แพรว พาไปยลโฉมกระเป๋า Hermes 2 รุ่นหายาก จากคลังไอเท็มสุดหรูของ “คุณวาสนา รัตนสัญญา” ซึ่งถือเป็นหนึ่งในลิสต์กระเป๋าในฝันที่เป็นสุดยอดปรารถนาของคนชอบความหรูหราและรักแฟชั่น ไม่เพียงความคลาสสิกไร้กาลเวลา แต่ยังคือความหายากและมูลค่าที่ก้าวกระโดด

เจาะดีเทล! กระเป๋า Hermes 2 รุ่นหายาก มูลค่าเว่อร์วัง สมเป็นสุดยอดปรารถนาของนักสะสม
“วุ้นเชื่อว่าสำหรับสายแฟชั่นต้องมีชื่อกระเป๋า Hermes อยู่ในใจ ซึ่งวุ้นก็คือหนึ่งในนั้นและตามสะสมมาเรื่อยๆ วุ้นชอบหนังเอกซอติก จึงสะสมหนังจระเข้รุ่นเบอร์กิ้น เคลลี่ มินิเคลลี่ พอถึงจุดหนึ่งก็อยากสะสมรุ่นที่ลิมิเต็ดหรือแรร์ไอเท็ม จึงเริ่มที่ Hermes Birkin 20 Faubourg ที่ผลิตสำหรับลูกค้าวีไอพีของ Hermes เท่านั้น รายละเอียดต่างๆ จำลองมาจากแฟล็กชิปสโตร์ ที่ 24 Rue du Faubourg Saint-Honor ซึ่งเป็นที่อยู่ของร้าน Hermes ตั้งแต่ปี 1880 ตอนแรกลังเลว่าจะเหมาะกับคาแร็คเตอร์ตัวเองไหม เพราะสไตล์การแต่งตัวของเราเน้นหรูเรียบเซ็กซี่ ข้าวของที่ใช้เป็นโทนสีดำ ขาว และเบจ แต่คนใกล้ตัวเชียร์ว่าถือเป็นการลงทุนอย่างหนึ่ง ณ วันที่ซื้อราคาสี่ล้านบาทปลาย ผ่านมาสองปีตอนนี้ราคาขึ้นไปเป็นเจ็ดล้านบาทแล้ว ถือว่าเยอะมากทีเดียว

“อีกใบที่ได้มาล่าสุด Hermes Birkin 25 Cargo วุ้นชอบแคนวาสเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว คือเป็นคนไม่มีตรงกลาง ถ้าไม่หนังจระเข้ก็ขอแคนวาสไปเลย (หัวเราะ) ความที่ Hermes ไม่ได้ผลิตกระเป๋าแคนวาสมานานแล้ว พอเห็นใบนี้วุ้นชอบทันที เขาดีไซน์ให้มีช่องกระเป๋าด้านหน้าดูน่าสนใจ ตอนแรกก็กังวลว่าสีโทนนี้จะใช้ยาก แต่ปรากฏว่าหยิบมามิกซ์แอนด์แมตช์กับการแต่งตัวง่าย ใช้งานได้จริง ไม่ต้องระวังมาก แล้วรุ่นนี้ยังผลิตออกมาจำนวนจำกัด ตอนนี้ราคาจึงอยู่ที่เกือบสองล้านบาท เป็นอีกใบที่ชื่นชอบในหมู่นักสะสมและคนดังทั่วโลก”

คุณวุ้นยังให้มุมมองเรื่องการลงทุนในชิ้นแฟชั่นอีกว่า “สำหรับกระเป๋าไม่ใช่ว่าจะเหมาะกับการลงทุนทุกใบ มีแค่บางรุ่นเท่านั้น นอกจากกระเป๋า ถ้ามองเรื่องซื้อสะสมเพื่อลงทุนคือนาฬิกากับเพชร ซึ่งช่วงสองปีที่ผ่านมาราคาขึ้นมาก แม้เพชรจะไม่ง่ายเหมือนทองคำ แต่ถ้าซื้อไว้ในวันที่ราคาดีก็ได้กำไร เพราะเขามีมูลค่าในตัวเอง สมมติ ณ วันที่ซื้อราคาสองแสนบาทต่อกะรัต พอ ณ วันนี้อยากซื้อสองกะรัตขึ้นไป ราคาขยับอยู่ที่หกแสนบาทแล้ว ส่วนเสื้อผ้าวุ้นมองเรื่องการใช้งานที่ไทม์เลสมากกว่า อย่างแจ็กเก็ต Chanel เป็นชิ้นที่หยิบมาใส่เมื่อไหร่ก็ยังคลาสสิกดูดีเสมอ ราคาที่ซื้อตอนนั้นกับตอนนี้ก็ต่างกันมาก ถ้าเราซื้อสีที่ไม่หวือหวา เวลาผ่านไปนานก็ยังหยิบมาใช้ได้ ของทุกอย่างที่ซื้อให้มองที่ความคุ้มค่า ถ้าราคาถูก แต่ไม่ได้ใช้ สุดท้ายก็เหมือนเสียเงินฟรีอยู่ดี กลับกันถ้าราคาสูง แต่นับวันยิ่งเพิ่มมูลค่า อย่างนั้นถือว่าเกินคุ้ม”
ที่มา : นิตยสารแพรว ฉบับ 986
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ