กว่าจะขึ้นแท่นมหาเศรษฐี

กว่าจะขึ้นแท่นมหาเศรษฐี เหล่านักธุรกิจแถวหน้าของไทย เคยทำอาชีพอะไรมาก่อน?

กว่าจะขึ้นแท่นมหาเศรษฐี
กว่าจะขึ้นแท่นมหาเศรษฐี

ก่อนจะประสบความสำเร็จ แน่นอนว่าต้องฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ มากมาย และกว่าจะขึ้นแท่นมหาเศรษฐี ก็ต้องต่อสู้ ดิ้นรน เพราะหนทางที่ผ่านมาไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ

คำว่า อย่านอนตื่นสาย อย่าอายทำกิน อย่าหมิ่นเงินน้อย อย่าคอยวาสนา ประโยคนี้ยังใช้ได้ดีทุกยุค ทุกสมัย เพราะมหาเศรษฐี บางคนก็เริ่มจากอาชีพเล็กๆ และทุกคนต่างก็เคยมีอาชีพแรกที่เคยทำกันทั้งนั้น แต่เคยรู้ไหมว่ามหาเศรษฐีที่ร่ำรวยระดับต้นๆ ของเมืองไทย กว่าที่พวกเขาเหล่านั้นจะมาถึงวันนี้ กว่าจะขึ้นแท่นมหาเศรษฐี เขาเคยประกอบอาชีพอะไร เป็นอาชีพแรก

กว่าจะขึ้นแท่นมหาเศรษฐีพนักงานแบกของ

ตัน ภาสกรนที เป็นลูกคนสุดท้องจากลูกๆ 6 คน ในครอบครัวชาวไทยเชื้อสายจีนที่มีฐานะปานกลาง โดยบิดาของเขาอพยพมาจากสาธารณรัฐประชาชนจีน และตั้งรกรากที่จังหวัดชลบุรี คุณตันจบการศึกษาชั้นมัธยมปีที่ 3 และเริ่มทำงานแรกเป็นพนักงานแบกของ และหันมาเป็นเจ้าของแผงหนังสือที่ชลบุรี และเริ่มต้นขยายกิจการไปซื้อห้องแถว จนกลายเป็นเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

ต่อมา เป็นนักธุรกิจ ผู้ก่อตั้งบริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม และขายหุ้นใหญ่ของ บมจ.โออิชิกรุ๊ป ที่มีอยู่ให้กับบริษัท ไทยเบฟเวอร์เรจ จำกัด (มหาชน) และลาออกจากตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บมจ.โออิชิกรุ๊ป แล้วไปก่อตั้งบริษัท ไม่ตัน จำกัด ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นอิชิตัน กรุ๊ป

กว่าจะขึ้นแท่นมหาเศรษฐีขายถั่วคั่ว

วิกรม กรมดิษฐ์ เกิดที่จังหวัดกาญจนบุรี บรรพบุรุษสืบเชื้อสายมาจากชาวจีนแคะ ซึ่งอพยพมาตั้งถิ่นฐานอยู่ในชุมชนท่าเรือเมื่อ 150 กว่าปีมาแล้ว นอกจากนี้เขายังมีเชื้อสายมอญจากยาย เขาเป็นบุตรชายคนโตของตระกูล มีน้องมารดาเดียวกันและต่างมารดา 23 คน จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติไต้หวัน มีความสนใจการค้าตั้งแต่ยังเล็ก อาชีพแรกของเขาคือการรับช่วงต่อกิจการร้านถั่วคั่วจากป้า ขณะเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จนเมื่อเรียนจบปริญญาตรีกลับมาเปิดบริษัท วี แอนด์ เค คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งเป็นธุรกิจนำเข้า – ส่งออก เมื่อปี พ.ศ. 2518 ต่อมาหันมาบุกเบิกธุรกิจด้านนิคมอุตสาหกรรม 3 แห่ง ของประเทศไทยและ 2 แห่งในประเทศเวียดนาม ก่อให้เกิดมูลค่าการลงทุนกว่า 7 แสนล้านบาท การจ้างงานกว่า 200,000 คน มีโรงงานกว่า 850 โรง

ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) และประธานมูลนิธิอมตะ ตลอดจนสนใจการเขียนหนังสือเพื่อถ่ายทอดประสบการณ์ชีวิตให้ประโยชน์แก่อนุชนรุ่นหลัง ในปี 2549 ถึง 2551 ได้รับการจัดอันดับจากนิตยสารฟอร์บส์ให้ติดอันดับ 40 มหาเศรษฐีในเมืองไทย และในปี 2551 Foreign Direct Investment magazine (fDi) ในเครือของFinancial Times Group จากลอนดอน ได้มอบรางวัล fDi Personality of the Year 2008-Asia แต่ยังคงใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายในต่างจังหวัด

กว่าจะขึ้นแท่นมหาเศรษฐีแคชเชียร์

ธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ และมหาเศรษฐีอันดับที่ 1 ของประเทศไทยจากการจัดอันดับของนิตยสารฟอร์บ โดยข้อมูลกุมภาพันธ์ ปี 2018 มีทรัพย์สิน 9.377 แสนล้านบาท ติดอันดับ 95 ของโลก ธนินท์ เจียรวนนท์ เกิดที่ย่านเยาวราช กรุงเทพมหานคร เป็นบุตรชายคนที่ 5 ในบรรดาบุตรทั้ง 5 คนของ นายเอ็กชอ แซ่เจี๋ย ชาวจีนแต้จิ๋วอพยพ นายธนินท์เริ่มทำงานเป็นครั้งแรกที่ร้านเจริญโภคภัณฑ์ เมื่ออายุได้ 19 ปี หลังจากสำเร็จการศึกษาด้านพาณิชยกรรมที่ฮ่องกง โดยทำงานในตำแหน่ง แคชเชียร์ คุณธนินท์ เข้ารับการศึกษาชั้นประถมที่โรงเรียนสารสิทธิ์พิทยาลัย อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี จนจบการศึกษาในปี พ.ศ. 2492 และได้ไปศึกษาชั้นมัธยมจนจบในปี พ.ศ. 2494 จากโรงเรียนซัวเถา ประเทศจีน และอุดมศึกษาในปี พ.ศ. 2499 จากสถาบันศึกษาฮ่องกงวิทยาลัย รวมทั้งผ่านการศึกษาอบรมจากวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร หลักสูตรภาครัฐร่วมเอกชน รุ่นที่ 1 ปี พ.ศ. 2532

ต่อมาได้โยกย้ายไปทำงานที่สหพันธ์สหกรณ์ค้าไข่แห่งประเทศไทย และบริษัท สหสามัคคีค้าสัตว์ จำกัด ตามลำดับ กระทั่งเมื่ออายุ 25 ปี ได้กลับมาทำงานอีกครั้งที่เจริญโภคภัณฑ์ ปัจจุบันเป็นผู้บริหารระดับสูงของเครือเจริญโภคภัณฑ์ รับผิดชอบบริหารงานในตำแหน่งประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักดีว่าเป็นบริษัทผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

กว่าจะขึ้นแท่นมหาเศรษฐีซื้อ-ขายไอเท็มเกม

อิทธิพัทธ์ กุลพงษ์วณิชย์ เขาเคยถูกตราหน้าว่าเป็นคนไม่เอาถ่าน ไม่สนใจการเรียน ชีวิตของเขา มีแต่คำว่า “เกม” เท่านั้น โดย ต๊อบ อิทธิพัทธ์ เริ่มเล่นเกมออนไลน์ Everquest มาตั้งแต่ ม.4 ถึงขนาดสะสมแต้มจนรวยที่สุดในเซิร์ฟเวอร์ และกลายเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงอย่างมากในเกมดังกล่าว จนมีฝรั่งมาขอซื้อไอเท็มเด็ดๆ ไอเท็มเจ๋งๆ ที่หายากในเกมจากเขา และนั่นก็เป็นการเริ่มต้นสร้างรายได้ของต๊อบ ซึ่งการซื้อขายไอเท็มเกมดังกล่าว บวกกับการที่เป็นผู้ทดสอบระบบเกมในฐานะคนเล่น ก็สร้างรายได้ให้เขาเป็นกอบเป็นกำ จนมีเงินเก็บเป็นหลักแสนบาทเลยทีเดียว

ด้วยความที่เป็นเด็กติดเกม ต๊อบ อิทธิพัทธ์ จึงเรียนจบชั้นระดับมัธยมมาได้อย่างยากลำบาก และเรียนต่อระดับอุดมศึกษาที่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ซึ่งตอนนั้นนั่นเองเขาก็เริ่มก้าวเข้าสู่ถนนแห่งเส้นทางธุรกิจ พร้อมตั้งใจจะทำความฝันของตัวเองให้เป็นจริงด้วยการมีธุรกิจเป็นของตัวเอง และในช่วงจังหวะที่เกมออนไลน์เริ่มไม่เป็นที่นิยมเหมือนเคย เขาก็หารายได้จากช่องทางอื่น ทั้งขายเครื่องเล่นวีซีดี ดูทำเลเปิดร้านกาแฟหน้ามหาวิทยาลัย แต่ก็ไม่เป็นที่ประสบความสำเร็จ  จนกระทั่งเขาได้ไปเดินงานแฟร์ ช่องทางธุรกิจ ซึ่งในงานนั้นมีแฟรนไชส์จากประเทศญี่ปุ่นมาออกบูธ ด้วยความที่เขาเป็นคนชอบกินเกาลัดอยู่แล้วเลยสนใจธุรกิจนี้เป็นพิเศษ จึงเข้าไปสอบถามค่าแฟรนไชส์เกาลัดดังกล่าว แต่ราคาสูงเกินกำลังที่เขามี เลยขอแค่เช่าตู้คั่วเกาลัดเท่านั้น แล้วมาสร้างแฟรนไชส์เป็นของตัวเอง และเมื่อวันที่เขาต้องไปเซ็นสัญญาซื้อขายเกาลัดที่ห้างแห่งหนึ่ง ก่อนออกจากบ้านเขาได้ยินคุณพ่อพูดกับเพื่อนว่า “ลูกอั้วกำลังจะเป็นเถ้าแก่น้อยแล้ว” คำว่าเถ้าแก่น้อยที่ได้ยินในตอนนั้น จึงเป็นที่มาของชื่อ “เถ้าแก่น้อย” สาหร่ายทอดกรอบในปัจจุบันนี้

กว่าจะขึ้นแท่นมหาเศรษฐีนักแสดงประกอบ

ปัญญา นิรันดร์กุล เป็นพิธีกรและนักแสดงชาวไทย เข้าสู่วงการบันเทิง ด้วยการแสดงภาพยนตร์ไทย เรื่องแรกคือ สืบยัดไส้ ในปี พ.ศ. 2521 ในบทบาท นักแสดงประกอบ และต่อมาในปีเดียวกัน ปัญญาจึงได้แสดงละครในบทพระเอกเป็นเรื่องแรกคือ ศรีธนญชัย ทางไทยทีวีสีช่อง 3 จากการชักชวนของ ภัทราวดี ศรีไตรรัตน์ และยังได้รับโอกาสแสดงบทพระเอกในภาพยนตร์ และละครโทรทัศน์อีกหลายเรื่อง โดยมีชื่อเสียงคู่กับ อรพรรณ พานทอง และ เพ็ญพิสุทธิ์ คงสมุทร ปัจจุบัน ปัญญา นิรันดร์กุล ดำรงตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน)

Praew Recommend

keyboard_arrow_up