แม่อายสะอื้น

ปุ๊กลุกรับไม้ต่อนุ่น สวมบทดาวนิล แม่อายสะอื้น “ไม่อยากให้มุ่งมั่นหาเงินจนลืมพ่อแม่”

แม่อายสะอื้น
แม่อายสะอื้น

ส่งความรู้สึกหน่วงๆ มาให้แฟนละครได้ชมและร้องไห้สะอื้นพร้อมกันไม่เว้นระยะ สำหรับละคร แม่อายสะอื้น ที่กำลังออนแอร์อยู่ทางช่อง 7 ทุกวันจันทร์ – วันอังคารในตอนนี้

โดยเนื้อเรื่องก็ดำเนินมาถึงช่วงที่ดาวนิลพบกับพ่อและลูกชายผู้พิการที่เดินทางมาหาถึงที่กรุงเทพฯแล้ว ความรู้สึกแรกที่รู้ว่าพ่อตนเองตาบอด ขาเจ็บ แล้วกลับมาพบว่าเงินที่ทำงานส่งเสียให้ครอบครัว พ่อ น้องสาว และลูกชายที่แม่อายตลอดระยะเวลา 3 ปี ถูกผู้จัดการส่วนตัวริบเงินไปใช้หมด ก็ทำเอาดาวนิลรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่ว่าจะรู้สึกผิดที่ปล่อยให้ครอบครัวลำบาก รู้สึกกลัวว่าคนอื่นจะรู้ว่าครอบครัวเธอเป็นอย่างไร ฯลฯ เรียกว่าดาวนิลเวอร์ชั่นนี้ที่ได้นางเอกสวยคม ปุ๊กลุก – ฝนทิพย์ วัชรตระกูล มาเล่น เรียกเสียงชื่นชมจากโลกโซเชียลได้ตั้งแต่ตอนแรกมาจนถึงตอนนี้เลย

ปุ๊กลุก - ฝนทิพย์

วันนี้ แพรวดอทคอม เลยจะพาไปนั่งคุยกับสาวปุ๊กลุกถึงการมารับบทดาวนิลในละครแม่อายสะอื้นเวอร์ชั่นนี้ ซึ่งอย่างที่ทราบกันดีว่า แม่อายสะอื้นถือเป็นละครขึ้นหิ้ง ละครโปรดในดวงใจของใครหลายคนมาก และเวอร์ชั่นที่นุ่น – วรนุช เคยเล่นไว้ก็ยังคงเป็นที่กล่าวถึงจนทุกวันนี้

ปุ๊กลุกรับไม้ต่อนุ่น สวมบทดาวนิล แม่อายสะอื้น “ไม่อยากให้มุ่งมั่นหาเงินจนลืมพ่อแม่”

เคยคุยกับนุ่น – วรนุช เรื่องบทดาวนิล ก่อนทางช่องจะติดต่อมาให้เล่นเรื่องแม่อายสะอื้น

ปุ๊กลุก : ก่อนมาได้รับเล่นบทนี้เคยคุยกับพี่นุ่น (วรนุช ภิรมย์ภักดี) มาก่อน พี่นุ่นบอก เนี่ย เคยมีคนบอกมาว่าแม่อายสะอื้นจะนำมารีเมค ตอนนั้นปุ๊กก็คิดว่าจริงเหรอพี่ ถ้าใครได้เล่นนะ รู้สึกเป็นความหนักใจแน่ๆ เลย เพราะปุ๊กรู้สึกว่าเวอร์ชั่นที่แล้วมันดีมาก โอ้โห ใครจะมาเล่นเป็นตัวดาวนิล มันยากมากเลยกับการลบภาพเดิมด้วย บทละครยาก ร้องไห้เยอะ

สุดท้ายปรากฏว่าทางช่องติดต่อมาว่าจะให้ปุ๊กลุกเล่นแม่อายสะอื้น เป็นดาวนิล ตอนนั้นก็เดี๋ยว คือเราไม่ได้คิดว่ามันจะมาลงที่เรา ด้วยคาแร็คเตอร์ของตัวเราไม่ได้เป็นผู้หญิงขาว เราไม่ได้ดูเป็นคนเหนือเท่าไหร่ แต่ว่าทางช่องเขาคิดว่า ความสามารถเราน่าจะได้ คิดว่าปุ๊กลุกทำได้แน่เลย เราก็ไปบอกพี่นุ่นว่า พี่นุ่น หนูได้เล่นแม่อายสะอื้นอะพี่ พี่นุ่นก็เอ้า!

ปุ๊กลุก - สรพงศ์ - มะเหมี่ยว แม่อายสะอื้น

มะเหมี่ยว - ปุ๊กลุก แม่อายสะอื้น

แม้จะรู้สึกดีใจที่ได้เล่นบทละครที่ดี แต่ก็มีความรู้สึกเครียด กดดัน และหนักใจตามมา

ปุ๊กลุก : ปุ๊กรู้สึกดีใจในบทละครที่ดี เพราะปุ๊กเป็นแฟนละครเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่มีความเครียด มีความกดดัน มีความหนักใจ ปุ๊กรู้สึกว่าตัวบทละครขึ้นหิ้งไปแล้ว และภาพจำเวอร์ชั่นแรกของละครเรื่องนี้มันดีมาก จนไม่รู้ว่าปุ๊กจะทำได้ขนาดไหนที่ให้มันดีเมื่อเทียบกับเวอร์ชั่นที่แล้วค่ะ แต่พอเราตั้งสติได้ ปุ๊กเชื่ออย่างหนึ่งว่า ถ้าเราพยายามเต็มที่ มันก็ต้องดีที่สุดเท่าที่คนคนหนึ่งจะทำได้

หลังจากนั้นก็มีความกดดันเวลาที่เรามาถ่ายทำละครทุกๆ วัน รู้สึกว่าทำการบ้านหนักมากๆ ไม่ว่าจะเป็นภาษาเหนือ เวอร์ชั่นนี้เราต้องพูดภาษาเหนือด้วยค่ะ แล้วเรื่องนี้ต้องมีรำดาบ ก็มีไปเรียนรำดาบเพิ่ม ให้ครูมาเก็บท่ารำดาบให้ดูอ่อนช้อยมากยิ่งขึ้นค่ะ พยายามเก็บทุกรายละเอียดของตัวละครตัวนี้ ไปเรียนการแสดงเพิ่ม ตีความตัวละครที่มันลึกมากๆ เพื่อที่วันถ่ายทำจริงๆ จะได้เข้าถึงความรู้สึกของตัวละครตัวนี้ได้จริงๆ ก็เอาความกดดันไปทุ่มเท ไปทำอะไรที่มันเหมือนเป็นการเตรียมความพร้อมให้ได้ดีที่สุดในวันที่เราถ่ายทำแทนค่ะ

ปุ๊กลุก - ฝนทิพย์

รู้ว่าคนคาดหวังกับเรื่องนี้มาก จึงตั้งใจทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้

ปุ๊กลุก : ตลอดช่วงเวลาที่ถ่ายทำจนวันปิดกล้อง ไม่เคยมีวันไหนเลยที่เรามาถ่ายละครด้วยความรู้สึกไม่มีความหนักใจ ไม่มีความกดดัน เพราะเรารู้ว่าละครเรื่องนี้เป็นละครที่ทุกคนคาดหวัง แล้วก็รอดูทั้งประเทศ มันไม่ได้ถูกถ่ายทำใหม่ตั้งแต่ประมาณ 14 ปีที่แล้ว เพราะฉะนั้นการกลับมาครั้งนี้ ปุ๊กลุกก็อยากให้เป็นการกลับมาของการที่ปุ๊กลุกรักบทละครเรื่องนี้ เป็นแฟนละครที่มีโอกาสได้มาแสดง ก็อยากให้คนดูรู้ว่าเราก็มาในฐานะที่เราเป็นแฟนละครเหมือนทุกๆ คนเหมือนกัน เราก็ศรัทธาในตัวละคร ในตัวเรื่อง ก็ทำดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้

ต้องพูดภาษาเหนือด้วย เตรียมตัวยังไง เพราะอย่างเรื่องนายฮ้อยทมิฬ ปุ๊กลุกก็พูดภาษาอีสานดีมากจนแฟนๆ ชม

ปุ๊กลุก : จริงๆ เรื่องนี้ถ่ายทำก่อนนายฮ้อยทมิฬ ครั้งแรกที่เจอภาษาเหนือก็รู้สึกว่ามันยาก ปุ๊กว่าภาษาเหนือเป็นภาษาที่เราไม่ค่อยมีโอกาสได้ยินเท่าไหร่ ด้วยคนรอบข้างปุ๊กส่วนใหญ่จะเป็นคนอีสาน ก็เลยต้องหาคุณครูที่เก่งภาษาเหนือมาช่วยสอน ช่วยไกด์ ปุ๊กก็จะนัดคุณครูนอกรอบ ให้คุณครูช่วยอ่านไดอะล็อกทั้งหมดของตัวละครดาวนิลในพาร์ตที่ต้องพูดภาษาเหนือ คือตัวละครดาวนิลจะพูดภาษาเหนือช่วงที่อยู่เชียงใหม่ แล้วตอนที่อยู่กรุงเทพฯเขาจะพูดกับคนที่เป็นคนเหนือและน้องสาว คุณครูอัดให้เสร็จก็จะเอากลับมาฟังที่บ้าน ฝึกพูดแล้วอัดส่งไปให้คุณครูช่วยฟังเสียงให้ว่าใช้ได้ไหม ตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง ในกองก็จะมีคนเหนืออยู่บ้าง ก็จะให้ช่วยฟังว่าเสียงสำเนียงถูกไหมคะ ฟังทุกวันก่อนนอน ก่อนไปถ่ายทำละครทุกวัน ก็ทำการบ้านค่อนข้างหนัก

อ๋อม - อรรคพันธ์ กับปุ๊กลุก - ฝนทิพย์ อ๋อม - อรรคพันธ์ กับปุ๊กลุก - ฝนทิพย์

ทำงานกับพระเอก อ๋อม – อรรคพันธ์ เป็นอย่างไรบ้าง เพราะคู่ปุ๊ก – อ๋อมมีแฟนๆ ส่วนใหญ่มองว่าเคมีลงตัวมาก

ปุ๊กลุก : จริงๆ การทำงานคู่กับพี่อ๋อมยากที่สุด ส่วนตัวหนูกับพี่อ๋อมร่วมงานกันมาค่อนข้างเยอะ แล้วทุกเรื่องจะเป็นเรื่องที่หนูแอบรักพี่อ๋อม แอบชอบเขามาตลอด แต่เรื่องนี้จะเป็นเรื่องที่เรารักกันจริงๆ รักกันมากๆ ด้วย รักกันจนถึงขั้นที่ทำให้เราสามารถทำอะไรหลายๆ อย่างได้โดยที่อาจจะไม่ถูกต้องที่สุด เพราะฉะนั้นเรื่องของความรักมันจะต้องสำคัญมากๆ จนทำให้เรายอมทิ้งอะไรหลายๆ อย่าง แต่อุปสรรคคือ หนูกับพี่อ๋อมสนิทกันมากขนาดที่ว่าในชีวิตจริงเป็นแฟนกันไม่ได้ มีความเป็นพี่น้องกันสูง เป็นพี่น้องกัน สนิทใจแล้ว เหมือนคนที่เป็นเพื่อนกันมาแล้วเป็นแฟนกัน มันจะไม่มีมุมหวานแล้ว จะเป็นฟีลเพื่อนมากกว่าเพื่อนนิดนึง

ตอนแรกๆ ไปเปิดกล้อง ปุ๊กยังรู้สึกว่ามันไม่ใช่ ยังไม่หวานพอ ยังไม่ได้มีคุณค่ามากพอจนทำให้ดาวนิลทิ้งพ่อ ทิ้งน้องได้ เพราะฉะนั้นจึงทำการบ้านเพิ่มเติม แล้วก่อนเข้าฉากถ่ายทำจริงๆ ก็จะคุยกับพี่อ๋อม จูนความรู้สึกว่าเรารักเขา แล้วก็เป็นตัวละครตัวนั้น คือส่งความรักไปให้เขาเหมือนฉากหนึ่งที่เราเป็นแฟนกันก่อนที่จะนับเข้าสู่การถ่ายทำ ทีมงานก็จะเห็นเราพยายามด้วยกันเยอะ จูนเข้าหากัน

ปุ๊กรู้สึกว่าบางทีการเป็นนักแสดงมันมีเป้าหมายเดียวคือเป็นตัวละครตัวนั้น เหมือนเชื่อให้ได้ว่าเขาเป็นคนรักของเรา แต่มันมีอุปสรรค มีวิธีเดียวคือทำยังไงก็ได้ให้มันไปถึงจุดที่ดูแล้วต้องตอบคนดู ให้รู้สึกว่าปุ๊กลุกกับอ๋อมเหมือนแฟนกันเลย เราอยากได้ฟีลแบบนั้น ปุ๊กเชื่อว่าละครจะดี มันต้องดีในทุกๆ มุม ถึงจะเป็นละครที่สมบูรณ์แบบ

ปุ๊กลุก - ฝนทิพย์ อ๋อม - อรรคพันธ์ กับปุ๊กลุก - ฝนทิพย์

แม่ที่มีลูกพิการ เป็นอีกหนึ่งบทบาทที่ไกลตัวเองมาก

ปุ๊กลุก : ปุ๊กว่าปุ๊กยังไม่เคยเล่นละครเรื่องไหนที่ตัวเองมีลูก เพราะฉะนั้นจึงยากมาก แล้วพาร์ตแรกที่เห็นว่าลูกตัวเองพิการด้วย มันก็ไม่เข้าใจความรู้สึกของคนเป็นแม่ที่มีต่อลูกว่าความรักของแม่มันยิ่งใหญ่แค่ไหน มีคนบอกว่าเรารักแม่มากแค่ไหน รักพ่อมากแค่ไหน แต่ความรักที่แม่มีต่อลูกมันมากกว่านั้นเป็นร้อยๆ เท่า ซึ่งปุ๊กว่ามันไกลตัว เรายังไม่ได้อยู่ในจุดนั้น ทุกวันนี้ก็ไม่ได้มีความรู้สึกอยากมีลูกด้วยซ้ำ อยากใช้ชีวิตปกติ เรื่องมีลูกเป็นเรื่องไกลตัวมากๆ ก็จะยากมากๆ ต้องคุยกับคนที่มีลูก ไปถามคนที่ท้อง ถามอาโย (ทัศน์วรรณ เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา) ว่าตอนที่อามีลูกอยู่ในท้อง ความรู้สึกแรกเป็นยังไง แล้วตอนที่อาอุ้มท้องอยู่ ความรู้สึกมันเป็นยังไง มันมีความสุขมากแค่ไหน ก็ถามคนรอบข้างคนอื่นๆ ด้วย

เราไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นพาร์ตหนึ่งของชีวิตดาวนิลที่พอท้องแล้วคลอด เราอยากเข้าใจความรู้สึกของคนเป็นแม่ แล้วพอวันหนึ่งเราถ่ายฉากที่ลูกเราพิการ ความรู้สึกมันแย่แค่ไหน เหมือนถ้าวันนี้พอเราท้องมา 9 เดือน แล้วลูกออกมาปรากฏว่าไม่ครบ 32 แล้วเป็นความผิดของเราด้วย มันจะเสียใจแค่ไหน เรารู้สึกว่าทุกจุดทุกรายละเอียดของตัวละคร มันมีคุณค่า มันมีน้ำหนักมากๆ ในการที่เราจะดำเนินชีวิตต่อไป แม้กระทั่งพาร์ตของการอุ้มท้องก็คุยกับลูกในท้องจริงๆ เหมือนว่ามีเขาอยู่จริงๆ ในทุกครั้งที่ใส่ชุดคลุมท้อง

เรื่องนี้ต้องแสดงหลายอย่างมาก มีทั้งรำ เป็นผู้หญิงขายบริการ ร้องไห้เยอะ จนทำให้ปุ๊กลุกต้องอยู่กับตัวเองคนเดียว 

ปุ๊กลุก : ใช่ค่ะ จริงๆ แล้วเรื่องนี้เป็นหลายอย่างที่ไกลตัวมาก ไม่ว่าจะเป็นพาร์ตโดนข่มขืน คือตอนแรกเราก็ไม่เข้าใจเลยว่าความรู้สึกมันจะเป็นยังไง ก็ไปหาครูเงาะ ให้ครูช่วยดูให้หน่อย เพราะเรารู้สึกว่าการข่มขืนเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตดาวนิล คือเราเป็นผู้หญิงภาคกลาง เรายังมีความรู้สึกหวงแหนความบริสุทธิ์มาก แต่พอวันหนึ่งเราเป็นผู้หญิงเหนือ ซึ่งปุ๊กมีความรู้สึกว่าผู้หญิงเหนือจริงๆ แล้วเขาค่อนข้างสุภาพ แล้วก็เรียบร้อยกว่า คือเขาไม่ได้เป็นคนที่อยู่ในกรุงเทพฯ เหมือนวิสัยทัศน์หลายๆ อย่าง เขายังไม่เคยมาเจอโลกของคนกรุงเทพฯว่าเดี๋ยวนี้เป็นอย่างนี้แล้วนะ ยิ่งตัวดาวนิล ด้วยที่บ้านเป็นครอบครัวที่มีศิลปวัฒนธรรมไทย เพราะฉะนั้นเขาจึงเป็นผู้หญิงที่เรียบร้อยมากๆ แต่แล้ววันหนึ่งเขาก็ต้องมาเสียตัว

ปุ๊กลุก - ดาวนิล แม่อายสะอื้น

ใช้วิธีจดบันทึก เพื่อให้เข้าใจฉากโดนข่มขืนและฉากอารมณ์อื่นๆ

ปุ๊กลุก : ปุ๊กมีหนังสือเล่มหนึ่ง แล้วครูก็ให้จินตนาการตั้งแต่เริ่มต้น ตั้งแต่ยังไม่ถูกข่มขืน แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นในภาวะที่ผู้หญิงถูกข่มขืนเป็นยังไง ก็เขียนๆ ลงไป ช่วงที่เขียนปุ๊กก็ร้องไห้ จนเข้าใจจริงๆ ว่าผู้หญิงที่ถูกข่มขืนมันน่ากลัวแค่ไหน มันหดหู่แค่ไหน ตอนปุ๊กเขียนเสร็จ ทำการบ้านเสร็จปั๊บ ยังทวีตเลย คือปุ๊กเป็นนักแสดงที่พยายามพูดกับตัวละครอย่างตัวดาวนิลว่า ดาวนิล เราพยายามจะเป็นเธอให้มากที่สุด แต่เราสูญเสียสุขภาพจิตที่ดีอะ ตอนที่ปุ๊กจะเป็นตัวเขา ปุ๊กยอมที่จะเอาตัวเราเข้าไปอยู่ในความรู้สึกที่ถูกข่มขืน คือปุ๊กก็จะพยายามเป็นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ จนเข้าใจความรู้สึกของดาวนิลจริงๆ เราก็ถ่ายทอดออกมา แล้วมันก็ส่งผลไปต่อฉากอื่นๆ ด้วย

แล้วเวลาถ่ายทำจะมีพาร์ตของตัวละครค่อนข้างเยอะ ไม่ว่าจะเป็นคนเหนือก่อนเข้ามากรุงเทพฯ มาถูกข่มขืน ไปขายตัว เป็นผู้หญิงนั่งดริงก์ คนรับใช้ ตัวประกอบ เป็นดารา จนเป็นดารามีชื่อเสียง ถูกจับได้ โดนสังคมประณาม จนถึงพาร์ตฆ่าตัวตาย คือมันมีช่วงเวลาของตัวละครค่อนข้างเยอะ เพราะฉะนั้นเวลาการถ่ายทำ ด้วยโลเกชั่น ด้วยอะไรหลายๆ อย่าง มันไม่สามารถถ่ายเรียงตามเรื่องราวได้ ดังนั้นสิ่งที่ต้องทำคือเขียนไดอะรี่ในช่วงเวลานั้นๆ ของตัวละครให้ได้มากที่สุด แล้วเวลาเราถ่ายฉากไหน ก็ย้อนไปอ่านภาวะอารมณ์ในช่วงนั้นๆ

ปุ๊กลุก - ฝนทิพย์

ฝากละครแม่อายสะอื้นสำหรับใครที่ยังไม่ได้ดู 

ปุ๊กลุก : ก็เป็นละครที่จะออนแอร์ประมาณ 2 เดือนกว่าๆ 15 – 16 ตอน แต่จริงๆ แล้วความยาก ระยะการถ่ายทำละครเรื่องนี้มันค่อนข้างนาน แล้วก็ไม่รวมถึงพาร์ตของการซ้อมก่อน เรียนก่อน ก็เป็นความยากมากๆ ของการเป็นตัวละครตัวนี้ อยากให้แฟนๆ ติดตามชม อยากให้เป็นกำลังใจให้ในความเหนื่อยของเรา รางวัลของนักแสดง ปุ๊กว่ามันไม่มีอะไรมาก นอกจากฟีดแบ็ก คำชม เสียงปรบมือของคนดูหรือแฟนละครที่มีให้เรา ละครจะไม่สมบูรณ์แบบถ้าไม่มีคนดู วันนี้ก็อยากให้หลายๆ คนที่อาจจะไม่ค่อยได้ดูละครเท่าไหร่ อาจจะเป็นโลกของโซเชียลที่ไม่ค่อยได้ดู ได้มีโอกาสกลับมานั่งดูละคร จริงๆ ปุ๊กเชื่อว่าละครเรื่องนี้นอกจากความสนุกที่เราจะได้แล้ว สิ่งที่ได้มากกว่านั้นคือแง่คิด คำสอนหลายๆ อย่างผ่านความผิดพลาดของมนุษย์คนหนึ่งที่เขาอาจจะเรียนรู้ เรียนถูก เรียนผิด ปุ๊กว่ามันสะท้อนสังคมสมัยนี้ที่หลายๆ คนอาจจะตั้งใจ มุ่งมั่นที่จะทำเพื่อเงิน หรือทำเพื่อการประสบความสำเร็จในชีวิต สิ่งที่สำคัญที่สุดอาจจะไม่ใช่การที่เราวิ่งตามหาความฝันทั้งหมดก็ได้ แต่สิ่งที่ไม่ได้สำคัญน้อยไปกว่ากันเลยก็คือ การที่เราหันกลับมามองคนที่ให้กำเนิดเรา คนที่เขามีบุญคุณกับเรา วันนี้เราให้ความสำคัญกับเขามากพอหรือยัง บางทีเราอาจจะรู้สึกว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตคือเงิน เพราะว่าเราจะเอาเงินไปดูแลพ่อแม่ แต่มันจะเป็นยังไงถ้าวันนี้คุณมีเงิน แต่คุณไม่มีเขาแล้ว ก็ไม่อยากให้ใครหลายๆ คนพลาดสิ่งดีๆ หลายอย่างในละครเรื่องนี้ค่ะ มาสนุกและร้องไห้ไปพร้อมๆ กันนะคะ

ปุ๊กลุก - ฝนทิพย์

ก่อนจบบทสนทนานี้ สาวปุ๊กลุกได้เผยความคิดดีๆ กับแพรวดอทคอมว่า กระแสคนชื่นชอบ กระแสตอบรับเหมือนเป็นโบนัส เป็นรางวัลสำหรับอาชีพนักแสดงของเธอ เพราะถ้าทุกสิ่งที่เธอทำไปเพื่อเงิน เงินมันไม่มากพอที่จะทำให้ปุ๊กลุก – ฝนทิพย์ ทุ่มเทได้มากขนาดนี้ แต่เพราะเธอรู้สึกซื่อสัตย์กับอาชีพนักแสดงจริงๆ จึงอยากตั้งใจทำให้ได้ดีที่สุด ซึ่งวันหนึ่งข้างหน้าไม่รู้ว่าอาจจะผันตัวไปทำเบื้องหลังหรืออะไรก็ตาม แต่ถ้าวันนี้ยังทำอาชีพนักแสดงอยู่ เธอก็อยากทำให้เต็มที่ที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะถ้าทำเต็มที่ที่สุดแล้ว จะมีคนชื่นชม ชื่นชอบเราผ่านละครเรื่องนั้น ผ่านผลงานของเรา…

 

 

 


เรื่อง : บะหมี่กุ๊งกิ๊ง_แพรวดอทคอม
ภาพ : วรสันต์ ทวีวรรธนะ, IG @pooklook_fonthip

Praew Recommend

keyboard_arrow_up