ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ราชวงศ์อังกฤษ ก็จะมีข่าวดีที่ทั่วโลกต้องนับถอยหลังกันเลยทีเดียว นั่นก็คือพิธีเสกสมรสระหว่างเจ้าชายแฮร์รี่และเมแกน มาร์เคิล พระคู่หมั้น ในวันที่ 19 พฤษภาคม 2561 ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการประกาศถึงพิธีอันเป็นมงคลให้รับทราบกันแล้วช่วงเดือนพฤศจิกายนในปีที่ผ่านมา
เช่นเดียวกับพิธีเสกสมรสของเจ้าชายวิลเลียมและเจ้าหญิงเคทในปี 2011 เมแกนได้รับการตอบรับอย่างดีจากหลายฝ่าย ทั้งราชวงศ์และประชาชนชาวอังกฤษ ทำให้ชุดแต่งงานของเมแกนได้รับความสนใจไม่น้อย เรียกได้ว่าถูกจับตามองจากสื่อทั่วโลกเลยก็ว่าได้
ในขณะที่หลายคนรอดูว่าดีไซเนอร์คนไหนจะออกแบบชุดแต่งงานให้กับเมแกน ตอนนี้เรามาย้อนดูความงดงามของชุดแต่งงานแห่งราชวงศ์อังกฤษในช่วงหลายปีที่ผ่านมากันก่อนดีกว่า
ชุดแต่งงานของ ราชวงศ์อังกฤษ จะงดงามเพียงใดมาชมกันเลย
พระนางเอลิซาเบธ พระราชมารดา (Queen Elizabeth the Queen Mother) เป็นพระราชมารดาของสมเด็จพระนางเจ้าเอลิซาเบธที่ 2 ทรงมีพระนามเต็มว่า เลดี้เอลิซาเบธ แอนเจลา มาร์เกอริต โบวส์ ไลออน (Lady Elizabeth Angela Marguerite Bowes Lyon) ทรงเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 6 ในปี 1923 สวมชุดแต่งงานผ้าไหม ซึ่งออกแบบโดยมาดามแฮนด์ลีย์ มัวร์ ช่างตัดเสื้อในราชสำนักของสมเด็จพระราชินีแมรี
เจ้าชายเฮนรี่ (ดยุคแห่งกลอสเตอร์) ทรงอภิเษกสมรสด้วยพิธีหลวงส่วนตัวกับเลดี้ อลิซ คริสตาเบล มอนเตกู ดักลาส สก็อต (เจ้าหญิงอลิซดัชเชสแห่งกลอสเตอร์) ในปี 1935 ดัชเชสทรงเลือกที่จะสวมชุดแต่งงานสีชมพู ซึ่งได้รับการออกแบบโดย นอร์แมน ฮาร์ตเนล ตัวชุดแต่งงานถูกตกแต่งด้วยดอกไม้สีส้มตรงบริเวณคอเสื้อ ส่วนผ้าคลุมผมประดับด้วยคริสตัล
สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 และเจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินบะระ ทรงอภิเษกสมรสในปี 1947 และเนื่องจากอังกฤษยังคงบอบช้ำจากสงคราม สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 จึงทรงต้องใช้บัตรปันส่วนในการจัดหาวัตถุดิบสำหรับตัดฉลองพระองค์ที่จะใช้ในวันอภิเษก ซึ่งออกแบบโดยนอร์มัน ฮาร์ตเนลล์
ชุดแต่งงานของพระองค์เป็นผ้าไหมสีงาช้างทั้งตัว ปักด้วยไข่มุกเม็ดสีขาว 10,000 เม็ด ตัวเส้นด้ายสีเงินที่ปักลงไปส่องประกายคล้ายคริสตัล ผ้าคลุมผมเป็นผ้า tulle ส่วนรองพระบาทผ้าซาติน ถูกออกแบบโดย Edward Rayne

1
เจ้าหญิงอเล็กซานดราแห่งเคนต์ทรงอภิเษกสมรสกับเซอร์ แองกุส โอกิลวี ในปี 1963 พระองค์ทรงสวมชุดลูกไม้ที่ได้รับการออกแบบโดย จอห์น คาวานห์ (ดีไซเนอร์ผู้สร้างชุดเจ้าสาวให้กับเจ้าหญิงมารีนา ดัชเชสแห่งเคนต์ พระมารดาของพระองค์)
1
เจ้าหญิงแอนน์ทรงเสกสมรสกับพระสวามีคนแรก มาร์ก ฟิลิปส์ ในปี 1973 พระราชพิธีถูกถ่ายทอดไปทั่วโลก โดยมีผู้ชมกว่าหนึ่งร้อยล้านคน เจ้าหญิงแอนน์ทรงสวมชุดคอสูงในสไตล์ราชวงศ์ทิวดอร์ พร้อมแขนที่บานออกและลากยาว ซึ่งชุดนี้ออกแบบโดย Maureen Baker จากแบรนด์ Susan Small
1
เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ทรงอภิเษกสมรสกับเลดี้ไดอาน่า สเปนเซอร์ ในปี 1981 เจ้าหญิงไดอาน่าทรงสวมผ้าแพรแข็งสีงาช้าง ออกแบบโดยเดวิด และ เอลิซาเบธ เอมานูเอล สองดีไซเนอร์สามีภรรยา โดยใช้เวลาตัดเย็บชุดแต่งงานของเจ้าหญิงไดอาน่าเพียงแค่ 3 เดือนเท่านั้น ตัวชุดเป็นเสื้อแขนยาวและกระโปรงบานตัวเต็ม ความยาวของชายกระโปรงยาวถึง 25 ฟุต และชุดแต่งงานของเจ้าหญิงไดอาน่าถือเป็นชุดเจ้าสาวยอดนิยมในยุค 80 เลยก็ว่าได้
1
เจ้าชายแอนดรูว์ ดยุกแห่งยอร์กทรงเสกสมรสกับซาราห์ มาร์กาเร็ต เฟอร์กูสัน ในปี 1986 (หลังจากหย่าร้างในปี 1996) เจ้าสาวสวมชุดซาตินสีงาช้างและตกแต่งด้วยลูกปัด จากฝีมือการออกแบบของ Lindka Cierach ดีไซเนอร์ชาวอังกฤษ
1
เจ้าหญิงแอนน์ทรงเสกสมรสกับพระสวามีคนที่สอง ทิโมที ลอเรนซ์ ที่โบสถ์ Crathie Kirk ใกล้กับปราสาท Balmoral ในปี1992 พระองค์ทรงสวมชุดเจ้าสาวแบบเรียบง่าย ดีไซน์มิดชิดพร้อมกับแจ็กเก็ต และมงกุฎดอกไม้
1
เจ้าชายเอ็ดเวิร์ด เอิร์ลแห่งเวสเซ็กส์ทรงเสกสมรสกับโซฟี เคาน์เตสแห่งเวสเซ็กส์ ในปี 1999 ขณะนั้นเจ้าฟ้าหญิงเคานท์เตสแห่งเวสเซ็กส์ทรงสวมชุดแต่งงานที่เป็นเดรสยาว คอวี ออกแบบโดยซาแมน ต้าชอว์ พร้อมสร้อยคอสีดำประดับไข่มุกและเพชร tiaras ของสมเด็จพระราชินี
1
เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ทรงอภิเษกสมรสกับพระชายาคนที่สอง คามิลลา ดัชเชสแห่งคอร์นวอล ในปี 2005 เนื่องจากเป็นการอภิเษกสมรสครั้งที่สองของเจ้าสาวด้วย ดังนั้นดัชเชสแห่งคอร์นวอลทรงเลือกสวมชุดสีฟ้าอ่อนและเสื้อสีทองอ่อน ชุดออกแบบโดยโรบินสัน วาเลนไทน์ และเสริมด้วยการตกแต่งขนสีทองบริเวณศีรษะ
1
เจ้าชายวิลเลียมและเคท มิดเดิลตัน เข้าพิธีเสกสมรสในปี 2011 และชุดแต่งงานของเจ้าหญิงเคทกลายเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ที่โดดเด่นที่สุด ได้รับการออกแบบโดย Sarah Burton จากแบรนด์ Alexander McQueen ชุดเดรสแขนยาว ผ้าซาตินและกระโปรงผ้าไหม Tulle ชายกระโปรงยาวประมาณ 9 ฟุต เจ้าหญิงเคททรงสวมมงกุฎราชินีคาร์เทียร์ และต่างหูเพชรจาก Robinson Pelham
ชุดแต่งงานทั้ง 13 ชุดงดงามและเหมาะกับทุกพระองค์ในราชวงศ์อังกฤษจริงๆ
ภาพและที่มา : www.mirror.co.uk