หลังจากพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 ของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 4-6 พฤษภาคม 2562 เสร็จสิ้นเรียบร้อยไปแล้วนั้น ก็ยังมีอีกหนึ่งพระราชพิธีสำคัญที่กำลังจะเกิดขึ้น นั่นคือ การเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ซึ่งถือเป็นพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเบื้องปลาย โดยจะจัดขึ้นในวันที่ 12 ธันวาคม 2562
ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว จะเสด็จพระราชดำเนินโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ไปยังวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร เพื่อทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน ซึ่งนับว่าเป็นพระราชพิธีที่หาชมได้ยากยิ่ง แพรวดอทคอม จึงรวบรวมเรื่องราวน่ารู้เกี่ยวกับ “ขบวนพยุหยาตราทางชลมารค” มาฝากทุกคนกัน เพื่อจะได้มีส่วนร่วมกับพระราชพิธีสำคัญนี้ได้อย่างถูกต้อง และซาบซึ้งกับขนบธรรมเนียมประเพณีอันงดงาม ศักดิ์สิทธิ์ และล้ำค่าได้อย่างสมบูรณ์
ความหมายของ “พยุหยาตราทางชลมารค”
เริ่มกันที่ความหมายของคำว่า พยุหยาตรา หรือที่โบราณท่านเรียก พยุหบาตรา หมายถึง ขบวนเสด็จพระราชดำเนินของพร
นอกจากนี้ ในสมัยก่อน คำที่ใช้เรียกกระบวนทัพ คือ พยุหบาตรา ดังจะเห็นได้จากพระราชพงศาวดารกรุงเก่า ฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์
“ขบวนพยุหยาตราชลมารค” ในสมัยโบราณ
ขบวนพยุหยาตราชลมารค มีมาแต่โบราณ ตั้งแต่สมัยสุโขทัย กรุงศรีอยุธยา กรุงธนบุรี กรุงรัตนโกสินทร์ เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน โดยในสมัยสุโขทัยนั้นปรากฏหลักฐานว่าพระร่วงทรงใช้เรือออกไปลอยกระทง หรือพิธีจองเปรียงลอยประทีป ณ กลางสระน้ำ พร้อมทั้งเผาเทียนเล่นไฟในยามคืนเพ็ญเดือนสิบสอง
ต่อมาในสมัยกรุงศรีอยุธยา ซึ่งเป็นเมืองเกาะล้อมรอบด้วยแม่น้ำลำคลองหลายสาย เส้นทางน้ำจึงเป็นเส้นทางคมนาคมที่สำคัญของชาวกรุงศรีอยุธยา ทั้งในยามศึกสงครามและยามสงบ มีกระบวนพยุหยาตราทางชลมารคที่สำคัญและมีหลักฐานบันทึกไว้ชัดเจน คือ กระบวนพยุหยาตราเพชรพวง ในรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ซึ่งเป็นกระบวนพยุหยาตราใหญ่ จัดเป็นกระบวนต่างๆ มีทั้งสถลวิธี (ทางบก) และชลวิธี (ทางน้ำ) หรือในรัชกาลพระเจ้าปราสาททองก็ได้ทรงสร้างเรือพระที่นั่งกิ่งขึ้น นอกจากนี้ ในสมัยกรุงศรีอยุธยายังเป็นต้นกำเนิดกาพย์เห่เรือของเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร์ ซึ่งเป็นแม่แบบของการแต่งกาพย์เห่เรือมาจนทุกวันนี้
สมัยกรุงธนบุรี พระเจ้าตากสินมหาราชทรงสร้างเรือรบและเรือราชพิธีขึ้นใหม่ เนื่องจากเรือที่มีอยู่เดิมแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยาถูกพม่าเผาไปเป็นจำนวนมาก แต่โดยส่วนใหญ่จะเป็นเรือรบ เนื่องจากในรัชสมัยของพระองค์เต็มไปด้วยการศึกสงคราม เรือที่ทรงสร้างในสมัยกรุงธนบุรี ได้แก่ เรือพระที่นั่งสุวรรณพิไชยนาวาท้ายรถ เรือพระที่นั่งศรีสักหลาด และเรือโขมดยาปิดทองทึบ
ขบวนพยุหยาตราทางชลมารค พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562
การเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ซึ่งเป็นอีกหนึ่งพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเบื้องปลายของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว จะจัดขึ้นในวันที่ 12 ธันวาคม 2562 โดยเริ่มการฝึกซ้อมย่อยตั้งแต่ช่วงเดือนสิงหาคมจนถึงเดือนธันวาคม
ขบวนพยุหยาตราทางชลมารค พระราชพิธีบรมราภิเษก พุทธศักราช 2562 ของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ประกอบด้วยกำลังพลประจำเรือในทุกริ้วขบวน จำนวน 2,200 นาย ใช้เรือพระราชพิธีทั้งสิ้น 52 ลำ รวมถึงเรือพระที่นั่ง 4 ลำ ประกอบด้วย เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ เรือพระที่นั่งอนันตนาคราช เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ 9 และเรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์ ซึ่งในการนี้ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว จะเสด็จประทับเรือพระทั่นั่งสุพรรณหงส์ โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารคจะเริ่มจากท่าวาสุกรีไปยังวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร ระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร

ข้อมูลและภาพ : พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช๒๕๖๒, www.phralan.in.th, www.khaosod.co.th