account_circleใครที่เคยได้สัมผัสผลิตภัณฑ์ในระดับซูเปอร์ลักชัวรี่คงจะเข้าใจดีถึงคำว่า “สกินแคร์ก็เหมือนๆ กัน” นั้นเป็นแค่คำพูดแบบองุ่นเปรี้ยว เพราะสิ่งที่แบรนด์หรูมอบมาให้พร้อมกับผลิตภัณฑ์ราคาแพงระยับคือประสบการณ์การใช้ในทุกสัมผัสที่ทำให้รู้สึกว่าเราคือ “นางพญา”
บรรจุภัณฑ์ดีไซน์งดงามที่เป็นเหมือนอาหารตา มาพร้อมอุปกรณ์เฉพาะที่ออกแบบเพื่อส่งเสริมให้ได้ผลลัพธ์แบบบรรลุเป้าหมายสูงสุด เทคโนโลยีล้ำหน้าและส่วนผสมเลอค่าที่สรรหากันมาประชันขันแข่ง ยังไม่รวมเรื่องของกลิ่นหอมและเท็กซ์เจอร์ละมุนละไมที่ช่วยเยียวยาจิตใจให้หลุดจากความเครียดในแต่ละวัน นี่คือทำเนียบผลิตภัณฑ์สุดลักซ์ชัวรี่ที่การันตีว่าคุ้มราคา…“จ่ายแพงกว่าทำไม” คำตอบอยู่ในนี้
คุ้มค่าน่าเปย์! 7 ลักซ์ชัวรี่ ‘สกินแคร์‘ จัดเต็มทั้งดีไซน์ เทคโนโลยี และส่วนผสมเลอค่า เพื่อผิวสวย
SULWHASOO TIMETREASURE HONORSTIGE CREAM (PRICE : 25K)
สกินแคร์จาก Sulwhasoo ที่โด่งดังเป็นที่คุ้นตาในตลาดคือคอลเล็คชั่น First Care ขวดสีขาวเหลือง ซึ่งถือว่ายอดเยี่ยมแล้วในการดูแลผิว แต่บางคนอาจยังไม่รู้ว่า Sulwhasoo มีคอลเล็คชั่นที่แอดวานซ์ไปจนสุด ซึ่งเป็นที่ยอมรับชนิดที่ว่ากันว่าเซเลบริตี้และไอดอลฝั่งเกาหลีล้วนมีเป็นเจ้าของกันแทบทั้งสิ้น
นี่คือผลงานระดับมาสเตอร์พีซที่เป็นผลสำเร็จจากการวิจัยศึกษาโสมกว่า 50 ปี จนได้เทคโนโลยีที่สามารถกักเก็บพลังชีวิตที่มีอยู่ในเซลล์ของโสมมาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เหมือนนำพลังของโสมที่ยังมีชีวิตมาประสานพลังกับ “เห็ดหลินจือ” ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น 1 ใน 10 ของสัญลักษณ์แห่งการมีชีวิตยืนยาว และมีคุณสมบัติที่ช่วยปรับโครงสร้างชั้นผิวให้คงความอ่อนเยาว์ได้อย่างน่าอัศจรรย์ โดยเขาจะคัดเลือกสเป็คอย่างละเอียด ต้องเป็นเห็ดหลินจือสายพันธุ์เฉพาะที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 15 เซนติเมตร มีความหนาไม่น้อยกว่า 1 เซนติเมตร และต้องมีความชื้นไม่น้อยกว่า 13 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือว่ายอดเยี่ยมที่สุดในการใช้บำรุงผิว สำหรับแฟนๆ K-Beauty ชิ้นนี้ถือเป็นที่สุดของความหรูหรา และเหมาะผู้ที่กังวลเรื่องปัญหาริ้วรอยทั้งแรกเริ่มและร่องลึกอีกด้วย
KANEBO THE EXCEPTIONAL “THE CREAM” (PRICE : 45K)
เห็นราคาแล้วหลายคนถึงกับยกมือทาบอก ด้วยภาพจำที่ KANEBO เป็นแบรนด์ญี่ปุ่นที่มีความเป็นมิตรและจับต้องได้ แต่สำหรับไลน์ The Exceptional นี้ถือเป็นชิ้นที่เสิร์ฟเรื่องคุณภาพขั้นสุดจนต้องยอมลงทุน ต้องยอมรับว่าแม้ในไลน์ที่ราคาแรงขนาดนี้ แพ็คเกจจิ้งของ KANEBO ก็ยังคงไปในทิศทางที่งดงามแบบเรียบง่าย ด้วยต้องการรักษาคอนเซ็ปต์ที่ทุกมูลค่าได้ลงไปอยู่ในคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ไม่ใช่การจ่ายเพื่อแพ็คเกจจิ้งดีไซน์เว่อร์วัง
The Exceptional “The Cream” คือครีมบำรุงเนื้อเข้มข้นที่พร้อมแตกตัวละลายซึมซาบเข้าสู่ผิว เพื่อการบำรุงอย่างล้ำลึกด้วย “ส่วนผสมลับ” ที่ KANEBO เรียกว่า Clear Botanical Complex ซึ่งทำงานร่วมกับเทคโนโลยีพิเศษที่ช่วยพลิกฟื้นให้ผิวงดงามในทุกแง่มุม ทั้งในเรื่องของแสงเงาและสีผิว หมายถึงเท็กซ์เจอร์ของผิวใหม่ที่เรียบเนียนจนล้อเล่นกับแสง ความกระชับจนเห็นเงาคอนทัวร์ของใบหน้าที่ได้จังหวะงดงามราวกับประติมากรรม และสีผิวที่สม่ำเสมอ
อีกจุดเด่นคือกลิ่นหอมจากส้มยูสุ ดอกไม้สีขาว และมัสก์ที่ช่วยเพิ่มความรู้สึกแพงทุกครั้งที่ได้สัมผัส ครบทั้งไลน์มีทั้งครีม โลชั่น (8K) และอิมัลชั่น (12K) ใครสู้ราคาไหวจัดไป โดยคุณสมบัติของตัวนี้ครอบคลุมทุกปัญหาผิวที่น่ากังวล ทั้งเรื่องริ้วรอยและความเรียบเนียนกระจ่างใส อยากดูแลแบบองค์รวมชิ้นนี้ถือว่าตอบโจทย์
SISLEY SUPREMYA AT NIGHT THE SUPREME ANTI-AGING SKIN CARE LOTION (PRICE : 8.3K)
สายกูรูสกินแคร์ตัวจริงจะพูดตรงกันว่าไอเท็มชิ้น “เตรียมผิว” เพื่อเปิดทางให้สกินแคร์ตัวอื่นทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพนั้นเป็นขั้นตอนที่สำคัญยิ่ง ไอเท็มใหม่ล่าสุดจากคอลเล็คชั่นสุดหรู Supremya คือโลชั่นที่ใช้เป็นสเต็ปแรกของการบำรุงผิวยามค่ำคืน ผิวที่ได้รับการเปิดทางด้วยความชุ่มชื้นอย่างเต็มที่จะสามารถตอบรับและดูดซึมส่วนผสมสำคัญในสกินแคร์ขั้นต่อไปได้มากถึง 10 เท่า
โดย SISLEY เลือกใช้ส่วนผสมที่มีกลีเซอรีน โปรวิตามินบี5 สารสกัดจาก Red Vine และ Sophora Japonica มาเติมเต็มความชุ่มชื้น ปลุกกลไกการฟื้นฟูผิวในร่างกาย และกระตุ้นการทำงานของเซลล์ผิวเพื่อต่อต้านความร่วงโรยแห่งวัย โลชั่นเนื้อเบาแบบน้ำนมทำหน้าที่เหมือนกุญแจดอกสำคัญที่ช่วยเปิดประตูสู่กิจกรรมการดูแลผิวที่สมู้ท และได้ประสิทธิภาพ ทำให้การลงทุนในสกินแคร์ทุกชิ้นนั้นคุ้มค่า ไม่สูญเปล่า
CHANEL SUBLIMAGE L’EXTRAIT DE NUIT (PRICE : 22K)
สำหรับใครที่นาฬิกาชีวิตรวน นอนน้อย เปลี่ยนไทม์โซนบ่อยๆ CHANEL ออกแบบเทคโนโลยีในสกินแคร์ชิ้นนี้เพื่อช่วยปรับเวลานาฬิกาชีวภาพของผิวให้ผิวรู้สึกเสมือนได้รับการพักผ่อนตามไทม์ไลน์ปกติที่ชีวิตควรเป็น CHANEL Sublimage L’Extrait de Nuit คือไนท์ครีมที่ช่วยฟื้นฟู “การทำงานในโหมดกลางคืน” ด้วยส่วนผสมลับที่หมักจากดอกไม้และส่วนผสม ราคาแรงหายากอย่างวานิลลาแพลนนิโฟเลีย ทำหน้าที่กระตุ้นความสามารถตามธรรมชาติของผิวในการสร้างเซลล์ใหม่ จึงไม่ใช่การผลัดเซลล์ผิวแบบลอกผิว แต่เพียงภายนอกที่อาจกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้
ความฟินอยู่ที่กลิ่นหอมละมุนกล่อมให้ฝันดี และสัมผัสภายในเนื้อครีมที่มี“ไมโครดร็อปเล็ต”เม็ดเล็กๆ เมื่อทาลงไปแล้วจะแตกตัวห่อหุ้มผิวไว้ เพื่อรับการบำรุงอย่างเข้มข้น และเมื่อทิ้งเวลาไปจะให้ความรู้สึกเป็นเพียงแผ่นฟิล์มบางๆ เคลือบผิวไว้ตลอดคืนโดยไม่รู้สึกเหนอะหนะ
GUERLAIN ORCHIDEE IMPERIALE BLACK THE SYMBIOSERUM (PRICE : 61K)
แค่ดีไซน์ขวดก็ตะโกนแล้วว่าราคาไม่น่าเบา แอนไทเอจจิ้งเซรั่มสูตรเข้มข้นจากส่วนผสมที่ไม่ซ้ำใคร อย่างกล้วยไม้สีดำไซโนเซสคูเปอรีที่หายากและคงกระพันอายุถึง 100 ปีแห่งเทือกเขาแอนดีส ประเทศเปรู เป็นชิ้นที่แฟนๆ ที่เคยได้สัมผัสถึงกับเมาท์กันว่าใช้เพียง 2 เดือน ผิวจะดูเด็กลงได้ถึง 5 ปีเลยเชียว
เพราะเขามีทั้งเทคโนโลยีเฉพาะและส่วนผสมเลอค่าที่เข้าบำรุงโดยเน้นคุณสมบัติการเสริมชั้นผิวให้แน่นกระชับ สร้างภูมิคุ้มกันในผิว ให้ผิวแข็งแรงพร้อมสู้กับปัจจัยรุกรานต่างๆ รวมถึงการรักษาสมดุลของจุลินทรีย์ที่ดีกับผิว ทำให้เกิดความอึดไม่แพ้ ไม่พัง ฟื้นตัวจากสถานการณ์เลวร้ายต่างๆ ที่ผิวต้องเผชิญได้อย่างรวดเร็ว ความเก๋คือเนื้อสัมผัสที่ผสมทองคำโรสโกลด์24K ทำให้ผิวดูสว่างขึ้นทันทีหลังใช้ เรียกว่าให้ออร่ากันแบบทันตาเห็น
CLÉ DE PEAU BEAUTÉ THE FOUNDATION (PRICE : 11K)
หากติดตามวงการบิวตี้อย่างใกล้ชิดคงได้ยินข่าวว่าแบรนด์ Cle de Peau Beaute เพิ่งออกรองพื้นน้องใหม่ที่ได้ไตเติ้ล “รองพื้นแพงที่สุดในโลก” ไปอย่างไม่มีใครเถียง เพราะถ้าจะนับกันแบบเคาน์เตอร์แบรนด์ ไม่ใช่การสั่งทำพิเศษ Cle de Peau Beaute The Foundation ถือว่าเป็นรองพื้นราคาแรงที่สุดในท้องตลาด ซึ่งถ้าจะแพงขนาดนี้ เขาคงต้องมีเหตุผล
เพราะนางไม่ใช่แค่รองพื้น แต่ยังมีส่วนผสมสำคัญที่อยู่ในสกินแคร์ชิ้นหรูLa Creme แบบจัดเต็ม จนเรียกได้ว่าเป็น“รองพื้นกึ่งสกินแคร์” ปกปิดและบำรุงไปด้วย เพื่อผิวสวยอย่างยั่งยืน ส่วนผสมอันเลอค่าเกินหน้าความเป็นรองพื้นคือสารสกัด Lakesis Extract ซึ่งได้มาจากน้ำยางที่ตกผลึกของต้น Mastiha ที่มีเฉพาะบนเกาะ Chios ประเทศกรีซ โดยสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ด้วยมือเฉพาะช่วงเดือนกรกฎาคมถึงเดือนสิงหาคมเท่านั้น เขานำน้ำยางที่ว่ามาสกัดแบบใช้สารทำละลาย ซึ่งเป็นวิธีการที่คงความบริสุทธิ์ คุณประโยชน์ รวมถึงความสามารถในการต่อต้านสารอนุมูลอิสระเอาไว้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ความว้าวที่ทำให้ต่างจากรองพื้นทั่วไป เริ่มตั้งแต่เนื้อสัมผัสที่เข้มข้น แต่เกลี่ยง่าย เรียบเนียนเข้าผิว การปกปิดริ้วรอย และจุดด่างดำอย่างมิดชิดที่ไม่ได้เกิดจากความหนา แต่คือความสามารถของวิทยาการ Blur Perfection Technology ที่มีในรองพื้น ทำให้เกิดฟินิชชิ่งที่นวลเนียนราวกับใส่ฟิลเตอร์ เหมาะมากสำหรับคนที่กำลังตามหารองพื้นในฝัน
LA PRAIRIE PLATINUM RARE HAUTE-REJUVENATION PROTOCOL (PRICE : 79K)
เห็นราคาแล้วใจสั่น กระเป๋าสะเทือน นั่นเพราะเซตนี้ได้ฉายาว่าเป็น “โอต์กูตูร์” แห่งวงการสกินแคร์ โดยเกิดจากแนวคิดของดร.พอล นีฮันส์ นายแพทย์ชาวสวิตเซอร์แลนด์ที่ต้องการให้คอนเซ็ปต์ของ“ความงามชั่วนิรันดร์” เกิดขึ้นได้จริง เขาจึงค้นคว้าวิจัยจนเข้าถึงศาสตร์การฟื้นฟูผิวขั้นสูง ซึ่งทำให้สามารถกดปุ่มรีสตาร์ตกระบวนการฟื้นฟูผิวตามธรรมชาติที่เสื่อมถอยไปให้ย้อนเวลากลับมาได้อย่างที่ไม่เคยมีในสกินแคร์อื่นใด
เซตนี้ถือเป็นการพลิกชีวิตผิวใน 1 เดือน โดย 1 เซตแบ่งเป็น 3 ขวด เห็นขวดหรูระยับขนาดนี้ แต่ใช้เพียงขวดละ 10 วันเท่านั้น โดยทั้ง 3 ขวด จะนำพาผิวเข้าสู่สเตจที่ต่างกัน เริ่มจากการฟื้นฟู การผลัดเซลล์ผิว และการสร้างเซลล์ผิวใหม่ โดยแต่ละขวดจะประกอบด้วย 2 ช่องด้านใน เพื่อให้เนื้อสัมผัสที่แบ่งออกเป็น 2 สูตรได้รับการปกป้องอย่างเต็มที่และคงความสดใหม่ในการใช้ จึงมีพิธีกรรมเบาๆ คือการบิดเพื่อ Activate เป็นการเริ่มใช้งาน หากอยากให้รางวัลผิวเป็นการฟื้นฟูครั้งยิ่งใหญ่ หรือมีงานสำคัญรออยู่ข้างหน้า ชิ้นนี้ถือว่าคุ้มค่าแก่การลงทุน
ข้อมูล : นิตยสารแพรว ฉบับ 986
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ