รุ่นใหม่ รูปหล่อ ฟ้ารักพ่อผมไม่เกี่ยว! เปิดใจหมอเอ้ก-คณวัฒน์ “อย่าเลือกผมเป็นส.ส. เพราะหน้าตา”

account_circle

เปิดใจ หมอเอ้ก-คณวัฒน์ จันทรลาวัณย์ จากนายแพทย์ประจำบ้าน สาขาจักษุวิทยา สู่ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ กลุ่ม New Dem นักการเมืองรุ่นใหม่ ที่ตอนนี้กำลังมาแรง เพราะหน้าตาอันหล่อเหลาทำเอาสาวๆ กรี๊ดกร๊าด จนเกิดวลีเข้าคูหากาหัวใจ แต่สำหรับตัวเขานั้นบอกเลยว่า “ผมไม่เคยบอกว่าต้องเลือกผมเพราะหน้าตา”

เป็นอีกหนึ่งนักการเมือง คนรุ่นใหม่ในสนามเลือกตั้งที่น่าจับตามองไม่น้อย เพราะดูจากโปรไฟล์ของเขาแล้วก็ต้องบอกเลยว่า เก่งไม่ใช่เบา ซึ่งหลายคนอาจจะพอคุ้นหน้า คุ้นตา กันมาบ้างแล้วผ่านหน้าจอทีวี เพราะเขานั้นเคยผ่านงานในวงการบันเทิงมาก่อน แต่ก็เป็นแค่ช่วงระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่จะหยุดงานตรงนี้ไป โดยหมอเอ้กให้เหตุผลว่า “ถึงแม้ว่างานนี้จะทำรายได้ดี แต่ก็ไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริง”

ล่าสุดเราเห็นเขาอีกครั้งในหน้าจอโทรทัศน์ และในโลกของอินเตอร์เน็ต แต่ครั้งนี้หมอเอ้กกลับมาในฐานะของนักการเมือง ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส ที่จะลงเลือกตั้งในวันที่ 24 มีนาคม ที่จะถึงนี้ แพรวดอทคอมก็ไม่พลาดที่จะชวนหมอเอ้ก คณวัฒน์ มาร่วมพูดคุย ถึงที่มา และเหตุผลว่าทำไมถึงเลือกเส้นทางนี้กันค่ะ

ออกจากวงการบันเทิงเพราะอะไร

จริงๆ แล้วผมอยู่แปบเดียวนะครับ อยู่แค่ปีเดียวเอง ตอนนั้นยังเป็นช่วงวัยรุ่น ก็เลยได้มีโอกาสมาทำงานตรงนี้ ผ่านพี่ที่รู้จัก คือ พี่โกโก้ นิรุณ ลิ้มสมวงศ์ ที่เสียชีวิตไปแล้ว ถ้าถามว่าผมออกเพราะอะไร ผมรู้สึกว่าพอไปอยู่ตรงจุดนั้น มันไม่ใช่ตัวผม คนในวงการบันเทิงก็จะมีคาแร็คเตอร์อีกแบบหนึ่ง ซึ่งจริงๆ แล้วผมไม่ได้มีคาแร็คเตอร์ในแบบนั้น ประกอบกับในช่วงนั้นผมก็เริ่มเรียนหมอแล้ว และรู้สึกว่าตัวเองชอบวิชาการแพทย์มากกว่า ก็เลยขอเลือกที่จะทำเพียงอย่างเดียวครับ

เป็นหมอแล้ว ทำไมถึงอยากลงเล่นการเมือง

คือต้องบอกอย่างนี้ครับ ผมรู้สึกสนใจในเรื่องของบ้านเมืองมาตั้งแต่เด็กๆ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะคุณพ่อ คุณแม่ด้วยเพราะท่านปลูกฝังให้เราสนใจดูข่าวสารบ้านเมือง โดยเฉพาะ ในช่วง 14 ตุลาคม ที่มีการออกมาเรียกร้อง และเกิดปัญหาต่างๆ ผมก็เลยรู้สึกอินมาก แต่ท่านก็ไม่ค่อยอยากให้ผมเล่นการเมือง หรือยุ่งเกี่ยวกับการเมืองครับ ซึ่งก็มีผู้ใหญ่เตือนมาตลอดเหมือนกันครับว่าการเมืองเป็นเรื่องของผลประโยชน์

จนมาในช่วงมัธยมปลาย ที่กำลังสอบเข้าเรียนแพทย์ ผมจำได้ดีในปี 2549 มีการรัฐประหารเกิดขึ้น เกิดกลุ่มคนเสื้อเหลือง เสื้อแดง มาตลอด จนมาถึงวันนี่ที่ทำให้ผมรู้สึกว่าถึงเวลาแล้วหรือยังที่คนรุ่นใหม่อยากจะเห็นบ้านเมืองเดินไปข้างหน้าจริงๆ ไม่อยากให้วนกลับมาติดหล่มเหมือนเดิม เลยเลือกที่จะเข้ามาทำงานตรงนี้ ด้วยมุมมองที่ว่า ถ้าผมเป็นหมอไปเรื่อยๆ ผมได้ช่วยคนแน่นอนในช่วงชีวิตหนึ่งของผมอาจจะช่วยคนได้สักแสนคน แต่หากผมยึดมั่นในอุดมการณ์ ในทางที่ถูกต้อง ผมคิดว่าการที่มาทำการเมือง ทำงานที่พัฒนาบ้านเมือง มันจะได้ประโยชน์ต่อคนหมู่มาก

มองทิศทางของตัวเองในเส้นทางนี้ว่าอย่างไรบ้าง

การเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบเขต ผมเลือกเองครับ ผมคิดว่านี่จะเป็นจุดเริ่มต้น สำหรับความคิดผม ผมมองว่าการวางนโยบาย หรือการสร้างนโยบายอะไรก็ตาม เราอาจจะเรียนมา หรือเห็นในต่างประเทศ อยากจะผลักดันให้มันเป็นเหมือนเขา ถือเป็นเรื่องที่ดี เป็นเจตนาที่ดี แต่สุดท้ายการลงพื้นที่ การเจอกับพี่น้องประชาชนจริงๆ มองตาทุกวัน วันละ 100-200 คน คุณจะรู้เลยว่าจริงๆ แล้วพี่น้องประชาชน อาจจะไม่ได้ต้องการอะไรที่เหมือนเมืองนอก อาจจะไม่ต้องการที่เราคิดไปเองก็ได้

เราต้องมองเรื่องเกี่ยวกับขั้นพื้นฐาน เรื่องที่เกี่ยวกับชีวิตประจำวันของเขา เช่น เรื่องปากท้อง เรื่องวันนี้เขาจะหาข้าวให้ลูกกินได้อย่างไร เขาจะไปหาหมอต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ ต้องเสียรายได้เท่าไหร่ต่อวัน เราต้องมองเรื่องธรรมดาๆ พวกนี้ก่อน

นโยบายปลูกกัญชาเสรี และ LGBT คิดว่าสำคัญอย่างไรกับคนไทย และจะเปลี่ยนแปลงประเทศได้อย่างไร

เรื่องของกัญชา คือผมผลักดันในแง่ที่ว่ามันเป็นพืชเศรษฐกิจ หลายๆ คนที่ออกมาต่อต้าน หรือออกมาว่าผมว่าไปสนับสนุนให้คนมาเสพกัญชา ซึ่งจริงๆ แล้วผมไม่ได้มีความคิดที่จะให้คนมาเสพกัญชา โดยปราศจากการควบคุม ผมมองว่ามันเป็นเรื่องของพืชเศรษฐกิจ เพราะตอนนี้ตลาดโลกมันเปิดออกในเรื่องของกัญชาไม่ว่าจะเป็นการใช้ในการด้านการแพทย์ หรือ สันทนาการก็ตาม หลายๆ ประเทศผ่านกฎหมายที่ปลดล็อกเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็น ประเทศแคนาดา สหรัฐอเมริกา (บางมลรัฐ) ประเทศอุรุกกวัย และประเทศเนเธอร์แลนด์ ที่ให้คนสามารถที่จะมาเสพกัญชาได้ ตรงนี้เป็นโอกาสให้กับเกษตรกร และประชาชนคนไทย ที่จะสร้างรายได้ ผมมองในแง่นี้ ผมมองในแง่ของโอกาส เอาตรงนี้มาเป็นจุดแข็งของเรา ต้องบอกว่ากัญชาในประเทศไทยมีมานาน ถึงคุณจะบอกว่าไม่อยากให้ผ่านกฎหมาย แต่เราต้องมองให้ขาดว่าจะทำอย่างไรให้ได้ประโยชน์จริงๆ จากตรงนี้ ซึ่งในมุมมองของผม ผมอยากผลักดันให้กัญชาเป็นพืชเศรษฐกิจของไทยให้ได้ ไม่มีการผูกขาด ปกป้องสิทธิบัตร และรัฐต้องทำหน้าที่เป็นหัวหอกในการเปิดตลาดหรือผลิตภัณฑ์กัญชาของไทยให้ออกสู่ตลาดโลก

ส่วนในเรื่องของ LGBT ต้องบอกอย่างนี้ครับว่า พรรคประชาธิปัตย์และกลุ่ม New Dem แทบจะเป็นกลุ่มแรกๆ เลยที่ออกมาพูดว่าเราเข้าใจในพระราชบัญญัติคู่ชีวิต แต่อุดมการณ์ของเรา เรารู้สึกว่าอันนั้นไม่ใช่คำตอบ เรามองว่าทำไมต้องสร้างเพศที่ 3 ขึ้นมาหรือเพศอื่นๆ ขึ้นมา ทั้งๆ ที่เราทุกคนเหมือนกัน เพราะฉะนั้นเราถึงมุ่งประเด็นไปที่กฎหมายแพ่งมาตรา 1448 เพื่อให้บุคคลสองคน สามารถแต่งงานกันได้ไม่ใช่แค่เพศชายกับเพศหญิง ทุกคนควรได้สิทธิเท่าเทียมกัน อย่างในคอนเซปต์ของต่างประเทศจะมี คอนเซปต์หนึ่งที่เรียกว่า positive discrimination หรือการเหยียดในเชิงบวก เช่นกรณีของ LGBTQ ที่ไปบอกว่าเขาได้สิทธิเหมือนเรา แต่ดันไปสร้างอะไรที่ทำให้เขารู้สึกแปลกแยกออกไป ถ้าบอกว่าเขาเหมือนเราจริง ก็ไม่ควรไปสร้างอะไรให้เขาแตกต่าง

เหมือนกับเรื่องของหน้าตา หรือรูปลักษณ์ภายนอก อย่างปัจจุบันที่มีกระแสเรื่อง “ฟ้ารักพ่อ” ผมก็ไม่ได้ไปเกี่ยวข้องอะไร แต่ก็มีคนลากผมเข้ามาร่วมด้วยโดยบอกว่า “ถ้าชอบแต่หน้าตาไปชอบหมอเอ้กประชาธิปัตย์ดีกว่าไหม” ทำเอาผมรู้สึกว่า ผมไม่มีการศึกษาเลย อันนี้ก็เป็นการเหยียดในเชิงบวกอย่างหนึ่ง ซึ่งผมก็ได้กล่าวไปในหลายรายการว่า ผมขอบคุณนะที่ชอบผมเพราะหน้าตา มันเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ แต่การเลือกตั้ง หรือการเลือกใคร มันมีอะไรมากกว่านั้น ถ้าเกิดเสียเวลาแค่ห้าวินาทีมาดูเรื่องรูปลักษณ์ภายนอก ไม่ว่าจะเป็นผม คุณธนาธร หรือใครก็ตาม เสียเวลาอีกห้าวินาที หรือสิบวินาทีในการอ่านนโยบายเขาหน่อย ว่าเขาต้องการจะผลักดันอะไร และนโยบายของเขาทำได้จริงหรือไม่

คิดว่าการลงสมัครครั้งนี้ จะได้การรับเลือกไหม คาดหวังขนาดไหน

ผมคิดว่าทุกคนที่มาสมัครมีความคาดหวังอยู่แล้ว ว่าอยากจะได้รับการรับเลือก เป็นที่ไว้ใจของพี่น้องประชาชน แต่ในความคาดหวัง ก็มีการเตรียมใจอยู่แล้วบ้าง เพราะเราไม่รู้ว่าประชาชนครั้งนี้จะให้โอกาสเราหรือไม่ สำหรับผมไม่ว่าจะชนะหรือแพ้การเลือกตั้ง ผมก็อยากทำงานตรงนี้ ยังอยากเป็นปากเป็นเสียงให้กับพี่น้องประชาชน เพราะฉะนั้นหากผมไม่ได้รับเลือก ผมก็ยังจะทำเหมือนที่ทำอยู่ทุกวัน ในการลงเดินพื้นที่พบเจอพี่น้องประชาชน เอาปัญหาของพวกเขามาอยู่นโยบาย

คิดว่าคนอื่นจะมองไหมว่าใช้หน้าตามาเป็นแรงจูงใจให้เลือก

ผมไม่เคยบอกว่าต้องเลือกผมเพราะหน้าตา ผมคิดว่ามันเหมือนกับการอ่านหนังสือ บางคนอ่านปก ถ้าสนใจก็ไปอ่านเนื้อหาข้างในต่อ แต่บางคนไม่ชอบปกก็วางหนังสือลง แต่กับบางคนชอบปกซื้อหนังสือเลยก็มี มีหลากหลายรูปแบบ ผมไม่เคยโฆษณาปก ผมพยายามจะให้เห็นเนื้อหาหนังสือของผมมาโดยตลอด เพราะฉะนั้นก็อยากให้พี่น้องประชาชนลองดูว่าเนื้อหาหนังสือมันคืออะไร

ข้อดีของตัวคุณในฐานะนักการเมืองรุ่นใหม่ คิดว่ามีอะไรบ้าง

ผมคิดว่าคนที่เป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ คงมีความคิดว่าอยากจะมาเปลี่ยนแปลงอะไรที่ปัจจุบันเราติดหล่มทางการเมืองอยู่ แต่ผมพูดแบบนี้ไปก็อาจจะดูไม่แฟร์สำหรับนักการเมืองที่เข้ามาวงการนี้มาก่อน ผมคิดว่าหลายๆ ท่านก็มีความตั้งใจดีที่จะมาเปลี่ยนแปลงบ้านเมือง แต่ผมอยากเสนอในมุมมองแบบนี้แล้วกันว่า ในฐานะคนรุ่นใหม่ และ เป็นคนใหม่ในพื้นที่ เวลาผมลงพื้นที่ ผมต้องทำงานหนักกว่าคนอื่น ต้องขยันกว่าคนอื่น ทำอย่างไรให้คนจดจำเราได้ ทำให้คนรู้จักนโยบายที่เราอยากจะผลักดัน ทำให้คนเข้าใจว่าเขาเลือกเราแล้วจะได้อะไร ตรงนี้เป็นสิ่งที่ผมสู้เต็มที่ ผมมุ่งมั่นที่จะทำ ไม่รู้ว่าเป็นข้อดีหรือเปล่า แต่ว่าเป็นสิ่งที่ผมต้องทำ ในฐานะนักการเมืองรุ่นใหม่

ชอบผู้หญิงแบบไหน

เมื่อก่อนผมก็จะชอบผู้หญิงที่มีอารมณ์ มีความกุ๊กกิ๊ก อยู่ด้วยแล้วหรือรู้สึกมีความสุข แต่พอมาทำงานตรงนี้ผมรู้สึกว่า การทำอาชีพการเมืองเป็นอาชีพที่ต้องเสียสละเยอะมากๆ ซึ่งผู้หญิงที่จะเลือกมาเป็นแฟนในวันนี้  ผมชอบคนที่เข้าใจว่าคู่ชีวิตที่เขาเลือกจะเจออะไร และเขาสามารถช่วยอะไรได้บ้าง ดูแลอะไรได้บ้าง แต่พูดไปแบบนี้ก็จะไม่แฟร์ เพราะกลับกันแล้วเขาได้อะไรจากผมบ้าง ซึ่งถ้าหากตรงนั้นมันตรงกัน ผมก็โอเค ถ้าหากเป็นผู้หญิงที่เข้าใจตรงจุดนี้ ก็เพียงพอแล้วครับ


ภาพ : ดวงพร ใบพลูทอง

ขอบคุณสถานที่ถ่ายทำ ร้าน DOUBLE SLASH // coffee space  เชิงสะพานพระราม 8 ฝั่งธนฯ ติดกับคอนโด ชาโต อินทาวน์
Instagram : double.slash.coffee, Tel : 097-989-6499

 

Praew Recommend

keyboard_arrow_up