แม่หน่อย-นวลนง เผยวิวาห์ของลูกสาว แพนเค้ก กับ สารวัตรหมี ยังไม่เกิดขึ้นเพราะอยากให้การงานลงตัวก่อน พร้อมเปิดปากครั้งแรกเรื่อง สินสอด

หลังจากที่หมดสัญญากับทางช่องเดิม ก็เป็นที่ถูกจับตาอย่างมากสำหรับนางเอกสาว แพนเค้ก-เขมนิจ จามิกรณ์ ว่าเจ้าตัวจะไปอยู่ช่องไหน หรือจะเป็นนักแสดงอิสระ แต่เมื่อเจ้าตัวได้ตอบตกลงที่เข้าสังกัดของช่องทรู ก็ยังถูกเม้าท์กันหนาหูอีกว่า น่าจะไปไม่รอด เพราะหลายคนมองว่า เลือกออกจากที่สูงๆ ไปอยู่ที่ที่ไม่เปรี้ยง อีกทั้งอยู่บนความคาดหวังของหลายคนมาก ล่าสุดสาวแพนเค้กได้มานั่งเปิดใจในรายการ คุยแซ่บShow ทางช่อง one31 ที่มี พีเค ปิยะวัฒน์, เบนซ์ พรชิตา และเป๊กกี้ ศรีธัญญา เป็นพิธีกร โดยยอมรับว่า ในครั้งแรกที่มีการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ นั้น เธอรู้สึกกังวลใจเหมือนกัน เพราะถูกหลายคนคาดหัวหวังไว้สูงมาก รวมถึงเรื่องแต่งงานกับ สารวัตรหมี-พ.ต.ต.ศักดิ์สุนทร ที่งานนี้ แม่หน่อย-นวลนง จามิกรณ์ ขอเปิดปากเรื่อง สินสอด เป็นครั้งแรก
ล่าสุดเห็นว่าตัดสินใจจะย้ายสังกัดอีกครั้งเพราะอะไร?
แพนเค้ก : คือทุกๆ อย่างมันต้องมีการเปลี่ยนแปลง เรารู้สึกว่าเราก็เรียนรู้ตรงนั้นมาแบบที่เต็มในระยะเวลาหนึ่งแล้ว จริงๆ ณ ตอนนั้นเราคิดว่าเราควรจะเป็นฟรีแลนซ์ ลองได้ทำงานอื่นๆ กับคนใหม่ๆ ที่ใหม่ๆ ก็คงจะจะลองแบบนั้นดู แล้วเป็นช่วงเวลาพอดีที่ทรูเค้ามาคุยกัน เลยได้มีโอกาสเจอบ้านหลังใหม่ที่มีมุมมองคล้ายกัน และมาทำงานร่วมกันค่ะ
พอมีคนทักว่า ออกมามันจะไม่ดัง ไม่เปรี้ยง ใจเราหล่นไหม?
แพนเค้ก : ก็มีตุ๊บเหมือนกัน เพราะเรารู้สึกว่าการเปลี่ยนแปลง มันต้องโอเค เพียงแต่ว่ามันอยู่บนความคาดหวังของคนเยอะเหมือนกัน พอย้ายมาแล้วทุกอย่างจะต้องเปรี้ยง งานจะต้องดัง ต้องถูกใจฉันจริงๆ ซึ่งงานที่ทำกับทรู มันจะไม่ใช่งานที่หวือหวา แต่เป็นงานที่ต้องใช้เวลาอย่างฟิล์มซีรีส์ แต่ทางทรูจะมีหลายหน้ามาก ทั้งเรื่องของธุรกิจ เรื่องของการศึกษา คือเค้าทำหลายอย่างมาก เราก็ได้ไปร่วมเรียนรู้ประสบการณ์หลายอย่างมากค่ะ มันเป็นอะไรใหม่ๆ มากแต่ที่ผ่านมาเราก็ต้องต่อสู้กับเสียงของคนตลอดเวลา แต่แพนต้องกลับมาถามตัวเองว่าใจเราว่ายังไง เพราะหลายครั้งที่ใจเราเฟลเหมือนกัน
โดนดูถูกบ้างไหม ตอนที่เราย้ายไป?
แพนเค้ก : มีอยู่แล้ว ต้องมีคนพูดอยู่แล้ว มันเป็นการต่อสู้อยู่ข้างใน เราก็พยายามบอกตัวเองว่าเรามาในที่ที่ดี และเราอยู่กับคนที่เค้าอยากให้เราทำงานด้วย ก็เลยรู้สึกว่า เราต้องเดินหน้าต่อ เราก็ต้องแข็งแรงที่จะทำงานต่อไป สิ่งที่คนเห็นอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เค้าคาดหวังก็ได้ แต่ว่ามันเป็นชิ้นงานที่มีคุณภาพ แล้วก็ต้องบอกว่า ของดีต้องใช้เวลานิดนึง
มีคนถามมาอีกว่า ปีนี้จะหมดสัญญาจะอยู่ต่อ หรือจะเป็นฟรีแลนซ์ที่เราตั้งใจไว้?
แพนเค้ก : ต้องบอกว่าที่นี่มีความสุขจริงๆ ที่ได้ทำหลายอย่างมาก ก็เลยไม่ได้มองว่าจะเหลือเวลาเท่าไหร่ เพราะยังสนุกกับงานที่ทำอยู่ สิ่งที่เค้าแพลนไว้ก็เยอะมาก ตั้งแต่ที่เข้ามาเค้าก็บอกไว้แล้วว่า เดือนนี้จะทำอะไร เพราะตั้งแต่ทำงานมา ไม่เคยมีใครบอกเราเลยว่าจะให้เราทำอะไร ไม่เคยมีใครแพลนไว้ให้เลย ก็เลยคิดว่าอย่างน้อยทุกอย่างมันต้องใช้เวลาเรียนรู้หมด มันจะมาปุ๊บปั๊บรับโชคเลยไม่ได้ทั้งหมด คิดว่า ณ ตอนนี้ก็ยังอยู่กับทรูค่ะ
พี่หมีแนะนำอะไรเราบ้าง ในช่วงเวลาที่แย่ๆ?
แพนเค้ก : เขาให้กำลังใจ คืออยู่กับเรามาในหลายๆ ช่วงเวลาที่เราเปลี่ยน แต่สุดท้ายเขาก็บอกเรานะว่า สุดท้ายแล้วเราอยากจะทำอะไร แต่เขาจะมีมุมมองอื่นให้เสมอ ต้องค่อยๆ เรียนรู้ไป
เวลาเหนื่อยเค้าจะทำยังไง?
แพนเค้ก : จะพาไปทานข้าว พาไปทำกิจกรรมนู่นนี่นั่น เหมือนเอาใจมากกว่าให้กำลังใจค่ะ
กลัวอาถรรพ์เลข 7 ไหม?
แพนเค้ก : ไม่ถึงกับกลัว แต่ไม่อยากถึงกับคิดว่ามันไม่ใช่หรอก เหมือนเรารู้จักกันมาในช่วงระยะเวลาหนึ่งที่มันเต็มที่มาก เพราะฉะนั้นการที่จะเกรงใจกันเหมือนเดิม มันจะลดน้อยลง ถามว่าดีไหม มันก็ดีเหมือนเดิม และต้องปรับตัวกันตลอดเวลา

คบกันมาปีที่ 7 แล้ว ทำไมถึงไม่ยอมแต่งงาน?
แพนเค้ก : คือยังชิวๆ แล้วพี่หมีเขาทำงานที่ตรงกับความถนัดด้วย เราเลยบอกว่าให้ทำให้เต็มที่ไปเลย ไม่ต้องห่วง
คุณแม่หวงลูกสาวไหม?
แม่หน่อย : หวงไม่เท่าไหร่ คือแม่ฟรีสไตล์อยู่แล้ว แต่แม่อยากให้เจอคนที่ดีและมีเมตตาต่อกัน
มีข่าวพาดหัวว่า แม่ไม่ยอมให้แต่งงาน?
แม่หน่อย : คือแม่เคยขอโทษพี่หมีนะ ว่าพี่หมีแม่ขอโทษจริงๆ ว่าถ้ามีข่าวอะไรเกี่ยวกับเรื่องแต่งงาน แล้วทำให้ฝ่ายชายจะต้องแบบว่า คือเราให้เกียรติเค้าไง ในสังคมเราเป็นเรื่องปกติ ในสังคมของราชการเราจะต้องให้เกียรติเขา”
มีพาดหัวว่า จะแต่งงานต้องจบด๊อกเตอร์?
แพนเค้ก : อีกหลายปีเลยค่ะ กว่าจะจบ (หัวเราะ)
แม่หน่อย : คือแม่อยากให้ทั้งสอง ตัวพี่หมีเองเหมือนกับว่าหน้าที่การงานก็เหมือนลงตัว ไม่ต้องมากังวลอะไรทั้งสิ้น ส่วนแพนก็เป็นผู้ใหญ่เต็มที่ งานตรงนี้โอเคแล้ว พร้อมก้าวไปสู่บทบาทใหม่แล้ว ซึ่งบังเอิญตัวพี่หมีเองเป็นคนที่รักและมุ่งมั่นกับงานด้วยกันทั้งคู่ เพราะฉะนั้นเขาเลยไม่มีที่จะคิดว่าเมื่อไหร่จะมาขอสักที หรือว่ารอไม่ไหวแล้วนะ แม่เลยแฮ็ปปี้ไง
คนข้างนอกมองว่า แม่ไม่ปลื้ม?
แม่หน่อย : จริงๆ แล้วพี่หมีเป็นคนที่แม่กลัวมาก เพราะเขาเป็นคนที่มีคุณสมบัติที่ดีพร้อม จนเรากลัวว่าจะเสียลูกไปแน่นอน แต่แม่ขอบอกว่าแม่ถูกสังคมไอ้นั่นมากนะ เวลาพวกผู้ใหญ่ที่พูดถึงแม่ เขาจะบอกว่าให้ปล่อยลูกได้แล้ว ให้เขาได้มีชีวิตเค้าสองคนได้เแล้ว เพราะเขาชอบบอกว่าเราตัวติดกันสองคน แม่ก็พูดไม่ออกเหมือนกัน แม่ก็เลยกลายเป็นว่า เป็นมารอยู่ตรงกลาง

แม่จะปล่อยไหม?
แม่หน่อย : ตอนนี้แม่ขอบอกว่า แม่ไม่ไปไหนกับแพนเลย ถ้าไม่ใช่เรื่องงาน
พี่หมีดูแลแม่ดีหรือเปล่า?
แม่หน่อย : ดีมาก ข้อเสียเขาไม่ค่อยจะมี แม่ชั่งน้ำหนักแล้วว่าข้อดีมากกว่าข้อเสีย จริงๆแม่กลัวเขาเดินมาคุกเข่าขอนะ กลัวจะมีวันนั้น แม่เคยพูดกับแพนว่าใครก็ตามที่มาขอแพน แม่ไม่รู้จะไปทางไหนเหมือนกันนะ แต่วันนี้ยังมั่นใจว่า ทุกอย่างยังคงมีอะไรที่ทำให้เรายังต้องรอ
ถ้าเกิดวันที่พี่หมีมาขอล่ะ?
แม่หน่อย : แพนยังไม่ได้นึกค่ะ ขอข้ามช้อตนั้นไปก่อน เป็นชิวๆ แบบนี้โอเค คือไม่ได้จะไปไหนอยู่แล้วไง ก็ยังอยู่ตรงนี้ บอกเขาตลอด”
สินสอดประมาณเท่าไหร่ ถ้าสู่ขอจริงๆ?
แม่หน่อย : แม่พูดได้ว่าตอนที่แม่แต่งงาน ครอบครัวแม่เป็นข้าราชการทั้งคู่ เหมือนกัน ณ จุดนี้ ครอบครัวพี่หมีเป็นข้าราชการเหมือนกัน เวลาที่เราจะมีเรื่องตกร่องปล่องชิ้น เราจะพูดกันว่า ให้ดูตามความเหมาะสม คือเราคบกันมาขนาดนี้แล้ว ฝ่ายชายก็จะรู้ดีว่าเราเลี้ยงดูลูกยังไง ก็จะได้ดูแลกันต่อไปได้สะดวก
เรียก สินสอด ประมาณเท่าไหร่?
แม่หน่อย : แม่ขอบอกตรงๆว่า แม่เลี้ยงลูกมาเหมือนนางฟ้า ประคบประหงมอย่างดีที่สุด ก็หมายหมั้นว่า ถ้าจะลงตัวลงเอยกับใคร เราต้องหวังว่า ลูกจะต้องอยู่สุขสบายไปตลอดชีวิต เพราะฉะนั้นสินสอดที่แม่จะต้องบอกคือมันจะต้องมีปัจจัยหลายอย่าง แล้วพ่อแม่ไม่ใช่ว่าจะพูดพล่อยๆ ออกไปได้ แต่ด้วยเกียรติของครอบครัวเรา แม่คงขอวัดใจกันดีกว่า วัดใจในที่นี้คือ ในเมื่อคุณรู้ว่าเรารักลูกเรา คุณจะดูแลเขาเช่นไร และที่สำคัญที่สุด ถ้าคุณคิดว่า คุณจะมีคนอื่นในชีวิตอีก ก็อย่าเอาลูกเราไปเลย เพราะมันสำคัญยิ่งกว่าเม็ดเงินค่ะ
มากกว่าหลักร้อยล้านหรือเปล่า?
แม่หน่อย : คุณดูสิคะ ว่าดิฉันเลี้ยงลูกมายังไง ค่าเทอมเท่าไหร่ ไปซัมเมอร์ที่ต่างประเทศเท่าไหร่
ภาพจาก : Praew Weddingคุยแซ่บShow ทางช่อง one31