สัมภาษณ์พิเศษคนข่าวเลือดใหม่ จั๊ด – ธีมะ กาญจนไพริน แหวกแนวไม่ซ้ำใคร ผู้ประกาศที่ปลุกมิติใหม่ในวงการข่าว

หากเอ่ยถึงชื่อผู้ประกาศข่าวที่มาแรงที่สุดในปีนี้ คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก จั๊ด – ธีมะ กาญจนไพริน อดีตคนบันเทิงที่ผันตัวเองสู่สนามข่าวอย่างเต็มตัวในฐานะผู้ประกาศทางช่อง ONE ด้วยลีลาการเล่าข่าวที่แหวกแนวไม่ซ้ำใคร มีทั้งสาระที่ควบคู่ไปกับความบันเทิง เกิดมิติใหม่ของรายการข่าว รวมถึงยังมีแฟนคลับติดตามเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากมาย ซึ่งเจ้าตัวได้เปิดใจให้สัมภาษณ์พิเศษกับ แพรวดอทคอม อย่างตรงไปตรงมาว่า 14 ปี ที่อยู่ในวงการบันเทิง เพิ่งจะรู้ว่านี่แหละคืออาชีพที่ชอบ เพราะนับตั้งแต่ได้กลายเป็นคนข่าวก็รู้สึกว่าทุกวินาทีมีคุณค่าจริงๆ
ชีวิตที่เปลี่ยนเป็นคนข่าวแบบเต็มตัวเป็นอย่างไรบ้าง?
“เปลี่ยนแปลงชีวิตเราไปมากเลย แต่ก็ไม่ถึงขนาดที่ว่าเปลี่ยนจากหน้ามือไปเป็นหลังมือนะครับ แต่ว่าเปลี่ยนแปลงไปมากจริงๆ มันกลายเป็นว่าจากนี้ไปเรา Positioning ไปถูกแล้วว่าเราจะทำรายการข่าวเท่านั้น งานบันเทิงคงจะลดลงๆ จนไม่มีในท้ายที่สุด เพราะเรามุ่งมั่นที่จะทำรายการข่าวให้ดีที่สุด ทุกวันนี้ชีวิตประจำวันเปลี่ยนไปเลย ด้วยความที่เราจัดรายการข่าว 4 ช่วงเวลา 05.00-8.00 น./13.30-14.30 น./16.30-18.30 น./19.00-19.45 น. ซึ่งแต่ละรายการต้องใช้ศักยภาพที่ต่างกันด้วย ไม่ใช่ว่าการเล่าข่าวทุกรายการจะเหมือนกัน เล่าข่าวตอนเช้ามีเวลาเยอะเราขยี้ได้ เล่าข่าวตอนบ่ายๆ จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมหนักทำให้เราได้ฝึกสมอง ในส่วนของการเล่าข่าวตอนเย็นๆ นั้นจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับโซเชียลและการสรุปประเด็น ส่วนตอนค่ำเป็นการเล่าในไลน์ทีวีคือเล่าข่าวให้วัยรุ่นฟัง ชีวิตเราเปลี่ยนไปเป็นคนข่าวแบบเต็มตัว”
เรียกว่าเป็นการค้นพบสิ่งที่ชอบจริงๆ?
“ชีวิตมนุษย์มีอยู่ 3 อย่างที่ถ้าทำได้แล้วจะโคตรมีความสุขเลยคือ 1.เรารู้ว่าเราชอบอะไร 2.เราได้ทำในสิ่งที่ชอบ 3.สิ่งนั้นทำให้เราเลี้ยงชีพได้ ณ ปีนี้พี่ว่าพี่เจอแล้วคืออาชีพนี้”
อ่านข่าวแรงๆ แบบนี้มีความกลัวบ้างไหม?
“กลัว (ทำเสียงสั่น) กลัวมาก ยิ่งหลังๆ ยิ่งกลัวมาก เพราะตอนที่เราพูดแรกๆ มันยังไม่มีฟีดแบค แต่พอเริ่มมีฟีดแบค เราจะเริ่มกลัวแล้ว ว่ายังไง แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเราจะเป็นหัวหมู่ทะลวงฟันไปสักเท่าไหร่ เพราะพี่ก็พยายามปรับแนวทางการเล่าข่าวของตัวเอง ถ้าอะไรที่แตะนโยบายมากๆ เราต้องคิดให้ดีที่สุด ถ้าคิดแล้วว่าปลอดภัยเราค่อยเล่า จะไม่เหมือนแต่ก่อน ย้อนกลับไปเมื่อปีที่แล้ว มีอะไรเล่าหมดเลย เราเดินหน้าไม่กลัวใครเลยคงไม่ได้แล้ว ต้องคิดเผื่อ เพราะการเข้าไปสู่กระบวนการยุติธรรมด้วยการโดนฟ้องหมิ่นประมาทมันไม่สนุก มันเหนื่อยใจ เหนื่อยกาย เสียเวลา ไม่ใช่เรื่องที่น่าปรารถนา ดังนั้นต้องเซฟตัวเองให้เล่าข่าวได้นานๆ (หัวเราะ)”
ยากไหมกับการครีเอตลุคนำเสนอข่าวในแต่ละครั้ง?
“เรื่องนี้เป็นเรื่องที่หลายคนถามมาเยอะมาก แต่ว่ามันเป็นเรื่องที่ต้องขึ้นอยู่กับวัน ทุกๆ วันพฤหัสบดีจะเป็นคืนที่เครียดมาก บางอาทิตย์ก็คิดได้ บางอาทิตย์ก็คิดไม่ออก แต่สิ่งที่ทำทุกครั้งคืออ่านประเด็นข่าวว่าจะพูดอะไรและในประเด็นนี้มีช่องว่างอะไรให้เราเอาของมาเล่นต่อได้บ้าง ซึ่งตรงนี้มันไม่มีเคล็ดลับเป็นสูตรสำเร็จ ต้องขึ้นอยู่กับเซ้นส์แต่ละคนว่า เวลาพูดถึงเรื่องนี้ในมุมไหน แล้วเราเอามุมนั้นมาเล่นในเวลานิดเดียวพอ”

ทำงานเยอะแบบนี้แบ่งเวลา Relax ยังไง?
“หนักพอควร พักผ่อนให้เยอะๆ คือแบ่งนอนเป็นสองช่วง เพราะนอนช่วงเดียวไม่ได้ อย่างเสร็จงานตอนประมาณ 2 ทุ่ม กลับถึงบ้านประมาณ 20.15 น. เราพยายามอาบน้ำแล้วมานั่งเช็คข่าว 21.30 น.เราต้องอยู่บนเตียงแล้ว ถ้าเลทสุดๆ คือ 22.30 น. จะไม่มีทางกลับถึงบ้านหลังจากนั้น เพราะเราต้องนอนเพื่อที่จะตื่นมาตอนตี4 ทำงาน ทำงานและทานข้าวเช้า นอนอีกทีตอน 9 โมง และตื่นอีกครั้งตอน 11 โมง เพื่อเตรียมตัวสำหรับการอ่านข่าวในช่วงบ่าย
ตอนนี้รู้สึกดีใจกับการที่มีวันเสาร์-อาทิตย์มาก แต่ก่อนตอนทำวงการบันเทิงไม่เคยรู้คุณค่าของวันเสาร์-วันอาทิตย์มาก่อน ยิ่งวันศุกร์หลัง 20.00น. เราอ่านข่าวเสร็จมันเหมือนยกโลกออกไปเลย”
เรื่องความรักเป็นยังไงบ้าง?
“เรื่องความรักไม่ค่อยมีหรอกครับ (หัวเราะ) ไม่มีเลย ไม่ค่อยมีเวลาคิดถึงเรื่องนี้เลย หนึ่งอาจจะเป็นเพราะเขากลัวเรามั้ง อีกอย่างตอนนี้ก็ไม่ค่อยมีเวลาด้วย ถ้าสมมติจะมีก็ให้เวลาเขาได้แค่วันเสาร์และวันอาทิตย์เท่านั้น วันจันทร์-วันศุกร์ ถ้าไม่ได้อยู่บ้านเดียวกันคือไม่มีทางได้เจอกันแน่นอน ตอนนี้รู้สึกว่ายังสนุกกับการทำงานตรงนี้อยู่ แม้ว่าจะทำงานวงการบันเทิงมาตั้งแต่ปี 2546 จนถึงตอนนี้ก็รวมเวลาประมาณ 14 ปีแล้ว แต่กลับรู้สึกว่าเป็นช่วงที่รู้สึกสนุกกับการทำงานมากที่สุด ทุกวันเป็นวันที่มีค่า ดังนั้นเป็นช่วงที่รู้สึกว่าอยากจะสนุกกับงานต่อไปเรื่อยๆ และยังรู้สึกว่ายังอยากทำหลายสิ่งหลายอย่างในรายการอยู่”
ทำงานดีแบบนี้อาจจะมีการขยับตำแหน่งในเร็วๆ นี้หรือเปล่า?
“ไม่มีครับ ยังไม่มีแนวโน้ม บอกตามตรงว่าพี่ทำงานบันเทิงมาตั้งแต่เรียนอยู่ มันไม่เคยเป็นเจ้านายคน เราคิดงานของตัวเองได้ แต่จะไปสั่งให้คนอื่นคิด เราบริหารคนไม่เป็น เราเป็นเจ้านายใครไม่ได้หรอก บริหารชีวิตตัวเองยังไม่ค่อยเวิร์คเลย แต่บริหารข่าวที่เราทำ เราทำได้”
เห็นว่าออกไปให้ความรู้น้องๆ ด้วย?
“อันนี้คือสิ่งที่พี่จั๊ดคิดว่าการทำบุญมันไม่จำเป็นต้องไปทำกับวัดหรือพระเท่านั้น ซึ่งเราก็กลับมามองว่ามีสิ่งไหนบ้างที่เราจะได้ทำความดีเพื่อสังคมได้บ้าง ก็เลยเกิดแรงบันดาลใจอยากออกไปให้ความรู้กับน้องๆ ฉะนั้นถ้ามีมหาวิทยาลัยไหนในกรุงเทพสนใจให้ไปบรรยายก็ยินดี ในช่วงเวลา 9.00 – 12.00 ไปฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย คือเราอยากให้ความรู้ เพราะมีความสุขเวลาให้ความรู้กับน้องๆ ไม่มีทานอะไรที่ยิ่งใหญ่ไปกว่าการให้วิชาความรู้แล้วครับ”
ข้อแนะนำสำหรับน้องๆ ที่อยากก้าวมาเป็นผู้ประกาศข่าว
“สำหรับใครก็ตามที่จะเข้ามาอยู่วงการผู้ประกาศข่าวมันไม่มีทางที่จะเตรียมตัวแบบ 1 วัน 7 วัน หรือ 30 วันได้ ถ้าคุณอยากจะทำ ต้องรู้จักเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่นๆ เช่น อ่านข่าวในทุกๆ วัน เพราะอาชีพนี้เป็นอาชีพที่ต้องใช้ชั่วโมงบิน ที่จะเก็บคลังข่าวเอาไว้ในหัวเรา การทำข่าวแบบไม่เหนื่อย คือการที่เรามีพื้นฐาน แล้วเราค่อยไปต่อยอด แรกๆ คงต้องยอมเหนื่อยเพราะเราคือมือใหม่ ฉะนั้นเรายังไม่รู้ทางวันนี้เราต้องไปหาอะไรเพิ่ม อันนี้มันจะมีความเป็นไปอย่างไร ในอดีตเป็นอย่างไร ดังนั้นวิธีการเตรียมตัวคือเราต้องใช้ชีวิตอยู่กับมันทุกวินาที”
นับเป็นการพูดคุยที่นอกจากจะได้เห็นอีกด้านของหนุ่มคนนี้แล้ว ยังแถมคำแนะนำดีๆ เอาไว้อย่างมากมาย โดยเฉพาะผู้ที่อยากจะก้าวมาเป็นผู้ประกาศข่าวในอนาคตเชื่อว่าบทสัมภาษณ์และการพูดคุยในครั้งนี้ คงเป็นประโยชน์อย่างแน่นอน
เรื่อง : นนทพร สุทธิพิบูลย์