แจ๊คเกอลีน เคนเนดี้ อดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง ของสหรัฐอเมริกา ผู้หญิงที่ทรงอิทธิพลอันดับต้นๆ ทั้งเรื่องชีวิต และยังเป็นแฟชั่นไอคอนให้กับสาวๆ ทั่วโลก
ปฎิเสธไม่ได้ว่าในบรรดาสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐอเมริกา แจ๊คเกอลีนเป็นผู้หญิงที่ถูกจับตามองมากที่สุดคนหนึ่ง เพราะนอกจากเธอจะเป็นภริยาของ จอห์น เอฟ เคนเนดี้ ประธานาธิบดีคนที่ 35 ของสหรัฐอเมริกาแล้ว
เธอยังถูกจัดให้เป็นสุภาพสตรีที่แต่งกายงามที่สุดในโลกอีกด้วย
จากเด็กหญิงหน้าตาน่ารัก เธอก้าวขึ้นเป็น The First Lady ผู้หญิงที่คอยสนับสนุนและอยู่เบื้องหลังผู้นำประเทศมหาอำนาจของโลกได้อย่างไร
บอกเลยว่าชีวิตเธอ แจ๊คเกอลีน เคนเนดี้ ไม่ได้โรยกลีบกุหลาบไปซะทีเดียว แพรวจะพาคุณไปทำความรู้จักเธอให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งบางเรื่องคุณอาจไม่เคยรู้
แจ๊คกี้ หรือ แจ๊คเกอลีน ลี โบว์เวียร์ เกิดเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2472 ที่เมืองเซาธ์แฮมป์ตัน รัฐนิวยอร์ก เป็นบุตรสาวของ นาย John Vernou Bouvier III.โบรกเกอร์ตลาดหุ้นในวอลสตรีท (ตลาดหลักทรัพย์) และมารดา นาง Janet Norton Lee มีน้องสาวชื่อ Caroline Lee
หนูน้อยแจ๊คกี้เข้าเรียนชั้นประถมที่โรงเรียน Miss Chapin เธอเป็นเด็กน่ารัก ฉลาด และมีอารมณ์ศิลปินค่อนข้างสูง แต่ขณะเดียวกันก็แอบดื้อไม่น้อย
ในวัย 10 ปีเป็นช่วงเวลาที่ แจ๊คกี้ต้องเผชิญกับเหตุการณ์ที่พ่อแม่หย่าร้างกัน มันดูเป็นเรื่องยากสำหรับเด็กวัยนี้ และยิ่งเธอมาจากครอบครัวที่นับถือศาสนาคริสต์ นิกายคาทอลิค แถมทางโบสถ์ก็ไม่เห็นดีด้วยสำหรับการหย่าครั้งนี้ของพ่อแม่เธอสักเท่าไหร่ ยิ่งทำให้แจ๊คกี้ต้องเผชิญกับสภาวะที่ตึงเครียด
จากเด็กสาวร่าเริง กลายเป็นเด็กที่เงียบ และไม่ค่อยพูด ทว่าแม้จะต้องเจอกับช่วงเวลาที่ยากลำบากทั้งกายและใจ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้หนูน้อยย่อท้อ เธอกลับได้รับโอกาสดีๆ มากมายในชีวิต เธอได้เรียนบัลเลต์คลาสสิคในโรงละครโอเปล่า และยังเริ่มเรียนภาษาฝรั่งเศสอีกด้วย
นอกจากนี้ แจ๊คกี้ ยังชื่นชอบการขี่ม้ามากๆ ด้วย เธอเคยชนะและได้เหรียญทองในการแข่งขันขี่ม้าเมื่อตอนอายุ 11 ปี พรสวรรค์ที่ได้มานี้ อาจจะเป็นเพราะแม่ของเธอนั้นชื่นชอบกีฬาขี่ม้า และเคยแข่งขัน จนได้แชมป์ถึงสามครั้งที่งานประจำปี National Horse Show
เมื่อครั้งที่แจ๊คกี้ อายุ 1 ขวบ แม่ของเธอได้จับเธอขึ้นบนหลังม้าพร้อมกับเธอด้วย และยังให้เธอเริ่มขี่ม้าเอง โดยเริ่มหัดจากม้าแคระก่อน ฝึกจากการขี่ข้ามสิ่งกีดขวางต่างๆ จนชำนาญ จึงมาขี่ม้าไซส์ปกติ
หลังจากที่พ่อกับแม่ของเธอหย่าร้างกันได้ไม่นาน สามปีถัดมา แม่ของแจ๊คกี้ก็แต่งงานใหม่กับ Hugh Auchincloss นักธุรกิจ พ่อม่ายลูกติด ซึ่งนั่นทำให้แจ๊คกี้มีพี่สาวและน้องชายเพิ่มขึ้นโดยปริยาย
ในปี 1947 หลังจากที่แจ๊คกี้จบการศึกษาจากโรงเรียน Miss Porter เธอได้เรียนต่อวิทยาลัย Vassar ในเมืองนิวยอร์ก โดยวิชาที่เลือกเรียนคือ ประวัติศาสตร์,วรรณกรรม, ศิลปะ และภาษาฝรั่งเศส
ในช่วงที่เธอเป็นนักศึกษาปี 1 แจ๊คกี้ได้เดินทางไปศึกษาที่ประเทศฝรั่งเศส และได้ไปอาศัยอยู่กับครอบครัว Renty หลังจากครบหนึ่งปี เธอต้องเดินทางกลับบ้าน แจ๊คกี้ได้เขียนถึงประสบการณ์ที่ใช้ชีวิตช่วงสั้นๆ อยู่ที่นั่นว่า
“เป็นอีกปีที่ฉันชอบมากที่สุดในชีวิต ถึงแม้จะอยู่ห่างจากบ้าน แต่ก็มีโอกาสที่จะเรียนรู้สิ่งต่างๆ ซึ่งเป็นการเรียนรู้อย่างแท้จริง
“ที่สำคัญคือบางสิ่งที่ฉันพยายามซ่อนมันมาตลอด แต่มาที่นี่ฉันได้เปิดมันขึ้นมาอีกครั้ง ฉันรักยุโรป แต่ในขณะเดียวกัน ฉันก็กลัวว่าที่นี่จะไม่ปล่อยให้ฉันไป”
เมื่อแจ๊คกี้กลับจากประเทศฝรั่งเศส เธอได้โอนย้ายที่เรียนจากวิทยาลัย Vassar ไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยจอร์จวอชิงตัน ด้วยเหตุผลที่ว่า อยากอาศัยอยู่ในเมือง และอยากอยู่ใกล้ครอบครัวของเธอด้วย
หลังจากเรียนจบ แจ๊คกี้เริ่มทำงานครั้งแรกในปี 1951 โดยเป็นช่างภาพฝึกหัดให้กับหนังสือพิมพ์วอชิงตัน ไทม์ส-เฮรัลด์ โดยหน้าที่ของเธอคือถ่ายรูป ถามคำถาม และเผยแพร่คำตอบในคอลัมน์
ในช่วงที่เธอทำงานอยู่ที่นี่ แจ๊คกี้เคยสัมภาษณ์ ริชาร์ด มิลเฮาส์ นิกสัน อดีตประธานาธิบดีคนที่ 37 ของสหรัฐอเมริกา และรองประธานาธิบดีคนที่ 36 อีกทั้งยังเคยร่วมถ่ายภาพงานพิธีบรมราชาภิเษกของพระราชินีอลิซาเบธที่ 2 ด้วย
ปีเดียวกันนั้น เธอได้พบรักกับจอห์น เอฟ เคนเนดี้ สส.หนุ่ม ในงานเลี้ยงสังสรรค์ ในเมืองจอร์จทาวน์ ทั้งคู่คบหาดูใจกันเรื่อยมา และหลังจากที่จอห์นได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกวุฒิสภา พวกเขาจึงได้ตัดสินใจหมั้นในวันที่ 25 มิถุนายน 2496
แหวนหมั้นที่จอห์นเลือกให้กับคู่ชีวิตของเขานั้น เป็นแหวนเพชร 2.88 กะรัต ประดับด้วยมรกต 2.84 กะรัต จากแบรนด์ Van Cleef & Arpels
จากนั้นในวันที่ 12 กันยายน 2496 ทั้งคู่ได้เข้าพิธีแต่งงานที่โบสถ์เซนต์แมรี่ เมืองนิวพอร์ต รัฐโรดไอแลนด์ และในปี 2500 แจ๊คกี้ได้ให้กำเนิดลูกสาวคนแรก ชื่อ แคโรลีน เคนเนดี้
ในช่วงที่จอห์น เอฟ. เคนเนดี้ กำลังหาเสียงเพื่อลงสมัครเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีคนที่ 35 ของสหรัฐอเมริกา แจ๊คกี้ก็ยังคงใช้เวลาว่างในขณะอยู่บ้าน เขียนคอลัมน์ Campaign Wife ให้กับหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ ซึ่งในช่วงนั้นเธอกำลังตั้งครรภ์ลูกคนที่ 2
นอกจากนี้เธอยังได้ตอบจดหมายนับร้อยฉบับ บันทึกเทปโฆษณาทางโทรทัศน์ และยังให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างๆ ถึงแม้จะอยู่ในช่วงที่กำลังตั้งครรภ์ แต่ว่าที่สตรีหมายเลขหนึ่งคนนี้กลับไม่มีวันหยุดพัก จนกระทั่งเธอได้ให้กำเนิดลูกชาย จอห์น เอฟ. เคนเนดี้ จูเนียร์
แน่นอนว่าเป็นถึงสตรีหมายเลขหนึ่ง คงไม่มีทางอยู่เฉยแน่นอน ในปี 1961-1963 แจ๊คกี้เรียกได้ว่าเป็นต้นแบบของผู้หญิงทีมีหัวค่อนข้างทันสมัย เธอมีโครงการที่จะปรับปรุง เปลี่ยนแปลง และฟื้นฟูห้องต่างๆ ในทำเนียบขาวให้ดูสวยขึ้น
ที่คึกโครมที่สุดคือการเปลี่ยนทำเนียบขาวให้เป็นพิพิธภัณฑ์ โดยเธอได้ขอความช่วยเหลือจากนักสะสมงานศิลปะต่างๆ และนักออกแบบที่ได้รับการตกแต่งทำเนียบขาวให้มาช่วยบูรณะในครั้งนี้
นอกจากจะเนรมิตทำเนียบขาวให้เป็นพิพิธภัณฑ์แล้ว เธอยังเปิดโรงเรียนในทำเนียบขาวอีกด้วย แจ๊คกี้เปลี่ยนระเบียงชั้นสามของทำเนียบขาวให้เป็นโรงเรียนสำหรับลูกสาวของเธอ รวมถึงเด็กคนอื่นๆ ด้วย และยังสร้างสระว่ายน้ำ ชิงช้า และบ้านต้นไม้บนสนามหญ้าให้กับลูกชายสุดที่รัก
พูดถึงทำเนียบขาวหลายคนอาจจะฟังดูแล้วคงเข้าถึงยาก แต่ในสมัยที่แจ๊คกี้เป็นสตรีหมายเลขหนึ่งนั้น เธอได้เปิดทำเนียบขาว พาสื่อทัวร์ รวมถึงให้เข้ามาถ่ายทำรายการโทรทัศน์เมื่อตอนที่บูรณะทำเนียบขาว และแน่นอนว่านั่นทำให้เธอได้รับรางวัลชนะเลิศจาก เอมมี่ อวอร์ด
อีกเรื่องที่จะไม่พูดถึงคงไม่ได้ ในยุคนั้น แจ๊คกี้เรียกได้ว่าเป็นแฟชั่นไอคอนให้กับสาวๆ ทั่วโลก เธอเป็นผู้นำเทรนด์ในการแต่งตัว เธอมีสไตล์ที่ดูเรียบหรู ทันสมัย และมีความชิคในคราเดียวกัน
ไม่มีครั้งไหนที่แจ๊คกี้ออกงานแล้วจะไม่โดดเด่น ทุกๆ ครั้งที่ปรากฎตัวแจ๊คกี้จะมาพร้อมหมวกทรง pillbox แว่นกันแดดขนาดโอเว่อร์ไซส์ ถุงมือยาวถึงศอก
และชุดที่เรียกได้ว่าเป็นต้นแบบ ได้รับคำนิยามว่าเป็นชุดสไตล์ Jackie จนไม่ว่าเวลาจะผ่านมานานแค่ไหน สาวๆ ก็ยังหยิบมาใส่กันอยู่เรื่อยๆ ซึ่งในปี 1962 แจ๊คกี้ได้รับการโหวตจากผู้เชี่ยวชาญการออกแบบเครื่องแต่งกายสตรีของโลก ให้เป็น 1 ใน 10 สตรีที่แต่งกายดีที่สุดในโลก ซึ่งเป็นปีเดียวกันกับที่เธอได้รับรางวัลจาก เอมมี่ อวอร์ด
ในปี 1963 เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน ขณะที่ จอห์น เอฟ. เคนเนดี้ และ แจ๊คเกอลีน เคนเนดี้ กำลังนั่งอยู่ในรถเปิดประทุน รถได้เคลื่อนตัวช้าๆ ไปตามถนน จอห์นและแจ๊คกี้กำลังโบกมือทักทายให้กับประชาชนในเมืองดัลลัส รัฐเทกซัส
และแล้วเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อจอห์นถูกลอบสังหารโดยมือปืน กระสุนได้พุ่งเข้าที่ศีรษะของประธานาธิบดีคนที่ 35 ของอเมริกา จอห์นเสียชีวิตคาที่ ท่ามกลางความตกใจสุดขีดของแจ๊คกี้ และประชาชนที่อยู่ในเหตุการณ์
ร่างของจอหน์ถูกนำขึ้นเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวัน เพื่อกลับไปทำพิธีที่กรุงวอชิงตัน แจ๊คกี้ยังคงอยู่ในชุดที่เปรอะเปรื้อนไปด้วยเลือด และเข้าพิธีด้วยชุดนี้ ซึ่งเหตุผลที่เธอไม่เปลี่ยนชุดเพราะอยากให้โลกรับรู้ว่า เกิดอะไรขึ้นกับจอห์น สามีของเธอ
หลังจากที่จอห์นเสียชีวิตไปแล้ว แจ๊คกี้ได้ย้ายครอบครัวกลับมาใช้ชีวิตที่นิวยอร์ก และห้าปีถัดมา เธอก็ได้แต่งงานใหม่อีกครั้งกับ นายอริสโตเติล โอนาซิส มหาเศรษฐีชาวกรีก ชายที่มีอายุมากกว่าเธอถึง 20 ปี และเป็นอีกครั้งที่เธอได้กลับไปใช้ชีวิตที่ฝรั่งเศส
ในช่วงนั้นเธอและลูกๆ มักถูกปาปารัสซีที่ชื่อว่า Ron Galella คุกคามถ่ายภาพตลอด จนมีคำสั่งศาลออกมาว่าห้ามเขาเข้าใกล้พวกเธอในระยะ 25-30 ฟุต แต่ถึงอย่างไร ข้อห้ามนี้ก็ถูกละเมิดอยู่ดี นั่นทำให้แจ๊คกี้หมดความอดทน จนต้องฟ้องชายคนนี้ และแน่นอนว่าศาลตัดสินให้เธอชนะ
ถึงแม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะเจอเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต สามีที่รักได้จากไปต่อหน้าตา แต่แจ๊คกี้ก็ผ่านเรื่องราวเลวร้ายมาได้ด้วยหัวใจที่เข้มแข็ง และใช้ช่วงเวลาสุดท้ายในชีวิตกับลูกๆ และงานที่เธอรัก
แจ๊คกี้ประสบความสำเร็จเรื่องงานเป็นอย่างมาก เธอได้กลับไปเป็นบรรณาธิการหนังสืออีกครั้ง ผลงานทุกๆ เรื่องต่างมีคนจดจำและยังคงกล่าวมาจนถึงปัจจุบัน
ถึงวันนี้ชื่อของเธอยังคงอยู่ในประวัติศาสตร์ของโลก เป็นสตรีที่โลกต้องจดจำไว้ตลอดไป
ที่มา : www.jfklibrary.org, www.thisisinsider.com