โอ-วรุฒ

บทสัมภาษณ์แห่งความทรงจำ “โอ-วรุฒ” พระเอกฮ็อตยุค 90’s

Alternative Textaccount_circle
โอ-วรุฒ
โอ-วรุฒ

บทสัมภาษณ์แห่งความทรงจำ “โอ-วรุฒ วรธรรม” พระเอกฮ็อตยุค 90’s ก่อนชีวิตพังเพราะพิษสุรา…กลายเป็นอีกหนึ่งข่าวของวงการบันเทิงช่วงนี้ที่น่าเป็นห่วงไม่น้อยเลยทีเดียว สำหรับอาการป่วยของอดีตพระเอกชื่อดังแห่งยุค 90’s โอ-วรุฒ วรธรรม ที่เพิ่งถูกหามส่งโรงพยาบาล หลังเกิดอาการชักหมดสติ และหยุดหายใจ ซึ่งหลังจากที่นำตัวเข้าห้องฉุกเฉินแล้ว ทีมแพทย์ได้ปั๊มหัวใจ 2 รอบจนมีชีพจร จากนั้นรีบส่งตัวต่อไปยังโรงพยาบาลนครพิงค์ เพื่อทำการรักษาต่อไป โดยล่าสุดเมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 11 ก.ย. 2561 คุณโอนั้นได้เสียชีวิตแล้ว

ย้อนกลับไปเมื่อเกือบ 10 ปีก่อน ผู้ชายที่ชื่อ โอ-วรุฒ ก็เป็นอีกหนึ่งหนุ่มฮ็อตที่แพรวนั้นเคยนั่งพูดคุยด้วย และหากเอ่ยถึงพระเอกคาสโนว่าแห่งวงการบันเทิงบ้านเรา เชื่อว่าชื่อของเขาจะต้องติดอยู่ในอันดับต้นๆ แน่นอน

นอกจากความหล่อเหลาที่เป็นเอกลักษณ์บวกกับผลงานการแสดงแล้ว อีกหนึ่งประเด็นที่ทำให้เขากลายเป็นที่รู้จักเป็นอย่างมากก็คือ ความเพลย์บอยที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นตัวพ่อเลยทีเดียว แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า ครั้งหนึ่งผู้ชายเจ้าชู้คนนี้เคยกลับตัวกลับใจและถอดเขี้ยวเล็บคาสโนว่าทิ้ง เพื่อใช้ชีวิตครอบครัวที่อบอุ่น ซึ่งแพรวดอทคอมจะพาไปย้อนฟังคำสารภาพจากปากของเพลย์บอยกลับใจคนนี้กัน

โอ-วรุฒ วรธรรม

เหตุผลที่ทำให้เพลย์บอยกลับใจ

“ถ้าใช้คำพูดแบบแสลงใจตัวเองก็ต้องบอกว่า เริ่มจากวัย สังขาร บรรยากาศรอบข้างที่เพื่อนฝูงมีครอบครัวกันหมดแล้ว บวกกับความเบื่อสิ่งที่ทำอยู่ซ้ำๆ แต่ก่อนหน้านี้หลายปีผมทำตัวเหมือนตอนที่แพรวสัมภาษณ์คราวก่อน คือ ว่างก็ควงสาวเที่ยว กิน ดื่ม นอนไม่กี่ชั่วโมงตื่นขึ้นมาทำงาน

“เพราะตอนนั้นผมไม่คิดแต่งงานจริงๆ สนุกกับชีวิตที่นึกจะทำอะไร ไปไหน ก็ลุยได้เลย ไม่ต้องนึกถึงอะไรหรือใคร ไม่เคยนับว่ามีกิ๊กกี่คน รู้แต่ว่าเยอะ อย่าว่าแต่คบพร้อมกันหลายคนเลย นัดไปเที่ยวพร้อมกัน 4 คนยังเคย ขวาสอง ซ้ายสอง ซึ่งคงไม่ใช่เพราะเสน่ห์หรือความหล่อเหลาหรอก ความเป็นโอ-วรุฒคงใช้ดึงดูความเสน่หาอย่างเมื่อก่อนที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าชายไม่ได้แล้ว แต่น่าจะเป็นความเป็นคนที่สาวๆ อยู่ด้วยแล้วมีความสุข ได้หัวเราะ ได้รับการเอาใจมากกว่า

“นิสัยผมขี้เกรงใจและช่างเอาใจ แม้แต่กับทีมงานก็สนใจ ดูแล ใส่ใจ เช่น ไปพักตามต่างจังหวัดจะดูแลว่าน้องทีมงานผู้หญิงไม่ควรนอนห้องที่มีรู ประตูเสีย นับประสาอะไรกับสาวๆ ที่คบหาล่ะ”

โอ-วรุฒ วรธรรม

วีรกรรมของเพลย์บอยตัวพ่อที่ต้องจารึกไว้

“ช่วงสามปีที่อยู่คอนโดห้วยขวาง กับอีกสามปีที่ซื้อบ้านหลังนี้ ผมใช้ชีวิตแบบเพลย์บอยตัวพ่อเลยล่ะ ตอนนั้นนึกสนุกขนาดทำห้องนอนให้เหมือนโรงแรม เพดานเป็นกระจก เตียงเป็นกลาสบ็อกซ์ อาการหนักขนาดแม่บ้านอยู่ไม่ได้ ประมาณว่าเปิดเธ็คในบ้านน่ะ แล้วไม่ได้จัดเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ด้วยนะ ว่างเมื่อไหร่จัดเลย สัปดาห์ละหลายวัน กลางวันเปิดไฟนีออนทรงกลมธรรมดา กลางคืนเปิดไฟดิมเมอร์ มีไฟเธ็คทั้งแบบหมุน แบบยิง มีเลเซอร์ จ้างโคโยตี้มาเต้น โทร.ชวนเพื่อนมาตรึม คนไหนแต่งงานแล้วก็สอนให้บอกเมียว่าลูกค้านัดคุย

“ถือหลักเพื่อนมาต้องไม่ขาดตกบกพร่อง กินกระหน่ำ บางวันเป็นปาร์ตี้ไวน์ก็เปิดทีละ 10 ขวด ไวน์ดีมีชาติตระกูลด้วยนะ พี่สาวอยู่การบินไทยมีหน้าที่ซื้อเหล้าดีๆ มาฝากทีละขวด เราก็เก็บสะสมไว้ วันไหนรู้สึกว่างานสนุกจังเลยก็เอาออกมาเปิดแจม แต่วันไหนเพื่อนพาแฟนมา แต่ไม่มีเพื่อนแฟนมาฝาก บรรยากาศเซ็งๆ ก็ให้กินยี่ห้อถูกๆ ไป กรณีเพื่อนชวนสาวมาหาก็มีเรื่องเล่าอีก คือเพื่อนบางคนวิสัยทัศน์ดี ชวนรุ่นน้องมา เราก็จัดการเลี้ยงดูอย่างดี อย่างแพง และบริการด้วยตัวเอง เอนเตอร์เทนเต็มที่ แต่บางทีมีพลาด

“อย่างรายหนึ่งบอกว่ามีน้องๆ 3 คนเที่ยวอยู่ที่ฮาร์ดร็อคคาเฟ่ สยามฯ อยากมาแจมด้วย โอ้ มาเลยจ้ะ พี่จะแช่ไวน์อย่างดีไว้ให้ เพราะสาวเที่ยวฮาร์ดร็อคต้องไม่ธรรมดา สักพักบีเอ็มซีรี่ส์ 3 มาจอดหน้าบ้าน ที่ลงรถมาเป็นสาวนุ่งกระโปรงยีนส์สั้น ผมสีชมพูสด เล็บดำ ตัวก็ดำออกเขียว อุ้มหมามาด้วย วรุฒรีบหยิบไวน์ออกจากถัง ใช้ผ้าที่พันค่อยๆ เช็ดขวดเดี๋ยวฉลากหลุด ใช้มือตบจุกก๊อกเก็บกลับที่เดิม ไม่ให้กินหรอก นอกจากแต่งตัวไม่ดูกาลเทศะแล้ว สภาพดูไม่ได้เลยจริงๆ ทั้งสามคน (ขำกันน้ำตาไหล)

“บางคนคิดว่าผมกับนีโน่ (เมทนี บุรณศิริ) เหมือนกัน ความริงคนละอย่างเลย รายนั้นชอบเสียงเพลง พาสาวไปคลับดีๆ สังคมไฮๆ ส่วนผมติดเฮฮา ต้องมีเพื่อนล้อมหน้าล้อมหลัง อยู่กันเยอะๆ นี่แหละดี ทำเป็นตลก หมาหยอกไก่ โอบๆ แตะ ไป แต่ไก่อย่าเผลอนะ หมากัดคอเลยล่ะ (หัวเราะกันสนุก) ผมเต็มที่อยู่อย่างนั้นหลายปีจึงค่อยเริ่มเว้นระยะ สามสี่เดือนมีปาร์ตี้ใหญ่สักครั้ง”

โอ-วรุฒ วรธรรม

จุดเปลี่ยนของคาสโนว่า

“ทีแรกยังไม่รู้หรอกว่าจะเปลี่ยน วันนั้นผมไปเยี่ยมพี่ศรีหนุ่ม เชิญยิ้ม ที่โรงพยาบาลเวชธานี แล้วถูกใจประชาสัมพันธ์หน้าตาน่ารัก ขาวๆ ตาโตๆ ชื่อเก๋ ขอเบอร์มาแบบไม่คิดอะไรมาก แค่อยากจีบไว้ก่อน วันหนึ่งเลิกงานเร็ว ชวนน้องเก๋ไปกินข้าวดีกว่า พอโทร.ชวนเธอก็ตกลง ปกตินัดสาวไม่ค่อยแต่งตัว แต่วันนั้นแต่งอย่างงาม แจ็คเก็ตสูท กางเกงขาเดป รองเท้าหนังหัวแหลม เป็นชุดของรายการน่ะ ขอยืมเขาไป ฉีดน้ำหอมซะฉุยเลย แต่ตอนขับรถออกมาผมโทร.หาเก๋หลายครั้ง เขาไม่รับเลย คิดว่าฟาวล์แล้ว เอาวะ แต่งเต็มยศไปหาโคโยตี้ก็ได้ กำลังจะเบนรถไปที่อื่น เขาโทร.กลับมาขอโทษว่าเมื่อกี้ยังไม่เลิกงานจึงไม่ได้รับสาย โล่งไป วันนั้นเขาชวนเพื่อนๆ มากินข้าวด้วยสองคน บรรยากาศค่อนข้างฝืดๆ จีบไม่ค่อยออก เพราะผมอยู่ในช่วงเข้าพรรษาด้วย พอไม่ดื่ม พูดจาไม่คล่อง

“เจอกันครั้งที่สอง พาเขาไปซื้อของใช้เข้าบ้านที่โลตัส คราวนี้ไปสองคน ช่วงกลางวันเก๋คงไม่กลัว (หัวเราะ) คิดว่าที่เขาไว้ใจเพราะหนึ่งเรามีชื่อเสียง การจะทำเรื่องไม่ดีกับใครสักคน หน้าอย่างนี้ อยู่ที่ไหนก็จับได้ และเก๋คงคิดว่าผมไม่ทำอะไรไม่ดีหรอก เพราะเขามาบอกทีหลังว่า เคยพูดกับแม่และพี่สาวตั้งแต่ตอน 10 ขวบแล้วว่าชอบพระเอกคนนี้” (ยิ้มเขิน)

ผู้หญิงที่กุมหัวใจเพลย์บอยตัวพ่อและทำให้ชีวิตเขาเปลี่ยนไป

“ผมไม่สามารถบรรยายได้ชัดเจน มันเป็นความรู้สึกสบายใจ เก๋เป็นผู้หญิงที่ไม่จุกจิก ว่าไงว่าตามกัน และเข้าใจผม ผมเองไม่ใช่คนที่พูดคำว่า “รัก” ง่ายๆ อย่างในอดีต ถ้ารู้ตัวว่าไม่ได้จริงจังกับใครจะไม่มีทางบอกรักใครมั่วๆ ให้เมาอยากไรก็ไม่พูด ขนาดแค่ถูกถามว่า “คิดถึงไหม” อย่างมากก็ทำเสียงรับคำอือออไปในลำคอ ไม่พูดออกมาเป็นคำว่าคิดถึง เพราะไม่ได้รู้สึกอย่างนั้น

“สำหรับเก๋ก็ใช้เวลานานพอสมควร เริ่มจาก “คิดถึงจัง” ใช้สรรพนาม “เค้า” กับ “ตัวเอง” ส่วนคำว่า “รัก” ผมบอกในวันเกิดเก๋ เดือนตุลาคม ปี 50 ระหว่างพาไปกินข้าวล่องแม่น้ำเจ้าพระยา จากนั้นก็เรียกเขาว่า “ที่รัก” ทุกคำ

“ผมตัดสินใจแล้วว่าผู้หญิงคนนี้แหละที่จะอยู่กับเรา เขาเป็นทั้งคนดีและสวย ในขณะที่ผมก็อยากมีสังคมแบบเพื่อนๆ อายุขนาดนี้แล้วจะคิดขวางโลกต่อไปทำไม ฝืนไปก็อยู่คนเดียว ไม่มีใครเที่ยวด้วยแล้ว ทำไมไม่ปรับตัวเองให้สนุกกับเพื่อนแบบครอบครัว ซึ่งพอได้มีชีวิตแบบครอบครัวจริงๆ ก็ทำให้ผมรักเก๋มากขึ้นกว่าเดิมอีก เพราะไม่ได้มีแค่เขา ยังมีลูกที่เป็นเชื้อสายของผมอยู่กับเขาด้วย ทำให้เราสองคนรักกันมากขึ้น แล้วชีวิตผมก็เปลี่ยนไปจากที่ทำเพื่อตัวเองมาตลอดกลายเป็นทำเพื่อเก๋และลูก”

แม้วันนี้ทั้งคู่จะแยกทางกันแล้ว แต่ความรักครั้งนี้ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นดีๆ ที่ทำให้ “โอ-วรุฒ วรธรรม” เปลี่ยนแปลงชีวิตให้ดีขึ้น เรียนรู้ที่จะรักตัวเอง รักคนอื่น และทำสิ่งดีๆ เพื่อคนที่ตัวเองรัก


ที่มา : นิตยสารแพรว ฉบับ 718 (25 กรกฎาคม 2552)

Praew Recommend

keyboard_arrow_up