เจ้าหญิงชาร์ลอตต์

เผยชีวิตในวัง! อดีตพี่เลี้ยงเล่าความต่างของ เจ้าชายจอร์จ เจ้าหญิงชาร์ลอตต์ และเจ้าชายหลุยส์

account_circle
เจ้าหญิงชาร์ลอตต์
เจ้าหญิงชาร์ลอตต์

ถ้าใครเป็นแฟนราชวงศ์อังกฤษ คงพอจะสังเกตได้ว่า เจ้าชายจอร์จ เจ้าหญิงชาร์ลอตต์ และเจ้าชายหลุยส์ ต่างก็มีคาแร็กเตอร์เป็นของตัวเองชัดเจนเวลาออกงาน แต่ล่าสุด แคโรไลน์ เรดเกรฟ อดีตพี่เลี้ยงหลวงคนสนิทที่เคยดูแลทั้งสามพระองค์ ได้ออกมาเผยโมเมนต์น่ารักๆ ในชีวิตประจำวันของเหล่าเจ้าตัวน้อย ว่าที่จริงแล้วพวกเขาเป็นยังไงเวลาอยู่บ้าน

เผยชีวิตในวัง! อดีตพี่เลี้ยงเล่าความต่างของเจ้าชายจอร์จ เจ้าหญิงชาร์ลอตต์ และเจ้าชายหลุยส์

(Photo by Isabel Infantes-WPA Pool/Getty Images)

แคโรไลน์ซึ่งทำหน้าที่พี่เลี้ยงให้กับลูกๆ ของเจ้าชายวิลเลียมและเจ้าหญิงเคทนานถึง 5 ปี เล่าว่า “ช่วงเย็นเป็นเวลาที่พวกเขาผ่อนคลายที่สุด และนั่นแหละที่ทำให้ได้เห็นว่าพวกเขาเป็นเด็กที่เติบโตมาอย่างมีพื้นฐานดี สุภาพ ขี้เล่น และเต็มไปด้วยเสน่ห์”

กิจวัตรประจำวันตอนเย็นของเด็กๆ คือ “เริ่มจากอาบน้ำอุ่น เล่นเงียบๆ อ่านนิทาน แล้วก็นอน” แคโรไลน์แอบกระซิบว่า แม้จะเป็นเจ้าชาย เจ้าหญิง แต่สกินแคร์รูทีนก็เรียบง่ายสุดๆ “แค่น้ำอุ่น ผ้านุ่มๆ และสบู่จากพืชธรรมชาติ ไม่มีสารเคมี ไม่มีอะไรยุ่งยากเลย”

ที่น่าสนใจคือ ทั้งสามพระองค์มีสไตล์การเล่นที่ต่างกันชัด เจ้าชายจอร์จเป็นสายช่าง ชอบต่อบล็อกและของเล่นตัวต่อ ส่วนเจ้าหญิงชาร์ลอตต์เป็นหนอนหนังสือตัวจริง มักจะหยิบหนังสือมาอ่านก่อนนอน ส่วนเจ้าชายหลุยส์น่ารักสุดๆ เพราะโปรดการเล่นกับตุ๊กตาผ้า

“ไม่มีเวลาให้หน้าจอในช่วงเย็นเลย” อดีตพี่เลี้ยงย้ำ “ทุกอย่างเน้นให้ช้าลง สงบลง” และก่อนจะปิดไฟนอน เด็กๆ ก็จะได้จิบนมอุ่นๆ กับของว่างเบาๆ อย่างกล้วยหรือข้าวพอง


 

โทนี่ รากแก่น

เบื้องหลังชีวิต โทนี่ รากแก่น การละทิ้งแสงสี สู่ชีวิตเรียบง่าย @บ้านรากแก้ว

Alternative Textaccount_circle
โทนี่ รากแก่น
โทนี่ รากแก่น

จากนักแสดงหนุ่มฮอต สู่ชีวิต Slow Life ที่ “บ้านรากแก้ว” ของ โทนี่ รากแก่น การละทิ้งแสงสี สู่การใช้ชีวิตเรียบง่ายท่ามกลางธรรมชาติ พร้อมแนวคิดแบบยั่งยืนที่น่าสนใจ

ภาพจําที่ทุกคนเคยรู้จัก โทนี่ รากแก่น คือนักแสดงเจ้าบทบาท หรือ แฟชั่นนิสต้าสุดเท่ แต่วันนี้คงต้องทบทวนกันใหม่ เมื่อเขาลดบทบาทในงานบันเทิง แล้วเลือกเส้นทางสู่ธรรมชาติที่บ้านสวนสไตล์คลาสสิก เรือนหอของเขากับ “แก้ว จริญญา ศิริมงคลสกุล” ภรรยาผู้มีส่วนสําคัญในการเปลี่ยนแปลง วันนี้ แพรว มาเยี่ยม “บ้านรากแก้ว” พูดคุยกับเขาถึงการเลือกลดละจาก วิถีคนเมืองสู่ชีวิตที่รายล้อมด้วยพื้นที่สีเขียว พร้อมวิธีการดูแลสุขภาพแบบยั่งยืน

โทนี่ รากแก่น

มนุษย์ Introvert

“ช่วงชีวิตที่ผมคิดว่าวุ่นวายที่สุดคือตอนอายุประมาณ 27 ปี ที่ได้ลองทํา อะไรหลายอย่าง เหมือนเป็นการค้นหาตัวเอง บวกกับเพิ่งเรียนปริญญาตรีด้าน การโฆษณา (RMIT University) ที่ประเทศออสเตรเลีย พอกลับมาได้ฝึกงาน เป็น Art Director ที่บริษัทลีโอ เบอร์เนทท์ (ประเทศไทย) จํากัด ระหว่างนั้น มีแมวมองชวนให้ประกวด The Cleo Bachelor 2008 เป็นเวทีที่ผลักดัน คนรุ่นใหม่ให้มีโอกาสในวงการบันเทิง ครั้งนั้นผมได้รางวัล Best Hair ทําให้ มีคนรู้จักมากขึ้น มีงานถ่ายแบบเข้ามาเรื่อย ๆ วันหนึ่งพี่ลูกเกด (เมทินี กิ่งโพยม) ชวนไปทํางานที่ร้าน The Lounge Hair Salon ที่สุขุมวิท เพราะรู้ว่าผมเคยเป็น ช่างทําผมอยู่ที่ต่างประเทศ ตอนนั้นฝึกงานจบพอดี”

“ทํางานสักพักมีโอกาสไปแคสต์ภาพยนตร์เรื่อง Big Boy (2010) ของ ค่าย M39 ถือเป็นจุดเริ่มต้นในวงการบันเทิงอย่างจริงจัง ซึ่งพอได้แสดงก็รู้สึก ชอบนะ คิดว่าตัวเองทําได้ดี จึงเลิกเป็นช่างทําผม ตั้งเป้าไว้เลยว่าจะดําเนินชีวิต ไปในเส้นทางของการเป็นนักแสดง”

“งานนี้ให้อะไรกับผมหลายอย่าง การรับบทบาทเป็นตัวละครต่าง ๆ ทําให้เข้าใจความหลากหลายของอารมณ์ ความรู้สึก ความคิดของมนุษย์ ได้เรียนรู้พฤติกรรมของมนุษย์ไปเรื่อย ๆ อย่างครั้งหนึ่งผมรับบทเป็นนักสเกตบอร์ด ที่มีบุคลิกเอกซ์โทรเวิร์ต กล้าแสดงออกมาก ๆ ตรงข้ามตัวตนที่อินโทรเวิร์ต”

“ต้องเล่าก่อนว่าการที่ผมมีโลกส่วนตัวสูงไม่ได้กระทบต่ออาชีพนักแสดงนะเพราะเมื่อถึงหน้างานผมก็พร้อมทํางานเต็มที่ อย่างเวลาเล่นละครผมใช้วิธีเข้าไป เป็นตัวละครนั้นจริงๆ ตอนเล่นซีรีส์ SOS skate ซึม ซ่าส์ (2017) ที่ต้องรับบทเป็น “ไซม่อน” ตัวละครที่เอกซ์โทรเวิร์ตแบบสุดโต่ง ผมทําการบ้าน ปรับเปลี่ยนวิธีคิด หลายอย่าง เช่น ปกติชอบอยู่บ้าน แต่ตอนนั้นใครชวนไปไหนก็ไป ปาร์ตี้เกือบทุกวัน เพื่อให้ตัวเองได้เข้าไปอยู่ในโลกของไซม่อนให้มากที่สุด กว่าจะแกะคาแร็คเตอร์นี้ ให้หลุดออกไปต้องอาศัยการปฏิบัติธรรม เพื่อให้มีสติสัมปชัญญะมากขึ้น” (ยิ้ม)

โทนี่ รากแก่น

อยากอยู่อย่างนี้ไปนานๆ

อีกหนึ่งจุดเปลี่ยนของโทนี่มาจากการได้พบคู่ชีวิตที่ทําให้เขาอยากใช้ชีวิต ที่ชอบกับคนที่รักไปนานแสนนาน “ผมมีปมเรื่องความอบอุ่นในครอบครัว แยกทางกัน จึงทําให้ที่ผ่านมาพยายามมองหาความมั่นคงในความรักมาตลอด จนได้พ่อแม่มาเจอแก้วที่สอนให้ผมเข้าใจว่าการจะสร้างความมั่นคงตัวเราเองก็ต้องมั่นคงด้วยการใช้สติ รู้จักยับยั้งชั่งใจบวกกับคุณพ่อแก้วเป็นสุภาพบุรุษ ยกให้ครอบครัวเป็นที่หนึ่ง ไม่เคยว่อกแว่ก ทําให้แก้วมีภาวะของความรักที่เข้มแข็งมาก ถ้าเขาเจอคู่รักที่ไม่โอเคก็พร้อมที่จะเดินออกมาโดยไม่ลังเล ผมก็ได้เรียนรู้ จากตรงนั้น และรู้สึกว่าผมก็ควรจะดี เพื่อสร้าง ความมั่นคงทางความรู้สึกให้กับแก้ว และแก้วเองก็จะพร้อมสร้างความมั่นคงให้ผมด้วยเช่นกัน”

“เราทั้งคู่ค่อย ๆ พัฒนามาด้วยกัน จนมาถึง จุดที่ไม่จําเป็นต้องกังวลเรื่องความสัมพันธ์อีกแล้ว แต่พากันไปเรียนรู้เรื่องอื่น ๆ และตอนนี้เราทั้งคู่ก็ สนุกกับชีวิตมาก ๆ แก้วชอบชวนผมไปเดินป่าเขา ไปในที่ที่ไม่เคยไป ได้เติมประสบการณ์ร่วมกันทําให้เกิดความสัมพันธ์ที่คิดว่าคงหาไม่ได้อีกแล้วผมอยากรักษาความสัมพันธ์นี้ อยากมีสุขภาพแข็งแรง เพื่อให้ได้ใช้ชีวิตแบบนี้กับเขาไปอีกนาน ๆ”

สู่วิถีธรรมชาติ

“คุณพ่อผมเสียด้วยมะเร็งถุงน้ําดีเมื่ออายุ 70 กว่า ผมอยู่ในทุกกระบวนการความเจ็บปวดนั้น เห็นทุกอย่างจนรู้สึกไปกับเขาด้วย ผมพยายามศึกษาหาสาเหตุของการเป็นมะเร็ง รวมถึงวิธีการรักษาในแบบธรรมชาติมาปรับใช้กับคุณพ่อ แต่ไม่สําเร็จ”

“ผมพบว่าเพราะเราเริ่มทําที่ปลายเหตุ จึงคุยกับแก้วว่าในเมื่อมีชุดข้อมูลแล้ว หันมาดูแลสุขภาพกันดีกว่า เพราะผมกลัว ไม่อยากเจ็บเหมือนคุณพ่อ เรื่องโรคภัย เป็นสิ่งทีใกล้ตัวมาก เมื่อศึกษาลึกลงไปจะพบว่าอาหารส่วนใหญ่มาจากระบบ อุตสาหกรรม ซึ่งกรรมวิธีการผลิตอาจมีสารเจือปนที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงในการเป็น โรค โดยเฉพาะ NCDs หรือกลุ่มโรคที่เกิดจากนิสัยหรือพฤติกรรมการดําเนินชีวิต ที่ค่อยๆ สะสมอาการอย่างต่อเนื่อง เช่น โรคมะเร็ง เบาหวาน เมื่อคีย์เวิร์ดสําคัญ อยู่ที่การกิน ฉะนั้นเพื่อความปลอดภัยก็ควรต้องปรุงกินเอง”

“จะเห็นว่าเวลาผมสนใจเรื่องไหนเป็นพิเศษจะค่อนข้างเนิร์ด พยายามศึกษา ไปให้ถึงแก่น เพื่อให้รู้จริงและนํามาปรับใช้ ดูจากยูทูบบ้าง รวมถึงเดินทางไปเรียนรู้ ด้วยตัวเองกับอาจารย์ต่าง ๆ อย่างเช่น อาจารย์ปัญญา ปุลิเวคินทร์ ผู้อํานวยการ ศูนย์ภูมิรักษ์ธรรมชาติ จังหวัดนครนายก”

“ผมได้ความรู้เรื่อง บันได 9 ขั้น” มาจากอาจารย์ และยึดแนวคิดนี้ในการดําเนินชีวิต ขั้นแรกคือ ให้มีกิน” ปลูกสิ่งที่สามารถกินได้ ขั้นที่สอง ให้มีใช้ โดย ปลูกสิ่งที่นํามาใช้ได้ในอนาคต เช่น พรรณไม้ต่าง ๆ อย่างไม้กระถินหรือไม้ไผ่ ขั้นที่สาม ให้มีที่อยู่อาศัย” ด้วยการเลือกทําเลที่ตั้งอย่างเหมาะสม ขั้นที่สี่ ให้มีความร่มเย็น ซึ่งเมื่อมีสภาพแวดล้อมที่ดีแล้ว ความร่มเย็นจะตามมา ขั้นที่ห้า ทําบุญ” เมื่อมีผลผลิต เยอะก็นําไปทําบุญบ้าง ขั้นที่หก ทําทาน”

“แจกจ่ายเพื่อนบ้านหรือคนทั่วไป ขั้นที่เจ็ด “แปรรูป” นําผลผลิตที่ได้มาแปรรูปเป็นอาหาร อย่างผมปลูกต้นกล้วยไว้เยอะ ก็ นําไปทําบานาน่าไซเดอร์วินีการ์หรือน้ําส้มสายชูหมักกล้วย โดยนําน้ําตาลและ กล้วยลงไปหมักในโหล ทิ้งไว้ประมาณ 15 วันก็สามารถนําน้ําที่ได้มาดื่มหรือ ประกอบอาหาร เพราะจากการศึกษาเรื่องกิน ผมพบว่าสิ่งสําคัญที่เราควรกินคือ โพรไบโอติกส์ที่เกิดจากการหมัก เช่น กล้วย มะละกอ หมักเป็นวินการ์ คอมบุฉะ (ชาหมัก) หรือทํากิมจิ ส่วนขั้นที่แปด “การขาย” คือนําผลผลิตไป จําหน่ายให้เกิดรายได้ และเก้า สร้างเครือข่าย” หากลุ่มที่ปลูกพืชคล้าย ๆ เรามาดําเนินกิจกรรมร่วมกัน อย่างการสร้างตลาดหรือแบรนด์สินค้าเฉพาะกลุ่ม”

“ตอนนี้ผมอยู่ในขั้นที่เจ็ด คือการแปรรูป ส่วนจะไปถึงขั้นที่แปดหรือเก้าไหม ยังนึกภาพนั้นไม่ออก ด้วยความที่ยังมีรายได้จากการทํางานในวงการบันเทิงอยู่บ้าง อย่างงานพรีเซ็นเตอร์ ผมแพลนไว้ว่าจะแบ่งเวลาจากพาร์ตในวงการบันเทิงมาทํางานเกษตรเพื่อการเรียนรู้ก่อน ถ้าวันไหนพร้อมมีความรู้มากพอ ค่อยก้าวสู่ขั้นถัดไป เพราะผมอยากให้ผลผลิตที่ออกไปมีคุณภาพมากที่สุด”

Slow Life

ไลฟ์สไตล์ตอนอยู่ในวงการบันเทิงกับชีวิตตอนนี้อาจเรียกได้ว่าเป็นคนละคนเลย โทนี่ รากแก่น ในตอนนี้ ทั้งความคิดการดําเนินชีวิต และเป้าหมาย “ยอมรับว่าผมเปลี่ยนไปเยอะครับ อย่างตอนอยู่ในวงการบันเทิงความที่ธรรมชาติของผมไม่ค่อยชอบเป็นที่สนใจทําให้ต้องผลักดันตัวเองตลอดเวลา เพื่อให้มี เอเนอร์จี้พอสําหรับการทํางานและพบเจอผู้คนพอทําจนเคยชินจึงกลายเป็นนิสัยที่สองของผม “วันที่คุยกับแก้วว่าผมอยากโฟกัสการเพาะเมล็ด หมักดินให้สําเร็จ ถ้าให้ผมทําทั้งงานนักแสดง และงานเกษตรไปด้วยพร้อมกันอาจโดนตําหนิ เพราะการปรากฏตัวแบบตัวค่า หน้าดํา เล็บก็ดํา ผิดกฎข้อแรกในการทํางานวงการบันเทิงของผม คือความซื่อสัตย์ กับงาน เรียกว่าตอนนั้นผมมีแพสชั่นในการสร้างระบบนิเวศให้สําเร็จมากกว่า งานแสดง จึงขอเบรกไว้ก่อน แล้วพอได้ลองปลูกผักปลูกต้นไม้ก็รู้สึกว่าตัวเอง เหมาะกับตรงนี้มากกว่า เพราะเหมือนได้อยู่กับตัวเอง ไม่ต้องรับมือกับคนอื่น ๆ ซึ่งตรงกับตัวตนของผมที่สุด”

“ผมว่าทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้ตลอด แต่วันนี้ผมพูดได้เต็มปากว่ามีความสุข กับการได้อยู่กับธรรมชาติ ที่สุดจึงบอกแก้วว่าคงไม่ทํางานแสดงแล้ว เพราะต้อง ใช้กระบวนการของความรู้สึกเยอะ ไม่สอดคล้องกับการดูแลสุขภาพตามเป้าหมาย ของผม แต่งานพรีเซ็นเตอร์หรือถ่ายแบบที่ทํางานระยะสั้น ๆ ยังรับอยู่นะครับ” หลายคนที่เคยเห็นคลิปวิดีโอที่คุณแก้วนําวัตถุดิบที่ปลูกในบ้านมาปรุงอาหารอาจมีคําถามว่าชีวิตจริงเป็นแบบนั้นหรือเปล่า “เราทําแบบนั้นประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ อีก 30 เปอร์เซ็นต์ก็มีกินข้าวนอกบ้านบ้าง สั่งอาหารบ้างในวันที่ไม่ว่าง แต่ส่วนใหญ่ จะทําเอง เพราะตั้งใจไว้แล้วว่าปลูกเพื่อนํามากิน ถ้าปลูกแล้วไม่ใช้ทําอะไร ก็เหมือนปลูกทิ้งขว้าง ไม่เกิดประโยชน์ แต่ในอนาคตตั้งเป้าว่าจะทําให้ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ คือไม่ซื้ออาหารข้างนอก ทําให้ทุกอย่างเกิดขึ้นในบ้านได้ แต่อาจจะยากหน่อย เพราะผมเคยคิดอยากเลี้ยงปลาทับทิมไว้กิน แต่สุดท้ายไม่กล้าฆ่า มากสุดตอนนี้ จึงทําได้แค่การกินผักผลไม้ที่ปลูกหรือแปรรูปไว้”

“ส่วนใหญ่เรื่องการทําอาหาร แก้วทําครับ ผมทําไม่ค่อยเป็น (หัวเราะ) แก้ว มีพรสวรรค์มาก ผมชอบทุกเมนูเลย โดยเฉพาะแกงอ่อมที่มีผักชีลาว ใบมะรุม มะเขือต่าง ๆ แล้วยิ่งประเทศเรามีพืชผักที่สามารถนํามากินได้มากมาย หลายคน อาจไม่รู้ อย่างมะม่วงนอกจากผลของมัน ใบยังนํามาปรุงอาหารอร่อยมากครับ แก้วจะคอยดูว่าวันนี้มีต้นอะไรออกดอกออกผลบ้าง แล้วคิดเมนูต่าง ๆ”

“การได้ใช้ชีวิตแบบนี้ทําให้ผมเข้าใจเรื่องระบบนิเวศที่เป็นกลไกในธรรมชาติอย่างเช่น การที่ต้นไม้รากเน่าเพราะไม่แข็งแรง จึงมีเชื้อรามากิน เพื่อทําการ ย่อยสลายกลายเป็นสารอาหารให้กับสิ่งอื่น มองย้อนกลับมาที่ตัวเรา กระบวนการ ก็คล้ายกัน ถ้าให้จําแนกร่างกายจะประกอบด้วยเซลล์ต่าง ๆ ถ้าอยากมีสุขภาพดี ก็ต้องทําให้เซลล์ในร่างกายแข็งแรง จึงจะสามารถฮีลตัวเอง ผลิตผิวหนังหรืออวัยวะขึ้นมาใหม่ได้ในยามเจ็บป่วย เมื่อเข้าใจธรรมชาติเหล่านี้ ทําให้ผมรู้สึกมั่นคงในการดําารงชีวิตมากขึ้น”

บ้านรากแก้ว

จากแพสชั่นในการดูแลสุขภาพ นํามาสู่การสร้างบ้านสวนหรือ “บ้านรากแก้ว” ที่กั้นตัวเองจากโลกวุ่นวายภายนอกด้วยกําแพงสูงสีขาว เมื่อผ่านกําแพงเข้าไปแล้ว จะพบกับบรรยากาศร่มรื่น เต็มไปด้วยต้นไม้ ราวกับเป็นอีกโลกหนึ่ง “เริ่มจากการที่พวกเราอยากหาพื้นที่ปลูกผัก จึงตัดสินใจทําบ้านสวน โชคดีว่า คุณพ่อแก้วซื้อที่ดินตรงนี้ไว้นานแล้ว ช่วงแรกบ้านมีพื้นที่แค่นิดเดียว ความที่ผม อยากใช้ชีวิตเหมือนการอยู่ในป่า ทําบ้านหลังเล็กๆ มีเฉพาะพื้นที่ที่ใช้งานจริง ห้องน้ํา ครัว ห้องนอน ส่วนพื้นที่ข้างบ้านขุดเป็นบ่อน้ํา ปลูกต้นไม้ ทําแปลงผัก แต่ตอนหลัง ผมเริ่มสนุก อยากมีห้องเพิ่มอีก ทั้งห้องทํางาน ห้องเก็บของ และห้องนอนที่ใหญ่ขึ้น”

“แต่ไม่สามารถขยายพื้นที่แนวกว้างได้แล้ว เพราะติดบ่อน้ํา จึงต้องไปขยาย ทางแนวยาวแทน จนที่สุดบ้านมีความยาวถึง 72 เมตร เวลาเดินที่ต้องผ่านทุกห้อง (หัวเราะ) คอนเซ็ปต์ของบ้านหลังนี้คือมีความเป็นเรือนไทย ไม่ใช่ด้วยวัสดุ แต่ปลูกทิ้งขว้าง ไม่เกิดประโยชน์ แต่ในอนาคตตั้งเป้าว่าจะทําให้ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ คือไม่ซื้ออาหารข้างนอก ทําให้ทุกอย่างเกิดขึ้นในบ้านได้ แต่อาจจะยากหน่อย เพราะผมเคยคิดอยากเลี้ยงปลาทับทิมไว้กิน แต่สุดท้ายไม่กล้าฆ่า มากสุดตอนนี้ จึงทําได้แค่การกินผักผลไม้ที่ปลูกหรือแปรรูปไว้ เป็นการยกพื้นสูง เพื่อให้มีความโปร่งและคำนึงถึงทิศทางลม ความที่ผมอยากใช้ชีวิตแบบเอ๊าต์ดอร์ เพรระก่อนหน้านี้อยู่แต่ในเมือง จึงตกแต่งข้างให้เป็นพื้นที่นั่นส่น ลมพัดตลอด ไม่ทำให้รู้สึกอึดอึดอัด เพิ่มบ้านต้นไว้นั่งทำสมาธิ ใช้เวลาประมาณ 2 – 3 ปีกว่าที่บ้านจะเสร็จสมบูรณ์”

“ผมว่าบ้านนี้สะท้อนตัวตมได้เยอะเหมือนกัน คือการเป็นคนเมือง แต่ต้องการพื้นที่ปลึกวิเวกออกมาอยู่กับธรรมกติ แต่ไม่ถึงขั้นเข้าไนป่า ยังคงติดอยู่กับความสวยงามบ้าง แต่ขมเดียวกันก็พร้อมที่จะปรอะเปื้อน ผมรัสึกว่าการใช้ชีวิตแบบนี้ไม่ได้เรียบง่าย เพราะมีดีเทลเยอะกว่าตอนทำงานเป็นนักแสดงอีกอย่างการจะปลูกผักซนิดหนึ่ง ต้องเพาะเมล็ด พอครบ 4 วันก็ย้ายต้นกล้าลงกระถางพบครบ 6 วันย้ายไปลงแปลง ต้องประทบประหงม ดูแลรดน้ำ ต้องมีตาราหาว่าวันจันทร์ถึงวันศุกร์จะทำอะไร ฉะนั้นการทำเกษตรไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่หลายคนเข้าใจ บวกกับความเป็นคนเมืองของผมที่ไม่เคยปอะไรสำเร็จมกก่อน พอมาทำสิ่งนี้จึงค่อนข้างยาก เพราะต้องเรียนรู้ใหม่เองทั้งหมด”

Wabi-Sabi ความงามที่ไม่สมบูรณ์แบบ

คติประจําใจของโทนี่ที่ยึดไว้เป็นหลักในการดําเนินชีวิตคือ Wabi-Sabi ปรัชญาของญี่ปุ่นที่ว่าถึงการหัดยอมรับในสิ่งที่ไม่สมบูรณ์แบบและความไม่แน่นอน ตามกาลเวลา “ผมชอบแนวคิดนี้ เพราะรู้สึกว่ามีความเป็นจริงสูง ทุกอย่างไม่ถาวร แม้กระทั่งความรู้สึกของคน สิ่งที่จะทําให้ยั่งยืนมากขึ้นคือการรักษา แต่เมื่อถึงเวลา ที่ต้องเปลี่ยนแปลง เราก็ต้องพร้อมรับมือ ขึ้นอยู่กับว่าจะเลือกเดินไปในทิศทางไหน บางทีทางเลือกของเราอาจจะผิด ไปในแนวดาร์กโดยไม่ได้ตั้งใจ ก็แค่พาตัวเอง ออกมาจากตรงนั้น และเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะรู้สึกว่าที่ตรงนั้นคือที่สําหรับเรา จริง ๆ แต่ถ้าถามว่าจะเปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิตแบบนี้ไปทําอย่างอื่นอีกไหม คําตอบ ก็คือคงยากแล้ว เพราะตรงนี้เป็นพื้นที่ที่ผมสบายใจและมีความสุขที่สุดครับ (ยิ้ม) “

“สําหรับใครที่กําลังจะเริ่มต้นเส้นทางใหม่ในชีวิต จงซื่อสัตย์กับความรู้สึก ตัวเอง การเปลี่ยนแปลงนี้หมายถึงการนําพาตัวเองไปสู่พื้นที่ที่ไม่คุ้นเคย ฉะนั้นต้องอาศัยความกล้าในการออกไปเผชิญ ถ้าเป็นไปได้ก็พยายามละความกลัวที่เป็น ปัจจัยสําคัญที่ทําให้คนเราไม่กล้าเปลี่ยนแปลง ไม่กล้าทดลองทําสิ่งใหม่ ๆ ใครจะรู้ว่าถ้าได้ก้าวออกไปอาจจะพบกับพาร์ตที่ดีที่สุดในชีวิตเลยก็ได้”

เรื่อง Prince

ภาพ วรสันต์ ทวีวรรธนะ

ทบทวน 5 สิ่งควรรู้ นับถอยหลังสู่พรมแดง Met Gala 2025

Alternative Textaccount_circle

ใกล้เข้ามาทุกที! สำหรับงานใหญ่ประจำปีอย่าง “Met Gala 2025″ ที่เหล่าแฟชั่นนิสต้าต้องติดตาม ซึ่งปีนี้จัดขึ้น ในวันจันทร์ที่ 5 พฤษภาคม 2568 ณ The Metropolitan Museum of Art เมืองนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา และก่อนถึงวันจริง แพรวขอพาไปทบทวน 5 สิ่งควรรู้เพื่อไม่ให้ตกขบวนการรับชมอย่างมีอรรถรสในพรมแดงอันใกล้นี้

ทำความรู้จัก Met Gala

เชื่อว่ายังมีอีกหลายคนที่ยังไม่เข้าใจแจ่มแจ้งว่างานนี้คืออะไร สำหรับ Met Gala หรือที่เรารู้จักกันในอีกสองชื่อ ได้แก่ Costume Institute Befit หรือ Met Ball เป็นงานระดมทุนประจำปีให้สถาบันเครื่องแต่งกายของ The Metropolitan Museum of Art อีกทั้งยังเป็นการเฉลิมฉลองการเปิดนิทรรศการที่จัดแสดงเสื้อผ้า และงานศิลปะต่างๆ ซึ่งไฮไลท์ของงานคงหนีไม่พ้นการปรากฏตัวของเหล่าคนดังที่จะประชันกันด้วยคอสตูม เมคอัพ และทรงผม ตามธีมที่กำหนดขึ้น นอกจากความสนุกที่ว่านี้แล้ว งานดังกล่าวยังช่วยระดมทุนครั้งใหญ่ให้กับพิพิธภัณฑ์ โดยปี 2024 ที่ผ่านมา สามารถระดมเงินบริจาคได้ประมาณ 26 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 867,620,000 บาท

Theme of The Met Gala 2025

Met Gala ปีนี้จัดขึ้นในธีม Superfine: Tailoring Black Style ที่สะท้อนตัวตนของคนผิวดำ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจบางส่วนจากหนังสือ Slaves to Fashion: Black Dandyism and the Styling of Black Diasporic Identity ของ Monica L. Miller ที่ตีพิมพ์ในปี 2009 และ Miller ทำหน้าที่เป็นภัณฑารักษ์รับเชิญร่วมกับ Andrew Bolton ภัณฑารักษ์ของ Costume Institute

Dress Code

เมื่อกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา กฎการแต่งกายหรือที่เราเรียกว่า Dress Code ได้เปิดเผยออกมาเป็นทางการ นั่นคือ Tailored for you อธิบายง่ายๆ ว่า เป็นคอสตูมที่ตัดเย็บในสไตล์ของผู้เข้าร่วมงานแต่ละคน ซึ่งบางสื่อในต่างประเทศอย่าง Vanity Fair ก็มีการคาดเดาไว้ว่า “เมื่อนำเดรสโค้ดมารวมกับธีมในปีนี้แล้ว อาจได้เห็นคนดังในชุดสูท และลุคที่ได้รับแรงบันดาลใจจากผู้ชายจำนวนมาก” อย่างไรก็ตามขอให้เหล่าแฟชั่นนิสต้าเกาะจอรอชมว่า ลุคของใครจะเข้าตาเรามากที่สุด!

4 คนดัง ในตำแหน่ง Host Committee

Lewis Hamilton (ซ้าย) Pharrell Williams (ขวา)

หนึ่งสิ่งที่หลายคนรอคอยไม่แพ้การประกาศธีมและเดรสโค้ดของงาน นั่นคือรายชื่อ Co-Chairs ที่จะมานั่งข้างเจ้าบ้านอย่าง Wintour โดยปีนี้หน้าที่ดังกล่าวตกเป็นของ Colman Domingo, Lewis Hamilton, A$AP Rocky และ Pharrell Williams ที่สำคัญยังมี LeBron James มาเป็นประธานกิตติมาศักดิ์อีกด้วย ฉะนั้นในวันจันทร์ที่จะถึง จับตามองพวกเขาเหล่านี้ไว้ให้ดี

ใครบ้างที่จะได้รับเชิญเข้าร่วม Met Gala 2025

สำหรับรายชื่อคนดังหรือผู้มีอิทธิพลที่จะได้รับเชิญเข้าร่วมงาน Met Gala ถือเป็นความลับสุดยอดที่สุดของงาน เพราะเราจะไม่มีทางรู้ล่วงหน้าเลยจนกว่าจะถึงวันที่คนดังจะเหยียบลงบนพรมแดง แน่นอนว่าในอดีตบัตรเข้าร่วมงานจะมีราคาสูงถึง 75,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 2.5 ล้านบาท แต่ปัจจุบันผู้ที่เข้าร่วมงานได้ต้องเป็น “แขกที่ได้รับเชิญ” เท่านั้น เรียกว่ามีเงินเท่าไหร่ ก็ซื้อไม่ได้


ภาพ: Getty Images

ข้อมูล:
https://time.com/7279685/met-gala-2025-what-to-know/
https://www.vanityfair.com/style/story/everything-to-know-about-the-met-gala-2025?srsltid=AfmBOorxkcID9acP78G2wBdC0rAsX4SLOrwkRXaEiKU-rXwP9FUwQn0a

“SIAM PARAGON TROPICAL FRUIT PARADE 2025” ส่งตรงผลไม้คุณภาพดีจากผู้ผลิตถึงมือคุณ

account_circle

คนรักผลไม้ต้องปักหมุดงานนี้ “SIAM PARAGON TROPICAL FRUIT PARADE 2025” งานดีๆ ที่ สยามพารากอน ตอกย้ำความเป็นที่หนึ่งในใจนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติจากทั่วทุกมุมโลก ผนึกกำลัง กูร์เมต์ มาร์เก็ต พรีเมียมซูเปอร์มาร์เก็ตระดับเวิลด์คลาส และ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ร่วมส่งเสริมเกษตรกรและขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย พร้อมเปิดประสบการณ์สุดพิเศษในช่วงฤดูผลไม้เมืองร้อน กับเทศกาลที่รวบรวม “ที่สุดของผลไม้ไทย” จากทั่วประเทศ พร้อมเอาใจสายทุเรียนด้วย “บุฟเฟต์ทุเรียน” 11 วัน 77 รอบ และจำหน่ายทุเรียนพันธุ์หายากหลากหลายสายพันธุ์ นอกจากนี้ยังมีผลไม้สด ผลไม้แปรรูป ส่งตรงจากผู้ผลิตและเกษตรกรกว่า 78  แหล่งทั่วประเทศ รวมถึงเมนูสร้างสรรค์ต่างๆ ที่จะสร้างสีสันและความสุขให้กับนักชิมและนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ตั้งแต่วันนี้ถึง 5 พฤษภาคม 2568 ณ พาร์ค พารากอน ชั้น M สยามพารากอน

ไฮไลต์สุดพิเศษ “บุฟเฟ่ต์ทุเรียน” 

1 ปีมีเพียง 1 ครั้งเท่านั้น กับไฮไลต์ที่ทุกคนรอคอย! บุฟเฟ่ต์ทุเรียนสุดอลังการที่คัดสรรทุเรียนหลากหลายสายพันธุ์ชั้นดี ทั้งพันธุ์ยอดนิยมอย่าง หมอนทอง, พวงมณี, นวลทองจันทร์, ชะนีไข่, ก้านยาว และมีการเสิร์ฟสุดพิเศษกับทุเรียนที่มีการหมุนเวียนในแต่ละรอบทุกวัน อาทิ มูซานคิง, โอฉี, ชะนีเกาะช้าง, ทองลินจง, หลงลับแล, กบชายน้ำ, กบพิกุล และเฟรนช์ฟรายส์ทุเรียน ที่เปิดโอกาสให้ได้ลิ้มลองแบบ “1 คนต่อหนึ่ง 1 ชิ้น”

ไม่เพียงเท่านี้ ยังมีเมนูทุเรียนสร้างสรรค์มากมาย เช่น ลาซานญ่าทุเรียน, คัสตาร์ดทุเรียน, ข้าวเหนียวทุเรียน และไอศกรีมทุเรียนแบบโฮมเมด ซึ่งจะทำให้ผู้เข้าร่วมงานได้สัมผัสรสชาติทุเรียนในรูปแบบใหม่อย่างไม่เคยมีมาก่อน บุฟเฟ่ต์เปิดให้บริการวันละ 7 รอบ (รอบละ 60 นาที) ราคาบัตรเพียง 899 บาท (จากราคาปกติ 990 บาท) พิเศษสำหรับสมาชิก M Card และ ONESIAM SUPER APP ซื้อบัตรได้ในราคา 899 บาท พร้อมกันนี้สมาชิก M Card สามารถใช้คะแนน 500 คะแนน รับส่วนลด 150 บาท พิเศษ 4,000 คะแนน รับประทานฟรี!

นอกจากบุฟเฟต์ทุเรียนแล้ว ในงานยังรวบรวมทุเรียนมากที่สุดกว่า 40 สายพันธุ์จากแหล่งต่างๆ ทั่วประเทศให้ได้ลิ้มลองรสชาติและเลือกซื้อกลับบ้าน อาทิ ทุเรียนชะนีดำ ทุเรียนสไบทอง ทุเรียนก้านยาวโบราณ ทุเรียนทองบางสะพาน ทุเรียนหมอนทองเมืองนนท์ เป็นต้น

และภายในงานยังแบ่งพื้นที่โซนจำหน่ายผลไม้สดและผลไม้แปรรูปจากเกษตรกรและผู้ผลิตโดยตรง ภายใต้แนวคิด “จากสวนถึงมือคุณ” พบกับผลไม้พรีเมียม อาทิ มังคุด 100 ปี จากสวนเก่ากว่า 100 ปีในอำเภอคลองนารายณ์ จ.จันทบุรี ลูกเล็ก ผิวลาย ไร้สารเคมี, เงาะน้ำกร่อย ขึ้นชื่อเรื่องความอร่อยและหายาก จากจันทบุรี, ลำไยคริสตัล เนื้อสีสดใส คล้ายคริสตัล รสชาติหวานหอม, เมล่อนสายพันธุ์ไดโนล่อน รสชาติหวาน เนื้อนุ่ม มีกลิ่นหอมอ่อนๆ และ เมล่อนสายพันธุ์ไข่ทองคำ จ.ฉะเชิงเทรา เป็นเมล่อนพันธุ์ไทยที่มีรสชาติหวานโดดเด่น, ส้มโอทับทิมสยาม จ.นครศรีธรรมราช เนื้อส้มโอเต็มสมบูรณ์ สีชมพูอ่อนๆ รสชาติหวานอร่อย, ขนุนหายากจาก จ.ปราจีนบุรี ได้แก่ ขนุนทองมาเลย์ เนื้อแห้งกรอบวงใหญ่ ไม่หวานมาก, ขนุนอีถ่อ ซึ่งเป็นขนุนสายพันธุ์โบราณ ผลทรงรียาวคล้ายถ่อเรือ และผลไม้ GI อีกหลากหลายชนิด เช่น สับปะรดภูแล จ.เชียงราย ลูกเล็ก กลิ่นหอม หวานกรอบ, สับปะรดสยามโกลด์ เนื้อสีเหลืองทอง เนื้อแน่นกรอบ ไม่กัดลิ้น, ส้มสายน้ำผึ้ง จ.เชียงใหม่, น้ำมะพร้าวน้ำหอมสีทองอินทรีย์ และมะพร้าวพวงร้อย จ.ราชบุรี, อะโวคาโดบัคคาเนีย และ อะโวคาโดแฮส จ.ตาก กระท้อนปุยฝ้าย จ.นครนายก แตงโมเกาะสุกร จ.ตรัง ,ชมพูเพชรสายรุ้ง จ. เพชรบุรี นอกจากนี้ยังมีผลไม้ฤดูกาลอื่นๆ อีกมากมาย

เพื่อเน้นย้ำความยั่งยืนและการสนับสนุนเกษตรกรไทย ภายในงานยังเปิดพื้นที่จำหน่ายสินค้าพื้นบ้าน เช่นของดีเมืองเพชรบุรี อาทิ น้ำตาลโตนดแท้ GI, ขนมหม้อแกงสูตรดั้งเดิม, มะนาวแป้นรำไพ, ผลิตภัณฑ์จากอ่าวน้อย เมืองสามอ่าว ได้แก่ ปลาอินทรีแดดเดียว, ชิฟฟอนมะพร้าวลาวา, ไอติมหลอดมะพร้าว รวมถึง สินค้าแปรรูปจากชุมชนทั่วไทย เช่น มะม่วงกวน 3 รส, ทุเรียนฟรีซดราย, ข้าวโพดคลุกเนย เป็นต้น

นอกเหนือจากผลไม้สดและแปรรูปแล้ว สายกินต้องไม่พลาด เมนูชวนลิ้มลอง อาทิ Slushy Tamarind สูตรเด็ดจากบ้าน
มะขาม เติม Topping ได้ตามใจ, “ยำทีละคน” รวมผลไม้ดองคลุกน้ำยำรสจัดแบบไทยแท้, ขนมหวานไทยแท้ เช่น ข้าว
เหนียวลำไย ขนมต้มมะพร้าว ขนมถ้วย เมนูของหวานยอดฮิต อย่างไอศกรีมไทยสไตล์โบราณ รสกะทิ รสชาไทย พร้อม
ท็อปปิ้งจัดเต็ม เช่น ข้าวเหนียวทุเรียนฟรีซดราย, เยลลี่มะม่วง, มุกป๊อบ และเกล็ดทองม้วน, สมูทตี้ผลไม้, ไอศกรีมอะโว
คาโด, และเมนูสุขภาพอีกมากมาย

พิเศษสุดกับนาทีทอง 3 ช่วงเวลา ได้แก่ เวลา 12.00 น., 14.00 น. และ 18.00 น. ตลอดทุกวันของการจัดงานสามารถ
ซื้อผลไม้แบบ 1 แถม 1 รวมถึงผลไม้ราคาพิเศษที่คัดเฉพาะสวนโดยตรงมาเพื่อเอาใจเหล่าผู้ชื่นชอบผลไม้ไทยให้ได้
ช้อปผลไม้คุณภาพเยี่ยมด้วยราคาสบายกระเป๋าที่มีเพียงงานนี้เท่านั้น 

ร่วมอุดหนุนผลไม้คุณภาพดีและสนับสนุนเกษตรกรไทยทั่วประเทศ พร้อมลิ้มรสชาติความอร่อยของสุดยอดผลไม้ไทย
คัดสรรโดย กูร์เมต์ มาร์เก็ต ได้ในงาน “SIAM PARAGON TROPICAL FRUIT PARADE 2025” ตั้งแต่วันนี้ถึง 5
พฤษภาคม 2568 ณ พาร์ค พารากอน พร้อมอิ่มอร่อยกับเมนูอาหารทั้งคาวหวานที่ใช้ผลไม้มาเป็นวัตถุดิบในการรังสรรค์
เมนูรสเลิศจากร้านอาหารต่างๆ ภายในศูนย์การค้าสยามพารากอน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 02-610-8000
และโซเชียลมีเดียทุกช่องทางของกูร์เมต์ มาร์เก็ต และสยามพารากอน


มูลนิธิรามาธิบดีฯ เปิดหนังโฆษณาใหม่ ‘พื้นที่แห่งความพร้อม’ สานต่อภารกิจเพิ่มพื้นที่รักษาผู้ป่วย ภายใต้โครงการ รามา+1 เพิ่มพื้นที่ เพิ่มความหวังเพื่อทุกคน ปีที่ 2

account_circle

มูลนิธิรามาธิบดี ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สานต่อภารกิจแห่ง “การให้” เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของโรงพยาบาลรามาธิบดี จัดงานแถลงข่าวพร้อมขนทัพดาราจิตอาสาเปิดตัวภาพยนตร์ประชาสัมพันธ์ชุดใหม่ ภายใต้โครงการ “รามา+1 เพิ่มพื้นที่ เพิ่มความหวังเพื่อทุกคน” ปีที่ 2 เพราะทุกความมุ่งมั่นในการช่วยชีวิต…ต้องการพื้นที่ที่พร้อม มุ่งสร้างความตระหนักถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการขยายพื้นที่การรักษาผู้ป่วยเพื่อระดมทุนให้กับโครงการอาคารโรงพยาบาลรามาธิบดี และย่านนวัตกรรมโยธี สำหรับสร้างอาคารโรงพยาบาลรามาธิบดีแห่งใหม่และอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อขยายพื้นที่รองรับผู้ป่วย รวมถึงเตรียมพร้อมรับมือความท้าทายด้านสุขภาพในอนาคต

อ.นพ.ไพโรจน์ บุญคงชื่น รองคณบดีคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า มูลนิธิรามาธิบดีฯ เดินหน้าขยายพื้นที่การแพทย์ พร้อมเปิดตัวโครงการ “อาคารโรงพยาบาลรามาธิบดี และย่านนวัตกรรมโยธี” โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ยืนหยัดในบทบาทศูนย์กลางทางการแพทย์ของประเทศมากว่า 60 ปี ทั้งในฐานะโรงเรียนแพทย์ที่ผลิตบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความรู้ความสามารถเข้าสู่ระบบสุขภาพไทย และในฐานะโรงพยาบาลหลักที่ให้บริการผู้ป่วยจากทั่วประเทศมากกว่า 3 ล้านคนต่อปี จากการใช้งานอาคารหลักที่เปิดดำเนินการมาตั้งแต่วันแรกของโรงพยาบาล ทำให้ปัจจุบันต้องเผชิญกับข้อจำกัดด้านพื้นที่ ความแออัด และความยากลำบากในการติดตั้งเครื่องมือแพทย์ที่ทันสมัย ส่งผลกระทบต่อการให้บริการผู้ป่วยและการทำงานของบุคลากร แม้ทีมแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่จะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความทุ่มเท แต่ข้อจำกัดเหล่านี้ยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญ เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น มูลนิธิรามาธิบดีฯ จึงสานต่อภารกิจครั้งสำคัญ ผ่านโครงการ “อาคารโรงพยาบาลรามาธิบดี และย่านนวัตกรรมโยธี” โดยมีเป้าหมายในการขยายพื้นที่บริการทางการแพทย์ เพิ่มศักยภาพการรักษาและการดูแลผู้ป่วยในทุกมิติ ตอบรับการพัฒนาเทคโนโลยีทางการแพทย์ และสนับสนุนการเรียนการสอนของบุคลากรทางการแพทย์รุ่นใหม่อย่างยั่งยืน โครงการนี้ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของรามาธิบดี ในการเดินหน้าเพื่อประชาชน และสร้างระบบสาธารณสุขที่แข็งแกร่งให้กับประเทศไทยต่อไป

ศ.ดร.พญ.อติพร อิงค์สาธิต ผู้อำนวยการโรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า โครงการ “อาคารโรงพยาบาลรามาธิบดี และย่านนวัตกรรมโยธี” ก้าวสำคัญของระบบสาธารณสุขไทย โครงการอาคารโรงพยาบาลรามาธิบดี และย่านนวัตกรรมโยธี ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของประเทศในการยกระดับระบบสาธารณสุข เพื่อขยายโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงบริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพ ครอบคลุมทั้งการดูแลรักษาในปัจจุบัน และการเตรียมความพร้อมรับมือกับโรคซับซ้อนและโรคอุบัติใหม่ในอนาคต ในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา โลกเผชิญกับการระบาดของโรคติดต่ออุบัติใหม่หลายชนิด อาทิ ไข้หวัดนก ซาร์ส อีโบลา ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ H5N1 โควิด-19 และฝีดาษลิง ซึ่งล้วนสะท้อนให้เห็นถึงความเปราะบางของระบบสาธารณสุข และความจำเป็นในการเตรียมความพร้อมทั้งด้านบุคลากรและเทคโนโลยีการแพทย์ที่ทันสมัย เพื่อรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินทางสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ โรงพยาบาลรามาธิบดี ในฐานะโรงพยาบาลหลักของประเทศ ยังมีบทบาทสำคัญในการดูแลผู้ป่วยกลุ่มโรคหายาก รวมถึงการผลักดันงานวิจัยด้านสุขภาพ เพื่อรองรับสังคมสูงวัย และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืนให้แก่ประชาชน ด้วยเหตุนี้ อาคารโรงพยาบาลแห่งใหม่จึงถูกออกแบบให้เป็นศูนย์กลางการดูแลสุขภาพแบบครบวงจร ที่พร้อมรองรับทั้งการรักษา การวิจัย และการเตรียมความพร้อมรับมือกับอนาคตของวงการแพทย์ไทย

คุณพรรณสิรี คุณากรไพบูลย์ศิริ ผู้จัดการมูลนิธิรามาธิบดีฯ กล่าวว่า มูลนิธิรามาธิบดีฯ สานต่อภารกิจ “รามา+1” เปิดตัวภาพยนตร์ “พื้นที่แห่งความหวัง” เพื่อร่วมสร้างอาคารโรงพยาบาลแห่งใหม่ มูลนิธิรามาธิบดีฯ ยังคงมุ่งมั่นทำหน้าที่เป็นสะพานบุญ เชื่อมโยงพลังแห่งการให้จากประชาชน เพื่อสนับสนุนภารกิจของคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีในทุกมิติ ทั้งด้านการรักษาผู้ป่วย การวิจัย การผลิตบุคลากรทางการแพทย์ และการส่งเสริมความรู้ด้านสุขภาพที่ถูกต้องและยั่งยืน พร้อมกันนี้ มูลนิธิยังเดินหน้าขับเคลื่อนความก้าวหน้าทางการแพทย์ควบคู่กับการสร้างโอกาสให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานสากลอย่างเท่าเทียม

ในปีนี้ โครงการ “รามา+1 เพิ่มพื้นที่ เพิ่มความหวังเพื่อทุกคน” ดำเนินเข้าสู่ปีที่ 2 โดยมีเป้าหมายเพื่อระดมทุนสนับสนุนการก่อสร้าง อาคารโรงพยาบาลรามาธิบดี และย่านนวัตกรรมโยธี อาคารแห่งใหม่ที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการดูแลผู้ป่วยและเตรียมความพร้อมด้านนวัตกรรมทางการแพทย์ของประเทศ เพื่อสร้างการรับรู้และตระหนักถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการขยายพื้นที่รักษา มูลนิธิรามาธิบดีฯ จึงจัดทำภาพยนตร์ประชาสัมพันธ์ชุดใหม่ในชื่อ “พื้นที่แห่งความหวัง” ถ่ายทอดเรื่องราวของบุคลากรทางการแพทย์ที่ทุ่มเทดูแลผู้ป่วย แม้ต้องเผชิญกับข้อจำกัดด้านพื้นที่ ซึ่งส่งผลต่อการปฏิบัติงานและการดูแลผู้ป่วยได้อย่างเต็มศักยภาพ โครงการนี้จึงไม่ใช่เพียงการก่อสร้างอาคารใหม่ แต่คือการร่วมกันสร้าง “พื้นที่แห่งความหวัง” ให้กับคนไทยทุกคน

โดยในงานแถลงข่าวเปิดตัวภาพยนตร์ประชาสัมพันธ์ชุดใหม่นี้ ได้รับเกียรติจากสองดารานักแสดงจิตอาสาชื่อดัง มาร่วมถ่ายทอดเรื่องราวการส่งต่อ “ความหวัง” และเชิญชวนแฟนคลับร่วมสนับสนุนโครงการฯ ด้วยกันคือ มิกค์ ทองระย้า ที่มาพร้อมคู่ขวัญกานต์-ณัฐชา รัตน์ชยางคานนท์ สำหรับโครงการอาคารโรงพยาบาลรามาธิบดี และย่านนวัตกรรมโยธี คาดว่าจะแล้วเสร็จ ในปี 2573 เมื่อเปิดให้บริการแล้วจะกลายเป็นศูนย์การแพทย์ขนาดใหญ่กว่า 15 ไร่ และจะมีการสร้างอาคารเพิ่มเติมเพื่อรองรับกับจำนวนผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์ที่เพิ่มขึ้น มีพื้นที่ใช้สอยกว่า 278,000 ตารางเมตร โดยอาคารแห่งนี้จะครอบคลุมการเป็นโรงเรียนแพทย์สำหรับผลิตบุคลากรทางการแพทย์ออกสู่สังคม การเป็นโรงพยาบาลหลักของประเทศเพื่อให้การรักษาประชาชน และการเป็นศูนย์กลางในการส่งเสริมความรู้ด้านสุขภาพ ซึ่งต้องใช้งบประมาณในการก่อสร้าง รวมทั้งเครื่องมือแพทย์ ประมาณ 15,000 ล้านบาท มูลนิธิรามาธิบดีฯ จึงขอเชิญชวนประชาชนผู้มีจิตศรัทธาร่วมเป็นพลังบวกหนึ่งกับโครงการ “รามา+1 เพิ่มพื้นที่ เพิ่มความหวังเพื่อทุกคน” ด้วยการบริจาคเงินสมทบทุนก่อสร้างโครงการอาคารโรงพยาบาลรามาธิบดี และย่านนวัตกรรมโยธีแห่งนี้ได้ที่มูลนิธิรามาธิบดีฯ รวมถึงสามารถรับชมและแชร์บอกต่อภาพยนตร์ประชาสัมพันธ์ชุดใหม่นี้ได้ที่ YouTube ของมูลนิธิรามาธิบดีฯ

#คำว่าให้ไม่สิ้นสุด

#ความสุขจากการให้ไม่สิ้นสุด


TEN ERA เตนล์ เปล่งประกายในคอนเสิร์ตเดี่ยวเต็มรูปแบบครั้งแรก ณ บ้านเกิด

Alternative Textaccount_circle

เตนล์ แสดงศักยภาพเต็มสิบ ! ผสานเรื่องราวและการแสดงสุดตื่นตะลึงในคอนเสิร์ตเดี่ยวเต็มรูปแบบครั้งแรก
2025 TEN CONCERT 1001 MOVEMENT ‘STUNNER’ IN BANGKOK
เตนล์ วง NCT แสดงศักยภาพเต็มสิบในฐานะศิลปินเดี่ยว ผสานเรื่องราวและการแสดงสุดตื่นตะลึงในคอนเสิร์ตเดี่ยวเต็มรูปแบบครั้งแรก 2025 TEN CONCERT 1001 MOVEMENT ‘STUNNER’ IN BANGKOK สะกดสายตาผู้ชมตลอดทั้งสองรอบการแสดงในวันเสาร์ที่ 19 เมษายน 2025 เวลา 18:00 น. และวันอาทิตย์ที่ 20 เมษายน 2025 เวลา 16:00 น. ณ อิมแพ็ค อารีน่า


โดยวันที่ 18 เมษายน 2025 ‘1001 MOVEMENT’ เปรียบเสมือนแบรนด์ทัวร์เฉพาะตัวที่สะท้อนตัวตนพร้อมสื่อถึง เตนล์กับแฟนคลับคนสำคัญอันดับหนึ่งอย่าง NCTzen และ WayZenNi อีกทั้งยังถ่ายทอดความหมายลึกซึ้งผ่านนิยามที่ว่า “ทุกการเคลื่อนไหว อธิบายและเติมเต็มตัวตนของฉัน” การแสดงในครั้งนี้จึงเผยให้เห็นอัตลักษณ์ทางศิลปะของ เตนล์ผ่านการแสดงที่หลากหลาย ผสานด้วยโปรดักชันแบบ 3 มิติ อาทิ โครงสร้างเวที LED ทั้งแบบยกและเลื่อน, ลิฟต์ที่ยื่นออกมาเป็นขั้นบันได, สายพานลำเลียง รวมถึงสเปเชียลเอฟเฟกต์แสง สี เสียง และเลเซอร์สุดล้ำ ที่ช่วยเสริมมิติทางอารมณ์ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น


การเคลื่อนไหวอันน่าหลงใหลและเป็นเอกลักษณ์ของ เตนล์ถูกถ่ายทอดผ่านองค์ประกอบต่าง ๆ ของคอนเสิร์ต ตั้งแต่วีซีอาร์ที่นำเสนอตัวเขาในคอนเซปต์การถือกำเนิดใหม่เป็น “ไซเรน” (Siren) สิ่งมีชีวิตลึกลับผู้เปี่ยมเสน่ห์ตามเทพปกรณัมกรีก-โรมัน พร้อมระเบิดความร้อนแรงด้วยเพลงสุดทรงพลังอย่าง ‘Nightwalker’ ตามด้วยความหนักแน่นในเพลง ‘ON TEN’ ตลอดจนการเผยมาดวายร้ายสุดอันตรายในเพลง ‘Dangerous’, การเล่นกับแสงและเงาสะท้อนเพิ่มความเซ็กซี่ในเพลง ‘Shadow’, การปรากฏตัวกลางอ่างน้ำบนเวทีพร้อมลีลาอันพลิ้วไหวในเพลง ‘Water’ และเทคนิคการเต้นอันน่าทึ่งในเพลง ‘Birthday’ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เตนล์ได้สร้างสรรค์ความแปลกใหม่ให้กับแต่ละโชว์ด้วยการปรับรายละเอียดอย่างมีลูกเล่น ทั้งรูปแบบการแสดง, ดนตรี, ท่าเต้น และการจัดวางตำแหน่งที่สอดคล้องกัน ล้วนแสดงให้เห็นถึงความพิถีพิถันและศักยภาพที่เหนือชั้นของเขาในฐานะ ‘Artistic Performer’ หรือศิลปินที่ผสานศิลปะเข้ากับการแสดงได้อย่างลงตัว


ไม่เพียงเท่านี้ เตนล์ยังนำเพลงจากมินิอัลบั้มชุดที่ 2 มาแสดงเป็นครั้งแรก ทั้งเพลงเปิดตัวสุดตื่นตะลึงอย่าง ‘STUNNER’ และเพลงแดนซ์จังหวะสนุก ๆ ชวนเต้น ‘BAMBOLA’ รวมถึงเพลงอื่น ๆ อย่าง ‘Sweet As Sin’ ที่มีการสวมผ้าปิดตา เพิ่มอารมณ์ดาร์กให้ยิ่งเข้มข้น แล้วก้าวไปสู่ความเท่อีกระดับด้วยการใช้บันไดประกอบการแสดงเพลง ‘Enough For Me’ ไปจนถึงบรรยากาศแสนละมุนของเพลงช้า ‘Butterfly’ ที่มาพร้อมเอฟเฟกต์เหล่าผีเสื้อโบยบินบนผ้าม่านโปร่งแสงยาว 16 เมตรที่ทิ้งตัวลงมาโอบล้อม เตนล์และเพลง ‘Waves’ ที่อบอวลไปด้วยความร่าเริงและพลังบวก
ไฮไลต์ที่เรียกเสียงตอบรับอย่างถล่มทลาย คือ เมดเลย์เพลงฮิตของ NCT อย่าง ‘Baby Don’t Stop’, ‘Steady’, ‘Smoothie’, ‘영웅 (英雄; Kick It)’ และ ‘Baggy Jeans’ ตลอดจนเพลง ‘Call Me’ ของ WayV ที่เปลี่ยนสไตล์การแรปใหม่ให้เข้ากับตัวเอง และเวทีพิเศษกับการคัฟเวอร์เพลงโปรด ‘Die With A Smile’ ของ Lady Gaga กับ Bruno Mars ซึ่งเนื้อหาเปี่ยมไปด้วยสิ่งที่ เตนล์อยากบอกกับแฟนคลับที่คอยรัก สนับสนุน และยังสร้างความประทับใจให้กับเขาในคอนเสิร์ตครั้งนี้จากการเตรียมแฟนโปรเจกต์มากมาย ได้แก่ การแปรกล่องไฟ TEN ERA (ยุคของเตนล์), ONLY TEN (มีเพียงเตนล์คนเดียว) รวมถึงแบนเนอร์และป้ายข้อความ “Millions of stars here will always shine for TEN.” (ดาวหลายล้านดวงตรงนี้จะส่องสว่างเพื่อเตนล์เสมอ), “We always shine for each other.” (เป็นดาวส่องสว่างซึ่งกันและกัน), “Through seasons change, our hearts remain. A love that blooms against the rain.” (ฤดูกาลเปลี่ยนไปแต่หัวใจยังคงมั่น ความรักเบ่งบานท่ามกลางสายฝน), “Every bloom says ‘I love you’ just for you.” (เปรียบเสมือนดอกไม้เบ่งบานเพื่อเตนล์)


ตลอดระยะเวลากว่า 2 ชั่วโมง คอนเสิร์ตนี้ได้ตอกย้ำสถานะ ‘Artistic Performer’ อันยืนหนึ่งของ เตนล์ที่เปล่งประกายในทุกการเคลื่อนไหวอันสง่างาม ยิ่งไปกว่านั้น ยังสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่า เมื่อคู่ตัวเลขอย่าง ‘10’ และ ‘01’ เคลื่อนที่มารวมกันจะก่อให้เกิดเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ที่พร้อมเติบโตไปด้วยกันอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เหนือสิ่งอื่นใด เตนล์กับแฟนคลับได้กลายมาเป็น ‘STUNNER’ ที่ต่างมอบความตะลึง และความทรงจำอันงดงามให้แก่กันได้สมบูรณ์แบบเต็มสิบอย่างแท้จริง

Loro Piana

Loro Piana เผยโฉม “Royal Lightness” ที่สุดแห่งความเบาบาง หรูหรา และหายาก

account_circle
Loro Piana
Loro Piana

Loro Piana สานต่อจิตวิญญาณแห่งการค้นหาความเป็นเลิศในโลกสิ่งทอ ด้วยการเปิดตัว “Royal Lightness” ผลงานใหม่ล่าสุดที่ถ่ายทอดความเบาสบาย ความเปล่งประกาย และความพิเศษเหนือระดับอย่างแท้จริง

Loro Piana เผยโฉม “Royal Lightness” ที่สุดแห่งความเบาบาง หรูหรา และหายาก

“Royal Lightness” คือผลลัพธ์ของความทุ่มเทนานถึงสองปี โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญในโรงงานอันทันสมัยที่เมือง Roccapietra และ Quarona ประเทศอิตาลี ถูกสร้างขึ้นจากเส้นใยพิเศษ 2 ประเภท ได้แก่ การผสมผสานระหว่างไหมมัลเบอร์รี่ (Royal Silk) และขนแกะเมอริโนคุณภาพเยี่ยม ซึ่งมีความละเอียดเพียง 13.5 ไมครอน  นับเป็นเพียง 0.05% ของขนแกะเมอริโนที่ผลิตได้ทั่วโลก ผสานกับกระบวนการเคลือบเส้นใยเพื่อเพิ่มความเปล่งประกายและความนุ่มลื่นในทุกการสัมผัส

นอกจากนี้ Loro Piana ยังพัฒนาเนื้อผ้าแบบพิเศษด้วยการนำไหมมัลเบอร์รี่พันรอบแคชเมียร์เส้นใยยาวขนาด 15 ไมครอน ทอเป็นวัสดุสองด้านที่มีน้ำหนักเบาเพียง 350 กรัมต่อตารางเมตร ผ่านขั้นตอนที่ละเอียดอ่อน ตั้งแต่การหวี ปั่น บิดเส้นด้าย ไปจนถึงการฟอก ปัด และโกนผิวผ้า เพื่อสร้างผิวสัมผัสฟูละเอียดและเพิ่มมิติการสะท้อนแสงอย่างมีเอกลักษณ์

กระบวนการสุดท้ายคือการเย็บตกแต่งด้วยเทคนิคหัตถศิลป์โบราณ “Fell Stitching” โดยช่างฝีมือผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งทำด้วยมือทุกฝีเข็ม เพื่อมอบเสื้อผ้าที่งดงาม สมบูรณ์แบบทั้งภายในและภายนอก

“Royal Lightness” คือบทพิสูจน์ใหม่ของ Loro Piana ที่หลอมรวมความเชี่ยวชาญด้านสิ่งทอเข้ากับศิลปะการสร้างสรรค์อย่างไร้ที่ติ เพื่อมอบประสบการณ์แห่งความหรูหราเหนือจินตนาการ


‘เช็กลิสต์เสื้อผ้า หน้า ผม ก่อนเนื้อแท้ข้างใน’ ใครกันนะ?? เช็กเลย!!! ดวงรายสัปดาห์ 28 เมษายน-4 พฤษภาคม 2568

Alternative Textaccount_circle

‘เช็กความพร้อมของแบรนด์ ก่อนเนื้อแท้ข้างใน’

ดวงรายสัปดาห์ 28 เมษายน-4 พฤษภาคม 2568

ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์          

การงาน  :   ก็หายใจได้สะดวกขึ้นนะคะสำหรับชาวอาทิตย์ จะบอกว่าสัปดาห์ขึ้นเดือนใหม่นี้นับเป็นช่วงเวลาที่คุณจะได้ชื่นชมกับความสำเร็จที่คุณเหน็ดเหนื่อยมาเป็นเวลายาวนานก็ได้นะ ขณะเดียวกันก็มีโอกาสได้บุกเบิกเริ่มต้นงานหรือธุรกิจใหม่ๆ ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานหรือธุรกิจที่เกี่ยวกับความคิดสร้างสรรค์ เช่น นักเขียน นักประพันธ์ นักวิทยาศาสตร์ สื่อสารมวลชน เป็นไปได้ว่าคุณจะมีเทคนิคและวิธีการที่ฉลาดแยบยลในการแก้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าเป็นอย่างดี ได้รับการยอมรับจากคนใกล้ชิด ซึ่งคุณก็คาดหวังกับความสำเร็จสูงมาก ทุ่มเวลาทั้งหมดให้กับงานจนไม่สนใจเรื่องส่วนตัวเลย

การเงิน  :  มีโชคลาภเข้ามาไม่ขาดสาย ส่วนใหญ่จะมาจากงานที่มีผลตอบแทนสูง โอกาสเป็นเศรษฐีอยู่ไม่ไกลแล้ว แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่จะหมดกับการเลี้ยงดูเพื่อนฝูง และบริวาร  จึงควรหาเพื่อนที่ไว้ใจได้มาดูแลการเงินของคุณโดยด่วน

ความรัก  :  คู่ครองของชาวอาทิตย์ในสัปดาห์นี้ นอกจากเขาจะเป็นกำลังใจให้คุณแล้ว ยังส่งเสริมและสนับสนุนในเรื่องของงานด้วย แต่จะเป็นในลักษณะที่ต่างคนต่างทำงาน ไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอดๆ คนโสด  ชาวอาทิตย์สัปดาห์นี้หัวใจไปอยู่ที่เด็กนะคะ ซึ่งคุณก็ยังไม่เซย์เยสในทันที แม้จะเป็นเด็กดีแค่ไหนก็ตาม เพราะยังหวงความโสดอยู่

สุขภาพ  :   จริงๆ คุณดูแลรักษาสุขภาพตัวเองเป็นอย่างดี แต่ก็อย่าประมาท ทำงานหนักจนไม่ได้พักผ่อนเต็มที่ รับประทานอาหารไม่ตรงเวลา จนเป็นโรคกระเพาะและลำไส้ มีความเสี่ยงที่จะเป็นแบบเรื้อรังด้วยสิ

ผู้ที่เกิดวันจันทร์

การงาน  :  จะบอกว่าเป็นสัปดาห์ของชาวจันทร์ที่เต็มไปด้วยความคิดและสร้างสรรค์ก็ได้นะ เพราะฉะนั้นหากทำงานหรือดำเนินธุรกิจทางด้านศิลปะ ศิลปิน นักร้อง นักแสดง ดีไซเนอร์ สถาปนิก เสริมสวย ฯลฯ รวมถึงผู้ที่ไม่ได้อยู่ในสายนี้ก็จะมีผู้ใหญ่สนับสนุนช่วยเหลือให้ได้เข้ามาสัมผัสกับวงการนี้ จึงเป็นไปได้ที่คุณจะคาดหวังสูงในเรื่องของผลตอบแทน ก็ต้องระวัง เพราะอาจแลกกับการตกอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ต้องทำงานที่นอกเหนือจากที่รับปากไว้ หรือเป็นแพะรับบาป ต้องรับผิดในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้กระทำ

การเงิน  :  ก็ยังคงใช้เงินเก่งๆ พอๆ กับหาเงิน ยิ่งสัปดาห์นี้คุณจะหายใจเข้าออกเป็นเงินเป็นทอง เรียกว่า No money No Talk เลยทีเดียว

ความรัก  :   ก็ยังคงมีความสุขกับการออกไปพักผ่อนนอกบ้านกันอยู่นะคะ แต่อย่างไรก็ตามสัปดาห์นี้นอกจากสนุกกับการใช้เงินแล้ว ออกไปก็ต้องได้เงินกลับมาด้วย   คนโสด  เนื้อหอม มีเสน่ห์ต่อเพศตรงข้าม แล้วหากคุณจะคบใคร เป็นไปได้ว่าจะดูที่เสื้อผ้า หน้า ผมก่อนจะศึกษาเนื้อแท้ข้างใน

สุขภาพ  :   เอ็นจอยไลฟ์ ทั้งดื่มและรับประทาน จนโอกาสที่จะเป็นได้ทั้งการขาดสารอาหาร และโรคอ้วนมีสูง นอกจากนั้นยังต้องระวังระบบหมุนเวียนน้ำในร่างกาย และต่อมไร้ท่อต่างๆ จะมีปัญหา ซึ่งจะส่งผลต่อภูมิต้านทานโรคบกพร่อง เลือดและต่อมน้ำเหลืองไม่ดี

ผู้ที่เกิดวันอังคาร

การงาน   ชาวอังคารส่งท้ายเดือนเก่าต้อนรับเดือนใหม่ด้วยการนำความรู้ ความสามารถ และความเชี่ยวชาญในการทำงานหรือดำเนินธุรกิจมาใช้กับงานบุญ งานการกุศล เช่น มูลนิธิ จิตอาสา โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางด้านการบริหารจัดการ การติดต่อประสานงานระหว่างต่างประเทศ รวมถึงการให้บริการที่ปรึกษาและคำแนะนำในด้านต่างๆ  ก็ต้องระวัง อย่าใจร้อน เชื่อมั่นในตัวเองมากเกินไป จนตัดสินใจทุกอย่างด้วยความวู่วาม เพราะจะทำให้งานหรือธุรกิจเกิดความผิดพลาดเสียหายอย่างคาดไม่ถึง

การเงิน  :  มีโชคในการลงทุนและทรัพย์สิน เพราะฉะนั้นสัปดาห์นี้คุณจึงสามารถวางแผนการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากพอที่จะแบ่งเงินสำหรับการทำบุญ บริจาคการกุศล ได้ด้วย

ความรัก  :   สัปดาห์นี้เป็นไปได้ว่า หัวใจคุณเต็มไปด้วยความรัก ความโรแมนติก รวมถึงความเป็นเจ้าของ จนคุณพยายามจัดการสิ่งที่ค้างคาอยู่ให้เข้าตามตรอกออกทางประตูได้ถูกต้องเสียที คนโสด สัปดาห์นี้มีโอกาสได้พบรักกับชาวต่างชาตินะคะ แล้วคุณก็พยายามที่จะแสดงตัวให้ทุกคนรู้ว่า คนนี้ฉันจองแล้วจ้า

สุขภาพ  :  เป็นไปได้ว่าจากความเครียดและเอาจริงเอาจัง จนนำไปสู่การระบายออกกับการรับประทานอาหารที่มากกว่าปกติ หรือรับประทานแต่ของหวาน น้ำอัดลม จนน้ำหนักขึ้นไม่รู้ตัว ก็ต้องระวังพวกไขมันที่จะอุดตัน รวมถึงโรคหัวใจด้วย

ผู้ที่เกิดวันพุธ

การงาน  :  สัปดาห์ส่งท้ายเดือนเก่าขึ้นเดือนใหม่สำหรับชาวพุธสามารถหายใจได้สะดวกขึ้นมากเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ทำงานหรือดำเนินธุรกิจที่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญ ความรู้ หลักวิชาการ และเทคนิคอย่างลึกซึ้ง เช่น อาจารย์ นักค้นคว้า วิจัย แพทย์ ทั้งแผนไทยและแผนปัจจุบัน นักปรัชญา เป็นโอกาสของคุณที่จะได้บุกเบิกเริ่มต้นงานหรือธุรกิจใหม่ๆ แต่ก็อย่าประมาท เพราะขณะที่คุณคาดหวังความสำเร็จไว้สูงมากจนใครก็ขวางความคิดเห็นของคุณไม่ได้ จึงเป็นไปได้ที่จะมีอุปสรรคเข้ามาตลอดๆ เช่น เอกสารทางราชการจะผิดพลาด สามารถเป็นคดีความได้ทั้งทางแพ่งและอาญา ทางที่ดีควรหาทีมงานที่ไว้ใจได้ หรือปรึกษาผู้ที่มีความรู้ความสามารถและมีประสบการณ์ อยากบอกว่า คุณจะได้ระดับปรมาจารย์ เชื่อมือได้

การเงิน  :  มีโอกาสได้เงินและทรัพย์สินจากทีมงานและเจ้านาย กับทั้งอำนาจ บารมีที่อยู่ในตัว แต่ก็เป็นไปได้ที่คุณจะใช้จ่ายไม่อั้น หมดกับการเลี้ยงเพื่อนและบริวาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากให้ใครค้ำประกัน หรือเป็นนายหน้าให้กู้ยืมเงิน มีความเสี่ยงที่คุณจะต้องรับผิดชอบหนี้สินแทน จนต้องหมุนเงินอย่างเหนื่อยเลย

ความรัก  :  เป็นไปได้ว่าสัปดาห์นี้คุณอาจต้องแยกกันอยู่กับคู่ครองและครอบครัว โดยมีสาเหตุมาจากผู้ใหญ่ ไม่ท่านต้องไปหาหมอก็เป็นคุณเอง บ่อยจนคุณอึดอัดกับสภาพที่เป็นอยู่    คนโสด  สัปดาห์นี้มีโอกาสที่คุณจะต้องให้ความสำคัญกับผู้ใหญ่มากกว่าความรักเสียแล้ว ไม่เจอหน้ากันสักพัก

สุขภาพ   :  ต้องระวังโรคหัวใจ ไม่ว่าจะหัวใจโต ลิ้นหัวใจรั่ว ไขมันอุดตัน นอกจากนั้นก็จะเป็นสายตา ตระกูลต้อมากำลังจะมาเยือน

ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี

การงาน  :   จะบอกว่าดวงยังคงรุ่งพุ่งแรงอยู่ก็ได้นะคะ แม้บางช่วงแสงจะริบหรี่ลงไปบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ทำงานหรือดำเนินธุรกิจในแวดวงศิลปะ ศิลปิน วงการบันเทิง นักร้อง นักแสดง ความสวยความงาม เป็นไปได้ว่าคุณจะขึ้นเดือนใหม่ด้วยการเป็นหัวหน้าโครงการ เป็นหัวหน้าทีม บุกเบิกงานใหม่ๆ ซึ่งหนทางข้างหน้าบางช่วงก็โรยด้วยกลีบกุหลาบ บางช่วงก็ขึ้นเขาลงห้วย โดยที่คุณต้องปรับตัวให้เข้ากับเส้นทาง เพื่อไปให้ถึงจุดหมาย หากเป็นไปได้ควรให้ความสำคัญกับความคิดเห็นของคนอื่น อย่ายึดติดที่ความคิดของตัวเอง จะทำให้งานสะดุดหยุดลงกลางคันจนไปไม่ถึงดวงดาว

การเงิน  :  เฮงๆ ปังๆ ได้เงินจากผลงานที่สร้างชื่อเสียง และผู้ใหญ่สนับสนุนช่วยเหลือ แต่คาดว่าจะเก็บเงินไม่อยู่ เพราะหามาเท่าไหร่ก็ช่วยเหลือคนอื่นหมด

ความรัก  :  มีเสน่ห์นะคะ ก็ต้องระวังจะนำภัยมาสู่ตัวได้ง่ายๆ เพราะเป็นไปได้ว่าคุณเองก็มีความสุขกับการอยู่ท่ามกลางความสนใจ จนลืมไปว่าตัวเองมีคู่แล้ว  คนโสด  สัปดาห์นี้เสน่ห์ของคุณไปไกลเกินกว่าคนใกล้ชิดแล้ว มีโอกาสฟาดใส่คนที่ได้เข้ามาพูดคุยกับคุณ ก็ควรสับขาหลอก จัดคิวให้ดี  

สุขภาพ   :  มีโอกาสที่คุณจะเพลิดเพลินกับการไปเดทรัวๆ จนน้ำหนักขึ้นโดยไม่รู้ตัว ส่งผลให้หัวเข่ารับน้ำหนักมากขึ้นเกิดอาการปวดเมื่อย เส้นเอ็นอักเสบ จนเดินผิดปกติ นอกจากนั้นยังมีความเสี่ยงที่จะเกิดการบาดเจ็บจากการปฏิบัติงาน

ผู้ที่เกิดวันศุกร์

การงาน  :   สำหรับชาวศุกร์สัปดาห์ส่งท้ายเดือนเก่าขึ้นเดือนใหม่นี้ มีโอกาสที่คุณจะอยู่กับการปรับตัวรับความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในองค์กรหรือในธุรกิจ ซึ่งจะมาให้ลุ้นตลอดๆ และเป็นไปได้ว่าคุณก็จะแปลงกายเป็นนางสิงห์ที่ดุดัน ห้าวหาญ ไม่เกรงกลัวกับใครหน้าไหนทั้งนั้น และนับเป็นโอกาสดีที่ผู้ใหญ่ก็เห็นถึงความสามารถในการรับมือกับปัญหาเฉพาะหน้า จนแต่งตั้งหรือโปรโมทให้คุณขึ้นตำแหน่งที่สูงขึ้น แต่ก็ต้องระวังความคิดและการตัดสินใจที่รวดเร็วเกินไป จะนำมาซึ่งความผิดพลาดเสียหายในภายหลังได้  

การเงิน  :   จากที่เงินเข้าๆ ออกๆ จนต้องเข้าสู่โหมดประหยัด สัปดาห์นี้จะหายใจได้สะดวกหน่อย เพราะมีโอกาสได้เงินจากการทำงาน ทั้งงานหลัก งานเสริม อย่างไรก็ตามคุณก็ยังอดนำเงินไปลงทุนไม่ได้ ก็อย่าลืมว่าการลงทุนทุกชนิดมีความเสี่ยง   

ความรัก :   หากคุณคือผู้หญิงแกร่งและเก่ง เป็นเสาหลักของบ้าน สัปดาห์นี้เป็นไปได้ว่าคุณจะไม่แคร์ความรู้สึกของสมาชิกในบ้าน หากชอบใครคุณก็จัดไป  คนโสด สัปดาห์นี้ชาวศุกร์หัวสมัยใหม่มาก รักใครหลงใครก็ไม่แคร์แม้จะไม่ถูกต้อง หรือรักมากอย่างไร ก็ขอไม่ผูกมัด  

สุขภาพ  :  ระวังกรวยไตและกระเพาะปัสสาวะจะติดเชื้อ หากเป็นไปได้อย่ากลั้นปัสสาวะเป็นเวลานาน เพราะมีความเสี่ยงที่เชื้อจะเข้าสู่กระแสเลือดได้

ผู้ที่เกิดวันเสาร์

การงาน  :  ชาวเสาร์ส่งท้ายเดือนเก่าเข้าสู่เดือนใหม่ด้วยการเดินทางนะคะเนี่ย เป็นไปได้ทั้งนั้นว่าจะเดินทางไปประชุม สัมมนา ดูงาน หรือขยายกิจการสาขาก็ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคลากรในแวดวงศิลปะ ศิลปิน วงการบันเทิง นักร้อง นักแสดง นักดนตรี ความสวยความงาม ฯลฯ จริงๆ แล้วความสำเร็จมายืนรอคุณอยู่ตรงหน้า ทั้งชื่อเสียง และการสนับสนุนต่างๆ  แต่ก็ต้องระวังจากความเป๊ะของคุณ ซึ่งอาจไม่ทันกับการก้าวกระโดดของโลก จนเป็นไปได้ที่จะเกิดปัญหาต่างๆ ที่รุมเข้ามาจากทุกทิศทุกทาง ก็ค่อยๆ คิดแก้ไขปัญหา อย่าใช้อารมณ์โดยเด็ดขาด เพราะสุดท้ายแล้วคุณนั่นล่ะที่จะเป็นทุกข์ หมดกำลังใจ จนถึงขั้นท้อแท้เลยทีเดียว

การเงิน  :  มีการเดินทางไปเจรจาผลประโยชน์ หรือเซ็นสัญญาใดๆ ก็ตาม จะปัง ทั้งชื่อเสียงและเงินทอง มีผู้ใหญ่ให้การสนับสนุน

ความรัก  :  มีโอกาสได้เดินทางไปฉลองฮันนีมูนกันเป็นรอบที่ร้อย แต่ด้วยเสน่ห์ของคุณ หากไม่ระวังอาจจบที่รอบนี้ก็ได้นะ  คนโสด  ก็ยังเป็นไปได้ที่จะเป็นต่างชาติ หรือไปพบกันที่ต่างประเทศ ซึ่งคุณก็จะหลงและทุ่มเทมากจนอาจมีข่าวดีเลยก็ได้

สุขภาพ   :  เอ็นจอยไลฟ์ ทั้งการท่องเที่ยว และการรับประทานอาหาร จึงเป็นธรรมดาที่น้ำหนักจะขึ้น ก็ระวังพวกไขมัน เบาหวาน ความดันจะตามมา แต่อย่างไรก็ตามยังมีกลิ่นความเครียดปะปนมาด้วย จึงต้องระวังปวดศีรษะ ไมเกรนด้วยนะ  

7 เมมเบอร์ ก็อตเซเว่น “GOT7” เตรียมซ้อมวันละ 12 ชั่วโมง ก่อนมาไทย

Alternative Textaccount_circle

มีความคนไทยสูงมาก สำหรับหนุ่มๆ “ก็อตเซเว่น” (GOT7) #GOT7 ทั้ง 7 คนคือ เจบี (JAY B), มาร์ค (MARK), แจ็คสัน (JACKSON), จินยอง (JINYOUNG), ยองแจ (YOUNGJAE), แบมแบม (BAMBAM) และ ยูคยอม (YUGYEOM) ที่เพิ่งสร้างสถิติบัตร “2025 ก็อตเซเว่น คอนเสิร์ต <เนสต์เฟส> อิน แบงคอก” (2025 GOT7 CONCERT in BANGKOK) #GOT7_NESTFESTinBKK คอนเสิร์ตสเกลสเตเดียมสุดยิ่งใหญ่ ณ ราชมังคลากีฬาสถาน SOLD OUT ภายในวันแรกที่เปิดขายทั้ง 2 รอบแสดง!! จนทำให้ต้องปิดการขายทุกช่องทางก่อนกำหนดเวลาเดิมที่วางไว้ นี่แหละสถิติสุดจึ้งไม่เกินคาดของพวกเขาและพลังดันหลังซัพพอร์ตเต็มที่ของเหล่าไอก็อตเซเว่น (IGOT7 ชื่อแฟนคลับของวง GOT7 หรือที่นิยมเรียกกันว่าอากาเซ่) ล่าสุด 7 เมมเบอร์รวมตัววิดีโอคอลอุ่นเครื่องกันแล้ว!!!!!!!

เจบี : ทุกคนมารวมตัวกันแล้วใช่ไหม

ยูคยอม : โอ๊ะ อะไรอะ? กำลังฟังเพลงอยู่ในห้องพัก จู่ๆ ก็ได้วิดีโอคอลกับพี่ๆ และอากาเซ่เหรอ

แบมแบม : เฮ่! เมมเบอร์ทุกคน เนี่ยผมวิ่งมารับโทรศัพท์เลยนะ นี่แหละคือ… ความรักใช่ไหม

เจบี : แต่ว่านะ เดี๋ยวมาลองดูกันเถอะว่า ถึงเราจะซ้อมกันวันละ 12 ชั่วโมง ความรักนี้จะยังไม่เปลี่ยนไปใช่หรือเปล่า

แจ็คสัน : เอาจริงๆ แล้ว บนเวทีครั้งนี้ ใครจะร้องไห้คนแรก ผมเดาว่า… น่าจะร้องไห้ด้วยกันหมดทั้ง 7 คนหรือเปล่าครับ

ยองแจ : ไม่ใช่ผมแน่นอน ในเวทีครั้งนี้ไม่ใช่น้ำตา แต่จะทำให้เต็มไปด้วยความสุขเลย!

จินยอง : ว่าแต่ เรื่องนั้นพูดถึงได้หรือเปล่านะ อ๋อ ไม่ได้เหรอ อ๋อ โอเค ห้ามสปอยล์นะครับ

มาร์ค : แค่ประมาณนี้ก็พอแล้วรึเปล่า อย่าพลาดนะครับ พวกเราทั้ง 7 คนกลับมารวมตัวกันแล้ว

มาแค่วิดีโอคอลยังบันเทิงขนาดนี้! แล้ววันแสดงทั้ง 2 รอบคือศุกร์ที่ 2 และเสาร์ที่ 3 พฤษภาคม 2568 จะขนาดไหน? *** ใครที่จองบัตร “2025 ก็อตเซเว่น คอนเสิร์ต <เนสต์เฟส> อิน แบงคอก” (2025 GOT7 CONCERT in BANGKOK) ไม่ทัน… ยังพอมีโอกาส!! กับการเปิดจำหน่ายบัตร #GOT7_NESTFESTinBKK ทั้ง 2 รอบแสดง เพิ่มเติมจำนวนประมาณ 800 ใบ (รอบละประมาณ 400 ใบ) ซึ่งที่มาของบัตรดังกล่าวนั้นบางส่วนถูกยกเลิกจากระบบโดยสมัครใจ เนื่องจากมีการซื้อ–ขายที่ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขผ่านแพลตฟอร์มและบุคคลภายนอกที่ไม่ได้รับอนุญาต บางส่วนเป็นบัตรที่มีชื่อซ้ำ 2 ใบขึ้นไปในรอบวันแสดงเดียวกัน ซึ่งผู้ซื้อแจ้งความประสงค์และยินยอมคืนบัตรเพื่อขอรับเงินคืน รวมถึงบัตรโซน S2E / S2G / N2F / N2H ซึ่งได้คืนกลับเข้าระบบเนื่องจากมีการปรับตำแหน่งอุปกรณ์ด้านงานโปรดักชั่น โดยทางผู้จัดงาน โฟร์ วัน วัน เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ (Four One One Entertainment หรือ 411ent) จะนำบัตรทุกกรณีข้างต้นกลับมาเปิดจำหน่ายให้แก่ผู้ที่ยังจองบัตรไม่สำเร็จในการเปิดขายก่อนหน้านี้และต้องการเข้าชมด้วยตนเองจริงๆ ในวันเสาร์ที่ 26 เมษายน 2568 นี้ เวลา 13:00 น. (เริ่มรับคิวเวลา 12:00 น.) ผ่านช่องทางเดียวเท่านั้นคือระบบออนไลน์ของ “ไทยทิคเก็ตเมเจอร์” https://www.thaiticketmajor.com/concert/2025-got7-concert-nestfest-in-bangkok.html *** ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางออฟฟิเชียลโซเชียลมีเดียของผู้จัดงาน @411ent ทุกแพลตฟอร์ม

“โป๊ป-ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ"

“โป๊ป-ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ” กับปรัชญาชีวิต สวนกระแสโลกโซเชียล

Alternative Textaccount_circle
“โป๊ป-ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ"
“โป๊ป-ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ"

2 ปีที่พักงาน “โป๊ป-ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ” เล่าถึง เป้าหมายแต่ละวันว่า “อยู่กับปัจจุบัน” คำง่ายๆไม่กี่ค่าที่กลายเป็นปรัชญาการใช้ชีวิตของเขา ซึ่งอาจสวนทางกับโลกปัจจุบันที่ทุกอย่างต้องมุ่งสู่อนาคต งานในวงการบันเทิงแข่งขันกันสูง โป๊ปคือหนึ่งใน นักแสดงไม่กี่คนที่ไม่มีช่องยูทูบ ไม่จัดแฟนมีต ออกอีเวนต์ น้อยมาก ไม่ซีเรียสที่จะต้องมีผลงานละครต่อเนื่องเพื่อให้ชื่อ ติดอยู่ในทวิตเตอร์ จะสรุปว่าเขาแทบไม่สนใจชื่อเสียงก็ไม่ผิดซึ่งนั่นเป็นผลจากการฝึกใช้ชีวิตอยู่กับคําว่า “วินาทีนี้ตอนนี้” ซึ่งเขาพอใจแล้ว

ช่วงที่พักงานทําอะไรบ้างคะ

“ยุ่งกับการสร้างสถานปฏิบัติธรรมให้แม่ (คุณแม่ปราณี วรรธนะภูติ) ชื่อว่า เรือนธรรม สร้างบนเนื้อที่ขนาด 2 ไร่แถวลาดกระบัง ใช้เงินตัวเองทั้งหมด คอนเซ็ปต์ ที่นี่เรียบง่าย ประหยัด ไม่เน้นความสวยงามหรูหรา แต่สงบร่มเย็น ผมไม่ยุ่งเรื่อง การออกแบบเลย แต่ยุ่งเรื่องการจัดสวน หาต้นไม้มาตกแต่งเท่านั้น

“สําหรับกิจกรรมต่าง ๆ ในสถานปฏิบัติธรรมก็ปล่อยให้แม่ดูแลจัดการทั้งหมด ที่นี่จะมีห้องพักพร้อมอาหาร มีครูมาสอนธรรมะ ใครสนใจสามารถมาปฏิบัติธรรม 5-7 วันได้ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ที่ผ่านมาผมก็มาพักที่นี่บ้างเหมือนกัน นานสุด คือ 10 วัน แต่ไม่ได้เข้าคอร์สนะ มาพักเพื่อดูใจตัวเอง…สงบดี

“ส่วนชีวิตนอกเหนือจากนี้ไม่ต่างจากปีก่อนหน้า คืออยู่บ้านเป็นหลัก ออกกําลังกาย ตีกอล์ฟบ้าง และดูแลธุรกิจอาหารเสริม SANO สําหรับงานละคร ตอนนี้มีติดต่อเข้ามาแล้วครับ เป็นแนวรักโรแมนติก วิทยาศาสตร์ ก็ต้องรอดูว่า จะเปิดกองประมาณช่วงไหน ถ้าหากไม่ติดอะไร ประมาณกลางปีหน้าแฟน ๆ น่าจะ ได้ชมผลงานกัน”

“โป๊ป-ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ"

ตอนอายุ 38 โป๊ปเคยบอกว่า “ไม่มีงานก็ไม่เป็นไร ดีเสียอีกที่ชีวิต ว่าง” 4 ปีผ่านไปยังคิดเหมือนเดิมไหม

“เหมือนเดิมเลย ยังไม่เปลี่ยน ผมคิดว่าอะไรจะเป็นก็เป็นไป เราอยู่ได้ทั้งใน สถานการณ์ที่สมหวังและไม่สมหวัง โดยไม่ได้คาดหวังอะไรด้วย เพราะธรรมชาติ ชีวิตคนเราเดินหน้าสู่ความเสื่อมอยู่แล้ว แน่นอนว่าช่วงที่ว่าง ๆ ความรู้สึกเบื่อก็มีนะ มีหมดทุกอารมณ์นั่นแหละ แต่เป็นเพียงความคิดที่จะผ่านไป อยู่ที่ว่าเราจะทันมัน หรือเปล่า ถ้าเบื่อแล้วยังไง จะทิ้งอารมณ์เบื่อไปทําอย่างอื่นหรือจะอยู่กับมันต่อ ก็เท่านั้นเลย ผมฝึกคิดอย่างนี้

“อย่างธุรกิจที่ผ่านมาก็ยังทําไปได้เรื่อย ๆ ขายดีบ้าง ไม่ดีบ้าง ถ้าวันหนึ่ง ขายไม่ได้ก็คิดว่าจะเลิกทํา เช่นเดียวกับงานละคร ถ้ามีละครดีๆ ติดต่อมาก็เล่น แต่ ถ้าไม่มีบทบาทที่สนใจ อยู่เฉย ๆ ก็สบายใจดี คิดว่าชีวิตที่ผ่านมาก็ทํามาดีมากแล้ว ถ้าใช้เงินเป็น เก็บออมให้ดี รู้จักประหยัดตามที่มี ก็อยู่ได้จนแก่ตาย เพราะฉะนั้น จึงไม่อยากมี ไม่อยากเป็นอะไรมากกว่าที่เคยเป็นมา

แปลว่าวางแผนการเงินมาดี

“ใช่ครับ แพลนมานานแล้ว น่าจะตั้งแต่จําความได้เลยนะ คือผมใช้เงิน เท่าที่ตัวเองมีมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งแปลกมาก เพราะแม่ก็ไม่เคยสอน แค่รู้สึกกลัวที่จะ ใช้เงินในอนาคต สมมติมีเงิน 5 แสน ก็จะซื้อรถไม่เกิน 5 แสน ไม่ว่ามันจะสวย วิเศษแค่ไหนก็ไม่เอาเลย มีเท่าไรก็ใช้เท่านั้น

“แต่ถ้าผมมีเงิน 100 บาท รถราคา 10 บาท ก็ซื้อเลยนะ โดยไม่เคย แยกงบชัดเจนว่าฉันต้องเก็บเงินก้อนนี้เพื่อซื้อรถคันนี้ ผมเป็นประเภทถ้าถึงเวลานั้น มีเงินพอ แล้วเตะตากับของชิ้นนี้ พิจารณาแล้วว่าซื้อแล้วไม่เดือดร้อน ไม่ผิด ศีลธรรม ชีวิตหนึ่งได้ใช้มัน ได้ขับมัน ก็ซื้อเลย โดยมีข้อแม้ว่าจะไม่ยอมผ่อนเพื่อ เป็นหนี้ นิสัยผมเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่เด็ก และติดตัวจนกระทั่งมาเป็นนักแสดง แม้ จะมีเงินมากกว่าแต่ก่อน ผมก็ใช้เงินนั้นดูแลตัวเอง ครอบครัว และช่วยเหลือคนอื่น โดยไม่เคยใช้เกินจากที่ตัวเองมี”

“โป๊ป-ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ"

รถหรูที่เห็นในไอจีก็ซื้อด้วยเงินสด?

“ซื้อเงินสดทุกอย่าง ซึ่งบัตรเครดิตก็มีนะ แต่มีแค่ใบเดียว ธนาคารก็ พยายามให้ผมสมัครบัตรพรีเมียมต่าง ๆ แต่ไม่เคยทํา ผมจะใช้บัตรตอนที่ไม่พก เงินสดเท่านั้น และจะรูดเท่าที่จ่ายไหว ส่วนมากรูดหลักพันหลักหมื่นแค่นั้น ใช้เงิน แบบรู้ตัว”

เคยทุกข์อยากได้อะไรแต่เงินไม่พอไหมคะ

“ก็มีนะ แต่พยายามลืม ๆ มันไป (หัวเราะ) คือสุดท้ายความคิดเป็นสิ่ง ไม่แน่นอน บางทีไม่กี่ชั่วโมงก่อนอยากซื้อของชิ้นนี้ แต่พอไปตีกอล์ฟ ความคิดที่ อยากได้หายไปละ พอรู้เท่าทันความอยาก จึงเริ่มเฉย ๆ กับทุกสิ่ง แต่ก็อย่างที่ เล่าไป ถ้ามีเงินพอก็ซื้อตรงนั้นเลย”

“สุดท้ายผมคิดว่าความอยากของคนจะไปจบที่คําว่าพอ อย่างผมพอเพราะฝึกใช้เงินมาตั้งแต่เด็กเมื่อมองย้อนกลับไปจะเห็นว่าที่ไม่ลําบากก็เพราะใช้ชีวิตถูกมาตลอด ไม่ได้ประหยัดดีเด่นกว่าใครหรอกนะ แต่แค่รู้ว่ามีเงินเท่าไรก็ใช้ เท่าที่มี เมื่อก่อนก็อยู่บ้านหลังเก่า ๆ กับแม่มาตั้งแต่เล็กจนโต กระทั่งมีชื่อเสียง สร้างบ้านหลังใหม่ ก็ไม่ได้ซื้อในราคาหลายสิบล้านเพียงเพราะเป็นดาราและต้อง มีบ้านราคาเท่านั้นเท่านี้ ทุกวันนี้ที่สบายใจและใช้ชีวิตโดยไม่ต้องการทําอะไรมากมายก็เพราะสะสมมาพอแล้ว”

“ผมรู้จักคนรอบตัวที่เป็นทุกข์เพราะมีหนี้สิน หรือบางคนมุ่งทํางานหาเงินจน หาความสุขไม่ได้ บางคนเขาทุกข์ใจมาปรึกษาบ้าง เราก็เข้าใจว่าเหตุเกิดจากอะไร ทําไมเขาต้องทุกข์กับชีวิตที่ต้องต่อสู้หนักหนาขนาดนั้น ทุกอย่างเกิดจากความ อยากได้อยากมีเหมือนคนอื่น ยิ่งทุกวันนี้โซเชียลกระตุ้นความอยากของคน ทั้งที่ บางสิ่งที่ปรากฏในนั้นเป็นภาพลวงตา เราไม่รู้หรอกว่าอะไรจริงหรือไม่จริง ถ้าไม่มีสติ หยุดความคิดไม่ได้ จะกลายเป็นปัญหา ไม่สามารถก้าวข้ามหาความสงบได้”

ถ้ารู้จักพอ อาจไม่ต้องทํางานหนัก

“ถูกต้อง ไม่ใช่ว่าผมมีเงินแล้วพูดได้นะ แต่มันคือเรื่องจริง ถ้าใช้เท่าที่มี ไม่สร้างหนี้ ก็มีเงินเหลือใช้ ไม่ต้องอยากมีมากไปกว่าที่มีอยู่ อยู่ของเราแบบนี้ ก็พอใจแล้ว และพยายามไม่เปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น เพราะมันจะไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเปรียบเทียบไปเพื่ออะไร”

แล้วเคยเปรียบเทียบไหมคะ

“เคยนะ แต่ไม่ถึงขั้นว่าต้องพยายามเพื่อจะเป็นเหมือนเขาหรือไปไกลกว่าเขา ตั้งแต่ทํางานใหม่ ๆ จนถึงวันนี้ ความรู้สึกของการเปรียบเทียบก็ยังมีอยู่ เช่น คนนี้ ทํางานไปไกลกว่าเราแล้วนะ อย่างนั้นอย่างนี้ ผมรู้สึกนะ แต่ก็หยุดตรงนั้น และ พอหยุดได้ ความคิดจึงไม่เคยเลยเถิดถึงขั้นว่าต้องพยายามเพื่อจะเป็นเหมือนใคร เพราะฉะนั้นถ้ามีสติรู้ มีศีลกํากับ ความคิดและอารมณ์จะทําอะไรเราไม่ได้เลย ถึงทุกวันนี้ผมจะยังมีความอิจฉา อยากมี อยากเป็น แต่ไม่เคยเผลอดิ้นรนเพื่อ ให้มีเทียบเท่าใครหรือมากกว่าใคร เขาจะไปไกลกว่าก็เรื่องของเขา คนละชีวิตกัน”

“เมื่ออารมณ์ผุดขึ้นมาต้องตัดทิ้งเลย อยู่กับปัจจุบัน ถ้าอยู่กับสิ่งตรงหน้าได้จะไม่มีการเปรียบเทียบ ทํางานให้ดี ให้เต็มที่ ผลจะดีกว่าหรือแย่กว่าไม่เกี่ยวแล้ว เพราะมันเป็นผลลัพธ์ ขึ้นอยู่กับว่าคุณมีความสุขกับสิ่งที่ทําไหม”

ใช้วิธีไหนดึงสติมาอยู่กับปัจจุบันคะ

“กลับมาอยู่กับลมหายใจเข้า – ออก ถ้าเห็นอะไรแล้วรู้สึกชอบก็รู้แค่ว่าชอบ ถ้าชอบมากจนรู้สึกบีบคั้น อยากได้นั่น อยากได้นี่ ดูแล้วเป็นทุกข์ก็อย่าดูแค่นั้นเอง ทําไปทีละขั้น”

“เช่น ถ้าดูโซเชียลแล้วเพลินก็ให้รู้ว่าเพลิน แต่ถ้าเพลินมาก ใจเริ่มไป ก็จะไปต่อเรื่อย ๆ ไม่จบ ก็แค่ปิดมือถือซะ หรือถ้าวันไหนเจอเรื่องแย่มากๆ ก็กลับมา อยู่กับลมหายใจ โกรธก็ให้รู้ว่าโกรธ ดูว่าโกรธอยู่นานไหม บางครั้งผมโกรธอยู่ เพื่อนทักมาว่า ‘ไปกินข้าวกัน” ความโกรธหายไป ความดีใจแทนที่เพราะเพื่อน”

ชวนไปกินข้าว นี่คือการดูตามความเป็นจริง เป็นวิธีที่ฝึกอยู่เสมอ

“ตั้งแต่ศึกษาธรรมะมา การอยู่กับปัจจุบันคือคําสอนที่ดีที่สุด พระพุทธเจ้า สอนหลายเรื่อง แต่หลักการใหญ่คือการอยู่กับช่วงเวลาตรงหน้า พระพุทธเจ้าตรัส ว่าลมหายใจเป็นสิ่งที่เลิศที่สุด มันมีอยู่ในร่างกายตลอดจนเราตาย ถ้าเราอยู่ใน ทางสายกลาง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ไม่เบี่ยงไปซ้ายหรือขวา แค่รับรู้อารมณ์ก็ถือว่า เก่งมาก หรือบางทีถ้าอยู่กับลมหายใจไม่ทัน อยู่กับจิตก็ได้ แต่ผมเข้าใจนะ สิ่งเหล่านี้ทํายาก ต้องอาศัยการปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง เพราะตัวเองยังหลุดเลย บางที ก็ยังอยากที่จะสนุกสนาน ยังมีความอยาก เพลินกับการกิน การดู สัมผัส แค่ ไม่ออกไปนอกศีลธรรม”

เรื่องไหนที่ห้ามใจไม่ไหว

“ทุกอย่างเลยนะ ยังชอบกินอาหารอร่อย ชอบรถ ชอบมองผู้หญิงสวย ยังอยากอยู่กับเพื่อน เพลินกับการหัวเราะ เพลินกับการสัมผัส ชอบเล่นกีฬา เรื่อง เหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่แย่ แต่ถ้าเรามีสติรู้ตัวว่ากําลังทําอะไรอยู่ หลงกับมันมากไปไหม ใช้เวลาอยู่ตรงนี้นานเท่าไร อย่างบางทีนั่งดูหนังเพลินมาก ๆ เผลอนั่งยิ้มคนเดียว คือเพลินไปละ เราอาจจะไม่มีสติรู้ว่ากําลังทําอะไร จนบางทีก็คิดเพ้อฝันไปว่าฉัน อยากจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้”

“แต่ชีวิตนี้ก็ยังห่วงอีกเยอะ ยังห่วงที่บ้าน มีอีกหลายอย่างที่ปล่อยไม่ได้ แต่ ไม่ได้มากถึงขนาดว่าถ้าขาดไปตายแน่ ผมไม่เป็นอย่างนั้นแล้ว เราสามารถปล่อยวาง จากหลาย ๆ เรื่องได้”

บางคนอาจคิดว่าการปล่อยวางอาจหมายถึงการไม่กล้าเผชิญหน้ากับเรื่องที่ทุกข์ใจหรือผลักความรับผิดชอบ

“แล้วแต่ว่าใครจะมองมุมไหน คือถ้าจะมองอย่างนั้นก็ได้ ไม่ผิด แต่คนที่ ปล่อยวางได้ เขาก็จะคิดว่าการวางได้คือการชนะใจตัวเอง ไม่ไปสนใจ ไม่ทะเลาะ หรือต่อความยาวกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ทั้งนี้ก็แล้วแต่สถานการณ์และความเหมาะสม “เช่น A กับ B จะบวช A อาจบวชโดยไม่สนใจพ่อแม่ เขาตั้งเป้าเดียว ในชีวิตคือทําเพื่อความสูงสุดของจิต ขณะที่ B ออกบวชเหมือนกัน แต่ยังกลับมา ดูแลที่บ้าน เพราะยังเป็นห่วง ผมคิดว่าสองคนนี้ไม่มีถูกหรือผิด ขึ้นอยู่กับ ความคิดและเหตุปัจจัยของแต่ละคน”

“สําหรับผม หากถามว่าการปล่อยวางคือการทิ้งภาระหรือเปล่า ผมคิดว่า สุดท้ายมันจะกลายเป็นความคิดซ้อน คือมีความคิดนี้เข้ามาซ้อนกับอีกความคิด เช่น ฉันอยากวางเรื่องนี้ลงแล้ว แต่ก็คิดว่าถ้าตัวเองปล่อยจะดูละเลยไหมนะ เพราะฉะนั้นถ้าเอาแต่คิดวนเวียนอย่างนี้ สุดท้ายแล้วจะปล่อยอะไรไม่ได้เลย”

เคยฝึกไปถึงขั้นมรณานุสติไหมคะ

“ทําบ้างนาน ๆ ครั้ง เป็นการใช้ความคิดนั่นแหละ ให้พิจารณาว่าเราต้องตาย แล้วนะ นึกถึงภายในร่างกายที่เป็นกระดูก เอ็น น้ําหนอง เป็นความเน่าเปื่อย ถ้าใครทําได้ก็ถือว่าดี

“ผมคิดว่าความตายน่ากลัวที่สุดแล้ว ทุกวันนี้แค่เจ็บข้อเท้ายังอยากจะหาย ไวๆ เลย รู้ตัวว่าเวลาป่วยหนักใจเรากลัวแค่ไหน เขาจึงให้เจริญสติเพื่อรอคอยการตาย เพราะสุดท้ายก่อนตายมนุษย์ก็ใช้แค่นี้แหละ ให้มีสติทุกลมหายใจจนถึงจิตสุดท้าย ซึ่งเราก็ไม่มีทางรู้หรอกว่าตายแล้วจะไปที่ไหน ทั้งที่เราอาจจะวนเวียนเกิดมากี่ภพกี่ชาติแล้วก็ไม่รู้”

“ถ้าให้นึกภาพ ผมกลัวการตายของตัวเองมากกว่าคนรอบข้าง ถ้าคนที่เรารักตายเป็นทุกข์อยู่แล้ว แต่ยังไม่เท่าที่ตัวเองตาย ยังเป็นเรื่องที่กลัวที่สุดอยู่ดี ยังมีความรู้สึก เสียดายร่างกายนี้ เสียดายตัวตนของฉัน เคยเหมือนกันนะที่จินตนาการถึงความตาย ของตัวเอง แต่ก็พยายามไม่ใส่ใจกับมันมาก เพราะเป็นแค่ภาพความคิด เราไม่รู้หรอก ว่าวันข้างหน้าจะเป็นยังไง จะตายอายุเท่าไร สร้างเหตุในปัจจุบันให้ดีที่สุดดีกว่า”

ตั้งเป้าหมายชีวิตยังไงบ้างคะ

“อยู่กับปัจจุบันให้มากที่สุด คือเมื่อก่อนผมเคยมีเป้าหมายนะ เช่น อยากทํา เรื่องนี้มาก แต่ผ่านมา 5 ปีก็ยังไม่ได้ทําสักที ก็ตัดทิ้ง เพราะไม่มีประโยชน์ที่จะทํา แล้ว มันเป็นแค่ความคิด ถ้าถามว่าเสียใจไหม ไม่นะ เพราะตัดทิ้งไปหมดแล้ว “เพราะฉะนั้นเป้าหมายทุกวันนี้มีแค่อยู่กับวินาทีนี้ ตอนนี้ เพราะทําให้ย้อนถึง อดีตและอนาคตน้อยลง อยู่กับกิจกรรมที่อยู่ตรงหน้า อยู่กับลมหายใจ แล้วชีวิต จะไม่เป็นทุกข์ เราเป็นทุกข์เพราะจินตนาการ ซึ่งไม่มีประโยชน์ สุดท้ายสิ่งที่ผ่านมา ก็ผ่านไป ส่วนสิ่งที่จะเกิดขึ้นก็ยังไม่เกิดเพราะยังมาไม่ถึง การกลับมาอยู่กับลมหายใจ ตรงหน้าคือเลิศที่สุดแล้ว”

“อย่างเวลาตีกอล์ฟก็ตีกอล์ฟ พออยู่กับมันก็จะรู้ว่าชีวิตไม่แน่นอนนะ วันนี้ ที่ดีมาก อีกวันกลับแย่มาก ส่วนเวลาอยู่กับเพื่อนก็คืออยู่กับเพื่อน ผมจะหยิบ มือถือขึ้นมาเล่นน้อยมาก แม้เพื่อน ๆ จะหยิบมือถือขึ้นมาเล่นก็ตามเถอะ (หัวเราะ) เพื่อนจะเล่นก็เล่น เราก็ชวนเขาคุยไป คนสมัยนี้ติดโทรศัพท์กันเยอะ ก็ไม่ผิดหรอก เป็นเรื่องของเขา”

การที่ตั้งใจใช้ชีวิตกับเหตุการณ์ตรงหน้า เป็นเพราะกลัวว่าชีวิตไม่มีอะไรแน่นอน ไม่รู้ว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายหรือเปล่าคะ

“ไม่เคยคิดในมุมนั้น แค่รู้สึกว่าไม่รู้จะเล่นมือถือไปทําไม เพราะเราก็อยู่กับ เพื่อน ๆ แล้ว แต่ถ้าถามว่าเล่นโทรศัพท์ไหม ก็เล่นนะ แต่เล่นไม่นาน พยายามไม่หลง ไปกับมัน ผมจะหยิบโทรศัพท์เวลารถติด เช่น เล่นเกมสร้างเมืองฆ่าเวลาบ้าง ตอบไลน์หรือเปิดยูทูบฟังธรรมะบ้าง ชอบเพราะรู้สึกให้แก่นสารมากกว่าฟังข่าวคนฆ่ากัน หรือ บางครั้งก็นั่งเฉย ๆ อยู่กับตัวเองนี่แหละ ดูข้างในกายและใจเราว่ารู้สึกอะไรก็แค่นั้น”

จะมีโปรเจ็กต์ก่อการดี ทําบุญร่วมกับแฟนๆอีกไหมคะ

“มีคนถามเยอะ แต่ตอนนี้ยังไม่มีโอกาสครับ ซึ่งใจก็ยังนึกถึงแฟนคลับ ตลอดนะ เขาดีกับเรา รักเราเหนียวแน่น มีแต่ความหวังดีให้กัน ก็อยากให้เขามี ความสุข ซึ่งการที่ไม่ได้จัดกิจกรรมไม่ได้แปลว่าไม่คิดถึงนะ เป็นเรื่องของอนาคต ว่าจะจัดอีกเมื่อไหร่”

“ที่จริงโปรเจ็กต์ ก่อการดีก็คล้ายกับแฟนมีตย่อม ๆ ผมจัดกิจกรรมนี้ตั้งแต่มี แฟนคลับยุคที่ยังไม่มีใครรู้จักผม เราไปทําบุญที่ต่างจังหวัดกันประมาณ 50 คน ไปกัน ทุกปี จนกระทั่งมาเล่น บุพเพสันนิวาสมีแฟนคลับเพิ่มขึ้น ไปทําบุญกันกว่า 6,000 คน ซึ่งผมจัดกิจกรรมนี้ขึ้นมาเพื่อขอบคุณแฟน ๆ ที่ได้ทําบุญร่วมกัน นั่นคือเจตนาของผม “สําหรับผม “การให้” เป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุด และธรรมะเป็นสิ่งที่เลิศที่สุด การทําทานเป็นพื้นฐานที่ดีที่ทําให้ผมมีสติมาถึงทุกวันนี้ ช่วยขจัดความเห็นแก่ตัวและขยะในใจ ผมฝึกการให้มาตั้งแต่ยังหวังผล อยากรวย อยากจะมี อยากจะเป็นจนกระทั่งทุกวันนี้ไม่ขอพรอะไรอีกแล้ว ไม่อยากมี ไม่อยากเป็น และผมอยากให้ ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นกับแฟน ๆ บ้าง”

ต้องฝึกนานไหมกว่าจะให้โดยไม่หวังผล

“ฝึกมาเรื่อย ๆ สมัยเด็กเวลาทําบุญผมจะอธิษฐานตลอด แต่ช่วงหลังฝึกให้ โดยไม่หวังว่าจะได้อะไร รู้สึกว่ามันเป็นประโยชน์มากกว่า เพราะเจตนาการให้เป็นสิ่ง สําคัญ คุณทําได้ไหม ให้โดยไม่ป่าวประกาศออกไป ให้โดยไม่ต้องออกหน้า สละ ออกไปโดยไม่หวังอะไรเลยแม้แต่คําอธิษฐาน แต่ให้ด้วยประโยชน์ ให้เพื่อแผ่นดิน เพื่อธรรมชาติ ซึ่งเป็นการให้ที่อานิสงส์สูงสุด ขณะเดียวกันการให้ก็ไม่เกี่ยวกับ จํานวนเงินว่ากี่บาท บางคนมี 10 บาท บางคนมีล้าน ก็เป็นเรื่องของเขาที่จะสะดวก ให้เท่าไร เป็นเรื่องที่เทียบกันไม่ได้”

ตอนนี้อยากช่วยเหลือด้านไหนคะ

“อยากช่วยทุกอย่างเลยนะ ทั้งศาสนา การศึกษา โรงพยาบาล อยากทํา ทั้งหมด และที่ผ่านมาตลอด 20 ปีก็ช่วยมาเยอะ ทั้งเลี้ยงดูเด็กยากไร้ น้ําท่วม ไฟไหม้ เราให้หมด เพียงแต่ไม่ได้บอกใคร ที่เล่าเรื่องนี้เพราะว่าจะได้เป็นตัวอย่าง ให้คนที่ได้รู้รู้จักสละให้เท่านั้น ถ้าได้ทําก็จะดีกับตัวเอง”

“มุมมองด้านการให้เปลี่ยนไปแล้ว แล้วมุมมองความรักเปลี่ยนไหม “เหมือนเดิม ไม่ได้คาดหวังอะไร สมมติว่าเจอคนหนึ่งที่ชอบมาก แต่เขา ไม่ชอบเรา ก็ทิ้งได้ ไม่โหยหา ไม่อกหัก ซึ่งการอยู่กับความจริงตรงหน้าสอน ให้เราทิ้งได้หมด และความรักในที่นี้เป็นสิ่งเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน ครอบครัว หมา แมว ญาติ บ้าน รถ ถ้าทิ้งไม่เป็น หากวันหนึ่งสูญเสียไปก็จะเป็นทุกข์”

สมมติว่าวันหนึ่งรถที่โป๊ปรักมากเป็นอะไรไป จะเสียใจมากไหม

“เสียใจ โกรธ แต่ก็รับรู้ว่าทุกอย่างต้องเสีย ต้องพัง ถ้าใครทําก็แค่ชดใช้ ค่าเสียหายเท่านั้นเอง แต่จะไม่ทําอะไรที่ขาดสติ เพราะเมื่อโกรธได้ก็หายได้ เรา ต้องปล่อยวางรถคันนี้ให้ได้ ซึ่งพอฝึกจิตมาจะปล่อยได้เอง

“ขอยกตัวอย่างเหตุการณ์หนึ่ง ผมสร้างบ้านใหม่ ตอนนั้นช่างทําได้ไม่ดี แล้วจู่ ๆ ก็หนีหายไป ไม่รับผิดชอบ ผมตัดปัญหาด้วยการหาช่างทีมใหม่มาแก้ไข ต้องเสียเงินเพิ่มอีก 5 แสน ถ้าเป็นคนอื่นเขาอาจจะไม่ยอม อย่างน้อยคงต้อง คุยกับผู้รับเหมาว่าช่วยออกเงินคนละครึ่งได้ไหม แต่ผมไม่ทํา เพราะรู้สึกว่าเขา หายไปไหนก็ไม่รู้ และไม่มีประโยชน์ที่จะไปทะเลาะหรือฟ้องร้องกัน คือจะทะเลาะ ก็ได้ แต่เลือกที่จะไม่ทํา คิดเสียว่าบริจาคเขาไปก็แล้วกัน แค่นั้นเลย”

“ถามว่าเราโกรธซ่างไหม โกรธสิ ต้องเสียเงินอีก 5 แสน แต่ก็ปล่อยไปและ เดินหน้าต่อ คิดเสียว่านี่คือสิ่งที่เราต้องเสีย แต่ไม่ใช่ว่าเรามีเงินก็จ่าย 5 แสนได้สิ ไม่ใช่อย่างนั้นนะ มันเป็นแค่สภาวะที่เราฝึกจิตมาให้ปล่อยทุกอย่างไปได้ “เพราะฉะนั้นผมไม่รู้หรอกว่าถ้าวันหนึ่งมีใครมาทํารถผมพังจะเป็นยังไง ในอนาคตอาจจะโกรธมาก ๆ ก็ได้ ใครจะรู้ เพราะสุดท้ายอนาคตก็ยังเป็นคําว่า ถ้า” ซึ่งยังไม่เกิดขึ้นจริง ผมอาจจะทําใจได้อย่างเรื่องบ้านก็ได้ หรือรถอาจจะไม่เป็น อะไรเลย อยู่ในสภาพเนี้ยบมาก ขนาดที่ผมตายไปแล้วก็ยังอยู่อีกนานก็ได้” (ยิ้ม)

ทําไมให้อภัยง่ายจัง

“เพราะสิ่งสูงสุดในชีวิตคือการมีความสุขไม่ใช่หรือ ถ้าเราเสียเวลาไปเอาเรื่องเขา ฉันไม่ยอม ก็กลายเป็นการอาฆาต ซึ่งมีแต่จะเป็นทุกข์ ในเมื่อทุกอย่างสูญเสียไปแล้ว ก็ต้องทําใจ อย่างที่บอกว่าโกรธได้ แต่ไม่ดําเนินไปจนถึงการทะเลาะ แค่ไปหาช่างใหม่ มาซ่อมสิ จบสุดท้ายความทุกข์ก็จบได้ที่ใจเรา”

สะพายก่อนใคร! แอบิเกลกับกระเป๋า Rally Movement ไซส์มินิ

Alternative Textaccount_circle

ตามรอยคุณแม่เป๊ะๆ! เมื่อ น้องเกล หรือแอบิเกล สวมบทบาทแฟชั่นนิสต้าตัวจิ๋ว นำเสนอกระเป๋า Rally Movement ไซส์มินิ

เวลานี้คงไม่มีเน็ตไอดอลรุ่นจิ๋วคนไหน โดดเด่นไปกว่า น้องเกล หรือแอบิเกล ลูกสาวของ ชมพู่ อารยา และน็อต วิศรุต อีกแล้ว เพราะความน่ารักที่แสนเป็นธรรมชาติของเจ้าหนูคงทำให้ใครหลายคนหลงรักไปตามกัน เห็นได้จากพี่ๆ ที่ตามไปซัพพอร์ตเมื่อน้องเกลออกงาน หรือกระแสบนโลกโซเชียลสำหรับคอนเทนต์แอบิเกล

ล่าสุดน้องเกลก็ได้เป็นอินฟลูเอนเซอร์เต็มรูปแบบ เมื่อแฟชั่นแบรนด์ฝีมือคนไทยชื่อดังอย่าง Rally Movement ส่งกระเป๋าไปให้เจ้าหนูได้สะพายก่อนเป็นคนแรกๆ ซึ่ง Rally The Bag Whisper ถือเป็นรุ่นฮิตที่สาวกนักช้อปออนไลน์ต้องรู้จัก และมีติดตู้ โดยครั้งนี้แบรนด์ได้ปรับขนาดให้เล็กกว่าเดิม จึงมาในไซส์มินิที่แม้แต่น้องเกลก็สะพายได้

นอกจากนี้ Rally The Bag Whisper ยังมาพร้อมสาย Strap ที่สามารถถอดเปลี่ยนได้ 2 สาย สายสั้นสำหรับถือคล้องแขน หรือสะพายไหล่ และ สายยาวสำหรับ Crossbody สามารถปรับความยาวได้ตามต้องการ อีกทั้งมีด้วย Hook ดีไซน์พิเศษที่ออกแบบมาให้เปลี่ยนสายได้ตามต้องการและยังใช้ห้อย Key chain ได้อีกด้วย มีทั้งหมด 3 เฉดสี I Do (สีขาวครีม) เหมือนที่น้องเกลสะพาย, Silver Lining (สีเงิน) และสุดท้าย Just Brown (สีน้ำตาล) วางจำหน่าย วันที่ 28 เม.ย.นี้

แฟชั่นนิสต้าตัวจิ๋วถือแล้ว แล้วเราจะไม่มีได้ยังไง แต่จะซื้อทันหรือไม่ ต้องเฝ้าหน้าจอไว้ดีๆ ค่ะ เพราะของเขาหมดเร็วจริง!


องค์กรลับ SHADOW FORCE

เจาะความน่าสนใจ องค์กรลับ SHADOW FORCE

Alternative Textaccount_circle
องค์กรลับ SHADOW FORCE
องค์กรลับ SHADOW FORCE

ถือเป็นภาพยนตร์แอ็กชันสุดเดือดแห่งปีสำหรับ “Shadow Force ดับเบิลจารชน โคตรคนไร้เงา” ที่เล่าเรื่องราวของ “ไอแซก” และ “ไคราห์” สองสุดยอดสายลับที่ต้องการใช้ชีวิตเป็นอิสระจากหน่วยรบพิเศษ “ชาโดว์ฟอร์ซ” ที่มีกฎเหล็ก “เข้าแล้วห้ามออก” จากนักฆ่าจึงกลายเป็นเหยื่อผู้ถูกล่าของคนทั้งองค์กร ทั้งคู่จึงต้องแท็กทีมสู้ยิบตาเพื่อปกป้องครอบครัวและโค่นองค์กรนรกนี้ให้สิ้นซาก

โดยก่อนที่จะไปชมภาพยนตร์แบบเต็มๆ แพรวอยากพาทุกคนไปเจาะลึกเกี่ยวกับ องค์กรลับ SHADOW FORCE เพื่อเพิ่มอรรถรสให้ตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น

หน่วยปฎิบัติการพิเศษ Shadow Force

“ลุล่วงภารกิจโดยไม่สนดีชั่ว เราคือเงามืดที่จัดการงานสกปรกแทนรัฐ” Shadow Force คือองค์กรเงาถูกจัดตั้งขึ้นอย่างลับ ๆ โดยรัฐบาล มันคือหน่วยที่รวมตัวนักฆ่าฝีมือฉกาจที่ไม่เคยล้มเหลวภารกิจ พวกเขาไร้ตัวตน ไร้ชื่อในระบบ ไม่มีบันทึกใด ๆ ว่าองค์กรนี้มีอยู่จริงเป้าหมายเดียวขององค์กรคือปฏิบัติภารกิจลับที่ไม่สามารถเปิดเผยต่อสาธารณะชนได้ มีความสามารถและเชี่ยวชาญด้านภารกิจการลอบสังหาร ไปจนถึงการจัดการเป้าหมายระดับสูง ที่อาจเป็นภัยต่อระเบียบโลกในมุมมองของผู้ว่าจ้างโดยไม่สนวิธีการ แค่ภารกิจลุล่วงเท่านั้นพอ

กฎเหล็กของ Shadow Force

องค์กรลับ SHADOW FORCE
  1. ห้ามละเมิด ห้ามสงสัย ห้ามฝ่าฝืนคำสั่งโดยเด็ดขาด
  2. ห้ามเปิดเผยตัวตนต่อคนนอก แม้แต่ครอบครัวก็ไม่อาจยกเว้น
  3. ภารกิจเหนืออื่นใด จงจำไว้เสมอ ว่าภารกิจสำคัญกว่าชีวิต
  4. ห้ามมีความสัมพันธ์ใด ๆ ระหว่างกันโดยเด็ดขาด
  5. เข้ามาแล้วห้ามถอนตัว (ยกเว้นเจ้าหน้าที่จะอยู่ในสถานะ KIA)
  6. ใครก็ตามที่ละเมิดกฎ จะกลายเป็น “เป้าหมาย” และถูกกำจัดทิ้งไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน Shadow Force จะตามจนเจอ

คลังแสง

Shadow Force ไม่ใช่หน่วยลับทั่ว ๆ ไป และมีคลังแสงและยานพาหนะส่วนตัวที่ไม่สามารถหาได้ทั่วไปในท้องตลาด เช่น “โดรนล่องหน” สำหรับภารกิจสอดแนมและระเบิดศัตรู,“ปืนเก็บเสียงดัดแปลงพิเศษ” ที่มาพร้อมกระสุนเจาะเกราะ,“Ghost Rover” รถ SUV หุ้มเกราะพร้อมเรดาร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวของศัตรู หลังคาติดตั้งด้วยปืนกลหนัก ใช้สำหรับต่อกรกับพาหนะเป้าหมาย,“มอเตอร์ไซค์เคลื่อนที่เร็ว” สำหรับปฎิบัติการแทรกซึมสอดแนม หรือใช้สำหรับภารกิจที่ต้องใช้ความคล่องตัวสูง และ “black owl” เฮลิคอปเตอร์ที่ถูกพัฒนาและปรับแต่งมาเป็นพิเศษ ออกแบบมาให้ใช้งานได้ในทุกภูมิประเทศ ใช้ในการลำเลียงหน่วยยุทธวิธีเข้าสู่พื้นที่เป้าหมาย / ใช้ในการถอนกำลังหรือหลบหนีหลังจบภารกิจ

เป้าหมายล่าสุด

ISSAC SARR และ KYRAH OWENSอดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงของของหน่วย Shadow Force ทั้งสองถูกวางตัวให้เป็นคู่หูร่วมรบในภารกิจอันตรายหลายต่อหลายภารกิจ มีความสามารถและเชี่ยวชาญในทักษะด้านอาวุธและการต่อสู้แบบ CQC เรียกได้ว่าฝีมือของทั้งสองติดอันดีบต้น ๆ ของหน่วย

องค์กรเริ่มจับได้ถึงความสัมพันธ์ลับ ๆ ของทั้งสอง ซึ่งขัดต่อกฎข้อ 4 และดูเหมือนว่าทั้งสองจะรู้กฎข้อนี้เป็นอย่างดี ทำให้พวกเขาตัดสินใจหนีและหันหลังจากองค์กร ซึ่งขัดต่อกฎข้อ 5 ทำให้เราไม่มีทางเลือก นอกจากบังคับใช้กฎข้อบังคับที่ 6 ทั้งสองจะต้องถูก Shadow Force ทั้งหน่วย ตามล่าและกำจัดทิ้ง ถึงแม้จะเป็นมือดีของหน่วยก็ไม่มีข้อยกเว้นเด็ดขาด

คอหนังแอ็กชันไม่ควรพลาด “Shadow Force ดับเบิลจารชน โคตรคนไร้เงา” 8 พฤษภาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์

ปู-ไปรยา ลุนด์เบิร์ก

ปู-ไปรยา ลุนด์เบิร์ก กับบทบาทใหม่ นางฟ้าเพื่อสัตว์ทั้งหลาย

Alternative Textaccount_circle
ปู-ไปรยา ลุนด์เบิร์ก
ปู-ไปรยา ลุนด์เบิร์ก

นางเอกโกอินเตอร์ ปู-ไปรยา ลุนด์เบิร์ก กับบทบาทใหม่ Be An Angie For Animals นางฟ้าเพื่อสัตว์ทั้งหลาย ณรงค์แคมเปญ “รับเลี้ยงดีกว่า อย่าซื้อเลยนะ”

ยกนิ้วให้เลย! เป็นนางเอกสาวไทยหัวใจอินเตอร์ที่อุทิศตนเป็นกระบอกเสียงเพื่อชาวโลกโดยแท้ทรู “ปู ไปรยา ลุนด์เบิร์ก” ล่าสุดบินกลับยานแม่ ประเทศไทยเป็นตัวแทน PETA (พีต้า) องค์กรไม่แสวงผลกำไรที่มีจุดประสงค์เพื่อพิทักษ์สิทธิของสัตว์ เปิดตัวภาพถ่ายรณรงค์แคมเปญ “รับเลี้ยงดีกว่า อย่าซื้อเลยนะ” แปลงโฉมเป็นนางฟ้า “Be An Angie For Animals นางฟ้าเพื่อสัตว์ทั้งหลาย” ถ่ายภาพคู่กับสุนัขตาบอดรับเลี้ยง “ไพเรท อาเธอร์” ที่ช่วยเหลือมาจากมูลนิธิสัตว์ที่แอลเอ ก่อนที่จะถูกฉีดยาฆ่าตาย งานนี้ “ปู” ฟาดแรงจุกอกที่เห็นธุรกิจเพาะเลี้ยงสัตว์ทำให้เกิดปัญหาต่างๆมากมาย

“จริงๆ ปูอกแตกตายมากเลยกับเรื่องนี้ ที่คนเพาะเลี้ยงสัตว์ขายสัตว์ ก็คิดมานานว่าจะออกมาพูดเรื่องนี้ดีมั้ย แต่ก็คิดว่าถึงเวลาแล้ว เราพร้อมด้วยวุฒิภาวะ อายุ อยู่ในช่วงวัยที่พูดได้เล้ว ก็เลยอยากรณรงค์เรื่องนี้ ย้อนไปปูเห็นข่าวตอนที่ไฟไหม้จตุจักร สัตว์เหล่านี้ต้องตายอยู่ในกรง เพราะการเพาะการค้า ปูใจสลาย ไม่อยากให้มีแบบนี้ด้วยซ้ำ วันนี้ที่ออกมาพูดก็เตรียมใจว่าจะต้องเจอกับอะไรบ้าง แต่ก็คิดว่าเราทำในสิ่งที่เราทำได้เป็นกระบอกเสียงตรงนี้ รับเลี้ยงดีกว่า อย่าซื้อมาเลี้ยงเลยนะ การค้าสัตว์มันต้องหมดไป”

ปู-ไปรยา ลุนด์เบิร์ก

วันนี้ถ่ายแบบรณรงค์คู่กับลูกรัก “ไพเรท อาเธอร์” ด้วยเล่าที่มาที่ไปกับสัตว์เลี้ยงตัวนี้หน่อย?

“ปูรับมาเลี้ยงเยอะมากที่บ้านที่แอลเอ รับมาจ้างมูลนิธิต่างๆ อย่างที่อเมริกาตัวไหนที่ป่วย มีค่ารักษาเยอะแต่ละตัวก็คือต้องรอการฉีดยาเพื่อฆ่าให้ตายในทุกๆวัน เป็นอะไรที่สะเทือนใจและน่าสงสารมาก อย่างไพเรทลูกตาเค้าเสียข้างนึง ต้องผ่าตัดค่าใช้จ่ายเยอะมาก ถ้าไม่รับมาเค้าก็จะถูกฉีดยาฆ่าให้ตาย ตัวอื่นๆที่บ้านก็มีหูไม่ดี กระเพาะลำไส้ไม่ปกติ ทุกตัวเราก็รับมาเลี้ยงต่อ ซึ่งมูลนิธิในไทยก็ดี The Voice ของพี่เก๋ ชลดา หรือมูลนิธิต่างๆที่ช่วยเหลือสัตว์ ปูก็พร้อมช่วยเหลือเต็มที่ ก็มีการพูดคุยกับพี่เก๋ และ พี่อั้มพัชราภาตลอด เรื่องการดูแลน้องๆรับมาเลี้ยง”

ผู้หญิงคนเดียวก็เที่ยวได้! แชร์ทริค Solo Trip แบบมั่นใจและปลอดภัย

account_circle

ในยุคที่เทรนด์ Solo Travel กำลังมาแรง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิง หลายคนเริ่มออกเดินทางคนเดียวเพื่อค้นหาความสุขในแบบของตัวเอง การเดินทางคนเดียวไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอย่างที่เคยคิด แต่กลับเป็นโอกาสที่ดีในการทำความรู้จักกับตัวเองให้ลึกซึ้งขึ้นมากกว่าเดิม การได้หลุดออกจากสิ่งเดิม ๆ แล้วใช้เวลาคุณภาพกับตัวเองเพียงลำพังนั้นสามารถเติมเต็มความฝันที่เคยวาดไว้ในใจ

Gother เป็นแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ผู้หญิงที่อยากเที่ยวแบบปลอดภัย สะดวก และมั่นใจ ไม่ว่าคุณจะมีจุดหมายปลายทางเป็นทะเล ภูเขา หรือเมืองน่ารัก ๆ Gother พร้อมช่วยให้คุณจัดการทุกขั้นตอนของการเดินทางได้ในที่เดียว

วางแผนล่วงหน้า = ความมั่นใจในการเดินทาง

การวางแผนล่วงหน้าเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ Solo Trip เป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจ เริ่มต้นจากการศึกษาข้อมูลจุดหมายปลายทาง ตรวจสอบสภาพอากาศ ระบบขนส่งสาธารณะ และพื้นที่ใกล้เคียงเพื่อความสะดวกในการเดินทาง นอกจากนี้ควรเลือกที่พักที่อยู่ในทำเลปลอดภัย ใกล้สถานีรถไฟ หรือแหล่งสาธารณะต่าง ๆ เพื่อความสบายใจในยามค่ำคืน ที่สำคัญการจองตั๋วเครื่องบินกับ Gother และวางแผนการเดินทางได้อย่างง่ายดายภายในไม่กี่คลิก ไม่ต้องสลับหลายแอปให้วุ่นวาย

เลือกจุดหมายที่เหมาะกับ Solo Traveler มือใหม่

หากนี่คือการเดินทางคนเดียวครั้งแรกของคุณ การเลือกจุดหมายปลายทางที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ ควรเลือกเมืองหรือประเทศที่มีโครงสร้างพื้นฐานดี ปลอดภัย และมีผู้คนเป็นมิตร เช่น ญี่ปุ่น ไต้หวัน เชียงใหม่ หรือเวียดนามตอนเหนือ ล้วนเป็นสถานที่ที่เหมาะกับนักเดินทางหญิงมือใหม่ เพราะมีทั้งระบบขนส่งสะดวก ผู้คนช่วยเหลือดี และมีกิจกรรมให้เลือกหลากหลาย ที่สำคัญ Gother ยังมีแพ็กเกจและกิจกรรมให้เลือกจองได้ล่วงหน้า ทำให้คุณมั่นใจได้ว่าจะไม่พลาดประสบการณ์สนุก ๆ ระหว่างทริป

เคล็ดลับด้านความปลอดภัย (Safety First!)

ความปลอดภัยเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในการเดินทางคนเดียว แนะนำให้คุณแชร์โลเคชันแบบเรียลไทม์ให้กับครอบครัวหรือเพื่อนสนิท และหลีกเลี่ยงการเดินทางกลับที่พักดึกโดยลำพัง นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการบอกผู้อื่นว่าเดินทางคนเดียวโดยไม่จำเป็น เตรียมของจำเป็นอย่าง Power bank, SIM อินเทอร์เน็ต, แผนที่ offline และอย่าลืมใช้แพลตฟอร์มที่เชื่อถือได้ เช่น Gother ในการจองที่พักหรือทริปต่าง ๆ เพื่อให้มั่นใจว่าได้บริการที่ปลอดภัยและตรวจสอบได้

ไปคนเดียว ไม่เหงาแน่นอน

หลายคนอาจกังวลว่า Solo Trip จะเหงาเกินไป แต่ความจริงแล้วคุณสามารถพบเพื่อนใหม่และประสบการณ์ดี ๆ ได้เสมอ ลองเลือกกิจกรรมแบบ join group เช่น คลาสทำอาหาร ไต่เขา ดำน้ำ หรือกิจกรรมท้องถิ่นอื่น ๆ ที่เปิดโอกาสให้คุณได้พบผู้คนใหม่ ๆ การเข้าพักที่ hostel ที่มีพื้นที่ส่วนกลางก็ช่วยให้ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับนักเดินทางคนอื่น ๆ ได้ง่ายขึ้นอีกด้วย แพลตฟอร์ม Gother ยังมีตัวเลือกกิจกรรม local experience ที่น่าสนใจมากมาย ให้คุณจองได้ง่าย ๆ ล่วงหน้า

แพ็กกระเป๋าเบา ๆ แต่มั่นใจ

การจัดกระเป๋าอย่างมีระบบเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยให้ทริปของคุณราบรื่น ควรเลือกเสื้อผ้าและรองเท้าที่ใส่สบาย เดินง่าย และดูดีเวลาอยู่หน้ากล้อง แนะนำให้จัดกระเป๋าเป็นช่อง ๆ เพื่อความเป็นระเบียบ และหยิบใช้ง่าย พกของจำเป็นที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจ เช่น spray กันตัว, มีดพับเล็ก ๆ, และ whistle เพื่อใช้ในยามฉุกเฉิน ทั้งนี้ควรคำนึงถึงน้ำหนักกระเป๋าเป็นหลัก เพราะคุณจะต้องดูแลตัวเองและสัมภาระเพียงลำพัง

ใช้เทคโนโลยีช่วยให้อุ่นใจมากขึ้น

อย่าลืมพึ่งพาเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มความมั่นใจตลอดทริป โหลดแอปที่มีประโยชน์ติดเครื่องไว้เสมอ เช่น แอปแปลภาษา แผนที่ offline และแอปเช็กสถานะเที่ยวบิน ทั้งนี้ Gother ก็มีระบบจองที่พักและตั๋วเครื่องบินครบจบในที่เดียว ช่วยให้คุณไม่พลาดทุกความเคลื่อนไหวของแผนการเดินทาง และยังสามารถเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ได้ตลอดเวลาที่ต้องการ

ลองใช้เวลาอยู่กับตัวเองแบบไม่รู้สึกผิด

การเดินทางคนเดียวคือโอกาสทองในการใช้เวลาคุณภาพกับตัวเอง ลองเดินเล่นช้า ๆ ตามถนนสายเล็ก ๆ ถ่ายรูปวิวหรือร้านกาแฟน่ารัก ๆ และนั่งทานข้าวคนเดียวแบบไม่ต้องรีบ คุณอาจใช้เวลาเขียนบันทึกทริป อ่านหนังสือเล่มโปรด หรือแค่ปล่อยใจให้คิดเรื่องต่าง ๆ อย่างอิสระ Solo Trip คือช่วงเวลาที่คุณจะได้อยู่กับตัวเองในแบบที่ไม่ต้องกังวลเรื่องคนอื่น เป็นการรีเซตหัวใจและชีวิตให้กลับมาสดใสอีกครั้ง

ข้อดีของ Solo Trip สำหรับผู้หญิง

  • การเดินทางคนเดียวช่วยเสริมสร้างความมั่นใจ กล้าคิด กล้าตัดสินใจ และรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ด้วยตัวเอง
  • คุณจะได้พบเจอประสบการณ์ใหม่ ๆ ผู้คนที่หลากหลาย และอาจได้มิตรภาพที่ไม่คาดคิดในระหว่างทาง

และแน่นอนว่า Gother เป็นเพื่อนคู่ใจที่ช่วยให้การ Solo Trip ของคุณง่ายขึ้นมาก เพียงคลิกเดียวก็สามารถจองตั๋วเครื่องบินและที่พักแบบปลอดภัยและสะดวกสบายได้ทันที

ผู้หญิงทุกคนสามารถเดินทางคนเดียวได้อย่างมั่นใจ หากมีการวางแผนที่ดีและเลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสม Solo Trip ไม่ได้เป็นเพียงการเดินทางทางกาย แต่ยังเป็นการเดินทางของหัวใจ เพื่อค้นหาตัวตนและความสุขในแบบของคุณเอง อย่ารอช้า หากคุณฝันอยากเดินทางคนเดียวสักครั้ง ลองเริ่มต้นทริปนั้นกับ Gother แพลตฟอร์มที่เข้าใจและดูแลคุณทุกก้าวของการเดินทาง

พร้อมออกเดินทางไปกับ Gother หรือยัง? เริ่มจองทริปแรกของคุณได้ที่ www.gother.com


ร่วมเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุ 70 พรรษา จัดงาน “รอยยิ้มแห่งสยาม : น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ”

account_circle

กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจค้าปลีกชั้นนำ เจ้าของและผู้บริหาร สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ หนึ่งในพันธมิตรเจ้าของไอคอนสยาม และสยามพรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพฯ น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทย และตระหนักถึงความสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์ที่มีต่อประเทศชาติและปวงชนชาวไทย  ในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพทรงเจริญพระชนมายุครบ 70 พรรษา จึงร่วมกับ 7 มูลนิธิ ได้แก่ มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ สภากาชาดไทย ร้านภูฟ้า ในกองทุนพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร มูลนิธิสายใจไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ มูลนิธิสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ร้านภัทรพัฒน์ มูลนิธิชัยพัฒนา และมูลนิธิมหาจักรีสิรินธรเพื่อคณะอักษรศาสตร์ ร่วมด้วยสมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ และกลุ่มช่างภาพสห+ภาพ จัดงาน “รอยยิ้มแห่งสยาม : น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ” ระหว่างวันที่ 23-27 เมษายน 2568 ณ Living Hall ชั้น 3 สยามพารากอน

สำหรับงาน “รอยยิ้มแห่งสยาม : น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ” จะได้พบกับผลิตภัณฑ์และของที่ระลึกต่างๆ จาก มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ สภากาชาดไทย ร้านภูฟ้า ในกองทุนพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร มูลนิธิสายใจไทยพระบรมราชูปถัมภ์ มูลนิธิสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ร้านภัทรพัฒน์ มูลนิธิชัยพัฒนา และมูลนิธิมหาจักรีสิรินธรเพื่อคณะอักษรศาสตร์ อาทิ เสื้อและสินค้าลายภาพฝีพระหัตถ์, งานฝีมือหัตถกรรม, เครื่องแก้ว, ผลิตภัณฑ์ผ้า, งานช่างไม้ และอาหาร ฯลฯ มาให้ร่วมชมและช้อปฯ มากมาย

นอกจากนั้นสมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ และกลุ่มช่างภาพสห+ภาพ ยังร่วมจัดแสดงนิทรรศการ “รอยยิ้มแห่งสยาม : น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ” เชิญภาพพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มาจัดแสดง พร้อมด้วยภาพรอยยิ้มของพสกนิกรไทยโดยช่างภาพอาชีพชั้นนำ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความปลาบปลื้มใจในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทยเสมอมามาร่วมแสดงกว่า 200 ภาพ ทั้งนี้ผู้เข้าชมงานสามารถร่วมถ่ายภาพ “รอยยิ้ม” กับ Canon เพื่อเป็นของที่ระลึกได้อีกด้วย

ภายในงานยังมีการแสดงศิลปวัฒนธรรมไทยจากเวิร์คพอยท์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ ร่วมด้วยสมาคมนักเรียนเก่าต่างประเทศ (ประเทศไทย) โรงเรียนสยามสยามไตร และโรงเรียนสอนดี (ประชารัฐอนุสรณ์) อาทิ การแสดงบรรเลงดนตรีไทย รำไทย โขน ฯลฯ เพื่อสะท้อนถึงพระอัจฉริยภาพด้านดนตรีไทย อันเป็นมรดกทางวัฒนธรรมไทยที่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีทรงให้ความสำคัญ และทรงสนับสนุนการเก็บรักษาและอนุรักษ์เครื่องดนตรีไทยเสมอมา

กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ ยังได้จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีเพื่อแสดงความจงรักภักดีอย่างสมพระเกียรติและยิ่งใหญ่ อาทิ กิจกรรมจิตอาสา สยามพิวรรธน์ Blood Hero ภารกิจแห่งการให้ที่ยิ่งใหญ่ ตลอดปี 2568 ภายใต้โครงการ “70 พรรษา 70 ล้านซีซี เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี” ขอเชิญชวนประชาชนผู้สนใจร่วมบริจาคโลหิตได้ในวันที่ 26 มิถุนายน, 25 กันยายน และ 24 ธันวาคม ณ Activity Room 1 ชั้น 4 อาคารจอดรถสยาม สำหรับผู้บริจาคโลหิต 2 ครั้ง ภายในปี 2568 จะได้รับพระผงหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต อีกด้วย

กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ขอเชิญร่วมกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสวันคล้าย วันพระราชสมภพสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุ 70 พรรษา ในงาน “รอยยิ้มแห่งสยาม : น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ” ได้ระหว่างวันที่ 23-27 เมษายน 2568 ณ Living Hall ชั้น 3 สยามพารากอน


Health Matter EP.3 I กินผิดปกติ หรือคิดไปเอง? รู้ทันสัญญาณ Eating Disorder

Health Matters EP.3 I กินผิดปกติ หรือคิดไปเอง? รู้ทันสัญญาณ Eating Disorder

Alternative Textaccount_circle
Health Matter EP.3 I กินผิดปกติ หรือคิดไปเอง? รู้ทันสัญญาณ Eating Disorder
Health Matter EP.3 I กินผิดปกติ หรือคิดไปเอง? รู้ทันสัญญาณ Eating Disorder

มาทำความเข้าใจกับสิ่งที่อาจเกิดขึ้นใกล้ตัวกว่าที่คิด อย่าง Eating Disorder หรือความผิดปกติด้านการกิน เพราะบางครั้ง มันไม่ใช่แค่เรื่อง “กินมากไป” หรือ “กินน้อยเกินไป” แต่มันคือเสียงจาก “ใจ” ที่กำลังต้องการความช่วยเหลือ ครั้งนี้แพรวเลยชวนคุณหมอเปรม – นพ. อภิชาญ แดงรุ่งโรจน์ จิตแพทย์โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ มาช่วยเปิดมุมมองใหม่ๆ และแชร์วิธีสังเกต รวมถึงแนวทางดูแลอย่างเข้าใจ

“ถ้าคุณเคยรู้สึกผิดเวลาที่กิน หรือรู้สึกว่าร่างกายตัวเองไม่ดีพอ นี่คือบทสนทนาที่คุณต้องฟัง”

Health Matters รายการทอล์คเรื่องสุขภาพ ตั้งแต่เรื่องเล็กในชีวิตประจำวัน ไปจนถึงเรื่องเชิงลึก ที่จะทำให้ทุกเรื่องสุขภาพเป็นเรื่องเข้าใจง่าย ทุกวันพุธที่ 2 และ 4 ของเดือน เวลา 19:00 น. I ทาง YouTube: Praew Magazine และ FB: นิตยสารแพรว


อ่อนเพลียบ่อยต้องระวัง! 'ฮอร์โมนเพศชาย' อาจพร่องไม่รู้ตัว และเสี่ยงถึงชีวิต

อ่อนเพลียบ่อยต้องระวัง! ‘ฮอร์โมนเพศชาย’ อาจพร่องไม่รู้ตัว เสี่ยงถึงชีวิต

Alternative Textaccount_circle
อ่อนเพลียบ่อยต้องระวัง! 'ฮอร์โมนเพศชาย' อาจพร่องไม่รู้ตัว และเสี่ยงถึงชีวิต
อ่อนเพลียบ่อยต้องระวัง! 'ฮอร์โมนเพศชาย' อาจพร่องไม่รู้ตัว และเสี่ยงถึงชีวิต

ใครจะคิดว่า “ฮอร์โมน” ที่เรามักนึกถึงในผู้หญิง จริงๆ แล้วก็สำคัญกับผู้ชายไม่แพ้กัน! ในโอกาส วันฮอร์โมนโลก 24 เมษายน 2568 ที่จัดขึ้นโดย มูลนิธิฮอร์โมนและการเผาผลาญแห่งยุโรป (ESE Foundation) และ สมาคมต่อมไร้ท่อแห่งยุโรป (The European Society of Endocrinology) มีเป้าหมายเพื่อให้ทุกคนหันมาใส่ใจสุขภาพฮอร์โมนของตัวเอง ภายใต้แนวคิดที่ตรงใจสุดๆ ว่า “สุขภาพดี เริ่มที่ใส่ใจฮอร์โมน” โดยเฉพาะผู้ชายอายุ 45 ปีขึ้นไป ต้องไม่มองข้าม! เพราะข้อมูลจาก Besins Healthcare ชี้ว่าผู้ชายในวัยนี้กว่า 40-60% กำลังเผชิญปัญหา ฮอร์โมนเพศชาย ลดลง โดยไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ

เช็กสัญญาณอันตราย ฮอร์โมนต่ำใช่ไหม?
หลายคนอาจรู้สึกว่า “ก็แค่เหนื่อย” หรือ “แค่นอนไม่พอ” แต่ลองดูสิว่า… คุณมีอาการเหล่านี้หรือเปล่า?

  • อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย
  • หงุดหงิดง่าย นอนไม่หลับ
  • สมรรถภาพทางเพศลดลง
  • กล้ามเนื้อลด ไขมันเพิ่ม
  • ขาดแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต

ถ้ามีหลายข้อต้องระวัง อาจเป็นสัญญาณของ ภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย (Testosterone Deficiency Syndrome – TDS) ซึ่งไม่ได้ส่งผลแค่เรื่องเพศเท่านั้นนะ แต่ยังเสี่ยงต่อโรคเรื้อรังหลายอย่าง ทั้งเบาหวาน ความดัน ไขมันสูง และโรคอ้วนลงพุงด้วย

เช็กง่ายๆ ด้วย “ADAM Check”
เบื้องต้นสามารถประเมินความเสี่ยงได้ด้วย แบบประเมิน ADAM Check (ถามตอบไม่กี่ข้อ) ถ้าผลออกมาน่าสงสัย แนะนำให้รีบไปตรวจระดับฮอร์โมนกับแพทย์เฉพาะทางทันที เพื่อจะได้วางแผนดูแลร่างกายให้กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม

ถ้าตรวจแล้วเจอว่าฮอร์โมนพร่อง… รักษาอย่างไร?
ไม่ต้องตกใจ การฟื้นฟูฮอร์โมนในปัจจุบันทำได้หลายวิธี แถมปลอดภัยกว่าที่คิด ตัวอย่างการรักษา อาทิ

  • แบบกิน – สะดวก แต่ระยะยาวอาจกระทบตับ และดูดซึมได้ไม่เต็มที่
  • แบบฉีด – เห็นผลเร็ว แต่ฮอร์โมนอาจแกว่ง
  • แบบทา (เจล) – ได้รับความนิยมมากขึ้น ปลอดภัย ไม่เจ็บ ใช้เองที่บ้านได้ (ทาบริเวณไหล่ ต้นแขน หรือหน้าท้อง ในเวลาเดียวกันทุกวัน เพื่อให้ฮอร์โมนคงที่)

ฟื้นร่าง ฟื้นใจ ด้วยการเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ อย่าพึ่งพาแต่ยา ถ้าจะให้ผลดีระยะยาว ต้องเปลี่ยนพฤติกรรมควบคู่ไปด้วย เช่น ออกกำลังกายสม่ำเสมอ, นอนให้พอ, เลี่ยงบุหรี่และแอลกอฮอล์, ลดความเครียดด้วยกิจกรรมที่ชอบ

การดูแลฮอร์โมน คือการดูแลคุณภาพชีวิต เพราะเมื่อร่างกายและใจอยู่ในสมดุล ผู้ชายก็สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างเต็มพลังอีกครั้ง จำไว้! อย่าคิดว่า “ฮอร์โมน” เป็นเรื่องไกลตัว

Photo: Pexels


สง่างามสไตล์วิกตอเรียน มงกุฎ Miss World Thailand 2025 “โอปอล สุชาตา”

Alternative Textaccount_circle

เผยดีเทลมงกุฎสไตล์วิกตอเรียน “The Dream Princess’s Crown” ของ โอปอล สุชาตา Miss World Thailand 2025

กลายเป็นกระแสในวงการนางงามอีกครั้ง เมื่อ “มร.ไบรอัน แอล มาร์การ์” กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทโร เอ็นเทอร์เทนเม้นท์ฯ และ “ปุ้ย-ปิยาภรณ์ แสนโกศิก” ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ทีพีเอ็น โกลบอล จำกัด ได้มอบมงกุฎและสายสะพายให้ “โอปอล-สุชาตา ช่วงศรี” เพื่อยืนยันความเป็นตัวแทนของประเทศไทยในการเข้าร่วมประกวด Miss World 2025 ครั้งที่ 72 อย่างเป็นทางการ โดยหนึ่งสิ่งที่ได้รับการพูดถึงไม่น้อยคือ มงกุฎอัญมณีสีฟ้า ที่ผู้คนเอ่ยชมเป็นเสียงเดียวกันว่า เป็นมงกุฎที่สง่างามมาก และเหมาะสมกับโอปอลมากๆ

โดยมงกุฎดังกล่าวได้ดีไซเนอร์อย่าง คุณชวลิต ชมเมือง มาเป็นผู้ออกแบบ และผ่านการรังสรรค์จาก God diamonds กลายเป็นมงกุฎที่มีชื่อว่า “The Dream Princess’s Crown” ซึ่งแบรนด์ได้เผยว่า “มงกุฎแห่งโลกจินตนาการและความฝัน ถ่ายทอดความปรารถนาอันบริสุทธิ์ของหญิงสาวผู้ใฝ่ฝันจะเป็นเจ้าหญิงที่งดงาม เปี่ยมเสน่ห์ ฉลาดหลักแหลม อ่อนโยนแต่แฝงไว้ด้วยพลังภายในที่แข็งแกร่ง มีเมตตาและหัวใจเพื่อส่วนรวม คุณลักษณะทุกอย่างประสานกลมเกลียวดุจเถาวัลย์ที่เลื้อยพันอย่างอ่อนช้อยบนเรือนมงกุฎ สะท้อนความงามทั้งจากภายนอกและภายใน

โดยตัวเรือนออกแบบในสไตล์วิกตอเรียนของราชวงศ์ชั้นสูง ประดับพลอยสีฟ้าราวกับสะท้อนสีของโลกที่เปล่งประกายอยู่กลางห้วงอวกาศ ความฝันที่เคยอยู่แสนไกล บัดนี้เป็นจริงในชั่วข้ามคืน เมื่อสาวน้อยผู้มีหัวใจเจิดจรัสได้สวมบทบาทเจ้าหญิงยามรุ่งอรุณ และอีกหนึ่งความฝันอันใกล้นี้ เธอจะก้าวสู่บทบาทราชินีอย่างสง่างาม ดุจดาวฤกษ์ที่กำลังเฉิดฉายบนฟากฟ้า”

สำหรับกำหนดการ โอปอลจะออกเดินทางสู่เมืองไฮเดอราบัด รัฐเตลังคานา ประเทศอินเดีย ระหว่างวันที่ 7-31 พฤษภาคม และรอบตัดสินจะจัดขึ้นในคืนวันเสาร์ที่ 31 พฤษภาคม ซึ่งในระหว่างเก็บตัวจะมีการเก็บคะแนนในรอบต่างๆ หรือ FAST TRACK อย่างการนำเสนอโครงการด้านการกุศล Beauty With A Purpose รวมไปถึงความสามารถด้านการพูดในที่สาธารณะ Head to Head Challenge ความสามารถด้านกีฬา (Top Fitness & Sport) ยังมีทักษะการเดินแบบ (Top Model) ความสามารถพิเศษ (Top-Talent ) และการใช้สื่อยอดเยี่ยม (Miss World-Multimedia Award) รวมไปถึงการแสดงศิลปะการเต้น (Miss World Dance Of The World) มาร่วมส่งกำลังใจให้เส้นทางนี้ของโอปอลไปด้วยกัน


ข้อมูล: Instagram @goddiamonds

รูปภาพ: Instagram @goddiamonds และ @tpn.global

keyboard_arrow_up