าหนังสีแดงเข้าชุดจาก LIN8 รองพระบาทลวดลายหนังงูจาก Gianvito Rossi เข็มกลัดและพระกุณฑลของ Ole Lynggaard สุดท้ายปิดจบลุคด้วยกำไลข้อมือจากแบรนด์ดัง Cartier

เจ้าหญิงแมรีแห่งเดนมาร์ก

ทั้งฉลองพระองค์และเหล่าไอเท็มประกอบอื่นๆ ต่างเข้ากันได้อย่างลงตัว จนออกมาเป็นลุคที่งดงามเช่นนี้

 

อ่านบทความเกี่ยวกับ ราชวงศ์ต่างประเทศ เพิ่มเติมได้ที่ : 

 รวมความงดงามแห่งปี 2017 เผยแฟชั่นฉลองพระองค์ราชวงศ์ต่างประเทศ

อายุเป็นเพียงตัวเลข! ชมสไตล์ของ ‘พระมารดาแห่งราชวงศ์ต่างประเทศ’ งดงามไม่มีเปลี่ยน

 เจ้าหญิงเอลิซาเบธ รัชทายาทราชวงศ์เบลเยียม เผยสไตล์งดงามในวัย 16 ชันษา

ออกงานด้วยกันครั้งแรก! สองดัชเชส กับสไตล์ที่แตกต่าง ในงานแข่งขันเทนนิส

4 Tips การแต่งตัวตามฉบับ ดัชเชสเมแกน แมทช์ลุคสวยได้ด้วยเทคนิคง่ายๆ

สง่างาม เจ้าหญิงเคท ติดเข็มกลัด นร.นายร้อยหญิง ร่วมฉลองกองทัพอากาศอังกฤษครบ 100 ปี


เรื่อง : Hana_แพรวดอทคอม (ฮานะ)

ภาพ : sivtimes.com , IG@royal.addicted

วิวาห์ปลาย ปี 2561

แต่งชัวร์ไม่แหกโค้ง คนบันเทิงพาเหรดลั่นระฆัง วิวาห์ปลาย ปี 2561

Alternative Textaccount_circle
วิวาห์ปลาย ปี 2561
วิวาห์ปลาย ปี 2561

6 คู่รักคนบันเทิง แต่งชัวร์ไม่แหกโค้ง วิวาห์ปลาย ปี 2561 เจนี่-มิกกี้,พิตต้า-อ๊อฟ,จุ๋ย-พุฒ,พลอย-กันต์ และ ขนมจีน-เคน

อาจจะเป็นเพราะอากาศที่ไม่ร้อนจนเกินไป และไม่มีฝนเลยทำให้ช่วงปลายปีจึงมีคนแต่งงาน ซึ่งปีนี้เหล่าคนดังในวงการบันเทิงก็เตรียมสละโสดกันหลายคู่ วันนี้ “แพรวดอมคอม” เลยถือโอกาสเปิดลิสต์คู่รักคนดังที่เตรียม วิวาห์ปลาย ปี 2561 มาให้ได้ทราบกัน แต่ว่าจะมีคู่ไหนบ้างนั้นไปติดตามกันเลยค่ะ


เจนี่-มิกกี้ 18 ต.ค. 2561

วิวาห์ปลาย ปี 2561

เริ่มกันที่คู่รักที่ถูกจับตามองมากที่สุด นางเอก “เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ” และหวานใจหนุ่มรุ่นน้อง “มิกกี้-นนท์ อัลภาชน์ ณ ป้อมเพชร” ที่แม้จะอายุห่างกันถึง 9 ปี แต่ก็ไม่ใช่อุปสรรค โดยคู่หวานนี้มีคิวแต่งงานในวันที่ 18 ต.ค. 2561 ในกรุงเทพมหานคร และจัดฉลองแบบส่วนตัวในวันที่ 20 ต.ค. 2561 ที่เกาะสมุย แต่! อะไรก็ไม่เท่าความอลังการของชุดเจ้าสาวที่จัดมาแบบเต็มแม็กซ์ถึง 6 ชุด ทั้งจากแบรนด์ไทยและแบรนด์ต่างประเทศ ในส่วนของชุดเพื่อนเจ้าสาวก็ต้องสมบูรณ์แบบไม่แพ้กัน งานนี้เธอเลยยกหน้าที่ให้ “เจนสุดา ปานโต”เพื่อนซี้ “แก๊งนางฟ้า” เจ้าของแบรนด์ JANESUDA MOMENTS มารับหน้าที่ โดยเธอยังบอกอีกด้วยว่าตรงคอนเซ็ปต์เรียบและโก้สมกับเป็นสไตล์ “เจนี่”อย่างแน่นอน


พิตต้า-อ๊อฟ 4 พ.ย. 2561

วิวาห์ปลาย ปี 2561

คนที่ใช่ยังไงก็คือคนที่ใช่ เป็นคำที่เหมาะสมกับคู่นี้จริงๆ สำหรับ “พิตต้า ณ พัทลุง” และหนุ่มนอกวงการ “อ๊อฟ-พลช หุตะเจริญ” ทั้งสองเคยคบหากันตั้งแต่อายุ 20 ปี แม้จะเลิกรากันไปนานถึง 8 ปี แต่สุดท้ายหัวใจก็กลับมาเกี่ยวพันกันจนได้ นับตั้งแต่นั้นจนวันนี้ผ่านมานานถึง 13 ปีแล้ว ซึ่งล่าสุดดาราสาวก็เซย์เยสรับคำขอแต่งงานของฝ่ายชาย โดยทั้งคู่วางฤกษ์แต่งงานในวันที่ 4 พ.ย. 2561 โดยจะทำพิธีแบบคริสต์ ณ โบสถ์อัสสัมชัญ และจะมีฉลองที่เขาใหญ่ในช่วงเดือน ธ.ค. 2561 สำหรับชุดเจ้าสาวนั้น อดีตวีเจสาวบอกว่าเป็นแบรนด์ไทยและแบรนด์ต่างประเทศ ทั้งหมด 3 ชุด สำหรับธีมงาน “พิตต้า” อยากให้เน้นความเรียบง่ายผสมผสานความเป็นไทยและฝรั่ง มีพิธีในโบสถ์และไหว้ผู้ใหญ่และส่งตัวด้วย


ฟอว์น-พอล 11 พ.ย. 2561

วิวาห์ปลาย ปี 2561

ด้านอดีตพระเอกดังที่ตอนนี้ผันตัวไปทำงานด้านธุรกิจ “พอล-ภัทรพล ศิลปาจารย์” เมื่อกลางปีที่ผ่านมาเขาทำเซอร์ไพร้ส์ขอเซเลบริตี้สาว“ฟอว์น-ไปยดา มหิทธนันท์” แต่งงานอย่างโรแมนติกในวันเกิดของเขา หลังจากคบหาดูใจกันมานาน 5 ปี โดยวันแต่งงานจะถูกจัดขึ้นในวันที่ 11 เดือน 11 (11 พ.ย. 2561) ในช่วงเวลาบ่ายๆ เพราะทั้งสองอยากให้แขกที่มาร่วมงานมาแบบสบายๆ สำหรับธีมงานนั้นคู่รักคู่นี้บอกว่า เป็นพิธีเล็กๆ ขณะที่สินสอดอดีตพระเอกหนุ่มบอกไว้ว่า ให้เยอะไม่ได้แปลว่ารักมาก หรือให้น้อยไม่ได้แปลว่ารักน้อย ดูที่ความเหมาะสมดีกว่า


จุ๋ย-พุฒ 16 พ.ย. 2561

วิวาห์ปลาย ปี 2561

อีกหนึ่งงานแต่งงานที่ถูกจับตามองมากก็คือวิวาห์ของคู่จิ้นที่เปลี่ยนมาเป้นคู่แท้ “จุ๋ย-วรัทยา นิลคูหา” และ “พุฒ-พุฒิชัย เกษตรสิน” จะเข้าพิธีแต่งงานด้วยกันในวันที่ 16 พ.ย. 2561 โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ ธีมงานใช้สี เทา,ขาว และ น้ำเงิน เป็นพิธีเช้า-เที่ยงเท่านั้น ไม่งานฉลองมงคลสมรสเพราะว่าที่เจ้าบ่าวและเจ้าสาวไม่ถนัดสายปาร์ตี้ ชุดที่ใส่ในงานจะมีประมาณ 3 ชุด เน้นเป็นสไตล์ไทยๆเพราะเธอบอกว่าเข้ากับบุคลิก แม้จะเป็นพิธีสั้นๆ แต่ก็ต้องจัดเต็ม โดยเฉพาะสังข์ที่ใช้รดน้ำนั้นราคาสูงมากประมาณ 1 ล้านบาทเลยทีเดียว


พลอย-กันต์ 8 ธ.ค. 2561

วิวาห์ปลาย ปี 2561

อีกหนึ่งคู่รักที่คบกันมานาน 7 ปี และกำลังจะเป็นเจ้าบ่าว-เจ้าสาวก็คือ “พลอย-อัยดา ศรีมูลตรี” และหน้ากากสามี“กันต์ กันตถาวร” พิธีกรดังจาก “The Mask Singer Thailand … เดอะ แมสค์ ซิงเกอร์ ไทยแลนด์” โดยทั้งสองจะเข้าพิธีในวันที่ 8 ธ.ค. 2561 ณ สนามกอล์ฟโพธาลัย งานแบบเอาท์ดอร์ธีมสีแดง เชิญแขกประมาณ 2,500 คน ในส่วนของชุดหนุ่ม “กันต์”บอกว่าเยอะนิดหน่อยประมาณ 5 ชุด อย่างไรก็ตามแม้งบจัดงานจะสูงไปหน่อยแต่ถ้าแฟนสาวมีความสุขก็โอเค


ขนมจีน-เคน 10 ธ.ค. 2561

วิวาห์ปลาย ปี 2561

อีกหนึ่งคู่รักที่จะเข้าพิธีแต่งงานในปี 2561 นี้เหมือนกันก็คือ “ขนมจีน-กุลมาศ ลิมปวุฒิวรานนท์” และ เซเลบริตี้หนุ่มหล่อ “เคน-ขันธ์เพชร สารสาส” ทั้งคู่คบหาดูใจกันมานาน 6 ปี ฝ่าฟันอุปสรรคมาไม่น้อย สำหรับฤกษ์ของคู่นี้ก็คือวันที่ 10 ธ.ค. 2561 และจะมีพิธีฉลองมงคลสมรสในวันที่ 21 ธ.ค. 2561 ณ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพ สำหรับชุดเจ้าสาวคาดว่ามีประมาณ 5 ชุด ในส่วนของงานนั้นเน้นความเรียบง่ายตามความเหมาะสม ทั้งนี้เธอยังย้ำอีกด้วยว่า ไม่อยากให้คนคาดหวังว่าจะเป็นงานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่อะไรแบบนั้น


เอาเป็นว่าขอให้ทุกคู่มีความสุขมากๆ และมีทายาทเร็วๆ นะคะ และนี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งของคนบันเทิงเท่านั้น เพราะได้ยินว่ายังมีอีกหลายคู่ ที่ยังไม่ได้เปิดเผยฤกษ์งามยามดี ส่วนจะเป็นคู่ไหนต้องอดใจรออีกนิด

น้อยหน่า - สิริผกา สะใภ้ใหญ่วัชรพล

พี่เนียร์ทำกับข้าวอร่อยกว่า…เปิดใจสะใภ้ใหญ่วัชรพล น้อยหน่า สารภาพชีวิตหลังแต่งไม่ง่าย

Alternative Textaccount_circle
น้อยหน่า - สิริผกา สะใภ้ใหญ่วัชรพล
น้อยหน่า - สิริผกา สะใภ้ใหญ่วัชรพล

หากพูดถึงเซเลบริตี้สาวที่มีความเรียบง่ายเสมอต้นเสมอปลาย คงต้องยกให้ สะใภ้ใหญ่วัชรพล “น้อยหน่า – สิริผกา วัชรพล” เพราะไม่ว่าจะเป็นการแต่งตัว ไลฟ์สไตล์ กระทั่งความรัก สาวคนนี้คือความลงตัวของคำว่ามินิมัลอย่างแท้จริง 

น้อยหน่า - สิริผกา วัชรพล

สะใภ้ใหญ่วัชรพล “น้อยหน่า – สิริผกา วัชรพล”

ลุคเบสิก ใส่ง่าย สบาย แต่ยังแฝงไปด้วยความสุภาพ คือสไตล์การแต่งตัวที่เห็นจนชินตาของ “น้อยหน่า – สิริผกา กรรณสูต” ที่ตอนนี้เปลี่ยนมาใช้นามสกุล “วัชรพล” เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ภายหลังจากแต่งงานกับ “จูเนียร์ – วัชร วัชรพล” ทายาทสื่อยักษ์ใหญ่

ไม่ใช่แค่สไตล์การแต่งตัวเท่านั้น แต่ไลฟ์สไตล์ของเธอก็มินิมัลไม่แพ้การแต่งตัว จากที่ได้ติดตามในอินสตาแกรม เธอค่อนข้างชอบความเป็นธรรมชาติ ภูเขาและทะเลคือสถานที่พักผ่อนในวันที่เหนื่อยล้า เธอบอกว่า การที่เธอได้ใช้ชีวิตคู่ทำให้มีความสุขมากกว่าเดิม เธอชื่นชอบเกี่ยวกับการกินเช่นเดียวกันกับคุณสามี ดังนั้นในทุกๆ วัน ความตื่นเต้นของชีวิตคู่ก็คือการได้ค้นหาร้านอาหารอร่อยๆ มาแชร์กัน และไปรับประทานด้วยกันนั่นเอง

น้อยหน่า - สิริผกา วัชรพล

และเมื่อไม่นานมานี้ แพรวดอทคอมมีโอกาสนั่งพูดคุยอัพเดตชีวิตกับ “น้อยหน่า – สิริผกา” ในงาน “กรุงศรี เอ็กซ์คลูซีฟ ฟลาวเวอร์ เวิร์คช็อป KRUNGSRI EXCLUSIVE Flower Workshop” ที่นำเสนอวัฒนธรรมความเป็นไทยผ่านเสน่ห์อันงดงามของดอกไม้ ณ พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมดอกไม้ ย่านสามเสน ซึ่งเธอได้บอกเล่าเรื่องราวชีวิตหลังแต่งงานให้ฟังอย่างมีความสุข

น้อยหน่า - สิริผกา กับจูเนียร์ - วัชร

เตรียมลุยธุรกิจจิเวลรี่

หลังจากที่ “น้อยหน่า – สิริผกา” คว้าปริญญาโททางด้านการตลาดจากยูนิเวอร์ซิตี้ ออฟ เซอร์เรย์ ประเทศอังกฤษ กลับมาให้คุณพ่อคุณแม่ได้ชื่นใจ เธอก็ได้เข้าทำงานที่พีพี กรุ๊ป จำกัด ในตำแหน่งพีอาร์มาร์เก็ตติ้งของพีพี กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทนำเข้าสินค้าแบรนด์เนมรายใหญ่ และจากการอัพเดตล่าสุดทำให้ได้ทราบว่า ปัจจุบันเธอได้ลาออกเรียบร้อยแล้ว และตอนนี้กำลังลุยธุรกิจเครื่องประดับร่วมกับเพื่อนสนิท ชื่อว่า “Formless Article”

 

“จริงๆ ก็ไม่ได้ทำนานแล้วค่ะ ก่อนแต่งงานด้วยซ้ำ สำหรับตอนนี้ทำธุรกิจแบรนด์จิเวลรี่เล็กๆ กับเพื่อน จะเป็นสไตล์มินิมัล ใส่ได้ทุกวัน วัยรุ่นสามารถจับต้องได้ เป็นเงินชุบทองเรียบๆ แต่บางอย่างที่ทำยากอาจจะมีราคานิดนึง”

น้อยหน่า - สิริผกา วัชรพล

สารภาพตรงๆ เสน่ห์ปลายจวักไม่ค่อยจะมี

จัดวิวาห์เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา จนวันนี้เป็นเวลากว่า 8 เดือนแล้วที่ “น้อยหน่า – สิริผกา” และ  “จูเนียร์ – วัชร วัชรพล” ได้ร่วมทางชีวิตกัน แม้จะไม่ง่ายนัก แต่ก็ไม่ยากจนเกินไป

“หลังจากแต่งงานก็ต้องยอมรับว่าชีวิตเปลี่ยนไปหลายอย่าง เพราะก่อนหน้านั้นเราไม่ได้อยู่ด้วยกัน ทำให้ต้องดูแลและค่อยๆ เรียนรู้นิสัยของแต่ละฝ่าย”

“น้อยหน่า” สารภาพอย่างตรงไปตรงมาว่า เสน่ห์ปลายจวักของเธอนั้นไม่ค่อยจะมีสักเท่าไหร่ เพราะสามีของเธอทำอาหารอร่อยกว่า

“คือเป็นคนทำอาหารไม่เก่ง ทำได้แค่เมนูง่ายๆ ทำสมัยตอนเรียนอยู่ที่เมืองนอก แต่พอกลับมาไม่ค่อยทำ ส่วนใหญ่จะเป็น ‘พี่เนียร์’ ทำให้ทานมากกว่า เพราะเขาชอบทำอาหาร แต่เราก็จะคอยเป็นลูกมือ เมนูส่วนใหญ่ก็จะเป็นอาหารฝรั่ง แต่ตอนนี้กำลังอินอาหารสเปน ทานบ่อยมากๆ ในช่วงนี้”

แม้เรื่องอาหารจะยกให้ฝ่ายชาย แต่เธอบอกว่าสิ่งที่ทำให้สามีทุกวันไม่ขาดเลยก็คือ การเลือกเสื้อผ้าให้ใส่ไปทำงานนั่นเอง

น้อยหน่า - สิริผกา วัชรพล

พี่เนียร์ทำกับข้าวอร่อยกว่า…เปิดใจสะใภ้ใหญ่วัชรพล “น้อยหน่า – สิริผกา” สารภาพชีวิตหลังแต่งงานไม่ง่าย

เกือบ 8 เดือนที่ใช้ชีวิตคู่ มีความสุขทุกวัน

สำหรับการเปลี่ยนแปลงจากการอยู่คนเดียวมาใช้ชีวิตคู่ “น้อยหน่า – สิริผกา” บอกว่า “เป็นความรู้สึกเติมเต็ม ตอนอยู่คนเดียวก็อยู่ได้นะคะ แต่พอเรามีอีกคนหนึ่งก็มีความสุขเพิ่มขึ้น”

เธอยังเล่าอีกว่า…

“พี่เนียร์เป็นคนเสมอต้นเสมอปลาย ตั้งแต่คบกันวันแรกกระทั่งวันนี้เขาก็ยังเหมือนเดิม แถมดีกว่าเดิมด้วยซ้ำ”

นอกจากความเสมอต้นเสมอปลายของ “จูเนียร์ – วัชร วัชรพล” แล้ว “น้อยหน่า – สิริผกา” ยังเล่าว่า โมเมนต์ที่ประทับใจที่สุดก็คือ การที่ฝ่ายชายขอเธอแต่งงาน

“จริงๆ แล้วเรามีเรื่องประทับใจในทุกวันอยู่แล้ว แต่ที่พิเศษและรู้สึกประทับใจที่สุดก็คือตอนที่ถูกขอแต่งงาน เพราะก่อนหน้านั้นเขาเคยบอกว่าจะไม่ขอเราแต่งงาน เพราะปกติแล้ว พี่เนียร์เป็นคนไม่ชอบทำเซอร์ไพร้ส์ แต่ครั้งนั้นมันพิเศษมาก เป็นโมเมนต์ที่พิเศษจริงๆ เดี๋ยวนี้เขาก็โรแมนติกมากขึ้น แต่ก็เป็นสไตล์ของเขานะคะ คือไม่ได้หวานมาก แต่เป็นมุมขี้เล่น มุมน่ารักของเขา”

งานแต่งงาน น้อยหน่า - สิริผกา กับจูเนียร์ - วัชร

ความทรงจำในการพบกันครั้งแรก

อัพเดตเรื่องราวปัจจุบันมาพอสมควรแล้ว เมื่อถาม “น้อยหน่า – สิริผกา” ถึงครั้งแรกที่ได้เจอกัน มีความรู้สึกอย่างไรบ้าง ซึ่งเธอได้เปิดเผยว่า

“เราพบกันครั้งแรกในงานแต่งงานเพื่อน แต่ตอนนั้นยังไม่ได้ทำความรู้จักกัน แต่เพิ่งมารู้สึกตอนที่เราคุยกันหลังจากนั้น พอได้เริ่มคุยกันก็รู้สึกว่าเราเข้ากันได้ดีมาก คุยกันสนุก เพราะมีความชอบคล้ายๆ กัน เขาบอกว่าเขาไม่คิดเลยว่าเราจะชอบเพลงฮิปฮ็อป เพราะลุคเราไม่ให้ แต่พอได้คุยกัน เขาก็รู้ว่าเราเป็นคนฟังเพลงแนวนี้จริงๆ”

น้อยหน่า - สิริผกา กับจูเนียร์ - วัชร

ทายาทวัชรพล

อีกหนึ่งเรื่องที่ไม่ถามเธอไม่ได้เลยก็คือเรื่องทายาท ซึ่ง “น้อยหน่า – สิริผกา” ยืนยันว่า

“ตั้งใจที่จะมีภายในปีนี้ ช่วงนี้ก็อยู่ในช่วงบำรุงและดูแลสุขภาพ อยากมีให้ได้เองก่อน ยังไม่คิดใช้วิธีทำกิฟท์หรือทำเด็กหลอดแก้ว”

แม้ว่าหลายๆ คนจะบอกว่าเด็กเดี๋ยวนี้เลี้ยงยาก แต่สาวผู้อยากเป็นแม่คนนี้บอกว่า…

“ไม่กลัวเลย มองว่าหากเราให้ความใส่ใจ ให้ความรักและความอบอุ่นกับเขา เขาก็จะเป็นเด็กที่เลี้ยงไม่ยากแน่นอน”

 

 

แต่งงานแล้วชีวิตดีจริงๆ แฮ็ปปี้ขนาดนี้ คงได้มีทายาทรุ่นที่ 4 ของตระกูลวัชรพลมาเพิ่มเร็วๆ นี้แน่นอน…

 

แว่นกันแดด ชมพู่-อารยา

ตัวจริงต้องยกให้เลย! 10 แว่นกันแดด ชมพู่-อารยา จะเลนส์เล็กหรือใหญ่ แม่ฟาดเรียบ

แว่นกันแดด ชมพู่-อารยา
แว่นกันแดด ชมพู่-อารยา

ถ้าพูดถึง แว่นกันแดด ชมพู่-อารยา มีเหรอจะดีไซน์ธรรมดา เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นแฟชั่นนิสต้าตัวแม่ทั้งที แต่ละแบรนด์ แต่ละอันที่หยิบขึ้นมา เรียกได้ว่าโดดเด่นทุกสไตล์

เรื่องของแฟชั่นในบ้านเรา ถ้าให้พูดถึงคนนำเทรนด์ก็คงหนีไม่พ้น ชมพู่-อารยา ไม่ว่าจะแต่งลุคไหนก็เป็นที่พูดถึงตลอด อย่างล่าสุดกับชุดว่ายน้ำวันพีชเว้าสูงที่เรียกเสียงฮือฮาจากแฟนๆ ได้ไม่น้อย เพราะแม่ชมไม่ได้ใส่ให้เห็นกันง่ายๆ นะจ๊ะ แต่มารอบนี้ความเซ็กซี่เต็มพิกัดอัพลงอินสตาแกรมส่วนตัวรัวๆ จนต้องยกตำแหน่งคุณแม่สายแซ่บให้เลย และนอกจากชุดว่ายน้ำจะเป็นตัวเด่นในลุคนั้นแล้ว ไอเท็มอีกหนึ่งชิ้นที่เด่นสะดุดตามาเลยก็คือ แว่นกันแดด นั่นเอง

แว่นกันแดด ชมพู่-อารยา

วันพีชเว้าสูงลายทหารจากแบรนด์ PRIVATE PARTY และแว่นเก๋ๆ จาก Oakley ไม่แซ่บให้มันรู้ไป!

หากใครได้ติดตามอินสตาแกรมของแม่ชมจะเห็นว่าช่วงนี้ แว่นกันแดดของแม่แลดูเท่ เก๋ และแซ่บเว่อร์ ใช่ว่าใครใส่แล้วจะรอด เพราะแว่นกันแดดเลนส์โต เล่นปิดหน้าซะเกือบครึ่ง แต่ชมพู่ก็ยังแครี่ไหว หรือถ้าย้อนกลับไปอีกนิด ก่อนที่แว่นกันแดดเลนส์ใหญ่นี้จะเป็นลูกรักของแม่ชม ก็ยังมีแว่นชิคๆ ดีไซน์ปังๆ อีกเยอะเหมือนกันที่ถูกหยิบขึ้นมาแมทช์ลุคให้เปรี้ยวซ่ายิ่งกว่าเดิม

วันนี้แพรวดอทคอมเลยรวมแว่นกันแดดดีไซน์ชิคๆ ของแม่ชมมาฝากกัน และถือว่าเป็นการเอาใจคนรักแว่นกันแดดด้วย เพราะแดดแรงๆ ของเมืองไทยกับไอเท็มอย่างแว่นกันแดด เป็นอะไรที่ซื้อเก็บไว้ก็ไม่เสียหายนะยูว์

 

ตัวจริงต้องยกให้เลย! 10 แว่นกันแดด ชมพู่-อารยา จะเลนส์เล็กหรือใหญ่ แม่ฟาดเรียบ

 

แว่นกันแดด ชมพู่-อารยา

แว่นกันแดดในลุคแรกมาจาก Oakley สไตล์เท่ๆ ก็ถูกแมทช์ให้เข้ากับลุคบอยๆ ได้ไม่ยาก

 

แว่นกันแดด ชมพู่-อารยา

อีกหนึ่งลุคจากแว่นกันแดดของ Oakley ลุคนี้มีความเท่ปนเซ็กซี่เล็กๆ เพราะเสื้อของแม่ชมโชว์ส่วนเว้ากรุบกริบ

 

แว่นกันแดด ชมพู่-อารยา

แว่นกันแดดสีฟ้าเข้ากับชุดว่ายน้ำก็มาจาก Oakley เช่นกัน เป็นแบรนด์ที่ช่วงนี้แม่ชมใส่บ่อยมากกก

 

แว่นกันแดด ชมพู่-อารยา

อยู่ในชุดว่ายน้ำก็ขอเก๋ ขอเท่ด้วยแว่นกันแดดจาก Oakley อีกแล้ว ลุคนี้ทุกอย่างเข้ากันมากๆ

 

แว่นกันแดด ชมพู่-อารยา

ยังไม่หมดกับแว่นกันแดดจาก Oakley ครั้งนี้แว่นสีเขียวเท่ๆ ถูกจับคู่กับเดรสสีส้มสด นับว่าเข้ากันได้ดีเลยล่ะ

 

แว่นกันแดด ชมพู่-อารยา

เปลี่ยนจากแว่นเลนส์ใหญ่มาไซส์ปกติจาก Dior กันบ้าง เอาจริงๆ เป็นลุคที่กวนดีนะ อิอิ

 

แว่นกันแดด ชมพู่-อารยา

สวยๆ เริ่ดๆ กับเดรสลายกล้วยสีสดใสและแว่นกันแดดชิคๆ จาก Prada เป็นอีกลุคที่แมทช์ได้ดีมากๆ

 

แว่นกันแดด ชมพู่-อารยา

ลุคนี้สวยหวานละมุน แว่นกันแดดจาก Gucci ที่ถูกเลือกก็เข้ามาช่วยคอมพลีทลุคได้เริ่ดจริงๆ

 

แว่นกันแดด ชมพู่-อารยา

เปรี้ยวและเฉี่ยวสุดๆ กับแว่นกันแดดจาก Le Specs บวกกับจั้มสูทสีแดงแล้วเพอร์เฟ็กต์ที่สุด

 

แว่นกันแดด ชมพู่-อารยา

แว่นกันแดดกรอบแดงสุดชิคจาก Céline ก็แมทช์ได้ลุคซ่าๆ โดนใจแบบนี้แหละ

 

อ่านบทความอื่นๆ ของชมพู่-อารยา : 

#วิถีเน็ตไอดอล แม่ชมอวดหุ่นเฟิร์มในชุดว่ายน้ำ โพสต์ท่าสวยเฉี่ยว ตอกย้ำดีกรีความแซ่บ

ราคาหลักหมื่น! Céline Plastic Bag กระเป๋าใสสุดเก๋ของขุ่นแม่ชม

รวบตึง 8 ลุค นั่งฟร้อนท์โรว์ ชมโชว์โอต์กูตูร์ของ ชมพู่-อารยา ใน Paris Fashion Week

เจ้าแม่เลเยอร์! รวมลุคสุดอลังของ ชมพู่-อารยา ฟาดพรมแดงคานส์ไม่มีเหลือ

สวยพยศ! ลุคสุดโก้ Day 4 ชมพู่-อารยา เดรสม้าลาย ฆ่าชุดอื่นตายเรียบ

สวยสะกดหัวจรดเท้า​! ประชันสองลุคงานขนสุดอลังของ ชมพู่-อารยา บนพรมแดงคานส์

Look Book สะเทือน! รวมลุคพรมแดงคานส์ Day 2 ชมพู่-อารยา ทั้ง 6 ปี

แม่เอาอยู่ทุกลุค! รวมศึกพรมแดงวันแรกตลอด 6 ปีของ ชมพู่-อารยา อินคานส์


เรื่อง : Hana_แพรวดอทคอม (ฮานะ)

ภาพ : IG@chomismaterialgirl

กระเป๋า Burberry

อย่างนี้มันต้องสอย! กระเป๋า Burberry 2 รุ่นยอดนิยมแห่งปี 2018

กระเป๋า Burberry
กระเป๋า Burberry

มาแล้วววว กระเป๋า Burberry 2 รุ่นยอดนิยม ที่ออกมาล่อตา ล่อใจ ล่อเงินในกระเป๋าให้ล่องลอยอีกครั้ง รอบนี้แต่ละคอลเล็คชั่นมีให้เลือกหลายสีจนลายตาไปหมด เห็นแล้วมันต้องโดนสักใบ! 

เริ่มที่รุ่นแรกกันเลย สำหรับฤดูใบไม้ร่วง 2018 burberry  ได้เปิดตัวกระเป๋า D-ring bag อย่างเป็นทางการ ด้วยรูปทรงที่สวยหรูกับฮาร์ดแวร์ที่นำมาจากเฮอริเทจ เทรนช์โค้ทอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ ซึ่งกระเป๋า The D-ring bag ผลิตมาตั้งแต่ปี 1912 แรกเริ่มกระเป๋ารุ่นนี้มีการนำอุปกรณ์จากสายเข็มขัดของเสื้อเทรนช์โค้ทมาใช้เพื่อเพิ่มความทันสมัยให้แก่กระเป๋า มีทั้งแบบที่เป็นเงินและทองเหลืองสไตล์ย้อนยุค กระเป๋ารูปทรงกล่องนี้อ้างอิงมาจาก กระเป๋าใส่จดหมายของ burberry รุ่น “bursac” กระเป๋าที่ผสมผสานระหว่างกระเป๋าที่มีสายล็อคเป็นหัวเข็มขัดกับกระเป๋าทรงฐานตั้ง

กระเป๋า The D-ring bag มีทั้งหมด 3 ไซส์ (มินิ, เล็ก, กลาง) มีทั้งแบบสายสะพายที่ทำจากหนังสัตว์และทำจากโลหะ นอกจากนั้นยังมีให้เลือกหลายเฉดสี ไม่ว่าจะเป็น สีชมพูสดใส , แดงเข้มขรึม , ลายพิมพ์ burberry check รุ่นดั้งเดิม ซึ่งกระเป๋าแต่ละใบมีโดดเด่นด้วยการนำหนังสัตว์มาผสมผสานกับผ้าบุลายพิมพ์แบบแฮนด์เมดด้านใน และกระเป๋า The D-ring bag ถูกจัดเข้ามาอยู่ร่วมในกลุ่มกระเป๋ารุ่นยอดนิยมของ burberry ในปี 2018 รวมทั้งกระเป๋ารุ่น Belt Bag และ Bucket Bag ซึ่งแรงบันดาลใจทั้งหมดมาจาก burberry’s British heritage และเฮอริเทจ

กระเป๋า Burberry
The Medium D-ring

 

กระเป๋า Burberry
The Small D-ring

 

ต่อกันที่คอลเล็คชั่น The Belt Bag ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเส้นสายและรูปทรงของเทรนช์โค้ท ถูกรังสรรค์ขึ้นจากองค์ประกอบของเบอร์เบอรี่เทรนช์โค้ท รูปทรงของกระเป๋าได้รับอิทธิพลมาจากเค้าโครงของปกเสื้อเทรนช์โค้ชคลาสสิกกาบาร์ดีนผสมผสานกับเข็มขัดแบบโอเวอร์ไซส์ ซึ่ง The Belt Bag มีให้เลือก 3 ขนาด คือขนาดใหญ่ (Large) , ขนาดกลาง (medium) และขนาดเล็ก

กระเป๋า Burberry
The Large Belt Bag

 

กระเป๋า Burberry
The Medium Belt Bag

 

กระเป๋า Burberry
The Small Belt Bag

คอลเล็คชั่นกระเป๋ามีให้เลือกถึง 11 สี ในสไตล์สองสีทูโทนและแบบผสมผสานกันสามสี (Tri-Tone) กระเป๋าแต่ละใบมาพร้อมหนังบุด้านในสีสันตัดกันและเข็มขัด โดยคอลเล็คชั่นกระเป๋ามาในขนาดเล็ก (Small) ที่มีให้เลือกทั้งหมด 9 สี พร้อมด้วยกระเป๋าคลัทช์ 2 ขนาดคือ ขาดกลาง (Medium) และขนาดใหญ่ (Large) ในขณะที่ The Belt Bag ขนาดกลางและใหญ่จะมีสีใหม่และวัสดุใหม่เพิ่มเข้า เช่น ผ้าแคนวาสและหนัง กระเป๋าแต่ละใบมาพร้อมเข็มขัดปรับระดับได้ นอกจากนี้ยังมีสายสะพายแบบครอสบอดี้ที่ถอดออกได้

ตัวกระเป๋าผลิตขึ้นจากหนังลูกวัว (Calf Leather) ในประเทศอิตาลี หนังที่ใช้ทำกระเป๋าผ่านการย้อมสีสองครั้งในโรงฟอกที่เชี่ยวชาญ ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศอิตาลี ทำให้ได้สีสวยงามโดดเด่น และด้านในกระเป๋าบุด้วยหนังวัวที่มีความยืดหยุ่นสูง

ปิยวดี มาลีนนท์

จากลูกนายไม่กล้าจีบ สู่คู่รักมาราธอน ” ปิยวดี มาลีนนท์ – มาวิน ทวีผล “

Alternative Textaccount_circle
ปิยวดี มาลีนนท์
ปิยวดี มาลีนนท์

จากนักแสดงหนุ่มที่เคยแอบมองรุ่นพี่คนสวย ลูกสาวของเจ้านาย กลายเป็นความรักมาราธอนที่แม้ต้องฝ่าฟันกับข่าวมากมาย แต่ก็ สามารถจับมือกันเดินทางได้อย่างมั่นคง และนี่คือเรื่องราวความรัก ของตู่ – ปิยวดี มาลีนนท์ ผู้จัดละครมากความสามารถของช่อง 3 กับ วิน-มาวิน ทวีผล นักแสดงที่ผันตัวมาซัพพอร์ตทุกอย่างที่เธอต้องการ

แอบมองเธออยู่นะจ๊ะ

เมื่อเอ่ยถึงวันแรกเจอกันคุณวินเริ่มด้วยประโยคเด็ด  “วันแรกที่เรา เจอกัน  คุณวดี(คุณตู่) คลานเข่าเข้ามาหาผมเลยครับ ศิโรราบ”  คุณตู่อมยิ้มแบบรู้ทันแล้วต่อความว่า  “เวลาพูดเรื่องนี้  เขาจะเล่าแบบนี้ตลอด คือตู่คลานเข่าเข้าไปหาเขาจริงๆค่ะ  เพราะวันนั้นเป็นวันครอบครูของ ช่อง 3  ทุกคนนั่งกับพื้น  จะลุกไปไหนมาไหนก็ต้องคลานเข่า”

“ความจริงผมเล็งเขามาหลายปีแล้วครับ  แอบส่องลูกนาย  ชอบจังเลย  แต่ไม่กล้ายุ่ง”

คุณวินเล่าต่อ  “ความจริงผมเล็งเขามาหลายปีแล้วครับ  แอบส่องลูกนาย  ชอบจังเลย  แต่ไม่กล้ายุ่ง  เพราะตอนนั้นทั้งผมและเขามีแฟนอยู่แล้ว  อีกอย่างผมรู้สึกว่าไกลเกินเอื้อม  กระทั่งวันหนึ่งในงานครอบครู ตอนนั้นผมโสดแล้ว  ก็สะกิดรุ่นน้องให้ดูว่าคนนี้โคตรน่ารักเลย  แล้วเขา หันมาพอดี  ผมก็ได้แต่ก้มหน้า  ไม่กล้าสบตา  ปรากฏว่าพอครอบครูเสร็จ เขาก็คลานเข้ามาหาผมเพื่อชวนไปเล่นละคร  ผมทั้งตกใจทั้งตื่นเต้น ยกใหญ่  เลยได้คุยกันต่อ  สุดท้ายก็ได้พินบีบีมาครับ (ยิ้ม)  แล้ววันนั้น เราถ่ายรูปคู่กัน  คุณตู่ให้เลขาฯถ่ายให้  พอกลับบ้าน  คุณตู่ก็ส่งรูปคู่มาให้อีก ผมก็เพ้อเลย  ลืมนึกไปว่าเขาคงทำกับทุกคน” (คุณตู่พยักหน้าบอกว่า ‘ใช่’)  “ผมไฟลุกโชติช่วงมากว่าโอกาสของเรามาแล้ว  หลังจากนั้นก็คุยบีบีกับเขา ทุกวัน  ถือคติว่าถ้าไม่หล่อ  เราต้องตลก”

ปิยวดี มาลีนนท์

รักต้องเปิด พอตัดสินใจคบกัน  สารพัดเรื่องราวก็ไหลมาเทมา

คุณตู่เล่าถึง ช่วงแรกๆที่เป็นข่าวว่า  “พอเราเริ่มไปไหนมาไหนด้วยกันก็เริ่มเป็นข่าว ที่ทำให้ชีวิตเปลี่ยนเลยคือตอนที่มีข่าวกอสสิปลงรูปเราเดินอยู่ในห้าง ด้วยกัน หลังจากนั้นมีผู้หญิงโทร.หาตู่เยอะมาก ส่วนใหญ่โทร.มา เตือนด้วยความเป็นห่วง แล้วก็เล่าเรื่องวินให้ฟังใหญ่เลย บางคนถึงขนาด จะนัดเจอเพื่อมาคุย ไม่ใช่แค่นี้ แม้กระทั่งผู้ใหญ่ในช่องก็พากันเป็นห่วง”

คุณวินรีบพูดต่อ  “แต่ผมบอกเลยว่าไม่ทันกินหรอก เพราะก่อน ที่จะเป็นข่าว เราคบกันมา 3 เดือนแล้ว ระหว่างนั้นผมใช้เวลา 3 วัน ในการเล่าทุกเรื่องในชีวิตตั้งแต่มัธยมจนถึงวันที่เราเจอกันแบบหมดเปลือก เพราะผมอยากให้เขารู้จากปากผมเอง ถ้าเขารับได้ เราก็คบกัน ถ้ารับไม่ได้ ก็เป็นเพื่อนกัน ดังนั้นคุณตู่มีวัคซีนแล้วเรียบร้อย”

คุณตู่เห็นด้วย  “ก็จริงของเขานะคะ เพราะทุกเรื่องที่ผู้หญิงแต่ละคน โทร.มาเล่าให้ฟังไม่มีอะไรเซอร์ไพร้ส์เลย เป็นเรื่องที่ตู่รู้แล้ว จึงถามตัวเองว่าเราจะเชื่อวินหรือไม่เชื่อ ถ้าไม่เชื่อก็เลิกคุย จบ แต่ถ้าเชื่อ ก็ต้องลองให้โอกาสเขา จึงตัดสินใจไม่รับโทรศัพท์ใครอีก”

คุณวินขออธิบายบ้าง  “คือแต่ก่อนผมมีข่าวนู่นนี่นั่นเยอะ พอเป็นข่าวแล้ว ผมก็เลือกที่จะไม่พูดอีก คิดว่าปล่อยให้เงียบไปเอง ภาพที่ออกไป จึงกลายเป็นว่าผมผิด บางครั้งแค่เดินไปส่งใครที่รถก็เป็นข่าว แต่กลายเป็นว่ายิ่งปล่อยเงียบยิ่งมีชนักติดหลังเต็มไปหมด”

คุณตู่สารภาพ  “ใช่ ช่วงนั้น ข่าวเยอะมาก เราเองก็ต้องมีภูมิต้านทานสูงเหมือนกัน ตู่ใช้วิธีตั้งสติ ถ้าเรื่องไหนไม่สบายใจก็จะถามตรงๆ ถาม ให้เคลียร์ จะได้ไม่เก็บไปคิดมาก ซึ่งสุดท้ายเราก็ผ่านมาได้ค่ะ”

คุณวินแซวกลับบ้างว่า  “แต่ช่วงนั้นตู่ก็ฮ็อตมากนะ มีดาราจีบเยอะ เหมือนทุกคนคิดว่าถ้าวินจีบได้ พวกเขาก็มีสิทธิ์ ถามว่าผมรู้สึกไหม รู้สึกมาก แต่ทำอะไรไม่ได้ ผมรู้ตัวว่าต้นทุนเรามีแค่นี้ ถ้าคนอื่นดีกว่า เขาก็ไปได้ เพราะเรื่องความรู้สึกคงห้ามกันไม่ได้ แต่โชคดีที่เขาเลือกเรา” (ยิ้ม)

ปิยวดี มาลีนนท์

จริงจัง- จริงใจ

ผ่านด่านแรกไปแล้วก็เข้าสู่ด่านที่สอง  คือสารพัดคำถามถึงความต่างของทั้งคู่คุณวินบอกว่า  “แน่นอนว่าต้องมีคำครหาอยู่แล้ว สามปีแรกนี่ โดนตลอด ประดังมาทุกทิศ แต่ผมโชคดีที่ตู่เข้าใจและยอมรับ คือผมมาจากครอบครัวปานกลาง  มีบ้าง  แต่ไม่มากขนาดจะไปห้าดาว กับเขาได้  ตู่ก็จะคอยให้กำลังใจตลอดว่า  ‘หมู  สู้ๆนะ’  ช่วงนั้นเราใช้วิธีเก็บตัว  ออกไปเจอผู้คนให้น้อยที่สุด  อยู่ด้วยกันให้มากที่สุด  พอเข้าปี ที่ 4 – 5  เรื่องก็ค่อยๆ ซาไป  ยิ่งตอนนี้ 8 ปีเข้าไปแล้ว  ไม่มีใครว่าอะไรแล้วครับ”

“หรือแม้กระทั่งเรื่องงานที่ผมไปเป็นครีเอทีฟในออฟฟิศของตู่ เพื่อดูแลเรื่องการทำบทละคร ช่วงแรกๆ ก็มีคำถามว่าเส้นหรือเปล่า ซึ่งผมยอมรับว่าในจุดเริ่มต้นนั้นตู่เป็นคนให้โอกาส แต่ตู่บอกเสมอว่า ถ้าตู่ให้ทางแล้ว วินต้องเดินเองให้ได้ด้วยนะ ถ้าเดินไม่ได้ เขาก็ช่วยไม่ได้ ซึ่งผมว่าเวลาเป็นตัวพิสูจน์ว่าไอเดียในการคิดพล็อตมาจากเราเยอะ

ตราบใดที่เราทำงานได้จริง  ทุกคนก็จะค่อยๆยอมรับ  พอเราเดินได้ด้วยตัวเองแล้ว  ก็ทำให้เราเดินอยู่ข้างๆ เขาได้อย่างสบายใจ”

ปิยวดี มาลีนนท์

ตู่เสริมบ้าง  “แต่วินก็ช่วยเปลี่ยนตู่ไปในทางที่ดีขึ้นด้วยนะคะ เขาช่วยสอนตู่ในเรื่องการใช้ชีวิตกับคนในกองถ่ายและการเป็นผู้จัดฯจริงๆ ด้วยความที่เขาเฟรนด์ลี่ คุยเก่ง  และเป็นนักแสดง  เคยทำงานมาหลายกอง รู้จักคนเยอะ  หน้า  ผม  สวัสดิการ  ครัว  ช่างไฟ  เขาก็จะไปสืบราชการลับ มาให้หมดเลย  ทำให้เรารู้ปัญหาจริงๆ ของงาน  ซึ่งเราไม่มีทางเข้าถึง  ยังคิดอยู่เลยว่าถ้าไม่ใช่วินจะเป็นใคร”

ด่านสุดท้ายคือการพิสูจน์ตัวเองกับครอบครัวของฝ่ายหญิงที่น่าจะหนักไม่แพ้กัน  เรื่องนี้คุณวินสารภาพเต็มปากเต็มคำ  “กดดันแบบมหากดดันเลย วันแรกที่ไปบ้านเขา คิดว่าจะโดนตีตั้งแต่หน้าบ้าน แต่ก็ผ่านได้โดยไม่มีอะไร ยอมรับว่าช่วงแรกผมตลกไม่ออก เจอหน้าผู้ใหญ่ก็ก้มหน้าอย่างเดียวเลย แต่หลังๆ ผมก็ใช้ความตลกเข้าสู้ พอเนียนๆ ไปได้”

คุณตู่เล่าต่อว่า  “ช่วงแรกที่บ้านก็มีถามเหมือนกันค่ะ ถึงครอบครัว เราจะทำงานบันเทิง แต่ยังไม่เคยมีใครมีแฟนเป็นนักแสดงเลย จึงต้องใช้เวลา โดยที่บ้านสังเกตจากตัวตู่เป็นหลัก ดูว่าเราเอนจอยไลฟ์ไหม งานเสียไหม ซึ่งพอคบกับวินไปเรื่อยๆ เขาก็เห็นว่าเรามีความสุข รับผิดชอบงานได้ และสามารถทำงานได้ดีขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เห็นว่าการคบกันไม่มีอะไรเสียหาย  ที่บ้านจึงเริ่มเปิดใจจากตรงนั้น”

“ตอนหลังพอเริ่มมีงานที่บ้าน เขาก็บอกให้ลองชวนวินมาทุกวันนี้ คุณแม่จะพูดตลอดว่า วินมาหาแม่ที่บ้านบ้างนะ มาคุยกับแม่ เวลามางานรวมญาติ แม่ก็จะบอกให้วินนั่งกับแม่ ตู่ก็จะแซวว่า  เดี๋ยว…ดูลูกด้วย หรืออย่างพี่สาวตู่ก็รักวินมาก  เวลาเจอกันเขาคุยกับวินมากกว่าคุยกับตู่อีก วินเขาน่ารักตรงที่เข้ากับคนรอบข้างของเราได้หมด  เพื่อนๆ เราก็ชอบเขา”(ยิ้ม)

จูนให้ติด

เมื่อเอ่ยถึงเรื่องความรักต่างวัย  คุณตู่ยอมรับตรงๆ ว่า  “ตู่ไม่ได้ตั้งใจจะคบเด็กแต่ส่วนใหญ่จะมีแต่คนที่เด็กกว่าเข้ามา อย่างคนก่อนหน้านี้ก็อ่อนกว่าตู่ 7 ปี ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม”

คุณวินได้ทีจึงแซวว่า  “เพราะตู่ดูเครียดๆ มั้ง  ทำให้คนวัยเดียวกัน อาจจะไม่ค่อยกล้าเข้ามา  แต่เด็กคิดน้อยไง  สำหรับคู่เรา  ความต่างของ อายุมีผลนะ  ผมกับตู่ห่างกันแค่ 3 ปีก็จริง  แต่ตอนเจอกันเขาทำงานจริงจังแล้ว  ส่วนผมยังเรื่อยเปื่อย  พอคุยกันจะเห็นเลยว่ามีความต่างกันเยอะ ทั้งในแง่ความคิดและการใช้ชีวิต อย่างช่วงแรกที่เจอกัน ผมยังใช้ชีวิตกลางคืนตื่น 5 โมงเย็น แล้วยาวไป  แต่ตู่ทำงานกลางวัน  พอคบไปสักพักเขาก็ถามว่า  ถ้าเป็นแบบนี้  เราจะใช้ชีวิตกันอย่างไร  จะคุยกันตอนไหน  ผมจึงบ๊ายบาย ชีวิตกลางคืน  แล้วเริ่มมาทำงานเป็นผู้เป็นคน  พอจูนกันได้แล้ว  จึงได้มาทำงานด้วยกัน

“ข้อดีอีกอย่างของตู่คือ  ปกติผู้หญิงเด็กๆ จะง้องแง้งหน่อย  แต่เขารุ่นใหญ่แล้ว  ใจโคตรนิ่งเลย  ทำให้เรารู้สึกว่าก็ดี  ได้คุยกันด้วยเหตุ และผลมากกว่าใช้อารมณ์  ยกเว้นเวลาลมเพลมพัด (หัวเราะ)  คือบางทีเขาเครียดกับอย่างอื่นมา  แล้วผมดันเดินผ่านไปพอดี  จึงอาจมีโดนของ เฮ้ย!  เราทำอะไรผิดวะ  บางทีนอนคิดทั้งคืนว่าไปทำไม่ดีตอนไหน  พอเช้ามา  เขาโทร.มาฮัลโหลเสียงใส  ผมนี่งงเลย  มีแค่เรื่องนี้แหละ”

คุณตู่หัวเราะพลางบอกว่า  “นี่แหละข้อดีของเขา  คือต่อให้เขาไม่ผิดเขาก็ไม่เพิกเฉยกับความรู้สึกของเรา  แล้วเขาจะมีวิธีง้อ  คือทำเหมือนแมว ที่ตู่เลี้ยงไว้  เวลาอ้อนก็จะเมี้ยวๆๆ (หัวเราะ)  เราก็จะขำ  ส่วนตู่เองรู้สึกว่าเราอายุห่างกันก็จริง  แต่จะคบกันได้หรือไม่  สำคัญอยู่ที่การสื่อสารกับคนก่อนๆ เหมือนเราไม่ได้คุยกัน  หรือคุยแล้วไม่พร้อมที่จะปรับ  แต่กับวินรู้สึกว่าเวิร์ค  เพราะเราเลือกที่จะคุยกันและปรับตัวเยอะมากเพื่อให้ไปกันได้  ทำให้ทิฐิเราน้อยลง”

ปิยวดี มาลีนนท์

วินเล่าบ้าง  “ตู่เองก็ปรับการใช้ชีวิตให้ผมเยอะเหมือนกันนะครับเพราะผมจะติดดินหน่อย  แต่บ้านตู่จะฟูลออปชั่นตลอด  อย่างแต่ก่อน เขากินส้มตำปลาร้าไม่เป็นเลย  แต่เดี๋ยวนี้ผมพาไปกินอะไร  เขาก็กินได้หมด”

คุณตู่ขอคุย  “เดี๋ยวนี้กินส้มตำไทยไม่ได้แล้ว  ไม่อร่อย  ต้องปลาร้า หรือเมื่อก่อนไม่กินหอยแครง  ไม่กินพวกเลือดๆ  เดี๋ยวนี้ได้หมด  ยังกิน ไม่ได้แค่ไข่มดแดง  คือด้วยความที่บ้านวินเป็นคนตราด  เวลาไปบ้านเขา ครั้งแรกก็เจอวิถีต่างจังหวัดเล็กๆ  อย่างอาหารที่เขากินกัน  เช่น  พล่าปลาหรือน้ำจิ้มพริกเกลือ (วินอธิบายว่า  ‘คือน้ำจิ้มซีฟู้ดของที่นั่นครับ  ใช้พริกกับเกลือมาโขลกกับกระเทียม’) ซึ่งแซ่บมาก  ตู่ชอบ” (หัวเราะ)

วินเสริมว่า  “ที่บ้านผมทุกคนชอบตู่มากครับ คือทุกคนรู้ว่าตู่เป็นใคร เวลาไปเที่ยวบ้านผมจะพาเขาไปกินอาหารทะเล  ไปเที่ยวเกาะ  เขาก็กินได้อยู่ได้  ยิ่งแม่กับพี่ๆ ของผมยิ่งโอเคกับตู่  เพราะพอมาคบกับตู่  ผมนิสัยดีขึ้น  ซอฟต์ลงไปเยอะ  แม่เลยแฮ็ปปี้กับตู่มาก”

คนที่ใช่

“คู่เราเพิ่งครบ 8 ปีไปเมื่อวานครับ”  คุณวินพูดก่อน  “สำหรับผม เขาคือคนที่ใช่แล้วนะ  พูดตรงๆว่าการคบกับตู่ทำให้ผมนิ่งและจริงจัง มากขึ้น  เวลามองไปข้างหน้าก็พอเห็นภาพว่าเราจะไปทิศทางไหนด้วยกัน ซึ่งผมไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน  เรื่องนี้แม่ผมรู้ดี  เพราะที่ผ่านมาผม คบใครก็พอผ่านๆ  ไม่เคยจริงจัง  แต่กับตู่ผมบอกรักเขาทุกวัน” คุณตู่ยิ้มหวาน  “เขาบอกรักตู่ทุกวัน  แต่ตู่ไม่ค่อยพูด  นานๆ พูดที ซึ่งเขาจะดีใจมาก  เขาบอกว่า  ‘เธอไม่ได้บอกรักฉันมาสองเดือนแล้ว!’ คือตู่อาจจะไม่ได้พูดมาก  แต่รู้สึกว่าคนนี้แหละใช่  เพราะเราอยู่กับเขาได้ ในทุกสถานการณ์  โดยที่เราไม่ต้องเป็นคนอื่นนอกจากตัวเอง”

ปิยวดี มาลีนนท์

“สิ่งหนึ่งที่ตู่รู้สึกว่าวินตอบโจทย์คือ  ตู่ติดแฟน  ซึ่งวินก็ให้เวลากับตู่มาก  ตารางของเรามาก่อนของเขาเสมอ  เขาสามารถนั่งรอเราทำผม  ทำเล็บ แต่งหน้าหลายชั่วโมงได้โดยไม่บ่น  หรือถ้าเราอยากให้ไปไหนด้วย  เขาก็ไปด้วยได้หมด  แล้วเขาจะเป็นมนุษย์ขั้นกว่าคือ  เวลาเรามีอะไรไม่สบายใจ เขาจะทุกข์กว่า  ต้องหาทางเคลียร์ให้เราให้ได้  หรือถ้าเราดีใจ  เขาก็จะดีใจกว่า  ดังนั้นไม่ว่าจะเจอเรื่องอะไรในชีวิต  ตู่จะรู้สึกว่าไม่เป็นไร  อย่างน้อย ยังมีเขาที่เข้าใจและคอยเป็นแบ็กอัพให้เรา  ซึ่งตู่ว่ายากมากนะที่จะได้เจอคนแบบนี้”

คุณวินพูดบ้าง  “ผมไม่อยากเห็นเขาทุกข์  สงสาร  โดยเฉพาะเรื่องงาน เพราะเขาแบกรับคนไว้เยอะ  ถ้าช่วยอะไรเขาได้ก็อยากช่วย  แค่เห็นเขายิ้มได้ ผมก็โอเคแล้ว  ส่วนเรื่องอนาคต  มีคุยกันไว้บ้าง  แต่คงจะเป็นแบบนี้ไปอีกสักพักใหญ่ๆ  เพราะยังติดเรื่องงานทั้งคู่  ยังหยุดไม่ได้จริงๆ “สำหรับผม  แค่รู้วันนี้เขาคือคนที่ใช่ก็แฮ็ปปี้แล้วครับ”

ปิยวดี มาลีนนท์


ที่มานิตยสาร แพรว ปีที่ 39 ฉบับที่ 934  เรื่องจาก Tomalin ภาพ อิทธิศักดิ์ สไตลิสต์ up_kamphoo ผู้ช่วยช่างภาพ กรพินธุ์ บุญส่งทรัพย์, ชนิกานต์ ศรีม่วง สถานที่ Renaissance Bangkok Ratchaprasong Hotel โทร. 0-2215-5000

ปังหรือแป๊ก เดี๋ยวรู้กัน! Burberry ยกเครื่องใหม่ทั้งกะบิ เปลี่ยนโลโก้ และลายโมโนแกรม

กระแสในวงการแฟชั่นที่ดูร้อนแรง ณ ตอนนี้ เห็นจะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของ Burberry แบรนด์ดังสัญชาติอังกฤษที่มีมานานกว่า 162ปี ได้ออกมาเผยโลโก้ใหม่ล่าสุด ทำเอาเงินในกระเป๋าของเหล่าแฟชั่นนิสต้าได้สะเทือนกันอีกครั้ง

เรียกได้ว่าเป็นการรีแบรนด์ครั้งใหญ่ของเบอร์เบอร์รี่เลยก็ว่าได้ ที่ลุกขึ้นมาเปลี่ยนทั้งโลโก้และลายโมโนแกรม เพราะเป็นเวลาเกือบ 20ปีแล้วที่เราได้เห็นลายตารางคลาสสิคผสมผสานกับสีที่เป็นเอกลักษณ์ มองแวบเดียวก็รู้ว่าเป็นซิกเนเจอร์ของเบอร์เบอร์รี่ ขนาดไม่ใช่สาวก ก็ยังดูออก

ข่าวการเปลี่ยนแปลงโลโก้และลายโมโนแกรม ถูกเผยแพร่เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2561 ที่ผ่านมา จากอินสตาแกรมทางการของ เบอร์เบอร์รี่ โดยทางแบรนด์ได้ลงภาพอีเมล์ที่ Riccardo Tisci ครีเอทีฟ ไดเร็กเตอร์ประจำแบรนด์ ได้คุยอีเมล์กับ  Peter Saville ผู้กำกับศิลป์และนักออกแบบกราฟิกชาวอังกฤษ โดยรายละเอียดที่ปรากฎนั้นเป็นการคุยกันเพื่อมอบหมายงานสำคัญคือการ ออกแบบโลโก้และลายโมโนแกรมใหม่ทั้งหมดในเวลา 4สัปดาห์ !

A conversation between #PeterSaville and #RiccardoTisci

A post shared by Burberry (@burberry) on

Discussing the #Burberry archive . #RiccardoTisci #PeterSaville

A post shared by Burberry (@burberry) on

The #ThomasBurberry Monogram pattern revealed . #RiccardoTisci #Burberry

A post shared by Burberry (@burberry) on

แน่นอนว่านี่เป็นข่าวใหญ่ในวงการอุตสาหกรรมแฟชั่น เพราะทันทีที่ภาพแพร่ออกไป เหล่าบรรดาแฟชั่นนิสต้า และแฟนๆ ของเบอร์เบอร์รี่ต่างวิจารณ์กันขรม ถึงโลโก้และลายโมโนแกรมใหม่ล่าสุด บ้างก็ว่าดีงาม แต่ส่วนใหญ่นั้นกลับมองว่า ลายเดิมก็ดีอยู่แล้ว จะเปลี่ยนทำไม? แถมสีที่ออกมาใหม่ก็ละม้ายคล้ายคลึงกับยี่ห้อที่มีม้าเป็นโลโก้ไปอีก จุ๊ๆ อย่าพูดไปโลโก้นี้เขามีที่มา ไม่ได้นั่งเทียนคิดขึ้นมา ผู้ออกแบบเขาเอาตัว T และ B ชื่อของผู้ก่อตั้งมาผสมผสานเป็นโลโก้นะยู

เพื่อเป็นการต้อนรับโลโก้และลายโมโนแกรมใหม่ที่กำลังจะมาเร็วๆ นี้ แพรวพาย้อนดูประวัติ Burberry ลายตารางสุดคลาสสิคที่อยู่คู่กับวงการแฟชั่นมานานกว่า 20ปี เห็นปุ๊บ ก็รู้ทันที แบบไม่ต้องมโน ก่อนที่ลายโมโนแกรมนี้จะลาจากเราไป หรือเปล่า !

ปี 1856

Burberry ก่อตั้งโดยนาย Thomas Burberry อดีตเด็กฝึกงานในร้านขายผ้า ซึ่งในขณะนั้นเขามีอายุเพียง 21 ปี

Burberry

ปี 1879

โทมัส คิดค้นผ้าที่เรียกว่า “กาบาร์ดีน” คุณสมบัติผ้าอันโดดเด่นคือ มีความทนทาน เหนียวแน่น และกันฝนได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีน้ำหนักเบาด้วย  เหมาะกับนำมาตัดเป็นเสื้อผ้าของคนที่ชอบทำกิจกรรมกลางแจ้ง โดยเขาได้แรงบันดาลใจมาจาก ผ้าลินินที่นำมาทำเสื้อกันหนาวของชาวไร่ในศตวรรษที่ 19 และผ้าชนิดนี้ยังเป็นที่มาของเสื้อกันฝน Trench Coat ซิกเนเจอร์ของแบรนด์อีกด้วย

Burberry

ปี 1888

เบอร์เบอร์รี่ ได้นำผ้ากาบาร์ดีนมาจดสิทธิบัตรเป็นของตัวเอง

ปี1891

ในปีนี้ เบอร์เบอร์รี ได้ย้ายเข้าไปเปิดเป็นร้านแรกใน 30 Haymarket ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ

ปี 1893

ดร. ฟริตจ๊อฟ นันเซน นักสำรวจขั้วโลก ชาวนอร์เวย์ และ นักสัตววิทยา เจ้าของรางวัลโนเบล เป็นคนแรกที่ได้จดบันทึกว่าในขณะที่เขาได้ไปสำรวจอาร์กติกเซอร์เคิลในปี 1893 นั้น เขาได้นำ เสื้อกันฝน ผ้ากาบาร์ดีน ของเบอร์เบอร์รี่ ไปใส่ด้วยขณะเดินทาง

ปี 1897

เฟรเดอริก จอร์จ แจ็คสัน นักสำรวจอาร์กติก ในขั้วโลกเหนือ และยังมีส่วนในการทำแผนของอาร์กติก เป็นอีกคนหนึ่งที่สวมเสื้อกันฝน ผ้ากาบาร์ดีน ของเบอร์เบอร์รี ขณะขึ้นไปสำรวจ

ปี 1901

และปีนี้เองที่ เบอร์เบอร์รีมีโลโก้เป็นของตัวเอง คือ อัศวินขี่ม้าที่มาพร้อมกับภาษาละติน “Prorsum” ซึ่งแปลว่า ก้าวต่อไป

Burberry

ปี 1909

สมกับชื่อบนโลโก้ เมื่อเบอร์เบอร์รี่ได้ขยายสาขาไปอีกที่ แต่ครั้งนี้ข้ามไปยัง เมืองปารีส ประเทศฝรั่งเศส โดยไปเปิดสโตร์ที่ 8 Boulevard Malesherbes

ปี 1910

ในงานเฉลิมฉลองของ Claude Grahame นักบินคนแรกที่สามารถขับเครื่องบินจากกรุงลอนดอนไป เมืองแมนเชสเตอร์ โดยใช้เวลาน้อยกว่า 24 ชั่วโมง เขาได้สวมเสื้อกาบาร์ดีนสีขาว ของเบอร์เบอร์รี่

ปี 1911

Roald Amundsen และทีมสำรวจของเขา เป็นกลุ่มแรกที่ได้ขึ้นไปสำรวจขั้วโลกใต้ และเหมือนเช่นเคย คือพวกเขาได้สวมเสื้อกาบาร์ดีน แต่ที่พิเศษกว่านั้นคือ เต้นท์ที่พวกเขาใช้พัก ก็ทำมาจากผ้ากาบาร์ดีนของเบอร์เบอร์รีอีกเช่นกัน

ปี 1992

ปีแห่งการสร้างชื่อเสียง เมื่อ ทอมัส เบอร์เบอร์รี ได้ดีไซน์เทรนช์โค้ต แบบแรกของแบรนด์ได้สำเร็จ แน่นอนว่าเขาใช้ผ้ากาบาร์ดีนมาตัดเย็บ สำหรับการดีไซน์นั้น มีลักษณะเรียบง่าย ไม่มีกระดุม แต่มีสายรัดด้านหน้า ต้องบอกเลยว่า เทรนช์โค้ตตัวนี้ นี่แหละที่เป็นซิกเนอเจอร์ของเบอร์เบอร์รี่ และสร้างชื่อเสียงให้กับเบอร์เบอร์รี่เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ถ้าให้พูดง่ายๆ คือ ของมันต้องมี !!

ปี 1913

เมื่อความสำเร็จท่วมท้นขนาดนี้ เบอร์เบอร์รี่ได้ย้ายสโตร์ไปขนาดใหญ่ขึ้น ใน Haymarket และได้ดีไซน์รูปแบบภายในร้านใหม่ทั้งหมดจากฝีมือ Walter Cave

ปี 1914-1918

นอกจาก เทรนช์โค้ต จะได้รับความนิยมอย่างท่วมท้นในหมู่นักกีฬากลางแจ้งและนักผจญภัยแล้ว โดยเฉพาะเมื่อ เออร์เนสต์ ชาเคิลตัน นักผจญภัยชาวอังกฤษชื่อดังชาวอังกฤษนำมาใส่ขณะเดินทางไปสำรวจที่ขั้วโลกเหนือ

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 เทรนช์โค้ตก็ยังเป็นเครื่องแบบของทหารอังกฤษ อีกทั้งยังปรากฎลายตารางในเครื่องแบบ ลายอันเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของเบอร์เบอร์รี่อีกด้วย

ปี 1919

พระเจ้าจอร์จที่ 5 แห่งสหราชอาณาจักร ทรงประทาน Royal Warrant (สัญลักษณ์ของผู้ได้รับพระบรมราชานุญาตจัดหาสินค้าและบริการแก่พระมหากษัตริย์) ในฐานะช่างตัดเสื้อให้กับเบอร์เบอร์รี่

กัปตันจอห์น คอค และพลโท Arthur Whitten ฺBrown ได้สวมใส่เครื่องแบบนักบินจากเบอร์เบอร์รี่ ขณะอยู่ในเที่ยวบินแรกที่เดินทางแบบไม่พัก เพื่อบินข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกโดใช้เวลาเพียง 72 ชั่วโมง

ปี 1920

เบอร์เบอร์รี่ได้เผย ข้อมูลการซื้อขายเป็นครั้งแรกต่อสาธารณะ

ปี 1920

เบอร์เบอร์รี่ จดทะเบียนเครื่องหมายการค้า เพื่อนำผ้าซับในบุลงในเสื้อเทรนช์โค้ต

ปี 1937

เป็นครั้งแรกที่เบอร์เบอร์รี่ เป็นสปอนเซอร์เสื้อผ้าให้กับ Arthur Clouston และ Betty Kirby-Green (ทหารอากาศ) ซึ่งทั้งคู่ได้สวมชุดของเบอร์เบอร์รี่ ขณะเดินทางจากครอยดอนไป เคปทาวน์ โดยเครื่องบินนั้นชื่อว่า “The Burberry”

ปี 1940

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เบอร์เบอร์รี่ได้จัดหาเครื่องแต่งกาย และอุปกรณ์ทางทหาร รวมถึงเทรนช์โค้ต ให้กับกองทัพอังกฤษ รวมทั้งกองทัพทางอากาศ (RAF), กองราชนาวี , Royal Pioneer Corps, Cadet Training Unit (OCTU) และ Auxiliary Territorial Service (ATS) รวมถึง หน่วยงานฝ่ายผู้หญิงทั้งหมด

แม้จะมีเงื่อนไขที่เข้มงวดที่เกิดจากสงคราม แต่เบอร์เบอร์รี่เองก็ยังจัดหาเครื่องแต่งกายให้เรื่อยมา ในช่วงปี 1940 รวมทั้งยังจัดหา โอเวอร์โค้ทกันน้ำทั้งผู้ชายและผู้หญิง อีกทั้งในช่วงนั้นแบรนด์ยังปรับ ผลิตภัณฑ์เพื่อให้เข้ากับช่วงสงครามอีกด้วย

ปี 1955

สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร ทรงประทาน royal warrant  ให้กับ เบอร์เบอร์รี่ ในฐานะผลิตภัณฑ์ที่ ทนแดดและทนฝน

ปี 1964

ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เบอร์เบอร์รี่ได้รับให้เป็นผู้จัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการในการขาย เครื่องแต่งกายของนักกีฬาหญิง ของประเทศอังกฤษทั้งหมด

ปี 1990

เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ เจ้าชายแห่งเวลส์ ได้ประทาน royal warrant ในฐานะช่างตัดเสื้อ

ปี 2000

เบอร์เบอร์รี่ เปิดร้านสาขาแรกบนถนนบอนด์สตรีท ในกรุงลอนดอน สะท้อนให้เห็นถึงสถานะของแบรนด์ ในฐานะที่เป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์หรูระดับโลก

ปี 2002

เดือน กรกฎาคม เบอร์เบอร์รี่ จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และเปิดให้ประชาชนได้ซื้อหุ้นใหม่ครั้งแรก

ปี 2004

เปิดตัวเว็บไซต์ครั้งแรกในสหรัฐอเมริกา

ปี 2006

เปิดตัวเว็บไซต์ในสหราชอาณาจักร

ปี 2008

เบอร์เบอร์รี่ร่วมทุนเพื่อสร้าง Burberry ตะวันออกกลาง (BME) โดยสำนักงานใหญ่อยู่ในดูไบ

เปิดตัว มูลนิธิองค์กรการกุศลที่อุทิศตนเพื่อช่วยให้เยาวชนตระหนักถึงความฝันและศักยภาพของพวกเขาผ่านความคิดสร้างสรรค์ และมอบกำไร 1% ก่อนหักภาษีเพื่อบริจาคให้กับองค์กรการกุศลที่จัดตั้งขึ้น

ปี 2009

ในคอลเลคชั่น Spring/Summer ปี 2010 เบอร์เบอร์รี่ได้มีการจัดแฟชั่นโชว์โดยย้ายจากลอนดอนไปมิลาน เพื่อเป็นเครื่องหมายครบรอบ 25ปี ลอนดอนแฟชั่นวีค และแฟชั่นโชว์นี้ยังมีการถ่ายทอดสดไปทั่วโลกเพื่อเป็นการแบ่งปันประสบการณ์เต็มรูปแบบของแฟชั่นโชว์ และเป็นครั้งแรกของเบอร์เบอร์รี่อีกด้วย

ปี 2010

เบอร์เบอร์รี่เป็น ลักชัวรี่แบรนด์แรกที่เข้าร่วม Ethical Trading Initiative (มาตรฐานจริยธรรมพื้นฐานทางการค้า)

เบอร์เบอรี่ทำกิจการร่วมค้า กับบริษัท Genesis Colors ของประเทศอินเดีย

ปี 2011

ทำกิจการร่วมค้า กับบริษัท Fawaz Abdulaziz Alhokair & Co ในประเทศซาอุดิอาราเบีย

เปิดตัว Burberry.com ให้บริการ 44 ประเทศใน 11 ภาษาที่แตกต่างกัน และเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าถึงจาก iPad, iPhone และอุปกรณ์มือถืออื่นๆ

ปี 2012

เปิดตัวช็อป ที่ 121 รีเจ้นท์ สตรีท กรุงลอนดอน

ปี 2014

ในปีนี้ The Prorsum แฟชั่นโชว์ คอลเลคชั่นสำหรับผู้ชาย ในช่วง สปริง/ซัมเมอร์ ได้ถูกย้ายจากมิลานกลับมาที่กรุงลอนดอน อีกครั้ง 

ปี 2015

เปิด flagship store cafe ที่ รีเจ้นท์ สตรีท กรุงลอนดอน

ปี 2016

เปลี่ยนแฟชั่นโชว์จาก 4 ครั้งเป็น 2 ครั้ง รวมถึงรวมแฟชั่นโชว์ทั้งชายและหญิงเข้าด้วยกัน นอกจากนี้ เสื้อผ้าที่อยู่ในแฟชั่นโชว์ยังวางขายทั้งออนไลน์และในสโตร์ทันทีหลังจากจบแฟชั่นโชว์

ปี 2017

Julie Brown นั่งตำแหน่ง Chief Operating และ Financial Officer ส่วน Marco Gobbetti นั่งตำแหน่ง Chief Executive Officer

ปี 2018

Riccardo Tisci ทำหน้าที่ในตำแหน่ง Chief Creative Officer

เปลี่ยนโฉมโลโก้ และลายโมโนแกรม ทั้งหมด

 

ปรับโฉมทั้งโลโก้ และลายโมโนแกรมครั้งนี้ของ Burberry ครั้งนี้เรียกได้ว่า พลิกโฉมไปเลยก็ว่าได้แต่จะปังหรือแป๊ก ก็มิอาจรู้ได้ แพรวดอทคอมก็รอดูวันเปิดตัวสินค้าอย่างเป็นทางการ ว่ายอดซื้อจะถล่มทลายหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ ใครมีลายตารางคลาสสิคแบบเก่า ต้องเก็บขึ้นหิ้งไว้ด่วนๆ เลยนะจ๊ะ เพราะราคาเขาพุ่งแน่นอน

 

ภาพและข้อมูล : www.burberryplc.com

 

 

 

 

 

 

 

รัชกาลที่ 10

สว่างไสว พสกนิกรร่วมจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคลในหลวง รัชกาลที่ 10

Alternative Textaccount_circle
รัชกาลที่ 10
รัชกาลที่ 10

พสกนิกรจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 66 พรรษา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ 10

 รัชกาลที่ 10

บรรยากาศที่ มณฑลพิธี ท้องสนามหลวง 

เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2561 ที่มณฑลพิธี ท้องสนามหลวง ได้มีการจัดกิจกรรมเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 66 พรรษา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร

 รัชกาลที่ 10

โดยในช่วงเช้าที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานนำคณะรัฐมนตรี องคมนตรี ส่วนราชการ และประชาชน ร่วมพิธีทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศลแด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทั้งนี้ได้มีการอัญเชิญพระพุทธรูป พระพุทธบรมมหาจักรีศรีภูมิพลมหาราช และนิมนต์พระสงฆ์ สมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะ ประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์ หลังจากนั้นสมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะ พระสงฆ์ และสามเณร 670 รูปจากวัดต่างๆ ในกรุงเทพฯ รับบิณฑบาต โดยมีการจัดกิจกรรมโดยพร้อมเพรียงกันทั่วประเทศ ส่วนภูมิภาคจัดที่ศาลากลางจังหวัด

ต่อมานายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน สนองพระมหากรุณาธิคุณ โดยกล่าวว่า จะประพฤติปฏิบัติตนเป็นข้าราชการที่ดี มีความซื่อสัตย์สุจริต จะมุ่งมั่นแก้ไขปัญหาของประเทศชาติและประชาชน สร้างสรรค์คุณประโยชน์ให้แก่แผ่นดิน และดำเนินชีวิตโดยยึดมั่นในหลักธรรมคำสอนของศาสนา ตามแนวทางที่ได้พระราชทานไว้ตลอดไป

โดยในวันนี้ประชาชนทั่วประเทศได้พร้อมใจใส่เสื้อเหลืองซึ่งเป็นสีประจำวันพระราชสมภพของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยในกรุงเทพมหานครประชาชนเป็นจำนวนมากได้เดินทางหลั่งไหลไปที่มณฑลพิธี ท้องสนามหลวง เพื่อร่วมใจกันจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 66 พรรษา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ 10

และถึงแม้ในช่วงเย็นวันนี้จะมีสายฝนโปรยปรายลงมาแต่ประชาชนก็ไม่ไปไหน เพื่อแสดงความจงรักภักดีและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ

ทั้งนี้ในเวลา 19.20 น. นายกรัฐมนตรีได้ถวายเครื่องราชสักการะ และได้นำประชาชนกล่าวคำสดุดีเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมทั้งนำประชาชนร้องเพลง สดุดีมหาราชา และ สดุดีจอมราชา อย่างกึกก้องและพร้อมเพรียงกันทั่วประเทศ ขณะที่เมื่อเพลงจบประชาชนก็พร้อมใจกันเปล่งเสียง “ทรงพระเจริญ” กึกก้องท่ามกลางแสงเทียนที่สว่างไสวไปทั่วมณฑลพิธี ท้องสนามหลวง

 รัชกาลที่ 10

พสกนิกรร่วมจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร

 รัชกาลที่ 10

สำหรับพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคลนั้นถือว่าเป็นพิธีสำคัญที่ประชาชนชาวไทยทั้งในประเทศ-ต่างประเทศได้ร่วมใจกัน น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงคำนึงถึงความอยู่ดีมีสุขของประชาชนเป็นสำคัญ ด้วยพระราชปณิธานและพระราชประสงค์ที่จะทรงรักษาต่อยอดโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ที่ทรงบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้ประชาชนชาวไทยตลอดมา

 รัชกาลที่ 10

นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นำประชาชนกล่าวคำสดุดีเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว


ภาพจาก : โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย

เรียบเรียงโดย : snowblack_แพรวดอทคอม

เมียหลวง

“บี-มารี” เมียหลวง เมียน้อย แห่งปี 2018 ควงแขนเปิดใจ

Alternative Textaccount_circle
เมียหลวง
เมียหลวง

จับเข่าคุย 2 สาว เมียหลวง เมียน้อย แห่งปี 2018 “บี-น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์” และ “มารี เบิร์นเนอร์” กับบทบาทสุดแซ่บที่ได้รับในละครเรื่อง เมีย2018

เมียหลวง

กำลังฮ็อตเลย สำหรับละครเรื่อง เมีย2018 ซึ่งแต่ละตอนนั้นแซ่บสุดๆ เข้าถึงอารมณ์คนดูจนทำให้ละครเรื่องนี้เรตติ้งพุ่งทะยานสูง ล่าสุดเมียหลวง อย่าง “อรุณา” หรือ “บี-น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์” ได้สงบศึกชั่วคราวกับ เมียน้อย “กันยา” หรือ “มารี เบิร์นเนอร์” มาพูดคุยในรายการ คุยแซ่บ Show ทางช่อง one31 ที่มี พีเค ปิยวัฒน์ และ หนิง ปณิตา เป็นพิธีกร ถึงเรื่องละครแห่งปี 2018

กระแสตอบรับจากผู้ชมเป็นอย่างไรบ้าง?

มารี : ค่อนข้างรุนแรงเยอะมากๆ คือเป็นกระแสตอบรับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเจอมาเลย บางคนไดเร็ค แมสเสจมาด่าเลยค่ะ แบบส่งรูปเท้ามาอะไรแบบนี้ บางทีเขาอาจจะอินเกินไปโดยที่ไม่ได้แยกแยะว่าใครคือมารีใครคือกันยาหรือเปล่า

บี : สำหรับ “บี” ดีมากเลยค่ะ ละครเรื่องนี้ถ่ายไปออนไป แล้ววันก่อนไปถ่ายที่ตลาด ก็มีแบบแม่ค้า, แม่บ้านเดินมาบอกว่าโดนมาก นี่เป็นชีวิตพี่ตอนนี้เลย แต่พอดูเรื่องเราแล้วมันเป็นแบบอย่างที่จะทำให้เขาดูสตรองขึ้น แล้วก็ผ่านพ้นเรื่องนี้ไปได้ เราก็ดีใจค่ะ

เมียหลวง

ถือว่าเป็นผลงานที่ทำให้เราประสบความสำเร็จกับการแสดงไหม?

มารี : หนูว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น ก็สนุกดีและได้กระแสตอบรับกลับเยอะมาก เราก็คิดอีกมุมหนึ่งคือเราเล่นดีจนเขาอินแบบต้องมาด่า ทนไม่ได้กับอะไรแบบนี้ จริงๆ ตัวเองก็ยังไม่เคยเล่นร้ายมาก่อน อันนี้เป็นเรื่องแรกที่เล่นเป็นตัวร้ายเลยค่ะ

เคยคิดมากก่อนไหมว่าถ้ามาเล่นร้ายแล้วจะเกิดแบบนี้?

มารี : คืออาจจะมีคาดหวังไว้บ้างว่ากระแสตอบรับจากผู้ชมอาจจะเยอะ แต่ก็ไม่ได้คิดว่ามันจะยิ่งใหญ่ขนาดนี้ แต่จริงๆ บทนี้ก็เป็นบทที่อยากจะเล่นมาสักพักแล้ว เราอยากจะลองเล่นร้ายดู รู้สึกว่ามันน่าจะสนุกแล้วก็เป็นตัวละครที่สามารถปลดปล่อยอารมณ์ได้เต็มที่

เมื่อรู้ว่าต้องมาเล่นกับ “บี-น้ำทิพย์” รู้สึกเกร็งบ้างไหม?

มารี : ก็ตอนแรกก็ตื่นเต้นค่ะ ตอนที่ยังไม่เจอกันนะ แล้วก็แบบดูหนังของพี่บีมา เราก็กลัว แอบคิดว่าจะสู้เขาได้ไหม หมายถึงว่าในฉาก อินเนอร์เราจะมาเต็มเท่าเขาได้ไหม แต่กลับกลายเป็นว่าพอพี่บีส่งมาเต็ม มันก็มาเอง ก็กลายเป็นตอบกลับได้แบบพี่บีส่งมาดี ต้องยกเครดิตนี้ให้พี่บีด้วยค่ะ

บี : จริงๆ ตัวบีเองก็คิดว่าน้องเขาก็เล่นดี เข้าฉากกันครั้งแรกก็รู้สึกเลยว่าเขามีความตั้งใจจริงๆ จากแววตาของเขา เรารู้สึกได้เลยว่า คนนี้เขาทำการบ้านมา แล้วก็เล่นเต็มที่อะไรแบบนี้ค่ะ

เมียหลวง

คิดว่าฉากไหนที่ตัวเองแสดงเล่นยากสุด?

บี : จริงๆ ยากที่สุดเกือบทุกฉากนะสำหรับบี เพราะว่าตัว “บี” กับ “อรุณา” มันคนละแบบเลยค่ะ ตัวละครกับชีวิตจริงเราไม่ใช่สายนี้ บีเป็นสายเหวี่ยงค่ะ แต่ “อรุณา” จะรู้สึกอึดอัดค่ะ เวลาเกิดเรื่องก็ต้องสูดลมหายใจลึกๆ ก่อนอะไรแบบนี้ เราก็ต้องทำการบ้านตีโจทย์ให้แตก แล้วก็มีคุยกับผู้กำกับด้วยว่าเขาอยากได้แบบไหน นิยามคิดว่าให้เป็น “อรุณา”ให้ได้ คิดว่าถ้าเจอเหตุการณ์แบบนี้ เจอเหตุการณ์ที่เขานอกใจเรา เราจะทำยังไง เราจะเอาเขากลับมาไหม หรือเราจะไปเหวี่ยง คือต้องคิดแบบเป็น “อรุณา” จริงๆ

มารี : ต้องบอกว่า “กันยา”กับ “มารี” มีนิสัยที่ห่างกันมาก อาจจะใกล้เคียงกันบ้างในเรื่องของการที่มีอะไรมากระแทกใจแล้วระเบิด แบบโกรธก็คือโกรธ เสียใจก็เสียใจ แต่ว่าในเรื่องของความถูกต้อง ค่อนข้างต่างกันมาก คือเราเป็นคนที่ถ้าเจอผู้หญิงแบบนี้แล้วแอนตี้ แล้วเราจะสู้กับเขาด้วยอารมณ์ที่แบบอาจจะแรงเท่าเขาก็ได้

เห็นว่า บี มีกระแสดราม่าเรื่องทรงผมในละคร ทำไมถึงเป็นแบบนี้?

บี : คือจริงๆ แล้วด้วยบท เขาเขียนมาว่า เหมือน “อรุณา” อยากเปลี่ยนชีวิตตัวเอง ซึ่งในเรื่องสามีเราจะไม่ชอบคนผมสั้น แล้ว “อรุณา” ก็จะคิดแบบว่าโอเคถ้าวันนี้ฉันไม่มีเธอขอตัดผมสั้นก็แล้วกัน เราก็เลยต้องไปหาทรงว่าผมสั้นทรงไหนที่จะเหมาะกับ “บี” และตรงกับคาแร็คเตอร์ “อรุณา” ซึ่งกว่าจะได้ทรงนี้ก็หากันมาหลายทรงมาก เพราะทุกอย่างอยากให้ออกมาแนบเนียนที่สุด ตอนแรกถ้าไม่ติดละครอีกเรื่อง “บี” อยากตัดให้เลย เพื่อที่จะได้ถ่ายเต็มที่ ให้มันจริงไปเลย แต่เมื่อไม่สามารถทำได้เลยมาใส่วิกอันนี้แทน

เมียหลวง

มารี เล่นเลิฟซีนกับ ป้อง ณวัฒน์ เป็นยังไงบ้าง?

มารี : ตอนแรกก็มีเขินบ้างว่าแบบจะอะไรยังไง ขนาดไหน เพราะในบทมันก็แค่บทในกระดาษ แต่พอได้คุยกันกับพี่ป้องก็เลยแบบคุยกันว่าทำยังไงให้แบบเหมือนเทคเดียวผ่านอะไรแบบนี้ พอเล่นจริงๆ ก็เทคเดียวค่ะ

คิดว่าการเป็นภรรยาในแบบ เมีย 2018 ต้องมีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง?

บี : คงต้องเป็นผู้หญิงที่ เข้มแข็ง อดทน มีความเด็ดเดี่ยว ไม่ยอมแพ้ เมื่อเจออุปสรรคอะไรก็ตามจะต้องฝ่ามันไปให้ได้ ขอแค่เราอย่ายอมแพ้กับสิ่งที่มันเกิดขึ้นค่ะ

มารี : คิดว่าต้องเป็นผู้หญิงที่มีจุดยืนของเขา คือมีขอบเขตที่เขาสบายใจแค่ไหน เขารับอะไรได้แค่ไหน แล้วก็ไม่กลัวการที่จะหลบออกไป ถ้าเกิดเจออะไรที่หนักหนาหรือว่ารับไม่ได้จริงๆ การที่เราแต่งงานหรือฝากชีวิตไว้กับใครแล้ว สุดท้ายเราก็ต้องมีการเผื่อใจไว้ด้วย เพราะไม่ว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ค่ะ

สำหรับละครเรื่อง เมีย2018 ก็ดำเนินเรื่องมาถึงโค้งสุดท้ายแล้ว บอกเลยว่ากำลังเข้มข้นมากๆ แฟนๆ สามารถติดตามชมกันได้ ทุกคืนวันจันทร์-อังคาร เวลา 21.30 น. ทางช่องวัน 31


 

รองเท้าแบรนด์ดัง

Recommend! 10 รองเท้าแบรนด์ดัง ดีไซน์เก๋ที่ซีซั่นนี้ต้องมีติดตู้

รองเท้าแบรนด์ดัง
รองเท้าแบรนด์ดัง

รองเท้าแบรนด์ดัง ทยอยกันออกดีไซน์ใหม่ๆ ให้เลือกกันแทบไม่ทัน แต่เชื่อว่าเลือดนักช้อปของสาวๆ ก็ไม่มีทางปล่อยให้คอลเล็คชั่นเด็ดๆ ผ่านตาไปเฉยๆ อย่างแน่นอน มันต้องโดนสักคู่สองคู่ถึงจะสบายใจ และช่วงนี้เทรนด์ที่กำลังมาก็คือรองเท้าส้นเตี้ยแบบ Flats ที่มาจากหลากหลายแบรนด์ เพราะเป็นรองเท้าที่ใส่สบาย แต่ยังดูมีสไตล์ และสามารถใส่ได้กับทุกอย่างในตู้เสื้อผ้าของสาวๆ จึงทำให้เป็นรองเท้าที่ได้รับความโปรดปรานจากหลายคนไม่น้อย

วันนี้แพรวดอทคอมเลยนำรองเท้าส้นเตี้ยมาแนะนำกันถึง 10 แบรนด์ด้วยกัน แต่ละคู่มีเอกลักษณ์และดีไซน์ที่ต่างกัน สาวๆ สามารถเล็งคู่ที่ชอบ แล้วพุ่งตัวไปช้อปปิ้งได้เลย เพราะรองเท้าที่เราเลือกมานี้ จะทำให้คุณหลงรัก จนอยากจะเป็นเจ้าของเลยแหละ

 

10 รองเท้าแบรนด์ดัง ดีไซน์เก๋ที่ซีซั่นนี้ต้องมีติดตู้

 

รองเท้าจาก Loeffler Randall รุ่น Beatrix Loafer มีความหรูหราและสามารถใส่ไปได้ทุกที่ มาในราคา $395 หรือประมาณ 13,127 บาท

 

รองเท้าแบรนด์ดัง

รองเท้าสีดำเรียบๆ สามารถเข้าได้กับทุกลุค จาก Michael Kors รุ่น Eliza Slingback Flat ราคา $120 หรือประมาณ 3,988 บาท

 

คู่นี้ถึงจะเป็นรองเท้าสีขาว แต่มีลูกเล่นทำให้ไม่น่าเบื่อ จาก Malone Souliers รุ่น Amelie Flat Mule ราคา $525 หรือประมาณ 17,448 บาท

 

รองเท้าโทนสีฟ้าสุภาพ ดีไซน์หรูจาก Stuart Weitzman รุ่น Vega Loafer ราคา $445 หรือประมาณ 14,789 บาท

 

 

คู่นี้สวยมากกกก รองเท้าลายเสือดาวมีส้นเล็กน้อย จาก Halogen รุ่น Violet Genuine Calf Hair Mule ราคา $65 หรือประมาณ 2,160 บาท

 

 

คู่นี้น่ารักสุดๆ สีแดงตัดกับโบว์สีชมพูก็ดูเก๋จาก Louise et Cie รุ่น Cela Bow Slide ราคา $85 หรือประมาณ 2,824 บาท

 

รองเท้าเป็นหนังมันเงา สกรีนชื่อแบรนด์ตรงสายรัดข้อเท้าจาก Givenchy รุ่น Rivington Slingback Mule ราคา $550 หรือประมาณ 18,279 บาท

 

รองเท้าคู่นี้จะทำให้ลุคของคุณไม่จำเจและดูแพงจาก Sarto by Franco Sarto Topaz Flat  ราคา $85 หรือประมาณ 2,824 บาท

 

 

สีขาวเรียบๆ ก็สามารถใส่ได้กับหลายลุค Sam Edelman รุ่น Raya Slingback Flat  ราคา $100 หรือประมาณ 3,323 บาท

 

รองเท้าสีชมพูหวาน ถูกเติมความเท่ด้วยหมุดสีเงินจาก Rebecca Minkoff รุ่น Chamille Studded Mule ราคา $150 หรือประมาณ 4,985 บาท


ภาพและที่มา : www.popsugar.com

เชฟปั๊วะแน่! 4 ทริคลับลวงพรางหุ่น ฉบับ “หน่อย-บุษกร” เจ้าแม่แฟชั่นแห่ง Celeb Blog

Alternative Textaccount_circle

แพรวดอทคอมเชื่อว่า บรรดาสาวๆ เอวหนา ขาสั้น สะโพกสลาตันจะต้องเลิฟ Celeb Blog อีพีนี้ของ “หน่อย-บุษกร วงศ์พัวพันธ์” กันอย่างแน่นอน เพราะแฟชั่นนิสต้าอย่างพี่หน่อยขอเอาใจสาวๆ ที่มีรูปร่างไม่เป๊ะ แต่ก็อยากใส่เสื้อผ้าออกมาแล้วสวยปัง ด้วยการเผยเทคนิคในการพรางรูปร่าง พร้อมมิกซ์แอนด์แมตช์ไอเท็มต่างๆ ให้ดูกันอย่างสนุกสนาน ซึ่ง 4 ทริคลับลวง พรางหุ่น ฉบับพี่หน่อยจะง่ายดายขนาดไหน ตามไปดูกันเลยค่ะ

เชฟปั๊วะแน่! 4 ทริคลับลวง พรางหุ่น ฉบับ “หน่อย-บุษกร” เจ้าแม่แฟชั่นแห่ง Celeb Blog

 

เอวหนาพุงโต

เดรสทรงปล่อย สไตล์หลวมๆ ที่ไม่รัดรูปหรือดูใหญ่โคร่งจนเกินไป ช่วยอำพรางเอวหนาๆ หรือพุงโตๆ ของสาวๆ ได้เป็นอย่างดี เพราะเป็นการลดจุดสนใจให้กับช่วงเอว แถมยังใส่สบาย ไม่ว่าสาวๆ จะกินจุจนแน่นพุงแค่ไหนก็ไม่มีใครจับได้แน่นอน


 

เอวไม้กระดาน

สำหรับสาวๆ ที่มีเอวหนาหรือเอวตรงทื่อเหมือนไม้กระดาน สามารถสร้างเอวเอสได้ง่ายๆ ด้วยการตกแต่งช่วงเอวด้วยเข็มขัดหรือเชือกผูกเอว นอกจากนี้เข็มขัดเส้นใหญ่ๆ สไตล์วินเทจยังเป็นไอเท็มที่ช่วยหลอกตาให้เอวดูเล็กมากยิ่งขึ้นได้อีกด้วย


 

สะโพกใหญ่

สะโพกหนาสลาตันเป็นอีกหนึ่งปัญหารูปร่างที่ทำให้สาวๆ ขาดความมั่นใจ แต่ก็สามารถอำพรางได้ง่ายๆ ด้วยการเลือกกางเกงหรือกระโปรงให้เหมาะสม สำหรับกางเกงควรมีขนาดพอดีตัว ไม่เล็กหรือไม่ใหญ่จนเกินไป และไม่มีกระเป๋าหรือลวดลายช่วงสะโพกเด็ดขาด ส่วนกระโปรงควรเลือกเป็นกระโปรงทรงตรง ทรงเอ หรือทรงสอบที่ไม่รัดรูปมากนัก


 

ขาสั้น

การเลือกรูปแบบรองเท้าสามารถช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับสาวๆ ที่มีปัญหาขาสั้นจนดูตันได้ อย่างแรกคือควรเลือกเป็นรองเท้าส้นสูง เพราะนอกจากจะช่วยเพิ่มความสูงได้โดยอัตโนมัติแล้ว ยังช่วยพรางตาให้เรียวขาดูยาวขึ้น แต่สำหรับสาวๆ ที่ไม่ถูกจริตกับรองเท้าส้นสูงเอาเสียเลย ทั้งนี้ขอแนะนำว่าอาจเลือกเป็นรองเท้าส้นเตี้ยก็ได้ แต่ต้องเป็นทรงหัวแหลม เพราะจะช่วยทำให้ขาดูเรียวยาว และที่สำคัญคือช่วงเท้าของสาวๆ ก็จะดูเรียวยาวสมส่วนกับช่วงขาอีกด้วย


 

นอกจากทริคเด็ดๆ ในการพรางหุ่นให้ปั๊วะแล้ว พี่หน่อยยังมีความสนุกในการแต่งตัวเก๋ๆ มาฝากสาวๆ กันอีกเพียบ สามารถติดตามคลิปฉบับเต็มต่อได้ที่ด้านล่างนี้เลย

 


 

ติดตามเรื่องราวอื่นๆ ของ หน่อย-บุษกร ได้ที่

นี่สิ! นักแสดงคุณภาพตัวจริง หน่อย-บุษกร Real Star…So Shine

ส่องแฟชั่นแก๊งนางแบบหลักสี่ ‘หน่อย อุ๋ม หมิว’ สไตล์นี้อยู่มาทุกยุค!

 

แม่สามีในฝัน

นี่สิใช่เลย! 5 แม่สามีในฝัน เอ็นดูสะใภ้เหมือนลูกอีกคน

Alternative Textaccount_circle
แม่สามีในฝัน
แม่สามีในฝัน

นี่สิใช่เลย 5 แม่สามีในฝัน ใจดีเอ็นดูสะใภ้เหมือนลูกอีกคนหนึ่ง จบปัญหาโลกแตกกก! แม่ผัว-ลูกสะใภ้อยู่ร่วมชายคาเดียวกันไม่ได้

ปัญหาแม่ผัว-ลูกสะใภ้เป็นเรื่องที่หลายครอบครัวหนีไม่พ้น บางครั้งถึงกับอยู่ร่วมบ้านกันไม่ได้ก็มีให้เห็นมากมาย ในขณะที่บางส่วนถึงจะไม่มีปัญหาหนัก แต่ก็กลายเป็นความไม่ลงรอยกันแบบถาวร เพราะเลือกที่จะไม่พูดคุยกัน ซึ่งสาวๆ หลายคนก็เปรียบเทียบว่า การมีสามีที่ดีเหมือนกันการถูกสลากกินแบ่งรางวัลที่ 1 แต่การที่ได้แม่สามีที่เอ็นดูด้วยก็เหมือนถูกรางวัลที่ 2 นั่นแหละ น้อยคนนักที่จะโชคดีถูกทั้งรางวัลที่ 1 และรางวัลที่ 2

ในวงการบันเทิงเองมีข่าวในทำนองนี้ออกมาบ่อย แต่ในทางกลับกันก็มีสาวๆ บางส่วนที่โชคดีที่ได้รับความรักและเอ็นดูจนเหมือนลูกอีกคนหนึ่ง วันนี้ แพรวดอทคอม เลยจะมาขอเปิดเผยรายชื่อ 5 แม่สามีในฝัน ที่ดีกับลูกสะใภ้จนเป็นที่อิจฉาตาร้อนกันทั้งเมือง


1.คุณแม่ดร.สิริพร อัลภาชน์ ณ ป้อมเพชร

แม่สามีในฝัน

เรียกว่าเป็นคุณแม่ที่ได้รับเสียงชื่นชมและมีแฟนคลับมากที่สุดในตอนนี้เลยก็ว่าได้ สำหรับ “ดร.สิริพร อัลภาชน์ ณ ป้อมเพชร” คุณแม่ของหนุ่ม “มิกกี้-นนท์ อัลภาชน์ ณ ป้อมเพชร” หวานใจของนางเอก “เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ” ที่กำลังจะจูงมือเข้าประตูวิวาห์กันในเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งก่อนที่จะถึงงานมงคล ทั้งสองต้องเผชิญกับมรสุมข่าวมากมาย โดยเมื่อวันที่ 25 มิ.ย. 2561 ก็ได้เกิดประเด็นขึ้นเมื่อ “เจนี่” มีข่าวลือออกมาว่าช่วงเวลาที่ทั้งสองคบกันนั้น ฝ่ายชายยังไม่ได้เลิกรากับแฟนเก่า งานนี้ “มิกกี้” ได้ออกมาอธิบายและปกป้อง “เจนี่” ขณะที่คุณแม่ก็ร่วมเคียงข้างคู่รักประกาศว่า “ถ้าท่านไหนมีประเด็นเรื่องนี้อีกให้มาคุยกับคุณพ่อและคุณแม่แทนนะคะ”


2. คุณแม่อุไรวรรณ หาญอุดมสุข

แม่สามีในฝัน

หากพูดถึงคุณแม่สามีที่ให้ความรักและเอ็นดูลูกสะใภ้มากๆ คงขาดตกชื่อนี้ไม่ได้ สำหรับ “คุณแม่อุไรวรรณ หาญอุดมสุข” คุณแม่ของ “น็อต-วิศรุต รังสีสิงห์พิพัฒน์” สามีนักธุรกิจของนางเอก “ชมพู่-อารยา เอ ฮาร์เก็ต” โดยในสมัยที่ยังเป็นแฟนกับ “น็อต” นางเอกสาวก็ทำหน้าที่พาคุณแม่ไปช้อปปิ้งได้แบบไม่ต้องมีลูกชายอยู่ด้วย ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เมื่อ “ชมพู่” มีผลงานอะไรออกมาคุณแม่มักจะสนับสนุนเธอด้วยการไปให้กำลังใจข้างๆ เวทีเสมอ ทั้งนี้เรายังได้เห็นถึงความรักและความห่วงใยของคุณแม่ที่มีต่อ “ชมพู่”อย่างชัดเจน ผ่านรายการสามแซ่บที่ไปเกาะติดการคลอดลูกของนางเอกซูเปอร์สตาร์ ซึ่งในรายการนี้คุณแม่ได้เปิดเผยว่ารู้สึกภาคภูมิใจในตัวลูกสะใภ้คนนี้เป็นอย่างมาก


3. คุณแม่ปุ๊ก-อาภัสรา หงสกุล

แม่สามีในฝัน

ส่วนคุณแม่คนนี้นอกจากจะเป็นขวัญใจของชาวไทยแล้ว ยังเป็นขวัญใจของลูกสะใภ้ด้วยสำหรับ “คุณแม่ปุ๊ก-อาภัสรา หงสกุล” คุณแม่คนสวยดีกรีนางงามจักรวาลของ “ป๊อก-ภัสสรกรณ์ จิราธิวัฒน์” สามีสุดรักของนางเอก “มาร์กี้-ราศรี บาเล็นซิเอก้า” ด้วยความที่คุณแม่ของ “มาร์กี้”เป็นเพื่อนกับ “แม่ปุ๊ก” มานานจึงได้เห็นนิสัยใจคอลึกซึ้งและเกิดความรักความเอ็นดู ทั้งนี้ก่อนที่จะแต่งงานคุณแม่ยังยกสปาให้ “มาร์กี้”ดูแลร่วมกับลูกชายอีกด้วย นอกจากนี้ในวันแต่งงาน “คุณแม่ปุ๊ก” ยังสวมกอดลูกสะใภ้จนน้ำตาคลอเลยทีเดียว


4.คุณแม่มัลลิการ์ หลีระพันธ์

แม่สามีในฝัน

ถึงจะเป็นครอบครัวใหญ่แต่สะใภ้อย่าง “นุ้ย-สุจิรา อรุณพิพัฒน์” ก็เข้ากันได้ดีกับ “คุณแม่มัลลิการ์ หลีระพันธ์” ทุกครั้งที่ออกรายการเธอมักชื่นชมคุณแม่อยู่เสมอ “นุ้ย”บอกว่าคุณแม่เป็นคนน่ารัก แม้จะเป็นผู้ใหญ่แต่ก็เข้าใจเด็ก และตั้งแต่เข้ามาเป็นสมาชิกในครอบครัวคุณแม่ก็ดูจะเอ็นดูนุ้ยเพิ่มขึ้น และยังบอกให้ลูกชายเรียนรู้และเข้าใจภรรยาคนเก่งคนนี้อีกด้วย


5.ดร.มาลีรัตน์ คุนผลิน

แม่สามีในฝัน

แม่สามีในฝัน

“ดร.มาลีรัตน์ คุนผลิน” คุณแม่ของ “อั๋น-ภูวนาท คุนผลิน” ถึงจะไม่ได้มีโอกาสออกสื่อบ่อยแต่ความใจดีของคุณแม่ได้เปล่งประกายผ่านรายการ “อั๋นจ๋าเดอะเรียลลิตี้” ถึงคุณแม่จะดูเข้มกับระเบียบ แต่เวลาพูดคุยกลับเข้ากันได้ดีกับสะใภ้ “จ๋า-อลิสา พันธุศักดิ์”  เห็นแบบนี้คุณแม่ยอมรับฟังทั้งยังพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้ของสะใภ้ ซึ่งเป็นคนคนต่างรุ่นได้น่าประทับใจมากๆ นับเป็นคุณแม่สามีที่ใจกว้างอย่างแท้จริง


 

COVER STORY : PRAEW ISSUE 934

เนื่องในมหามงคล วันเฉลิมชนมพรรษา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร คณะทีมงานนิตยสารแพรว ขอพระราชทานถวายพรชัยมงคล  ขอพระองค์ทรงพระเจริญ และเป็นมิ่งขวัญให้กับประชาชนชาวไทยตลอดไป ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม

 

ปัญหาใหญ่เวลาที่สาวๆ ต้องเดินทางคือ ต้องแบกข้าวของเครื่องใช้ จำพวกสกินแคร์ และเมคอัพไปเป็นกุรุส ยิ่งเดินทางไกลด้วยแล้ว ปวดเฮดเลยใช่ไหมคะสาวๆ จะไปแบบสวยๆ ทั้งที แต่กลับเป็นบ้าหอบฟาง ก็คงจะไม่เวิรค์เนาะ Beauty Pedia ฉบับนี้ มีเทคนิค มืออาชีพในการจัดกระเป๋าแบบไม่เวิ่นเว้อ และรู้ว่าอะไรที่จำเป็น หรือไม่จำเป็นต้องพกไป รู้เอาไว้ ทริปหน้ารับรองว่าสวยสมู้ท ไม่มีทุลักทุเล

อายุมากขึ้น ยิ่งต้องบำรุง ยิ่งบำรุงผิวเร็วมากเท่าไหร่ ผิวยิ่งมีสุขภาพดีมากเท่านั้น Beauty Secret มีเคล็ดลับดีๆ มาฝากกันอีกเช่นเคย จากคุณมิกกิ – ภัทรนันท์ สิทธินววิธ เอ็มดีสาววัย 28 ปีแห่งบริษัทยิ่งเจริญ โกลด์ แอนด์ จิเวลรี่ จำกัด เจเนอเรชั่นที่ 2 ของธุรกิจร้านทองและจิเวลรี่ ดีกรีปริญญาโท ด้าน MBA ที่ University of Leeds ประเทศอังกฤษ ต้องยอมรับว่าเธอสวยออร่า จนต้องเหลียวหลังเลยจริงๆ

เหล่าดีไซเนอร์มักได้แรงบันดาลในการดีไซน์เสื้อผ้ามาจากสิ่งของหรือสถานที่ต่างๆ เช่นเดียวกับ คริสเตียน ดิออร์ ที่เขานั้นได้แรงบันดาลใจในการดีไซน์เสื้อผ้าทุกชิ้นจากบ้านของเขาเอง “เพราะทั้งชีวิตและสไตล์ของผมล้วนได้รับอิทธิพลจากบ้านหลังนี้” คำกล่าวถึงบ้านหลังนี้ในอัตชีวประวัติของเขา แฟนๆ ของดิออร์ล้วนรู้ดีว่า มิสเตอร์ดิออร์มีความผูกพันอยู่กับวิลล่าสีชมพูในวัยเด็ก ของเขาที่สุด เพราะที่นี่เป็นมากกว่าที่อยู่อาศัย แต่เป็นดั่งขุมทรัพย์แห่งแรงบันดาลใจที่ดล บันดาลให้เกิดความมหัศจรรย์ในแต่ละคอลเล็คชั่นของดิออร์อย่างมากมาย

ใครว่าเดินตลาดแล้วจะแต่งตัวจัดจ้านไม่ได้ ขอบอกว่าไม่ได้เว่อร์ แต่ชีวิตประจำวันของสาวสวยเจ้าของ ฉายา “Coco Chanel เมืองไทย” นัท – จริยาวรรณ ธนกิจบวรพันธุ์ ใส่ชุดรันเวย์ไฮแบรนด์ไปเดินตลาดนัด เพื่อตามล่าหาสตรีทฟู้ดเจ้าอร่อย ไปเดินตลาด เยาวราช ซื้อกระเพาะปลา กานาฉ่าย สาหร่ายเส้นผม ฯลฯ ไปทำอาหาร เพราะนี่คือวิถีและไลฟ์สไตล์เจ้าของฉายา “โคโค่ ชาเนล เมืองไทย” จริงๆ เอ้ารู้แบบนี้ อย่าได้กลัวที่จะแต่งตัวให้สุดตามสไตล์ของเราเอง

มีแฟนเด็กแล้วงัย หัวใจกระชุ่ม กระชวยดีออก จากกระแสจากภาพยนตร์เรื่อง Something in the rain ทำเอาสาวรุ่นพี่่ ตกหลุมรักหนุ่มรุ่นน้องได้กรีดร้องกันบ้างหล่ะ โดยเฉพาะ สาวๆ ยุคใหม่ที่อยากลองคบเด็กขึ้นมากันเป็นแถวส่วนในชีวิตจริงจะเวิร์คหรือไม่ ก็คงแล้วแต่คู่ แต่จากที่ แพรว ไปกระแซะสำรวจและสอบถามมาให้จากบรรดาคู่รักต่างรุ่น ทั้งไทยและเทศ ผลออกมาล้วนอยู่ในฝั่งที่ยืนยันว่า หนุ่มรุ่นน้องนี่แหละ…ดีย์ก็แหม…ความรักก็คือความรัก อายุหาใช่อุปสรรคไม่

มะเร็งโรคร้ายที่หลาคนกลัวและขยาด แต่สำหรับท่านแม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต นั้นท่านเพียงแค่ยอมรับ แต่ไม่จำนน ตามอ่านเรื่องราวของท่านต่อได้ที่ ครั้งหนึ่ง กับเรื่องที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน

ห้ามพลาดกับแฟชั่นสวยๆ ที่พร้อมให้คุณอัพเดต รวมถึงเรื่องราวต่างๆ ที่อัดแน่นเต็มไปด้วยสาระอีกเช่นเคย ในนิตยสารแพรวฉบับ 934 ปักษ์ 10 กรกฎาคม 2561 ได้แล้วที่แผงหนังสือชั้นนำทั่วไป หรือ สั่งซื้อทางออนไลน์ได้ที่ https://www.naiin.com/

สุดซาบซึ้ง! น้ำพระทัยของในหลวงรัชกาลที่ 10 กษัตริย์ผู้ทรงปิดทองหลังพระ

Alternative Textaccount_circle

จากเหตุการณ์การค้นหาและช่วยเหลือ 13 ชีวิต นักฟุตบอลเยาวชนและโค้ชทีมหมูป่าอะคาเดมีแม่สาย ที่ติดอยู่ภายในวนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ภารกิจกู้ภัยครั้งใหญ่ที่สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ซึ่งจากเหตุการณ์นี้นอกจากจะแสดงให้เห็นถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของคนไทย และความมีน้ำใจจากคนทั่วโลกแล้ว ยังแสดงให้เห็นถึงน้ำพระทัยอันยิ่งใหญ่ของ “สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร” ในหลวงรัชกาลที่ 10 ซึ่งทรงคอยพระราชทานความช่วยเหลือต่างๆ อย่างเงียบๆ ตามพระนิสัยส่วนพระองค์ จนขนานพระนามได้ว่าเป็นกษัตริย์ผู้ทรงปิดทองหลังพระ ทั้งนี้หลายคนอาจไม่ทราบว่าพระองค์ทรงพระราชทานความช่วยเหลืออะไรบ้าง แพรวดอทคอมจึงขอน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณด้วยการรวบรวมน้ำพระทัยของพระองค์มาให้ทราบทั่วกัน

 

โรงครัวพระราชทาน

ตั้งแต่ช่วงแรกๆ ของภารกิจการค้นหา 13 ชีวิต สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใยและทรงติดตามการช่วยเหลืออย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดตั้งโรงครัวพระราชทาน เพื่อปรุงอาหารสำหรับแจกจ่ายให้กับผู้ปฏิบัติหน้าที่ ผู้ปกครองของผู้สูญหาย และสื่อมวลชน ซึ่งนับว่าสร้างทั้งพลังกายและพลังใจให้กับทุกคนที่ถ้ำหลวง


 

พระราชทานเสื้อกันฝน 2,000 ตัว

ภารกิจการค้นหา 13 ชีวิต ดำเนินท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายแทบจะตลอดเวลา ทำให้การค้นหายิ่งยากลำบากเป็นเท่าทวีคูณ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใยเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน จึงพระราชทานเสื้อกันฝนเป็นจำนวน 2,000 ตัว เรียกว่าช่วยสร้างขวัญและกำลังใจให้กับทุกคนที่ถ้ำหลวงเป็นอย่างมาก


 

พระราชทานหลอดไฟ LED

เป็นที่ทราบกันดีว่าภายในถ้ำหลวงนั้นมืดสนิท แสงสว่างจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเล็งเห็นถึงความยากลำบากของการปฏิบัติงานในข้อนี้ จึงพระราชทานหลอดไฟ LED ที่สามารถชาร์จไฟได้ สำหรับนำไปแขวนให้แสงสว่างภายในถ้ำหลวง


 

พระราชทานอุปกรณ์กู้ภัย

หลังจากภารกิจการค้นหา 13 ชีวิต สำเร็จ ทำให้โล่งใจไปได้ส่วนหนึ่ง แต่ภารกิจการช่วยเหลือยังคงดำเนินต่อไป ท่ามกลางแรงกดดันจากพายุฝน และปริมาณออกซิเจนในถ้ำที่เหลือน้อย สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงพระราชทานอุปกรณ์กู้ภัยต่างๆ เพื่อสนับสนุนเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติภารกิจการช่วยเหลือให้ทันท่วงที โดยทรงพระราชทานชุดดำน้ำ 30 ชุด ถุงดำ 2 กระสอบ ถุงซิปล็อค 2 กระสอบ กาต้มน้ำ 2 ตัว ปลั๊กไฟ 1 กล่อง เทปกาว 1 กล่อง และผ้าห่ม 1 โหล ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้ภารกิจการช่วยเหลือราบรื่นยิ่งขึ้น


 

พระราชทานถังอัดอากาศ

ถังอัดอากาศเป็นอุปกรณ์กู้ภัย 13 ชีวิตที่สำคัญและต้องใช้เป็นจำนวนมาก แม้จะไม่มีรายงานอย่างเป็นทางการถึงการพระราชทานจากสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่สิ่งนี้คือการปิดทองหลังพระของพระองค์อย่างแท้จริง เพราะเมื่อทรงทราบว่าในภารกิจเกิดความติดขัด หรือหาอุปกรณ์ใดไม่ได้ ก็ทรงจัดหามาพระราชทานให้แบบไม่ออกพระนาม อีกทั้งด้วยพระบารมีจึงทำให้จัดหามาพระราชทานได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย


 

ทรงแสดงความเสียพระทัยอย่างสุดซึ้งต่อการสละชีพของจ่าแซม

จากการเสียชีวิตระหว่างปฏิบัติหน้าที่ของ จ่าแซม-จ่าเอกสมาน กุนัน อดีตหน่วยซีลผู้เป็นวีรบุรุษถ้ำหลวง  สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงแสดงความเสียพระทัยอย่างสุดซึ้ง ด้วยการมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ พร้อมพวงมาลาหลวงพระราชทาน นอกจากนี้ยังทรงรับศพจ่าแซมไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ 7 วัน อีกทั้งยังรับสั่งให้ประกอบพิธีศพอย่างสมเกียรติ และรับสั่งให้ดูแลครอบครัวจ่าแซมอย่างดีที่สุด และสุดท้ายทรงเชิดชูเกียรติจ่าแซมด้วยการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานยศ นาวาตรี เป็นกรณีพิเศษ และพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นประถมาภรณ์ช้างเผือก เป็นกรณีพิเศษ


 

ทรงรับชาวต่างชาติที่ร่วมช่วยเหลือ 13 ชีวิต เป็นอาคันตุกะ

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงติดตามภารกิจการช่วยเหลือ 13 ชีวิตอยู่ตลอด ซึ่งนอกจากการพระราชทานความช่วยเหลือต่างๆ แล้ว ยังทรงเห็นถึงความยากลำบากและความเหน็ดเหนื่อยของผู้ปฏิบัติหน้าที่ทุกคน โดยเฉพาะชาวต่างชาติที่มีน้ำใจเดินทางมาช่วยเหลือจากทั่วทุกมุมโลก พระองค์จึงทรงตอบแทนน้ำใจดังกล่าวด้วยการรับสั่งให้ดูแลชาวต่างชาติที่ร่วมช่วยเหลือ 13 ชีวิตเป็นอย่างดี เมื่อเสร็จภารกิจแล้วให้พาท่องเที่ยว และทรงรับชาวต่างชาติที่ร่วมช่วยเหลือ 13 ชีวิต เป็นอาคันตุกะของพระองค์จนกว่าจะเดินทางกลับ


 

พระราชทานพระราชหัตถเลขา ทรงชื่นชมผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์

หลังจากภารกิจการค้นหาและช่วยเหลือ 13 ชีวิต สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงแสดงน้ำพระทัยเพื่อทรงชื่นชม นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา ในฐานะผู้บัญชาการศูนย์อำนวยการร่วมค้นหาผู้สูญหาย ในวนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ด้วยการพระราชทานพระราชหัตถเลขาความว่า “ได้ติดตามการปฏิบัติแล้ว น่าชื่นชมที่ได้เห็นข้าราชการผู้ใหญ่ ที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็ง อดทน และมุ่งมั่นในภารกิจเฉพาะหน้า ที่ยากและท้าทาย แสดงถึงความมีสติปัญญา และมีการตัดสินใจที่ดี และวิสัยทัศน์ที่ถูกต้อง และเป็นศูนย์กลางแห่งการประสานการปฏิบัติจนภารกิจลุล่วงด้วยดี และได้ทราบว่าเป็นข้าราชการที่มีคุณภาพ กล้าต่อสู้กับสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และในเวลาเดียวกันก็มุ่งมั่นที่สร้างความดีและความถูกต้องให้เกิดขึ้นแก่ประเทศชาติ ขอชมเชยและให้กำลังใจ ขอให้รักษาความดีไว้ และขอให้มีความสุขความเจริญ” 


 

พระราชทานงานเลี้ยงขอบคุณ “รวมใจเป็นหนึ่งเดียว”

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมอบหมายให้รัฐบาลจัดงานเลี้ยงขอบคุณผู้ปฏิบัติหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับภารกิจการช่วยเหลือ 13 ชีวิตออกจากถ้ำหลวง ในวันที่ 1 สิงหาคม 2561 เวลา 08.00-21.00 น. ภายใต้ชื่องาน “รวมใจเป็นหนึ่งเดียว” หรือ “United as One” ซึ่งได้รับพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ด้วยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระราชานุญาตให้รัฐบาลใช้พระลานพระราชวังดุสิตเป็นสถานที่จัดงาน อีกทั้งยังพระราชทานอาหารเลี้ยงผู้ร่วมงานร่วมกับรัฐบาลด้วย นับว่านำความปลื้มปีติเป็นล้นพ้นแก่รัฐบาลและผู้ร่วมงานทุกคนเลยทีเดียว


 

ภาพ : เฟซบุ๊ก สุวิทย์ มิ่งมล, ไอจี @smaankunan

Burberry

ทำไม Burberry แบรนด์ชื่อดัง ถึงเผาสินค้าในสต๊อกมูลค่ากว่าพันล้านบาท

Burberry
Burberry

สื่ออังกฤษเปิดเผย Burberry แบรนด์ดังสัญชาติอังกฤษเผาสินค้าในสต๊อกตัวเอง ทั้งเสื้อผ้าและไลน์เครื่องสำอางกว่า 28 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 1,200 ล้านบาท ในช่วงปีที่ผ่านมา เพื่อป้องกันไม่ให้สินค้าที่ขายไม่ออกถูกนำไปลดราคาและเพื่อป้องกันการปลอมแปลง ซึ่งการกระทำดังกล่าวของแบรนด์อาจขัดต่อข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับการลดมลภาวะทางสิ่งแวดล้อมและเพิ่มการรีไซเคิลที่ตอนนี้ทางประเทศอังกฤษกำลังรณรงค์และจริงจังกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก

Burberry

แบรนด์สุดหรูเชื่อมั่นในการทำลายผลิตภัณฑ์เหล่านี้ว่าทำไปเพื่อปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาและมูลค่าแบรนด์ของตน กล่าวอีกนัยหนึ่งคือทำเช่นนี้เพื่อป้องกันไม่ให้สินค้าของตนขายได้อย่างถูกต้องในตลาดขายสินค้าก๊อปปี้ หรือร้านค้าปลีกนอกระบบ ซึ่งอยู่นอกช่องทางการจัดจำหน่ายที่ได้รับการอนุมัติจากแบรนด์

ซึ่งข้อมูลนี้ได้ถูกรายงานว่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา Burberry อาจเผาสินค้าในสต๊อกของตัวเองไปแล้วกว่า 90 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 4,000 ล้านบาท และแม้ว่าผู้เชี่ยวชาญจะออกมาแสดงความคิดเห็นว่าการเผาสินค้าเป็นเรื่องปกติของแบรนด์เนมดังๆ แต่อย่างที่บอกว่าตอนนี้ประเทศอังกฤษเน้นหนักเรื่องสิ่งแวดล้อม การเผาทำลายสินค้าอาจทำให้เกิดมลพิษ ดังนั้นจึงกลายเป็นประเด็นที่ถูกหยิบหยกขึ้นมาวิจารณ์อย่างหนัก เพราะตัวแบรนด์เองก็เป็นแบรนด์สัญชาติอังกฤษด้วย

Burberry

Burberry

แม้ว่าทางแบรนด์จะออกมายืนยันแล้วว่า ทำการเผาสินค้าอย่างถูกวิธี มีผู้เชี่ยวชาญดูแลทุกขั้นตอน แต่ไม่ได้เปิดเผยว่าวิธีการเผาเป็นแบบไหน ทั้งนี้ก็ยังไม่มีการเข้าไปตรวจสอบใดๆ ว่าขัดต่อข้อกฎหมายหรือทำลายสิ่งแวดล้อมหรือไม่


ที่มา : www.theguardian.com

ภาพ : Twitter@Burberry , www.theguardian.com

ฟลุค Advice! ตอบชัด 10 คำถาม รู้เท่าทันบัตรเครดิต

Alternative Textaccount_circle

สำหรับแฟนๆ แพรวดอทคอมที่เป็นขาช้อปปิ้งสายรูดปรื๊ดๆ (รูดบัตรเครดิต) ขอบอกเลยว่าต้องดู Celeb Blog Fluke Advice EP. 3 กับเทคนิคการใช้ บัตรเครดิต อย่างรู้เท่าทัน ซึ่ง “ฟลุค-เกริกพล มัสยวาณิช” จะมาตอบสารพัดคำถามเรื่องบัตรเครดิตที่หลายคนน่าจะสงสัยใคร่รู้กันอยู่ เรียกว่าเป็นประโยชน์ทั้งสำหรับคนที่ใช้บัตรเครดิตอยู่แล้ว และคนที่กำลังชั่งใจอยู่ว่าจะมีบัตรเครดิตดีหรือเปล่า รับรองว่าได้คำตอบจาก Fluke Advice อีพีนี้แน่นอน

ฟลุค Advice! ตอบชัด 10 คำถาม รู้เท่าทันบัตรเครดิต

บัตรเครดิตดีกว่าเงินสดยังไง

การใช้บัตรเครดิตดีกว่าเงินสดทุกอย่าง อย่างผมเคยทำเงินสดหาย หรือบางคนโดนขโมย ดังนั้นการมีเงินสดในต่างประเทศควรมีไว้แค่พอประมาณ อย่าพกเงินสดเพื่อไปซื้ออะไร เพราะนอกจากจะมีโอกาสหายแล้ว ยังไม่คุ้มอีกด้วย ตัวอย่างเช่น ถ้าเราซื้อของแล้วหายหรือโดนขโมย ถ้าซื้อด้วยเงินสดก็จบ แต่ถ้าซื้อด้วยบัตรเครดิต ส่วนใหญ่บัตรจะมีประกันให้ประมาณ 30 วัน เราจะได้คืนประมาณ 70-80 % ของราคาของที่ซื้อมา เท่ากับว่าได้เงินคืนแถมยังได้พอยท์ด้วย

 

บัตรเครดิตทำให้เราใช้เงินเกินตัวหรือเปล่า

จริงครับ เพราะอย่างที่รู้กันว่าบัตรเครดิตทำให้เรามีวงเงินมากกว่าเงินเดือน 4-5 เท่า แต่ต้องจำไว้เสมอว่าการที่เรามีวงเงินเท่านี้ ไม่ได้หมายความว่าเรามีเงินเท่านี้ แค่หมายความว่าเรารูดได้เท่านี้ เพราะสุดท้ายแล้วเราก็ต้องจ่ายอยู่ดี ดังนั้นเราต้องรู้ตัวเองก่อนว่ามีเงินเก็บอยู่เท่าไหร่ก่อนที่จะใช้บัตรเครดิต หลักๆ คือเราต้องชนะใจตัวเองให้ได้นั่นเอง

 

ข้อควรรู้ในการเลือกบัตรเครดิตใบแรก

เราต้องรู้ไลฟ์สไตล์ตัวเองก่อนว่ามีรายจ่ายประมาณเท่าไหร่ ซึ่งรายจ่ายในที่นี้หมายถึงรายจ่ายทั้งหมดที่สามารถใช้บัตรได้ ทั้งนี้เพราะไม่มีบัตรอะไรที่ดีกว่าอะไร มีแต่บัตรอะไรจะเหมาะกับเรามากกว่ากัน

 

Visa กับ MasterCard ต่างกันยังไง

Visa กับ MasterCard มีการยอมรับใกล้เคียงกันมาก แต่ Visa จะแพร่หลายและใช้ง่ายที่สุด รองลงมาเป็น MasterCard ซึ่งทั้งสองแบบนี้มักจะมาควบคู่กัน คือถ้าร้านไหนรับ Visa ก็จะรับ MasterCard ด้วย

 

เราควรมีบัตรเครดิตกี่ใบ

ขึ้นอยู่กับว่าเราจะใช้บัตรแต่ละใบได้คุ้มไหม สำหรับคนที่มีรายได้ประมาณ 30,000-100,000 บาท มีแค่ใบเดียวก็พอ แต่ทั้งนี้ก็ต้องระวังในกรณีถ้าบัตรใบเดียวที่มีเกิดรูดไม่ผ่านขึ้นมา ดังนั้นมีสำรองไว้อีกสักใบก็โอเค

 

ข้อควรรู้เกี่ยวกับค่าธรรมเนียมบัตรเครดิต

ไม่ว่าจะเป็นบัตรดีแค่ไหน ยังไงก็ต้องจ่ายค่าธรรมเนียม ซึ่งพอเราใช้ครบจำนวนหนึ่งก็จะได้พอยท์คืนมาเป็นสิทธิประโยชน์ต่างๆ ซึ่งนั่นทำให้ค่าธรรมเนียมบัตรเครดิตจะไม่มีผลเลยถ้าเราใช้คุ้ม แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ใช้ไม่คุ้ม แนะนำว่าควรเลิกใช้บัตรใบนั้น เพราะมันไร้ประโยชน์ หรืออีกอย่างคือมันไม่เหมาะกับเรานั่นเอง

 

ประสบการณ์โดนแฮ็กบัตรเครดิต

ปกติบัตรเครดิตกับโทรศัพท์จะลิงค์กัน เวลาใช้บัตรก็จะมี SMS แจ้งเตือน เช่น ถ้าอยู่อังกฤษแล้วอยู่ดีๆ ก็มี SMS แจ้งเตือนว่ามีการใช้บัตรที่อเมริกา แบบนี้บอกเลยว่าคุณไม่มีทางที่จะต้องจ่ายล้านเปอร์เซ็นต์ แถมคุณยังจะได้พอยท์ด้วย ผมได้ตลอด เพราะเขายังไม่มีระบบหักพอยท์คืน บอกแล้วว่าบัตรเครดิตมีแต่ดีกับดี ถ้าเรามองในแง่ดีหรือถ้าเราใช้เป็น

 

ถ้าจ่ายบัตรเครดิตไม่ครบจะเกิดอะไรขึ้น

ถ้าจ่ายไม่ครบแม้แต่บาทเดียวก็จะถูกคิดดอกเบี้ยจากจำนวนเต็ม เช่น ถ้ารูดไป 500,000 บาท แต่มีเงินจ่ายแค่ 490,000 บาท ก็จะถูกคิดดอกเบี้ยจาก 500,000 บาท ไม่ใช่ 10,000 บาท ดังนั้นทางเดียวที่จะไม่เสียดอกเบี้ยคือต้องจ่ายทั้งหมด แต่ถ้าจ่ายไม่ได้จริงๆ ก็ให้จ่ายขั้นต่ำไปก่อน แล้วยอมเสียดอกเบี้ย เมื่อมีเงินเมื่อไหร่ค่อยโปะให้หมดเกลี้ยงทันที ไม่ต้องจ่าย 490,000 บาท เพราะยังไงก็ถูกคิดดอกเบี้ยจากจำนวนเต็มอยู่ดี แนะนำให้เอาเงินไปทำอย่างอื่นที่ได้กำไรมากกว่า

 

ถ้าจ่ายบัตรเครดิตหลังวันที่กำหนดจะเกิดอะไรขึ้น

ถ้าแค่วันสองวันหรือครั้งสองครั้ง คงไม่น่าเกลียด น่าจะคุยกันได้ เขาคงลดให้ หรือคงไม่คิดดอกเบี้ย แต่ถ้าทำเป็นนิสัย เขาคงไม่ยอม ดังนั้นอย่าทำให้เขามีสิทธิ์มาเก็บดอกเบี้ยเราได้ เพราะมันแพง

 

การใช้บัตรเครดิตคือการรักษาเครดิตหรือเปล่า

ใช่ครับ แล้วเครดิตของคุณจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ด้วย ถ้าจ่ายครบ จ่ายตรงเวลา เขาก็ปรับเพิ่มวงเงินให้เองโดยไม่ต้องขอเพิ่ม นั่นหมายความว่าคุณเป็นคนเครดิตดี ซึ่งไม่ใช่แค่เครดิตด้านนั้นด้านเดียว เพราะจริงๆ แล้วเครดิตต่างๆ ลิงค์กันหมด ในอนาคตถ้าคุณจะกู้บ้านหรือผ่อนรถก็จะผ่าน หรือในกรณีที่บ้านหรือรถแพงเกินรายได้ คุณก็อาจจะผ่าน เพราะเครดิตที่ผ่านมาของคุณดีมาก ทำให้เขาพิจารณาว่าโอเค ดังนั้นเราต้องรักษาเครดิตของเรา มีเครดิตดีกว่าไม่มีครับ

 

นอกจาก 10 คำถามนี้ที่แพรวดอทคอมคัดคำตอบมาแบบเน้นๆ กระชับๆ แล้ว ใน Fluke Advice EP. 3 ยังมีหลากหลายเรื่องน่ารู้และเทคนิคในการใช้บัตรเครดิตอย่างรู้เท่าทันอีกมากมาย สามารถติดตามแบบเต็มๆ กันได้ในคลิปนี้เลย

บอสวศิน

7 ข้อรู้จัก บอสวศิน หล่อ เท่ ปากร้าย ใจดี มีความกรุบ!!!

Alternative Textaccount_circle
บอสวศิน
บอสวศิน

7 ข้อรู้จัก “ฟิล์ม-ธนภัทร กาวิละ” หรือ บอสวศิน แห่งละครเรื่อง เมีย 2018 ถึงปากร้ายไปหน่อย  แต่น่ารักทิ่มใจ

1. ข้อมูล

บอสวศิน มีชื่อจริงว่า “ฟิล์ม-ธนภัทร กาวิละ” เกิดเมื่อวันที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2536 ปัจจุบันมีอายุ 25 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดสระบุรี สำเร็จการศึกษาระดับอุดมศึกษาจาก คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ และได้คว้าเกียรตินิยม อันดับ 2 โดยหลังเรียนจบ “ฟิล์ม” ได้เข้าทำงานเป็น สจ๊วต ในสายการบิน Lion Air

บอสวศิน

บอสวศิน

บอสวศิน

2. เข้าวงการบันเทิง

“ฟิล์ม” เริ่มต้นเส้นทางสายบันเทิงของเขาจากการประกวด “DUTCHIE BOY & GIRL 2013” เข้าวงการจากโครงการ รักฝุ่นตลบ Casting Project เพื่อค้นหานักแสดงหน้าใหม่ที่จะเซ็นสัญญาเป็นนักแสดงในสังกัด เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ และร่วมแสดงในซีรีส์ “รักฝุ่นตลบ” เป็นละครเรื่องแรก แต่ที่ทำให้ประชาชนรู้จักเขาก็จากบท “หมออินทัช” ในละครเรื่อง “เสน่หา Diary ตอน กับดักเสน่หา” และรับบทเป็น “เพชร” ใน “เรือนเบญจพิษ”

บอสวศิน
ละครเรื่อง “เรือนเบญจพิษ”

3. มีความมุ่งมั่นในความฝัน

อย่างที่บอกไปแล้วว่าก่อนที่ “ฟิล์ม” จะมาเป็นดาราอย่างทุกวันนี้เขาเคยเป็นสจ๊วตมาก่อน โดยตอนแรกเขาได้ทำงานทั้งสองอย่างควบคู่กันไป แต่เพราะเวลาที่ไม่พอดีกันทำให้เขาต้องเลือกเส้นทางของตัวเองในทางใดทางหนึ่ง ซึ่ง “ฟิล์ม” บอกว่าอาชีพนักแสดงเป็นอาชีพที่ใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นเมื่อมีโอกาสก็อยากทำให้เต็มที่ ทั้งยังไม่อยากทิ้งโอกาสเพราะกลัวว่าในอนาคตจะเสียใจภายหลัง ดังนั้นเขาจึงตั้งใจที่จะเรียนการแสดงเพื่อที่จะทำออกมาให้ได้เต็มที่

บอสวศิน

4. “โทนี่ สตาร์ค” คือต้นแบบของ “วศิน”

“ฟิล์ม” บอกว่าถึงแม้จะรับละครมาหลายเรื่องแล้ว แต่สำหรับบท “วศิน” ใน “เมีย 2018” นั้นค่อนข้างมีความยากตรงที่ว่าจะแสดงออกตอนที่อยู่ต่อหน้าคนอื่นไม่ได้ ต้องเป็นผู้ชายในสไตล์สุขุมนุ่มลึกและยังต้องมีชั้นเชิง ดังนั้น “ฟิล์ม” จึงครีเอทตัวละคร “วศิน” ให้คล้ายกับ”โทนี่ สตาร์ค” ฮีโร่คนดังด้วย

บอสวศิน

5. สิ่งที่ตรงข้ามกับในละคร

ถึงในละครจะปากร้าย แต่ตัวตนจริงของเขาเป็นคนที่พูดจาน่าฟังมาก น้ำเสียงนุ่มที่เปล่งออกมาทำเอาสาวๆ หลงใหล โดยในรายการ คุยแซ่บ Show พิธีกรสาว “ชมพู่-ธัณย์สิตา สุวัชราธนากิตติ์” กล่าวชมเสียงของ “ฟิล์ม” ว่าเสียงนุ่มทำให้รู้สึกสดใสจริงๆ

บอสวศิน

6.ยิ้มทีมีละลาย

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหลายคนตกหลุมรักเขาตั้งแต่แรกที่เห็นจากรอยยิ้มที่สดใส ไม่ใช่แค่ “อรุณา” (รับบทโดย บี-น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์) เท่านั้นที่รู้สึกว่ารอยยิ้มของหนุ่มคนนี้ทำให้โลกของเธอสดใสขึ้น เพราะในตอนนี้ภาพรอยยิ้มของ “ฟิล์ม” ปรากฏอย่างแพร่หลายในโซเชียล พร้อมกับแฮชแท็ก #ทีมวศิน

บอสวศิน

7. เสมอต้นเสมอปลาย

หนึ่งในบุคคลใกล้ชิดของหนุ่ม “ฟิล์ม” เปิดเผยว่านักแสดงหนุ่มคนนี้เข้าวงการมา 3 ปีแล้ว ตั้งแต่แรกที่เห็นคือเขาเป็นเด็กนิสัยดี อ่อนน้อมและถ่อมตนมาก แม้ตอนนี้จะมีชื่อเสียงมากขึ้นแต่ก็ยังดีเสมอต้นเสมอปลาย เป็นต้นแบบคนนักแสดงรุ่นใหม่ที่น่าเอาเป็นแบบอย่างจริงๆ


 

เสียเพื่อน

มิตรภาพถูกทำลาย 5 คู่ซี้คนดัง เสียเพื่อน เพราะธุรกิจการเงินไม่ลงรอย

Alternative Textaccount_circle
เสียเพื่อน
เสียเพื่อน

ถอดบทเรียน 5 คู่ซี้ดารา เสียเพื่อน เพราะทำการธุรกิจแล้วไม่ลงรอยกัน มิตรภาพยาวนานถูกทำลายเพราะเงิน

การทำธุรกิจว่ายากแล้วแต่การหาหุ้นส่วนที่ดีนั้นยากยิ่งกว่า เพราะเมื่อเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเงินทองแล้ว เราก็ต้องหาคนที่ไว้ใจได้ หลายครั้งจึงเห็นว่ามีการดึงญาติสนิทหรือเพื่อนสนิทมาเป็นพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ แต่ก็มักเกิดคำถามว่าดีแล้วแน่หรือ? จะเสียเพื่อนไหม? เนื่องจากหลายครั้งก็มีบทเรียนออกมาให้เห็นว่า นอกจากเสียธุรกิจ เสียเงินแล้วยัง เสียเพื่อน ไปอีกด้วย วันนี้ “แพรวดอทคอม” เลยขอถือโอกาสรวบรวมบทเรียนของเหล่าคนดังมาให้เป็นอุทาหรณ์ เพื่อฉุกคิดก่อนที่จะทำธุรกิจกันค่ะ

“ซีแนม – ดิว”

เสียเพื่อน

สำหรับคู่นี้เพิ่งจะขึ้นศาลมาแบบสดๆ ร้อนๆ เลยสำหรับ 2 สาวแซ่บ “ดิว-อริสรา ทองบริสุทธิ์” และ “ซีแนม สุนทร” หรือ “ซีแนม AF” ที่ตัดสินใจร่วมกันทำธุรกิจร้านทำเล็บด้วยกัน แต่ปรากฏว่าหลังจากที่มีการลงเงินไปกลับมีปัญหาในเรื่องสัญญาเช่า จนต่อมาทาง “ซีแนม” ได้ขอเรียกเงินลงทุนคืน ซึ่งทาง “ดิว” ได้มีการชี้แจงไปว่ามันมีค่าใช้จ่ายอะไรหลายๆ และการทำธุรกิจด้วยกันแต่จะให้รับผิดชอบทุกอย่างคนเดียวได้อย่างไร เรื่องราวบานปลายกลายเป็นมีปากเสียกัน และต้องขึ้นโรงขึ้นศาลในที่สุด ซึ่งจากเหตุการณ์ครั้งนี้ “ดิว”บอกว่านี่เป็นที่สำคัญสำหรับเธอ ซึ่งในอนาคตหากจะทำธุรกิจอีกก็จะดูดีๆ และไม่เซ็นชื่อรับรองทุกอย่างคนเดียว


“บุ๋ม-เจนี่”

เสียเพื่อน

อีกหนึ่งคู่ที่กลายเป็นมหากาพย์เลยก็คือ เรื่องราวของ “บุ๋ม-ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” กับนักแสดงรุ่นน้อง “เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ์” ที่แตกหักกันโดยมีจุดเริ่มต้นมาจากที่จอดรถสำหรับลูกค้าไม่เพียงพอ เนื่องจากทั้งสองฝ่ายมีการดำเนินธุรกิจและในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งจากปัญหานี้ได้ลุกลามกลายเป็นปัญหาใหญ่ และมีการเปิดเผยข้อมูลของแต่ละฝ่ายออกมาทีละนิด กระทั่งมีการผิดสัญญาในบางข้อจนเป็นเหตุให้ยกเลิกสัญญาในที่สุด อย่างไรก็ตามเรื่องนี้จบลงที่ฝ่ายเจนี่ยอมจ่ายเงินซื้ออาคารต่อเติมของ “พี่บุ๋ม”ในราคา 3 ล้านบาท ขณะที่ “พี่บุ๋ม”ย้ายออกไปเปิดธุรกิจในพื้นที่อื่นแทน เป็นการจบเรื่องด้วยดี แต่คงยากที่ทั้งสองจะหันหน้าเข้าหากันอีกครั้ง


“บี-โย”

เสียเพื่อน

เป็นเพื่อนซี้ที่คบกันมายาวนาน แต่มิตรภาพได้ถูกทำลายลงภายหลังจากที่ “บี-น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์ ” และ “โย-ยศวดี หัสดีวิจิตร”ลงขันกันทำธุรกิจอาหารเพื่อสุขภาพ ซึ่งเดิมทีทั้งคู่เคยให้สัมภาษณ์ว่าเป็นเรื่องหยุมหยิมแต่สุดท้ายก็ยอมเปิดปากว่ามีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง และได้ไปเคลียร์กันที่ศาล ซึ่งคดีจบไปแบบความเป็นเพื่อนก็จบลงไปด้วยเมื่อ “บี”ประกาศชัดว่า “งานไหนมีโยงานนั้นไม่มีบี”


“แพท-แมนการิน”

เสียเพื่อน

เริ่มต้นเข้าวงการมาพร้อมๆ กัน แต่เกิดปัญหาจนต้องแตกหักกันในที่สุดสำหรับ “แพท-ณปภา ตันตระกูล” กับ “แมน-การิน ศตายุ” ที่รวมเงินกันเปิดธุรกิจคลีนิกความงาม ทว่าไม่นานก็เกิดปัญหาเพราะกิจการไม่ดี ทำให้ดาราหนุ่มอยากจะปิดในขณะที่ “แพท” อยากทำต่อซึ่งก็ได้มีการเรียกขอเงินทุนคืน และนี่คือจุดเริ่มต้นของปัญหา ซึ่งท้ายสุดแพทได้ยอมคืนเงินในที่สุด แต่ก็ยังมีการกระทบกระทั่งกัน และจบด้วยการที่ต้องเสียเพื่อนกันไป


“อ๋อม-ตุ๊กตา”

เสียเพื่อน

อีกหนึ่งคู่ที่ประกาศตัดขาดกันอย่างถาวรก็คือ “อ๋อม-สกาวใจ” และ “ตุ๊กตา-อินทิรา” คู่เพื่อนซี้ที่เปิดร้านขายเครื่องสำอางกระเป๋าชื่อว่า ลามะลิลา ในซอยทองหล่อ แต่ไม่นานก็เกิดอาการระหองระแหง จนตัดสัมพันธ์เพื่อนในที่สุด ขณะที่อ๋อมบอกว่าจริงๆ ก่อนหน้านี้ก็มีคนเตือนแล้วว่าหากทำธุรกิจอย่าทำกับเพื่อน ซึ่งเธอไม่ได้ใส่ใจจนเกิดปัญหาในที่สุด ทั้งนี้อ๋อมได้บอกว่าจะไม่หุ้นทำธุรกิจกับใครอีกแล้ว


 

COVER STORY : PRAEW ISSUE 933

หลายคนคงได้เห็นคลิปเบื้องหลัง เจมส์ จิรายุ กับ แต้ว ณฐพร กันไปแล้ว ฟินกันไหมล่ะคุณ แต่ความฟินยังไม่หมดเพียงเท่านี้ แพรวจัดเต็มภาพแฟชั่นเซตปกจาก Praew Issue 933 มาให้แฟนคลับทั้งคู่ได้ละลายไปกับความน่ารักพวกเขากันอีก เอาเป็นว่าต้องซื้ออ่ะ เพราะน่ารักมากๆ พูดได้แค่นี้

จะถูก จะแพง ขอแดงไว้ก่อน เทรนด์สีแดงของลิปสติก ไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุค กี่สมัย ก็ยังอิน แน่นอนว่าสีแดงจัดว่าเป็น ราชินีในหมู่ลิปสติก แต่ใช่ว่าจะถ้าได้ทุกโอกาสนะคุณ แดงเนี่ยก็มีหลายเฉด แต่เฉดไหนทาถึงจะทาแล้วปั๊วะตอนไหน แล้วสีแดงของลิปสติกมีกี่เฉด Beauty Pedia ปักษ์นี้มีเคล็ดลับการเลือกสี ทาสีลิปสติกให้ทน รวมถึงทริคลงอายแชโดว์ให้เข้ากับเฉดสีแดง รับรองทาแล้วเกิดแน่นอน

ผิวแห้ง ผมเสีย หนึ่งในปัญหาใหญ่ของสาวๆ ที่ไม่ควรมองข้าม เพราะถ้าหากละเลย กู้ยากกว่าที่คิดนะคะคุณสาวๆ Beauty Secret มีเคล็ดลับดีๆจาก พะเพื่อน – ชุติมณฑน์ สกุลไทย สาวไทยหน้าคมในลุคสาวฝรั่ง กับเคล็ดลับดูแลผิวและผม แบบจัดเต็มมาฝากกัน

ข่าวใหญ่ของวงการแฟชั่นในปีนี้ คือการสูญเสีย แฟชั่นดีไซน์เนอร์ Kate Spade ไปอย่างไม่มีวันกลับ และในโอกาศครบรอง 25ปี ของเคท สเปด นิวยอร์ก และเพื่อเป็นการระลึกถึงเธอ ผู้ก่อตั้งแบรนด์และยังเป็นดีไซเนอร์สาวผู้บันดาลความสุขให้กับผู้หญิง แพรวรวบรวม 10ไฮไลต์เด็ดที่สร้างชื่อจนฮ็อตฮิตติดชาร์ตในดวงใจของสาวๆ ทั่วโลกมาไว้ให้ชมกัน

หนูนา – นริศา คุโบตะ สาวตากลมลูกครึ่งไทย – ญี่ปุ่น กับสไตล์การแต่งตัวที่ไม่ต้องวิ่งตามแฟชั่น เพราะความที่เป็นคนชอบขี่ม้า เราจึงได้เห็นเธอในลุคสบายๆ แต่ก็ยังแอบเท่ห์ แต่ในวันธรรมดานั้น สาวคนนี้กลับมีหลากหลายสไตล์ ทั้งเปรี้ยว หวาน ดูสวยสง่า ในทุกลุค

อาร์ต อารยา สไตลิสต์แฟชั่นตัวแม่ 28 ปี ที่แรง แหวกแนวไม่ซ้ำใคร ถึงแม้ว่าคลื่นลูกใหม่จะมาตามสัจธรรม แต่ก็ไม่ได้ทำให้คนทำงานตัวจริงอย่างเธอ  ต้องหมดไฟ

เพราะถือคติว่า จะช้อปทั้งทีต้องให้คนจดจำ คุณ น้อย – ธัญญรัตน์ รุ่งเรืองมีดี จึงเป็นท็อปสเปนเดอร์ ตัวจริงในทุกด้าน  เจ้าของสถิติครอบครองรถเบนซ์อันดับหนึ่งในเอเชีย แฟนพันธ์ุแท้ปาเต็กฟิลิปป์  มียอดซื้อกระเป๋าแอร์เมสกว่า 100 ใบ…ถึงขนาดที่ว่า  เคยซื้อทั้งที่ยังไม่ทันเห็นของเพื่อช่วยปิดยอดให้คนขายก็ทำมาแล้ว อ่านแค่นี้ก็ขนลุกแล้วค่ะคุณ ตามอ่านวิถีนักช้อประดับท็อปสเปนเดอร์ กันยาวๆ ต่อได้ที่ Unexpected

ห้ามพลาดกับแฟชั่นสวยๆ ที่พร้อมให้คุณอัพเดต รวมถึงเรื่องราวต่างๆ ที่อัดแน่นเต็มไปด้วยสาระอีกเช่นเคย ในนิตยสารแพรวฉบับ 933 ปักษ์ 10 กรกฎาคม 2561 ได้แล้วที่แผงหนังสือชั้นนำทั่วไป หรือ สั่งซื้อทางออนไลน์ได้ที่ https://www.naiin.com/

ยอดคุณหมอแกร่ง

ลุยไปทุกที่! ยอดคุณหมอแกร่ง “ดร.ริชาร์ด แฮร์ริส” และ “หมอภาคย์ โลหารชุน”

Alternative Textaccount_circle
ยอดคุณหมอแกร่ง
ยอดคุณหมอแกร่ง

ชื่นชม! ลุยไปทุกที่ 2 ยอดคุณหมอแกร่ง ในภารกิจพาหมูป่ากลับบ้าน “ดร.ริชาร์ด แฮร์ริส” จากออสเตรเลีย และ “หมอภาคย์ ” หรือ “พ.ท.นพ.ภาคย์ โลหารชุน” จากประเทศไทย

ต้องยอมรับว่าการพาน้องๆ นักฟุตบอลเยาวชนทีมและผู้ฝึกสอนทีม “หมูป่าอะคาเดมีแม่สาย” ออกมาจากถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน เป็นภารกิจปฏิบัติการกู้ภัยที่หินและโหดที่สุด ทั้งวิสัยทัศน์เป็นศูนย์, น้ำไหลแรง, ทั้งยังมีข้อจำกัดอีกหลายๆ อย่าง ซี่งน้องๆ จะยังออกจากถ้ำมาไม่ได้เลย หากขาดความร่วมมือจากทุกภาคส่วนที่ร่วมกันปฏิบัติการกู้ภัยในครั้งนี้

โดยในวันนี้ “แพรวดอทคอม” ขอพูดถึง 2 นายแพทย์ที่ได้รับความสนใจจากประชาชนในฐานะ ยอดคุณหมอแกร่ง คือ “ดร.ริชาร์ด แฮร์ริส” วิสัญญีแพทย์ชาวออสเตรเลีย และคุณหมอทหาร “พ.ท.นพ.ภาคย์ โลหารชุน” ซึ่งได้ดำน้ำเข้าไปในถ้ำหลวงเพื่อตรวจดูอาการของทีมหมูป่าทั้ง 13 ชีวิต โดยสิ่งที่ทั้ง 2 มีไม่แตกต่างกันเลยก็คือความลุยที่ไม่ว่าคนไข้จะอยู่ที่ไหนเขาก็ตั้งใจที่จะเข้าไปช่วยเหลือให้ได้ แม้ต้องผ่านความยากลำบากอย่างถึงที่สุด และขอบอกเลยว่าไม่ใช่แค่ที่ถ้ำหลวงเท่านั้นที่พวกเขาบุกป่าฝ่าดงไป แต่ในดินแดนที่อันตรายพวกเขาก็ไปลุยมาแล้ว

ยอดคุณหมอแกร่ง

สำหรับ “ดร.ริชาร์ด แฮร์ริส” เป็นวิสัญญีแพทย์ ชาวออสเตรเลีย เขามาจากเมืองอะดิเลด รัฐเซาท์ออสเตรเลีย นอกจากการเป็นคุณหมอแล้วเขายังมีประสบการณ์ดำน้ำมากกว่า 30 ปี ปัจจุบันเขาทำงานให้กับ MedStar หน่วยแพทย์กู้ชีพเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทางอากาศยานของ SA Ambulance มานาน 6 ปีแล้ว

“คุณหมอแฮร์ริส”ยังเป็นผู้มีบทบาทสำคัญอย่างมากในการพัฒนาขีดความสามารถด้านการกู้ชีพในถ้ำและแอ่งน้ำในออสเตรเลีย เคยร่วมไปกับทีม AusAID ที่ประเทศหมู่เกาะวานูอาตู ให้บริการดูแลผู้ป่วยหนัก เขาเคยฃเข้าไปสำรวจถ้ำในจีน เกาะคริสต์มาส ประเทศนิวซีแลนด์ และออสเตรเลีย ทั้งมีความสนใจเรื่องความปลอดภัยและสอบสวนอุบัติเหตุในการดำน้ำ โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่เกี่ยวกับถ้ำ และการดำน้ำเชิงเทคนิคจนได้รับการยกย่องว่า “เป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาขีดความสามารถเรื่องการกู้ภัยในถ้ำและบ่อน้ำในออสเตรเลีย” เพราะทั้งเก่งและแกร่งอย่างนี้เอง จึงไม่แปลกใจเลยที่มีการเชิญเขามาร่วมในภารกิจครั้งนี้

ยอดคุณหมอแกร่ง

อีกหนึ่งคุณหมอที่ได้รับการชื่นชมมากคือแพทย์ทหาร “หมอภาคย์” หรือ “พ.ท.นพ.ภาคย์ โลหารชุน” แพทย์ที่ร่วมดำน้ำไปกับหน่วยซีลเพื่อเข้าไปตรวจอาการของทั้ง 13 ชีวิตในถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ซึ่งนับเป็นภารกิจที่ยากมาก สำหรับ “หมอภาคย์”อายุ 39 ปี เป็นชาวกรุงเทพมหานคร ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง ผู้บังคับกองพันเสนารักษ์ที่ 3 ประจำอยู่ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ จ.นครราชสีมา ประวัติการศึกษาจบจากวิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า “หมอภาคย์” เป็นคนที่ไม่หยุดเรียนรู้จึงได้เข้าอบรมหลักสูตรต่างๆ ของทางกองทัพมาเป็นจำนวนมาก รวมถึงยังเคยไปปฏิบัติราชการ นายแพทย์กองกำลัง ไทย-อิรัก, นายแพทย์กองกำลังสันติสุข 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อีกด้วย

ยอดคุณหมอแกร่ง

และนี่คือประวัติของ 2 คุณหมอผู้แข็งแกร่ง ซึ่งนอกจากเราจะได้เห็นความเก่งและความแข็งแรงของพวกเขาแล้ว จากประวัติก็ยังเห็นว่าทั้งคู่ยังเป็นคนที่รู้จักเพิ่มทักษะความรู้ให้กับตัวเองอยู่เรื่อยๆ เป็นเรื่องที่น่าชื่นชมและนังเป็นตัวอย่างที่ดีแก่เยาวชนจริงๆ


 

รู้จัก อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีที่จะมาช่วยทีมหมูป่าฯ ออกจากถ้ำหลวงอย่างปลอดภัย

สร้างความฮือฮาอย่างมากเมื่อ อีลอน มัสก์ ผู้ก่อตั้งบริษัท SpaceX ที่คิดค้นจรวดซึ่งสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้เป็นเจ้าแรกของโลก และ Boring Company ซึ่งเชี่ยวชาญในการขุดอุโมงค์ ประกาศผ่านทวิตเตอร์ @elonmusk ว่าจะส่งทีมวิศวกรเดินทางมาเมืองไทยเพื่อช่วยทีมหมูป่าอะคาเดมีทั้ง 13 ชีวิต

ทั้งนี้อีลอนยังเผยถึงแผนการช่วยเหลือว่ามีอยู่ด้วยกัน 2 แผนคือ หนึ่ง ใช้ท่อไนลอนขนาดยักษ์ ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 1 เมตร สอดเข้าไปตลอดระยะทางที่มีน้ำท่วม จากนั้นอัดอากาศเข้าไปเหมือนสระน้ำยางสำหรับเด็ก ซึ่งจะทำให้ท่อลอยติดกับเพดานถ้ำ ตอบโจทย์ส่วนโค้งเว้าต่างๆ ของถ้ำได้ ทั้งยังทำให้เด็กๆ และโค้ชคลานออกมา โดยไม่ต้องเสี่ยงชีวิตดำน้ำ

ส่วนแผนที่สอง คือการใช้ Pod หรือห้องโดยสารที่ทำด้วย Kevlar เคลือบด้วย Teflon ซึ่ง Kevlar มีคุณสมบัติเรื่องความแข็งแรง จึงเอาไปใช้ทำเกราะกันกระสุน ขณะที่ Teflon ก็มีแรงเสียดทานต่ำ ทำให้ลื่นเมื่อเสียดสีกับก้อนหิน และดึงออกมาได้โดยง่ายด้วยเชือก ทีมหมูป่าจะได้ไม่ต้องดำน้ำ ทำให้ไม่มีความเสี่ยงของ Panic Attack

อีลอน มัสก์ คือใคร นาทีนี้คงไม่สำคัญเท่ากับเขาเป็นคนยังไง และนี่คือเรื่องน่าทึ่งของชายผู้มีความฝันจะปกป้องมวลมนุษยชาติมาตั้งแต่อายุ 14

อีลอน มัสก์, ทีมหมูป่าอะคาเดมี, ถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน
@elonmusk

อีลอนมีชื่อเต็มว่า Elon Reeve Musk เกิดวันที่ 28 มิถุนายน 1971 ที่เมือง Pretoria ประเทศแอฟริกาใต้ ปัจจุบันอายุ 47 ปี และได้รับการจัดอันดับจากนิตยสารฟรอบส์ให้เป็นบุคคลที่รวยที่สุดเป็นอันดับ 56 ของโลก เมื่อเดือนมิถุนายน 2018

แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ เส้นทางชีวิตของอีลอนไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แม้จะเกิดในครอบครัวร่ำรวย พ่อ Errol Musk เป็นวิศวกรอิเล็กทรอนิกส์ที่มีธุรกิจมากมาย โดยหนึ่งในนั้นคือเหมืองมรกต

ขณะที่แม่ Maye Musk ก็เก๋กู้ด เป็นนักโภชนาการและนางแบบลูกครึ่งแคนาดา-อเมริกัน แต่วัยเด็กของอีลอนกลับเต็มไปด้วยเรื่องราวเจ็บปวดมากมาย

Errol Musk พ่อผู้ไม่ลงรอยกัน @Us Weekly

เริ่มจากเมื่ออายุได้ 3 ขวบ อีลอนมีอาการคล้ายคนหูหนวก พ่อจึงส่งเข้าโรงพยาบาลให้หมอผ่าต่อมอดีนอยด์ (คล้ายต่อมทอนซิลอยู่ด้านหลังโพรงจมูก) ของเขาออก เพื่อจะพบความจริงภายหลังว่าเขาไม่ได้หูหนวก

Maye Musk แม่เปรี้ยวซ่า @mayemusk

อายุเพียง 9 ขวบ พ่อเศรษฐีกับแม่นางแบบก็หย่าร้างกัน อีลอนอยู่ในความดูแลของพ่อที่แอฟริกาใต้ ส่วนแม่กลับแคนาดา และนั่นก็ทำให้ชีวิตคุณหนูอีลอนพลิกผันครั้งใหญ่ ในฐานะลูกคนโต พ่อให้เขาทำงานทุกอย่างในบ้าน เขาเริ่มไม่ลงรอยกับพ่อ และบ้านก็ไม่เป็นเหมือนบ้านอีกต่อไป

ปัญหาคือไม่ใช่เฉพาะบ้านที่ทำให้อีลอนไร้สุข ที่โรงเรียนเขาก็ยังหาความสุขไม่ได้เช่นกัน อีลอนถูกเพื่อนแกล้งที่โรงเรียนเป็นประจำ หนักสุดคือถูกโยนลงบันไดและรุมซ้อมจนหมดสติ ต้องหามส่งโรงพยาบาล

นับแต่นั้นอีลอนก็กลายเป็นคนเก็บเนื้อเก็บตัว ไม่สุงสิงกับใคร และมักจะขลุกอยู่แต่ในห้องสมุด ซึ่งกลายเป็นเรื่องดีคือเพาะนิสัยอ่านทุกอย่างที่ขวางหน้า โดยเฉพาะหนังสือแนววิทยาศาสตร์ ศาสนา และปรัชญา ซึ่งทำให้เขาเข้าใจชีวิต และห่วงใยในเพื่อนมนุษย์

@mentalfloss

หนังสือเล่มสำคัญที่เปลี่ยนชีวิตของอีลอนคือ The Hitchhiker’s Guide to the Galaxy เป็นหนังสือเกี่ยวกับการท่องอวกาศที่จุดประกายให้อีลอนมุ่งมั่นว่า การปกป้องมวลมนุษยชาติคือภารกิจในชีวิตของเขา

ไม่น่าเชื่อว่าวัยรุ่นอายุ 14 จะคิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ได้ เรื่องที่ถ้าพูดออกมาดังๆ ก็ต้องถูกตราหน้าว่า “สติเฟื่อง” หรือ “บ้า” ไปแล้ว

แต่อีลอนไม่แคร์ ความฝันกับความจริงสำหรับเขาคือเรื่องเดียวกัน พออายุ 10 ขวบ เขาก็เริ่มสนใจคอมพิวเตอร์ โดยหัดใช้คอมพิวเตอร์ครั้งแรกกับเครื่อง Commodore VIC-20 ซึ่งเป็นโฮมคอมพิวเตอร์ 8 bit รุ่นแรกๆ

อายุ 12 อีลอนเรียนการเขียนโปรแกรม BASIC (Beginner’s All-purpose Symbolic Instruction Code) ซึ่งเป็นภาษาที่ใช้ในไมโครคอมพิวเตอร์ด้วยตนเอง

อีลอน มัสก์, ทีมหมูป่าอะคาเดมี, ถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน
@elonmusk

ถึงตรงนี้ถ้าคำว่า “Genius” หรืออัจฉริยะ ผุดขึ้นมาในความคิดคุณแล้วละก็ เรามีข้อมูลชวนตาโตต่อว่า ปกติคอร์สนี้คนปกติทั่วไปเขาใช้เวลาเรียนแบบมีอาจารย์สอนประมาณ 6 เดือนก็จบ แต่อีลอนเรียนจบใน 3 วัน!!! และหลังเรียนจบ อีลอนก็เขียนเกมชื่อ Blastar ขายให้กับนิตยสาร PC and Office Technology ในราคา 500 ดอลล่าร์สหรัฐฯ

อีลอนอดทนจนเรียนจบมัธยมปลาย จึงขอพ่อย้ายไปอยู่แม่ที่แคนาดา พ่อจึงประกาศกร้าวว่าถ้างั้นก็เชิญไปหาเงินเรียนต่อเอาเอง ที่แคนาดาอีลอนจึงต้องทำงานทุกอย่าง แม้แต่เป็นพนักงานทำความสะอาด ล้างหม้อต้มน้ำร้อนที่สกปรกสุด ๆ แลกกับค่าตอบแทนเพียง 18 ดอลล่าร์ต่อชั่วโมงเท่านั้น เพื่อส่งตัวเองเรียนที่มหาวิยาลัยควีน ในรัฐออนแทริโอ แคนาดา

อีลอน มัสก์, ทีมหมูป่าอะคาเดมี, ถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน
@elonmusk

ต่อมาเขาโทรไปขอฝึกงานกับผู้บริหารธนาคารแห่งหนึ่ง ข่าวดีคือเขาได้รับการตอบรับ ทำให้อีลอนหวังว่าจะได้โชว์ความอัจฉริยะออกมาให้ปรากฏ  แต่ข่าวร้ายคือเขาได้แค่ทำหน้าที่ชงกาแฟเท่านั้น

อายุ 20 อีลอนขอโอนย้ายหน่วยกิตไปเรียนที่มหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย สหรัฐอเมริกา ที่นี่เองที่อัจฉริยะแปลงร่างเป็นจอมวายร้าย ด้วยการก่อวีรกรรมสุดแสบ เช่าบ้านมาเปิดเป็นไนท์คลับ ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แบบไม่มีใบอนุญาต

แถมเปิดให้นักศีกษาเข้าไปสังสรรค์ในราคาค่าเข้าคนละ 5 ดอลล่าร์เท่านั้น แต่สามารถดื่มอะไรก็ได้ไม่อั้น ซึ่งทำให้มีคนเข้ามาในงานปาร์ตี้ขี้เมาของเขากว่า 500 คน

อายุ 23 อีลอนคว้าปริญญาตรีด้านฟิสิก์และเศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย ก่อนจะต่อปริญญาโทและเอกสาขาฟิสิกส์ที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ที่อยู่ใจกลางซิลิคอนวัลเลย์ แต่หลังจากเรียนเอกได้แค่ 2 วัน เขาก็ลาออกเพราะอยากทุ่มเทให้การสร้างโปรเจกต์ในฝันมากกว่า

อีลอน มัสก์, ทีมหมูป่าอะคาเดมี, ถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน
กับน้องชาย Kimbal Musk @elonmusk

อีลอนเริ่มก้าวตามฝันด้วยการร่วมกับน้องชายที่คลานตามกันมา Kimbal Musk ถึงตรงนี้เออร์รอล  มัสก์ก็กลับมามีบทบาทในชีวิตของเขาอีกครั้ง ด้วยการมอบเงินให้เขากับน้องชาย รวม 28,000 ดอลล่าร์ เพื่อเปิดเว็บไซต์ที่ชื่อ Zip2 ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่ให้บริการข้อมูลเกี่ยวกับการท่องเที่ยว

อีลอนกับน้องชายทุ่มเทให้กับ Zip2 เต็มที่ กินนอนอยู่ในออฟฟิศถึง 3 เดือน โดยอีลอนเขียนโปรแกรมและเว็บไซต์ด้วยตนเอง ธุรกิจดำเนินไปด้วยดี กระทั่งมีนักลงทุนรายหนึ่งมาขอร่วมทุนด้วยเงิน 3 ล้านดอลล่าร์ อีลอนตอบรับ หลังจากนั้นไม่นานเขาก็โดนปลดจากตำแหน่ง CEO โดยผู้ลงทุนคนนั้น

อีลอน มัสก์, ทีมหมูป่าอะคาเดมี, ถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน
@elonmusk

แต่ที่ทำให้เราคนอ่านเจ็บใจแทนก็คือเมื่อ Compaq เข้าซื้อ Zip2 ด้วยมูลค่า 341 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ อีลอนกลับได้รับเงินส่วนแบ่งเพียง 22 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ เท่านั้น เขาเลยจัดการแบ่ง 10 ล้านไปก่อตั้งบริษัท X.com ธนาคารออนไลน์ และเอาอีก 1 ล้านไปซื้อรถ McLaren f1 ก่อนจะขับไปชนยับไม่มีชิ้นดี

อีลอน มัสก์, ทีมหมูป่าอะคาเดมี, ถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน
Justine Wilson ภรรยาคนแรก @justinemusk

อายุ 29 (ปี 2000) X.com ประกาศซื้อกิจการ บริษัทคอนฟินิตี้ (Confinity) สตาร์ทอัพฟินเทค เพื่อปูทางไปสู่การก่อตั้ง Paypal ระบบรับจ่ายเงินออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ก่อนจะเดินเข้าประตูวิวาห์กับ Justine Wilson แฟนสาวที่คบกันมาตั้งแต่ตอนเรียนที่มหาวิยาลัยควีน แล้วไปฮันนีมูนกันที่ออสเตรเลีย

ระหว่างกำลังอินเลิฟฮันนีมูนหวาน กรรมการบริหารก็ฉวยโอกาสลงมติเตะโด่งปลดเขาออกจากตำแหน่ง CEO  เมื่ออีลอนรู้ข่าว เขาจัดการแก้เกมกลับด้วยการลงทุนเพิ่มในบริษัท จนได้เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุดของ Paypal

ตามข่าวไม่ได้บอกว่าเขาคิดแผนแก้เกมในพื้นที่ไหนของออสเตรเลีย แต่มันคงจะยุงชุมน่าดู เพราะทำให้เขาติดเชื้อมาลาเรีย ไข้ขึ้นสูงจนต้องถูกหามส่งเข้าโรงพยาบาล

อีลอน มัสก์, ทีมหมูป่าอะคาเดมี, ถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน
@engineering_enigma

ถึงกายป่วยแต่สมองยังไบร้ท อีลอนเริ่มคิดถึงโครงการอวกาศ ความฝันวัยเยาว์ เขาตัดสินใจย้ายบ้านไปอยู่ลอสแอนเจลิส เพื่อที่จะได้ใกล้ชิดกับอุตสาหกรรมอวกาศ และศึกษาเกี่ยวกับการสร้างจรวดจากหนังสือ ปีต่อมาเขาก็ออกเดินทางไปรัสเซียเพื่อขอซื้อจรวดขีปนาวุธโซเวียตที่ปลดประจำการแล้ว เพื่อนำมาทำการทดลอง

อีลอน มัสก์, ทีมหมูป่าอะคาเดมี, ถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน
@elonmusk

หลังจากการเจรจาอันยาวนาน ผลคือความล้มเหลว พ่อค้ารัสเซียต้องการขายจรวดในราคาสูงถึง 8 ล้านดอลล่าร์ ซึ่งอีลอนคิดว่ามันแพงเกินไป แต่ความฝันกับความจริงสำหรับเขาคือเรื่องเดียวกัน ปี 2002 ในวัยหนุ่มฉกรรจ์ 31 ปี อีลอนตัดสินใจก่อตั้งโครงการ SpaceX เพื่อสร้างจรวดด้วยเงินตัวเองทั้งหมด

เรื่องน่าเศร้าเกิดขึ้นอีกครั้ง เพราะหลังจากก่อตั้งโครงการ SpaceX ได้เพียงเดือนเดียว ลูกชาย Nevada Alexander ก็เสียชีวิตลงด้วยโรค SIDS (Sudden Infant Death Syndrome) หรือ โรคตายอย่างเฉียบพลัน ด้วยวัยเพียง 10 สัปดาห์เท่านั้น

EBay PayPal
@chicago

ตุลาคม 2002 ebay ติดต่อเข้าซื้อกิจการ Paypal ด้วยราคาสูงถึง 1.5 พันล้านดอลล่าร์ และในฐานะที่อีลอนถือหุ้นใหญ่ที่สุด เขาจึงได้เงินส่วนแบ่งมากถึง 180 ล้านดอลล่าร์ อีลอนใช้เงินทุนทั้งหมดมาต่อยอดความฝัน นั่นคือ SpaceX ซึ่งแน่นอนว่า 180 ล้านดอลล่าร์ไม่มีทางพอ

เขาเชื่อว่าธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าน่าจะเป็นช่องทางหาทุนสนับสนุนโครงการ SpaceX ได้ดีที่สุด

ปี 2004 ในวัย 33 อีลอนจับมือกับ Martin Eberhard และ JB Straubel ก่อตั้ง Tesla Motors โดยเขาลงทุนเงินในธุรกิจนี้ถึง 70 ล้านดอลล่าร์ แถมเขายังได้ลูกชายฝาแฝดจากการทำเด็กหลอดแก้วในปีเดียวกันนี้ด้วย

อีลอน มัสก์, ทีมหมูป่าอะคาเดมี, ถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน
เป็นคุณพ่อที่อบอุ่นของลูกๆ @elonmusk

สองปีต่อมา เดือนมีนาคม 2006 SpaceX ทดลองปล่อยจรวดเป็นครั้งแรก ผลคือล้มเหลว แต่อีลอนกลับสามารถทำให้ NASA เซ็นสัญญาว่าจ้างระยะยาวให้ SpaceX เป็นผู้จัดส่งจรวดขนสัมภาระไปยังสถานีอวกาศ ISS

แถมยังก้าวหน้าไปอีกขั้นด้วยการลงทุนในบริษัทโซล่าร์ซิตี้ บริษัทผลิตพลังงานจากแสงอาทิตย์ ก่อนจะปิดท้ายปีด้วยข่าวดีสุดๆ เมื่อเขาได้ลูกชายแฝด 3 จากวิธีทำเด็กหลอดแก้วเหมือนเดิม

กราฟมีขึ้นมีลงฉันใด ชีวิตของอีลอนก็เป็นเฉกนั้น และ ปี 2008 ก็เป็นปีดิ่งเหวของเขา กรกฎาคม 2008 อีลอนหย่ากับภรรยาที่คลอดเด็กหลอดแก้วให้เขามาถึง 5 คน การทดลองจรวดครั้งที่ 2 และ 3 ล้มเหลว แถมยังสร้างความเสียหายให้นาซ่าด้วย

อีลอน มัสก์, ทีมหมูป่าอะคาเดมี, ถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน
@elonmusk

ในขณะเดียวกัน Tesla Motors ก็ประสบภาวะตึงตัว จากการสูญเงินสดมหาศาลในช่วงที่ Martin Eberhard เป็น CEO อีลอนใช้เงินตัวเอง 40 ล้าน และกู้เพิ่มอีก 40 ล้าน พยุงไม่ให้ Tesla ล้มละลาย พร้อมกับก้าวขึ้นเป็น CEO ของ Tesla ซะเอง

และแม้การทดลองจรวดครั้งที่ 4 จะประสบความสำเร็จ ทว่า SpaceX ก็กำลังสุ่มเสี่ยงว่าจะล้มละลายเหมือนกัน ข่าวว่าอีลอนถึงกับหลั่งน้ำตาเลยทีเดียว

สถานการณ์มาพลิกอีกครั้งในเดือนธันวาคม 2008 เมื่อนาซ่าตกลงเซ็นสัญญากับ SpaceX ในการขนส่งทางอวกาศ 12 เที่ยว มูลค่า 1.6 พันล้านดอลล่าร์ อีลอนทำให้นักลงทุนกลับมาเชื่อมั่นได้อีกครั้ง เขาสามารถระดมทุนให้กับ SpaceX และ Tesla ได้ทันเวลา รอดพ้นจากการล้มละลายได้อย่างหวุดหวิด

@elonmusk

ปี 2009 Tesla เปิดตัว Tesla Model S ส่งผลให้ปีถัดมาอีลอนเอาบริษัทเข้าตลาดหุ้น และเพิ่มทุนได้ถึง 226 ล้านดอลล่าร์  นอกจากนั้นเขายังเข้าซื้อโรงงานผลิตรถยนต์ที่เป็นโรงงานเก่าของโตโยต้า ซ้ำยังพบรักและแต่งงานใหม่กับ Talulah Riley ดาราสาวชาวอังกฤษ ก่อนจะหย่ากันใน 3 ปีให้หลัง

อีลอน มัสก์, ทีมหมูป่าอะคาเดมี, ถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน
@cityam

ปี 2011 อีลอนประกาศจะนำคนไปเหยียบดาวอังคารให้ได้ภายในปี 2021-2031 โดยมีแผนจะทำจรวดที่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ ซึ่งสามารถลดต้นทุนการเดินทางสู่อวกาศได้เป็นร้อยเท่า และก้าวย่างนับแต่นั้นก็คือความคืบหน้า

ไม่ว่าจะเป็นการทดสอบการลงจอดของจรวดในแนวดิ่ง ในเป้าหมายที่จำกัดพื้นที่ หรือการทดสอบการลงจอดของจรวดในทะเล ฯลฯ

@elonmusk

และแล้วในเดือนธันวาคม 2015 SpaceX Falcon 9 การทดลองนำจรวดกลับมาจอดยังฐานบนผืนน้ำเพื่อเติมพลังงานก็ประสบความสำเร็จเป็นครั้งแรกในโลก ซึ่งหมายความว่าแผนการนำจรวดกลับมาใช้ใหม่ ไม่ใช่เรื่องฝันเฟื่องอีกต่อไป

แถมเขายังต่อยอดความฝันด้วยก่อตั้งบริษัท Boring Company สร้างอุโมงค์ยักษ์ใต้ดินเพื่อใช้ในการเดินทางด้วยความเร็วสูง

@elonmusk

ดังนั้นเป้าหมาย Multi-Planet ที่จะสร้างอาณานิคมบนดาวดวงอื่น เพื่อความอยู่รอดของเผ่าพันธุ์มนุษย์ ก็น่าจะไม่ใช่เรื่องบ้าอย่างที่หลายคนเคยดูถูก หรือเยาะเย้ยถากถางอีกต่อไป

และสำหรับคนไทยนาทีนี้ การที่ อีลอน มัสก์ ชายที่มีเลือดนักสู้ในแบบที่ไม่มีวันยอมแพ้กับสิ่งใด ผู้ซึ่งมีความฝันจะปกป้องมนุษยชาติมิให้สูญพันธุ์ ตัดสินใจส่งทีมวิศวกรของ SpaceX และ Boring Company มาที่ประเทศไทยเพื่อช่วยทีมหมูป่าอะคาเดมีทั้ง 13 ชีวิต 

สิ่งนี้จึงมีชื่อเรียกว่าความหวัง

 

เรื่อง : Ghibli

ที่มาข้อมูล : en.wikipedia.org/wiki/Elon_Musk

ที่มาภาพ : เครดิตใต้ภาพ

 

อีลอน มัสก์

จากรถยนต์ไฟฟ้า Tesla สู่อาณานิคมบนดาวอังคาร เรื่องราวชีวิตของผู้ประกอบการที่อาจหาญที่สุดในยุคของเรา “อีลอน มัสก์”

https://www.amarinbooks.com/shop/elon-musk/

พระองค์หญิงสิริวัณณวรีฯ ทรงร่วมงาน Paris Fashion Week ทอดพระเนตรโชว์ระดับโอต์กูตูร์

พระองค์หญิงสิริวัณณวรีฯ เจ้าหญิงดีไซเนอร์ของไทย เสด็จฯ เข้าร่วม Paris Fashion Week  Haute Couture Fall Winter 2018/2019 ที่กำลังเกิดขึ้นในช่วงสัปดาห์นี้ด้วย 

เพิ่งเริ่มไปได้วันที่ 2 สำหรับParis Fashion Week Haute Couture Fall Winter 2018/2019 แฟชั่นโชว์ระดับโอต์กูตูร์ ณ กรุงปารีส ที่แต่ละแบรนด์ต่างประชันโชว์กันอย่างดุเดือด ซึ่งแฟชั่นโชว์ในครั้งนี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม ถึง 5 กรกฎาคม 2561 และในครั้งนี้พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ก็ได้เสด็จฯ เข้าร่วมงานแฟชั่นโชว์ระดับโลกในครั้งนี้ เหมือนกับปีที่ผ่านๆ มา โดยพระองค์หญิงทรงได้รับการ์ดเชิญจากแบรนด์ชั้นนำเพื่อให้เข้าร่วมชมโชว์ทุกครั้งที่มีการจัดขึ้น

สำหรับโชว์ที่พระองค์หญิงสิริวัณณวรีฯ ได้ทอดพระเนตรในวันที่ 2 ก.ค. ที่ผ่านมานั้นคือ แฟชั่นโชว์ของ Christian Dior และ Giambattista Valli โดยได้ประทับตรงฟร้อนท์เช่นเดียวกับทุกครั้ง และเมื่อพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ เสด็จฯ ออกมาพร้อมแฟชั่นอันงดงามที่พระองค์ทรงเลือก สื่อต่างชาติเองก็ไม่รอช้าที่จะบันทึกภาพเจ้าหญิงไทยไว้ และเผยแพร่ภาพของพระองค์หญิงด้วยความชื่นชมในพระปรีชาสามารถของพระองค์ ทั้งในเรื่องที่ทรงเป็นดีไซเนอร์และการแต่งพระองค์ที่พระสิริโฉมสะดุดตาเข้ากับพระองค์เองได้อย่างสมบูรณ์แบบ

 

พระองค์หญิงสิริวัณณวรีฯ ทรงร่วมงาน Paris Fashion Week  2018

 

Paris Fashion Week 

พระองค์หญิงสิริวัณณวรีฯ ในแฟชั่นโชว์ของ Christian Dior Haute Couture Fall Winter 2018/2019 ณ กรุงปารีส

 

Paris Fashion Week 

พระองค์หญิงสิริวัณณวรีฯ ในแฟชั่นโชว์ของ Giambattista Valli Haute Couture Fall Winter 2018/2019 ณ กรุงปารีส

 

พระองค์หญิงสิริวัณณวรีฯ ในแฟชั่นโชว์ของ Giambattista Valli Haute Couture Fall Winter 2018/2019 ณ กรุงปารีส

 

พระองค์หญิงสิริวัณณวรีฯ ในแฟชั่นโชว์ของ Giambattista Valli Haute Couture Fall Winter 2018/2019 ณ กรุงปารีส

ไม่ว่าจะเสด็จฯ เพื่อทอดพระเนตรแฟชั่นโชว์ของแบรนด์ไหน พระองค์หญิงสิริวัณณวรีฯ ก็พระสิริโฉมงดงามจริงๆ และฉลองพระองค์ที่ทรงเลือกนั้น ก็เข้ากับพระองค์ได้อย่างดี


ภาพ : www.zimbio.com

น่ารักน่าเอ็นดู ! ทำความรู้จักพระราชปนัดดาสุดคิวต์ทั้ง 6 พระองค์ของ ควีนเอลิซาเบธที่ 2

สุขใดคงไม่เท่า สุขที่มีครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตา ดังเช่น ควีนเอลิซาเบธที่ 2 ที่ตอนนี้พระองค์ทรงมีพระราชปนัดดา (เหลน) ถึง 7 คน มาคอยสร้างความสุขและรอยยิ้มให้เสมอ

ทุกๆ ครอบครัวมักมีสายสัมพันธ์เครือญาติที่แน่นแฟ้น เช่นเดียวกับ ราชวงศ์อังกฤษที่ทรงมีพระประมุขคือสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร ซึ่งพระองค์ทรงเป็นพระราชมารดาของพระราชโอรส พระราชธิดา 4 พระองค์ ทรงเป็นสมเด็จย่าของพระราชนัดดา 8 พระองค์ และทรงเป็นสมเด็จทวดของพระราชปนัดดา 7 พระองค์ ในพระชนมายุ 92 พรรษา

@royalsofwindsor

ควีนเอลิซาเบธที่ 2

จากบรรดาพระราชปนัดดาทั้งหมดของควีนเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักรนั้น หลายคนคงคุ้นหน้าคุ้นตากับเจ้าชายจอร์จและเจ้าหญิงชาร์ลอตต์เป็นอย่างดี แต่จริงๆ แล้วพระองค์ยังมีพระราชปนัดดา อีก 5 คน

ลิสต์นี้แพรวจะพาทุกคนไปทำความรู้จักเด็กๆ แห่งราชวงศ์อังกฤษ 3 พระองค์ และ 3 คน ส่วนคนที่ 7 เนื่องจากเพิ่งลืมตาดูโลกเมื่อปลายเดือนที่แล้ว จึงยังไม่มีภาพเผยแพร่ออกมา

Savannah Phillips (ซาวันนาห์ ฟิลลิปส์)

ภาพที่สาวน้อยคนหนึ่งทำหน้าตาทะเล้น แถมยังเอามือปิดปากเจ้าชายจอร์จในงาน Trooping the Colour 2018 สร้างความขบขัน น่าเอ็นดูให้กับคนที่ได้เห็นและอยากรู้ว่า หนูน้อยคนนี้คือใคร

@goodhousekeeping

 

ควีนเอลิซาเบธที่ 2
royalchildren_europe

เธอคือ ซาวันนาห์ ฟิลลิปส์ เหลนคนแรกของควีนเอลิซาเบธที่ 2 เป็นลูกของ ปีเตอร์ และ ออทั่ม ฟิลลิปส์ โดย ปีเตอร์นั้นเป็นบุตรชายคนโตของ เจ้าหญิงแอนน์ พระราชธิดาของควีน ซาวันนาห์เกิดเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2553 ที่โรงพยาบาล Gloucestershire Royal เมือง Gloucester ประเทศอังกฤษ ปัจจุบันสาวน้อยคนนี้อายุ 7 ปี และยังเป็นรัชทายาทลำดับที่ 15 ในการขึ้นครองราชย์อีกด้วย

เพราะเป็นเหลนคนแรก ในวันที่ซาวันนาห์เข้าพิธี Christening (พิธีรับศีลจุ่มเข้าร่วมเป็นสาวกชาวคริสเตียน) ควีนเอลิซาเบธจึงทรงเข้าร่วมพิธีนี้ด้วย พิธีนี้จัดขึ้นที่ โบสถ์ Holy Cross ในเมือง Avening ซาวันนาห์สวมชุดวันเข้าพิธีแบบเดียวกันกับชุดของพระธิดาและพระโอรสของควีนวิคตอเรียที่เคยใส่เมื่อครั้งเข้าร่วมพิธีนี้ เป็นชุดที่ออกแบบโดย Angela Kelly ผู้เชี่ยวชาญด้านการแต่งกายของควีนเอลิซาเบธที่ 2 นอกจากนี้ยังเป็นชุดเดียวกันกับที่เจ้าชายจอร์จ และเจ้าหญิงชาร์ลอตต์เคยใส่ในพระราชพิธีเดียวกันด้วย รวมถึง Isla Phillips น้องสาวของเธอก็ใส่ชุดนี้เช่นเดียวกัน

และถึงแม้ซาวันนาห์จะมีเชื้อสายเป็นราชวงศ์ แต่ปีเตอร์ และ ออทั่ม ฟิลลิปส์  กลับดูแลสาวน้อยคนนี้แบบเด็กสามัญชนทั่วๆ ไป เธอจึงได้ทำกิจกรรมที่ชื่นชอบมากมาย ซึ่งส่วนใหญ่ดูจะออกแนวทะโมนซะมาก

@todayworldnews

Isla Phillips (อิสลาห์ ฟิลลิปส์)

อิสลาห์ ฟิลลิปส์ หรือชื่อเต็ม อิสลาห์ เอลิซาเบธ ฟิลลิปส์ ลูกสาวคนที่สองของ ปีเตอร์ และออทั่ม ฟิลลิปส์ หนูน้อยอิสลาห์เกิดเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2555 ปัจจุบันอายุ 6 ปี และอยู่ในอันดับที่ 16 ในการขึ้นครองราชย์

@royalchildren_europe

เรามักจะได้เห็นสาวน้อยคนนี้ทำกิจกรรมร่วมกับพี่สาว ซาวันนาห์ ฟิลลิปส์ กับเจ้าชายจอร์จและเจ้าหญิงชาร์ลอตต์ ซึ่งงานล่าสุดที่เราได้เห็นเธอนั้นคืองาน  Trooping the Colour 2018 และงานแข่งขันโปโล และเช่นเดียวกับ ซาวันนาห์พี่สาวของเธอ ปีเตอร์และออทั่ม มักจะให้อิสลาห์มีอิสระได้ทำกิจกรรมตามประสาเด็ก

สองพี่น้องตระกูลฟิลลิปส์

Prince George (เจ้าชายจอร์จ)

@kensingtonroyal

เมื่อครั้งที่เจ้าชายวิลเลียมและเจ้าชายแฮร์รี่ยังเด็ก สองพระองค์ทรงเรียกควีนเอลิซาเบธที่ 2 ว่า “Gray” ปัจจุบันถึงแม้จะทรงโตเป็นหนุ่มใหญ่มีครอบครัวแล้ว แต่ทั้งคู่ก็ยังทรงใช้คำนี้เรื่อยมา พลอยทำให้เจ้าชายจอรจ์ทรงมีคำเรียกสมเด็จทวดที่น่าเอ็นดูเช่นเดียวกับพระบิดาว่า “Gan Gan”

เจ้าชายจอร์จ และเจ้าหญิงชาร์ลอตต์

เป็นที่ทราบกันดีว่า เจ้าชายจอร์จเป็นพระโอรสองค์แรกของเจ้าชายวิลเลียมและ เคท มิดเดิลตัน ดยุคและดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ และยังทรงเป็นรัชทายาทลำดับที่ 3 ของราชวงศ์ด้วย อีกทั้งยังทรงเป็นพระเชษฐาของเจ้าหญิงชาร์ลอตต์ และเจ้าชายหลุยส์

เจ้าชายจอร์จในพิธี Christening (PA)

เจ้าชายจอร์จ และเจ้าลูโป้ สุนัขทรงเลี้ยง (PA)

เห็นแบบนี้ใครๆ ก็ว่าเจ้าชายจอร์จทรงเป็นเด็กขี้อาย แต่ความจริงแล้วพระองค์ทรงซุกซน รักธรรมชาติและรักสัตว์เหมือนกับเจ้าฟ้าชายชาลล์ เสด็จปู่ของพระองค์ ข่าวว่าทั้งสองพระองค์ทรงสนิทสนมกันมากๆ แถมเวลาที่เจ้าชายจอร์จอยู่หน้ากล้องก็ไม่มีอาการเขินอาย ทรงมีโมเมนต์น่ารักๆ ให้ช่างภาพแชะได้ตลอดเวลา

@catherine.duchessofcambridge

นอกจากนี้พระองค์ยังทรงถูกสื่ออังกฤษยกให้เป็น สุภาพบุรุษแต่งกายดีที่สุดของเกาะอังกฤษ โดยทรงติดอันดับที่ 49 แน่นอนว่าเราต้องยกความดีให้กับพระมารดา และแนนนี่ (พี่เลี้ยง) ที่คัดสรรชุดตัวเก่งจนทำให้เจ้าชายจอร์จทรงดูหล่อเท่ตั้งแต่เด็ก กลายเป็นเจ้าชายอีกหนึ่งพระองค์ที่ทรงป็อบปูล่ามากที่สุดในโลก

Mia Tindal (มีอา ทินดัลล์)

มีอา ทินดัลล์ หรือ มีอา เกรซ ทินดัลล์ บุตรสาวของ ไมค์ และซาร่า ทินดัลล์ สาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มคนนี้ เป็นรัชทายาทลำดับที่ 18 ของราชวงศ์อังกฤษ

มีอาเป็นเด็กที่ชื่นชอบการทำกิจกรรมเอ้าท์ดอร์มากๆ เธอมักทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกับซาวันนาห์และอิสลาห์ ฟิลลิปส์ ลูกพี่ลูกน้องของเธอ  เวลาสาวน้อยทั้งสามคนนี้เจอกัน เลยมักมีภาพสดใสน่ารักมาให้เราเห็นเสมอ

เรื่องราวน่ารักของมีอากับเสด็จทวดที่ทำให้คนอมยิ้มคือ เมื่อควีนทรงมีรับสั่งให้หนูน้อยช่วยถือกระเป๋าให้หน่อย ในวันที่ควีนทรงฉายพระบรมฉายาลักษณ์ร่วมกับพระราชปนัดดา มีอาตอบตกลงและทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม ไม่เชื่อคุณก็ดูสิ น่าเอ็นดูจริงๆ นะ

จากเด็กน้อยที่เป็นลูกสาวคนเดียว ตอนนี้เธอกลายเป็นพี่สาวคนโตแล้ว เพราะซาร่า คุณแม่ของเธอเพิ่งคลอดน้องสาว เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2561 ที่ผ่านมานี้เอง โดยเบบี๋คนนี้มีชื่อว่า ลีน่า เอลิซาเบธ ทินดอร์ ให้สังเกตชื่อกลาง มาจากควีนเอลิซาเบธที่ 2 นั่นเอง และถึงแม้ตอนนี้จะยังไม่มีภาพของหนูน้อยคนน้องปรากฏออกมาให้เห็น แต่เชื่อว่าคงอีกไม่นานเกินรอแน่นอน

Princess Charlotte (เจ้าหญิงชาร์ลอตต์)

เจ้าหญิงชาร์ลอตต์ เจ้าหญิงองค์น้อยๆ ที่ทำเอาใจของใครหลายๆ คนทั่วโลกละลาย เพราะความน่ารักที่พระองค์ทรงมีนั้นช่างมากมายเหลือเกิน พระองค์ทรงเป็นพระธิดาของดยุคและดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ ทรงเป็นรัชทายาทลำดับที่ 4 ซึ่งถ้าจะให้เราเล่าความน่ารักทั้งหมดของเจ้าหญิงน้อยพระองค์นี้ บอกเลยว่าเยอะมากจริงๆ ค่ะคุณ เราเลยลิสต์ 20 ข้อ ต้องรู้ ทำไม เจ้าหญิงชาร์ลอตต์ แห่งเคมบริดจ์ เป็นที่รักของคนทั่วโลก มาให้แฟนคลับของเจ้าหญิงชาร์ลอตต์ได้อ่านกัน รับรองว่าคุณจะหลงรักเจ้าหญิงพระองค์นี้จนถอนตัวไม่ขึ้น

Prince Louis (เจ้าชายหลุยส์)

เจ้าหญิงชาร์ลอตต์ และเจ้าชายหลุยส์

ใกล้เข้ามาทุกทีกับพิธี Christening (พิธีรับศีลจุ่มเข้าร่วมเป็นสาวกชาวคริสเตียน) ของเจ้าชายหลุยส์ รัชทายาทลำดับที่ 5 ของราชวงศ์อังกฤษ พระราชปนัดดาองค์ที่ 6 ของควีนเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร ทารกน้อยพระองค์นี้ทรงเกิดเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2561 เมื่อเวลา 11.01 น. นับว่าเป็นข่าวดีแห่งปีอีกข่าวหนึ่งในปีนี้  ข่าวว่ามีประชาชนตั้งหน้าตั้งตานับวันรอที่จะได้เห็นเจ้าชายหลุยส์เติบโตอย่างใจจดใจจ่อ ไม่รู้ว่าพระพักตร์ของพระองค์จะเหมือนใครกันน้า

ข้อมูล : https://www.nowtolove.com.au, http://www.thisisinsider.com

ณ ป้อมเพชร

ดร.สิริพรเผยกับแพรว! อยากอุ้มหลานสืบตระกูล ณ ป้อมเพชร ยินดีได้เจนี่เป็นสะใภ้

Alternative Textaccount_circle
ณ ป้อมเพชร
ณ ป้อมเพชร

ความรักไม่มีรูปแบบที่ตายตัว ไม่มีข้อจำกัดเราสามารถมองได้ในมุมมองของแต่ละคน เช่นเดียวกับความรักครั้งล่าสุดของนางเอกชื่อดัง เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ” ที่เธอตัดสินใจแน่นอนแล้วว่า จะสละโสดครั้งที่ 2 กับหนุ่มตระกูลดัง มิกกี้-นนท์ อัลภาชน์ ณ ป้อมเพชร

ณ ป้อมเพชร
ภาพเบื้องหลังการถ่ายทำ นิตยสารแพรว

หากพูดถึงข่าวในวงการบันเทิงที่เป็นเรื่อง ทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ ที่สุดในรอบวันนี้ คงไม่มีอะไรจะฮือฮาไปกว่าข่าวความรักของนางเอกมากฝีมือ “เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ” กับหนุ่มคนดัง “มิกกี้-นนท์ อัลภาชน์ ณ ป้อมเพชร” เพราะล่าสุดมีการยืนยันว่าทั้งคู่รักกำลังจะกลายเป็นคู่แต่งงานในเร็วๆ นี้ ภายหลังจากที่ฝ่ายชายได้คุกเข่าขอเธอแต่งงานระหว่างการออกทริปที่สหรัฐอเมริกา โดยฝ่ายหญิงเองก็ได้ตอบเซย์เยสเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วย

และจากเรื่องนี้เองทำให้ แพรวดอทคอม มีโอกาสพูดคุยกับ ดร.สิริพร คุณแม่ของมิกกี้ ในเรื่องนี้โดยบอกว่ากับเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องสวยงาม คุณพ่อคุณแม่รออยู่ว่าจะเป็น coast ไหนใน California ลูกชายไม่เคยปิดบัง โดยก่อนที่จะมีการคุกเข่าขอแต่งงานเขาก็ได้ปรึกษาหารือกับตนและผู้ใหญ่ของฝ่ายหญิงมาก่อนแล้ว

“จริงๆ คู่นี้เขารู้จักและสนิทสนมกันมาพักใหญ่แล้ว ตั้งแต่เริ่มรู้จักกันความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็อยู่ในสายตาผู้ใหญ่มาตลอด แล้วทางเราก็ให้เกียรติคุณเจนี่ กับเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตของทั้งคู่ มิกกี้เป็นลูกคนเดียวของครอบครัว ที่ผ่านมาลูกก็ไม่เคยปิดบังอะไรอยู่แล้ว มีอะไรก็จะคุยกันทุกเรื่อง กับเรื่องนี้จึงก็พอทราบอยู่ ทางเราก็ได้คุยกับผู้ใหญ่ของคุณเจนี่ไว้แล้วด้วย”

ณ ป้อมเพชร
ดร.สิริพร อัลภาชน์ ณ ป้อมเพชร คุณแม่ของ มิกกี้

ฤกษ์แต่งงานคุณแม่คิดไว้หรือยังว่าจะเป็นช่วงไหน?

“คือตอนนี้อาจต้องรอนิดหนึ่งค่ะ รอฤกษ์จากพระที่ครอบครัวนับถือ ตอนนี้กำลังดูวันที่ดีที่สุดสำหรับสองคนอยู่ ท่านว่าวันไหนก็วันนั้นเพราะบางทีก็เราเลือกไม่ค่อยได้ คิดว่าอีกไม่นานคงจะได้ทราบกันค่ะ”

ตั้งแต่มีความรักคุณแม่คิดว่ามิกกี้เปลี่ยนไปในด้านไหนบ้าง?

“เขาเปลี่ยนไปในทางที่ดีหลายอย่าง เช่นเรื่องงาน ทางคุณเจนี่ก็ช่วยอธิบายและช่วยแนะนำอะไรที่เขาไม่เข้าใจได้ ความคิดก็เหมือนกันมิกกี้อยู่ต่างประเทศมานานเขาเป็นคนที่มีความคิดเป็นของตัวเอง บางครั้งเขาอาจจะคิดต่างจากคนอื่นมองต่างมุมจากคนอื่น แต่คุณเจนี่ก็ช่วยแนะนำอะไรได้เยอะ คงเป็นเพราะพูดภาษาเดียวกันอีกทั้งยังเติบโตที่แคลิฟอร์เนียเหมือนกันเลยทำให้เข้ากันได้ดี อีกอย่างหนึ่งคือมิกกี้ใจเย็นขึ้น แม่เลยมองว่าเขาสนับสนุนกันดีและให้เกียรติกันดีมากๆ

ณ ป้อมเพชร

ระยะเวลา 7-8 เดือนที่คบกันจนถึงตอนขอแต่งงาน หลายคนก็อดกังวลไม่ได้ว่า ระยะเวลาอาจเร็วเกินไปหรือเปล่า?

“แม่มองว่าเรื่องเวลาอาจไม่ใช่ปัจจัยหลัก เพราะอย่างคุณแม่กับคุณพ่อก็รู้จักกันแค่ 5-6 เดือน ก็ตัดสินใจแต่งงานกันจนถึงวันนี้ก็ 30 ปีแล้ว แม่มองว่าถึงคบกันไม่ถึง 1 ปี แต่ทั้งคู่ได้เรียนรู้กันเยอะอาจจะมากกว่าคู่ที่รู้จักกันเป็นปีก็ได้ อย่างที่แม่เคยเรียนไปแล้วว่าเขาเป็นเพื่อนทางปัญญากัน ผู้ใหญ่เลยไม่ได้มองว่าระยะเวลามันจะรวดเร็วไปหรืออะไร เพราะว่าเรามามองถึงระยะเวลาที่เขาอยู่ด้วยกันและเวลาที่รู้จักกันมันก็มีส่วน”

อย่าง เจนี่ เคยไม่ประสบความสำเร็จกับชีวิตแต่งงาน มิกกี้เองก็ไม่เคยมีครอบครัวมาก่อน คุณแม่มีคำแนะนำเกี่ยวกับการประคับประคองชีวิตคู่ให้กับทั้งสองอย่างไรบ้าง?

“คุณพ่อ (คุณตาป้อมเพชร ณ ป้อมเพชร) เคยสอนลูกหลานมาตลอดว่า สิ่งแรกในการดำเนินชีวิตคู่คือ 1.ต้องยกย่องกันและกัน 2.ความรักประกอบไปด้วยความเมตตา,กรุณา,เอื้ออาทร อีกสิ่งที่สำคัญคือ 3.การทำตัวให้เล็กๆ ทำหัวใจให้ใหญ่ๆ อันนี้เป็นพื้นฐานของการที่จะรักกันได้นานๆ และในเรื่องของการใช้ชีวิต ทางคุณตาก็เคยสอนทั้งคุณแม่และมิกกี้ด้วยว่า พื้นฐานแรกในการสร้างครอบครัวให้นึกไว้เลยว่า “อยู่อย่างรวยจะไม่มีวันรวย อยู่อย่างจนจะไม่มีวันจน” มันต้องเริ่มและร่วมสร้างมาด้วยกัน จะทำให้เขาเพิ่มมูลค่าในสิ่งที่เขาสร้างมาได้ดีกว่าสิ่งที่พ่อแม่มอบให้”

คิดไปถึงเรื่องหลานบ้างหรือยังคะ?

“อยากให้รีบมีหลานด้วยค่ะ จริงๆ แล้วเดี๋ยวคงต้องคุยกันเพราะว่ามิกกี้เป็นลูกชายคนเดียว ก็เลยคิดว่าถ้าเขามีลูกก็อยากให้ใช้นามสกุล ณ ป้อมเพชร ต่อไป เพราะเราเป็นสายตรง อีกทั้งมิกกี้เป็นลูกชายคนเดียวก็อยากให้เขามีลูก ไม่ว่าชายหรือหญิงอยากจะขอให้ใช้นามสกุลนี้ต่อไป ”

ณ ป้อมเพชร

ครอบครัว ณ ป้อมเพชร มีฟีดแบ็คกับข่าวดีนี้อย่างไรบ้าง?

“เป็นข่าวดี ทุกคนก็ยินดีด้วยค่ะ เพราะทุกคนก็ทราบและให้เกียรติกับการตัดสินใจของมิกกี้ และตัวของคุณเจนี่เป็นคนน่ารัก เป็นคนดี เป็นคนที่กตัญญู จิตใจดี คนเก่ง และแกร่ง คุณแม่มั่นใจว่าคุณเจนี่จะเป็นภรรยาและคุณแม่ที่ดี”

ระหว่างทางนี้อาจเจอกับคนที่ยินดีและคนที่วิจารณ์ คุณแม่อยากบอกอะไรกับพวกเขาบ้าง?

“แม่ก็อยากให้ร่วมยินดีกับสองคนนี้ด้วย อย่าไปมองเรื่องอะไรที่มันอาจจะไม่สวยงามนัก อย่างที่แม่เคยบอกว่า มนุษย์ปุถุชนคนธรรมดา มิกกี้เองก็มีข้อไม่ดี คุณแม่ก็มี ทุกคนมีหมด แต่ถ้าเรารู้ว่าอันไหนเป็นข้อไม่ดีและเอามาพัฒนาย่อมดีกว่า การให้โอกาสให้กำลังใจ การได้เห็นว่าเขาเอาข้อเสียมาพัฒนาตัวเองคุณแม่ว่ามันน่ายินดีออก และอยากจะให้แสดงความยินดีกับคู่นี้ด้วย”

คุณแม่มองว่าสองคนนี้มีอะไรที่เหมือนกันบ้าง?

“เขามีอะไรเหมือนกันหลายๆ อย่าง เช่น นิสัยใจคอ หน้าตาก็คล้ายๆ กัน ตั้งแต่แรกที่เจอหน้าตาก็แอบนึกอยู่ แต่ว่าก็ไม่ได้อะไรมาก เขาก็เกิดที่แคลิฟอร์เนียเหมือนกัน ทั้งคู่เป็นคนจริงใจ เป็นคนตรงๆ ไม่อ้อมค้อม รักก็คือรัก รักใครรักมากเต็มสุดๆ และประการสำคัญคือทั้งคู่เป็นคนที่มีความกตัญญู รู้คุณ รักครอบครัว ตรงนี้เป็นอะไรที่ดีมาก เพราะว่ามิกกี้เป็นลูกคนเดียว ใครที่ก้าวเข้ามาในชีวิตของมิกกี้ก็ต้องยอมรับว่ามิกกี้ไม่ได้เลือกคู่ครองแค่คนเดียว คุณพ่อคุณแม่ก็ต้องมีส่วนในการเลือกด้วย เรามีแค่นี้แหละ คุณพ่อคุณแม่ก็ดีใจกับมิกกี้ที่เขาได้เจอคนที่เขารักได้เจอคนที่เขาอยากจะสร้างครอบครัวด้วยอยากจะให้ทุกคนยินดีไปด้วยค่ะ”

ณ ป้อมเพชร
ภาพครอบครัว

อย่างไรก็ตามคุณแม่ทิ้งท้ายว่า “ที่ผ่านมาครอบครัวเราเห็นใจคุณเจนี่มากๆ คุณเจนี่เป็นคนดังเลยเป็นที่จับตามองของสังคมบางครั้งเรารู้สึกสะท้อนว่าทำไมเรื่องความทุกข์ของคุณเจนี่กลับกลายเป็นเรื่องของสาธารณะทำไมเรื่องของความสุขของคุณเจนี่ต้องเก็บไว้คนเดียวจริงๆ แล้วมันไม่ควรเป็นแบบนั้น ชีวิตคนเราสั้นนัก ความสุขก็น่าจะแบ่งปันกันได้แล้ว ความทุกข์ทุกคนก็มีเหมือนกันหมด ก็อยากจะขอพื้นที่ขอให้เกียรติ ให้ความเมตตาในการตัดสินใจทุกๆ เรื่อง คนเรามีทุกข์มีสุขคละกันไปมันเป็นชีวิต”


เรื่อง : snowblack_แพรวดอทคอม

โน้ต-อุดม ออกตัวแรง! เข้าทางแม่ จีบเบลล่า ตีท้ายครัวเวียร์กลางกองถ่ายแฟชั่นแพรว

โน้ต-อุดม ออกตัวแรง! เข้าทางแม่ จีบเบลล่า ตีท้ายครัวเวียร์กลางกองถ่ายแฟชั่นแพรว…คนจริง 2018 แฮชแท็กนี้ต้องยกให้พี่โน้ต-อุดม แต้พานิช ที่กล้าเปิดเผยความในใจชัดเจนว่าฮีปลื้มนางเอกสาว “เบลล่า-ราณี” สุดๆ เห็นได้จากการมาถ่ายแฟชั่นให้กับนิตยสารแพรว ปักษ์วันที่ 25 มิถุนายน 2561 ที่เพิ่งวางแผงฉบับล่าสุดนั่นเอง

ออกอาการเกินหน้าเกินตามากจริงๆ ตั้งแต่ประกาศตัวชัดในไอจีส่วนตัวที่เพิ่งจะเล่นได้ไม่นานว่าปลื้มนางเอกสาวเบลล่าสุดๆ จนกระทั่งได้มาถ่ายแฟชั่นคู่ร่วมกันครั้งแรกให้กับนิตยสารแพรว งานนี้ไม่ได้จะมีภาพไก่กานะจ๊ะ เซ็ตรูปคู่เพียบ คนที่แลดูจะมีความสุขที่สุด คงหนีไม่พ้น หนุ่มที่ชื่ออุดม แต้พานิช นี่แหละจ้า

โน้ต-อุดม ออกตัวแรง! เข้าทางแม่ จีบเบลล่า ตีท้ายครัวเวียร์กลางกองถ่ายแฟชั่นแพรว

  

แหม่…แต่ละรูปไม่รู้ว่าลุงเวียร์จะหัวร้อนแค่ไหน เพราะระหว่างการถ่ายแฟชั่นพี่โน้ตก็ออกตัวแร๊งแรง เข้าทางคุณแม่สุดฤทธิ์ ถึงกับบอกว่า เดี่ยวไมโครโฟนคราวนี้ เข้าฟรีที่นั่งวีไอพีอีกต่างหาก แต่มีข้อแม้อย่างเดียวว่า อย่าพาคนนั้นไปนะ (หมายถึงเวียร์) เพราะเดี๋ยวเจ้าตัวไม่มีกำลังใจจะเล่น…พูดมาขนาดนี้สรุปคิดจริงใช่ไหมคะพี่โน้ต? ^ ^

 

อ่านบทสัมภาษณ์แบบเต็มๆ ได้ที่ นิตยสารแพรว ฉบับวันที่ 25 มิถุนายน 2561

 

เจฟฟ์ เบซอส อดีตมหาเศรษฐีอันดับ 1 ของโลก กับทรัพย์สินที่ใช้ทั้งชาติก็ไม่มีหมด

account_circle

เจฟฟ์ เบซอส อดีตมหาเศรษฐีอันดับ 1 ของโลก เจ้าของ Amazon.com กับทรัพย์สินในครอบครองมูลค่าสุทธิ 186.6 แสนล้านดอลลาห์สหรัฐ ใช้ทั้งชาติก็ไม่มีวันหมด!

ใช่ค่ะ คุณอ่านไม่ผิด 186.6 แสนล้านดอลลาห์สหรัฐ  เอาสิบนิ้วของคนล้านคนขึ้นมานับก็ยังนับไม่พอเลยค่ะคุ้ณ ล้มแชมป์ บิลล์ เกต ที่รวยติดอันดับ 1 ของโลกมาหลายสมัย ชนิดที่ว่าแซงหน้าบิลล์ไปแบบไม่ทันตั้งตัว

แต่ใช่ว่านายเบซอสจะรวยแต่กำเนิด โนค่ะ เขาก็เป็นคนธรรมดา ที่ทำมาหาเลี้ยงชีพเหมือนพวกเรานี่แหละ แต่ใจเด็ดลาออกจากงานประจำที่มั่นคง เพื่อมาทำตามความฝันจนประสบความสำเร็จ ดวงคนจะรวย เอาแมมมอธมาฉุดก็ไม่อยู่เด้อ แต่ถึงจะรวยล้นฟ้า เจฟฟ์กลับใช้ชีวิตแบบติดดินสุดสมถะ และยังทำงานเหมือนคนเดินดินทั่วไป

แพรวพาส่องชีวิตประจำวันของ เจฟฟ์ เบซอส ชายที่ได้ชื่อว่ารวยที่สุดในโลกประจำปี 2018 และดูเหมือนว่าในปีต่อไปๆ ก็ยังคงเป็นเขาอีกแน่นอน เพราะอะไร ต้องตามไปอ่าน แต่บอกได้คำเดียวว่า หากคุณมีวิธีคิดแบบผู้ชายคนนี้ คุณอาจจะรวยโดยไม่รู้ตัว ก็เป็นได้

“I knew that if I failed I wouldn’t regret that, but I knew the one thing I might regret is not trying.” – Jeff Bezos (ผมรู้ว่าถ้าผมผิดพลาด ผมจะไม่เสียใจ แต่ผมจะเสียใจแน่นอนถ้าไม่ได้ลงมือทำ)

เจฟฟ์ เบซอส
นายไมค์ เบซอส และ นางแจ็คลิน เบซอส

เจฟฟ์ เบซอส หรือชื่อเต็ม Jeffrey Preston Jorgensen เป็นลูกชายของ Ted Jorgensen และ  Jacklyn Preston  Gise ในช่วงที่เจฟฟ์เกิดนั้น Ted เพิ่งจะอายุ 18 ส่วน Jacklyn (คุณแม่วัยใส) อายุ 16 เรียกได้ว่าทั้งคู่ยังอยู่ในช่วงวัยรุ่น อาจจะเพราะสาเหตุนี้ทำให้เท็ดไม่ใส่ใจลูกเท่าที่ควร วันๆ เขาเอาแต่กินเหล้าจนเมา และไม่ทำงานทำการ ทำให้แจ็คลินหมดความอดทน ขอหย่ากับเท็ดขณะที่อยู่กินกันมาเพียง 1 ปี

หลังจากนั้นเธอก็เลี้ยงดูเด็กชายเจฟฟรีย์เรื่อยมาจนเขาอายุครบ 4 ขวบ จึงได้แต่งงานใหม่กับ Miguel Bezos หรือไมค์ เบซอส ชายชาวคิวบาที่อพยพเข้ามาใช้ชีวิตในประเทศสหรัฐอเมริกา ไมค์ดูแลและรักหนูน้อยเจฟฟรีย์เสมือนลูกแท้ๆ ของเขา และเจฟฟ์ก็รักไมค์มากเช่นกัน ถึงแม้เขาจะเพิ่งมารู้ความจริงเมื่อตอน 10 ขวบ ว่าจริงๆ แล้วไมค์ไม่ใช่พ่อแท้ๆ ของเขาก็ตาม

เจฟฟ์จบการศึกษาด้วยเกียรตินิยมอันดับ 1 สาขาวิศวคอมพิวเตอร์และอิเล็กทรอนิคส์ จากมหาวิทยาลัย Princeton ในปี 1986 หลังจากเรียนจบเขาทำงานหลากหลายบริษัทใน Wall Street เช่น Fitel, Banker Trust ก่อนลาออกในที่สุดท้ายคือ  D. E. Shaw & Co ในตำแหน่งรองประธานอาวุโส ด้วยวัยเพียง 28 ปี และที่นี่เองที่เขาได้พบรักกับ Mackenzie S. Tuttle ภรรยาที่ใช้ชีวิตด้วยกันมาจนถึงทุกวันนี้

เด็กชายเจฟฟ์หนอนหนังสือตัวยง ตอนเด็กๆ เขาชอบอ่านหนังสือมาก และในวัย 5 ขวบ เจฟฟ์เคยดูการถ่ายทอดการลงจอดบนดวงจันทร์ของยานอวกาศ Apollo 11 นั่นทำให้เขาใฝ่ฝันว่าจะต้องเป็นนักบินอวกาศให้ได้ และถึงแม้เมื่อโตขึ้นมาแล้วเจฟฟ์จะไม่ได้เป็นนักบินอวกาศ แต่ความฝันที่อยากขึ้นไปบนนั้นก็ไม่ได้หายไป เขาสานฝันต่อโดยการก่อตั้งบริษัท Blue Origin ในปี 2003 พร้อมกับทดลองสร้างจรวด แต่เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อเขาเกิดอุบัติเหตุทางเฮลิคอปเตอร์ ซึ่งทำให้เขาเข็ดจนไม่กล้าขึ้นมันอีกเลย

ในวันที่ยังไม่มี Google สองสามีภรรยาร่วมกันก่อตั้งบริษัทขายหนังสือออนไลน์ ซึ่งในสมัยก่อนเวลาค้นหาเว็บไซต์จะเริ่มต้นด้วยตัวเลข 1 ไปเรื่อยจนถึงตัวอักษร A-Z โดยชื่อแรกที่พวกเขาตั้งคือ Aard.com และยังมีอีกหลายชื่อที่เขาและภรรยานำไปจด ซึ่งเขาคิดว่ามันเป็นข้อดีเพราะค้นหาง่าย แต่เหมือนอะไรมาดลใจเมื่อเจฟฟ์กวาดสายตาไปในหนังสือและพบกับคำว่า Amazon อย่างที่รู้กันดีว่า แม่น้ำอเมซอนเป็นแม่น้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก และชื่อนี้ก็เป็นอีกนัยยะหนึ่งว่า เขาอยากให้อเมซอนเป็นคลังหนังสือที่ใหญ่ที่สุดในโลกเช่นกัน

ความสำเร็จไม่ได้มาโดยง่าย สองสามีภรรยาเริ่มจากใช้โรงรถที่บ้านมาทำเป็นออฟฟิศ จากพนักงานที่มีกันอยู่สองคน (ตัวเขาและภรรยา) ก็เริ่มขยับมาเป็น 4 คน ด้วยเงินทุนเพียง $10,000 อาจจะฟังดูแล้วเหมือนง่ายที่เริ่มต้นด้วยเงินและคนเพียงเท่านี้ แต่ในความเป็นจริงแล้วเขาต้องยืมเงินจากญาติและธนาคารร่วมล้านเหรียญสหรัฐ รวมถึงนำทรัพย์สินที่มีไปจำนองเพื่อนำไปจ้างทีมงานระดับเทพให้มาเขียนโปรแกรม รวมถึงตัวเขาเองก็ร่วมเขียนกับทีมงานด้วย กว่าจะสำเร็จพร้อมเปิดตัวเว็บไซต์อเมซอนบอกเลยว่าไม่ง่าย

เมื่อสำเร็จแล้วจะรักษายังไง ใช่ว่าเจฟฟ์จะไม่เจออุปสรรคเลยกับการก่อตั้งอเมซอนและธุรกิจอื่นๆ ของเขา ธุรกิจของเจฟฟ์เคยขาดทุนย่อยยับ สูญเงินไปกว่า 270 ล้านดอลลาห์สหรัฐ ผ่านวิกฤตฟองสบู่แตก และอื่นๆ อีกมากมาย กว่าจะก้าวขึ้นมาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดของโลก บอกเลยว่าไม่ง่ายอีกเช่นกัน

Related image

คนที่จะประสบความสำเร็จในชีวิต ไม่ใช่แค่มีเงินเท่านั้น ดังเช่น เจฟฟ์ในวันนี้ วันที่เขาร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐี แต่ชีวิตประจำวันของเขาก็ยังคงทำเหมือนเดิมตั้งแต่วันที่เริ่มต้นจากศูนย์ เจฟฟ์ยังคงทำงานหนักทุกวัน แต่ก็ไม่เคยละเลยครอบครัวเลยแม้แต่วันเดียว และถึงเขาและอดีตภรรยาจะมีลูกแท้ๆ ของตัวเอง แต่ก็ยังใจบุญรับเด็กหญิงชาวจีนมาเป็นลูกบุญธรรมอีกคน

เจฟฟ์ เบซอส

คงไม่มีใครตื่นนอน โดยไม่ใช้นาฬิกาปลุก แต่ไม่ใช่กับเจฟฟ์ เขาไม่เคยใช้นาฬิกาปลุกเลย แต่กลับใช้วิธีตื่นแบบธรรมชาติ!!! ทำได้ยังไงน่ะเหรอ เบสิคค่ะ ก็แค่นอนหลับให้เพียงพอ เจฟฟ์ต้องนอนให้ครบ 8 ชั่วโมง เขาบอกว่าถ้าร่างกายเรานอนเพียงพอแล้ว มันจะรู้ว่าถึงเวลาตื่นด้วยตัวเอง สมองจะเป็นตัวปลุกเราให้ตื่นขึ้นมาโดยอัตโนมัติ และเมื่อตื่นนอนมาแล้วเขามักจะทานอาหารที่มีประโยชน์รวมถึงการไปออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมต่างๆ ทุกวัน

การประชุมสำหรับบางบริษัทอาจจะสำคัญ แต่สำหรับมหาเศรษฐีอันดับ 1 ของโลก เขาใช้เวลาพบปะและประชุมกับนักลงทุนที่ร่วมทุนกับอเมซอนเพียง 6 ชั่วโมงต่อปีเท่านั้น !

มีบ้างบางครั้งที่เขาระเบิดอารมณ์ใส่พนักงาน ด้วยเหตุนี้เลยมีข่าวลือออกมาว่า เขาต้องจ้างโค้ชพิเศษเพื่อช่วยทำให้โทนเสียงเขาเบาลง อันนี้จริงหรือเปล่า เราไม่รู้ แต่บางทีคนเราก็มีอารมณ์กันบ้างล่ะ ยิ่งเป็นถึงเจ้าของบริษัทอเมซอนที่มีพนักงานเยอะขนาดนี้

เจฟฟ์ เบซอส

หากออฟฟิศไหนมีข้าวกลางวันให้ทานทุกวันก็คงจะประหยัดไปได้โข ซึ่งเจฟฟ์ก็คงจะเล็งเห็นข้อนี้ดี พนักงานอเมซอนจึงไม่ต้องเสียเงินค่าข้าวกลางวันเลยสักบาท

อาหารเช้าเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อร่างกาย เช่นเดียวกับเจฟฟ์ อาหารเช้าของเขามักเน้นแต่ของสุขภาพ แต่ก็มีบางครั้งที่อาจจะแปลกไปบ้าง… อย่างครั้งที่เขาร่วมประชุมกับผู้ก่อตั้งแมตต์วูต Rutledge เขาสั่งปลาหมึกยักษ์,มันฝรั่ง,เบคอน, ซอสกระเทียม, โยเกิร์ต และไข่เป็นอาหารเช้า คุณว่าแปลกไหมล่ะ?

StarTrek.com

จากการที่เขาชอบและสนใจเกี่ยวกับอวกาศ Star Trek จึงเป็นหนังเรื่องโปรดที่เขาชอบดูตั้งแต่วัยเด็กและเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน

เมื่อได้กำไรจากการทำธุรกิจ ครอบครัวเบซอสก็ไม่ลืมที่จะตอบแทนสังคม เจฟฟ์และแมคแคนซีเคยบริจาคเงินเป็นจำนวนถึง 33 ล้านดอลลาห์สหรัฐให้กับ องค์การ The Dream US เพื่อเป็นทุนการศึกษาให้กับ 70 โรงเรียน และนักเรียนกว่า 3,000 คนทั่วประเทศสหรัฐอเมริกา

ใครๆ ก็รวยเป็นเศรษฐีได้ บางคนเกิดมารวยเลย หรือบางคนรวยจากน้ำพักน้ำแรงตัวเอง รวมทั้งบางคนรวยแบบฟ้าผ่าจากการเสี่ยงโชคก็มี แต่เราจะรักษาความรวยให้คงอยู่กับเราตลอดไป และทำให้งอกเงยขึ้นมาได้อย่างไร อย่าลืม ! หากคุณใช้โดยไม่คิดอะไร เงินก็ไม่ต่างกับเศษกระดาษที่ใช้แล้วก็หมดไป

ที่สำคัญ ! เงินที่ได้มาต้องสุจริต ไม่เบียดเบียน ไม่คดโกงใคร แบบนั้นถึงจะเป็นเงินที่มีคุณค่า


ภาพและข้อมูล : danwoolsey.com www.businessinsider.com, time.com, @jeffbezos

COVER STORY : PRAEW ISSUE 932

PRAEW ISSUE 932 ปักษ์นี้พกความฮา บวกความน่ารักมาเพียบ ฉบับนี้แพรวขอสานฝัน พี่โน๊ต อุดม แต้พาณิช เจ้าพ่อเดี่ยวไมโครโฟน พาขึ้นปกถ่ายคู่กับ เบลล่า ราณี แคมเปญ นางเอกในดวงใจ ที่เขาถึงขนาดลงทุนเปิดอินสตาแกรม เพื่อตามสาวเจ้า งานนี้จะบุพเพอาละวาด เอ้ย! บุพเพสันนิวาส ต้องตามไปดู

กลิตเตอร์ และ ชิมเมอร์ เรียกได้เป็นของคู่กับโปรดักส์เมคอัพมาแต่ไหนแต่ไร ไม่ใช่ของเก่า และก็ไม่ใช่ของใหม่ ซะดีเดียว โปรดักส์หลายๆ ชิ้นที่มีส่วนผสมของเจ้าพวกนี้ แต่ละแบรนด์ที่ผลิตออกมา ก็เรียกเงินในกระเป๋าของสาวๆ ไปได้โขอยู่ ข้อดีก็มาก เพราะใช้จะทำให้คุณดูสวยเตะตา เพิ่มความโกลด์ให้กับผิวได้หลายระดับ แต่ใช่ไม่เป็นก็พังได้นะจ๊ะ Beauty Pedia ฉบับนี้จะมาสอนคุณใช้ให้ถูกที่ รับรองสวยเช้ายันเย็น

สิว! ศัตรูตัวฉกาจของสาวๆ เพราะขึ้นมาทีไร รบกวนจิตใจ และยิ่งถ้าเป็นวันสำคัญที่ต้องใชหน้าแล้วล่ะก็ เกิดอาการจิตตกโดยไม่รู้ตัว Beauty Secret มีหนึ่งเคล็ดลับดูแลผิวหน้าจาก จินต์-จงจินต์ จึงสุระ ที่เคยประสบกับสิวที่มากวนใจ แต่วันนี้กลับหน้าใสกิ๊งมาบอกกัน

คุณคิดว่าผู้หญิงอย่างเรา ควรมีกระเป๋าสักกี่ใบ ถ้าจะให้หาคำตอบวันนี้ก็คงสาธยายไม่หมด ก็เพราะกระเป๋าเกิดมาคู่กับผู้หญิง ฉะนั้นอย่าไปคิดมากให้ปวดเฮดค่ะ แต่จะหากระเป๋าที่เข้ากับสไตล์ และเป็นตัวเราเองอันนี้ต้องคิดเยอะๆ เลยค่ะ แต่คราวนี้ไม่ต้องคิดเยอะ เพราะแพรวคิดมาให้ ด้วยการนำแบรนด์ในดวงใจของสาวๆ และรุ่นยอดฮิตมากระตุกต่อมความอยากได้

ใครเป็นสายคาเฟ่ ชอบถ่ายรูป น่าจะเคยแวะไป เช็กอินที่ Divana Signature Cafe ที่ตกแต่งด้วย ดอกไม้นานาชนิด ได้อารมณ์สวยหวาน จากฝีมือการดีไซนแ์ละบริหารโดย พีช – กานต์พิชชา เกียรติขจรฤทธิ์ สาวเก่งทายาท Divana Spa สวย เก่ง ไม่พอ สไตล์การแต่งตัวตัวสาวพีชก็ไม่เป็นรองใคร

ใครไปเชียงใหม่แล้วไม่ได้แวะที่นี่ ถือว่าเอาท์ The Ironwood ร้านกาแฟเล็กที่ซ่อนตัวอยู่ในบ้านหลังงาม ที่ซ่อนตัวอยู่ในขุนเขา จากตัวเมืองเชียงใหม่ไปตามเส้นทาง แม่ริม – สะเมิง ใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมง รับรองว่าได้รูปลงอินสตาแกรมรัวๆ แน่นอน

คณุเคยปวดศรีษะ  ไข้ขึ้นสูง ถูกสงสัยว่าเป็นอัไรที่ร้ายแรง แต่ตรวจแล้วตรวจอีกก็ไม่เจอสาเหตุไหม ลองอ่านรู้เรื่องของคุณแป๋ม ที่เคยยผ่านเรื่องราว การป่วยไข้ปริศนามาหลายครั้งดู

ห้ามพลาดกับแฟชั่นสวยๆ ที่พร้อมให้คุณอัพเดท รวมถึงเรื่องราวต่างๆ ที่อัดแน่นเต็มไปด้วยสาระอีกเช่นเคย ในนิตยสารแพรวฉบับ 932 ปักษ์ 25 มิถุนายน 2561 ได้แล้วที่แผงหนังสือชั้นนำทั่วไป หรือ สั่งซื้อทางออนไลน์ได้ที่ https://www.naiin.com/

มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2018

มวยรองแจ้งเกิด! มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2018 อวดหุ่นปังส่งตรงจากกระบี่

Alternative Textaccount_circle
มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2018
มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2018

จับตาม้ามืด สาวสวยสะดุดตา มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2018 หลังจากที่กองประกวดฯ ปล่อยภาพชุดว่ายน้ำอวดหุ่นปัง ยกนี้! มีคนแจ้งเกิดพรึบ

มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2018

ยิ่งขัดยิ่งบ่มยิ่งสวยเปล่งประกายจริงๆ สำหรับผู้เข้าประกวด มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2018 โดยในสัปดาห์นี้ทั้ง 40 สาวงามได้เดินทางไปเก็บตัวที่จังหวัดกระบี่ เพื่อเรียนรู้พร้อมถ่ายวิดีทัศน์ประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยว โดยเมื่อวันที่ 22 มิ.ย.ที่ผ่านมา สาวงามทั้งหมดได้ร่วมประเพณีผูกผ้าเรือหัวโทง ซึ่งเป็นวิถีชาวเลเพื่อบูชาและขอพรแม่ย่านางคุ้มครองเมื่อต้องออกเรือให้เดินทางไปและกลับอย่างปลอดภัย

มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2018

จากนั้นสาวงามมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ทั้ง 40 คนได้ลงเรือ “อ่าวนางปริ๊นเซส 8” ซึ่งเป็นเรือลำใหม่ล่าสุด ของบริษัท อ่าวนางแทรเวลแอนด์ทัวร์ จำกัด และมี 40 สาวงามเป็นผู้โดยสารคณะแรก มุ่งหน้าสู่“เกาะปอดะ” เกาะในอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี เพื่อถ่ายวิดีทัศน์และภาพพอร์ตเทรต ลงสูจิบัตรในชุดว่ายน้ำ บริเวณชายหาดสีขาว ทรายละเอียด น้ำทะเลใสของเกาะ

อย่างไรก็ตามหลังจากที่ภาพชุดนี้ออกมา แฟนคลับบางคนก็เริ่มจิตใจไขว้เขวเพราะนอกจาก 5 สาวตัวเต็งที่ แพรวดอทคอม เคยกล่าวถึงไปแล้ว => ซูมทีละคน 5 ตัวเต็ง มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2018 กองเชียร์นางงามเชียร์แน่นมาก <=วันนี้ก็ได้แจ้งเกิดสาวๆ อีกหลายราย เพราะรูปร่างและความสวยที่สะดุดตาเหลือเกิน ซึ่งจะมีใครบ้างนั้นไปติดตามชมกัน

หมายเลข 16

นางสาวศุทธินี วิเชียรซอย หรือ การ์ตูน อายุ 21 ปี สูง 170 เซนติเมตร กำลังศึกษาปริญญาตรีปีที่ 3 คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สาขาการจัดการ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก จังหวัดชลบุรี

มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2018

หมายเลข 26

นางสาวพีรชาดา ขันรักษ์ หรือ พลอย อายุ 23 ปี สูง 170 เซนติเมตร กำลังศึกษา ปริญญาตรีชั้นปีที่ 4 คณะวิทยาการจัดการ สาขาการจัดการประชุมนิทรรศการและการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จังหวัดสงขลา

มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2018

หมายเลข 28

นางสาวชารีนา เฮงสาทร หรือ ชาช่า อายุ 25 ปี สูง 165 เซนติเมตร จบการศึกษาปริญญาตรี คณะ Computer Information Systems สาขา Business มหาวิทยาลัย Cal Poly Pomona จังหวัดสมุทรปราการ

มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2018

หมายเลข 30

นางสาวพรรณธิญา พฤกษา หรือ ส้มโอ อายุ 23 ปี สูง 166 เซนติเมตร จบการศึกษาปริญญาตรี คณะบริหารธุรกิจ สาขาการจัดการธุรกิจ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จังหวัดนครสวรรค์

มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2018

อย่างไรก็ตามการประกวดรอบตัดสิน จะมีขึ้นในวันเสาร์ที่ 30 มิถุนายน เวลา 19.00–21.30 น. ณ รอยัล พารากอน ฮอลล์ และถ่ายทอดทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง ช่อง 33 เวลา 22.45 หลังจบละครภาคค่ำ และจะแพร่ภาพเทปบันทึกภาพการประกวดฯ อีกครั้งในวันอาทิตย์ที่ กรกฎาคม เวลา 20.30 น. ทางช่อง 3 SD ช่อง 28


 

มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2018

ซูมทีละคน 5 ตัวเต็ง มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2018 กองเชียร์นางงามเชียร์แน่นมาก

Alternative Textaccount_circle
มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2018
มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2018

5 สาวตัวเต็งมงกุฎ มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2018 หมายเลข 1, 10, 11,14 และ 15 สวย   หุ่นดี  ภาษาดี ตอบคำถามปัง นี่แหละ! ว่าที่นางงามจักรวาล

เข้มข้นเข้ามาทุกทีแล้วสำหรับการประกวด มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2018 โดยล่าสุดบรรดาสาวงามผู้เข้าประกวดทั้ง 40 คน ได้เดินทางไปทำกิจกรรมและถ่ายทำวิดีทัศน์ประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยว จังหวัดกระบี่ โดยในระยะนี้ทางออกประกวดจะอัพเดทภาพของสาวๆ ทุกวัน ทำให้เห็นฐานแฟนคลับของแต่ละคน ซึ่งก็มีมากมาย และจากเหตุผลนี้เอง แพรวดอทคอม เลยเลือก 5 สาว ที่มีแฟนคลับหนาแน่น มาเจาะดูความสามารถทีละคน เพื่อให้เห็นชัดๆ ไปเลย!


หมายเลข 1 “นิโคลีน-พิชาภา ลิมศนุกาญจน์”

มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2018

เริ่มต้นที่คนแรกนางงามอิมพอร์ต หมายเลข 1 “นิโคลีน-พิชาภา ลิมศนุกาญจน์” อายุ 19 ปี เธอเป็นลูกครึ่งไทย-สหรัฐอเมริกา กำลังศึกษาปริญญาตรีปี 2 คณะ General Education สาขา General Citrus College โดยก่อนที่จะมาประกวดในเวทีนี้เธอเคยได้ตำแหน่งสาวงามจากเวทีสหรัฐอเมริกา Miss Teen Asia USA ปี 2014 มาครอง ในด้านภาษาเธอเติบโตที่สหรัฐอเมริกา ดังนั้นจึงไม่ต้องห่วงในเรื่องของภาษา อีกทั้งยังเป็นคนที่ฉลาดพูดและรอบรู้หลายเรื่องมากๆ

มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2018

“นิโคลีน” มุ่งมั่นกับการประกวดในครั้งนี้ เธอลงทุนบินจากสหรัฐอเมริกา กลับมาประเทศไทย ซึ่งผู้ที่เป็นแรงบันดาลใจให้เธอมาประกวดคือ “พี่ปุ๋ย-ภรณ์ทิพย์ ไซมอน นาคหิรัญกนก” อดีตนางสาวไทย พ.ศ. 2531 และอดีตนางงามจักรวาลคนที่ 2 ของไทย  นอกจาก “พี่ปุ๋ย” จะเติบโตที่ลอสแอนเจลิส เหมือนกับเธอแล้ว “นิโคลีน”ยังอยากจะก่อตั้งมูลนิธิเพื่อคืนกลับให้สังคมอย่างเช่นนางงามรุ่นพี่ด้วย

แฟนคลับนางงามหลายคนบอกว่า  “นิโคลีน” เป็นผู้เข้าประกวดที่น่าจับตามองมาก นอกจากเรื่องของภาษาจะดีแล้ว การแสดงออกภาษากาย ท่วงท่าในการเดินและตอบคำถามก็ยังโดดเด่นมากๆ อีกด้วย


หมายเลข 10 “นุ๊ก-ชิชารีย์ เกษร”

มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2018

ออร่าโดดเด่นเตะตาอีกคนหนี่งก็คือ หมายเลข 10 “นุ๊ก-ชิชารีย์ เกษร” สาวสวยหน้าคม วัย 22 ปี เจ้าของส่วนสูง 173 เซนติเมตร กำลังศึกษาปริญญาตรี ชั้นปี 4 คณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาออกแบบแฟชั่น มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ โดยสื่อสายนางงามลงความเห็นว่า มีเค้าโครงใบหน้าละม้ายคล้ายคลึง “แนท-อนิพรณ์ เฉิลมบูรณะวงศ์” มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2015

“นุ๊ก”เผยว่าแรงบันดาลใจสำคัญเลยมาจากการได้ชมการประกวดปีพี่แนท เพราะเขาแสดงให้เห็นว่านางงามไม่ใช่เรื่องไกลตัว เป็นตัวแทนของผู้หญิงยุคใหม่ ก็คิดตามว่าถ้าเราได้ยืนตรงนั้นจะเป็นอย่างไร แล้วก็ต่อเนื่องมาปีพี่น้ำตาล (ชลิตา ส่วนเสน่ห์ มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2016) ยิ่งทำให้เห็นถึงพลังของผู้หญิงในสังคม

มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2018

จุดเด่นของ”นุ๊ก”คือรอยยิ้มที่เป็นธรรมชาติ มีเอกลักษณ์ตัวตนที่ชัดเจน นอกจากนี้ยังมีความสามารถด้านการวาดรูป ออกแบบเสื้อผ้าแฟชั่น และเคยเป็นนักกีฬาบาสเกตบอลของโรงเรียนสาธิตประสานมิตร ไปแข่งขันในระดับโรงเรียนด้วย

สำหรับคติประจำใจของ “นุ๊ก” คือ “ไม่เคยมีความรู้สึกท้อแท้ เป็นคนชอบความพยายาม ชอบทำสิ่งที่ท้าทาย”


หมายเลข 11 “พลอย-วาเลนติน่า จาร์ดุลโล”

มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2018

อีกหนึ่งสาวที่เข้าตาหลายๆ คนคือนางงามลุคสดใส  หมายเลข 11 “พลอย-วาเลนติน่า จาร์ดุลโล” สาวลูกครึ่งไทย-อิตาลี วัย  24 ปี ปัจจุบันกำลังกำลังศึกษาปริญญาโท ที่ประเทศอิตาลี เธอพูดได้ถึง 5 ภาษา ไทย , อังกฤษ , อิตาลี , สเปน และฝรั่งเศส นอกจากนี้ยังมีความสามารถด้านการร้องเพลงและเล่นกีตาร์ โดยก่อนหน้านี้เธอเคยเข้าร่วมประกวด The Voice Thailand ซีซั่น 6 เป็นลูกทีมของ โค้ชโจอี้บอย

มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2018
สาวลูกครึ่งไทย-อิตาลี

“พลอย” ร่วมประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ในครั้งนี้เพราะอยากที่จะสานความฝันเกี่ยวกับงานเพื่อสังคม โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเธอทำงานนี้มาตลอดไม่ใช่ที่เมืองไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นอาสาในต่างประเทศอีกด้วย สวยแล้วยังจิตใจดีไปอีกกกก


หมายเลข 14 “วีนา-ปวีณา ซิงค์”

มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2018

หากพูดถึงผู้เข้าประกวดที่ทิ่มตากองเชียร์ และแฟนนางงามมาที่สุดในปีนี้ก็คือ หมายเลข 14 “วีนา-ปวีณา ซิงค์” สาวไทยเชื้อสายอินเดีย อายุ 22 ปี จบการศึกษาจากคณะศิลปศาสตร์ วิชาภาษารัสเซีย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เธอจึงพูดได้ 3 ภาษา อังกฤษ , ไทย และ รัสเซีย และยังเป็นนางแบบมืออาชีพอีกด้วย

ในรอบแรกของการสัมภาษณ์ “วีนา” บอกว่าเธออยากที่จะประกวดเพื่อแสดงให้เห็นการยอมรับในความสวยที่แตกต่างในหลายเชื้อชาติ ไม่ว่าความแตกต่างด้านรูปลักษณ์ สีผิว หรือเพศ ก็ไม่เป็นสาระสำคัญอีกต่อไป

มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2018
สาวไทยเชื้อสายอินเดีย

“วีนา” เป็นผู้เข้าประกวดที่มีความโดดเด่นมาก นอกจากเครื่องหน้าที่สวยคมแล้ว ท่วงท่าการเดินขงเธอก็ยังสะกดสายตาของผู้ชมได้อยู่หมัด


หมายเลข 15  “ทันตแพทย์หญิง วรรณพร มรรคดวงแก้ว”

มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2018

ปิดท้ายที่สาวสวยโปรไฟล์ดี หมายเลข 15  “ทันตแพทย์หญิง วรรณพร มรรคดวงแก้ว” หรือ “หมอเอย” หมอฟันคนสวย พกความมั่นใจยื่นใบสมัครขอชิงมงกุฎมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2018 นอกจากเป็นสาวรักความสวยความงามมาตั้งแต่เด็กแล้ว ยังได้แรงบันดาลใจจากการติดสอยห้อยตาม ผศ.ดร.ทพ.วัชรินทร์ มรรคดวงแก้ว คุณพ่อ ซึ่งเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตัดสินนางสาวไทย ไปชมการประกวดต่อเนื่อง นี่คือปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจ

มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2018

อย่างไรก็ตาม นอกจากมีความรู้ ความสามารถ และปฏิภาณไหวพริบแล้ว เธอยังออกหน่วยทันตกรรมเคลื่อนที่ เป็นจิตอาสาไปบริการทันตกรรมให้กับคนที่อยู่ห่างไกลอีกด้วย สวย รวย จิตใจดี ครบเครื่องจริงๆ


สำหรับการประกวดรอบตัดสิน จะมีขึ้นในวันเสาร์ที่ 30 มิถุนายน เวลา 19.00–21.30 น. ณ รอยัล พารากอน ฮอลล์ และถ่ายทอดทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง ช่อง 33 เวลา 22.45 หลังจบละครภาคค่ำ และจะแพร่ภาพเทปบันทึก ภาพการประกวดฯ อีกครั้งในวันอาทิตย์ที่ กรกฎาคม เวลา 20.30 น. ทางช่อง 3 SD ช่อง 28

ซื้อเก่ง! เปิดคลังนาฬิกา รอสมาห์ มันซอร์ แพงหูฉี่ จนเพื่อนไม่กล้ายืม

ถ้าพูดถึงอดีตสตรีหมายเลขหนึ่งที่มีข่าวอื้อฉาวเกี่ยวกับ คดีคอรัปชั่น ชื่อที่วิ่งแซงโด่งตอนนี้คงหนีไม่พ้น รอสมาห์ มันซอร์ ภรรยาของ นายนาจิบ ราซัก อดีตนายกรัฐมนตรีแห่งประเทศมาเลเซีย

เชื่อหรือไม่! สมบัติของ นางรอสมาร์ มันซอร์ นั้นมีมากมายมหาศาล จนเธอได้ฉายาว่า “ราชินีแห่งการช็อปปิ้ง” ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่เดินทางเข้ายึดของกลางทั้งหมดนี้เผยว่า ต้องใช้รถบรรทุก ถึง 5 คันในการขนข้าวของจำพวกกระเป๋าแบรนด์เนม อาทิ กระเป๋า Hermes หลายร้อยใบ กระเป๋าแบรนด์เนมอีกนับไม่ถ้วนที่บรรจุเงินสกุลต่างๆ รวมถึงเครื่องประดับ ที่ไม่สามารถประเมินมูลค่าได้

และหนึ่งในสมบัติที่นางรอสมาร์มีเยอะมาก จนเราต้องอุทาน โอ้โห… คือ นาฬิกาแบรนด์หรู ที่ราคาแต่ละเรือนไม่ต่ำกว่าเจ็ดถึงแปดหลัก

แพรวจัดการคัดนาฬิกาส่วนหนึ่งของ รอสมาห์ มันซอร์ มาให้คุณๆ ดู บอกเลยว่าแต่ละเรือนแพงหูฉี่ แพงจนน้ำตาไหลเลยทีเดียว

รอสมาห์ มันซอร์

เริ่มกันที่เรือนแรก กับแบรนด์ Jacob & Co รุ่น “Mystery Diamond Baguette” นาฬิกาแบรนด์หรูสัญชาติสวิตเซอร์แลนด์ ตัวสายทำจากทองคำขาว ส่วนตัวเรือนนั้นทำจากเพชรทรง Baguette (เพชรซีก) 172 เม็ด น้ำหนักรวม 14.70 กะรัต  หน้าปัดประกอบด้วยเพชรซีกอีก 40 เม็ด 2.56 กะรัต ส่วนตัว Bezel (วงแหวนรอบนาฬิกา) ทำจากเพชรทรงซีก จำนวน 2.14 กะรัต มูลค่า 260,000$ (8,511,634.42 บาท) แค่เรือนแรกก็ 8 ล้านแล้วค่ะคู้นน

นาฬิกายี่ห้อเดิม เพิ่มเติมคือราคาที่แพงขึ้น รุ่นนี้ชื่อ “Mystery baguette sapphire” ตัวสายทำจากทองคำขาว แต่ตัวเตือนเรือนทั้งหมดที่คุณเห็นทำจากเพชรซีก บลูแซฟไฟร์ ทั้งหมด 399 กะรัต ราคาน่าใจหาย 380,000$ (12,436,848.56 บาท)

ราคาเรือนนี้ อาจจะไม่แรงเท่าสองเรือนแรก แต่ก็ไม่ถูกเช่นกัน สำหรับนาฬิกาจากแบรนด์ Roger Dubuis รุ่น “Excalibur Limited edition High Jewelery” ส่งตรงจากเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์  เป็นนาฬิการะบบออโตเมติก ตัวเรือนพิงค์โกลด์ ล้อมด้วยเพชรเม็ดกลม 36 เม็ด 2.09 กะรัต ส่วนบานพับล็อคสายนาฬิกา ประดับด้วยเพชรอีก 17 เม็ด 0.12 กะรัต ราคา 63,000$ (2,058,149.67 บาท)

Franck Muller อีกหนึ่งแบรนด์ดัง จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ รุ่นนี้มีชื่อว่า “Master Square 18k Rose gold” ตัวเรือนทำจากทองคำสีโรสโกลด์ ประดับด้วยเพชร หน้าปัดทำจากกระจกแซฟไฟร์ ตัวสายทำจากหนังสีขาว ดูรวมๆ แล้วมีเสน่ห์ แต่เห็นราคาแล้วแทบปาดเหงื่อ 47,445$ (1,549,786.30 บาท)

Pink Tutti Frutti €21,500 (806,755 บาท)

Lemon Tutti Frutti 26,400$ (862,814.26 บาท)

Tutti Frutti Caviar 33,600$ (1,097,882.79 บาท)

ก็ไม่รู้ว่า ยี่ห้อนี้ เป็นแบรนด์โปรดของเธอหรือเปล่า กับ Hublot รุ่น Big Bang Tutti Frutti” เท่ห์แต่ก็แอบหวานในเรือนเดียวกัน  ตัวเรือนทำจากเซลามิคสีดำ และทองคำขาว ประดับด้วยแซฟไฟร์สีชมพู 48 เม็ด สายหนังสีชมพู ราคา €21,500 (806,755 บาท) ถูกขนาดนี้มีหรือจะซื้อเรือนเดียว ระดับชีแล้วต้องจัดไปเลยสามสี แต่ราคาไม่เท่ากันนะคุณ 

นาฬิกาหรู  แบรนด์ดังระดับโลก Richard Mille (ริชาร์ด มิลล์) ฮอตฮิตขนาดผู้ใหญ่ในประเทศเราก็ใส่ ซื้อเองหรือเปล่าไม่รู้ แต่ นางรอสมาห์ มันซอร์ ซื้อเองค่ะ! ระดับนี้เขาไม่ยืมเพื่อนใส่กัน สำหรับรุ่นนี้ Lady RM 007 หรือ ‘Diamond Cruncher’ ตัวเรือนทำจากทองคำขาว ฝังเพชร สายหนังสีเบอร์กันดี สนนราคาอยูที่ £120,500 (5,182,501.25 บาท) ราคาประทับจิต ประทับใจขนาดนี้เป็นคุณจะให้เพื่อนยืมใส่ไหม?

อ่ะ เรือนนี้ดีงามมากเว่อร์ มีความสปอร์ต เท่ห์ หรูหรา กับ Hublot สำหรับรุ่นนี้ชื่อว่าBig Bang Jeans Steel” ตัวเรือนและบานพับล็อกทำจากสแตนเลส ซาติน  ส่วนรอบหน้าปัดฝังคริสตัลสีแซฟไฟร์ ด้านในหน้าปัดบุด้วยผ้ายีนส์และฝังเพชร 8 เม็ด รวม 0.14 กะรัต ตัวสายทำมาจากยางสีดำบุด้วยผ้ายีนส์ทับอีกที เรือนนี้ไม่ค่อยสะเทือนเงินในกระเป๋าสักเท่าไหร่ ราคาเบาๆ 23,900€ (896,811.46 บาท)

แบบยีนส์ไปแล้ว มาเพิ่มสีสันให้กับชีวิตอีกสักเรือนด้วยแบรนด์เดิมในดวงใจ แต่คราวนี้ขอเปลี่ยนสีเป็นสีส้มสด จะได้ใส่ไม่ซ้ำกัน  ส่วนราคานางบอกพอรับได้โข 18,500$ (605,245.36 บาท)

แบบสี แบบยีนส์จัดมาเต็มสตรีมแล้ว งานลวดลายก็ต้องเก็บไว้ในคอลเลคชั่นด้วยสิคะ “Big Bang Broidery” รุ่นนี้พิเศษคือเป็นงานหัตถกรรม ก็ที่เห็นเป็นลวดลายดอกไม้นั่นแหละ งานฝีมือล้วนๆ และเพื่อให้สมกับเป็นงานฝีมือ ราคาก็ต้องไม่ธรรมดา 59,600$ (1,949,871.55 บาท)

ดูเผินๆ อาจจะคิดว่าเรือนเดียวกับตะกี้ โนจ๊ะ แต่แบรนด์เดียวกันอ่ะใช่ “Hublot skull sunflower” เรือนนี้เพิ่มความโดดเด่นตรงหน้าปัดด้วยแซฟไฟล์สีเหลือง ดีงามตรงราคาถูกกว่าข้างบนเกือบครึ่ง £14,000 (606,973.04 บาท)

ยังไม่หมดเพียงเท่านี้กับแบรนด์ Hublot รุ่นนี้ชื่อ “Pink Pop-Art Big Bang” แรงบันดาลใจมาจากงาน Pop Art สมัย 1950s ผสมผสานความหรูหรา ของวัสดุที่นำมาประกอบเรือนนี้ ทั้ง ทองคำ โทแพซ แอเมทิสต์ แซฟไฟล์สีชมพู และโกเมน สนนราคาอยู่ที่ 34,400$ (1,125,429.22 บาท)

จะมาใส่เรือนเดียวซ้ำๆ กันก็ไม่ใช่อดีตสตรีหมายเลขหนึ่งของประเทศมาเลเซีย สิคะ ทุกชุดของนางต้องแมทช์กับนาฬิกาถึงจะครบเครื่อง Hublot รุ่นนี้เอาใจคนชอบลายเสือ และแซฟไฟร์ในคราวเดียวกัน ราคาเบาๆ  28,000$ (916,047.00 บาท) เลิฟเลยค่า เพราะไม่ถูก ไม่แพงจนใจเกินไป ซื้อง่ายสบายกระเป๋า

ขาว ใส สะอาดตา แต่ยามใช้ต้องระวังหน่อย (เอ๊ะ… หรือไม่ต้อง?) ราคาเรือนนี้แอบถูกถ้าเทียบกับเรือนที่ผ่านมาทั้งหมด 10,000$ (327,159.66 บาท) บอกแล้วว่าถูกจริง ใครสนใจไปฟาดกันได้ สำหรับรุ่นนี้ชื่อ “White Caviar” จากแบรนด์ Hublot อีกเช่นกัน

อีกหนึ่งแบรนด์ที่เธอมีกระเป๋ายี่ห้อนี้นับไม่ถ้วนคือ Chanel กับ “Chanel Mademoiselle Prive Camelia” ดีไซน์อาจดูเรียบๆ เมื่อเทียบกับเรือนที่ผ่านมาด้านบน แต่ดีเทลลึกๆ แล้วไม่เรียบนะคะคุณ ตัวเรือนทำจากทองคำขาว 18k ล้อมด้วยเพชรเจียระไน 60 เม็ด หน้าปัดพิเศษด้วยดอกคามิเลียมุก ล้อมด้วยเพชรทรงตัดอีก 7 เม็ด ตัวสายทำจาก Black Satin และบานพับล็อกทำจากทองคำขาว ฝังเพชรเจียระไนอีก 7 เม็ด

ดีไซน์อาจะดูเรียบๆ แต่แฝงด้วยความหรูหรา และราคาที่ไม่ธรรมดาคือ 33,000€ (1,238,275.24 บาท)

เห็นแล้วอยากได้ สำหรับเรือนนี้มาจากแบรนด์ Roger Dubuis รุ่น “Velvet Haute Joaillerie” แม่คุณเอ้ยยย สองเรือนด้านบนสุดก็ว่าแพงแล้ว เจอเรือนนี้เข้าไปจะเป็นลม ฟื้นมาก็เป็นลมอีก ตาพร่าด้วยแสงระยิบระยับจากเพชรกว่า 304 เม็ด แถมโดดเด่นด้วยอัญมณีทับทิบอีก 2 เม็ด 0.52 กะรัต อะไรจะดีงามขนาดนี้ เห็นราคาแล้วต้องยอมใจ   432,500€ (16,228,910.32 บาท) รวยขนาดไหนถึงจะซื้อเรือนนี้ได้ ตอบ!!

บอกเลยเรือนนี้แค่เศษเงิน กับชาแนล รุ่น “j12” ดีเทลไม่เยอะมาก สายทำจากเซรามิก ฝังด้วยเพชรสีขาว เช่นเดียวกับตัวเรือน เหมาะสำหรับใส่วันสบายๆ ไม่ต้องคิดไรมาก ตามสไตล์คุณนายรอสมาห์

มาอีกแล้วค่ะ Hublot แบรนด์โปรดในดวงใจของคุณนายรอสมาร์ รุ่นนี้สีสันอาจจะดูแปลกตา แต่ขอบอกว่าเป็นลิมิเต็ดเอดิชั่น กับรุ่น  “Big Bang Boa Bang Limited Edition” ตัวเรือนทำจากโรสโกลด์ หน้าปัดอลังการด้วยอัญมณีหลากหลายชนิด เช่น โกเมนสีเขียว ทัวร์มาลีน และแซฟไฟร์สีเขียวอ่อน ไม่พูดเยอะให้เจ็บคอ สนนราคาเรือนนี้อยู่ที่ 42,300$ (1,368,638.03 บาท)

หลายคนอาจจะไม่ชอบสีเขียว เพราะถ้าหากเป็นเงินบ้านเรา แบงค์สีเขียวมูลค่าน้อยที่สุด แต่ถ้าเป็นสีเขียวเรือนนี้ที่มีราคา 38,340€ (1,460,072.80 บาท) ดิฉันจะรับโดยไม่ต้องคิดให้มากความเลยค่ะ จากแบรนด์ Franck Muller รุ่น “Infinity” ตัวสายทำมาจากหนังแอลิเกเตอร์ ผสมผสานกับตัวเรือนที่ทำมาจากทองคำขาว 18 กะรัต คุณค่าที่ผู้หญิงอย่างเราๆ คู่ควร

เพชรกับผู้หญิงเป็นของคู่กัน แล้วยิ่งมาอยู่คู่กับนาฬิกาเรือนโปรด ก็สวรรค์อ่ะสิคะ Audemars Piguet แบรนด์นี้ อาจจะไม่ค่อยคุ้นหูคนไทยมากนัก แต่สำหรับวงการนาฬิกา มันคือแบรนด์หรูมว้าก รุ่นนี้ชื่อ “Royal Oak Offshore Lady ” สวยงาม ตามท้องเรื่องกับราคา 93,500$ (3,058,942.75 บาท)

ไปงานสำคัญทั้งที เครื่องประดับ นาฬิกา ก็ต้องอู้ฟู้หน่อยให้สมกับเป็นภริยาผู้นำฯ เธอเลือกแบรนด์ Piaget รุ่น Limelight Magic Hour ราคา 48,000$ (1,570,366.35) แค่ชื่อรุ่นก็บอกแล้วว่าอยู่ในชั่วโมงต้องมนตร์

เรือนนี้ ดีงามพระรามแปด เพราะเราชอบเป็นการส่วนตัว ดูแซฟไฟล์สีน้ำเงินที่เรียงกันสลับกับเพชรนั่นสิ มันน่าดึงดูใจให้ซื้อจริงๆ แต่เห็นราคาแล้วแทบกระอัก 25,250$ (826,078.13 บาท)

ออกงานกับสามี คุณนายก็ต้องเต็มยศ เพื่อเป็นหน้าเป็นตา เธอเลยเลือกนาฬิกาแบรนด์ Roger Dubuis  รุ่น Excalibur ราคา £32,795 (1,421,834.25 บาท)

แม่จ๋า หนูอยากได้เรือนนี้ แค่ 47,000 (1,537,650.50 บาท) ให้ทายค่ะ ว่าคุณแม่สุดที่รักของดิฉันจะตอบว่าอะไร !! รุ่นนี้มีความเป็นผู้หญิงสูงมาก จากแบรนด์ Harry Winston  รุ่น “Ocean Collection Moonphase” เอ้า… แค่ชื่อรุ่นก็สวยแล้วค่า

สีเขียวมาอีกแล้วค่ะคุณ นาฬิการูปทรงแปลกตาจากแบรนด์ De grisogono รุ่น Sweet ทำมาจากมรกต นอกจากสีเขียวแล้วยังมีสีให้เลือกถึง 5 สี ใครชอบสีไหน อัญมณีแบบใด เลือกได้ตามอัธยาศัยเลยจ้า อ้อ ราคาสีนี้อยู่ที่ 142,000$  (4,645,667.11 บาท) นะยูว์

อุ้ยเรือนนี้ไม่แพงเลยค่ะ ไม่น่าเชื่อว่าระดับรอสมาห์ จะซื้อราคาถูกขนาดนี้ Jacob & Co รุ่น Five time zones ราคา 7,280$ (238,172.23) พิเศษเพราะสามารถดูได้ถึง 5 เวลา 5 ประเทศ อยากจะบินไปช็อปประเทศไหน ดูเวลา ซื้อตั๋ว แพ็คกระเป๋า รอสมารห์พร้อมค่ะ

เดินทางมาถึงเรือนสุดท้าย แต่ไม่ท้ายสุดของคลังนาฬิกาคุณนายรอสมาห์ จากแบรนด์ Franck Muller รุ่น Long Island Women’s 18K White Gold สีชมพูหวานละมุนตา แสบตาจากเพชรที่เรือน สนนราคา 25,009$ (818,193.50 บาท)

ย้ำอีกครั้งตรงนี้ว่า นี่คือส่วนหนึ่งของนาฬิกาจากคลังสมบัติของนางรอสมาห์ ที่แพรวไปคุ้ยมาให้ดู ยังไม่รวมกับกระเป๋า เสื้อผ้าและเครื่องประดับ ที่ถูกเจ้าหน้าที่ยึดไปตรวจสอบอีกมหาศาล รวมมูลค่าแล้วไม่สามารถประเมินได้จริงๆ ซึ่งเราไม่รู้หรอกว่าเงินที่เธอนำมาซื้อของพวกนี้จะถูกกฎหมายไหม

แต่สิ่งหนึ่งที่เราเห็นคือ ในขณะที่ประชาชนมาเลเซียภายใต้ความปกครองของนายจิบ ราซัก สามี กำลังทุกข์ยากและเดือดร้อน จากอุทกภัย แต่ตัวนางรอสมาห์กลับไปช็อปปิ้งอย่างสบายใจในช่วงวันคริสต์มาส โดยใช้เงินไปกับการช็อปครั้งนั้นถึง 130,625 ดอลลาร์ หรือราว 4 ล้านกว่าบาท หากเป็นคุณคิดจะอย่างไรกับเรื่องนี้

เราเชื่อว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ถึงแม้จะเห็นผลช้าหน่อย แต่มาเวย์นี้แล้วไม่น่าจะนานเกินรอ 

 

ภาพและข้อมูล : https://www.instagram.com/rosmahmansor_jamtangan/

คำตอบจากใจ ‘นิโคล’ ความรักที่ใช่ต้องเป็นแบบนี้!

คำตอบจากใจ ‘นิโคล’ ความรักที่ใช่ต้องเป็นแบบนี้!…เคยเป็นที่ฮือฮาอยู่พักใหญ่กับการเปิดตัวว่าทั้งคู่นั้นกำลังคบหาดูใจกัน “นิโค เทริโอกับศรราม เทพพิทักษ์” ดูเหมือนว่าจะเป็นคู่รักที่หวานและน่าอิจฉาสุดๆ อีกคู่ของวงการบันเทิง แต่คนเราถ้ามันไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ เพราะทั้งคู่ยุติความสัมพันธ์กันตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมานี้เอง

สาวพราวเสน่ห์อย่างนิโคล เทริโอ แม้ว่าที่ผ่านมาความรักของเจ้าตัวอาจยังไม่ลงล็อคสักเท่าไหร่ มุมมองความรักของเจ้าตัวที่ผ่านบทสัมภาษณ์ขอองนิตยสารแพรวเมื่อหลายปีก่อน อาจจะเป็นคำตอบที่ชัดเจนได้ว่า เหตุใดความรักที่ผ่านมาของเธอ รวมถึงครั้งล่าสุดที่เพิ่งงจบลงไปยังไม่ใช่ความรักครั้งสุดท้ายของเจ้าตัวสักที

ต้องเข้ามาเติมเต็มในชีวิตที่ขาดหายไป “การจะมีคนรัก คนๆนั้น ต้องเข้ามาเติมเต็มในชีวิตที่ขาดหายไป เพราะด้วยความที่เป็นคนขาดๆ เกินๆ ไม่มากไปก็น้อยไป ชีวิตจะเว่อร์มาก แล้วทำตัวเองด้วย ความที่เป็นคนไฮเปอร์ บทจะทำงานก็ทำเสียจนป่วย ต้องเข้าโรงพยาบาล เวลาเฮิร์ทก็เฮิร์ทจะตาย เวลาเหงาก็อยู่คนเดียว บทจะเพื่อนเยอะก็เยอะเสียจนไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง จึงอยากเจอคนที่ทำให้เรากลับมาอยู่ตรงกลางในทุกด้าน”

ไม่เน้นความหวือหวา “เชื่อว่านี่คือสิ่งที่เป็นความสุขแท้จริงในความรู้สึกตัวเองที่ค้นหาและอยากจะมีมานานแล้ว เป็นความสงบ เป็นความสุขอย่างนิ่งๆ มีความพอดีที่ดีมาก คิดว่าในชีวิตไม่อยากได้อะไรที่มากไปกว่านี้หรือน้อยไปกว่านี้ซึ่งคนๆ นั้นต้องให้สิ่งนี้ได้”

คำตอบจากใจ ‘นิโคล’ ความรักที่ใช่ต้องเป็นแบบนี้!

อารมณ์โกรธอาจมีบ้าง แต่ต้องเคลียร์ให้ชัด “ปกติคือเป็นอะไรรู้สึกอย่างไรจะบอกเลย พอบอกเสร็จแล้วหายเรื่องก็จบตรงนั้นจะไม่ทำให้ยืดยาวหรือนิ่งๆ ไม่พูด แล้วให้เขามาเดามาทายอะไรอย่างนี้เพราะเขาก็คงไม่ทำแน่นอน  เลยทำให้ชีวิตง่ายขึ้น เพราะเราก็โตๆ กันแล้ว ใช้เหตุผลกันดีกว่า”

เรื่องโรแมนติกไม่ต้อง เน้นความรู้สึกดีๆ “เพราะจริงๆ ไม่รู้ตัวเองหรอกว่าอยู่ด้วยแล้วเป็นอย่างไร แต่รู้ว่าตัวเองมีหลายมุม ทั้งมุมส่วนตัวและมุมที่คนนอกมองเห็น แถมมีความเป็นส่วนตัวสูง แล้วก็มีความคิดเป็นของตัวเองที่เปลี่ยนยาก ถ้าไม่เข้าใจกันตรงนี้ก็น่าจะกลายเป็นคนที่อยู่ด้วยยาก เข้ากันไม่ได้แล้วต้องแคล้วคลาดกันไป”

 

แค่นั่งดูทีวี อ่านหนังสือใกล้ๆ กันไม่ต้องพูดอะไรก็มีความสุข “นี่เป็นภาพในอุดมคติที่เคยนึกอยากให้มี อยากให้เกิดขึ้นในชีวิตมานานแล้วจะมีความสุขมากกับการอยู่บ้านสบายๆ ไม่ชอบไปไหน ถ้าจะทำกิจกรรมอะไรก็พร้อมที่จะทำ แต่ต้องมีผู้นำ ต้องการคนชวนไปทำโน่นทำนี่มากกว่า ซึ่งถ้าให้คิดเองคงไม่”

มีอารมณ์ขันอยู่ด้วยแล้วได้หัวเราะตลอด “มีทั้งมุมเข้มมุมตลกในสไตล์ของตัวเอง เป็นคนง่ายๆ สบายๆไม่เรื่องมาก สำคัญที่สุดคือ ต้องเข้ากับลูกได้ ถ้าไม่ได้ก็จบ”

 

ที่มา : นิตยสารแพรว

ภาพ : @nicolenicole23

โป๊ป-ธนวรรธน์

หล่อใจสั่น! ส่องคอสตูม โป๊ป-ธนวรรธน์ แต่ละแบรนด์ไม่ธรรมดา

โป๊ป-ธนวรรธน์
โป๊ป-ธนวรรธน์

วันนี้แพรวดอทคอมพามา ส่องคอสตูม โป๊ป-ธนวรรธน์ ที่ไม่ว่าจะแต่งลุคไหนก็ออกมาหล่อเว่อร์ ทำเอาสาวๆ ใจละลาย กันเป็นแถว 

หลายคนคงจะได้เห็นกันไปแล้วว่านิตยสารแพรวฉบับที่ 931 เราได้พระเอกสุดฮ็อต โป๊ป-ธนวรรธน์ จากละครดังเรตติ้งแรงอย่าง บุพเพสันนิวาส มาขึ้นปกถ่ายแฟชั่นเช็ตสุดเท่ เรียกเสียงกรี๊ดจากสาวๆ แม้ว่าแฟนๆ ของหนุ่มโป๊ปจะจับจองนิตยสารแพรวเล่มนี้ไปชมจนเพลินตาเพลินใจและฟินไปกับรอยยิ้มหวานๆ รวมถึงลุคเท่ๆ ของพี่หมื่นกันไปแล้ว แต่รู้ไหมว่าคอสตูมแต่ละชุด แต่ละตัวของคุณพี่เขาไม่ธรรมดานะจ๊ะ ถึงหนุ่มโป๊ปจะดูดีอยู่แล้ว เป็นผู้ชายที่ใส่อะไรก็คูล แต่ถ้าได้เสื้อผ้าดีไซน์เนี้ยบเข้ากับบุคลิกมาเสริมอีกทาง ก็ยิ่งทำให้ลุคของหนุ่มโป๊ปออกมาหล่อทวีคูณ ออร่ากระจายอย่างที่ได้เห็นกัน

ดังนั้นวันนี้จะชักช้าไปใยเล่า แพรวดอทคอมขอพาสาวๆ ไปหวีดความหล่อของคุณพี่กันอีกสักรอบ และแถมด้วยการพาไปส่องแบรนด์ที่คุณพี่ใส่ถ่ายแบบจนได้เป็นลุคเท่ๆ บาดใจสาวๆ ขนาดนี้ และเผื่อแฟนๆ คนไหนเห็นแล้วอยากจะเปย์คุณพี่สักตัวสองตัวก็แล้วแต่หัวใจเธอเลย อิอิ

 

หล่อใจสั่น! ส่องคอสตูม โป๊ป-ธนวรรธน์  แต่ละแบรนด์ไม่ธรรมดา

 

เสื้อโปโลสีเนวี่ทับด้วยเบลเซอร์สีดำ และกางเกงเข้าชุด ทั้งหมดจาก Salvatore Ferragamo

 

แจ็คเก็ตผ้าร่มสีขาว และกางเกงโอเวอร์ไซส์ จาก Hermès

 

เสื้อเชิ้ตลายทางทับด้วยเสื้อเชิ้ตแต่งลายการ์ตูน และกางเกงขายาวจั๊มป์ปลายขา ทั้งหมดจาก Prada รองเท้าสนีกเกอร์สีขาวจาก Salvatore Ferragamo

 

ลุคสูทหล่อเข้มที่เพิ่มดีเทลปักลายผึ้งที่ช่วงอกจาก Dior Homme

 

เสื้อ Tank Top จาก Hermès ทับด้วยแจ็คเก็ตยีนสีดำและกางเกงจาก Dior Homme

 

เสื้อเชิ้ตตัวยาวจาก Loewe

เป็นยังไงจ๊ะสาวๆ แต่ละแบรนด์ก็ขึ้นชื่อเรื่องดีไซน์และความไฮเอนด์ ส่วนเรื่องของราคาเราจะกดข้ามไปก่อนละกัน อิอิ เอาเป็นว่ามาสรุปความเท่ของคุณพี่ดีกว่า เพราะไม่ว่าจะแต่งลุคไหนก็ได้หมดนะยูว์ ออกมาดูดีไปทุกระเบียบนิ้ว จะลุคเท่ๆ แบดๆ อบอุ่น หรือชุดลำลองสบายๆ หนุ่มโป๊ปก็เอาอยู่! กรี๊ดดดด >///<

 


เรื่อง : Hana_แพรวดอทคอม (ฮานะ)

ภาพ : นิตยสารแพรว ฉบับ 931

COVER STORY : PRAEW ISSUE 931

กรี๊ดให้สุดเสียง PRAEW ISSUE 931 ฉบับนี้พบกับ ชายหนุ่มสุดฮ็อตที่นาทีนี้ ไม่มีใครเทียบได้กับ โป๊ป ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ จัดเต็มรูปภาพแฟชั่น และบทสัมภาษณ์กว่า 30 หน้า มาให้ดูและอ่านเพลินจนลืมวาง

เปิดเส้นทางความรักของเจ้าชายแฮร์รี่ และ เมแกน มาร์เคิล ดยุคและดัชเชสแห่งซัสเซกส์ ใน Special Stories ตั้งแต่วันแรกที่พบกัน จนถึงวันเสกสมรส เจอทั้งทุกข์และสุข กระแสดราม่าต่างๆ พร้อมเจาะลึก ความพิเศษของพิธีสำคัญนี้ อย่างละเอียด มาให้อ่านกันอย่างจุใจ

ปฎิเสธไม่ได้เลยว่า “วันแต่งงาน” คือวันสำคัญในชีวิตของลูกหญิง เพราะเป็นวันเดียวที่เราจะแต่งหน้า แต่งตัวให้สวยในชีวิต แต่จะทำอย่างไรให้วันนั้น เป๊ะที่สุด แต่จะผ่านจุดนี้ไปได้ก็ต้องมีแพลนที่ดีเท่านั้น ต้องเตรียมพร้อม วางแผนการดูแลตัวเองอย่างชาญฉลาด อย่างน้อยความสวยและมั่นใจจะช่วยให้เจ้าสาวพร้อมดีลกับทุกปัญหาได้แบบสวย ๆ ไม่เสียอารมณ์ไงล่ะ

ใครเป็นสาวผิวแพ้ง่าย ยกมือขึ้น จะใช้ สกินแคร์ หรือเครื่องสำอาง อะไรเป็นต้องกลัวแพ้ไปซะทุกสิ่ง ปักษ์นี้จัดพิเศษสำหรับเคล็ดลับความสวย โดยเฉพาะสาวผิวแพ้ง่าย ยืนยันว่าเวิร์คโดย ปอนด์ – หฤทัย ไชยันต์ ณ อยุธยา

ความงามแห่งสีสันคือเสน่ห์อันน่าหลงใหล ที่อยู่คู่เฮ้าส์เก่าแก่อย่างดิออร์มาโดยตลอด เป็นที่รู้กันว่า มิสเตอร์ดิออร์โปรดปรานการใช้สีสันเป็นที่สุด เพราะชีวิตในวัยเด็กของเขาเติบโตอยู่ท่ามกลางหมู่มวลดอกไม้ บ้านสีชมพู และท้องฟ้าสีเทา จึงไม่น่าแปลกใจที่แต่ละคอลเล็คชั่น ของดิออร์ตั้งแต่ปี 1947 จะแต่งแต้มไปด้วยชุดเสื้อผ้าหลากสี เริ่มจากสีโปรดอย่างชมพูหวาน สีเทาอ่อน สีเขียว และสีน้ำเงิน เนวี่บลู เรื่อยไปจนถึงสีแดงเพลิง หนึ่งในสีที่แทบจะปรากฏ ในทุกคอลเล็คชั่น ด้วยมิสเตอร์ดิออร์เชื่อว่า เป็นสีแห่งความ หลงใหล พร้อมจะสะกดทุกสายตา นอกจากนี้เขายังชื่นชอบ การผสมผสานสีที่แตกต่าง เพื่อสร้างความคอนทราสต์ที่โดดเด่น ทว่าลงตัว กลายเป็นเสน่ห์เฉพาะตัวให้เครื่องแต่งกายของ สาวดิออร์ จนถึงทุกวันนี้ดีไซเนอร์รุ่นต่อ ๆ มาก็ยังคงยึดมั่น ในแนวทางการใช้สีที่มิสเตอร์ดิออร์คิดค้นขึ้น

เป็นกันไหมคะสาวๆ ที่มีเสื้อผ้าเต็มตู้ แต่ไม่รู้จะใส่อะไรดี ทั้งที่ เสื้อผ้าที่กองอยู่แทบจะล้มมาทับตัว เช่นเดียวกับ ศิตา ชุติภาวรกานต์ สาวนักช้อปตัวยง ที่บางเดือนนั้นซื้อที 50-60 ตัว แต่ใช่ว่าเสื้อผ้าที่เธอซื้อจะไม่มีประโยชน์ เยอะขนาดนี้ เธอเลยตัดสินใจเปิด Bchu Runway  ร้านให้เช่าชุดแบรนด์เนมเสียเลย

หยุดเวลาไว้ที่โป๊ป แพรวจัดเต็มบทสัมภาษณ์ เล่าทุกเรื่องราวของโป๊ป เปิดทุกอณู พร้อมรอยยิ้มละมุนๆ ของหนุ่มคนนี้ มาให้ฟินกัน จนวางไม่ลง

ห้ามพลาดกับแฟชั่นสวยๆ ที่พร้อมให้คุณอัพเดท รวมถึงเรื่องราวต่างๆ ที่อัดแน่นเต็มไปด้วยสาระอีกเช่นเคย ในนิตยสารแพรวฉบับ 931 ปักษ์ 10 มิถุนายน 2561 ได้แล้วที่แผงหนังสือชั้นนำทั่วไป หรือ สั่งซื้อทางออนไลน์ได้ที่ https://www.naiin.com/

 

ดีไซเนอร์ชื่อดังผู้ล่วงลับ

สูญเสียในรอบสิบปี! 5 ดีไซเนอร์ชื่อดังผู้ล่วงลับ แต่ยังทรงอิทธิพลในวงการแฟชั่น

ดีไซเนอร์ชื่อดังผู้ล่วงลับ
ดีไซเนอร์ชื่อดังผู้ล่วงลับ

5 ดีไซเนอร์ชื่อดังผู้ล่วงลับ นักสร้างสรรค์แห่งวงการแฟชั่น แม้จะจากไปอย่างไม่มีวันกลับ แต่ผลงานของพวกเขาจะถูกกล่าวขานไปอีกนาน 

จากข่าวอันน่าเศร้าใจของวงการแฟชั่น เมื่ออีกหนึ่งดีไซเนอร์ฝีมือดี ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Kate Spade ได้เสียชีวิตลงด้วยวัยเพียง 55 ปี เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่นในมหานครนิวยอร์ก ทำให้เราย้อนนึกไปได้ว่าช่วงต้นปีที่ผ่านมาก็มีข่าวการจากไปของ แบร์ เดอ จีวองชี นักออกแบบและผู้ก่อตั้งแบรนด์ดังอย่าง Givenchy เช่นกัน

ถือว่าในช่วง 10 ปีมานี้ โลกแฟชั่นได้สูญเสียบุคคลสำคัญ นักครีเอทมือฉมังไปแล้วถึง 5 คน เรียกว่าไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะนักออกแบบแต่ละท่านได้สร้างผลงานชิ้นตำนานและทำให้วงการแฟชั่นเต็มไปด้วยสีสันของการสาดไอเดีย การแข่งขันกันอย่างดุเดือด ที่ทำเอาเหล่าแฟชั่นนิสต้าตามเช็คลิสต์แทบไม่ทัน

 

 5 ดีไซเนอร์ชื่อดังผู้ล่วงลับ แต่ยังทรงอิทธิพลในวงการแฟชั่น

 

Kate Spade  เสียชีวิตในปี 2018  เคท สเปด หรือ เคท วาเลนไทน์ ดีไซเนอร์และผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์ Kate Spade ชาวอเมริกัน ได้เสียชีวิตลงในวัย 55 ปี  เมื่อวันอังคารที่ 5 มิถุนายน 2561 ตามเวลาท้องถิ่นของมหาครนิวยอร์ก โดยมีแม่บ้านเข้าไปพบร่างของเคท สเปดในอพาร์ทเมนท์ส่วนตัว และคาดว่าการเสียชีวิตครั้งนี้ เกิดจากการฆ่าตัวตาย เพราะศพดีไซเนอร์ดังที่แม่บ้านเจอนั้น อยู่ในสภาพผูกผ้าพันคอโยงกับลูกบิดประตู และยังมีจดหมายลาตายอยู่ในที่เกิดเหตุด้วย 

ซึ่ง เคท สเปด เป็นนักสร้างสรรค์ไอเท็มท็อปฮิตให้กับแบรนด์มากมาย นอกจากกระเป๋าหลากดีไซน์ที่เป็นไอเท็มสร้างชื่อแล้ว ก็ยังมีเสื้อผ้าในสไตล์ต่างๆ ที่ใส่ง่ายแต่โดดเด่น บอกเลยว่าคนดังปลื้มแบรนด์ Kate Spade New York ไม่น้อย และถือเป็นอีกหนึ่งแบรนด์โปรดของดัชเชสแห่งเคมบริดจ์เลยก็ว่าได้

Kate Spade

 

เจ้าหญิงเคทในฉลองพระองค์จาก Kate Spade

 

แบร์ เดอ จีวองชี (Hubert de Givenchy) เสียชีวิตในปี 2018 ถือเป็นอีกหนึ่งข่าวใหญ่ของวงการแฟชั่น เมื่อ แบร์ เดอ จีวองชี (Hubert de Givenchy) ดีไซเนอร์ชาวฝรั่งเศส ผู้สร้างภาพลักษณ์อันโด่งดังในการออกแบบเสื้อผ้าให้กับคนดังมากมาย เช่น Audrey Hepburn เจ้าหญิงแห่งฮอลลีวู้ด , เจ้าหญิงเกรซ แห่งโมนาโก และ Jackie Kennedy สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ปี 1961 เสียชีวิตด้วยวัย 91 ปี เมื่อวันเสาร์ที่ 10 มีนาคม 2561 ในขณะนอนหลับ

แบร์ เดอ จีวองชี (Hubert de Givenchy)

 

ชุดในตำนาน Audrey Hepburn จากภาพยนตร์เรื่อง Breakfast at Tiffany’s

 

Oscar de la Renta เสียชีวิตในปี 2014 ดีไซเนอร์ชื่อดังสัญชาติโดมินิกัน เสียชีวิตในวัย 82 ปี เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2557 โดยสาเหตุการเสียชีวิตไม่ได้ระบุแน่ชัด แม้ว่าก่อนหน้านี้ในปี 2549 จะพบว่าป่วยเป็นโรคมะเร็ง แต่ในปี 2556 ผลการตรวจร่างกายออกมาว่าไม่พบเซลล์มะเร็งแล้ว

ซึ่ง Oscar de la Renta สามารถสร้างชื่อในแวดวงแฟชั่นได้ในปี 2508 เพราะได้รับโอกาสดูแลการแต่งตัวให้กับ แจ็กเกอลีน เคนเนดี สุภาพสตรีหมายเลข 1 ของสหรัฐฯ ในตอนนั้น และยังออกแบบชุดแต่งงานให้กับทนายความด้านสิทธิมนุษยชนชาวอังกฤษเชื้อสายเลบานอนอย่าง อามัล คลูนีย์ อีกด้วย นอกจากนี้เรายังคงเห็นแบรนด์ Oscar de la Renta เฉิดฉายบนพรมแดงอยู่บ่อยครั้ง

Oscar de la Renta

 

อามัล คลูนีย์ ในชุดแต่งงานจาก Oscar de la Renta

 

Alexander McQueen เสียชีวิตในปี 2010 ดีไซเนอร์ชื่อดังชาวอังกฤษเสียชีวิตในวัย 40 ปี ด้วยเหตุฆ่าตัวตาย เนื่องจากขาดอากาศหายใจ โดยการแขวนคอในตู้เสื้อผ้าที่อพาร์ทเมนท์ของเขาเอง เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2553 ซึ่งก่อนหน้าที่จะตัดสินใจจบชีวิต ดีไซเนอร์ดังได้ตกอยู่ในอาการซึมเศร้า เพราะมารดาเพิ่งเสียชีวิตไปไม่นาน

โดยผลงานสร้างชื่อของเขาได้แก่ คอลเล็คชั่น Plato’s Atlantis และรองเท้ารุ่น Armadillo ที่นักร้องสุดแซ่บ เลดี้ กาก้า ใส่ในมิวสิกวิดีโอเพลง Bad Romance และใครจะคิดว่าคอลเล็คชั่นนี้กลับเป็นคอลเล็คชั่นสุดท้ายของเขา

Alexander McQueen

 

เลดี้ กาก้า กับรองเท้ารุ่น Armadillo

 

Yves Saint Laurent เสียชีวิตในปี 2008  ดีไซเนอร์ชาวฝรั่งเศส เสียชีวิตในวันที่ 1 มิถุนายน 2551 ในบ้านของเขาเอง ณ กรุงปารีส ด้วยอายุ 71 ปี จากโรคมะเร็งในสมอง ซึ่งต้องบอกว่า Yves Saint Laurent เป็นดีไซเนอร์ฝีมือดีจริงๆ เพราะได้ร่วมงานกับ Christian Dior ในปี 1957 ด้วยวัย 21 ปีเท่านั้น และในเวลาเพียงแค่ 4 ปี เขาก็ได้เปิดแบรนด์ของตัวเองในปี 1961 โดยผลงานชิ้นโดดเด่นได้แก่ เดรส Mondrian และคอลเล็คชั่น Safari ทั้งนี้ยังเป็นดีไซเนอร์คนแรกที่ให้นางแบบผิวสีเดินแบบในแฟชั่นโชว์อีกด้วย

Yves Saint Laurent

 

ชุดเดรส Mondrian

เชื่อว่าทั้ง 5 ดีไซเนอร์ผู้ล่วงลับ จะเป็นที่จดจำของดีไซเนอร์รุ่นต่อๆ ไป และแฟชั่นนิสต้าทั่วโลกอย่างปฏิเสธไม่ได้


เรื่อง : Hana_แพรวดอทคอม (ฮานะ)

ภาพ : www.popsugar.com

 

โป๊ป - ธนวรรธน์ นิตยสารแพรว

คนอย่างผมไม่เอาเปรียบใคร! นี่แหละ “โป๊ป – ธนวรรธน์” เสียน้ำตาเป็น นักเลงพอ

โป๊ป - ธนวรรธน์ นิตยสารแพรว
โป๊ป - ธนวรรธน์ นิตยสารแพรว

คนอย่างผมไม่เอาเปรียบใคร! นี่แหละ “โป๊ป – ธนวรรธน์” เสียน้ำตาเป็น นักเลงพอ

พระเอกที่มาแรงที่สุดในปีนี้ ไม่ใช่พระเอกหน้าใหม่หรือดาราหน้าใหม่ เขาคือหนุ่มหล่อที่อยู่ในวงการบันเทิง ผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายปีกว่าที่บทบาทการแสดงของเขาในฐานะ “พระเอก” จะมาอยู่ในจุดที่ทุกคนยอมรับ มีแฟนคลับมากมายจนเกิดปรากฏการณ์ห้างแตก หลังจากที่ละครเรื่องบุพเพสันนิวาสออนแอร์ไปไม่กี่ตอน ที่พูดมา เชื่อว่าทุกคนคงนึกออกว่าคือ หนุ่ม “โป๊ป – ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ” นั่นเอง

นับเป็นครั้งแรกหลังห่างหายจากการถ่ายแฟชั่นมานาน เพราะเจ้าตัวเคยพูดอยู่บ่อยๆ ว่าอาจจะไม่ค่อยถนัดงานด้านนี้ การได้มาร่วมงานกับแพรวในฐานะนายแบบขึ้นปกนิตยสารในปักษ์ 10 มิถุนายน 2561 ครั้งนี้ เลยเป็นบิ๊กเซอร์ไพร้ส์ให้กับคนที่รอคอยผลงานการถ่ายแบบของเขา งานนี้นอกจากจะมีภาพทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังของหนุ่มโป๊ปในเล่มให้ทุกคนได้ฟินแล้ว การให้สัมภาษณ์ของหนุ่มโป๊ปครั้งนี้ก็พิเศษกว่าครั้งไหนๆ และยังมีอีกหลายเรื่องที่แทบไม่รู้มาก่อนเลยว่า พระเอกหนุ่มสุดฮ็อตอย่าง “โป๊ป – ธนวรรธน์” ตัวตนจริงๆ นั้นเป็นแบบนี้

โป๊ป - ธนวรรธน์

เกเรจนทำให้แม่ร้องไห้

“สมัยเด็กผมค่อนข้างเกเร ไม่ยอมให้ใครเอาเปรียบ เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว เลยมีเรื่องทะเลาะชกต่อยกับเพื่อนเป็นประจำ เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เรียนประถมจนถึง ม.3 โดนครูเรียกผู้ปกครองบ่อย แต่ผมไม่ยุ่งกับอบายมุขนะ เกเรแต่ไม่มีเรื่องยาเสพติด เหล้า หรือบุหรี่เลย

“ส่วนที่เกเรที่สุดก็คือทะเลาะกับแม่จนทำแม่ร้องไห้ เสร็จแล้วก็หนีไปอยู่บ้านเพื่อน ไม่ใช่เรื่องร้ายแรง แต่ก็ไม่ควรทำแบบนั้น พอเข้าเรียนที่วิทยาลัยช่างศิลป ความเกเรลดลง อาจเพราะโตขึ้น และผมสงสารแม่ด้วย เลยอยากทำให้เขาสบายใจ ตอนนั้นแม่ก็พาเข้าวัด ก็เปลี่ยนตัวเองตรงนั้นเลย นิสัยเกเรค่อยๆ ลดลง การเรียนก็ดีขึ้นจนสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ ถึงช่วงนั้นแม่ก็เลยไม่ค่อยห่วงแล้ว”

เสียน้ำตานับไม่ถ้วนเพราะโดนสาวเท

“ผมเสียน้ำตาให้ผู้หญิงมาเยอะ (หัวเราะ) ผมไม่ใช่ผู้ชายโรแมนติกนะ วันวาเลนไทน์ก็ไม่ค่อยมีเซอร์ไพร้ส์อะไรให้แฟน เต็มที่ก็วาดรูปให้แค่นั้น ไม่มีคำพูดแบบ…ผมเอาของมาให้ที่รักนะ ผมทำแบบนั้นไม่เป็น รู้สึกว่าทำแล้วเหมือนพระเอกละคร ไม่ค่อยชอบ เพราะฉะนั้นคนที่อยู่กับผมได้ก็ต้องเข้าใจธรรมชาติของผมมากๆ ส่วนเรื่องจีบสาว แต่ก่อนผมจีบไม่เป็นหรอก ให้เพื่อนช่วยเข้าไปคุยก่อน ช่วงเรียนมหาวิทยาลัยเลยไม่ค่อยมีแฟนที่คณะ เพราะฟอร์มเยอะ ต่อให้สวยยังไงก็แค่มอง แต่ไม่จีบ เขาต้องเข้ามาก่อน ซึ่งก็ไม่มีใครเข้ามา แต่ ณ วันนี้จีบก่อนเลย (หัวเราะ) ชอบใครก็เข้าไปคุยได้ มุมมองความรักเปลี่ยนไป และไม่ได้คิดว่าคบใครแล้วต้องเป็นคนนี้คนเดียวดูแลไปจนแก่ตายด้วยกัน ไม่ยึดติดแบบนั้นแล้ว ถ้าวันหนึ่งเขานอกใจหรือมันไม่ใช่จะได้ไม่เจ็บมาก ถ้าอกหักก็เสียใจแหละ แต่ไม่ได้ร้องห่มร้องไห้เหมือนตอนเด็กๆ”

คนอย่างผมไม่เอาเปรียบใคร! นี่แหละ “โป๊ป – ธนวรรธน์” เสียน้ำตาเป็น นักเลงพอ

โป๊ป - ธนวรรธน์

ผู้ชายไม่ชอบแสดงออก

“ใครที่มาเป็นแฟนผมอาจดูไม่ออกว่าเขารักฉันอยู่หรือเปล่า เพราะผมไม่ค่อยแสดงออก แต่ใจเรารู้แหละว่านี่คือคนพิเศษสุด แต่เขิน ทำไม่เป็น ผมจะออกแนวกวนๆ ทำตลกไปเลยมากกว่า ที่เป็นแบบนี้อาจเป็นเพราะที่บ้านผมก็ไม่ค่อยแสดงออกความรักกันตรงๆ ด้วย สมัยเด็กแม่ไม่หอมแก้ม ไม่ค่อยกอด คือเขารักมากแหละ แต่เขาแสดงออกด้วยวิธีอื่น  ผมเองก็บอกรักแม่แค่ในวันแม่ว่ารักนะ ขอโทษนะที่ทำให้แม่ไม่สบายใจเรื่องนั้นเรื่องนี้ แต่สิ่งที่ผมพยายามทำให้แม่ตลอดคือ พยายามเป็นลูกที่ดี ไม่สร้างปัญหา ไปทำบุญเป็นเพื่อน เพราะรู้ว่าแม่อยากเห็นเราเป็นคนดี มีใจเสียสละ นั่นคือสิ่งที่ทำให้แม่ตลอด แค่ไม่ค่อยบอกรักด้วยคำพูดเท่านั้นเอง”

พูดแล้วคำไหนต้องเป็นคำนั้น

“ไม่ว่าชีวิตผมตอนนี้จะเปลี่ยนไปจากเดิมยังไง แต่ผมก็ไม่เคยเปลี่ยนตัวเองนะ ยังพูดตรงไปตรงมา คำไหนคำนั้น คนที่ทำงานกับผมก็ต้องคำไหนคำนั้นเหมือนกัน ตั้งแต่วันที่ผมไม่มีกระแสจนมาถึงวันที่ยืนตรงนี้ ผมยังเป็นคนเดิม เวลาคุยงาน ถ้าบอกผมว่าจะมี 1 2 3 แต่พอถึงเวลาจริงกลับเป็น 4 5 6 ผมไม่ค่อยยอมเลย ไม่ว่าคนนั้นจะใหญ่แค่ไหนก็ตาม อาจเป็นนิสัยเสียอย่างหนึ่ง แต่ผมว่ามันคือความถูกต้อง เพราะตอนทำงาน ผมก็ทำงาน 100% ไม่เอาเปรียบใครเหมือนกัน ที่ผมเป็นแบบนี้อาจเป็นเพราะแม่สอนผมว่า ทำอะไรเราต้องมีสัจจะ พูดแล้วต้องทำ แม่ผมสอนหลายอย่างและทำให้เห็นเป็นตัวอย่าง แม่ซื่อสัตย์มาก ไม่ขี้โกง ทั้งหมดนี้ซึมเข้ามาในตัวผม ทำให้เราเป็นคนแบบนี้ สมัยนี้มีคนเยอะแยะที่พูดปลิ้นปล้อนไปเรื่อย สังคมเลยต้องตามน้ำไปหมด บางคนจึงอาจคิดว่าคนแบบผมนิสัยไม่ดี เรื่องมาก ซึ่งผมไม่สนหรอก เพราะเราทำในสิ่งที่คิดว่าถูกต้อง ใครจะคิดอะไรก็เรื่องของเขา เราก็เดินหน้าในแนวทางนี้ต่อไป”

โป๊ป - ธนวรรธน์

ความสุขของโป๊ป

“สิ่งที่ผมทำแล้วมีความสุขมากตอนช่วงที่ไม่ได้มีงานเยอะขนาดนี้ก็คือ ไปเป็นครูสอนวาดรูปกับสอนฟุตบอลให้เด็กๆ  อย่างตอนไปเป็นครูอาสาสอนศิลปะให้โครงการทูบีนัมเบอร์วันในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ผมสอนเด็ก ป.4 ที่วาดรูปไม่เป็นเลย สอนอยู่ 5 ปี สัปดาห์ละครั้ง จนเขาพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดก็สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ รู้สึกชื่นใจมาก อยากทำอีก การทำงานนี้ทำให้เข้าใจคำว่าครูที่แท้จริง ผมจึงนับถือครูอาสาที่ไปสอนตามชายแดนโดยไม่หวังเงิน เขาคือผู้เสียสละที่แท้จริง นับถือหัวใจมากๆ ผมคิดว่าถ้ามีโอกาส วันหนึ่งอยากสร้างโรงเรียนที่ต่างจังหวัด หรือเป็นโปรเจ็กต์อะไรก็ได้ที่ได้ช่วยพัฒนาเด็กๆ สำหรับตัวผมจริงๆ ก็ไม่ได้อยากได้อะไรมาก วันหนึ่งอยากเห็นสัจธรรมจริงๆ ของชีวิตเหมือนที่พระพุทธเจ้าท่านเห็นมากกว่า อยากมีปัญญา เหมือนที่บอกกันว่า

“ถ้ามีปัญญาเยอะๆ เหมือนมีมีดคมที่คอยตัดกิเลส ผมยังเข้าไม่ถึงหรอก ถ้าไปถึงวันนั้นได้ เงินร้อยล้านหรือหมื่นล้านก็คงไม่สำคัญ…”

 

อ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็มให้ฟินกว่าเดิมได้ที่ นิตยสารแพรว ปักษ์วันที่ 10 มิถุนายน 2561

 

10+ รองเท้าแตะ แบรนด์เนม ดัดจริตยังไงถึงราคาเหยียบหมื่น สาวๆต้องดู!

รองเท้าแตะ เป็นรองเท้าชนิดหนึ่ง ประกอบด้วยพื้นรองเท้าและส่วนปิดหน้า ไร้ส่วนหุ้มส้น หรือถึงมีก็แค่สายรัดส้นเส้นเล็กๆ โดยรวมจึงเป็นรองเท้าที่เปิดเปลือยมากกว่ารองเท้าทั่วไป และด้วยเหตุว่ามันใช้วัสดุในการผลิตน้อยกว่า จึงมักจะมีราคาถูก

แต่ใดๆ ย่อมมีข้อยกเว้น พอศอนี้จึงมีรองเท้าเตาะแตะแพงหูดับ เพราะพะแบรนด์ยีห้อดัง แต่ครั้นจะมาแค่อาการหุ้มหน้า ไม่หุ้มหลัง เหล่าแบรนด์เนมก็กลัวจะถูกครหาว่าค้ากำไรเกินงาม คุณๆ ดีไซเนอร์ของแบรนด์จึงครีเอทไอเดียดัดจริตใส่เข้าไปให้ดูเว่อร์วัง

และนี่คือ รองเท้าแตะ ราคาแพงระดับเลข 5 หลัก แต่แลกกับอาการมั่นหน้าว่าฮิโซก็คุ้มอยู่นะซิส

GUCCI  สลิปเปอร์ติดเฟอร์ หวานเว่อร์ด้วยสองสีทูโทน ราคา $1,088 (ประมาณ 35,000 บาท) 

CHANEL แตะหูหนีบหนังแพะดีไซน์เป็นดอกคาเมลเลีย ไอคอนิคแบรนด์ ราคา $965 (ประมาณ 31, 000บาท)

@chanel.com

LOUIS VUITTON แตะประดับขนมิงค์ ห้อย padlock โลโก้ LV ลักชัวรีเว่อร์ $990 (ประมาณ 32,000 บาท)

Lock It Flat Mule | Louis Vuitton ®
@us.louisvuitton.com

Hermès แตะหนังวัวประดับบัคเคิลพาราเดียม ไอคอนิคแบรนด์ ด้านในบุผ้าคอตตอนพิมพ์ลาย ราคา $1,250 (ประมาณ 40,000 บาท)

@hermes.com

MAISON MARGIELA สลิปเปอร์หัวแหลมคาดบัคเคิลประดับคริสตัล ราคา $1,090 (ประมาณ 35,000 บาท)

Maison Margiela embellished buckle slippers

DOLCE & GABBANA  สลิปเปอร์ผ้าลูกไม้คาดบัคเคิลประดับพลอย ราคา $932 (ประมาณ 30,000 บาท)Dolce & Gabbana lace buckle slippersPAULA CADEMARTORI  สลิเปอร์ประดับคริสตัลเบอร์ใหญ่ ราคา $727 (ประมาณ 23,000 บาท)

Paula Cademartori crystal embellished slippers

VALENTINO แตะฝังหมุด Rockstud ที่มองผาดแรกอาจไม่เห็นถ้าไม่แหวกขน ราคา $1,070 (ประมาณ 34,000 บาท)

Valentino Valentino Garavani Rockstud slides

PRADA สลิปเปอร์สีทองหรู งานโลโก้เด่นหรา ราคา $800 (ประมาณ 25,000 บาท)Prada logo plaque slippers

SALVATORE FERRAGAMO อีกหนึ่งแบรนด์ที่ทำงานขนออกมาอวด ราคา $720 (ประมาณ 23,000 บาท)

Salvatore Ferragamo double Gancio slidesSANAYI 313 ใครชอบงานเต่าหรูๆ จัดไป หนึ่งคู่ได้ตั้ง 3 เต่า ราคา $1,644 (ประมาณ 52,000 บาท)

Sanayi 313 embroidered turtle patch slippers

MALONE SOULIERS สลิปเปอร์ที่ได้ไอเดียจากกระโปรงบัลเลต์หวานฟู ราคา $803 (ประมาณ 25,000 บาท)

Malone Souliers Marianne slippers

BOTTEGA VENETA  สลิปเปอร์งานคาแร็คเตอร์แบรนด์ แต่เพิ่มความคูลด้วยจังหวะหมุด ราคา $990  (ประมาณ 32,000 บาท)

NATASHA ZINKO สลิปเปอร์ขนฟู สาวขี้หนาว(เท้า) ต้องจัด ราคา $1,834 (ประมาณ 58,000 บาท)Natasha Zinko rounded slippers

TOD’S  ทั้งเท่ ทั้งอิน กับสลิปเปอร์ยีนส์ติดขน ราคา $637 (ประมาณ 20,000 บาท)

Tod's fluffy denim slider loafers

ANYA HINDMARCH  แซนเดิลไข่ขนซนจริงๆ ราคา $999 (ประมาณ 32,000 บาท)

Anya Hindmarch Egg sliders

DELPOZO  สลิปเปอร์โบว์ใหญ่ ราคา $877 (ประมาณ 28,000 บาท)Delpozo pointed toe bow slippers

SERGIO ROSSI  สลิปเปอร์เฟอร์รี่ แค่เห็นก็รู้ว่าอุ่นแน่ ราคา $1,238 (ประมาณ 39,000 บาท)

Sergio Rossi furry slippers

EMILIO PUCCI  เห็นลายก็รู้ว่าแบรนด์ไหน สลิเปอร์พิมพ์ลายทีเพิ่มความเยอะด้วยดอกไม้แอนด์คริสตัลประดับ ราคา $927 (ประมาณ 29,000 บาท)

Emilio Pucci printed embellished slippers

ROCHAS  สลิปเปอร์หรูแกลม ผ้ากำมะหยี่ที่มาพร้อมโบว์และคริสตัล ราคา $687 (ประมาณ 22,000 บาท)

Rochas bow embellished slippers
ดัดจริตจัดเต็มขนาดนี้ ก็ทิ้งกฎเรื่องรองเท้าแตะคือรองเท้าลำลองไปได้เลย ราคาระดับนี้จะใส่ไปไหนก็ได้ แถมมีข้อดีคือใส่สบาย จอดถอดที่ไหนก็ง่าย ดีขนาดนี้ก็ยอมใจซื้อไปเล้ย
ที่มาภาพ : ลิขสิทธิ์แบรนด์ และ net-a-porter
พิปพา มิดเดิลตัน

เจาะไอเท็มลุคสุดชิล พิปพา มิดเดิลตัน พระขนิษฐาเจ้าหญิงเคท

พิปพา มิดเดิลตัน
พิปพา มิดเดิลตัน

พาส่องลุค พิปพา มิดเดิลตัน โดดเด่นด้วยเดรสสีแดงสดในงาน french open พร้อมสามี เจมส์ แมทธิวส์

เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา พระขนิษฐาของเจ้าหญิงเคทได้ปรากฏตัวในงานการแข่งขันเทนนิส french open ซึ่งเป็นการแข่งขันเทนนิสที่จัดขึ้นในช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายนของทุกปี ที่สนามโรลังด์ การ์รอส กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส โดยงานนี้สาวพิปพาควงคู่มากับสามีมหาเศรษฐี เจมส์ แมทธิวส์

พิปพา และ สามี เจมส์ แมทธิวส์ ในงาน french open

ทันทีที่เดินเข้าไปบริเวณงานแข่งขันเทนนิส ก็ไม่รอดพ้นจากสายตาของเหล่าปาปารัสซี่ เพราะทั้งคู่ถูกแชะภาพและลงเว็บไซต์ข่าวต่างประเทศในไม่ช้า เรียกได้ว่าน้องสาวของดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ก็ถูกจับตามองไม่น้อย เพราะไม่ว่าจะขยับตัวไปไหนก็มีผู้คนให้ความสนใจ และที่สำคัญในวันที่เธอเข้าชมการแข่งขันนั้น ลุคจากเดรสสีแดงสดใสชวนมองก็เตะตาเข้าอย่างจัง เพราะนอกจากเดรสจะดึงดูดแล้ว ไอเท็มอื่นๆ ก็ช่วยส่งให้โททัลลุคดูดีมากเลยทีเดียว

วันนี้แพรวดอทคอมจึงขอเจาะทุกไอเท็มของสาวพิปพา ไล่ตั้งแต่เดรสไปจนถึงรองเท้า มาดูกันว่าแต่ละชิ้นมาจากแบรนด์ไหน ราคาเท่าไหร่กันบ้าง เผื่อสาวๆ อยากจะสอยมาครีเอทลุคบ้าง

 

เจาะไอเท็ม พิปพา มิดเดิลตัน 

 

พิปพา มิดเดิลตัน

ชุดเดรสลายพิมพ์สีแดงที่สาวพิปพาเลือกเป็นเดรสสไตล์ crepe wrap จากแบรนด์หรู Ralph Lauren มาในราคา 349 ปอนด์ หรือประมาณ 14,891 บาท ส่วนหมวกปานามาใบเรียบเป็นของสนามโรลังด์ การ์รอส สถานที่จัดการแข่งขันเทนนิส และกระเป๋า straw bag ที่ฮิตสุดๆ ในช่วงซัมเมอร์ จาก Anthropologie แว่นตากันแดดสุดคลาสสิกจาก Ray-Ban และปิดจ๊อบลุคนี้ด้วยรองเท้าส้นเตารีดสีเบจ ราคา 80  ปอนด์ หรือประมาณ 3,413 บาท จาก Castañer เรียกได้ว่าลุคที่ดูเหมือนจะธรรมดา แต่ก็กลับมีเสน่ห์ด้วยการมิกซ์แอนด์แมทช์

พิปพา มิดเดิลตัน

พิปพา มิดเดิลตัน

พิปพา มิดเดิลตัน

พิปพา มิดเดิลตัน

ซึ่งก่อนหน้านี้ ช่วงกลางเดือนพฤษภาคม เธอกับสามีได้เข้าร่วมพิธีเสกสมรสระหว่างเจ้าชายแฮร์รี่และเมแกน มาร์เคิล ดัชเชสแห่งซัสเซกส์ด้วย โดยสาวพิปพาก็ได้หยิบเดรสลายดอกสีพาสเทลสดใสมาใส่เช่นกัน แต่ครั้งนั้นเป็นเดรสจากแบรนด์ The Fold

พิปพา มิดเดิลตัน
พิปพาและสามีในพิธีเสกสมรสเจ้าชายแฮร์รี่

ทั้งนี้เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ก็ได้มีรายงานจากสำนักข่าวต่างประเทศว่าพิปพา มิดเดิลตัน วัย 34 ปี ได้ตั้งครรภ์ลูกคนแรกกับสามี  เจมส์ แมทธิวส์ แล้ว โดยมีกำหนดคลอดในช่วงเดือนตุลาคมนี้


เรื่อง : Hana_แพรวดอทคอม (ฮานะ)

ภาพ : IG#pippamiddleton

 

สิงโต เดอะสตาร์

สิงโต เดอะสตาร์ สอบติดนักบินกองทัพอากาศไทย (RTAF) ฝันอยากขับเครื่องบินฝนหลวงช่วยผู้ประสบภัย

สิงโต เดอะสตาร์
สิงโต เดอะสตาร์

สิงโต เดอะสตาร์ จากเวทีประกวดนักร้อง ลัดฟ้าสู่สนามนักบิน กองทัพอากาศไทย (Royal Thai Air Force)

ไม่ใช่เพียงจะทำตามฝันเพื่อตัวเองเท่านั้น แต่ความมุ่งมั่นและฝันอันยิ่งใหญ่นี้ สิงโต เดอะสตาร์ หรือ สหรัฐต์ หิรัญญ์ธนภูวดล ผู้แจ้งเกิดจากเวทีประกวดนักร้อง The Star 5 ยังทำเพื่อครอบครัวเป็นหลักอีกด้วย

สิงโต เดอะสตาร์

ขยันเรียน และเรียนเก่งมาแต่ไหนแต่ไรสำหรับ สิงโต-สหรัฐต์ หิรัญญ์ธนภูวดล หรือ สิงโต The Star 5 ที่เริ่มมีชื่อเสียงจากการเข้ามาประกวดเวทีนักร้องเดอะสตาร์ และสามารถคว้าตำแหน่งผู้ชนะเลิศไปได้ จากเดิมเส้นทางการใช้ชีวิตและเรียนหนังสืออยู่ที่จ.ขอนแก่น สิงโตต้องย้ายเข้ามาศึกษาต่อในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่กรุงเทพฯ เพื่อให้สะดวกต่อการเรียนและทำงานในวงการบันเทิงควบคู่กัน โดยได้ย้ายเข้าเรียนสายวิทย์-คณิต ที่โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร ด้วยเกรดเฉลี่ย 3.96 และศึกษาต่อที่สถาบันการบิน มหาวิทยาลัยรังสิต ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สิงโตได้เล่าถึงชีวิตตนเองว่า เขาไม่มีพ่อแม่ส่งเรียนเหมือนคนอื่นๆ ต้องทำงานเก็บเงินส่งตัวเองเรียนตั้งแต่ ป.5 ดูแลคุณแม่ คุณยาย และส่งพี่สาวเรียนด้วย แม้จะเจอคำดูถูก อุปสรรคต่างๆ เข้ามา แต่ด้วยใจที่มุ่งมั่นที่จะทำเพื่อตัวเองและครอบครัว ก็ทำให้ในวันนี้เขาได้ประสบความสำเร็จในก้าวสำคัญอีกขั้นหนึ่ง

สิงโต เดอะสตาร์ สิงโต เดอะสตาร์

เพราะล่าสุด สิงโตสอบติด 1 ใน 3 ตัวจริงคนสุดท้าย นายร้อยเรืออากาศตรีของกองทัพอากาศ (Royal Thai Air Force) รอบแรก โดยที่ผ่านมาเขาต้องสอบแข่งกับคนเป็นหมื่นๆ คนในสนามสอบที่อิมแพ็ค อารีนา เมืองทองธานี แม้ข้อสอบจะยากมากจนคิดว่าตนเองคงสอบไม่ติด แต่ด้วยความอดทน การฝึกฝนอ่านหนังสือติดกันมาหลายเดือนด้วยตนเองโดยไม่ได้ติวหนังสือที่ไหน และคอยให้กำลังใจตนเองตลอดเวลาพร้อมกับหมั่นดูแลร่างกาย ขยันออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง ก็ทำให้สิงโตผ่านการสอบในด่านข้อสอบ ด่านสัมภาษณ์ และทดสอบร่างกายมาได้ ซึ่งบุคคลสำคัญที่หนุ่มสิงโตไม่ลืมเลยก็คือ คุณแม่ ที่คอยอยู่เคียงข้างเขามาโดยตลอด

สิงโต เดอะสตาร์

หากติดตามชีวิตของสิงโตเรื่อยมา จะพบว่าเขาได้เจอกระแสข่าวด้านลบมาไม่น้อยเลย อาทิ การทำศัลยกรรมจนหน้าเปลี่ยนไปจากเดิมมาก หรือผลงานในวงการบันเทิงลดน้อยลง ซึ่งกระแสด้านลบเหล่านี้ก็ทำให้กลบอีกมุมหนึ่งที่สิงโตเป็นหนุ่มมีความสามารถ เป็นคนขยันเรียน เรียนเก่ง กตัญญูต่อแม่ ซึ่งเขายังเคยได้รับคำชื่นชมจาก คุณบอย-ถกลเกียรติ วีรวรรณ ในช่วงที่ถ่ายทำ ลอดลายมังกร เดอะมิวสิคัล ด้วยว่า “สิงโตเป็นคนความจำเป็นเลิศ” 

สิงโต เดอะสตาร์
หนุ่มสิงโตได้รางวัลความจำเป็นเลิศจากคุณบอย

สิงโต เดอะสตาร์
พาคุณแม่เที่ยว

สิงโต เดอะสตาร์

นอกจากนี้ประโยคให้กำลังใจตัวเองสำหรับสิงโตนั้นก็มาจากสิ่งรอบตัวเลย เช่นดูภาพยนตร์เรื่อง Once upon a time สิงโตก็ได้เก็บประโยคในเรื่องที่ว่า “ถึงจะเป็นการก้าวช้าๆ แต่ตราบใดที่ยังไม่หยุดก้าว ก็ย่อมถึงจุดหมายเข้าสักวัน” ซึ่งในที่สุดเขาก็ถึงจุดหมายจริงๆ และที่หลายคนน้อยนักจะทราบเลยก็คือ อีกสิ่งหนึ่งที่สิงโตอยากทำคือ การขับเครื่องบินฝนหลวงช่วยผู้ประสบภัย ซึ่งความคิดนี้เกิดขึ้นเมื่อเขาได้พาคุณแม่ไปเที่ยวและดูงานที่โครงการชั่งหัวมันตามพระราชดำริ ในหลวง ร.9 

ทั้งนี้นอกจากจะสำเร็จปริญญาตรี สอบติดตัวจริงนายร้อยเรืออากาศตรีของกองทัพอากาศ สิงโตยังสอบชิงทุนปริญญาโทของ CP-All ได้ในคณะบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต สาขาการบริหารคนและกลยุทธองค์กร ที่สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ (PIM) อีกด้วย

สิงโต เดอะสตาร์
สอบชิงทุนปริญญาโทได้

เห็นถึงความมุ่งมั่น มุ่งมานะจนทำความฝันสำเร็จได้แบบนี้ ต้องบอกเลยว่าไม่ได้เกิดจากความขยันของสิงโตเพียงวันเดียวนะจ๊ะ ใครที่กำลังท้อแท้ หรือกำลังมุ่งทำสิ่งใดอยู่ก็ดูหนุ่มสิงโตเป็นตัวอย่างได้ ซึ่งแพรวดอทคอม ก็ขอเป็นกำลังใจให้หนุ่มสิงโตมุ่งมั่นกับเส้นทางนี้ต่อไปล่ะกันนะจ๊ะ

สิงโต เดอะสตาร์ สิงโต เดอะสตาร์ สิงโต เดอะสตาร์ สิงโต เดอะสตาร์

 

 


เรื่อง: บะหมี่กุ๊งกิ๊ง_แพรวดอทคอม
ภาพ: IG @singtosaharat

ใครบ้างจะไม่หลงรัก! ‘ดยุกแห่งซัสเซกซ์’ ไม่โสดแล้ว แต่ทำไมยังฮ็อต

ใครบ้างจะไม่หลงรัก! ‘ดยุกแห่งซัสเซกซ์’ ไม่โสดแต่ทำไมยังฮ็อต…ชั่วโมงนี้คงไม่มีเจ้าชายคนไหนถูกพูดถึงเท่ากับเจ้าชายแฮร์รี่แห่งราชวงศ์อังกฤษ หรือดยุกแห่งซัสเซกซ์อีกแล้ว ยิ่งตอนนี้อยู่ในช่วงข้าวใหม่ปลามัน เพิ่งจะเข้าพิธีเสกสมรสกับสาวชาวอเมริกันไปหมาดๆ แต่กระแสความฮ็อตของพระองค์ก็ไม่มีตกเหมือนเมื่อครั้งยังครองตัวเป็นโสดแม้แต่น้อย

ดยุกแห่งซัสเซกซ์หรือเจ้าชายแฮร์รี่ไม่ได้ทรงมีดีแค่รูปร่างหน้าตา หรือชาติตระกูล และทรัพย์สมบัติเท่านั้น พระองค์ยังทรงเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีพระทัยงดงาม ทรงทุ่มเทให้งานการกุศล ไม่ว่าจะเป็นงานที่สืบทอดต่อมาจากพระมารดาเจ้าหญิงไดอาน่า หรืองานมูลนิธิและโครงการต่างๆที่ทรงก่อตั้งขึ้นมาใหม่

ทั้งนี้เมื่อปี 2016 ยังได้มีผลสำรวจความคิดเห็นของสาวอังกฤษจำนวน 1,000 คนว่าใครคือเชื้อพระวงศ์ที่ฮ็อตสุดๆ ปรากฏว่าสาวๆส่วนใหญ่พร้อมใจกันเทคะแนนให้เจ้าชายแฮร์รี่อย่างถล่มทลาย ซึ่งตามปกติเจ้าชายทรงติดอันดับเป็นหนึ่งในลิสต์ท็อปเท็นตลอดอยู่แล้ว

ใครบ้างจะไม่หลงรัก! ‘ดยุกแห่งซัสเซกซ์’ ไม่โสดแต่ทำไมยังฮ็อต

เหตุผลที่ทำให้เจ้าชายแฮร์รี่ทรงชนะใจเหล่าสาวๆได้นั้นมีมากมายหลายข้อ เอาเฉพาะแค่รูปลักษณ์ภายนอก ไม่ว่าจะเป็นพระวรกายสูงโปร่งมาดแมน พระอังสากว้างผึ่งผาย ทรงพระสิริโฉมสไตล์หนุ่มอังกฤษ ชาติตระกูลอันสูงส่งห้อยท้ายด้วยคำว่ารัชทายาทลำดับที่ 6 แห่งราชวงศ์อังกฤษ ทรัพย์สินมูลค่ามหาศาล นอกจากนั้นยังทรงมีพระอุปนิสัย “แมนๆ” เป็นหนุ่มนักกีฬา รักการผจญภัย ท่องเที่ยวซาฟารี แถมยังทรงพระอารมณ์ดี ทรงแย้มสรวลร่าเริง ติดดิน ไม่ถือพระองค์ มีแต่ความสนุกสนานกับชีวิต

ส่วนอีกด้านของเจ้าชายแฮร์รี่คือ ทรงมีน้ำพระทัยดี มีเมตตา และทรงทุ่มเทให้งานการกุศล ช่วยเหลือทั้งเพื่อนมนุษย์ที่ด้อยโอกาส และงานด้านการอนุรักษ์ช่วยเหลือสัตว์และพืชพรรณสิ่งแวดล้อมของโลก

Sentebale Concert - Show
เจ้าชายซีอีโซแห่งเลโซโทและเจ้าชายแฮร์รี่ประทับบนเวทีคอนเสิร์ตคณะนักร้องประสานเสียงเยาวชนบาโซโท ที่พระราชวังเคนซิงตัน เมื่อ 28 มิถุนายน 2016

 

LESOTHO - UNDATED: In this undated Clarence House handout photo, Prince Harry with Mutsu at the Mants-Afe Children's Home, in Lesotho. Prince Harry has thanked the public for its generosity following his recent trip to Lesotho where he revisited community projects he worked on during his gap year. The prince returned to the southern African country last month to see first-hand how much progress had been made and to hand over items from the British Red Cross Lesotho Fund. (Photo by ROTA/Anwar Hussein Collection/Getty Images)
เจ้าชายแฮร์รี่กับมัทซู ปี 2004

ใครบ้างจะไม่หลงรัก! ‘ดยุกแห่งซัสเซกซ์’ ไม่โสดแล้ว แต่ทำไมยังฮ็อต

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2004 เป็นช่วงเว้นวรรค Gap Year หลังจากเจ้าชายแฮร์รี่ทรงจบการศึกษาจากโรงเรียนอีตัน ขณะนั้นมีพระชันษา 20 ปี พระองค์เสด็จไปประเทศเลโซโทเป็นครั้งแรก และทรงพบกับเจ้าชายซีอีโซ ซึ่งเป็นพระอนุชาในสมเด็จพระราชาธิบดีเล็ทซีที่ 3 แห่งเลโซโท ในการเสด็จเยือนครั้งนั้นเจ้าชายแฮร์รี่เสด็จไปยังบ้านพักช่วยเหลือเด็ก Mants’ase Children’s Home เนื่องจากเลโซโทกำลังประสบปัญหามีประชากรติดเชื้อเอชไอวีสูงเป็นอันดับ 3 ของโลก และมีเด็กอายุต่ำกว่า 14 ปีติดเชื้อเอชไอวีมากกว่า 37,000 คน ทั่วประเทศมีเด็กกำพร้า 360,000 คน และร้อยละ 10 ของเด็กทั้งประเทศมีสุขภาพอ่อนแอ นั่นคือครั้งแรกที่เจ้าชายแฮร์รี่ทรงพบกับเด็กชายมัทซู พ็อทเซ็น ซึ่งขณะนั้นยังเป็นเด็กน้อยวัย 4 ขวบ ตัวเล็กจิ๋ว เจ้าชายทรงจูงมือเด็กชายมัทซูขณะปลูกต้นไม้ที่บ้านพักช่วยเหลือเด็ก และกลายเป็นภาพประทับใจเผยแพร่ไปทั่วโลก

ความสดใสร่าเริงของเจ้าชายแฮร์รี่ทำให้ทรงเข้ากับเด็กๆได้ดี ทรงเล่นหยอกเย้าทำท่าตลกต่างๆอย่างไม่ถือพระองค์เพื่อสร้างความสนุกสนาน จึงไม่น่าแปลกที่เด็กๆจะติดเจ้าชายมาก ไม่เว้นแม้แต่เด็กชายมัทซู ซึ่งประทับใจเจ้าชายจนถึงกับเขียนจดหมายไปหาพระองค์ในภายหลัง เพื่ออัพเดตชีวิตความเป็นอยู่หลังจากที่ได้รับทุนการศึกษาจากมูลนิธิที่เจ้าชายทรงก่อตั้ง และรายงานว่า “ผมโตแล้ว”

การเสด็จเยือนในครั้งนั้นได้สร้างแรงบันดาลใจให้เจ้าชายแฮร์รี่ทรงร่วมมือกับเจ้าชายซีอีโซก่อตั้ง Sentebale ในปี 2006 เพื่อช่วยเหลือคนวัยหนุ่มสาวและเยาวชนผู้ด้อยโอกาสในเลโซโท โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กกำพร้าที่เป็นผลมาจากเชื้อเอชไอวีและโรคเอดส์ มูลนิธินี้เป็นการต่อยอดมาจากความสำเร็จของ British Red Cross’s Lesotho Fund ซึ่งก่อตั้งโดยเจ้าชายแฮร์รี่และเจ้าชายซีอีโซในปี 2004 และประสบความสำเร็จในการระดมเงินบริจาคได้มากมาย สามารถนำไปแบ่งสันปันส่วนให้องค์กรในชุมชนต่างๆ 18 องค์กรทั่วประเทศ เพื่อช่วยเหลือคนหนุ่มสาวและเยาวชนที่อยู่ในภาวะอ่อนแอ

นอกจากนี้เจ้าชายแฮร์รี่ยังทรงร่วมมือกับเจ้าชายซีอีโซสร้างศูนย์ช่วยเหลือเด็ก Mamohato Children’s Centre มูลค่า 2 ล้านปอนด์ ในแถบชนบทเล็กๆแห่งหนึ่งของเลโซโท ซึ่งประชากรร้อยละ 23 ติดเชื้อเอชไอวี และเด็ก 1 ในทุก 3 คนเป็นเด็กกำพร้า ในวันนั้นเจ้าชายแฮร์รี่ทรงพบเด็กชายมัทซูอีกครั้ง ซึ่งโตเป็นหนุ่มน้อยวัย 16 ปี เจ้าชายทรงสวมกอดมัทซูอย่างแนบแน่น และทรงหยอกเย้ากระเซ้าว่า มัทซูโตแล้วนะ แถมยังทรงแกล้งดึงหมวกของเขาเล่น แน่นอนว่านั่นยิ่งทำให้มัทซูประทับใจในตัวพระองค์มากยิ่งขึ้น เขาบอกนักข่าวว่า เป็นประสบการณ์ที่จะไม่มีวันลืมเลยทีเดียว

Prince Harry Meets Lesotho Choir Ahead of Sentebale Concert
เจ้าชายแฮร์รี่ทักทายกับเพื่อนเก่าวัย 16 ปี รีเลโบฮิล มัทซู พ็อทเซ็น

เพื่อสืบสานเจตนารมณ์ของเจ้าหญิงไดอาน่า พระมารดาผู้ล่วงลับ ในการช่วยเหลือเด็กๆผู้ด้อยโอกาสทั่วโลก เจ้าชายแฮร์รี่ยังทรงเป็นองค์อุปถัมภ์แก่องค์กรการกุศลช่วยเหลือเด็กต่างๆ เช่น Well Child – องค์กรช่วยเหลือเด็กและเยาวชนที่เจ็บป่วยรุนแรงในอังกฤษ Dolen Cymru – องค์กรการกุศลซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างเวลส์และเลโซโท ฯลฯ ราวกลางปี 2007 เจ้าชายแฮร์รี่และเจ้าชายวิลเลียมทรงจัดคอนเสิร์ต Concert for Diana เพื่อรำลึกถึงพระมารดา และนำรายได้มอบให้ Sentebale กองทุน Diana, Princess of Wales Memorial Fund และ Centrepoint ซึ่งเป็นองค์กรการกุศลช่วยเหลือคนเร่ร่อนอายุระหว่าง 16 – 25 ปีในอังกฤษ

นอกจากการช่วยเหลือเด็กและเยาวชนแล้ว เจ้าชายแฮร์รี่ยังทรงใส่ใจด้านกีฬา ในปี 2004 เจ้าชายทรงเข้ารับการฝึกอบรมเป็นเจ้าหน้าที่พัฒนากีฬารักบี้ให้สมาพันธ์กีฬารักบี้ และทรงเป็นโค้ชฝึกสอนนักเรียนตามโรงเรียนต่างๆ เพื่อกระตุ้นให้เด็กหันมาสนใจกีฬา นอกจากนั้นพระองค์ยังทรงเข้าร่วมการแข่งขันโปโลเช่นเดียวกับพระเชษฐาและพระบิดา เพื่อระดมเงินบริจาคช่วยเหลือองค์กรการกุศลต่างๆอีกด้วย

งานด้านการอนุรักษ์ก็เป็นอีกแคมเปญที่เจ้าชายแฮร์รี่ทรงใส่พระทัย ทรงเคยห่างหายจากแวดวงสังคมในอังกฤษนานนับเดือน เพื่อไปทำหน้าที่เป็นนักบินเฮลิคอปเตอร์ให้โครงการ “500 Elephants” ในประเทศมาลาวี ทวีปแอฟริกา ซึ่งมีจุดประสงค์ที่จะเคลื่อนย้ายช้างหลายร้อยตัวจากพื้นที่อันตรายไปยังเขตสงวนพันธุ์สัตว์ป่าซึ่งอยู่ใจกลางของประเทศ

ข่าวว่าเจ้าชายแฮร์รี่ทรงวางองค์ติดดินมาก ทรงสวมหมวกเบสบอลและทีเชิ้ต สภาพเหมือนเจ้าหน้าที่เอ็นจีโอผิวขาวทั่วไป ทรงปฏิบัติหน้าที่ขับเฮลิคอปเตอร์ ยิงยาสลบช้าง และตกค่ำก็มานั่งร้องเพลงรอบกองไฟร่วมกับเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ข่าวเจ้าชายแฮร์รี่เสด็จไปทรงงานที่แอฟริกานานนับเดือนมีให้เห็นแค่นี้ เพราะเจ้าหน้าที่ที่นั่นทุกคนจะปิดปากเงียบ ไม่ยอมแพร่งพรายรายละเอียดใดๆ เนื่องจากทุกคนรู้ดีว่าเจ้าชายแฮร์รี่ทรงหลงใหลแอฟริกามาก และทรงถือว่าดินแดนแห่งนี้คือสถานที่หลบลี้หนีความวุ่นวายของสังคม จึงไม่น่าแปลกใจที่จะเห็นพระองค์เสด็จเยือนประเทศในแถบนี้เสมอ พร้อมกับทำงานด้านการกุศลไปด้วย

อบอุ่่น ขี้เล่น และเป็นกันเองจริงๆ สำหรับเจ้าชายพระองค์นี้ เชื่อว่าถ้าพระองค์มีทายาทคงต้องเป็นพระบิดาที่คูลสุดๆไปเลยล่ะ

ที่มา : คอลัมน์ ROYAL UPDATE จากนิตยสารแพรว ฉบับ 891 ปักษ์วันที่ 10 ตุลาคม 2559

ภาพ : Getty Images,IG@princeharryofengland

 

ชิงมงกุฎนางงามจักรวาล

ทีมซิส “นิต้า-อนิพรรณ” พี่สาว “น้องแนท” ลง ชิงมงกุฎนางงามจักรวาล

Alternative Textaccount_circle
ชิงมงกุฎนางงามจักรวาล
ชิงมงกุฎนางงามจักรวาล

เวที Miss Universe Thailand คึกคัก “นิต้า-อนิพรรณ” พี่สาวของ “แนท-อนิพรณ์ เฉลิมบูรณะวงศ์” MU 2015 ร่วมสมัครและคัดเลือก ชิงมงกุฎนางงามจักรวาล ปี 2018

ชิงมงกุฎนางงามจักรวาล

นิต้า-อนิพรรณ เฉลิมบูรณะวงศ์ ร่วมสมัครและคัดเลือก ชิงมงกุฎนางงามจักรวาล ปี 2018

เมื่อวันที่ 27 พ.ค. ที่ โรงแรมเรเนซองส์ กรุงเทพฯ ราชประสงค์ กองประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ เปิดรับสมัคร และคัดเลือกสาวๆ เข้าร่วมประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2018 โดยมีสาวๆ โปรไฟล์เลิศเดินทางมาสมัครต่อเนื่อง โดยมีการเปิดรับสมัครเพียงวันเดียว มี คุณแดง – สุรางค์ เปรมปรีดิ์ ประธานอำนวยการกองประกวด และ คุณออน – ชิชญาสุ์ กรรณสูต ผู้จัดการกองประกวด ร่วมคัดเลือก

ชิงมงกุฎนางงามจักรวาล
หมายเลข 072 นิต้า-อนิพรรณ เฉลิมบูรณะวงศ์

นอกจากนี้ยังมี คณะกรรมการ ประกอบด้วย ปรียานุช ปานประดับ รองนางสาวไทยปี 2531, ยลดา รองหานาม นางสาวไทย ปี 2532, อรอนงค์ ปัญญาวงศ์ นางสาวไทย ปี 2535, อารียา สิริโสภา นางสาวไทย ปี 2537, ชลิดา เถาว์ชาลีตนัติพิภพ นางสาวไทยปี2541, อภิสมัย ศรีรังสรรค์ นางสาวไทย ปี 2542, จันจิรา จันทร์โฉม มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส 2002, เยาวลักษณ์ ไตรสุรัตน์ มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส 2003, ชนันภรณ์ รสจันทร์ มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส 2005, ชาม โอสถานนท์ โธมัส มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส 2006, ฟ้ารุ่ง ยุติธรรม มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส 2007, กวินตรา โพธิจักร มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2008, ชุติมา ดุรงค์เดช มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2009, ชัญษร สาครจันทร์ มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2011, ณัฐพิมล นาฏยลักษณ์ มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2012, อนิพรณ์ เฉลิมบูรณะวงศ์ มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2015, ชลิตา ส่วนเสน่ห์ มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2016 และมารีญา พูลเลิศลาภ มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2017

ชิงมงกุฎนางงามจักรวาล
คณะกรรมการสาวงามรุ่นพี่

สำหรับสาวงามที่โดดเด่นและเป็นที่ฮือฮามาที่สุดคือนางแบบสาวสวย นิต้า-อนิพรรณ เฉลิมบูรณะวงศ์ พี่สาวของ น้องแนท-อนิพรณ์ เฉลิมบูรณะวงศ์ เจ้าของมงกุฎมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2015 นั่นเอง โดยเธอเปิดเผยว่า

ชิงมงกุฎนางงามจักรวาล

ชิงมงกุฎนางงามจักรวาล

“ได้มีการเตรียมความพร้อมมาเป็นอย่างดี น้องแนทให้คำแนะนำเรื่องการเดิน การพูด น้องสาวบอกให้เป็นตัวของตัวเอง คนจะรักที่เราเป็นตัวเอง ไม่ได้เป็นคนอื่น เหตุผลที่มาประกวดเพราะอยากทำงานที่ช่วยเหลือสังคมได้ น้องนำสิ่งที่เรียนมา และความเป็นมิสยูนิเวิร์สไปช่วยเหลือสังคม เห็นน้องทำแล้วอยากทำบ้าง เหตุผลหลักอีกอย่างคือ อายุ 25 ปีแล้ว ยังไม่เคยไปแสดงความสามารถที่ไหนเลย จึงอยากแสดงความสามารถให้คนทั้งประเทศและโลกได้เห็นค่ะ”

อย่างไรก็ตามติดตามความเคลื่อนไหวของกานประกวดได้ที่ www.missuniversethailand.com และ MUT Official Facebook

ลุลา

เซอร์ไพร้ส์! ลุลา เปิดหมดเปลือก คอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกในรอบ 10 ปี “Little Miss Lullaby”

ลุลา
ลุลา

ลุลา เจ้าหญิงบอสซาโนวา กับคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกในรอบ 10 ปี
“Lula First Solo Concert Little Miss Lullaby”

ครั้งแรกในรอบ 10 ปีของศิลปินหญิงเสียงมหัศจรรย์ ลุลา – กันยารัตน์ ติยะพรไชย ที่ปีนี้เธอได้เตรียมขนความสุขและความสนุกผ่านเสียงเพลงมามอบให้แฟนเพลงที่รักลุลาโดยเฉพาะ ผ่านคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรก “Lula First Solo Concert Little Miss Lullaby” แต่ละบทเพลงที่นำมาร้องล้วนเป็นเพลงฮิตติดหูที่จะทำให้กลายเป็นงานศิลปะระดับ MASTERPIECE ในรูปแบบคอนเสิร์ตที่ไม่เหมือนใคร

10 ปีที่แล้ว…12 กุมภาพันธ์ 2551 ทุกคนได้รู้จักกับ “ตุ๊กตาหน้ารถ” “ทะเลสีดำ” ในแนวเพลงที่เรียกว่า URBAN BOSSA NOVA จากศิลปินเสียงมหัศจรรย์นามว่า “LULA” นับตั้งแต่วันนั้น ชื่อของเธอกลายเป็นตัวแทนของบทเพลงสบายๆ ที่สร้างความรู้สึกผ่อนคลายให้คนฟังในแบบ BOSSA NOVA พร้อมกับท่วงทำนองติดหู และเนื้อร้องที่มีเสน่ห์อีกหลายต่อหลายเพลงมาจนถึงทุกวันนี้…

Lula First Solo Concert Little Miss Lullaby

และปีนี้จะเป็นครั้งแรกที่ผู้หญิงเสียงมหัศจรรย์จะมาจัดเต็มความสุข มอบผ่านเสียงเพลงในรูปแบบคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรก! ในรอบ 10 ปีของชีวิตการเป็นศิลปิน ที่เหล่าแฟนเพลงจะได้เต็มอิ่มไปกับบทเพลงฮิต อาทิ ตุ๊กตาหน้ารถ เรื่องที่ขอ มองได้แต่อย่าชอบ มันคือความรัก ความหวาน รักปาฏิหาริย์ เรื่องมหัศจรรย์ ฯลฯ โดยได้ทีม DUCK UNIT มาดีไซน์ฉาก แสงเงาสุดตื่นตาตื่นใจบนเวที และเนรมิตทุกบทเพลงให้กลายเป็นโชว์ศิลปะแบบ PERFORMING ARTS ที่จะทำให้คอนเสิร์ตครั้งนี้ไม่เหมือนคอนเสิร์ตที่ใดมาก่อน

Exclusive Talk จึงไม่รอช้า เดินทางไปยังตึก GMM Grammy เพื่อจะได้พูดคุยกับเจ้าหญิงบอสซาโนวาถึงการจัดคอนเสิร์ตครั้งนี้ ซึ่งไม่ใช่เพียงจะได้รับรู้เกี่ยวกับการจัดเตรียมคอนเสิร์ตเพียงเท่านั้น แต่ยังขยายไปถึงมุมมอง ทัศนคติ ความรัก และเป้าหมายชีวิตข้างหน้าของลุลาด้วยว่า วันนี้เธอกำลังทำอะไร เพื่ออะไร ได้อะไรดีๆ กลับมาเยอะเชียวละ

ที่มาของคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกในรอบ 10 ปีของผู้หญิงพลังเสียงใส 

Lula : ก็ง่ายๆ เลยนะคะ คอนเสิร์ตใหญ่ของลุลาครบรอบ 10 ปี แล้วเราไม่เคยมีคอนเสิร์ตเดี่ยวที่ไหนมาก่อนเลย แล้วเดือนธันวาคมปี 2017 ที่ผ่านมา เป็นเดือนที่ครบรอบ 10 ปี “ตุ๊กตาหน้ารถ” ค่ะ ก็เลยคุยกับที่ค่ายว่าเราน่าจะทำอะไรพิเศษเพื่อเฉลิมฉลองมันหน่อย พี่เขาเลยเสนอมาว่า เอางี้ไหม ทำคอนเสิร์ตใหญ่เลย เพราะว่าเราไม่เคยทำมาก่อน จึงเป็นที่มาของ Lula First Solo Concert ชื่อตอนว่า Little Miss Lullaby ค่ะ

Little Miss Lullaby ชื่อตอนของคอนเสิร์ต มีความคล้องกับชื่ออัลบั้มแรก Urban Lullaby ของลุลาด้วย ตรงนี้คือความตั้งใจอยู่แล้วหรือเปล่า

Lula : มีความตั้งใจค่ะ ก็คือ Little Miss Lullaby คำว่า Little สื่อถึงลุลาที่ตัวเล็กมาก (หัวเราะ) สูงไม่ถึง 160 เซนติเมตร Miss ก็คือเรายังไม่ได้แต่งงาน เราโสดอยู่นะคะ แล้วก็ Lullaby ใช่ค่ะ เป็นส่วนหนึ่งมาจากอัลบั้ม Urban Lullaby แล้วทุกวันนี้เราก็ยังมีความรู้สึกว่าเราเป็นลุลาที่กล่อมคนฟังอยู่ ก็เลยใช้ชื่อว่า Little Miss Lullaby เพราะว่ามันน่ารักดีค่ะ

ลุลา

เตรียมตัวกับคอนเสิร์ตครั้งนี้อย่างไรบ้าง 

Lula : คอนเสิร์ตใหญ่ของลุลาเนี่ย เราคุยกันมาตั้งแต่ปีที่แล้วนะคะ ประชุมเยอะมาก-ก-ก-ก ประชุมเป็นสิบรอบเลย เราก็โชคดีค่ะ ได้คนที่เริ่มต้นลุลามาพร้อมกันมาทำคอนเสิร์ตให้ นั่นก็คือ พี่เต็ด – ยุทธนา บุญอ้อม ในนามบริษัทแก่น 555 จำกัด แน่นอนว่ามันต้องลิสต์ออกมาดูว่าเพลงทั้งหมดของลุลามีกี่เพลง ซึ่งเพิ่งมาเห็นว่า 10 ปีที่ผ่านมาอัดเพลงไปทั้งหมดร้อยกว่าเพลง เรื่องเลือกเพลงจึงไม่ใช่เรื่องยากเลย เพราะว่ามีเพลงให้เลือกเยอะมากค่ะ แล้วเราก็มีทีมงานไม่ว่าจะเป็นเพลง ภาพ โปรดักชั่น หรือว่าคนออกแบบท่าเต้น เป็นคนที่เราสนิทหมด แม้กระทั่งแขกรับเชิญ ซึ่งตอนนี้ยังบอกไม่ได้ว่าเป็นใคร แต่ว่าเซอร์ไพร้ส์แน่นอน และสนุกมากๆ ทั้งผู้ชายและผู้หญิง แต่วงเล็บไว้เลยนะคะว่าไม่ใช่ ป๊อป – ปองกูล นะคะ (หัวเราะ)

ลุลา กับเพื่อนศิลปิน

ลุลาซ้อมคอนเสิร์ต

ช่วงโปสเตอร์โปรโมตคอนเสิร์ตปล่อยออกมา มีทั้งเพื่อนๆ ในวงการและแฟนเพลงตื่นเต้น เข้ามาคอมเมนต์อยากไปดู รอชมกันมาก รู้สึกอย่างไรกับกระแสตอบรับที่ดีนี้บ้าง

Lula : เราเป็นคนเก็บความลับเก่งมากค่ะ ไม่ว่าจะเป็นงาน ซิงเกิ้ล หรือว่าอัลบั้ม คอนเสิร์ตยังเงี้ย เราจะเป็นคนที่ไม่พูดเลย เราจะเป็นคนเตรียมงานของเราเงียบๆ กับทีมงาน จนวันหนึ่งเราโป้งไปเลยว่าเราจะมีคอนเสิร์ตใหญ่ คนก็เลยตกใจมาก เพราะมีคนถามมาเยอะมากว่าเมื่อไหร่จะมีคอนเสิร์ต เมื่อไหร่จะมีคอนเสิร์ต พอเรามีออกมา แล้วเพื่อนๆ ศิลปินมากมายเข้ามาแสดงความยินดี มีความประสงค์ว่าอยากจะมา อยากมาเชียร์ ก็ทำให้เรารู้สึกดีใจมากว่าเมื่อวันที่เรามีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นอย่างนี้ มิตรแท้ทั้งหลาย กัลยาณมิตรทั้งหลายก็แสดงตัวออกมาชัดเจนว่าซัพพอร์ตสิ่งที่เราทำ เพราะฉะนั้นวันนี้ก็ดีใจที่มีคอนเสิร์ตใหญ่ให้ทุกคนได้มาชมค่ะ

ลุลา
อัพเดตซิงเกิ้ลล่าสุด “เราไม่รู้จักกัน” 

Lula : ซิงเกิ้ลล่าสุดของอัลบั้มชุดนี้ชื่อเพลง “เราไม่รู้จักกัน” นะคะ ก็เป็นอีกหนึ่งเพลงที่เราตั้งใจ หมายมั่นปั้นมือว่า เพลงออกมาแล้วจะโดนใจคนฟังหลายๆ คน แล้วฟีดแบ็กดีมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของยอดวิวที่คนเข้ามาดูเยอะ กับคอมเมนต์ที่เขาเข้ามาแชร์ว่าเขาได้รู้จักกับแฟนเก่ายังไง หรือมีความหลังเกี่ยวกับความรักในเรื่องแบบนี้ยังไง เราอ่านก็รู้สึกตื้นตันว่ายังมีคนอีกมากมายที่คิด ที่รู้สึกเหมือนในเพลงนี้ค่ะ ก็ทำให้เรารู้สึกมั่นใจว่า เออ คิดถูกแล้วที่เลือกเพลงนี้ออกมาให้เป็นซิงเกิ้ล

เราไม่รู้จักกัน ลุลา

ซิงเกิ้ลล่าสุดมีลุคเซ็กซี่ขึ้น รวมถึงผลงานที่ผ่านมาก็จะมีหลายลุคมากให้ติดตาม ความน่าสนใจนี้จะได้เห็นในคอนเสิร์ตครั้งนี้ด้วย

Lula : ใช่ค่ะ ก็จะเป็นอัลบั้มที่กำลังใกล้ออกนะคะ สิ้นเดือนพฤษภาคมจะมีอัลบั้มใหม่ออกมาชื่อว่า LEVITATE ภาพเราถ่ายเสร็จไปหมดแล้ว ก็จะมีความเซ็กซี่ โตแล้ว แล้วก็รวมถึงสื่อต่างๆ ที่ไปถ่าย ก็จะมีเสื้อผ้าที่มีความโป๊ได้ เปลือยได้มากขึ้น แล้วบนคอนเสิร์ตแน่นอน คือมีหลายคนพูดเยอะมากว่ามาดูคอนเสิร์ตลุลาเพราะอยากมาดูเสื้อผ้าที่ลุลาใส่ แน่นอนว่าเราก็อยากใส่เสื้อผ้าที่เราชอบมากๆ ที่คิดว่าใส่ไปแล้วเรารู้สึกมั่นใจ เป็นตัวเรา และก็นำสมัยด้วยค่ะ เพราะฉะนั้นทุกอย่างในคอนเสิร์ตที่จะได้เห็นคือถูกใจเรา (หัวเราะ)

ลุลา
ลุลาหลากลุคกับผลงานเพลงที่ผ่านมา

เพลงของลุลาส่วนใหญ่เป็นเพลงที่ติดหูคนฟัง ในคอนเสิร์ตครั้งนี้หลายคนร้องกับลุลาได้แน่นอน 

Lula : ใช่ค่ะ แน่นอนว่าในคอนเสิร์ตต้องมีเพลงฮิตติดหูที่ทุกคนร้องได้ คือเราเล่นคอนเสิร์ตอยู่ทุกวี่ทุกวันอยู่แล้ว เราจะรู้ว่าเพลงไหนที่เราร้องออกไปแล้วทุกคนร้องได้แน่นอน เราก็จะคัดขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งก่อน แล้วก็เพลงอื่นๆ ที่เรารู้ว่าแฟนเพลงชอบ แต่อาจจะไม่ค่อยได้ร้องที่ไหน ก็จะคัดตามขึ้นมาด้วย 90% เป็นเพลงของลุลาค่ะ อีก 10% ก็จะเป็นเพลงอื่นๆ ที่เราชอบผสมเข้ามา แล้วก็มีเพลงของแขกรับเชิญที่เสริมเข้ามาด้วยค่ะ

ลุลา คอนเสิร์ต

ความรู้สึกระหว่างไปทัวร์คอนเสิร์ตตามที่ต่างๆ กับจัดคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกนี้ แตกต่างมากน้อยอย่างไร

Lula : ก็แตกต่างแน่นอนนะคะ เพราะว่าทัวร์เนี่ย จำนวนคนที่มาดูจะน้อยกว่า ก็จะเป็นกลุ่มแฟนเพลงที่เหมือนมาแล้วอยากเจอเรา อยากสนุกกับเรา แต่อาจจะมีบางกลุ่มที่เขาร้องเพลงเราไม่ค่อยได้ แต่ก็อยากมารู้จักกัน มาใช้เวลาสนุกๆ ร่วมกัน แต่ถ้าเป็นคอนเสิร์ตใหญ่ของลุลา เราจัดรอบเดียว เชื่อว่ามันจะเป็นคอนเสิร์ตตัวกลั่น คือมองไปทุกคนต้องร้องทุกเพลงได้ เราถึงได้จัดรอบเดียว แล้วคอนเซ็ปต์ก็จะมีความซับซ้อน ต้องใช้เวลาซ้อมเยอะมาก แล้วก็ต้องใช้ทีมงานช่วยกันทำเยอะมาก เพราะฉะนั้นแน่นอนว่าโปรดักชั่นต่างกันเยอะมาก แล้วเรามีคอนเซ็ปต์ว่าไม่ใช่คอนเสิร์ตธรรมดา เป็นคอนเสิร์ตที่มากกว่าคอนเสิร์ต นั่นคือสาเหตุหนึ่งที่ใจเราอยากทำคอนเสิร์ตใหญ่ด้วย ถ้าเป็นคอนเสิร์ตธรรมดาทั่วไป มีวง มีตัวเรา มีจอ มีแขกรับเชิญ จบ! เราอาจจะไม่ทำ แต่พอเขาขายคอนเซ็ปต์มาเป็นคอนเสิร์ตที่มีการซ้อมเยอะ มี Music & Art มารวมกัน มันเลยทำให้เรารู้สึกว่าอยากทำค่ะ ตื่นเต้นมากที่จะได้ทำ

ลุลา

ภาพลักษณ์เพลงของลุลาจะเป็นแนวสบายๆ จะได้เห็นความแตกต่างขึ้นใช่ไหม

Lula : ใช่แล้วค่ะ แน่นอนว่าเวลาคนมองลุลาก็จะนึกถึงแนวเพลงชิล บอสซาโนวาน่ารักๆ อย่างนี้ แต่ในคอนเสิร์ตจะมีหลายภาพค่ะ จะมีความเท่ๆ มีความสนุกๆ มีความโรแมนติก มีความน่ารัก คือทุกอารมณ์ที่เป็นลุลา เราก็จะขนมาให้ครบ เพราะเราเชื่อว่าคอนเซ็ปต์ที่เราบอกทีมงานไป แล้วเราก็จะบอกกับแฟนคลับที่มาดูคอนเสิร์ตนี้ จะทิ้งท้ายไว้ว่า คุณแน่ใจหรือยังว่าคุณรู้จักลุลาดีพอ ถ้าคิดว่ายังรู้จักไม่ดีพอ ต้องมาดูคอนเสิร์ตนี้ เพราะว่าจะเห็นครบทุกมุมแน่นอน

ลุลา

คำนิยาม 3 ข้อ มองโลกในแง่ดี เจ้าแม่วินเทจ และรักธรรมชาติ นี่คือตัวตนจริงๆ ของลุลา

Lula : ใช่ค่ะ ก็จริงๆ วินเทจเนี่ย มันก็เป็นยุคด้วยนะ (หัวเราะ) ก็เหมือนพออายุประมาณหนึ่งก็จะชอบความย้อนยุค ปัจจุบันก็ยังชอบย้อนยุคอยู่ เสื้อผ้าอาจจะเปลี่ยนไปตามอายุที่มากขึ้นค่ะ แต่มองโลกในแง่ดี ในเพลงของลุลาแน่นอนว่าเรามองโลกในแง่ดีอยู่แล้ว แต่ว่าเรื่องอื่นๆ เช่น ส่วนตัว เราก็จะมีความกังวล มีความนอยด์อะไรอยู่บ้าง แต่ในเรื่องของลุลา เรื่องของความฝัน เรามักจะมองโลกในแง่ดีเสมอ เพราะเราเชื่อว่าสิ่งที่เราตั้งใจทำแล้วเราทำได้ดี เราก็จะทำให้ดีที่สุด แล้วเราเชื่อว่าตัวผลลัพธ์จะออกมาดี ถึงมันไม่ดี แต่อย่างน้อยเราก็ทำได้ดีที่สุดแล้ว อีกอย่างเรื่องรักธรรมชาติถูกต้องแล้วค่ะ เพราะเราชอบไปเที่ยวภูเขา แม่น้ำ หรือว่าชอบทำงานฝีมือ เราเป็นผู้หญิงที่ถ้าอยู่ในที่ที่ไม่เห็นท้องฟ้าหรือต้นไม้อะไรเลยจะอยู่ไม่ได้ จะเป็นบ้า (หัวเราะ)

ลุลา
งานฝีมือที่ลุลาประดิษฐ์เอง

สตูดิโอ Lula Homestyle ตอนนี้ยังทำอยู่หรือเปล่า

Lula : ช่วงนี้พักไปค่ะ เพราะทำอัลบั้มกับคอนเสิร์ตหนักมาก แต่จะมี Lula Craft Studio & Cafe ขึ้นมาแทน คือจากที่เราผลิตงานของเราออกมาเอง เราก็จะสอนคนอื่นผลิตด้วย เพราะว่าเราเป็นคนชอบทำงานคราฟต์ แล้วก็ชอบตามหางานคราฟต์ใหม่ๆ ทำไปเรื่อยๆ ลองแบบใหม่ไปเรื่อยๆ อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเราอยากเปิดสตูดิโอที่ใครจะวอล์คอินเข้ามาก็ได้ ทำอะไรคะ อยากปัก อยากเย็บ อยากถัก อยากทอ เราก็จะพยายามหามาให้ครบ ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์หรือ Know-How (องค์ความรู้) ก็จะมีคุณครูมาช่วยสอน ถ้าไม่รู้จะไปหาแบบที่ไหน ก็มีแบบเรียนเตรียมไว้ให้ คนทั่วไปสามารถเข้ามาได้ ตอนนี้รู้สึกว่าเวิร์คชอปมีเยอะมาก แล้วบางทีเวลาเราไม่ได้ เราก็เรียนไม่ได้ ต้องรอเดือนต่อไป แต่เราอยากทำที่มันเปิดตลอดอะ เดินเข้ามาเลย อยากทำอะไร เดี๋ยวพนักงานหาให้ แล้วก็ถ้าเราไม่มีงาน เราก็จะอยู่ที่นั่น ฝังตัวอยู่ที่นั่นแน่นอน

ลุลา

มีเรื่องประทับใจระหว่างงานคราฟต์กับคนที่เข้ามาทำไหม เช่น เขาได้อาชีพ ได้งานอดิเรกกลับไป

Lula : ก่อนหน้านี้ที่เราเคยทำ คือเป็นเวิร์คชอปงานปัก แล้วค้นพบว่ามันไม่ใช่แค่คนอาร์ตๆ มาเรียนค่ะ แล้วคนที่ทำได้ดีมากไม่ใช่คนอาร์ตๆ แต่เป็นคนที่เรียนบัญชีมา เขาจะมีความละเอียด เพอร์เฟ็กชั่นนิสต์ และแม่นยำ แบบโห ปักมานึกว่าเครื่องปักจริงๆ เราเลยเห็นได้ว่าไม่ว่าจะเป็นอาชีพอะไร เรามองว่าอนาคตของไลฟ์สไตล์คนเมืองหรือคนที่ทำงานเยอะมากๆ งานคราฟต์คือทางออก เราไม่ได้หมายถึงทำแล้วขาย อันนั้นอาจจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง แต่เราทำงานมาหนักมากๆ เรารู้สึกว่านอกจากจะออกกำลังกาย ไปเที่ยว หากเวลาว่างก่อนนอนสัก 1 ชั่วโมง ได้ถัก ได้ทอ ได้ปัก ได้เย็บ มันก็มีความสุข แล้วเราก็ได้มองว่าหลายๆ คนก็รู้สึกเหมือนเรา เราก็เลยอยากจะทำสตูดิโอนี้ขึ้นมา เพราะว่ามันแชร์จากความรักจริงๆ (ตั้งอยู่ที่ไหนคะ?) เอกมัยค่ะ ภายในปีนี้ก็จะพยายามเปิดให้ได้ เพราะว่าถ้าคอนเสิร์ตเสร็จก็น่าจะเบาขึ้น สบายขึ้น

ลุลา

สตูดิโองานฝีมือเหล่านี้เป็นเป้าหมายที่อยากทำเพิ่มในอนาคตอยู่แล้ว

Lula : ใช่ คือมันเป็นจุดที่เราชอบด้วย พอเราชอบเราก็เลยอยากจะทำ คือเราเป็นคนที่เรียนเวิร์คชอปเยอะมากเท่าที่เวลาจะมีก็ไป ก็จะค้นพบบุคลิกของคนที่มาเรียนว่าจะเป็นคนเงียบๆ ชอบทำอะไรอยู่ที่บ้านเงียบๆ คนเดียว แล้วก็มีความสุขเมื่อได้ผลิต ได้สร้างสรรค์ ได้ลงมือจับหรือทำอะไรสักอย่าง เราก็เลยมองว่าเราอยากสร้างที่ที่เราอยากอยู่ แล้วเราก็อยากสร้างที่ที่คนคล้ายๆ เราได้มาอยู่ด้วยกัน ก็จะรู้สึกว่าเราไม่แปลกแยก (หัวเราะ) รู้สึกเหมือนเรามีเพื่อน มีพวกอย่างนี้ค่ะ แล้วเราก็รวบรวมอุปกรณ์ต่างๆ ที่เราใช้แล้วมันดีมาอยู่ด้วยกัน ทั้งของไทยและของต่างประเทศ และแน่นอนว่าเราจะมีผลิตภัณฑ์ Lula Homestyle ต่อเนื่องไป แล้วก็สอนให้คนอื่นได้ทำอย่างที่เราทำได้ด้วย

ลุลา

ร้องเพลงอยู่ในวงการมานานมาก หากเกิดช่วงอิ่มตัวหรือหมดไฟ ลุลามีวิธีแก้ไขอย่างไร

Lula : ถ้ารู้สึกหมดไฟใช่ไหมคะ นอกจากงานคราฟต์ที่ทำอยู่ใหม่ๆ เรื่อยๆ ก็จะมีเรื่องของการท่องเที่ยว รู้สึกว่าท่องเที่ยวช่วยได้เยอะมาก หนึ่งคือ มันทำให้เรากำจัดความกลัว ความกังวลไปได้ว่าเราจะต้องเจอคนใหม่ๆ ไปที่ใหม่ๆ ที่เราไม่รู้จัก ไม่คุ้นชิน มันจะช่วยได้เรื่องความกล้า กำจัดความกลัวที่มี สองคือ เมื่อเราได้เห็นสภาพบ้านเมืองใหม่ๆ ได้เจอคนใหม่ๆ ได้มีประสบการณ์ใหม่ๆ จะทำให้เรารู้สึกว่าชีวิตไม่น่าเบื่อ เรารู้ว่าเที่ยวกลับมาก็ต้องทำงานเดิมๆ แต่อย่างน้อยมันทำให้เป็นเชื้อเพลิงต่อชีวิตไป เพราะว่าเราทำงานก็จะรู้ว่าทริปหน้าฉันจะไปไหน แล้วฉันจะไปกี่วัน ฉันจะไปทำอะไรบ้าง เราว่ามันเป็นแรงใจอย่างหนึ่ง ให้เราได้มีแรงที่จะทำงานต่อไป เพื่อที่จะได้ไปท่องเที่ยว แล้วประสบการณ์ที่เก็บเกี่ยวจากเวลาไปเที่ยวมันสดชื่นมากๆ ต่อให้เราจะกลับมาทำงานหนักแค่ไหนก็จะมีกำลังใจ แล้วทุกครั้งที่ไม่สบายใจก็จะกลับไปดูรูป เราก็จะนึกถึงบรรยากาศได้ แล้วมีความสุขอีกครั้งหนึ่ง แล้วอีกเรื่องหนึ่งที่เรารู้สึกว่ามันช่วยได้มากๆ คือครอบครัว เล่นกับหลาน เที่ยวกับแม่ เจอเพื่อนๆ เจอแฟน เราว่าพวกนี้มันช่วยได้หมด อย่างน้อยเราก็ยังโชคดีที่เรามีคนที่รักอยู่ใกล้ๆ ยังมีงานให้ทำ ยังมีเงินให้ได้ไปเที่ยว ก็มองในแง่ดีซะ เราเชื่อว่ายังมีคนที่แย่กว่าเราอีกเยอะ เพราะฉะนั้นก็ใช้พวกนี้เป็นกำลังใจ เป็นแรงใจให้ข้ามไปวันต่อไปที่เราจะต้องทำงานเหนื่อยๆ ค่ะ

คอนเสิร์ต ลุลา

ลุลา เดอะ วอยซ์ คิดส์

มีเด็กรุ่นใหม่ฝันอยากมาเป็นนักร้องจำนวนมาก จะแนะนำกับคนที่จะเข้ามาเส้นทางนี้ว่าดีไหมอย่างไร

Lula : จริงๆ พอได้มาทำรายการเด็กก็จะค้นพบว่ามีคุณพ่อคุณแม่ที่สนับสนุนน้องๆ ในเรื่องแบบนี้เยอะมาก ซึ่งเรารู้สึกอิจฉาเลย เพราะเราเติบโตมาในครอบครัวที่ไม่ได้ซัพพอร์ตมาก เราต้องไปสู้ของเราเอง แต่ถามว่าถ้าคุณพ่อคุณแม่สนับสนุนเนี่ย มันถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะอย่างน้อยเรามีคนซัพพอร์ต ที่ไม่ว่าเราจะท้อแค่ไหน ไม่ว่าเราจะประกวดอะไร หรือว่าไปสมัครอะไรแล้วมันไม่ได้ มันไม่ชนะเนี่ย อย่างน้อยมีครอบครัวที่เขาคอยซัพพอร์ตเป็นกำลังใจให้เรา

ถ้าเราจะต้องยืนด้วยตัวเราเอง ต้องตามหาความฝันด้วยตัวเราเอง ก็แนะนำว่าในช่วงที่ยังไม่ได้เป็นอะไรที่เราอยากจะเป็น ให้ฝึกฝนไว้ ตอบคำถามให้ได้ว่าเราชอบอะไร อยากเป็นอะไร ถ้าร้องเพลง อยากร้องเพลงแนวไหน เล่นดนตรี อยากเล่นดนตรีแนวอะไร มีใครเป็นไอดอล แบบนี้ชอบ เล่นได้หรือยัง คือฝึกไปเรื่อยๆ รออะ มันเหมือนเราต้องลับมีดรอไว้ พอจังหวะโอกาสเข้ามาปุ๊บ เราต้องฟันฉับ ฟันทีเดียวให้ขาด เราก็เลยมองว่าอย่าไปเร่ง ชีวิตมันมีจังหวะของมัน อย่าไปเร่ง อย่าไปนั่งท้อว่าเมื่อไหร่จะถึง เมื่อไหร่จะได้ เพราะอย่างลุลาเอง ทำไมเราจะต้องรอให้อายุ 28 ถึงจะมีอัลบั้มเป็นของตัวเอง ซึ่งมันอายุมากแล้ว เราเชื่อว่าทุกอย่างมันมีเวลาสุกงอม กินมะม่วงยังต้องรอให้สุกกำลังดีถึงจะอร่อย เราเชื่อว่าทุกคนมีจังหวะเวลาของมัน

มีอยู่เรื่องเดียวที่อยากฝากไว้คือ ห้ามหยุดทำ ห้ามทะเลาะกับพ่อแม่ ห้ามหนีพ่อแม่ไปทำ คือห้ามขัดใจเขา ให้เขาทุกข์ใจ ถ้าเราจะทำแบบที่เขาไม่ชอบ คือเราต้องแอบทำ (หัวเราะ) แต่ว่าเดี๋ยวก่อน ดื้อกับมุ่งมั่นนี่มันไม่เหมือนกันนะ ถ้าเรามุ่งมั่นคือเราต้องฝึกฝนตนเองไปเรื่อยๆ จนวันหนึ่งเรามีโอกาสพิสูจน์ให้คนอื่นเห็น ส่วนดื้อคือทิ้งทุกอย่าง ทิ้งขว้าง ไม่สนใจอะไรเลย เพื่อที่จะได้ทำในสิ่งที่อยากทำ อันนั้นถือว่าดื้อ ไม่ดี ฉะนั้นห้ามหยุดทำค่ะ ฝึกไปเรื่อยๆ ถ้าเรายังไม่ตาย เราก็ต้องพยายามทำต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงวันที่เรารู้สึกว่าโอเค มันไม่ได้จริงๆ พอ แต่อย่างน้อยเราก็ได้ทำดีที่สุดแล้ว

ลุลา

ลุลากับคุณแม่

ร้องเพลงถ่ายทอดความรู้สึก แล้วเวลาแสดงความรักต่อครอบครัวและคนรักเป็นแบบไหน

Lula : ถ้าเป็นครอบครัว บ้านเราจะเขินๆ จะแสดงออกไม่ค่อยชัดเจน จะไม่ค่อยกอดกัน ไม่ค่อยจับมือกัน เราจะแสดงออกด้วยวิธีอื่น เช่น ซื้อของกินมาฝาก โทร.ไปถาม ไลน์ไปหาอย่างนี้ ครอบครัวคนจีนจะมีความแข็งๆ นิดนึงค่ะ แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่เรามักจะพูดกับที่บ้านเสมอว่า ต่อให้เราไม่ได้อยู่ด้วยกัน ไม่ได้เจอกัน จะโกรธกันแค่ไหน เราห้ามทิ้งกันเด็ดขาด จะโกรธ จะเกลียด จะไม่ชอบ จะโมโห ห้ามทิ้งกัน วันใดวันหนึ่งเมื่อใครคนหนึ่งล้มหรือไม่สบาย หรือมีปัญหา เราต้องช่วยกัน เพราะว่านั่นคือความหมายของครอบครัว เราก็ต้องคิดให้ได้ว่าทุกวันนี้ที่เรามีเป็นตัวเป็นตน เป็นมนุษย์โตขึ้นมาได้เพราะพ่อแม่เรา เพราะครอบครัวของเรา

แต่ถ้าสำหรับคนรัก มันจะเปลี่ยนไปตามอายุนะคะ ถ้าปัจจุบันนี้จะมองว่าไม่ว่าเราจะอยู่ใกล้หรือไกล ไม่ว่าเราจะอายุห่างกันแค่ไหน หรือว่าเราจะแสดงออกกันยังไง ถ้าเราเห็นว่าเขาสำคัญ คือความรักก็ส่วนความรัก แต่พอมันโตขึ้นมามากๆ ในความรักมันจะมีความสำคัญลดลง อย่างอื่นจะสำคัญมากกว่า ถ้าเราเห็นเขาเป็นคนสำคัญในชีวิต เราจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะดูแลรักษาเขาไว้ ไม่ว่าจะเป็นมีเวลาให้ ดูแลเขาทั้งกายและใจ หรือเมื่อเขาต้องการเรา เราก็ไปหาไม่ว่าเราจะยุ่งแค่ไหน เราจะลำบากยังไง เราก็ต้องพยายามให้ดีที่สุดเพื่อที่จะรักษาเขาไว้ นั่นคือคอนเซ็ปต์ของเราค่ะ

ลุลา

เป็นคนชอบหาอะไรทำใหม่ๆ ไม่หยุดนิ่งเสมอ

Lula : ใช่ค่ะ ตอนเด็กๆ ชัดเจนมากว่าชอบอะไรไม่เหมือนใคร คือแม่เป็นคนปลูกฝังด้วยว่าถ้าเราจะเลือกหรือทำอะไรสักอย่าง ทำไมเราจะต้องเหมือนคนอื่น เราก็ควรจะแตกต่างจากคนอื่นสิ นี่คือแม่ปลูกฝังไว้ โตขึ้นมาเราเลยเป็นคนที่ไม่ค่อยติดเพื่อน ธรรมดานักเรียนไทยเวลาจะไปไหน อย่างไปห้องน้ำต้องไปกันเป็นขบวน (หัวเราะ) เราจะไม่ค่อยติดเพื่อน แล้วเราไปเรียนปริญญาตรีที่ต่างประเทศคนเดียว ก็ยิ่งหนักเลย ยิ่งฝรั่งเลย คือเราจะทำอะไรก็ทำคนเดียว ว่างๆ ก็ไปนั่งเขียนว่า เอ…จะทำอะไร อยากจะเป็นอะไร ไปไหน พอมาทำงานเพลง เราก็รู้สึกว่าถ้าเราต้องร้องบอสซาโนวาตลอดไปเป็น 10 ปีมันคงน่าเบื่อแย่ เสื้อผ้าเรายังเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เลย ดนตรีก็ยังมีอีกหลายสิบแนวที่เราชอบฟังและร้องได้ แล้วก็เลือกขึ้นมาผสมผสานกับตัวเราให้ออกมาเป็นลุลา เราก็เลยรู้สึกสนุกจะตายที่ได้ทำเพลงไปเรื่อยๆ แล้วก็มีคนออกตังค์ให้ด้วย (หัวเราะ) มีคนชอบฟัง ร้องได้ แล้วก็ช่วยกันร้องคอนเสิร์ตด้วยอย่างนี้ มันเป็นอาชีพที่ดีจะตาย ก็เลยติดนิสัยเป็นคนที่ไม่ชอบทำอะไรซ้ำๆ เดิมๆ นอกจากกินนะ ของกินจะกินซ้ำ แต่ถ้าเป็นของที่เราคิด สร้างสรรค์ เรามักจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ค่ะ

ลุลา

ทิ้งท้ายฝากคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกของลุลา แฟนๆ จะได้รับความพิเศษอะไรจากคอนเสิร์ตที่กำลังจะเกิดขึ้นบ้าง

Lula : ได้เลยค่ะ อยากจะฝากนะคะ Lula First Solo Concert ตอน Little Miss Lullaby วันเสาร์ที่ 9 มิถุนายน ที่ GMM Live House @Central World ค่ะ คอนเสิร์ตแรก แล้วก็เป็นคอนเสิร์ตครบรอบ 10 ปีของลุลาด้วย ไม่ว่าจะเป็นเพลงจากชุดแรกหรือจะจากอัลบั้ม 2 Become 1 ก็จะมาอยู่ที่คอนเสิร์ตนี้ทั้งหมด รวมถึงแขกรับเชิญที่รับรองว่าเซอร์ไพร้ส์แน่นอน เพราะว่ารู้จักกันมายาวนานมาก แล้วทุกคนก็เก่งมาก ก็จะได้ทำอะไรด้วยกันแบบที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อนค่ะ ทีมงานก็เจ๋งมากนะคะ โดยเฉพาะพี่เต็ด – ยุทธนา บุญอ้อม ก็ขึ้นชื่อในเรื่องของครีเอทีฟอยู่แล้ว แล้วก็เสื้อผ้า แสง สี ทุกอย่างตระการตาอยู่แล้ว ก็อยากให้ทุกคนมาเจอกันค่ะ มีบัตร 2,500 1,500 แล้วก็ 1,000 ในส่วน 2,500 ถ้าซื้อก็จะได้กระเป๋า Limited Tote Bag นะคะ เป็นเหมือนกระเป๋าหิ้วที่ดีไซน์เพื่อคอนเสิร์ตนี้โดยเฉพาะ ให้ฟรีไปเลยพร้อมบัตรคอนเสิร์ตค่ะ อยากให้มาเจอกันเยอะๆ เพราะจัดรอบเดียว แล้วก็อยากได้แฟนเพลงที่รักลุลาจริงๆ มารวมตัวกัน อาจจะได้เห็นหน้าค่าตากันว่าเป็นยังไง มาร่วมร้องเพลงลุลาไปพร้อมๆ กัน เชื่อว่าสนุกแน่นอนค่ะ

 

 


เรื่อง: บะหมี่กุ๊งกิ๊ง_แพรวดอทคอม
ภาพ: Myo Duangporn

งดงามเปี่ยมไปด้วยพลัง สำนักพระราชวังอังกฤษเผยตราประจำพระองค์ ดัชเชสเมแกน

account_circle

หลังจากพิธีเสกสมรสของ ดยุคและดัชเชสแห่งซัสเซกส์ผ่านพ้นไป ล่าสุดเมื่อวันศุกร์ที่ 25 พฤษภาคม 2561 ที่ผ่านมา สำนักพระราชวังอังกฤษก็ได้เผยแพร่ ตราประจำพระองค์ (Coat of arms) ของ ดัชเชสเมแกน ออกมา

โดยตราสัญลักษณ์นี้ได้รับพระราชานุญาตจากสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักรเป็นที่เรียบร้อย เป็นผลงานการออกแบบ ของ โทมัส วู้ดค็อก ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบตราสัญลักษณ์ประจำพระองค์ และเป็นประธานสำนักมุรธาธรแห่งสหราชอาณาจักร (College of Arms)  ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้สำนักพระราชวังอังกฤษ และที่พิเศษมากกว่านั้นคือ ตราประจำพระองค์นี้ดัชเชสเมแกนยังมีส่วนร่วมในการออกแบบด้วยพระองค์เองด้วย เพื่อให้แน่ใจว่าจะแสดงออกถึงตัวตนของพระองค์ได้อย่างแท้จริง

ตราประจำพระองค์ ดัชเชสเมแกน ออกแบบโดย นายโทมัส วู้ดค็อก

ดัชเชสเมแกน
นายโทมัส วู้ดค็อก ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบตราสัญลักษณ์ประจำพระองค์ ประธาน College of Arms

ตราประจำพระองค์ของดัชเชสแห่งซัสเซกส์ นั้นมีความหมายว่าอย่างไร เราไปดูกันค่ะ

ดัชเชสเมแกน
ตราสัญลักษณ์ประจำพระองค์ เมแกน มาร์เคิล ดัชเชสแห่งซัสเซกส์

1.พื้นหลังสีฟ้าของโล่

พื้นหลังสีฟ้าเปรียบได้กับ มหาสมุทรแปซิฟิก ชายฝั่งแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นที่ที่พระองค์ทรงเติบโตและใช้ชีวิตตลอดห้วงเวลาที่ผ่านมาก่อนหน้านี้

2.แสงสีทองที่พาดผ่านโล่

แสงสีทองสองเส้นที่พาดผ่านโล่ เป็นตัวแทนของแสงพระทิตย์ที่รัฐแคลิฟอเนียร์ บ้านเกิดของพระองค์

3.ปากกาขนนกสามด้าม

สำหรับปากกาขนนกทั้งสามด้ามที่อยู่บนพื้นสีฟ้า เป็นสัญลักษณ์ของการสื่อสารและพลังด้านคำพูด

4.ดอกป๊อบปี้สีทอง

ด้านล่างบนพื้นหญ้าสีเขียวชอุ่ม มีดอกป็อบปี้สีทองแซมอยู่นั้น หมายถึง ดอกไม้ประจำรัฐแคลิฟอเนียร์

5.ต้นวินเทอร์สวีท

ต้นวินเทอร์สวีท ที่อยู่บนพื้นหญ้าแซมผสมอยู่กับดอกป็อปปี้สีทองนั้น เป็นตัวแทนการเป็นหนึ่งเดียวของดยุคและดัชเชสแห่งซัสเซกส์  ต้นวินเทอร์สวีทที่กำลังเติบโตในสวนของพระราชวังเคนซิงตั้นนั้น เปรียบได้กับสถานที่ที่ดยุคและดัชเชสแห่งซัสเซกส์ กำลังสร้างครอบครัวอยู่ในตอนนี้

6.เดอะ ซอง เบิร์ด

นกสีขาวกางปีกส่งเสียงร้องที่อยู่ด้านขวาของโล่ คือตัวแทนด้านการสื่อสารอันทรงพลังของดัชเชส

7.มงกุฎที่คล้องอยู่รอบคอนก

เป็นสัญลักษณ์ของบรรดาศักดิ์ที่มอบให้ดัสเชสแห่งซัสเซกส์ เป็นมงกุฎอันเดียวกันกับที่สร้างโดยราชวงศ์ Warrant ในปี 1917 เพื่อเหล่าลูกชายและเหล่าลูกสาวของทายาท

8. เดอะ โกลเด้น ไลอ้อน

สิงโตทองที่คอยพยุงโล่อยู่ทางด้านซ้าย เชื่อมโยงถึงดยุคแห่งซัสเซกส์ พระสวามี เป็นไปตามธรรมเนียมปฏิบัติที่ว่าพระชายาในสมาชิกราชวงศ์อังกฤษจะต้องมีสิ่งปรากฏในตราสัญลักษณ์ประจำตัวคือ พระสวามีที่คอยค้ำโล่

ตามประเพณีของราชวงศ์อังกฤษนั้น เมื่อมีการเสกสมรสของสมาชิกในราชวงษ์ สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 จะโปรดเกล้าให้ออกแบบตราประจำพระองค์ให้กับตระกูลฝ่ายเจ้าสาวหลังจากพิธีเสกสมรสเสร็จสิ้น เช่นเดียวกับ ตระกูลของดัชเชสเคทแห่งเคมบริดจ์ ก็ได้รับตราประจำตระกูลด้วย

ดัชเชสเมแกน
ตราประจำตระกูล มิดเดิลตัน

ส่วนตราประจำพระองค์ของดัชเชสเคทนั้น สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงโปรดเกล้ามอบตราให้หลังพิธีอภิเสกสมรสเมื่อปี 2011 แต่หลังจากนั้นอีกสองปีต่อมา สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ได้โปรดเกล้ามอบตราประจำพระองค์อันใหม่ให้กับ ดยุคและดัชเชสแห่งเคมบริดจ์

ดัชเชสเมแกน
ตราของดัชเชสเคท แห่งเคมบริดจ์ เมื่อปี 2011

ดัชเชสเมแกน
ตราประจำพระองค์อันใหม่ ที่สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงโปรดเกล้ามอบให้กับดยุคและดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ เมื่อ 2013

ขณะที่ดัชเชสเมแกน แม้จะไม่ได้รับตราประจำตระกูล แต่พระองค์ก็ทรงได้รับเป็นตราประจำพระองค์แทน ซึ่งตรานี้ทำขึ้นเพื่อดัชเชสเพียงพระองค์เดียว ซึ่งทันทีที่มีประกาศนี้ออกไป ซาแมนธา แกรนท์ พี่สาวของ เมแกน ดัชเชสแห่งซัสเซกส์ก็ออกมาบอกกับเทเลกราฟว่า มันเป็นการ “ดูถูกมาก” ที่นายโทมัส มาร์เคิล พ่อของดัชเชส ไม่ได้รับตราอาร์มใด ๆ

ส่วนตราประจำพระองค์ของดยุคแห่งซัสเซกส์นั้น เมื่อครั้งทรงดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าชายแห่งเวลส์ พระองค์ทรงได้รับพระราชทานเมื่อวันคล้ายวันประสูติครบรอบ 18 ชันษา เมื่อปี 2002 ไปแล้ว

ดัชเชสเมแกน

 

ดัชเชสเมแกน

เห็นตราประจำพระองค์ของดัชเชสเมแกนแล้ว ต้องยอมรับว่าพระอัจฉริยภาพทางด้านศิลปะของพระองค์นี้เป็นเลิศมาก โดยพระองค์ทรงให้ความใส่พระทัยเป็นอย่างมากกับตราประจำพระองค์นี้ เพื่อถ่ายทอดความเป็นพระองค์เองและประวัติศาสตร์ของราชวงศ์อังกฤษได้อย่างลึกซึ้งและงดงาม

อนึ่งการใช้ตราอาร์มเป็นสัญลักษณ์ประจำตัว มีการใช้กันเป็นครั้งแรกในราวคริสต์ศตวรรษที่ 12 ด้วยเหตุว่าผู้เข้าร่วมการศึกมักสวมใส่เกราะตลอดทั้งตัว รวมทั้งมีส่วนที่ปิดบังใบหน้าด้วย จึงต้องมีตราปรากฏอยู่ที่เสื้อเกราะเพื่อที่จะได้รู้ว่านักรบคนนั้นเป็นใคร อยู่ฝ่ายไหน

โดยในส่วนตราประจำพระองค์ของดัชเชสเมแกนนั้นมีค่าใช้จ่ายในการออกแบบอยู่ที่ £6,075  (260,000 บาท)

 

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก : https://metro.co.uk, www.telegraph.co.uk, https://www.popsugar.com

เปิดประวัติ ดอเรีย แร็กแลนด์ พระมารดาผู้เคียงข้างดัชเชสเมแกนทั้งยามทุกข์และยามสุข

account_circle

ท่ามกลางแขกเหรื่อที่มาร่วมพิธีเสกสมรสของเจ้าชายแฮร์รี่ และเมแกน มาร์เคิล ดัชเชสแห่งซัสเซกส์ หนึ่งในนั้นที่กล้องจับภาพตลอดเวลาจนได้โมเม้นต์สุดประทับใจ ไม่ต่างกับ แครอล มิดเดิลตัน พระมารดาของดัชเชสเคท ในปี 2011 คือ ดอเรีย แร็กแลนด์ พระมารดาของดัสเชสเมแกนนั่นเอง

ดอเรีย แร็กแลนด์ พระมารดาของ เมแกน มาร์เคิล ดัชเชสแห่งซัสเซกส์

ปฏิเสธไม่ได้ว่าในพิธีเสกสมรสยิ่งใหญ่ที่เพิ่งผ่านไป หนึ่งคนสำคัญในงานที่ถือว่ามีบทบาทเป็นอย่างมาก มีสื่อต่างๆ และประชาชน ให้ความสนใจไม่น้อยไปกว่าสมาชิกราชวงศ์ท่านอื่นๆ เลย คือ นางดอเรีย แร็กแลนด์ พระมารดาของดัสเชสเมแกน และเป็นพระญาติคนเดียวที่มาร่วมงานสำคัญนี้ หลังจากที่มีกระแสข่าวว่าพระบิดาของดัสเชสจะไม่มาร่วมงานเนื่องจากอาการป่วย

ในวันงาน ดอเรียปรากฏตัวในชุดเดรสสีเขียวอ่อนจากแบรนด์ Oscar de la Renta แบรนด์ดังที่ได้รับความไว้วางใจให้ตัดชุดในพระราชพิธีสำคัญต่างๆ ของราชวงศ์อังกฤษมาแล้วนับไม่ถ้วน ซึ่งสื่อต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เธอสวยราวกับราชนิกูล ทั้งเสื้อผ้าและการวางตัว

ดอเรีย แร็กแลนด์
เด็กหญิงแร็กแลนด์ ในชุดนักเรียนไฮสคูล

ดอเรีย แร็กแลนด์ เป็นบุตรสาวของ นางเจเนตต์ อาโนลด์ กับสามีคนที่สอง นายอัลวิน แร็กแลนด์ เธอมีเชื้อสายแอฟริกัน-อเมริกัน ซึ่งทำให้ดัชเชสเมแกนทรงมีเชื้อสายนี้ด้วย ตามประวัติของตระกูลแร็กแลนด์นั้นว่ากันว่าสืบเชื้อสายมาจากชาวอเมริกัน-แอฟริกันที่ถูกจับไปเป็นทาสในประเทศจอร์เจีย เดิมครอบครัวแร็กแลนด์อาศัยกันอยู่ที่เมืองคลีฟแลนด์ รัฐโอไฮโอ ก่อนย้ายไปลอสแอนเจลิสในเวลาต่อมา โดยเด็กหญิงแร็กแลนด์เริ่มเข้าเรียนที่โรงเรียนแฟร์แฟกซ์ ไฮสคูล

ดอเรีย แร็กแลนด์
พิธีแต่งงานของดอเรีย แร็กแลนด์ และ โทมัสมาร์เคิล ในวันที่ 23 ธันวาคม 2522 ท่ามกลางญาติสนิทของทั้งคู่ ในนครลอสแอนเจลิส

ด้วยนิสัยสดใส ร่าเริง ทำให้เธอเข้ากับเพื่อนๆ ในวัยเดียวกันได้ดี หลังจากเรียนจบไฮสคูล ดอเรียเริ่มอาชีพแรกด้วยการเป็นช่างแต่งหน้า และได้เข้าไปเป็นพนักงานในสตูดิโอถ่ายทำภาพยนตร์โทรทัศน์เรื่อง Genaral Hospital ที่นี่เองที่ทำให้เธอได้พบรักกับนายโทมัส มาร์เคิล กระทั่งแต่งงานกันในปี 1979 และได้ถือกำเนิดลูกสาวตัวน้อย เมแกน มาร์เคิล ในปี 1981 และยังเป็นลูกสาวคนเดียวของเธออีกด้วย

ดอเรีย แร็กแลนด์
นางดอเรีย แร็กแลนด์ และลูกสาวตัวน้อย เมแกน มาร์เคิล

ดอเรีย แร็กแลนด์
โทมัส มาร์เคิล กับ ลูกสาว เมแกน มาร์เคิล

แต่ชีวิตคู่ก็ไม่ได้ราบรื่นอย่างที่ใจหวัง อีกแปดปีต่อมาเธอได้หย่าร้างกับนายโทมัส มาร์เคิล ในขณะที่ลูกสาวมีอายุเพียง 6 ขวบ ดัชเชสเมแกนทรงอยู่ในความดูแลของดอเรียนับแต่นั้น แต่เธอก็ให้ลูกสาวติดต่อพ่อได้อย่างสม่ำเสมอ

สองแม่ลูกใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตามอัตภาพ โดยดอเรียครองตัวเป็นโสดมานับแต่หลังการหย่าจนถึงปัจจุบัน ครั้งหนึ่งเธอเคยเล่าว่ามีความสุขมากที่ได้ดูแลนางฟ้าตัวน้อยๆ การได้เห็นเด็กหญิงเมแกนเติบโตขึ้นทุกวันคือคุณค่าของการเป็นมนุษย์แม่ แม้จะต้องเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวก็ตาม

นอกจากอาชีพช่างแต่งหน้า และพนักงานในสตูดิโอถ่ายทำภาพยนตร์โทรทัศน์แล้ว ดอเรียยังทำงานอีกหลายหลายอาชีพ เช่น แอร์โฮสเตส และในวัย 62 ปี เธอยังเป็นครูสอนโยคะ และเจ้าหน้าที่สังคมสงเคราะห์ เธอให้ความสำคัญอย่างมากในด้านงานช่วยเหลือสังคม เห็นได้จากบทสัมภาษณ์ของดัชเชสแห่งซัสเซกส์ที่ว่า ในตอนที่พระองค์ยังเป็นเด็กนั้น แม่ของพระองค์เป็นนักบำบัดทางจิตให้กับผู้ที่ต้องการปรึกษาฟรี แม่ของพระองค์มุ่งเน้นการทำงานให้กับคนในพื้นที่ยากจน และยังสอนพระองค์ให้รู้จักคำว่าให้ และเป็นที่มาให้พระองค์เขียนใน The Tig บล็อกส่วนตัวในปี 2016 ว่า “การซื้อไก่งวงให้กับคนไร้บ้านในวันขอบคุณพระเจ้า นำอาหารไปให้กับผู้ป่วย หรือจะเป็นการกอด การยิ้ม ถือเป็นการให้กำลังใจต่อคนอื่นที่ไม่ต้องลงทุน ลงแรงมากมายอะไร”

ดอเรีย แร็กแลนด์

เรียกได้ว่านางดอเรียคือต้นแบบที่สอนดัชเชสเมแกนให้ทรงรู้จักการให้  และถึงแม้จะมีกระแสข่าวโจมตีเรื่องถูกเหยียดหยาม จงเกลียดจงชังด้านเชื้อชาติอย่างหนัก หลังจากที่มีข่าวเจ้าชายแฮร์รี่ทรงหมั้นหมายกับลูกสาวเธอ แต่นางดอเรียก็ยังคงทำงานเป็นนักจิตบำบัดอยู่ที่ศูนย์สุขภาพ Didi Hirsh ควบกับการเป็นครูสอนโยคะที่เมืองคัลเวอร์ รัฐแคลิฟอเนียร์ จนถึงปัจจุบัน

ดอเรีย แร็กแลนด์
ภาพถ่ายในวันงานจบการศึกษา ของ ดอเรีย และดัชเชสเมแกน

นอกจากเรื่องงานที่นางดอเรียตั้งใจทำอย่างเต็มที่แล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่เธอไม่คิดทิ้งคือเรื่องเรียน ถึงแม้อายุจะล่วงเลยจนเข้าวัยสูงอายุแล้วก็ตาม โดยเธอเพิ่งจบการศึกษาระดับปริญญาโทในปี 2015 ในหัวข้อวิชา Master of Social Work (MSW) สาขาที่เน้นด้านสังคมสงเคราะห์ ช่วยเหลือและปรับปรุงคุณภาพชีวิตของบุคคล และสังคม ที่มหาวิทยาลัยเซาท์เทิร์น แคลิฟอร์เนีย ซึ่งสร้างความภาคภูมิใจให้กับดัชเชสเป็นอย่างมาก

แน่นอนว่าด้วยความมีน้ำจิตน้ำใจเปี่ยมล้น ทำงานเพื่อผู้อื่นมาตลอด เธอจึงเป็น ‘แม่ยาย’ ที่ลูกเขยอย่างเจ้าชายแฮร์รี่ทรงให้การยอมรับอย่างแท้จริง โดยเจ้าชายเคยให้ประทานสัมภาษณ์กับ สื่อ BBC ว่า “Her mum’s amazing”(แม่ของเธอนั้นน่าทึ่ง) โดยดอเรียได้พบกับเจ้าชายแฮร์รี่ในงานพิธีปิดการแข่งขันกีฬาอินวิคตัสเกมส์ ที่นครโตรอนโต ประเทศแคนาดาเมื่อกันยายน ปี 2016

สิ่งที่เราทุกคนเห็นและสัมผัสได้จากในพิธีเสกสมรสของ ดยุกและดัสเชสแห่งซัสเซกซ์ คือความสุขที่เปี่ยมล้น จนไม่อาจกลั้นน้ำตาแห่งความภาคภูมิใจและดีใจของแม่ที่มีให้กับลูกสาว เป็นความสุขที่เชื่อว่าไม่ว่าจะเป็นแม่ชาติไหนๆ ก็คงมีไม่แตกต่างกัน

ขอบภาพและข้อมูล : http://www.dailymail.co.uk, www.townandcountrymag.com, www.thesun.co.uk, www.express.co.uk

COVER STORY : PRAEW ISSUE 930

PRAEW ISSUE 930 ปักษ์นี้พา พี่ติ๊ก เจษฎาภรณ์ และ มิว นิษฐา คู่พระ-นาง จากละครรีเมค ด้วยแรงอธิษฐาน ที่ใกล้จะออนแอร์ให้แฟนๆ ได้ดูกันแล้ว แพรวเลยขอโอกาสมาส่งความสุขให้กับแฟนๆ ล่วงหน้ากันก่อน กับแฟชั่นเซตปกสุดพิเศษที่จะพาคุณไปออนเดอะโร้ดกับบรรยากาศโรแมนติก ท่ามกลางทุ่งกังหันลม

“คิ้ว” คือมงกุฎของใบหน้า คิ้วที่ได้รูปทรงสวยรับกับใบหน้า จะทำให้หน้าดูโดดเด่น และดูมีมิติมากขึ้น แต่การวาดคิ้วหรือเขียนคิ้วที่ดีต้องดูรูปหน้าด้วยนะสาวๆ เพราะหากพลาดเขียนคิ้วโดยที่ไม่รู้ว่ารูปหน้าของเรานั้นเหมาะกับคิ้วทรงไหน กลายเป็นคิ้วปลิง คิ้วโก่งเกินไปดูแล้วก็คงไม่งาม Beauty pedia ปักษ์นี้นำเคล็ดลับการเขียนคิ้วให้เข้ากับใบหน้า และโปรดักส์สุดเริ่ด มาบอกกัน รับรองว่าจากที่สวยอยู่แล้วก็ยังสวยขึ้นได้อีก

 มาสก์หน้า อีกหนึ่งขั้นตอนในการบำรุงผิวที่สาวๆ มักมองข้าม แต่รู้ไหมคะ ว่าขั้นตอนนี้สำคัญไม่น้อยเลยทีเดียว อย่างน้อย 1-2 ครั้งต่ออาทิตย์ก็เป็นสิ่งจำเป็นนะจ๊ะ เพื่อให้ผิวได้รับอาหารเสริมแน่นๆ จากมาสก์เนื้อนุ่ม เพราะนอกจากมาสก์จะบำรุงผิวได้ล้ำลึก ยังช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพ ของสกินแคร์ตัวอื่นให้ซึมซาบเข้าบำรุงขึ้นได้ดีขึ้นไปอีกด้วย

“ยิ่งคิดบวก ยิ่งสวย” ประโยคคุ้นหูเมื่ออดีต ณ วันนี้ก็ยังไม่เชย เป็นมุมองความสวยจากภายในของ แพร – พัณณิตา  สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ใน Beauty Secret ที่เธอจะมาแชร์เคล็ดลับความสวยจากภายใน มาให้สาวๆ ได้นำไปใช้กัน

Style Confident ปักษ์ นี้พาสาวสวย น่ารัก นิ่ม – สาริศา ล่ำซำ นิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ลูกสาวคนสวยของคุณ สาระ-สลิล ล่ำซำ กับสไตล์การแต่งตัวของเธอ ที่ดูสวย น่ารัก สมวัย เรียกได้ว่าเป๊ะทุกชุด

อาคารสีขาว 5 ชั้นริมแม่น้ำเจ้าพระยาภายในโครงการ คอนโดมิเนียมขนาดยักษ์ของ LPN คืออาณาจักรส่วนตัว ของครอบครัว “เตชะไกรศรี” ผู้นำวงการอสังหาริมทรัพย์ ชื่อดังของไทย รวมทั้งเป็นเรือนหอของพิธีกรสาวยิ้มกว้าง หน้าคม  หุ่นนางแบบ ลูกเกด – จิรดา โยฮารา และ จุมพล หวานใจนักธุรกิจที่ใช้ชีวิตครอบครัวร่วมกันมานานเกือบ 9 ปีแล้ว

กว่าที่ชีวิตจะพบกับคำว่าประสบความสำเร็จ มักต้องผ่านหลายด่าน บางคนที่ว่ามีความพร้อมยิ่งกว่าพร้อม ยังยากที่จะฟันฝ่า บางคนเคยเป็นเด็กแว้น ติดยา บางคน บางคนมีพรั่งพร้อม แต่ความพร้อมก็ไม่ได้เป็นตัวช่วยเสมอไป แล้วพวกเขาพลิกชีวิตให้ประสบความสำเร็จได้อย่างไร ตามอ่านกันได้ที่ Llive stories

ห้ามพลาดกับแฟชั่นสวยๆ ที่พร้อมให้คุณอัพเดท รวมถึงเรื่องราวต่างๆ ที่อัดแน่นเต็มไปด้วยสาระอีกเช่นเคย ในนิตยสารแพรวฉบับ 930 ปักษ์ 25 พฤษภาคม 2561 ได้แล้วที่แผงหนังสือชั้นนำทั่วไป หรือ สั่งซื้อทางออนไลน์ได้ที่ https://www.naiin.com/

แฟชั่นของสุภาพสตรีในราชวงศ์

สุดโก้หรู! แฟชั่นสุภาพสตรีในราชวงศ์ ร่วมยินดีพิธีเสกสมรสเจ้าชายแฮร์รี่-เมแกน

แฟชั่นของสุภาพสตรีในราชวงศ์
แฟชั่นของสุภาพสตรีในราชวงศ์

แฟชั่นสุภาพสตรีในราชวงศ์ มีกฎอยู่หลายอย่างที่ห้ามทำและต้องทำ ดังนั้นในพิธีเสกสมรสระหว่างเจ้าชายแฮร์รี่และดัชเชสแห่งซัสเซกส์ แฟชั่นของเชื้อพระวงศ์จึงเป็นสิ่งที่ผู้คนให้ความสนใจและจับตามองไม่น้อย ว่าแต่ละพระองค์จะทรงเลือกฉลองพระองค์แบบใดเพื่อเข้าร่วมพิธีอันสำคัญนี้ เมื่อทุกพระองค์เสด็จฯ ถึงโบสถ์เซนต์จอร์จ แฟชั่นฉลองพระองค์ก็ปรากฏให้ได้เห็น

ซึ่งแฟชั่นของสุภาพสตรีในราชวงศ์นั้นก็มาในสไตล์เรียบหรู แฝงไปด้วยความโก้ตามแบบฉบับผู้ดีเมืองอังกฤษ เพราะการสวมเสื้อผ้าของราชวงศ์นั้นต้องไม่ให้ความรู้สึกหรูหราหรือโดดเด่นจนเกินไป และไอเท็มที่ต้องมีในการเข้าร่วมพิธีสำคัญนี้ นั่นก็คือ หมวก และหมวกนับเป็นสัญลักษณ์การแต่งกายตามแบบฉบับของผู้ดีอังกฤษ ในพิธีเสกสมรสจึงมีกฎว่าแขกผู้หญิงต้องใส่หมวกตลอดการร่วมพิธีในโบสถ์ ทั้งนี้ไม่ได้กำหนดสไตล์ของหมวกว่าจะต้องเป็นแบบใด ซึ่งแขกผู้หญิงทั้งหลายควรใช้วิจารณญาณแล้วเลือกสรรมาใส่อย่างเหมาะสม

คราวนี้เรามาดูกันดีกว่าว่าเจ้าหญิงหรือดัชเชสแต่งกายเข้าร่วมพิธีเสกสมรสระหว่างเจ้าชายแฮร์รี่และดัชเชสแห่งซัสเซกส์กันอย่างไรบ้าง

 

พาชม แฟชั่นสุภาพสตรีในราชวงศ์ ร่วมยินดีพิธีเสกสมรสเจ้าชายแฮร์รี่-เมแกน

 

แฟชั่นของสุภาพสตรีในราชวงศ์
ควีนเอลิซาเบธที่ 2 มาในฉลองพระองค์สีเขียวมะนาว ด้วยเดรสโค้ทจากดีไซเนอร์ Stewart Parvin

 

แฟชั่นของสุภาพสตรีในราชวงศ์
เจ้าหญิงแอนน์ พระราชกุมารี กับฉลองพระองค์สีแดงก่ำตัดกับสีน้ำเงินเข้ม ส่วนพระมาลาก็มีความเข้ากับชุดได้ดี

 

คามิลลา ดัชเชสแห่งคอร์นวอล กับเดรสโค้ทสีชมพูหวานจาก Anna Valentine และพระมาลาใบเด่นเฉดสีเดียวกับเดรสจาก Philip Treacy

 

ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ มาในลุคเรียบหรูจากแบรนด์โปรด Alexander McQueen กับชุดเดรสโค้ทสีครีม พร้อมพระมาลาจาก Philip Treacy พระกุณฑลจากแบรนด์  Kiki McDonough รองพระบาทสีอ่อนจาก Jimmy Choo

 

เลดี้ คิตตี้ สเปนเซอร์ (ขวา) หลานสาวของเจ้าหญิงไดอาน่า กับเดรสสีเขียวสดจาก Dolce & Gabbana หมวกก็มาในสีเดียวกับเดรส ลงตัวมาก เป็นเลดี้ที่งดงามจริงๆ

 

ซาราห์ เฟอร์กูสัน  ดัชเชสแห่งยอร์ค กับชุดสีเนวี่ ที่แฝงลูกเล่นสลับสีชมพูอ่อนไว้ด้านในด้วยฝีมือของดีไซเนอร์มืออาชีพ

 

เจ้าหญิงยูจีนีแห่งยอร์ค ในเดรสสีฟ้าสดใสจาก Gainsbourg พระมาลาเรียบๆ สีขาวของ Fiona Graham และรองพระบาทจาก Valentino

 

เจ้าหญิงเบียทริซ กับเดรสสีฟ้าเข้มน้ำทะเลจาก Roksanda เครื่องประดับศีรษะจาก Stephen Jones และรองพระบาทจาก Gianvito Rossi

 

เจ้าฟ้าหญิงเคานท์เตสแห่งเวสเซ็กส์ (ขวา) ทรงเลือกเดรสสีฟ้าละมุนสุดหรูจาก Suzannah และพระมาลาของ Jane Taylor เพื่อคอมพลีทลุค

สุภาพสตรีในราชวงศ์ทุกพระองค์ต่างมาในลุคที่เต็มไปด้วยความสง่างาม ไม่หวือหวา แต่มาในสไตล์เรียบหรูและโก้สุดๆ  จึงทำให้ออกมางดงามมากจริงๆ


เรื่อง : Hana_แพรวดอทคอม (ฮานะ)

ภาพ : www.express.co.uk , www.goodhousekeeping.com

 

Exclusive Gallery! ประมวลภาพ The Royal Wedding 2018 จากช่างภาพไทย ‘โอ๊ต-ชัยสิทธิ์ จุนเจือดี”

Exclusive Gallery! ประมวลภาพ The Royal Wedding 2018 จากช่างภาพไทย ‘โอ๊ต-ชัยสิทธิ์ จุนเจือดี”

เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ที่ผ่านมา เชื่อว่าหากใครได้ดูการถ่ายทอดสดพิธีเสกสมรสระหว่างเจ้าชายแฮร์รี่และเมแกน มาร์เคิลอยู่ คงอดรู้สึกยินดีกับทั้งสองด้วยไม่ได้ และงานสำคัญเช่นนี้ ช่างภาพเวดดิ้งหนึ่งเดียวจากไทยอย่าง “โอ๊ต-ชัยสิทธิ์ จุนเจือดี” เขาเองก็ไม่พลาดที่จะเดินทางไปร่วมเป็นส่วนหนึ่งในงานสำคัญนี้ เพื่อเก็บภาพประวัติศาสตร์ในพิธีเสกสมรสของราชวงศ์อังกฤษอีกครั้ง

โอ๊ต-ชัยสิทธิ์ จุนเจือดี ช่างภาพเวดดิ้งจากไทย หนึ่งเดียวที่ไปถ่ายภาพประวัติศาสตร์ครั้งนี้

นับว่าเป็นภาพการแต่งงานที่อบอวลไปด้วยความสุขที่ได้เห็นรอยยิ้มของคู่บ่าวสาวและประชาชนที่มาร่วมงานอย่างคับคั่ง ซึ่งช่างภาพเวดดิ้งอย่างโอ๊ต-ชัยสิทธิ์ก็ได้เก็บบรรยากาศทั้งหมดมาให้ทุกคนได้ดูผ่านแพรวดอทคอม ต้องบอกก่อนนะว่าเป็นภาพที่เจ้าตัวตั้งใจถ่ายมาก ลงทุนลงแรงเพื่อให้ได้ภาพทั้งหมดมา แม้ว่าจะมีอุปสรรคหลายอย่าง ด้วยกฎระเบียบที่เคร่งครัดของทางสำนักพระราชวัง รวมไปถึงจำนวนผู้คนที่มาร่วมแสดงความยินดีในงานนี้ แต่ก็นับว่าได้ภาพที่สวยงามและที่สำคัญเป็นภาพโดยฝีมือช่างภาพของไทยเราอีกด้วย

Exclusive Gallery! ประมวลภาพ The Royal Wedding 2018 จากช่างภาพไทย ‘โอ๊ต-ชัยสิทธิ์ จุนเจือดี”

 

ภาพ : OAT CHAIYASITH

เข้าไปดูภาพเพิ่มเติมได้ที่ FB : OAT CHAIYASITH  

IG@oat_chaiyasith

 

เรียบหรูสุดพลัง! ชุดแต่งงาน เมแกน มาร์เคิล สวยสง่าจากแบรนด์ดัง Givenchy

งดงามราวกับเจ้าหญิง เมื่อเผยโฉม ชุดเจ้าสาวของเมแกน มาร์เคิล คือชุดแต่งงานที่ตัดเย็บโดยแบรนด์  Givenchy Haute Couture ซึ่งถือเป็นแบรนด์ม้ามืดที่ไม่มีการกล่าวถึงมาก่อนเลยก็ว่าได้

ทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ ในสุดสัปดาห์นี้เห็นจะปฏิเสธไปไม่ได้ว่านั่นคือ พิธีเสกสมรสระหว่างเจ้าชายแฮร์รี่และเมแกน มาร์เคิล ที่ทั่วโลกต่างตั้งตารอคอย โดยเฉพาะชุดเจ้าสาวของแฟชั่นไอคอนอย่างเมแกน ที่ถูกจับตามองยิ่งกว่าสิ่งใด ก่อนหน้านี้มีการรายงานข่าวจากสื่อต่างชาติว่า ชุดแต่งงานของเมแกนมาจากแบรนด์สุดหรูระดับโอต์กูตูร์ Ralph & Russo ซึ่งราคาราว 100,000 ปอนด์ หรือ 4.5 ล้านบาท แต่เมื่อสาวเมแกนปรากฏตัวท่ามกลางประชาชน ณ โบสถ์เซนต์ จอร์จ ปราสาทวินด์เซอร์ ก็ทำเอาหลายคนเซอร์ไพร้ส์ไม่น้อย เพราะชุดเจ้าสาวของเธอมาในสไตล์เรียบหรู เน้นความสง่างาม ไม่ได้ลงดีเทลงานปักหรือดูอลังการอย่างที่หลายคนคาดคิด

ซึ่งชุดแต่งงานเรียบหรูนี้ ทั้งชุดเป็นเดรสสีขาว แขนยาว ไม่มีลายทั้งตัว โดย Clare Waight Keller รับหน้าที่เป็นดีไซเนอร์ชุดแต่งงานให้สาวเมแกน และ Clare Waight Keller ยังเป็นไดเร็คเตอร์หญิงคนแรกของ Givenchy อีกด้วย ส่วนผ้าคลุมผมก็ลากยาว แซมด้วยงานปักกำลังดี ผมก็เกล้ามวยแบบง่ายๆ และเทียร่าองค์งามที่ดัชเชสได้สวมคือ ฟิลิกรี เทียร่า ของสมเด็จพระราชินีนาถแมรี สำหรับงานเครื่องประดับต่างๆ อย่างต่างหูและกำไลข้อมือเส้นเล็กๆ จาก Cartier สุดท้ายรองเท้าสีขาวแบบเข้าชุดจาก Givenchy

นอกจากนี้ชุดแต่งงานของเมแกน เจ้าบ่าวอย่างเจ้าชายแฮร์รี่จะไม่ได้เห็นชุดเจ้าสาวก่อน จนกระทั่งตอนที่เมแกนเดินเข้าโบสถ์ แต่คนที่ได้เห็นก่อนแน่นอนนั่นก็คือ ควีนเอลิซาเบธที่ 2 เพราะแบบชุดเจ้าสาวจะต้องผ่านการตรวจสอบจากควีนเอลิซาเบธที่ 2 เสียก่อน ถึงจะสามารถใส่ในพิธีได้

 

ชุดแต่งงาน เมแกน มาร์เคิล สง่างามจากแบรนด์ดัง Givenchy

ส่วนฉลองพระองค์ของเจ้าชายแฮร์รี่เป็นชุดทหาร ที่ทรงเลือกฉลองพระองค์นี้ เพราะเหมือนเป็นจุดเปลี่ยนชีวิตของพระองค์หลังไปเป็นทหาร ก็ทรงมีเป้าหมายชัดเจนที่อยากพัฒนาโลกให้ดีขึ้น ทำให้ได้มาเจอกับสาวเมแกน และเจ้าชายแฮร์รี่ทรงภูมิใจในเครื่องแบบทหารเป็นอย่างมาก

เจ้าชายแฮร์รี่และเจ้าชายวิลเลียม

 

เจ้าชายแฮร์รี่และเจ้าชายวิลเลียม

 

เจ้าชายแฮร์รี่และเจ้าชายวิลเลียม

พิธีเสกสมรสในครั้งนี้ถือเป็นงานของราชวงศ์ที่มีคนผิวสีเข้าร่วมงานมากที่สุดแล้วก็ว่าได้ อาจจะเป็นเพราะสาวเมแกนเป็นลูกครึ่งผิวสี และจากเหตุกาณ์นี้นับว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงศักราชแห่งราชวงศ์ยุคใหม่เลยทีเดียว

สวยประหาร! สาวชุดเหลือง ‘เอมัล คลูนีย์’ ผู้ถูกเชิญมาในงานพิธีเสกสมรส

สวยประหาร! สาวชุดเหลือง ‘เอมัล คลูนีย์’ ผู้ถูกเชิญมาในงานพิธีเสกสมรส

เตะตาเข้าอย่างจัง หลังจากที่เดินเข้ามายังวิหารเซนต์จอร์จเคียงคู่กับสามี จอร์จ คลูนีย์ ในงานพิธีเสกสมรสระหว่างเจ้าชายแฮร์รี่และเมแกน มาร์เคิล บอกเลยว่าเธอต้องติดลิสต์หนึ่งในเซเลบริตี้ที่เจิดจรัสที่สุดในงานนี้แน่นอน

เอมัล คลูนีย์ หรือ เอมัล อลามุดดิน เธอคือภรรยาของพระเอกหนุ่มใหญ่ จอร์จ คลูนีย์  เธอเป็นทนายสาวชาวอังกฤษและนักสิทธิมนุษยชนชื่อดังที่มีเชื้อสายเลบานอน และเห็นดูเป็นสาวสวยคมอย่างกับเจ้าหญิงแขกขนาดนี้ จริงๆยังเป็นสาวเก่งที่หาตัวจับยากมาก เรียกว่าฉลาดไม่แพ้ผู้ชายอกสามศอกโดยเฉพาะเรื่องกฎหมายระหว่างประเทศและสิทธิมนุษยชน

สวยประหาร! สาวชุดเหลือง ‘เอมัล คลูนีย์’ ผู้ถูกเชิญมาในงานพิธีเสกสมรส

นอกจากนี้เธอยังพูดได้ 3 ภาษา ทั้งอาหรับ, อังกฤษ และฝรั่งเศส อีกทั้งยังเคยเป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายผู้ก่อการร้ายและสิทธิมนุษยชนให้องค์การสหประชาชาติ เอาเป็นว่าแต่ละงานที่สาวคนนี้ทำเป็นระดับบิ๊กๆทั้งนั้น

งานนี้ที่เธอได้เข้ามาร่วมพิธีสำคัญ ก็ไม่ใช่เพราะสามีของเธอที่เป็นคนดังของฮอลลีวู้ด แต่เป็นเพราะความสามารถและชื่อเสียงของเธอเองต่างหากที่ทำให้จอร์จ คลูนีย์ สามีสุดหล่อได้เข้าร่วมพิธีเสกสมรสบันลือโลกในครั้งนี้ด้วย

ภาพ : PPTV

เกาะติดพิธีเสกสมรส! The Royal Wedding 2018 : Prince Harry & Meghan Markle

เกาะติดพิธีเสกสมรส! The Royal Wedding 2018 : Prince Harry & Meghan Markle

 

สุดโก้หรู! แฟชั่นสุภาพสตรีในราชวงศ์ ร่วมยินดีพิธีเสกสมรสเจ้าชายแฮร์รี่-เมแกน

แฟชั่นของสุภาพสตรีในราชวงศ์

ไม่กลบซีน! เจ้าหญิงเคท ฉลองพระองค์เรียบง่าย ในพิธีเสกสมรสเจ้าชายแฮร์รี่-เมแกน

ฉลองพระองค์เรียบง่าย

 เรียบหรูสุดพลัง! ชุดแต่งงาน เมแกน มาร์เคิล สวยสง่าจากแบรนด์ดัง Givenchy

เซเลบจัดเต็ม! เผยแฟชั่นลุค สไตล์ผู้ดีอังกฤษ ร่วมพิธีเสกสมรสเจ้าชายแฮร์รี่-เมแกน

แฟชั่นสไตล์ผู้ดีอังกฤษ

เลดี้คิตตี้ พระนัดดาของเจ้าหญิงไดอานา ร่วมยินดีพิธีเสกสมรส เจ้าชายแฮร์รี่-เมแกน มาร์เคิล

 

ฉีกตำราเมคอัพเจ้าสาว​! ดัชเชสแห่งซัสเซกส์ แต่งหน้าเองเบาๆ​ เข้าพิธีเสกสมรส

 

7 องค์กรการกุศล ที่เจ้าชายแฮร์รี่-เมแกน จะนำเงินจากพิธีเสกสมรสเข้าช่วยเหลือ

 

มีใครบ้าง? เซเลบอังกฤษ สวย สง่า ร่วมยินดีเข้าพิธีเสกสมรส เจ้าชายแฮร์รี่-เมแกน

 

ครึกครื้น! ส่องบรรยากาศวันนี้ที่อังกฤษ ก่อนเริ่มพิธีเสกสมรส เจ้าชายแฮร์รี่-เมแกน

 

ทำความรู้จัก 5 ข้อ ประเพณีพิธีเสกสมรส ราชวงศ์อังกฤษ ก่อนชมพระราชพิธีจริง

 

งดงาม เลอค่า! เผย Royal Wedding Dresses 16 ชุด ตั้งแต่อดีตจนถึงปี 2011

 

สำนักพระราชวังยืนยัน พ่อของ เมแกน จะไม่ทำหน้าที่พาบุตรสาวเดินเข้าโบสถ์

 

ทึ่งสุดๆ! เผยโฉมหน้าแขกพิเศษ ผู้ได้รับบัตรเชิญร่วมพิธีเสกสมรสของ Prince Harry & Meghan

 

ใช่แบรนด์นี้ไหม! ฉลองพระองค์เจ้าหญิงเคท ที่จะได้เห็นในพิธีเสกสมรสปรินซ์แฮร์รี่

เส้นทางสะใภ้หลวง! เมแกน มาร์เคิล เจ้าสาวผู้ต้องฝ่ากระแสดราม่าจนวินาทีสุดท้าย

ว่าด้วยพระอิสริยยศในราชวงศ์อังกฤษ! ไม่ใช่ Royal Blood มีสิทธิ์เป็น Princess ไหม? หาคำตอบได้ที่นี่

น่าปลื้มใจ เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ทรงตอบรับเป็นผู้พา เมแกน มาร์เคิล เดินเข้าโบสถ์ในพิธีเสกสมรส

ห้ามทำและต้องทำ! มารยาทเคร่งครัดของแขกที่เข้าร่วมพิธีเสกสมรสของเจ้าชายแฮร์รี่และเมแกน

 

คุณอาจไม่เคยรู้! 17 กติกามารยาท เรื่องแฟชั่นของราชวงศ์อังกฤษที่ต้องปฏิบัติตาม

เปิดตำนานเทียร่าราชวงศ์อังกฤษ ที่คาดว่า ‘เมแกน’ จะได้สวมในวันเสกสมรส

‘ชุดคอสเพลย์ หน้ากาก ธงชาติ’ สีสันชวนอมยิ้มของชาวอังกฤษ ร่วมยินดีงานเสกสมรสบันลือโลก

ชาวอังกฤษตื่นเต้น! กองทัพทหารกว่า 250 คนซ้อมเดินขบวน เตรียมพิธีเสกสมรส เจ้าชายแฮร์รี่-เมแกน

กองทัพทหารกว่า 250 คนซ้อมเดินขบวน

 

ว่าที่เจ้าสาว เมแกน มาร์เคิล ใส่ต่างหูเพชรราคาหลักแสน เพื่อเข้าซ้อมพิธีเสกสมรส

 

ประกาศครั้งแรก! เจ้าชายจอร์จ เจ้าหญิงชาร์ลอตต์ จะทรงร่วมพิธีแต่งปรินซ์แฮร์รี่

 

เปิดภาพ โบสถ์เซนต์จอร์จ สถานที่จัดพิธีเสกสมรส เจ้าชายแฮร์รี่-เมแกน

 

ฟีเวอร์แรง! ของที่ระลึกบันทึกรัก พิธีเสกสมรสของเจ้าชายแฮร์รี่และเมแกน มาร์เคิล

พิธีเสกสมรสของเจ้าชายแฮร์รี่และเมแกน

 

เปิดเมนูในพิธีเสกสมรส เจ้าชายแฮร์รี่และเมแกน มาร์เคิล เรียบง่ายแต่หรูหรา

เปิดเมนูในพิธีเสกสมรส

 

สุดเลอค่า! แบรนด์นี้แหละ ชุดแต่งงาน เมแกน มาร์เคิล ราคาไม่เบาอยู่ที่หลักล้าน

 

ส่องแฟชั่น Matching Couple ของคู่รักมีสไตล์ เจ้าชายแฮร์รี่ – เมแกน มาร์เคิล

 

เซเรนา อาจเป็นคนเดียวในโลกที่ปฏิเสธไม่ร่วมพิธีเสกสมรสของ เจ้าชายแฮร์รี่ และ เมแกน

 

สัมพันธ์พี่น้องน่าประทับใจ! เจ้าชายแฮร์รี่ทรงขอให้เจ้าชายวิลเลี่ยมทรงเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว

 

ตามรอย 5 แบรนด์โปรด เมแกน มาร์เคิล หรือนี่อาจจะกลายเป็นชุดเจ้าสาวของเธอ

The Royal Wedding 2018 : Prince Harry & Meghan Markle

Sheku Kanneh-Mason ได้รับเลือกเล่นดนตรีในงานพิธีเสกสมรส เจ้าชายแฮร์รี่-เมแกน

 

ออร่าเจ้าสาวจับ! ส่องแฟชั่น เมแกน มาร์เคิล ออกงานคู่เจ้าชายแฮร์รี่ เผยลุคเรียบหรูสไตล์ตัวเอง

 

รู้จัก Alexi Lubomirski ช่างภาพลั่นชัตเตอร์ในพิธีเสกสมรสของเจ้าชายแฮร์รี่และเมแกน มาร์เคิล

 

เมแกน มาร์เคิล อาจได้สวม Spencer Tiara องค์เดียวกับเจ้าหญิงไดอาน่าในพิธีเสกสมรส

 

เผยอีกหนึ่งความงดงาม ดอกไม้ที่เจ้าชายแฮร์รี่และเมแกน มาร์เคิล เลือกใช้ในพิธีเสกสมรส

 

งดงามตลอดกาล 13 ชุดแต่งงานของ “ราชวงศ์อังกฤษ” ตั้งแต่ปี 1923

 

The Royal Wedding 2018 : Prince Harry & Meghan Markle

 

4 แหวนหมั้นประวัติศาสตร์ ที่ถูกสวมบนนิ้วนางข้างซ้ายของเจ้าหญิงราชวงศ์อังกฤษ

 

สวยฉีกกฏ เมแกน มาร์เคิล สวมซีทรูมูลค่า 2.4 ล้าน ในรูปประกาศข่าวหมั้น

 

วงนี้ประเมินค่าไม่ได้ “เจ้าชายแฮร์รี่” นำเพชร “เจ้าหญิงไดอาน่า” ออกแบบแหวนหมั้นให้ “เมแกน มาร์เคิล”

 

เมแกน มาร์เคิล ไม่ได้เป็นเจ้าหญิง! แม้จะได้รับอนุญาตให้เสกสมรสกับ เจ้าชายแฮร์รี่

 

โลกนี้สีชมพู เจ้าชายแฮร์รี่ – เมแกน จับมือกันไม่ห่าง นางเอกสาวสุดประทับใจปริ้นซ์คุกเข่าขอแต่งงาน

The Royal Wedding 2018 : Prince Harry & Meghan Markle

 

 

ประกาศครั้งแรก! เจ้าชายจอร์จ เจ้าหญิงชาร์ลอตต์ จะทรงร่วมพิธีแต่งปรินซ์แฮร์รี่

รอชมความน่ารักของ เจ้าชายจอร์จ และ เจ้าหญิงชาร์ลอตต์ ที่จะทรงทำหน้าที่เป็นเด็กผู้ช่วยและเด็กโปรยดอกไม้ในงานพิธีเสกสมรสของเจ้าชายแฮร์รี่และเมแกน มาร์เคิล ได้เลย เพราะเชื่อว่าจะต้องมีโมเมนต์คิวท์ๆ ให้ได้เห็นกันอย่างแน่นอน

เมื่อวานที่ผ่านมา (16 พ.ค. 61) สำนักพระราชวังเคนซิงตัน ในกรุงลอนดอน ออกคำประกาศว่าเจ้าชายแฮร์รี่ และเมแกน มาร์เคิล พระคู่หมั้น ทรงเลือกเจ้าชายจอร์จ พระชันษา 4 ขวบ และเจ้าหญิงชาร์ลอตต์ พระชันษา 3 ขวบ ให้ทรงร่วมทำหน้าที่เพจบอย หรือเด็กผู้ช่วย และเด็กโปรยดอกไม้นำขบวนเจ้าสาวในพิธีเสกสมรสของเจ้าชายแฮร์รี่ รัชทายาทลำดับที่ 6 แห่งราชวงศ์อังกฤษและนักแสดงสาวชาวอเมริกัน เมแกน มาร์เคิล ที่กำลังจะเกิดขึ้น ณ โบสถ์เซนต์จอร์จ ในวันที่ 19 พ.ค. นี้ ตามเวลาท้องถิ่นของสหราชอาณาจักร

เจ้าชายจอร์จ
เจ้าชายแฮร์รี่ รัชทายาทลำดับที่ 6 แห่งราชวงศ์อังกฤษและนักแสดงสาวชาวอเมริกัน เมแกน มาร์เคิล

 

เจ้าชายจอร์จ
เจ้าชายจอร์จและเจ้าหญิงชาร์ลอตต์

โดยสื่อต่างชาติเผยว่า เด็กๆ ที่จะมาทำหน้าที่เพจบอย และเด็กโปรยดอกไม้ในขบวนเจ้าสาว จะเป็นเด็กๆ ที่มาจากครอบครัวและเพื่อนๆ ของเจ้าชายแฮร์รี่กับพระคู่หมั้น และเด็กอายุน้อยที่สุดมีอายุเพียงแค่ 2 ขวบเท่านั้น โดยในพิธีเสกสมรสของเจ้าชายแฮร์รี่และสาวเมแกน เจ้าหญิงชาร์ลอตต์จะทรงทำหน้าที่เป็นเด็กโปรยดอกไม้นำขบวนเจ้าสาวร่วมกับเด็กผู้หญิงอีก 5 คน และเจ้าชายจอร์จทรงรับหน้าที่เพจบอยร่วมกับเด็กผู้ชายอีก 3 คน ซึ่งรวมทั้งหมดแล้วจะมีเด็กๆ มาทำหน้าเหล่านี้ด้วยกัน 10 คน และต้องบอกว่าการออกประกาศในครั้งนี้ของสำนักพระราชวังเคนซิงตัน ถือเป็นประกาศใหญ่ครั้งแรกเกี่ยวกับพิธีเสกสมรสของเจ้าชายแฮร์รี่และเมแกน มาร์เคิลเลยก็ว่าได้

หลังจากทราบหน้าที่ของเจ้าชายและเจ้าหญิงตัวน้อยไปแล้ว วันนี้แพรวดอทคอมขอพาทุกคนย้อนไปชมความน่ารักของทั้งสองพระองค์ที่ทรงเคยทำหน้าที่เป็นเด็กผู้ช่วยและเด็กโปรยดอกไม้มาแล้วในงานแต่งงานของพิปพา มิดเดิลตัน น้องสาวของดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ ซึ่งจัดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว

 

เจ้าชายจอร์จ เจ้าหญิงชาร์ลอตต์ กับหน้าที่เด็กผู้ช่วยและโปรยดอกไม้

 

ในปีที่แล้วทั้งสองพระองค์ทรงน่ารักมาก เป็นภาพโมเมนต์ที่ถูกพูดถึงไม่น้อย เรียกได้ว่าแอบขโมยซีนเจ้าของงานแต่งเบาๆ เพราะด้วยความเป็นเด็ก แต่งกายน่ารัก ก็ทำให้เป็นที่สนใจของสื่อและประชาชนได้ไม่ยาก สำหรับในปีนี้งานพิธีเสกสมรสของเจ้าชายแฮร์รี่และสาวเมแกนทั้งเจ้าชายจอร์จและเจ้าหญิงชาร์ลอตต์จะทรงมาในฉลองพระองค์แบบไหน ก็เป็นสิ่งที่น่าติดตามเช่นกัน โดยงานพิธีเสกสมรสจะเกิดขึ้นในวันที่ 19 พ.ค. สุดสัปดาห์นี้


ภาพ : IG@meghanmarklefashion , hrhprincesscharlotte , princegeorgepictures

 

รักเป็นพิษ! มรสุมชีวิต ครั้งใหญ่ที่ร้ายยิ่งกว่ามะเร็งของ เนตรทราย สัตยพานิช

ฝ่ากระแส มรสุมชีวิต ของผู้หญิงสุดแกร่ง เนตรทราย สัตยพานิช

หากใครกำลังเผชิญกับวิกฤติและ มรสุมชีวิต ที่ถาโถมเข้ามาจนรู้สึกท้อ แพรวดอทคอมอยากให้คุณอ่านเรื่องของ เนตรทราย สัตยพานิช แม่บ้านสายสตรองที่สร้างครอบครัวอย่างมีความสุขมากว่า 20 ปี แต่เมื่อ 2 ปีที่แล้ว กลับต้องพบกับมรสุมครั้งใหญ่ในชีวิตซัดกระหน่ำจนทุกอย่างพังทลาย เธอต้องเริ่มต้นชีวิตใหม่ในวัย 52 ปี

“หากไม่เจอวิกฤติก็คงไม่ซาบซึ้งว่ากำลังใจมีค่ามากเพียงใด ไม่เช่นนั้นดิฉันก็คงยังยิ้มไม่ได้เหมือนวันนี้” คุณอุ้ม-เนตรทราย เปิดใจพร้อมรอยยิ้ม ก่อนเล่าถึงเงามืดของมรสุมว่า…

เมื่อต้นปี 2559 ดิฉันรู้สึกว่าตัวเองเหนื่อยง่ายมาก ขับรถมาส่งลูกที่โรงเรียนยังไม่มีแรงขับกลับ ต้องจอดนอนพัก ตอนแรกคิดว่าอาจเพราะนอนดึกหรืออายุมากขึ้น ไม่เคยมีความคิดเรื่องโรคร้ายอยู่ในสมอง เพราะตรวจสุขภาพทุกปี กระทั่งเดือนกุมภาพันธ์ไปเที่ยว ฮ่องกงกับเพื่อน อาบน้ำแล้วคลำเจอก้อนแข็งเป็นไตบริเวณใต้รักแร้ ด้านหน้าอกซ้าย กลับมาก็ไปพบหมอตรวจตามกระบวนต่างๆ ผลออกมาว่าเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองระยะที่ 3 ที่เต้านมและต่อมน้ำเหลือง ช็อกนะ เพราะคิดเสมอว่าตัวเองแข็งแรง แอคทีฟ ทำกิจกรรมตลอดเวลา หมอบอกให้ทำคีโมก่อน 4 เข็ม แล้วค่อยผ่าตัด

รักเป็นพิษ มรสุมชีวิต ครั้งใหญ่ ที่ร้ายยิ่งกว่ามะเร็งของ เนตรทราย สัตยพานิช

มรสุมชีวิต
คุณอุ้ม-เนตรทราย สัตยพานิช

จากนั้นจึงกลับมารับคีโมอีก 4 เข็ม แล้วฉายแสงอีก 37 ครั้ง ฟังแผนการรักษานี่ก็กลัว แต่ก็ปลอบใจตัวเองว่าไม่เป็นไร สู้ๆ ดิฉันให้คีโมเข็มแรกก็กลับมาพักฟื้นต่อที่บ้าน แต่กลายเป็นถูกย้ายลงมาจากห้องนอนไปอยู่ที่เรือนหลังเล็ก ด้วยเหตุผลที่ว่าจะดีต่อคนป่วยมากกว่า ดิฉันก็ตามใจ ย้ายก็ย้าย จากนั้นเริ่มมีทั้งข้อความปริศนา ทั้งรูปถ่ายของคนใกล้ตัวดิฉันกับใครอีกคนเข้ามาที่โทรศัพท์ดิฉัน ใช้ถ้อยคำบอกกล่าวเรื่องที่ไม่ค่อยสุภาพนัก สภาพดิฉันขณะนั้นแพ้คีโม นอนซม อาเจียนจนไม่มีเรี่ยวแรง เวียนศีรษะ ผมร่วง เจ็บทั้งตัว เจ็บทั้งใจ

ทุกครั้งที่ดิฉันเข้าโรงพยาบาลเพื่อรับคีโม จะมีแต่เพื่อนๆ ที่ผลัดเปลี่ยนกันมาอยู่ด้วย ดิฉันนอนมองขวดยา ใจเริ่มตระหนักและรับรู้ เรื่องราวที่เกิดขึ้น ทั้งชีวิตดิฉันเชื่อเสมอว่า ครอบครัวคือสิ่งสำคัญที่สุด เหนือสิ่งอื่นใดการทะเลาะเบาะแว้งหรือไม่เข้าใจสามารถเกิดขึ้นได้ แต่ไม่น่าจะเป็นตอนนี้ ทำให้ความหวัง ความศรัทธา กำลังใจค่อยๆ หมดลง ไม่เคยคิดเลยว่าความรักความผูกพันตลอด 20 กว่าปีที่สร้างมาด้วยกัน วันนี้ไม่เหลือค่า ไม่เหลือความเอื้ออาทรต่อกันเลยสักนิด

พอรับคีโมครบเข็มที่ 4 ดิฉันเข้ารับการผ่าตัดเนื้อร้ายบริเวณต่อมน้ำเหลืองกับเต้านมส่วนหนึ่งออก ขณะอยู่ที่โรงพยาบาล ลูกมาเยี่ยม แล้วเล่าว่า มีการบอกล่าวเด็กๆ ว่าจะแยกทางกัน ดิฉันออกจากโรงพยาบาลอย่างคนสิ้นหวัง ใจแตกเป็นเสี่ยง หัวโล้น ไม่มีคิ้ว เต้านมซ้าย เหลือเสี้ยวเดียว ที่ตัวยังมีสายเดรนเลือดติดอยู่ ดิฉันต้องรับคีโมต่ออีก 4 ครั้งในสภาพที่ร่างกายร่วงโรยลงเรื่อยๆ จนถึงวันเริ่มต้นฉายแสง ทุกอย่างก็ดำเนินมาถึงจุดสิ้นสุด ดิฉันขับรถไปเอง ส่งลูกที่โรงเรียนก่อน แล้วเลยไปโรงพยาบาล ตอนนอนอยู่ในห้องรังสี ดิฉันคิดและตัดสินใจว่าไม่มีประโยชน์ที่จะฝืนอีกต่อไป มีแต่น้ำตา กินไม่ได้ นอนไม่หลับ เม็ดเลือดขาวต่ำ หมอต้องให้ยานอนหลับ ดิฉันพูดกับตัวเอง นี่เรากำลังจะตาย แต่ไม่ได้ตายเพราะมะเร็งแล้วนะ

เมื่อถึงวันที่ทุกอย่างมาถึงจุดสิ้นสุด ดิฉันเก็บของใส่รถแล้วขับออกมาจากบ้านพร้อมกับลูกสาวคนโตที่กำลังอยู่ในช่วงวัยรุ่น เขาเป็น เด็กพิเศษ มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ที่เรียกว่า Learning Disability สมัยยังเด็ก ลูกไม่สามารถเรียบเรียงเรื่องราวได้ อธิบายไม่ได้ พูดไม่ชัด เขาต้องเรียนพิเศษเพื่อกระตุ้นการเรียนรู้ในส่วนที่บกพร่อง จึงสามารถเรียนรวมกับเด็กปกติได้ ช่วงที่เกิดเรื่อง ลูกนอนจับมือดิฉันทุกคืน ไปโรงเรียนก็จะเตรียมชุดนักเรียนใส่กระเป๋าเผื่อไว้ ขณะที่ลูกสาวคนเล็กกลัวจะเป็นภาระกับดิฉัน เขาจึงยังไม่มาเต็มตัว อยู่บ้านวันอังคารจนถึงเช้าวันศุกร์ และมาอยู่กับแม่ตอนเย็นวันศุกร์ แล้วกลับบ้านวันจันทร์

ณ ตอนนั้นยอมรับว่ามืดแปดด้าน เพราะตลอดเวลากว่า 20 ปี เราคิดว่าบ้านหลังนี้คือเรือนตาย แล้วเมื่อก้าวพ้นจากประตูบ้าน ดิฉัน กลายเป็นคนตกงานทันที เพราะเราทำธุรกิจของครอบครัวด้วยกัน ดิฉันกลายเป็นหม้าย ป่วยหนัก และตกงาน ไร้บ้าน ขาดทุนทรัพย์ ทุกอย่างถาโถมเข้ามาจนไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนก่อน นับว่าดิฉันโชคดีเหลือเกินที่มีเพื่อนๆ น่ารัก ทุกคนหยิบยื่นความช่วยเหลือต่างๆ นานา คนหนึ่งพาไปดูบ้าน ทำความสะอาดพร้อมเข้าอยู่ได้เลย แต่ดิฉันปฏิเสธ ดิฉันขายเครื่องประดับติดตัว พร้อมนำเงินชดเชยที่บริษัทประกันชีวิตจ่ายให้ ไปเช่าอพาร์ตเมนต์อยู่กับลูก เรียกว่าจุดเริ่มต้นสร้างชีวิตใหม่มีเพียงกระเป๋าเสื้อผ้า หนังสือเรียน กับของใช้ติดตัวมาไม่มาก ช่วง 3-4 วันแรกในอพาร์ตเมนต์มีเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ ซักผ้าเสร็จก็ไม่รู้จะตากผ้าที่ไหน ดิฉันปลดไม้แขวนเสื้อที่เขามีให้ในตู้เสื้อผ้าแขวนเสื้อ ตากรอบห้องเลย แล้วจึงขับรถไปซื้อราวตากผ้า หม้อหุงข้าว เครื่องใช้ที่จำเป็น

มรสุมชีวิต

ตอนเช้าดิฉันจะขับรถไปส่งลูกที่โรงเรียนแล้วไปฉายแสง จากนั้นนอนพักในรถ แวะตลาดซื้อกับข้าวถุงแล้วไปรับลูกกลับห้อง คิดว่า ในยามที่เงินทองมีจำกัด เราไม่ต้องขับรถดีๆ ที่มีอยู่ก็ได้ แม้จะรักมาก แต่ไม่ต้องมีก็ได้ จึงบอกขายรถ หนึ่งเดือนต่อมาลูกสาวคนเล็กย้ายมาอยู่ด้วย ซึ่งเขาปรับตัวได้ดีมาก แม้ทั้งสองคนจะเติบโตตอนที่ครอบครัวมีฐานะแล้ว มีรถรับ-ส่ง มีพี่เลี้ยง

แต่เมื่อมาอยู่อพาร์ตเมนต์ 3 คนแม่ลูก ต้องกินข้าวแกงถุง กินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ซักผ้าด้วยเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ ใช้ชีวิตเหมือนนักศึกษามากกว่าจะเป็นผู้หญิงวัย 52 ที่เป็นมะเร็งอยู่กับลูกสาววัย 17 กับ 15 ดิฉันบอกลูกทุกเรื่องว่าวันนี้แม่ไปทำอะไรกับใคร เพราะระลึกอยู่เสมอว่าทุกครั้งที่หันหลังออกไปจากบ้าน เราไม่รู้หรอกว่าจะได้กลับมาหาลูกหรือเปล่า ดิฉันโชคดีที่มีลูกเป็นหลักธง เขาเข้มแข็งกว่าที่คิด เรามีความสุขในห้องเล็กๆ กินข้าวพร้อมกัน นอนเบียดกัน ฟังเขาคุยเล่าโน่นนี่ มีหลายครั้งที่กลับมาถึงห้องเห็นลูกสาวคนโตหุงข้าว นำผ้าลงไปซักให้ ส่วนคนเล็กทำกับข้าว ดิฉันเห็นลูกแล้วน้ำตาซึม เพราะฉะนั้นดิฉันจะยอมแพ้ไม่ได้ หากเราล้ม ลูกสองคนจะอยู่อย่างไร

มรสุมชีวิต

ดิฉันจึงเริ่มหางานทำ เคยจะไปขายของที่ตลาดนัด แต่ได้งานเขียนแผนธุรกิจและศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการที่ระยองก่อน เป็นจ๊อบ 6 เดือน โดยมีออฟฟิศอยู่กรุงเทพฯ ไปประชุมที่ไซต์งานเดือนละอย่างมาก 2 ครั้ง ตอนนั้นยังฉายแสงอยู่ ผิวไหม้ดำ ผมก็ไม่มี ขับรถทางไกลก็ไม่ไหว ก็ได้เพื่อนๆ ที่สลับกันขับรถไปทำงาน

ชีวิตทุกข์ที่สุดตอนอายุ 52 ทั้งเป็นมะเร็ง แม่หม้าย ทั้งโกรธ เสียใจ ตื่นก็ร้องไห้ ไม่กิน ไม่นอน ถามตัวเองซ้ำๆ ว่าทำไมจึงเป็นได้ขนาดนี้ จำได้เลย ไปทำงานที่คอนโดลูกค้า อยู่ชั้น 28 ความคิดแว่บหนึ่งผ่านเข้ามา กระโดดเลย ทุกอย่างจะได้จบ

หลายเดือนต่อมาดิฉันขายรถได้ เพื่อนเห็นไม่มีรถก็นำรถลูกชายมาจอดไว้ให้ใช้พร้อมกุญแจ บอกเรื่องเงินไม่ต้องพูดถึง แล้วเพื่อนอีกเช่นกันที่หางานให้ทำ เป็นงานบริหารจัดการก่อสร้างและตกแต่งคอนโดเก่า ดิฉันไปทำงานทั้งที่จิตใจยังเจ็บปวดเหลือเกิน ชีวิตทุกข์ที่สุดตอนอายุ 52 ทั้งเป็นมะเร็ง แม่หม้าย ทั้งโกรธ เสียใจ ตื่นก็ร้องไห้ ไม่กิน ไม่นอน ถามตัวเองซ้ำๆ ว่าทำไมจึงเป็นได้ขนาดนี้ จำได้เลย ไปทำงานที่คอนโดลูกค้าอยู่ชั้น 28 ดิฉันเปิดประตูออกไปที่ระเบียง กำลังมองวิวเพลินๆ ไม่รู้ทำไมความคิดแว่บหนึ่งผ่านเข้ามา ‘กระโดดเลย ทุกอย่างจะได้จบ’ ขาข้างหนึ่งก้าวห้อยออกไปแล้ว บังเอิญเหลือเกินเสียงโทรศัพท์ดัง ลูกสาวคนเล็กโทร.มาว่า ‘เย็นนี้ซ้อมบาส แม่มารับค่ำหน่อยนะ’ เท่านั้นละ สติ ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีกลับคืน ดิฉันเข่าอ่อน ทรุดลงไปกองอยู่ที่ประตู

มรสุมชีวิต

หลังผ่าตัด หมอได้นำชิ้นเนื้อไปตรวจจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม เป็นวันฉายแสงวันสุดท้าย หมอบอกว่าจากผลการตรวจชิ้นเนื้อพบว่า ดิฉันเป็นมะเร็งเต้านมชนิด HER2 Negative ไม่ตอบสนองกับยาต้านฮอร์โมน เพราะฉะนั้นกระบวนการรักษาแค่หยุดการลุกลามชั่วขณะ ยังต้องติดตามและเฝ้าระวัง ทุกเดือนต้องตรวจเลือด ทำแมมโมแกรม อัลตราซาวด์ หากโชคร้ายมะเร็งจะกลับมาอีก ยอมรับว่าใจแป้วอยู่เหมือนกัน แต่เมื่อชีวิตผ่านเรื่องราวมาตั้งมากมาย ก็ทำใจได้ว่าต้องรักตัวเอง อยู่กับวันนี้ วินาทีนี้ ทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ทุกเช้าดิฉันจะบอกตัวเองว่า วันนี้ต้องดีกว่าเมื่อวาน เศร้าได้ แต่ต้องไม่จมอยู่ในทุกข์ แม้ไม่ร่ำรวย แต่ก็มีความสุขกับชีวิต ดิฉันบอกลูกว่า แม่สัญญา เราจะพาชีวิตดีๆ ของเรากลับคืนมา

“นับตั้งแต่วันแรกที่ออกจากบ้านจนถึงวันนี้ 2 ปีแล้ว ดิฉันมีงานทำต่อเนื่อง มีโอกาสรับงานใหญ่ขึ้น ทั้งออกแบบตกแต่งอพาร์ตเมนต์เก่า สร้างโรงเรียน ออกแบบอาคารสำนักงาน ปัจจุบันดิฉันมีบริษัทรับออกแบบ ก่อสร้างเป็นของตัวเอง

“ส่วนมะเร็ง ดิฉันบอกเขาเสมอว่า เราอยู่เป็นเพื่อนกัน อย่าเหิมเกริมเด็ดขาด”

 


เรื่องและภาพ: นิตยสารแพรว

พาส่อง คอสตูมจากดีไซเนอร์ไทย ครีเอทลุค ‘เจ้าหญิงอลิซ’ แห่งลิขิตรัก

เบื้องหลังความอลังการของเสื้อผ้าที่เจ้าหญิงอลิซใส่ในละครลิขิตรัก ไม่ได้มาจากแบรนด์นอก แต่เป็นผลงานการออกแบบ คอสตูมจากดีไซเนอร์ไทย ที่พลิกโฉมให้ญาญ่างดงามราวกับเจ้าหญิงจริงๆ

ผ่านไปเพียงสองตอนสำหรับละครเรื่องลิขิตรัก The Crown Princess ที่ได้พระ-นางคู่จิ้นอย่าง ณเดชน์ คูกิมิยะ และญาญ่า-อุรัสยามาเรียกเรตติ้ง และไม่ทำให้ต้องผิดหวัง เพราะออกอากาศไปไม่ทันไรก็กระแสดี โลกโซเชียลต่างพากันชื่นชมในเรื่องของบทบาท ตัวละคร มุมกล้อง รวมถึงองค์ประกอบต่างๆ ของละครกันอย่างท่วมท้น และแน่นอนว่าละครฟอร์มยักษ์ขนาดนี้ เล่นงานใหญ่อย่างเจ้าหญิง เจ้าชาย เครื่องแต่งตัวของตัวละครก็ต้องไปในทิศทางเดียวกัน จะโดดเหมือนอยู่ในโซนเอเชียไม่ได้ เสื้อผ้าต้องมีความสายฝอ แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องเป็นแบบที่เหมาะกับตัวนักแสดงด้วย มันถึงจะช่วยส่งกันและกัน

จากเสื้อผ้าของสาวญาญ่าที่ออกมาให้ได้เห็นกันในสองตอนแรกก็รับประกันความอลังการได้แล้ว ซึ่งจะเห็นได้ว่าเสื้อผ้าเป็นแนวยุโรป กลิ่นอายตะวันตกมาเต็ม มองครั้งแรกคิดว่าเป็นของอิมพอร์ตมาจากเมืองนอกซะอีก แต่ไม่ใช่เลยจ้า เพราะงานหรูแบบนี้ดีไซเนอร์ไทยก็รังสรรค์ได้ออกมาวิจิตรตระการตาไม่ต่างกัน ดีเทลและดีไซน์ของชุดมีความหรูหราระดับเจ้าหญิงได้สบายๆ และวันนี้แพรวดอทคอมจะพามาดูเสื้อผ้าแบรนด์ไทยของเจ้าหญิงอลิซที่ปรากฏให้ได้เห็นกันในสองตอนแรกกัน งั้นอย่ารอช้าเลยเนอะ ตามมาๆ

 

พาส่อง คอสตูมจากดีไซเนอร์ไทย ของเจ้าหญิงอลิซแห่งลิขิตรัก

 

คอสตูมจากดีไซเนอร์ไทย
เจ้าหญิงอลิซเก่งทุกอย่างนะจ๊ะ และลุคนี้เสื้อคลุมมาจาก kanapot aunsorn

 

คอสตูมจากดีไซเนอร์ไทย
ชุดรับตำแหน่งรัชทายาทสุดหรูจาก Poem couture

 

คอสตูมจากดีไซเนอร์ไทย
งามสง่าด้วยชุดจาก SIRIVANNAVARI

 

คอสตูมจากดีไซเนอร์ไทย
ชุดสายหวานทั้งเสื้อและกระโปรงจาก TuTTi

 

คอสตูมจากดีไซเนอร์ไทย
เดรสลูกไม้สีขาวแซมดำจาก Asava

 

คอสตูมจากดีไซเนอร์ไทย
เจ้าหญิงอลิซในลุคทะมัดมะแทง ด้วยเสื้อจาก Vickteerut  และกางเกงของ Peace by silsupa

 

คอสตูมจากดีไซเนอร์ไทย
ชุดแต่งงานสุดเรียบหรูของเจ้าหญิงจาก Emotions atelier

ต้องบอกว่าญาญ่า-อุรัสยา ในบทเจ้าหญิงอลิซว่าเหมาะสมแล้ว คอสตูมในเรื่องเลิศยิ่งกว่า เพราะทำให้สาวญาญ่าดูเป็นเจ้าหญิงที่หลุดออกมาจากเทพนิยายได้เลยจริงๆ เสื้อผ้าหน้าผมลงตัวไปหมด บุคลิกและลุคของเธอทำให้นึกถึงเจ้าหญิงในโซนยุโรปจริงๆ


เรื่อง : Hana_แพรวดอทคอม (ฮานะ)

ภาพ : IG@verasalon

 

โบสถ์เซนต์จอร์จ

เปิดภาพ โบสถ์เซนต์จอร์จ สถานที่จัดพิธีเสกสมรส เจ้าชายแฮร์รี่-เมแกน

โบสถ์เซนต์จอร์จ
โบสถ์เซนต์จอร์จ

โบสถ์เซนต์จอร์จ สถานที่จัดพิธีเสกสมรส เจ้าชายแฮร์รี่-เมแกน

เข้าสู่สัปดาห์สำคัญของโลกที่ต้องจารึกแล้ว เมื่อพิธีเสกสมรสระหว่าง เจ้าชายแฮร์รี่ รัชทายาทลำดับที่ 5 แห่งราชวงศ์อังกฤษ และเมแกน มาร์เคิล นักแสดงสาวชาวอเมริกัน เดินหน้าใกล้เข้ามาทุกที โดยปรากฏการณ์ครั้งยิ่งใหญ่นี้จะจัดขึ้น ณ โบสถ์เซนต์จอร์จ ในพระราชวังวินด์เซอร์ วันเสาร์ที่ 19 พฤษภาคม 2561

โบสถ์เซนต์จอร์จ

เนื่องจากโบสถ์เซนต์จอร์จจะกลายเป็นสถานที่ประวัติศาสตร์ที่จะเกิดงานมงคลของราชวงศ์อังกฤษขึ้นอีกครั้ง หลังจากสถานที่แห่งนี้เคยเป็นสถานที่จัดพระราชพิธีอภิเษกสมรสระหว่าง เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ มกุฏราชกุมารแห่งราชวงศ์อังกฤษ (พระบิดาของเจ้าชายแฮร์รี่) และพระชายา คามิลลา ดัสเชสแห่งคอร์นวอลล์ เมื่อปี พ.ศ.2548 ทั้งนี้จึงจะขอพาไปทำความรู้จักกับโบสถ์เซนต์จอร์จนี้กัน เพื่อเป็นการอุ่นเครื่องเตรียมชมเหตุการณ์ประวัติศาสตร์สำคัญของราชวงศ์อังกฤษที่กำลังจะเกิดขึ้น

โบสถ์เซนต์จอร์จ

โบสถ์เซนต์จอร์จ

แผนผังแสดงอาณาจักรพระราชวินเซอร์ และบริเวณ G คือที่ตั้งโบสถ์เซนต์จอร์จ

โบสถ์เซนต์จอร์จตั้งอยู่ในพระราชวังวินเซอร์ โดยอาณาจักรพระราชวังวินเซอร์นี้สร้างโดยสมเด็จพระเจ้าวิลเลียมที่ 1 แห่งอังกฤษเมื่อปี พ.ศ.1613 สถาปัตยกรรมออกแบบแนวโรมาเนสก์

โบสถ์เซนต์จอร์จ โบสถ์เซนต์จอร์จ

ในส่วนของโบสถ์เซนจอร์จนั้นเริ่มก่อตั้งสมัยพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 4 แห่งอังกฤษเมื่อปี พ.ศ.2018 แล้วเสร็จสมัยพระเจ้าเฮนรีที่ 8 แห่งอังกฤษในปี พ.ศ.2071 ด้านสถาปัตยกรรมออกแบบในรูปแบบโกธิคแนวตั้ง โดยสถานที่นี้ใช้สำหรับทำพิธีทางศาสนา ฝังพระศพพระราชวงศ์ รวมถึงยังเป็นสถานที่ที่พระราชวงศ์จำนวนมากเลือกใช้จัดพิธีเสกสมรส สามารถบรรจุผู้เข้าร่วมพิธีได้ประมาณ 800 คน และเหตุผลที่สถานที่แห่งนี้ใช้จัดพิธีเสกสมรสระหว่างเจ้าชายแฮร์รี่และเมแกน เป็นเพราะสถานที่นี้เจ้าชายแฮร์รี่และเมแกนใช้ทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกันจำนวนมาก เป็นสถานที่แห่งความประทับใจ มีความทรงจำที่ดี ทั้งสองจึงยินดีหากจะใช้สถานที่นี้เป็นจุดเริ่มต้นของการใช้ชีวิตคู่ อีกทั้งยังเป็นสถานที่ที่เจ้าชายแฮร์รี่ได้รับการขนานนามในปี พ.ศ.2527

ส่วนพิธีเสกสมรสระหว่างเจ้าชายแฮร์รี่-เมแกน เหตุการณ์ประวัติศาสตร์ของชาวอังกฤษและคนทั่วโลกจะออกมาเป็นเช่นไร เชื่อว่าหลายคนตั้งตารอชมกันมากแน่นอน

โบสถ์เซนต์จอร์จ

โบสถ์เซนต์จอร์จ

โบสถ์เซนต์จอร์จ

ภายในโบสถ์เซนต์จอร์จ ซึ่งสามารถบรรจุแขกผู้เข้าร่วมพิธีได้ราว 800 คน

 

 

 


ที่มาและภาพ: http://people.com/royals/st-georges-chapel-prince-harry-meghan-markle/http://www.abc.net.au/news/2018-05-13/royal-wedding-3a-inside-the-fabled-walls-of-st-georges-chapel/9755954, IG @kensingtonroyal, https://www.royal.uk/st-georges-chapel

ฉลองวิวาห์ แดน เหตระกูล

ฉลองวิวาห์ แดน เหตระกูล-แพรดาว พานิชสมัย เซเลบคนดังแห่ร่วมยินดี

ฉลองวิวาห์ แดน เหตระกูล
ฉลองวิวาห์ แดน เหตระกูล

ฉลองวิวาห์ แดน เหตระกูล-แพรดาว พานิชสมัย เซเลบคนดังแห่ร่วมยินดี

สุดชื่นมื่น! งานมงคล 2 ทายาทตระกูลดัง ฉลองวิวาห์ แดน เหตระกูล-แพรดาว พานิชสมัย งานนี้มีเหล่าเซเลบคนดังแห่ร่วมไปแสดงความยินดีจำนวนมาก

ฉลองวิวาห์ แดน เหตระกูล

ฉลองวิวาห์ แดน เหตระกูล

ยิ้มชื่นมื่นกันทั่วหน้า สำหรับงานเลี้ยงฉลองสมรสพระราชทานของ 2 ทายาทตระกูลดัง แดน เหตระกูล บุตรชายของนายประชา-ดร.ปรียาพร เหตระกูล และนางสาวแพรดาว พานิชสมัย บุตรสาวของพลเอกไพโรจน์-คุณเกล็ดดาว พานิชสมัย โดยได้รับเกียรติจาก พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เป็นประธานในพิธี โดยได้จัดงานมงคลขึ้น ณ ห้องแกรนด์ ฮอลล์ โรงแรมดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก, อะ ลักซ์ชูรี คอลเล็คชั่น โฮเทล เมื่อค่ำวันศุกร์ที่ 11 พฤษภาคม 2561 ที่ผ่านมา

ฉลองวิวาห์ แดน เหตระกูล
อีกหนึ่งโมเมนต์สุดซึ้ง คุณพ่อเจ้าสาวแต่งตัวเต็มยศส่งบุตรสาวให้เจ้าบ่าว

ฉลองวิวาห์ แดน เหตระกูล
พ่อผู้ให้กำเนิดและรักลูกสุดดวงใจ

ฉลองวิวาห์ แดน เหตระกูล
เจ้าบ่าว-เจ้าสาวตัดเค้กในพิธี

โดยงานฉลองวิวาห์นี้ ได้คุณเก่ง-เศรษฐวุฒิ นฤมิตรญาณ เวดดิ้งแพลนเนอร์คิวทองมาเป็นผู้ดูแลจัดการ ส่วนทีมเสริมความหล่อสวยให้แก่คู่บ่าวสาว แดน-แพรดาว นั้น ด้านชุดแต่งงานจากแบรนด์ Jim Thompson แฮร์สไตลิสต์โดย ใหม่-รัชดา และเมคอัพโดย ป๊อก-พรรวิษิษฐ์ สุขารมณ์ หรือ ป๊อก LOVEMELONDON

ฉลองวิวาห์ แดน เหตระกูล
มัดหมี่ พี่สาวเจ้าสาวร้องเพลงแสดงความยินดี

 

โพสต์ที่แชร์โดย Mutmee Pimdao FC (@mutmeepimdaofc) เมื่อ

ฉลองวิวาห์ แดน เหตระกูล
เจ้าสาวเจ้าบ่าวร้องเพลงคู่กันมอบให้แขก

เนื่องจากเซเลบเจ้าสาว มัดมุก-แพรดาว เป็นน้องสาวของนักร้องสาว มัดหมี่-พิมดาว จะขาดโมเมนต์พี่สาวร้องเพลงยินดีในงานแต่งงานของน้องสาวไปก็คงไม่ได้ ซึ่งสาวมัดหมี่ก็ขอมาโชว์น้ำเสียงร้องเพลงแสดงความยินดีในงานฉลองวิวาห์ครั้งนี้ในช่วงที่คุณพ่อสวมชุดเครื่องแบบเต็มยศเดินพาลูกสาวมาส่งให้แก่เจ้าบ่าว นอกจากนี้เจ้าบ่าว แดน เหตระกูล และเจ้าสาว มัดมุก-แพรดาว ก็ขอโชว์ร้องเพลงคู่กันบนเวทีให้แขกที่มาร่วมงานได้ฟังกันด้วย เรียกว่า เป็นงานที่อบอุ่นมากๆ ซึ่งแขกที่มาร่วมงานมีทั้งเหล่าคนดัง เซเลบริตี้จำนวนมาก อาทิ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา, แหน-นันทวรรณ แสงธรรมกิจกุล, น้ำผึ้ง-มธุนาฏ ซอโสตถิกุล, ปรางค์-อภินรา ศรีกาญจนา, น้ำทิพย์ เทือกสุบรรณ ฯลฯ วันนี้ แพรวดอทคอม เลยขอรวมภาพบรรยากาศสุดอบอุ่นมาให้ได้ชมกัน และก็ขอแสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาวด้วยนะจ๊ะ

ฉลองวิวาห์ แดน เหตระกูล ฉลองวิวาห์ แดน เหตระกูล

 

ฉลองวิวาห์ แดน เหตระกูล

ฉลองวิวาห์ แดน เหตระกูล ฉลองวิวาห์ แดน เหตระกูล ฉลองวิวาห์ แดน เหตระกูล ฉลองวิวาห์ แดน เหตระกูล ฉลองวิวาห์ แดน เหตระกูล

ฉลองวิวาห์ แดน เหตระกูล

 

โพสต์ที่แชร์โดย Samika Vanasin (@cakevanasin) เมื่อ

โพสต์ที่แชร์โดย The Athenee Hotel (@theatheneehotel) เมื่อ

 

 


ภาพ: IG @narakornphotography #MutmookDan

สวยฉุดไม่อยู่! เดรสซีทรูแม่ชม​ สยายปีกคริสตัล​ เซ็กซี่แบบมีคลาส

คานส์วันที่สองเริ่มแล้วววว เดรสซีทรูแม่ชม ให้ความรู้สึกสวยหรูดูผู้ดี งานเซ็กซี่ก็มา บอกเลยปีนี้ครบเครื่อง แม่ฟาดพรมแดงไม่เหลือ ปล่อยของสุดตัว

เมื่อวันที่ 8 พ.ค. ที่ผ่านมา เป็นวันแรกที่สาวชมพู่-อารยาปรากฏตัวบนพรมแดงงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองคานส์ (Cannes Film Festival) ประเทศฝรั่งเศส ครั้งที่ 71 ซึ่งคานส์วันแรกของแม่ชมก็ทำเอาโอต์กูตูร์ไฟลุกด้วยเดรสสีแดงสดจาก Zuhair Murad Haute Couture จนระเบิดพรมกันไปแล้ว มาวันที่สอง (10 พ.ค.) เลยขอจัดลุคสไตล์เรียบหรู งัดความแกลมเข้าสู้ ลุคนี้ไม่ว่าจะมองมุมไหนแม่ก็สวยมากกกกก เรียกได้ว่าแสงแฟลชสาดใส่รัวๆ แถมสีของชุดยังตัดกับพรมแดง ทำให้ออร่าเด้งพุ่งแรงยิ่งกว่าวันแรกไปอีก

โดยวันนี้แม่ชมมาในเดรสจาก Ralph & Russo Couture Autumn/Winter 2017 ถ้าให้มองที่ตัวเดรสก็ต้องบอกเลยว่าไม่ง่ายนะที่จะใส่แล้วออกมาปังเบอร์นี้ได้ ด้วยดีเทลและดีไซน์ก็ใช่ว่าทุกคนจะเอาอยู่ แต่แม่ทำได้! ที่สำคัญอีกหนึ่งความดึงดูดของลุคนี้คือความซีทรูแบบจัดเต็ม เพิ่งเคยเห็นแม่ชมจัดความเซ็กซี่หนักขนาดนี้ และการใส่เดรสสไตล์นี้บนพรมแดงคานส์ ก็เหมือนจะเป็นครั้งแรกของสาวชมซะด้วย ส่วนเครื่องประดับที่เข้ามาตกแต่งลุคให้เฉิดฉายยิ่งขึ้นก็มาจากแบรนด์สุดหรู บอกเลยว่าพรมวันนี้แม่ชมสวยสะพรึงในทุกย่างก้าวจริงๆ

 

Day 2 กับลุคสวยฉุดไม่อยู่! เดรสซีทรูแม่ชม​ เซ็กซี่แบบมีคลาส

 

เดรสซีทรูแม่ชม

เดรสซีทรูแม่ชม

เดรสซีทรูแม่ชม

เดรสซีทรูแม่ชม

อย่างที่ทราบกันภารกิจของสาวชมไม่ได้จบลงแค่วันนี้นะเธอ เพราะวันพรุ่งนี้ ศุกร์ที่ 11 พ.ค. ช่วงเวลาประมาณ 23.15 น. (เวลาประเทศไทย) จะเป็นวันที่สามในการเดินพรมแดงคานส์ของแม่ชม แอบได้ยินแม่เตรียมงัดไม้เด็ดมาเซอร์ไพร้ส์พวกเรากันอีกแล้ว รอลุ้นได้เลย


เรื่อง : Hana_แพรวดอทคอม (ฮานะ)

ภาพ : IG#chomismaterialgirl

 

COVER STORY : PRAEW ISSUE 929

ครั้งแรกของ นิตยสารแพรว ที่รวมไอดอลยุค 4.0 อย่าง เฌอปราง,ปัญ,โมบาย,เนย และน้ำหนึ่ง สาวๆ เกิร์ลกรุ๊ปตัวแทนจาก วง BNK48 กับการขึ้นปก Praew Issue ฉบับ 929 ที่จะทำให้โอตะ ต้องฟิน จนหัวใจละลาย กับแฟชั่นเซตปกที่แต่ละคนนั้นดาเมจรุนแรงเหลือเกิน พร้อมกับบทสัมภาษณ์ที่เรียกร้อยยิ้ม ของสาวๆ ทั้ง 5 คน

นิตยสารแพรว

หน้าร้อนแบบนี้ ถึงเวลาที่จะคว้าบิกินี่ไปทะเล อวดหุ่นสวย อัพรูปลงอินสตาแกรม เก็บเป็นคอลเลคชั่นของซัมเมอร์นี้กันแล้วล่ะ แต่จะสร้างงานให้ได้รูปสวย งานเมคอัพ ก็ต้องมานะจ๊ะ แต่ใช่ว่าเมคอัพจะสำคัญอย่างเดียว งานผม ก็ควรจะมาคู่กันจะมาปล่อยให้ดูกระเซอะกระเซิง ลมพัดมาทีผมดูรุงรังก็ดูจะไม่งาม Beauty Pedia เลยขอออกแบบทรงผมเก๋ๆ ด้วยอุปกรณ์น้อยชิ้นให้เข้ากับบิกินี่สดใส นอกจากจะดูสวยฮ็อตแล้ว ยังช่วยแก้ไขความรำคาญเวลาโดนลมตีจนผมไม่เป็นทรง

นิตยสารแพรว

เทรนด์ออกกำลังกายดูจะไม่เอ้าท์ไปเลย ก็อย่างว่าสาวๆ สมัยนี้รักสุขภาพ แถมยังฟิต แอนด์ เฟิร์ม ให้หุ่นเป๊ะ โดยเฉพาะ สาวสปอร์ตตี้ รักกีฬามีสเน่ห์หน้ามอง แม้จะไม่เป๊ะตลอดเวลา แต่ยังดูสดใสแม้ในยามที่เหงื่อซึมหรือหน้ามันไปบ้างเพราะนอกจากเลือดฝาดที่ได้จากการออกกำลังกายแล้ว การแอบเมคอัพเบาๆ ด้วยครีมบลัชหรือลิปบาล์มก็ช่วยสร้างชีวิตชีวาให้เป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะผิวที่ปกปิดอย่างบางเบาด้วยรองพื้นแบบคุชชั่น แตะแค่เล็กน้อยก็ทำให้ดูแนบเนียน จนเหมือนไร้เมคอัพใดๆ แถมยังพกสะดวกราวกับสร้างมาเพื่อสาวสายสปอร์ตโดยเฉพาะ

นิตยสารแพรว

เราเชื่อว่า กระเป๋า คือหนึ่งในแอ๊กเซสซอรี่ส์คู่ใจของสาวๆ ยิ่งบางใบ เป็นใบโปรดด้วยแล้ว หลายคนก็ใช้แล้ว ใช้อีก จนเก่า แต่บางคน ก็เก็บเอาไว้ ทะนุทะนอมราวกับไข่ในหิน เรียกได้ว่าเป็นสุดยอดมหาสมบัติเลยก็ว่าได้ เช่นเดียวกับกระเป๋าใบนี้ ที่เปรียบได้กับกระเป๋ามหาสมบัติ นั่นก็คือโท้ตจาก “คริสเตียน ลาบูแตง” แต่จะเลอค่าจนต้องยกให้เป็นสมบัติที่สาวๆ ควรมีไว้ในครอบครองขนาดไหน ตามไปอ่านกันได้ที่ Fashion in detail

นิตยสารแพรว

หากใครตาม อินสตาแกรมของ สาว พิงค์ – ปชาบดี  ตัณฑปุตตะ คงได้เห็นสไตล์การแต่งตัวที่ไม่หวานเหมือนชื่อ แต่ออกจะแซ่บ เปรี้ยว เก๋ เท่ ซะมากกว่า และยิ่งเป็นสีน้ำเงินที่เลิฟ เป็นพิเศษด้วยแล้ว ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า เสื้อผ้าโทนนี้จะเยอะและใส่บ่อยขนาดไหน ตามไปชมสไตล์ของเธอเต็มๆ ได้ที่ STYLE CONFIDENTIALBNK48

สัมภาษณ์ปักษ์นี้ ไม่ธรรมดา แพรวจัดเต็ม เอาใจโอตะ ล้วงลึกทุกเรื่องราวของสาวๆ BNK 48 ที่แฟนคลับไม่ควรพลาด

แต่งไทยสิเจ้า เข้าเทรนด์ ปรากฎการณ์แต่ง ไทยแพร่กระจายไปทั่วแผ่นดิน ไม่เว้น แม้แต่บรรดาเซเลบริตี้ แค่สะกิดถามถึงชุดไทย ออเจ้าก็พร้อมใจกันจัดชุดสุดวิจิตรมาประชันกันแบบไม่ยอมให้เสียชื่อ…แม่หญิงแห่งสยาม

COVER : BNK48 PHENOMENON OF LOVE
BEAUTY PEDIA : ออกแบบทรงผมเก๋ๆ ด้วยอุปกรณ์น้อยชิ้น ให้เข้ากับบิกินี่สีสันสดใส

BEAUTY LAB : STUNNING & SPORTY
FASHION IN DETAIL : MANILACABA COLORFUL TREASURE OF PHILIPPINES
STYLE CONFIDENT : My Blue, My Boo ! PACHABADEE TANTAPUTTA
สัมภาษณ์ : BNK48 PHENOMENON OF LOVE
LIVE STORIES : Always Thai เพลานี้ แต่งไทยสิเจ้า เข้าเทรนด์

ห้ามพลาดกับแฟชั่นสวยๆ ที่พร้อมให้คุณอัพเดท รวมถึงเรื่องราวต่างๆ ที่อัดแน่นเต็มไปด้วยสาระอีกเช่นเคย ในนิตยสารแพรวฉบับ 929 ปักษ์ 10 พฤษภาคม 2561 ได้แล้วที่แผงหนังสือชั้นนำทั่วไป หรือ สั่งซื้อทางออนไลน์ได้ที่ https://www.naiin.com/

 

ฟินระดับ 10 ! เป๊ก-ผลิตโชค โชว์ซิกแพค เอาใจนุช เห็นแบบนี้จะไม่รักได้ไง

อากาศที่ว่าร้อนแค่ไหน ก็ยังแรงไม่เท่า นายแบบของเรา เป๊ก-ผลิตโชค อายนบุตร นักร้องหนุ่มสุดฮ็อต ขวัญใจนุชทั่วประเทศ ผู้นำดาว 702 กับการถ่ายแฟชั่นเซตปกแพรวครั้งที่ 2 ซึ่งครั้งนี้แพรวพาเป๊กบินไปถ่ายถึง ภูเก็ต แอบโชว์ซิกแพคเล็กๆ น้อยๆ ให้นุชได้กระชุ่มกระชวยหัวใจ ซึ่งหนุ่มเป๊กของเรา ก็ได้กระซิบบอกกับทีมงานมาว่า “ผมฟิตหุ่น มาหนักมาก…กกกเพื่อแฟชั่นเซตนี้ ทั้งเข้ายิม เล่นฟิตเนส ถ้าอยากรู้ว่า ผมมีซิกแพคจริงหรือไม่…พบกันพรุ่งนี้เช้าครับ” บอกกันขนาดนี้ ทีมงานแทบจะอดใจไม่ไหว อยากจะวาปไปให้ถึงพรุ่งนี้เร็วๆ แล้วล่ะสิ

หนีร้อนไปกอดเป๊ก

เป๊ก ผลิตโชค
สายตานุชมองที่เฮียคนเดียว

เป๊ก ผลิตโชค
สายมโนเตรียมพร้อม มือนั้นต้องเป็นของเราสินะ กรี๊สสสสส

สำหรับแฟชั่นเซตปกปักษ์นี้ เรายกกองมาปักหลักกันถ่ายทำกันที่ โรงแรม Baba Beach Club Phuket และเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศที่แสนจะเพอร์เฟค ทะเลสวย น้ำใส แสงอุ่นๆ ของพระอาทิตย์ หนุ่มเป๊กเลยต้องอัพลุคให้กลายเป็นหนุ่มผิวแทนบ่มแดด ผมดูเป็นลอนอ่อน ละมุนสุดๆ ให้สมกับเป็นวันพักผ่อนสุดพิเศษของเป๊กและนุช

เป๊ก ผลิตโชค
ร้อนไหมเฮีย เดี๋ยวนุชบังแดดให้

 

เป๊ก ผลิตโชค
เดินดีๆ นะจ๊ะ ระวังตก

เป๊ก ผลิตโชค

บอกเลยว่าแฟชั่นเซตปกปักษ์นี้ แพรวไม่ทำให้นุชผิดหวัง ได้ฟินกันทุกภาพแน่นอน อ่านบทสัมภาษณ์เต็มๆ ตลอดการถ่ายทำ และเป๊กจะพาคุณไปเที่ยว ในคอลัมน์ MY INSPIRED DESTINATION อย่าลืมติดตามกันนะจ๊ะ รับรองว่าได้เห็นซิกแพคเฮียเต็มๆ ก็งานนี้

COVER STORY : PRAEW ISSUE 928

ร้อนกว่าอากาศก็ต้องเป็น Praew Issue 928 นี่แหละจ้า โดยเฉพาะ แฟชั่นเซตปกปักษ์นี้ แพรวชวนหนุ่มทรงเสน่ห์ ขวัญใจนุช เป๊ก ผลิตโชค มาขึ้นปกถ่ายแฟชั่นรับลมร้อนริมทะเล ที่เห็นแล้วต้องกรี๊ดดด พร้อมบทสัมภาษณ์จัดเต็มทุกเรื่องราวในชีวิตตั้งแต่วัยเด็ก ครอบครัว จนถึงปัจจุบัน เอาให้จุใจ ฟินกันไปข้างหนึ่ง

ว่ากันด้วยเรื่องเทรนด์ ที่เดี่ยวนี้ช่างมาไวไปไวเหลือเกิน โดยเฉพาะเทรนด์ใหม่ๆ ที่ออกมากันให้สาวๆ ตามกันให้วุ่น แต่ของใหม่ใช่ว่าจะอยู่นานเสมอไป เทรนด์เก่าๆ ที่เคยฮ็อตฮิตอย่างยุค 80’s หรือ 90’s ก็กลับมาโลดแล่นในวงการแฟชั่นและบิวตี้อีกครั้ง บอกเลยว่า Fall/Winter นี้มากันให้พรึ่บพรั่บเต็มรันเวย์ สาวยุคเทปคาสเซ็ทเตรียมงัด แอ๊กเซสซอรี่ส์เก่ากลับมาอินใหม่ไว้เลย ได้สนุกกันอีกละ

อีกหนึ่งปัญหาของสาวๆ ผิวแพ้ง่ายคือ จะใช้อะไรต้องคอยระวัง เพราะหากเกิดอาการแพ้ขึ้นมา กว่าจะประคบ ประหงม ผิวสวยๆ ก็ต้องใช้เวลานานแสนนาน ก็อย่างว่าอ่ะเนอะ ผิวแพ้ง่ายต้องระวังสุดชีวิต เช่นเดียวกับสาวคนนี้ เอย – ณัฐชนันท์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ที่เธอเองก็มีผิวแพ้ง่ายมากเช่นกัน แต่ก็ชอบลองของเครื่องสำอางมาก เธอเลยมีเรื่องราวของการดูแลตัวเองและแบ่งปันไอเท็มเด็ดที่เลือกมาแล้วอย่างดี มาฝากสาวๆ ผิวแพ้ง่ายกันจ้า

“ความรัก” คือแรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่…ดั่งเช่นเรื่องราวความรักของชายชาติทหารและสาวบ้านไร่ที่เกิดขึ้นในช่วง ปลายสงครามโลกครั้งที่ 2 อันเป็น บทพระนิพนธ์ในพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ เมื่อ ปี 2017 ซึ่งเป็นแรงบันดาลพระทัยหลัก ในการสร้างสรรค์คอลเลคชั่น ทรงออกแบบ สปริง/ซัมเมอร์ 2018 ภายใต้แบรนด์ SIRIVANNAVARI และ S’HOMME ที่มีชื่อว่า “HORSE,HELEN,HENRI”

หน้าร้อนนี้ ทะเล จะเป็นสวรรค์ของทุกคน โดยเฉพาะสาวๆ อย่างเรา บิกินี่เอย เสื้อผ้าเอย จัดได้อย่างเต็มที่ แต่หลายคนก็เลือกที่จะใส่เสื้อผ้าแบบสบายๆ ไม่ต้องอะไรมาก แต่สำหรับสาวคนนี้ พลอย ผลาชีวะ ที่เธอกล่าวว่า“เวลาไปเที่ยวทะเล บางคนชอบแต่งตัวน้อยๆ แต่ พลอยชอบแต่งเต็ม” เราไปดูสไตล์ของเธอกัน

เป๊ก ผลิตโชค

“ครอบครัวผมชอบเที่ยว ถ้ามีเวลาจะรวมตัวกันไปเที่ยวต่างจังหวัด หรือไม่ก็ต่างประเทศ สำหรับผมการเที่ยวคือช่วงเวลาสนุกๆ ที่เราได้เปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิต ได้ทำกิจกรรมใหม่ๆ ที่สำคัญ ได้อยู่กับคนที่เรารัก” หนึ่งคำพูดที่เป๊กผลิตโชคได้กล่าวในบทสัมภาษณ์ ตามอ่านกันแบบเต็มๆ ได้ที่ MY INSPIRED DESTINATION

ความร้อนของเดือนเมษายนที่แทบละลายร่าง ยังไม่เท่าความฮ็อตของเขาทั้งสิบ ที่แพรวรวบตึง เปิดวาร์ป 10 #หนุ่มหล่องานดี หลายสไตล์ ที่ไม่ใช่แค่หล่อ แต่มาพร้อมโปรไฟล์เริด ความสามารถไม่ธรรมดา ควรค่าแก่การตามไปส่องและกด Like รัวๆ กระชุ่มกระชวยหัวใจจริงๆ ^^

สมัยนี้ชายหนุ่มหน้าตาดีๆ หุ่นแน่นๆ มีอยู่ทั่วไป แต่ถ้าหน้าหล่อ หุ่นเป๊ะ ชาติตระกูลเริ่ด ทรัพย์สมบัติมากมายและในบางรายพระเจ้ายังแถมมันสมองที่เรียนเก่งระดับเกรดเอมาให้ด้วยอีก สาวๆ ไม่กรี๊ดก็ให้รู้ไป แพรวฉบับนี้ของมันต้องมีจริงๆ เพราะมีแต่ของคอลัมน์ แฟชั่น ที่น่าสนใจ อิอิ โดยเฉพาะ SPECIAL STORIES ปักษ์นี้

COVER : PECK X YOU Hot Escape หนีร้อนไปกอดเป๊ก
BEAUTY PEDIA : HALF YEAR-END BEAUTY TREND UPDATE!
BEAUTY SECRET : Perfect is not perfect nutchanunt devahastin na ayudhya
FASHION INDEED : House& Helen Henri SIRIVANNAVARI AND S’HOMME คอลเล็คชั่นทรงออกแบบ S/S 2018
STYLE CONFIDENT : Summer Indeed Ploy Plachiva
MY INSPIRED DESTINATION : DESTINATIONPECK’S EXTREME ADVENTURE LIFE
LIVE STORIES : 10 Men ”I Love about you”
SPECIAL STORIES : Hot Male Celebs You Can’t Resist

ห้ามพลาดกับแฟชั่นสวยๆ ที่พร้อมให้คุณอัพเดท รวมถึงเรื่องราวต่างๆ ที่อัดแน่นเต็มไปด้วยสาระอีกเช่นเคย ในนิตยสารแพรวฉบับ 928 ปักษ์ 25 เมษายน 2561 ได้แล้วที่แผงหนังสือชั้นนำทั่วไป หรือ สั่งซื้อทางออนไลน์ได้ที่ https://www.naiin.com/

เปิด 3 เซเลบพี่น้อง ตระกูลดัง แม้หน้าตาคล้ายกันแต่มีเสน่ห์คนละแบบ

เปิด เซเลบพี่น้อง 3 ตระกูลดัง สวย เก่ง มีเสน่ห์อยู่รอบตัว

เสน่ห์ของพี่น้องที่แม้จะหน้าตาละม้ายเหมือนกัน คล้ายกัน แต่ก็มีรายละเอียดเล็กๆ ที่แตกต่างกัน อย่างคนหนึ่งสายหวาน คนหนึ่งสาวเปรี้ยว หรือนิสัยแตกต่างกัน ก็ย่อมเป็นเสน่ห์ที่เห็นแล้วน่ามองทีเดียว ดังเช่น เซเลบพี่น้อง 3 ตระกูลนี้…

พริม-พิมพิศา & แพรว-พิชามญช์ ชมะนันทน์

เริ่มที่เซเลบฝาแฝด 2P “พริม-แพรว” ทายาทของคุณพ่อพงศ์พิพัฒน์ และคุณแม่กรองกาญจน์ ชมะนันทน์ ดีกรีหลานสาวของพลเอก เกรียงศักดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี โดยทั้งสองสาวสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจากประเทศอังกฤษ แต่แยกเรียนคนละสาขา ทางสาวพริมศึกษาด้านการจัดการและการเงิน ส่วนสาวแพรวศึกษาด้านการออกแบบภายใน (Interior Design) สำหรับฝาแฝดคู่นี้ก็ถือว่าเป็นสาวฮ็อตทั้งคู่ ด้วยหน้าตาสะสวย โปรไฟล์ดี มีงานถ่ายแบบให้กับนิตยสารชั้นนำออกมาให้ได้ชมกันอยู่เสมอ นอกจากทั้งคู่มักจะควงกันออกงานสังคมร่วมกันแล้ว ด้านธุรกิจแนวแฟชั่น จัดงานอีเว้นท์ในนาม Cirque Bangkok, THE KONNECT และ Artem Design ทั้งคู่ยังร่วมมือทำด้วยกันโดยเป็นสิ่งที่ต่อยอดมาจากสิ่งที่เรียน สวย เก่ง ทีเดียว

เซเลบฝาแฝด

เซเลบฝาแฝด
พริม-แพรว

เซเลบฝาแฝด
พริม-แพรว

เซเลบฝาแฝด
แพรว-พริม

เซเลบฝาแฝด
พริม-แพรว ถ่ายแบบชุดไทยนิตยสารแพรว

ภาพ: IG @praewchomanan, นิตยสารแพรว ปี 2559 ฉบับที่ 887 (10 ส.ค. 59) หน้า 208-217


บลู-ไพลิน & ชมพู-พลอยชมพู อัมพุช

ตามมาด้วยเซเลบพี่น้องสายเลือดธุรกิจเดอะมอลล์ กรุ๊ป “บลู-ชมพู” ทายาทของคุณพ่อสุรัตน์ อัมพุช และคุณแม่นันท์นภัส หวันปาเต๊ะ และเป็นหลานสาวของ คุณแอ๊ว-ศุภลักษณ์ อัมพุช รองประธานกรรมการ บริษัทเดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด  ด้านสาวบลูสำเร็จการศึกษาด้านแฟชั่นดีไซน์จากมหาวิทยาลัยคิงส์ตันที่อังกฤษ มักจะเดินทางท่องเที่ยวบ่อยครั้ง มีความอาร์ตๆ ส่วนสาวชมพูสำเร็จการศึกษาด้านการตลาดและการจัดการธุรกิจที่มหาวิทยาลัยไบรตัน อังกฤษ มีลุคของสาวมั่น เซ็กซี่ เห็นหน้าตามงานสังคมมากกว่า ซึ่งทั้งคู่ก็มักจะช่วยกันดูแล ใส่ใจกันและกันเสมอๆ

เซเลบฝาแฝด
ชมพู-บลู

เซเลบฝาแฝด
ชมพู-บลู

เซเลบฝาแฝด
ชมพู-บลู

เซเลบฝาแฝด
ชมพู-บลู

เซเลบฝาแฝด
ชมพู-บลู

ภาพ : IG @blue_bluey, @ploychompumpujh


นิกกี้-นิโคล & มิลลี่-คามิลล่า กิตติวัฒน์

ปิดท้ายด้วยเซเลบฝาแฝด “นิกกี้-มิลลี่” ทายาทของอดีตนางแบบชื่อดัง คุณรุ่งนภา กิตติวัฒน์ ที่นอกจากจะเห็นหน้าตามงานสังคมด้านความสวยความงาม ด้านแฟชั่นคู่กันบ่อยๆ แล้ว ทั้งสองสาวยังเคยลองงานด้านการแสดงด้วย โดยเคยแสดงละครทางช่อง 7 เป็นฝาแฝดด้วยกันเรื่อง บ้านศิลาแดง ซึ่งก็มีคุณแม่คอยตามไปดูแลและให้กำลังใจลูกสาวทั้งสอง สำหรับฝาแฝดคู่นี้เรียกว่า ถ้ายืนอยู่ใกล้กันก็แทบแยกไม่ออกเลยว่าใครเป็นใคร ก็คงต้องสังเกตลุคของแต่ละคน โดยสาวนิกกี้จะมีความเปรี้ยวมากกว่า ส่วนสาวมิลลี่จะมีความเป็นสาวหวาน ซึ่งหน้าตาของทั้งคู่นับว่าสวยราวตุ๊กตาเลยล่ะ

เซเลบฝาแฝด
มิลลี่-นิกกี้

เซเลบฝาแฝด
นิกกี้-มิลลี่

เซเลบฝาแฝด
มิลลี่-นิกกี้

เซเลบฝาแฝด
นิกกี้-มิลลี่

เซเลบฝาแฝด
นิกกี้-มิลลี่

เซเลบฝาแฝด
นิกกี้-มิลลี่

ภาพ: IG @camillakittivat, @nicolekittivat

 


เรื่อง: บะหมี่กุ๊งกิ๊ง_แพรวดอทคอม

เหลือไว้เพียงความงดงาม… เปิดที่มาสร้อยไข่มุกแสนรักของ บาร์บารา บุช

ถึงแม้ว่าโลกจะสูญเสียผู้หญิงทรงคุณค่าอย่าง บาร์บารา บุช ไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ แต่สิ่งที่เธอเหลือไว้คือความดีงามให้ทุกคนได้จดจำ

พื้นที่สื่อทั่วโลกในวันที่เธอจากไป 17 เมษายน 2018 เต็มไปด้วยเรื่องราวและภาพถ่ายของอดีตสุภาพสตรีหมายเลข 1 ท่านนี้ และในบรรดาภาพถ่ายส่วนใหญ่ เชื่อแน่ว่าคนที่เห็นต้องสะดุดกับสร้อยไข่มุก 3 สาย เครื่องประดับประจำตัวของเธอแน่

สร้อยไข่มุก 3 สายเส้นนี้ ปรากฏต่อหน้าสาธารณชนครั้งแรกในค่ำคืนวันที่ 20 มกราคม 1989 บาร์บาราซึ่งสวมชุดราตรีสีน้ำเงิน ผลงานออกแบบของดีไซเนอร์ Arnold Scaasi สวมเครื่องประดับเพียง 2 ชิ้นคือสร้อยไข่มุก 3 สายและต่างหูมุกรูปหยดน้ำ เดินเคียงข้างสามี  จอร์จ เอช. ดับเบิลยู. บุช  ประธานาธิบดีคนที่ 41 ของสหรัฐอเมริกา เข้าสู่งานพิธีเลี้ยงต้อนรับ  Inaugural Ball อย่างเป็นทางการ

Related image

 

หลังจากนั้นสร้อยไข่มุก 3 สายเส้นนี้ก็กลายเป็นภาพจำ เพราะบาร์บาราใส่มันติดตัวไปแทบจะทุกที่ ถามว่าเธอรักอะไรกับสร้อยไข่มุกที่มีขนาด 12 มิลลิเมตร ตัวกลัดทำจากคริสตัลสวารอฟสกี้เส้นนี้นัก คำตอบคือมันเป็นสร้อยที่ออกแบบโดย Kenneth Jay Lane ราชาแห่งการออกแบบเครื่องประดับคนโปรด ว่ากันว่าบาร์บาร่าเป็นแฟนตัวยงของเครื่องประดับแบรนด์นี้เลยก็ว่าได้ จึงไม่แปลกที่ เคนเน็ท เจย์ เลน จะตั้งใจออกแบบสร้อยไข่มุกเส้นนี้เพื่อให้เธอสวมใส่ในค่ำคืนนั้นเป็นการเฉพาะ

จึงกล่าวได้ว่าสร้อยไข่มุก 3 สายนี้มีเพียงเส้นเดียวในโลก และบาร์บาราก็รักมันมากมายเหลือเกิน สวมติดตัวจนกลายเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว แทบจะทุกครั้งที่เธอปรากฏตัวจะต้องมีสร้อยไข่มุก 3 สายนี้ประดับอยู่บนคอ จนผู้คนต่างเรียกขานมันว่า “Barbara Bush Pearls” ไข่มุกของบาร์บารา

Image result for barbara bush inauguration gown

 

 

 

จะว่าไป ความหลงใหลของ บาร์บารา บุช ที่มีต่อไข่มุกนั้น ต้องเรียกว่าหยั่งรากลึก เพราะเมื่อย้อนดูภาพในห้วงวาระอื่นๆ ตั้งแต่วัยสาว เธอก็มีไข่มุกเป็นเครื่องประดับประจำกายมาตลอด

และถ้าดูจากสไตล์การแต่งตัวที่หลากหลายไปตามวาระโอกาส ก็ต้องบอกว่าเธอมีวิธีมิกซ์แอนด์แมทช์สร้อยไข่มุกให้เข้าได้กับทุกชุด ทุกสไตล์ ไม่ใช่แค่ชุดออกงานทางการเท่านั้น

 

ภายในวัยสาวของ บาร์บารา บุช

บาร์บารา บุช กับครอบครัว

บาร์บารา บุช กับเจ้าหญิงไดอาน่า

แม้แต่ตอนนั่งเป็นแบบให้ศิลปินวาดรูป บาร์บาราก็ยังสวมสร้อยไข่มุก

 

ปัจจุบันสร้อยเส้นนี้ บาร์บาราได้บริจาคให้กับสถาบันสมิธโซเนียน (Smithsonian Institution) ในเมืองวอชิงตัน  และถึงแม้การจากไปของเธอจะทำให้คนทั่วโลกโศกเศร้าเพียงใด แต่ภาพความสวยงาม ก็ยังคงอยู่ในใจของทุกคนตลอดไป ไม่มีวันลืม

ที่มาภาพ IG@barbarabush

 

 

มหาสงกรานต์

13 เมษายน มหาสงกรานต์ เหล่าคนดังอวยพรพร้อมความห่วงใย

Alternative Textaccount_circle
มหาสงกรานต์
มหาสงกรานต์

ศิลปินค่ายจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ถือโอกาสเนื่องในวัน มหาสงกรานต์ อวยพรพี่น้องชาวไทย พร้อมส่งความห่วงใยขับขี่อย่างปลอดภัย ช่วยลดอุบัติเหตุ

13 เมษายน มหาสงกรานต์ เป็นเทศกาลแห่งความสุขของพี่น้องชาวไทย บ้างก็ถือโอกาสกลับบ้านต่างจังหวัดเยี่ยมเยียนครอบครัว บ้างก็ใช้เป็นช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนท่องเที่ยว ซึ่งเหล่าศิลปินจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ อย่าง เป๊ก,ป๊อบ,บอย,ลุลา และ นิวจิ๋ว ถือโอกาสนี้ร่วมอวยพรชาวไทยทุกคน พร้อมส่งความห่วงใยขับขี่อย่างปลอดภัย ช่วยลดอุบัติเหตุ


เป๊ก-ผลิตโชค อายนบุตร

มหาสงกรานต์
ภาพจาก : ANNABELLE

“สวัสดีครับ ผมเป๊ก ผลิตโชคนะครับ สำหรับวันสงกรานต์นี้ เป๊กก็อยากอวยพรให้ทุกๆ คนที่กลับบ้าน เดินทางกันอย่างปลอดภัยนะครับ ถ้าใครต้องขับรถก็ขอให้มีสติ ที่สำคัญคือเมาไม่ขับ แล้วก็ห้ามเล่นโทรศัพท์ในระหว่างการขับรถเด็ดขาด เพราะว่าอาจจะเกิดอุบัติเหตุได้ ก็ขออวยพรให้ทุกคนมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง และก็เป็นปีใหม่ที่ดี สดใสทุกคนนะครับ สวัสดีปีใหม่ไทยครับ”


ป๊อบ-ปองกูล สืบซึ้ง
มหาสงกรานต์

“สวัสดีวันสงกรานต์ครับ ผมป๊อบ ปองกูลนะครับ สงกรานต์นี้ใครที่เดินทางกลับต่างจังหวัดก็ขอให้มีความสุขเดินทางโดยสวัสดิภาพนะครับ ถ้าถามป๊อบเองว่าวันสงกรานต์ทำอะไร ถ้าวันไหนว่างผมจะอยุ่บ้านเลย และจะเที่ยวกรุงเทพ เพราะเป็นวันที่กรุงเทพ โอ้โห โล่งโจ้ง มีความสุขมาก อยากจะไปกินขนมเยาวราชก็จะขับไปได้เลย แต่ถ้าใครที่กลับไปบ้าน ยังไงถ้ามีโอกาสก็รดน้ำดำหัวท่านผู้ใหญ่.. ปู่ย่าตายายพวกเรานะครับ จะได้มีความสุขเป็นมงคลกับการเริ่มต้นปีใหม่ไทย สวัสดีครับ”


บอย พีซเมคเกอร์-อนุวัฒน์ สงวนศักดิ์ภักดีมหาสงกรานต์

“สวัสดีครับ ผมบอย พีชเมคเกอร์นะครับ สงกรานต์ปีนี้ก็อยากให้ทุกๆ คน ทำด้วยความพอดีนะครับ หมายถึงว่าไม่ว่าจะเรื่องดื่มหรือสนุกสนาน เพราะถ้ามากเกินอาจจะทำให้เกิดอันตรายกับทั้งครอบครัวเราหรือคนข้างหลังเราได้ เช่น ถ้าเมาแล้วขับเนี่ย มันทำให้เกิดการสูญเสียได้ หรืออาจต้องมาพิการจากการเมาแล้วขับของคุณหรือใครซักคน อีกเรื่องที่อยากฝากก็คือ การให้เกียรติสุภาพสตรีนะครับ ไม่ใช่ว่าเห็นเป็นผู้หญิง คุณจะไปลวนลามเขา โดยจะไปบอกว่าเขาแต่งตัวล่อแหลมก็ไม่ได้นะ ไปบอกให้เขาแต่งตัวมิดชิดมันก็ไม่ใช่ ต้องบอกตัวเองก่อนนะครับว่าต้องเคารพและก็ให้เกียรติเพศตรงข้ามนะครับ”


ลุลา-กันยารัตน์ ติยะพรไชย
มหาสงกรานต์

“สงกรานต์ปีนี้นะคะ ตัวลุลาเอง น่าจะทำงานค่ะ สำหรับชาวไทยทุกคนช่วงสงกรานต์นี้ใครไปเที่ยวขอให้ไปเที่ยวอย่างสนุกสนานกับครอบครัวกับเพื่อน ส่วนใครต้องทำงานก็ไม่เป็นไรนะคะ เดี๋ยวลุลาทำเป็นเพื่อน ใครที่จะเดินทางไกลๆ ก็ดูแลคนรอบตัวให้ดี ถ้าดื่มแอลกอฮอล์ก็อย่าขับรถหรือว่าง่วงก็นอนพักให้เต็มที่ และดูแลกันและกันจะได้มีสงกรานต์ที่สนุกมากๆ ของทุกคนนะคะ”


นิว-นภัสสร ภูธรใจ และ จิ๋ว-ปิยนุช เสือจงพรูมหาสงกรานต์

“สงกรานต์ก็จะกลับไปต่างจังหวัด จังหวัดนั้นก็คือ เชียงใหม่เจ้า กลับบ้านค่ะ เป็นวันหยุดยาวที่กลับไปหาครอบครัว ก็ขอให้ทุกคนที่ต้องเดินทางไปไหน กลับบ้านหรือไปเที่ยว ก็ขอให้ปลอดภัยและขอให้เป็นปีใหม่ไทยอีกปีหนึ่งที่สนุกสนาน ที่เต็มไปด้วยความปลอดภัย ขอให้กลับไปเอาความรักความอบอุ่นจากครอบครัว จากเพื่อนฝูงที่คิดถึงกันนาน นัดเจอกันสังสรรค์กัน ก็ขอให้ทุกคนมีความสุขกับเทศกาลสงกรานต์นะคะ”


 

ฟ้อนด์-ณัฐทิชา

เปิดความสดใส ฟ้อนด์-ณัฐทิชา หรือ แม่แก้ว ลูกสาวคนสวยของพี่ขุนเดช-แม่หญิงการะเกด

ฟ้อนด์-ณัฐทิชา
ฟ้อนด์-ณัฐทิชา

จบไปพร้อมกับความประทับใจอย่างท่วมท้นจากคนดู สำหรับละครเรื่องดังที่ได้สร้างปรากฏการณ์อย่าง บุพเพสันนิวาส ซึ่งในตอนจบนี้ก็ได้เปิดตัวละครรุ่นลูกให้ผู้ชมได้เห็นหน้าค่าตากัน และทางเราก็ไปสะดุดกับความสวยหวานของ แม่แก้ว ลูกสาวพี่ขุนเดชกับแม่หญิงการะเกด หลานรักของคุณย่า หรือคุณหญิงจำปา ที่แสดงโดย ฟ้อนด์-ณัฐทิชา จันทรวารีเลขา สาวน้อยวัย 15 ปี ที่แสดงออกถึงความเป็นแม่หญิงในสมัยนั้นได้อย่างอ่อนช้อย

ด้วยความน่ารัก ท่าทางอ่อนหวานของแม่แก้ว แพรวดอทคอมจึงสืบไปหาประวัติของน้องฟ้อนด์มาบอกต่อให้แฟนละครได้ทราบกัน เพราะหน้าตาพิมพ์ดีแบบนี้ ต่อไปจะเป็นนักแสดงที่รับบทนางเอกก็สบาย โดยน้องฟ้อนด์ เป็นสาวหน้าหวานลูกเสี้ยว ไทย-จีน-เวียดนาม ขณะนี้อายุ 15 ปี กำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนหัวหินวิทยาลัย และอีกหนึ่งความน่าสนใจคือน้องฟ้อนด์ผ่านรอบออดิชั่นในการคัดเลือกเป็นสมาชิกวง BNK48 รุ่นที่สองอีกด้วย แต่เธอจะสามารถคว้าฝันนี้ไว้ได้สำเร็จหรือไม่ ก็ต้องมาลุ้นกัน

แต่ตอนนี้เรามาส่องความน่ารัก สดใสของเธอกันดีกว่า สาววัย 15 ในยุคนี้ เขาแต่งตัวยังไงกันบ้าง ตามมาเลยเจ้าค่ะ

 

10 สุดคิวต์ของ ฟ้อนด์-ณัฐทิชา หรือ แม่แก้ว จากบุพเพสันนิวาส

 

ฟ้อนด์-ณัฐทิชา
เริ่มต้นความสดใสด้วยชุดเอี้ยมสีดำ ที่แมทช์เข้ากับเสื้อยืดลายจุดสีขาว เป็นลุคที่เหมาะสมกับวัย บวกกับท่าโพสต์คิวต์ๆ ยิ่งทำให้น่ารักขึ้น

 

ฟ้อนด์-ณัฐทิชา
ลุคนี้ก็กำลังดี เสื้อแขนยาวสีขาวมีลูกเล่นเป็นเชือกร้อยสีชมพูหวาน ใส่คู่กับกางเกงยีนส์ ซึ่งเป็นลุคที่ดูเข้ากับน้องฟ้อนด์ได้ดี

 

ฟ้อนด์-ณัฐทิชา
ลุคนี้ทั้งเสื้อผ้าที่สีสันตัดกัน ทรงผมดังโงะครึ่งหัวก็เข้ากันได้ดี และแอบมีความแก่นเล็กๆ

 

ฟ้อนด์-ณัฐทิชา
ลุคนี้สวยหวานสุดๆ เป็นเดรสลายสก็อตที่แต่งออกมาแล้วน่ารักมากๆ และมีความเป็นนางเอกสูงจริงๆ

 

ฟ้อนด์-ณัฐทิชา
งานเอี้ยมมาอีกแล้ว เอี้ยมยีนส์กับผ้าลูกไม้ก็แมทช์กันได้ ทำให้ดูหวานและเท่ในเวลาเดียวกัน

 

ฟ้อนด์-ณัฐทิชา
ลุคนี้ได้ความเท่ไปเต็มๆ เพราะเสื้อเชิ้ตลายสก็อตกับเอี้ยมยีนส์ ให้อารมณ์ของสาวขาลุยที่พร้อมออกเดินทาง

 

ฟ้อนด์-ณัฐทิชา
จะปล่อยผมหรือรวบผมก็สวย แม้จะเป็นชุดเดียวกันกับลุคที่ผ่านมา แต่ก็ให้ความรู้สึกที่แตกต่าง เรียกได้ว่าจะกี่ลุคก็ผ่านเจ้าค่ะ

 

ฟ้อนด์-ณัฐทิชา
มากันที่เอี้ยมกระโปรง ที่น้องฟ้อนด์แมทช์เข้ากับเสื้อยืดลายขวาง ลุคนี้ได้ความสดใสและน่ารักมากๆ

 

ฟ้อนด์-ณัฐทิชา
เสื้อสีขาวเปิดไหล่ก็ยังทำให้ลุคเป็นสาวหวาน แต่ต่างหูห่วงก็พอจะเข้าเบรกความหวานทำให้ดูเปรี้ยวขึ้นได้ ถือเป็นอีกหนึ่งลุคที่แปลกตา ถ้าเทียบกับลุคอื่นๆ

 

ฟ้อนด์-ณัฐทิชา
ปิดท้ายด้วยความฟรุ้งฟริ้งสุดๆ กับเสื้อลายฟลามิงโก้สีชมพู บวกกับท่าโพสต์และรอยยิ้มหวานๆ ยิ่งทำให้น้องฟ้อนด์น่ารักเข้าไปอีก

หน้าตาน่ารัก สวยหวานแบบนี้ อนาคตสามารถเป็นนางเอกได้เลย หรือถ้าจะออดิชั่นเป็นเกิร์ลกรุ๊ปก็มีแววรุ่งไม่น้อย


เรื่อง : Hana_แพรวดอทคอม (ฮานะ)

ภาพ : IG@fondnattichaa   , Twitter

 

พระเพทราชา

หล่อเซอร์ก็มา! พระเพทราชา กับ 13 ลุคนักบิดสุดเท่ มองมุมไหนก็คูล

พระเพทราชา
พระเพทราชา

จากละครเรื่องดังที่สร้างปรากฏการณ์ไปทั้งบ้านทั้งเมืองอย่าง บุพเพสันนิวาส เรียกได้ว่าตัวละครจากเรื่องนี้เป็นที่จดจำและสร้างความผูกพันให้แก่ผู้ชมได้ไม่น้อย แม้กระทั่งบทของ พระเพทราชา ผู้น่าเกรงขาม ที่ต่อไปจะขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ไทยรัชกาลที่ 28 ของอาณาจักรอยุธยา ซึ่งรับบทโดย บิ๊ก – ศรุต วิจิตรานนท์ ก็เช่นกัน เป็นบทที่ได้รับคำชื่นชมในด้านการแสดงอย่างท่วมท้นว่าเล่นได้ดี เข้าถึงอารมณ์ เป็นพระเพทราชาได้อย่างสมบูรณ์ ทั้งน้ำเสียง ท่าทาง การแสดงออกต่างๆ เห็นคำชมแบบนี้แล้ว ก็ปลื้มใจแทนนักแสดงจริงๆ

พระเพทราชา
พระเพทราชา รับบทโดย บิ๊ก – ศรุต วิจิตรานนท์

แต่วันนี้แพรวดอทคอมไม่ได้จะมานำเสนอเกี่ยวกับฝีมือของ บิ๊ก – ศรุต ในบทพระเพทราชา หรอกนะ เพราะเราจะพาแฟนๆ มาส่องลุคของหนุ่มบิ๊กกัน นอกจากในละครจะทำให้แฟนๆ หลงเสน่ห์การแสดงได้แล้ว บอกเลยว่านอกจอก็ใช่เล่น เพราะเป็นนักบิดผู้ชื่นชอบการขี่มอเตอร์ไซค์เป็นชีวิตจิตใจและทุกครั้งที่ต้องออกไปกับมอเตอร์ไซค์ ลุคก็จะเซอร์ๆ เท่ๆ เชื่อว่าสาวๆ เห็นแล้วต้องกรี๊ด วันนี้แพรวดอทคอมจัดให้กับลุคสุดหล่อของพระเพทราชาเจ้าค่ะ

 

เมื่อ พระเพทราชา อยู่ในยุคปัจจุบันก็จะเท่เช่นนี้แล

 

พระเพทราชา
อ้าว! พระเพทราชาหลงมายุคนี้ได้อย่างไรเจ้าคะ

 

พระเพทราชา
เสื้อเชิ้ตลายสก็อตกับกางเกงยีนส์ที่โทนสีเดียวกันก็ทำให้ดูดีได้ไม่ยาก

 

พระเพทราชา
ชิลๆ กับเสื้อยืดกางเกงยีนส์ สไตล์เซอร์ๆ เพิ่มผ้าโพกหัวสักหน่อยก็หล่อแล้ว

 

พระเพทราชา
ลุคนี้ถึงจะปิดหน้าปิดตา แต่ก็ยังดูเท่นะเจ้าคะ เสื้อลายขวางแขนยาวกับกางเกงยีนส์ขาสั้น ทำเอาดูเด็กลงไปหลายปี

 

พระเพทราชา
โพสต์ท่าเท่ๆ กับลุคสบายๆ ง่ายๆ เสื้อยืด กางเกงยีนส์ รองเท้าหนัง ดูเหมือนจะเป็นลุคธรรมดาๆ แต่กลับน่ามอง

 

พระเพทราชา
วาร์ปมาขี่มอเตอร์ไซค์กันที่ญี่ปุ่น แม้อากาศจะหนาวก็สู้ เป็นอีกลุคที่เท่อีกแล้ววว

 

พระเพทราชา
แค่แวะเติมน้ำมัน จำเป็นต้องหล่อขนาดนี้เลยเหรอคะ >///<

 

พระเพทราชา
ลุคกันความหนาวชุดนี้ คุมโทนด้วยเฉดสีเข้ม ยิ่งส่งให้หนุ่มบิ๊กคูลขึ้นไปอีก

 

พระเพทราชา
ขนาดไม่เห็นหน้ายังรู้เลยว่าทั้งหล่อ ทั้งเท่ อิๆ โททัลลุคคือผ่านเลยเจ้าค่ะ

 

พระเพทราชา
ขี่มอเตอร์ไซค์ก็ต้องปกป้องแดดสักหน่อย เสื้อแขนยาวกับกางเกงยีนส์ขายาวก็เป็นเหมือนไอเท็มคู่ใจของคุณพี่เขาไปแล้ว

 

พระเพทราชา
เป็นไงล่ะ เท่แค่ไหนถามใจเธอดู คูลๆ

 

พระเพทราชา
เสื้อเชิ้ตสีขาวกับแว่นตาก็ทำให้ลุคนี้เป็นหนุ่มเรียบร้อยที่แอบซ่าเบาๆ

 

พระเพทราชา
จบด้วยลุคง่ายๆ สุดชิลอีกหนึ่งลุคกับเสื้อยืด กางเกงยีนส์ แต่กลับให้อารมณ์ที่แตกต่างเพียงแค่ใส่แว่นตา ก็ดูสุขุมขึ้นมาทันใด

เท่ทั้งในจอนอกจอจริงๆ สมแล้วที่แฟนละครต่างเรียกว่าคู่พ่อลูกสุดคูล เพราะบ้านนี้นอกจากพระเพทราชาแล้ว ก็ยังมีหลวงสรศักดิ์ที่เป็นลูกชายด้วย ถือว่าเป็นพ่อลูกที่กร้าวใจไปทั้งพระนครจริงๆ สำหรับลูกชายนั้น ถ้าใครได้ติดตาม ทางแพรวดอทคอมได้นำเสนอลุคหล่อๆ ของหนุ่มก็อต – จิรายุไปแล้ว คราวนี้มาเป็นคิวของคนที่แสดงเป็นพ่อก็ไม่ผิดหวัง เพราะหนุ่มบิ๊กเท่เหลือเกินเจ้าค่ะ เพียงแค่เสื้อยืด กางเกงยีนส์ก็สามารถแต่งออกมาให้คูลได้


เรื่อง : Hana_แพรวดอทคอม (ฮานะ)

ภาพ : IG@bigibig28

 

หนึ่งด้าวฟ้าเดียว

น่าสนใจ! 6 เรื่องน่ารู้ก่อนดู หนึ่งด้าวฟ้าเดียว

Alternative Textaccount_circle
หนึ่งด้าวฟ้าเดียว
หนึ่งด้าวฟ้าเดียว

6 ความน่าสนใจของ หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ละครอิงประวัติศาสตร์ ในยุคปลายกรุงศรีอยุธยา ก่อนและหลังการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 ในสมัยสมเด็จพระเจ้าเอกทัศ จนถึงสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช กอบกู้เอกราชและสถาปนากรุงธนบุรี

หนึ่งด้าวฟ้าเดียว

แต้ว – เจมส์จิ นางเอกและพระเอกจากละครเรื่องหนึ่งด้าวฟ้าเดียว 

หลังจากใช้เวลาถ่ายทำกันมาเนิ่นนานล่าสุดละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ก็จะได้ฤกษ์ออกอากาศในวันที่ 25 เม.ย.2561 ซึ่งงานนี้ทำเอาทั้งทีมงานและนักแสดงรู้สึกกดดันไม่น้อย เมื่อต้องมารับไม้ต่อละครฮิต บุพเพสันนิวาส ถึงจะอย่างนั้นแต่เรื่องนี้ก็มีดีของตัวเองที่รับประกันว่าแฟนๆ ไม่ผิดหวัง เพราะทั้งผู้ประพันธ์ผู้จัดล้วนมีฝีมือการันตีจากผลงานที่ผ่านมา อาทิ ขุนศึก,ข้าบดินทร์ ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีความพิเศษอีกมากมาย ซึ่ง แพรวดอทคอม ได้รวบรวมมาไว้ในสกู๊ปนี้

1.ขันทีในสมัยกรุงศรีอยุธยา : จากการศึกษาของผู้ประพันธ์พบว่า ขันที ในสมัยกรุงอยุธยานั้นมีจริงๆ ซึ่งภาพเขียนที่วังสวนผักกาดก็มีแสดงให้เห็น สำหรับหน้าที่นั้นไม่ได้มีการเจาะจงเป็นพิเศษ แต่จากข้อมูลจะเกี่ยวกับ การเชิญกระแสพระราชดำรัส,จัดการตามพระบรมราชโองการ ตามเสด็จฝ่ายใน คอยจัดระเบียบภายในพระราชมณเฑียร รวมถึงไล่ผู้ชายที่คอยมาแอบดูนางใน  ซึ่งในราชสำนักสมัยอยุธยา ขันทีจะถือศักดินาคนละ 1,000ไร่

เหล่าขันทีในเรื่องหนึ่งด้าวฟ้าเดียว

2.แรงบันดาลใจจากกฏหมายตราสามดวง : วรรธนวรรณ จันทรจนา ผู้ประพันธ์ได้รับแรงบันดาลใจเค้าโครงเรื่องพระเอกเป็นขันทีมาจากการอ่านกฏหมายตราสามดวงว่าด้วยกฎมณเฑียรบาล ที่บันทึกว่ามีขันทีชาวต่างชาติในขบวนเสด็จของกษัตริย์ จุดประกายให้เกิดเรื่องราวของชาวตุรกี ที่ปลอมตัวเป็นขันทีเข้ากรุงศรีอยุธยามาสืบราชการลับในละครเรื่องนี้

เจมส์- จิรายุ ตั้งศรีสุข รับบท สิขันทิน 

3.การผลิตกระดาษสมัยกรุงศรีอยุธยา :แม่แมงเม่า (แต้ว) นางเอกเป็นลูกสาวเจ้าของโรงกระดาษ ซึ่งตามประวัติศาสตร์การผลิตกระดาษข่อย และ สมุดดำ-ขาวในสมัยกรุงศรีอยุธยานั้นจะทำขึ้นที่ บ้านนางเลิ้ง หรือ บ้านหอแปลพระราชสาสน์ และในเรื่องนี้เราอาจจะได้เห็นวิธีการผลิตกระดาษแบบโบราณก็เป็นได้

 แต้ว-ณฐพร เตมีรักษ์ รับบท แม่แมงเม่า

4. กลบท (การซ่อนรูปคำประพันธ์ ) : จากเรื่องการผลิตกระดาษผู้ประพันธ์ยังแตกบุคลิกให้นางเอกเป็นคนที่มีความสามารถทางตำรา ดังนั้นในเรื่องยังได้สอดแทรกภูมิปัญญาของบรรพบุรุษไทยในเรื่องภาษา วรรณกรรม และกลบท (การซ่อนรูปคำประพันธ์ ) ซึ่งในส่วนนี้เองจะทำให้ผู้ชมสนุกกับการไขปริศนาไปด้วย

5.บุคคลในประวัติศาสตร์ : ในเรื่องนี้ยังได้เขียนเกี่ยวข้องกับบุคคลในประวัติศาสตร์จริงๆ อาทิ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช, พระเจ้ามังระ, พระยาพิชัยดาบหัก, สมเด็จพระอัครมเหสี กรมขุนวิมลภักดี, เจ้าจอมเพ็ญ ฯลฯ

อั้ม-อธิชาติ ชุมนานนท์ รับบท สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี หรือ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช

6.250 ปีการสร้างกรุงธนบุรี : ละครเรื่องนี้สร้างเพื่อฉลองครบ 25 ปี ทีวีซีน  250 ปีการสร้างกรุงธนบุรี และ เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช  ซึ่งผู้จัด ณัฏฐนันท์ ฉวีวงษ์ บอกว่าต้องทำให้สำเร็จให้ได้ ซึ่ง วรรธนวรรณ จันทรจนา หรือเจ้าของนามปากกา วรรณวรรธน์ ผู้ประพันธ์ ใช้เวลาเพียงแค่ 3 เดือนเท่านั้นในการคลอดผลงานชิ้นนี้

เหล่านักแสดงหนึ่งด้าวฟ้าเดียว


เรื่องย่อ

หนึ่งด้าวฟ้าเดียว

เรื่องราวในรัชสมัยของพระเจ้าเอกทัศน์แห่งกรุงศรีอยุธยา แมงเม่า (แต้ว-ณฐพร เตมีรักษ์) ลูกสาวของเศรษฐีมิ่ง เจ้าของโรงกระดาษ ขึ้นชื่อเรื่องความแก่นแก้ว ซุกซน จนเป็นที่เลื่องลือไปทั่ว โดยเฉพาะเรื่องการหนีงานดูตัวครั้งแล้วครั้งเล่า

และในครั้งนี้แมงเม่าก็หนีการดูตัวอีก จนมาเจอกับ สิขันทิน (เจมส์- จิรายุ ตั้งศรีสุข) ขันทีรูปงามแห่งวังหลวงชาวโต้ระกี่ (ตุรกี) สิขันทินไม่ชอบที่แมงเม่าซุกซน จนก่อความวุ่นวายไปทั่ว ส่วนแมงเม่าก็หมั่นไส้สิขันทินที่ชอบทำเป็นสั่งสอนตน เลยแกล้งกวนประสาทเอาบ่อยๆ โดยที่แมงเม่าไม่รู้เลยว่าสิขันทินคือ ขันทอง บุตรชายของ เสือขุนทอง จอมโจรผู้โด่งดังที่เสียชีวิตไปแล้ว โดยขันทองปลอมตัวมาเป็นขันที ก็เพื่อสืบความจริงเรื่องการตายของพ่อกับแม่นั่นเอง

เรียกว่าเป็นละครฟอร์มยักษ์ที่จัดเต็มทั้งนักแสดงมากฝีมือ และการแต่งกายในยุคสมัยกรุงศรีอยุธยา และกรุงธนบุรี ที่หาชมได้ยาก การประกบคู่กันของสองนักแสดงมากฝีมือ เจมส์ จิรายุ และ แต้ว ณฐพร จะสนุก และถ่ายทอดเรื่องราวประวัติศาสตร์อย่างยิ่งใหญ่ได้อย่างไร ติดตามชมได้ในละคร หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ที่ออกอากาศทุกวันพุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.15 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3 ละคร หนึ่งด้าวฟ้าเดียว เริ่มตอนแรกวันพุธที่ 25 เมษายน 2561


หนึ่งด้าวฟ้าเดียว (ละครช่อง 3)

รู้จักกระเป๋าถือ เมแกน มาร์เคิล ผลงานดีไซเนอร์อายุน้อยที่กำลังต่อสู้กับอาการป่วย

อีกครั้งกับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับไอเท็มที่ เมแกน มาร์เคิล พระคู่หมั้นเจ้าชายแฮร์รี่เลือกหยิบมาใช้ โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สาวเมแกนอยู่ในระหว่างการเดินทางไปยังไอร์แลนด์เหนือพร้อมกับเจ้าชายแฮร์รี่ด้วยลุคเรียบง่ายและแน่นอนว่าลุคของเธอถูกจับจ้องอีกแล้ว เพราะกระเป๋าหนังใบสีน้ำตาลสุดเด่นทรงคลาสสิกเป็นไอเท็มที่โดดเด้งสะดุดตา โดยกระเป๋าใบหรูนี้มาจากแบรนด์ Charlotte Elizabeth

สิ่งที่น่าสนใจมากกว่าดีไซน์ที่สวยงามของกระเป๋า คือผู้ก่อตั้งแบรนด์อย่าง Charlotte Elizabeth ที่ได้เริ่มธุรกิจการทำกระเป๋าของตัวเองตั้งแต่อายุยังน้อย เพราะเธอได้ออกจากโรงเรียนช่วงอายุ 16 ปี โดยได้รับความช่วยเหลือในการสร้างแบรนด์เครื่องหนังจาก Prince’s Trust มูลนิธิสนับสนุนเยาวชนที่ด้อยโอกาสในสหราชอาณาจักรตั้งแต่อายุ 11 ขวบ โดย Charlotte Elizabeth ได้เข้าร่วมในมูลนิธินี้ เมื่อปี 2014 ขณะอายุ 19 ปี เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับการจัดตั้งธุรกิจ เพราะเธอมีความฝันอยากจะสร้างแบรนด์กระเป๋าเป็นของตัวเอง

เมแกน มาร์เคิล
Charlotte Elizabeth เจ้าของแบรนด์และดีไซเนอร์ชาวอังกฤษ

สำหรับกระเป๋าที่เธอออกแบบนั้น จะเน้นการใช้งานง่าย ดีไซน์คลาสสิกและยังคงความทันสมัยในเวลาเดียวกัน แต่ทุกหนทางไม่ได้โรยไปได้ด้วยกลีบกุหลาบ เมื่อชาร์ลอตต์ อลิซาเบธ ในวัย 19 ปีมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพ อยู่ในกลุ่มผู้มีอาการหัวใจเต้นเร็วระหว่างเปลี่ยนท่า ที่เรียกว่า Postural tachycardia syndrome หรือ POTS อาการที่พบได้บ่อยที่สุดของภาวะนี้ คือเวียนหัว ใจสั่น และตัวสั่นระหว่างที่ยืน แต่ด้วยแนวคิดที่ตั้งมั่น อยากให้แบรนด์ประสบความสำเร็จ จึงเป็นแรงจูงใจในการต่อสู้เพื่อให้ตัวเองหายดี

โดยเธอบอกว่า “ฉันคิดว่าฉันสามารถสร้างอะไรบางอย่างได้จากทุกสิ่ง นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมธุรกิจของฉันจึงพิเศษสำหรับฉัน ฉันต้องผ่านช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดของฉันไปให้ได้

ซึ่งกระเป๋าจาก Charlotte Elizabeth ก็ได้รับความสนใจขึ้นเป็นอย่างมาก เมื่อว่าที่สมาชิกราชวงศ์อังกฤษอย่างเมแกน มาร์เคิล ได้ถือกระเป๋ารุ่น New Edition Bloomsbury ของชาร์ลอตต์ อลิซาเบธ ออกสู่สายตาสาธารณชน โดยตอนนี้ทางแบรนด์ได้เปิด Pre-order แล้วเรียบร้อย และสำหรับกระเป๋ารุ่นที่เมแกนถือ สนนราคา £185  หรือประมาณ 8,100 บาท ซึ่งถือว่าคุ้มค่า ถ้าเทียบกับคุณภาพและความหรูหราที่ได้รับกลับมา

 

เมแกน มาร์เคิล กับกระเป๋าจาก Charlotte Elizabeth

 

เมแกน มาร์เคิล

เมแกน มาร์เคิล

เมแกน มาร์เคิล

เมแกน มาร์เคิล

เมแกน มาร์เคิล

เห็นแฟชั่นไอคอนแห่งเกาะอังกฤษ เมแกน มาร์เคิล ใช้กระเป๋าแบรนด์ตัวเองแล้ว เชื่อว่า Charlotte Elizabeth ต้องมีกำลังใจในการต่อสู้กับความเจ็บป่วย เพื่อที่จะสร้างสรรค์ผลงานดีๆ ต่อไปอย่างแน่นอน


เรื่อง : Hana_แพรวดอทคอม (ฮานะ)

ภาพ : IG@Charlotte Elizabeth ,  www.charlottelizabeth.com

 

 

อาหนิง

เผยชีวิตนักแสดงรุ่นใหญ่ อาหนิง-นิรุตติ์ ศิริจรรยา การค้นหาสิ่งที่ชอบเจอไม่ง่าย

อาหนิง
อาหนิง

ตั้งแต่ละคร บุพเพสันนิวาส ออนแอร์ตอนแรกจนถึงตอนล่าสุด เชื่อว่าหลายคนไม่เว้นแม้แต่แฟนคลับรุ่นเล็กคงได้หลงรัก ชื่นชอบ ในตัวนักแสดงรุ่นใหญ่ อาหนิง-นิรุตติ์ ศิริจรรยา ผู้รับบทเป็น ออกญาโหราธิบดี พ่อของพ่อเดช ผู้ชำนาญทางโหราศาสตร์และอักษรศาสตร์ อีกทั้งยังเป็นราชครูของสมเด็จพระนารายณ์มหาราชกันมากยิ่งขึ้น

อาหนิง

เล่นน้อยแต่ได้มาก เป็นคำนิยามที่เหมาะสมกับนักแสดงรุ่นใหญ่ หนิง-นิรุตติ์ ศิริจรรยา หรือที่คุ้นปากเรียกกันว่า อาหนิง เพราะไม่ว่าจะเป็นสีหน้า แววตา ท่าทางการขยับเล็กน้อย อาหนิงสามารถเก็บครบทุกความรู้สึกแล้วถ่ายทอดออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งถ้าต้องไปย้อนดูรายชื่อผลงานของอาหนิงแล้ว แม้ชีวิตจะเข้าสู่วัยแตะเลข 7 แต่ต้องยอมรับเลยว่า ผลงานของอาหนิงยังคงมีให้แฟนละคร แฟนคลับอาหนิงได้ชมอย่างสม่ำเสมอ

อาหนิง อาหนิง

สำหรับใครที่ได้ติดตามอาหนิง คงพอทราบมาบ้างแล้ว ชีวิตของนักแสดงรุ่นใหญ่ท่านนี้เลือกหันหลังให้กรุงเทพฯ แล้วย้ายถิ่นฐานไปใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ที่ จ.จันทบุรี เวลาต้องทำงานในวงการบันเทิงก็เลือกขับรถไปกลับ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็ยังคงเป็นอยู่จนมาถึงปัจจุบัน ความเสมอต้นเสมอปลายเหล่านี้ไม่ได้มีเพียงเรื่องการใช้ชีวิตอยู่ที่จ.จันทบุรี เท่านั้น แต่ยังรวมถึงมุมมองชีวิต ทัศนคติต่อเรื่องรอบตัว รวมถึงการทำงานด้วย ซึ่ง ณ ครั้งหนึ่งนิตยสารแพรวมีโอกาสสัมภาษณ์อาหนิง และได้ข้อคิดหลายอย่างมากที่เป็นประโยชน์ วันนี้จึงได้ลิสต์เป็นข้อๆ มาให้ได้รู้กัน บอกเลยว่า แต่ละข้อนั้นนอกจากจะทำให้ปลาบปลื้มกับอาหนิงมากขึ้นแล้ว ยังสะท้อนกลับมาให้เราได้คิดตามถึงการใช้ชีวิตมากขึ้นอีกด้วย

อาหนิง-นิรุตติ์ ศิริจรรยา ชีวิตที่มีความพอเพียง พอดี 

1. เมื่อใดที่รู้สึกว่าตัวเองเริ่มมีความรับผิดชอบ สามารถแยกแยะระหว่างดีหรือไม่ดี ควรหรือไม่ควรได้แล้ว เราควรระมัดระวังในการดำเนินชีวิตอยู่ตลอดเวลา ด้วยการไม่ทำร้ายสังคมและไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน และตราบใดที่นำการดำเนินชีวิตกับการทำงานมาใช้ด้วยกันได้ ทุกอย่างก็มีความสุข

2. จุดเริ่มต้นของความสุขอยู่ที่การค้นหาตัวเองให้พบ ผมคิดว่าไม่ใช่เรื่องง่าย บางคนใกล้ตายยังไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร เพราะติดอยู่กับความหลง หรือติดอยู่กับกระแสอะไรก็ตาม ผมก็เช่นกัน เคยถูกชักจูงจากสังคม จากเพื่อนให้ไปทำงานหลายๆ อย่าง แต่ไม่ว่าทำงานอะไรก็ตาม ต้องทำด้วยความชอบ จึงจะประสบความสำเร็จ และต้องรับผิดชอบต่องานให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้

3. ในขณะเดียวกันก็ไม่มีงานไหนราบรื่น อาหนิงเล่าว่า ไม่มีหรอกที่ตัวเราจะไม่เครียด หรือไม่มีความทุกข์ หรือไม่หงุดหงิด อยู่ที่ว่าแก้ไขให้ดีขึ้นได้ไหม ถึงจะไม่ได้ทั้งหมด แต่อย่าเลวลงก็เท่านั้นเอง นั่นคือการดำรงชีวิตอยู่

4. เมื่อผมเข้าสู่วงการภาพยนตร์ ได้ไปถ่ายหนังตามสถานที่ต่างๆ จึงค้นพบว่าจริงๆ แล้วตัวเองชอบทำงานอิสระและไม่จำเจ ไม่มีเวลาทำงานตายตัว และไม่เครียด ทุกคนในกองถ่ายเป็นเพื่อนกันหมด ตั้งแต่นั้นผมก็ติดอยู่กับงานแสดงมาตลอด ซึ่งไม่ว่าจะทำงานอะไรก็ตามเราต้องทำตัวให้อยู่ได้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ ไม่ใช่อยู่ได้ด้วยการเอาตัวรอด เพราะการเอาตัวรอดไม่ใช่วิถีทางที่ถูกต้องกับทุกอย่าง

5. การจัดระเบียบวินัยให้กับชีวิต ไม่ใช่รับผิดชอบในการทำงานดี แต่ไม่ดูแลตัวเอง ในเมื่อพ่อแม่ให้ร่างกายมาครบ 32 ประการ ก็เป็นหน้าที่ที่เราต้องมีวินัยในตัวเอง ไม่จำเป็นต้องสวยหล่อ หรือต้องใส่แบรนด์เนม เพียงแค่ดูแลร่างกายให้สะอาดอยู่เสมอ ต่อให้ใส่อะไรก็ดูดีทั้งนั้น คนที่ทำงานหนักต้องพักผ่อนบ้าง ไม่ใช่ทำงานจนสลบคาโต๊ะ คาเก้าอี้ หรือรอให้ป่วยก่อนแล้วค่อยไปหาหมอ ขณะที่รถป้ายแดงกลับหมั่นเช็ดถูจนสีถลอก ทำไมจึงห่วงรถมากกว่าตัวเอง เหมือนกับชีวิตได้มาฟรีก็เลยไม่ดูแล ขอให้คิดสักนิดว่าชีวิตคนยืนยาวกว่าของใช้เยอะ

6. ณ วันนี้ผมมาถึงจุดที่ตัวเองเพียงพอแล้ว ได้ทำงานที่ชอบและได้มีชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ตัวเองรัก เสร็จงานกลับบ้านสวนที่จันทบุรี อยู่กับความเรียบง่ายของธรรมชาติ อยู่กับการปลดปล่อย ไม่บังคับตัวเองว่าจะต้องกินอาหารเมื่อไร นอนหรือตื่นเมื่อไร ผมกินอาหารวันละมื้อมา 8 ปี จะกินก็ต่อเมื่อหิวและกินแค่พออิ่ม ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ การพักผ่อนที่ดีที่สุดคือนอนหลับ และจะตื่นเมื่อร่างกายต้องการ ไม่ได้บังคับว่าต้องตื่นเพื่ออะไร เพราะอะไรก็ไม่หนีเราไปไหน ต้นไม้ยังรอ บ้านก็ยังรอเราอยู่

ผมใช้ชีวิตอย่างนี้มาสามสิบปีไม่เคยรู้จักความเหงา พอคนงานกลับไปหมด บ้านจะเงียบ ไม่มีคนอยู่ในสายตา ผมปิดไฟ มองเห็นดาวเต็มท้องฟ้า นอนฟังเสียงจักจั่น แค่นี้สำหรับผมก็พอแล้ว

 

 


ข้อมูล: นิตยสารแพรว ปีที่ 26 ฉบับ 615 (10 เม.ย.48) คอลัมน์บันทึกท้ายเล่ม หน้า 392
ภาพประกอบ: IG @maich3iam @broadcastthaitv

ทรีทเมนต์

สวยทันใจ!! แนะ 11 ทรีทเมนต์ ไฮไลท์น่าลองที่ Dii Aesthetic Institute

Alternative Textaccount_circle
ทรีทเมนต์
ทรีทเมนต์

เชื่อว่าสาวๆ เดี๋ยวนี้ชอบความสวยแบบทันใจ ไม่ชอบรอ ส่วนใหญ่เลยมักชวนกันไปทำ ทรีทเมนต์ ตามสถาบันความงามชื่อดังต่างๆ วันนี้ แพรวดอทคอม ก็มีสถาบันความงามระดับไฮเอนท์ และโปรแกรมทรีทเมนต์ มาแนะนำถึง 11 โปรแกรมให้สาวๆ เลือก

แต่ก่อนจะชี้เป้าทรีทเมนต์น่าลอง ขอพาสาวๆ มาทำความรู้จักกับดีไอไอ เอสเธติก (Dii Aesthetic Institute) เป็นสถาบันความงามแห่งใหม่ที่มุ่งเน้นการสร้างสรรค์สุนทรียะแห่งความงามที่สมบูรณ์แบบที่สุด เพื่อความงามทั้งภายในและภายนอก ด้วยจุดเด่นของการนำองค์ความรู้อิงหลักธรรมชาติและนวัตกรรมความงามล้ำสมัยที่ผ่านการศึกษาค้นคว้าและวิจัยอย่างดีมาบูรณาการเข้าด้วยกัน โดยทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านความงามและเวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ ผ่านรูปแบบคลินิกที่ไม่เหมือนใคร

ทรีทเมนต์

ทรีทเมนต์

จริงๆ ที่นี่มีโปรแกรมทรีทเมนต์ให้เลือกสรรอย่างหลากหลายมากกว่า 50 โปรแกรมในการตอบโจทย์ความงามที่ยั่งยืนและเหมาะสมกับผู้ใช้บริการแต่ละท่านแบบเฉพาะบุคคล โดยก่อนรับบริการ แพทย์จะให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด พร้อมพนักงานดูแลปรนนิบัติด้วยความใส่ใจ มีความเป็นมืออาชีพ ท่ามกลางบรรยากาศโดยรอบสไตล์มินิมอล และผ่อนคลายด้วยศาสตร์สปา

โดยจากโปรแกรมทรีทเมนต์อันหลากหลาย แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ประกอบด้วย โปรแกรม Beauty เป็นโปรแกรมทรีทเมนต์สำหรับสร้างสรรค์ความงามบนใบหน้าโดยเฉพาะ, โปรแกรม Slimming เป็นโปรแกรมทรีทเมนต์สำหรับการดูแลรูปร่างและผิวพรรณทั่วทั้งเรือนร่าง และโปรแกรม Anti-Aging เป็นโปรแกรมทรีทเมนต์สำหรับการบริการด้านเวชศาสตร์ชะลอวัยผสานหลักการธรรมชาติบำบัดและการดูแลปรนนิบัติตนเองแบบองค์รวม โดยมีโปรแกรมทรีทเมนต์ไฮไลท์ ดังนี้

แนะ 11 ทรีทเมนต์ ไฮไลท์น่าลอง

ทรีทเมนต์

1. Ultra Lift : ที่สุดของโปรแกรมทรีทเมนต์จากนวัตกรรม Fotona ล้ำสมัย ที่จะช่วยแก้ปัญหาผิวในทุกมิติและครบทุกส่วนทั้งบนใบหน้าและเรือนร่าง ผ่านการส่งพลังงานแบบใหม่หลายช่วงคลื่น ที่มีพลังมากแต่อ่อนโยน ทั้งจากผิวด้านนอกและด้านในกระพุ้งแก้ม เข้าสู่ชั้นผิวลึกถึงโครงสร้างเนื้อเยื่อด้านใน และชั้นคอลลาเจนอย่างทั่วถึง ทำให้เกิดการฟื้นฟู เติมเต็ม และยกกระชับผิวได้แม้ในจุดที่ยากและบอบบางที่สุด โดยไม่เจ็บและไม่ก่อความระคายเคืองต่อผิว จึงไม่ต้องทายาชา ซึ่งพลังงานนี้จะไปกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่ และส่งผลให้ผิวในบริเวณที่ได้รับพลังงานหดกระชับ เต่งตึง โดยเฉพาะผิวในบริเวณร่องแก้ม รอบริมฝีปาก มุมปาก แนวกรอบหน้า ริ้วรอยรอบดวงตา ร่องลึกใต้ตา รวมถึงช่วยยกกระชับทรวงอก เอว สะโพก หน้าท้อง ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนั้นยังสามารถส่งผ่านพลังงานเพื่อปรับสีผิว พร้อมฟื้นฟูผิวให้ขาวสว่าง กระจ่างใส และเรียบเนียน ได้อย่างเห็นผลชัดเจนอีกด้วย

ทรีทเมนต์

2. Q Switch Laser : นวัตกรรมล้ำสมัยที่จะช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ให้กับผิวหน้า ไม่ว่าจะเป็นผิวสีไม่เรียบ ไม่สม่ำเสมอ ผิวมีฝ้า กระ รอยดำ รอยแดง จุดด่างดำ รอยแผลเป็น ด้วยเทคโนโลยีเลเซอร์ที่เรียกว่า Q Switch Laser โดยเฉพาะฝ้า กระ จากความผิดปกติของการทำงานของเม็ดสีเมลานินในชั้นผิว ซึ่งมีหน้าที่ป้องกันแสงแดด ถูกกระตุ้นให้เพิ่มจำนวนขึ้นจากรังสียูวี รอยดำ รอยแดงจากสิว ผ่านกระบวนการปล่อยคลื่นแสงของ Q Switch ที่มีความเข้มและความหนาแน่นสูงในเวลาช่วงสั้นๆ เข้าสู่ผิว มี 2 ชนิด ชนิดแรกเป็นเลเซอร์ที่มีความยาวคลื่น 532 nm (นาโนเมตร) ซึ่งจะมีผลทำลายเม็ดสีที่อยู่ในชั้นตื้น เช่น ฝ้า กระแดด และชนิดที่สองเป็นเลเซอร์ที่มีความยาวคลื่น 1,604 nm ซึ่งจะมีผลทำลายเม็ดสีในผิวชั้นลึก เหมาะกับการลบรอยสัก กระลึก แผลเป็น โดยไม่ทำให้ผิวด้านบนเสียหาย แต่จะค่อยๆ ฟื้นฟูผิวและช่วยสร้างคอลลาเจนใต้ผิวเพื่อให้ผิวกลับคืนมากระจ่างใส กระชับ เนียนนุ่ม และเรียบเนียนอีกครั้ง เห็นผลลัพธ์ชัดเจนในการทำ 2-5 ครั้งต่อเนื่องกัน ทุก 1-2 สัปดาห์ ไม่ส่งผลข้างเคียง ไม่เจ็บ เพียงแต่ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก พยายามหลีกเลี่ยงแสงแดดแรงๆ เติมอาหารผิวด้วยคอลลาเจน และใช้ครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ

3. Venus Viva สุดยอดนวัตกรรมทางการแพทย์ด้าน Nano Fractional Radio Frequency (RF) เพื่อสร้างสรรค์ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในการแก้ปัญหาร่องลึก ผิวขาดความกระชับ มีความหย่อนคล้อย ริ้วรอยต่างๆ แผลเป็นจากสิว รูขุมขนกว้าง ผิวขรุขระ ไม่สม่ำเสมอ ผิวเหี่ยวย่นบริเวณคอ รวมถึงจุดด่างดำและผิวแตกลาย ด้วยการส่งผ่านพลังงานคลื่นความถี่วิทยุที่มีความถี่ 1 MHz และ 460 KHz กับเทคโนโลยีที่ควบคุมการปล่อยพลังงานเป็นจังหวะที่มีแบบแผน กระจายทั่วพื้นที่ผิวอย่างหนาแน่นหลายรูปแบบ และแม่นยำสู่ผิวชั้นหนังแท้ เพื่อสะสมอุณหภูมิอันพอเหมาะ ในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเสริมสร้างไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast-เซลล์ผิวซึ่งทำหน้าที่ผลิตคอลลาเจนและอิลาสติน ส่งผลให้เกิดการซ่อมแซมผิวในส่วนที่สึกหรอ พร้อมช่วยให้เนื้อเยื่อผิวมีการจัดโครงสร้างที่ดียิ่งขึ้น ทำให้ผิวหน้ายกกระชับ เต่งตึง กระจ่างใส เรียบเนียน และอ่อนกว่าวัย

4. HIFU (Face) : High Intensity Focus Ultrasound หรือ “HIFU” เทคโนโลยีสุดล้ำแห่งการยกกระชับใบหน้า ด้วยการส่งคลื่นเสียงที่มีความถี่สูง (Ultrasound) ที่เฉพาะเจาะจงลงไปใต้ผิวลึกถึงระดับชั้นเนื้อเยื่อเหนือกล้ามเนื้อ (SMAS) ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับที่ผ่าตัดดึงหน้า ผลลัพธ์คือทำให้เกิดกระบวนการหดตัวของผิวและเสริมสร้างเนื้อเยื่อใหม่ตรงผิวบริเวณนั้น โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น และไม่มีอาการบวมช้ำ นอกจากนั้นยังกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ที่ช่วยให้ผิวหน้าเต่งตึง อ่อนเยาว์ สัมผัสได้ถึงความอิ่มฟูของผิวใต้ตา แก้ม คาง ริ้วรอยและร่องแก้มลดลง กรอบหน้าดูชัดขึ้น พร้อมปรับรูปหน้าให้ดูเรียวแบบ V-Shape อีกด้วย

5. (Body) : High Intensity Focus Ultrasound หรือ “HIFU” เทคโนโลยีสุดล้ำเพื่อยกกระชับผิวทั่วเรือนร่าง ด้วยการส่งคลื่นเสียงหรืออัลตร้าซาวด์ที่มีความถี่เข้มข้น ลงไปใต้ผิวลึกถึงระดับชั้นเนื้อเยื่อเหนือกล้ามเนื้อ (SMAS) เช่นเดียวกับ HIFO (Face) แต่เป็นการต่อยอดในการส่งคลื่นที่กว้างกว่า โดยยังคงมีความสม่ำเสมอ ซึ่งจุดเด่นของคลื่นนี้จะช่วยเสริมสร้างเนื้อเยื่อใหม่ ทำให้ผิวตึงกระชับ แก้ปัญหาความหย่อนคล้อยได้อย่างเห็นผล ลดเซลลูไลท์หรือผิวเปลือกส้ม ผิวแตกลาย และไขมันสะสมใต้ชั้นผิวได้ทั้งตัว โดยไม่เจ็บปวดเหมือนการผ่าตัด พร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ทำให้ผิวกระชับ เรียบเนียน และอ่อนเยาว์ขึ้นทั้งเรือนร่าง

6. MesoFat : เทคนิคที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางในแวดวงความงาม โดยวิธีการฉีดเพื่อช่วยสลายไขมันส่วนเกินและขจัดเซลลูไลท์ในผิวบริเวณแก้ม คาง จมูก หนังตาบน ต้นแขน ต้นขา น่อง สะโพก และหน้าท้องได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่จำเป็นต้องผ่าตัดและไม่ต้องพักฟื้น ที่สำคัญ MesoFat สูตรเฉพาะของที่นี่ คือการส่งผ่านเอนไซม์เข้าไปย่อยสลายเยื่อบุเซลล์ชั้นไขมัน เพื่อขับออกทางระบบน้ำเหลือง รวมถึงยังมีส่วนประกอบพิเศษที่ช่วยเพิ่มการเผาผลาญเฉพาะส่วน ทำให้เกิดผลลัพธ์ที่น่าพอใจยิ่งขึ้น

7. ReShape+VelaShape : นวัตกรรมขั้นสูงเพื่อการยกกระชับสัดส่วน โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่เจ็บปวด และไม่มีผลข้างเคียง เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเซลลูไลท์ คุณแม่หลังคลอด และผู้ที่ลดน้ำหนักแล้วผิวแตกลาย ในเวลา 1 ชั่วโมง โดยครึ่งชั่วโมงแรกเป็นการ ReShape ด้วย Tissue Manipulation (ตัวนวดผิวช่วยยกกระชับผิวอย่างล้ำลึก) และครึ่งชั่วโมงหลังเป็นการ VelaShape ด้วยการผสานการทำงานร่วมกันของ 4 เทคโนโลยี ได้แก่ IR (Infrared พลังงานความร้อนจากแสงอินฟาเรด ช่วยเพิ่มความกระชับและเรียบเนียนของผิวด้านบน), RF (Radio Frequency คลื่นวิทยุความถี่สูง ช่วยเพิ่มกระบวนการเผาผลาญไขมันชั้นลึก), Roller (ลูกกลิ้ง) และ Vacuum (แรงดูดสุญญากาศ ช่วยทำให้เซลลูไลท์แตกตัว) เพื่อผลในการสลายไขมันส่วนเกิน และขจัดเซลลูไลท์หรือก้อนไขมันขนาดใหญ่สะสมตัวใต้ผิวหนังทำให้เกิด “ผิวเปลือกส้ม” อย่างมีประสิทธิภาพ ลดขนาดของเส้นรอบวงของผิว กระชับสัดส่วน ปรับสภาพผิวให้ดูเรียบเนียนและกระชับขึ้น ทั้งยังกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ทำให้ระบบน้ำเหลืองไหลเวียนดีขึ้น และคลายอาการปวดเมื่อย

8. Metabolism Booster (Body) : การฝังเข็มเพื่อกระตุ้นระบบการเผาผลาญโปรแกรมนี้ เหมาะสำหรับผู้สนใจลดไขมันหรือน้ำหนักส่วนเกินด้วยวิธีธรรมชาติ จากการนำศาสตร์ฝังเข็มขั้นสูงของแพทย์แผนจีน ที่ผ่านการพิสูจน์จากเทคโนโลยีปัจจุบันแล้วว่า กระตุ้นการทำงานของระบบเผาผลาญได้อย่างดี ช่วยปรับสมดุลการทำงานของต่อมไทรอยด์ ตับ ตับอ่อน และไต ปรับสมดุลฮอร์โมน ลดระดับคอเรสเตอรอลในเลือด ลดความอยากอาหารมากเกินพอดี จึงเป็นการปรับสมดุลการบริโภคอาหารในระยะยาวไปด้วย ดำเนินการโดยแพทย์แผนจีนผู้เชี่ยวชาญด้านศาสตร์การฝังเข็มโดยตรง

ทรีทเมนต์

9. Abosolute Pure Acupuncture : เพราะเข้าใจถึงชีวิตการทำงานของคนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะคนทำงานออฟฟิศซึ่งมักนั่งทำงานคร่ำเครียดอยู่กับโต๊ะหรือหน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ ด้วยท่าทางซ้ำๆ หรือด้วยอิริยาบถไม่เหมาะสม และห่างไกลการออกกำลังกาย จนส่งผลให้เกิดอาการปวดเกร็ง และปวดเมื่อยสะสมที่กล้ามเนื้อบริเวณคอ หลัง บ่า ไหล่ แขน มือ ไปถึงขา เพราะเลือดลมไหลเวียนติดขัด อันเป็นสัญญาณของกลุ่มอาการออฟฟิศซินโดรม ที่นี่จึงออกแบบโปรแกรมนี้ขึ้นมาเป็นพิเศษ โดยการใช้ศาสตร์การฝังเข็มตามหลักแพทย์แผนจีน ฝังไปตามจุดฝังเข็มบนร่างกาย ซึ่งเป็นจุดเส้นลมปราณ มาช่วยบรรเทาอาการปวดของกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ เนื่องจากเข็มที่ฝังหรือปักลงไปจะไปกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนดีขึ้นนั่นเอง และยังช่วยปรับสมดุลของร่างกายอีกด้วย โดยการฝังเข็มถือเป็นหัตถการที่ไม่ใช้สารเคมี มีความปลอดภัย และให้ผลที่ยั่งยืนในระยะยาว

10. IV Amino Plus : จากการฟื้นฟูสุขภาพที่ได้รับความนิยมในหมู่คนดัง นักร้อง และนักแสดงทั้งในอังกฤษและสหรัฐอเมริกา ด้วยวิธีที่เรียกว่า IV Infusion Therapy ซึ่งคือการให้สารอาหารหรือวิตามินผ่านสายน้ำเกลือเข้าสู่กระแสเลือดโดยตรง เป็นเทรนด์ที่มาแรง เพราะร่างกายสามารถดูดซึมสารอาหารหรือวิตามินได้อย่างรวดเร็วถึงระดับเซลล์ ทำให้ช่วยฟื้นฟูและแก้ปัญหาของสุขภาพอย่างเช่น อาการอ่อนเพลีย นอนไม่หลับ ไม่กระฉับกระเฉง ไม่สดใส ได้อย่างเห็นผล ทำให้สถาบันดีไอไอ เอสเธติก มีการพัฒนาการผสมวิตามินหลากหลายสูตรเพื่อตอบโจทย์เทรนด์ด้านสุขภาพและความงามนี้ขึ้นมาเช่นกัน โดยเฉพาะโปรแกรม IV Amino Plus เป็นสูตรที่คิดค้นขึ้นเพื่อเร่งระบบเผาผลาญของร่างกาย สำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก และสร้างกล้ามเนื้อด้วยวิธีธรรมชาติ ประกอบด้วยส่วนผสมของอะมิโนแอซิด ที่ช่วยกระตุ้นกระบวนการเผาผลาญ, วิตามินบีคอมเพล็กซ์ และสารประกอบต่างๆ ที่ช่วยในการบำรุงผิวและระบบประสาท รวมทั้งผ่อนคลายความเครียดด้วย

ทรีทเมนต์

11. Sensitive Aqua O2 : โปรแกรมเพื่อการบรรณาการกระจ่างใสและอ่อนเยาว์ให้กับผิวหน้า ด้วยการผสานเทคโนโลยี O2 Hydra Dermabrasion Skin Peel ซึ่งเป็นเครื่องพ่นลักษณะคล้ายปากกาด้ามเล็กๆ ซึ่งจะส่งผ่านออกซิเจนบริสุทธิ์ในรูปของละอองน้ำเล็กละเอียดและเย็นสบายสู่ผิวหน้า เข้ากับคุณประโยชน์ของสารสกัดจากธรรมชาติอย่างคอลลาเจนเข้มข้นที่มีส่วนผสมของสาหร่ายสีแดง Eucheuma Cottonii และเทคนิคการนวดกดจุด เพื่อฟื้นฟูระบบการทำงานของเซลล์ภายในร่างกายด้วยตัวมันเอง เติมเต็มความกระจ่างใส และเปล่งประกายของผิว พร้อมกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตและระบบน้ำเหลืองบนใบหน้า

 

 

7 ผลงานสุดเก๋ จากปู่ “คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์” แฟชั่นไอคอนที่โลกต้องกราบ

ก้าวเข้าสู่ซัมเมอร์ ฤดูแห่งสีสันแบบเต็มตัว วงการแฟชั่นโลกก็คึกคัก จัดจ้าน และเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจใหม่ทุกมิติ ด้วยคอลเล็คชั่นฤดูร้อนจากหลากแบรนด์ที่พาเหรดมาอวดความร้อนแรงแข่งกับอุณหภูมิอากาศ พาลให้คิดถึงดีไซเนอร์รุ่นปู่สุดซ่า คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ (Karl Lagerfeld) ดีไซเนอร์ที่เกิดในปี ค.ศ. 1938 ซึ่งถูกยกให้เป็นไอคอนแห่งวงการแฟชั่น ที่นอกจากเป็นครีเอทีฟไดเร็คเตอร์ให้กับแบรนด์ดังอย่าง Chanel และ Fendi แล้ว

เขายังเป็นเจ้าของแบรนด์ภายใต้ชื่อของตัวเองว่า KARL LAGERFELD” (คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์) แถมยังขยายตัวจากแฟชั่นไปจนถึงงาน illustration การถ่ายภาพ การ Styling และงานเขียนหนังสือ เสน่ห์เหลือร้ายของปู่คาร์ล ที่ทำให้ยังซู่ซ่าไม่มีดีกรีตก ครองใจแฟนตั้งแต่ยุค 50s จนถึงรุ่นเหลนในวันนี้ได้ อยู่ที่สไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ ด้วยการผสานความหรูหราที่สามารถสัมผัสได้ ผสมกับความ Cool ในการออกแบบ กลายเป็น Signature หลักคือ การนำเอาความคลาสสิกมาผสมกับความโมเดิร์น และความเท่สไตล์ Rock-Chic Edge

คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์
คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์

ใครๆ ก็อยากได้ดีเอ็นเอความคลาสสิกบวกกับความคูลแบบไร้กาลเวลาของคาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ หากเราลองตามรอยศึกษารสนิยมทางแฟชั่นผ่านงานชิ้นเด็ดในชีวิตของเขา กับ 7 ผลงานเหล่านี้ คงช่วยอัพเทสต์ให้อินเตอร์และปรับทัศนคติของการดีไซน์ได้ไม่มากก็น้อย นับถอยหลังแล้วไปดูเลย

 

7 ผลงานของ คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์

 

1. ชิ้นแรกเกิดขึ้นในปีค.ศ. 1954 เป็นภาพสเก็ตเสื้อโค้ทฝีมือการออกแบบของคาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ ที่ส่งเข้าประกวด และประสบความสำเร็จได้รับรางวัลชนะเลิศจากการประกวด จัดโดย Secrétariat International de la Laine ด้วยความฮ็อตจริงจัง ชื่อเสียงเลยไปเข้าหูดีไซเนอร์คนดังของฝรั่งเศส Pierre Balmain (ปิแอร์ บัลแมง) โดยได้นำภาพสเก็ตเสื้อโค้ทชิ้นนี้ไปผลิตออกจำหน่ายจริง แถมโชคดีสองเด้ง รับ คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ เข้าทำงานในตำแหน่งผู้ช่วยอีกด้วย

คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์

 

2. สมัยก่อน ดีไซเนอร์เมื่อเลือกแล้วว่าจะทำงานสายไหนก็จะยึดทำสายนั้นไปตลอด แต่ไม่ใช่สำหรับคาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ เพราะในปีค.ศ. 1975 เขาก้าวออกจากสายเสื้อผ้ามาเป็นแฟชั่นดีไซเนอร์ผลิตน้ำหอมออกจำหน่ายเป็นคนแรก ภายใต้แบรนด์ Chloe (โคลเอ้)

คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์

 

3. เมื่อคาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ ทำแบรนด์ของตัวเอง ที่มีชื่อเดียวกับชื่อของเขาว่า KARL LAGERFELD” (คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์) ทำให้เขาได้ประกาศความสามารถอีกด้าน นั่นคือ การถ่ายภาพ ผ่านการถ่ายทำ Campaign Shooting ในปี ค.ศ.1987 โลกต้องบันทึกไว้อีกข้อว่าเขาคือช่างภาพแฟชั่นที่มีฝีมือคนหนึ่ง โดดเด่นในวงการ กระทั่งผลงานรูปถ่ายหลายๆ ชิ้นของเขาถูกนำไปใส่ไว้ในหนังสือภาพที่ถูกตีพิมพ์โดย Gerhard Steidl (แกร์ฮาร์ด ชไตเดิล) ช่างภาพชื่อดังชาวเยอรมัน ที่มีผลงานโฟโต้บุ๊คและสำนักพิมพ์เป็นของตัวเอง

คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์

 

4. เรื่องการเนรมิตศิลปะบนภาพ ไม่ได้ถูกจำกัดพรสวรรค์แค่ภาพนิ่ง เพราะเขายังสำแดงเดชไว้กับการวาดภาพอีกด้วย โดยในปีค.ศ.1992 คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ได้สร้างสรรค์ 60 รูปวาดเพื่อเป็นภาพประกอบให้กับหนังสือ The Emperor’s New Clothes เขียนโดย Hans Christian Anderson เป็นหนังสือประเภทนิยายเจ้าหญิงสุดคลาสสิก

คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์

 

5. ถ้าอำนาจแห่งอินฟลูเอ็นเซอร์เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อ 18 ปีที่แล้ว คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์นี่แหละคือ อินฟลูเอ็นเซอร์อันดับหนึ่งสายลดน้ำหนัก เพราะในปีค.ศ. 2000 เขาลุกขึ้นมาปฏิวัติตัวเอง เปลี่ยนลุคจากชายอวบอ้วนเทอะทะ ลดน้ำหนักอย่างจริงจังจนน้ำหนักลดลงถึง 42 กิโลกรัม จากความสำเร็จนี้เขาต่อยอดด้วยการพิมพ์หนังสือชื่อ The 3D Diet ที่ตีพิมพ์เกี่ยวกับประสบการณ์การลดน้ำหนักในแบบส่วนตัวของเขาถูกจัดจำหน่ายไปทั่วโลก

คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์

 

6. พรสวรรค์ด้านดีไซน์ของปู่คาร์ล แผ่อำนาจไปถึงวงการอินทีเรีย ที่เชื่อมั่นในเทสต์ว่าจ้างให้เขาออกแบบห้อง suite 2 ห้องให้กับโรงแรม Hôtel de Crillon เมื่อปีค.ศ. 2017 ซึ่งเป็นโรงแรมไอคอนิคของกรุงปารีส และยังได้รับรางวัล “Outstanding Achievement Award” จาก British Fashion Award และรางวัล John B. Fairchild Award จาก WWD อีกด้วย

คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์

 

7. มาถึงตอนนี้ ถ้าจะบอกว่าดีไซเนอร์สุดเก๋าอย่างปู่คาร์ลจะกระโดดไปออกแบบแหวนหมั้นสุดโรแมนติก ก็คงไม่ใช่เรื่องเกินฝัน ใช่แล้ว ล่าสุดเมื่อปีค.ศ. 2016 นี้เอง เขาได้ร่วมมือกับ Frederick Goldman (เฟรดเดอริค โกลด์แมน) บริษัทผลิตเครื่องเพชรรายใหญ่ เพื่อผลิตแหวนหมั้นสำหรับเจ้าสาวยุคใหม่ โดยจะส่งให้ลูกค้าในประเทศสหรัฐฯ อังกฤษ แคนาดา และออสเตรเลีย เป็นหลัก ประกอบด้วย 3 แบบด้วยกัน ได้แก่ แหวนรูปทรงปกติที่เห็นทั่วไป ต่อด้วยแหวนทรงโมเดิร์นรูปร่างเรขาคณิต และปิดท้ายด้วยทรงโค้งมน แต่ละวง ทำด้วยทองคำขาว ทองคำ และแพลตทินัม 18 กะรัต ราคาเริ่มต้นที่ 1,000 ไปจนถึง 10,000 เหรียญ

คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์

 

เบาสมชื่อ! BAO BAO ISSEY MIYAKE ปรับราคาใหม่ ไม่ต้องบินไปซื้อถึงญี่ปุ่น ไม่ต้องพรีออร์เดอร์ ของแท้ชัวร์

ตาลุกวาวเป็นประกายอีกครั้งสำหรับสาวกกระเป๋า BAO BAO ISSEY MIYAKE ที่ตอนนี้เขาปรับราคาใหม่ให้เบาสมชื่อทุกรุ่น แบบไม่ต้องให้ขาช้อปคิดนาน

Club21 ประเทศไทย เอาใจเหล่าแฟชั่นนิสต้าสาวกกระเป๋า BAO BAO ISSEY MIYAKE ปรับราคากระเป๋าทุกรุ่นให้เบาสมชื่อเหมือนบินไปซื้อเองที่ญี่ปุ่น ซึ่งที่ผ่านมาตั้งแต่กระเป๋า BAO BAO ISSEY MIYAKE ได้เริ่มวางขายในประเทศไทย ก็ได้กระแสตอบรับที่ดีมาก กลายเป็นไอเท็มสุดฮ็อตที่ฮิตกันไปทั่วบ้านทั่วเมือง เพราะด้วยดีไซน์สุดเก๋ของกระเป๋า ที่เน้นการใช้งานได้จริง จุของได้เยอะ กะทัดรัด และน้ำหนักที่เบาอย่างไม่น่าเชื่อ จึงไม่น่าแปลกใจที่จะเห็นใครต่อใครต่างถือกระเป๋า BAO BAO ISSEY MIYAKE ตั้งแต่วัยเรียน วัยทำงาน ไปจนถึงรุ่นคุณแม่เลยทีเดียว

ที่ผ่านมาเวลาจะซื้อกระเป๋า BAO BAO ISSEY MIYAKE หลายคนก็มักจะเลือกไปซื้อที่ญี่ปุ่น เพราะที่นั่นราคาจะถูกกว่าที่ไทย บางคนก็พรีออเดอร์ ยอมเสี่ยงจ่ายเงินก่อน แต่ต่อไปนี้ไม่ต้องเสียเวลาบินไปไกล หรือว่าจะต้องกังวลว่าพรีออเดอร์มาแล้วจะได้ของปลอมหรือไม่มีของ ไม่มีสีที่ต้องการ เพราะช็อปของ BAO BAO ISSEY MIYAKE ในไทย ตอนนี้เขาปรับราคากระเป๋าทุกรุ่นครั้งใหญ่ให้ใกล้เคียงเหมือนบินไปซื้อเองที่ญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็น

LUCENT BASIC 10,900 THB  จากราคา 13,900 THB

PRISM BASIC 14,900 THB  จากราคา 18,900 THB

PLATINUM CLUTCH 23,900 THB จากราคา 29,900 THB

LANDER MATTE 30,900 THB จากราคา 39,900 THB

LANDER MATTE 37,900 THB จากราคา 47,900 THB

HIKER 25,900 THB จากราคา 31,900 THB

รวมถึงกระเป๋ารุ่นใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวไป ก็ยังมาพร้อมกับราคาโดนใจขาช็อปเช่น

LUCENT FROST 10,900 THB  New Collection

WRING 18,900 THB New Collection

WRING 12,900 THB New Collection

ไม่ใช่แค่เรื่องราคาที่สุดแสนจะเบาเพียงอย่างเดียว แต่สินค้าภายในร้านก็มาแน่นมีหลากแบบหลายสไตล์ให้เลือกพร้อมกับรับประกัน 1 ปีเต็ม  และถ้าใครไม่สะดวกไปที่ร้าน Club21 ก็มีบริการจัดส่งทั่วประเทศ ไม่เกิน 2 วัน พิเศษขนาดนี้รับรองว่าทุกคนจะต้องร้องกรี๊ด อย่าลืมนะ รีบไปจับจองเป็นเจ้าของกระเป๋าสุดเก๋กันได้ที่ร้าน BAO BAO ISSEY MIYAKE ทั้ง 4 สาขา

สยามดิสคัฟเวอรี่ ชั้น G โทร. 02-021-2142
ดิ เอ็มควอเทียร์ ชั้น โทร. 02-021-2177
เซ็นทรัล ชิดลม ชั้น 1 โทร. 02-655-7752เซ็นทรัล ลาดพร้าว ชั้น 1 โทร. 02-541-1534

LONGCHAMP

ใบเดียวในโลก! LONGCHAMP ชวน DIY กระเป๋ารุ่นคลาสสิกในแบบที่ชอบ

LONGCHAMP
LONGCHAMP

แบรนด์เครื่องหนังเอาใจแฟชั่นนิสต้าจากฝรั่งเศส LONGCHAMP กระเป๋ารุ่น เลอ ปลิยาจ (Le Pliage®) รุ่นคลาสสิกที่อยู่ในใจคนทั่วโลกมาตั้งแต่ปี 1993 และได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง เมื่อรุ่นเลอ ปลิยาจ เควียร์ (Le Pliage® Cuir) ในรูปแบบของหนังแกะเมทิส (Metis) ได้ถือกำเนิดขึ้นในปี 2012

ล่าสุดในปี 2018 ลองฌอมป์ยังไม่หยุดพัฒนา ยังคงมีลูกเล่นให้แฟนๆ ได้ร่วมครีเอท เพิ่มสีสันลวดลายให้กระเป๋ารุ่นพิเศษเฉพาะคุณ ลองฌอมป์เล็งเห็นถึงความทันสมัยที่จะเกิดขึ้นบนกระเป๋า เลอ ปลิยาจ ไนลอน เพอร์ซันนอลไลซ์(Le Pliage Nylon Personalized) และเลอ ปลิยาจ เควียร์ เพอร์ซันนอลไลซ์ (Le Pliage® Cuir Personalized) สำหรับคนที่ชอบเลือกสีในส่วนของสีกระเป๋ามี 3 เฉดสีสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ได้แก่ สีเขียวอ่อน (Anise), สีครีม (Paper) และสีฟ้าสดใส (Skyblue) มาเพิ่มจากเฉดสีเดิมที่มีให้เลือก 12 สีในแต่ละซีซั่น กับการเลือกไซส์ตามต้องการจากตัวเลือก 4ไซส์ , ความยาวสาย 2 สไตล์ , ฮาร์ดแวร์ 3 สี และเทคนิคพิเศษไม่ว่าจะเป็นการปักลวดลายหรือการปั๊มตัวอักษรบนหนัง ซึ่งแฟนๆ ลองฌอมป์จะมีความสนุก เพราะได้รังสรรค์กระเป๋าด้วยการเลือกแบบตามความชอบของตัวเอง และจะมีแค่ใบเดียวในโลกนั่นเอง

 

 LONGCHAMP  เลอ ปลิยาจ (Le Pliage®) กระเป๋ารุ่นคลาสสิก

 

LONGCHAMP

 

LONGCHAMP

 

LONGCHAMP

 

LONGCHAMP

 

LONGCHAMP

 

LONGCHAMP

 

 

LONGCHAMP

 

ในซีซั่นนี้ มีการเพิ่มลูกเล่น โมเดลเป็นตัวปั๊มยอดนิยมเอาใจแฟนๆ ไม่ให้จำเจ โดยมีลายให้เลือกถึง 12 แบบบนตัวกระเป๋า ทั้งดอกไม้ จรวด แมว หัวใจ นก และอื่นๆ อีกมากมาย ซีซั่นนี้เอาใจคอ DIY มากยิ่งขึ้น เพราะสามารถเลือกสีกระดุมของกระเป๋าได้เป็นครั้งแรก กว่า 8 เฉดสี

LONGCHAMP

อย่างไรก็ตาม กระเป๋าทุกใบจะถูกผลิตอย่างประณีตโดยผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องหนังที่เวิร์คช็อป อันเก่าแก่ของลองฌอมป์ที่เมืองเซอเกร (Segre) ประเทศฝรั่งเศส โดยมีระยะเวลาการผลิตตั้งแต่ 6 – 8 สัปดาห์

สนุกไปกับกระเป๋าที่บ่งบอกตัวตนและสไตล์แบบไม่ซ้ำใครได้ที่ร้านลองฌอมป์ แฟล็กชิพ ดิ เอ็มควอเทียร์ ชั้น G ตึก เฮลิกซ์ ควอเทียร์ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

 

เบื้องหลังการผลิตกระเป๋ารุ่น เลอ ปลิยาจ เควียร์ เพอร์เซอนัลไลซ์

 

LONGCHAMP

LONGCHAMP

LONGCHAMP

 

พี่ผิน

คุยกับ 2 บ่าวสู้ฟัด พี่ผิน – พี่แย้ม มือซ้ายมือขวาแม่นายการะเกด

Alternative Textaccount_circle
พี่ผิน
พี่ผิน

2 บ่าวคนดัง พี่ผิน – พี่แย้ม มือซ้ายมือขวา แม่นายการะเกด เปิดใจให้สัมภาษณ์เส้นทางชีวิตนักแสดงกว่าจะมีคนพูดถึงอย่างทุกวันนี้

พี่ผิน
พี่ผิน-พี่แย้ม กอด แม่หญิงการะเกด เพื่อรับโทษแทน ในละครเรื่อง  บุพเพสันนิวาส

กลายเป็นกระแสฮ็อตไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส ที่ออกอากาศทางช่อง 3 ซึ่งงานนี้ไม่ใช่แค่พระเอก – นางเอก เท่านั้นที่กลายเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง เพราะตอนนี้แม้แต่บ่าวรับใช้ของแม่หญิงการะเกดยังแจ้งเกิดตามไปด้วย ล่าสุดรายการ คุยแซ่บShow ทางช่อง one31 ได้เชิญ 2 บ่าวที่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นทั้งคู่ก็พร้อมสู้ตายถวายหัวเพื่อแม่นายอันเป็นที่รัก ซึ่งผู้ที่รับบทนี้ก็คือ หยา-จรรยา ธนาสว่างกุล รับบท พี่ผิน ส่วน นุ่น-รมิดา ประภาสโนบล รับบท พี่แย้ม ซึ่ง2บ่าวเปิดเผยว่ารู้สึกอินและผูกพันกับตัวละครมาก โดยเรา 2 คนรวมถึงนางเอก เบลล่า-ราณี แคมเปน รักกันจริงๆกระทั่งนอกจอ

พี่ผิน
หยา-จรรยา ธนาสว่างกุล รับบท พี่ผิน ส่วน นุ่น-รมิดา ประภาสโนบล รับบท พี่แย้ม

โดย หยา-จรรยา ยังได้เล่าว่าที่ผ่านมารับแต่บทคนใช้ แม่ค้า พี่เลี้ยง แม่นมมาตลอด ทั้งที่จริงๆแล้วหลายคนไม่รู้เลยว่าเธอเป็นนักเรียนการแสดงและตอนนี้ก็ยังเป็นครูสอนการแสดงอีกด้วย

“ อยู่วงการมา 20 ปี ได้รับแต่บทคนใช้ แม่ค้า พี่เลี้ยง แม่นม ถ้าถามว่าเคยคิดน้อยใจบ้างไหม ก็ต้องยอมรับว่าช่วงแรกรู้สึกเหมือนกันที่ได้รับแต่บทคนใช้ เพราะเราไปผูกตัวเองกับการเป็นนักเรียนการแสดง มีอีโก้ เลยเกิดคำถามในใจว่าทำไมเราเป็นนักเรียนการแสดงแต่บทคนใช้ อคติจนเรารู้สึกว่าเราควรมีพื้นที่กว่านี้ในฐานะนักเรียนการแสดง แต่ตอนหลังรู้แล้วว่าเรียนมาเราต้องเป็นอะไรก็ได้”

ส่วนหนึ่งที่ทำให้ หยา-จรรยา คิดอย่างนั้นอาจจะเพราะหัวโขนหรือบทบาทที่เธอได้รับด้วย “คือครั้งหนึ่งผู้ช่วยผู้กำกับเคยทำอะไรที่เรารู้สึกว่าเขาไม่ค่อยให้เกียรติเราเท่าไหร่ในฐานะนักเรียนการแสดง เขามองเราเป็นแค่ตัวประกอบ จำชื่อเราไม่ได้ไม่เป็นไรแต่ขนาดชื่อของตัวละครเขาก็ยังจำไม่ได้เลย ไม่รู้ว่าไม่ได้ทำการบ้านมาหรืออย่างไร แต่สุดท้ายเราก็ต้องตบตัวเองนะ ตบให้ตื่น (หัวเราะ)”

พี่ผิน

ขณะที่ นุ่น-รมิดา ชื่นชมว่า เบลล่า เป็นเด็กร่าเริง เป็นเด็กรุ่นใหม่ที่ทำการบ้านดีมาก บทที่ยากไม่เคยต้องคัท มนุษยสัมพันธ์ก็ดี สมแล้วที่เบลล่าจะขึ้นมาเป็นเบอร์ 1

เมื่อถามว่าถ้าจบจากละครเรื่องนี้ประชาชนอาจจะลืมทั้ง 2 คน กลัวหรือเปล่าว่าหลังจากนี้ชีวิตเดิมๆก็จะกลับมาอีกครั้ง? เกี่ยวกับเรื่องนี้ นุ่นเผยว่า “เตรียมใจไว้แล้วว่าคนจะลืม เพราะยิ่งสูงก็ยิ่งหนาว ตอนนี้ทำผิดนิดเดียวน่ากลัวมากเลย”

ด้าน หยา กล่าวเสริมว่า “รู้สึกขอบคุณที่ทุกคนให้ความสนใจอย่างมากมาย ถ้าถึงจุดที่คนจะลืมก็ไม่เป็นอะไร เพราะเราถือว่าเราทำหน้าที่ของนักแสดงสมบูรณ์แบบแล้ว”

พี่ผิน


ภาพจาก : รายการคุยแซ่บShow ทางช่อง one31 IG : @yaayaayah @noonrami

2 แม่หญิงหัวกะทิ เบลล่า – ปราง ชีวิตไม่ฟลุคทุกอย่างมาจากความตั้งใจ

Alternative Textaccount_circle

มุมชีวิตที่น่าเอาอย่างของ 2 แม่หญิงหัวกะทิ ปราง และ เบลล่า แห่งละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส เรียนดีเพราะทุกอย่างมาจากความตั้งใจ

ปราง-กัญญ์ณรัณ วงศ์ขจรไกล และ เบลล่า-ราณี แคมเปน

ไม่ได้เป็นผู้หญิงที่เก่งแค่ในละครเท่านั้น แต่ 2 แม่หญิงคนงามแห่ง บุพเพสันนิวาส เบลล่า-ราณี แคมเปน รับบท แม่หญิงการะเกด และ ปราง-กัญญ์ณรัณ วงศ์ขจรไกล รับบท แม่หญิงจันทร์วาด ตัวจริงยังเรียนเก่งมาก ๆ อีกด้วย

โดยสาว เบลล่า เธอจบการศึกษาระดับปริญญาโท จากคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ด้วยเกรดเฉลี่ยที่สวยงามคือ 3.50 อีกด้วย ซึ่งเธอเคยให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องการเรียนว่ามันเหนื่อยมากๆ ที่ต้องทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยต้องอาศัยความขยัน อดทน และมีวินัย ยิ่งเราเป็นนักแสดง ทำงานไป เรียนไป ก็ยิ่งต้องพยายาม ยิ่งพอมาเรียนปริญญาโทยิ่งต้องเพิ่มความขยัน เธอเริ่มทำโปรเจกต์จบตั้งแต่ยังไม่เริ่มลงเรียนด้วยซ้ำ …ช่างขยันขันแข็งเสียจริงแม่นายของบ่าว

ด้านแม่หญิงจันทร์วาด ก็โปรไฟล์เริ่ดเว่อร์ เธอจบเกียรตินิยมอันดับ 1 สาขาการจัดการการท่องเที่ยวและการบริการ วิทยาลัยนานาชาติ จากมหาวิทยาลัยมหิดล ด้วยเกรดเฉลี่ย 3.78

ปราง-กัญญ์ณรัณ วงศ์ขจรไกล

ทั้งนี้ความตั้งใจ และความพยายามของพวกเธอไม่ได้เห็นแค่จากการเรียนเท่านั้น แต่ยังเห็นผ่านทางผลงานของพวกเธอด้วย โดยในรายการสามแซ่บเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา 3 หนุ่ม โป๊บ-ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ,ปั้นจั่น-ปรมะ อิ่มอโนทัย และ หลุยส์ สก๊อต บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าพวกเธอเตรียมตัวมาอย่างดีเพื่อเข้าแต่ละฉาก โดยเฉพาะเบลล่าทั้งสามบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าคนนี้คือเจ้าแม่แห่งความเป๊ะเลยทีเดียว

ต๊อด - ศิณะ

หันหลังให้ธุรกิจพันล้าน “ต๊อด – ศิณะ อุ่นทรพันธุ์” เลือกชีวิตที่ออกแบบเอง

Alternative Textaccount_circle
ต๊อด - ศิณะ
ต๊อด - ศิณะ

บุกออฟฟิศหนุ่มเซอร์ ต๊อด – ศิณะ อุ่นทรพันธุ์ อดีตนักแสดงหนุ่มที่หันหลังให้วงการบันเทิง รวมถึงธุรกิจครอบครัวมูลค่านับพันล้านบาท เพื่อเลือกชีวิตในฐานะนักออกแบบหนุ่มไฟแรงที่น่าจับตามอง

ต๊อด - ศิณะ

ออฟฟิศสไตล์โมเดิร์นไม้กึ่งปูนที่มีสวนในร่มเป็นไฮไลต์อยู่กลางห้อง เหมาะที่จะช่วยกระตุ้นความคิดของเหล่านักออกแบบให้เกิดไอเดียใหม่ๆ แม้จะเป็นบริษัทเล็กๆ แต่ก็มีการขยับขยายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหนึ่งในผู้บริหารของออฟฟิศสุดคูลแห่งนี้ก็เป็นคนที่หลายคนรู้จักด้วย เพราะเขาคืออดีตนักแสดงและหนุ่มฮ็อตของวงการบันเทิง ต๊อด – ศิณะ อุ่นทรพันธุ์ ลูกชายคนโตของคุณศิริพงษ์ และคุณเนตรนภิส อุ่นทรพันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.แอ็ดวานซ์ อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี ธุรกิจเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และเน็ตเวิร์คที่มีมูลค่านับพันล้านบาท

10 ปีที่แล้วเขาหันหลังให้วงการบันเทิง เพื่อไปศึกษาด้านการออกแบบสถาปัตยกรรมอย่างเอาจริงเอาจัง และเมื่อ 2 ปีก่อน ทายาทนักธุรกิจพันล้านยังลาออกจากบริษัทของคุณพ่อ เพื่อพิสูจน์ความสำเร็จในเส้นทางที่เขาเลือกเอง ซึ่งแพรวดอทคอมมีโอกาสได้พูดคุย รวมถึงอัพเดตชีวิตของหนุ่มคนนี้ในวัย 33 ปีด้วย ดูเหมือนว่าสิ่งที่เปลี่ยนไปไม่ใช่แค่อายุเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความคิดที่มีจุดหมายชัดเจน ถึงขนาดบอกว่ามองเห็นตัวเองข้ามช็อตไปในอีก 3 – 4 ปีข้างหน้าของเขาเลยทีเดียว

ต๊อด - ศิณะ

ปัจจุบันนี้รับผิดชอบงานด้านใดบ้าง?

“ผมขอเล่าย้อนกลับไปก่อนหน้านี้แล้วกันนะครับ ผมไปเรียนต่อเฉพาะทางที่ประเทศญี่ปุ่นมา 5 ปี พอกลับมาเลยมีความคิดว่าอยากจะทำในสิ่งที่เราได้เรียนรู้มา เลยปรึกษากับครอบครัว เพราะเขาก็อยากให้กลับไปดูแลกิจการที่บ้านและผมเองก็เป็นลูกชายคนโต ตอนแรกเลยตกลงกันว่าถ้าอย่างนั้นทำบริษัทคุณพ่อและเปิดบริษัทตัวเองด้วย แต่ท้ายสุดมันก็มีเรื่องที่เราทำได้ไม่เต็มที่ ซึ่งหากอยากทำอะไรให้ดีสักอย่าง ผมก็ต้องเลือก ผมจึงเลือกในสิ่งที่ผมอยากทำ ซึ่งครอบครัวก็โอเค ดังนั้นเมื่อ 2 ปีที่แล้วผมจึงลาออกจากบริษัทคุณพ่อ และน้องสาว ตาลและเอ้ยก็มาช่วยคุณพ่อทำธุรกิจกับทางครอบครัวต่อไป”

ครอบครัวอุ่นทรพันธุ์
ครอบครัวอุ่นทรพันธุ์


“เมื่อ 2 ปีที่แล้วผมจึงลาออกจากบริษัทคุณพ่อ และน้องสาว ตาลและเอ้ยก็มาช่วยคุณพ่อทำธุรกิจกับทางครอบครัวต่อไป”


เริ่มต้นกิจการใหม่ด้วยตัวเอง?

“คือบริษัทอินดิยาร์ด (INDEYARD Co., Ltd.) เป็นบริษัทที่ประกอบกิจการให้บริการที่ปรึกษาด้านออกแบบ ปรับปรุง อสังหาริมทรัพย์เพื่อลงทุนพัฒนา ผมทำกับเพื่อนๆ ที่เรียนมาด้วยกันอีก 4 คน รวมเป็น 5 หุ้น

“จากผลงานที่ผ่านมาทำให้หลายคนอาจจะมองว่าผมเปิดมาเป็นบริษัท Architects หรือ Interior Designer จริงๆ สิ่งที่ผมต้องการคืออยากให้บริษัทนี้เป็นบริษัทดีไซน์ หมายถึงว่าสามารถทำได้ทุกอย่างเกี่ยวกับการออกแบบและดีไซน์ แต่ที่เรารับงาน Architects หรือ Interior Designer เป็นหลักเพราะว่าเราจบทางสายงานนี้มา แต่ไม่ใช่ว่าเราปิดกั้น เพราะพวกนี้เรายังมีประสิทธิภาพพอที่จะทำการออกแบบอย่างอื่น คิดงานอย่างอื่น เช่น โปรดักต์ รวมไปถึง Application ด้วย เพราะผมคิดว่าทุกคนมีคุณภาพในตัวเอง มีความคิดที่ว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ ยิ่งในยุคนี้คือมันเร็วมาก ผมบอกน้องๆ ว่าถ้ามีความคิดอะไรก็มาคุยกัน เราจะได้ลุยเลย”

ต๊อด - ศิณะ

ความหมายของชื่ออินดิยาร์ด?

“จริงๆ หลายคนก็ถามนะว่ามันคืออะไร ทำไมถึงใช้ชื่ออินดิยาร์ด คือผมจะบอกว่าจริงๆ มันไม่มีอะไรเลย ผมว่าเราทำงานร่วมกันก็อยากอยู่แบบสบายๆ ไม่ซีเรียส ทุกคนก็เลยช่วยกันคิดชื่อ แล้วมันมีคำหนึ่งที่เพื่อนผมพูดว่า Table in the Backyard ก็คือโต๊ะที่อยู่กลางสวนด้านหลัง ผมว่ามันชิลดี แต่ชื่อมันยาว ผมเลยย่อจนเหลืออินดิยาร์ด”

มาเปิดธุรกิจเองแบบนี้ คุณพ่อให้วิชาหรือคำแนะนำอะไรมาบ้าง?

“คุณพ่อสอนมาเยอะมากเลยครับ ตั้งแต่การบริหาร ดูแลคน ท่านให้คำแนะนำเราค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะเรื่องมุมมองในการทำธุรกิจครับ”

เปิดบริษัทมา 2 ปีแล้ว ได้เจอปัญหาที่ยากลำบากจนบางครั้งรับมือไม่ไหวบ้างไหม?

“จริงๆ อุปสรรคก็มีเรื่อยๆ แต่ก็ไม่ได้ใหญ่ขนาดที่รับมือไม่ไหว เพียงแต่ว่ามันมาเป็นระยะๆ เล็กบ้าง ใหญ่บ้าง ซึ่งเราก็ต้องตามเกมให้ทัน”


“จริงๆ อุปสรรคก็มีเรื่อยๆ แต่ก็ไม่ได้ใหญ่ขนาดที่รับมือไม่ไหว เพียงแต่ว่ามันมาเป็นระยะๆ เล็กบ้าง ใหญ่บ้าง ซึ่งเราก็ต้องตามเกมให้ทัน”


งานที่รู้สึกภาคภูมิใจที่สุดในตอนนี้?

“คงเป็นงานใหญ่ที่สมุยครับ กำลังจะเริ่มในเร็วๆ นี้ เป็นบ้านพักอาศัย 4 หลังบนภูเขา หลายคนนึกถึงสมุยคงคิดถึงทะเล แต่บ้านบนภูเขาก็มีมุมมองอีกมุมมองหนึ่งที่สวย คิดสภาพว่าเราอยู่บนเขาแล้วสามารถเห็นวิวได้กว้างขึ้น”

ผิวเผินดูเป็นผู้ชายเซอร์ๆ ง่ายๆ สบายๆ แล้วในฐานะผู้บริหาร ต๊อดเป็นผู้บริหารแบบไหน?

“ผมว่าเราอย่าไปยึดติดกับคำว่าผู้บริหารเลย บริษัทเราอยู่กันเป็นพี่เป็นน้องกัน ผมไม่ออกกฎอะไรเลย ผมคิดว่ากฎจะเกิดต่อเมื่อมันมีปัญหาเกิดขึ้น ถ้าเราไม่ได้ทำอะไรที่เป็นปัญหา ก็ไม่จำเป็นที่ต้องออกกฎ แต่อย่างเดียวที่ผมขอน้องๆ คือ ขอให้ส่งงานให้ผมและเพื่อนๆ ดูให้ตรงตามเวลาเท่านั้น เวลาอื่นๆ อยากทำอะไรตามสบายเลย แต่สุดท้ายต้องส่งงานตรงเวลา”

ต๊อด - ศิณะ

ไม่ว่าจะเป็นความคิดความอ่านดูจริงจังกับชีวิตมากขึ้น?

“มันก็เติบโตตามวัย สมัยนั้นก็แค่เรียน เที่ยว ทำงาน ไม่มีงานเราก็ไม่แคร์ แต่ตอนนี้เราคิดได้แล้วว่าตอนนี้เรามีเป้าหมายอะไร มองไปถึงว่าอีก 3 – 4 ปีข้างหน้าเราจะทำอะไร ถ้าเราอยากเห็นอะไรในชีวิตเรา สำหรับปีนี้อินดิยาร์ดก็มีเป้าหมายอยากให้คนรู้จัก และการปั้นบริษัทต้องใช้เวลา 2 – 3 ปี ตอนแรกๆ อาจมีแกว่งบ้าง แต่ก็จะทุ่มเทให้มากยิ่งขึ้นเพื่อรักษามาตรฐาน”


“สมัยนั้นก็แค่เรียน เที่ยว ทำงาน ไม่มีงานเราก็ไม่แคร์ แต่ตอนนี้เราคิดได้แล้วว่าตอนนี้เรามีเป้าหมายอะไร มองไปถึงว่าอีก 3 – 4 ปีข้างหน้าเราจะทำอะไร ถ้าเราอยากเห็นอะไรในชีวิตเรา”


ในฐานะที่เรียนสถาปัตยกรรม ถ้าเปรียบต๊อดเป็นตึก คิดว่าตัวเองเป็นตึกแบบไหน?

“ผมชอบอาคารสูง ถ้าเป็นดีไซน์คงเป็นแบบมินิมัล แบบว่าไม่ต้องมีอะไร เพราะมันสวยงามในแบบที่มันเป็น ไม่ต้องเยอะ ไม่ต้องนู่นไม่ต้องนี่ จริงๆ ก็คล้ายๆ กับการแต่งตัวของผมนะ ผมชอบใส่เสื้อยืดสีดำ กางเกงยีน และรองเท้าแตะ สบาย ง่าย ใช้ประโยชน์ได้จริง แต่งแบบนี้มาไม่รู้กี่ปีแล้ว แต่ไม่ใช่ว่าผมจะแต่งแบบนี้ไปหาลูกค้านะครับ (หัวเราะ) สาเหตุที่ผมแต่งแบบนี้ ผมว่ามันง่าย สบาย ไม่ต้องมานั่งคิดว่าจะใส่อะไร วันนี้จะแต่งตัวแบบไหนออกไป ผมซื้อของหรือช็อปปิ้งแป๊บเดียวครับ ส่วนใหญ่ก็ซื้อในยูนิโคล่นี่แหละ”

ต๊อด - ศิณะ

เป็นหนุ่มเซอร์แบบนี้ แต่ก็มีมุมมุ้งมิ้ง โดยเฉพาะกับคนในครอบครัว?

“โชคดีที่ว่าครอบครัวผมเป็นครอบครัวที่ค่อนข้างเข้าใจกัน บางเรื่องที่เราหลุดออกไปไม่ถูกต้อง เขาก็จะเริ่มเตือน แต่ก่อนที่จะเตือน เขาก็ปล่อยให้เราได้เดินก่อน บางครั้งอาจจะไม่ได้แสดงออก แต่ลึกๆ แล้วครอบครัวพวกเราห่วงใยกันเสมอ พ่อกับแม่ผมสอนมาให้เป็นคนรักครอบครัวแบบนี้”


“ครอบครัวพวกเราห่วงใยกันเสมอ พ่อกับแม่ผมสอนมาให้เป็นคนรักครอบครัวแบบนี้”


ย้อนกลับมาถามถึงจุดเปลี่ยนที่ทำให้หันหลังให้วงการบันเทิงเมื่อ 10 ปีที่แล้ว?

“จริงๆ แล้วทุกคนเข้าใจผิดว่าผมหันหลังให้วงการ (หัวเราะ) ทุกคนเข้าใจกันผิดนะครับ ผมไม่ได้หัน (ยิ้ม) จริงๆ มันเริ่มจากที่ผมทำงานและแบ่งเวลาในชีวิตไม่ค่อยถูกสักเท่าไหร่ ตอนนั้นผมบอกตรงๆ ว่าผมค่อนข้างเด็ก เอาแต่ใจ และคิดอยากทำอะไรเราก็ทำ ตอนนั้นผมตั้งใจทำเต็มที่ทั้งงานและเรื่องเรียน แต่พอเราโฟกัสหลายอย่าง ทำให้ผมรู้ว่าอาจจะเรียนไม่รอด ผมก็เลยคิดว่าเราอาจจะต้องตัดอะไรออกก่อน เลยเลือกตัดเรื่องงานและโฟกัสที่การเรียน เพราะคิดว่ามันตรงกับสิ่งที่ผมชอบมากกว่า อีกอย่างมันเหมือนกับได้พิสูจน์ตัวเองว่าเราสามารถทำให้พ่อและแม่ภูมิใจได้ในระดับหนึ่ง และตัวผมเองมีความคิดว่าในฐานะลูก เราก็อยากจะทำให้ท่านทั้งสองภูมิใจ ไม่ว่าจะเป็นการเรียนหรือการใช้ชีวิต และผมคิดว่าตอนนี้ท่านก็คงอยากเห็นความสำเร็จของลูกในทางใดสักทาง เมื่อผมเลือกทางนี้ ผมก็ตัดสินใจที่จะทำทางนี้ให้ดีที่สุด ตอนนี้ท่านก็คงเป็นห่วงและกำลังมองดูอยู่ห่างๆ”

5 ปีที่ผ่านมา ไปญี่ปุ่นเพื่อเรียนปริญญาโทใช่หรือเปล่า?

“ผมไม่ได้เรียนโทครับ ผมไปเรียนเฉพาะทางที่ Tokyo Mode เกี่ยวกับ Interior Designer คือเด็กญี่ปุ่นพอเรียนจบมัธยมปลายจะออกไปทำงานประมาณ 2 ปี แล้วค่อยกลับมาเรียนต่อในสิ่งที่เขาชอบในมหาวิทยาลัยหรือเฉพาะทาง ซึ่งการเรียนเฉพาะทางที่ญี่ปุ่นเปิดกว้างมาก มีหมดทุกสายอาชีพ”

ต๊อด - ศิณะ

เป็นอย่างไรบ้างกับการใช้ชีวิตในต่างแดนตลอด 5 ปีที่ผ่านมา?

“อย่างแรกคือการอยู่ที่นั่นแตกต่างจากที่อยู่เมืองไทยมากๆ ใช้ชีวิตเอง ศึกษาเอง ใช้ความรู้ของตัวเอง ตอนไปแรกๆ ไม่ได้ภาษาญี่ปุ่นเลยครับ ไปเรียนเอาที่นั่นเลย เวลาใครพูดอะไร เราก็จะไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ แต่โชคดีว่าตอนแรกมีเพื่อนที่เป็นคนไทยอยู่ด้วย เขาก็จะช่วยเหลือ แต่พอเพื่อนเริ่มกลับ เราก็ต้องอยู่ให้ได้ด้วยตัวเอง พยายามที่จะสื่อสารกับเขา และคลาสที่ผมเรียนเป็นคลาสภาษาญี่ปุ่น ไม่ใช่คลาสอินเตอร์ เลยทำให้เราต้องยิ่งฝึกฝนมากๆ

“สำหรับคนที่ไปเที่ยว หลายคนบอกว่าญี่ปุ่นดีเลิศ (เสียงสูง) ลองไปอยู่สิ! เที่ยวกับอยู่จริงๆ นี่คนละเรื่องกันเลย เพราะทุกคนเขาค่อนข้างจริงจัง อย่างแรกคือเรื่องมารยาทที่ต้องให้เกียรติคนอื่นเสมอ สองคือเรื่องเวลา สำคัญมาก นัดกี่โมงต้องมาให้ตรง ถ้าช้าเขานับเวลาเป็นนาที ซึ่งตรงนี้ถ้าพูดจริงๆ มันก็ดีนะ และทำให้ผมเปลี่ยนแปลงตัวเองไปด้วย ตอนนี้ที่บ้านก็จะเรียกผมว่าผู้คุมกฎไปแล้ว” (หัวเราะ)


“เรื่องเวลาสำคัญมาก นัดกี่โมงต้องมาให้ตรง ถ้าช้าเขานับเวลาเป็นนาที ซึ่งตรงนี้ถ้าพูดจริงๆ มันก็ดีนะ และทำให้ผมเปลี่ยนแปลงตัวเองไปด้วย ตอนนี้ที่บ้านก็จะเรียกผมว่าผู้คุมกฎไปแล้ว”


เป็นคนที่มีเพื่อนเยอะ และคบใครก็คบนานด้วย?

“ไปญี่ปุ่นนอกจากภาษา ผมก็ได้เพื่อนนี่แหละครับ อย่างในวงการบันเทิงก็เป๊ก (เปรมณัช สุวรรณานนท์) เขาเป็นเพื่อนคนแรกของผมในวงการบันเทิงเลยนะ (ยิ้ม) ตอนแรกผมไม่ค่อยอยากรู้จักหรอก (หัวเราะ) แต่พอเริ่มคุยกันแล้วมันเหมือนกับว่าเป็นคนที่คอยช่วยเหลือ คอยดูแลกัน เราเริ่มต้นมาพร้อมๆ กัน ก็เลยพยายามช่วยเหลือซึ่งกันและกัน พัฒนาจากคนรู้จักเป็นเพื่อนจนถึงปัจจุบันนี้ แต่เขาเลือกเดินทางนี้ต่อ ส่วนผมขอเปลี่ยนทางเดิน แต่ความสัมพันธ์เราก็ยังเหมือนเดิม และตอนนี้เขาแต่งงานแล้ว ก็ยังเป็นสามีที่ดีอีกด้วย ส่วนกับโอ๊ต (ปราโมทย์ ปาทาน) จริงๆ รู้จักกันมา 3 ปีในฐานะที่เขาเป็นเพื่อนพี่เป๊ก วงซีล มาก่อน เขาทำร้านด้วยกันแถววังหิน ชื่อ People On Pause Cafe’ เราจะไปแฮ้งเอ๊าต์ที่นี่กันบ่อย แล้วโอ๊ตก็เป็นเพื่อนกับเป๊กด้วย มันก็เลยกลายเป็นการรวมเข้ามา”

เป๊ก - เปรมณัช กับต๊อด
เป๊กและต๊อด

แฮชแท็กประจำตัวของต๊อด #คืออะไรก็ได้ ในทางกลับกัน สำหรับต็อดมีอะไรไม่ได้บ้างไหม?

“อย่างที่บอกไปตอนแรก เรื่องเวลากับอย่าคุกคามผม ผมจะไม่ชอบเท่าไหร่ เช่น ถ้าไม่รู้จักกันเลย แต่แบบมากอดคออะไรแบบนี้ มีพื้นที่ให้ผมนิดนึง ให้ผมได้เลือกว่าจะเดินต่อหรือถอยหลังดี อีกอย่างผมจะไม่คุยกับคนที่ไม่รู้จัก เพราะผมไม่รู้จะคุยเรื่องอะไร หลายคนจึงมองว่าผมหยิ่ง แต่ถ้าพูดตามจริง ผมก็ค่อนข้างมีโลกส่วนตัวสูงจริงๆ”

#คืออะไรก็ได้

มุมมองความรักในวัย 33 ปี?

“ผมมองว่าความรักเป็นสิ่งที่ทุกคนโหยหา ไม่ว่าจะจากพ่อแม่ คนรอบข้าง แต่มันก็จะมีสิ่งที่โลกมันเป็นคือ ทุกคนอยากจะมีคู่ที่คอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ผมมองว่าความรักไม่ใช่เรื่องที่ไม่ถูกต้องหรือว่าอะไร มันมีได้ แต่เราต้องรู้จักลิมิตตามกฎเกณฑ์ของสังคม เมื่อก่อนผมไม่ได้คิดอะไร มองว่าแค่นี้เอง ทำไมถึงเป็นข่าวใหญ่โต ซึ่งปัจจุบันผมมองว่าการเปิดตัวในยุคสมัยที่เปลี่ยนไป มันก็เป็นอีกรูปแบบหนึ่ง เราได้เห็นมากขึ้นผ่านสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ โดยที่ไม่ต้องบอกคนก็เข้าใจได้ ผมว่าเราเองรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้วว่าเป็นอะไร แต่อะไรที่เป็นประเด็น และจริงๆ คนอยากรู้อะไร ผมว่าทุกคนรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว”

กว่าจะได้ทำในสิ่งที่ชอบไม่ใช่เรื่องง่าย เชื่อว่าความมุ่งมั่นที่มีเต็มร้อยจะพาให้เขาและธุรกิจที่ปั้นเองกับมือไปได้ไกลแน่นอนค่ะ


เรื่อง : นนทพร สุทธิพิบูลย์

ภาพ : tnatong

ชุดไทยประยุกต์

โมเดิร์นมากเจ้าค่ะ! ชุดไทยประยุกต์ ใส่ได้ในชีวิตประจำวัน ราคาเพียงหลักร้อย

ชุดไทยประยุกต์
ชุดไทยประยุกต์

ต้องยอมรับเลยว่าช่วงนี้กระแส ผ้าไทย ชุดไทย หรือแม้แต่ ชุดไทยประยุกต์ มาแรงจริงๆ ไม่ว่าจะงานอุ่นไอรัก คลายความหนาวที่เพิ่งจบไป หรือละครเรื่องดังอย่างบุพเพสันนิวาสที่ปลุกความเป็นไทยให้กลับมาบูมอีกครั้ง โดยเฉพาะการแต่งกายที่งดงาม จนใครๆ ก็อยากเป็นแม่หญิงการะเกดกันทั้งเมือง จะสังเกตได้ว่าแฟนๆ หลั่งไหลกันไปเที่ยวจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเพื่อตามรอยละครอย่างไม่ขาดสาย นอกจากนั้นแต่ละคนก็ครีเอทลุคไม่ธรรมดา เพราะจัดเต็มด้วยชุดไทยห่มสไบแบบแม่หญิงการะเกด เดินชิลถ่ายรูปอัพกันรัวๆ

แต่ถ้าอยากใส่ชุดไทยในวันธรรมดาๆ ไม่ใช่ในโอกาสพิเศษจะหางานดีไซน์เรียบง่ายและใส่ได้จริงจากที่ไหนบ้าง เพราะชุดไทยของเราก็เรียกได้ว่าแน่นทุกดีเทล จะอินความเป็นไทย แต่บางครั้งก็อาจจะเยอะไปในบางโอกาส วันนี้แพรวดอทคอมจึงขอแนะนำร้านค้าออนไลน์อย่าง Aprilsthai ที่มีชุดไทยประยุกต์ดีไซน์โมเดิร์น ใส่ได้ทุกวัน ไม่ว่าจะไปเที่ยว ทำงาน หรือเดินเล่นก็เอาอยู่ มาฝากกันเจ้าค่ะ

 

 ชุดไทยประยุกต์ ใส่ได้ในชีวิตประจำวันแบบเก๋ๆ

 

ชุดไทยประยุกต์

ชุดไทยประยุกต์

ชุดไทยประยุกต์

ชุดไทยประยุกต์

ชุดไทยประยุกต์

ชุดไทยประยุกต์

ชุดไทยประยุกต์

ชุดไทยประยุกต์

ชุดไทยประยุกต์

ชุดไทยประยุกต์

ชุดไทยประยุกต์

ชุดไทยประยุกต์

ชุดไทยประยุกต์

ชุดไทยประยุกต์

ชุดไทยประยุกต์

ชุดไทยประยุกต์

ชุดไทยประยุกต์

สำหรับ ชุดไทยประยุกต์ นี้เป็นดีไซน์ที่ห่างไกลคำว่าใส่ยากมากๆ แถมยังมีให้เลือกหลากสไตล์ ทั้งเสื้อ เสื้อคลุม กางเกง กระโปรง หรือชุดที่มาเป็นคู่ก็งานดี ถือเป็นผลงานที่มีความทันสมัยแฝงอยู่ในลายผ้าไทยได้อย่างลงตัวมากๆ ทำให้เมื่อหยิบมาใส่แล้วอยู่ในจังหวะที่พอดี ไม่รู้สึกเยอะจนเกินไป เพราะสไตล์ที่มีสามารถตอบโจทย์ได้ทุกโอกาส งานนี้จะชิค จะเก๋ก็โดนใจไปเต็มๆ


เรื่อง : Hana_แพรวดอทคอม (ฮานะ)

ภาพ : IG@aprilsthai

 

เปิดตัวตนของ “หลุยส์ สก๊อต” บทบาทชีวิตในอีกมุม เปลี่ยนวิธีคิดชีวิตเปลี่ยน

 

เปิดตัวตนของ “หลุยส์ สก๊อต” บทบาทชีวิตในอีกมุม เปลี่ยนวิธีคิดชีวิตเปลี่ยน…สำหรับหนุ่มหลุยส์เรื่องฝีมือการแสดงคงไม่ต้องพูดถึงแล้ว เพราะดีเว่อร์ ตอนนี้เรามารู้จักตัวตนและสิ่งอื่นๆ ที่หนุ่มหล่อคนนี้ทำนอกเหนือจากงานละครกันบ้างดีกว่า ว่าตอนนี้นอกจากผลงานละครเรื่อง “บุพเพสันนิวาส” ที่กำลังโด่งดังอยู่ทั่วพระนครไปแล้วนั้น อีกบทบาทของหนุ่มคนนี้ก็คือการเป็นบรรณาธิการหนุ่มสุดหล่อให้กับนิตยสารอีกด้วย

 

จุดเริ่มต้นของบก.หลุยส์ สก๊อต

บอกได้เลยว่าเริ่มต้นคือชมพู่ อารยา เขาแนะนำ ช่วงนั้นถ่ายละครกับคุณชมพู่ ชมพู่เป็นคนบอกให้ผมลองงานดู ว่าชอบหรือเปล่า เพราะผมเป็นที่พูดได้ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทย สามารถเข้าใจได้ทั้งคู่ แมกกาซีนเล่มนี้ก็มาจากอเมริกา เราสามารถเลือกและเนื้อหาภาษาอังกฤษที่เราชอบได้ ปกติเป็นคนที่ชอบอะไรเกี่ยวกับฟิตเนสอยู่แล้ว”

“เวลาอยู่กองก็ชอบจัดการอะไรหลายๆ อย่าง เรื่องรอบตัวที่จัดการได้ค่อนข้างเหมือนผู้ใหญ่ ชมพู่ก็ชอบพูดเหมือนกันว่า แกก็คิดไกล คิดเยอะไปไหม ทำไมชอบวางแผนการลงทุน การจัดการเงินของตัวเองอย่างไร หรือบางคนก็เรียกว่าเค็ม (ขำ) แต่คือเราไม่เห็นความจำเป็นของความฟุ่มเฟือย เราจัดการกับเงินได้ดี ลงทุนกับเรื่องอสังหาริมทรัพย์ เขาเลยเห็นว่าเราเป็นคนที่โต และสามารถรับงานนี้ได้”

บทบาทบก.ในแบบของหลุยส์ สก๊อต

ก่อนเริ่มงานก็บอกแล้วว่าผมไม่เคยเป็นบก. ไม่ได้จบด้านงานเขียนมาก่อน ไม่ได้เป็นคอลัมนิสต์ ไม่ได้ถนัดในด้านนี้เลย แต่สิ่งที่เขาทำให้ผมร่วมทำงานได้ก็คือวิธีการอธิบายของเขา เขาไม่ได้ต้องการคนที่จะมาเขียน แต่มันต้องมีแน่ๆ อยู่แล้วเป็นบทบรรณาธิการ แต่นั่นคือมีแค่หน้าสองหน้า เราสามารถเขียนอะไรก็ได้ที่อยากจะเปิด อยากระบาย หรือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น เขาอธิบายว่าแต่ละแผนกมีผู้เชี่ยวชาญ สามารถทำงานด้านการแปล การเขียน ดูแลตรงนั้นอยู่แล้ว”

เขาต้องการให้ผมเข้าไปจัดสรร คือผมเป็นคนชอบเล่นกีฬาอยู่แล้ว อาหารการกินก็ระวังตลอด เพราะฉะนั้นเรื่องโภชนาการและการออกกำลังกายมันคือสองปัจจัย มันคือไลฟ์สไตล์ของเราอยู่แล้ว ผมมีหน้าที่เลือกอะไรที่สำคัญ อะไรที่มันใหม่ น่าสนใจ เราสามารถดึงเรื่องนั้นมาได้ หรือว่ามีเรื่องอะไรที่กำลังเกิดอยู่ในเมืองไทย เราก็สามารถเอามาทำได้ คือคอนเท้นท์เราจะเลือกอะไรก็ได้ เพราะคอนเท้นต์ทางอเมริกาเขาก็เขียนอยู่แล้ว เช่น เรื่องกีฬา หรืออะไรที่แอดเวนเจอร์แล้วเราสนใจ อย่างเมืองไทยเปิดเกาะ หรือมีปีนเขาที่ไหน เอาเรื่องมาผสมผสานกัน เป็นการออแกไนซ์ว่าเราอยากให้แมกกาซีนเล่มนี้ในสายตาเราเป็นอะไร”

การนำเสนอของเรา เราก็ต้องเข้าใจไอเดียของคนอื่นๆ ด้วย เช่น ผมอยากให้มีเกี่ยวกับเรื่องนี้มากขึ้น หน้าปกอยากให้เป็นใคร ตอนนี้อะไรน่าสนใจ เราก็ใส่เข้าไป ก่อนที่เล่มแรกจะออกบอกเลยว่าปวดหัวเหมือนกัน คือเราไม่ได้ทำงานสายนี้มาก่อน แต่ก็เข้าใจทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทย ค่อนข้างเรียนรู้งานได้เร็ว เราทำงานอยู่ในวงการละคร วิธีแอคติ้งทุกอย่างมันต้องปรับตัวเองให้เร็ว อย่าง คาแร็คเตอร์ บท บล็อกกิ้ง มันมีอะไรหลายอย่างที่เราต้องคิด มันหลายขั้นตอน เลยทำให้เราตามเขาทัน”

“พยายามให้เขาสอนงานเราในสามเดือนที่เขาสอนมาคือขับรถกลับบ้านง่วงเลย ทั้งที่เรานอนมาเต็ม แต่สมองเหมือนกับเราเปิดอยู่ เหมือนจะซึมซับให้ได้มากที่สุด พยายามจะจำให้ได้มากที่สุด ลองเขียนแล้ว พอไปอ่านทีหลังก็ไม่เข้าใจฟีลลิ่ง เราเลยต้องปรับความเข้าใจของเราให้ได้ ช่วงแรกเราต้องตัดสินว่าหนังสือจะใหญ่แค่ไหน แผ่นกระดาษจะบางแค่ไหน เลย์เอ้าท์จะเป็นแบบไหน ตัวหนังสือจะเอาฟร้อนไหน เล็กใหญ่ยังไง ที่มันยากสำหรับผมเพราะผมเป็นคนละเอียด ผมอยากที่จะรู้ขั้นตอนว่ามายังไง มาจากไหน”

 

“ผมคอยปรับเปลี่ยนหาขอบเขตอยู่ตลอด ไม่ใช่ว่าเอาฟร้อนนี่แหละปกติเขาให้กันนี่แหละ แต่ผมต้องการให้มีความแตกต่าง อยากให้เป็นแมกกาซีนที่ผู้ชายกล้าถือ เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับฟิตเนส เรื่องชีวิตที่ดีขึ้น ไลฟ์สไตล์ที่ดีขึ้น วิธีการปรับตัวเอง วิธีการเปลี่ยนการกิน”

เคล็ดลับในการดูแลหุ่น

ของผมคำแรกที่ขึ้นมาเลยคือสม่ำเสมอ มีเยอะคนที่ต้องการจะเปลี่ยนรูปร่าง เปลี่ยนไลฟ์สไตล์ของตัวเอง เขาคิดว่าทำแค่อาทิตย์เดียวก็แบบ ทำไมมันไม่ลด ออกไปวิ่งสองสามกิโลก็ชั่งน้ำหนัก คือทุกครั้งที่ทำต้องทำให้มันเป็นไลฟ์สไตล์ ไลฟ์สไตล์คือการเปลี่ยนชีวิต เปลี่ยนวิธีการคิด เปลี่ยนวิธีการใช้ชีวิตและมันเปลี่ยนได้จริงๆ ทุกอย่างจากที่ตอนแรกเรามองเป็นปัญหา หลังๆ มันจะไม่ใช่ปัญหาแล้วมันจะสว่างขึ้น มันสบายขึ้น พอมีปัญหาก็สามารถรับมือได้ แต่ถ้าแก้ไม่ได้ก็ปล่อยวางได้ง่ายขึ้น มันไม่ไปเครียดและตึงกับชีวิต ชีวิตมันมีความสุข มีสีสันมากขึ้น”

“ผมก็เลยจับนุ่นทำแบบนี้ด้วยและตอนนี้นุ่นเขาก็ติด ช่วงไหนผมไม่เข้าฟิตเนสเขาก็เข้าเอง บางครั้งก็เป็นคนลากผมเอง ก่อนหน้านี้ผมพยายามเปลี่ยนเขาไปเรื่อยๆ คนจะเปลี่ยนอย่าหักโหม ต้องค่อยๆ ไม่งั้นต่อไปร่างพัง ทำให้ท้อ จนเลิกไป ช่วงแรกจะล่อนุ่นไปยิม ผมไปเล่นบอกว่าเดี๋ยวไปเล่นช่วยไปเป็นเพื่อนหน่อย ผมก็เล่นไป เขาก็นั่งรอ สักพักเค้าก็เบื่อและเริ่มหาอะไรเล่น อยากให้รู้ว่ายิมไม่ใช่ที่ๆ ไปแล้วทรมาน แต่สามารถนั่งพักได้ หรือหยิบมือถือขึ้นมาคุยได้ อยากทำอะไรก็ได้ คือคนส่วนใหญ่ชอบคิดว่าการเข้ายิมมันโหดร้าย ไม่อยากเข้า หลังจากนั้นเขาค่อยๆ พัฒนาตัวเอง ผมเลยลองให้เค้าวิ่งก่อน ตอนนี้เขาก็เริ่มติด ตอนนี้ก็พัฒนาตัวเอง เขาดีขึ้น วิธีการคิด ร่างกาย เวลาเดินเขาคือเดินนำเลย เห็นคนอื่นที่เขาเดินอยู่ข้างหลัง ผมก็ภูมิใจกับหนูทดลอง (ขำ)

ถึงจะบอกว่าสาวนุ่นเก่งแล้ว แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ใช่ไหมหนุ่มหลุยส์ ดูแลกันดีจริงๆ

“นุ่นไปไกลเลย ผมรู้ว่าผู้ชายต้องเป็นคนดูแล แต่ผู้หญิงที่เอาตัวรอดได้มันมีเสน่ห์ คือ ลุย สามารถผลักดันจนถึงสุดท้าย ไม่มีงอแง เหมือนความแข็งแรงของผู้หญิงมันอยู่ข้างใน แล้วมันออกมาให้เราได้เห็น แล้วมันมีเสน่ห์สำหรับเรา”

 

เรื่องความรักดูแลกันอย่างไรบ้าง

ส่งแรงใจ เพราะเขาเองก็ถ่ายละครอยู่เหมือนกัน แล้วก็เขาก็มีสินค้าของตัวเอง ผมก็ให้กำลังใจเขาตลอด ถ้าวันไหนผมรู้สึกว่างานมันไม่หนัก หรือไม่ซีเรียสมาก ผมก็ชวนเขามาด้วย เพราะเขาเป็นคนที่ชอบอยู่กองอยู่แล้ว ถ้าว่างเมื่อไหร่ตอนเย็นก็จะชวนไปกินข้าว อย่างน้อยก็มีเวลาอยู่ด้วยกัน”

 

มีเวลาไปเที่ยวกันบ้างไหม

“น้อยครับ เวลาผมไปต่างประเทศแล้วมันเป็นเรื่องงาน ผมก็ไม่ได้ชวนเขา ผมไม่อยากรู้สึกผิดกับตัวเองด้วย ถ้าเราชวนเขาไปแล้วเขาไปไหนไม่ได้ เราไม่ได้เทคแคร์เขา เพราะเราต้องไปทำงาน ผมจะทำงานได้ไม่เต็มที่ ผมจะคอยระแวง เป็นห่วงว่าตอนนี้เป็นยังไงบ้าง ถ้าเราจะเที่ยวก็ไปเที่ยวเลยดีกว่าและไปกันสองคน ผมให้เวลาเขาเต็มที่มากกว่า หรือถ้าหลังจากทำงานอยู่ต่อก็ไม่ได้ เพราะละครเราก็หยุดไป 7 วัน แค่นี้ก็เกรงใจแล้ว”

 

แบ่งเวลาอย่างไร

“โชคดีที่ละครบ้านเรา มันมีเป็นบางวันที่เราได้พัก ปกติคนอื่น เขาต้องนอน รอเข้าซีน  ของผมก็ต้องอ่านอัพเดตตลอด อันไหนชอบ ไม่ชอบ หลังจากพักกองก็ต้องนั่งทำหน้าที่บก. คิดในทางที่ดี มันเหนื่อยหน่อยแต่เราได้ความรู้มากขึ้นเยอะ ในสิ่งที่เราชอบอยู่แล้ว มันก็เลยโอเค”

ผลงานละคร

“ที่ปิดกล้องไปแล้วจะมีคิวปิดที่เล่นกับชมพู่และพี่เคน กามเทพปราบมาร และก็มีเพลิงบุญ (ออกอากาศแล้ว) ส่วนที่ถ่ายทำอยู่ยังไม่เสร็จก็ซีรี่ส์มายฮีโร่ บุพเพสันนิวาท ใต้ปีกปักษา”


 

หนุ่มหลุยส์เป็นซูเปอร์แมนหรือเปล่าเนี่ย คือทำอะไรหลายอย่างมากกกก แต่ที่น่าอิจฉาคือไม่ว่าจะยุ่งแค่ไหนก็ยังมีเวลาและคอยดูแลหวานใจอย่างสาวนุ่น – รมิดา อยู่ตลอดเลย ส่วนเรื่องเพลิงบุญที่กำลังออนแอร์อยู่ ทางแพรวดอทคอมจะคอยหวีด เอ้ย! คอยให้กำลังใจหนุ่มหลุยส์นะ อิๆ

 

เรื่อง : Hana (ฮานะ)

ภาพ : IG@louisscott , Twitter@aomsinneungjai

 

 

COVER STORY : PRAEW ISSUE 925

ต้อนรับหน้าร้อนกับแฟชั่นเซตปกนิตยสารแพรว ฉบับ 925 ที่เรียกได้ว่าแซ่บที่สุด จะหาคำไหนมาทัดเทียมเป็นไม่ได้กับนักแสดง น้องร้องสาว มากความสามารถ “นัท มีเรีย เบนเนเดดตี้” เพราะถึงแม้ว่าอายุจะขึ้นเลข 4 แล้วก็ไม่สามารถมีอะไรมาทำร้ายความสวย ความเซ็กซี่ให้จางหายไปได้เลย

ผู้หญิงเราเวลาแต่งหน้าแล้วมีช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดคือ รองพื้นที่ใช่แล้วหน้าไม่ละลาย โดยเฉพาะเมื่อเข้าหน้าร้อนรองพื้นที่คุณคิดว่าดีแล้วอาจทำให้หน้าเยิ้มกลายเป็นหน้าเมือก เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นชีวิตจบแน่นอนค่ะ BEAUTY LAB เลยขอคัดสรร รองพื้นคุณสมบัติครบถ้วนคือ “คุมมันบางเบาแต่ปกปิดเฉดสีเข้าเป้าและต้องอยู่ยาวได้ตลอดวัน” มาให้สาวๆ ได้เลือกสรรกัน ชอบแบรนด์ไหนไปตำกันได้เลยจ๊ะ

“ผิวขาว” เป็นอะไรที่ผู้หญิงอย่างเราถวิลหา โดยเฉพาะกับสาวไทยด้วยแล้ว แต่ผิวขาวในที่นี้คือไม่ใช่ขาวแบบกระดาษ แบบนั้นไม่ดีแน่นอน ผิวที่ดีควรเป็นผิวที่แข็งแรง กระจ่างใส และดูเรียบเนียน ปักษ์นี้ BEAUTY SECRET มาเผยความลับการดูและผิวตั้งแต่ใบหน้าจรดปลายเท้าของ โอบอุ้ม – รัสรินทร์ ชุมสาย ณ อยุธยา

15 ปีที่แล้ว 3 สาวพี่น้อง คล้ายเดือน – พิมพ์ดาว – มทินา สุขะหุต ได้เปลี่ยนความชอบและความฝันให้กลายเป็นความจริง สร้างแบรนด์เสื้อผ้าชื่อ Sretsis จนมีชื่อเสียงไปไกลในระดับอินเตอร์ เป็นที่ชื่นชอบของสาวแฟชั่นนิสต้าทั่วโลก สำหรับแฟนชาวไทย วันนี้ Sretsis ก้าวไปอีกสเต็ป ให้เราได้มีสถานที่เช็กอินแห่งใหม่ “Sretsis Parlour” เราจึงขอไปจิบชาและทอล์คเพลินๆ กับพี่สาวคนกลางจาก 3 พี่น้อง เอ๋ย – พิมพ์ดาว สุขะหุต ครีเอทีฟไดเร็คเตอร์ของแบรนด์

ใครชอบสไตล์การแต่งตัวแบบวินเทจยกมือขึ้น STYLE CONFIDENTIAL พาไปพบกับ สไตล์การแต่งตัวที่น่าสนใจจากการผสมผสานความวินเทจเข้ากับความโมเดิร์น ทำให้เราอยากไปคุยกับสาวลุคเก๋คนนี้ รัช – รัศชาวดี สิงหรา ณ อยุธยา นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ถึงสไตล์การมิกซ์แอนด์แมตช์และไอเท็มชิ้นโปรด

หากจะให้นิยามคำว่าเซ็กซี่ หลายคนคงนึกถึง อกใหญ่ นมโต ปากจือ สะโพกบึ้ม ซึ่งจริงๆ แล้ว อีกด้านหนึ่งของคำว่า เซ็กซี่ก็อาจมาจากความคิดและความมั่นใจล้วนๆ ดังที่เซเลบ นางแบบ นักแสดง และบล็อกเกอร์ที่ แพรว ชวนมาในลุคเผ็ดเว่อร์ พร้อมคำนิยามความเซ็กซี่สุดแซ่บที่จะปลุกพลังความมั่นใจของคุณออกมา ไม่ว่าจะรูปร่างหน้าตาแบบไหน ขอแค่มั่นใจ คุณก็เซ็กซี่ได้เช่นกัน

สัมภาษณ์ ปักษ์นี้เราชวนผู้หญิงที่สาวๆ หลายคนในที่นี้แอบอิจฉาเธอ ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน พีช – สิตมน ผู้หญิงของ 3 หนุ่มผลดี ติ๊ก – เต็นท์ – ตริณณ์ ที่จะมาเปิดเผยทุกเรื่องราวของครบครัว ที่หลายๆ คนไม่เคยรู้ และภาพสุดพิเศษของ ครอบครัวที่ถ่ายโดยคุณพ่อติ๊กมาอวดผู้อ่านรับรอง ว่าไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน

COVER : ENCHANTED WOMAN “MERIA BENEDETTI”
BEAUTY LAB : LIGHTWEIGHT FOUNDATIONS THE BEST to Wear This Summer
BEAUTY SECRET : WAY TO Flawless Skin
STYLE DESIGNER TALKS: SRETSIS Living Her Own Fantasy!
STYLE CONFIDENT : VintageTWIST RASSACHAWADEE SINGHARA NA AYUDHYA
สัมภาษณ์ : I’II BE YOUR GIRL พีช-สิตมน
SPECIAL STORIES : SEXY IN YOUR OWN WAY

ห้ามพลาดกับแฟชั่นสวยๆ ที่พร้อมให้คุณอัพเดท รวมถึงเรื่องราวต่างๆ ที่อัดแน่นเต็มไปด้วยสาระอีกเช่นเคย ในนิตยสารแพรวฉบับ 925 ปักษ์ 10 มีนาคม 2561 ได้แล้วที่แผงหนังสือชั้นนำทั่วไป หรือ สั่งซื้อทางออนไลน์ได้ที่ https://www.naiin.com/

เมคโอเวอร์

สวยเซอร์ไพร้ส์เว่อร์! “วู้ดดี้” ในลุคสาวชุดแดงสะโพกดินระเบิดได้ “น้องฉัตร” เมคโอเวอร์

Alternative Textaccount_circle
เมคโอเวอร์
เมคโอเวอร์

“น้องฉัตร – ฉัตรชัย เพียงอภิชาติ”  ชื่อนี้การันตีความปัง ไม่เคยทำให้ใครผิดหวัง ถือได้ว่าเป็นเมคอัพอาร์ติสต์ชื่อดังที่มีฉายาว่า “ฝีแปรงมหัศจรรย์” ขึ้นชื่อลือชาด้านเมคโอเวอร์ทั้งคนธรรมดา ดารา เซเลบริตี้มานับไม่ถ้วนทั้งชายและหญิง ล่าสุด พีคในพีคกับการร่ายเวทมนตร์เมคอัพใส่ “วู้ดดี้ – วุฒิธร มิลินทจินดา” พิธีกรชื่อดังมา เมคโอเวอร์ แต่งหญิงครั้งประวัติศาสตร์เพื่อร่วมงานปาร์ตี้ และขอบอกเลยว่าลุคนี้ ทำให้วู้ดดี้ชนะขาดลอยได้ที่หนึ่งไปเลยจ้า

ซึ่งแพรวดอทคอมเชื่อว่า ถ้าไม่บอกไม่มีใครรู้แน่ว่าสาวชุดแดงสะโพกดินระเบิดคนนี้จะคือ “วู้ดดี้ – วุฒิธร มิลินทจินดา” บอกตรงๆ ว่าสวยมาก ตามคอนเซ็ปต์ #ถ้าน้องฉัตรเลือกต้องดีที่สุด ไม่เชื่อลองดูสิคะ

สาวสวยชุดแดงคนนี้คือ “วู้ดดี้” ที่ได้ “น้องฉัตร “เจ้าแม่ เมคโอเวอร์ จัดลุคแต่งหญิงให้

เมคโอเวอร์ เมคโอเวอร์เมคโอเวอร์ เมคโอเวอร์


เรื่อง : PP_แพรวดอทคอม
ภาพ IG : @nongchat

งานขุด! แม่หญิงการะเกด กับ 10 ออเจ้า นางเอกละครย้อนยุค โชว์ลุคห่มสไบสุดงาม

มาแรงสุดๆ เพลานี้ ก็ต้อง นางเอกละครย้อนยุค ออเจ้าการะเกด ที่ทำเอาผู้คนพูดถึงกันกระหน่ำจนแฮ็ชแท็ก #บุพเพสันนิวาส ขึ้นท็อปทวิตเตอร์ เป็น NO.1 Worldwide

หลักใหญ่ใจความแห่งความสำเร็จชั่วข้ามคืนของละครเรื่องนี้ก็มาจากองค์ประกอบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความใหม่ของบทประพันธ์ที่ถูกนำมาสร้างเป็นละครครั้งแรก แม้พล็อตหลักจะเป็นการข้ามภพที่คนไทยคุ้นชิน แต่มุกตลกที่ขยันชงใส่เป็นระยะ เมื่อนำมาถ่ายทอดเป็นบทละครโดยมือครู ‘ศัลยา’ ที่สามารถย่นและขยายเสน่ห์ของบทประพันธ์ ‘รอมแพง’ ได้อย่างชนิดที่เรียกว่าโป๊ะทุกซีน ยิ่งผ่านฝีมือกำกับของ ‘ใหม่-ภวัต พนังคศิริ’ อำนวยการผลิตโดย หน่อง-อรุโณชา ภาณุพันธ์ บิ๊กบอส Broadcast Thai Television ที่ทุ่มให้กับเทคนิคซีจี ที่ถึงแม้จะดูรู้ว่าใส่ แต่ก็ไม่ขัดตาจนนำพาให้เกิดความขัดใจ และที่ต้องยกนิ้วให้คือทีมนักแสดงทุกคน ย้ำว่าทุกคน ที่แสดงได้อย่างน่ารักน่าหยิกกันถ้วนทั่ว โดยเฉพาะ เบลล่า-ราณี แคมเปญ ที่แสดงได้น่าเอ็นดู๊สุดๆ

พูดถึงความไม่ขัดตาขัดใจแล้ว ก็ต้องวกเข้าหาความเพลินจากการยลคอสตูม ซึ่งอาการเห็นนางเอกห่มสไบแล้ว รู้สึกประทับจิตประทับใจ แพรวเชื่อว่าคอละครพีเรียดทุกคนน่าจะเป็นเหมือนๆ กัน ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะผ้าสไบเปรียบเสมือนรากเหง้าแห่งชนชาติ เป็นการห่มคลุมที่อยู่คู่ไทยมาช้านาน น่าจะตั้งแต่สมัยอยุธยาเลยละมัง ว่ากันว่าสไบเพียงผืนสามารถบอกยศฐาของแม่หญิงที่ห่มคลุมได้เลยเชียวนั่น กล่าวคือหากเป็นหญิงสามัญ สไบก็จะเป็นเพียงผ้าผืนสีเรียบแบบเรียบ แต่หากหญิงใดห่มสไบมีรอยจีบสวยงาม หรือห่มสไบผ้าทอลายทับซ้อนบนผ้าอีกผืน แสดงว่าสาวบ้านนั้นมีฐานะดี อาจเข้าขั้นเป็นชาววัง หรือเป็นภรรยาและลูกสาวของขุนน้ำขุนนาง เพราะการจีบผ้าในลักษณะคล้ายการอัดพลีทนี้ไม่ใช่ทำกันได้ง่ายๆ ต้องใช้ทั้งเวลาและฝีมือ จึงไม่ใช่เครื่องแต่งกายที่จะมาใส่กันแบบพร่ำเพรื่อ ส่วนใหญ่มักหยิบจับมาใส่ยามต้องออกจากเรือน เพราะหากอยู่เรือนปกติก็จะใช้วิธีพันเป็น ผ้าแถบ โดยเหน็บริมผ้าข้างบนซุกลงไปให้ติดกับส่วนที่คาด ขณะที่ชายผ้าอีกด้านก็ปล่อยชายทิ้งไว้ข้างหน้า

และเพราะจอโทรทัศน์ไม่เคยขาดละครย้อนยุคเลยสักเพลา ลิสต์นี้แพรวเลยมีงานขุด! ภาพ แม่หญิงการะเกด กับอีก 10 ออเจ้า นางเอกละครย้อนยุค ที่เคยฝากผลงานมาแล้วในอดีต กับที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต มาให้คุณๆ ยลว่าแต่ละนางดูงามสมเป็นแม่หญิงไทยกันแค่ไหนเมื่อห่มสไบ

เบลล่า – ราณี แคมเปญ : รับบท ‘การะเกด’ ในละคร ‘บุพเพสันนิวาส’

เบลล่า - ราณี 'บุพเพสันนิวาส'

เบลล่า - ราณี 'บุพเพสันนิวาส'

เบลล่า - ราณี 'บุพเพสันนิวาส'

 

เบลล่า - ราณี 'บุพเพสันนิวาส'

แพนเค้ก – เขมนิจ จามิกรณ์ : รับบท ‘แม่วาด’ ในละคร ‘ร่มฉัตร’

 

 

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

คิมเบอร์ลี แอน เทียมศิริ : ในละคร ‘ทองเอก หมอยาท่าโฉลง’

คิมเบอร์ลี 'ทองเอก หมอยาท่าโฉลง'

แต้ว – ณฐพร เตมีย์รักษ์ : รับบท ‘แมงเม่า’   ในละคร ‘หนึ่งด้าวฟ้าเดียว’

แต้ว - ณฐพร 'หนึ่งด้าวฟ้าเดียว'

มิน – พีชญา : รับบท ‘เจ้าฟ้าทิพฉาย’ ในละคร ‘นางทิพย์’

มิน - พีชญา 'นางทิพย์'

มิน - พีชญา 'นางทิพย์'

ไม่เอาไม่ทำให้เจ้าฟ้าทิพฉายโกรธ #นางทิพย์

มิว – นิษฐา จิรยั่งยืน : รับบท  ‘เจ้ามิ่งหล้า’ ในละคร ‘รากนครา’

ถูกใจ 4,310 คน, ความคิดเห็น 24 รายการ - For MewNittha's Fans by Mom Pu (@pujira) บน Instagram: “#รากนครา #mewnitha @miss.toey”

นุ่น – วรนุช ภิรมย์ภักดี : รับบท ‘อุบล’ ในละคร ‘พิษสวาท’

คุณอุบลสวยพอๆกับนาคีเลย(บ้าละครนิดนึง555) - ปุ้ม แสงแก้ว - Google+

วิว – วรรณรท สนธิไชย  : รับบท  ‘เจ้านางม่านแก้ว’ ในละคร ‘แต่ปางก่อน’

ดาราแต่งชุดไทย

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ วิว - วรรณรท สนธิไชย  'แต่ปางก่อน'

แยม – มทิรา ตันติประสุต : รับบท  ‘เย็น’ ในละคร ‘นางทาส’

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

แมท – ภีรนีย์ คงไทย : รับบท ‘ลำดวน’  ในละคร ‘ข้าบดินทร์’

00_Page_03

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

 

 

 

 

 

พลอย – เญอมาลย์ บุณยศักดิ์ : รับบท ‘เรไร’ ในละคร ‘ขุนศึก’

ดาราแต่งชุดไทย

 

 

ขอบคุณที่มาภาพ : โทรทัศน์ช่อง 3, ช่อง 7, ช่อง One , ช่องทรู และ ‘ละครออนไลน์’

 

เบลล่า - ราณี

ใต้ความฟินของฉากหน้าต่าง 2 บาน เบลล่า เปิดหมดเปลือก บุพเพสันนิวาส

เบลล่า - ราณี
เบลล่า - ราณี

คิวงานฮ็อตสุดนาทีนี้ก็คงต้องยกให้กับแม่หญิงการะเกด หรือ เบลล่า – ราณี แคมเปน ที่กำลังเป็นที่รักหนักมากของคอนวนิยายและคอละครเรื่องบุพเพสันนิวาส

สนุกและเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ สำหรับละครบุพเพสันนิวาส บทประพันธ์จากปลายปากกาของรอมแพง ที่ตอนนี้นอกจากกระแสนักแสดงจะฮ็อต เรตติ้งทะยานขึ้นสู่เลขสองหลักเรียบร้อย (ออนแอร์ไปเพียงไม่กี่ตอนเท่านั้น) ด้านนวนิยายยังได้รับความสนใจมากจนขาดตลาดและมีการตีพิมพ์เพิ่มขึ้นจำนวนมาก

Exclusive Talk ได้คิวทองนางเอก เบลล่า – ราณี มานั่งพูดคุยถึงการถ่ายทำละครบุพเพสันนิวาส ที่ร้าน Prestige Flowers Coffee & Tea Room สุขุมวิท 39 แม้แดดในช่วงบ่ายจะร้อนชวนตาหยี แต่รอยยิ้มของนางเอกสาวที่ส่งมาตั้งแต่เริ่มคำทักทายแรก ตลอดจนระหว่างนั่งสนทนาก็ทำเอาคนรอบข้างใจเย็นลงเลยทีเดียว ซึ่งแต่ละฉากในเรื่องเชื่อว่ามีหลายฉากที่แฟนๆ ชื่นชอบ อย่างฉากพระนางแอบมองกันตรงหน้าต่างบ่อยๆ ก็มีดีเทลพิเศษที่ฟังแล้วคำว่าเคมีของเบลล่า – โป๊ป มีอยู่จริงแบบไม่ดูขัดเขินเลย

คุยกับเบลล่า – ราณี หรือแม่หญิงการะเกดที่ใครๆ กำลังหลงรัก

เบลล่า - ราณี

กระแสเบลล่าเปรี้ยงมากเลยตอนนี้ รู้สึกอย่างไรบ้างตั้งแต่รอละครออนแอร์จนกระทั่งละครออนแอร์แล้ว

เบลล่า : ค่ะ ตอนที่เราถ่าย ตอนที่อ่านบท หรือตอนที่อ่านนิยายเลย เรารู้สึกว่าเรื่องนี้มันสนุกมาก-ก-ก-ก ด้วยความที่ละครบทดี เขาว่ามีชัยไปกว่าครึ่งใช่ไหมคะ (ยิ้ม) พอเราอ่านบทก็โอ้โห ทั้งสนุก ทั้งท้าทายเลย เพราะเรื่องนี้เบลต้องเล่นเป็น 2 ตัวละคร ทั้งการะเกดและเกศสุรางค์ด้วย แล้วพอมาเจอโปรดักชั่นที่ทุกคนละเอียดมากกับการทำงาน พอทุกอย่างมารวมกัน เราก็รู้สึกว่าละครน่าจะสนุกนะ (ยิ้ม) ก็แอบคิด แต่ว่าไม่กล้าคิดไปก่อนว่าคนดูจะชอบหรือไม่ชอบ ก็คิดว่าคนดูน่าจะสนุกแล้วยิ้มตาม ทีนี้พอกระแสออกมา ต้องบอกก่อนเลยว่าเกินคาดมากๆ ไม่คิดว่าจะขนาดนี้ คือในโซเชียลด้วย เรื่องของเรตติ้งด้วย เป็นอะไรที่เซอร์ไพร้ส์มาก ในฐานะคนทำงานทุกคนต่างดีใจมาก เหนื่อยกันมาก็หายเป็นปลิดทิ้งเลยค่ะ

เบลล่า - ราณี

เรื่องนี้เล่นเป็น 2 คาแร็คเตอร์ที่แตกต่างกัน ปรับตัวยากไหม เพราะต้องเล่นร้ายในมุมการะเกด และเล่นเป็นคนจิตใจดี น่ารักๆ ในมุมเกศสุรางค์

เบลล่า : ตอนแรกก็ต้องดูคาแร็คเตอร์ ศึกษาคาแร็คเตอร์ก่อนให้ชัดเลย เพราะการจะเล่นเป็นสองตัวละครว่ายากแล้ว ต้องทำให้คนดูเชื่อด้วยว่า เออ คนนี้การะเกด คนนี้เกศสุรางค์ ถึงแม้ว่าจะอยู่ในชุดเดียวกัน แต่ข้างในไม่เหมือนกันนะ ฉันคือเกศสุรางค์ อะไรประมาณนี้ ก็ต้องพยายามหาตัวคาแร็คเตอร์ให้ชัด ซึ่งหาแบ็กกราวนด์ หาอะไรต่างๆ ทำการเวิร์คชอปก่อน แล้วเบลก็ทำการบ้านค่อนข้างเยอะ อย่างเรื่องของบท เบลก็จะโน้ตเอาไว้ว่าบางวันต้องเล่นทั้งสองตัวละคร พอเราจับคาแร็คเตอร์ จับอารมณ์ความรู้สึกของแต่ละตัวได้ชัดแล้ว การถ่ายสลับไปสลับมาก็จะได้ง่ายขึ้น แล้วก็ไม่เป็นปัญหาค่ะ

เบลล่า - ราณี

ก่อนหน้านี้แพรวดอทคอมเคยสัมภาษณ์ผู้จัดฯ จ๋า – ยศสินี เรื่องเพลิงบุญ คุณจ๋าชมว่า เบลล่าจะอ่านนิยายจบก่อนใครๆ ถ่ายฉากแต่ละครั้ง แม้จะฉากเดิมก็เล่นไม่เหมือนกัน ให้ผู้กำกับเลือก สิ่งเหล่านี้เป็นการทำงานที่ทำกับละครทุกเรื่องเลยหรือเปล่า

เบลล่า : (ยิ้ม) แล้วแต่เรื่อง แล้วแต่บทด้วยค่ะ อย่างเพลิงบุญ พี่เติม (ชนินทร ประเสริฐประศาสน์) เขาก็จะอยากให้ลองเล่นดูว่าแบบไหนใช่ที่สุด เดี๋ยวพี่เติมจะช่วยดูให้ว่าอย่างไหนคือใช่ หรือถ้ามีอะไรเพิ่มเติมที่คิดว่ามันใช่ตัวละครก็บอกพี่เติมเลย มาคุย มาแชร์กันได้อย่างนี้ กับเรื่องบุพเพสันนิวาสก็เหมือนกันค่ะ พี่ใหม่ (ภวัต พนังคศิริ) ผู้กำกับค่อนข้างเปิดกว้างในเรื่องการแสดง อย่างตอนที่เป็นเกศสุรางค์ พี่ใหม่ก็บอกเต็มที่เลย อยากจะเล่น อยากจะขายของอะไรเอาเต็มที่ เดี๋ยวพี่ใหม่จะบอกเองว่าขอเพิ่มตรงนี้ ขอลดตรงนี้ ตอนเป็นการะเกด ทั้งพี่หน่องและพี่ใหม่ก็จะบอกว่าเล่นเต็มที่ไปเลย ไม่ต้องกลัวว่ามันจะดูแรง ดูร้าย เพราะจะทำให้คนดูรู้สึกว่า เออ เป็นสองคนที่แตกต่างกันมาก

ละครออนแอร์แล้ว มีกระแสชื่นชมเบลล่าค่อนข้างมากว่าเล่นร้ายก็ดี เล่นบทนางเอกก็ได้ กลายเป็นนักแสดงที่เล่นได้ทุกบทบาท ส่วนตัวทราบกระแสนี้บ้างหรือเปล่า

เบลล่า : ก็พอได้ยินค่ะ ก็ขอบคุณมากๆ ค่ะ (ยิ้ม) ขอบคุณที่ชอบนะคะ สำหรับตัวเบล ไม่ได้ติดว่าจะต้องเล่นเฉพาะบทไหนๆ เบลรู้สึกว่าอยากเล่นได้ทุกบทบาท เพราะว่าเบลอยากทำได้หมด เล่นได้ทุกแบบ มันคือความท้าทายเหมือนกัน อย่างตอนที่เล่นร้ายมันค่อนข้างยาก เพราะว่าไม่ใช่แค่การใช้กำลังหรือแค่กรี๊ด แต่มันคือข้างในที่เราจะต้องหา ต้องคิดอะไรอยู่ในใจตลอด ก็จะเป็นพลังอีกรูปแบบหนึ่งที่เราไม่เคยทำ ไม่เคยเล่นมาก่อน ก็เหมือนเราได้เรียนรู้ไปในตัวด้วย

เบลล่ายิ้มหวาน

คุณแม่มีโอกาสดูละครเรื่องนี้ไหม

เบลล่า : แม่ดู แม่ติด (หัวเราะ) แม่ดูตั้งแต่คลิปเบื้องหลังอะไรต่างๆ เลยค่ะ แม่ก็ให้กำลังใจว่า เก่งมากลูก แม่ดีใจที่มีคนชอบเยอะ แม่ก็บอกว่าสนุก คือละครออนแอร์ไปแล้วใช่ไหมคะ วันรุ่งขึ้นแม่ก็มาเปิดดูพวกกระแสต่างๆ ดูเบื้องหลัง ดูฉากโน้นฉากนี้ เบลก็เอ้า! แม่ดูไปแล้วไม่ใช่เหรอตอนนี้ แม่ก็บอกว่าอยากดูอีก ชอบ สนุก (หัวเราะ)

กระแสดังที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ กระแสเบลล่าร้อยมีม ที่มีคนแคปภาพหน้าเราแล้วไปใส่ข้อความต่างๆ

เบลล่า : (หัวเราะ) ค่ะ ด้วยความที่ทั้งการะเกดและเกศสุรางค์เป็นคนที่แสดงออกทางสีหน้าชัด การะเกดก็จะจิก จะอะไรทุกอย่างออกมาทางสีหน้า เกศสุรางค์ก็เช่นกัน เกศสุรางค์เป็นคนตลก เป็นคนที่มีความสุข สดใส อารมณ์ดี คือเวลาเขาจะทำอะไร เขาชอบให้คนรอบข้างมีความสุข หรือคิดอะไรก็จะเป็นคนเล่นใหญ่ เป็นคนอะเลิร์ต ก็จะมีคนเอารูปจากตอนโน้นตอนนี้มาทำ อย่างบางทีเราทำท่าล้อเลียนคนอื่น มันก็จะแสดงออกชัดมาก

เบลล่าสายแบ๊ว

แล้วมีแฟนๆ แท็กรูปเบลล่าร้อยมีมมาหาตามอินสตาแกรม ตามโซเชียลค่อนข้างเยอะ มีเซฟรูปเก็บไว้ใช้บ้างไหม

เบลล่า : (หัวเราะ) มีคนถามเหมือนกัน เบลไม่ได้เซฟค่ะ เพราะว่าคนอื่นส่งมาให้ก็เยอะแล้ว ดูแล้วมีความสุข เห็นคนดูชอบ เห็นเขาแชร์ เห็นเขาเอามาใส่คำพูดนู้นคำพูดนี้ รู้สึกน่ารักดี เบลชอบดูค่ะ

ถามถึงการเข้าฉากกับพระเอก โป๊ป – ธนวรรธน์ บ้าง เพราะตอนนี้กระแสแรงจนกลายเป็นคู่ขวัญคู่ใหม่ไปแล้ว การทำงานด้วยกันเป็นอย่างไรบ้าง

เบลล่า : ทำงานกับพี่โป๊ปสนุกมาก (เน้นเสียง) เพราะว่าพี่โป๊ปทำการบ้านดีมาก แล้วพี่โป๊ปเป็นคนที่เวลาเล่น เราสัมผัสได้จริงๆ เราเชื่อจริงๆ อย่างน้ำเสียงเขาหรือแววตาเขาจะเปลี่ยนไปตามบท คือสายตาเขาจะบอกทุกอย่างเลย อย่างเวลาเราทำท่าอะไรประหลาดไป หน้าเขาจะรีแอ็คชัดมาก เล่นด้วยแล้วรับส่งกันสนุกค่ะ บางทีมีเพิ่มบทกันเองด้วย แต่พี่โป๊ปจะเพิ่มยากหน่อย เพราะคำพูดเขาใช่ไหมคะ แต่บางทีเราก็จะใส่ให้เขา

เบลล่าร้อยมีม

อย่างโป๊ปตอนนี้ก็กลายเป็นหนุ่มแร็พอโยธยาไปแล้ว

เบลล่า : ใช่ๆ คือฉากนี้เป็นฉากที่ถ่ายแรกๆ ของการถ่ายทำเลย แล้วจะยังไม่ค่อยชินในเรื่องของภาษา พี่โป๊ปเครียดมาก อ่านบทมาเป็นอาทิตย์ อย่างฉากแร็พอันแรก เบลเป็นคนพูดยาวก่อนใช่ไหมคะ ก็พูดเสร็จปุ๊บ อะ พี่โป๊ป เบลผ่านแล้วนะ ตาพี่โป๊ปแล้ว (หัวเราะ) พี่โป๊ปก็เครียดมาก ด้วยภาษา และมีเรื่องอารมณ์ด้วย เขาก็อยากเล่นให้อินจริงๆ ค่ะ ซึ่งก็ทำได้ดีนะ ไม่ใช่แค่การพูดๆๆ แต่อารมณ์อะไรได้หมดเลย

ในเรื่องนี้จะมีฉากโรแมนติกให้แฟนๆ ได้ชมแล้วอินค่อนข้างมากเหมือนกัน มีฉากไหนที่เบลเล่นแล้วประทับใจเป็นพิเศษไหม

เบลล่า : อืม…มีเยอะ จะมีอยู่เรื่อยๆ ค่ะ ส่วนมากเบลจะชอบที่เป็นฉากชมจันทร์ มันเป็นโมเมนต์ที่ได้อยู่กันสองคน กับฉากนั่งเรือก็จะเป็นการพูดคุยกัน บางทีก็จะรู้สึกว่าจีบฉันหรือเปล่า ทำไมหยอดฉันหวานขนาดนี้ จะเป็นการคุยกันที่ใช้ภาษาละมุนละไม เป็นความเนียนของพระเอกที่อ้าว พูดอะไรเนี่ย พูดถึงฉันอย่างนี้ ส่งสายตาอย่างนี้ เป็นการเข้าฉากพระนางที่ไม่ต้องมาโดนตัวกัน ง่ายๆ สบายๆ แต่ดูแล้วอบอุ่นอมยิ้มค่ะ

เบลล่า - ราณี

ฉากที่แฟนๆ ฟินและเห็นบ่อยอย่างฉากแปรงฟันตรงหน้าต่าง ที่ต่างคนต่างจะมีการแอบมองกัน

เบลล่า : (หัวเราะ) ความจริงคืออยากจะบอกว่าพวกเราไม่เห็นกันเลยตอนที่ถ่าย เพราะว่าต้องถ่ายทีละฝั่ง แล้วเราก็ไม่รู้ว่าพี่โป๊ปเล่นยังไง พี่โป๊ปก็ไม่รู้ว่าเราเล่นยังไง เราใช้จินตนาการล้วนๆ ว่าพี่โป๊ปน่าจะประมาณนี้ เขาจะต้องเหล่ฉันในท่าทางที่เซอร์ไพร้ส์มาก ฉันก็ใส่ท่าใหญ่เลย พี่โป๊ปก็จินตนาการเอาว่าเกศสุรางค์น่าจะเล่นใหญ่เบอร์ไหน แต่พอเอามารวมกันแล้ว เขาก็เข้าใจคาแร็คเตอร์เรา เราก็เข้าใจคาแร็คเตอร์เขา พองานออกมาก็น่ารัก ดูแล้วก็ขำเองค่ะ (ยิ้ม)

ละครบุพเพสันนิวาสถ่ายจบไปเมื่อปีที่แล้ว ออนแอร์ปีนี้ พอได้กลับมา นักแสดงแต่ละคนคิดถึงกันมากไหม

เบลล่า : คิดถึง คือเราอยู่ด้วยกันมาประมาณปีกว่า ซึ่งก็ถือว่าเป็นระยะเวลาที่ค่อนข้างนาน ก็คิดถึงบรรยากาศที่ได้ถ่าย โดยเฉพาะตอนที่กลับมาดูละคร เบลก็จะคุยกันในกรุ๊ปนักแสดงกับทีมงานว่าคิดถึงตอนนั้นเนอะ จำได้ไหมว่าร้อนมากเลยเนอะ (หัวเราะ) พี่โป๊ปสิบเทคเลยฉากนี้ ก็จะมีการคุยกัน แต่พอตอนที่เราถ่ายมันจะอีกอารมณ์หนึ่ง พอเรามาดูละครนี่คือผลงานที่เราเล่น ก็ภูมิใจที่มีคนชอบเยอะค่ะ

เบลล่า - ราณี

อีกกระแสที่มีคนพูดถึงมากเลยคือ เรื่องนี้เบลล่าแต่งหน้า ใส่ชุดไทยสวยมาก  

เบลล่า : ก็ต้องขอบคุณพี่เสื้อผ้า แต่งหน้า ทำผมเลยค่ะที่เนรมิตลุคของเบลออกมา ก็มีทั้งพี่สไตลิสต์ ผู้กำกับ รวมถึงพี่หน่องเองก็ช่วยดูลุคให้ว่าอยากได้การะเกดประมาณนี้ อยากได้เกศสุรางค์ประมาณนี้ ก็ขอบคุณที่ทำให้เบลดูออกมาโอเคที่สุด แล้วก็ละครเรื่องนี้เป็นพีเรียดในรูปแบบใหม่ที่เบลไม่เคยเล่นมาก่อน เบลไม่ค่อยเล่นแบบร้าย หรือว่าเล่นในปีที่ย้อนยุคขนาดนี้ รวมถึงเบลไม่เคยเล่นข้ามภพ คือทุกอย่างมันคือพีเรียด แต่ตัวเรายังเป็นคนปัจจุบัน ฉะนั้นคำพูดอะไรต่างๆ กิริยาท่าทางก็จะไม่ได้เรียบร้อยเหมือนคนในยุคนั้น ก็สนุกค่ะ เป็นคนที่ไม่เหมือนคนอื่นเลย

ฝากผลงานบุพเพสันนิวาส ที่กำลังสนุกเข้มข้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

เบลล่า : ค่ะ ยังไงก็อยากให้ติดตามไปจนจบเลยนะคะ ตอนนี้ยังไม่ถึงครึ่งเรื่องเลย เบลไม่รู้ว่ากระแสคนติดตามจะมีต่อไปเรื่อยๆ ไหม เอาจริงๆ ตอนนี้ก็เกินความคาดหมายที่มีคนชื่นชอบมากขนาดนี้ ก็อยากให้ติดตามไปจนจบเลยนะคะ นอกจากจะได้ความบันเทิง คลายเครียด ได้ยิ้มตามแล้ว ยังได้ความรู้เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยอีกด้วย

เบลล่า - ราณี

 


เรื่อง : กัญญาวีร์ วิมลรัตน์
ภาพ : จักรพงษ์ นุตาลัย

ออสการ์ ครั้งที่ 90

งานนี้ไม่เกิด! 7 ชุดไร้ซีนสวยบนพรมแดง ‘ออสการ์ ครั้งที่ 90’

ออสการ์ ครั้งที่ 90
ออสการ์ ครั้งที่ 90

หวนกลับมาอีกครั้งกับงานประกาศรางวัลทางภาพยนตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกกับรางวัลออสการ์ ซึ่งในปีนี้เป็น ออสการ์ ครั้งที่ 90 แน่นอนว่าดารา นักแสดงที่เข้าร่วมงานก็ยังคงเนืองแน่นเช่นเดิม และถือเป็นค่ำคืนแห่งการเผยเสน่ห์ของคนดังฮอลลีวู้ดเลยทีเดียว งานนี้สื่อนอกก็คงไม่พลาดที่จะจัดอันดับการแต่งตัวให้กับนักแสดงที่มาร่วมงานอย่างแน่นอน โดยเฉพาะชุดที่เด่นสะดุดตาแต่มองแล้วไม่ปังเอาซะเลยนี่แหละ ที่หลายคนให้ความสนใจไม่น้อย

แม้จะเป็นพรมแดงที่เหล่าคนดังคุ้นเคย แต่บางครั้งก็มีพลาด จนสื่อนอกต้องจัดอันดับชุดยอดแย่เป็นประจำทุกปีและทุกพรมแดง ซึ่ง ออสการ์ ครั้งที่ 90 สื่อนอกก็ไม่มีตกหล่นที่จะจัดอันดับชุดสวยไม่สุดให้กับบรรดาคนดังเช่นกัน

 

7 ชุด ปังไม่สุดบนพรมแดง ออสการ์ ครั้งที่ 90

 

ออสการ์ ครั้งที่ 90
เริ่มที่ Salma Hayek ปัญหาของชุดนี้คือสร้อยที่ประดับอยู่บนชุด พาดไหล่ของเธอ จนทำให้ดูเยอะเกินไป

 

ออสการ์ ครั้งที่ 90
ลุคนี้ St Vincent แต่งออกมาคล้ายกับ Liza Minnelli ราชินีแห่งบรอดเวย์ แต่แขนใหญ่ๆ ของชุดกลับทำให้ลุคนี้ต้องสะดุด

 

ออสการ์ ครั้งที่ 90
Blanca Blanco เผยความเซ็กซี่อีกแล้ว แต่ไร้ความแกลม เพราะตัวชุดนอกจากจะแหวกแล้ว นอกนั้นก็ธรรมดาไปเลย

 

ออสการ์ ครั้งที่ 90
เดรสตัวนี้ของ Kelly Ripa ดูเทอะทะเบาๆ แถมเป็นการแมตช์สีที่ไม่มีความเข้ากันระหว่าง ดำ เขียวและชมพู จึงทำให้ดูไม่ลงตัวทั้งดีไซน์และสีสัน

 

ออสการ์ ครั้งที่ 90
Adam Rippon เลือกใช้ชุดสูท แต่หนังเทียมที่ใส่เพิ่มเข้ามา กลับทำให้ขัดกับความสมาร์ทของลุค

 

ออสการ์ ครั้งที่ 90
Whoopi Goldberg มาในเดรสลายดอก แม้โทนสีจะไปด้วยกันได้ แต่พออยู่ในดีไซน์นี้แล้ว ก็ไม่เริ่ดเท่าที่ควร

 

ออสการ์ ครั้งที่ 90
สำหรับ Zendaya Maree กับเดรสสีน้ำตาลเข้ม ดีไซน์แขนข้างขวาที่ดึงลงต่ำจนเกินไป ทำให้ปังไม่สุด

ทั้งนี้ทั้งนั้น เรื่องความสวย ความงามของการแต่งกาย หรือชุดเดรสดีไซน์ต่างๆ ก็ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคลด้วย แต่ทั้ง 7 คนที่เราพูดถึงนี้ ได้ถูกสื่อนอกจับมาอยู่ในอันดับชุดไร้ความงามไปเรียบร้อยแล้ว


ภาพและที่มา : www.mirror.co.uk

 

ไฮโซแซ่บ

ไฮโซแซ่บ น้องฝ้าย แฟน ปาล์ม -ฐณส หงสนันทน์

Alternative Textaccount_circle
ไฮโซแซ่บ
ไฮโซแซ่บ

ไฮโซแซ่บ  ฝ้าย-ปัทมรัตน์ พหิทธานุกร หวานใจคนปัจจุบันของหนุ่ม ปาล์ม-ฐณส หงสนันทน์ น่ารักมาถึงกับสาวเมย์​อดีตแฟนเก่าหนุ่มปาล์มออกปากชม

ไฮโซแซ่บ
น้องฝ้าย -ปัทมรัตน์ พหิทธานุกร

ปาล์ม -ฐณส หงสนันทน์ เปิดตัวสาวแฟนสาวทีไรก็ทำเอาหนุ่มๆอิจฉาตาร้อนกันค่อนเมือง เพราะแต่ละคนนอกจากความสวยและความเก่งแล้วบุคลิกยังเปรี้ยวแบบสุดๆ เช่นอดีตแฟนสาว เมย์- พิชญ์นาฏ สาขากร ล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้หนุ่มหล่อได้เปิดตัว ไฮโซแซ่บ น้องฝ้าย -ปัทมรัตน์ พหิทธานุกร หลานสาวสุดสวยของ พลเอกชาติชาย ชุณหะวัน ในฐานะหวานใจอย่างเป็นทางการ ซึ่งบอกเลยว่านอกจากจะ เก่งทั้งวิชาการและกิจกรรมแล้วเธอยังมีมุมเปรี้ยวมาก ๆ เหนได้จากภาพถ่ายชุดว่ายน้ำในไอจี แต่ละภาพขอบอกเลยว่าแซ่บเว่อร์มากจริง ๆ

ไฮโซแซ่บ
น้องฝ้าย -และ หนุ่มปาล์ม

ไฮโซแซ่บ
รูปร่างดีสุด ๆ

นอกจากเก่งทั้งวิชาการและกิจกรรมแล้ว มีหลายคนคอนเฟิร์มมาว่าเธอนิสัยดีด้วย และยังเข้ากันเป็นอย่างดีกับ พลอย -ชวพร เลาหพงศ์ชนะ หวานใจของ เป๋า-วฤธ หงสนันทน์ น้องชายแท้ ๆ ของ ปาล์ม และรวมถึง เมย์- พิชญ์นาฏ สาขากร อดีตแฟนเก่าของ ปาล์ม ที่ถึงขั้นออกปากชมหวานใจคนปัจจุบันว่าน่ารักมาก ๆ และดูเหมือนว่ายิ่งเปิดแล้วจะยิ่งอยากเปิดมากขึ้น เพราะในไอจีของทั้งสองคนเริ่มมีภาพคู่หวาน ๆ ออกมาให้เห็นหลายใบแล้ว ทำเอาแอบอิจฉาตาร้อนเบา ๆ

สำหรับ ฝ้าย-ปัทมรัตน์ พหิทธานุกร ปัจจุบันศึกษาอยู่ที่คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แรงบันดาลใจในการเลือกเรียนมาจากคุณตาและคุณพ่อ รวมถึงเธอเองก็มีความฝันที่อยากจะเป็นนักการเมือง และนอกจากจะสนใจด้านวิชาการแล้วเธอยังเป็นนักกิจกรรมตัวยง ร่วมกิจกรรมมากมายของมหาวิทยาลัย อาทิ ทูตกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์และการเป็นดรัมเมเยอร์ของสถาบันอีกด้วย


ภาพจาก : IG @faipb

ฉลองพระองค์ย้อนยุคงดงาม ‘ทูลกระหม่อม-พระธิดา’ ในงานอุ่นไอรักคลายความหนาว

ฉลองพระองค์ย้อนยุคงดงาม ‘ทูลกระหม่อม-พระธิดา’ ในงานอุ่นไอรักคลายความหนาว …ยังเหลือเวลาอีกหลายวันสำหรับงาน “อุ่นไอรัก คลายความหนาว” ณ พระลานพระราชวังดุสิตและสนามเสือป่า โดยภายในให้ผู้เข้างานได้ใส่ชุดไทยย้อนยุคให้เข้ากับบรรยากาศงานด้วย

ทั้งนี้นอกจากจะมีเหล่าดาราและคนดังมากมายที่มาร่วมงาน “อุ่นไอรัก คลายความหนาว” ซึ่งต่างพร้อมใจกันใส่ชุดไทยกันแล้ว ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี และพระธิดาก็ได้ร่วมเสด็จงานนี้เป็นการส่วนพระองค์ด้วย

ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เสด็จเป็นการส่วนพระองค์ในการทรงเยี่ยมชมงาน “อุ่นไอรัก คลายความหนาว” โดยทรงฉลองพระองค์แบบไทยย้อนยุค ณ พระลานพระราชวังดุสิต กรุงเทพมหานคร

ฉลองพระองค์ย้อนยุคงดงาม ‘ทูลกระหม่อม-พระธิดา’ ในงานอุ่นไอรักคลายความหนาว

สำหรับภายในงาน “อุ่นไอรัก คลายความหนาว” จะได้พบกับ นิทรรศการพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระปิยมหาราช พระผู้ทรงมีคุณูปการต่อแผ่นดินไทยและประชาชนชาวไทยทั้งมวล ตลอดจนนิทรรศการพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ที่ทรงงานมาตลอดระยะเวลา 70 ปี รวมถึงการแสดงจากหน่วยงานต่างๆ และชุมชนท้องถิ่นจากทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังมีโมเมนต์พาย้อนยุคด้วยการนั่งชมหนังกลางแปลงชื่อดังในอดีตอีกด้วย
ขอบคุณข้อมูลและภาพบางส่วนจาก : FB Fanpage@ Royal World Thailand
แม่อายสะอื้น

ปุ๊กลุกรับไม้ต่อนุ่น สวมบทดาวนิล แม่อายสะอื้น “ไม่อยากให้มุ่งมั่นหาเงินจนลืมพ่อแม่”

แม่อายสะอื้น
แม่อายสะอื้น

ส่งความรู้สึกหน่วงๆ มาให้แฟนละครได้ชมและร้องไห้สะอื้นพร้อมกันไม่เว้นระยะ สำหรับละคร แม่อายสะอื้น ที่กำลังออนแอร์อยู่ทางช่อง 7 ทุกวันจันทร์ – วันอังคารในตอนนี้

โดยเนื้อเรื่องก็ดำเนินมาถึงช่วงที่ดาวนิลพบกับพ่อและลูกชายผู้พิการที่เดินทางมาหาถึงที่กรุงเทพฯแล้ว ความรู้สึกแรกที่รู้ว่าพ่อตนเองตาบอด ขาเจ็บ แล้วกลับมาพบว่าเงินที่ทำงานส่งเสียให้ครอบครัว พ่อ น้องสาว และลูกชายที่แม่อายตลอดระยะเวลา 3 ปี ถูกผู้จัดการส่วนตัวริบเงินไปใช้หมด ก็ทำเอาดาวนิลรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่ว่าจะรู้สึกผิดที่ปล่อยให้ครอบครัวลำบาก รู้สึกกลัวว่าคนอื่นจะรู้ว่าครอบครัวเธอเป็นอย่างไร ฯลฯ เรียกว่าดาวนิลเวอร์ชั่นนี้ที่ได้นางเอกสวยคม ปุ๊กลุก – ฝนทิพย์ วัชรตระกูล มาเล่น เรียกเสียงชื่นชมจากโลกโซเชียลได้ตั้งแต่ตอนแรกมาจนถึงตอนนี้เลย

ปุ๊กลุก - ฝนทิพย์

วันนี้ แพรวดอทคอม เลยจะพาไปนั่งคุยกับสาวปุ๊กลุกถึงการมารับบทดาวนิลในละครแม่อายสะอื้นเวอร์ชั่นนี้ ซึ่งอย่างที่ทราบกันดีว่า แม่อายสะอื้นถือเป็นละครขึ้นหิ้ง ละครโปรดในดวงใจของใครหลายคนมาก และเวอร์ชั่นที่นุ่น – วรนุช เคยเล่นไว้ก็ยังคงเป็นที่กล่าวถึงจนทุกวันนี้

ปุ๊กลุกรับไม้ต่อนุ่น สวมบทดาวนิล แม่อายสะอื้น “ไม่อยากให้มุ่งมั่นหาเงินจนลืมพ่อแม่”

เคยคุยกับนุ่น – วรนุช เรื่องบทดาวนิล ก่อนทางช่องจะติดต่อมาให้เล่นเรื่องแม่อายสะอื้น

ปุ๊กลุก : ก่อนมาได้รับเล่นบทนี้เคยคุยกับพี่นุ่น (วรนุช ภิรมย์ภักดี) มาก่อน พี่นุ่นบอก เนี่ย เคยมีคนบอกมาว่าแม่อายสะอื้นจะนำมารีเมค ตอนนั้นปุ๊กก็คิดว่าจริงเหรอพี่ ถ้าใครได้เล่นนะ รู้สึกเป็นความหนักใจแน่ๆ เลย เพราะปุ๊กรู้สึกว่าเวอร์ชั่นที่แล้วมันดีมาก โอ้โห ใครจะมาเล่นเป็นตัวดาวนิล มันยากมากเลยกับการลบภาพเดิมด้วย บทละครยาก ร้องไห้เยอะ

สุดท้ายปรากฏว่าทางช่องติดต่อมาว่าจะให้ปุ๊กลุกเล่นแม่อายสะอื้น เป็นดาวนิล ตอนนั้นก็เดี๋ยว คือเราไม่ได้คิดว่ามันจะมาลงที่เรา ด้วยคาแร็คเตอร์ของตัวเราไม่ได้เป็นผู้หญิงขาว เราไม่ได้ดูเป็นคนเหนือเท่าไหร่ แต่ว่าทางช่องเขาคิดว่า ความสามารถเราน่าจะได้ คิดว่าปุ๊กลุกทำได้แน่เลย เราก็ไปบอกพี่นุ่นว่า พี่นุ่น หนูได้เล่นแม่อายสะอื้นอะพี่ พี่นุ่นก็เอ้า!

ปุ๊กลุก - สรพงศ์ - มะเหมี่ยว แม่อายสะอื้น

มะเหมี่ยว - ปุ๊กลุก แม่อายสะอื้น

แม้จะรู้สึกดีใจที่ได้เล่นบทละครที่ดี แต่ก็มีความรู้สึกเครียด กดดัน และหนักใจตามมา

ปุ๊กลุก : ปุ๊กรู้สึกดีใจในบทละครที่ดี เพราะปุ๊กเป็นแฟนละครเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่มีความเครียด มีความกดดัน มีความหนักใจ ปุ๊กรู้สึกว่าตัวบทละครขึ้นหิ้งไปแล้ว และภาพจำเวอร์ชั่นแรกของละครเรื่องนี้มันดีมาก จนไม่รู้ว่าปุ๊กจะทำได้ขนาดไหนที่ให้มันดีเมื่อเทียบกับเวอร์ชั่นที่แล้วค่ะ แต่พอเราตั้งสติได้ ปุ๊กเชื่ออย่างหนึ่งว่า ถ้าเราพยายามเต็มที่ มันก็ต้องดีที่สุดเท่าที่คนคนหนึ่งจะทำได้

หลังจากนั้นก็มีความกดดันเวลาที่เรามาถ่ายทำละครทุกๆ วัน รู้สึกว่าทำการบ้านหนักมากๆ ไม่ว่าจะเป็นภาษาเหนือ เวอร์ชั่นนี้เราต้องพูดภาษาเหนือด้วยค่ะ แล้วเรื่องนี้ต้องมีรำดาบ ก็มีไปเรียนรำดาบเพิ่ม ให้ครูมาเก็บท่ารำดาบให้ดูอ่อนช้อยมากยิ่งขึ้นค่ะ พยายามเก็บทุกรายละเอียดของตัวละครตัวนี้ ไปเรียนการแสดงเพิ่ม ตีความตัวละครที่มันลึกมากๆ เพื่อที่วันถ่ายทำจริงๆ จะได้เข้าถึงความรู้สึกของตัวละครตัวนี้ได้จริงๆ ก็เอาความกดดันไปทุ่มเท ไปทำอะไรที่มันเหมือนเป็นการเตรียมความพร้อมให้ได้ดีที่สุดในวันที่เราถ่ายทำแทนค่ะ

ปุ๊กลุก - ฝนทิพย์

รู้ว่าคนคาดหวังกับเรื่องนี้มาก จึงตั้งใจทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้

ปุ๊กลุก : ตลอดช่วงเวลาที่ถ่ายทำจนวันปิดกล้อง ไม่เคยมีวันไหนเลยที่เรามาถ่ายละครด้วยความรู้สึกไม่มีความหนักใจ ไม่มีความกดดัน เพราะเรารู้ว่าละครเรื่องนี้เป็นละครที่ทุกคนคาดหวัง แล้วก็รอดูทั้งประเทศ มันไม่ได้ถูกถ่ายทำใหม่ตั้งแต่ประมาณ 14 ปีที่แล้ว เพราะฉะนั้นการกลับมาครั้งนี้ ปุ๊กลุกก็อยากให้เป็นการกลับมาของการที่ปุ๊กลุกรักบทละครเรื่องนี้ เป็นแฟนละครที่มีโอกาสได้มาแสดง ก็อยากให้คนดูรู้ว่าเราก็มาในฐานะที่เราเป็นแฟนละครเหมือนทุกๆ คนเหมือนกัน เราก็ศรัทธาในตัวละคร ในตัวเรื่อง ก็ทำดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้

ต้องพูดภาษาเหนือด้วย เตรียมตัวยังไง เพราะอย่างเรื่องนายฮ้อยทมิฬ ปุ๊กลุกก็พูดภาษาอีสานดีมากจนแฟนๆ ชม

ปุ๊กลุก : จริงๆ เรื่องนี้ถ่ายทำก่อนนายฮ้อยทมิฬ ครั้งแรกที่เจอภาษาเหนือก็รู้สึกว่ามันยาก ปุ๊กว่าภาษาเหนือเป็นภาษาที่เราไม่ค่อยมีโอกาสได้ยินเท่าไหร่ ด้วยคนรอบข้างปุ๊กส่วนใหญ่จะเป็นคนอีสาน ก็เลยต้องหาคุณครูที่เก่งภาษาเหนือมาช่วยสอน ช่วยไกด์ ปุ๊กก็จะนัดคุณครูนอกรอบ ให้คุณครูช่วยอ่านไดอะล็อกทั้งหมดของตัวละครดาวนิลในพาร์ตที่ต้องพูดภาษาเหนือ คือตัวละครดาวนิลจะพูดภาษาเหนือช่วงที่อยู่เชียงใหม่ แล้วตอนที่อยู่กรุงเทพฯเขาจะพูดกับคนที่เป็นคนเหนือและน้องสาว คุณครูอัดให้เสร็จก็จะเอากลับมาฟังที่บ้าน ฝึกพูดแล้วอัดส่งไปให้คุณครูช่วยฟังเสียงให้ว่าใช้ได้ไหม ตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง ในกองก็จะมีคนเหนืออยู่บ้าง ก็จะให้ช่วยฟังว่าเสียงสำเนียงถูกไหมคะ ฟังทุกวันก่อนนอน ก่อนไปถ่ายทำละครทุกวัน ก็ทำการบ้านค่อนข้างหนัก

อ๋อม - อรรคพันธ์ กับปุ๊กลุก - ฝนทิพย์ อ๋อม - อรรคพันธ์ กับปุ๊กลุก - ฝนทิพย์

ทำงานกับพระเอก อ๋อม – อรรคพันธ์ เป็นอย่างไรบ้าง เพราะคู่ปุ๊ก – อ๋อมมีแฟนๆ ส่วนใหญ่มองว่าเคมีลงตัวมาก

ปุ๊กลุก : จริงๆ การทำงานคู่กับพี่อ๋อมยากที่สุด ส่วนตัวหนูกับพี่อ๋อมร่วมงานกันมาค่อนข้างเยอะ แล้วทุกเรื่องจะเป็นเรื่องที่หนูแอบรักพี่อ๋อม แอบชอบเขามาตลอด แต่เรื่องนี้จะเป็นเรื่องที่เรารักกันจริงๆ รักกันมากๆ ด้วย รักกันจนถึงขั้นที่ทำให้เราสามารถทำอะไรหลายๆ อย่างได้โดยที่อาจจะไม่ถูกต้องที่สุด เพราะฉะนั้นเรื่องของความรักมันจะต้องสำคัญมากๆ จนทำให้เรายอมทิ้งอะไรหลายๆ อย่าง แต่อุปสรรคคือ หนูกับพี่อ๋อมสนิทกันมากขนาดที่ว่าในชีวิตจริงเป็นแฟนกันไม่ได้ มีความเป็นพี่น้องกันสูง เป็นพี่น้องกัน สนิทใจแล้ว เหมือนคนที่เป็นเพื่อนกันมาแล้วเป็นแฟนกัน มันจะไม่มีมุมหวานแล้ว จะเป็นฟีลเพื่อนมากกว่าเพื่อนนิดนึง

ตอนแรกๆ ไปเปิดกล้อง ปุ๊กยังรู้สึกว่ามันไม่ใช่ ยังไม่หวานพอ ยังไม่ได้มีคุณค่ามากพอจนทำให้ดาวนิลทิ้งพ่อ ทิ้งน้องได้ เพราะฉะนั้นจึงทำการบ้านเพิ่มเติม แล้วก่อนเข้าฉากถ่ายทำจริงๆ ก็จะคุยกับพี่อ๋อม จูนความรู้สึกว่าเรารักเขา แล้วก็เป็นตัวละครตัวนั้น คือส่งความรักไปให้เขาเหมือนฉากหนึ่งที่เราเป็นแฟนกันก่อนที่จะนับเข้าสู่การถ่ายทำ ทีมงานก็จะเห็นเราพยายามด้วยกันเยอะ จูนเข้าหากัน

ปุ๊กรู้สึกว่าบางทีการเป็นนักแสดงมันมีเป้าหมายเดียวคือเป็นตัวละครตัวนั้น เหมือนเชื่อให้ได้ว่าเขาเป็นคนรักของเรา แต่มันมีอุปสรรค มีวิธีเดียวคือทำยังไงก็ได้ให้มันไปถึงจุดที่ดูแล้วต้องตอบคนดู ให้รู้สึกว่าปุ๊กลุกกับอ๋อมเหมือนแฟนกันเลย เราอยากได้ฟีลแบบนั้น ปุ๊กเชื่อว่าละครจะดี มันต้องดีในทุกๆ มุม ถึงจะเป็นละครที่สมบูรณ์แบบ

ปุ๊กลุก - ฝนทิพย์ อ๋อม - อรรคพันธ์ กับปุ๊กลุก - ฝนทิพย์

แม่ที่มีลูกพิการ เป็นอีกหนึ่งบทบาทที่ไกลตัวเองมาก

ปุ๊กลุก : ปุ๊กว่าปุ๊กยังไม่เคยเล่นละครเรื่องไหนที่ตัวเองมีลูก เพราะฉะนั้นจึงยากมาก แล้วพาร์ตแรกที่เห็นว่าลูกตัวเองพิการด้วย มันก็ไม่เข้าใจความรู้สึกของคนเป็นแม่ที่มีต่อลูกว่าความรักของแม่มันยิ่งใหญ่แค่ไหน มีคนบอกว่าเรารักแม่มากแค่ไหน รักพ่อมากแค่ไหน แต่ความรักที่แม่มีต่อลูกมันมากกว่านั้นเป็นร้อยๆ เท่า ซึ่งปุ๊กว่ามันไกลตัว เรายังไม่ได้อยู่ในจุดนั้น ทุกวันนี้ก็ไม่ได้มีความรู้สึกอยากมีลูกด้วยซ้ำ อยากใช้ชีวิตปกติ เรื่องมีลูกเป็นเรื่องไกลตัวมากๆ ก็จะยากมากๆ ต้องคุยกับคนที่มีลูก ไปถามคนที่ท้อง ถามอาโย (ทัศน์วรรณ เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา) ว่าตอนที่อามีลูกอยู่ในท้อง ความรู้สึกแรกเป็นยังไง แล้วตอนที่อาอุ้มท้องอยู่ ความรู้สึกมันเป็นยังไง มันมีความสุขมากแค่ไหน ก็ถามคนรอบข้างคนอื่นๆ ด้วย

เราไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นพาร์ตหนึ่งของชีวิตดาวนิลที่พอท้องแล้วคลอด เราอยากเข้าใจความรู้สึกของคนเป็นแม่ แล้วพอวันหนึ่งเราถ่ายฉากที่ลูกเราพิการ ความรู้สึกมันแย่แค่ไหน เหมือนถ้าวันนี้พอเราท้องมา 9 เดือน แล้วลูกออกมาปรากฏว่าไม่ครบ 32 แล้วเป็นความผิดของเราด้วย มันจะเสียใจแค่ไหน เรารู้สึกว่าทุกจุดทุกรายละเอียดของตัวละคร มันมีคุณค่า มันมีน้ำหนักมากๆ ในการที่เราจะดำเนินชีวิตต่อไป แม้กระทั่งพาร์ตของการอุ้มท้องก็คุยกับลูกในท้องจริงๆ เหมือนว่ามีเขาอยู่จริงๆ ในทุกครั้งที่ใส่ชุดคลุมท้อง

เรื่องนี้ต้องแสดงหลายอย่างมาก มีทั้งรำ เป็นผู้หญิงขายบริการ ร้องไห้เยอะ จนทำให้ปุ๊กลุกต้องอยู่กับตัวเองคนเดียว 

ปุ๊กลุก : ใช่ค่ะ จริงๆ แล้วเรื่องนี้เป็นหลายอย่างที่ไกลตัวมาก ไม่ว่าจะเป็นพาร์ตโดนข่มขืน คือตอนแรกเราก็ไม่เข้าใจเลยว่าความรู้สึกมันจะเป็นยังไง ก็ไปหาครูเงาะ ให้ครูช่วยดูให้หน่อย เพราะเรารู้สึกว่าการข่มขืนเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตดาวนิล คือเราเป็นผู้หญิงภาคกลาง เรายังมีความรู้สึกหวงแหนความบริสุทธิ์มาก แต่พอวันหนึ่งเราเป็นผู้หญิงเหนือ ซึ่งปุ๊กมีความรู้สึกว่าผู้หญิงเหนือจริงๆ แล้วเขาค่อนข้างสุภาพ แล้วก็เรียบร้อยกว่า คือเขาไม่ได้เป็นคนที่อยู่ในกรุงเทพฯ เหมือนวิสัยทัศน์หลายๆ อย่าง เขายังไม่เคยมาเจอโลกของคนกรุงเทพฯว่าเดี๋ยวนี้เป็นอย่างนี้แล้วนะ ยิ่งตัวดาวนิล ด้วยที่บ้านเป็นครอบครัวที่มีศิลปวัฒนธรรมไทย เพราะฉะนั้นเขาจึงเป็นผู้หญิงที่เรียบร้อยมากๆ แต่แล้ววันหนึ่งเขาก็ต้องมาเสียตัว

ปุ๊กลุก - ดาวนิล แม่อายสะอื้น

ใช้วิธีจดบันทึก เพื่อให้เข้าใจฉากโดนข่มขืนและฉากอารมณ์อื่นๆ

ปุ๊กลุก : ปุ๊กมีหนังสือเล่มหนึ่ง แล้วครูก็ให้จินตนาการตั้งแต่เริ่มต้น ตั้งแต่ยังไม่ถูกข่มขืน แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นในภาวะที่ผู้หญิงถูกข่มขืนเป็นยังไง ก็เขียนๆ ลงไป ช่วงที่เขียนปุ๊กก็ร้องไห้ จนเข้าใจจริงๆ ว่าผู้หญิงที่ถูกข่มขืนมันน่ากลัวแค่ไหน มันหดหู่แค่ไหน ตอนปุ๊กเขียนเสร็จ ทำการบ้านเสร็จปั๊บ ยังทวีตเลย คือปุ๊กเป็นนักแสดงที่พยายามพูดกับตัวละครอย่างตัวดาวนิลว่า ดาวนิล เราพยายามจะเป็นเธอให้มากที่สุด แต่เราสูญเสียสุขภาพจิตที่ดีอะ ตอนที่ปุ๊กจะเป็นตัวเขา ปุ๊กยอมที่จะเอาตัวเราเข้าไปอยู่ในความรู้สึกที่ถูกข่มขืน คือปุ๊กก็จะพยายามเป็นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ จนเข้าใจความรู้สึกของดาวนิลจริงๆ เราก็ถ่ายทอดออกมา แล้วมันก็ส่งผลไปต่อฉากอื่นๆ ด้วย

แล้วเวลาถ่ายทำจะมีพาร์ตของตัวละครค่อนข้างเยอะ ไม่ว่าจะเป็นคนเหนือก่อนเข้ามากรุงเทพฯ มาถูกข่มขืน ไปขายตัว เป็นผู้หญิงนั่งดริงก์ คนรับใช้ ตัวประกอบ เป็นดารา จนเป็นดารามีชื่อเสียง ถูกจับได้ โดนสังคมประณาม จนถึงพาร์ตฆ่าตัวตาย คือมันมีช่วงเวลาของตัวละครค่อนข้างเยอะ เพราะฉะนั้นเวลาการถ่ายทำ ด้วยโลเกชั่น ด้วยอะไรหลายๆ อย่าง มันไม่สามารถถ่ายเรียงตามเรื่องราวได้ ดังนั้นสิ่งที่ต้องทำคือเขียนไดอะรี่ในช่วงเวลานั้นๆ ของตัวละครให้ได้มากที่สุด แล้วเวลาเราถ่ายฉากไหน ก็ย้อนไปอ่านภาวะอารมณ์ในช่วงนั้นๆ

ปุ๊กลุก - ฝนทิพย์

ฝากละครแม่อายสะอื้นสำหรับใครที่ยังไม่ได้ดู 

ปุ๊กลุก : ก็เป็นละครที่จะออนแอร์ประมาณ 2 เดือนกว่าๆ 15 – 16 ตอน แต่จริงๆ แล้วความยาก ระยะการถ่ายทำละครเรื่องนี้มันค่อนข้างนาน แล้วก็ไม่รวมถึงพาร์ตของการซ้อมก่อน เรียนก่อน ก็เป็นความยากมากๆ ของการเป็นตัวละครตัวนี้ อยากให้แฟนๆ ติดตามชม อยากให้เป็นกำลังใจให้ในความเหนื่อยของเรา รางวัลของนักแสดง ปุ๊กว่ามันไม่มีอะไรมาก นอกจากฟีดแบ็ก คำชม เสียงปรบมือของคนดูหรือแฟนละครที่มีให้เรา ละครจะไม่สมบูรณ์แบบถ้าไม่มีคนดู วันนี้ก็อยากให้หลายๆ คนที่อาจจะไม่ค่อยได้ดูละครเท่าไหร่ อาจจะเป็นโลกของโซเชียลที่ไม่ค่อยได้ดู ได้มีโอกาสกลับมานั่งดูละคร จริงๆ ปุ๊กเชื่อว่าละครเรื่องนี้นอกจากความสนุกที่เราจะได้แล้ว สิ่งที่ได้มากกว่านั้นคือแง่คิด คำสอนหลายๆ อย่างผ่านความผิดพลาดของมนุษย์คนหนึ่งที่เขาอาจจะเรียนรู้ เรียนถูก เรียนผิด ปุ๊กว่ามันสะท้อนสังคมสมัยนี้ที่หลายๆ คนอาจจะตั้งใจ มุ่งมั่นที่จะทำเพื่อเงิน หรือทำเพื่อการประสบความสำเร็จในชีวิต สิ่งที่สำคัญที่สุดอาจจะไม่ใช่การที่เราวิ่งตามหาความฝันทั้งหมดก็ได้ แต่สิ่งที่ไม่ได้สำคัญน้อยไปกว่ากันเลยก็คือ การที่เราหันกลับมามองคนที่ให้กำเนิดเรา คนที่เขามีบุญคุณกับเรา วันนี้เราให้ความสำคัญกับเขามากพอหรือยัง บางทีเราอาจจะรู้สึกว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตคือเงิน เพราะว่าเราจะเอาเงินไปดูแลพ่อแม่ แต่มันจะเป็นยังไงถ้าวันนี้คุณมีเงิน แต่คุณไม่มีเขาแล้ว ก็ไม่อยากให้ใครหลายๆ คนพลาดสิ่งดีๆ หลายอย่างในละครเรื่องนี้ค่ะ มาสนุกและร้องไห้ไปพร้อมๆ กันนะคะ

ปุ๊กลุก - ฝนทิพย์

ก่อนจบบทสนทนานี้ สาวปุ๊กลุกได้เผยความคิดดีๆ กับแพรวดอทคอมว่า กระแสคนชื่นชอบ กระแสตอบรับเหมือนเป็นโบนัส เป็นรางวัลสำหรับอาชีพนักแสดงของเธอ เพราะถ้าทุกสิ่งที่เธอทำไปเพื่อเงิน เงินมันไม่มากพอที่จะทำให้ปุ๊กลุก – ฝนทิพย์ ทุ่มเทได้มากขนาดนี้ แต่เพราะเธอรู้สึกซื่อสัตย์กับอาชีพนักแสดงจริงๆ จึงอยากตั้งใจทำให้ได้ดีที่สุด ซึ่งวันหนึ่งข้างหน้าไม่รู้ว่าอาจจะผันตัวไปทำเบื้องหลังหรืออะไรก็ตาม แต่ถ้าวันนี้ยังทำอาชีพนักแสดงอยู่ เธอก็อยากทำให้เต็มที่ที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะถ้าทำเต็มที่ที่สุดแล้ว จะมีคนชื่นชม ชื่นชอบเราผ่านละครเรื่องนั้น ผ่านผลงานของเรา…

 

 

 


เรื่อง : บะหมี่กุ๊งกิ๊ง_แพรวดอทคอม
ภาพ : วรสันต์ ทวีวรรธนะ, IG @pooklook_fonthip

ทำทุกที่ให้เป็นรันเวย์ “สู่ขวัญ บูลกุล” เป็นได้ทุกลุคที่คุณต้องการ

นาทีนี้คงไม่มีใครปฏิเสธว่า “สู่ขวัญ บูลกุล” ผู้หญิงที่ฮ็อตฮิตที่สุด เป็นไอดอลให้กับสาวๆ ในทุกด้าน แน่นอนว่าทุกๆ คนต่างรอคอยคลิปพี่ขวัญเพราะอยากรู้ เธอจะพาเราไปป้ายยาที่ไหนกันอีก จากกระแสการแชร์ การไลค์ ที่ล้นหลาม จนเรามิอาจต้านทานได้ของผู้หญิงคนนี้ นี่จึงเป็นที่มาของแฟชั่นเซตปกปักษ์นี้ ในคอนเซ็ปต์ “One Day with Suquan”

อย่างที่บอกว่าแฟชั่นเซตปกปักษ์นี้เป็นพี่ขวัญ เพราะฉะนั้นต้องไม่ธรรมดา ลุคพี่ขวัญวันนี้สลัดภาพคุณนายสู่ขวัญที่พาพวกเราไปช็อปปิ้ง กลายเป็นนางแบบสุดฮ็อตจัดเต็ม เสื้อผ้า เครื่องประดับ รองเท้า หลากหลายแบรนด์ เช่น Hermçs, Chanel, Dior, Fendi, Prada, Loewe, Marni, Stella McCartney, Christian Louboutin ลุควันนี้เหมือนพี่ขวัญหลุดมาจากรันเวย์อย่างไร อย่างนั้น

 

ตลอดการถ่ายทำ เราจะได้ยินเสียงพี่ขวัญพูดคำคุ้นหูตลอดเวลา ให้ทายค่ะว่าคือคำอะไร ใช่แล้ว “ตัวนี้น่ารัก อันนั้นก็น่ารัก” ทุกสรรพสิ่งล้วนน่ารักไปหมด #ใส่ถุงให้ด้วย ตัวไหนใส่พอดีจับใส่ถุงหมดค่ะ

แน่นอนว่านอกจากภาพถ่ายสวยๆ ที่เราจะได้เห็นคุณนายสู่ขวัญแปลงร่างเป็นนางแบบสุดปังแล้ว ยังมีบทสัมภาษณ์ที่ทุกคนห้ามพลาด เพราะหากคุณรักพี่ขวัญอยู่แล้วคุณจะรักเธอมากขึ้นอีก เอาเป็นว่าแพรวเล่มนี้ #ของมันต้องมี นะคะ

COVER STORY : PRAEW ISSUE 924

ส่งท้ายเดือนแห่งความรัก PRAEW ISSUE 924 พาผู้หญิงที่ฮ็อตที่สุดในตอนนี้ “สู่ขวัญ บูลกุล” ผู้หญิงที่สร้างปรากฏการณ์ให้กับโลกโซเชียล เจ้าของวลี #ของมันต้องมี จนเกิดเป็นไวรัลที่ใครๆ พูดถึง มาขึ้นปก พร้อมพูดคุยหลากหลายเรื่องราว ที่จะทำให้คุณเห็นอีกแง่มุมหนึ่งของเธอ

หากนึกถึงสาวออฟฟิศ หลายคนคงจินตนาการ ถึงหญิงสาว นั่งสวยๆ อยู่ในห้องติดแอร์ ไม่ต้องเจอกับมลพิษจากฝุ่นควัน แดดร้อนจากแสงอาทิตย์ที่จะทำให้ผิวสวยๆ ของเราต้องไหม้เกรียม แต่ไฉนเลยกลับยังต้องเจอปัญหาผิวร้อยแปด ทั้งความแห้ง หมองคล้ำ บางทีก็มันทั้งๆ ที่อยู่ในที่ร่มแน่นอน ใครเจอกับปัญหาเหล่านี้บ้าง ยกมือขึ้นเลยค่ะ แล้วตามดิฉันมาทางนี้ BEAUTY PEDIA มีของดี ของเด็ด ที่จะเป็นตัวช่วยชั้นเลิศให้สาวๆ ยังสวย 24/7 เป็นสาวสตรองแต่ยังสวยเป๊ะ กับ #ของมันต้องมีประจำออฟฟิศ

BEAUTY SECRET ปักษ์นี้มาเผยเคล็ดลับความงามของ มิลค์กี้ – จิราภา ลักษณวิศิษฏ์ สาวสวยหน้าหวาน ที่มีส่วนสูงถึง 173 เซนติเมตร พร้อมฝีมือการแต่งหน้าไม่แพ้ช่างอาชีพ การันตีได้จากความสวยเป๊ะปังในทุกครั้งที่ออกงาน 

จะเป็นผู้หญิงที่ทั้งสวยและเก่ง ครบเครื่องบอกเลยว่าไม่ยาก STYLE CONFIDENT ชวน ชาช่า – ณัชชา ธนากิจอำนวย ทายาทบริษัทโนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ที่เรียนจบปริญญาตรีปุ๊บ ก็เข้ามาลุยงาน ในตำแหน่ง Marketing Executive ทันทีเป็น First Jobber ที่ทั้งสวยและเก่งอย่างนี้ เราจึงขอตามไปดูสไตล์การแต่งตัวของเธอสักหน่อยว่าจะมีเทคนิคการมิกซ์แอนด์แมตช์และไอเท็มอะไรที่น่าสนใจบ้าง

หลายคนคงจินตนาการว่า เจ้าหญิง ต้องใส่ชุดกระโปรงฟูฟ่อง อย่างเดียวเท่านั้น แน่สิ เพราะดูจากเหล่าบรรดาการ์ตูนเจ้าหญิงวัยเด็ก ส่วนใหญ่ใส่ชุดแบบนั้น HOT FAB ROYAL ขอให้คุณลืมภาพเจ้าหญิงในลุคแบบนั้นไปให้หมด เพราะเราจะพาคุณไปพบกับเจ้าเจ้าหญิงทาลิทา วอน เฟอร์สเตนเบิร์ก แห่งเยอรมนี เจ้าหญิงสุดแซ่บ เธอสวย เปรี้ยว แถมยังมีสไตล์เป็นของตนเอง

“ของมันต้องมี” แฮชแท็กมาแรงติดอันดับ แห่งปี 2018 มาพร้อมเสียงหวานๆ “อุ้ย น่ารักพี่ขวัญว่า อันนี้ก็น่ารัก…โอ๊ะ…rare item” เรียกรอยยิ้ม และความสุข เบาๆ ให้ผู้ชม เกิดเป็นปรากฏการณ์แชร์สนั่นโลกโซเชียล ไปที่ไหนก็มีแต่คนพูดถึงคลิป “แพรว × สู่ขวัญ” ว่าน่ารัก เป็นธรรมชาติ ดูเพลิน ได้อีก ฟีดแบ็กขนาดนี้ แพรว จึงต้องจัดให้ “สู่ขวัญ”มาเปิดทุกประเด็นฮ็อต ตั้งแต่เบื้องหลังคลิปช็อปปิ้งสรรพสิ่งน่ารักกับวีรกรรมของเจ้าแม่ช็อปปิ้ง ชีวิตส่วนตัวและครอบครัว ไปจนถึงการสร้างบาลานซ์ให้ชีวิต บอกเลยจัดเต็มทุกเรื่องราวของพี่ขวัญเพื่อคุณๆ ที่ สัมภาษณ์

ห่างหายไปนาน สำหรับนักร้องที่มีเสียงเป็นเอกลักษณ์ ฉายาเจ้าพ่อดิสโก้เมืองไทย บุรินทร์ บุญวิสุทธิ์ แพรวมีหรือจะรอช้าพาบุกบ้านสุดคลาสสิคย่านอ่อนนุช พร้อมบทสัมภาษณ์ ให้สาวๆ ได้หายคิดถึงใน STAR STYLE CONFIDENT

TALK AROUND BY MR.PRAEW ปักษ์นี้เราเชื่อว่าต้องถูกใจคุณหนุ่มๆ แน่นอน เพราะแพตตี้กลับมาแล้วค่า หลังจากพักงานไปหลายเดือนเพื่อ ดูแลคุณพ่อจนถึงวันสุดท้าย แพทตี้ – อังศุมาลิน กลับมาทำงานอีกครั้งพร้อม กับความคิดที่เติบโตขึ้นหลายเรื่อง บอกเลยตรงนี้ว่า เธอเป็นผู้หญิงที่น่ารัก มีสเน่ห์ ไม่แปลกเลยที่หนุ่มๆ จะขอทวงคืนเธอจากแดน

COVER : ONE DAY WITH SUQUAN
BEAUTY PEDIA : THE OFFICE-READY BEAUTY GUIDE
BEAUTY SECRET : HELLO GORGEOUS !
STYLE CONFIDENT : LOOK SHARP BE SMART “NATCHA THANAKITAMNUAY”
HOT FAB ROYAL : The Gorgeous Granddaughter
สัมภาษณ์ : #ของมันต้องมี “สู่ขวัญ บูลกุล” #อันนี้ก็น่ารัก
STAR STYLE CONFIDENT : THE NEW CHAPTER “บุรินทร์ บุญวิสุทธิ์”
TALK AROUND BY MR.PRAEW: ทำไมใครๆ ถึงอยากทวง “แพทตี้” คืนจากแดน
อังศุมาลิน สิรภัทรศักดิ์เมธา

ห้ามพลาดกับแฟชั่นสวยๆ ที่พร้อมให้คุณอัพเดท รวมถึงเรื่องราวต่างๆ ที่อัดแน่นเต็มไปด้วยสาระอีกเช่นเคย ในนิตยสารแพรวฉบับ 924 ปักษ์ 25 กุมภาพันธ์ 2561 ได้แล้วที่แผงหนังสือชั้นนำทั่วไป หรือ สั่งซื้อทางออนไลน์ได้ที่ https://www.naiin.com/

เมคอัพอาร์ติสต์

ฝันไม่ไกล! น้องแพรพาเพลิน โกอินเตอร์เป็น เมคอัพอาร์ติสต์ แบรนด์ดังในลอนดอนแฟชั่นวีค

Alternative Textaccount_circle
เมคอัพอาร์ติสต์
เมคอัพอาร์ติสต์

ยังจำได้ไหม จำได้หรือเปล่า เด็กน้อยชอบแต่งเปลือกตาสีฟ้าๆ คู่นั้น ตอนนี้ “น้องแพร – ณัฏฐนันท์ สนุ่นรัตน์” หรือ น้องแพรพาเพลิน สาวน้อยคนเก่งเดินตามความฝันได้เป็น เมคอัพอาร์ติสต์ ให้แบรนด์ดังในงานลอนดอนแฟชั่นวีค (London Fashion Week 2018) จนสำเร็จด้วยวัยเพียงแค่ 11 ปีแล้วจ้า หากใครจำเด็กน้อยตาใสเริ่มรักการแต่งหน้า แล้วถ่ายคลิปลง YouTube เมื่อสามปีที่แล้วได้ เมื่อครั้งที่ตอนนั้นน้องอายุเพียง 5 ขวบเท่านั้นเอง โดยมีไอดอลอย่าง Pearypie และโมเมพาเพลิน

ทำให้น้องแพรตอนนั้น อาจมีพฤติกรรมเลียนแบบผู้ใหญ่ จนบางคนคอมเมนต์ถึงความไม่เหมาะสมว่า แก่แดดเกินเด็ก แต่งเข้มจนหน้าแก่ และอีกหลายๆ คำที่สามารถทำให้บั่นทอนจิตใจเด็กน้อยๆ คนหนึ่งได้ ถึงแม้ว่าคุณแม่ของน้องแพรจะโพสต์ข้อความไว้ในคลิปนั้นว่า “คลิปนี้น้องแพรถ่ายตอนอายุประมาณ 5 ขวบนะคะ ตอนนั้นน้องดูคลิปพี่ๆ หลายคน จำคำพูดมา ท่าทางมา พูดผิดบ้างถูกบ้าง แล้วก้อแต่งไม่สวยด้วยค่ะ ความที่เป็นเด็ก นึกสนุก ชอบ อยากทำอยากลอง ไม่ได้คิดอะไรมาก แล้วแม่ก้อเอามาลงใน YouTube เองค่ะ ไม่ได้คิดว่าจะมีคนเข้ามาดูและคอมเมนต์มากขนาดนี้ ดูกันสนุกๆ ดีกว่าค่ะ อย่าว่าน้องเลยค่ะมันแรงไป ลูกใครใครก้อรัก ถือว่าเป็นความผิดของแม่เองละกันค่ะ หลังแต่งหน้าทุกครั้งน้องจะเช็ดล้างทำความสะอาดหน้าอย่างดีทุกครั้ง ขอบคุณที่เป็นห่วงน้องนะคะ”

ซึ่งจากวันนั้น 5 ขวบ จนตอนนี้น้องแพร 11 ปี ก็สามารถลบคำสบประมาทที่ใครว่าแต่งไม่สวยได้แล้ว เพราะตอนนี้น้องฝีมือก้าวกระโดด โดยเฉพาะการแต่งหน้าสไตล์สาย ฝ. เนี่ย น้องแพรถนัดมากๆ ทำให้ปัจจุบันน้องแพรได้เดินตามความฝันสำเร็จได้เป็นเมคอัพอาร์ติสต์ ให้แบรนด์ดังในงานลอนดอนแฟชั่นวีค (London Fashion Week 2018) กลายเป็นสุดยอดเด็กไทยที่เก่งจนผู้ใหญ่ยังอาย

ด้านล่างนี้ เป็นข้อความที่น้องแพรได้โพสต์ไว้ใต้รูปภาพที่น้องได้โกอินเตอร์ไว้ว่า
“ถ้ามีความรักในสิ่งที่ทำ ความฝันอาจไม่ไกลเกินไป
เป็นอีกหนึ่งชิ้นงานที่ภาคภูมิใจมาก ต้องพัฒนาเรียนรู้กันต่อไป
ขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้น้องแพรมีวันนี้
ขอบคุณมากนะคะสำหรับกำลังใจที่มอบให้น้องแพร”

 

จำได้ไหม! น้องแพรพาเพลิน โกอินเตอร์เป็น เมคอัพอาร์ติสต์ แบรนด์ดังในลอนดอนแฟชั่นวีค

 

 

 

 

 

เป็นไงล่ะคะ เด็กไทยหากตั้งใจทำอะไรสักอย่างก็ไม่แพ้ชาติใดในโลกนี้อย่างแน่นอน ขอแค่อย่าดูถูกฝีมือตัวเอง ก้าวข้ามอุปสรรคทั้งหลาย ก้าวข้ามความเป็นเด็กแล้วสู้สู่ฝัน เคสนี้ที่ แพรวดอทคอม หยิบยกมาทำ เพราะอยากให้เป็นเคสตัวอย่างของเด็กๆ อีกหลายคน หรือแม้กระทั่งคนที่เพิ่งเรียนจบ แต่ยังหางานไม่ได้ว่า ขอแค่ใจสู้ ไม่ว่าจะเรียน สอบ หรืองาน ยังไงก็สำเร็จค่ะ


ภาพ FB : น้องแพรพาเพลิน, #pardesiphoto
คลิป YouTube : Pareploy Sanunrat น้องแพรพาเพลิน

เมแกน มาร์เคิล

ขายหมดอีกแล้ว! กระเป๋าแบรนด์โปรดของ ‘เมแกน มาร์เคิล’ แฟชั่นไอคอนเมืองผู้ดี

เมแกน มาร์เคิล
เมแกน มาร์เคิล

หมดสต๊อกอีกแล้ววว สำหรับกระเป๋าที่เมแกน มาร์เคิล ว่าที่สมาชิกราชวงศ์อังกฤษเลือกใช้ ซึ่งปลายปีที่ผ่านมา กระเป๋าที่เธอถือออกงานพร้อมกับเจ้าชายแฮร์รี่ได้รับความนิยมอย่างมากและทำให้ขายจนหมดเกลี้ยงในเวลาไม่นาน เนื่องจากผู้คนให้ความสนใจและสั่งซื้อทางออนไลน์กันอย่างกระหน่ำ เพราะได้รับอิทธิพลจากสาวเมแกน

โดยกระเป๋าหนังใบนี้เป็นของ Strathberry  ราคา £495 หรือประมาณ 21,833 บาท ดีไซน์หรูหรา ถูกผลิตขึ้นมาอย่างประณีต อีกทั้งสาวเมแกนก็ผสมผสานแฟชั่นจากอเมริกา แคนาดา และอังกฤษเข้าไว้ด้วยกันได้เป็นอย่างดี

 

เมแกน มาร์เคิล กับกระเป๋าจาก Strathberry

 

เมแกน มาร์เคิล

 

ล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นักแสดงสาวมาในชุดโทนสีเขียว เสื้อโค้ตลายสก๊อตจากแบรนด์ดัง Burberry กางเกงจาก Veronica Beard และเธอได้ถือกระเป๋าจากแบรนด์ Strathberry อีกครั้ง แต่ครั้งนี้มาในดีไซน์ต่างและใบเล็กกว่าเดิม เป็นกระเป๋าใบสีเขียวที่ตัดกับฮาร์ดแวร์สีทองได้อย่างหรูหรา แน่นอนเมื่อหลังจากภาพเธอสะพายกระเป๋าใบนี้ออกไปก็ทำให้กระเป๋าขายหมดภายในไม่กี่นาที ซึ่งไม่ต่างจากใบแรกที่เคยได้รับการตอบรับที่ดี โดยกระเป๋าใบนี้สนนราคา £425 หรือประมาณ 18,669 บาท

 

เมแกน มาร์เคิล

เมแกน มาร์เคิล

จากเหตุการณ์ที่ทำให้สินค้า Sold out ของ เมแกน มาร์เคิล ถือได้ว่าเธอกลายเป็นแฟชั่นไอคอนของสาวๆ ไปแล้ว ทั้งนี้เธอยังได้รับการตอบรับที่ดีทั้งจากราชวงศ์และประชาชนชาวอังกฤษอีกด้วย และในเดือนพฤษภาคมนี้ เราก็จะได้เห็นพิธีเสกมรสระหว่างเจ้าชายแฮร์รี่และเมแกน มาร์เคิลกันแล้ว มาลุ้นไปพร้อมๆ กันว่าชุดเจ้าสาวของเธอจะงดงามเพียงใด


เรียบเรียง : Hana_แพรวดอทคอม (ฮานะ)

ภาพ : www.mirror.co.uk

 

เทคนิคเมคอัพเสริม โหงวเฮ้ง บนใบหน้า และทริคเลือกสีลิปสติกของสาว 12 นักษัตร

Alternative Textaccount_circle

เพราะเรื่องความสวยกับผู้หญิงเป็นของคู่กัน เพื่อต้อนรับเทศกาลตรุษจีน แพรวดอทคอม เลยขอนำเทคนิคการแต่งหน้าเสริม โหงวเฮ้ง จาก “ชิตยานันท์ ธันยนิธิรัตน์” หรือ “หญิงฝ้าย” ที่รู้จักกันในนาม “แม่หมออินดี้”

แม่หมอผู้เชี่ยวชาญด้านการดู โหงวเฮ้ง ใบหน้าเบอร์ต้นๆ สาวๆ อ่านคำแนะนำแล้วก็เอาไปปรับใช้เพื่อเพิ่มเสน่ห์ และเพื่อเฮง เฮง เฮง ตลอดทั้งปีค่ะ

ชิตยานันท์ ธันยนิธิรัตน์ หรือที่รู้จักกันในนาม “แม่หมออินดี้” ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูโหงวเฮ้งใบหน้า

ชิตยานันท์ ธันยนิธิรัตน์ หรือที่รู้จักกันในนาม “แม่หมออินดี้” ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูโหงวเฮ้งใบหน้า

พลังธาตุประจำปีนักษัตร (จอ) คือ ธาตุดิน จะต้องใช้พลังธาตุทองเข้ามาเสริม โดยมีเทคนิคง่ายๆ คือการเลือกใช้สีของเครื่องสำอางให้เหมาะสม จะช่วยเสริมเสน่ห์ให้เฮง และยังช่วยเสริมสร้างบุคลิกภาพของสาวๆ ให้ดูดีขึ้นอีกด้วย

ทั้งนี้ โหงวเฮ้งบนใบหน้าประกอบด้วย 5 ขุนเขา คือ คิ้ว หู ตา จมูก และปาก และอีก 3 เนินคือ หน้าผาก แก้ม และคาง โหงวเฮ้งที่ดีนั้นต้องมีความสมดุลกันทุกส่วน แต่หากไม่สมดุล เพียงแต่งหน้าปรับโหงวเฮ้งก็สามารถช่วยได้ โดยไม่ต้องไปทำการศัลยกรรม

อันดับแรก เริ่มจาก “คิ้ว” ควรเขียนคิ้วให้มีสีอ่อนกว่าสีผมเพียงเล็กน้อย หัวคิ้วควรมีขนาดใหญ่และสีอ่อนกว่าหางคิ้ว ไล่สีให้มีความกลมกลืน และหางคิ้วอย่าต่ำกว่ากกหู เทคนิคเพิ่มเสน่ห์เพียงปัดขนคิ้วด้วยมาสคาร่าคิ้วทับอีกรอบ จะช่วยให้คิ้วเด่นขึ้นและมีเสน่ห์

ส่วนสาวๆ ที่ประสบปัญหาต้องแต่งหน้าในชั่วโมงรีบเร่งจนเขียนคิ้วไม่เท่ากัน สีคิ้วไม่สม่ำเสมอ หรือคิ้วหายจนต้องอาย เมื่อเผยหน้าสด คงหนีไม่พ้นกับเทรนด์ฮิตในตอนนี้ เช่น การสักคิ้ว 3 มิติ 6 มิติ หรือสไลด์คิ้ว แต่ไม่ว่าจะตกแต่งคิ้วแบบไหนก็ตาม แม่หมออินดี้ย้ำว่า “ควรให้ได้องศาโหงวเฮ้ง 5 ขุนเขา และเลือกทรงคิ้วให้เข้ากับใบหน้า ไม่อย่างนั้นอาจจะสวยแต่ทรัพย์หายเป็นแน่”

มาต่อกันที่ “ตา” เพราะดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ ซึ่งตามหลักโหงวเฮ้งนั้น ตาคือพลังในชีวิต ลักษณะของตาจึงควรใส เป็นประกาย ไม่ควรตก หรือมีขอบตาคล้ำดำ ด้านการแต่งตาโดยใช้อายแชโดว์ ควรเลือกสีให้เข้ากับปีจอ ซึ่งในที่นี้คือ สีฟ้าคราม, สีน้ำตาลทอง, สีน้ำตาลเข้ม และเอิร์ธโทน เพื่อเพิ่มความสุขุมน่าเกรงขาม เป็นการดึงพลังจากธาตุทองเข้ามาเสริม นอกจากนี้ ควรใช้สีที่มีกลิตเตอร์ เน้นการแต่งตาให้มีความแวววาว จะช่วยเพิ่มพลังและดึงเสน่ห์ในตัวสาวๆ ออกมา

“แก้ม” ตามหลักโหงวเฮ้งคือเนิน บ่งบอกถึงคนอุปถัมภ์และความรัก ดังนั้น ไม่ควรปล่อยให้แก้มตอบ ไม่มีเนื้อ เหลือแต่กระดูก ควรปัดแก้มให้มีความอวบอิ่ม หากใครเนื้อแก้มเยอะควรปัดเฉียงขึ้น ใบหน้าจะดูหน้ายาวและสมดุล ดูโฉบเฉี่ยว ส่วนบลัชออนควรใช้สีชมพูโรส สีพีช พิงค์โกลด์ เพื่อให้แก้มดูสดใส ชวนมอง และไม่ควรใช้แบบเนื้อแมตต์

“จมูก” ตามหลักโหงวเฮ้ง จมูกที่ดี เวลามองตรงปลายไม่งุ้มจนเกินไปและไม่เชิดจนเกินไป เวลาแต่งหน้า ควรไล้สันจมูกเพียงเล็กน้อยและไม่ควรปล่อยให้เป็นคราบแป้ง อาจจะทำให้เจรจาติดขัดและเงินไม่เข้ากระเป๋า

“หน้าผาก” ตามหลักโหงวเฮ้ง หน้าผากที่ดีควรมีสัดส่วนที่สมดุล โดยมีเทคนิคการวัดง่ายๆ คือ คิ้วถึงไรผมเรียกว่า “เนินท้องฟ้า” คิ้วถึงปลายจมูกเรียกว่า “เนินชีวิต” ปลายจมูกถึงปลายคางเรียกว่า “เนินพื้นดิน” โดยแต่ละส่วนจะต้องมีสัดส่วนที่พอดีและเหมาะสมบนใบหน้า

สำหรับ “คาง” ตามหลักโหงวเฮ้ง คางที่ดีไม่ควรแหลมจนเกินไป เพราะอาจจะทำให้บั้นปลายชีวิตโดดเดี่ยว ควรมีลักษณะอวบอิ่ม ไม่เป็นรอยแผลเป็น และควรเมคอัพรองพื้นให้ดูเนียบใสและไม่หมองคล้ำ

สุดท้าย “ปาก” ตามหลักโหงวเฮ้ง ปากบนควรเล็ก และปากล่างใหญ่กว่าเพียงเล็กน้อย ริมฝีปากอวบอิ่มเนียนนุ่มและไม่คล้ำ ไม่ควรปล่อยให้ปากแห้ง ลอก และย่น

เคล็ด(ไม่)ลับสำหรับสีลิปสติกของสาวๆ 12 นักษัตรเสริมเฮงในปีจอ

ปีชวด , ปีกุน = ลิปสติกสีโทนอ่อน เนื้อชิมเมอร์หรือกลอสแวววาว ไม่แมตต์
สีห้ามทา คือ สีแดง สีทอง


ปีขาล , ปีเถาะ = สีกุหลาบ สีไม้โรสวู้ด
สีห้ามทา คือ สีซีด สีหม่นๆ


ปีมะโรง , ปีมะแม , ปีวอก , ปีระกา = สีพีช สีชมพูระเรื่อ สีนู้ดแบบสว่างไม่ทำให้หน้าคล้ำหรือดูป่วย
สีห้ามทา คือ โทนสีแดงทุกเฉดสี


ปีมะเส็ง, ปีมะเมีย = สีชมพูสดใส สีแดง เนื้อชิมเมอร์แวววาว เน้นวาดขอบปากให้เด่นชัด
สีห้ามทา คือ เนื้อแมตต์


ปีฉลู , ปีจอ = สีส้มอิฐ น้ำตาลอมส้ม น้ำตาลอมชมพูหรือสีนู้ด ไล่สีข้างในเข้ม ขอบปากอ่อนแบบออมเบร (Ombre)
สีห้ามทา คือ วาดขอบปากให้ชัดเจน

อย่างไรก็ตาม ในการแต่งหน้าเสริมโหงวเฮ้ง แม่หมออินดี้ย้ำว่า “สาวๆ อย่าลืมปกปิดริ้วรอย สิว ฝ้า กระ ด้วยนะ” ใช้รองพื้นให้เข้ากับผิวดูกลมกลืนเป็นธรรมชาติ ไม่ควรขาววอกจนเกินไป และไม่หนาเตอะจนดูหน้าลอย แต่ควรให้ใบหน้าดูสว่างใสผิวสุขภาพดี

 


ภาพจาก Pexels และ IG : jin_a_nana / kyo1122 / ponysmakeup / #yoona

โชค บูลกุล

จะต้องการอะไรไปมากกว่านี้? โชค แห่งฟาร์มโชคชัย สุขใจมี “สู่ขวัญ บูลกุล” เคียงข้าง

โชค บูลกุล
โชค บูลกุล

จะต้องการอะไรไปมากกว่านี้? ประโยคจากใจนายหัวใหญ่แห่งฟาร์มโชคชัย โชค บูลกุล ที่มีต่อศรีภรรยา สู่ขวัญ บูลกุล เจ้าแม่วลีฮิต #ของมันต้องมี #อันนี้ก็น่ารัก #สรรพสิ่งล้วนน่ารัก ซึ่งกำลังเป็นผู้หญิงที่ใครหลายคนตกหลุมรักเข้าอย่างจังในตอนนี้

โชค บูลกุล
after 14 years, we’re still going strong! keep our fingers cross…and to you prarb, today won’t be magical without you @suquanbulakul @prarb2005 (IG @choakbulakul)

โชค บูลกุล

เพิ่งฉลองครบรอบวันแต่งงาน 14 ปี ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2561 ที่ผ่านมา โมเมนต์หวานๆ กับการนั่งทานข้าวพร้อมกันพร้อมหน้าครอบครัว พ่อ แม่ ลูก ระหว่าง โชค บูลกุล, สู่ขวัญ บูลกุล และลูกชาย ปราบ บูลกุล ณ โรงแรม Mandarin Oriental กรุงเทพฯ โดยคุณโชคได้มอบดอกกุหลาบสีขาวช่อใหญ่ พิมพ์ข้อความว่า “To my dearest wife and to our 14th Aniversary… Love you and always will” ให้ภรรยาคนสวยและเก่ง พร้อมทั้งมีภาพนิ้วมือที่วาดรูปผู้หญิงและผู้ชายด้วยเมจิกสีแดงข้างกันออกมาให้แฟนๆ ที่ติดตามได้ชม ก็ทำให้โมเมนต์ฉลองวันครบรอบวันแต่งงานครั้งนี้กลายเป็นภาพที่น่ารัก ที่ใครเห็นแล้วต่างชื่นชมไปกับความรัก ความหวานของครอบครัวนี้โดยเฉพาะในมุมผู้ชายนักธุรกิจขาลุยอย่าง โชค บูลกุล กันไม่น้อย

โชค บูลกุล

ทั้งนี้ นี่ไม่ใช่เพียงโมเมนต์หวานๆ ที่นายหัวแห่งฟาร์มโชคชัย คุณโชคจะมีให้คุณสู่ขวัญเฉพาะวันสำคัญเท่านั้น เพราะถ้าใครได้ติดตามครอบครัวนี้กันมาเรื่อยๆ ก็จะทราบกันดีว่า คุณโชคคอยเติมความหวานให้กับภรรยารวมถึงลูกชายอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็น การฉลองครบวันแต่งงานด้วยการพาไปดินเนอร์ทุกๆ ปี วันหยุดว่างจากการทำงานก็พากันไปเที่ยวทั้งในต่างจังหวัดและต่างประเทศ ซึ่งสิ่งสำคัญที่ทำให้ผู้หญิงหลายคนต่างอิจฉาเลยก็คือ คุณโชคมักจะลงรูปคุณสู่ขวัญในอินสตาแกรมส่วนตัวอยู่บ่อยๆ พร้อมทั้งข้อความหวานสั้นๆ แต่น่ารักกินใจ อย่างกรณี คุณสู่ขวัญไปทำงานที่เชียงใหม่ คุณโชคก็ลงรูปภรรยาพร้อมข้อความคิดถึงภรรยา

โชค บูลกุล โชค บูลกุล

โชค บูลกุล

 

เป็นคู่สามีภรรยาตัวอย่างที่ยังคงรักหวานเสมอต้นเสมอปลายกันมาหลายสิบปีขนาดนี้ เพื่อต้อนรับเทศกาลวันแห่งความรัก แพรวดอทคอม ก็ขอรวมโมเมนต์น่ารักๆ ของคุณโชคและคุณสู่ขวัญมาให้ได้ชมกัน บอกเลยว่า หวานมาก..ก

รักหวานเสมอต้นเสมอปลายของ โชค บูลกุล ที่มีต่อภรรยา สู่ขวัญ บูลกุล 

โชค บูลกุล
misses my wife…she is doing her job at Chieng mai today! (IG @choakbulakul)

– ตัวอยู่ไกล แต่ความคิดถึงส่งถึงกันได้นะจ๊ะ อิอิ –


โชค บูลกุล
จะต้องการอะไรมากไปกว่านี้? (IG @choakbulakul)

– ชีวิตจะต้องการอะไรไปมากกว่านี้ แค่มีศรีภรรยาอยู่ข้างๆ กัน –


โชค บูลกุล
sea sand sunset Surin & Suquan… (IG @choakbulakul)

– คุณโชคพาภรรยาและลูกชายไปเที่ยวเกาะสุรินทร์ จ.ภูเก็ต
เลยมีข้อความเล่นคำให้คล้องกับชื่อภรรยา “สู่ขวัญ” หวานเวอร์! –


โชค บูลกุล
จะบอกว่าเป็น “หาดส่วนตัว” ที่อยู่หน้าบ้านเลยก็กระไรอยู่ เอาเป็นว่าเป็น “หาดส่วนรวม” ที่มีแต่เราสองคนก็แล้วกัน😊 (IG @choakbulakul)

– คุณโชคพาครอบครัวไปเที่ยวพักผ่อนช่วงวันหยุดสงกรานต์ที่ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย
ใครมีหาดส่วนตัวบอกเลยว่าแพ้หาดส่วนรวมของคุณโชคกับคุณสู่ขวัญนะจ๊ะ (เขิน) –


โชค บูลกุล
12th aniversary on 12th Feb. (IG @choakbulakul)

– เมื่อวันครบวันแต่งงาน 12 ปี จะปีไหนๆ ก็หมั่นเติมหวานให้กันเสมอ รูปคู่ต้องมี –


โชค บูลกุล
…ปล่อยให้ลูกทำงานไปช่วงปิดเทอม พ่อแม่ร่าเริงหนีเที่ยวกันคืนนี้ (โครงการฝึกลูกให้อยู่กับตัวเองและรู้จักค่าของงาน) (IG @choakbulakul)

– ปล่อยให้น้องปราบ ลูกชายทำงานในฟาร์มไปก่อน คุณโชคขอพาศรีภรรยาหนีไปเที่ยวสักหน่อย ภาพนี้ทำเอาหลายคนฮาไปกับความน่ารักของครอบครัวนี้กันมากเลยทีเดียว –


 

ทิ้งท้ายไปกับความน่ารักของคุณโชคที่มีต่อคุณพ่อโชคชัย และคุณแม่สุจริต บูลกุล
เห็นคุณโชคเป็นแฟมิลี่แมน ตั้งใจทำงาน รักครอบครัวขนาดนี้ เพราะมีตัวอย่างที่ดีจากคุณพ่อและคุณแม่นี่เอง…

โชค บูลกุล

โชค บูลกุล
วันเกิดครบ 49 ปี ของตัวเอง ฉลองด้วยเค้กแต่งงานครบรอบ 50 ปี ของคุณพ่อและคุณแม่…happy golden jubilee wedding aniversary to my beloved golden parents, love you most krup! (IG @choakbulakul)

 

 


เรื่อง: บะหมี่กุ๊งกิ๊ง_แพรวดอทคอม
ภาพ: IG @choakbulakul, @suquanbulakul

ไฮโซเคน-ขนมจีน-ขอ-แต่งงาน

สวย เก่ง กตัญญู ‘ขนมจีน – กุลมาศ’ เพชรน้ำงามกลางใจ ไฮโซเคน

ไฮโซเคน-ขนมจีน-ขอ-แต่งงาน
ไฮโซเคน-ขนมจีน-ขอ-แต่งงาน

 ‘ขนมจีน – กุลมาศ’ ดาราสาวยอดกตัญญู เพชรน้ำงามกลางใจ ไฮโซเคน

ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาวงการบันเทิง และแวดวงสังคม มีข่าวเกี่ยวกับงานแต่งงานทยอยออกมาเป็นระยะๆ ล่าสุดอีก 1 คู่ที่เพิ่งเซอร์ไพร้ส์ขอแต่งงานกันไป จนตอนนี้มีภาพพรีเวดดิ้งสุดเก๋ออกมาให้ชมกันแล้ว  คือ ไฮโซเคน ขันธ์เพชร สารสาส กับ ดาราสาวยอดกตัญญู ขนมจีน-กุลมาศ ลิมปวุฒิวรานนท์ คู่รักที่คบหาดูใจกันมานาน 6 ปี

ในการทำเซอร์ไพรส์ครั้งนี้ มีครอบครัวและกองทัพเพื่อนร่วมเป็นสักขีพยาน ซึ่งในระหว่างสวมแหวน ไฮโซหนุ่มได้พูดกับดาราสาวว่า อยากให้เธอมาใช้ชีวิตร่วมกับเขา แม้จะไม่หวานมากแต่ฝ่ายหญิงก็กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ ก่อนจะพยักหน้าตอบตกลง

 

โมเม้นต์ตอนขอแต่งงาน ขนมจีน-เคน

เห็นฉากขอแต่งงานสวยหวานอลังการแบบนี้ แต่เบื้องหลังเรื่องราว 6 ปีในการพิสูจน์รักแท้ทั้งคู่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมาไม่น้อย โดยเฉพาะข้อครหาที่ว่า เธอเป็นแค่ของเล่นไฮโซหรือเปล่า? ซี่งเรื่องนี้ไม่ใช่แค่ชาวเน็ต หรือ สื่อมวลชนที่ตั้งคำถามเท่านั้น เพราะขนาดคุณแม่ของเธอเองในตอนแรกก็มีคำถามในใจเช่นเดียวกัน โดยเธอเคยเปิดเผยเรื่องนี้ผ่านนสพ.เดลินิวส์ว่า สมัยก่อนมักมีข่าวว่าดาราเป็นของเล่นไฮโซ ซึ่งคุณแม่ก็ไม่อยากให้คุย เพราะกลัวว่าเขาจะมาเล่นๆ อย่างที่มีข่าว แต่พี่เขาก็พยายามพิสูจน์ตัวเอง

แหวนแทนใจที่เป็นอักษรย่อของทั้งสอง

โดยสาวขนมจีนยังบอกอีกว่าปกติเธอเป็นคนที่เชื่อคุณแม่อยู่แล้ว ถ้าคุณแม่บอกว่าไม่ก็คือไม่ เพราะเชื่อว่าแม่คือคนที่หวังดีกับเรามากที่สุด ถ้าท่านมองว่าไม่โอเคคือไม่โอเคจริงๆ ซึ่งพี่เคนก็พยายามพิสูจน์ให้คุณแม่เห็นความจริงใจ ถ้ามารับไปกินข้าวก็ต้องเจอกับแม่ก่อนเสมอ

ขนมจีนและคุณแม่อ้อย

สำหรับความประทับใจที่มีต่อฝ่ายชายนั้นขนมจีนบอกว่าชอบในความเป็นสุภาพบุรุษ ดูแลและให้เกียรติครอบครัวของเธอมากไม่เคยเจอใครที่ดีเท่าเขา

เป็นเซอร์ไพรส์ที่ทำขนมจีนถึงกับน้ำตาไหล

ดูเหมือนว่าโอกาสที่ได้เจอกับคู่ชีวิตที่ดีแบบนี้ ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะความกตัญญู อย่างที่โบราณว่าไว้ก็ได้ เพราะจากที่ได้อ่านเรื่องราวของขนมจีน เธอเป็นคนที่ทั้งสวย เก่ง และมีความกตัญญูสูงมาก เพราะเธอได้เสียคุณพ่อไปตั้งแต่อายุ 2 ขวบ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา คุณแม่เป็นเสาหลักในการเลี้ยงดูเธอและน้องสาว “ขนมหวาน” หลังจากที่เข้าวงการเป็นนักร้องในค่ายอาร์เอส โปรโมชั่น เธอได้กลายเป็นผู้นำครอบครัวแทน จนเมื่อเข้าศึกษาในระดับปริญญาตรี เธอจึงตัดสินใจให้คุณแม่หยุดทำงานทั้งหมด เพื่อที่จะหาเลี้ยงคุณแม่ด้วยตัวของเธอเอง

บรรยากาศการขอแต่งงาน

อย่างไรก็ตามสิบกว่าปีในวงการบันเทิงที่ผ่านมาแทบไม่มีข่าวเสียหายของขนมจีนเลย ซึ่งเธอได้ให้ข้อคิดดีๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า “พยายามวางตัวให้ดีที่สุด มองอนาคต และระวังตัวให้เกิดปัญหาแบบน้อยที่สุด ก็จะสามารถก้าวผ่านทุกๆ อย่างไปได้”

ขอบคุณที่มาภาพ : IG@knomjeankulamas

เรื่องน่าอื่นอื่นๆ

ของมันต้องมี! ประมูลของแบรนด์เนมจากเหล่าคนดัง ร่วมทำบุญกับแพรวแชริตี้ ก้าวสู่ปีที่ 40

กลับมาอีกแล้วกับมหกรรมการประมูลของแบรนด์เนมสุดรักสุดหวงจากเหล่าคนดัง แต่ละชิ้นไม่ธรรมดาล้วนเป็นแบรนด์ดังระดับไฮเอนด์สภาพใหม่เอี่ยม วันนี้เลยพามาส่องกันก่อนว่าน่าเป็นเจ้าของขนาดไหน ว่าแล้ว มาดูกันเลย ชมและประมูลของทั้งหมดได้ที่ https://praew.com/charity/

คุณสู่ขวัญ บูลกุล

กระเป๋าหนังสีฟ้าพร้อมสายสะพาย ถอดสายได้ FENDI

คุณเกมส์-ก้องธนัตถ์กุล

กระเป๋าเป้ MCM ลายโมโนแกรมแต่งหมุด

คุณชมพูนุช ลี้อิสระนุกูล


Balenciaga คลัตช์หนังสีทองเมแทลลิก 

คุณอุษณา ธารีรัตนาวิบูลย์

กระเป๋าหนัง Hermès รุ่น Lindy

คุณระริน อุทกะพันธุ์

กระเป๋า CHANEL Perfect Edge หนัง Calfskin สีแดงเบอร์กันดี

คุณอัญรัตน์ พรประกฤต

แบรนด์ Jubilee Diamond แหวนเพชรทรงกลมรวม 79 เม็ด น้ำหนักรวม 0.52 กะรัต ตัวเรือน ทำจากทองคำขาว 18 เค (New)

คุณธัญญ่า กินเนสส์

เข็มขัดหนัง Hermès

คุณอุราภา วัฒนะโชติ

กระเป๋าสะพายหนัง Damier Louis Vuitton

คุณไพลิน อัมพุช

กระเป๋า Chanel สีดำ รุ่น CHANEL GST Caviar Grand Shopping Tote

คุณบุษกร วงศ์พัวพันธ์

กระเป๋าหนังจระเข้สีดำ S’uvimol รุ่น Square F

คุณสุริยน ศรีอรทัยกุล

แหวนเพชรกลม 5 เม็ดน้ำหนัก 0.26กะรัต ล้อมด้วยเพชรเหลี่ยม 24 เม็ด น้ำหนัก 0.13 กะรัต ตัวเรือน ทำจากทองคำขาว 18 เคน้ำหนัก 3.8 กรัม

คุณอุษณีย์ มหากิจศิริ ลีโอณีโอ

คลัตช์หนัง Calfskin สีดำ DIOR Pouch with Slot Handclasp (NEW)

คุณพรชัย พูนล้ำเลิศ

เสื้อสโมสรพร้อม ลายเซ็นทีมบาเยิร์น มิวนิค (Bayern Munich)

คุณปณิธิพัทธ์ พีรพัฒนกุล

กระเป๋าผ้าเดนิมตกแต่งลูกปัดคริสตัล Prada (NEW)

คุณทิพนันท์ ไกรฤกษ์

กระเป๋าหนังจระเข้ Disco Royale Collection “ANDRÉ” จาก Tu’i (New)

คุณสุภาวดี ศิริรัตนพล

กระเป๋า HERMES So Kelly หนัง Togo สีส้ม

คุณปานชนก จิตชินะกุล

กระเป๋าถือหนังจระเข้ส่วนท้องสีเหลืองCitrus รุ่น Mira จาก PELLEVAH (New)


ชมและประมูลของทั้งหมดได้ที่ https://praew.com/charity/

 

 

 

 

 

เจ้าหญิงเคท

ชม 7 ลุคของ เจ้าหญิงเคท ใน Royal Tour 2018 เสด็จเยือนสวีเดนและนอร์เวย์

เจ้าหญิงเคท
เจ้าหญิงเคท

เจ้าชายวิลเลียม และ เจ้าหญิงเคท ใน Royal Tour 2018 เสด็จเยือนสวีเดนและนอร์เวย์เป็นเวลา 4 วัน ซึ่งทั้งสองพระองค์จะทรงชมสถานที่ต่างๆ ที่เป็นแลนด์มาร์คสำคัญ เพื่อใกล้ชิดกับชาวบ้านและใช้เวลากับราชวงศ์ในแต่ละประเทศ

โดยตอนนี้เจ้าหญิงเคททรงพระครรภ์ได้ประมาณ 6 เดือนแล้วกับทายาทองค์ที่สาม ซึ่งทราบแล้วว่าจะเป็นพระธิดา ตามปกติเจ้าหญิงเคททรงแต่งตัวออกมาได้ดีเสมอ ไม่ว่าจะเสด็จไปเยือนประเทศไหนก็ตาม ครั้งนี้ก็เช่นกัน ฉลองพระองค์ที่ทรงเลือกก็มักจะมาจากแบรนด์โปรดอย่าง Catherine Walker , Erdem และ Alexander McQueen

ฉลองพระองค์ของเจ้าหญิงเคทในการทัวร์ยุโรปรอบนี้จะงดงามเพียงใด แพรวดอทคอมได้นำมาเสนอให้ชมกันแล้ว

 

ฉลองพระองค์ของ เจ้าหญิงเคท ใน Royal Tour 2018

 

ลุคที่ 1 : เจ้าหญิงเคททรงสวมเสื้อโค้ตสีดำจาก Burberry เพื่อดูเกมฮอกกี้ที่ลานกีฬากลางแจ้งในเมืองสตอกโฮล์ม เจ้าหญิงเคทและเจ้าชายวิลเลียมทรงร่วมแข่งฮอกกี้ด้วยการตีจุดโทษ ทั้งสองพระองค์ทรงแข่งขันกันด้วยความสนุกสนาน จนในที่สุดเจ้าชายวิลเลียมก็ชนะเจ้าหญิงเคทไปด้วยคะแนน  2 ประตู ต่อ 1

 

เจ้าหญิงเคท

 

ลุคที่ 2 : ฉลองพระองค์ชุดนี้เป็นผลงานการออกแบบของ Catherine Walker เจ้าหญิงเคททรงเข้าร่วมรับประทานอาหารกลางวันและเดินเที่ยวกับราชวงศ์สวีเดน พบปะประชาชนด้วยฉลองพระองค์เดรสและเสื้อโค้ตสีเขียวเข้มที่มาในโทนเดียวกัน พร้อมด้วยพระมาลา กระเป๋า และรองพระบาทสีดำ ที่ทำให้ลุคนี้ดูกลมกลืนมากยิ่งขึ้น

 

เจ้าหญิงเคท

 

เจ้าหญิงเคท

 

ลุคที่ 3 : ฉลองพระองค์เดรสสีเหลืองลายดอกไม้ของ Erdem เพื่อสานสัมพันธ์ของทั้งสองราชวงศ์ ดยุคและดัชเชสแห่งเคมบริดจ์เสด็จฯ ร่วมงานกาล่า ณ สถานทูตอังกฤษ ประจำประเทศสวีเดน โดยมีมกุฎราชกุมารี วิคตอเรียและเจ้าชายแดเนียลเสด็จเพื่อต้อนรับการเสด็จเยือนในครั้งนี้ของเจ้าชายวิลเลียมและเจ้าหญิงเคท

 

เจ้าหญิงเคท

 

ลุคที่ 4 : เป็นเสื้อโค้ตลายแดง-ขาว ของ Catherine Walker และฉลองพระองค์เดรสด้านในสีขาวครีมจาก Alexander McQueen ทรงเยี่ยมชมสถาบัน Karolinska โรงเรียน Matteusskolan เพื่อฟังเกี่ยวกับแนวทางการจัดการด้านสุขภาพจิตของสวีเดน จากนั้นเจ้าชายวิลเลียมและเจ้าหญิงเคทจึงเปิดนิทรรศการ การออกแบบแฟชั่นและแบรนด์ในสหราชอาณาจักรที่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำแห่งหนึ่งของประเทศสวีเดน ตามมาด้วยชาชั้นยอดของมกุฎราชกุมารี วิคตอเรียและเจ้าชายแดเนียล

 

เจ้าหญิงเคท

 

เจ้าหญิงเคท

 

ลุคที่ 5 : ฉลองพระองค์เดรสกำมะหยี่สีน้ำเงินจาก Erdem สำหรับงานเลี้ยงต้อนรับที่ Fotografiska Gallery ในสตอกโฮล์ม เจ้าหญิงเคททรงมาร่วมงานเลี้ยงต้อนรับช่วงเย็นเป็นครั้งที่สองในสวีเดนและทรงเลือกชุดเดรสของ Erdem ที่ทรงชื่นชอบมาใส่อีกครั้ง

 

เจ้าหญิงเคท

 

เจ้าหญิงเคท

 

ลุคที่ 6 : เจ้าชายวิลเลียมและเจ้าหญิงเคทเสด็จถึงนอร์เวย์และได้รับการต้อนรับจากเจ้าชายโฮกุน มกุฎราชกุมารแห่งนอร์เวย์ และเจ้าหญิงเมตเต-มาริต ซึ่งดัชเชสทรงสวมเสื้อโค้ตสีฟ้าจาก Catherine Walker

ทั้งสองพระองค์ได้พบกับราชวงศ์ฮังการีที่พระราชวัง เจ้าหญิงเคททรงถอดเสื้อคลุมออกเผยให้เห็นฉลองพระองค์ราตรีของ Seraphine มีลูกไม้ถักคอสูงและแขนกระดิ่ง ซึ่งเป็นสไตล์ที่เจ้าหญิงเคททรงชอบ

 

เจ้าหญิงเคท

 

เจ้าหญิงเคท

 

ลุคที่ 7 : ดัชเชสอยู่ในฉลองพระองค์ของ McQueen ที่สง่างาม ดยุคและดัชเชสได้รับเชิญจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระราชินีซุนยาให้เสด็จไปร่วมรับประทานอาหารเย็น และนี่เป็นกิจกรรมสุดท้ายที่เป็นทางการของ Royal Tour 2018 ดัชเชสทรงฉลองพระองค์เดรสสีขาวยาวสมดั่งเจ้าหญิงจริงๆ

 

เจ้าหญิงเคท

 

เจ้าหญิงเคท

 


 

ภาพ : IG@katemidleton

ที่มา : www.mirror.co.uk

 

ไหว้พระรับตรุษจีน 8 วัดเสริมสิริมงคล เฮงๆ ปังๆ ในปีจอ

วันตรุษจีนหรือวันปีใหม่ตามปฏิทินจีน ถือเป็นอีกหนึ่งวันสำคัญของชาวจีน ซึ่งปี 2561 หรือ 2018 ตรงกับวันศุกร์ที่ 16 ก.พ. 61 ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ตามธรรมเนียมดั้งเดิมชาวจีนจะนิยมไปไหว้เทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์เพื่อขอพรให้อยู่เย็นเป็นสุข

การออกไปไหว้พระเสริมสิริมงคลให้กับชีวิตในช่วงเทศกาลนี้ หากใครไม่รู้ว่าจะเดินทางไปที่วัดไหนดี วันนี้เรารวมมาให้แล้ว กับสถานที่สำคัญทั้ง 8 แห่ง ดังต่อไปนี้

วัดมังกรกมลาวาส (วัดเล่งเน่ยยี่)

วัดมังกรกมลาวาส หรือที่เราเรียกกันติดหูว่า วัดเล่งเน่ยยี่ นี้เป็นหนึ่งในวัดจีนแต้จิ๋วในยุคแรกๆ ที่มีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่งในไทย ตั้งอยู่ที่ถนนเจริญกรุง ระหว่างซอยเจริญกรุง 19 และ 21 ย่านเยาวราช ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2414 เป็นวัดเก่าแก่แต่ที่ยังคงความสวยงาม ขลัง เป็นสถานที่ประดิษฐานของ พระพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ และองค์เทพเจ้าสำคัญหลายองค์ อาทิ องค์ไท้ส่วยเอี๊ยะ องค์แป๊ะกง เจ้าแม่กวนอิม ผู้คนนิยมมากราบไหว้เพื่อให้เป็นสิริมงคล

ศาลเจ้าพ่อเสือ

ตั้งอยู่ที่ถนนตะนาวใกล้เสาชิงช้าในกรุงเทพมหานคร เป็นศาลเจ้าจีนสายลัทธิเต๋าที่เก่าแก่กว่าร้อยปี เป็นที่ประดิษฐานของเทพเจ้าที่มีความศักดิ์สิทธิ์มากองค์หนึ่งที่คนจีนเรียกท่านว่า “ตั่วเหล่าเอี๊ย” หรือ “เฮี่ยงเทียงเซี่ยงตี่” ส่วนคนไทยจะรู้จักท่านในนามเจ้าพ่อเสือ รวมถึงเจ้าพ่อกวนอู ผู้คนนิยมกราบไหว้ขอพร ให้การงานประสบความสำเร็จ เสริมอำนาจบารมี ร่ำรวยเงินทอง

ศาลเจ้าแม่กวนอิม มูลนิธิเทียนฟ้า

ภายในมูลนิธิเทียนฟ้าแห่งนี้ จะมีศาลเจ้าแม่กวนอิม ปางประทานพร ประดิษฐานเป็นเทพเจ้าองค์ประธานอยู่ด้านใน องค์ทำด้วยไม้จันทน์แกะสลัก ศิลปะราชวงศ์ถัง ได้ถูกอัญเชิญประดิษฐานมาจากประเทศจีน เมื่อในปี พ.ศ. 2501 จวบจนปัจจุบัน

ศาลเจ้าเล่งบ๊วยเอี๊ยะ

ศาลเจ้าเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในสมัยอยุธยาเมื่อปี พ.ศ. 2201 ตั้งอยู่ที่กลางซอยเยาวราช 6 หรือตรอกอิสรภาพในย่านเยาวราช สถาปัตยกรรมเป็นแบบจีนแต้จิ๋วโบราณ มีระฆังโบราณสมัยราชวงศ์หมิง เป็นที่ประดิษฐานองค์ไฉ่ซิงเอี๊ยหรือเทพเจ้าแห่งโชคลาภ และเทพเจ้ากวนอูหรือเทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์

ศาลเจ้าพ่อกวนอู (Gong Wu Shrine)

เป็นศาลเจ้าเก่าแก่ มีประวัติศาสตร์ความเป็นมากว่า 268 ปี ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาในชุมชนสมเด็จย่า ใกล้กับสวนสมเด็จย่า หลังวัดอนงคาราม ย่านคลองสาน ฝั่งธนบุรี เทพเจ้ากวนอูหรือเทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์ คนนิยมมาไหว้ขอพรท่านเพื่อความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ได้เป็นเจ้าคนนายคนและให้มีลูกน้องบริวารที่ดี นอกจากนี้ ยังมีองค์ไฉ่ซิงเอี๊ย และเจ้าพ่อเสือประดิษฐานอยู่ที่นี่ด้วย

วัดทิพยวารีวิหาร (วัดกัมโล่วยี่)

ตั้งอยู่ในซอยทิพยวารี ถนนตรีเพชร เขตพระนคร (บ้านหม้อ) เป็นวัดจีนเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในสมัยกรุงธนบุรีปี พ.ศ. 2319  ที่นี่มีองค์เทพสำคัญมากมาย อาทิ เทพบุ่งเชียง เทพไท้อิม (จันทราเทพ) เทพไท้เอี๊ยง (สุริยะเทพ) เทพฮั่วท้อ เทพฮั้วกวงไต่ตี่ (เทพสามตา)

วิหารเทพสถิตพระกิติเฉลิม

วิหารเทพสถิตพระกิติเฉลิม หรือศาลเจ้าหน่าจาซาไท้จื้อ เป็นศาลเจ้าจีนที่ก่อสร้างอย่างสวยงามใหญ่โต ตั้งอยู่ริมเส้นทางเลียบชายทะเลจากอ่างศิลาไปเขาสามมุข มีตึก 4 ชั้น ภายในโอ่โถงตระการตาด้วยสถาปัตยกรรมแบบจีน จุดเด่นด้านศิลปวัตถุที่สำคัญ ได้แก่ รูปปั้นมังกรซึ่งมีมาถึง 2,840 ตัว กระถางธูปศักดิ์สิทธิ์ เสาฟ้าดิน นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ที่มีองค์ไท้ส่วยเอี้ย (ดาวเทพคุ้มครองดวงชะตาประจำปีเกิดของมวลมนุษย์) ครบ 60 องค์ ให้ผู้มาเยือนได้ขอพรได้ตรงตามปีเกิด

วัดเล่งฮกยี่

วัดจีนเก่าแก่ของจังหวัดฉะเชิงเทราวัดนี้ถือเป็นวัดจีนเพียงแห่งเดียวในฉะเชิงเทรา ซึ่งมีเทพเจ้าองค์สำคัญๆ ของชาวจีนไว้ให้ผู้ศรัทธาได้กราบไหว้ขอพร เช่น ท้าวจตุโลกบาล 4 ทิศ (ซือต้าเทียนหวัง) อายุกว่า 150 ปี วัดเล่งฮกยี่ สร้างขึ้นราว พ.ศ. 2449 ซึ่งคำว่า ฮก แปลว่าโชคลาภ วาสนา จึงมักมีคนเรียกวัดแห่งนี้ว่า วัดมังกรแห่งวาสนา

นอกจาก 8 สถานที่สิริมงคลที่แนะนำให้ไปไหว้ใน่วงเทศกาลตรุษจีนแล้ว หากใครไม่สะดวกหรืออยู่ใกล้ศูนย์การค้าพาราไดซ์ พาร์ค ก็ได้จัดให้มีซุ้มมงคลสักการะโดยอัญเชิญ 8 เทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์” มาประดิษฐานในงานParadise Park Chinese New Year the Great Golden 2018” ณ ลานรอยัล พาร์ค พลาซ่า ชั้น 1 ตั้งแต่วันที่ 8-18 ก.พ. 61

ไม่ว่าจะเป็น เทพ 3 ตา เอ้อหลางเสิน Erlang Shen หนึ่งใน 5 แม่ทัพสวรรค์ประจาทิศ ตะวันตก ที่มีสัตว์คู่ใจ เป็นสุนัข ซึ่งเป็นปีนักษัตรของปี 2018 ท้าวจตุโลกบาล 4 ทิศ (ซือต้าเทียนหวัง) แกะสลักจากไม้จันทร์หอม สูง 1.2 เมตร อายุกว่า 150 ปี อัญเชิญมาจากวัดเล่งฮกยี่ จังหวัดฉะเชิงเทรา เทพเจ้าไท้ส่วยเอี๊ยะ เทพเจ้าคุ้มครองดวงชะตา ประจำปี 2561 เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ยะ เทพเจ้าแห่งโชคลาภ และความร่ำรวย เจ้าพ่อเสือ (ตั่วเหล่าเอี๊ย) เทพเจ้าคุ้มครองสุขภาพ ครอบครัว การงาน

 

 

 

 

 

 

 

 

COVER STORY : PRAEW ISSUE 923

ต้อนรับเทศกาลวาเลนไทน์ PRAEW ISSUE 923 พาคู่รักข้าวใหม่ปลามันที่เพิ่งเข้าวิวาห์ เมื่อปลายปีที่แล้ว มาร์กี้ – ราศรี บาเล็นซิเอก้า กับ ป๊อก – ภัสสรกรณ์ จิราธิวัฒน์ มาขึ้นปกให้ชาวแพรวได้อิจฉา ในความน่ารัก และหวานซะไม่มีของคู่นี้

หากนึกถึงสีลิปสติกที่ดูร้อนแรง แซบเว่อร์ เชื่อว่าสาวๆ หลายคนต้องนึกถึงสีแดงแน่นอน แต่ช้าก่อน ผลโพลสำรวจ ความนิยมในสีสันลิปสติกจากทั่วโลกของปีที่ผ่านมา สาวไทยเรานั้นยกให้สีชมพูนม “Pale Pink” คือที่หนึ่งในดวงใจ ไม่ว่าจะแต่งตัวสไตล์ไหน สีชมพูก็เอาอยู่ แต่อย่างที่รู้กัน สีลิปสติก หนึ่งสีนั้นมีหลายเฉดเหลือเกิน อย่างสีชมพูนั้นก็มีตั้งแต่ฮ็อตพิ้งค์ ฟิวเชีย ไล่ไปถึงชมพูกะปิ และชมพูนู้ด BEAUTY PEDIA ไม่รอช้าจัดโทนชมพูมาให้เลือก ทั้งแบรนด์และเฉดสี ต้อนรับเทศกาลความรักที่กำลังมาถึง ก็ของมันต้องมีอะเนอะ

ผิวดีมีชัยไปกว่าครึ่ง ! ไม่ต้องประโคมเมคอัพให้ดูหนาเหมือนฉาบปูนไว้ BEAUTY SECRET นำเคล็ดลับของสาวผิวสวย 360 องศา คุณมีมี่ – อนงค์นาฏ อำนวยพล Brand Communication Managerof Lancme & Biotherm มาเผยเคล็ดลับความสวย ดูแลครบทุกสเต็ปแบบไม่ต้องพึ่งทางลัดเรียกว่าจะสวยขนาดนี้ ต้องอดทนจึงจะเห็นผลนะสาวๆ

วาเลนไทน์ปีนี้สาวๆ คนไหนถูกขอแต่งงานแล้วล่ะก็ เราขอยินดีล่วงไว้เลยนะจ๊ะ ส่วนสาวๆ คนไหนกำลังปวดขมับไม่รู้จะเลือกชุดเจ้าสาวแบบไหนดี ตามมาทางนี้ค่ะ เจ้าสาวสายหวาน หลงรักลูกไม้ต้องแบรนด์นี้เลยจ้า “TUTTI” ความพลิ้วไหวและคลาสสิกของผ้าลูกไม้ คือเสน่ห์ที่ทำให้ ตู๋ตี๋ – นัทธนุช วงศ์พัวพันธ์ ดีไซเนอร์แบรนด์ TuTTi หลงรักหมดหัวใจ ไปทำความรู้จักให้มาขึ้นใน DESIGNER TALKS

STYLE CONFIDENT ปักษ์นี้ชวนมารีน่า น้องสาวคนสวยของ มาร์กี้ ราศี ที่ทั้งโดดเด่น มีสไตล์ และมีเสน่ห์ดึงดูด ไม่แพ้พี่สาว มาแชร์สไตล์การแต่งตัว งานนี้ขอบุกไป ล้วงสไตล์ของเธอกันถึงห้องนอนให้กับสาวๆ ชาวแพรวได้เอาไปเป็นไอเดียในการแต่งตัว พร้อมแล้วลุยเลย

ใกล้เข้ามาแล้วกับมหกรรมการประมูลของ Praew Charity 2018 ดับเบิลคลิก ดับเบิลบุญ ที่ทุกคนรอคอย SPECIAL SCOOP เลยขอนำภาพ บรรดาเซเลบริตี้แถวหน้าของ เมืองไทยที่ร่วมส่งไอเท็มแบรนด์เนมชิ้นรักอย่างกระเป๋าถือและเครื่องประดับ มาร่วมทำบุญกับ แพรว บอกเลยว่าหลายชิ้นยังใหม่กริ๊บ เพราะเจ้าของ แทบไม่ได้แตะ ทำบุญชาตินี้ ชิคเลยทันที ไม่ต้องรอชาติหน้า

เตือนไว้ก่อน Live Stories ปีกษ์นี้อาจจะโหดหน่อยๆ สำหรับ คนโสดถ้าได้อ่านเรื่องราวความเลิฟหวานๆ ของคู่รักเซเลบริตี้ ที่ควงคู่จูงมือกันมาเปิดใจกับแพรวเป็นที่แรกถึงทุกมุม ความหวานตั้งแต่รู้จักจนถึงตกลงใจแต่งงานแถมเขาและเธอ ช่างมีทุกอย่างเพียบพร้อมประมาณว่าลัคกี้ทั้งอินเกมและ อินเลิฟหนักมาก

ความสุขที่แท้จริงของคนเราอยู่ตรงไหน มีใครเคยคิดบ้าง สำหรับหนุ่มคนนี้ ไอซ์ – ศรัณยู วินัยพานิช คือการออกไปท่องโลกกว้าง ทำให้เขารู้สึกตัวเล็กลงและให้เกียรติคนรอบข้างมากขึ้นใน MY INSPRIED DESTINATION

COVER : PS I Love You XOXO POK & MARGIE
BEAUTY PEDIA : PINK 360 EXPLORE THE SHADE OF LOVE THIS VALENTINE’S DAY
BEAUTY SECRET : Perfect Beauty & Care ANONGNART AMNUEYPOL
DESIGNER TALKS : TuTTi Nostalgia Classic & Femininity
STYLE CONFIDENT : Many Shades of Marina “MARINA BALENCIAGA”
SPECIAL SCOOP : Praew Charity Luxury Auction 2018 มหกรรมประมูล ทำบุญ ชิงแบรนด์เนม!
LIVE STORIES : Love Stories 3 เรื่องรักสุดฟิน…ที่ชวนให้อินหนักมาก
MY INSPRIED DESTINATION : Backer on Ica Sarunyu แบกเป้ตะลุยทั่วโลก

ห้ามพลาดกับแฟชั่นสวยๆ ที่พร้อมให้คุณอัพเดท รวมถึงเรื่องราวต่างๆ ที่อัดแน่นไปสาระอีกเช่นเคย ในนิตยสารแพรวฉบับ 923 ปักษ์ 10 กุมภาพันธ์ 2560 ได้แล้วที่แผงหนังสือชั้นนำทั่วไป หรือ สั่งซื้อทางออนไลน์ได้ที่ https://www.naiin.com/

Onitsuka Tiger

‘Onitsuka Tiger’ เผยโฉมคอลเล็คชั่น SS 2018 เน้นความเบาสบาย ซัพพอร์ตเท้าได้ดีกว่าเดิม

Onitsuka Tiger
Onitsuka Tiger

Onitsuka Tiger MEXICO 66 SD เผยโฉมต้อนรับปีจอ คอลเล็คชั่น Spring & Summer 2018 มีการดีไซน์ที่ตอบโจทย์ทั้งภาพลักษณ์และความสบายในการสวมใส่ สุดยอดแบรนด์รองเท้าจากแดนปลาดิบ อย่างOnitsuka Tiger เปิดคอลเล็คชั่นใหม่ด้วยนวัตกรรมใหม่ที่ให้มากกว่าดีไซน์ โดดเด่นด้วยเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือนจากการดีไซน์อันเลื่องลือในความต่าง

 

Onitsuka Tiger  Spring & Summer 2018

 

สำหรับคอลเล็คชั่นต้อนรับ Spring & Summer 2018 ภายใต้ชื่อ MEXICO 66 SD ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์เฉกเช่นเดียวกับรุ่นคลาสสิกยอดนิยมอย่าง MEXICO 66 ทั้งลายที่เป็นซิกเนเจอร์ที่โดดเด่น การซัพพอร์ตฝ่าเท้าจนไปถึงส้นเท้าและยังเพิ่มเติมด้วยการลงสีดีไซน์ที่เพิ่มมิติ ชวนสะดุดตา และการสนับสนุนส้นเท้าที่ดีขึ้นด้วยการใช้วัสดุหลากหลายที่รองรับได้ดียิ่งขึ้น ผนวกกับนวัตกรรมการรองรับแรงกระแทกในทุกก้าวย่าง ด้วยแผ่นรองกระแทก และ fuzeGEL ที่ได้รับการรองรับจากสถาบันวิจัยด้านรองเท้ากีฬาของ ASICS ซึ่งได้ทำการทดลองแล้วว่ารองเท้าในการสวมใส่สำหรับชีวิตประจำวันนั้น ควรมีการรองรับแรงกระแทกของฝ่าเท้าตั้งแต่พื้นส่วนกลาง

ฉะนั้นการนำนวัตกรรมเข้ามาผนวกแรงกระแทกต้องเป็นวัสดุที่ทำให้การก้าวไม่มีสะดุดอย่างตัวเจล นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มใส่เจลตั้งแต่ส่วนนิ้วแม่โป้ง และส้นเท้าอีกด้วย ซึ่งเจลที่นำมาผสมผสานกับคอลเล็คชั่นนี้ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในนวัตกรรมที่ทาง ASICS สามารถสร้างชื่อเสียง และเป็นที่ยอมรับในกลุ่มผู้สวมใส่มาอย่างยาวนาน ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงนี้ อาจไม่เห็นชัดหากมองครั้งแรก แต่สำหรับผู้สวมใส่จะสามารถสัมผัสถึงความแตกต่างที่เบาสบายและการซัพพอร์ตเท้าได้ดียิ่งขึ้นอย่างชัดเจนในรองเท้ารุ่น MEXICO 66 SD นี้

 

Onitsuka Tiger

 

Onitsuka Tiger

 

นวัตกรรมความพิเศษในเรื่องของความสบายในการสวมใส่ในคอลเล็คชั่น MEXICO 66 SD นั้นยังรวมไปถึงความเบาบางทั้งภาพลักษณ์ถึงความรู้สึกในการสวมใส่ เพราะคอลเล็คชั่นนี้ใช่เพียงแต่ความสวยงาม แต่เพิ่มด้วยประสิทธิภาพในการใช้งาน และวิธีการดูแลรักษาด้วยการเคลือบผิวยางชนิดพิเศษ ทำให้การทำความสะอาดเป็นเรื่องง่าย แถมทนต่อสภาพอากาศที่เปียกชื้น ต่อด้วยการนำอีกหนึ่งสุดยอดนวัตกรรมอย่าง OrthoLite ที่มีความโดดเด่นในการระบายที่ดี

 

Onitsuka Tiger

 

Onitsuka Tiger

 

Onitsuka Tiger

 

Onitsuka Tiger

โดยคอลเล็คชั่น MEXICO 66 SD นี้ จะมีวางจำหน่าย ทั้งในรุ่นที่ทำจากวัสดุหนังคุณภาพสูง ในสี Vaporous Grey และ Yellow กับลวดลายเรโทรอันเป็นเอกลักษณ์ หรือสีโทนเดียวอย่าง Cream และ  Black พร้อมด้วยสัมผัสที่อ่อนนุ่มของหนังคุณภาพสูงภายในรองเท้า  ส่วนรุ่นหนังกลับมาด้วยคู่สีสว่าง อย่างสี Smoke Light Blue  และ Coral Cloud ที่ให้ความรู้สึกถึงการต้อนรับฤดูร้อนและฤดูใบไม้ผลิ นับตั้งแต่ครั้งแรกที่สวมใส่ เหมาะสำหรับทุกสไตล์ในการมิกซ์แอนด์แมตช์ พร้อมวางจำหน่ายแล้วในเดือนเมษายน ซึ่งสนนราคา 4,900 บาท

 

 

อนก ยาอี

สวยสุดในโลก! ‘อนก ยาอี’ นางแบบผิวสี ผู้มี ค่าตัว หลายแสนบาทต่อชั่วโมง

อนก ยาอี
อนก ยาอี

อนก ยาอี  นางแบบผิวสีชาวซูดาน เธอคือผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลกและมี ค่าตัว แพงที่สุด นางแบบผิวสีจากซูดานได้รับการขนานนามว่าเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลก ค่าตัว รายได้นางแบบ ของเธอในการถ่ายแฟชั่นอยู่ที่ชั่วโมงละ 15,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ

ซึ่งตอนนี้เกิดปัญหาการขาดแคลนนางแบบผิวสี จึงทำให้ อนก ยาอี (Anok Yai) นางแบบสาวชาวซูดานใต้ได้รับความนิยมอย่างมากในขณะนี้ โดย ค่าตัว ในการถ่ายแฟชั่นของเธอสูงลิบลิ่วถึงชั่วโมงละ 15,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 470,000 บาท

อนก ยาอี เริ่มเป็นที่พูดถึงครั้งแรกในเดือนตุลาคม ปี 2017 หลังจากที่เธอได้ถ่ายภาพครั้งแรกในงานของมหาวิทยาลัย Howard และภาพดังกล่าวก็โด่งดังอย่างหนักในอินสตาแกรม ซึ่งในวันแรกมีการดู 11,000 ครั้ง หลังจากนั้นประตูในเส้นทางแฟชั่นก็เปิดต้อนรับเธอ มีโมเดลลิ่งดัง 3 รายของโลกมาติดต่อและป้อนงานให้กับเธอจนโด่งดังไปทั่วโลก

 

สไตล์ของ อนก ยาอี จะเป็นยังไง มาดูกัน

 

อนก ยาอี
โครงหน้ามีความเป็นโมเดลมากกกก

 

อนก ยาอี
การแต่งตัวก็เปรี้ยวใช่เล่น เสื้อสีซีทรูทำให้เซ็กซี่เล็กๆ

 

อนก ยาอี
แม้จะเป็นสาวผิวสี แต่การแต่งตัวของเธอก็เป็นไปอย่างอิสระ เสื้อสีส้มโอรสโชว์หน้าท้องแบนราบ เข้ากับเธอมาก

 

อนก ยาอี
เมื่อต้องเดินแบบก็เริ่ดดดด สำหรับงานนี้เธอเดินแบบให้กับ Prada

 

อนก ยาอี
โพสต์ท่าก็ไม่แพ้กัน อินเนอร์นางแบบมาเต็ม ส่วนชุดที่ใส่เป็นโทนสีฟ้า-ขาว จึงให้ความรู้สึกเบาๆ สบายตา

 

อนก ยาอี
การเล่นกับสีสันของเสื้อผ้าก็สนุกไปอีก เธอเป็นคนที่แมตช์สีได้ดีเลย

 

อนก ยาอี
ความชิค ขี้เล่นก็มี ใช่ว่านางแบบจะหน้านิ่งได้อย่างเดียว ส่วนรูปร่างก็ดีมาก ความเพรียวนี้น่าอิจฉาจริงๆ

นอกจากเส้นทางนางแบบกำลังจะไปได้สวยแล้ว เรื่องเรียนเธอก็ไม่ทิ้ง เพราะตอนนี้ อนก ยาอี เป็นนักศึกษาวิชาชีวเคมี ที่มหาวิทยาลัยแห่งมลรัฐนิวแฮมป์เชียร์ ปัจจุบันเธอเป็นนักศึกษาชั้นปีที่หนึ่ง


 

ข้อมูล : kkchannel

ภาพ : IG@anokyai

 

 

อิ่มจนพุงกางที่ร้านอาหารญี่ปุ่น “Midori” รังสรรค์โดยเชฟฝีมือระดับแชมป์กระทะเหล็ก

สวัสดีชาวแพรวสายกิน กลับมาเจอกันอีกแล้ว หลังจากห่างหายกันไปนาน ครั้งนี้เรากลับมาพร้อมกับร้านอาหารญี่ปุ่นที่รสชาติไม่ธรรมดา เพราะร้านนี้เขาการันตีความอร่อยจากเชฟฝีมือระดับแชมป์ที่สามารถเอาชนะ เชฟกระทะเหล็กมาได้ บอกเลยว่าถูกใจคออาหารญี่ปุ่นแน่นอน

ก่อนจะไปชิม เราขอเท้าความที่มาที่ไปของร้านกันก่อน “มิโดริ” ร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อเก๋ไก๋ ที่แปลว่าสีเขียวในภาษาญี่ปุ่นนั้น แรกเริ่มเดิมที่เปิดครั้งแรกที่หมู่บ้านสัมมากร โดยคุณแนต-สรัญนพ เทพหัสดิน ณ อยุธยา และเชฟ Michi Kadota เจ้าของร้าน ได้รู้จักกันที่ประเทศนิวซีแลนด์ ซึ่งก่อนที่จะมาเปิดสาขาที่เมืองไทยนั้น ทั้งคู่ได้เคยเปิดร้านอาหารญี่ปุ่นร่วมกันที่ประเทศนิวซีแลนด์มาก่อน จนกระทั่งคุณแนตกลับมาเมืองไทยและได้มาทำงานที่โรงแรมจึงได้ชวนเชฟ Michi Kadota กลับมาร่วมงานกันอีกครั้งแต่ก็ไม่สำเร็จเพราะเชฟบอกงานที่ร้านยุ่งมาก แต่เหมือนบุพเพสันนิวาส ที่ทำให้ทั้งคู่ได้กลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง เมื่อเชฟ Michi Kadota ได้เดินทางมาเที่ยวเมืองไทยและก่อนกลับได้เปรยกับคุณแนตว่า อยากเปิดร้านอาหารที่ประเทศไทย หมู่บ้านสัมมากรจึงเป็นที่แรกของร้านมิโดริ ซึ่งเปิดมานานแล้วกว่า 4 ปี และปัจจุบันได้ย้ายมาเปิดที่ สนามม้านางเลิ้ง

ด้านประวัติของเชฟ Michi Kadota นั้นก็ไม่ธรรมดา เชฟนั้นมาจากเมืองโอซาก้า มีประสบการณ์มามากกว่า 25ปี เชฟมีสไตล์การทำอาหารแบบ Homecook โดยเริ่มต้นทำงานในร้านอาหารเล็กๆ ในโตเกียว เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ หลังจากนั้นได้ไปเป็นเชฟอยู่ที่ประเทศนิวซีแลนด์ เป็นเวลากว่า 10ปี ที่นั่นเชฟได้เป็น Executive chef ในร้านอาหารที่มีชื่อเสียงหลายร้าน ไม่ว่าจะเป็น TANUKI ,SATO JAPANESE RASTAURANT ซึ่งร้านดังกล่าวล้วนแต่ได้รับโหวตให้เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นที่อร่อย และมีคุณภาพดีที่สุดของประเทศ จากนิตยสาร และหนังสือพิมพ์ชั้นนำ METRO MAGZINE / NEW ZEALAND HERALD เชฟเป็นคนที่ใส่ใจในเรื่องของวัตถุดิบที่ใช้อย่างมาก ทุกอย่างต้องสดใหม่วันต่อวัน เชฟจะเป็นคนทำซอสเองทุกอย่างรสชาติจึงไม่เหมือนใคร รวมทั้งน้ำสลัดต่างในเมนูสลัด เชฟก็เป็นคนทำเองทั้งหมด

คอนเซปต์ของร้าน MIDORI นั้นตกแต่งในสไตล์ Contempolary Japanese ที่เน้นความสบายเป็นหลักในโทนสีของร้านคือเทาตัดกับสีไม้ ให้กลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นที่แท้จริง

ทำความรู้จักกับเชฟไปกันเรียบร้อยแล้ว และแล้วก็มาถึงช่วงเวลาที่เรารอคอย สำหรับเมนูแรกที่เราขอนำเสนอคือ Teriyaki เมนูนี้เชฟแนะนำกับเราว่า ความแตกต่างในสูตรของเชฟคือเนื้อไก่ที่นุ่มและหนังกรอบรวมถึงซอสเทริยากิ ที่มีความพิเศษคือทำจากน้ำผึ้งทั้งหมด 3 ชนิด และผลไม้หลากชนิด รสชาติของซอส ที่กลมกล่อมไม่หวานจนเกินไป ใครมาต้องสั่งเมนูนี้ ไม่สั่งถือว่าพลาด

เมนูถัดมาคือ ปลาแซลมอน Saikyo Yaki ปลาแซลมอนชิ้นโตๆ ขนาด 250กรัม นำมาหมักใน Saikyo Miso สูตรของเชฟ 3วัน แล้วนำไปย่าง ทานคู่กับ Saikyo Miso จะได้รสชาติที่อร่อยและรสสัมผัสของปลาแซลมอนที่นุ่มและเต็มเปี่ยมไปด้วยรสชาติของ Saikyo Miso ที่แทรกลงไปในเนื้อปลา

ส่วนเมนูที่ขาดไม่ได้คือ ปลาดิบ (Sashimi) ที่สั่งตรงมาจากตลาดปลาที่ประเทศญี่ปุ่นทุกๆ 2วัน หลักๆ ของความอร่อยคือ เชฟจะเป็นคนคัดสรรปลาที่จะเสิร์ฟทุกจาน ถ้าไม่ดี ไม่ได้คุณภาพก็จะไม่เสิร์ฟ การันตีได้ว่ารสชาติสดใหม่ ถูกใจคนรักปลาดิบ

อีกหนึ่งเมนูสำหรับคนรักสุขภาพ  “Mix Bean Salad With Grilled Chicken” สลัดผักและถั่วนานาชนิด ทานพร้อมกับไก่ย่างสูตรพิเศษ นอกจากจะได้ทานผักออแกนิกซ์สดๆ รสชาติหวานกรอบ ถั่วหลากหลายชนิดที่นำมามิกซ์กันแล้ว เข้ากันอย่างดี เพิ่มโปรตีนด้วยไก่ย่างแล้ว น้ำสลัดที่นี่ยังไม่เหมือนใคร เพราะอย่างที่บอกว่าเชฟทำน้ำสลัดด้วยตนเอง รสชาติจึงไม่ซ้ำกับร้านไหนแน่นอน

อีกหนึ่งเมนูไก่ ที่หากคุณมาแล้วต้องสั่ง ไม่สั่งถือว่าพลาดอีกเช่นกัน “Deep Fried Chicken Nanban Sauce” เมนูยอดฮิตประจำร้าน เนื้อไก่ กรอบนอกนุ่มใน พร้อมซอส Nanban สูตรเฉพาะทางร้าน ตัดเลี่ยนด้วยเลมอน เมนูนี้ทานกับข้าวญี่ปุ่นร้อนๆ ฟินมากขอบอก อ้อลืมบอก ข้าวญี่ปุ่นที่นี่อร่อยมากกกก ข้าวหอมนุ่มมากกกกอีกเช่นกัน

ปิดท้ายด้วยเมนูของหวานที่คุณแนตและเชฟจัดเต็มมาให้เราชิมอย่างจุใจ จนพุงกาง มีเมนูดังต่อไปนี้ ไอศกรีมงาดำ รสชาติกลมกล่อม หอมงาดำ หวานนิดๆ และไอศกรีมชาเขียว ชาเขียวรสชาติเข้มข้น กลิ่นหอมเตะจมูก

ชอคโกแลตชีสเค้ก ตัวเค้กเนื้อเนียนนุ่ม เกาะเป็นเนื้อเดียวกัน ชอคโกแลตเข้มข้นแต่ไม่หวาน

เมนูของหวาน เมนูสุดท้าย เครมบรูเล่ (Creme Brulee) เนื้อเนียนนุ่มหอมครีมสด หอมน้ำตาลไหม้ เห็นแบบนี้นึกว่าจะหวานมาก แต่บอกเลยว่าไม่หวานอย่างที่คิด  เมนูของหวานที่นี่เหมาะกับสาวๆ ที่ไม่ชอบทานหวานมากนัก หรือ กำลังอยู่ในโหมดลดความอ้วน ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย

สำหรับที่ตั้งของร้านนั้นอยู่ภายในสนามม้านางเลิ้ง ถ้ามาตรงเข้ามาทางประตูหลักแยกนางเลิ้ง แล้วสังเกตร้านจะอยู่ข้างๆ กับห้องจำหน่ายตั๋ว เดินทางสะดวกมีที่จอดรถ จะมากันเป็นคู่ หรือ จะมาทั้งครอบครัว หรือ มากันเป็นแก๊ง ก็ไม่ต้องห่วง ทางร้านยังมีห้องที่สามารถจัดเลี้ยง หรือปาร์ตี้เล็กๆ สำหรับทุกท่านอีกด้วย สำหรับราคานั้นไม่แพงอย่างที่คิด ถ้าเทียบกับวัตถุดิบที่เชฟรังสรรค์มาให้ทานนั้นรับรองได้ว่าคุ้มค่าแน่นอน

ภาพ : Wara Suttiwan

 

 

 

 

 

 

 

 

กรงกรรม

ดราม่าเข้มข้น! ค่ายแอคอาร์ตปล่อยภาพละคร “กรงกรรม” แล้ว

กรงกรรม
กรงกรรม

หลังจากกองละคร กรงกรรม มีกฎห้ามถ่ายภาพระหว่างถ่ายทำ ห้ามเผยแพร่ข้อมูลผ่านสื่อออนไลน์ทุกช่องทาง และห้ามเช็คอินสถานที่เพื่อป้องกันไม่ให้ข้อมูลการถ่ายทำคลาดเคลื่อน ล่าสุดวันนี้ (5 ก.พ.61) ทางค่าย Act Art แห่งบริษัท แอคอาร์ต เจเนเรชั่น จำกัด ได้ปล่อยภาพส่วนหนึ่งของการถ่ายทำออกมาให้แฟนๆ ได้ชมบางส่วนตามคำเรียกร้อง เรียกว่าทำแฟนคลับละครเรื่องนี้ต่างตื่นเต้นกันเป็นจำนวนมาก

เปิดตัวละครเรื่องใหม่ของค่ายแอคอาร์ตฯ “กรงกรรม” ละครแนวพีเรียด ดราม่า สะท้อนสังคมของผู้จัดฯ อ๊อฟ-พงษ์พัฒน์ และ แดง-ธัญญา ไปเมื่อปลายปี 2560 ก็ทำให้แฟนละครต่างฮือฮาและให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก

เนื่องจากละครเรื่องนี้เป็นการกลับมาทำงานร่วมกันของ เจมส์-จิรายุ ตั้งศรีสุข และ เบลล่า-ราณี แคมเปน อีกทั้งบทบาทในละครเรื่องนี้ของเบลล่า ยังเป็นการพลิกคาแร็คเตอร์สุดท้าทายครั้งยิ่งใหญ่ เพราะเบลล่าต้องมารับบท เรณู สาวโสเภณีครั้งแรก เรียกว่า เป็นบทที่โตมากสำหรับเบลล่าตั้งแต่แสดงละครมาเลยก็ว่าได้

กรงกรรม กรงกรรม

สำหรับการถ่ายทำละครเรื่องกรงกรรม เริ่มถ่ายทำวันแรกเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2560 เป็นต้นมา ซึ่งกฎหลักๆ ของกองถ่ายละครส่วนใหญ่อย่างที่ทราบสำหรับนักแสดง ทีมงานก็คือ มักจะห้ามถ่ายภาพระหว่างถ่ายทำ ห้ามเผยแพร่ข้อมูลผ่านสื่อออนไลน์ทุกช่องทางโดยไม่ได้รับอนุญาตก่อน อย่างกรณีกองถ่ายละครกรงกรรม ก่อนหน้านี้ก็มีประเด็นดราม่าเรื่อง การเผยแพร่รูปเจมส์-จิรายุ ในร้านแห่งหนึ่ง ซึ่งได้มีเสียงวิจารณ์ออกมาว่า ลักษณะร้านผิดยุค ผิดสมัยตามเนื้อละครกรงกรรม จนกระทั่งทางค่ายจึงต้องออกมาชี้แจงว่า ภาพดังกล่าวเป็นภาพที่แฟนคลับมาขอถ่ายภาพหนุ่มเจมส์ที่ร้านแห่งหนึ่ง ที่กำลังนั่งพักระหว่างรอเข้าฉากเท่านั้น

กรงกรรม
ภาพเจมส์-จิรายุ กรณีที่เป็นประเด็นเรื่องสถานที่

ทั้งนี้มีคำเรียกร้องจากแฟนๆ ละครอยากชมภาพบรรยากาศการถ่ายทำละครกรงกรรมค่อนข้างมาก ทางค่ายจึงได้เอาใจปล่อยภาพบางส่วนของกองถ่ายออกมา ซึ่งมีเสียงแว่วๆ จากทีมงานว่า อาจจะมีการทำ Photobook ปล่อยออกมาให้แฟนๆ ได้จับจองกันด้วย ส่วนภาพบรรยากาศจะเป็นอย่างไร ไปชมกันเลยจ้า

กรงกรรม
อ๊อฟ-พงษ์พัฒน์ ผู้กำกับ & เจมส์-จิรายุ รับบท อาซา-กมล

กรงกรรม
เบลล่า-ราณี รับบท เรณู & เพ็ชร-ฐกฤต รับบท ปฐม/เฮียใช้

กรงกรรม
เด่นคุณ งามเนตร รับบท ก้าน

กรงกรรม
ริชชี่-อรเณศ รับบท เพียงเพ็ญ

ริชชี่-เจมส์

 

 

 

 


เรื่อง: บะหมี่กุ๊งกิ๊ง_แพรวดอทคอม
ภาพ: IG @actart_gen @tingt_kanchara

มาดามแป้ง-นวลพรรณ

นี่แหละตำนานคิ้วต์เกิร์ลจุฬาฯ มาดามแป้ง-นวลพรรณ ล่ำซำ

มาดามแป้ง-นวลพรรณ
มาดามแป้ง-นวลพรรณ

อุ๊ต๊ะ! เฟรชชี่รึเปล่าเนี้ยะ มาดามแป้ง-นวลพรรณ นางฟ้าแห่งวงการกีฬา วัย 51 ปี สวยไม่สร่าง หน้าใสอ่อนกว่าวัยเป็นสิบๆ ปี

คิ้วต์-เกิร์ล-จุฬา-CUTE-มาดามแป้ง-ฟุตบอล

มาดามแป้ง-นวลพรรณ ล่ำซำ

ถ้าพูดถึงความสวยของสาวๆในโลกนี้ แต่ละประเทศมีลักษณะและเสน่ห์ที่แตกต่างกันไป ซึ่งความสวยของสาวไทยก็เป็นที่รู้กันว่า “สวยไม่แพ้ชาติใดในโลก” โดยเฉพาะในรั้วมหาวิทยาลัยนั้นอุดมไปด้วยสาวสวย,หนุ่มหล่อ ซึ่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็เป็นหนึ่งในสถาบันที่ขึ้นชื่อว่ามี คิ้วต์บอย (Cute Boy) คิ้วต์เกิร์ล (Cute Girl) เป็นจำนวนมาก และหากเปรียบเทียบ คิ้วต์เกิร์ล ปัจจุบันคงคล้ายๆกับดาวมหาวิทยาลัยในอดีต

ซึ่งหนึ่งในตำนานคนสวยแห่งรั้วจามจุรีคือ นางฟ้าแห่งวงการกีฬา นวลพรรณ ล่ำซำ ที่จบจากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี รุ่นที่44 แม้วันนี้เธอจะอายุ 51 ปีแล้วแต่ใบหน้ายังสดใสอ่อนกว่าวัยสุดๆ ซึ่งเซเลบริตี้คนดัง ได้เคยเผยเคล็ดลับความสวยตลอดกาลผ่าน แพรวดอทคอม ไปก่อนหน้านี้ว่า การกิน, ออกกำลังกาย, พักผ่อนให้เพียงพอจะทำเปล่งประกายออร่าอย่างเป็นธรรมชาติได้

เซเลบริตี้คนสวยเมื่อครั้งเป็นนักศึกษา

“เป็นคนชอบดื่มน้ำมาก อย่างน้อยราวๆ 20 แก้วต่อวัน เพราะจะทำให้ผิวเปล่งปลั่งและชุ่มชื้น ต่อมาคือการออกกำลังกายโดยได้เลือกวิธีเดินเร็วบนลู่วิ่ง วันละ 40 นาที โดย 1 สัปดาห์ จะออกกำลังกายสม่ำเสมอเป็นเวลา 5 วัน นอกจากนี้มีเข้าฟิตเนสและเล่นโยคะบ้าง อีกส่วนที่สำคัญคือการพักผ่อนเพียงพอก็จะทำให้ร่างกายและจิตใจสดชื่นตามมา ในส่วนของอาหารนั้นไม่ได้เคร่งเรื่องการรับประทานอาหารว่าจะต้องควบคุม หรือกินอันนี้แล้วจะอ้วน ไม่อ้วน ไม่ได้กินคลีนด้วย จริงๆเป็นคนทานเยอะด้วยซ้ำ แต่เป็นคนชอบผลไม้ และไม่กินเนื้อเพราะเป็นสัตว์ใหญ่  สำคัญเลยคือการบำรุงไม่จำเป็นต้องเลือกใช้ครีมบำรุงราคาแพง แต่เลือกผลิตภัณฑ์ที่เข้ากับสภาพผิวของตัวเองเป็นหลัก ส่วนตัวชอบใช้ครีมบำรุงและครีมอาบน้ำที่มีมอยส์เจอไรเซอร์ ทำให้ผิวชุ่มชื้นและมีกลิ่นหอมเบาๆ ไม่แรงจนเกินไป”

https://www.instagram.com/p/BevMC7AHsbB/?taken-by=panglamsam

 

https://www.instagram.com/p/Beu7wKAH4-e/?taken-by=panglamsam

 

https://www.instagram.com/p/BevLueWnLmF/?taken-by=panglamsam

มีเคล็ดลับดีๆแบบนี้นี่เองถึงทำให้ ตำนานคิ้วต์เกิร์ลจุฬาฯ อย่าง มาดามแป้ง ถึงยังสวยสดในเหมือนน้องๆเฟรชชี่

แองเจลิน่า โจลี่

ซุป’ตาร์ตัวจริง! ‘แองเจลิน่า โจลี่’ เผยลุคสวยหรูระดับเอลิตส์อินปารีส

แองเจลิน่า โจลี่
แองเจลิน่า โจลี่

แองเจลิน่า โจลี่ นักแสดงสาวระดับเอลิตส์  ด้วยผลงานมาสเตอร์พีซมากมาย ทำให้คนทั้งโลกรู้จักและมีเธอเป็นไอดอล ไม่ว่าจะเรื่องของรูปร่างหน้าตา แฟชั่น รวมไปถึงการทำประโยชน์เพื่อสังคม และยังเป็นนักแสดงสาวที่กล้าตัดสินใจเข้ารับการผ่าตัดเฉือนหน้าอกทิ้ง เพื่อลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งเต้านมอีกด้วย

ถึงเวลาผ่านไป มีนักแสดงรุ่นใหม่เกิดขึ้นมากมาย แต่ซุป’ตาร์ฮอลลีวู้ดแถวหน้าและนักแสดงมากฝีมืออย่าง โจลี่  ก็ยังคงถูกสื่อจับตามองและพูดถึงอยู่เสมอ แม้กระทั่งช่วงเวลาที่เดินเที่ยวชิลๆ กับครอบครัวที่ปารีส ก็ยังถูกปาปารัสซี่แชะภาพมาจนได้

 

แองเจลิน่า โจลี่

 

แองเจลิน่า โจลี่

 

เรามาอัพเดตลุคของ แองเจลิน่า โจลี่ กัน

 

แองเจลิน่า โจลี่

 

แองเจลิน่า โจลี่

 

แองเจลิน่า โจลี่

โจลี่มาในเดรสสีดำพร้อมเสื้อคลุมด้านนอกจากแบรนด์ระดับโอต์ กูตูร์ Elie Saab แว่นตากันแดดสุดชิคจาก Fendi รองเท้าสุดหรูสีดำ จาก Giuseppe Zanotti ราคา $298 หรือประมาณ 9,345 บาท ส่วนกระเป๋าเป็นของ Salvatore Ferragamo ที่ถือเป็นไอเท็มเด็ดและกระเป๋าใบโปรดของสาวโจลี่เลยก็ว่าได้ เพราะเธอเลือกใช้กระเป๋าใบนี้อยู่หลายครั้ง และสำหรับโททัลลุคทั้งหมดก็ออกมาเป็นสีดำ เน้นงานเรียบง่าย ดูแพง แต่แฝงไปด้วยความน่ามอง ชวนหลงใหล

 

ทำความรู้จักกับ Salvatore Ferragamo กระเป๋าแบรนด์โปรดของ แองเจลิน่า โจลี่ กันสักหน่อย

 

แองเจลิน่า โจลี่

 

Salvatore Ferragamo เป็นที่รู้จักทั่วโลกตั้งแต่ซูเปอร์สตาร์ มาริลีน มอนโร จนถึงสตรีหมายเลขหนึ่ง เอวิตา เปรอง หลังจากที่เฟอร์รากาโมเดินทางไปเป็นช่างทำรองเท้าให้กับบริษัทสร้างหนังที่ฮอลลีวู้ดในยุค 1920 ด้วยความคิดสร้างสรรค์ในการผลิตรองเท้าของเขาที่ไม่เหมือนใครในยุคนั้น โดยเฉพาะรองเท้า Invisible Sandal ที่มีสายทำจากเส้นเอ็นใสจนได้รับการกล่าวขวัญอย่างท่วมท้น จนทำให้ดาราดังและบุคคลชั้นสูงจากหลายประเทศต่างเดินทางมาที่ร้านของเขาในเมืองฟลอเรนซ์ เพื่อสั่งตัดรองเท้าที่คนทั่วโลกพูดถึง

ซึ่งรวมถึงรองเท้าส้นเข็มอันโด่งดังของมาริลีน มอนโร ในหนัง The Seven Year Itch และ Some Like It Hot สัญลักษณ์สำคัญของ Salvatore Ferragamo คือ Gancino ห่วงโลหะทรงกลมที่ประดับอยู่บนรองเท้า กระเป๋า หรือหัวเข็มขัด และคงไม่มีใครลืมคอลเล็คชั่น Vera รองเท้าส้นเตี้ยประดับโบว์ผ้าและแผ่นโลหะสีทองสุดคลาสสิก ที่ถูกอัพเดตเป็นคอลเล็คชั่น Varina ที่ผลิตจากหนังแก้วและปรับรูปทรงให้มีสไตล์บัลเลต์

 

แต่งหน้า

เดทนี้แต่งหน้าอย่างไรดี..ให้เป๊ะไม่โป๊ะ!! มีทริคมาบอกแต่งตามได้ไม่หวง

Alternative Textaccount_circle
แต่งหน้า
แต่งหน้า

ในโลกการแต่งหน้าของผู้หญิง ถือได้ว่ามีทั้งทริคและเทคนิคมากมายที่อาจทำให้เรารู้สึกสับสนและท้อใจกับการเมคอัพในแต่ละครั้ง ยิ่งในวันที่มีนัดสำคัญอย่างการออกเดทแล้วด้วย ยิ่งต้องระวังการแต่งหน้าให้ไม่มีพลาด เพราะอาจจะพาลทำให้เดทไม่น่าประทับใจ ในเดือนแห่งความรักนี้ แพรวดอทคอม จะชวนสาวๆ มาบอกลาความผิดพลาดในการแต่งหน้าไปเดท ด้วยการเลือกสรรไอเท็มและเมคอัพลุคที่ครีเอทมาเป็นตัวช่วยและไกด์ไลน์สำหรับสาวๆ ตั้งแต่ลุคหวานธรรมชาติไปจนถึงลุคเปรี้ยวก๋ากั่น พร้อมด้วยทิปส์การเลือกเฉดสีปัดแก้มให้เข้ากับลิปสติกและเหมาะกับสีผิว เพื่อความสวยเป๊ะแบบไม่มีโป๊ะในวันออกเดท เพราะเมคอัพก็เป็นสิ่งหนึ่งที่บ่งบอกถึงสไตล์และคาแรกเตอร์ด้วยนะคะสาวๆ

Illamasqua’s Tips : 4 checklists ที่จะทำให้การแต่งหน้าไปเดทไม่มีพลาด
  1. เทคนิคการปัดแก้ม 2 สี เพื่อให้แก้มดูใสเหมือนแก้มเด็กมีเลือดฝาด เริ่มด้วยการเลือก Powder Blusher สีเข้มและสีอ่อนด้วยเฉดสีที่มีอันเดอร์โทนในทิศทางเดียวกัน และใช้พาวเดอร์บลัชสีเข้มแตะที่บริเวณโหนกแก้ม ตามด้วยใช้พาวเดอร์บลัชสีอ่อนแตะเพียงบริเวณหน้าแก้ม ให้ใบหน้าระเรื่อดูมีชีวิตชีวา มอบลุคที่ดูเป็นธรรมชาติแต่มีเสน่ห์ สดใส เย้ายวน
    เฉดสีโทนอ่อนแนะนำ: Powder Blusher สี Katie(โทนชมพูนม), สี Lover(โทนส้มพาสเทล)
    เฉดสีโทนเข้มแนะนำ: Powder Blusher สี Tremble(โทนชมพูพีช), สี Nymph(โทนชมพูอมม่วง), Naked Rose(โทนชมพูอมน้ำตาล), Hussy(โทนส้มอมแดง) และ Allure(โทนส้มอมน้ำตาล)
  2. เนรมิตเรียวปากให้ดูอิ่มเอิบเหมือนเด็กสาวด้วยเทคนิคการลงไฮไลท์บริเวณ cupid’s bow ด้วย Beyond Powder สี OMG และ Epic
  3. สร้างใบหน้าให้ดูมีมิติและโดดเด่นมากยิ่งขึ้นด้วยการปัด Beyond Powder ไฮไลท์เนื้อฝุ่นเนียนละเอียดด้วยเทคนิค CCTV เทคนิคพิเศษจากอิลลามาสก้าในการลงไฮไลท์อย่างง่ายดายภายใน 1 นาที
  4. เทคนิคในการทาลิปสติกให้ดูเป็นธรรมชาติ ด้วยการใช้ Blending Blush หมุนวนลิปสติกให้กลมกลืนไปกับริมฝีปาก เพื่อให้ริมฝีปากดูเป็นสีนั้นแบบธรรมชาติเหมือนไม่ได้ทา และเพื่อเพิ่มเลเยอร์ให้ริมฝีปากดูอวบอิ่มมากยิ่งขึ้น

แนะนำ 2 ลุคที่จะทำให้สาวๆ เผยเสน่ห์ โดดเด่นสะกดทุกสายตา

Charming Rose Look ลุคที่ดูธรรมชาติแต่แฝงความโดดเด่นด้วยผิวสวยอันเปล่งปลั่ง

Step 1: เริ่มด้วยการนำ Beyond Veil เจลไพรเมอร์ที่มีส่วนผสมของพิกเมนท์สีแชมเปญและสีไข่มุก มาผสมลงใน Skin Base Foundation ก่อนนำมาลงบนผิว เพื่อมอบความชุ่มชื้น พร้อมสร้างออร่าให้ผิวฉ่ำโกลว์ในทุกมุมมองราวเปล่งประกายจากภายใน

Step 2: เพิ่มความโดดเด่นให้ผิวออร่าสวยขั้นสุดด้วยไอเท็มซิกเนเจอร์อย่าง Beyond Powder ไฮไลท์ฝุ่นเนื้อเนียนละเอียดสี
OMG ปัดไล้ในบริเวณจุดต้องแสงด้วยเทคนิค CCTV เบาๆ ประกายมุกอันหรูหราจะเพิ่มเสน่ห์ให้ใบหน้าดูมีมิติ

Step 3: ฟินิชลุคด้วยเฉดสีปัดแก้มและลิปสติกในโทนซอฟท์ๆ อย่าง Powder Blusher สี Katie ปัดแก้มเนื้อฝุ่นสีชมพูนมใสๆ
และ Antimatter Lipstick สี Bang เซมิแมตต์ลิปสติกโทนนู้ดเจือน้ำตาล มอบลุคธรรมชาติแต่น่าสนใจด้วยความโดด
เด่นจากผิวโกลว์สวยสุขภาพดี

  • Powder Blusher เฉดสีแนะนำคือ สี Katie(โทนชมพูนม), Nymph(โทนชมพูอมม่วง), Tremble(โทนชมพูพีช)
    และ Naked Rose(โทนชมพูอมน้ำตาล)
  • Lipstick เฉดสีแนะนำคือ Antimatter Lipstick สี Cosmic(โทนนู้ดอมชมพู), Bang(โทนนู้ดอมน้ำตาล)
    และ Mars(โทนนู้ดอมส้ม)

Glamorous Sexy Look ลุคสวยเปรี้ยวที่ผสมผสานความหรูหราและความขี้เล่นได้อย่างลงตัว โดดเด่นด้วยการใช้
คลาสสิคคัลเลอร์อย่างสีส้มและสีแดงเป็นคีย์หลัก พร้อมเติมความเจิดจรัสด้วยผิวโกลว์สวยแบบ Sun-kissed

Step 1: เตรียมผิวด้วยการใช้ Hydra Veil ไพรเมอร์เนื้อเจล ผสมกับ Skin Base Foundation ก่อนนำมาลงที่ผิว เทคนิคในการสร้างผิวสวยฉ่ำ แลดูอิ่มน้ำ พร้อมให้สีสันที่ลงต่อนั้น ชัดเจนและสวยงามที่สุด

Step 2: เลือกใช้ Beyond Powder ไฮไลท์ฝุ่นเนื้อเนียนละเอียดสี Epic ลงบริเวณเปลือกตาและโหนกแก้มเบาๆ ชิมเมอร์
ละเอียดสีแชมเปญ จะช่วยเพิ่มดีเทลให้ผิวหน้าดูบ่มแดดสุขภาพดีอย่างมีมิติ
Step 3: ตบท้ายด้วยการจับคู่ Antimatter Lipstick สี Mars เซมิแมตต์ลิปสติกโทนนู้ดอมส้มกับ Powder Blusher สี
Lover ปัดแก้มเนื้อฝุ่นโทนส้มพาสเทล เนรมิตพวงแก้มแบบมีเลือดฟาด ให้ความรู้สึกสดใสเหมือนออกกำลังกายมาหมาดๆ
คอมพลีตลุคที่ดูโมเดิร์นทันสมัยแต่ยังคงความเป็นธรรมชาติ

  • Powder Blusher เฉดสีแนะนำคือ สี Lover(โทนส้มพาสเทล), Tremble(โทนชมพูพีช), Hussy(โทนส้มอมแดง)
    และ Allure(โทนส้มอมน้ำตาล)
  • Lipstick เฉดสีแนะนำคือ Antimatter Lipstick สี Mars(โทนนู้ดอมส้ม) และ Matte Lip Liquid สี Fire(โทนแดง
    คลาสสิก)

ภาพ : Pexels

ดิออร์

ต้องสอยแล้ว! กระเป๋า ‘ดิออร์’ คอลเล็คชั่น SS 2018 ลายเก๋จนกระเป๋าสตางค์สั่น

ดิออร์
ดิออร์

Dior  (ดิออร์) แบรนด์แฟชั่นเฮ้าส์ ระดับโลก ออกคอลเล็คชั่นสุดว้าวมาเสิร์ฟกันอีกแล้ว สำหรับการต้อนรับช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนที่กำลังจะมาถึง วันนี้แพรวดอทคอมจึงขอแนะนำไอเท็มที่ต้องมีของดิออร์มานำเสนอกัน ซึ่งจะเน้นกระเป๋า ไอเท็มที่สาวกดิออร์พลาดไม่ได้ เพราะถือเป็นไอเท็มชิ้นสำคัญที่จะทำให้ลุคคอมพลีต

ในช่วงที่มาเรีย กราเซีย คิอูริ (Maria GraziaChiuri) ได้ค้นคว้าข้อมูลเก่าของ ดิออร์ อาร์ตไดเร็กเตอร์ของคอลเล็คชั่นเสื้อผ้าผู้หญิง ท่านนี้ได้เจอกับสิ่งที่กระตุ้นความสนใจของเธอ อย่างเซ็ตผลงานภาพถ่ายของนิกิ เดอ แซ็งต์ ฟาลล์ ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นภาพของศิลปินคนนี้นั่งอยู่บนอูฐและผลงานภาพถ่ายอื่นๆ เป็นภาพที่เธอโพสเป็นแบบให้กับดิออร์ ในช่วงที่สหายคนสำคัญ มาร์ค โบอ็อง (Marc Bohan) ดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายสร้างสรรค์ของแฟชั่นเฮ้าส์แห่งนี้

เธอเผยให้เห็นถึงความงามในยุคสมัยนั้น ซึ่งดูเยาว์วัยเสียมากกว่าลุคทอมบอย เธอมีรูปร่างเล็กและมีความคึกคะนอง บ่งบอกถึงสไตล์การแต่งตัวที่เป็นได้ทั้งไอคอน มีลักษณะเฉพาะตัว เผยให้เห็นถึงสัดส่วนตามความเป็นจริง และมีกลิ่นอายของความเพ้อฝัน ชีวิตของเธอคือเรื่องราวในงานวรรณกรรม ในช่วงที่ผู้หญิงเรียกร้องให้ได้รับสิทธิอันเท่าเทียมนิกิทุ่มเทให้กับศิลปะอย่างใกล้ชิด รวมถึงไปโลกและตัวเธอเอง และเช่นเดียวกับศิลปินคนอื่นๆ เธอได้รับแรงผลักดันจากอารมณ์ของเธอ และมันคือความเฟมินีนในความคิดสร้างสรรค์นี้เองที่สื่อไปถึงมาเรีย กราเซีย คิอูริ

 

Why have there not been great women artists? นี่คือคำถามที่ปรากฏในงานเขียนในปี 1971 ของลินดา น็อคลิน (Linda Nochlin) ซึ่งทำให้มาเรีย กราเซีย คิอูริ รู้สึกสนใจ มันเป็นเรื่องสำคัญที่เหล่าศิลปินหญิงผู้มีความแตกต่าง และมีเอกลักษณ์เหล่านี้ควรจะได้ในสิ่งที่พวกเขาสมควรจะได้รับ เนื่องจากพวกเขาเป็นผู้ทำลายกรอบแห่งข้อกำหนดของบุรุษในประวัติศาสตร์ศิลป์และโลกแฟชั่น เช่น Nanas ชิ้นงานประติมากรรมผู้หญิงที่น่าทึ่งและมีรูปทรงที่แปลกแตกต่างไปจากที่เราคุ้นเคย รวมถึงหัวใจสีสันต่างๆ มังกร ต้นไม้แห่งความรัก (the tree of love) และผลงานระดับมาสเตอร์ที่ยอดเยี่ยมเกินจริง อย่างสวนไพ่ทาโร่ต์ (Tarot Garden) ที่ทัสคานี (Tuscany) ซึ่งเหล่านี้ได้กลายมาเป็นลวดลาย งานเย็บปักถักร้อยที่ให้เอฟเฟ็คราวกระเบื้องโมเสคที่ทำจากกระจกซึ่งปรากฏอยู่ในคอลเล็คชั่นของ มาเรีย กราเซีย คิอูริ และฉากบนเวทีแฟชั่นโชว์ เธอไม่เกรงกลัวที่จะใช้สีสันอันท้าทายในแบบของนิกิ เดอ แซ็งต์ ฟาลล์ เพื่อสร้างบทสนทนากับผ้าลูกไม้ ผ้าไหม หนัง หรือพลาสติก

 

กระเป๋า ดิออร์ ในคอลเล็คชั่น  spring/summer 2018

 

ดิออร์
Fringe Messenger

 

ดิออร์
Book tote

 

ดิออร์
Book tote

 

ดิออร์
Book tote

 

ดิออร์
DiorAddict

 

ดิออร์
J’Adior

 

ดิออร์
J’Adior

 

ดิออร์
J’Adior

 

ดิออร์
Lady Dior

 

ดิออร์
Lady Dior

 

ดิออร์
Lady Dior

 

ดิออร์
Lady Dior

 

ดิออร์
Diorama

 

บรรยากาศของคอลเล็คชั่นนี้และบริบทอ้างอิงต่างๆ ที่ไม่ว่าจะแสดงออกมาอย่างชัดเจน หรือบอกเป็นนัย ก็ล้วนพาเราไปสู่ความตื่นเต้นอย่างไม่เขินอายแห่งยุค 60’s ซึ่งเผยให้เห็นถึงพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงโลกของผู้หญิงที่พวกเธอไม่ได้เปลี่ยนแค่ในโลกของแฟชั่นแต่เป็นโลกแห่งความร่วมสมัยด้วยเช่นกัน

 

ตวนกู ซารา ซาลิม

รู้จักรายา ประไหมสุหรี แห่งรัฐเประก์ ‘ตวนกู ซารา ซาลิม’ ผู้สืบเชื้อสายไทย-มอญ

ตวนกู ซารา ซาลิม
ตวนกู ซารา ซาลิม

วันนี้แพรวดอทคอมขอหยิบยกเรื่องราวของราชวงศ์ในละแวกเพื่อนบ้าน อย่างรัฐเประก์ ประเทศมาเลเซียมานำเสนอกันบ้าง โดยจะขอกล่าวถึง ตวนกู ซารา ซาลิม พระอัครมเหสีในสุลต่านนัซริน ชาห์ สุลต่านรัชกาลปัจจุบันแห่งรัฐเประก์ เพราะพระองค์ทรงมีพระจริยวัตรที่งดงามและพระปรีชาสามารถรอบด้าน

ซึ่งก่อนหน้านี้ สุลต่าน นัซริน มูอิซซัดดิน ชาห์ สุลต่านแห่งเประก์ พร้อมด้วย ตวนกู ซาร่า ซาลิม รายา ประไหมสุหรีแห่งรัฐเประก์ ได้เสด็จฯ มาร่วมพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ในวันที่ 26 ตุลาคม 2560 ณ พระเมรุมาศ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง กรุงเทพมหานคร

 

ตวนกู ซารา ซาลิม

 

พระราชประวัติของ ตวนกู ซารา ซาลิม พระอัครมเหสีในสุลต่านนัซริน ชาห์

ดูลี ยัง มาฮา มูลียา ราจา เปอร์ไมซูรี ตวนกู ซารา ซาลิม พระนามเดิม ซารา ซาลิม เดวิดสัน พระอัครมเหสีในสุลต่านนัซริน ชาห์ สุลต่านรัชกาลปัจจุบันแห่งรัฐเประก์ พระองค์เป็นลูกครึ่งมาเลเซีย – อังกฤษ สืบจากพระราชชนกและมีเชื้อสายแห่งราชวงศ์เกอดะฮ์ และเชื้อสายไทย-มอญ จากคุณหญิงเนื่อง ฤทธิสงครามรามภักดีในสายพระราชชนนี

พระองค์เคยฝึกงานเป็นวิศวกรเคมี เพื่อจะปูทางเข้าไปทำงานในบริษัทน้ำมันและก๊าซในกัวลาลัมเปอร์ ทรงพบรักกับสุลต่านนัซริน ชาห์มานานเกือบสิบปีก่อนอภิเษกสมรสกัน ครั้นเมื่อพระราชสวามีได้เถลิงถวัลยราชสมบัติขึ้นเป็นสุลต่านแห่งเประก์ จึงได้สถาปนาให้เจ้าหญิงซารา ซาลิม พระชายาฯ ขึ้นเป็นรายา ประไหมสุหรีแห่งเประก์มาตั้งแต่นั้น

ตวนกู ซารา ซาลิม

ตวนกู ซารา ซาลิม พระราชสมภพเมื่อวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2516 ณ เมืองอีโปะฮ์ รัฐเประก์ ประเทศมาเลเซีย เป็นบุตรคนเล็กจากทั้งหมด 4 คนของดาโต๊ะซาลิม เดวิดสัน (นามเดิม วิลเลียม สแตนลีย์ วอล์กเกอร์ “บิล” เดวิดสัน) ทนายความชาวอังกฤษ กับดาตินชารีฟะฮ์ อาซาลียะฮ์ ไซยิด โอมาร์ ชาฮาบูดิน เชื้อพระวงศ์เกอดะฮ์ พระองค์เป็นพระภาคิไนยของตนกู อับดุล ระห์มัน นายกรัฐมนตรีคนแรกของมาเลเซีย และเป็นเหลนของคุณหญิงเนื่อง ฤทธิสงครามรามภักดี เมื่อนับจากสายพระราชชนนี

พระองค์สนพระทัยการศึกษาด้านภาษามาตั้งแต่ทรงพระเยาว์ ทรงเข้าศึกษาในโรงเรียนเอสเอ็มเคคอนเวนต์อีโปะฮ์ ระหว่างที่ทรงศึกษา พระองค์เป็นนักกีฬาของโรงเรียน ทรงลงแข่งสควอชและเทนนิส รวมทั้งเคยเป็นนักกีฬาว่ายน้ำของรัฐเประก์ช่วงปี 2524 – 2530

หลังทรงสำเร็จการศึกษาระดับเอจากวิทยาลัยไพรม์เมื่อปี พ.ศ. 2535 พระองค์ทรงศึกษาต่อด้านวิศวกรรมเคมี ณ มหาวิทยาลัยนอตติงแฮม สหราชอาณาจักร จนสำเร็จการศึกษาเกียรตินิยมอันดับหนึ่งเมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2538 และได้รับรางวัลนักศึกษาชั้นนำในช่วงปีสุดท้าย

 

ตวนกู ซารา ซาลิม

ตวนกู ซารา ซาลิมอภิเษกสมรสกับสุลต่านนัซริน ชาห์เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2550 ณ พระราชวังอิสกันดารียะฮ์ เมืองกัวลากังซาร์ รัฐเประก์ วันรุ่งขึ้นจึงมีพระราชพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณ แล้วจึงโปรดเกล้าฯ สถาปนาซารา ซาลิม เดวิดสันขึ้นเป็นเจ้าหญิงพระชายาในมกุฎราชกุมาร (ราจามูดา) เป็นต้นไป ทั้งสองมีพระราชโอรส-ธิดาด้วยกันสองพระองค์ คือ

ราจา อัซลัน มุซซัฟฟาร์ ชาห์ (14 มีนาคม 2551)

ราจา นาซีรา ซาฟียา (2 สิงหาคม 2554)

หลังสุลต่านอัซลัน ชาห์แห่งเประก์เสด็จสวรรคต สุลต่านนัซริน ชาห์พระราชโอรสจึงเสวยราชสมบัติสืบมา จึงโปรดเกล้าฯ สถาปนาเจ้าหญิงซารา พระชายาฯ ขึ้นเป็นสมเด็จพระราชินี (รายาประไหมสุหรี) แห่งเประก์มาตั้งแต่นั้น

ตวนกู ซารา ซาลิม

ตวนกู ซารา ซาลิม

นอกจากรายา ประไหมสุหรี แห่งรัฐเประก์ จะทรงมีพระปรีชาสามารถรอบด้านแล้ว พระองค์ยังทรงฉลองพระองค์ได้งดงาม เหมาะกับสไตล์ของพระองค์เองมากๆ


 

ข้อมูล : th.wikipedia.org

ภาพ : IGkeluargaperak , royalwatchers , #tuankuzara

 

จั๊ด-ข่าว-ช่องONE-ผู้ประกาศ-2018

ซัดความจริงชีวิตหนาวๆ ร้อนๆ ของ จั๊ด – ธีมะ คนข่าว2018 แหวกแนวล้ำไม่ซ้ำใคร

จั๊ด-ข่าว-ช่องONE-ผู้ประกาศ-2018
จั๊ด-ข่าว-ช่องONE-ผู้ประกาศ-2018

สัมภาษณ์พิเศษคนข่าวเลือดใหม่ จั๊ด – ธีมะ กาญจนไพริน แหวกแนวไม่ซ้ำใคร ผู้ประกาศที่ปลุกมิติใหม่ในวงการข่าว

จั๊ด-ข่าว-ช่องONE-ผู้ประกาศ-2018
จั๊ด – ธีมะ กาญจนไพริน

หากเอ่ยถึงชื่อผู้ประกาศข่าวที่มาแรงที่สุดในปีนี้ คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก จั๊ด – ธีมะ กาญจนไพริน อดีตคนบันเทิงที่ผันตัวเองสู่สนามข่าวอย่างเต็มตัวในฐานะผู้ประกาศทางช่อง ONE ด้วยลีลาการเล่าข่าวที่แหวกแนวไม่ซ้ำใคร มีทั้งสาระที่ควบคู่ไปกับความบันเทิง เกิดมิติใหม่ของรายการข่าว รวมถึงยังมีแฟนคลับติดตามเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากมาย ซึ่งเจ้าตัวได้เปิดใจให้สัมภาษณ์พิเศษกับ แพรวดอทคอม อย่างตรงไปตรงมาว่า 14 ปี ที่อยู่ในวงการบันเทิง เพิ่งจะรู้ว่านี่แหละคืออาชีพที่ชอบ เพราะนับตั้งแต่ได้กลายเป็นคนข่าวก็รู้สึกว่าทุกวินาทีมีคุณค่าจริงๆ

ชีวิตที่เปลี่ยนเป็นคนข่าวแบบเต็มตัวเป็นอย่างไรบ้าง?

“เปลี่ยนแปลงชีวิตเราไปมากเลย แต่ก็ไม่ถึงขนาดที่ว่าเปลี่ยนจากหน้ามือไปเป็นหลังมือนะครับ แต่ว่าเปลี่ยนแปลงไปมากจริงๆ มันกลายเป็นว่าจากนี้ไปเรา Positioning ไปถูกแล้วว่าเราจะทำรายการข่าวเท่านั้น งานบันเทิงคงจะลดลงๆ จนไม่มีในท้ายที่สุด เพราะเรามุ่งมั่นที่จะทำรายการข่าวให้ดีที่สุด ทุกวันนี้ชีวิตประจำวันเปลี่ยนไปเลย ด้วยความที่เราจัดรายการข่าว 4 ช่วงเวลา  05.00-8.00 น./13.30-14.30 น./16.30-18.30 น./19.00-19.45 น. ซึ่งแต่ละรายการต้องใช้ศักยภาพที่ต่างกันด้วย ไม่ใช่ว่าการเล่าข่าวทุกรายการจะเหมือนกัน เล่าข่าวตอนเช้ามีเวลาเยอะเราขยี้ได้ เล่าข่าวตอนบ่ายๆ จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมหนักทำให้เราได้ฝึกสมอง ในส่วนของการเล่าข่าวตอนเย็นๆ นั้นจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับโซเชียลและการสรุปประเด็น ส่วนตอนค่ำเป็นการเล่าในไลน์ทีวีคือเล่าข่าวให้วัยรุ่นฟัง ชีวิตเราเปลี่ยนไปเป็นคนข่าวแบบเต็มตัว”

เรียกว่าเป็นการค้นพบสิ่งที่ชอบจริงๆ?

“ชีวิตมนุษย์มีอยู่ 3 อย่างที่ถ้าทำได้แล้วจะโคตรมีความสุขเลยคือ 1.เรารู้ว่าเราชอบอะไร 2.เราได้ทำในสิ่งที่ชอบ 3.สิ่งนั้นทำให้เราเลี้ยงชีพได้ ณ ปีนี้พี่ว่าพี่เจอแล้วคืออาชีพนี้”

อ่านข่าวแรงๆ แบบนี้มีความกลัวบ้างไหม?

“กลัว (ทำเสียงสั่น) กลัวมาก ยิ่งหลังๆ ยิ่งกลัวมาก เพราะตอนที่เราพูดแรกๆ มันยังไม่มีฟีดแบค แต่พอเริ่มมีฟีดแบค เราจะเริ่มกลัวแล้ว ว่ายังไง แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเราจะเป็นหัวหมู่ทะลวงฟันไปสักเท่าไหร่ เพราะพี่ก็พยายามปรับแนวทางการเล่าข่าวของตัวเอง ถ้าอะไรที่แตะนโยบายมากๆ เราต้องคิดให้ดีที่สุด ถ้าคิดแล้วว่าปลอดภัยเราค่อยเล่า จะไม่เหมือนแต่ก่อน ย้อนกลับไปเมื่อปีที่แล้ว มีอะไรเล่าหมดเลย เราเดินหน้าไม่กลัวใครเลยคงไม่ได้แล้ว ต้องคิดเผื่อ เพราะการเข้าไปสู่กระบวนการยุติธรรมด้วยการโดนฟ้องหมิ่นประมาทมันไม่สนุก มันเหนื่อยใจ เหนื่อยกาย เสียเวลา ไม่ใช่เรื่องที่น่าปรารถนา ดังนั้นต้องเซฟตัวเองให้เล่าข่าวได้นานๆ (หัวเราะ)”

https://www.instagram.com/p/BcuLsEzhlbu/?taken-by=judgejudd

 

ยากไหมกับการครีเอตลุคนำเสนอข่าวในแต่ละครั้ง?

“เรื่องนี้เป็นเรื่องที่หลายคนถามมาเยอะมาก แต่ว่ามันเป็นเรื่องที่ต้องขึ้นอยู่กับวัน ทุกๆ วันพฤหัสบดีจะเป็นคืนที่เครียดมาก บางอาทิตย์ก็คิดได้ บางอาทิตย์ก็คิดไม่ออก แต่สิ่งที่ทำทุกครั้งคืออ่านประเด็นข่าวว่าจะพูดอะไรและในประเด็นนี้มีช่องว่างอะไรให้เราเอาของมาเล่นต่อได้บ้าง ซึ่งตรงนี้มันไม่มีเคล็ดลับเป็นสูตรสำเร็จ ต้องขึ้นอยู่กับเซ้นส์แต่ละคนว่า เวลาพูดถึงเรื่องนี้ในมุมไหน แล้วเราเอามุมนั้นมาเล่นในเวลานิดเดียวพอ”

จั๊ด-ข่าว-ช่องONE-ผู้ประกาศ-2018
ครีเอตการเล่าข่าวได้ไม่เหมือนใคร

 

ทำงานเยอะแบบนี้แบ่งเวลา Relax ยังไง?

“หนักพอควร พักผ่อนให้เยอะๆ คือแบ่งนอนเป็นสองช่วง เพราะนอนช่วงเดียวไม่ได้ อย่างเสร็จงานตอนประมาณ 2 ทุ่ม กลับถึงบ้านประมาณ 20.15 น. เราพยายามอาบน้ำแล้วมานั่งเช็คข่าว 21.30 น.เราต้องอยู่บนเตียงแล้ว ถ้าเลทสุดๆ คือ 22.30 น. จะไม่มีทางกลับถึงบ้านหลังจากนั้น เพราะเราต้องนอนเพื่อที่จะตื่นมาตอนตี4 ทำงาน ทำงานและทานข้าวเช้า นอนอีกทีตอน 9 โมง และตื่นอีกครั้งตอน 11 โมง เพื่อเตรียมตัวสำหรับการอ่านข่าวในช่วงบ่าย

ตอนนี้รู้สึกดีใจกับการที่มีวันเสาร์-อาทิตย์มาก แต่ก่อนตอนทำวงการบันเทิงไม่เคยรู้คุณค่าของวันเสาร์-วันอาทิตย์มาก่อน ยิ่งวันศุกร์หลัง 20.00น. เราอ่านข่าวเสร็จมันเหมือนยกโลกออกไปเลย”

เรื่องความรักเป็นยังไงบ้าง?

“เรื่องความรักไม่ค่อยมีหรอกครับ (หัวเราะ) ไม่มีเลย ไม่ค่อยมีเวลาคิดถึงเรื่องนี้เลย หนึ่งอาจจะเป็นเพราะเขากลัวเรามั้ง อีกอย่างตอนนี้ก็ไม่ค่อยมีเวลาด้วย ถ้าสมมติจะมีก็ให้เวลาเขาได้แค่วันเสาร์และวันอาทิตย์เท่านั้น วันจันทร์-วันศุกร์ ถ้าไม่ได้อยู่บ้านเดียวกันคือไม่มีทางได้เจอกันแน่นอน ตอนนี้รู้สึกว่ายังสนุกกับการทำงานตรงนี้อยู่ แม้ว่าจะทำงานวงการบันเทิงมาตั้งแต่ปี 2546 จนถึงตอนนี้ก็รวมเวลาประมาณ 14 ปีแล้ว แต่กลับรู้สึกว่าเป็นช่วงที่รู้สึกสนุกกับการทำงานมากที่สุด ทุกวันเป็นวันที่มีค่า ดังนั้นเป็นช่วงที่รู้สึกว่าอยากจะสนุกกับงานต่อไปเรื่อยๆ และยังรู้สึกว่ายังอยากทำหลายสิ่งหลายอย่างในรายการอยู่”

ทำงานดีแบบนี้อาจจะมีการขยับตำแหน่งในเร็วๆ นี้หรือเปล่า?

“ไม่มีครับ ยังไม่มีแนวโน้ม บอกตามตรงว่าพี่ทำงานบันเทิงมาตั้งแต่เรียนอยู่ มันไม่เคยเป็นเจ้านายคน เราคิดงานของตัวเองได้ แต่จะไปสั่งให้คนอื่นคิด เราบริหารคนไม่เป็น เราเป็นเจ้านายใครไม่ได้หรอก บริหารชีวิตตัวเองยังไม่ค่อยเวิร์คเลย แต่บริหารข่าวที่เราทำ เราทำได้”

เห็นว่าออกไปให้ความรู้น้องๆ ด้วย?

“อันนี้คือสิ่งที่พี่จั๊ดคิดว่าการทำบุญมันไม่จำเป็นต้องไปทำกับวัดหรือพระเท่านั้น ซึ่งเราก็กลับมามองว่ามีสิ่งไหนบ้างที่เราจะได้ทำความดีเพื่อสังคมได้บ้าง ก็เลยเกิดแรงบันดาลใจอยากออกไปให้ความรู้กับน้องๆ ฉะนั้นถ้ามีมหาวิทยาลัยไหนในกรุงเทพสนใจให้ไปบรรยายก็ยินดี ในช่วงเวลา 9.00 – 12.00 ไปฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย คือเราอยากให้ความรู้ เพราะมีความสุขเวลาให้ความรู้กับน้องๆ ไม่มีทานอะไรที่ยิ่งใหญ่ไปกว่าการให้วิชาความรู้แล้วครับ”

 

 

ข้อแนะนำสำหรับน้องๆ ที่อยากก้าวมาเป็นผู้ประกาศข่าว

“สำหรับใครก็ตามที่จะเข้ามาอยู่วงการผู้ประกาศข่าวมันไม่มีทางที่จะเตรียมตัวแบบ 1 วัน 7 วัน หรือ 30 วันได้ ถ้าคุณอยากจะทำ ต้องรู้จักเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่นๆ เช่น อ่านข่าวในทุกๆ วัน เพราะอาชีพนี้เป็นอาชีพที่ต้องใช้ชั่วโมงบิน ที่จะเก็บคลังข่าวเอาไว้ในหัวเรา การทำข่าวแบบไม่เหนื่อย คือการที่เรามีพื้นฐาน แล้วเราค่อยไปต่อยอด แรกๆ คงต้องยอมเหนื่อยเพราะเราคือมือใหม่ ฉะนั้นเรายังไม่รู้ทางวันนี้เราต้องไปหาอะไรเพิ่ม อันนี้มันจะมีความเป็นไปอย่างไร ในอดีตเป็นอย่างไร ดังนั้นวิธีการเตรียมตัวคือเราต้องใช้ชีวิตอยู่กับมันทุกวินาที”

นับเป็นการพูดคุยที่นอกจากจะได้เห็นอีกด้านของหนุ่มคนนี้แล้ว ยังแถมคำแนะนำดีๆ เอาไว้อย่างมากมาย  โดยเฉพาะผู้ที่อยากจะก้าวมาเป็นผู้ประกาศข่าวในอนาคตเชื่อว่าบทสัมภาษณ์และการพูดคุยในครั้งนี้ คงเป็นประโยชน์อย่างแน่นอน


เรื่อง : นนทพร สุทธิพิบูลย์

แรงแซงโค้ง! แม่หน่อย เปิดปากเล่าค่า สินสอด แพนเค้ก 100 ล้าน?

แม่หน่อย-นวลนง เผยวิวาห์ของลูกสาว แพนเค้ก กับ สารวัตรหมี ยังไม่เกิดขึ้นเพราะอยากให้การงานลงตัวก่อน พร้อมเปิดปากครั้งแรกเรื่อง สินสอด

แพนเค้ก และ แม่หน่อย

หลังจากที่หมดสัญญากับทางช่องเดิม ก็เป็นที่ถูกจับตาอย่างมากสำหรับนางเอกสาว แพนเค้ก-เขมนิจ จามิกรณ์ ว่าเจ้าตัวจะไปอยู่ช่องไหน หรือจะเป็นนักแสดงอิสระ แต่เมื่อเจ้าตัวได้ตอบตกลงที่เข้าสังกัดของช่องทรู ก็ยังถูกเม้าท์กันหนาหูอีกว่า น่าจะไปไม่รอด เพราะหลายคนมองว่า เลือกออกจากที่สูงๆ ไปอยู่ที่ที่ไม่เปรี้ยง อีกทั้งอยู่บนความคาดหวังของหลายคนมาก ล่าสุดสาวแพนเค้กได้มานั่งเปิดใจในรายการ คุยแซ่บShow ทางช่อง one31 ที่มี พีเค ปิยะวัฒน์, เบนซ์ พรชิตา และเป๊กกี้ ศรีธัญญา เป็นพิธีกร โดยยอมรับว่า ในครั้งแรกที่มีการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ นั้น เธอรู้สึกกังวลใจเหมือนกัน เพราะถูกหลายคนคาดหัวหวังไว้สูงมาก รวมถึงเรื่องแต่งงานกับ สารวัตรหมี-พ.ต.ต.ศักดิ์สุนทร ที่งานนี้ แม่หน่อย-นวลนง จามิกรณ์ ขอเปิดปากเรื่อง สินสอด เป็นครั้งแรก

ล่าสุดเห็นว่าตัดสินใจจะย้ายสังกัดอีกครั้งเพราะอะไร?
แพนเค้ก : คือทุกๆ อย่างมันต้องมีการเปลี่ยนแปลง เรารู้สึกว่าเราก็เรียนรู้ตรงนั้นมาแบบที่เต็มในระยะเวลาหนึ่งแล้ว จริงๆ ณ ตอนนั้นเราคิดว่าเราควรจะเป็นฟรีแลนซ์ ลองได้ทำงานอื่นๆ กับคนใหม่ๆ ที่ใหม่ๆ ก็คงจะจะลองแบบนั้นดู แล้วเป็นช่วงเวลาพอดีที่ทรูเค้ามาคุยกัน เลยได้มีโอกาสเจอบ้านหลังใหม่ที่มีมุมมองคล้ายกัน และมาทำงานร่วมกันค่ะ

พอมีคนทักว่า ออกมามันจะไม่ดัง ไม่เปรี้ยง ใจเราหล่นไหม?
แพนเค้ก : ก็มีตุ๊บเหมือนกัน เพราะเรารู้สึกว่าการเปลี่ยนแปลง มันต้องโอเค เพียงแต่ว่ามันอยู่บนความคาดหวังของคนเยอะเหมือนกัน พอย้ายมาแล้วทุกอย่างจะต้องเปรี้ยง งานจะต้องดัง ต้องถูกใจฉันจริงๆ ซึ่งงานที่ทำกับทรู มันจะไม่ใช่งานที่หวือหวา แต่เป็นงานที่ต้องใช้เวลาอย่างฟิล์มซีรีส์ แต่ทางทรูจะมีหลายหน้ามาก ทั้งเรื่องของธุรกิจ เรื่องของการศึกษา คือเค้าทำหลายอย่างมาก เราก็ได้ไปร่วมเรียนรู้ประสบการณ์หลายอย่างมากค่ะ มันเป็นอะไรใหม่ๆ มากแต่ที่ผ่านมาเราก็ต้องต่อสู้กับเสียงของคนตลอดเวลา แต่แพนต้องกลับมาถามตัวเองว่าใจเราว่ายังไง เพราะหลายครั้งที่ใจเราเฟลเหมือนกัน

โดนดูถูกบ้างไหม ตอนที่เราย้ายไป?
แพนเค้ก : มีอยู่แล้ว ต้องมีคนพูดอยู่แล้ว มันเป็นการต่อสู้อยู่ข้างใน เราก็พยายามบอกตัวเองว่าเรามาในที่ที่ดี และเราอยู่กับคนที่เค้าอยากให้เราทำงานด้วย ก็เลยรู้สึกว่า เราต้องเดินหน้าต่อ เราก็ต้องแข็งแรงที่จะทำงานต่อไป สิ่งที่คนเห็นอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เค้าคาดหวังก็ได้ แต่ว่ามันเป็นชิ้นงานที่มีคุณภาพ แล้วก็ต้องบอกว่า ของดีต้องใช้เวลานิดนึง

มีคนถามมาอีกว่า ปีนี้จะหมดสัญญาจะอยู่ต่อ หรือจะเป็นฟรีแลนซ์ที่เราตั้งใจไว้?
แพนเค้ก : ต้องบอกว่าที่นี่มีความสุขจริงๆ ที่ได้ทำหลายอย่างมาก ก็เลยไม่ได้มองว่าจะเหลือเวลาเท่าไหร่ เพราะยังสนุกกับงานที่ทำอยู่ สิ่งที่เค้าแพลนไว้ก็เยอะมาก ตั้งแต่ที่เข้ามาเค้าก็บอกไว้แล้วว่า เดือนนี้จะทำอะไร เพราะตั้งแต่ทำงานมา ไม่เคยมีใครบอกเราเลยว่าจะให้เราทำอะไร ไม่เคยมีใครแพลนไว้ให้เลย ก็เลยคิดว่าอย่างน้อยทุกอย่างมันต้องใช้เวลาเรียนรู้หมด มันจะมาปุ๊บปั๊บรับโชคเลยไม่ได้ทั้งหมด คิดว่า ณ ตอนนี้ก็ยังอยู่กับทรูค่ะ

พี่หมีแนะนำอะไรเราบ้าง ในช่วงเวลาที่แย่ๆ?
แพนเค้ก : เขาให้กำลังใจ คืออยู่กับเรามาในหลายๆ ช่วงเวลาที่เราเปลี่ยน แต่สุดท้ายเขาก็บอกเรานะว่า สุดท้ายแล้วเราอยากจะทำอะไร แต่เขาจะมีมุมมองอื่นให้เสมอ ต้องค่อยๆ เรียนรู้ไป

เวลาเหนื่อยเค้าจะทำยังไง?
แพนเค้ก : จะพาไปทานข้าว พาไปทำกิจกรรมนู่นนี่นั่น เหมือนเอาใจมากกว่าให้กำลังใจค่ะ

กลัวอาถรรพ์เลข 7 ไหม?
แพนเค้ก : ไม่ถึงกับกลัว แต่ไม่อยากถึงกับคิดว่ามันไม่ใช่หรอก เหมือนเรารู้จักกันมาในช่วงระยะเวลาหนึ่งที่มันเต็มที่มาก เพราะฉะนั้นการที่จะเกรงใจกันเหมือนเดิม มันจะลดน้อยลง ถามว่าดีไหม มันก็ดีเหมือนเดิม และต้องปรับตัวกันตลอดเวลา

คุณแม่คุณลูกให้สัมภาษณ์ในรายการคุยแซ่บShow ทางช่อง one31

คบกันมาปีที่ 7 แล้ว ทำไมถึงไม่ยอมแต่งงาน?
แพนเค้ก : คือยังชิวๆ แล้วพี่หมีเขาทำงานที่ตรงกับความถนัดด้วย เราเลยบอกว่าให้ทำให้เต็มที่ไปเลย ไม่ต้องห่วง

คุณแม่หวงลูกสาวไหม?
แม่หน่อย : หวงไม่เท่าไหร่ คือแม่ฟรีสไตล์อยู่แล้ว แต่แม่อยากให้เจอคนที่ดีและมีเมตตาต่อกัน

มีข่าวพาดหัวว่า แม่ไม่ยอมให้แต่งงาน?
แม่หน่อย : คือแม่เคยขอโทษพี่หมีนะ ว่าพี่หมีแม่ขอโทษจริงๆ ว่าถ้ามีข่าวอะไรเกี่ยวกับเรื่องแต่งงาน แล้วทำให้ฝ่ายชายจะต้องแบบว่า คือเราให้เกียรติเค้าไง ในสังคมเราเป็นเรื่องปกติ ในสังคมของราชการเราจะต้องให้เกียรติเขา”

มีพาดหัวว่า จะแต่งงานต้องจบด๊อกเตอร์?
แพนเค้ก : อีกหลายปีเลยค่ะ กว่าจะจบ (หัวเราะ)
แม่หน่อย : คือแม่อยากให้ทั้งสอง ตัวพี่หมีเองเหมือนกับว่าหน้าที่การงานก็เหมือนลงตัว ไม่ต้องมากังวลอะไรทั้งสิ้น ส่วนแพนก็เป็นผู้ใหญ่เต็มที่ งานตรงนี้โอเคแล้ว พร้อมก้าวไปสู่บทบาทใหม่แล้ว ซึ่งบังเอิญตัวพี่หมีเองเป็นคนที่รักและมุ่งมั่นกับงานด้วยกันทั้งคู่ เพราะฉะนั้นเขาเลยไม่มีที่จะคิดว่าเมื่อไหร่จะมาขอสักที หรือว่ารอไม่ไหวแล้วนะ แม่เลยแฮ็ปปี้ไง

คนข้างนอกมองว่า แม่ไม่ปลื้ม?
แม่หน่อย : จริงๆ แล้วพี่หมีเป็นคนที่แม่กลัวมาก เพราะเขาเป็นคนที่มีคุณสมบัติที่ดีพร้อม จนเรากลัวว่าจะเสียลูกไปแน่นอน แต่แม่ขอบอกว่าแม่ถูกสังคมไอ้นั่นมากนะ เวลาพวกผู้ใหญ่ที่พูดถึงแม่ เขาจะบอกว่าให้ปล่อยลูกได้แล้ว ให้เขาได้มีชีวิตเค้าสองคนได้เแล้ว เพราะเขาชอบบอกว่าเราตัวติดกันสองคน แม่ก็พูดไม่ออกเหมือนกัน แม่ก็เลยกลายเป็นว่า เป็นมารอยู่ตรงกลาง

สารวัตรหมี และ แพนเค้ก

แม่จะปล่อยไหม?
แม่หน่อย : ตอนนี้แม่ขอบอกว่า แม่ไม่ไปไหนกับแพนเลย ถ้าไม่ใช่เรื่องงาน

พี่หมีดูแลแม่ดีหรือเปล่า?
แม่หน่อย : ดีมาก ข้อเสียเขาไม่ค่อยจะมี แม่ชั่งน้ำหนักแล้วว่าข้อดีมากกว่าข้อเสีย จริงๆแม่กลัวเขาเดินมาคุกเข่าขอนะ กลัวจะมีวันนั้น แม่เคยพูดกับแพนว่าใครก็ตามที่มาขอแพน แม่ไม่รู้จะไปทางไหนเหมือนกันนะ แต่วันนี้ยังมั่นใจว่า ทุกอย่างยังคงมีอะไรที่ทำให้เรายังต้องรอ

ถ้าเกิดวันที่พี่หมีมาขอล่ะ?
แม่หน่อย : แพนยังไม่ได้นึกค่ะ ขอข้ามช้อตนั้นไปก่อน เป็นชิวๆ แบบนี้โอเค คือไม่ได้จะไปไหนอยู่แล้วไง ก็ยังอยู่ตรงนี้ บอกเขาตลอด”

สินสอดประมาณเท่าไหร่ ถ้าสู่ขอจริงๆ?
แม่หน่อย : แม่พูดได้ว่าตอนที่แม่แต่งงาน ครอบครัวแม่เป็นข้าราชการทั้งคู่ เหมือนกัน ณ จุดนี้ ครอบครัวพี่หมีเป็นข้าราชการเหมือนกัน เวลาที่เราจะมีเรื่องตกร่องปล่องชิ้น เราจะพูดกันว่า ให้ดูตามความเหมาะสม คือเราคบกันมาขนาดนี้แล้ว ฝ่ายชายก็จะรู้ดีว่าเราเลี้ยงดูลูกยังไง ก็จะได้ดูแลกันต่อไปได้สะดวก

เรียก สินสอด ประมาณเท่าไหร่?
แม่หน่อย : แม่ขอบอกตรงๆว่า แม่เลี้ยงลูกมาเหมือนนางฟ้า ประคบประหงมอย่างดีที่สุด ก็หมายหมั้นว่า ถ้าจะลงตัวลงเอยกับใคร เราต้องหวังว่า ลูกจะต้องอยู่สุขสบายไปตลอดชีวิต เพราะฉะนั้นสินสอดที่แม่จะต้องบอกคือมันจะต้องมีปัจจัยหลายอย่าง แล้วพ่อแม่ไม่ใช่ว่าจะพูดพล่อยๆ ออกไปได้ แต่ด้วยเกียรติของครอบครัวเรา แม่คงขอวัดใจกันดีกว่า วัดใจในที่นี้คือ ในเมื่อคุณรู้ว่าเรารักลูกเรา คุณจะดูแลเขาเช่นไร และที่สำคัญที่สุด ถ้าคุณคิดว่า คุณจะมีคนอื่นในชีวิตอีก ก็อย่าเอาลูกเราไปเลย เพราะมันสำคัญยิ่งกว่าเม็ดเงินค่ะ

มากกว่าหลักร้อยล้านหรือเปล่า?
แม่หน่อย : คุณดูสิคะ ว่าดิฉันเลี้ยงลูกมายังไง ค่าเทอมเท่าไหร่ ไปซัมเมอร์ที่ต่างประเทศเท่าไหร่


 

ภาพจาก : Praew Weddingคุยแซ่บShow ทางช่อง one31

ทายาทโบนันซ่า

รักนานกว่า 6 ปี กราฟ-เมย์ ทายาทโบนันซ่า อายุมากขึ้นเริ่มคิดเรื่องแต่งงาน

ทายาทโบนันซ่า
ทายาทโบนันซ่า

รักกันมานาน 5-6 ปี สำหรับคู่รัก กราฟ-โอสธี ซุ่นมงคล อดีตศิลปินนาม กราฟ แบล็ควนิลา กับ เมย์-ไพพรรณี เตชะณรงค์ ทายาทโบนันซ่า เขาใหญ่ ซึ่งเป็นทายาทคนที่ 2 ของคุณ ไพวงษ์-ภัสสรา เตชะณรงค์ รองจากสงกรานต์ เตชะณรงค์ 

ทายาทโบนันซ่า ทายาทโบนันซ่า

รักกันมานาน เน้นความเรียบง่ายมากกว่าความหวือหวา เผลอแปปเดียว คู่รัก กราฟ-โอสธี และเมย์-ไพพรรณี ก็จับมือกันมาได้นานกว่า 5-6 ปีแล้ว ซึ่งแน่นอนว่า เมื่อต่างฝ่ายอายุมากขึ้น แพลนเรื่องคิดงานแต่งงานต้องตามมาแน่นอน โดยหนุ่มกราฟได้เผยถึงเรื่องนี้ในรายการ True Insider Weekend ทางช่อง True Inside HD (กดหมายเลข 113 และ 335) ถึงเรื่องบทบาทการทำงานใหม่ รวมถึงเรื่องความรักครั้งนี้ด้วยว่า กำหนดงานแต่งยังไม่รู้ แต่รู้ว่าแต่งกับคนนี้แน่นอน (หวานไหมละ)

ทายาทโบนันซ่า

ทายาทโบนันซ่า
กราฟกับคุณแม่

หลายปีที่ผ่านมา กราฟ-โอสธี เป็นที่รู้จักต่อหลายคนในนามศิลปินวง Black Vanilla ซึ่งปัจจุบันกราฟได้ผันตัวเองมาทำงานเบื้องหลัง ตำแหน่งครีเอทีฟ ไดเร็คเตอร์ ของค่ายเพลงน้องใหม่ชื่อว่า Four Five Records (ที่มีมัดหมี่-พิมดาว พานิชสมัย เป็นศิลปินในค่าย) โดยเขาเข้ามาทำงานตรงนี้ 1 ปี หลังจากค่ายเพลงเปิดมาประมาณ 2 ปี ซึ่งกราฟเผยว่า การทำงานเบื้องหลังต้องรับผิดชอบสูงมาก ไม่เหมือนงานเบื้องหน้าที่มีคนช่วยคิดให้เราทุกอย่าง ถึงแม้เราจะมีคิดบ้าง แต่งานเบื้องหลังนี้กราฟต้องวางแผนโปรโมตศิลปินว่าจะไปทิศทางไหน ดูตั้งแต่เรื่องลุค แนวเพลง ภาพรวมมิวสิควิดีโอ ซึ่งเมื่อศิลปินหลายกลุ่ม ก็ต้องทำการบ้านหลายอย่างตามไปด้วย รวมถึงยังต้องดูแลรับผิดชอบด้านจัดอีเว้นท์ จัดคอนเสิร์ต โดยที่ผ่านมาก็ได้นำศิลปินเกาหลีเข้ามาด้วย นอกจากนี้เขายังช่วยทำธุรกิจครอบครัว เป็นธุรกิจร้านอาหารอยู่ที่หาดใหญ่ โดยมีเป้าหมายว่าอยากจะขยายสาขามาตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ

ทายาทโบนันซ่า

กราฟ ยังไม่ได้คิดว่าจะแต่งงานช่วงเวลาไหน แต่แต่งกับ เมย์ ทายาทโบนันซ่า คนนี้แน่นอน

ส่วนในด้านความรัก ที่คาดว่าเป็นเรื่องน่าจับตาของผู้คนจำนวนมาก เนื่องจากแฟนสาวของหนุ่มกราฟ เมย์-ไพพรรณี เป็นทายาทโบนันซ่า เขาใหญ่ หนุ่มกราฟได้เผยถึงรักครั้งนี้ว่า คบกับเมย์มาประมาณ 5-6 ปีแล้ว โชคดีที่ไลฟ์สไตล์ของทั้งสองคล้ายกัน ไม่ว่าจะเรื่องการกิน การท่องเที่ยว ฟังคอนเสิร์ต ซึ่งพวกเขาก็ใช้กิจกรรมเหล่านี้เติมความหวาน และเมื่อถามถึงแพลนแต่งงาน กราฟเผยต่อว่า พอเริ่มอายุเยอะขึ้นก็เริ่มคิดบ้างแล้ว แต่ยังไม่ได้คิดว่าจะช่วงเวลาไหน แต่คนนี้แน่นอน ซึ่งทางครอบครัวฝ่ายหญิงก็เปิดอิสระให้ลูกๆ ได้เลือกคบหาคน เมื่อเมย์แฮ็ปปี้ คุณพ่อของเมย์ก็แฮ็ปปี้ไปด้วย

เรียกว่า ตอนนี้ต่างคนต่างสร้างตัวให้มั่นคงก่อน ส่วนงานแต่งของทั้งคู่จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ก็ต้องคอยลุ้นติดตามกันนะจ๊ะ

ทายาทโบนันซ่า ทายาทโบนันซ่า ทายาทโบนันซ่า ทายาทโบนันซ่า

ทายาทโบนันซ่า ทายาทโบนันซ่า ทายาทโบนันซ่า

ทายาทโบนันซ่า

 


เรื่อง: บะหมี่กุ๊งกิ๊ง_แพรวดอทคอม
ที่มา: True Insider Weekend “กราฟ แบล็ควนิลา” บทบาทใหม่ที่น่าจับตามอง | O/A 20 01 61
ภาพ: IG @graphbv @may_tae

แต่งหน้าเจ้าสาว

“น้องฉัตร” เมคอัพอาร์ติสต์คิวทอง เผยเทรนด์พร้อมทริคแต่งหน้าเจ้าสาว 5 ลุคสุดคลาสสิก

Alternative Textaccount_circle
แต่งหน้าเจ้าสาว
แต่งหน้าเจ้าสาว

ในยุคที่คนเบื้องหลัง ไม่ได้อยู่แค่เบื้องหลังอีกต่อไป หากแต่กลายเป็นคนดัง และมีชื่อเสียงได้เท่าๆ กับคนเบื้องหน้า เพราะความสามารถและเอกลักษณ์ที่โดดเด่นเฉกเช่นเมคอัพอาร์ทิสต์ชื่อดังที่นับว่าอายุยังน้อย แต่ฝากฝีไม้ลายมือไว้ไม่น้อยอย่าง “น้องฉัตร-ฉัตรชัย เพียงอภิชาติ” กับการปรากฏตัวในงานเปิดตัว “MIRROR MIRROR BANGKOK” ครั้งแรกของแบรนด์ชุดเจ้าสาวที่จะมาเขย่าวงการชุดแต่งงานในประเทศไทย ด้วยการนำศิลปะและแรงบันดาลใจจากเทพนิยายวัยเด็ก ซึ่งแน่นอนว่านอกจากชุดสวยๆ สุดปัง แพรวดอทคอม ยังได้พาสาวๆ ทุกคนไปพบกับเทรนด์การ แต่งหน้าเจ้าสาว ราวกับหลุดมาจากเทพนิยายอีกด้วย

แต่งหน้าเจ้าสาว

“น้องฉัตร” เผยว่า ยุคสมัยนี้ผู้หญิงมีความเป็นตัวเองสูง และมีสไตล์เป็นของตัวเองมากขึ้น ดังนั้น ถ้าให้พูดถึงลุคการแต่งหน้าหลักๆ ก็ต้องแล้วแต่ความชอบและความมั่นใจของสาวๆ บางคนอาจจะชอบสวยเรียบโก้ บางคนชอบลุคเซ็กซี่ปากแดง ส่วนสีคลาสสิกที่คงอยู่ตลอดกาล ก็ยังคงเป็นโทนชมพู และส้มอมน้ำตาล ทั้งนี้ ชุด หน้า และผม ต้องส่งเสริมไปด้วยกัน โดยน้องฉัตรได้นำโทนการแต่งหน้า 5 ลุคเจ้าสาวสไตล์ MIRROR MIRROR มาให้ชมกัน เริ่มจาก…

ลุคเซ็กซี่

ชุดที่ต้องโชว์ผิวเยอะ การลงรองพื้นสำคัญที่สุด ต้องสมูทหน้ากับตัวให้เป็นสีเดียวกัน ส่วนลุคการแต่งหน้าจริงๆ แต่งได้ทุกโทน แล้วแต่เจ้าสาวว่าชอบโทนเข้มหรือโทนอ่อน


ลุคเรียบหรู

เป็นลุคที่ดูเรียบโก้ อาจจะเพิ่มกลิตเตอร์หรือไฮไลท์บริเวณใต้ตา เพื่อความฟรุ้งฟริ้งมากขึ้น รับกับกระโปรงปักเลื่อมคริสตัลลูกปัดที่ถูกปักด้วยมือให้เหมือนลูกไม้ถูกเคลือบด้วยเกล็ดหิมะ


ลุคสวยชิค

ลุคนี้จะมีความวินเทจย้อนยุค เมคอัพก็ต้องเลือกโทนที่เซฟตี้ อาทิ น้ำตาลส้ม ต่อให้เวลาผ่านไปอีก 20 ปี ค้นรูปมาดูก็จะยังดูสวยตลอดกาล


ลุคสวยหวาน

ลุคนี้แนะนำให้แต่งตาสีน้ำตาลเฉดดิ้งน้อยๆ คือ เน้นผิวสวย ปัดแก้มอมชมพู ทาปากกลอสๆ ให้ดูมีมิติรับกับเทคนิคลูกไม้และลวดลายที่มีหลายเลเยอร์


ลุคหวานซ่อนเปรี้ยว

มาถึงลุคสุดท้ายแบบหวานซ่อนเปรี้ยว การแต่งหน้าก็จะมาแบบคลาสสิกสไตล์ คือ โทนน้ำตาล สีไม้นิดๆ เพราะการแต่งหน้าโทนนี้จะทำให้ดูโก้ขึ้น แต่สำหรับสาวผิวสีที่อยากแต่งหน้าโทนนี้ให้โดดเด่น อาจจะต้องเพิ่มลูกเล่นด้วยการปัดมาสคาร่าให้ดูหนาขึ้น เพื่อให้ดวงตาดูคมขึ้น ส่วนคนผิวขาวอยากให้ปัดแก้มชมพูเป็นประกายชิมเมอร์เข้าไปนิดนึงเพื่อให้ดรอปโทนน้ำตาลลงมาหน่อย


“สุดท้ายอยากจะบอกว่า เมคอัพเป็นเพียงส่วนหนึ่ง แต่จริงๆ แล้วผู้หญิงจะสวยอยู่ที่อินเนอร์ ความสุขข้างในที่ส่งออกมาภายนอก การแต่งหน้าเองก็ดี หรือชุดก็ดี จะเป็นเพียงการช่วยส่งเสริมบุคลิกให้ดูดีมากขึ้น อยากให้เจ้าสาวทุกคนดูแลตัวเองมากๆ เช่น เรื่องอาหารการกิน ไม่ควรกินเค็ม เพราะจะทำให้หน้าเราบวม การออกกำลังกาย การบำรุงร่างกาย ฯลฯ สำคัญที่สุดคือการเลือกชุด บางชุดใส่ออกมาอาจจะไม่เหมาะกับเรา ในขณะที่บางชุดเรามองว่าไม่สวย ใส่ออกมาอาจจะสวยและเหมาะกับเราที่สุดก็ได้ อยากให้เลือกร้านที่มั่นใจจริงๆ” น้องฉัตร-ฉัตรชัย เพียงอภิชาติ  เมคอัพอาร์ทิสต์ชื่อดัง

 

สาวๆ ที่มีแพลนเข้าประตูวิวาห์ ได้เทรนด์แต่งหน้ากันแล้ว ก็ลองไปค้นหาความเป็นตัวคุณกับหลากหลายคอลเลกชั่นชุดเจ้าสาวฝีมือไทยดีไซเนอร์จากแบรนด์ MIRROR MIRROR BANGKOK กันดูนะคะ

สมมงนักแสดงหญิงไทยคนแรก “ฟรีน สโรชา” เยือนพรมแดง Met Gala 2025

Alternative Textaccount_circle

เป็นอีกครั้งที่ต้องจารึกลงประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของวงการบันเทิงไทย เมื่อ “ฟรีน – สโรชา จันทร์กิมฮะ” ได้รับเชิญให้เป็นแขกคนสำคัญร่วมงาน Met Gala 2025 ในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์ประจำ Valentino ซึ่งหากย้อนตามไทม์ไลน์แล้ว ฟรีนถือเป็นคนไทยคนที่ 4 ที่ได้รับเชิญเข้าร่วมงานสุดยิ่งใหญ่นี้ ต่อจาก ป่าน ณิชาภัทร Contributor นิตยสารชื่อดัง, ไบรท์ วชิรวิชญ์ ศิลปินและนักแสดง, ลิซ่า ลลิษา ศิลปินระดับโลก

แน่นอนว่าการปรากฏตัวครั้งนี้ ลุคของเธอสร้างความประทับใจไว้ไม่น้อย จนสื่อแฟชั่นหลายแห่งยกให้คอสตูมนี้เป็น The Best of Custume ประจำ Met Gala 2025 ซึ่งโททัลลุคนี้เป็นการ Custom made สุดเอ็กซ์คลูซีฟที่รังสรรค์ขึ้นโดยผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของเมซง อเลสซานโดร มิเคลเล่ (Alessandro Michele)

ฟรีนสวมใส่แจ็กเก็ตผ้าวูลสีเบทูล่าตกแต่งด้วยขนเฟอร์สีดำตัดกันอย่างโดดเด่น ด้านในสวมใส่บอดี้สูทลูกไม้สีธรรมชาติ ดีไซน์คอสูง แขนยาว ปักเลื่อมและลวดลายดอกไม้หลากสี กระโปรงยาวชีฟองสีดำดีไซน์วอลลันต์พร้อมรายละเอียดรัฟเฟิลพลีท ประดับด้วยโบว์ซาตินสีชมพู และเครื่องประดับจาก Valentino Garavani

แม้เป็นปีแรกของ ”ฟรีน สโรชา” แต่เธอก็สามารถยืนอยู่บนพรมแดง Met Gala 2025 ได้อย่างสง่างาม


ภาพ: Getty Images และ Valentino

ข้อมูล: Valentino

แกะบิวตี้ลุค 'ฟรีน สโรชา' สวยหรูดูแพง เฉิดฉายบนพรมแดง Met Gala 2025

แกะบิวตี้ลุค ‘ฟรีน สโรชา’ สวยหรูดูแพง เฉิดฉายบนพรมแดง Met Gala 2025

Alternative Textaccount_circle
แกะบิวตี้ลุค 'ฟรีน สโรชา' สวยหรูดูแพง เฉิดฉายบนพรมแดง Met Gala 2025
แกะบิวตี้ลุค 'ฟรีน สโรชา' สวยหรูดูแพง เฉิดฉายบนพรมแดง Met Gala 2025

เมื่อพูดถึง Met Gala 2025 งานพรมแดงที่สะท้อนการตีความแฟชั่นและความงามในสไตล์ dandyism ปีนี้มาในธีม Superfine: Tailoring Black Style สำหรับแขกหน้าใหม่อย่าง “ฟรีน สโรชา จันทร์กิมฮะ” นักแสดงหญิงไทยคนแรกที่ได้ร่วมเดินบนพรมแดงสุดยิ่งใหญ่นี้ เธอไม่ได้เพียงแค่สวมชุดที่ตัดเย็บอย่างประณีตไร้ที่ติ แต่ยังเลือกเมคอัพที่เปล่งประกายความหรูหราและแซ่บสะกดทุกสายตาได้อย่างสมบูรณ์แบบ

การเลือกสีนู้ดทองเป็นการเพิ่มความลักซ์ชัวรี่ให้กับผิวของเธอ รวมถึงการทาลิปโทนชมพูระเรื่อประกายทอง และการสร้างกรอบใบหน้าที่ชัดเจน ทำให้เธอสามารถสะท้อนถึงการแต่งตัวที่ทั้งคลาสสิกและทันสมัยได้อย่างลงตัว ทุกองค์ประกอบในลุคนี้ทำให้เธอกลายเป็นดาวเด่นที่ไม่เพียงแค่สะท้อนสไตล์ dandy แต่ยังเปล่งประกายเสน่ห์และความมั่นใจที่ไม่เหมือนใคร ในงานนี้เธอไม่ได้เป็นแค่แขกที่รับชมแฟชั่น แต่ยังเป็นตัวแทนของการยกระดับแฟชั่นที่มีความประณีตและสมบูรณ์แบบ

บิวตี้ลุคของ ‘ฟรีน สโรชา จันทร์กิมฮะ’ บนพรมแดง Met Gala 2025 

  1. ผิวสวยโกลว์แบบสุขภาพดี (Glass Skin Effect)
    ฟรีนมาในงานนี้ด้วยผิวที่ดูชุ่มชื้น ฉ่ำวาวแต่ไม่มันเยิ้ม เป็นผิวโกลว์แบบ “glass skin” ที่นิยมในหมู่ดาราเกาหลีและแฟชั่นไอคอนระดับโลก เทคนิคคือการลงสกินแคร์เน้นความชุ่มชื้น รองพื้นเนื้อบางเบาที่มีความเงาแบบธรรมชาติ และ การใช้ highlighter แบบ subtle ในจุดที่แสงตกกระทบ เช่น โหนกแก้ม สันจมูก และเหนือริมฝีปาก
  2. คิ้วตรง-โก่งเล็กน้อย เพิ่มความนุ่มนวล
    ทรงคิ้วของฟรีนไม่โก่งสูงแบบคิ้วฝรั่ง แต่เป็นคิ้วตรงที่มีส่วนโค้งเล็กน้อยที่ปลาย ทำให้ดูซอฟท์และเฟมีนีน แต่ยังคงเฟรมหน้าได้ดี การเขียนคิ้วใช้โทนสีน้ำตาลธรรมชาติ ไม่เข้มหรือดำเกินไปเพื่อให้เข้ากับสีผม
  3. ดวงตากลมโตด้วยอายไลเนอร์ และขนตาที่เรียงเส้นละเอียด
    ฟรีนเลือกใช้อายไลเนอร์สีดำ กรีดชิดขอบตาโดยไม่เน้น wing ยาว แต่เพิ่มความคมให้ขอบตาแบบ subtle เสริมด้วยขนตาปลอมแบบขนตาฟูแบบธรรมชาติ natural wispy lashes ที่ทำให้ตาดูกลมและหวานโดยไม่ดูหนักตา พร้อมเพิ่มมิติด้วยอายแชโดว์โทนชมพูน้ำตาลมีชิมเมอร์บางเบาที่หัวตา
  4. พวงแก้มระเรื่อ เน้นความหวานสดใส
    บลัชออนสีชมพูพีช ถูกปัดแบบกระจายออกด้านข้างเพื่อให้ลุคดูอ่อนเยาว์ สดใส และเชื่อมต่อกับ eye makeup อย่างลงตัว ให้ความรู้สึกละมุนไม่แข็งเกินไป
  5. ริมฝีปากโทนชมพูระเรื่อประกายทอง ดูสุขภาพดี
    ลิปสติกโทนชมพูระเรื่อประกายทอง ถูกเลือกเพื่อให้ความรู้สึกเฟมีนีน และบาลานซ์กับดวงตาที่ไม่เน้นหนักเกินไป ลิปมีเนื้อ glossy-cream ที่เพิ่มความชุ่มชื้นให้ริมฝีปากและช่วยให้ลุคดูสดชื่น
  6. ผมลอนคลายสไตล์ Old Hollywood
    ทรงผมลอนใหญ่แบบ S-curl ที่เพิ่มความแกลมแต่ไม่ดูโบราณ การปล่อยผมข้างหน้าแบบปิดกรอบหน้าเล็กน้อยช่วยทำให้ใบหน้าดูซอฟต์และอ่อนโยน

เทรนด์ที่สะท้อนในลุคนี้
•  Soft Glam: เน้นความสวยธรรมชาติแต่ยังมีความหรูหรา เหมาะกับ red carpet
•  Glass Skin: ผิวโกลว์สุขภาพดีมาแรงทั้งในวงการบิวตี้เกาหลีและสากล
•  Natural Feminine: โทนสีชมพู-พีช และทรงคิ้ว-ตาที่เน้นความหวาน

ลุคนี้ของฟรีนเป็นตัวอย่างที่ดีของการแต่งหน้าที่สมดุลระหว่างความเป็นธรรมชาติและความหรูหรา เหมาะกับงานพรมแดงหรือโอกาสพิเศษที่อยากโดดเด่นแต่ยังคงความซอฟต์ เรียกได้ว่าเป็น “Effortless Elegance” ที่ใครๆ ก็อยากแต่งตาม

Photo: Getty Images


BLACKPINK

BLACKPINK BLACK LOOK : 3 สไตล์ 3 เสน่ห์ในชุดสีดำสุดไอคอนิก

Alternative Textaccount_circle
BLACKPINK
BLACKPINK

BLACKPINK BLACK LOOK จากความสง่างามเหนือกาลเวลา สู่ความลึกลับน่าค้นหา และความโดดเด่นทรงพลัง พวกเธอสร้างปรากฏการณ์แฟชั่นที่โลกต้องจดจำ

ยังคงเป็นพรมแดงที่คนดังจากทั่วโลกให้ความสนใจและมีชื่อเสียงเสมอ สำหรับ MET GALA หรือ ออสการ์แห่งวงการแฟชั่น งานกาล่าดินเนอร์ระดมทุนประจำปีของ พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิแทน ที่มีจุดประสงค์เพื่อรวบรวมเงินสนับสนุน The Costume Institute 

สำหรับงาน MET GALA 2025 จัดขึ้นภายใต้ธีม “Superfine: Tailoring Black Style” ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากหนังสือที่สำรวจประวัติศาสตร์วัฒนธรรมและวิวัฒนาการการแต่งตัวสไตล์ Dandy ของชายผิวดำอย่าง Slaves to Fashion: Black Dandyism and the Styling of Black Diasporic Identity 

และแน่นอนว่าสามสาว BLACKPINK ในฐานะ Global Ambassador ของแบรนด์ดังระดับโลก ก็ไม่ทำให้เหล่า BLINK ทั่วโลกผิดหวัง ด้วยลุคสีดำสุดสง่างามที่เผยให้เห็นถึงเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละคนได้อย่างน่าจับตามอง

JENNIE

เจนนี่ในฐานะ “Human Chanel” ไม่เคยทำให้ผิดหวังกับการปรากฏตัวบนพรมแดง และในงาน MET GALA 2025 นี้ เธอก็มาในชุดทักซิโด้ของ Chanel พร้อมจั๊มสูทสีดำเข้ารูป ตกแต่งด้วยดอกไม้สีขาวและไข่มุกอันเป็นเอกลักษณ์ โดยลุคนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรันเวย์ของ โคโค่ ชาแนล ในช่วงยุค 1920 และ 1930

ROSÉ:

ขณะที่ โรเซ่ แบรนด์แอมบาสเดอร์ของแซงต์ โลรองต์ ไม่เคยทำให้ผิดหวังเธอมาในลุคที่แตกต่างแต่ยังคงความสง่างาม ด้วยชุดชุดทักซิโด้สั่งตัดยาวสีดำที่สร้างความน่าสนใจและความลึกลับน่าค้นหาให้กับลุคของเธอได้อย่างดี ชุดสีดำชุดนี้เปรียบเสมือนบทกวีที่ถูกรังสรรค์ขึ้นบนเรือนร่าง สะท้อนถึงความอ่อนหวานแต่แฝงไปด้วยความแข็งแกร่ง

Lisa

ปิดท้ายที่ลิซ่าซึ่งมา MET GALA เป็นปีแรก แต่ไม่มีดร็อปชุดกับที่สร้างความฮือฮาอย่างร้อนแรงบนโลกออนไลน์ โดยลิซ่ามาในจากแบรนด์ LOUIS VUITTON  ชุดมีกลิ่นอาย ยุค 80-90 แต่ที่น่าสนใจคือกางเกงที่เธอใส่นั้นโดดเด่นด้วยใบหน้าของ โรซา พาร์ค นักเคลื่อนไหวสิทธิคนผิวดำชื่อดัง 

สำหรับทั้งสามลุคสีดำสุดไอคอนิกของ เจนนี่, โรเซ่ และ ลิซ่า ในงาน MET GALA 2025 ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความงามสง่าและสไตล์อันโดดเด่นของพวกเธอเท่านั้น แต่ยังเป็นการตีความธีม “Superfine: Tailoring Black Style” ในแบบฉบับของแต่ละแบรนด์ได้อย่างน่าสนใจ

Met Gala 2025

สั้น แซ่บ..พริกยกสวน! ‘บอดี้สูท’ ครองพรมแดง Met Gala 2025

account_circle
Met Gala 2025
Met Gala 2025

ในค่ำคืนแห่งงานแฟชั่นระดับโลกอย่าง Met Gala 2025 ซึ่งจัดขึ้น ณ พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิแทน นิวยอร์ก เหล่าบรรดาแฟชั่นนิสต้าและคนดังระดับโลกต่างพร้อมใจกันตีความธีม “Superfine: Tailoring Black Style” ผ่านลุคต่างๆ ซึ่งหนึ่งในเทรนด์เด่นที่ชัดเจนที่สุดปีนี้ คือการกลับมาอย่างสง่างามของ บอดี้สูท ที่ถ่ายทอดความโมเดิร์นของแฟชั่นสูทสุภาพบุรุษ ผสานกับเสน่ห์ความเซ็กซี่แบบไร้ขีดจำกัด

Sabrina Carpenter

(Photo by Jamie McCarthy/Getty Images)


นักร้องสาว Sabrina Carpenter เลือกสวมลุคสั่งทำพิเศษจาก Louis Vuitton โดดเด่นด้วยแจ็กเก็ต tailcoat ลายทางสีเบอร์กันดี ตกแต่งกระดุมคริสตัล แมตช์เข้ากับบอดี้สูทลายเดียวกัน เสริมความเฉียบด้วยรองเท้าแพลตฟอร์มเข้าชุด และเครื่องประดับทองที่ขับให้ลุคนี้ดูหรูหราแต่แฝงความขบถเล็กๆ

Doja Cat

(Photo by Dimitrios Kambouris/Getty Images for The Met Museum/Vogue)


ทางด้าน Doja Cat ก็ไม่พลาดสร้างซีนบนพรมแดง ด้วยบอดี้สูทสไตล์เบลเซอร์จาก Marc Jacobs ที่ปักคริสตัล Swarovski เป็นลายทาง และเลือกใช้ผ้ากำมะหยี่พิมพ์ลายเสือ ocelot เพิ่มมิติให้ลุค คอมพลีทด้วยส้นสูงสั่งทำพิเศษ

Lisa Lalisa


ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล นำเสนอความเท่ผ่านสูทสีดำประดับกลิตเตอร์ ที่ซ้อนเลเยอร์บอดี้สูทลูกไม้โปร่งแสงด้านใน เธอเพิ่มดีเทลด้วยถุงน่องลายโลโก้ LV และรองเท้าส้นสูงสีดำที่ช่วยเสริมความกลมกลืนของลุค

Helen Lasichanh

(Photo by Dimitrios Kambouris/Getty Images for The Met Museum/Vogue)


อีกหนึ่งคนดังที่ร่วมเฉลิมฉลองเทรนด์นี้คือ Helen Lasichanh ภรรยาของ Pharrell Williams เธอปรากฏตัวในชุดหนังสีดำจาก Louis Vuitton จับคู่กับบอดี้สูทหนังเข้าชุด ถุงน่องลายโลโก้ และรองเท้าจากแบรนด์เดียวกัน

ปีนี้ Met Gala 2025 ยกย่องความงดงามของ Black dandyism และศิลปะการตัดเย็บของแฟชั่นของสุภาพบุรุษ ผ่าน dress code ที่ชื่อว่า “Tailored for You” โดยมีคณะเจ้าภาพอย่าง Colman Domingo, Lewis Hamilton, A$AP Rocky, Pharrell Williams และ Anna Wintour ร่วมขับเคลื่อนค่ำคืนนี้ให้กลายเป็นอีกหนึ่งบทบันทึกในประวัติศาสตร์แฟชั่น


เรียบเรียงจาก : wwd.com

ภาพ : Getty Image

‘สะกดคำว่า หลง กับคำว่า รัก ให้ถูก มีโอกาสถูกหลอกสูง ใช่คุณไหม??? ต้องเช็กแล้ว!!!’ ดวงรายสัปดาห์ 5-11 พฤษภาคม 2568

Alternative Textaccount_circle

‘อย่าสับสนระหว่างคำว่า หลง กับ รัก จะถูกหลอก’

ดวงรายสัปดาห์ 5-11 พฤษภาคม 2568

ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์          

การงาน  :   น่าเห็นใจชาวอาทิตย์จริงๆ เลย หายใจคล่องได้แค่สัปดาห์เดียว ก็กลับมาเครียดอีกแล้ว มีความเป็นไปได้ว่าคุณจะตกอยู่ท่ามกลางภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ตกเป็นแพะรับบาป ต้องรับผิดในสิ่งที่ไม่ได้กระทำ หรือต้องทำงานที่นอกเหนือจากที่ตกลงกันไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ทำงานหรือดำเนินธุรกิจที่ต้องใช้วาจาในการติดต่อประสานงาน โฆษณา-ประชาสัมพันธ์ สื่อมวลชน นักพูด ด้วยแล้ว มีโอกาสที่คุณจะได้รับข่าวเซอร์ไพร์สที่มาพร้อมกับความเปลี่ยนแปลง โดยคุณต้องอาศัยการปรับตัวเพื่อที่จะอยู่ต่อไป  

การเงิน  :  สำหรับสัปดาห์นี้คุณไม่ต้องทำงานหนักก็มีเงินเข้ามาให้ใช้จ่ายได้ตลอด เช่นกันกับรายจ่ายก็มีเข้ามาตลอดๆๆ  ทั้งภาระที่ต้องใช้จ่ายประจำรายสัปดาห์ รายเดือน นอกจากนั้นยังมีรายจ่ายเพิ่มสำหรับทำบุญ ทำทาน อีกด้วย

ความรัก  :  คู่ครองก็ยังอยู่ใกล้ชิดกับคุณตลอดๆ สัปดาห์นี้จะยิ่งเพิ่มความโรแมนติก หลงคุณมากกว่าเดิม แต่คุณก็ยังแอบหวั่นไหวอยู่นะคะว่าเขาจะจริงใจหรือไก่กา คนโสด  สัปดาห์นี้ชาวอาทิตย์โรแมนติกมากๆ มีเสน่ห์ต่อเพศตรงข้ามมากๆ และก็รักและหลงคนง่ายมากๆๆ แต่อย่าเพิ่งตัดสินใจไปกับใครง่ายๆ นะคะ เดี๋ยวจะหาว่าหมอปุ้ยไม่เตือน

สุขภาพ  :   ต้องระวังเส้นเอ็น กล้ามเนื้อจะตึงยึด โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณช่วงขา ทั้งจากยืนเดินนั่งนาน หรือจากอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้น เช่น ตกบันได ตกฟุตบาท ตกส้นสูง จนข้อเท้าพลิก/แพลง มีโอกาสเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ก็คงต้องใช้ชีวิตด้วยความระมัดระวัง

ผู้ที่เกิดวันจันทร์

การงาน  : ก็ยังคงเป็นสัปดาห์แห่งความคิดและสร้างสรรค์ของชาวจันทร์อยู่ ดังนั้น หากจะทำงานหรือดำเนินธุรกิจทางด้านศิลปะ ศิลปิน นักร้อง นักแสดง ดีไซเนอร์ สถาปนิก เสริมสวย ฯลฯ ก็ยังทำได้อยู่ รวมถึงผู้ที่ไม่ได้อยู่ในสายนี้ก็จะมีผู้ใหญ่สนับสนุนช่วยเหลือให้ได้เข้ามาสัมผัสกับวงการนี้ แต่สัปดาห์นี้เป็นไปได้ว่าคุณจะมาทางสายบุญ สายศาสนา สาย CSR เพื่อสังคมมากกว่าจะทำเพื่อเงินเหมือนที่ผ่านมา เพราะฉะนั้นนอกจากผู้ใหญ่จะสนับสนุนช่วยเหลือแล้ว ยังมีโอกาสได้ทำงานกับผู้ใหญ่ที่มีบุญและบารมีด้วย

การเงิน  :  ก็เช่นกัน คุณยังคงใช้เงินเก่งๆ พอๆ กับหาเงินเก่งอยู่ แต่สำหรับสัปดาห์นี้เป็นไปได้ว่าคุณจะแบ่งเงินไปทำบุญ ทำทาน บริจาคเพื่อสังคมด้วย

ความรัก  :   สัปดาห์นี้คุณน่าจะไปไหนไม่ค่อยได้คล่องตัวนัก เพราะผู้ใหญ่ตามประกบแจเลย หรือหากจะได้ไปก็ต้องมีผู้ใหญ่ติดตามไปเป็นหมู่คณะเลย คนโสด  สัปดาห์นี้คาดว่าคุณจะถูกตาต้องใจกับผู้ใหญ่ ซึ่งอาจเป็นชาวต่างชาติก็ได้นะ หรือไม่เช่นนั้นผู้ใหญ่ก็จะเป็นแม่สื่อ นัดเดทให้

สุขภาพ  :   ก็ยังคงเอ็นจอยไลฟ์ ทั้งดื่มและรับประทาน จนน้ำหนักส่งผลให้เข่าเริ่มจะมีปัญหา เพราะต้องรับน้ำหนักที่เพิ่มมากขึ้น นอกจากนั้นยังต้องระวังพวกภูมิแพ้ด้วย จะมีปัญหาในเรื่องของการหายใจ จามบ่อย

ผู้ที่เกิดวันอังคาร

การงาน   สัปดาห์นี้ของชาวอังคารก็ยังอยู่กับงานหรือธุรกิจทางด้านการบริหารจัดการ การติดต่อประสานงานระหว่างประเทศ รวมถึงการให้บริการที่ปรึกษาและคำแนะนำในด้านต่างๆ  หากกำลังเครียดกับการรอคอยการตอบรับสำหรับการเดินทางไปต่างถิ่นต่างแดน ไม่ว่าจะไปประชุม อบรม สัมมนา หรือขยายธุรกิจ ขยายสาขา ทางที่ดีควรเตรียมแผนสองไว้ด้วยนะคะ เพราะมีโอกาสที่จะยังไม่ได้ไปในเร็ววัน ก็เช่นเดิมค่ะ อย่าใจร้อน เชื่อมั่นในตัวเองมากเกินไป จนตัดสินใจทุกอย่างด้วยความวู่วาม เพราะจะทำให้งานหรือธุรกิจเกิดความผิดพลาดเสียหายอย่างคาดไม่ถึง

การเงิน  :  ก็ยังคงมีโชคในการลงทุนและทรัพย์สิน แต่ก็อย่าประมาท โดยเฉพาะอย่างยิ่งการค้าหรือการเจรจาธุรกิจกับต่างประเทศ เพราะมีโอกาสที่คุณจะพลาดท่าเสียทีจนชักหน้าไม่ถึงหลังทีเดียว  

ความรัก  :   หัวใจก็ยังเต็มไปด้วยความรัก ความโรแมนติก ที่น่ากลัวคือโรแมนติกมากจนล้นไปถึงคนข้างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณอยู่ห่างจากคู่ครองด้วยแล้ว จึงควรระมัดระวังใจให้ดีๆ   คนโสด  มีโอกาสได้พบคนถูกใจในระหว่างการเดินทาง แล้วความหลงจะทำให้ทุกอย่างก็มีโอกาสเกิดขึ้นเร็วมากด้วย เรียกว่าคุณยังไม่รู้ตัวเลย

สุขภาพ  :   ต้องระวังในเรื่องของโรคกระเพาะอาหารและลำไส้ รวมถึงผลที่เกิดจากการดื่มหนัก เที่ยวหนักเช่น โรคหัวใจ สุขภาพทรุดโทรม ซึ่งคาดว่าจะเป็นแบบเรื้อรังเลยด้วย

ผู้ที่เกิดวันพุธ

การงาน  : สัปดาห์นี้ของชาวพุธว่าด้วยผู้ที่ทำงานหรือดำเนินธุรกิจในหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ ธนาคาร ประกัน การแพทย์ และสาธารณสุข โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่คิดว่าจะทิ้งตัวกับงานหรือธุรกิจนี้ไปจนถึงเกษียณ เพราะเป็นไปได้ว่าจะมีเหตุให้คุณเข้าไปอาสาเจ้านายไปทำงานที่เสี่ยงต่อความผิดพลาด แม้จะมีคนเตือนแล้วเตือนอีก แต่เพราะคุณยึดติดกับอีโก้ของตัวเองเหนียวแน่น จึงไม่รับฟังใครเลย ดังนั้น สิ่งที่คุณไม่คาดคิดมีโอกาสที่จะเกิดขึ้น เช่น เพื่อนที่ไว้วางใจที่สุดกลับกลายเป็นคนที่ทำร้ายคุณที่สุด จนเป็นเหตุให้งานหรือธุรกิจสั่นสะเทือน เพราะฉะนั้นควรรับฟังเสียงต่างๆ บ้าง  

การเงิน  :  รายจ่ายเยอะจนต้องกู้หนี้ยืมสินวุ่นวายไปหมด นอกจากนั้นยังต้องระวังจะถูกหลอกลวงด้วย กว่าจะเอาตัวรอดจนหมดสัปดาห์ได้แทบตาย

ความรัก  :  ก็ยังมีโอกาสที่คุณจะแยกจากคู่ครอง แต่สัปดาห์นี้คาดว่าจะเป็นสาเหตุที่เขามีคนใหม่ หรือคุณแอบใครไว้ในใจที่เปิดเผยไม่ได้ แต่อย่างไรก็ตามต้องหนักแน่น เพราะทั้งหมดคือภาพมายา ไม่มีอยู่จริง   คนโสด  มีโอกาสที่คุณจะตกเป็นมือที่สาม หรือเป็นโลกใบที่สอง จริงๆ แล้วเป็นความหลงมากกว่าความรัก เพราะฉะนั้นอย่าไปหลงกับความรู้สึกนี้ ไม่เช่นนั้นคุณจะทุกข์หนักเลย

สุขภาพ   :  จริงๆ คุณแข็งแรง แต่ไม่ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพร่างกาย เพราะฉะนั้นหากไม่สบายมีโอกาสที่จะเป็นแบบเรื้อรัง ซึ่งสัปดาห์นี้ต้องระวังพวกโรคกระเพาะและลำไส้ นอกจากนั้นยังต้องระวังพวกอาการฟกช้ำดำเขียว

ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี

การงาน  :   สัปดาห์นี้ชาวพฤหัสคงต้องเหนื่อยหน่อยนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ทำงานหรือดำเนินธุรกิจในสายงานที่ต้องใช้อารมณ์ความรู้สึกในการถ่ายทอด ดนตรี กวี ศิลป์  เช่น งานด้านวงการบันเทิง นักแสดง นักเขียนบท นักโฆษณา นักดนตรี ดีไซเนอร์ เย็บปักถักร้อย ฯลฯ งานจะเข้าตลอดๆๆ ทั้งสายขาวและสายเทา มีโอกาสได้ร่วมงานหรือร่วมหุ้นทำธุรกิจกับเพื่อนสนิท หรือญาติสนิทผู้หญิง เรียกว่าเหนื่อยจนสายตัวแทบขาดเลยทีเดียว  

การเงิน  :  ในช่วงสัปดาห์นี้ชาวพฤหัสมีโอกาสหมดเงินไปกับการหาความสำราญ ความสวยความงาม เพื่อให้สมกับความเครียดและความเหนื่อย แต่ก็ต้องหักห้ามใจ อย่าใจดีมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเพื่อนผู้หญิง เพราะจะถูกหลอกในเรื่องของการลงทุน การกู้ยืมเงิน  

ความรัก  :  เป็นไปได้ว่าสัปดาห์นี้คุณจะมีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดกับเพื่อนผู้หญิง ลูกสาว หรือญาติผู้หญิง เป็นไปได้ที่คุณจะรู้สึกมีความสุขมากกว่าอยู่กับคู่ครองด้วยสิ  คนโสด เจ้าชู้มากมาย ไหนจะรักเก่า รักใหม่วุ่นวายไปหมด คาดว่าสัปดาห์นี้คุณจะเพิ่มเพื่อนผู้หญิงเข้ามาอยู่ในใจของคุณอีกคน

สุขภาพ   :   ก็ยังอยู่กับการดื่ม เที่ยวกลางคืน พักผ่อนน้อยติดๆ กัน จึงมีความเสี่ยงที่คุณจะป่วยไข้ไม่สบาย ระบบเลือด น้ำเหลือง และต่อมไร้ท่อจะมีปัญหา  

ผู้ที่เกิดวันศุกร์

การงาน  :   สำหรับชาวศุกร์สัปดาห์นี้ต้องระวังตัวหน่อยนะคะ เตรียมแผนสำรองไว้บ้างก็ดี เพราะมีโอกาสที่คุณจะตกอยู่กับความเครียด อึดอัด และกดดัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่อยู่ในสายงานหรือธุรกิจที่ต้องใช้วาจาในการติดต่อประสานงาน การโฆษณา-ประชาสัมพันธ์ สื่อมวลชน สื่อสารองค์กร นักพูด ฝ่ายขาย ฯลฯ ระวังการสื่อสารจะผิดพลาดจนถูกพิจารณาความผิด ทางที่ดีควรเข้าหาผู้ใหญ่ผู้หญิง เพราะเธอสามารถช่วยให้คุณรอดพ้นจากภาวะนี้ได้

การเงิน  :   จริงๆ แล้วคุณมีภาระที่จะต้องดูแลช่วยเหลือคนในบ้าน จนตัวเองเดือนร้อน ในช่วงสัปดาห์นี้พอจะหายใจได้โล่งขึ้น เพราะผู้ใหญ่ผู้หญิงจะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ

ความรัก :   เป็นไปได้ว่าในช่วงสัปดาห์นี้จะมีบรรยากาศของการรวมญาติเกิดขึ้น สมาชิกพี่ป้าน้าอาจะได้มาพบกันพร้อมหน้าพร้อมตา ซึ่งก็จะมีปาร์ตี้ดื่มกินกันอย่างสนุกสนาน เป็นไปได้ว่าจะฉลองการมีทายาทใหม่ก็ได้นะ  คนโสด  ต้องระวังนะคะ หากถูกใจใครในสถานบันเทิงเริงรมย์แล้วล่ะก็ คุณมีความเสี่ยงที่จะตกเป็นแม่ได้อย่างไม่คาดคิด หรือหากโชคดี คุณจะได้พบคนที่ดีและจริงใจไปจนถึงสร้างครอบครัวด้วยกัน

สุขภาพ  :   ฟันมีโอกาสที่จะสร้างปัญหาใหญ่ให้คุณ นอกจากนั้นหากใครที่เพิ่งผ่าคลอด หรือผ่าตัดภายในช่องท้อง ก็อย่าเพิ่งยกของหนัก หรือทำงานหนัก เพราะมีความเสี่ยงที่แผลจะได้รับความกระทบกระเทือน

ผู้ที่เกิดวันเสาร์

การงาน  :  ในช่วงสัปดาห์นี้สำหรับชาวเสาร์ที่กำลังจะเข้าสู่การแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็นการประมูล การประกวด สอบเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง สอบสัมภาษณ์งาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสายงานหรือธุรกิจที่เกี่ยวกับงานบริการ เช่น ร้านอาหาร กาแฟ สปา โรงแรม การท่องเที่ยว หรือสินค้าและบริการที่เกี่ยวกับเด็ก ซึ่งคุณคาดหวังผลสำเร็จอย่างแรงกล้า สามารถทำได้ทุกวิถีทางจนไม่คิดถึงความถูกต้องชอบธรรมแล้วล่ะก็ ก็ไม่ควรไว้วางใจเพื่อนสนิทหรือคนใกล้ชิด เพราะเขาจะเปลี่ยนท่าทีมาเป็นทำร้ายคุณ

การเงิน  :   มีโอกาสได้เงินรางวัลตอบแทนจากการทำงาน แต่คุณก็จะหมดไปกับขนมนมเนย ของจุกจิก จนเกินงบประมาณที่ตั้งไว้ คาดว่ากว่าจะหมุนเงินจนผ่านสัปดาห์นี้ไปได้ก็เรียกว่าเหนื่อยเลย  

ความรัก  :  สัปดาห์นี้ของชาวเสาร์คาดว่าจะวุ่นวายกับเด็กและบริวารในบ้านอย่างมากเลย อาจเป็นลูกหลาน หรือรุ่นน้องในที่ทำงาน จนคู่ครองมีโอกาสน้อยใจ พยายามที่จะเรียกร้องความสนใจ    คนโสด  มีโอกาสที่คุณจะมีเด็กรุ่นน้องมากดติดตาม หรือถูกใจ ทั้งเฟซ ไอจี หรือติ๊กต่อก  ก็อย่าเพิ่งดีใจไป เพราะจะเป็นความหลงมากกว่ารักจริง

สุขภาพ   :   ต้องระวังพวกโรคกระเพาะและลำไส้ แต่ยังไม่น่ากลัวเท่ากับความเครียดที่เกิดจากการเก็บเรื่องไร้สาระมาคิด จนกลายเป็นย้ำคิดย้ำทำ สติแตกในบางครั้ง

Matthew Ifield

Matthew Ifield เจ้าพ่อเพลงรักรุ่นใหม่ขวัญใจ Gen Z

Alternative Textaccount_circle
Matthew Ifield
Matthew Ifield

เจ้าพ่อเพลงรัก Gen Z “Matthew Ifield” กลับมาพร้อมเพลงใหม่ “When I Loved You” ที่จะพาคุณหวนคิดถึงความสัมพันธ์ที่จบไป พร้อมยอดวิวทะลุ 12,000 ล้าน!

หลังจากส่งเพลงสุดโรแมนติกอย่าง “Ready For Love” มาเอาใจแฟนๆ ชาวไทยก่อนหน้านี้ ล่าสุดหนุ่ม แมทธิว ไอฟิลด์ ศิลปินหนุ่มวัย 20 ปีขวัญใจวัยรุ่นคนล่าสุดจากซิดนีย์ ออสเตรเลีย กลับมาสานต่อตำแหน่งเจ้าพ่อเพลงรักอีกครั้งด้วยเพลง “When I Loved You” ที่เขาบอกว่าเป็นเพลงโปรดของเขาตั้งแต่เขาแต่งมาเลยทีเดียว

Matthew Ifield

“When I Loved You” เป็นอีกเพลงที่ แมทธิว ไอฟิลด์ ถ่ายทอดน้ำเสียงสไตล์โซลของเขาออกมาได้อย่างน่าฟัง เนื้อเพลงเล่าถึงเรื่องราวและความรู้สึกที่เกิดขึ้นหลังจากความสัมพันธ์อันลึกซึ้งได้จบไป ให้คนฟังได้คิดตามว่าตอนที่เรามีความรักความสัมพันธ์กับใครสักคน เรารู้จักตัวเองดีว่าเราเป็นอย่างไร หรือเราแค่ตกหลุมรักกันและกันในช่วงเวลาที่เราอยู่ด้วยกันเท่านั้น

แมทธิว ไอฟิลด์ เล่าถึงแรงบันดาลใจในการแต่งเพลงนี้ว่า “ผมเคยอยู่ในความสัมพันธ์ที่ตอนที่รักก็รักกันอย่างเต็มที่มากๆ แต่ตอนจบกลับเลิกรากันค่อนข้างเร็ว ผมเลยกลับมานั่งคิดว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ที่ทำให้ความสัมพันธ์ในครั้งนี้มันจบลงแบบนี้ รวมถึงค่อยๆ ตกตะกอนความคิดว่าเราเป็นใครระหว่างที่เราอยู่ด้วยกัน ผมคิดว่าหลายคนน่าจะเคยตั้งคำถามกับความสัมพันธ์ที่จบไปของพวกเขาเช่นกัน ถ้าคุณเคยมีประสบการณ์แบบนี้เหมือนกัน เพลงนี้คือเพลงของพวกคุณ”

Matthew Ifield

ทางด้านมิวสิควิดีโอเพลง “When I Loved You” เขาได้ร่วมงานกับ Thom Davies ผู้กำกับที่ทำงานอยู่ที่ซิดนีย์ โดย แมทธิว ไอฟิลด์ พูดถึงมิวสิควิดีโอเพลงนี้ว่า “ผมมีความสุขมากกับมิวสิควิดีโอเพลงนี้ สามารถถ่ายทอดเนื้อเพลงออกมาเป็นภาพได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว” 

แมทธิว ไอฟิลด์ ได้รับความนิยมและเสียงตอบรับที่ดีจากแฟนๆ ทั่วโลกตลอด 6 เดือนที่ผ่านมา ด้วยยอดวิวรวมกันกว่า 12,000 ล้านครั้ง และยอดผู้ติดตามกว่า 3 ล้านคนในโซเชียลมีเดียทุกแพลตฟอร์ม มีฐานแฟนคลับที่เหนียวแน่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ออสเตรเลีย และอเมริกา เขาเคยร่วมทัวร์คอนเสิร์ตกับ grentperez และเพิ่งเสร็จสิ้นจากการทัวร์คอนเสิร์ตในออสเตรเลียร่วมกับศิลปินชื่อดังอย่าง Alec Benjamin รวมถึงการแสดงสดที่อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ รวมถึงการมาเยือนเมืองไทยครั้งแรกในงาน Exclusive Listening Session และร่วมแสดงในเทศกาลดนตรี Pelupo 2025 ก็ได้กระแสตอบรับเป็นอย่างดีจากแฟนๆ ที่เข้าร่วมชม ความสามารถในการเป็นศิลปินและนักแต่งเพลงของเขา ทำให้เขาเป็นศิลปินที่น่าจับตามองอย่างมากในปี 2025 นี้

Gracie Abrams

Gracie Abrams สวยออร่า! เผยเสน่ห์สดใสระหว่างเยือนประเทศไทย

Alternative Textaccount_circle
Gracie Abrams
Gracie Abrams

Gracie Abrams ศิลปินสาวสวยอารมณ์ดี เจ้าของเพลงดังอย่าง  “That’s So True”,  “I Love You, I’m Sorry” และ “Close To You” เผยเสน่ห์สดใสในการเยือนไทยครั้งแรก แฟนคลับปลื้มปริ่มกับการพูดคุยสุดใกล้ชิดและกิจกรรมอบอุ่นหลังคอนเสิร์ต

ไม่ว่าใครได้เห็นได้ฟังได้เห็นรอยยิ้มของ เกรซี แอบรัมส์ ศิลปินสาวสวยอารมณ์ดี เจ้าของเพลงดังอย่าง  “That’s So True”,  “I Love You, I’m Sorry” และ “Close To You” ที่กำลังมาแรงสุด ๆ ในขณะนี้ มานั่งพูดคุยอยู่ตรงหน้าใกล้ ๆ ก็ต้องตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกพบแน่นอน นี่คือประสบการณ์สุด Exclusive ที่จัดให้กับเหล่าสื่อมวลชนและอินฟลูเอนเซอร์ชาวไทยที่ได้ร่วมงานแถลงข่าวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในไทย กับ Universal Music Thailand – Gracie Abrams: Press Conference in Thailand ณ SIWILAIi  City Club  ชั้น 5 เซ็นทรัล เอ็มบาสซี

Gracie Abrams

เกรซี แอบรัมส์  กล่าวทักทายกับผู้ร่วมงานอย่างเป็นกันเอง ก่อนเผยว่าเธอดีใจและตื่นเต้นมากที่ได้มาเมืองไทยครั้งแรก ซึ่งเป็นประเทศที่เธออยากจะมามาก ๆ มานานแล้ว เพราะเธอได้เห็นข้อความจากแฟน ๆ ชาวไทยเรียกร้องให้เธอมาแสดงคอนเสิร์ตที่ไทยผ่านโซเชียลมีเดียมาโดยตลอด และในที่สุดความฝันของเธอก็เป็นจริง แถมเธอยังดีใจมากที่บัตรคอนเสิร์ตที่ ยูโอบี ไลฟ์ เอ็มสเฟียร์ ขายหมดเกลี้ยงในเวลาอันรวดเร็ว

ซึ่งเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่า เกรซี แอบรัมส์ เป็นที่รักของแฟนคลับชาวไทยจำนวนมากจริง ๆ เธอตกหลุมรักเมืองไทยตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้สัมผัสบรรยากาศในประเทศไทย คนไทยให้การต้อนรับเธออย่างอบอุ่น รวมถึงอาหารไทยก็อร่อยถูกปากเธอมาก ๆ เธอจึงกล่าวขอบคุณคนไทยทุกคนที่ทำให้เธอได้มีโอกาสดี ๆ ในการได้มาเยือนเมืองไทยในครั้งนี้

 จากนั้นก็เข้าสู่ช่วงตอบคำถามที่ทางสื่อมวลชนและอินฟลูเอนเซอร์ชาวไทยได้ฝากเอาไว้ให้ ทั้งเรื่องของประสบการณ์กับแฟน ๆ ที่เธอประทับใจที่สุด ที่เธอบอกว่าการได้ร้องเพลงที่เธอเคยแต่งคนเดียวในห้องนอนของตัวเองให้ทุกคนได้ฟัง แล้วทุกคนได้แบ่งปันอารมณ์ความรู้สึกร่วมกัน เป็นสิ่งที่เธอประทับใจที่สุด

หากเลือกความทรงจำที่สามารถเก็บใส่ในไทม์แคปซูลได้ เธอจะเลือกหยิบความทรงจำที่เกี่ยวกับมิตรภาพของเธอเก็บเอาไว้ เพราะเธอได้เจอได้คบแต่กับคนดี ๆ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมงานหรือกับคนทั่วไปก็ตาม เธอเผยว่าเพลงเพราะติดหูอย่าง “That’s So True” เธอแต่งกับเพื่อนตอนที่กำลังเมา! และเธอเลือกเพลง “Feels Like” และ “Close To You” ให้กับประเทศไทย เพราะเธอเพิ่งมาไทยครั้่งแรก แต่ก็ได้รับบรรยากาศอันอบอุ่น และได้พูดคุยกับทุกคนในงานนี้อย่างใกล้ชิดทันทีที่เธอมาถึงเมืองไทย

หากให้เปรียบอัลบั้ม The Secret of Us ของเธอเป็นภาพยนตร์ เธอเลือกให้เป็นภาพยนตร์แนวโรแมนติกคอเมดี้ รวมถึงคำถามที่ว่า แฟนเพลงชาวไทยร้องเพลงในคอนเสิร์ตกันเสียงดังมาก ๆ เธออยากเลือกเพลงอะไรให้แฟน ๆ ร้องตามกันดัง ๆ ในคอนเสิร์ตของเธอในคืนนี้ เธอตอบอย่างไม่ลังเลเลยว่าร้องเสียงดังกันทุกเพลงได้เลย เพราะเธอมาที่นี่เพื่อมาฟังเสียงแฟน ๆ ร้องเพลงกันเสียงดัง ร้องทุกเพลงทุกคำที่ร้องได้กันให้เต็มที่ได้เลย ซึ่งแฟนเพลงชาวไทยก็ไม่ทำให้เธอผิดหวังเลยแม้แต่น้อย ศิลปินชมว่าแฟนเพลงชาวไทยเป็นผู้ชมที่ดีที่สุด และสัญญาว่าจะกลับมาหาทุกคนอีกแน่นอน

ยังไม่จบเพียงเท่านี้ Universal Music Thailand รู้ดีว่าแฟน ๆ ยังอยากซึมซับบรรยากาศของคอนเสิร์ต  The Secret of Us Tour ในเมืองไทยกันต่ออีกนิด จึงชวนแฟน ๆ มาสนุกกันต่อกับกิจกรรมน่ารัก ๆ ในงาน The Secret of Us Tour Morning Debriefs Bangkok, Thailand ชวนแฟน ๆ ของ เกรซี แอบรัมส์  มาพูดคุยและแชร์ประสบการณ์ความประทับใจจากคอนเสิร์ต The Secret of Us Tour

พร้อมรับของขวัญน่ารัก ๆ อย่าง The Secret of Us Tour Exclusive Pin เมื่อซื้อเมนู That’s So Matcha หรือ I Love You, I’m Coffee รวมถึงถ่ายรูป PhotoBooth ได้ฟรี! เมื่อคอมเมนต์โพสต์กิจกรรมใน Instagram วันที่ 20 เมษายน 2025 ที่ Roots Sathon บรรยากาศอบอุ่นคราคร่ำไปด้วยรัก เกรซี แอบรัมส์ ได้แบ่งปันมิตรภาพและช่วงเวลาดี ๆ ร่วมกันในคอนเสิร์ตเมื่อคืนกันอย่างสนุกสนาน สมกับชื่อทัวร์ The Secret of Us จริง ๆ

เปิดแฟชั่นหลักแสน “โออียอง” นางเอก Resident Playbook เจ้าของหนี้ 50 ล้านวอน

Alternative Textaccount_circle

หากใครติดตาม Hospital Playlist คงไม่พลาดภาคแยกอย่าง Resident Playbook ซีรีส์ที่เล่าความปั่นป่วนของแพทย์ประจำบ้านปี 1 แผนกสูตินรีเวช ที่ได้นางเอกสุดฮ็อตอย่าง “โกยุนจอง” มารับบทบาท “โออียอง” หรือ 520 ที่เรารู้จัก นอกจากความสวยที่สะกดใจผู้ชมทางบ้านแล้ว เรื่องราวของเธอยังแฝงไปด้วยปมชวนติดตาม ทั้งการสูญเสียคุณแม่ตั้งแต่เด็ก ตกหลุมรักกูโดวอน (น้องชายพี่เขยและรุ่นพี่แพทย์ประจำบ้านปี 4) จนถึงการเป็นหนี้ 50 ล้านวอน หรือประมาณ 1.1 ล้านบาท ซึ่งเป็นต้นตอทำให้เธอต้องจำใจมาทำงานในโรงพยาบาลจงโนยุลเจ ปูบทมาขนาดนี้ ซีรีส์ไม่ใช่แนวดราม่าแต่เป็น Coming of Age ที่จะทำให้เราได้เรียนรู้และเติบโตไปพร้อมตัวละคร

อย่างที่เกริ่นไปตอนต้นว่านางเอกของเราติดหนี้อยู่ 50 ล้านวอน หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 1,180,000 บาท เห็นตัวเลขขนาดนี้ก็กุมขมับแทนเหมือนกัน แต่ความตลกอยู่ที่ผู้ชมหลายคนพากันจับผิดแฟชั่นไอเท็มที่เธอสวมใส่ แล้วพบว่าราาแต่ละชิ้นไม่ธรรมดา มีตั้งแต่ครึ่งหมื่นจนถึงแสน สงสัยคงต้องแอบแซวเหมือนกันว่า คุณหนูของเราตกอับจริงหรือเปล่า? ส่วนไอเท็มที่ว่าจะมีอะไรบ้าง แพรวพาไปชมพร้อมกัน

ไอเท็มแรกเสื้อครอป “Twisted Tee” จาก Helmut Lang ที่ดูเผินๆ อาจเหมือนไม่มีอะไร แต่ความจริงราคาเสื้อตัวนี้มาในราคา $220 หรือประมาณ 6,600 บาท ถือว่ายังเปิดมาแบบเรียกน้ำย่อย เพื่อเทียบกับกางเกงคาร์โก้ที่กำลังเป็นที่นิยม ซึ่งไอเท็มนี้มาจากแบรนด์ดังอย่าง Acne Studios ราคา $650 คิดเป็นเงินไทยประมาณ 21,500 บาท

สุดท้ายเรียกว่าเป็นไอเท็มตั้งถามว่า นางเอกของเราเป็นหนี้จริงเหรอ? คือนาฬิกา Chanel รุ่น BOY·FRIEND มากับขอบหน้าปัดสตีล อีกทั้งยังมีสายหนังลูกวัวสีดำลายควิลท์แบบถอดเปลี่ยนได้และหัวล็อคสตีลแบบหัวเข็มขัด พร้อมสายเส้นที่สอง สนนราคา 168,000 บาท หรูหราขนาดนี้หรือ 520 ของเราจะยืมของพี่สาวมาใส่กันนะ


ข้อมูล: Instagram @k.fashionvibes

กตัญญู สว่างศรี

ชีวิต(ไม่)ตลกของ กตัญญู สว่างศรี ราชาเสียงหัวเราะแห่งยุค

Alternative Textaccount_circle
กตัญญู สว่างศรี
กตัญญู สว่างศรี

ช่วงเวลาที่ม่านเปิด ผู้คนต่างเงียบรอการเริ่มต้นทอล์คโชว์ของ กตัญญู สว่างศรี ผู้ที่ชื่นชอบในการเล่าเรื่องตลก แม้สิ่งที่เขาเคยผ่านมาไม่ค่อยตลกเท่าไร เป็นนักเขียนแล้วไม่รุ่ง เปิดสํานักพิมพ์ก็ไม่รอด ทั้งยังเคยถูกไล่ออกจากงาน ที่สุดเขาตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทางมาเป็นผู้มอบเสียงหัวเราะผ่าน Stand-Up Comedy และความบันเทิงในรายการ Katanyu Tonight

เปิดโลกการเขียน


“ประสบการณ์ในวัยเด็กที่มีผลต่อแนวคิดในการใช้ชีวิตของผมทุกวันนี้น่าจะเป็นตอนที่อยู่กับแม่ครับ ผมโตมาในครอบครัวที่มีคุณแม่ ผม และพี่ชาย รวมถึง น้องชายแม่ที่ผมเรียกว่าอากู้ ซึ่งเป็นโรคประสาท คนอื่นจะมองว่าสติไม่ดีเลยก็ว่าได้ แต่คุณแม่ก็ดูแลพวกเรามาเป็นอย่างดี ทั้งทํางานไปด้วย พาอากูไปโรงพยาบาลด้วย ตัวผมเองก็มีส่วนร่วมในการช่วยดูแล ได้เห็นสายตาของคนที่ตัดสินอาว่าบ้า เราก็ ไม่ได้โทษใคร ประสบการณ์เหล่านี้ทําให้เรามีความเห็นอกเห็นใจ ทําความเข้าใจผู้อื่น โดยที่ไม่รีบตัดสินใครไปก่อน รวมถึงได้ความอดทนมาจากคุณแม่ ทําให้พร้อมสู้กับ สิ่งต่าง ๆ ที่ต้องเผชิญในชีวิต”

“ความสนใจในวัยเด็กที่เชื่อมโยงมาถึงงานในปัจจุบันก็ค่อนข้างเยอะ ความที ชอบอ่านการ์ตูน นิยายแนวเหนือธรรมชาติ ฟังเพลง ดูหนังซิตคอม ชอบถึงขั้น เสพติดเลยก็ว่าได้ เกรดตอนมัธยมคือ 1.6 ไม่รู้จบมาได้ยังไง ไม่ชอบเข้าเรียน แต่คิดมาตลอดว่าอยากทํางานด้านครีเอทีฟ อย่างดีเจ นักเขียนบทละครซิตคอมหรือท่าภาพยนตร์ จึงตัดสินใจเรียนคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต”

“ ชีวิตพลิกผันช่วงนี้ละครับ เพราะยังไม่ชอบเข้าเรียนเหมือนเดิม แต่เอาเวลา ไปทําอย่างอื่น ตอนนั้นนิตยสาร a day มีโครงการ a teem junior รุ่นที่ 3 เป็น โครงการสําหรับให้นักศึกษาเรียนรู้งาน ผมลองสมัครไปแล้วผ่านเข้าไปอยู่ในทีม กองบรรณาธิการ ตอนนั้นตื่นเต้นมาก เพราะมีแต่คนเก่ง ๆ อย่างพี่เต๋อ (นวพล ธํารงรัตนฤทธิ์), พี่เต้ (จิราภรณ์ วิหวา) หรือเคน (นครินทร์ วนกิจไพบูลย์) ทําให้ ตัวเองได้เรียนรู้ไปด้วย”

“แต่เส้นทางนี้ไม่ง่ายเลย เพราะผมไม่มีพื้นฐาน ยากสุดคือการทําต้นฉบับ การเขียนบทความให้น่าอ่าน ขณะที่คนอื่นในทีมมีทักษะกันบ้าง ตอนนั้นพี่ก้อง (ทรงกลด บางยี่ขัน) เป็นบรรณาธิการ เขาแก้งานคนอื่นนิดหน่อย ส่วนของเรา ไม่แก้ แต่พี่ก้องเขียนขึ้นใหม่ทั้งหมด ทําให้ตลอดเวลา 3 เดือนที่ฝึกงานผมทํา ต้นฉบับได้แค่ 2 ชิ้น แถมยังโดนจดหมายคอมเมนต์มาด่าอีกว่าข้อมูลผิดพลาด นั่งร้องไห้อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ รู้สึกเฟลมาก ทุกวันนี้ก็ยังจําความรู้สึกนั้นได้”

“ผมถามเพื่อนสนิทในทีมชื่อเอี่ยว (ศิวะภาค เจียรวนาลี) ว่าทํายังไงให้เขียน แล้วน่าอ่าน เขาแนะนําให้เข้าร้านหนังสือ หยิบเล่มที่ชอบมาอ่านเยอะ ๆ หลังจากนั้น ผมก็เข้าร้านหนังสือเป็นบ้าเป็นหลัง เลือกหยิบพวกวรรณกรรมคลาสสิกอย่าง The Brothers Karamazor ของฟีโอดอร์ ดอสโตเยฟสกี นักเขียนรัสเซีย กับของ ฮารูกิ มูราคามิ เล่มที่ชอบคือ Kafka on the Shore อะไรที่เขาว่าดี ผมตามอ่านหมด”


“จากที่เคยอ่านแต่หนังสือการ์ตูน ไม่ค่อยได้ซึมซับทักษะการเขียน แต่การ อ่านครั้งนั้นถือว่าเปิดโลกของการเขียนให้ผม รู้สึกว่าตัวเองพัฒนาขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ศิลปะการเขียนหรือการเล่าเรื่อง แต่ภายใน 3 เดือนนั้นไม่ได้ทําให้เขียนหนังสือดีขึ้น มาได้แบบพริบตานะ ต้องอาศัยการทําบ่อย ๆ ไม่หยุดอยู่กับที่ แล้วผลลัพธ์จึงจะ ปรากฏออกมา”

กตัญญู สว่างศรี

เส้นทางนักเขียน

หลังจากฝึกงานและเรียนต่อจนจบ ถึงเวลาก้าวออกมาสู่โลกของการทํางาน จริง “ผมมีโอกาสร่วมงานกับ happening นิตยสารเปิดใหม่แนวศิลปะบันเทิงของ พวิภว์ บูรพาเดชะ ในตําแหน่งผู้ช่วยบรรณาธิการ อย่าเพิ่งตกใจนะ เพราะตอนนั้น มีแค่ผมกับพี่วิภว์สองคนน่ะ (หัวเราะ) ความที่รู้จักกันมาสมัยฝึกงานอยู่ที่ a day”

“ระหว่างทํางานผมมีโอกาสเขียนนิยายสั้นเรื่อง อยู่กับกู่ (2553) ได้ตีพิมพ์ เป็นคอลัมน์ใน happening ถือเป็นผลงานชิ้นแรกที่ได้แรงบันดาลใจจากประสบการณ์ ในชีวิตที่เล่าไปก่อนหน้านี้ ได้รับความสนใจพอสมควร ทําให้เริ่มเห็นแววว่า ตัวเองอาจจะมาทางเรื่องสั้น จึงเขียนมาเรื่อย ๆ และมีโอกาสตีพิมพ์ ยๆ ลงในนิตยสารเรื่องสั้นและวรรณกรรมอย่าง ช่อการะเกด ฉบับที่ 55 เรื่อง ความทรงจํา ตอนนั้นเป็นความรู้สึกที่สุดยอดมาก ภูมิใจ ในตัวเองสุด ๆ ท่าให้ตระหนักด้วยว่าคนเราถนัดการเขียน ไม่เหมือนกัน เมื่อก่อนเข้าใจว่าการเขียนที่ดีต้องเขียนแบบ วรรณกรรมเจ๋ง ๆ แต่ทุกวันนี้เข้าใจแล้วว่าเขียนคอลัมน์ แบบหาข้อมูลเก่งก็แบบหนึ่ง เขียนเรื่องแต่งเก่งก็แบบหนึ่ง เขียนสัมภาษณ์เก่งก็อีกแบบ ฟีเจอร์ความเก่งไปคนละทางกัน

ครั้งหนึ่ง…โดนไล่ออก

“หลังจากทํางานที happening ไปสักพักผมก็เปลี่ยนงานอีก ความที่ชอบทําอะไรใหม่ ๆ บวกกับเริ่มหลงใหลในงานวรรณกรรมเรื่องสั้น จึงเข้าไปทํางานที่นิตยสาร Writer ไม่กี่เดือน พี่บินหลา สันกาลาคีรี บรรณาธิการ นิตยสาร แจ้งว่า“คุณใช้แต่ปากทํางาน” ซึ่ง ตอนนั้นผมอายุประมาณ 26 – 27 ปี ยังเป็นวัยรุ่น ก็ไม่ค่อยเข้าใจ คิดว่าเราคงเขียนไม่ถูกใจ จึงโดนไล่ออกมา เพิ่งมาเข้าใจทีหลังว่าอาจเป็นเพราะเราใช้ปากในการพูดถึงไอเดียกับสิ่งที่อยากให้เป็น แต่ไม่สามารถ ลงมือทําให้ออกมาดีเหมือนอย่างที่พูดไว้ได้”

“แม้ตอนนั้นจะผิดหวังในตัวเองมาก ๆ แต่การถูกไล่ออกก็เป็นจุดเปลี่ยน สําคัญ เพราะทําให้เราเลิกยึดติดกับความยิ่งใหญ่ของวรรณกรรม แล้วหันไป เห็นคุณค่าอื่น ๆ ในชีวิตที่สามารถหาความสุขได้ เพราะที่ผ่านมาคิดแต่ว่าอยากเขียนหนังสือให้ได้รางวัลซีไรต์ เป็นที่ยอมรับ แต่เราไม่ได้ดูแลคนอื่นเลย ไม่ได้ ท่าตัวดีกับแม่ เพราะมัวแต่สนใจสิ่งที่อยากหา พอคิดได้แบบนั้น ผมก็ตั้งหลัก คุยกับตัวเองใหม่ว่าถ้าพื้นที่ตรงนั้นไม่ใช่สําหรับเราก็ไม่เป็นไร และถามตัวเองว่า แล้วชีวิตเราหาอะไรได้อีกบ้าง ที่จะพอหาเงินมาเลี้ยงตัวเอง เลี้ยงครอบครัวให้มี ชีวิตที่ดี จึงทําให้เลิกมองแค่งานเขียนด้วย”

“แต่ตอนนั้นมืดแปดด้านเลยนะ เหมือนอกหัก ชีวิตว่างมาก ไม่รู้จะไป ทางไหน ตัดสินใจบวช เพื่อจะคิดอะไรออก บวกกับตอนนั้นคูณย่าอยากให้บวช โมเมนต์ตอนทีโกนหัวบวชนาคแล้วต้องขี่คอเพื่อนตากแดดกันไปแบบร้อน มาก แต่พอมองเห็นแม่มีความสุข ญาติทุกคนพร้อมใจมาทําหน้าวงมโหรี แฮปปี้กันหมด ทําให้เรารู้สึกดีไปด้วยคนรอบตัว”
“เกิดเป็นความคิดว่าถ้าเราทําอะไรสักอย่าง อาจจะเหนื่อยนิดหน่อย แต่ คนรอบตัวแฮปปี้ จะเป็นจุดที่ทําให้เรามีความสุขไปด้วย จากแต่ก่อนที่ยึดตัวเอง เป็นใหญ่ มองแค่เป้าหมายในการเป็นนักเขียนเท่ ๆ ก็เปลี่ยนมุมมองความคิด ทําให้ตัวหดเล็กลงมา รู้จักแคร์คนรอบข้างมากขึ้น”


ทางนี้ไม่รอด ก็แค่ไปทางอื่น

“หลังจากลีกมาได้ประมาณ 2 – 3 เดือน ผมกลับมาทํางานอีกครั้งด้วยสายตา ที่เปลี่ยนไปที่นิตยสาร GM โดยพี่อ๋อง (วุฒิชัย กฤษณะประกรกิจ) เป็นบรรณาธิการ ในยุคนั้น ผมรับตําแหน่งบรรณาธิการสัมภาษณ์ แต่ละเดือนมีหน้าที่ทําสัมภาษณ์ ประจําฉบับ โดยพี่อ้องคอยช่วยแก้ไขให้อีกที จนบทสัมภาษณ์ออกมาเหมาก (หัวเราะ)”

“พร้อมกับได้ทําสํานักพิมพ์ นกเค้า ของตัวเองไปด้วย จากการเขียน ความรัก และแสงสีขาว ที่เป็นงานรวมเรื่องสั้นแนวความสัมพันธ์ของความรัก ส่งไปตาม สํานักพิมพ์ต่าง ๆ แล้วไม่มีใครตีพิมพ์งานให้ จึงทําเองเลย วิธีการง่าย ๆ คือพิมพ์ 200 เล่มแล้ว รถเข็นไปเดินในงานสัปดาห์หนังสือ แล้วขอฝากขายตามบูธ อย่าง ธของสํานักพิมพ์ระหว่างบรรทัด ปรากฏว่าหมด จึงสั่งพิมพ์อีกกว่าพันเล่ม คราวนี้ เหลือบาน (หัวเราะ) แม้ในแง่ธุรกิจจะไม่ประสบความสําเร็จ แต่มันช่วยเสริมพลัง ให้เราว่าอย่างน้อยก็สามารถทําออกมาได้ และท่าอย่างเต็มที่แล้ว ถ้าไปต่อไม่รอด ก็แค่เดินไปทางอื่น ชีวิตไม่ได้หยุดแค่นี้”

“ท่านิตยสาร GM ประมาณ 9 เดือน เจอช่วงทีเรียกว่าตะวันตกดินของนิตยสาร ช่วงปี 2016 ที่ Image ปิดตัว ทําให้เราตั้งคําถามกับยุคสมัยและสิ่งที่ หาอยู่ ความที่เราไม่ได้ยึดติดแล้วว่าจะต้องเขียนหนังสือเท่านั้น จึงลองเปลี่ยนไปทํางานด้านเอเจนซีบ้าง”

“ตอนนั้นพี่ปอง (จักรพงษ์ คงมาลัย) และพี่บี (สโรจ เลาหศิริ) ชวนไป ทํางานที่ Moonshot ทําให้ได้เรียนรู้เรื่องการสร้างโปรเจ็กต์โดยใช้ไอเดียและ ใส่ความครีเอทีฟ เพื่อสร้างคุณค่าให้กับแบรนด์ต่าง ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราถนัดพอดี บวกกับได้จัดงานทอล์คโชว์ จัดงานอีเวนต์เยอะ ก็เป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ มากมาย”

Stand-Up Comedy

สําหรับจุดเปลี่ยนในการมาท่าสแตนด์อัพคอมเมดี้ เริ่มต้น ณ วันที่เขารับเป็น พิธีกรในงาน a book Lecture Show ที่เชียงใหม่แล้วได้ค้นพบบางอย่าง “ตอนนั้น ก่อนงานเริ่มประมาณ 1 ชั่วโมงอยากทําการเรียกแขก คิดว่าลองทอล์คโชว์แล้วกัน ก็ขึ้นเวทีไปเล่าเรื่องตลก คนดูหัวเราะชอบใจใหญ่ นาทีนั้นทําให้ฉุกคิดขึ้นมาว่า เราอยากเล่าเรื่อง อยากทําสแตนด์อัพคอมเมดี้ บวกกับการที่ทํางานด้านเอเจนซี อยู่แล้ว ทําให้เข้าใจในกระบวนการการจัดงานทอล์คโชว์ว่าควรต้องทําอะไรบ้าง”

“ประมาณ 2 – 3 เดือนถัดมา ในปีเดียวกันนั้น (2016) ผมตัดสินใจทํา สแตนด์อัพคอมเมดี้ของตัวเองครั้งแรก โดยเปิดรับสมัครทีมงานผ่านทางเฟชบุ๊ก จนพบกับแฟกซ์ (คณิตกรณ์ ศรีมากรณ์) ที่อาสาเป็นผู้ช่วยเขียนบท ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ด้วยนิสัยห้าว ๆ แบบผม ที่สุดเกิดเป็นโชว์ “A-Katanyu 30 ปี ชีวิตห่วยสัส” อาศัยหยิบเรื่องราวในชีวิตมาถ่ายทอดให้เป็นเรื่องตลก สาเหตุที่ได้ ชื่อนี้มา ก็มาจากการที่เราย้อนกลับไปทบทวนชีวิตที่ผ่านมา แม้จะไม่ได้ตกอับ ขนาดนั้น แต่ก็เป็นภาวะของการพยายามดิ้นรนเพื่อพิสูจน์อะไรบางอย่าง จะเห็น ว่าผมทํางานมาเยอะ ความที่มีไฟ อยากขึ้นเป็นแถวหน้า แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือ การถูกมองข้าม แต่ผมก็ยังไม่ยอมแพ้ อดทนสู้มาตลอด”

“เมื่อคิดคอนเซ็ปต์โชว์ได้ ก็โทร.หาพี่โต้ง (ประวิทย์ พันธุ์สว่าง) รุ่นพี่ที่รู้จัก ขอใช้สถานที่ Zombie Books ย่าน RCA ก่อนโชว์ผมตื่นเต้นมาก งานนี้ได้รับการ พูดถึงพอสมควร ความที่เราอยู่ในแวดวงของสื่อมวลชน พี่ๆ เพื่อน ๆ ในวงการ ที่เอ็นดูก็มาช่วยโปรโมต ทําให้งานวันนั้นเป็นไปได้ด้วยดี มีคนมาดู 20 – 30 คนได้ ราคาบัตร 349 บาท ไม่มากอะไร แต่เราก็ภูมิใจในตัวเอง ทําให้ย้อนไปนึกถึง คําพูดของพี่บินหลาที่บอกว่าเราใช้ปากทํางาน และวันนี้ก็ได้ใช้มันจริง ๆ ผมจึง โทร.ไปขอบคุณที่เป็นแรงผลักดัน ทําให้เรามีวันนี้ หลังจากนั้นมาก็เริ่มทําโชว์ที่ ใหญ่ขึ้น จากคนดูหลักสิบกลายเป็นหลักพัน”

“นิสัยผมห้าวและมั่นใจมาก ซึ่งเป็นทั้งข้อดีและข้อเสีย แต่มันเป็นคุณสมบัติ ของเรา บวกกับความชอบอะไรใหม่ ๆ ผมชอบดูสแตนด์อัพคอมเมดี้ของประเทศ ออสเตรเลีย อเมริกา และอังกฤษ ที่เขาทํากันเยอะ แต่เมืองไทยมีน้อย ที่ดัง ๆ ก็มีแค่พี่โน้ส อุดม แต้พานิช) จึงอยากลองทํา ผมไม่ได้รู้สึกมั่นใจในแง่ที่ว่าจะต้อง ประสบความสําเร็จยิ่งใหญ่ แต่มั่นใจว่าได้ลงมือทําอย่างเต็มที่ ถ้าทําแล้วดีก็โอเค แต่ถ้าเฟลก็ไม่เป็นไร”

“ตอนนี้ผมทํามาแล้วประมาณ 4 โชว์ เวลาทําแต่ละโชว์ผมจะลิสต์ประเด็นก่อน ว่าอยากสื่อสารเรื่องอะไร เพื่อวางคอนเซ็ปต์ เช่น การใช้ชีวิต ความรัก หรือ เรื่องมุมมองความคิดต่าง ๆ ในสังคม อย่างโชว์ล่าสุดที่ชื่อว่า “The Boy” ผมเริ่มจาก การสํารวจภาวะของตัวเองก่อน แล้วนําความคิดนั้นออกมาแชร์ โดยแบ่งวิธีคิดเป็น 2 แบบ อย่างแรกคือคอนเซ็ปต์ของเนื้อหาที่อยากสื่อสาร กับอย่างที่สองคือ เทคนิควิธีการเล่าเรื่อง เปรียบง่าย ๆ คือพาร์ตหนึ่งจะมีเนื้อปลา เนื้อหมู หรือ เนื้อไก่ ส่วนอีกพาร์ตจะเป็นวิธีการทําว่าจะผัด ต้ม หรือทอด “พาร์ตแรกมาจากชีวิตทั่วไปที่ผมดิ้นรนกับการเอาตัวรอดทางธุรกิจ รู้สึกว่า การโตเป็นผู้ใหญ่เหนื่อยมาก อยากกลับไปเป็นเด็ก ตอนนั้นภาวะของเรามีมวลรวม บางอย่างที่คิดถึงแต่คนอื่น ทั้งเรื่องทีม เรื่องภาระต่าง ๆ จึงกลายมาเป็นคอนเซ็ปต์ ที่ว่าปล่อยความเป็นเด็กในตัวเองออกไป แล้วตั้งใจเติบโตเป็นผู้ใหญ่สักที เพราะ มันถึงเวลาที่ต้องต่อสู้กับโลกภายนอกแล้ว แต่เราก็ตั้งเป็นประเด็นค่าถามกลับมา ด้วยว่าแล้วเรายังเป็นเด็กได้อยู่ไหม คือแต่ละโชว์เราจะละเอียดกับเรื่องพวกนี้มาก ๆ เพราะผมชอบให้คนดูโชว์จบแล้วได้อะไรบางอย่างกลับไป”


“สําหรับผม เสน่ห์ของสแตนด์อัพคอมเมดี้คือการมอบเสียงหัวเราะให้กับผู้อื่น เป็นความสุข สามารถทําให้วันที่เขามาดูเรากลายเป็นวันที่ดี หรือช่วยเยียวยา ในวันที่จิตใจของเขาห่อเหี่ยวให้กลับมาเต้นแรงอีกครั้ง เป็น Magic Moment สําหรับคนที่ทําได้ แต่การทํางานแบบนี้เป็นเรื่องยากมากในไทยที่ไม่มีวัฒนธรรม สแตนด์อัพคอมเมดี้อย่างแข็งแรงในแง่ของความถี่ในการดู คุณภาพของผู้เล่น สถานที่ในการฝึกฝน แม้แต่บุคลากรที่มีความรู้ความสามารถก็มีน้อย อุตสาหกรรมนี้ ไม่ค่อยมั่นคง แล้วก็ไม่รู้ว่าจะเติบโตได้อีกไหม ส่วนตัวผมเองตอนนี้ก็ต้องดิ้นรน ฉีกมาทําเป็นรายการแนว Late Night Show จะมีความตลกในรูปแบบของการ สร้างบทสนทนา โดยมีคนดังเข้ามาร่วมพูดคุย จนเกิดเป็นรายการ Katanyu Tonight (2023) คอนเซ็ปต์ก็จะเป็นการสัมภาษณ์คนดังเพื่อพูดคุยถึงเรื่องราว ชีวิตในประเด็นต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นไลฟ์สไตล์หรือความรัก ลงในช่องยูทูบ ควบคู่กับ การทําสแตนด์อัพคอมเมดี้และธุรกิจเอเจนซี่ไปด้วยครับ”

หาความสุขให้เจอ

“เป้าหมายของผมตอนนี้โฟกัสอยู่ที่การพัฒนาโชว์สแตนด์อัพคอมเมดี้ให้เป็น ที่รู้จักยิ่งขึ้น บวกกับการทํารายการ Katanyu Tonight เพื่อขยายฐานคนดู ความจริงรู้สึกว่าสิ่งนี้ใช้ศักยภาพของตัวเองได้ถูกที่ถูกทางที่สุด ทั้งด้านการใช้ สกิลการสัมภาษณ์ การชอบเล่าเรื่อง การสร้างเสียงหัวเราะให้กับผู้คน สร้างเป็น คอมมูนิตี้ขึ้นมา ผมทําแล้วรู้สึกสบายใจและมีความสุขที่สุดแล้วครับ”

“ในวัย 39 ปีก็เรียกได้ว่าผ่านอะไรหลาย ๆ อย่างมาเยอะ ทั้งตอนที่สุขที่สุด ทุกข์ที่สุด และสิ่งที่ได้เรียนรู้จากวัยนี้มีมากมาย แต่ถ้าให้พูดถึงสิ่งที่นึกถึงสิ่งแรกคือ ไม่ได้มีใครสนใจเราขนาดนั้น อยากทําอะไรก็ทําไป ชีวิตเป็นของคุณ พยายามหา ความสุขของตัวเองให้เจอก็เพียงพอแล้ว อย่างการที่ผมเจอคอมเมนต์แย่ๆ คนพวกนั้น อาจนึกถึงเราแค่เพียงเสี้ยววินาทีด้วยซ้ํา แล้วเขาก็ไปโฟกัสอย่างอื่นต่อ ฉะนั้นอย่าไป สนใจค่าพูดของใครมากนัก”

“ส่วนใครที่กําลังหาเส้นทางที่ใช่ของตัวเอง อยากบอกว่าสู้ๆ นะครับ บางคน ถ้าไม่ได้มีภาระอะไรก็ขอให้ลุยให้เต็มที่ เอาให้สุดทาง แต่ถ้าใครที่มีเงื่อนไขในชีวิต อย่างเช่นการมีครอบครัวต้องดูแลหรือค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ก็ขอให้บาลานซ์ให้ได้ระหว่าง สิ่งที่จะออกไปลุยกับสิ่งที่ต้องดูแล ความจริงชีวิตคนเราไม่ต้องลุยขนาดนั้นก็ได้ แค่สามารถดูแลใครสักคนหนึ่ง ดูแลตัวเอง หรือดูแลครอบครัวให้มีความสุข แค่นี้ก็โอเคแล้ว”

“อย่าเพิ่งท้อนะครับ ใช้ชีวิตในปัจจุบันให้เต็มที่ ผมเชื่อว่าชีวิตของทุกคนมี จังหวะและเวลาที่เหมาะสมรออยู่”

เรื่อง Prince

ภาพ วรสันต์ ทวีวรรธนะ

Praew Talk TV

ครั้งแรกของ “แอน ทองประสม” กับบทบาทพิธีกร Praew Talk TV

Alternative Textaccount_circle
Praew Talk TV
Praew Talk TV

เตรียมพบกับอีกหนึ่งบทบาทของ “แอน ทองประสม” กับการเป็นพิธีกรเดี่ยวครั้งแรกในรายการ Praew Talk TV เปิดตัวอีพีแรก วันที่ 15 พ.ค. นี้

Praew Talk TV

ตลอดระยะเวลา 33 ปีที่ “แอน ทองประสม” โลดแล่นในวงการบันเทิง ทั้งในฐานะนักแสดง ผู้จัดละคร ผู้จัดรายการ นี่เป็นครั้งแรกที่นักแสดงมากความสามารถคนนี้จะรับหน้าที่พิธีกร ในรายการ Praew Talk TV รายการทอล์คจากนิตยสารแพรว ที่จะชวนแขกรับเชิญตัวจริงจากทุกวงการ มาพูดคุยเจาะลึกประสบการณ์และความคิดผ่านจุดเปลี่ยนของชีวิต ผ่านบทสนทนาในแบบ Empowering Conversation ที่จะทำให้คุณเติบโตไปด้วยกัน

ครั้งแรกของ “แอน ทองประสม” กับบทบาทพิธีกร Praew Talk TV บทสนทนาชีวิตในแบบ Empowering Conversation

แอน เปิดใจว่า “Praew Talk TV เป็นรายการแรกที่แอนเป็นพิธีกรเต็มตัว จากช่วงวัยรุ่นที่เคยเป็นพิธีกรรายการ ‘แอน นัท ไม่จำกัด’ ซึ่งเป็นรายการบันเทิง ทำได้ราว 2 ปีก็จบ เพราะมีงานแสดงที่ต้องโฟกัส และตอนนั้นยังเด็กจึงยังไม่กระหายในการรู้เรื่องของคนอื่นมากนัก

แอน ทองประสม Praew Talk TV

“แต่ตอนนี้แอนรู้สึกว่าการเป็นพิธีกร ได้พูดคุยกับแขกรับเชิญในรายการ ทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องราวของเขา กลายเป็นความสนุกในอีกมิติหนึ่ง ดังนั้นเหตุผลแรกในการรับงานนี้ เพราะแอนชอบฟังและเรียนรู้เรื่องของคนอื่น เปิดโอกาสตัวเองให้ได้รู้จักโลก รู้จักความคิดของผู้คน และได้คอนเน็คชั่นใหม่ ซึ่งการได้ก้าวมาอยู่ในโลกพิธีกร เป็นอีกหนึ่งความท้าทายและความสนุก ที่ตื่นเต้นมากๆ ค่ะ”

แอน ทองประสม Praew Talk TV

ปักหมุดรอชม Praew Talk TV อีพีแรกพร้อมกัน วันที่ 15 พ.ค. 68 และติดตามรายการ Praew Talk TV ทุกวันพฤหัสบดี เวลา 23.05 – 23.35 น. ทาง อมรินทร์ทีวี เอชดี 34 และรับชมแบบ Full EP ทาง Youtube : Praew Magazine


Margaux Bag

The Row “Margaux Bag” กระเป๋าใบเรียบ แต่พริบตาเดียว กลายเป็นสัญลักษณ์ของคนมีรสนิยม

account_circle
Margaux Bag
Margaux Bag

ถ้าจะมีไอเท็มไหนที่ นิวยอร์ก ลอนดอน ปารีส และโซเชียลมีเดียพร้อมใจกันยกย่องในปีนี้ ก็คงหนีไม่พ้น Margaux Bag จากแบรนด์ The Row ผลงานของสองพี่น้อง Mary-Kate และ Ashley Olsen ที่พลิกเกมแฟชั่นจากโลโก้ใหญ่โต สู่ความหรูหราในแบบเงียบงามแต่ทรงพลัง (quiet luxury) ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

The Row “Margaux Bag” กระเป๋าใบเรียบ แต่พริบตาเดียว กลายเป็นสัญลักษณ์ของคนมีรสนิยม

(Photo by Gotham/GC Images)

 

จากแรงบันดาลใจ…สู่ปรากฏการณ์

ย้อนกลับไปในยุค 2010s สองพี่น้อง Olsen เคยเป็นแฟนพันธุ์แท้ของกระเป๋า Birkin จาก Hermès ซึ่งเป็นสัญลักษณ์สูงสุดของความหรูหราในยุคนั้น แต่แทนที่จะเดินตามรอย พวกเธอกลับเลือกสร้างทางของตัวเอง และนั่นคือจุดกำเนิดของ Margaux ใบนี้ กระเป๋าที่ตั้งใจออกแบบให้ เหนือกาลเวลา และไร้เสียง แต่ดังก้องในสายตาคนแฟชั่นทั่วโลก

จากคนดังสู่ แฮชแท็กบนโซเชียล

ชื่อเสียงของ Margaux ไม่ได้หยุดอยู่ในวงแคบ เพราะตั้งแต่ Zoe Kravitz, Jennifer Lawrence ไปจนถึง Kendall Jenner ต่างก็เลือกใช้กระเป๋าใบนี้เป็นคู่ใจ ไม่เว้นแม้แต่บน TikTok ที่แฮชแท็ก #Margauxbag กวาดยอดวิวถล่มทลาย จนถูกขนานนามว่า “Birkin ยุคใหม่” อย่างเต็มภาคภูมิ

ยุคทองของความหรูหราแบบไม่ต้องประกาศตัว

สิ่งที่ทำให้ Margaux โดดเด่นจนยืนหนึ่งในกระแส quiet luxury คือการปฏิเสธความฟุ่มเฟือยแบบโจ่งแจ้ง แล้วหันมานิยามความงามด้วยเส้นสายที่สะอาดตา วัสดุชั้นเยี่ยม และฝีมือช่างระดับปราณีตไร้ที่ติ เป็นแฟชั่นสำหรับคนที่ “รู้” โดยไม่ต้องบอกใคร

Soft Margaux 12 Bag in Leather

ศิลปะแห่งการออกแบบที่ไม่ต้องตะโกน

Margaux โดดเด่นด้วยโครงสร้างทรง trapeze ที่เฉียบคมแต่ไม่แข็งกระด้าง ผสมผสานกับหนังอิตาเลียนชั้นสูงที่นุ่มละมุนจนแทบจะละลายเมื่อสัมผัส ขณะที่ด้านข้างของกระเป๋าถูกออกแบบให้ยืดหยุ่น ปรับโฉมได้ตามสไตล์ผู้ถือ จะจับคู่กับชุดเดย์ลุค หรือจะพกไปร่วมดินเนอร์หรูยามค่ำ ก็เข้ากันได้อย่างไร้ที่ติ

Soft Margaux 17 Bag in Suede

 

Margaux vs. Birkin: ศึกแห่งไอคอน

แม้จะถูกเปรียบเทียบกับ Birkin อยู่เสมอ แต่ Margaux กลับเดินเกมคนละเส้นทาง ถ้า Birkin คือสัญลักษณ์ของความฟุ่มเฟือยอย่างโจ่งแจ้ง Margaux ก็คือการครองความหรูแบบสงบและสุขุม และด้วยราคาที่เริ่มต้นราว $3,490 หรือประมาณ 113,000 บาท เมื่อเทียบกับราคาสูงลิ่วของ Birkin ก็ยิ่งทำให้ Margaux เป็นตัวเลือกที่ทั้งเข้าถึงได้และทรงคุณค่าในโลกของลักซ์ชัวรี่แฟชั่น

จากไอเท็มฮิต สู่มรดกทางวัฒนธรรม

วันนี้ Margaux ไม่ได้เป็นแค่กระเป๋ายอดฮิต แต่กลายเป็นตัวแทนของการเปลี่ยนแปลงในโลกแฟชั่น ที่หันหลังให้กับ fast fashion แล้วกลับมายกย่องความงามที่ยืนยาว ผ่านดีไซน์ที่อยู่เหนือเทรนด์และงานฝีมือที่ไร้กาลเวลา

และนี่คือสิ่งที่ Margaux กำลังจะกลายเป็นไอคอนแฟชั่นแห่งยุค ที่ไม่เพียงแค่ครองใจคนปัจจุบัน แต่ยังส่งต่อแรงบันดาลใจให้อนาคตของวงการแฟชั่นเดินหน้าอย่างสง่างาม


ที่มา : iconicsluxury.com

5 ฉลองพระองค์ผ้าไทยของ “สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา” ขณะเสด็จฯ เยือนภูฏาน

Alternative Textaccount_circle

ในช่วงวันที่ 25 – 28 เมษายนที่ผ่านมา พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินเยือนราชอาณาจักรภูฏานอย่างเป็นทางการ (State Visit) ตามคำทูลเชิญของสมเด็จพระราชาธิบดี แห่งภูฏาน โดยเป็นเสด็จเยือนเพื่อสานต่อไมตรีอันแน่นแฟ้นของสองราชวงศ์

หนึ่งสิ่งที่เป็นที่ประทับใจต่อเหล่าพสกนิกรและเป็นที่พูดถึงคือ พระสไตล์ของ สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ที่ทรงเลือกใช้ผ้าไทยสำหรับตัดเย็บเป็นฉลองพระองค์ เพื่ออนุรักษ์และเผยแพร่ผ้าไทยสู่สายตาชาวโลก เหมือนกับการเสด็จเยือนภูฏานครั้งนี้ที่พระองค์ทรงเลือกใช้ผ้าไทยจากมูลนิธส่งเสริมศิลปาชีพฯ ซึ่งจะมีผ้าชนิดไหน และมีเอกลักษณ์อย่างไร แพรวได้รวบรวมมาให้ชม

เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินถึงท่าอากาศยานนานาชาติพาโร ราชอาณาจักรภูฏาน

สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงฉลองพระองค์ และกระเป๋าทรงถือด้วยผ้าไหมแพรวา จากสมาชิกศิลปาชีพผ้าไหมแพรวา บ้านโพน จังหวัดกาฬสินธุ์ ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นด้วยการทอแบบ “จก” และ “ขิด” ผสานเส้นไหมหลากสีอย่างประณีตงดงาม ก่อเกิดลวดลายที่วิจิตร และพื้นผ้าที่เนียนแนบเป็นเนื้อเดียวกัน จนได้รับการยกย่องว่าเป็น “ราชินีแห่งผ้าไหม” อันเป็นสมบัติล้ำค่าของแผ่นดินไทย การทอผ้าไหมแพรวานี้ได้รับการส่งเสริมภายใต้ โครงการศิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เพื่อสืบสานและอนุรักษ์ศิลปหัตถกรรมไทยให้คงอยู่คู่แผ่นดิน

และในครั้งที่ สองพระองค์เสด็จเยือน คูเซลโพดรัง เพื่อประกอบพิธีสวดมนต์พิเศษ และถวายสักการะพระพุทธรูปโดร์เดนมา (Buddha Dordenma) สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ ทรงฉลองพระองค์ และกระเป๋าทรงถือ ด้วยผ้าปักจากชาวไทยภูเขาเผ่ามูเซอ (ลาหู่) ซึ่งมีความโดดเด่นด้วยลวดลายปักที่ละเอียดงดงาม ลายผ้าเกิดจากการบรรจงสร้างสรรค์ด้วยฝีมืออันประณีตของหญิงสาวชนเผ่า นำเสนอความอ่อนช้อยแห่งวัฒนธรรมผ่านเส้นด้ายสีธรรมชาติ ปักทับซ้อนเป็นลวดลายเรขาคณิตที่เปี่ยมความหมาย โดยผ้าผืนผ้าปักนี้ได้รับการส่งเสริมภายใต้โครงการศิลปาชีพ ให้เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ศิลปาชีพประเภทผ้าชาวไทยภูเขา

ต่อมาในค่ำวันที่ 26 เมษายน 2568 สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา เสด็จฯไปยังพระราชวังลิงคานา เพื่อร่วมงานถวายพระกระยาหารค่ำ โดยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงฉลองพระองค์ชุดผ้าไหมจกลายราชบุรี ฝีมือการทออันประณีตของสมาชิกศูนย์ศิลปาชีพจังหวัดแม่ฮ่องสอน พร้อมกระเป๋าทรงถือจากผ้าจกลวดลายงดงาม เข้าชุดกับฉลองพระองค์ กระเป๋าผ้าจกใบนี้ทอด้วยเทคนิคดั้งเดิมอย่างละเอียดลออ

และในครั้งที่สองพระองค์เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรการแสดงศิลปวัฒนธรรมของภูฏาน สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาทรงฉลองพระองค์และกระเป๋าทรงถือจากผ้าจก ฝีมือสมาชิกศิลปาชีพตำบลช้างใหญ่ อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ผ้าจกดังกล่าวเป็นงานหัตถศิลป์ล้ำค่า รังสรรค์ขึ้นด้วยเทคนิคการทอแบบดั้งเดิม ผสมผสานลวดลายอันประณีต ซึ่งสืบทอดภูมิปัญญาท้องถิ่นมาแต่โบราณ เส้นไหมแต่ละเส้นถูกสอดทออย่างประณีตละเอียดอ่อน จนเกิดเป็นลวดลายที่สะท้อนเอกลักษณ์แห่งความงามแบบไทยอย่างสง่างาม และยังแฝงไว้ด้วยความหมายแห่งความเป็นสิริมงคล

และสุดท้ายฉลองพระองค์สีน้ำเงินประดับเครปบริเวณพระอังสาที่สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาทรงเลือกใส่ ขณะเสด็จพระราชดำเนินโดยทรงขับเครื่องนั่งด้วยพระองค์ พร้อมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จากท่าอากาศยานนานาชาติ พาโร กลับราชอาณาจักรไทย


ข้อมูลและภาพ: มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ

Sabrina Carpenter ปรากฏตัวในแคมเปญใหม่ “La Vacanza 2025” จาก Versace

Alternative Textaccount_circle

ครั้งที่สองบนแคมเปญ Versace! Sabrina Carpenter ปรากฏตัวในภาพถ่ายจาก “La Vacanza 2025” นำเสนอไอเท็มแสนสดใสอย่างกระเป๋ารุ่น Tag bag

Versace เปิดตัวแคมเปญใหม่ “La Vacanza 2025” ที่มีซูเปอร์สตาร์ระดับโลกอย่าง Sabrina Carpenter ผู้คว้ารางวัล GRAMMY Award ได้ถึงสองครั้ง มาถ่ายทอดจิตวิญญาณที่แท้จริงของแบรนด์ผ่านมุมมองร่วมสมัย โดยเธอได้ปรากฏตัวในชุดภาพถ่ายโดย Carlijn Jacobs ซึ่งสะท้อนถึงจิตวิญญาณของคอลเล็กชั่นที่เปลี่ยนผ่านจากบรรยากาศริมสระน้ำสู่โอกาสพิเศษต่าง ๆ ที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์แห่งฮอลลีวูด

ชุดภาพถ่ายนี้เน้นย้ำถึงกระเป๋ารุ่น Tag bag อันเป็นซิกเนเจอร์ของ Versace ซึ่งถ่ายทอดออกมาในรูปแบบแอนิเมชันใหม่ พร้อมฉากหลังหลังอันหรูหราที่สื่อถึงกลิ่นอายของ Versace Home ด้วยองค์ประกอบที่หลากหลาย ภาพถ่ายในแคมเปญนี้เผยให้เห็นถึงแนวคิดแห่งการใช้ชีวิตในแบบฉบับของ Versace ซึ่งได้สร้างสรรค์ไว้อย่างครบทุกมิติ ทั้งในเรื่องแฟชั่น การเดินทาง และไลฟ์สไตล์ภายในบ้าน โดยการกลับมาร่วมงานกันในครั้งนี้ ถือเป็นแคมเปญ Versace ครั้งที่สองของ Sabrina Carpenter อีกด้วย

ทั้งนี้ Sabrina Carpenter เผยความรู้สึกว่า “ฉันรู้สึกมีพลังเสมอเมื่อสวมใส่ Versace นี่คือสิ่งที่ Versace มีความหมายสำหรับฉัน เสื้อผ้าที่สวยงามและทรงพลังเปิดโอกาสให้ผู้คนได้แสดงตัวตนในแบบของตัวเอง คอลเล็กชั่น La Vacanza นี้คือทั้งหมดนั้น และยังให้ความรู้สึกที่เป็นอิสระและน่าตื่นเต้นเมื่อได้สวมใส่”


ข้อมูลและภาพ: Versace

คิง เพาเวอร์ ซิตี บูทีก ร่วมกับ LA MER เปิดตัว LA MER SHOWROOM แห่งแรกในเอเชีย

คิง เพาเวอร์ ซิตี บูทีก ร่วมกับ LA MER เปิดตัว LA MER SHOWROOM แห่งแรกในเอเชีย

Alternative Textaccount_circle
คิง เพาเวอร์ ซิตี บูทีก ร่วมกับ LA MER เปิดตัว LA MER SHOWROOM แห่งแรกในเอเชีย
คิง เพาเวอร์ ซิตี บูทีก ร่วมกับ LA MER เปิดตัว LA MER SHOWROOM แห่งแรกในเอเชีย

คิง เพาเวอร์ ซิตี บูทีก แลนด์มาร์กแห่งใหม่ใจกลางกรุงเทพฯ จับมือแบรนด์ความงามระดับโลก LA MER เปิดตัว LA MER SHOWROOM แห่งแรกในเอเชีย พร้อมเปิดตัวกลุ่มผลิตภัณฑ์ GENAISSANCE DE LA MER ที่รวมที่สุดแห่งสารสกัดเข้มข้นบริสุทธิ์ เพื่อการบำรุงผิวอย่างล้ำลึกสัมผัสประสบการณ์การปรนนิบัติผิวระดับลักซ์ชัวรี พร้อมผลิตภัณฑ์ที่รังสรรค์ขึ้นอย่างพิถีพิถัน มีจำหน่ายแบบเอกซ์คลูซีฟ เฉพาะที่คิง เพาเวอร์เท่านั้น คอลเล็คชันนี้ประกอบด้วย GENAISSANCE INFUSED LOTION โลชั่นบำรุงที่ช่วยฟื้นฟูความชุ่มชื้นและแลดูลดเลือนริ้วรอย, GENAISSANCE NEW SERUM ESSENCE เซรั่มเข้มข้นผสาน CRYSTAL MIRACLE BROTH™ และสาหร่าย ICELANDIC ALGAE ช่วยให้ผิวแลดูอ่อนเยาว์กระชับขึ้น, GENAISSANCE NIGHT BALM บาล์มเนื้อแน่นพร้อมเทคโนโลยี DOUBLE MELT BALM™ ฟื้นฟูผิวขณะหลับ และ GENAISSANCE EYE & EXPRESSION CRÈME ครีมบำรุงรอบดวงตา

นอกจากนี้ ผู้ที่มาร่วมสัมผัสประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซิฟ ยังได้รับการปรนนิบัติผิวจากผู้เชี่ยวชาญงานผิว ที่จะมาแนะนำเคล็ดลับการดูแลผิวหน้าและมือ เพื่อผิวสวยสุขภาพดี พร้อมจิบเครื่องดื่มสูตรพิเศษที่รังสรรค์โดย LA MER เพื่อเติมเต็มประสบการณ์แห่งความงามอย่างแท้จริง

พบกับ LA MER SHOWROOM ได้ที่ คิง เพาเวอร์ ซิตี บูทีก ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 มิถุนายน 2568 โดยผลิตภัณฑ์กลุ่ม GENAISSANCE DE LA MER วางจำหน่ายเฉพาะที่ คิง เพาเวอร์ ซิตี บูทีก และ คิง เพาเวอร์ สนามบินสุวรรณภูมิ เท่านั้น


 

เจ้าหญิงชาร์ลอตต์

เผยชีวิตในวัง! อดีตพี่เลี้ยงเล่าความต่างของ เจ้าชายจอร์จ เจ้าหญิงชาร์ลอตต์ และเจ้าชายหลุยส์

account_circle
เจ้าหญิงชาร์ลอตต์
เจ้าหญิงชาร์ลอตต์

ถ้าใครเป็นแฟนราชวงศ์อังกฤษ คงพอจะสังเกตได้ว่า เจ้าชายจอร์จ เจ้าหญิงชาร์ลอตต์ และเจ้าชายหลุยส์ ต่างก็มีคาแร็กเตอร์เป็นของตัวเองชัดเจนเวลาออกงาน แต่ล่าสุด แคโรไลน์ เรดเกรฟ อดีตพี่เลี้ยงหลวงคนสนิทที่เคยดูแลทั้งสามพระองค์ ได้ออกมาเผยโมเมนต์น่ารักๆ ในชีวิตประจำวันของเหล่าเจ้าตัวน้อย ว่าที่จริงแล้วพวกเขาเป็นยังไงเวลาอยู่บ้าน

เผยชีวิตในวัง! อดีตพี่เลี้ยงเล่าความต่างของเจ้าชายจอร์จ เจ้าหญิงชาร์ลอตต์ และเจ้าชายหลุยส์

(Photo by Isabel Infantes-WPA Pool/Getty Images)

แคโรไลน์ซึ่งทำหน้าที่พี่เลี้ยงให้กับลูกๆ ของเจ้าชายวิลเลียมและเจ้าหญิงเคทนานถึง 5 ปี เล่าว่า “ช่วงเย็นเป็นเวลาที่พวกเขาผ่อนคลายที่สุด และนั่นแหละที่ทำให้ได้เห็นว่าพวกเขาเป็นเด็กที่เติบโตมาอย่างมีพื้นฐานดี สุภาพ ขี้เล่น และเต็มไปด้วยเสน่ห์”

กิจวัตรประจำวันตอนเย็นของเด็กๆ คือ “เริ่มจากอาบน้ำอุ่น เล่นเงียบๆ อ่านนิทาน แล้วก็นอน” แคโรไลน์แอบกระซิบว่า แม้จะเป็นเจ้าชาย เจ้าหญิง แต่สกินแคร์รูทีนก็เรียบง่ายสุดๆ “แค่น้ำอุ่น ผ้านุ่มๆ และสบู่จากพืชธรรมชาติ ไม่มีสารเคมี ไม่มีอะไรยุ่งยากเลย”

ที่น่าสนใจคือ ทั้งสามพระองค์มีสไตล์การเล่นที่ต่างกันชัด เจ้าชายจอร์จเป็นสายช่าง ชอบต่อบล็อกและของเล่นตัวต่อ ส่วนเจ้าหญิงชาร์ลอตต์เป็นหนอนหนังสือตัวจริง มักจะหยิบหนังสือมาอ่านก่อนนอน ส่วนเจ้าชายหลุยส์น่ารักสุดๆ เพราะโปรดการเล่นกับตุ๊กตาผ้า

“ไม่มีเวลาให้หน้าจอในช่วงเย็นเลย” อดีตพี่เลี้ยงย้ำ “ทุกอย่างเน้นให้ช้าลง สงบลง” และก่อนจะปิดไฟนอน เด็กๆ ก็จะได้จิบนมอุ่นๆ กับของว่างเบาๆ อย่างกล้วยหรือข้าวพอง


 

โทนี่ รากแก่น

เบื้องหลังชีวิต โทนี่ รากแก่น การละทิ้งแสงสี สู่ชีวิตเรียบง่าย @บ้านรากแก้ว

Alternative Textaccount_circle
โทนี่ รากแก่น
โทนี่ รากแก่น

จากนักแสดงหนุ่มฮอต สู่ชีวิต Slow Life ที่ “บ้านรากแก้ว” ของ โทนี่ รากแก่น การละทิ้งแสงสี สู่การใช้ชีวิตเรียบง่ายท่ามกลางธรรมชาติ พร้อมแนวคิดแบบยั่งยืนที่น่าสนใจ

ภาพจําที่ทุกคนเคยรู้จัก โทนี่ รากแก่น คือนักแสดงเจ้าบทบาท หรือ แฟชั่นนิสต้าสุดเท่ แต่วันนี้คงต้องทบทวนกันใหม่ เมื่อเขาลดบทบาทในงานบันเทิง แล้วเลือกเส้นทางสู่ธรรมชาติที่บ้านสวนสไตล์คลาสสิก เรือนหอของเขากับ “แก้ว จริญญา ศิริมงคลสกุล” ภรรยาผู้มีส่วนสําคัญในการเปลี่ยนแปลง วันนี้ แพรว มาเยี่ยม “บ้านรากแก้ว” พูดคุยกับเขาถึงการเลือกลดละจาก วิถีคนเมืองสู่ชีวิตที่รายล้อมด้วยพื้นที่สีเขียว พร้อมวิธีการดูแลสุขภาพแบบยั่งยืน

โทนี่ รากแก่น

มนุษย์ Introvert

“ช่วงชีวิตที่ผมคิดว่าวุ่นวายที่สุดคือตอนอายุประมาณ 27 ปี ที่ได้ลองทํา อะไรหลายอย่าง เหมือนเป็นการค้นหาตัวเอง บวกกับเพิ่งเรียนปริญญาตรีด้าน การโฆษณา (RMIT University) ที่ประเทศออสเตรเลีย พอกลับมาได้ฝึกงาน เป็น Art Director ที่บริษัทลีโอ เบอร์เนทท์ (ประเทศไทย) จํากัด ระหว่างนั้น มีแมวมองชวนให้ประกวด The Cleo Bachelor 2008 เป็นเวทีที่ผลักดัน คนรุ่นใหม่ให้มีโอกาสในวงการบันเทิง ครั้งนั้นผมได้รางวัล Best Hair ทําให้ มีคนรู้จักมากขึ้น มีงานถ่ายแบบเข้ามาเรื่อย ๆ วันหนึ่งพี่ลูกเกด (เมทินี กิ่งโพยม) ชวนไปทํางานที่ร้าน The Lounge Hair Salon ที่สุขุมวิท เพราะรู้ว่าผมเคยเป็น ช่างทําผมอยู่ที่ต่างประเทศ ตอนนั้นฝึกงานจบพอดี”

“ทํางานสักพักมีโอกาสไปแคสต์ภาพยนตร์เรื่อง Big Boy (2010) ของ ค่าย M39 ถือเป็นจุดเริ่มต้นในวงการบันเทิงอย่างจริงจัง ซึ่งพอได้แสดงก็รู้สึก ชอบนะ คิดว่าตัวเองทําได้ดี จึงเลิกเป็นช่างทําผม ตั้งเป้าไว้เลยว่าจะดําเนินชีวิต ไปในเส้นทางของการเป็นนักแสดง”

“งานนี้ให้อะไรกับผมหลายอย่าง การรับบทบาทเป็นตัวละครต่าง ๆ ทําให้เข้าใจความหลากหลายของอารมณ์ ความรู้สึก ความคิดของมนุษย์ ได้เรียนรู้พฤติกรรมของมนุษย์ไปเรื่อย ๆ อย่างครั้งหนึ่งผมรับบทเป็นนักสเกตบอร์ด ที่มีบุคลิกเอกซ์โทรเวิร์ต กล้าแสดงออกมาก ๆ ตรงข้ามตัวตนที่อินโทรเวิร์ต”

“ต้องเล่าก่อนว่าการที่ผมมีโลกส่วนตัวสูงไม่ได้กระทบต่ออาชีพนักแสดงนะเพราะเมื่อถึงหน้างานผมก็พร้อมทํางานเต็มที่ อย่างเวลาเล่นละครผมใช้วิธีเข้าไป เป็นตัวละครนั้นจริงๆ ตอนเล่นซีรีส์ SOS skate ซึม ซ่าส์ (2017) ที่ต้องรับบทเป็น “ไซม่อน” ตัวละครที่เอกซ์โทรเวิร์ตแบบสุดโต่ง ผมทําการบ้าน ปรับเปลี่ยนวิธีคิด หลายอย่าง เช่น ปกติชอบอยู่บ้าน แต่ตอนนั้นใครชวนไปไหนก็ไป ปาร์ตี้เกือบทุกวัน เพื่อให้ตัวเองได้เข้าไปอยู่ในโลกของไซม่อนให้มากที่สุด กว่าจะแกะคาแร็คเตอร์นี้ ให้หลุดออกไปต้องอาศัยการปฏิบัติธรรม เพื่อให้มีสติสัมปชัญญะมากขึ้น” (ยิ้ม)

โทนี่ รากแก่น

อยากอยู่อย่างนี้ไปนานๆ

อีกหนึ่งจุดเปลี่ยนของโทนี่มาจากการได้พบคู่ชีวิตที่ทําให้เขาอยากใช้ชีวิต ที่ชอบกับคนที่รักไปนานแสนนาน “ผมมีปมเรื่องความอบอุ่นในครอบครัว แยกทางกัน จึงทําให้ที่ผ่านมาพยายามมองหาความมั่นคงในความรักมาตลอด จนได้พ่อแม่มาเจอแก้วที่สอนให้ผมเข้าใจว่าการจะสร้างความมั่นคงตัวเราเองก็ต้องมั่นคงด้วยการใช้สติ รู้จักยับยั้งชั่งใจบวกกับคุณพ่อแก้วเป็นสุภาพบุรุษ ยกให้ครอบครัวเป็นที่หนึ่ง ไม่เคยว่อกแว่ก ทําให้แก้วมีภาวะของความรักที่เข้มแข็งมาก ถ้าเขาเจอคู่รักที่ไม่โอเคก็พร้อมที่จะเดินออกมาโดยไม่ลังเล ผมก็ได้เรียนรู้ จากตรงนั้น และรู้สึกว่าผมก็ควรจะดี เพื่อสร้าง ความมั่นคงทางความรู้สึกให้กับแก้ว และแก้วเองก็จะพร้อมสร้างความมั่นคงให้ผมด้วยเช่นกัน”

“เราทั้งคู่ค่อย ๆ พัฒนามาด้วยกัน จนมาถึง จุดที่ไม่จําเป็นต้องกังวลเรื่องความสัมพันธ์อีกแล้ว แต่พากันไปเรียนรู้เรื่องอื่น ๆ และตอนนี้เราทั้งคู่ก็ สนุกกับชีวิตมาก ๆ แก้วชอบชวนผมไปเดินป่าเขา ไปในที่ที่ไม่เคยไป ได้เติมประสบการณ์ร่วมกันทําให้เกิดความสัมพันธ์ที่คิดว่าคงหาไม่ได้อีกแล้วผมอยากรักษาความสัมพันธ์นี้ อยากมีสุขภาพแข็งแรง เพื่อให้ได้ใช้ชีวิตแบบนี้กับเขาไปอีกนาน ๆ”

สู่วิถีธรรมชาติ

“คุณพ่อผมเสียด้วยมะเร็งถุงน้ําดีเมื่ออายุ 70 กว่า ผมอยู่ในทุกกระบวนการความเจ็บปวดนั้น เห็นทุกอย่างจนรู้สึกไปกับเขาด้วย ผมพยายามศึกษาหาสาเหตุของการเป็นมะเร็ง รวมถึงวิธีการรักษาในแบบธรรมชาติมาปรับใช้กับคุณพ่อ แต่ไม่สําเร็จ”

“ผมพบว่าเพราะเราเริ่มทําที่ปลายเหตุ จึงคุยกับแก้วว่าในเมื่อมีชุดข้อมูลแล้ว หันมาดูแลสุขภาพกันดีกว่า เพราะผมกลัว ไม่อยากเจ็บเหมือนคุณพ่อ เรื่องโรคภัย เป็นสิ่งทีใกล้ตัวมาก เมื่อศึกษาลึกลงไปจะพบว่าอาหารส่วนใหญ่มาจากระบบ อุตสาหกรรม ซึ่งกรรมวิธีการผลิตอาจมีสารเจือปนที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงในการเป็น โรค โดยเฉพาะ NCDs หรือกลุ่มโรคที่เกิดจากนิสัยหรือพฤติกรรมการดําเนินชีวิต ที่ค่อยๆ สะสมอาการอย่างต่อเนื่อง เช่น โรคมะเร็ง เบาหวาน เมื่อคีย์เวิร์ดสําคัญ อยู่ที่การกิน ฉะนั้นเพื่อความปลอดภัยก็ควรต้องปรุงกินเอง”

“จะเห็นว่าเวลาผมสนใจเรื่องไหนเป็นพิเศษจะค่อนข้างเนิร์ด พยายามศึกษา ไปให้ถึงแก่น เพื่อให้รู้จริงและนํามาปรับใช้ ดูจากยูทูบบ้าง รวมถึงเดินทางไปเรียนรู้ ด้วยตัวเองกับอาจารย์ต่าง ๆ อย่างเช่น อาจารย์ปัญญา ปุลิเวคินทร์ ผู้อํานวยการ ศูนย์ภูมิรักษ์ธรรมชาติ จังหวัดนครนายก”

“ผมได้ความรู้เรื่อง บันได 9 ขั้น” มาจากอาจารย์ และยึดแนวคิดนี้ในการดําเนินชีวิต ขั้นแรกคือ ให้มีกิน” ปลูกสิ่งที่สามารถกินได้ ขั้นที่สอง ให้มีใช้ โดย ปลูกสิ่งที่นํามาใช้ได้ในอนาคต เช่น พรรณไม้ต่าง ๆ อย่างไม้กระถินหรือไม้ไผ่ ขั้นที่สาม ให้มีที่อยู่อาศัย” ด้วยการเลือกทําเลที่ตั้งอย่างเหมาะสม ขั้นที่สี่ ให้มีความร่มเย็น ซึ่งเมื่อมีสภาพแวดล้อมที่ดีแล้ว ความร่มเย็นจะตามมา ขั้นที่ห้า ทําบุญ” เมื่อมีผลผลิต เยอะก็นําไปทําบุญบ้าง ขั้นที่หก ทําทาน”

“แจกจ่ายเพื่อนบ้านหรือคนทั่วไป ขั้นที่เจ็ด “แปรรูป” นําผลผลิตที่ได้มาแปรรูปเป็นอาหาร อย่างผมปลูกต้นกล้วยไว้เยอะ ก็ นําไปทําบานาน่าไซเดอร์วินีการ์หรือน้ําส้มสายชูหมักกล้วย โดยนําน้ําตาลและ กล้วยลงไปหมักในโหล ทิ้งไว้ประมาณ 15 วันก็สามารถนําน้ําที่ได้มาดื่มหรือ ประกอบอาหาร เพราะจากการศึกษาเรื่องกิน ผมพบว่าสิ่งสําคัญที่เราควรกินคือ โพรไบโอติกส์ที่เกิดจากการหมัก เช่น กล้วย มะละกอ หมักเป็นวินการ์ คอมบุฉะ (ชาหมัก) หรือทํากิมจิ ส่วนขั้นที่แปด “การขาย” คือนําผลผลิตไป จําหน่ายให้เกิดรายได้ และเก้า สร้างเครือข่าย” หากลุ่มที่ปลูกพืชคล้าย ๆ เรามาดําเนินกิจกรรมร่วมกัน อย่างการสร้างตลาดหรือแบรนด์สินค้าเฉพาะกลุ่ม”

“ตอนนี้ผมอยู่ในขั้นที่เจ็ด คือการแปรรูป ส่วนจะไปถึงขั้นที่แปดหรือเก้าไหม ยังนึกภาพนั้นไม่ออก ด้วยความที่ยังมีรายได้จากการทํางานในวงการบันเทิงอยู่บ้าง อย่างงานพรีเซ็นเตอร์ ผมแพลนไว้ว่าจะแบ่งเวลาจากพาร์ตในวงการบันเทิงมาทํางานเกษตรเพื่อการเรียนรู้ก่อน ถ้าวันไหนพร้อมมีความรู้มากพอ ค่อยก้าวสู่ขั้นถัดไป เพราะผมอยากให้ผลผลิตที่ออกไปมีคุณภาพมากที่สุด”

Slow Life

ไลฟ์สไตล์ตอนอยู่ในวงการบันเทิงกับชีวิตตอนนี้อาจเรียกได้ว่าเป็นคนละคนเลย โทนี่ รากแก่น ในตอนนี้ ทั้งความคิดการดําเนินชีวิต และเป้าหมาย “ยอมรับว่าผมเปลี่ยนไปเยอะครับ อย่างตอนอยู่ในวงการบันเทิงความที่ธรรมชาติของผมไม่ค่อยชอบเป็นที่สนใจทําให้ต้องผลักดันตัวเองตลอดเวลา เพื่อให้มี เอเนอร์จี้พอสําหรับการทํางานและพบเจอผู้คนพอทําจนเคยชินจึงกลายเป็นนิสัยที่สองของผม “วันที่คุยกับแก้วว่าผมอยากโฟกัสการเพาะเมล็ด หมักดินให้สําเร็จ ถ้าให้ผมทําทั้งงานนักแสดง และงานเกษตรไปด้วยพร้อมกันอาจโดนตําหนิ เพราะการปรากฏตัวแบบตัวค่า หน้าดํา เล็บก็ดํา ผิดกฎข้อแรกในการทํางานวงการบันเทิงของผม คือความซื่อสัตย์ กับงาน เรียกว่าตอนนั้นผมมีแพสชั่นในการสร้างระบบนิเวศให้สําเร็จมากกว่า งานแสดง จึงขอเบรกไว้ก่อน แล้วพอได้ลองปลูกผักปลูกต้นไม้ก็รู้สึกว่าตัวเอง เหมาะกับตรงนี้มากกว่า เพราะเหมือนได้อยู่กับตัวเอง ไม่ต้องรับมือกับคนอื่น ๆ ซึ่งตรงกับตัวตนของผมที่สุด”

“ผมว่าทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้ตลอด แต่วันนี้ผมพูดได้เต็มปากว่ามีความสุข กับการได้อยู่กับธรรมชาติ ที่สุดจึงบอกแก้วว่าคงไม่ทํางานแสดงแล้ว เพราะต้อง ใช้กระบวนการของความรู้สึกเยอะ ไม่สอดคล้องกับการดูแลสุขภาพตามเป้าหมาย ของผม แต่งานพรีเซ็นเตอร์หรือถ่ายแบบที่ทํางานระยะสั้น ๆ ยังรับอยู่นะครับ” หลายคนที่เคยเห็นคลิปวิดีโอที่คุณแก้วนําวัตถุดิบที่ปลูกในบ้านมาปรุงอาหารอาจมีคําถามว่าชีวิตจริงเป็นแบบนั้นหรือเปล่า “เราทําแบบนั้นประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ อีก 30 เปอร์เซ็นต์ก็มีกินข้าวนอกบ้านบ้าง สั่งอาหารบ้างในวันที่ไม่ว่าง แต่ส่วนใหญ่ จะทําเอง เพราะตั้งใจไว้แล้วว่าปลูกเพื่อนํามากิน ถ้าปลูกแล้วไม่ใช้ทําอะไร ก็เหมือนปลูกทิ้งขว้าง ไม่เกิดประโยชน์ แต่ในอนาคตตั้งเป้าว่าจะทําให้ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ คือไม่ซื้ออาหารข้างนอก ทําให้ทุกอย่างเกิดขึ้นในบ้านได้ แต่อาจจะยากหน่อย เพราะผมเคยคิดอยากเลี้ยงปลาทับทิมไว้กิน แต่สุดท้ายไม่กล้าฆ่า มากสุดตอนนี้ จึงทําได้แค่การกินผักผลไม้ที่ปลูกหรือแปรรูปไว้”

“ส่วนใหญ่เรื่องการทําอาหาร แก้วทําครับ ผมทําไม่ค่อยเป็น (หัวเราะ) แก้ว มีพรสวรรค์มาก ผมชอบทุกเมนูเลย โดยเฉพาะแกงอ่อมที่มีผักชีลาว ใบมะรุม มะเขือต่าง ๆ แล้วยิ่งประเทศเรามีพืชผักที่สามารถนํามากินได้มากมาย หลายคน อาจไม่รู้ อย่างมะม่วงนอกจากผลของมัน ใบยังนํามาปรุงอาหารอร่อยมากครับ แก้วจะคอยดูว่าวันนี้มีต้นอะไรออกดอกออกผลบ้าง แล้วคิดเมนูต่าง ๆ”

“การได้ใช้ชีวิตแบบนี้ทําให้ผมเข้าใจเรื่องระบบนิเวศที่เป็นกลไกในธรรมชาติอย่างเช่น การที่ต้นไม้รากเน่าเพราะไม่แข็งแรง จึงมีเชื้อรามากิน เพื่อทําการ ย่อยสลายกลายเป็นสารอาหารให้กับสิ่งอื่น มองย้อนกลับมาที่ตัวเรา กระบวนการ ก็คล้ายกัน ถ้าให้จําแนกร่างกายจะประกอบด้วยเซลล์ต่าง ๆ ถ้าอยากมีสุขภาพดี ก็ต้องทําให้เซลล์ในร่างกายแข็งแรง จึงจะสามารถฮีลตัวเอง ผลิตผิวหนังหรืออวัยวะขึ้นมาใหม่ได้ในยามเจ็บป่วย เมื่อเข้าใจธรรมชาติเหล่านี้ ทําให้ผมรู้สึกมั่นคงในการดําารงชีวิตมากขึ้น”

บ้านรากแก้ว

จากแพสชั่นในการดูแลสุขภาพ นํามาสู่การสร้างบ้านสวนหรือ “บ้านรากแก้ว” ที่กั้นตัวเองจากโลกวุ่นวายภายนอกด้วยกําแพงสูงสีขาว เมื่อผ่านกําแพงเข้าไปแล้ว จะพบกับบรรยากาศร่มรื่น เต็มไปด้วยต้นไม้ ราวกับเป็นอีกโลกหนึ่ง “เริ่มจากการที่พวกเราอยากหาพื้นที่ปลูกผัก จึงตัดสินใจทําบ้านสวน โชคดีว่า คุณพ่อแก้วซื้อที่ดินตรงนี้ไว้นานแล้ว ช่วงแรกบ้านมีพื้นที่แค่นิดเดียว ความที่ผม อยากใช้ชีวิตเหมือนการอยู่ในป่า ทําบ้านหลังเล็กๆ มีเฉพาะพื้นที่ที่ใช้งานจริง ห้องน้ํา ครัว ห้องนอน ส่วนพื้นที่ข้างบ้านขุดเป็นบ่อน้ํา ปลูกต้นไม้ ทําแปลงผัก แต่ตอนหลัง ผมเริ่มสนุก อยากมีห้องเพิ่มอีก ทั้งห้องทํางาน ห้องเก็บของ และห้องนอนที่ใหญ่ขึ้น”

“แต่ไม่สามารถขยายพื้นที่แนวกว้างได้แล้ว เพราะติดบ่อน้ํา จึงต้องไปขยาย ทางแนวยาวแทน จนที่สุดบ้านมีความยาวถึง 72 เมตร เวลาเดินที่ต้องผ่านทุกห้อง (หัวเราะ) คอนเซ็ปต์ของบ้านหลังนี้คือมีความเป็นเรือนไทย ไม่ใช่ด้วยวัสดุ แต่ปลูกทิ้งขว้าง ไม่เกิดประโยชน์ แต่ในอนาคตตั้งเป้าว่าจะทําให้ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ คือไม่ซื้ออาหารข้างนอก ทําให้ทุกอย่างเกิดขึ้นในบ้านได้ แต่อาจจะยากหน่อย เพราะผมเคยคิดอยากเลี้ยงปลาทับทิมไว้กิน แต่สุดท้ายไม่กล้าฆ่า มากสุดตอนนี้ จึงทําได้แค่การกินผักผลไม้ที่ปลูกหรือแปรรูปไว้ เป็นการยกพื้นสูง เพื่อให้มีความโปร่งและคำนึงถึงทิศทางลม ความที่ผมอยากใช้ชีวิตแบบเอ๊าต์ดอร์ เพรระก่อนหน้านี้อยู่แต่ในเมือง จึงตกแต่งข้างให้เป็นพื้นที่นั่นส่น ลมพัดตลอด ไม่ทำให้รู้สึกอึดอึดอัด เพิ่มบ้านต้นไว้นั่งทำสมาธิ ใช้เวลาประมาณ 2 – 3 ปีกว่าที่บ้านจะเสร็จสมบูรณ์”

“ผมว่าบ้านนี้สะท้อนตัวตมได้เยอะเหมือนกัน คือการเป็นคนเมือง แต่ต้องการพื้นที่ปลึกวิเวกออกมาอยู่กับธรรมกติ แต่ไม่ถึงขั้นเข้าไนป่า ยังคงติดอยู่กับความสวยงามบ้าง แต่ขมเดียวกันก็พร้อมที่จะปรอะเปื้อน ผมรัสึกว่าการใช้ชีวิตแบบนี้ไม่ได้เรียบง่าย เพราะมีดีเทลเยอะกว่าตอนทำงานเป็นนักแสดงอีกอย่างการจะปลูกผักซนิดหนึ่ง ต้องเพาะเมล็ด พอครบ 4 วันก็ย้ายต้นกล้าลงกระถางพบครบ 6 วันย้ายไปลงแปลง ต้องประทบประหงม ดูแลรดน้ำ ต้องมีตาราหาว่าวันจันทร์ถึงวันศุกร์จะทำอะไร ฉะนั้นการทำเกษตรไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่หลายคนเข้าใจ บวกกับความเป็นคนเมืองของผมที่ไม่เคยปอะไรสำเร็จมกก่อน พอมาทำสิ่งนี้จึงค่อนข้างยาก เพราะต้องเรียนรู้ใหม่เองทั้งหมด”

Wabi-Sabi ความงามที่ไม่สมบูรณ์แบบ

คติประจําใจของโทนี่ที่ยึดไว้เป็นหลักในการดําเนินชีวิตคือ Wabi-Sabi ปรัชญาของญี่ปุ่นที่ว่าถึงการหัดยอมรับในสิ่งที่ไม่สมบูรณ์แบบและความไม่แน่นอน ตามกาลเวลา “ผมชอบแนวคิดนี้ เพราะรู้สึกว่ามีความเป็นจริงสูง ทุกอย่างไม่ถาวร แม้กระทั่งความรู้สึกของคน สิ่งที่จะทําให้ยั่งยืนมากขึ้นคือการรักษา แต่เมื่อถึงเวลา ที่ต้องเปลี่ยนแปลง เราก็ต้องพร้อมรับมือ ขึ้นอยู่กับว่าจะเลือกเดินไปในทิศทางไหน บางทีทางเลือกของเราอาจจะผิด ไปในแนวดาร์กโดยไม่ได้ตั้งใจ ก็แค่พาตัวเอง ออกมาจากตรงนั้น และเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะรู้สึกว่าที่ตรงนั้นคือที่สําหรับเรา จริง ๆ แต่ถ้าถามว่าจะเปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิตแบบนี้ไปทําอย่างอื่นอีกไหม คําตอบ ก็คือคงยากแล้ว เพราะตรงนี้เป็นพื้นที่ที่ผมสบายใจและมีความสุขที่สุดครับ (ยิ้ม) “

“สําหรับใครที่กําลังจะเริ่มต้นเส้นทางใหม่ในชีวิต จงซื่อสัตย์กับความรู้สึก ตัวเอง การเปลี่ยนแปลงนี้หมายถึงการนําพาตัวเองไปสู่พื้นที่ที่ไม่คุ้นเคย ฉะนั้นต้องอาศัยความกล้าในการออกไปเผชิญ ถ้าเป็นไปได้ก็พยายามละความกลัวที่เป็น ปัจจัยสําคัญที่ทําให้คนเราไม่กล้าเปลี่ยนแปลง ไม่กล้าทดลองทําสิ่งใหม่ ๆ ใครจะรู้ว่าถ้าได้ก้าวออกไปอาจจะพบกับพาร์ตที่ดีที่สุดในชีวิตเลยก็ได้”

เรื่อง Prince

ภาพ วรสันต์ ทวีวรรธนะ

ทบทวน 5 สิ่งควรรู้ นับถอยหลังสู่พรมแดง Met Gala 2025

Alternative Textaccount_circle

ใกล้เข้ามาทุกที! สำหรับงานใหญ่ประจำปีอย่าง “Met Gala 2025″ ที่เหล่าแฟชั่นนิสต้าต้องติดตาม ซึ่งปีนี้จัดขึ้น ในวันจันทร์ที่ 5 พฤษภาคม 2568 ณ The Metropolitan Museum of Art เมืองนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา และก่อนถึงวันจริง แพรวขอพาไปทบทวน 5 สิ่งควรรู้เพื่อไม่ให้ตกขบวนการรับชมอย่างมีอรรถรสในพรมแดงอันใกล้นี้

ทำความรู้จัก Met Gala

เชื่อว่ายังมีอีกหลายคนที่ยังไม่เข้าใจแจ่มแจ้งว่างานนี้คืออะไร สำหรับ Met Gala หรือที่เรารู้จักกันในอีกสองชื่อ ได้แก่ Costume Institute Befit หรือ Met Ball เป็นงานระดมทุนประจำปีให้สถาบันเครื่องแต่งกายของ The Metropolitan Museum of Art อีกทั้งยังเป็นการเฉลิมฉลองการเปิดนิทรรศการที่จัดแสดงเสื้อผ้า และงานศิลปะต่างๆ ซึ่งไฮไลท์ของงานคงหนีไม่พ้นการปรากฏตัวของเหล่าคนดังที่จะประชันกันด้วยคอสตูม เมคอัพ และทรงผม ตามธีมที่กำหนดขึ้น นอกจากความสนุกที่ว่านี้แล้ว งานดังกล่าวยังช่วยระดมทุนครั้งใหญ่ให้กับพิพิธภัณฑ์ โดยปี 2024 ที่ผ่านมา สามารถระดมเงินบริจาคได้ประมาณ 26 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 867,620,000 บาท

Theme of The Met Gala 2025

Met Gala ปีนี้จัดขึ้นในธีม Superfine: Tailoring Black Style ที่สะท้อนตัวตนของคนผิวดำ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจบางส่วนจากหนังสือ Slaves to Fashion: Black Dandyism and the Styling of Black Diasporic Identity ของ Monica L. Miller ที่ตีพิมพ์ในปี 2009 และ Miller ทำหน้าที่เป็นภัณฑารักษ์รับเชิญร่วมกับ Andrew Bolton ภัณฑารักษ์ของ Costume Institute

Dress Code

เมื่อกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา กฎการแต่งกายหรือที่เราเรียกว่า Dress Code ได้เปิดเผยออกมาเป็นทางการ นั่นคือ Tailored for you อธิบายง่ายๆ ว่า เป็นคอสตูมที่ตัดเย็บในสไตล์ของผู้เข้าร่วมงานแต่ละคน ซึ่งบางสื่อในต่างประเทศอย่าง Vanity Fair ก็มีการคาดเดาไว้ว่า “เมื่อนำเดรสโค้ดมารวมกับธีมในปีนี้แล้ว อาจได้เห็นคนดังในชุดสูท และลุคที่ได้รับแรงบันดาลใจจากผู้ชายจำนวนมาก” อย่างไรก็ตามขอให้เหล่าแฟชั่นนิสต้าเกาะจอรอชมว่า ลุคของใครจะเข้าตาเรามากที่สุด!

4 คนดัง ในตำแหน่ง Host Committee

Lewis Hamilton (ซ้าย) Pharrell Williams (ขวา)

หนึ่งสิ่งที่หลายคนรอคอยไม่แพ้การประกาศธีมและเดรสโค้ดของงาน นั่นคือรายชื่อ Co-Chairs ที่จะมานั่งข้างเจ้าบ้านอย่าง Wintour โดยปีนี้หน้าที่ดังกล่าวตกเป็นของ Colman Domingo, Lewis Hamilton, A$AP Rocky และ Pharrell Williams ที่สำคัญยังมี LeBron James มาเป็นประธานกิตติมาศักดิ์อีกด้วย ฉะนั้นในวันจันทร์ที่จะถึง จับตามองพวกเขาเหล่านี้ไว้ให้ดี

ใครบ้างที่จะได้รับเชิญเข้าร่วม Met Gala 2025

สำหรับรายชื่อคนดังหรือผู้มีอิทธิพลที่จะได้รับเชิญเข้าร่วมงาน Met Gala ถือเป็นความลับสุดยอดที่สุดของงาน เพราะเราจะไม่มีทางรู้ล่วงหน้าเลยจนกว่าจะถึงวันที่คนดังจะเหยียบลงบนพรมแดง แน่นอนว่าในอดีตบัตรเข้าร่วมงานจะมีราคาสูงถึง 75,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 2.5 ล้านบาท แต่ปัจจุบันผู้ที่เข้าร่วมงานได้ต้องเป็น “แขกที่ได้รับเชิญ” เท่านั้น เรียกว่ามีเงินเท่าไหร่ ก็ซื้อไม่ได้


ภาพ: Getty Images

ข้อมูล:
https://time.com/7279685/met-gala-2025-what-to-know/
https://www.vanityfair.com/style/story/everything-to-know-about-the-met-gala-2025?srsltid=AfmBOorxkcID9acP78G2wBdC0rAsX4SLOrwkRXaEiKU-rXwP9FUwQn0a

“SIAM PARAGON TROPICAL FRUIT PARADE 2025” ส่งตรงผลไม้คุณภาพดีจากผู้ผลิตถึงมือคุณ

account_circle

คนรักผลไม้ต้องปักหมุดงานนี้ “SIAM PARAGON TROPICAL FRUIT PARADE 2025” งานดีๆ ที่ สยามพารากอน ตอกย้ำความเป็นที่หนึ่งในใจนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติจากทั่วทุกมุมโลก ผนึกกำลัง กูร์เมต์ มาร์เก็ต พรีเมียมซูเปอร์มาร์เก็ตระดับเวิลด์คลาส และ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ร่วมส่งเสริมเกษตรกรและขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย พร้อมเปิดประสบการณ์สุดพิเศษในช่วงฤดูผลไม้เมืองร้อน กับเทศกาลที่รวบรวม “ที่สุดของผลไม้ไทย” จากทั่วประเทศ พร้อมเอาใจสายทุเรียนด้วย “บุฟเฟต์ทุเรียน” 11 วัน 77 รอบ และจำหน่ายทุเรียนพันธุ์หายากหลากหลายสายพันธุ์ นอกจากนี้ยังมีผลไม้สด ผลไม้แปรรูป ส่งตรงจากผู้ผลิตและเกษตรกรกว่า 78  แหล่งทั่วประเทศ รวมถึงเมนูสร้างสรรค์ต่างๆ ที่จะสร้างสีสันและความสุขให้กับนักชิมและนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ตั้งแต่วันนี้ถึง 5 พฤษภาคม 2568 ณ พาร์ค พารากอน ชั้น M สยามพารากอน

ไฮไลต์สุดพิเศษ “บุฟเฟ่ต์ทุเรียน” 

1 ปีมีเพียง 1 ครั้งเท่านั้น กับไฮไลต์ที่ทุกคนรอคอย! บุฟเฟ่ต์ทุเรียนสุดอลังการที่คัดสรรทุเรียนหลากหลายสายพันธุ์ชั้นดี ทั้งพันธุ์ยอดนิยมอย่าง หมอนทอง, พวงมณี, นวลทองจันทร์, ชะนีไข่, ก้านยาว และมีการเสิร์ฟสุดพิเศษกับทุเรียนที่มีการหมุนเวียนในแต่ละรอบทุกวัน อาทิ มูซานคิง, โอฉี, ชะนีเกาะช้าง, ทองลินจง, หลงลับแล, กบชายน้ำ, กบพิกุล และเฟรนช์ฟรายส์ทุเรียน ที่เปิดโอกาสให้ได้ลิ้มลองแบบ “1 คนต่อหนึ่ง 1 ชิ้น”

ไม่เพียงเท่านี้ ยังมีเมนูทุเรียนสร้างสรรค์มากมาย เช่น ลาซานญ่าทุเรียน, คัสตาร์ดทุเรียน, ข้าวเหนียวทุเรียน และไอศกรีมทุเรียนแบบโฮมเมด ซึ่งจะทำให้ผู้เข้าร่วมงานได้สัมผัสรสชาติทุเรียนในรูปแบบใหม่อย่างไม่เคยมีมาก่อน บุฟเฟ่ต์เปิดให้บริการวันละ 7 รอบ (รอบละ 60 นาที) ราคาบัตรเพียง 899 บาท (จากราคาปกติ 990 บาท) พิเศษสำหรับสมาชิก M Card และ ONESIAM SUPER APP ซื้อบัตรได้ในราคา 899 บาท พร้อมกันนี้สมาชิก M Card สามารถใช้คะแนน 500 คะแนน รับส่วนลด 150 บาท พิเศษ 4,000 คะแนน รับประทานฟรี!

นอกจากบุฟเฟต์ทุเรียนแล้ว ในงานยังรวบรวมทุเรียนมากที่สุดกว่า 40 สายพันธุ์จากแหล่งต่างๆ ทั่วประเทศให้ได้ลิ้มลองรสชาติและเลือกซื้อกลับบ้าน อาทิ ทุเรียนชะนีดำ ทุเรียนสไบทอง ทุเรียนก้านยาวโบราณ ทุเรียนทองบางสะพาน ทุเรียนหมอนทองเมืองนนท์ เป็นต้น

และภายในงานยังแบ่งพื้นที่โซนจำหน่ายผลไม้สดและผลไม้แปรรูปจากเกษตรกรและผู้ผลิตโดยตรง ภายใต้แนวคิด “จากสวนถึงมือคุณ” พบกับผลไม้พรีเมียม อาทิ มังคุด 100 ปี จากสวนเก่ากว่า 100 ปีในอำเภอคลองนารายณ์ จ.จันทบุรี ลูกเล็ก ผิวลาย ไร้สารเคมี, เงาะน้ำกร่อย ขึ้นชื่อเรื่องความอร่อยและหายาก จากจันทบุรี, ลำไยคริสตัล เนื้อสีสดใส คล้ายคริสตัล รสชาติหวานหอม, เมล่อนสายพันธุ์ไดโนล่อน รสชาติหวาน เนื้อนุ่ม มีกลิ่นหอมอ่อนๆ และ เมล่อนสายพันธุ์ไข่ทองคำ จ.ฉะเชิงเทรา เป็นเมล่อนพันธุ์ไทยที่มีรสชาติหวานโดดเด่น, ส้มโอทับทิมสยาม จ.นครศรีธรรมราช เนื้อส้มโอเต็มสมบูรณ์ สีชมพูอ่อนๆ รสชาติหวานอร่อย, ขนุนหายากจาก จ.ปราจีนบุรี ได้แก่ ขนุนทองมาเลย์ เนื้อแห้งกรอบวงใหญ่ ไม่หวานมาก, ขนุนอีถ่อ ซึ่งเป็นขนุนสายพันธุ์โบราณ ผลทรงรียาวคล้ายถ่อเรือ และผลไม้ GI อีกหลากหลายชนิด เช่น สับปะรดภูแล จ.เชียงราย ลูกเล็ก กลิ่นหอม หวานกรอบ, สับปะรดสยามโกลด์ เนื้อสีเหลืองทอง เนื้อแน่นกรอบ ไม่กัดลิ้น, ส้มสายน้ำผึ้ง จ.เชียงใหม่, น้ำมะพร้าวน้ำหอมสีทองอินทรีย์ และมะพร้าวพวงร้อย จ.ราชบุรี, อะโวคาโดบัคคาเนีย และ อะโวคาโดแฮส จ.ตาก กระท้อนปุยฝ้าย จ.นครนายก แตงโมเกาะสุกร จ.ตรัง ,ชมพูเพชรสายรุ้ง จ. เพชรบุรี นอกจากนี้ยังมีผลไม้ฤดูกาลอื่นๆ อีกมากมาย

เพื่อเน้นย้ำความยั่งยืนและการสนับสนุนเกษตรกรไทย ภายในงานยังเปิดพื้นที่จำหน่ายสินค้าพื้นบ้าน เช่นของดีเมืองเพชรบุรี อาทิ น้ำตาลโตนดแท้ GI, ขนมหม้อแกงสูตรดั้งเดิม, มะนาวแป้นรำไพ, ผลิตภัณฑ์จากอ่าวน้อย เมืองสามอ่าว ได้แก่ ปลาอินทรีแดดเดียว, ชิฟฟอนมะพร้าวลาวา, ไอติมหลอดมะพร้าว รวมถึง สินค้าแปรรูปจากชุมชนทั่วไทย เช่น มะม่วงกวน 3 รส, ทุเรียนฟรีซดราย, ข้าวโพดคลุกเนย เป็นต้น

นอกเหนือจากผลไม้สดและแปรรูปแล้ว สายกินต้องไม่พลาด เมนูชวนลิ้มลอง อาทิ Slushy Tamarind สูตรเด็ดจากบ้าน
มะขาม เติม Topping ได้ตามใจ, “ยำทีละคน” รวมผลไม้ดองคลุกน้ำยำรสจัดแบบไทยแท้, ขนมหวานไทยแท้ เช่น ข้าว
เหนียวลำไย ขนมต้มมะพร้าว ขนมถ้วย เมนูของหวานยอดฮิต อย่างไอศกรีมไทยสไตล์โบราณ รสกะทิ รสชาไทย พร้อม
ท็อปปิ้งจัดเต็ม เช่น ข้าวเหนียวทุเรียนฟรีซดราย, เยลลี่มะม่วง, มุกป๊อบ และเกล็ดทองม้วน, สมูทตี้ผลไม้, ไอศกรีมอะโว
คาโด, และเมนูสุขภาพอีกมากมาย

พิเศษสุดกับนาทีทอง 3 ช่วงเวลา ได้แก่ เวลา 12.00 น., 14.00 น. และ 18.00 น. ตลอดทุกวันของการจัดงานสามารถ
ซื้อผลไม้แบบ 1 แถม 1 รวมถึงผลไม้ราคาพิเศษที่คัดเฉพาะสวนโดยตรงมาเพื่อเอาใจเหล่าผู้ชื่นชอบผลไม้ไทยให้ได้
ช้อปผลไม้คุณภาพเยี่ยมด้วยราคาสบายกระเป๋าที่มีเพียงงานนี้เท่านั้น 

ร่วมอุดหนุนผลไม้คุณภาพดีและสนับสนุนเกษตรกรไทยทั่วประเทศ พร้อมลิ้มรสชาติความอร่อยของสุดยอดผลไม้ไทย
คัดสรรโดย กูร์เมต์ มาร์เก็ต ได้ในงาน “SIAM PARAGON TROPICAL FRUIT PARADE 2025” ตั้งแต่วันนี้ถึง 5
พฤษภาคม 2568 ณ พาร์ค พารากอน พร้อมอิ่มอร่อยกับเมนูอาหารทั้งคาวหวานที่ใช้ผลไม้มาเป็นวัตถุดิบในการรังสรรค์
เมนูรสเลิศจากร้านอาหารต่างๆ ภายในศูนย์การค้าสยามพารากอน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 02-610-8000
และโซเชียลมีเดียทุกช่องทางของกูร์เมต์ มาร์เก็ต และสยามพารากอน


keyboard_arrow_up