กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย Cover

กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย จัดนิทรรศการโครงการสืบสานพระราชปณิธาน “นาหว้าโมเดล” ในโอกาสครบ 50 ปี โครงการศิลปาชีพ

กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย Cover
กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย Cover

กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ร่วมกับ ไอคอนคราฟต์ พื้นที่แห่งงานฝีมือสุดสร้างสรรค์ของคนไทย ชั้น 4-5  ไอคอนสยาม ร่วมสืบสานประราชปณิธานโครงการ “นาหว้าโมเดล” ในโอกาสครบ 50 ปี โครงการศิลปาชีพ จัดแสดงนิทรรศการแสดงประวัติความเป็นมาของชุมชน วิถีชีวิต ภูมิปัญญาท้องถิ่น ด้านการทอผ้าของชุมชนและกิจกรรมจัดแสดงผลิตภัณฑ์ และบรรจุภัณฑ์ที่ผ่านการพัฒนาตามโครงการสืบสานพระราชปณิธาน “นาหว้าโมเดล” ในโอกาสครบ 50 ปี โครงการศิลปาชีพ กิจกรรมที่ 1 การพัฒนาชุมชนต้นแบบการทอผ้าและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าชุมชนบ้านนาหว้า ตั้งแต่วันนี้ -24 ตุลาคม 2565 ณ ไอคอนคราฟต์ ชั้น 4 ไอคอนสยาม เพื่อให้ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการได้ทดลองขายผลิตภัณฑ์ และต่อยอดการพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าชุมชนบ้านนาหว้า และเครื่องแต่งกายให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่ทันสมัยสู่สากล

กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย จัดนิทรรศการโครงการสืบสานพระราชปณิธาน “นาหว้าโมเดล” ในโอกาสครบ 50 ปี โครงการศิลปาชีพ

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงการจัดแสดงนิทรรศการตามโครงการสืบสานพระราชปณิธาน “นาหว้าโมเดล” ในโอกาสครบรอบ 50 ปี โครงการศิลปาชีพ กิจกรรมที่ 1 การพัฒนาชุมชนต้นแบบการทอผ้าและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าชุมชนบ้านนาหว้า ว่า “นาหว้าโมเดล” เป็นโครงการตามแนวพระดำริ ที่มีภารกิจในการฟื้นฟูภูมิปัญญา ลายผ้าและความเป็นมาของโครงการศิลปาชีพฯ โดยกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย มุ่งมั่นสนับสนุนแนวพระดำริของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงมีพระดำริให้มีการฟื้นฟู “การเลี้ยงหนอนไหม” สำหรับโครงการ “นาหว้าโมเดล” เพื่อให้ช่างทอผ้าสามารถนำเส้นใยจากหนอนไหมไปผลิตผืนผ้าได้ทุกเมื่อตามต้องการ โดยลดปัญหาการขาดแคลนทรัพยากรเส้นใย เพื่อให้ช่างทอผ้าสามารถพึ่งพาตนเองในด้านการสร้างสรรค์ผืนผ้าตั้งแต่ต้นน้ำสู่ปลายน้ำได้อย่างยั่งยืน ทรงตั้งพระทัยมั่นในการ สืบสาน รักษา และต่อยอด พระราชปณิธานอันยิ่งใหญ่ของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สมเด็จย่าของพระองค์ ด้วยพระวิสัยทัศน์และพระอัจฉริยภาพ ตามแนวพระดำริ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” คือความสุขที่ได้เลือกใช้ศิลปะ หัตถกรรมไทย เพื่อให้รายได้กลับสู่ชุมชน พร้อมส่งเสริมผ้าไทยให้ทันสมัยสู่สากล เป็นที่นิยมในทุกเพศ ทุกวัยและทุกโอกาส

สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงมีโครงการสืบสานพระราช ปณิธาน สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง  ด้วย “นาหว้าโมเดล” ในโอกาสครบ 50 ปี โครงการศิลปาชีพ ทรงส่งเสริมภูมิปัญญา ฟื้นฟู และพัฒนาลายผ้าจากชุมชนต้นแบบทอผ้าที่มีฝีมือในด้านการทอผ้าลายโบราณให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ ตลอดจนการพัฒนา ชุมชนต้นแบบบ้านนาหว้า อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม ด้วยแรงบันดาลพระทัยที่มุ่งมั่น ทำให้ผ้าไทยมีชีวิตเป็นมรดกที่ล้ำค่า สามารถเป็นที่ประจักษ์ทุกยุคสมัย”  นายสุทธิพงษ์ กล่าวเพิ่มเติม

“ศูนย์ศิลปาชีพ” ก่อกำเนิดจัดตั้งขึ้นที่อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม เป็นที่แรกตั้งแต่วันที่ 13 พฤศจิกายน 2515 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2565 สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เสด็จไปยังวัดธาตุประสิทธิ์ อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม ทอดพระเนตรนิทรรศการตามรอยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในการเสด็จพระราชดำเนินทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐินส่วนพระองค์ ที่วัดธาตุประสิทธิ์ และนิทรรศการความเป็นมาของกลุ่มทอผ้าไหมกลุ่มแรกของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2520 และได้เข้าเป็นสมาชิกของ มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพพิเศษในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ

ปัจจุบันกลุ่มทอผ้าไหมกลุ่มแรกของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ มีการสืบทอดภูมิปัญญาสู่ลูกหลาน ในตำบลนาหว้าได้ใช้อาคารศูนย์หัตถกรรมและจำหน่ายสินค้าพื้นบ้านวัดธาตุประสิทธิ์ เป็นแหล่งเรียนรู้กระบวนการทอผ้า และในตำบลท่าเรือได้ใช้พื้นที่กลุ่มศิลปาชีพทอผ้าไหมบ้าน ท่าเรือ ณ วัดศรีโพธิชัย เป็นแหล่งเรียนรู้กระบวนการทอผ้า ซึ่งบรรจุไว้ในหลักสูตรภูมิปัญญาท้องถิ่นของโรงเรียนบ้านนาหว้า โรงเรียนนาหว้าพิทยาคม และโรงเรียนราษฎร์สามัคคี โดยมีสมาชิกกลุ่มในพื้นที่อำเภอนาหว้ารวม 200 คน มีการจัดกิจกรรมทอผ้าไหมเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยสมาชิกได้ร่วมกันทอผ้าไหมทูลเกล้าฯ ต่อเนื่อง

โดยโครงการนาหว้าโมเดล ประกอบด้วย  กลุ่มชุมชนทอผ้าทั้งหมด 6 กลุ่มได้แก่ 1. ศูนย์หัตถกรรมและจำหน่ายสินค้าพื้นบ้าน วัดธาตุประสิทธิ์ 2. กลุ่มศิลปาชีพทอผ้าไหมบ้านท่าเรือ 3. กลุ่มทอผ้าพื้นเมืองและปลูกหม่อนเลี้ยงไหม วัดศรีบุญเรือง บ้านนางัว 4. กลุ่มสตรีทอผ้าบ้านโคกสะอาด ตำบลบ้านเสียว อำเภอนาหว้า  5. กลุ่มทอผ้าพื้นเมืองบ้านนาหว้า หมู่ที่ 3 ตำบลนาหว้า  และ 6. กลุ่มคนรุ่นใหม่หัวใจคือชุมชน อำเภอนาหว้า  ซึ่งชุมชนทั้ง 6 กลุ่มในโครงการนาหว้าโมเดล มาจากตำบลต่างๆ  ในอำเภอนาหว้า ซึ่งมีความเหมือนและ ความต่างในรายละเอียดวิถีชีวิตและวัฒนธรรมชุมชน มีแหล่งมรดกวัฒนธรรมชุมชนร่วมกัน ทั้งอาชีพ ศาสนสถาน วัดวาอาราม ประเพณีพิธีกรรม แหล่งน้ำป่าชุมชน รวมถึงพิพิธภัณฑ์สิ่งปลูกสร้างมาจนถึงปัจจุบัน

ขอเชิญชวนชมนิทรรศการแสดงประวัติความเป็นมาของชุมชน วิถีชีวิต ภูมิปัญญาท้องถิ่น ด้านการทอผ้าของชุมชนและกิจกรรมจัดแสดงผลิตภัณฑ์ และบรรจุภัณฑ์ที่ผ่านการพัฒนาตามโครงการสืบสานพระราชปณิธาน “นาหว้าโมเดล” ในโอกาสครบ 50 ปี โครงการศิลปาชีพ กิจกรรมที่ 1 การพัฒนาชุมชนต้นแบบการทอผ้าและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าชุมชนบ้านนาหว้า และเชิญอุดหนุนผลิตภัณฑ์ของผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ  เพื่อส่งเสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าชุมชนบ้านนาหว้า และเครื่องแต่งกายให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่ทันสมัยสู่สากล ได้ตั้งแต่วันนี้  -24 ตุลาคม 2565 ณ ไอคอนคราฟต์ ชั้น 4 ไอคอนสยาม  สอบถามเพิ่มเติม Facebook : ICONCRAFT

Lamborghini Aventador SVJ

1 ใน 900 คันทั่วโลก Lamborghini มูลค่าหลายสิบล้าน! ของ “คุณแบงค์ – ภัคคณวัฒน์”

Alternative Textaccount_circle
Lamborghini Aventador SVJ
Lamborghini Aventador SVJ

ซูเปอร์คาร์ถือเป็นความฝันของหลายคน รวมถึง “คุณแบงค์ – ภัคคณวัฒน์ เหมะธนานันท์” ผู้ก่อตั้งและซีอีโอบริษัท Brother Global ธุรกิจอาหารเสริมเพื่อสุขภาพ โดยเฉพาะความรักซูเปอร์คาร์ค่ายกระทิงดุอย่าง Lamborghini ที่มีสตอรี่ไม่ธรรมดา

1 ใน 900 คันทั่วโลก Lamborghini มูลค่าหลายสิบล้าน! ของ “คุณแบงค์ – ภัคคณวัฒน์”

จุดเริ่มสตาร์ต

“ความจริงหลายคนที่ชอบซูเปอร์คาร์ส่วนใหญ่ไม่ได้ชอบความเร็ว แต่หลงใหลในประวัติศาสตร์ของรถและงานออกแบบ สำหรับผมไม่ได้อินกับรถขนาดที่ต้องศึกษาว่ารถค่ายนี้มีประวัติความเป็นมายาวนานแค่ไหน สมัยวัยรุ่นผมแค่รู้สึกว่าซูเปอร์คาร์เป็น Man Toy อย่างหนึ่ง

“พื้นฐานผมกลัวความสูง แต่ชอบความเร็ว เคยเล่นกีฬาเอกซ์ตรีมทั้งโกคาร์ต เจ็ตสกี วินเซิร์ฟ โดยเฉพาะการขับรถด้วยความเร็ว เพราะถ้าขับรถช้าผมจะง่วงนอน ผมขับรถตั้งแต่อยู่มัธยม สมัยนั้นมีการขับรถแข่งกัน เพื่อวัดว่ารถใครแรงและเร็วกว่า คล้ายๆ กับการแข่งควอร์เตอร์ไมล์ (การแข่งรถระยะสั้น 402 เมตร) ในสมัยนี้ แต่ที่บ้านไม่ค่อยสนับสนุน เพราะห่วงเรื่องความปลอดภัย เนื่องจากเพื่อนๆ ประสบอุบัติเหตุจากการขับรถกันหลายคน

“ประมาณ 20 ปีที่แล้ว รถซูเปอร์คาร์ระดับโลกที่ใครๆ อยากจะเป็นเจ้าของ เรียกว่า Three Kings ประกอบด้วย Ferrari, Porsche และ Lamborghini แต่สมัยนี้มี Four Kings เพิ่มมาอีกหนึ่งคือ McLaren ด้วยอายุขนาดนี้ (47 ปี) ผมขับรถซูเปอร์คาร์มาแล้วทุกค่าย ซึ่งมีข้อดีข้อเด่นแตกต่างกัน ยกเว้นลัมโบร์กินี เกือบจะได้ซื้อหลายครั้ง ติดที่เคยมีประสบการณ์ที่ไม่ค่อยประทับใจกับดีลเลอร์ในอดีต จึงคิดว่าคงไม่เหมาะ แต่ก็เคยได้ขับตอนไปเรียนที่อังกฤษ รู้สึกว่ามีความดิบ ผมเคยสังเกตว่าเวลาขับรถค่ายต่างๆ ทุกคนจะหันมองแต่ลัมโบร์กินีเสมอ ไม่รู้ทำไม คิดเองว่านอกจากความสวยหรู อาจด้วยภาพลักษณ์ของคนขับลัมโบร์กินีที่จะดูเป็นหนุ่มฮิป แนวแก๊งสเตอร์หน่อยๆ

“ก่อนหน้านี้ผมหยุดขับรถซูเปอร์คาร์มาหลายปี ด้วยอายุที่มากขึ้น แล้วมาถึงจุดที่เรียกว่าเบื่อหรือหมดแพสชั่น เพราะในชีวิตประจำวันการขับรถซีดานสบายกว่า เวลาจะขึ้นลงก็ไม่ลำบาก ปัญหาเวลาขับรถซูเปอร์คาร์ของผมคือสิ่งที่ควรจะดังอย่างวิทยุกลับไม่ดัง แม้จะติดเครื่องเสียงราคาหลักล้านบาท เสียงเครื่องยนต์กลบหมด แต่สิ่งที่ไม่ควรดัง…อย่างล้อรถกลับดัง หรือบางทีขับไปแอร์ไม่เย็น ต้องเปิดกระจก จนคนคิดว่าผมอยากโชว์ แต่ที่จริงแอร์เสีย (หัวเราะ)

“อีกเหตุผลสำคัญคือผมไม่ค่อยคุ้นเคยกับสังคมซูเปอร์คาร์ เพราะไม่ดื่ม ไม่เที่ยวกลางคืน จึงทำให้หยุดขับไปหลายปี จนคิดว่าคงเลิกขับซูเปอร์คาร์เป็นการถาวรแล้ว”

หวนคืนวงการซูเปอร์คาร์

“เหตุผลที่ทำให้ผมกลับมาขับซูเปอร์คาร์อีกครั้งและได้เป็นเจ้าของรถลัมโบร์กินีคันแรกในชีวิตถือว่าค่อนข้างแปลก คือมีรุ่นน้องที่สนิทกันคนหนึ่งถามผมว่า ไม่คิดจะมีลัมโบร์กินีบ้างหรือ แล้วพยายามคะยั้นคะยอให้ผมลองแวะไปดูรถที่โชว์รูมตรงถนนวิภาวดีรังสิต บอกว่าสีแดงสวยมาก ผมตอบทันทีว่าผมชอบสีดำ รถทุกคันเป็นสีดำทั้งหมด เขาก็ยังเชียร์ว่าแร็ปสีได้

“ที่สุดตกลงรับนัดไปดูรถกัน ผมชวนน้องไหม (พลอยนภัส เชษฐกุลรัตน์) ภรรยาไปด้วย เพื่อจะได้ช่วยเบรก ตอนมาเห็น Lamborghini Aventador S ครั้งแรกเริ่มรู้สึกว่าสวยดีเหมือนกัน แต่ยังเก็บอาการ รุ่นน้องก็จัดการให้ลองนั่ง เปิดประตู ซึ่งเป็นเหมือนปีกนก คือเขาอยากให้ซื้อเพื่อจะได้ขับเป็นเพื่อนกัน พร้อมกับบอกว่าถ้ายังไม่ตัดสินใจก็จองไว้ก่อน แล้วอีกไม่กี่วันผมก็บินไปอเมริกา พอกลับมามีเซลส์โทร.แจ้งว่ารถที่จองไว้มาแล้ว ถัดจากนั้น 3 วันผมก็เข้ามาที่โชว์รูมแล้วจัดการซื้อ โดยเลือกใส่ออปชั่นทุกอย่างที่มี (ราคาประมาณ 40 กว่าล้านบาท)

“ตอนซื้อคิดว่าเมื่อจ่ายแล้วก็ให้รถสไลด์ไปส่งที่บ้านเลย เพราะผมไม่ค่อยอินสักเท่าไร เลือกแบบเดิมๆ จากโรงงาน ไม่มีออปชั่นชุดแต่งเลยสักชิ้น แต่สิ่งที่ทำให้พลิกความรู้สึกคือได้พบกับคุณนัท – อภิชาติ ลีนุตพงษ์ ซึ่งเป็นผู้นำเข้าและจำหน่ายรถค่ายนี้ เขาไม่แสดงตัวหรือวางท่าว่าเป็นเจ้าของเลย เดินมาพูดคุยกับผมอย่างเป็นกันเองเหมือนผมเป็นลูกค้าประจำ ผมทดสอบด้วยการขอแลกไลน์ ซึ่งปกติผู้บริหารระดับนี้จะไม่ค่อยให้ไลน์กัน แต่เขาให้ด้วยความเต็มใจ ทำให้ผมกับภรรยาประทับใจมาก

“แล้วคุณนัทก็ชวนผมเข้ากลุ่มไลน์ของคนขับรถลัมโบร์กินี ซึ่งผมก็ไม่ได้ตื่นเต้นอะไร เพราะเคยมีประสบการณ์อย่างนั้นมาแล้ว แต่เขาบอกว่ากลุ่มนี้เป็นกลุ่มย่อย อยากให้ผมเข้าร่วม ทำให้ผมค่อยๆ เปลี่ยนความคิดจากการต่อต้านมาสนุกกับการมีเพื่อนใหม่ที่มักจะจัดทริปขับรถลัมโบร์กินีไปไหว้พระ ทำบุญ เข้าคอร์สปฏิบัติธรรม

“เมื่อได้ลองขับ Lamborghini Aventador S ของตัวเองครั้งแรก รู้สึกได้เลยว่าดีกว่าทุกคันที่เคยขับมา ถือเป็นซูเปอร์คาร์ลูกครึ่งระหว่างอิตาลีกับเยอรมัน มีความเนี้ยบในแบบเยอรมัน บวกกับกลิ่นอายความเป็นอิตาลี ทำให้รถมีความสมบูรณ์มากๆ สมรรถนะควบคุมดี ทำความเร็วได้ทันใจ จนผมรู้สึกว่าไม่ใช่แค่การขับรถ แต่เป็น Experience ผมยกให้เป็น Hypercar (หรือหัวหน้าจ่าฝูงของรถซูเปอร์คาร์) เลยทีเดียว

“เหตุผลอีกข้อที่ทำให้หลงรักรถลัมโบร์กินีคือคุณนัท ตั้งแต่รู้จักกันเขาไม่เคยเสนอขายรถให้ผมเลย ทั้งที่ตอนผมมาโชว์รูมครั้งแรก รุ่นน้องผมกระซิบกับเซลส์ว่า ดูแลคุณแบงค์ให้ดีนะ เขาซื้อรถทุกคันได้หมดเลย ขนาดโชว์รูมก็ซื้อได้ ผมรู้เพราะคุณนัทเล่าให้ฟัง ลองคิดดูว่าคนทำธุรกิจจะมาบอกลูกค้าอย่างนี้ไหม ไม่มีทาง เพราะผมจะต้องตั้งกำแพงอย่างแน่นอน ผมจึงถามคุณนัทกลับไปว่าคิดอย่างไร เขาบอกว่าก็แค่ฟังเฉยๆ ไม่ได้คิดอะไร เพราะถ้าเขาจะขายคงขายนานแล้ว แต่ถ้าผมไม่ชอบ เขาก็ไม่อยากขาย หรือถ้าชอบ ก็ต้องขอถามเหตุผลก่อนอยู่ดีว่าจะซื้อเพราะอะไร ฟังแล้วไม่แปลกใจเลยที่วันนี้ลัมโบร์กินีจะกลับมาผงาดในประเทศไทยอีกครั้ง”

หลังจากเข้าสู่วงการลัมโบร์กินีเต็มตัวแล้ว คุณแบงค์เริ่มมองหารถครอบครัวแบบ SUV และสนใจ Lamborghini Urus

“คือผมอยากอุดหนุนคุณนัท พอเห็นว่าผมอยากได้ คุณนัทก็ชวนให้ร่วมทริปไปพัทยา เพื่อผมจะได้ลองขับรุ่นนี้ดูก่อน ซึ่งก็ขับดีจริงๆ ทีแรกจะซื้อรถสีดำ แต่น้องไหมเริ่มเบื่อสีดำแล้ว ผมเห็นว่าที่โชว์รูมมีสีฟ้าคันใหม่จอดอยู่ จึงบอกคุณนัทว่า เมื่อกลับถึงกรุงเทพฯขอคันสีฟ้านะ แล้วผมจะขับกลับบ้านเลย เรื่องเงินค่อยจัดการตามหลัง พอกลับถึงโชว์รูม ปรากฏว่าพนักงานนำรถสีฟ้าไปล้าง คุณนัทจึงบอกให้ผมคุยกับภรรยาให้แน่ใจก่อนดีกว่า เผื่อไม่ชอบ เขาไม่อยากทำแบบค่ายรถอื่น

“คือเหตุผลที่ผมมีรถหลายคัน เพราะค่ายรถแทบทุกค่ายจะโทร.มาบอกว่า มีรถรุ่นใหม่เข้ามา อยากให้ลอง แม้ผมจะปฏิเสธ วันรุ่งขึ้นเขาก็จะนำรถมาจอดไว้ให้ลอง ซึ่งผมไม่ได้ชอบ แต่ก็ต้องรับซื้อไว้ด้วยความเกรงใจ ทำให้ผมมีรถเยอะ จนบางคันขับไปแค่ 55 ไมล์เอง คือขับวนอยู่แถวบ้านแล้วจอดทิ้งไว้ คุณนัททราบเรื่องนี้ ทำให้เวลาผมจะซื้อรถกับเขาจะถูกถามเหตุผลอย่างละเอียดก่อน ไม่อย่างนั้นไม่ยอมขายให้

“รุ่งขึ้นผมโทร.ไปบอกคุณนัทว่าขอซื้อสองคันเลย ทั้งสีดำกับสีฟ้า เพราะตัดสินใจไม่ได้ เขาตอบว่าขออนุญาตไม่ขายครับ เพราะผมมี Porsche Panamera 2 คันอยู่แล้ว ไว้ถ้าผมขาย Porsche Panamera แล้ว เขาจึงจะขาย Lamborghini Urus ให้ แล้วยังบอกอีกว่าเขารู้ว่าผมซื้อไปจอด อยากให้ซื้อเพื่อใช้จริงมากกว่า จนบัดนี้ผมจึงยังไม่ได้ Lamborghini Urus” (หัวเราะ)

ที่สุดของความแรงและมิตรภาพ

และแล้วก็ถึงเวลาของการได้ครอบครองรถลัมโบร์กินีคันที่ 2

“คุณนัทบอกว่ามีรถ Lamborghini Aventador SVJ เข้ามาเมืองไทยอีกหนึ่งคัน (ราคาประมาณ 60 ล้านบาท) เป็นรุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่น ผลิตแค่ 900 คันทั่วโลก ผมสั่งซื้อสีแดงทันที แต่เงื่อนไขคือคุณนัทบอกว่าผมต้องขาย Lamborghini Aventador S ก่อน แล้วค่อยซื้อคันนี้ ผมจึงทำเป็นรับปากไปว่าได้ แต่ขอเป็นหลังจากได้รถคันใหม่ก่อน

“สำหรับรถคันนี้ผมบอกแค่ว่าออปชั่นพิเศษมีอะไรสั่งหมด ไม่เอาแค่อย่างเดียวคือวิทยุ (หัวเราะ) อย่างตัวอักษร SVJ ที่ติดอยู่ด้านข้างรถก็มีสามออปชั่นให้เลือก คือแบบติดสติ๊กเกอร์ในเมืองไทยราคากว่า 70,000 บาท แบบเพ้นต์ตัวอักษร ประมาณ 6 – 7 แสนบาท และแบบที่ 3 คือเป็นเคฟลาร์ หรือคาร์บอนไฟเบอร์ ราคา 1.7 ล้านบาท คุณนัทแนะนำเป็นสติ๊กเกอร์ จะได้เซฟเงิน พอผมปรึกษาภรรยา เธอว่าถ้าติดแล้วไม่ได้ทำให้รถแรงขึ้นก็ไม่เอาดีกว่า คุณนัทจึงบอกว่าเดี๋ยวเขาดูแลให้ ที่สุดจึงกลายมาเป็นเคฟลาร์ 1.7 ล้านบาท (หัวเราะ)

“ส่วนเบลดและล้อแมกซ์ผมเลือกแบบแพงสุด คือเป็นไลต์เวตทั้งหมด สำหรับเบาะปกติรถรุ่นนี้จะต้องเป็นเบาะ Bucket Seat (เบาะรถแข่ง) แต่ผมขอเปลี่ยนเป็นเบาะไฟฟ้า จะได้ไม่ต้องปรับ ส่วนผ้าหุ้มเบาะ สายซูเปอร์คาร์จะต้องเป็น Alcantara หรือกำมะหยี่ แต่ผมขอเป็นหนัง เพราะชอบกินขนม เวลาเลอะเทอะจะได้ไม่ต้องกังวล เพราะผมคิดเสมอว่า ‘ของมีไว้ใช้ คนมีไว้รัก’ สุดท้ายก็ได้ทุกอย่างตามที่ตั้งใจ” (แว่วว่าเฉพาะชุดแต่งรถคันนี้ของคุณแบงค์ 10 กว่าล้านบาทค่ะ)

“อารมณ์การขับ Lamborghini Aventador SVJ เหมือนขับรถแข่ง เพราะเบาและดิบมากๆ ถือเป็นรถที่ขับสบาย เป็น Everyday Use มากกว่า Lambor- ghini Aventador S เสียอีก แล้วสมรรถนะการขับก็นุ่มนวล ระบบขับเคลื่อนทุกอย่างทำให้รู้สึกว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของตัวรถ อย่างเวลาเลี้ยวด้วยความเร็วสูง ถือว่าคมมาก (ติดถนนมาก)

“เวลาที่จะใช้โหมดขับขี่แบบเร็วอย่าง Sport หรือ Corsa ก็เหมือนกระทิงเปลี่ยว เวลารถติดปรับเป็นโหมดการขับขี่แบบ Strada ก็นุ่มนวลเหมือนนั่งในรถซีดาน แอร์เย็น เสียงก็ไม่ดัง คือตอบโจทย์ความต้องการในทุกไลฟ์สไตล์จริงๆ

“อ้อ สุดท้ายผมไม่ได้ขาย Lamborghini Aventador S แม้รถสองรุ่นนี้จะเหมือนกันมาก ถ้าไม่ใช่คนเล่นรถจะแยกไม่ออก ต่างกันแค่ Lamborghini Aventador SVJ มีสปอยเลอร์หลังรถ จนมีบางคนคิดว่าผมเอารถไปติดสปอยเลอร์มาเพิ่ม (หัวเราะ) สำหรับเหตุผลที่ผมไม่ขาย Lamborghini Aventador S เพราะเป็นเหมือนตัวแทนมิตรภาพระหว่างผมกับคุณนัท ทำให้เรารู้จักกันและเป็นพี่น้องกัน ทำให้เกิดสิ่งดีงามในชีวิตผมเยอะมาก ผมได้รู้จักคุณนัทและคุณขวัญ (ม.ล. พลอยนภัส ลีนุตพงษ์) ภรรยา และลูกๆ น้องธีกับน้องแทน แล้วที่สำคัญคือวันนี้ผมมีน้องดาร์วิน ลูกที่ผมรอมานาน ผมก็ได้คำแนะนำจากคุณขวัญในการทำ IVF (In-vitro Fertilization) วันนี้ครอบครัวผมสมบูรณ์แล้ว

“ผมถึงบอกว่ารถคันนี้ไม่ใช่แค่รถ แต่เป็นความสวยงามของมิตรภาพระหว่างสองครอบครัว แม้จะไม่ใช่ญาติพี่น้อง แต่สนิทกันยิ่งกว่า เรารู้จักกันมาแค่ 2 – 3 ปี แต่เหมือนรู้จักกันมาทั้งชีวิต

“แต่ถ้าในมุมมองที่มีต่อรถ สำหรับใครก็ตามที่ไม่ติดขัดเรื่องการเงิน ถ้าได้ลองขับรถลัมโบร์กินีและเข้าใจมัน ผมรับรองว่าไม่มีทางไปขับรถค่ายอื่นแน่ สำหรับผมแล้วลัมโบร์กินีไม่ได้เป็นแค่ซูเปอร์คาร์ แต่เป็น Trophy of Success มีหลายคนบอกว่าทำไมคนขับรถซูเปอร์คาร์แล้วชอบถ่ายรูป ชอบโชว์รถ ผมเชื่อว่าเขาคงไม่ได้อวดรถ แต่น่าจะโชว์ความสำเร็จว่านี่คือหยาดเหงื่อแรงงานของเขา

“เพราะผมเชื่อว่าทุกความสำเร็จมีป้ายบอกราคาเสมอ ถ้าวันนี้เราประสบความสำเร็จ นั่นหมายความว่าเราจ่ายค่าความพยายามมากพอ ลัมโบร์กินีจึงเป็นสัญลักษณ์แทนความสำเร็จนั้นครับ”


ที่มา : นิตยสารแพรว ฉบับ 986

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ใบหน้าสวยที่สุด ในวงการ K-Pop

เปิดโพล 25 ใบหน้าสวยที่สุดในวงการ K-Pop ปี 2022 จากคะแนนโหวตกว่า 4 ล้านคน

Alternative Textaccount_circle
ใบหน้าสวยที่สุด ในวงการ K-Pop
ใบหน้าสวยที่สุด ในวงการ K-Pop

KingChoice ได้จัดโพลนานประมาณหนึ่งเดือนสำหรับแฟน K-Pop เพื่อโหวตว่าใครที่พวกเขาคิดว่าเป็นไอดอลที่มี “ใบหน้าสวยที่สุดใน K-Pop 2022” จากผู้เข้าชิง 100 คน ด้วยคะแนนโหวตมากกว่า 4 ล้านโหวต ผลออกมาแล้ว นี่คือ 25 ไอดอลหญิงเคป็อป ใบหน้าสวยที่สุด ในปี 2022 ที่แฟนๆ เลือก!

เปิดโพล 25 ใบหน้าสวยที่สุด ในวงการเคป็อปปี 2022 จากคะแนนโหวตกว่า 4 ล้านคน

1. JiU (Dreamcatcher) ได้รับคะแนนโหวต 2.57M

2. Jisoo (BLACKPINK) ได้รับคะแนนโหวต 987.7k

3. Irene (Red Velvet) ได้รับคะแนนโหวต 240.8k

4. Chanty (Lapillus) ได้รับคะแนนโหวต 104.7k

5. Kazuha (LE SSERAFIM) ได้รับคะแนนโหวต 92.47k

6. Nancy (MOMOLAND) ได้รับคะแนนโหวต 33.67k 

7. Lisa (BLACKPINK) ได้รับคะแนนโหวต 29.26k

8. Tzuyu (TWICE) ได้รับคะแนนโหวต 19.36k

9. Yeri (Red Velvet) ได้รับคะแนนโหวต 16.62k

10. Jeongyeon (TWICE) ได้รับคะแนนโหวต 14.52k

11. Bae Suzy ได้รับคะแนนโหวต 14.24k

12. Joy (Red Velvet) ได้รับคะแนนโหวต 12.29k

13. Sunmi ได้รับคะแนนโหวต 8.47k

14. Seulgi (Red Velvet) ได้รับคะแนนโหวต 8.25k

15. Jihyo (TWICE) ได้รับคะแนนโหวต 7.56k

16. Yujin (IVE) ได้รับคะแนนโหวต 6.04k 

17. Wendy (Red Velvet) ได้รับคะแนนโหวต 5.44k

18. Jennie (BLACKPINK) ได้รับคะแนนโหวต 4.77k 

19. Hyunjin (LOONA) ได้รับคะแนนโหวต 4.05k

20. Rosé (BLACKPINK) ได้รับคะแนนโหวต 3.85k

21. Sandara Park ได้รับคะแนนโหวต 3.62k

22. Winter (aespa) ได้รับคะแนนโหวต 2.64k 

23. Chaeyoung (TWICE) ได้รับคะแนนโหวต 2.51k

24. Xiaoting (Kep1er) ได้รับคะแนนโหวต 2.42k

25. Yuna (ITZY) ได้รับคะแนนโหวต 2.39k


ข้อมูล : koreaboo.com

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

เมย์-วาสนา

คนเดียวในไทย เมย์-วาสนา นักธุรกิจพันล้าน บินลัดฟ้ารับรางวัลธุรกิจระดับโลก

account_circle
เมย์-วาสนา
เมย์-วาสนา

เรียกได้ว่าเป็นปีทองของ เมย์-วาสนา อินทะแสง นักธุรกิจหญิงเก่ง แห่งวงการเครื่องสำอางและอาหารเสริม เจ้าของทะเบียนรถ รวย 8888  รับรางวัลธุรกิจระดับโลก คนไทยคนคนเดียวบนเวทีโลก International Business Award รางวัล Stevie Award ที่ กรุงลอนดอน ประเทศสหราชอาณาจักร

คนเดียวในไทย เมย์-วาสนา นักธุรกิจพันล้าน บินลัดฟ้ารับรางวัลธุรกิจระดับโลก

ปังไม่หยุด ฉุดไม่อยู่ สำหรับ นักธุรกิจหญิงเจ้าแม่วงการ OEM/ODM เครื่องสำอาง และอาหารเสริม คุณ เมย์-วาสนา อินทะแสง CEO บริษัท รีโว่เมด (ไทยแลนด์) จำกัด

ล่าสุด 15 ตุลาคม 2565 บินตรงสู่ กรุงลอนดอน ประเทศสหราชอาณาจักร รับรางวัลบนเวทีระดับโลก Stevie Award สาขา Growth Achievement in Corporate Expansion  สาขา Achievement in Growth รับเหรียญ Bronze Stevie Winner และโล่เกียรติคุณ การันตีความสำเร็จ ในการทำธุรกิจที่มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ระหว่างปี 2563-2564

ซึ่งงานนี้ รีโว่เมด เป็นบริษัทเดียวจากประเทศไทย ที่ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติของปีนี้ โดยมีผู้เข้าเสนอรายชื่อทั้งหมด 12,000 บริษัท จาก 70 ประเทศทั่วโลก รวมไปถึง บริษัทยักษ์ใหญ่ข้ามชาติชั้นนำ big corporate) ที่หลายคนคงรู้จัก IBM , EY, DHL, Turkish Bank, Carrefour, Pro Life, Alliance, SAP,หน่วยงานรัฐบาลประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และ บริษัทยักษ์ใหญ่อีกหลายบริษัทที่เข้าร่วมงานรับรางวัล


 ถือเป็นความภูมิใจของคนไทย และการยกระดับอุตสาหกรรมสุขภาพและความงามของประเทศไทย ให้มีศักยภาพเทียบเท่าระดับกับสากล และเป็นที่ยอมรับในเวทีระดับโลก


ยูอาอิน

โมเม้นต์น่ารักๆ ของ ไอยู และ ยูอาอิน ทักทายกันบนถนนในมิลาน

Alternative Textaccount_circle
ยูอาอิน
ยูอาอิน

ไอดอลจำนวนไม่น้อยมักเคยเปิดเผยถึงศิลปินที่พวกเขาชื่นชอบ โดยหนึ่งในชื่อที่มักถูกพูดถึงอยู่เสมอก็คือ ไอยู นักร้องและนักแสดงสาวมากความสามารถ ไม่เพียงเธอจะเป็นต้นแบบในด้านผลงานเท่านั้น แต่เธอยังมีนิสัยน่ารักและชอบช่วยเหลือผู้คนบ่อยครั้ง จนกลายขวัญใจของทุกคน

ไอยู

เช่นเดียวกัน ไอยู เองก็มีบุคคลในวงการบันเทิงที่เธอชื่นชอบ เรียกว่าเมนเหนือเมน โดยนักร้องสาวได้เคยเปิดเผยออกมาผ่านรายการ KBS 2TV ‘Hello’ ไอยูถูกถามว่า “คุณอยากมีข่าวความสัมพันธ์กับคนบันเทิงชายคนใดมากที่สุด?” เธอตอบ “ยูอาอิน” โดยเธอได้อธิบายเพิ่มเติมว่า “ฉันไม่ได้ถูกคุมเข้มในบริษัทหรอกค่ะ ดังนั้นฉันจะตอบอย่างตรงไปตรงมาเลยละกัน” “ส่วนตัวแล้วช่วงนี้ฉันหลงคุณยูอาอินมากค่ะ ตอนที่ฉันได้ดูละครที่สนุกๆอย่าง ‘Sung Kyun Kwan Scandal’ ระหว่างนั้นเองฉันก็ชอบคุณยูอาอินค่ะ (ข้อมูลจาก : www.pingbook.com)

อย่างไรก็ตามล่าสุดรูปถ่ายของ ไอยู และ ยูอาอิน ที่ยิ้มและทักทายกันบนถนนเส้นหนึ่งในมิลานอย่างอบอุ่น ได้กลายเป็นไวรัลที่เป็นประเด็นถูกพูดถึงในอินเทอร์เน็ต เนื่องจากดูเหมือนว่าจะรูปนี้จะเป็นรูปที่ไอยูได้เฉียดใกล้กับเมนของตัวเองมากที่สุด อย่างไรก็ตามแฟนคลับหลายคนต่างหวังว่าพวกเขาจะมีผลงานร่วมกันสักเรื่อง

ยูอาอิน

ข้อมูลจาก : news.sbs.co.kr

10 แบรนด์ Home Spa 11 cover

10 แบรนด์ Home Spa หอมเย้ายวน ที่คนรักบ้านต้องมี! เนรมิตบรรยากาศให้บ้านน่าอยู่ยิ่งขึ้น

10 แบรนด์ Home Spa 11 cover
10 แบรนด์ Home Spa 11 cover

กลิ่นหอมๆ ถือเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบที่สร้างบรรยากาศสุดฟินให้บ้านน่าอยู่ยิ่งขึ้น ซึ่งเรื่องนี้คนรักบ้านต่างรู้กันดี แต่การจะสรรหาจนได้กลิ่นหอมโดนใจไม่ใช่เรื่องง่าย วันนี้ แพรว จึงรวบตึง 10 แบรนด์ Home Spa ที่หอมขึ้นชื่อมากๆ ใน ICONCRAFT มาป้ายยาคนรักบ้านกันตรงนี้ เพราะ ICONCRAFT พื้นที่แห่งงานฝีมือสุดสร้างสรรค์ของคนไทย ซึ่งอยู่ที่ชั้น 4 – 5 ไอคอนสยาม และชั้น 3 สยามดิสคัฟเวอรี่ ถือเป็นพื้นที่ที่รวบรวมสินค้างานคราฟต์ฝีมือคนไทยเอาไว้มากมาย รวมถึงข้าวของแต่งบ้านที่ขอบอกเลยว่าดีงามไม่แพ้ใคร ทั้งดีไซน์สวยเก๋ คุณภาพดี แถมยังแฝงเสน่ห์ของภูมิปัญญาไทยเอาไว้ โดยเฉพาะบรรดาแบรนด์เครื่องหอมที่ขอบอกเลยว่าหอมหวนชวนฟินสุดๆ ชนิดที่จะทำให้คุณอยากอยู่บ้านทั้งวันทั้งคืน

1. ANONA เครื่องหอมโฮมเมดที่ชูเอกลักษณ์ความเป็นไทย ตั้งแต่กลิ่นหอมๆ ของสมุนไพรจากธรรมชาติ ซึ่งผ่านการเบลนด์อย่างพิถีพิถันตามสูตรเฉพาะของแบรนด์ หอมกำลังดี ไม่ฉุน แถมมาพร้อมสรรพคุณช่วยผ่อนคลาย ไปจนถึงดีไซน์ของแพ็คเกจจิ้งที่สะท้อนเอกลักษณ์ความเป็นไทย เช่น สมุนไพรหอมระเหยและบาล์มสมุนไพรในกระปุกรูปยักษ์ ถุงหอมมงคลลวดลายวิจิตร ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากลวดลายกระเบื้องของวัดวาอาราม เรียกว่าสวยงามชวนประทับใจ เหมาะทั้งซื้อใช้เอง ตกแต่งบ้าน และเป็นของขวัญ ของฝากเลยทีเดียว

2. LAMOON เทียนหอมที่เกิดขึ้นจากความตั้งใจว่า “อยากทำให้การใช้เวลาในบ้านมีความสุขมากยิ่งขึ้น” โดดเด่นด้วยกลิ่นหอมหลากหลายสไตล์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่ซ้ำกัน ช่วยสร้างบรรยากาศได้ตามความต้องการหรือจินตนาการ อีกทั้งยังเป็นเทียนหอมไขถั่วเหลืองธรรมชาติ 100% ปลอดภัยต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม จึงเหมาะกับการใช้งานในบ้านได้อย่างสบายใจ

3. VASSA วัสสะ เครื่องหอมที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากการเดินทางในต่างแดน ซึ่งทำให้ตระหนักถึงการสืบสานศิลปะการทำเครื่องหอมของไทยที่ถือเป็นหนึ่งในภูมิปัญญาของชาติ บวกกับความตั้งใจที่จะเผยแพร่เครื่องหอมของไทยไปสู่สากล โดยเครื่องหอมกลิ่นต่างๆ สร้างสรรค์ขึ้นจากความหลงใหลในกลิ่นหอมๆ ของดอกไม้ไทยโบราณ ซึ่งสะท้อนเอกลักษณ์ความเป็นไทยได้อย่างน่าประทับใจ

4. PIM RUM POEY พิมพ์รำเพย เครื่องหอมที่ปรุงแต่งขึ้นอย่างพิถีพิถันด้วยแอลกอฮอล์จากมันสำปะหลัง รังสรรค์ร่วมกับกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ ซึ่งรวบรวมพลังความหอมของหมู่มวลดอกไม้เอาไว้ในเครื่องหอมรูปแบบต่างๆ คนรักบ้านหอมๆ สามารถเลือกใช้ได้ตามความชอบ หรือเลือกใช้ให้เหมาะกับบ้าน

5. APAUL เครื่องหอมกลิ่นสมุนไพรสไตล์เย็นสดชื่น เก๋ด้วยแพ็คเกจจิ้งดีไซน์มินิมัลที่เรียบง่ายและแฝงความโมเดิร์นเอาไว้อย่างลงตัว วัสดุภายนอกเป็นไม้ยางพาราจากสวนยางไทย ส่วนวัสดุภายในเป็นอะลูมิเนียมที่ช่วยกักเก็บความชื้น ป้องกันการรั่วซึม และช่วยรักษาอุณหภูมิ ทำให้เก็บความหอมเย็นชื่นใจและความสดใหม่เอาไว้ได้นาน

6. Classy Lights เทียนหอมที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากกลิ่นหอมๆ ของเทียนและดอกไม้ ตอบโจทย์คนรักความหอมละมุนของธรรมชาติอย่างแท้จริง เนื้อเทียนสร้างสรรค์จากวัตถุดิบธรรมชาติ หลอมรวมเข้ากันอย่างลงตัวกับดอกไม้ที่ผ่านกรรมวิธีการทำให้แห้ง ด้วยความที่ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ จึงเป็นมิตรต่อสุขภาพของผู้ใช้และสิ่งแวดล้อม อีกทั้งกลิ่นหอมของดอกไม้ยังช่วยสร้างบรรยากาศผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี

7. CHAVEE.VIBES เครื่องหอมที่จะทำให้คุณรู้สึกฟินด้วยกลิ่นดอกไฮเดรนเยีย ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของแบรนด์ที่นำดอกไฮเดรนเยียมาเป็นหัวใจสำคัญ ผสมผสานกับกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์และกลิ่นที่สร้างความผ่อนคลาย ทุกกลิ่นหอมๆ สร้างสรรค์ขึ้นโดยนำส่วนผสมจากธรรมชาติมาปรุงแต่งตามจินตนาการ เพื่อสร้างบรรยากาศที่ดีและความประทับใจให้กับทุกๆ วันของชีวิต

8. CHAND เทียนหอมคุณภาพพรีเมียม สร้างสรรค์จากวัตถุดิบชั้นดี ไม่ว่าจะเป็นเนื้อเทียน หรือน้ำหอมปรุงแต่งกลิ่นชั้นเลิศที่ใช้สำหรับเทียนหอมโดยเฉพาะ และปรุงแต่งกลิ่นโดยนักสร้างสรรค์กลิ่นแถวหน้าของเมืองไทย จึงทั้งส่งกลิ่นหอมและสร้างบรรยากาศผ่อนคลาย อีกทั้งยังผลิตด้วยมืออย่างประณีตในห้องแล็บที่ลูกค้าสามารถเยี่ยมชมได้ผ่านกระจกใส พร้อมบรรจุอยู่ในแพ็คเกจกิ้งเรียบหรู เหมาะสำหรับการตกแต่งบ้านไปในตัว

9. MN FORMULA เครื่องหอมที่โดดเด่นด้วยดีไซน์ภายนอกแบบร่วมสมัย เรียบง่ายสไตล์มินิมัลด้วยการลดทอนสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป แล้วมุ่งโฟกัสกับกลิ่นหอมๆ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้ โดยเครื่องหอมแต่ละกลิ่นของแบรนด์ปรุงแต่งอย่างมีมิติและความซับซ้อน เพื่อสร้างบรรยากาศที่ดีตามจินตนาการ และทำให้หวนคิดถึงความทรงจำจากกลิ่นที่ประทับใจ

10. CALYX ผลิตภัณฑ์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นสเปรย์เพื่อสุขภาพการนอนที่ดี ช่วยให้หลับสบายด้วยกลิ่นหอมจากสารสกัดสมุนไพรธรรมชาติ สเปรย์แอลกอฮอล์อเนกประสงค์ กลิ่นหอมสะอาด ช่วยให้คุณเต็มที่กับกิจวัตรประจำวันต่างๆ อย่างปลอดภัย หรือสเปรย์เพิ่มความสดชื่นที่ใช้สารสกัดจากพืชธรรมชาติเป็นส่วนผสม ซึ่งทุกผลิตภัณฑ์คิดค้นโดยเภสัชกรจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เน้นการใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ เพื่อให้ผลิตภัณฑ์มีประสิทธิภาพ มีความปลอดภัยสูง รวมถึงมีกลิ่นและเนื้อสัมผัสที่ดี

ทั้งหมดนี้คือ Home Spa สุดเริ่ดที่ แพรว คัดสรรมาแล้วว่าหอมฟินโดนใจคนรักบ้านอย่างแน่นอน สามารถตามไปช้อปกันได้เลยที่ ไอคอนคราฟต์ (ICONCRAFT) พื้นที่แห่งงานฝีมือสุดสร้างสรรค์ของคนไทย  ชั้น 4 – 5 ไอคอนสยาม และชั้น 3 สยามดิสคัฟเวอรี่

ซึ่งหากใครเป็นสมาชิก VIZ ก็รับสิทธิพิเศษสุดปัง! ไปเลย เมื่อซื้อสินค้าครบตามเงื่อนไข แลกรับส่วนลดท้ายใบเสร็จ มูลค่าสูงสุด 600 บาท หรือเมื่อซื้อสินค้า 1 ชิ้น ลดทันที 10% และเมื่อซื้อ 2 ชิ้น หรือ 2 ชิ้นขึ้นไป ลดทันที 20% ตั้งแต่วันนี้ – 31 ตุลาคม 2565 ตามไปช้อปไอเท็มแต่งแต้มความหอมมาสร้างบรรยากาศให้บ้านน่าอยู่ยิ่งขึ้นกันเลยค่ะ

cover

ใส่ความโมเดิร์น คงความเป็นไทย ‘เบลล่า ราณี’ สวยสง่าในชุดไทยร่วมสมัย

Alternative Textaccount_circle
cover
cover

อิ่มบุญกันถ้วนหน้าทั้งนักแสดงสาวสวยหน้าหวาน ’เบลล่า-ราณี แคมเปญ’ และเหล่าบรรดาผู้ร่วมบุญทั้งหลาย ที่ครั้งนี้เบลล่าได้เป็นประธานทอดกฐินสามัคคี วัดพระยาสุเรนทร์ ปี 2565 โดยมียอดรวมทำบุญทั้งหมดประมาณ 1.7 ล้านบาท หลังจากจบงานเธอก็ได้ออกมาโพสต์รูปภาพบรรยากาศงาน พร้อมคำบรรยาย ’ขออนุโมทนากับผู้ร่วมบุญทุก ๆ ท่าน ให้มีแต่ความสุขสวัสดี สมบูรณ์พูนสุข ปรารถนาสิ่งใดจงพลันสำเร็จ’ ถือเป็นผู้หญิงอีกหนึ่งคนที่งดงามทั้งรูปลักษณ์ และจิตใจจริง ๆ

1
2

ซึ่งความงดงามของเธอยังถูกทวีคูณจากชุดไทยดีไซน์ไม่คุ้นตา ถึงแม้เราจะเคยเห็นเธอใส่ชุดไทยมาไม่น้อย ทั้งในละครหรืองานอีเว้นท์ต่าง ๆ แต่ชุดที่ถูกออกแบบโดย Blueeye.Studio ในครั้งนี้ ให้ความรู้สึกที่แปลกตาออกไป เพราะเป็นการนำผ้าไทยมาตัดเย็บโดยใส่ความโมเดิร์นลงไปให้ชุดนี้มีความร่วมสมัยมากขึ้น ปรับดีไซน์แขนเสื้อ ตัดผ้าให้แยกออกจากกันแล้วนำมาผูกตรงช่วงบริเวณข้อศอก ทำให้ดีเทลนี้กลายเป็นจุดเด่นของชุดไปโดยปริยาย

การปรับเปลี่ยนดีไซน์ของชุดไทยเหมือนเป็นการปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยที่กำลังดำเนินไป ถือเป็นอีกหนึ่งการอนุรักษ์ที่จะทำให้ชุดไทยอยู่คู่กับเราไปอีกนานแสนนาน

3
4
7

รูปภาพ : Instagram @bellacampen

เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ

แซ่บไม่แผ่ว! ‘เจนี่’ กับลุคใหม่ผมสีแดงร้อนแรงทะลุร้อยองศา

Alternative Textaccount_circle
เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ
เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ

นับวันคุณแม่คนสวย “เจนี่ อัลภาชน์ ณ ป้อมเพชร หรือ “เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ” ยิ่งเปรี้ยวแซ่บไม่แผ่ว และยังคงหน้าเด็กอยู่เสมอ ล่าสุดกับลุคใหม่แสนแซ่บผมสีแดงร้อนแรงแบบลิตเติ้ลเมอเมดเลยทีเดียว แม้ว่าจะทำทรงผมแกละหรือเปียดูแบ๊ว แต่ด้วยผมสีแดงสายแฟ กลับทำให้ลุคดูสวยเฉี่ยว อินเตอร์ เด่นสะดุดตาไม่น้อย

และอย่างที่บอกว่าสาวเจนี่ยังคงดูเด็กแม้ว่าจะอายุเข้าเลขสี่แล้วก็ตาม เพราะเธอมีเคล็ดลับ (คลิก> ทริคคีพความ อ่อนเยาว์ ของ “เจนี่ อัลภาชน์” อายุเกือบแตะเลข 4 แต่ยังดูเด็กไม่สร่าง) ที่เล่าหมดว่าแต่ละวัน สาวเจนี่ดูแลตัวเองอย่างไรหน้าถึงดูอ่อนเยาว์ พร้อมทริคการดูแลรูปร่าง ซึ่งสาวเจนี่ก็ตอบหมดให้หายคลายสงสัย

แซ่บไม่แผ่ว! พาส่องลุคใหม่ ‘เจนี่’ ผมสีแดงร้อนแรงทะลุร้อยองศา

ทริคคีพความ อ่อนเยาว์ ของ “เจนี่ อัลภาชน์” อายุเกือบแตะเลข 4 แต่ยังดูเด็กไม่สร่าง

ทริคคีพความ อ่อนเยาว์ ของ “เจนี่ อัลภาชน์” อายุเกือบแตะเลข 4 แต่ยังดูเด็กไม่สร่าง

ทริคคีพความ อ่อนเยาว์ ของ “เจนี่ อัลภาชน์” อายุเกือบแตะเลข 4 แต่ยังดูเด็กไม่สร่าง


ภาพ : janienineeleven

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

เสพงานศิลป์ผ่านโลกแฟชั่น กับนิทรรศการ “Forever Valentino” ที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติกาตาร์

account_circle

เนื่องในโอกาสงานขับเคลื่อนทางวัฒนธรรมแห่งชาติประจำปีหรือ Qatar Creates พิพิธภัณฑ์แห่งชาติกาตาร์ Qatar Museums และ Maison Valentino จะจัดแสดงนิทรรศการครั้งสำคัญในชื่อ “Forever Valentino” เพื่อแสดงความเคารพต่อผู้ก่อตั้งแบรนด์อย่าง Valentino Garavani และเปิดเผยมรดกแห่งความเป็นเลิศทางโอต์กูตูร์ ณ ศูนย์ศิลปะนวัตกรรมและเทคโนโลยี M7 ที่ตั้งอยู่ในเอ็มชีเร็บ ดาวน์ทาวน์ เมืองโดฮา

โดยจะเปิดให้เข้าชมตั้งแต่วันที่ 28 ตุลาคม 2022 จนถึงวันที่ 1 เมษายน 2023 ร่วมตื่นตาตื่นใจกับการสำรวจสัญลักษณ์แห่งโอต์กูตูร์ของเมซงและการเดินทางผ่านกรุงโรมสถานที่ที่เป็นดั่งบ้าน จุดเริ่มต้นและตัวตนของ Valentino

เสพงานศิลป์ผ่านโลกแฟชั่น กับนิทรรศการ “Forever Valentino” ที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติกาตาร์

“Forever Valentino” นับเป็นนิทรรศการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ Valentino เคยจัดมาและยังเป็นนิทรรศการครั้งแรกที่จัดในตะวันออกกลาง งานนิทรรศการนี้ถือเป็นการนำเสนอประวัติศาสตร์ของเมซงและเมืองอันเป็นจุดเริ่มต้นนับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นในปี 1959 ด้วยมุมมองรอบด้านเช่นเดียวกับนิทรรศการวันครบรอบ 90 ปีของ Valentino Garavani และการเปิดตัวคอลเล็กชันโอต์กูตูร์ประจำฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวปี 2022 ที่ผ่านมา ณ ใจกลางกรุงโรม เมืองอันเป็นนิรันดร์

“Forever Valentino” ถูกออกแบบให้มีลักษณะราวกับกรุงโรม โดยจะนำผู้เข้าชมเดินทางผ่านอาคาร จัตุรัสและลานขนาดใหญ่ในกรุงโรมสู่พื้นที่อันเต็มเปี่ยมไปด้วยเรื่องราวและประวัติศาสตร์ของเมซง อย่างอเตลิเยร์และห้องลองชุดในสำนักงานใหญ่ของเมซงที่จัตุรัส Piazza Mignanelli

นิทรรศการนี้แสดงให้เห็นถึงสภาพแวดล้อมของเมืองที่เต็มไปด้วยตำนานการสร้างสรรค์ของ Valentino รวมถึงแรงบันดาลใจเบื้องหลังผลงานอันตระการตาของ Valentino Garavani และ Pierpaolo Piccioli

ผ่านการเปรียบเทียบกันระหว่างความแตกต่างของบรรยากาศและเรื่องเล่า นิทรรศการในครั้งนี้ได้รวบรวมอารมณ์ความรู้สึกและเรื่องราวต่างๆ ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากศิลปะแบบคาปริชโชแห่งศตวรรษที่ 18 ที่ผสมผสานมุมมองที่แตกต่างกันของเมืองและสถาปัตยกรรมโดยจินตนาการใหม่ให้เป็นสถานที่อันน่าค้นหา

โดยเหล่าอัจฉริยะของบาโรกอย่าง Giovanni Antonio Canaletto และ Giovanni Battista Piranesi เชื่อว่าศิลปะแบบคาปริชโชได้เปลี่ยนทิวทัศน์อันน่าอัศจรรย์ของอิตาลีสู่ภาพฝันอันน่าหลงใหลที่สร้างสัญลักษณ์และตำนานมากมายให้มีอิทธิพลทั่วประเทศอิตาลีและประเทศต่างๆ ทั่วโลกรวมถึงในโลกของแฟชั่นเองที่เต็มไปด้วย คาปริชโช หรือความไม่แน่นอนทั้งในเรื่องของจินตนาการ แรงบันดาลใจ วัสดุ ศิลปะ ดนตรีและวัฒนธรรมที่แปรเปลี่ยนพัฒนามาเป็นเสื้อผ้า

เสื้อผ้าทั้งแบบโอต์กูตูร์และ pret-à-porter กว่า 200 ชุดจะถูกจัดแสดงบนหุ่นที่ออกแบบโดย La Rosa พร้อมด้วยเครื่องประดับทั้งหมดในบรรยากาศอันชวนหลงใหล “Forever – Valentino” ถูกถักทอด้วยลวดลายอันวิจิตรและภาพวาดอันงดงามของกรุงโรมที่ถูกจารึกไว้ซึ่งในความทรงจำ เมืองแห่งจุดเริ่มต้นอันล้ำค่ำกว่าหกทศวรรษของเมซง

พบกับชุดที่ถูกออกแบบให้เหล่าศิลปินอย่าง Elizabeth Taylor, Jacqueline Kennedy  และ Zendaya พร้อมด้วยผลงานอันน่าทึ่งอีกมากมายที่เรียกได้ว่าเป็นตำนานของ Valentino นิทรรศการนี้ยังได้รวบรวมผลงานคอลเล็กชันส่วนตัวของชีคเคาะห์ โมซา บินท์ นัสเซอร์แห่งกาตาร์ ซึ่งเป็นลูกค้าประจำของ Valentino อีกด้วย

สัญลักษณ์ของ Valentino และหลักการของโอต์กูตูร์ได้แต่งเติมทุกพื้นที่ของการสร้างกรุงโรมในจินตนาการครั้งใหม่นี้ ผลงานการออกแบบเสื้อผ้าตลอดช่วงอายุของ Maison Valentino นั้นทั้งสะท้อนและขัดแย้งกับสภาพแวดล้อม เสื้อผ้าเหล่านี้ทั้งน่าดึงดูดและโดดเด่นไปพร้อมๆ กันเช่นเดียวกันกับกรุงโรม แทนที่จะจัดแสดงภายในกำแพงของพิพิธภัณฑ์ Valentino กลับเลือกที่จะสร้างสรรค์เรื่องราวของตนเองขึ้นมาใหม่และทำให้เกิดบริบทของตนเอง

โดยการนำร่องรอยของสถานที่อันเป็นจุดเริ่มต้นของจินตนาการร่วมเดินทางไปกับผลงานของเมซง ทำให้ผลงานเหล่านี้ถูกเสื้อผ้าทั้งแบบโอต์กูตูร์และ pret-à-porter กว่า 200 ชุดจะถูกจัดแสดงบนหุ่นที่ออกแบบโดย La Rosa พร้อมด้วยเครื่องประดับทั้งหมดในบรรยากาศอันชวนหลงใหล “Forever – Valentino” ถูกถักทอด้วยลวดลายอันวิจิตรและภาพวาดอันงดงามของกรุงโรมที่ถูกจารึกไว้ซึ่งในความทรงจำ เมืองแห่งจุดเริ่มต้นอันล้ำค่ำกว่าหกทศวรรษของเมซง

พบกับชุดที่ถูกออกแบบให้เหล่าศิลปินค้นพบภายในสถานที่ที่อันเป็นบ้านเกิดที่คุ้นเคย ชิ้นงานที่ถูกคัดสรรโดยสัญชาตญาณ อารมณ์ และความรู้สึกที่เพลิดเพลินไปกับสีสัน ความสง่างามของสถาปัตยกรรมแบบโรมาเนสก์ ความรักที่ถูกถักทออยู่ในทุกๆ รอยเย็บ แว่วเสียงสะท้อนที่เป็นเป็น raison d’etre (จุดเริ่มต้น) ของโอต์กูตูร์ เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์แห่งแฟชั่น เป็นวัฒนธรรมและเป็นส่วนหนึ่งของกรุงโรม และการสร้างสรรค์ของ Valentino นั้นได้หยั่งรากและปรากฏอยู่บนมรดกที่สืบผ่านต่อกันมาของเมซงและสถานที่อันเป็นจุดเริ่มต้น

มีเพียงไม่กี่แบรนด์ที่ได้สร้างความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับสถานที่บ้านเกิดอย่างที่ Valentino สร้างขึ้นร่วมกับกรุงโรม การปลูกฝังความรักที่ไม่มีวันสิ้นสุดกับเมืองอันเป็นนิรันดร์ที่ซึ่ง Valentino Garavani ได้ก่อตั้งเมซงขึ้นในปี 1959 และเปิดสำนักงานใหญ่ในใจกลางเมืองอันเป็นประวัติศาสตร์บน Dolce vita ในขณะที่ Pierpaolo Piccioli ผู้สืบทอดตำแหน่งต่อจาก Valentino Garavani ได้ลดบทบาทของกรุงโรมในฐานะเมืองแห่งสัญลักษณ์ของความมั่งคั่ง หากแต่นำเสนอด้วยความมีชีวิตชีวาและความหลากหลายทางวัฒนธรรมซึ่งหล่อหลอมความคิดและเสียงที่แตกต่างของชุมชนโดยแปรเปลี่ยนเป็นโครงสร้างอันซับซ้อนในมุมมองที่กว้างใหญ่ขึ้นและความผูกพันธ์ที่แน่นแฟ้นของผู้คน 

““Forever Valentino” จะนำเสนองานป๊อปอัพที่มีบรรยากาศเสมือนอยู่ในเมืองแห่งความฝันอย่างกรุงโรม ชวนให้น่าหลงไหลและน่าสนใจมากขึ้นเมื่อถูกจัดแสดงที่เมืองโดฮา เมืองที่อดีตและอนาคตมาบรรจบกันอย่างรวดเร็ว


“Forever Valentino” จะถูกดูแลและจัดการโดย Massimiliano Gioni ผู้กำกับศิลป์ของ พิพิธภัณฑ์ New Museum New York รวมถึงผู้เชี่ยวชาญและนักวิจารณ์ด้านแฟชั่นอย่าง Alexander Fury ซึ่งทั้งคู่จะทำงานใกล้ชิดกับผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ของ Valentino อย่าง Pierpaolo Piccioli


ณิชา ณัฏฐณิชา

สัมภาษณ์เอ็กซ์คลูซีฟ! ซูมหัวใจ “ณิชา-ณัฏฐณิชา” เต็มที่ในการเป็นหน่วยซัพพอร์ตให้คนรัก

Alternative Textaccount_circle
ณิชา ณัฏฐณิชา
ณิชา ณัฏฐณิชา

นอกจากผลงานต่างๆ ในวงการบันเทิงจะได้รับการจับตามองแล้ว ช่วงนี้นางเอกสาว “ณิชา – ณัฏฐณิชา” ยังถูกโฟกัสไปที่เรื่องหัวใจเป็นพิเศษ โดยเฉพาะการเป็นกำลังใจสำคัญให้กับหวานใจ “โตโน่ – ภาคิน” ในการทำภารกิจว่ายน้ำข้ามแม่น้ำโขง เพื่อระดมทุนจัดหาเครื่องมือทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาลไทยและลาว ซึ่งสาวณิชาได้เล่าถึงชีวิตรักกับหนุ่มโตโน่ว่าเธอเต็มที่ในการเป็นหน่วยซัพพอร์ตให้คนรักแบบทุ่มสุดตัว

สัมภาษณ์เอ็กซ์คลูซีฟ! ซูมหัวใจ “ณิชา-ณัฏฐณิชา” เต็มที่ในการเป็นหน่วยซัพพอร์ตให้คนรัก “โตโน่-ภาคิน”

ณิชาเคยเล่าว่าตัวเองมีความคลั่งรัก จึงอยากลองเล่นบทแบบนี้ จริงไหม

(ยิ้ม) “จริงๆ ที่อยากเล่นคือไม่เชิงบทคลั่งรักค่ะ แต่อยากเล่นบทที่เกี่ยวกับความรักของมนุษย์หลายๆ แบบ เพราะมีมุมมองว่าความรักของคนมีหลากหลาย ไม่ว่าจะแบบผู้ชายผู้หญิง ผู้หญิงผู้หญิง หรือรักแบบชายชาย หรือรักแบบน้อง รักแบบพี่

“จึงอยากให้มีการหยิบคำว่ารักมาขยายให้เป็นบทบาทการแสดง อย่างตัวณิชาเอง เวลารักใครจะอยากให้คนนั้นได้แต่สิ่งที่ดี และพร้อมที่จะซัพพอร์ตเขาไม่ว่าอย่างไรก็ตาม แต่ความรักในโลกก็มีการแสดงออกอีกหลายแบบ จึงอยากนำมุมนี้มาขยายใหญ่ เพื่อถ่ายทอดว่าเวลาเรารักใครสักคนเป็นยังไง”

ที่บอกว่าเป็นหน่วยซัพพอร์ตนี่ขนาดไหนคะ

“ณิชาเป็นแบบนี้มาตลอด เวลารู้สึกดีกับใคร ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นน้อง หรือเป็นอะไรก็ตาม ก็พร้อมที่จะอุ้มชูค่ะ (หัวเราะ) ใช้คำนี้ได้เลยนะ สมมติเราเชียร์คนนี้มาก ซึ่งเราอาจจะไม่ได้เป็นเพื่อนกับเขา แต่เราก็อยากจะสรรเสริญผลงานของเขา ยิ่งเวลาเรารักใคร จะชอบซัพพอร์ต ชอบเทคแคร์มากๆ ค่ะ”

ณิชา ณัฏฐณิชา

รวมถึงพี่โน่ (โตโน่ – ภาคิน) ด้วยใช่ไหม

“ความที่พี่โน่มีโปรเจ็กต์เยอะ ก็ยิ่งทำให้ณิชาเห็นตัวเองชัดขึ้นด้วยค่ะว่า จริงๆ ฉันชอบซัพพอร์ตมากเลยนะ (หัวเราะ) เมื่อก่อนเราอาจจะพูดไม่ได้เต็มปากขนาดนี้ว่าฉันชอบซัพพอร์ตคนที่ฉันรัก แต่ช่วงที่ผ่านมาทำให้เห็นเลยว่า No Matter What ฉันพร้อมมากๆ ที่จะอยู่ตรงนั้นเพื่อคุณ” (ยิ้ม)

แล้วคนที่จะอยู่กับณิชาได้ ต้องเป็นเหมือนกันด้วยไหมคะ

“ไม่ต้องค่ะ (ตอบทันที) ให้มันพอดีดีกว่าค่ะ (หัวเราะ) คือถ้าซัพพอร์ตกันทั้งคู่อาจจะดีก็ได้ แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่เราเรียกร้อง แต่พี่โน่ก็เป็นคนซัพพอร์ตเหมือนกัน คือไม่ว่าเราจะคิด จะตัดสินใจ จะทำอะไร เขาพร้อมซัพพอร์ตเหมือนกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีค่ะ (ยิ้ม)

“เรื่องนี้เป็นธรรมชาติของเราทั้งคู่ที่เป็นแบบนี้ แต่ถ้าถามว่าสเป็คต้องเป็นคนที่ซัพพอร์ตแบบโอเวอร์ไหม ไม่จำเป็นเลยค่ะ เราแค่ชอบซัพพอร์ต แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะต้องทรีตเราแบบที่เราเป็น”

ครั้งไหนที่รู้สึกว่าทุ่มสุดตัว

“ไม่รู้ว่าทุ่มสุดตัวคือแบบไหน…แต่ก็น่าจะพี่โน่นี่แหละค่ะ ที่ทำให้ได้ซัพพอร์ตเต็มที่มากๆ เพราะอย่างที่ทุกคนเห็นว่าโปรเจ็กต์เขามีทั้งว่ายน้ำ เก็บขยะ อย่างตอนที่เขาตัดสินใจว่ายน้ำข้ามทะเล ยอมรับว่าณิชากังวลมากๆ ซึ่งครั้งนั้นเป็นความรู้สึกที่มากกว่าการซัพพอร์ตเขาทุกครั้ง

“เพราะเราต้องก้าวข้ามความกังวลของตัวเองเพื่อซัพพอร์ตเขา จริงๆ ใจแรกเราไม่อยากให้เขาทำด้วยซ้ำ รู้สึกว่าทำไมต้องเอาตัวเองไปแลกขนาดนี้ แต่ไม่ว่าเขาจะทำอะไร เราก็พร้อมจะซัพพอร์ต จึงไม่ได้ห้ามให้เขาทำ เพียงแต่เราต้องก้าวข้ามใจตัวเองให้ได้ก่อน ต้องก้าวข้ามความกังวล ความเป็นห่วงใดๆ ออกไป

“เพราะณิชาไม่ชอบขวางกั้นความตั้งใจของคนที่เราซัพพอร์ตอยู่ แม้จะเป็นสิ่งที่เราอาจจะค่อนข้างหนักใจ และเรารู้ว่าเขาทำเพื่อสังคม ทำสิ่งที่ดีให้ธรรมชาติ ให้โลกใบนี้ จึงต้องข้ามความรู้สึกตัวเองไป เพื่อส่งพลังบวกและแรงซัพพอร์ตให้เขา เพราะเขากำลังเจอสิ่งที่หนักกว่า ฉะนั้นการก้าวข้ามตัวเองครั้งนั้นน่าจะถือว่ายากที่สุดค่ะ”

ณิชา ณัฏฐณิชา

ณิชามีเรื่องที่ห้ามพี่โน่ทำบ้างไหม

“อืม…ไม่มีนะคะ ถ้าเป็นเรื่องที่เขาทำแล้วดีกับคนอื่นหรือส่วนรวม ไม่ห้ามเลยค่ะ ซึ่งหนูคิดว่าการว่ายน้ำครั้งนั้นหนักสุดแล้ว ถ้าจะมีหนักกว่าอีก ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะทำอะไร”

แล้วคู่ของเรามีกฎในความสัมพันธ์ไหมคะ

“หนูกับพี่โน่ไม่ค่อยมีตั้งกฎอะไรค่ะ แต่เราจะเรียนรู้กันมากกว่าว่าอีกคนเป็นอย่างไร แล้วเราจะอยู่แบบไหน หนูคิดว่าไม่มีกฎไหนที่ใช้ได้กับทุกคู่ แต่โอเคว่าการที่มีกฎสำหรับบางคู่ก็อาจจะดี แต่สำหรับคู่เราคือการอิมโพรไวส์ค่ะ

“วันนี้เกิดอะไรขึ้น เราจะจัดการกับมันยังไง ถ้าเจอเรื่องแบบนี้ เราจะจัดการแบบไหน เพราะทุกคนเปลี่ยนแปลงไปในทุกวัน ไม่มีอะไรฟิกซ์ตายตัวว่าวันนี้เขาเป็นแบบนี้ เราเป็นแบบนี้ และจะเป็นแบบนี้ตลอดไป ทุกคนเปลี่ยนได้ทุกวัน ฉะนั้นอิมโพรไวส์ดีกว่าค่ะ”

พี่โน่ดุไหม

“เขาไม่ได้เป็นคนดุเสียงดัง แต่เด็ดขาด อย่างเรื่องกินเคยเป็นปัญหา เพราะณิชาชอบสั่งมาเยอะแล้วกินไม่หมด ซึ่งเขารู้สึกว่าไม่ควร พอช่วงหลังจึงรู้สึกกลัวไปโดยปริยายว่าเดี๋ยวโดนดุ ต้องสั่งน้อยลง” (หัวเราะ)

เวลาที่ณิชาโพสต์รูปใส่ชุดว่ายน้ำลงไอจี เขาหวงไหมคะ

“ไม่นะคะ อย่างที่บอกว่าเราพร้อมซัพพอร์ตกันมากๆ ให้เราได้เป็นตัวเราอย่างเต็มที่ นี่คือสิ่งหนึ่งที่หนูกับพี่โน่คุยกันตลอด คือทำทุกอย่างในพาร์ตของตัวเองให้เต็มที่ที่สุด ในตอนที่เรายังมีแรงทำได้

“ซึ่งพี่โน่เข้าใจ เวลาหนูแต่งตัวหรือถ่ายแฟชั่นอาจจะมีลุคที่เซ็กซี่บ้าง แต่ก็เป็นศิลปะนะคะ และพี่โน่ก็รู้ว่าหนูมีลิมิตของตัวเองอยู่ ก็เลยไม่ได้เป็นเรื่องที่ต้องดุหรือห้ามกันค่ะ”

ณิชา ณัฏฐณิชา

ถ้าต้องเลือก 1 คำที่สื่อถึงคำว่ารัก คิดว่าเป็นคำว่าอะไรคะ

“ ‘ให้’ ค่ะ เป็นคำแรกที่ขึ้นมาเลย เพราะคำว่าให้นิยามได้หลายแบบ ซึ่งเห็นตัวอย่างมาจากครอบครัวของตัวเองด้วย อย่างคุณตาคุณยาย ถ้าเป็นเรื่องของหลานก็พร้อมที่จะให้ทุกอย่างเลย แม้จะเป็นสิ่งที่ต้องก้าวข้ามผ่านความรู้สึกอะไรก็ตาม แต่เขาพร้อมจะให้ทุกอย่างจริงๆ

“รวมถึงคุณพ่อคุณแม่ด้วย ที่ทำให้ณิชารู้สึกว่าความรักคือการให้ การให้คนคนหนึ่งได้เป็นตัวเองอย่างเต็มที่ ได้ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่และมีความสุข คือการที่ให้เขาได้เป็นเขาค่ะ ท่านไม่เคยห้ามหรือกำหนดกฎเกณฑ์เลยว่าชีวิตณิชาต้องเป็นแบบไหน ทุกคนให้อิสระ ให้เราเป็นตัวเอง จนรู้สึกว่าความรักแบบนี้ดีมากๆ เพราะสุดท้ายแล้วเราจะรักกันในแบบที่เราเป็นเราจริงๆ” (ยิ้ม)

สุดท้ายค่ะ สมมติว่าต้องติดเกาะ 10 วัน แล้วเลือกคนไปอยู่ด้วยได้ 1 คน จะเลือกใครคะ

“พี่โน่แน่นอนค่ะ (ตอบทันที) เพราะเขาแข็งแรง คล่องแคล่ว บู๊เก่ง และเขาเคยว่ายน้ำข้ามทะเลมาแล้วนะคะ เขาต้องต่อสู้กับอะไรหลายอย่างได้แน่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการหาของกิน การปีนป่าย บู๊ล้างผลาญ หรือไม่ว่าจะเจอกับสัตว์ประหลาดใดๆ หนูเชื่อมั่นมากว่าเขาจะช่วยให้หนูรอดชีวิตได้แน่นอน” (ยิ้ม) 


อ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็มได้ที่ นิตยสารแพรว ฉบับ 985

ภาพเพิ่มเติม : @nychaa, @mootono29

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

5

สวยสะดุดตา ‘ใหม่ ดาวิกา’ เครื่องประดับแสนเลอค่า High Jewelry จาก GUCCI

Alternative Textaccount_circle
5
5

สวยสะดุดตาอีกครั้งกับ ใหม่-ดาวิกา โฮร์เน่ กับลุค Dinner มื้อสำคัญของ GUCCI ในฐานะ Friend of the House ที่เธอปรากฏตัวในเดรสยาวทรงหางปลาสุดอลังการจากผ้าไหมสีดำที่ให้ความรู้สึกหรูหรา และเซ็กซี่ด้วยดีไซน์เข้ารูป เว้าช่วงอก ก่อนเพิ่มดีเทลความละเมียดละไมด้วยลูกไม้สีดำบริเวณไหล่

ซึ่งงานนี้ต้องยกความดีความชอบอีกอย่างให้กับ Makeup Artist และ Hair Stylist ที่ช่วยกันครีเอทหน้าผมเพื่อเสริมลุคนี้เข้าไปอีกกับ เมคอัพโทนแดง-น้ำตาล ที่เข้ากันกับสีดำของเดรสได้เป็นอย่างดี และสีแดงของลิปสติกก็ช่วยขับผิวออกมาให้ยิ่งดูมีออร่า รวมถึงผมที่ถูกเกล้าสูงไว้ยังช่วยให้เห็นความงดงามของเครื่องประดับที่เป็นเหมือนนางเอกสำคัญของงานนี้ได้อย่างชัดเจนอีกด้วย

1

อย่างที่ได้บอกไปว่าเครื่องประดับทั้งต่างหู สร้อยคอ และสร้อยข้อมือที่ใหม่ ดาวิกา สวมใส่ในงานนี้เป็นเหมือนของชิ้นสำคัญในงาน เราเลยอยากพาทุกคนมาเจาะลึกเครื่องประดับทั้งสองนี้ไปพร้อม ๆ กัน

เครื่องประดับที่เธอสวมใส่นั้นมาจาก Hortus Deliciarum, The new Gucci High Jewelry Collection ถูกออกแบบโดยผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ Alessandro Michele ที่รวมเอาความหลงใหลและความคลั่งไคล้ของ Grand Tour ในจินตานาการเข้าด้วยกัน และใช้หินอัญมณีที่มีพลังแห่งเรื่องราวต่าง ๆ มาพัฒนาต่อจนเกิดเป็นผลงานสุดเลอค่าในคอลเล็คชั่นนี้

2

สำหรับทั้งสามชิ้นที่ใหม่ ดาวิกา สวมใส่อยู่ คือ เซ็ตเครื่องประดับ Roma (Waterfall) ซึ่งโดดเด่นด้วยมรกตที่ถูกเจียระไนให้เป็นทรงสี่เหลี่ยมที่เรียกว่า ‘Cushion Cut’ หรือ ‘ทรงหมอน’ ในภาษาไทย รวมถึงดีไซน์ระย้าของทั้งสร้อยคอ ต่างหู สร้อยข้อมือที่เคลื่อนไหวให้ความรู้สึกเหมือนน้ำตกที่ปลิวไปตามสายลม และนี่อาจจะเป็นเหตุผลว่าทำไมเครื่องประดับเซ็ตนี้ถึงมีชื่อว่า ‘Roma (Waterfall)’

3
4

รูปภาพ : Instagram @davikah

The Evolving World of Jim Thompson Textiles Exhibition Cover

The Evolving World of Jim Thompson Textiles Exhibition ร่วมสัมผัสการเดินทางของผืนผ้ากับบุคคลที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของแบรนด์ผ้าไหมไทยอันเลื่องชื่อ ในนิทรรศการสุดพิเศษที่ Jim Thompson Heritage Quarter

The Evolving World of Jim Thompson Textiles Exhibition Cover
The Evolving World of Jim Thompson Textiles Exhibition Cover

ขึ้นชื่อว่า “Jim Thompson” ไม่เพียงรู้จักกันดีในวงการนักออกแบบและแฟชั่นดีไซน์เท่านั้น แม้แต่คนทั่วไปก็ยังคุ้นเคยกับชื่อแบรนด์ผ้าไหมไทยอันเลื่องชื่อนี้ ที่ก่อตั้งโดยนายจิม ทอมป์สัน “ราชาผ้าไหมไทย”

ผ่านกาลเวลามานานกว่า 6 ทศวรรษหลังจากการหายตัวไปของคุณจิม ทอมป์สัน แบรนด์ Jim Thompson ได้มีการพัฒนาทั้งผลิตภัณฑ์และรูปแบบการดำเนินธุรกิจมาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้สอดรับกับยุคสมัยเช่นเดียวกับแบรนด์ระดับโลกอื่น ๆ ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ สุดยอดแบรนด์ระดับไอคอนิกของไทยได้เปิดตัวโครงการแลนด์มาร์กแห่งใหม่อย่างยิ่งใหญ่ “JIM THOMPSON HERITAGE AND CREATIVE QUARTER” ที่พลิกโฉมภาพลักษณ์เรือนไทยโบราณสู่ไลฟ์สไตล์เดสติเนชันใจกลางกรุง ซึ่งหนึ่งในโซนใหม่ที่น่าสนใจของโครงการนี้ก็คือ Jim Thompson Home Furnishings Exhibition ซึ่งในปัจจุบันกำลังจัดนิทรรศการในธีม “The Evolving World of Jim Thompson Textiles”

The Evolving World of Jim Thompson Textiles มอบประสบการณ์รับชมนิทรรศการรูปแบบใหม่ที่ผสานการใช้เทคโนโลยีอินเตอร์แอ็กทีฟได้อย่างลงตัว พร้อมนำคุณเดินทางไปสัมผัสกับโลกของการสร้างสรรค์สุดไอคอนิกและบุคคลที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ Jim Thompson Home Furnishings เพียงก้าวแรกสู่โซนนิทรรศการ คุณจะถูกดึงเข้าสู่โลกแห่งเส้นไหมหลากสีสันผ่าน กำแพงเส้นด้ายไหมสุดตระการตาเรียงไล่เฉดสีไว้อย่างลงตัว เสมือนเปิดประตูสู่โลกของ Jim Thompson Home Furnishings เพื่อบอกเล่าถึงวิวัฒนาการและ DNA ของแบรนด์ผ่านผืนผ้าที่ให้มาสัมผัสในรูปแบบต่าง ๆ ได้อย่างครบถ้วน

The Evolving World of Jim Thompson Textiles Exhibition ร่วมสัมผัสการเดินทางของผืนผ้ากับบุคคลที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของแบรนด์ผ้าไหมไทยอันเลื่องชื่อ ในนิทรรศการสุดพิเศษที่ Jim Thompson Heritage Quarter

โซนแรกได้จัดแสดงไทม์ไลน์ของผู้ที่ได้มีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์ออกแบบผืนผ้าของ Jim Thompson Home Furnishings ตั้งแต่ปี 1967 ที่คุณจิม ทอมป์สัน ได้หายตัวไป โดยประกอบไปด้วยแจ็ค เลนอร์ ลาร์เซ่น, เจอราล์ด เพียซ, ทินนาถ นิสาลักษณ์, ซูซาน นอร์ธ ที่ได้ถ่ายทอดความเป็น Jim Thompson ในแต่ละยุคสมัยผ่านผ้าอันหลากหลายดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์

ถัดมาเป็นส่วน Interactive Wall จัดแสดงผ้าที่รังสรรค์โดย Guest Designer ชื่อดังระดับโลกที่ได้มาร่วมสร้างความแปลกใหม่และมุมมองที่แตกต่างให้กับแบรนด์ เช่น เกิร์ท วอร์จานส์ ที่มาพร้อมกับผ้าสไตล์ Eclectic, เดวิด ร็อคเวลล์ กับผ้า Collection ‘DREAMS BY DAVID ROCKWELL’ และ โทนี่ ดูเกตต์ ผู้ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นที่สุดของความ more is more โดยท่านผู้ชมสามารถสัมผัสชิ้นผ้าเพื่อแสดงรายละเอียดของผ้าได้

นอกจากนี้ ผู้เข้าชมยังจะได้สัมผัสกับ Product Showcase ในโซน Beyond Silk ที่จัดแสดงสินค้าตั้งแต่ผ้าบุเฟอร์นิเจอร์ ผ้าม่านและผ้าสำหรับตกแต่งหลากดีไซน์ที่ล้วนบ่งบอกถึงอัตลักษณ์สุดไอคอนิกของ Jim Thompson Home Furnishings ได้อย่างโดดเด่น โดยทางผู้เข้าชมจะได้สัมผัสสินค้าตัวอย่างที่ไม่ได้มีแค่ผ้าไหม แต่มีความหลากหลายตั้งแต่ผ้าฝ้าย ผ้าลินิน จนถึงผ้าแจ็คการ์ดที่สามารถนำไปเลือกใช้ได้ตามแต่ความเหมาะสม รวมถึงการจัดแสดงผลงานของเหล่านักออกแบบชั้นนำของโลกที่เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ของ Jim Thompson Home Furnishings ในการตกแต่งเพื่อเพิ่มความแตกต่างให้กับโครงการ นับตั้งแต่อสังหาริมทรัพย์ระดับไฮเอนด์ไปจนถึงโรงแรมระดับห้าดาวหลายแห่งทั่วโลก และปิดท้ายอย่างอลังการด้วย Jim Thompson World Map ให้คุณตื่นตากับคอลลาจแผนที่โลกที่ประดิษฐ์ขึ้นจากผลิตภัณฑ์ผ้าของ Jim Thompson และร่วมภูมิใจไปกับความเป็นแบรนด์ไลฟ์สไตล์ของไทยที่เลื่องลือไปทั่วโลก

โดยล่าสุดทาง Jim Thompson Home Furnishings เองได้ทำการปล่อยคอลเลกชันใหม่ที่ตอกย้ำความเป็นผู้นำของตลาดผ้าไหม ผ้าไหมผสมไนลอนทอมือ high-performance ที่ให้ความคงทนต่อแสงและการขัดถูเพื่อประโยชน์สูงสุดในการใช้งาน พร้อมคุณสมบัติกันเปื้อนกันน้ำด้วยเทคโนโลยี Nano-finishing และกันไฟลามได้เป็นที่แรกกับผ้า ‘Thara’

ผ้า ‘Thara’

นิทรรศการ The Evolving World of Jim Thompson Textiles ตอกย้ำความเป็น The Iconic Global Lifestyle Brand” ของ Jim Thompson ซึ่งนอกจากจะมีสินค้าเสื้อผ้าแฟชั่น ยังนำเสนอกลุ่มผลิตภัณฑ์ Home Furnishings ตอบโจทย์ผู้ที่กำลังมองหาผ้าในการตกแต่งบ้านและเฟอร์นิเจอร์หลากหลายรูปแบบและดีไซน์

ผู้สนใจสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมของกลุ่มผลิตภัณฑ์ Jim Thompson Home Furnishings รวมถึงสินค้าคอลเลกชันใหม่ได้ที่ www.jimthompsonfabrics.com หรือติดต่อ Flagship Store ได้ที่ Line Official @HF_BKK_SHOWROOM

‘วันเสน่ห์แห่งชาติ มากันแบบจุกๆ ทั้งเพศเดียวกันและเพศตรงข้ามเลยทีเดียว’ ดวงรายวัน 20 ตุลาคม 2565

‘วันเสน่ห์แห่งชาติ มากันแบบจุกๆ ทั้งเพศเดียวกันและเพศตรงข้ามเลยทีเดียว’

ดวงรายวัน 20 ตุลาคม 2565

ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์

การงาน  :  หากวันนี้คุณมีความคิดสร้างสรรค์ดี มีความรับผิดชอบดีเยี่ยม และยังมีความคิดฝันและความทะเยอทะยานที่จะประสบความสำเร็จ จึงไม่ยากที่คุณจะมีโอกาสได้เริ่มต้นงานใหม่ หรือโยกย้ายเปลี่ยนแปลงไปสู่หน่วยงานใหม่ แต่อย่างไรก็ตามความเก่งไม่ได้มาคู่กับความเฮง เพราะช่วงนี้ดวงการงานคุณยังไม่ค่อยดี ทำอะไรก็จะติดขัดขลุกขลักตลอดๆ มีโอกาสที่เอกสารทางราชการจะผิดพลาด สามารถเป็นคดีความได้ ดังนั้น จึงควรหาเพื่อนรู้ใจหรือปรึกษาผู้รู้ผู้มีประสบการณ์มาช่วยกันทำงาน

การเงิน  :   มีโชคทั้งทรัพย์สิน และหน้าที่การงาน ได้พบช่องทางใหม่ๆ ด้วยวาสนาและบารมีของตัวเอง แต่วันนี้คุณไม่ควรเป็นนายหน้าให้ใครกู้หนี้ยืมสิน หรือเซ็นค้ำประกันให้ใคร เพราะมีโอกาสที่จะต้องรับผิดชอบหนี้สินแทน

ความรัก  :  จริงๆ แล้วคุณให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกในครอบครัวเป็นที่หนึ่ง โดยเป็นไปได้ว่าคุณจะยึดหลักการและเหตุผลและความเหมาะสมมากกว่าอารมณ์ความรู้สึก ซึ่งวันนี้อาจจบที่อยู่ด้วยกันเพื่อเหตุผลใดเหตุผลหนึ่ง    คนโสด   วันนี้คุณมีความเป็นผู้นำสูงมาก หากมีแฟนก็เป็นไปได้ว่า จะคบกันด้วยเหตุผลใดเหตุผลหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องงาน

สุขภาพ  :  ภูมิแพ้มาแล้วจ้า มีโอกาสที่คุณจะแพ้สารเคมีที่ผสมอยู่ในน้ำยาทำความสะอาดต่างๆ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดอาการคันบริเวณที่ใช้ หากในกรณีรุนแรงจะบวมแดง และอักเสบ

ผู้ที่เกิดวันจันทร์

การงาน  :   สำหรับผู้ที่ทำงานหรือดำเนินธุรกิจสายศิลปะ ศิลปิน ความสวยความงาม ความคิดสร้างสรรค์ หากวันนี้คุณได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับงานการศึกษา เช่น อาจารย์ โค้ชชิ่ง เทรนนิ่ง ติวเตอร์แล้วล่ะก็ มีความเป็นไปได้สูงที่จะประสบความสำเร็จ มีชื่อเสียง นับเป็นโอกาสดีที่ผู้ใหญ่ผู้หญิงจะสนับสนุนผลักดันคุณ จนถึงเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งให้เลยทีเดียว  

การเงิน  :  ร่ำรวยๆ จะได้เงินจากผลงาน เป็นไปได้ว่าจะมีผู้ใหญ่ผู้หญิงอุปถัมภ์ นอกเหนือจากเงินเดือนประจำ

ความรัก  :  ลืมปัญหาทุกอย่างไปก่อน เพราะวันนี้คุณจะมีวาระโอกาสพิเศษที่สมาชิกในบ้านจะได้มาอยู่กันพร้อมหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ใหญ่ในครอบครัว ซึ่งบรรยากาศจะแฮปปี้มีความสุข  คนโสด  วันนี้คุณมีเสน่ห์มากมาย โดยเฉพาะกับผู้สูงวัยยิ่งเป็นต่างชาติด้วยแล้ว นับว่าถูกคน

สุขภาพ  :  มีโอกาสที่คุณจะเจ็บป่วยเพราะรับประทานอาหารเยอะไป หรือมีไขมัน เบาหวาน ความดัน เป็นตัวการให้เกิดโรค ยิ่งหากคุณเพิ่งผ่าตัดหรือผ่าคลอด ควรระวังแผลจะกระทบกระเทือนจนอักเสบ

ผู้ที่เกิดวันอังคาร

การงาน  :  สำหรับพนักงานใหม่ นักธุรกิจมือใหม่ ที่กำลังอยู่ในช่วงทดลองงาน เป็นไปได้ว่าวันนี้จะมีอุปสรรคและปัญหาเข้ามาให้คุณทดลอง ทดสอบ และท้าทายความสามารถของคุณ ซึ่งคุณก็พยายามใช้เทคนิคและแทกติก ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์หลากหลายเพื่อจะรับมือ แต่งานนี้ไม่ง่าย หากคุณสามารถผ่านตรงนี้ไปได้ นับว่ามีโอกาสสูงที่คุณจะผ่านการทดลองงาน ได้รับการบรรจุ หรือโยกย้ายงานอย่างที่ต้องการ  

การเงิน  :  รายได้ควรมาจากหยาดเหงื่อแรงงาน วันนี้ก็นับว่าคุณมีโชคเฮงๆ ปังๆ มีช่องทางการสร้างรายได้ใหม่ๆ แต่ก็ควรดูให้ดีว่าได้มาอย่างโปร่งใสหรือไม่ ไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเงินที่ไม่ถูกต้อง หรือการเสี่ยงโชค เพราะมีโอกาสเสียชื่อเสียงได้ง่ายๆ  

ความรัก  แม้คุณจะให้ความรักความสำคัญกับความสัมพันธ์ของสมาชิกในครอบครัว หรือพยายามแสดงความบริสุทธิ์ใจเพียงไร แต่ก็ยังไม่วายจะถูกเม้าว่า มีความสัมพันธ์อื่น มีกิ๊ก  คนโสด  หากคุณกำลังพยายามทำทุกวิธีเพื่อเรียกร้องให้แฟนหันมาสนใจ จริงๆ แล้วไม่ต้องทำให้เหนื่อยก็ได้ เพราะวันนี้คุณมีเสน่ห์มากมายเรียกว่าเลือกได้เลย   

สุขภาพ  :  มีโอกาสที่คุณจะได้รับบาดเจ็บหรือเจ็บป่วยจากการปฏิบัติงาน โรคที่มีความเสี่ยงสูงมากคือแพ้อาหาร ท้องเสีย ทางที่ดีควรหลีกเลี่ยงอาหารสุกๆ ดิบๆ แซ่บเวอร์ ไม่สะอาดถูกสุขลักษณะ

ผู้ที่เกิดวันพุธ

การงาน  :   สำหรับผู้ที่ทำงานหรือดำเนินธุรกิจสายบริการ เช่น โรงแรม ท่องเที่ยว  ร้านอาหาร เครื่องดื่ม หรือสินค้าบริการสำหรับเด็ก วันนี้ไม่ควรเป็นวัน (วู) แมนโชว์นะคะ ควรทำงานที่รับผิดชอบอย่างเต็มความสามารถ เพราะเป็นไปได้ว่าจะทำให้คุณค้นพบงานหรืออาชีพและตัวตนที่สร้างความสุขที่สุด  

การเงิน  : จริงๆ แล้วคุณประสบความสำเร็จทางการเงิน แต่วันนี้เป็นไปได้ว่ามีจะเสียเงินอย่างรู้เท่าไม่ถึงการณ์ให้กับเด็กๆ ซึ่งอาจเกี่ยวกับเรื่องการทำบุญ ให้ทาน หรือการบริจาคก็ได้

ความรัก  :  หากคุณอยากมีสมาชิกใหม่ในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นลูก หลาน หรือสัตว์เลี้ยงแสนรัก แล้วหากคุณพยายามทำทุกทางเพื่อให้ได้มา วันนี้เป็นไปได้ว่าคุณจะเริ่มปล่อยวางได้บ้างแล้ว คนโสด  หากคุณกำลังคิดที่จะรับอุปการะเด็ก หรือหลาน แม้กระทั่งสัตว์เลี้ยง ทางที่ดีควรปล่อยวางไปก่อน เพราะจะเท่ากับยิ่งเพิ่มภาระให้กับชีวิตมากขึ้นอีก

สุขภาพ  :  ความชรา วัยทองมาเยือนแล้ว เป็นไปได้ว่ากระดูกจะมีปัญหาก่อนเพื่อน ทั้งกระดูกพรุน เสื่อม และบางลง จึงควรรับประทานอาหาร ผัก ผลไม้ และวิตามินเสริมที่บำรุงกระดูก

ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี

การงาน  :   มีโอกาสที่คุณจะได้งานใหม่ หรือเปลี่ยนแปลงโยกย้ายหน่วยงานที่ท้าทายขึ้น หรือเป็นการนำงานเก่าขึ้นมาสะสางใหม่ เป็นไปได้ว่าจะเป็นงานหรือธุรกิจที่ต้องใช้อารมณ์และความรู้สึกในการแสดงออก เช่น งานบันเทิง งานเขียน นักร้อง นักแต่งเพลง ดีไซเนอร์ ฯลฯ ก็มีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จมีผู้ให้การสนับสนุนช่วยเหลืออย่างดี

การเงิน  :   มีโอกาสที่คุณจะได้พบช่องทางการทำงานใหม่ๆ มีโอกาสได้เงินมรดก หรือโชคลาภเฮงๆ ปังๆ แต่ก่อนจะตกลงรับปากสัญญา หรือเซ็นสัญญากับใคร ควรพิจารณาให้ดี เพราะมีความเสี่ยงที่คุณจะเสียเปรียบ

ความรัก  :  จริงๆ แล้วคุณให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์กับสมาชิกในครอบครัวมากมาย โดยที่คุณก็ทำทุกอย่างเพื่อให้ครอบครัวมีความสุข แต่วันนี้จะเป็นเพราะเหตุผลอะไรไม่ทราบ ที่ทำให้คุณลังเลสงสัยจนไม่เป็นตัวของตัวเอง คนโสด  วันนี้คุณมีเสน่ห์ทั้งกับเพศเดียวกันและต่างเพศเลยทีเดียว แล้วหากคุณรักก็รักหมดใจ แต่หากเบื่อแล้วก็หมดใจเหมือนกัน   

สุขภาพ  :  วันนี้เป็นไปได้ว่าภูมิแพ้จะมาแบบจุกๆ เลยทีเดียว ทั้งแพ้ฝุ่นผงในบ้าน และฝุ่น PM 2.5 ที่กลับมาคิดถึงกันใหม่ รวมถึงมีโอกาสที่คุณจะแพ้อาหาร แพ้สารเคมีที่ผสมอยู่ในน้ำยาทำความสะอาด  

ผู้ที่เกิดวันศุกร์

การงาน  :  หากคุณกำลังตกอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ต้องทำงานงอกจากที่เคยตกลงกันไว้ หรือตกเป็นแพะรับบาปต้องรับผิดในสิ่งที่ไม่ได้กระทำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานหรือธุรกิจที่ต้องใช้อารมณ์ความรู้สึกในการทำงาน เช่น งานบันเทิง นักร้อง นักแต่งเพลง ดีไซเนอร์ วันนี้คาดว่าคุณจะหลุดจากวังวนนี้ โดยได้รับโอกาสให้สร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะสร้างชื่อเสียงให้กับคุณด้วย

การเงิน  :  จริงๆ แล้วคุณไม่ต้องทำงานหนักก็มีเงินให้ใช้จ่ายอยู่ตลอด ซึ่งคาดว่าจะได้มรดก หรือโชคลาภเฮงๆ ปังๆ ตลอดๆ ดังนั้น วันนี้งานก็จะได้เป็นกล่องมากกว่าเงิน   

ความรัก :   แม้คู่คุณจะรักและยอมตามใจคุณทุกอย่าง แต่วันนี้คุณก็ยังไม่วายจะไม่แน่ใจ หรือลังเลสงสัยในตัวคู่จนวันนี้มีโอกาสเข้าสู่โหมดซ่อมและสร้างใหม่ทีเดียว คนโสด วันนี้มีคุณมีเสน่ห์ ทั้งกับเพศตรงข้ามและเพศเดียวกันเลยทีเดียว และมีโอกาสที่จะมาแบบเซอร์ไพร์สด้วย

สุขภาพ  :  ออฟฟิศซินโดรมถามหาแล้วจ้า หากคุณนั่งทำงานอยู่ในท่าเดิมนานๆ มีโอกาสที่จะปวดหลัง คอ บ่า ไหล่ และแขน จนล้าไปหมดทั้งตัว ทางที่ดีควรลุกเปลี่ยนอิริยาบถ หรือหาหมอนวดมาคลายเส้นบ้าง

ผู้ที่เกิดวันเสาร์

การงาน :   ช่วงนี้การงานยังไม่ค่อยดี ไม่ว่าจะทำอะไรก็ติดขัดขลุกขลักไปหมด มีความเสี่ยงที่เอกสารทางราชการจะผิดพลาดจนกลายเป็นคดีความ นอกจากนั้นยังมีโอกาสที่จะขัดแย้งกับบุคคลอื่นด้วย ดังนั้น ทางที่ดีวันนี้คุณยังไม่ควรบุกเบิกงานใหม่ ควรทำงานด้วยความหนักแน่น ใจเย็น เพราะการตัดสินใจที่รวดเร็วแบบไม่มีสติ และการมีบริวารที่ไม่ซื่อสัตย์ มีโอกาสที่งานจะผิดพลาดได้อย่างแก้ไขไม่ทัน

การเงิน  :  มีโอกาสที่จะสร้างรายได้ หรือลงทุนด้วยวาสนาและบารมีของตัวเอง แต่ก็ต้องระวังวันนี้ไม่ควรเป็นนายหน้าในการกู้ยืมเงิน รวมถึงเซ็นค้ำประกัน เพราะมีความเสี่ยงที่คุณจะต้องรับผิดชอบได้

ความรัก   :  หากคุณกับคู่อยู่ด้วยกันเพื่อเหตุผลใดเหตุผลหนึ่ง วันนี้แม้ภายนอกจะดูสตรอง เหมือนไม่แคร์ใดๆ แต่เป็นไปได้ว่าในใจคุณจะเต้นเร่าๆ ด้วยความลับที่บอกใครไม่ได้ คนโสด  เช่นกัน แม้ภายนอกคุณจะไม่แคร์กับความถูกต้องของสังคม แต่จริงๆ แล้วในใจคุณกำลังมีความรักความลับคับอกบอกใครไม่ได้

สุขภาพ  :   ควรให้ความสำคัญกับหัวใจ และโรคที่เกี่ยวกับหัวใจเป็นพิเศษ รองลงมาคือสายตา ตระกูลต้อกำลังถามหาแล้ว

KYLIE JENNER ดูแลผิว

เปิดวิธีดูแลผิวกายให้สวยเรียบเนียนฉบับ Kylie Jenner ผิวแห้งแตกลายไม่ได้แอ้มหรอก

Alternative Textaccount_circle
KYLIE JENNER ดูแลผิว
KYLIE JENNER ดูแลผิว

เพราะกลัวปัญหาผิวแตกลายหลังคลอดอย่างหนัก นอกจากจะจองคอร์สเลเซอร์ไว้รัวๆ คุณแม่ยังสาวอย่าง ‘ไคลีย์ เจนเนอร์ (KYLIE JENNER)’ ยังจริงจังกับการดูแลผิวกายด้วยโลชั่นสลับกับผลิตภัณฑ์จากน้ำมันธรรมชาติตั้งแต่เริ่มท้องได้ 4 เดือนจนกระทั่งหลังคลอด

เปิดวิธีดูแลผิวกายให้สวยเรียบเนียนฉบับ Kylie Jenner ผิวแห้งแตกลายไม่ได้แอ้มหรอก

“ฉันหวั่นใจเรื่องผิวแตกลายจริงๆ ค่ะ เพราะท้องใหญ่มาก การทาโลชั่นและออยล์บำรุงผิวไม่ได้เป็นภาระ แต่ถือเป็นช่วงเวลาผ่อนคลายที่ดีทีเดียว ฉันทำด้วยตัวเองสลับกับการเรียกเทอราปิสต์ประจำตัวมาทำให้ที่บ้าน ถือเป็นช่วงที่ได้พักเบรกเพื่อดูแลผิวไปด้วยในตัว

แพทย์ผิวหนังของฉันแนะนำว่าแม้จะรู้สึกคันเพราะผิวขยายตัวก็อย่าเกาเด็ดขาด เพราะเป็นการกระตุ้นให้เซลล์คอลลาเจนใต้ผิวหนังเกิดรอยแตกมากขึ้น จึงอยากแนะนำคุณแม่ตั้งครรภ์ทั้งหลายว่าพยายามอย่าอาบน้ำอุ่นมาก เพราะจะยิ่งเป็นการกระตุ้นให้ผิวแห้งคันไปกันใหญ่ค่ะ”


ข้อมูล : นิตยสารแพรว ฉบับ 985
ภาพ : kyliejenner

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

cover

เปลี่ยนทุกที่ให้เป็นรันเวย์! ส่อง 3 แฟชั่นไอคอนกับสไตล์ที่เป็นตัวเอง

Alternative Textaccount_circle
cover
cover

เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงมีไอดอลในการแต่งตัวเป็นของตัวเอง โดยอาจเลือกจากคนที่มีสไตล์ตรงกับเรา หรืออาจจะเป็นอีกสไตล์ที่แตกต่างออกไป สิ่งเหล่านี้เหมือนเป็นความสนุกของการแต่งตัว ให้เราได้หยิบไอเดียจากคนนี้มาผสมกับอีกคนหนึ่ง จนกลายเป็นสไตล์ที่ลงตัวในแบบของเราเอง เราเลยมีแฟชั่นไอคอน 3 คน ที่มีอิทธิพลต่อวงการแฟชั่นมาแนะนำให้ทุกคนได้รู้จัก เผื่อหยิบไอเดียปัง ๆ ทริคดี ๆ มาปรับใช้ในการแต่งตัวของเราได้

ซาร่า เล็กจ์

เริ่มต้นกันที่คนแรกกับ ซาร่า เล็กจ์ ที่หลายคนน่าจะคุ้นตาจากผลงานในวงการบันเทิงของเธอ เพราะเธอเป็นทั้งนักแสดง นางแบบ และพิธีกร ด้วยความลูกครึ่ง ไทย-อังกฤษ ทำให้เธอมีใบหน้าที่โดดเด่นจนเป็นที่จดจำ ยิ่งบวกกับหุ่นของเธอแล้วก็นับว่าเป็นผู้หญิงที่เพอร์เฟกต์มากคนหนึ่งเลย และด้วยความที่เธอคลุกคลีอยู่กับวงการแฟชั่นมานานจึงทำให้ซึมซับสิ่งเหล่านี้กลับไปไม่น้อย จนถูกถ่ายทอดผ่านไตล์การแต่งตัวของเธอเอง

1
2
3

โดยการแต่งตัวของเธอส่วนใหญ่จะเลือกแมทช์จากสีของไอเท็มที่อยู่ในโทนเดียวกัน เช่น ดำ-เทา-ขาว, เบจ – เบจ หรืออาจจะเป็นสีน้ำเงินทั้งลุค และเพื่อไม่ให้ลุคดูแข็งทื่อมีสีเดียวจนเกินไป เธอมักจะหยอดแฟชั่นไอเท็มสีอื่น ๆ ที่แตกต่างกันเพื่อคอมพลีทลุคให้ดูโดดเด่นมากยิ่งขึ้น

5
4

พราว อรณิชา กรินชัย

สำหรับคนที่สอง Fashion Influencer อย่าง พราว อรณิชา อดีตสมาชิกวงเกิร์ลกรุ๊ปชื่อดังของไทยวง Olives กับเพลงยอดฮิต ‘ยังโสด’ บอกเลยว่าแค่เพลงขึ้นใครหลายคนอาจจะร้องตามได้ทันที หลังจากนั้นเธอก็ผันตัวมาเป็นนักแสดงที่ฝากซีรีส์ไว้มากกว่า 10 เรื่อง และยังเป็นพิธีกรรายการ TGIF ที่หลาย ๆ คนโปรดปราณ รวมถึงเธอยังมีช่อง Youtube เป็นของตัวเองอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นอีกคนที่มากไปด้วยความสามารถจริง ๆ

6

ซึ่งความชื่นชอบแฟชั่นของเธอนั้นเกิดขึ้นตั้งแต่สมัยเด็ก ๆ เพราะอาจได้รับมาจากคุณน้าที่เป็นดีไซเนอร์ ทำให้เธอได้ซึมซับอะไรหลาย ๆ อย่างมา จนกระทั่งเธอมีโอกาสได้ไปเรียนคอร์สแฟชั่นเล็ก ๆ ที่ประเทศอังกฤษ ก่อนกลับมาเป็นผู้ช่วยสไตลิสต์จึงทำให้ความรู้และความชอบของเธอเพิ่มมากขึ้น จนเป็นแรงผลักดันในการแต่งตัวของเธอมาจนถึงทุกวันนี้

7
8

โดยสไตล์การแต่งตัวของเธอมักเน้นไปทางโทนสีสันที่ฉูดฉาดและสะดุดตา อาจจะเลือกจากสีเดียวกัน โทนเดียวกัน หรือตัดกันไปเลยก็ได้ รวมถึงเธอยังมีแฟชั่นไอเท็มคู่ใจอย่างแว่นตากันแดดติดไว้ในทุกลุคเพื่อเพิ่มความเป็นสายแฟให้กับตัวเอง

9
10

พลอย ชวพร เลาหพงศ์ชนะ

และคนสุดท้าย หากขาดเธอไปบทความนี้คงไม่สมบูรณ์กับพลอย ชวพร หรือที่เรารู้จักเธอในนาม พลอย ชว (ploychava) เซเลบริตี้สายแฟ เพื่อนคนสนิทกับแฟชั่นไอคอนของไทยอย่าง ชมพู่ อารยา ที่ทั้งคู่รู้จักกันมานานแสนนาน รวมถึงเธอยังเป็นเจ้าของแบรนด์เสื้อผ้า P’s Material อีกด้วย เรียกว่าดีกรีด้านแฟชั่นของเธอนั้นไม่ธรรมดาเลยทีเดียว

11
12

พลอย ชวพร ถือเป็นที่กล่าวขานในวงการแฟชั่นมาก ๆ คนหนึ่งเกี่ยวกับกับสไตล์การแต่งตัวของเธอที่ขนาด ชมพู่ อารยา ยังบอกว่า ‘บางลุคของพลอย ชวพร ตัวเองก็เอาไม่อยู่เช่นกัน มีแต่เธอเท่านั้นแหละที่จะเอาอยู่’ ประโยคนี้ของแม่ชมทำเอาอยากรู้ว่าแฟชั่นของเธอจะไปสุดขนาดไหน

13

แต่แฟชั่นของเธอส่วนใหญ่จะเน้นไปทางเสื้อผ้าลายพริ้นต์ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์เธอเอง ‘P’s Material’ ทำให้เรามักจะเห็นเธอใส่ชุดแบรนด์ของตัวเองอยู่บ่อยครั้ง อาจเอามามิกซ์แอนด์แมทช์กับรองเท้าที่ดูโดดเด่นขึ้นมา อย่างทรง Loafer และทริคสำคัญถ้าเราอยากจะเป็นสายแฟเหมือน พลอย ชวพร เราคงต้องหาแว่นกันแดดมาใส่บ้างแล้ว เพราะเธอมักคอมพลีทลุคด้วยแว่นตาแทบทุกครั้ง

14
15

Ultracol Ampoule คลังความงามที่สมบูรณ์แบบเพื่อสาวยุคใหม่

‘เวลธ์ เอสเธทิค’ เปิดตัวผลิตภัณท์ Ultracol Ampoule คลังความงามที่สมบูรณ์แบบเพื่อสาวยุคใหม่

บริษัท เวลธ์ เอสเธทิค จำกัด ผู้นำด้านเวชภัณฑ์และผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณและสุขภาพ โดยบอสใหญ่ คุณวรชาติ เฟื่องวรรธนะ ประธานกรรมการผู้จัดการ ร่วมกับ Ultra V Thailand นำทัพเปิดตัวผลิตภัณฑ์ ‘Ultra V Ultracol Ampoule’ (อุลตร้า วี อุลตร้าคอล แอมพูล) สุดยอดนวัตกรรมเพื่อการฟื้นฟูผิว ณ Gaysorn Urban Resort

คุณวรชาติ เฟื่องวรรธนะ ประธานกรรมการผู้จัดการ บริษัท เวลธ์ เอสเธทิค จำกัด กล่าวถึง ความสำคัญของการจัดงานในครั้งนี้ว่า “นอกจากวัตถุประสงค์หลักในการจัดงานขึ้นเพื่ออัพเดทนวัตกรรมใหม่ๆ ด้านความงามและเป็นการยกระดับมาตรฐานวงการความงามให้กับประเทศไทย พร้อมกันนี้เรายังได้ทำการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ อุลตร้า วี อุลตร้าคอล แอมพูล (Ultra V Ultracol Ampoule) นวัตกรรมในการฟื้นฟูผิวที่มีส่วนประกอบหลักจาก ‘สารสกัดจากสเปิร์มของปลาแซลมอน’ มีความเข้มข้นของโปรตีน PDRN ที่มาจากสเปิร์มของปลาเเซลมอน โดยที่ผ่านมาผลิตภัณฑ์อุลตร้า วี อุลตร้าคอล แอมพูล ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากคลินิกความงามที่มีชื่อเสียง และได้รับการสนับสนุนจากคุณหมอทางด้านความงามเป็นอย่างมาก”

สำหรับUltra V Ultracol Ampoule (อุลตร้า วี อุลตร้าคอล แอมพูล) เป็นผลิตภัณฑ์สารสกัดจากธรรมชาติ ที่มีส่วนประกอบหลักจาก PDRN โปรตีนชนิดหนึ่ง หรือ DNA อันเป็นสารสกัดจากสเปิร์มของปลาแซลมอนที่มีโปรตีนสูง มีความเเข็งแรง และอุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติ โดยโปรตีนที่ผลิตขึ้นมีสัดส่วนที่เหมาะสมตามธรรมชาติของเซลล์ในการส่งสัญญาณและการรักษาฟื้นฟูผิว มีประสิทธิภาพไม่ใช่แค่ต้านอนุมูลอิสระ ปกป้องมลภาวะ แต่ประกอบไปด้วยสารที่ทำให้ผิวดูอ่อนกว่าวัย นอกจากนี้สารจากกรดอะมิโนเเอซิดสามารถเข้าไปช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิวหนังที่สึกหรอ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และสร้างเซลล์ผิวขึ้นมาใหม่ เรียกว่า Regeneration ปรับผิวที่ดูแห้งกร้านขาดน้ำให้ดูมีความชุ่มชื้น ฉ่ำวาว ช่วยป้องกันการระเหยของน้ำในชั้นผิวผลัดเซลล์ผิวใหม่ให้ดูอ่อนเยาว์ ช่วยยกกระชับริ้วรอยส่วนที่หย่อนคล้อยของใบหน้าให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น รวมทั้งสารสกัดจากสมุนไพรใบบัวบก ช่วยลดการอักเสบของร่างกาย และเพิ่มกระบวนการฟื้นฟูให้รวดเร็วยิ่งขึ้น

และประการสำคัญคือ กระบวนการผลิต Ultra V Ultracol Ampoule ใช้วิธีการแบบ Freeze Dry ซึ่งเป็นกระบวนการผลิตที่สามารถช่วยรักษาความเข้มข้นของสารสกัดและส่วนผสมต่างๆ ได้อย่าง 100% เหมือนสกัดสารมาจากแหล่งต้นกำเนิด จึงเรียกได้ว่า Ultra V Ultracol Ampoule เป็นสูตรสำเร็จเพื่อการฟื้นฟูผิว ครบในขวดเดียว

“Taste the Wonders of Australia” cover

เตรียมลิ้มรสความอร่อยสไตล์ออสซี่แท้กับอีเวนต์เอ็กซ์คลูซีฟ “Taste the Wonders of Australia”

“Taste the Wonders of Australia” cover
“Taste the Wonders of Australia” cover

ครั้งแรกกับงานจัดแสดงอาหารและไวน์ชั้นเลิศสุดยิ่งใหญ่จากออสเตรเลีย พร้อมยกทัพความอร่อยส่งตรงจากออสเตรเลียให้ชาวไทยได้ลิ้มลอง 1 พฤศจิกายนนี้! แต่ผลิตภัณฑ์ส่งออกที่สร้างชื่อเสียงที่สุดให้แก่ประเทศคงจะหนีไม่พ้นกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารรสชาติเยี่ยมและไวน์ชั้นเลิศจากออสเตรเลีย ด้วยสภาพแวดล้อมที่สมบูรณ์ในธรรมชาติ องค์ความรู้ระดับสากลของผู้ผลิต และมาตรฐานอันเข้มงวดด้านการควบคุมคุณภาพ ออสเตรเลียจึงสร้างสรรค์รสชาติอาหารและไวน์อันเลิศรสที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น

เพื่อเชิญชวนให้ชาวไทยได้สัมผัสและเพลิดเพลินกับรสชาติออสซี่ขนานแท้ กลุ่มองค์กรและธุรกิจอาหารและไวน์ชั้นนำในออสเตรเลีย จึงได้ร่วมมือกันจัดหลากหลายอีเวนต์จัดแสดงอาหารและไวน์สัญชาติออสเตรเลียอย่างอบอุ่น ร่วมนำเสนอเนื้อวัว เนื้อแกะ ซีฟู้ดคุณภาพเยี่ยม พร้อมด้วยผลิตภัณฑ์จากนมระดับพรีเมียม ผักผลไม้สดหลากหลายชนิด และสุดยอดไวน์อันเลื่องชื่อจากออสเตรเลีย ให้ชาวไทยได้ลิ้มลองกันอย่างเต็มที่

เตรียมลิ้มรสความอร่อยสไตล์ออสซี่แท้กับอีเวนต์เอ็กซ์คลูซีฟ “Taste the Wonders of Australia”

งาน “Taste the Wonders of Australia (ลิ้มรสความอร่อยสไตล์ออสซี่แท้)” อีเวนต์โชว์เคสสุดพิเศษครั้งนี้จะจัดขึ้นในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2022 ณ Gaysorn Urban Bangkok เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้เชี่ยวชาญในวงการอาหารและเครื่องดื่มของไทย รวมถึงธุรกิจนำเข้าและจัดจำหน่ายอาหารระดับพรีเมียมจากออสเตรเลียที่ส่งตรงถึงเมืองไทย ได้มาร่วมกันเปิดโลกแห่งรสชาติออสซี่ขนานแท้ให้ผู้บริโภคชาวไทยได้สัมผัสกันอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ งานยังได้รับเกียรติจากผู้แทนจากรัฐบาลไทย ตลอดจนตัวแทนจากสถานเอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย (กรุงเทพฯ) ที่มาร่วมเฉลิมฉลองรสชาติสไตล์ออสเตรเลียแท้ ๆ

อีเวนต์จัดแสดงในครั้งนี้ พร้อมนำเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพเยี่ยมที่ส่งตรงจากออสเตรเลีย ทั้งยังเป็นโอกาสครั้งสำคัญที่ผู้เข้าร่วมจะได้เรียนรู้การดึงรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์จากวัตถุดิบชั้นเลิศ ได้แก่ เนื้อวัว เนื้อแกะ ซีฟู้ด ผลิตภัณฑ์จากนม ผักผลไม้ ถั่ว ตลอดจนวิธีจับคู่วัตถุดิบชั้นเลิศเหล่านี้ ร่วมกับไวน์ชั้นดีจากออสเตรเลีย

งานดังกล่าวยังประกอบด้วยกิจกรรมเวิร์คชอปสุดเอ็กซ์คลูซีฟโดยเชฟชื่อดังมาร่วมรังสรรค์เมนูไทยฟิวชั่น ให้ผู้เข้าร่วมงานให้สัมผัสการผสมผสานรสชาติระหว่างสองวัฒนธรรมที่แตกต่างแต่เข้ากันได้อย่างลงตัว ยิ่งไปกว่านั้น ยังมี ซอมเมอลิเยร์ หรือผู้เชี่ยวชาญด้านไวน์ ที่มาช่วยในการจับคู่ไวน์ออสเตรเลีย ให้เข้ากับอาหารแต่ละคอร์ส ชูความโดดเด่นในด้านรสชาติและบอดี้ที่หลากหลายของไวน์ออสเตรเลีย ซึ่งสามารถแมตช์กับอาหารไทยได้อย่างลงตัวน่าสนใจ

นอกเหนือจากอีเวนต์ในวันที่ 1 พฤศจิกายนแล้ว ยังมีอีกหนึ่งกิจกรรมพิเศษที่จัดขึ้นพร้อม ๆ กัน นั่นก็คือโครงการสนับสนุนโรงเรียนการอาหารไทย เอ็ม เอส ซี โรงเรียนสอนทำอาหารชื่อดังในกรุงเทพฯ เพื่อจัดคอร์สสอนการทำอาหารไทยฟิวชั่นให้แก่เชฟเลือดใหม่ที่จะได้เรียนรู้การใช้วัตถุดิบชั้นเลิศจากออสเตรเลีย มารังสรรค์เมนูแสนอร่อยที่เปี่ยมไปด้วยคุณประโยชน์

นักชิมชาวไทยนั้นถือว่าขึ้นชื่อเรื่องความพร้อมเปิดรับประสบการณ์การลิ้มรสอาหารและเมนูใหม่ ๆ และวัฒนธรรมการรับประทานอาหารและการดื่มไวน์ก็เป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อบรรยากาศในประเทศเริ่มกลับมาคึกคักหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย นอกจากนี้ เทรนด์การบริโภคอาหารสดสะอาดเพื่อสุขภาพและไลฟ์สไตล์การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ทั้งด้านกายภาพและสุขภาพทางจิตใจก็เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น โดยผลิตภัณฑ์อาหารและไวน์จากผู้ผลิตสัญชาติออสเตรเลียล้วนเปี่ยมไปด้วยคุณภาพพรีเมียมอันเลื่องชื่อ ทำให้สินค้าจากออสเตรเลียเป็นตัวเลือกที่น่าเชื่อถือและได้รับความไว้วางใจจากซัพพลายเออร์และเหล่าผู้บริโภค

ก่อนที่จะถึงคิวของกิจกรรมครั้งใหญ่ที่กรุงเทพฯ ในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ ทาง Meat & Livestock Australia (MLA) ได้เข้าร่วมอีเวนต์ Food Hotel Asia 2022 ที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งนับเป็นงานเรียกน้ำย่อยก่อนที่นักชิมจะได้สัมผัสอาหารจานหลักกันอย่างจุใจที่งาน Taste the Wonders of Australia ที่ประเทศไทยนั่นเอง โดยตัวแทนของพันธมิตรองค์กรผลิตภัณฑ์อาหารออสเตรเลียกล่าวว่า “ออสเตรเลียถือเป็นผู้ผลิตอาหารและไวน์คุณภาพพรีเมียมระดับโลก ผลิตภัณฑ์ของเราเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในแวดวงเชฟมืออาชีพและได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภคทั่วโลก ด้วยคุณภาพเหนือระดับ รสชาติที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ และความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ ผู้บริโภคจึงสามารถดื่มด่ำกับประสบการณ์รับประทานอาหารที่น่าประทับใจในทุก ๆ มื้อ”

โดยงานจัดแสดงครั้งนี้จะจัดขึ้นแบบเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับแขกผู้ได้รับเชิญ ให้มาร่วมสัมผัสประสบการณ์อันล้ำค่าและรสชาติสุดพิเศษจากอาหารและไวน์ชั้นเลิศสุดพรีเมียมของออสเตรเลีย

งาน Taste the Wonders of Australia ได้รับการสนับสนุนจากโปรแกรม Agricultural Trade and Market Access Cooperation โดยรัฐบาลออสเตรเลีย

โรคอัลไซเมอร์

วิธีชะลอความจำเสื่อม ‘โรคอัลไซเมอร์’ หนึ่งในสาเหตุภาวะสมองเสื่อมที่พบบ่อยที่สุดทั่วโลก

Alternative Textaccount_circle
โรคอัลไซเมอร์
โรคอัลไซเมอร์

โรคอัลไซเมอร์ เป็นสาเหตุหนึ่งของภาวะสมองเสื่อม และเป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุดในผู้สูงอายุ อาการสมองเสื่อมนับเป็นปัญหาที่เพิ่มมากขึ้นในสังคมไทย จึงจำเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจเพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม และให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี

วิธีชะลอความจำเสื่อม ‘โรคอัลไซเมอร์‘ หนึ่งในสาเหตุภาวะสมองเสื่อมที่พบบ่อยที่สุดทั่วโลก

ปัจจุบันประเทศไทยได้เข้าสู่สังคมสูงอายุสมบูรณ์ในปี 2565 ซึ่งมีประชากรผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปมากกว่าร้อยละ 20 ของประชากรทั้งหมด โดยหน่วยงานราชการ เอกชน รวมถึงภาคประชาชนจำเป็นต้องมีความเข้าใจในปัญหาสุขภาพของผู้สูงอายุอย่างรอบด้าน หนึ่งในปัญหาสุขภาพผู้สูงอายุ ที่สำคัญมาก คือ ภาวะสมองเสื่อม รายงานในปี 2563 ประมาณการว่ามีผู้สูงอายุที่มีภาวะสมองเสื่อมถึง 651,950 คน จากผู้สูงอายุ 12 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 5.43 ของผู้สูงอายุทั้งหมด โดยมีโรคอัลไซเมอร์เป็นสาเหตุของสมองเสื่อมที่สำคัญที่สุด ปัจจุบันกระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายเน้นการให้บริการสอดรับสังคมผู้สูงอายุ โดยการจัดระบบบริการผู้สูงอายุแบบองค์รวมในสถานพยาบาลทุกแห่งทั่วประเทศในรูปแบบคลินิกผู้สูงอายุ

โรคอัลไซเมอร์ เป็นสาเหตุของภาวะสมองเสื่อมที่พบบ่อยที่สุดทั่วโลก เกิดจากการสะสมของโปรตีนที่ผิดปกติในระบบประสาท ทำให้เกิดการทำลายเซลล์ประสาทและเกิดสมองฝ่อตามมา ปัจจัยเสี่ยงอาจเกิดได้จากกรรมพันธุ์และสิ่งแวดล้อม แต่ปัจจุบันยังไม่มีข้อสรุป ที่ชัดเจนว่าเกิดจากสาเหตุใด

อาการที่พบบ่อยที่สุดมักเป็นผู้สูงวัยที่อายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป มีปัญหาความจำบกพร่อง ผู้ป่วย จะเริ่มถามซ้ำๆ จำวัน เวลา และสถานที่ของเหตุการณ์ในอดีตไม่ได้ เมื่ออาการของโรคมากขึ้นผู้ป่วยอาจเสียความสามารถในการทำกิจวัตรประจำวัน รวมถึงมีปัญหาพฤติกรรม เช่น หงุดหงิดง่ายขึ้น หลงผิด หรือมีอาการหลอนตามมา ท้ายที่สุดผู้ป่วยจะมีปัญหาด้านสมรรถภาพสมองบกพร่องในทุกด้านจนไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้

ซึ่งสร้างความยากลำบากมากขึ้นต่อการใช้ชีวิตของผู้ป่วยและการดูแลของญาติ การรักษาปัจจุบันประกอบด้วยการรักษาทางยา ซึ่งจะช่วยชะลอให้ความจำเสื่อมถอยช้าลงเล็กน้อย ผู้ป่วยจะทำกิจวัตรประจำวันได้ดีขึ้น การปรับพฤติกรรมหรือทำกิจกรรมเพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพความจำ รวมถึงการรักษากายและใจโดยรวมให้ดีก็เป็นส่วนที่สำคัญ สำหรับญาติหรือคนใกล้ชิดที่สงสัยว่ามีผู้สูงวัยใกล้ตัว มีอาการภาวะสมองเสื่อม ควรรีบพาไปพบแพทย์เพื่อประเมินอาการเพื่อเข้าสู่กระบวนการรักษาต่อไป


ข้อมูล : สถาบันประสาทวิทยา กรมการแพทย์
ภาพ : Pexels

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

keyboard_arrow_up