กลิ่นตายตัวที่ชอบของ 2 ซุปตาร์ ติ๊กและแอน แถมทริคฉีดน้ำหอมให้อยู่ทนเช้ายันเย็น

Alternative Textaccount_circle

Forget Me Not อย่าลืมฉัน ละครเรื่องนี้ดังมาก หากใครได้ดูแน่นอนว่าจะต้องรักตัวละครพระนางที่ได้นักแสดงระดับซูเปอร์สตาร์ตัวพ่อที่มีความชอบเข้าป่า และตัวแม่ที่ตอนนี้ผันตัวมาเป็นผู้จัดมือหนึ่งของวงการบันเทิง แอน ทองประสม และ ติ๊ก – เจษฎาภรณ์ ผลดี มาเล่นด้วยกันจนแฟนๆ ติดงอมแงม ล่าสุดมีโอกาสได้เจออดีตสองคู่ขวัญ พี่ติ๊กและพี่แอน ที่งานเปิดตัว Maison Christian Dior บูติกใหม่ใหญ่สุดในไทยที่ Iconsiam หรูเหมือนอยู่ถนนมงแตญจ์ในปารีสเลยทีเดียว เป็นบูติกที่รวมเอาความหอมที่สร้างสรรค์โดย ฟรองซัวส์ เดอมาชี มาจัดแสดงผลงานที่บ่งบอกถึงความรักที่มีต่อน้ำหอม และกว่าจะได้เจอทั้งสองคนพร้อมกันเป็นเรื่องยากพอสมควร งานนี้ไม่ปล่อยให้หลุดมือของไถ่ถามถึงทริคเล็กๆ น้อยๆ ที่ช่วยทำให้น้ำหอมติดทน และกลิ่นแบบไหนที่ทั้งสองชอบ

โดยเริ่มจากพี่แอน ทองประสมซุปตาร์คนสวยก่อน ที่ได้เล่าว่าการได้ฉีดน้ำหอมกลิ่นที่ตัวเองชอบเป็นความสุขอย่างหนึ่ง ยิ่งถ้ากลิ่นที่เราเลือกฉีดนั้นไม่จำเป็นต้องร้อนแรงนะ แต่ความหอมทำให้คนที่ได้กลิ่นจากเรารู้สึกดี นั่นแหละคือกลิ่นประจำตัว ซึ่งสาวๆ ทุกคนควรหากลิ่นหอมที่เป็นเนื้อคู่ของตัวเองไว้เติมเสน่ห์อยู่เสมอ

ส่วนตัวแอนเป็นคนที่ชอบกลิ่นบำบัด จะฉีดน้ำหอมตามอารมณ์ของตัวเองว่าวันนี้เรารู้สึกยังไง เช่น อยากออกแนวสปอร์ต แอนจะฉีดกลิ่นที่สร้างความรู้สึกกระฉับกระเฉง หรือถ้าตอนกลางวันมีนัดสำคัญต้องไปพบลูกค้าก็อาจจะเปลี่ยนไปฉีดกลิ่นอื่น ซึ่งแต่ละกลิ่นช่วยส่งเสริมบุคลิกภาพของเราในแต่ละสถานการณ์ เพราะฉะนั้นแอนจะไม่เลือกน้ำหอมเพียงกลิ่นเดียวตายตัว แต่มีกลิ่นน้ำหอมที่แอนชอบอยู่ 2 กลิ่นตายตัว ไม่ว่าจะใช้ยังไงก็ไม่เปลี่ยนคือกลิ่นมะลิกับกุหลาบ ถึงแม้บางวันเราก็รู้สึกว่าอยากลองอะไรใหม่ๆ แต่สุดท้ายก็อาจจะกลับมาใช้กลิ่นโปรดเดิมๆ ที่คุ้นเคยอย่างกลิ่นมะลิกับกุหลาบเสมอ

ส่วนถ้าถามว่ามีทริคยังไงให้น้ำหอมติดทน แนะนำหลังอาบน้ำเสร็จให้ทาโลชั่นหรือบอดี้ครีมก่อนแล้วค่อยฉีดน้ำหอมตาม โดยฉีดตามแนวจุดชีพจรด้วยแต่ไม่ฟิกซ์นะคะ ใครถนัดแบบไหนก็ฉีดตามแบบตัวเองได้ แต่แอนจะไม่ฉีดน้ำหอมลงบนเสื้อผ้า จะฉีดลงบนผิวหนังมากกว่า ยิ่งถ้าได้ทาโลชั่นก่อนแล้วฉีดน้ำหอมตาม แอนรู้สึกว่ากลิ่นหอมอยู่ติดทนนานขึ้น

 

มาต่อกันที่ ติ๊ก – เจษฎาภรณ์ ผลดี ซุปตาร์หน้าหล่อตลอดกาล ยอมออกจากป่าสักที บอกกับเราว่าเวลาติ๊กได้เจอผู้หญิงสักคนที่ฉีดน้ำหอมกลิ่นใดกลิ่นหนึ่งทุกวัน ติ๊กจะจำได้และรู้ว่ากลิ่นนั้นเป็นเอกลักษณ์ของคนๆ นั้น ซึ่งติ๊กชอบผู้หญิงฉีดน้ำหอมกลิ่นดอกไม้ กลิ่นหอมอ่อนๆ ธรรมชาติ แต่จริงๆ แล้วกลิ่นไหนก็ได้ถ้าเป็นตัวตนคนๆ นั้น ตอนที่ติ๊กต้องเข้าป่าไปถ่ายทำรายการเนวิเกเตอร์ น้ำหอมอาจไม่จำเป็นต้องฉีด แต่กลับกันถ้าเข้าเมืองหรือออกงานสังคมต่างๆ ติ๊กคิดว่าน้ำหอมมีความจำเป็น น้ำหอมกลิ่นต่างๆ มีความหลากหลาย แนวกลิ่นที่ใช้จะบ่งบอกถึงบุคลิกภาพของแต่ละคน และที่สำคัญการฉีดน้ำหอมก็ถือเป็นการสร้างความทรงจำที่ดี สมมติว่ามีใครคนหนึ่งฉีดน้ำหอมกลิ่นเดิมๆ ทุกวัน มันจะกลายเป็นกลิ่นเฉพาะตัวของเขา แต่ก็ไม่จำเป็นต้องฉีดกลิ่นเดิมๆ ตลอด เปลี่ยนไปตามอารมณ์ก็ได้ วันนี้อยากเปรี้ยว อีกวันอยากหวาน ก็เลือกใช้กลิ่นที่เราชอบและมั่นใจจะดีกว่า

ส่วนตัวติ๊กเป็นคนชอบแนวกลิ่นดอกไม้แบบหอมให้ความรู้สึกสดชื่น แต่จะออกแนวสปอร์ตหน่อย ประหนึ่งฉีดแล้วรู้สึกเหมือนเราเพิ่งอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ แม้ว่าความจริงเราจะยังไม่ได้อาบน้ำก็ตาม บอกเลยว่าน้ำหอมช่วยได้จริงๆ ส่วนอีกกลิ่นที่ชอบคือกลิ่นลูกฟิก เพราะสดชื่นมาก ทำมาจากลูกฟิกสด ซึ่งทั้งสองกลิ่นมีเอกลักษณ์ต่างกัน และถ้าถามว่ามีทริคยังไงให้น้ำหอมติดทน สำหรับตัวติ๊กเองอยากฉีดตรงไหนก็ฉีด เพราะไม่มีกฎตายตัว แต่ถ้าอยากให้ติดทนก็ฉีดตามตำราเขาว่าไว้ครับ (หัวเราะ) ตามบริเวณจุดชีพจรอย่างข้อมือ หลังใบหู ซอกคอ ข้อพับแขน เส้นผม ประมาณนี้

ท่ามกลางบรรยากาศงามสง่าแบบปารีสแท้ MAISON CHRISTIAN DIOR ยังอาศัยการตกแต่งผนังด้านหนึ่ง ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังมองออกไปผ่านหน้าต่างเมืองกราส์ แลเห็นทัศนียภาพตระการตาของคฤหาสน์ ลา ก็อลล์ นัวร์ ท่ามกลางสวนดอกไม้ที่ให้กำเนิดผลผลิตสำหรับใช้สกัดหัวน้ำหอม ซึ่งมาเจิดจรัสอยู่ในน้ำหอมกลิ่นต่างๆ


เรื่อง : PP_แพรวดอทคอม
ภาพ : Maison Christian Dior / IG : annethong

 

รันเวย์ Chanel คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์

มรดกไอเดียจาก ‘คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์’ รวมสุดยอด 20 รันเวย์ Chanel ผลงานที่ไม่มีวันตาย

รันเวย์ Chanel คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์
รันเวย์ Chanel คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์

รันเวย์ Chanel ไม่เคยธรรมดา เพราะดีไซเนอร์ชื่อก้องโลก คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ คือผู้อยู่เบื้องหลัง แม้วันนี้ปู่คาร์ลจะจากไปแล้ว แต่รันเวย์ของแบรนด์ดังอย่างชาเนล ก็เปรียบเสมือนมรดกทางความคิดที่เขาได้ทิ้งเอาไว้

หลังจากที่เมื่อวาน (19 ก.พ. 62) สื่อต่างประเทศรายงานว่า ดีไซเนอร์ระดับโลก คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ เสียชีวิตลงด้วยวัย 85 ปี ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ก็สร้างความช็อกไปทั้งวงการแฟชั่น ที่ได้สูญเสียบุคลากรสำคัญและหัวเรือใหญ่ของแบรนด์ดังไปอย่างไม่มีวันกลับ

ซึ่งดีไซเนอร์รุ่นปู่สุดซ่า คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ ถูกยกให้เป็นไอคอนแห่งวงการแฟชั่น ที่นอกจากเป็นครีเอทีฟไดเร็คเตอร์ให้กับแบรนด์ดังอย่าง Chanel และ Fendi แล้ว เขายังเป็นเจ้าของแบรนด์ภายใต้ชื่อของตัวเองว่า KARL LAGERFELD (คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์) อีกด้วย โดยได้เริ่มทำงานกับชาเนลมาตั้งแต่ปี 1983

ปู่คาร์ล และ คาร่า เดอเลวีญ จาก Chanel Fall/Winter 2014/2015

เพื่อรำลึกถึงดีไซเนอร์ฝีมือฉมังผู้ล่วงลับ​ เราจึงรวบรวมรันเวย์​ของชาเนล​ ผลงานที่ครีเอทโดยปู่คาร์ลมาให้ได้ชมกัน​ เพราะแน่นอนว่าอีกหนึ่งความน่าสนใจของโชว์จากชาเนล ก็คือรันเวย์ที่ คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ ครีเอทีฟไดเร็คเตอร์ของแบรนด์ ได้รังสรรค์เป็นผลงานชิ้นเอกสุดอลังการ เรียกได้ว่าไม่มีครั้งไหนที่รันเวย์ของชาเนลจะไม่ถูกพูดถึง​ เพราะนอกจากจะสร้างขึ้นมาอย่างยิ่งใหญ่แล้ว​ ก็ยังสามารถสื่อถึงเสื้อผ้าในคอลเล็คชั่นนั้นๆ​ ออกมาได้อย่างดี และสถานที่จัดโชว์เจ้าประจำของชาเนลคือ กร็อง ปาเลส์ (Grand Palais) สถานที่จัดแสดงนิทรรศการขนาดยักษ์ อีกหนึ่งแลนด์มาร์คสำคัญของประเทศฝรั่งเศส

 

มรดกไอเดียจาก ‘คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์’ รวมสุดยอด 20 รันเวย์ Chanel ผลงานที่ไม่มีวันตาย

 

รันเวย์ Chanel
Chanel Spring/Summer 2011

 

รันเวย์ Chanel
Chanel Haute Couture Fall/Winter 2011

 

รันเวย์ Chanel
Chanel Spring/Summer 2012

 

รันเวย์ Chanel
Chanel Fall/Winter 2012

 

รันเวย์ Chanel
Chanel Fall/Winter 2013

 

รันเวย์ Chanel
Chanel Haute-Couture Fall/Winter 2013/2014

 

รันเวย์ Chanel
Chanel Spring/Summer 2013

 

รันเวย์ Chanel
Chanel Fall/Winter 2014/2015

 

Chanel Spring/Summer 2015

 

รันเวย์ Chanel
Chanel Haute Couture Fall/Winter 2015/2016

 

Chanel Haute Couture Spring/Summer 2016

 

รันเวย์ Chanel
Chanel Spring/Summer 2016

 

Chanel Spring/Summer 2017

 

Chanel Fall/Winter 2017/2018

 

รันเวย์ Chanel
Chanel Cruise 2017/2018

 

รันเวย์ Chanel
Chanel Spring/Summer 2018

 

Chanel Fall/Winter 2018/2019

 

รันเวย์ Chanel
Chanel Haute Couture Fall Winter 2018/2019

 

Chanel Cruise 2018/2019

 

รันเวย์ Chanel
Chanel Spring/Summer 2019

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ช็อกวงการแฟชั่นโลก Karl Lagerfeld ดีไซเนอร์ Chanel เสียชีวิตในวัย 85

7 ผลงานสุดเก๋ จากปู่ “คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์” แฟชั่นไอคอนที่โลกต้องกราบ

เช็คข้อมูลก่อนหิ้ว กระเป๋า Chanel Sunset on the Sea หนังโทนสี Ombre ที่ต้องมีสักใบ!

ต้องฟาดสักใบ! กระเป๋า Chanel Backpack ไอเท็มใหม่ล่าสุดของ ‘ลิซ่า BLACKPINK’

ลาก่อนหนังสัตว์หายาก! Chanel ประกาศเลิกใช้หนัง exotic และขนสัตว์มาผลิตสินค้า

รวม 6 ไฮไลท์เด็ด! แฟชั่นโชว์ Chanel Métiers d’Art 2018/19 สะท้อนชีวิตอียิปต์โบราณ

5 ข้อควรรู้ ก่อนเสียเงินเปย์ Chanel Classic Flap Bag ไว้ครอบครอง

 เปิด 5 เรื่อง (ไม่) ลับเกี่ยวกับไอเท็มยอดฮิตจาก Chanel ที่สาวกควรรู้

กระเป๋าเปลี่ยน…ลุคเปลี่ยน พารู้จัก กระเป๋า CHANEL รุ่นท็อปฮิตที่ต้องมีให้ได้สักใบ!

ไอเดียกระฉูด “Chanel” เนรมิตรันเวย์น้ำตกในโชว์ Spring/Summer 2018 (มีคลิป)


เรื่อง : Hana_แพรวดอทคอม (ฮานะ)

ภาพ : Getty Images , www.wallpaper.com

ลี้โกมลชัย

สวยยกบ้าน! เจาะลึกเคล็ดลับความงามของสาวๆ ตระกูลลี้โกมลชัย

Alternative Textaccount_circle
ลี้โกมลชัย
ลี้โกมลชัย

เมื่อสาวๆ รวมตัวกัน ความสนุกมักเกิดขึ้นเสมอ ดังเช่น “ครอบครัวลี้โกมลชัย” นำทีมโดยคุณแม่งามจิตต์ และลูกสาวทั้งสาม หวาน-กมลา, ผึ้ง-มธุรา และน้องเล็ก มนต์-วัชรา ที่แชร์ทุกเรื่องราวในชีวิตด้วยกัน ตั้งแต่บิวตี้ สุขภาพ รวมถึงแฟชั่นที่ไม่มีใครยอมแพ้กันจริงๆ

คุยเรื่องแฟชั่นก่อน เหมือนสุภาพสตรีบ้านนี้จะไม่มีใครยอมกันนะครับ

คุณงามจิตต์ยิ้มกว้าง “เป็นแบบนั้นเลยค่ะ แม่ไม่เคยห้ามลูกเรื่องแต่งตัวหรือแต่งหน้า ความจริงสนับสนุนให้ลูกสวยด้วย ส่วนเขาจะชอบสไตล์ไหนก็ถือเป็นสิทธิเสรีภาพของแต่ละคน”

คุณมนต์เล่าบ้าง “ต้องบอกว่าคุณแม่เป็นแรงบันดาลใจของลูกๆ ในเรื่องการแต่งหน้าและแต่งตัว แม่ไม่เคยหน้าสดไปไหน ขนาดอยู่บ้าน แอ๊กเซสซอรี่ส์ยังจัดเต็ม ไม่มีชุดธรรมดาเลย (หัวเราะ) ท่านเป็นสาวแฟชั่น ทั้งเสื้อผ้า หน้าผม จนถึงเครื่องประดับ ช่วงนั้นเทรนด์อะไรมา เราจะเห็นสิ่งนั้นบนตัวของแม่ มนต์กับพี่ๆ ชอบไปเล่นในห้องแต่งตัวของคุณแม่ ถือเป็นกรุสมบัติเลย เราจะสวมรองเท้าส้นสูง นำผ้าพันคอมาพันรอบตัว แล้วเดินโบกมือเล่นเป็นมิสยูนิเวิร์ส” (หัวเราะ)

คุณผึ้ง  “ส่วนเรื่องรักสวยรักงาม พี่น้องบ้านนี้ก็ไม่มีใครยอมกัน เราแต่งหน้ากันค่อนข้างเร็ว ตั้งแต่ตอนเรียนที่โรงเรียนนานาชาติฮาร์โรว์ ซึ่งสมัยนั้นเพื่อนๆ ส่วนใหญ่ยังมาเรียนในเวอร์ชั่นหน้าสด แต่เราเขียนอายไลเนอร์แบบแคตอายส์กันแล้ว ตอนนั้นบางคนจะมองว่าทำไมแต่งหน้ากันเร็ว แต่หลังจากนั้นไม่กี่ปี ผู้หญิงในรุ่นราวคราวเดียวกับเราก็เริ่มแต่งหน้ากันจนเป็นเรื่องปกติ”

ลี้โกมลชัย

สไตล์การแต่งตัวของสามพี่น้องเป็นอย่างไรครับ

คุณผึ้งเล่าต่อ “สไตล์เพิ่งชัดเจนไม่นานนี้เองค่ะ เพราะเราเพิ่งแยกห้องนอนกันได้ประมาณ 6 ปี ที่ผ่านมาใช้โต๊ะเครื่องแป้งกับตู้เสื้อผ้าเดียวกัน ทำให้การแต่งตัวจะดูคล้ายๆ กัน แต่พอแยกห้องนอนกับตู้เสื้อผ้า คาแร็คเตอร์ของแต่ละคนจึงเริ่มชัดเจนขึ้น อย่างผึ้งชอบโทนสีดำ ออกแนวสปอร์ตหน่อยๆ แต่ก็มีความหวานอยู่ในนั้นด้วย”

คุณหวาน “หวานชอบสีพาสเทล ขาว เบจ แต่คาแร็คเตอร์ไม่ได้หวานเหมือนชุดที่ใส่นะคะ เวลาทำงานจะมีความบอสซี่หน่อยๆ แต่เวลาอยู่บ้านหรือไม่ทำงานจะชิลมาก ยกตัวอย่างเวลาครอบครัวเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ เราต้องไปถึงสนามบินตอนตี 2 น้องๆ จะแต่งหน้าแต่งตัวกันเต็ม แต่หวานจะไปแบบหน้าสด คุณแม่ยังบอกว่านี่เราไปเที่ยวด้วยกันนะ ไม่มีความเป็นทีมเลย” (หัวเราะ)

คุณมนต์ “ส่วนมนต์จะออกแนวเฉี่ยวๆ มั่นใจ และมีความเป๊ะ เวลาออกจากบ้านจะแต่งหน้าทุกครั้ง อย่างเรื่องไปสนามบินที่พี่หวานเล่า นั่นคือมนต์เลย ถ้านัดเจอกันตอนตี 2 ที่สนามบิน หน้ามนต์จะสวยพร้อมแล้ว จะตื่นมาแต่งหน้าตั้งแต่เที่ยงคืน”

รู้มาว่าสาวๆ บ้านนี้แชร์ข้อมูลเรื่องบิวตี้กันตลอด

คุณผึ้งตอบก่อน “ใช่ค่ะ เราสามคนมีปัญหาผิวคล้ายๆ กัน เริ่มต้นจากการเป็นผด สิวผื่น ถ้าใช้ผลิตภัณฑ์ตัวไหนแล้วแพ้ก็จะแพ้เหมือนกัน เราจึงแชร์ข้อมูลเรื่องความสวยความงามกันตลอด และพยายามรักษามาทุกวิธี ใครบอกว่าผลิตภัณฑ์นี้ดี คลินิกนี้น่าสนใจ เราก็ไปลอง เคยลองใช้สมุนไพรไทยด้วย พอกขมิ้นที่หน้าแล้วนอนจนหมอนกลายเป็นสีส้ม คือลองหมดแล้วจริงๆ” (หัวเราะ)

คุณหวานเล่าต่อ “ในพี่น้องสามคน หวานจะมีปัญหาเกี่ยวกับผิวหน้ามากที่สุด ไม่ว่าลองใช้ผลิตภัณฑ์อะไรก็ทำให้ผิวหน้าดีขึ้นแค่ชั่วคราว ยังไม่ถึงจุดที่เราคาดหวังไว้สักที จนวันหนึ่งที่หวานได้รู้จักคุณชิโนบุ ซาโตะ ปรมาจารย์ด้านโฮลิสติกและความงามของประเทศญี่ปุ่น คุณซาโตะเดินทางไปทั่วโลกเพื่อค้นคว้าเรื่องสมุนไพรและศาสตร์แห่งความงาม ก่อนจะเปิดซาลอน เดอ โนเบิล ที่เมืองคึซึฮะ ต้องนั่งรถไฟออกจากตัวเมืองโอซาก้าไปอีกหน่อย หวานมีโอกาสไปเรียนกับคุณซาโตะที่นั่น ถือเป็นลูกศิษย์ต่างชาติคนแรกของเขาด้วย”

ครอบครัวเดินทางไปหาที่ญี่ปุ่นบ่อยไหมครับ

คุณมนต์ “บ่อยค่ะ มีทั้งไปพร้อมกันและสลับกันไป ในหนึ่งปีน่าจะมีรวมกันประมาณ 6-7 ครั้ง ระหว่างนั้นพี่หวานจะมีข้อมูลใหม่ๆ มาอัพเดตให้เรารู้ตลอด ถ้าอยากรู้อะไรหรือลองใช้ผลิตภัณฑ์ตัวไหน เขาก็ส่งกลับมาให้ที่บ้าน ซึ่งเราจะเห็นพัฒนาการของเขาทุกครั้งเวลาไปหาที่ญี่ปุ่น

“นอกจากเรื่องข้อมูล อีกเรื่องที่มนต์รู้สึกเซอร์ไพร้ส์มากคือ ครั้งแรกที่พี่หวานนวดตัวให้ ก่อนหน้านั้นไม่เคยมีภาพที่เขาจะนวดให้คนอื่นเลย เพราะเป็นทักษะและเทคนิคเฉพาะทางที่ต้องฝึกฝน มนต์ยังห่วงว่าเขาจะทำได้ไหม แต่พี่หวานพิสูจน์ว่าทำได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่พี่หวานนวดให้มนต์ ซึ่งมันเห็นผลจริง ๆ

“มนต์มีปัญหาเรื่องรูปร่าง ตอนแรกแก้ปัญหาด้วยการควบคุมอาหาร แต่มารู้ทีหลังว่าเกิดจากอาการบวมน้ำ (ภาวะที่น้ำหรือน้ำเหลืองสะสมและตกค้างอยู่ในเนื้อเยื่อของร่างกาย ทำให้เกิดอาการบวม) บางครั้งเวลาขึ้นเครื่องบิน นิ้วจะบวมจนใส่แหวนไม่ได้ หรือเท้าบวมจนสวมรองเท้าไม่ได้ เป็นอาการที่แก้ไม่หาย จนพี่หวานพามาเจอคุณซาโตะ ซึ่งใช้วิธีการนวดปรับสมดุล ทำให้อาการนั้นค่อยๆ หายไป

“อีกครั้งที่เห็นผลชัดๆ คือ พี่หวานช่วยนวดต้นขาให้ แต่วันนั้นเราต้องเดินทางไปญี่ปุ่นต่อ พี่หวานนวดแค่ขาขวาให้มนต์แล้วเหนื่อย จึงบอกว่าอีกข้างไปนวดต่อที่ญี่ปุ่น ปรากฏว่าต้นขาข้างขวาของมนต์ดูกระชับและเล็กกว่าขาซ้ายอย่างเห็นได้ชัด วันนั้นจึงต้องเดินทางไปแบบขาไม่เท่ากัน” (หัวเราะ)

ลี้โกมลชัย
คุณมนต์-คุณหวาน-คุณผึ้ง

เดาว่าตอนฝึกนวด คุณหวานต้องมาทดลองกับน้องๆ และคุณแม่ด้วย

คุณงามจิตต์ยิ้มรับแล้วขอเล่าเรื่องนี้ “โดนกันหมดแล้ว มีช่วงหนึ่งที่หวานขาดนางแบบสำหรับฝึกนวด แม่จึงวางแพลนไปอยู่ที่ญี่ปุ่นกับเขา 10 วัน เพื่อเป็นนางแบบให้ ฟังแบบนี้เหมือนดูดี แต่ความจริงไม่ง่ายเลย เพราะไม่ใช่การไปนวดฟรีแบบสบายๆ เหมือนโดนจับไปนวดมากกว่า”

คุณมนต์หัวเราะ “เหมือนอย่างที่คุณแม่พูดจริงๆ การเป็นนางแบบให้พี่หวานไม่ใช่การไปนอนสบายๆ ถึงจะรู้สึกผ่อนคลายและง่วงแค่ไหนก็ห้ามหลับ เพราะต้องฟีดแบ็กว่าเขานวดเป็นอย่างไร ระหว่างนั้นจะมีการสลับมือให้คุณซาโตะ ซึ่งเป็นอาจารย์ของพี่หวานมานวดด้วย เราต้องจำความรู้สึกนั้นเพื่อบอกพี่หวานว่าเขาทำได้เหมือนหรือต่างจากคุณซาโตะอย่างไร ซึ่งเราต้องเป็นนางแบบทั้งวันนะคะ ช่วงเช้า 3 ชั่วโมง พอพักกินข้าวกลางวันเสร็จก็มานวดต่ออีก 4 ชั่วโมง”

คุณหวาน “วิธีนวดของคุณซาโตะจะบังคับให้ร่างกายผ่อนคลาย แต่ทุกคนหลับไม่ได้ หวานเข้าใจความรู้สึกนั้นดี เพราะเคยต้องเป็นแบบให้คนอื่นฝึกนวดมาก่อน ความรู้สึกเหมือนนั่งเครื่องบิน พอเคลิ้มๆ กำลังจะหลับ พนักงานต้อนรับก็มาถามว่ารับชาร้อนไหมคะ อารมณ์ประมาณนั้นเลย” (หัวเราะ)

คุณหวานเรียนที่ญี่ปุ่นนานไหมครับ

“ประมาณ 1 ปีครึ่งค่ะ หลังจากได้ประกาศนียบัตร คุณซาโตะบอกว่าถ้าทำร้านสาขาที่ประเทศไทยก็อยากให้หวานทำ ซึ่งหวานก็บอกไม่ได้นะคะว่าทำไมคุณซาโตะถึงเลือกเรา อาจเป็นเพราะหวานมีแพสชั่นในศาสตร์นี้จริงๆ นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของเดสทินาเระ (DESTINARE) บิวตี้ฮับสำหรับคนรักการนวดสไตล์ญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม โดยผลิตภัณฑ์ที่ใช้เป็นส่วนผสมจากสมุนไพรของญี่ปุ่น ฝรั่งเศส และทั่วโลก รวมถึงเคล็ดลับด้านความงามกว่า 40 ปีของคุณซาโตะ เช่น ซาโตะออยล์ (Sato Oil) น้ำมันทาผิวชนิดเดียวกับที่ร่างกายมนุษย์ผลิตขึ้นมา พอทาแล้วจะซึมเข้าไปในผิวทันที ไม่รู้สึกเหนียวเหนอะที่ตัว ซึ่งคุณซาโตะไม่เคยบอกใครว่าส่วนผสมมีอะไรบ้าง เพราะเป็นเคล็ดลับความงามในครอบครัวที่ถ่ายทอดกันมา”

คุณผึ้งเล่าต่อ “ศาสตร์ที่พี่หวานเรียนไม่ใช่แค่เรื่องบิวตี้เท่านั้น แต่เป็นการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม อย่างช่วงหนึ่งผึ้งไม่สบายเป็นไฮเปอร์ไทรอยด์ วันแรกที่ไปหาหมอ หัวใจผึ้งเต้นเกิน 100 ครั้งต่อนาที รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงหัวใจเต้นตลอดเวลา ต้องกินยาวันละ 12 เม็ด ซึ่งผึ้งไม่อยากกินยานานๆ จึงให้พี่หวานพาไปเจอคุณซาโตะ ซึ่งเชื่อในหลักการว่าร่างกายรักษาตัวเองได้ตามธรรมชาติ ยาอาจช่วยในจุดหนึ่ง แต่ก็อาจทำลายอีกจุดได้ คุณซาโตะจึงแนะนำให้กินซัปพลีเมนต์ช่วย รวมถึงการปรับสมดุลในการใช้ชีวิต ตั้งแต่การกินอาหารที่มีประโยชน์ การนอนหลับที่มีคุณภาพ ทำให้สุขภาพของผึ้งดีขึ้นเรื่อยๆ จากที่กินยา 12 เม็ดก็เหลือครึ่งเม็ดในเวลา 6-7 เดือน”

คุณหวานยิ้ม “วิธีของคุณซาโตะก็ไม่ได้ถึงขนาดธรรมชาติ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ผสมผสานการรักษาแบบแพทย์แผนปัจจุบันด้วย เพราะธรรมชาติดีที่สุดในบางสถานการณ์ บางครั้งก็ต้องนำสารเคมีเข้ามาใช้ เพียงแต่เราต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดของแต่ละศาสตร์มารวมกัน ทำอย่างไรให้ความรู้ดั้งเดิมกับวิทยาการของโลกยุคใหม่รวมกันได้อย่างกลมกลืน นี่คือแนวทางของคุณซาโตะ รวมถึงที่เดสทินาเระ”

ลี้โกมลชัย

จากความชอบเรื่องบิวตี้จนมาถึงวันที่เปิดเดสทินาเระ ความรู้สึกของพี่น้องเป็นอย่างไรครับ

คุณผึ้งยิ้มให้คุณหวาน “ประทับใจพี่หวานนะ เราเห็นเขาคลุกคลีกับเรื่องนี้มา 6-7 ปีจนสามารถเปิดร้านของตัวเองได้สำเร็จ สำหรับผึ้ง เดสทินาเระเป็นส่วนผสมทั้งความรู้ของคุณซาโตะรวมถึงความตั้งใจของพี่หวานด้วย ซึ่งน่าจะกลมกล่อมมากขึ้นสำหรับคนไทย”

คุณมนต์ยิงมุก “ธุรกิจของพี่หวานทำให้มนต์มั่นใจว่าเราจะสวยกันยาวๆ ไปจนถึงอายุ 60 ปีแน่นอน” (หัวเราะทั้งกลุ่ม)

กลับมาถามคุณแม่บ้าง ลูกสาวสวยทั้งสามคนแบบนี้ หวงไหมครับ

“สำหรับแม่ไม่เท่าไหร่นะ แต่กับคุณพ่อก็ต้องบอกว่าทั้งหวงและห่วง เขาจะวางฟอร์มนิ่งๆ แต่คอยดูตลอดว่ามีใครเข้ามาในชีวิตของลูกแต่ละคนบ้าง ถ้าไม่เวิร์คจะใช้วิธีบอกแม่เพื่อเป็นสะพานส่งข้อความไปถึงลูก แต่ถ้าความสัมพันธ์จริงจังถึงขั้นคุยเรื่องการแต่งงาน พ่อจะแสดงความคิดเห็นตรงๆ ถ้าเขาไม่ชอบจะบอกเลยว่าถ้าเป็นพ่อจะไม่แต่งกับคนนี้ (สาวๆ ทั้งสามคนหัวเราะและยืนยันว่าคุณพ่อเป็นแบบนั้นจริงๆ)

“แต่เมื่อถึงที่สุดแล้ว ทั้งพ่อกับแม่ก็เคารพการตัดสินใจของลูกๆ เพราะเราไม่ได้อยู่กับเขาทั้งชีวิต หน้าที่ของพ่อแม่คือให้คำแนะนำ แต่สุดท้ายเขาต้องตัดสินใจเอง อย่างที่แม่บอกตั้งแต่แรกว่าทุกคนมีสิทธิและเสรีภาพในชีวิตของตัวเอง”

คุณผึ้งพูดถึงพี่น้องบ้าง “มีพี่น้องผู้หญิงก็สนุกนะคะ ชีวิตมีสีสัน แล้วบ้านเราชอบแสดงความคิดเห็น ถ้ามีเรื่องที่คิดไม่ตรงกัน แต่ละคนจะพูดสิ่งที่ตัวเองคิด บางครั้งทะเลาะกันบ้านแทบแตก เพราะทุกคนมีจุดยืนของตัวเอง ไม่มีใครยอมนั่งหรือนอนเลย (หัวเราะ) แต่หลังจากคุยจบก็ไม่ได้โกรธกันต่อนะคะ”

คุณงามจิตต์ “แม่เห็นลูกๆ คอยดูแลกันตลอด รวมถึงพี่ชายคนโตของเขาด้วย เวลามีปัญหาจะคอยช่วยเหลือกัน คนไหนว่างก็มาหาพ่อแม่ ตอนนี้หวานอาจมีเวลามากที่สุดเพราะยังโสด ส่วนผึ้งแต่งงานและมีครอบครัวที่ดี แต่ยังแวะมาหา มนต์ก็เหมือนกัน ถึงแม้งานเยอะ แต่ก็มาหาแม่ตลอด หรือถ้าช่วงไหนไม่ได้เจอกัน ก็รู้แหละว่าลูกๆ รักพ่อแม่ ถ้ามีเรื่องอะไรให้ช่วยทุกคนก็พร้อมเสมอ เหมือนเพลงด้วยรักและผูกพันของพี่เบิร์ดที่ร้องว่า ‘จะไปในทันใด จะไปยืนเคียงข้างเธอ ไปอยู่ดูแลเป็นเพื่อนเธอ ให้เธอหมดความกังวลใจ’ (ลูกสาวทั้งสามคนปรบมือชอบใจแล้วบอกว่าปกติคุณแม่ไม่ร้องเพลงแบบนี้บ่อยๆ ก่อนที่คุณงามจิตต์จะพูดปิดท้าย) บ้านเราเป็นเหมือนเพลงนี้ แม้จะไม่ได้อยู่ด้วยกันทุกวัน แต่พร้อมดูแลกันเสมอ”


 

ที่มา : นิตยสารแพรว ฉบับ 943

ช็อกวงการแฟชั่นโลก Karl Lagerfeld ดีไซเนอร์ Chanel เสียชีวิตในวัย 85

account_circle

ช็อกวงการแฟชั่นโลก Karl Lagerfeld ดีไซเนอร์ Chanel เสียชีวิตในวัย 85 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เรียกได้ว่าเป็นข่าวใหญ่สำหรับวงการแฟชั่นโลก เมื่อ  คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ ดีไซเนอร์แบรนด์ไอคอนิคอย่าง Chanel เสียชีวิตลง โดยสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า คาร์ล เสียชีวิตอันเนื่องมาจากปัญหาทางสุขภาพ ที่เจ้าตัวเผชิญมาเป็นเวลาหลายสัปดาห์

 Karl Lagerfeld

และเป็นครั้งแรกในทศวรรษที่เขาไม่ได้เดินปิดโชว์ในคอลเล็กชั่นล่าสุดของ Chanel เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาในเดือนมกราคม ซึ่งโดยปกติแล้วเราจะเห็นเขาในโชว์ของชาแนลทุกครั้ง สร้างความแปลกใจไม่น้อยให้กับคนในวงการแฟชั่น

สำหรับผลงานของปู่คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ ที่สร้างชื่อให้กับเขาจนกลายเป็นไอคอนแห่งวงการแฟชั่นนั้นต้องบอกเลยว่ามีเยอะมากๆ แต่ที่โดดเด่นมากที่สุดเห็นจะเป็นผลงานชิ้นแรกอย่างภาพสเก๊ตเสื้อโค้ทในปี 1954 ซึ่งเขายังได้คว้ารางวัลอันดับ 1 ซึ่งจัดการประกวดโดย Secrétariat International de la Laine อีกทั้งผลงานของเขายังได้ไปเข้าตา ปิแอร์ บัลแมง โดยบัลแมงได้นำภาพสเก็ตนี้ไปผลิตและออกจำหน่ายจริง และนั่นทำให้คาร์ลเข้ามาเป็นผู้ช่วยของบัลแมงอีกด้วย

Chanel แถลงการณ์ผ่านจดหมาย การเสียชีวิตของปู่คาร์ลอย่างเป็นทางการ


ภาพ : Getty Image

7 ผลงานสุดเก๋ จากปู่ “คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์” แฟชั่นไอคอนที่โลกต้องกราบ

มิสเวิลด์

อวดความงามแบบสยามสู่สายตาระดับโลก มิสเวิลด์ แต่งชุดไทยโบราณ

Alternative Textaccount_circle
มิสเวิลด์
มิสเวิลด์

อวดความงดงามระดับโลก มิสเวิลด์ แต่งชุดไทยโบราณ ให้คนทั้งโลกได้เห็นความสวยแบบสยามอย่างแท้จริง

มิสเวิลด์

จัดแถลงข่าวอย่างเป็นทางการเรียบร้อย สำหรับเวทีประกวดนางงามระดับโลก “The 69th Miss World 2019” ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างเดือน พฤศจิกายน –ธันวาคม 2562 ที่ครั้งนี้ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพครั้งแรก ภายใต้กรอบแนวคิด“Beauty with a Purpose”

และงานนี้ “วาเนซา ปอนเซ” Miss World 2018 จากประเทศเม็กซิโก, “นิโคลีน-พิชาภา ลิมศนุกาญจน์” รองอันดับ 1 Miss World 2018 และ Miss Asia ขวัญใจแฟนนางงามประเทศไทย นำทีมสาวงาม“มาเรีย เวสิเลวิช” Miss World Europe จากประเทศเบลารุส “กาดิยาห์ โรบินสัน”  ,Miss World Caribbean จากประเทศจาเมกา “เจสสิกา ไทสัน” Miss   World Oceania จากประเทศนิวซีแลนด์ ,“ควิน อเบนาเคียว” Miss World Africaจากประเทศยูกานดา “โซลาริส บาร์บา” Miss   World Americas จากประเทศปานามา และ “ลินซี แม็คคิลแลนด์”  Miss United Kingdom จากประเทศสกอตแลนด์ มาถ่ายภาพโปรโมทการประกวด ในชุดไทยโบราณ จากร้าน “ภูษาผ้าลายอย่าง” โชว์เสน่ห์ผ้าไทยโบราณ เผยแพร่ให้ทั่วโลกตะลึงความงามอย่างไทย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงเอกลักษณ์ของความเป็นไทยแต่ละยุคแต่ละสมัยและสื่อถึงการเป็นเจ้าภาพในการจัดงานของประเทศไทยในครั้งนี้

มิสเวิลด์

อย่างไรก็ตามทีมงานได้เผยถึงแรงบันดาลใจในการออกแบบชุดไทยโบราณผ่าน Facebook ว่าต้องใช้ข้อมูลอ้างอิงจากทั้งจดหมายเหตุ และภาพถ่ายทางประวัติศาสตร์เป็นจำนวนมาก กว่าที่จะสำเร็จได้

“ชุดไทยโบราณ ที่เผยแพร่ออกสู่ชาวโลกในภาพชุดแรกที่ทุกท่านได้เห็นนี้ เป็นการสร้างสรรค์ผลงานผ่านแรงบันดาลใจ จากการแต่งกายของสตรีชาวสยาม ที่วิจิตร งดงาม ประกอบด้วยองค์ความรู้ ที่มีการค้นคว้า จากแหล่งเรียนรู้ และอ้างอิงจาก ภาพจิตรกรรม หนังสือจดหมายเหตุ และภาพถ่ายทางประวัติศาตร์ ถ่ายทอดผ่านกระบวนการผลิต ที่สืบสานตามแบบโบราณ อาทิ การปักผ้าสะพักแบบราชสำนักสยาม ด้วยดิ้นโลหะ , การเขียนผ้าเขียนลายทอง , การทำเครื่องประดับด้วยการสลักดุนโลหะ , การทำเครื่องประดับด้วยการกระแหนะรัก เป็นต้น ทั้งนี้งานชุดไทยโบราณ มิได้เกิดขึ้นและสามารถงดงามได้ภายในไม่กี่วัน แต่ต้องใช้เวลานานนับแรมปี ซึ่งทีมงานได้สืบสานงานเหล่านี้มาโดยตลอด จึงเกิดเป็นชุดที่งดงามขึ้น

การทำงานครั้งนี้ ทางทีมงานได้จัดชุดให้มีความหลากหลายตามแบบของการแต่งกายอย่างโบราณ เพื่อให้ทุกท่านได้เห็นถึงการแต่งกายของสตรีชั้นสูงในหลายยุคสมัย และการแต่งการที่แตกต่างกันไปตามวาระโอกาส อาทิ การแต่งกายที่ถอดแบบมาจากจิตกรรมไทย , การแต่งกายแบบนางละครในราชสำนัก เป็นต้น ซึ่งเป็นชุดไทยแต่งตามอย่างโบราณอย่างแท้จริง ไม่ได้เป็นเพียงชุดที่ปรับประยุกต์ขึ้นใหม่แบบที่สามารถหาชมกันได้ทั่วไป

แม้ว่ามูลค่าของชุดอันสง่างามนี้ มีมูลค่าสูงด้วยกระบวนการทำงาน และความยากกว่าจะเป็นชุดไทยโบราณอันงดงาม แต่ทางทีมงานได้ตั้งใจทำอย่างเต็มที่ เพื่อเผยแพร่ความงามแบบไทยแท้ให้คนทั้งโลกได้เห็นความงามอันเป็นเนื้อแท้ ของคำว่าชุดไทยโบราณ”

 

มิสเวิลด์

มิสเวิลด์

มิสเวิลด์

มิสเวิลด์

มิสเวิลด์

มิสเวิลด์

มิสเวิลด์

มิสเวิลด์


 

กระเป๋า Chanel Sunset on the Sea

เช็คข้อมูลก่อนหิ้ว กระเป๋า Chanel Sunset on the Sea หนังโทนสี Ombre ที่ต้องมีสักใบ!

กระเป๋า Chanel Sunset on the Sea
กระเป๋า Chanel Sunset on the Sea

ไล่โทนสีได้ละมุนมากกก กระเป๋า Chanel Sunset on the Sea อีกหนึ่งไอเท็มสุดจี๊ดจากชาเนลที่เหล่าสาวกไม่ควรมองข้าม แต่ก่อนจะตามไปสอย ก็มาอัพเดทข้อมูลกันสักหน่อย

ต้องบอกว่ากระเป๋า Chanel Sunset on the Sea เป็นไอเท็มใหม่สำหรับคอลเล็คชั่น Cruise 2019 ของ Chanel ที่ได้รับความนิยมไม่น้อย เพราะนางมาพร้อมหนังอันโดดเด่นมีการไล่โทนสีสดใสแบบ Ombre ประดับด้วยด้ามจับโซ่เรซิ่นที่ไล่สีโทนเดียวกับกระเป๋าและโซ่โลหะสีทอง ซึ่งกระเป๋ารุ่นนี้ของชาเนลถือเป็นหนึ่งในคอลเล็คชั่นที่น่าตื่นเต้นที่สุด มีให้เลือกใช้งานได้ทั้งแบบสะพายข้างและคาดเอว

The Sunset On The Sea ถูกสร้างขึ้นมาจากหนังลูกวัว (grained calfskin) หนังถูกตัดเย็บเป็นลายตารางหรือ quilting แต่ละช่องจะเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสหรือสี่เหลี่ยมคางหมูอันเป็นสัญลักษณ์ของกระเป๋าชาเนล โซ่โลหะสีทองด้านบนและโซ่เรซิ่นก็เข้ากับสีสไตล์ Ombre ของกระเป๋าได้ดี ส่วนโลโก้ CC ตกแต่งอยู่ด้านหน้ากระเป๋าพร้อมตัวล็อคเปิด-ปิดที่เห็นได้เด่นชัด

นอกจากนี้ยังมีสายสะพายผ้าใบให้สามารถพกพากระเป๋าใบนี้ได้หลากหลายวิธี และด้านล่างนี้เราได้รวบรวมข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับ Chanel Sunset on the Sea ให้ทุกท่านที่สนใจกระเป๋ารุ่นนี้ได้เช็คข้อมูลก่อนที่จะเสียตังค์ซื้อ เพราะกระเป๋าราคาหลักแสนถ้าไม่ชัวร์ ก็ควรเช็คให้ดีๆ ก่อนนะจ๊ะ

 

เช็คข้อมูลก่อนหิ้ว กระเป๋า Chanel Sunset on the Sea หนังโทนสี Ombre ที่ต้องมีสักใบ!

 

ซื้อได้ที่ไหน

คุณสามารถซื้อกระเป๋า Chanel Sunset on the Sea ได้ที่บูติกของ Chanel แต่ควรโทรล่วงหน้าเพื่อเช็คว่าสินค้าพร้อมหรือไม่ และอีกทางเลือกคือซื้อจากร้านขายกระเป๋าแบรนด์เนมที่มีความน่าเชื่อถือบนโลกออนไลน์ ไม่ก็ร้านค้ากระเป๋าแบรนด์เนมที่มีหน้าร้านอยู่ตามห้างสรรพสินค้าต่างๆ

 

โทนสีที่มีให้เลือก

กระเป๋า Chanel Sunset on the Sea

กระเป๋า Chanel Sunset on the Sea

กระเป๋า Chanel Sunset on the Sea

 

รุ่น ขนาด และราคา

Chanel Sunset On The Sea Flap Bag ขนาด : 6.2″ x 2.3″ x 10.1″ ราคา $4,900 บาท หรือประมาณ 153,350 บาท

Chanel Sunset On The Sea Small Flap Bag ขนาด : 5.1″ x 2.3″ x 8.6″ ราคา $4,500 หรือประมาณ 140,832 บาท

Chanel Sunset On The Sea Waist Bag ขนาด : ไม่มีระบุ ราคา $3,600 หรือประมาณ 112,665 บาท

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ต้องฟาดสักใบ! กระเป๋า Chanel Backpack ไอเท็มใหม่ล่าสุดของ ‘ลิซ่า BLACKPINK’

หยุดทุกสายตา! แพนเค้ก-เขมนิจ บุก London Fashion Week โชว์ผ้าไหมไทยสู่ระดับโลก

ถอดแบบจากแม่ชบา! คิมเบอร์ลี่ ใส่เดรสผ้าไหมไทย หวานซ่อนเปรี้ยว สไตล์โมเดิร์น

 เด็ดทุกชิ้น! ไอเท็มใหม่จาก Longchamp บนรันเวย์ New York Fashion Week 2019

 แมทช์ลุคเพอร์เฟ็ค! 13 สไตล์ที่เข้ากันได้ดีของ ดยุกและดัชเชสแห่งเคมบริดจ์

Romantic Style! เจ้าหญิงเคท งดงามสะกดทุกสายตา ในเดรสสีหวานจาก Gucci

ราคานี้ซื้อได้! เจาะ 12 ไอเท็ม ‘สองสะใภ้แห่งราชวงศ์อังกฤษ’ ที่งบไม่เกินหลักพัน

ดีไซน์สไตล์โมเดิร์น ‘แหวนแหวน-ปวริศา’ เปิดตัว ‘พาวา’ กระเป๋าผ้าไหมไทย


ที่มา : pursefiend.com

ภาพ : pursefiend.com , www.spottedfashion.com , www.purseblog.com

ลิซ่า BLACKPINK

ละมุนมาก! “ลิซ่า BLACKPINK” สวยครบรสทุกลุค จะหวานก็ได้ เปรี้ยวแซ่บก็ไม่ติด

Alternative Textaccount_circle
ลิซ่า BLACKPINK
ลิซ่า BLACKPINK

ถ้าสาวๆ คนไหนเป็นสายเกาหรือแฟน BLINK แน่นอนว่าต้องทราบเรื่องที่ก่อนหน้านี้ไม่นาน แบรนด์เครื่องสำอางสัญชาติเกาหลี Moonshot ได้คว้าตัวไอดอลสาวสุดฮ็อต “ลิซ่า – ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK” มาเป็นมิวส์สาวหรือพรีเซ็นเตอร์ให้กับทางแบรนด์ และเมื่อปลายปีที่ผ่านมาได้จัดแถลงข่าวในไทยอย่างเป็นทางการ “moonshot x LISA 2018 LISA The 1st FAN SIGN IN BANGKOK” ให้แฟนๆ เอ็กซ์คลูซีฟใกล้ชิดลิซ่าสุดๆ ในฐานะพรีเซ็นเตอร์ของแบรนด์อีกด้วย และล่าสุดไม่กี่วันที่ผ่านมา แพรวดอทคอม ได้เห็นคลิปทีเซอร์โปรโมทเมคอัพคอลเล็คชั่น lalavla ผ่านอินสตาแกรมออฟฟิเชียลของแบรนด์ Moonshot ที่ลิซ่าเป็นพรีเซ็นเตอร์ บอกเลยว่าครบรสทุกลุค เพราะหลังจากทีเซอร์ปล่อย รูปเมคอัพลุคต่างๆ ของลิซ่า พร้อมบิวตี้ไอเท็มที่แนะนำก็ทยอยตามมา ทั้งลุคหวานละมุน ลุคเปรี้ยวแซ่บ ที่พร้อมยั่วยวนเงินในกระเป๋าทั้งบิวตี้นิสต้าทั้งหลายและแฟน BLINK

ส่วนถ้าใครยังไม่คุ้นแบรนด์นี้ แต่อยากฝากเพื่อนหิ้วล่ะก็ แอดจะพาไปทำความรู้จักฉบับคร่าวๆ เอง แบรนด์ Moonshot เกิดขึ้นในกรุงโซล เกาหลีใต้ เมื่อปี 2014 ช่วงเดือนตุลาคม ท่านประธานยางฮยอนซอก (Yang Hyun-suk) แห่งค่าย YG Entertainment เล็งเห็นโอกาสที่จะดึงดูดความสนใจจากคู่ค้าทางธุรกิจในต่างประเทศด้วยการลงทุนในธุรกิจเครื่องสำอางอีกทางหนึ่ง และได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากเหล่าบิวตี้เลิฟเวอร์ ผู้ที่เป็นทั้งแฟนคลับของศิลปินในค่ายอย่าง จีดราก้อน (G-Dragon) และ ซานดาร่าปาร์ค (Sandara Park) โดยผลิตภัณฑ์ทั้งหมดที่ปล่อยออกมาครั้งแรก ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์บำรุงผิว 21 ชิ้น ผลิตภัณฑ์แต่งหน้า 23 ชิ้น และผลิตภัณฑ์แต่งหน้าที่เป็นโทนสีสดใสอีก 162 ชิ้น ซึ่งกลุ่มเป้าหมายหลักของแบรนด์คือผู้หญิงวัย 20-30 ปี และแน่นอนว่า YG Entertainment ที่มีเหล่าไอดอลคนดังอยู่ในชายคามากมาย ย่อมต้องสร้างภาพลักษณ์ให้แบรนด์ดูดี และดึงดูดผู้คนได้มหาศาลอยู่แล้ว

 

 

View this post on Instagram

 

@lalalalisa_m @moonshot_korea Lisa congratulates moonshot’s launching in lalavla! Meet the moonshot’s new products in lalavla. 🖤 – 블랙핑크 리사가 moonshot 랄라블라 입점을 축하합니다🖤 moonshot의 신제품 마이크로 코렉트핏 쿠션과 멀티 프로텍션 틴티드 모이스처를 랄라블라 온라인 스토어와 오프라인 매장 22개점에서 만나보실 수 있어요! – #moonshot #Lisa #리사 #블랙핑크 #BLACKPINK #문샷쿠션 #문샷베이스 #블랙홀쿠션 #마이크로코렉트핏쿠션 #수분베이스 #멀티프로텍션틴티드모이스처 #틴모 #베이스추천 #인생템 #코덕 #뷰스타그램 #motd #인스타뷰티 #instabeauty

A post shared by moonshot 문샷 (@moonshot_korea) on


เรื่อง : PP_แพรวดอทคอม
ภาพ IG : moonshot_korea

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

จับตาดู “เจนนี่ Blackpink” เตรียมขึ้นแท่นมิวส์สาวคนใหม่แบรนด์ Hera แทนตัวแม่ จวนจีฮุน

ตัดใจทิ้งบ้าง! เช็คลิสต์โต๊ะเครื่องแป้งว่า เครื่องสำอางหมดอายุ และอยู่ได้นานแค่ไหน

เปิดเคล็ดลับสวยหุ่นเป๊ะเอวเอสแบบ “เจนนี่ BLACKPINK” พร้อมส่องบิวตี้ไอเท็มชิ้นโปรด

ปั้วะมากแม่! “แอฟ ทักษอร” เปลี่ยนลุคจัดแฮร์พีชสีชมพู น่ารักสไตล์แบล็คพิ้งค์

บลอนด์เทา สีผมใหม่ของ “ลิซ่า BLACKPINK” สวยคูลดูเปรี้ยวเท่

ลบภาพจำแต่สีนู้ด “คิม คาร์ดาเชียน” เตรียมปล่อยลิปสติกเฉดสีแดงครั้งแรก!!

เปิดวาร์ปเมคอัพทริคสไตล์ “ลิซ่า BLACKPINK” พร้อมบิวตี้ไอเท็มที่ขาดไม่ได้

ตั้งตารอ! “เลดี้ กาก้า” ซุ่มเตรียมออกไลน์เครื่องสำอาง Haus Beauty ของตัวเอง

หุ่นไม่เคยพัง! “เนย โชติกา” แชร์ทริคหุ่นเฟิร์ม เป๊ะไม่เปลี่ยนหลังคลอดน้องอคิณ

วาเลนไทน์นี้…ลิปพร้อมหรือยัง? 12 ลิปสติก เฉดแดงและชมพูสีสันสื่อความรัก

ไหนแม่ว่าจะทำสีธรรมชาติ! “ชมพู่ อารยา” กับผมสีใหม่แซ่บซี้ดสไตล์บาลายาจ

งานผิวต้องเนี๊ยบ! 6 รองพื้น เนื้อดี เกลี่ยง่าย ช่วยปกปิด แถมผิวสวยในทุกสภาพแสง

ปากนุ่มน่าจุ๊บด้วย 6 ไอเท็ม บำรุงริมฝีปาก กับความต่างระหว่าง “ลิปบาล์ม กับ ลิปมาสก์”

กินช็อกโกแลตอย่างไรให้รู้สึก Feel Good ไม่อ้วน ไม่เครียด แถมหัวใจแข็งแรง

ฉีกกฎเมคอัพ! แม่ชบา เปลือกตาเขียวปากชมพูบานเย็น สวยยืนหนึ่งที่สุดในท่าโฉลง

 

 

 

ป๊อป อารียา

จากกันตลอดชีวิต ” ป๊อป อารียา ” เล่าทุกวินาทีกับคุณแม่แสนมีค่า

Alternative Textaccount_circle
ป๊อป อารียา
ป๊อป อารียา

ข่าวเศร้า “คุณแม่ปทุมวรรณ” มารดาของ “ ป๊อป อารียา ” ได้เสียชีวิตลงอย่างสงบที่บ้านพักส่วนตัว โดยอดีตสาวงามขวัญใจคนไทยได้โพสต์ไว้อาลัย ทั้งนี้เธอพักงานในวงการบันเทิงไปหลายสิบปีเพื่อดูแลคุณแม่อย่างใกล้ชิด

ป๊อป อารียา

ถือเป็นข่าวเศร้าครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิตของ ป๊อป อารียา สิริโสภา เลยทีเดียว เมื่อเธอต้องสูญเสีย“คุณแม่ปทุมวรรณ” ได้จากไปอย่างไม่มีวันกลับ โดยเมื่อไม่นานมานี้เธอได้เปิดเผยเรื่องราวผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว โดยมีข้อความว่าคุณแม่ได้จากไปอย่างสงบที่บ้านพักเมื่อวันที่ 15 ก.พ.ที่ผ่านมา ในช่วงบ่าย ทันทีที่เธอทราบว่าคุณแม่ไม่อยู่กับเธอแล้วเธอร้องไห้อย่างหนัก มันยากลำบากมากที่จะไม่รู้สึกไม่เสียใจเลย ทั้งนี้เธอยังกล่าวอีกว่าเธอได้ตัดสินใจจัดงานศพขึ้นที่บ้าน และไม่ต้องการรับพวงหรีดเพราะดอกไม้มีราคาแพง คุณแม่เป็นคนประหยัดคงไม่เห็นด้วยแน่ๆ

“Sleep in peace my beautiful #mom, you have blessed me with so much #love, I feel so lost knowing I can never hug or kiss you again. Thank you to everyone who has written to her and admire and love #mymompatumwan . She went to sleep peacefully in the afternoon and stop breathing on February 15, at around 1:30 pm this past weekend I have cried until my eyes are swollen and I have lost my voice screaming into the heaven that I was in Pai when my brother had to perform CPR and tried his best to revive her alone without me. it is difficult to not feel regret. Life and love is never fully appreciated until it is gone.
Because mom went quickly, without any pain and never had to enter the hospital to have all those tubes and needles in her, I feel she wanted to be at home with us. I did not allow any formalin to preserve her body, I am beyond relief I never had her in any life insurance, or they would have to taken her away and do an autopsy. Life and death has become an assembly line business that I do not want my mother to go through. I have decided to put her body in a plug-in refrigerated coffin and have a private prayer service at home.
I do not want any wreath or cut flowers that are expensive and wasteful that I will have to throw away later, my frugal mom would not approve Please send prayers and message to me and I will read it to her like I have been doing everyday. Everyone’s message of support and encouragement made my mom feel loved and less alone, I thank you. Please allow me and my brother and her closest family and friends to mourn without the drama and circus of the media.

Please honor our need for a small service at our house by not sending any gifts or flowers, we would appreciate all well wishes without them. Her cremation will be held at a temple close to our house. I will post that when I get the time slot. Thank you for every well wishes. My mom is now in #peace. Rest In Peace my love, I will miss you for the rest of my life.”

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ ป๊อบ นักแสดงและอดีตนางสาวไทย เคยเปิดเผยเรื่องราวของคุณแม่ของเธอผ่านรายการ คุยแซ่บShow ทาง one31 ว่า เหตุผลสำคัญที่ตัดสินใจไม่รับงานละครเป็นสิบๆปีก็เพราะต้องการเวลาดูแลคุณแม่อย่างเต็มที่ เนื่องจากคุณแม่ของเธอเป็นโรคสมองน้อยฝ่อ และตอนที่คุณแม่อายุ 60 ปี อาการแย่ลง เกิดอุบัติเหตุล้ม ทำให้เธอตัดสินใจที่จะกลับมาเมืองไทยเพื่อที่จะดูแลด้วยตัวของเธอเอง

ป๊อป อารียา

ป๊อป อารียา

บทสัมภาษณ์ในรายการ คุยแซ่บShow

เหตุผลหนึ่งที่ผ่านมา ที่ไม่เลือกรับงานละคร เพราะต้องดูแลคุณแม่จริงหรือเปล่า?

“จริงที่แม่ไม่สบายมาระยะหนึ่ง เป็นโรคคล้ายๆ พาร์กินสัน แต่ไม่ใช่พาร์กินสัน คือโรคสมองน้อยที่ฝ่อ มันฝ่อไปเรื่อยๆ แต่เราไม่รู้ว่ามันฝ่อเพราะอะไร อารการค่อยๆ แย่ลงตั้งแต่อายุ 60 แล้ว เซบ้าง ล้มบ้าง อุบัติเหตุที่ทำให้ฉุกคิดคือตอนที่วิ่งมารับโทรศัพท์ ซึ่งตอนนั้นคุณแม่อยู่ที่มิชิแกน ด้วยความที่วิ่งมาเลยเซล้ม เราเลยพากลับมาอยู่เมืองไทย ตอนที่ล้มก็ฟันหัก ซี่โครงร้าว”

รู้สึกยังไงที่มันเป็นเพราะโทรศัพท์ของเราทำให้คุณแม่ต้องล้ม?

“คือเราต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว แต่ไม่รู้ว่าอาการของแม่เป็นมาแบบนี้เรื่อยๆ คิดว่าครั้งแรกหมอวิเคราะห์ผิด บอกว่าเป็นน้ำในหูไม่เท่ากัน บอกมาเป็นแบบนี้มา 5-6 ปี เราก็ค่อนข้างจะรับได้ แต่อาการนี้เริ่มแย่ไปเรื่อยๆ อาการตอนนี้ของคุณแม่มันจะค่อยๆ มืด หายใจเต็มปอดยากขึ้น กล้ามเนื้อที่สายตาจะฝ่อ เลยมีปัญหา แล้วเงินของแม่อยู่ที่อเมริกา มันก็หลายอย่างอ่ะ เอาออกไม่ได้ แม่ก็เซ็นไม่ได้ พูดไม่ได้ สายตาก็จะไปแล้ว”

ป๊อป อารียา

การรับรู้ของคุณแม่เป็นอย่างไรบ้าง?

“คุณแม่สมองดีมาก ตอนนี้มีหน้าที่เช็ครายชื่อนักเรียนที่มาเรียนโยคะกับเรา เหมือนเป็นครูใหญ่ วันนี้อยากกินอะไรท่านก็จะบอกนักเรียน แล้วนักเรียนก็จะเอามาให้กิน แม่รู้สึกว่าตัวเองมีค่า ปัจจุบันตื่นนอนมาทุกเช้าเราก็จะหอมแก้มกันทุกเช้า ให้ความรักเยอะๆ เพื่อที่ว่าวันไหนถ้าเค้าไม่อยู่ วันนั้นเราจะได้ไม่เสียใจว่าเรายังทำไม่ได้เต็มที่”

ป๊อป อารียา

ค่ารักษาพยาบาลคุณแม่สูงมากเหมือนกัน?

“มีช่วงหนึ่งเราพาไปหาหมอ แล้วหาวิธีการรักษาให้ได้ แล้วมีหมอคนหนึ่งแนะนำมาว่าให้ฉีดพลาสม่า เข็มละ 3แสน ฉีดไป 4 เข็ม ก็ล้านกว่า ฉีดไปก็ไม่มีผลอะไรดีขึ้น แม่ก็เอาที่นาไปขาย แต่ไม่มีผลอะไรขึ้นมา เราทำได้ก็แค่เหมือนนั่งมองแม่คนหนึ่งค่อยๆ จากไป จากเรา แล้วเหมือนเขาจะจบสิ้นลง เราเลยอยากให้เขาหัวเราะให้ได้ทุกวัน แต่อาการมันจะแย่ไปเรื่อยๆ ช่วง 4 ปีหลังนี้จะหนักขึ้นค่ะ

ความรักครั้งหนึ่งมีมาให้เลือกระหว่างแม่กับตัวเอง?

“อันนั้นนานแล้ว 20 ปี เคยมีความรัก คุยกับแฟนเป็นฝรั่ง เค้าไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเก็บเงินให้พ่อกับแม่ ทำไมไม่เก็บให้ตัวเอง ให้กับครอบลครัวในอนาคตของตัวเอง ถ้าเราแต่งงานเรายังให้เงินพ่อแม่อยู่เหรอ เราก็บอกว่า ให้ เขาเลยบอก ว่าคนอื่นเขาเลิกให้กันแล้วนะ ทำไมไม่คิดถึงตัวเอง เราก็เอ้า ทำไมล่ะ พ่อแม่เราให้เราตลอดชีวิต แล้วทำไมช่วงนี้เค้าต้องการเราถึงให้ไม่ได้ แฟนก็๋เลยบอกว่าเราต้องหยุดให้แล้ว ถ้าเราจะมีชีวิตคู่ร่วมกัน เราต้องเลือกครอบครัวในอนาคตด้วยกัน ไม่ใช่ครอบครัวในอดีต เราก็บอกว่า ถ้าพูดขึ้นมาแบบนี้ คุณก็ไม่ใช่ครอบครัวในอนาคตของชั้นแน่นอน คนนี้เราคบไม่นานนะคะ เขาไม่เข้าใจวัฒนธรรมไทย ครอบครัวไทยของเรา”


 

‘วันพระธรรมะสายแข็ง ขอใส่ชุดขาวปฏิบัติธรรมแทนการตอบรับออกเดท’ ดูดวงรายวัน 19 กุมภาพันธ์ 2562

ดูดวงรายวัน 19 กุมภาพันธ์ 2562 #หมอปุ้ยพยากรณ์ เช็กทุกวัน เป๊ะปังทุกดวง ทั้งการงาน การเงิน ความรัก และสุขภาพ

ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์

การงาน :  คุณมีอารมณ์ศิลปินเต็มตัว สามารถทำงานด้านความคิดสร้างสรรค์ หรือที่เกี่ยวกับความสวยงามได้ดี ซึ่งวันนี้คุณก็คาดหวังความสำเร็จอย่างแรงกล้า ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาโดยไม่คิดถึงความถูกต้องชอบธรรม แต่อุปสรรคที่สำคัญอยู่ที่คุณให้ความสนิทสนมกับลูกน้องมากเกินไปจนเขาไม่เกรงใจ เพราะฉะนั้นจึงควรใช้ทั้งพระเดชและพระคุณ

การเงิน : อาจได้เงินพิเศษจากงานพิเศษ แต่ก็หมดไปกับการดื่มกินเที่ยว จนต้องเดือดร้อนผู้ใหญ่ที่บ้าน

ความรัก : คุณอาจใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมานานจนมาถึงจุดที่เริ่มเบื่อหน่าย จึงหันไปใช้ชีวิตดื่มกินเที่ยวกับเพื่อนมากกว่าที่จะให้เวลากับครอบครัว วันนี้วันพระใหญ่ลองชวนกันไปเข้าวัดทำบุญอาจช่วยเปลี่ยนบรรยากาศเดิมๆ ให้สดชื่นขึ้น คนโสด คุณมีเสน่ห์กับเพศตรงข้ามมาก จึงมีผู้คนแวะเวียนมาจีบมากมาย ซึ่งวันนี้คุณตามหารักแท้ สามารถมีรักใหม่และเปลี่ยนใจได้เสมอจนกว่าจะพบคนที่ใช่และถูกใจที่สุด

สุขภาพ :  เดินทางไปทำบุญที่ไหนอย่าลืมพกยาหม่อง ยาดมติดตัวไว้ด้วย อาจเพราะคุณพักผ่อนไม่เพียงพอ จึงมีโอกาสวูบโดยไม่รู้ตัว

                                                                        

ผู้ที่เกิดวันจันทร์       

การงาน : โครงสร้างองค์กรอาจมีการเปลี่ยนแปลง ทำให้เนื้อหางานต้องปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา วันนี้คุณจึงเกิดความคิดที่จะทำอะไรใหม่ๆ ที่ท้าทายความสามารถ โดยที่คุณเก่งและกล้าเสี่ยง ไม่ฟังความคิดเห็นของใครเลย ซึ่งการตัดสินใจที่รวดเร็ว และบริวารที่ไม่ซื่อสัตย์อาจทำให้เกิดความผิดพลาดล้มเหลวได้อย่างไม่น่าเกิดขึ้น จึงควรทำงานคนเดียวดีกว่า

การเงิน : ลงทุนแบบกล้าได้กล้าเสีย ซึ่งวันนี้มีโอกาสผันผวนสูง ประกอบกับคุณก็ใจใหญ่ ชอบช่วยเหลือเพื่อนฝูง ญาติสนิทมิตรสหาย จึงควรเก็บเงินในรูปของอสังหาริมทรัพย์

ความรัก : อารมณ์ผาดโผนขึ้นลงแบบสุดโต่ง วันนี้คุณอาจลุกขึ้นมาหว่านเสน่ห์ เพราะรู้สึกว่าชีวิตคู่เริ่มจืดจางไปแล้ว และด้วยนิสัยของคุณที่ชอบเอาอกเอาใจจึงทำให้อาจมีหนุ่มๆ มาติดพันจริงๆ ก็ได้ใครจะรู้ คนโสด อาจได้พบชายในฝันแบบปุบปับ ซึ่งหากคุณถูกใจก็ไม่คำนึงว่าจะถูกต้องหรือเปล่า แต่หากไม่ถูกใจก็รอไปก่อน

สุขภาพ  : ไปพบหมอฟันบ้างหรือยังคะ เพราะสุขภาพในช่องปากเริ่มมีปัญหา หากปล่อยไว้จะส่งผลเสียต่อระบบทางเดินหายใจและปอด จนถึงทอลซินอักเสบ

 

ผู้ที่เกิดวันอังคาร

การงาน  :  คุณตกอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก คุณอาจถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้องกับงานในสถานบันเทิงยามค่ำคืน วันนี้คุณต้องใช้ทั้งแรงกายและแรงใจ เพื่อจะเอาชนะปัญหาและอุปสรรคต่างๆ เรียกว่าเหนื่อยสายตัวแทบขาด คงต้องอาศัยผู้รู้หรือที่ปรึกษามาช่วย

การเงิน : มีโชค แต่ควรระวังการคบเพื่อน เพราะอาจถูกหลอกให้พาไปกินดื่มเที่ยว หรือเข้ามาตักตวงผลประโยชน์จากคุณ

ความรัก : มีโชคในเรื่องคู่ เพราะวันนี้เขาเอาใจใส่และดูแลทุกข์สุขครอบครัวอย่างดี จนคุณสามารถปลีกวิเวกไปปฏิบัติธรรมในวันพระใหญ่ได้อย่างสบายใจ  คนโสด คุณเปรียบเสมือนนักรบในสนามรัก แม้วันนี้จะมีคนรักมากมาย แต่ไม่ค่อยได้สมหวังหรือลงเอยกับใครง่ายๆ เพราะปัญหาใหญ่อยู่ที่ความหึงหวง

สุขภาพ : วันนี้ระวังอุบัติเหตุจากของมีคมหรือบาดแผลจากไฟไหม้

 

ผู้ที่เกิดวันพุธ

การงาน  :  คุณโชคดีเรื่องหน้าที่การงาน ได้รับการส่งเสริมสนับสนุนจากเจ้านาย เพื่อนร่วมงาน และผู้บังคับบัญชาให้ความเอ็นดูเป็นพิเศษ วันนี้คุณจะได้รับผิดชอบโครงการที่สำคัญและมีเพื่อนร่วมงานผู้หญิงที่เปรียบเสมือนมือขวามาช่วย

การเงิน :  วันหยุดคุณอาจเพลิดเพลินไปกับการช็อปปิ้งกับเพื่อนผู้หญิงจนกระเป๋าเบา

ความรัก :  ด้วยงานที่มากขึ้น อาจทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ใหญ่เพศหญิงเกิดความห่างเหิน วันนี้วันพระใหญ่เหมาะอย่างยิ่งที่จะชวนกันไปทำบุญ เวียนเทียน เพื่อรักษาความสัมพันธ์ให้กลับมาแน่นแฟ้นเหมือนเดิม คนโสด ผู้ใหญ่อาจมีส่วนร่วมในการให้คำปรึกษาแนะนำในการเลือกคู่ แต่คุณไม่สนใจ เพราะความสัมพันธ์จากเพื่อนร่วมงานค่อยๆ พัฒนากลายเป็นเพื่อนร่วมชีวิต

สุขภาพ : ระวังหกล้มหรือบาดเจ็บกล้ามเนื้อ กระดูก และเส้นเอ็น โดยเฉพาะช่วงขาและหลังอาจมีอาการปวดตามข้อและกระดูก

 

ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี

การงาน  :  งานจ็อบที่คุณได้รับการบอกต่อ หรือกิจการของครอบครัวที่ต้องการให้คุณเข้าไปดูแล วันนี้บริวารอาจทำให้ต้องปิดจ็อบกระทันหัน เพราะมีปัญหาจากการที่คุณปกครองโดยให้ความสนิทสนมกับลูกน้องมากไปจนเขาไม่เกรงใจคุณ ตัดสินใจโดยพลการ ทำให้เกิดความสับสนในการสั่งงาน

การเงิน :  ไม่ควรลงทุนใหม่ หรือทุ่มเทให้กับคนรักมาก เพราะวันนี้อาจต้องปิดจ็อบโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย

ความรัก : คุณตั้งความหวังกับคู่ไว้ค่อนข้างสูงและสมบูรณ์แบบ โดยไม่ฟังคำทัดทานจากใครเลย วันนี้เสี่ยงต่อการเอวังกันง่ายมาก เพราะความสัมพันธ์เป็นเพียงฟางเส้นสุดท้าย วันนี้วันพระใหญ่ควรเข้าวัดไปทำบุญเวียนเทียนด้วยกันจะช่วยให้อารมณ์เย็นลง  คนโสด วันนี้หากถูกใจใครแล้วอย่าโอนอ่อนหิ้วกระเป๋าตามเขาไปง่ายๆ นะคะ เพราะเขาอารมณ์ร้อนแรงเกินกว่าจะรับมือไหว

สุขภาพ  : ไปทำบุญอย่าลืมพกยาหม่อง ยาดม และมีเพื่อนไปด้วยนะคะ เพราะคุณอาจวิงเวียนศีรษะหน้ามืด วูบไปโดยไม่รู้ตัว

 

ผู้ที่เกิดวันศุกร์

การงาน  :  เป็นช่วงที่คุณกำลังให้เวลากับการเปิดกิจการส่วนตัว เป็นช่วงเวลาที่อยู่กับการค้นคว้าหาข้อมูล หรือตามหาผู้ที่มีความรู้และมีประสบการณ์มาช่วย วันนี้ยังไม่สำเร็จโดยง่าย ยังต้องเผชิญกับปัญหาและอุปสรรคอีกยาวนาน

การเงิน : ได้จากการทำงานเป็นหลัก อย่าหวังเงินที่ได้มาอย่างไม่ถูกต้อง เพราะจะสร้างความเดือดร้อนตามมาทีหลัง

ความรัก : ระวังผู้หวังดีแต่ประสงค์ร้ายจะปั่นป่วนทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่า คู่มีกิ๊ก อย่าได้หวั่นไหว เพราะจริงๆ แล้ววันนี้คู่สามารถเป็นที่พึ่งให้กับคุณได้ในเรื่องของการทำมาหากินเลยทีเดียว คนโสด วันนี้คุณอาจเบื่อกับการที่ต้องพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ชนะใจคนที่หมายปอง ขอปลีกวิเวกไปวัดดีกว่า

สุขภาพ :  ก็ยังอยู่ที่การรับประทานอาหารให้ถูกสุขลักษณะ เพราะวันนี้คุณอาจเสี่ยงกับอาหารเป็นพิษ ทำให้ปวดท้อง และท้องเสีย

 

ผู้ที่เกิดวันเสาร์

การงาน :  คุณกับทีมงานกำลังอยู่ในช่วงค้นคว้าหาความรู้ เพื่อนำมาใช้กับการทำงาน หรืออาจต้องมีการไปเรียนรู้เพิ่มเติม ซึ่งวันนี้อาจเกิดปัญหาขัดแย้งกันทำให้คุณเกิดไม่สบายใจ วิตกกังวล จึงควรใช้สติ เข้มแข็ง และความใจเย็นค่อยๆ แก้ไขปัญหา

การเงิน : อาจหมดไปกับการแสวงหาความรู้เพิ่มเติม

ความรัก : วันนี้วันพระใหญ่ ต่างคนต่างขอปลีกวิเวกไปทำบุญเข้าวัดเวียนเทียน ซึ่งถือเป็นโอกาสดีที่คุณจะได้อยู่กับตัวเองบ้างสักวัน คนโสด วันนี้เหมาะสมกับวันพระใหญ่จริงๆ เพราะคุณมาแบบธรรมะสายแข็ง แม้ผู้ใหญ่จะนัดเดทให้ก็ไม่สนใจ ขอใส่ชุดขาวให้เวลากับการปฏิบัติธรรม

สุขภาพ  : ระวังโรคทางช่องปากและระบบทางเดินหายใจ ซึ่งอาจเป็นปัญหารุกรานไปถึงระบบย่อยอาหาร

คู่แต่งงานชายรักชาย

รักไร้เงื่อนไข! สก็อต-จอช คู่แต่งงานชายรักชาย ต่างชาติ ต่างภาษา แต่หัวใจตรงกัน

Alternative Textaccount_circle
คู่แต่งงานชายรักชาย
คู่แต่งงานชายรักชาย

รักไร้เงื่อนไข! สก็อต-จอช คู่แต่งงานชายรักชาย ต่างชาติ ต่างภาษา แต่หัวใจตรงกัน… ว่ากันว่าความรักไม่เกี่ยวกับสัญชาติ ศาสนา ชนชั้น ถ้ามาถึงปัจจุบันก็คงต้องเติมเรื่องเพศไปด้วย นี่คือเรื่องราวความรักของผู้ชายสองคนที่อยู่กันคนละทวีป แต่มาเจอกันที่เมืองไทย ความจริงเขาทั้งสองคนอาจจะคลาดกันไปแล้ว ถ้าไม่บังเอิญว่าครั้งนั้น แพรว ไปสัมภาษณ์คุณสก็อต เอ. ฮันต์ ถึงประสบการณ์การเข้าพบอองซานซูจี

สก็อต เอ. ฮันต์ เป็นทั้งนักเขียน นักสอนพุทธศาสนา และเจ้าของธุรกิจ ให้คำปรึกษาด้านการบริหาร จบจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และอาศัยอยู่ที่แซนแฟรนซิสโก สหรัฐอเมริกา ส่วนจอช (Yung-Cheng Chang) เป็นอดีตนักแสดงจากไต้หวัน ปัจจุบันทำงานด้านผลิตรายการวิดีโอ พวกเขาพบกันในปี 2011 โดยที่จอชยังสื่อสารภาษาอังกฤษแทบไม่ได้ แต่บางครั้งความรักก็ไม่ได้ต้องการอะไรมาก นอกจากความเข้าใจและจับมือฝ่าฟันไปด้วยกัน จนสุดท้ายทั้งคู่ก็ได้แต่งงานกันในปี 2016 ปัจจุบันพวกเขากำลังทำโปรเจ็กต์บางอย่างด้วยกันและใช้ชีวิตอย่างมีความสุขที่นิวซีแลนด์

คู่แต่งงานชายรักชาย

เมื่อ แพรว บังเอิญเป็นคิวปิด…

เมื่อให้ย้อนเล่าถึงที่มาของการได้พบเจอกัน สก็อตขอเปิดประเด็นนำมาเลยว่า “ที่เราเจอกัน ต้องบอกว่าส่วนหนึ่งก็เพราะนิตยสาร แพรว เลยนะครับ (ยิ้ม) คือปกติผมมาเมืองไทยบ่อยอยู่แล้ว เพราะชอบที่นี่มาก ทุกครั้งที่มาก็จะอยู่นาน จนมีเพื่อนคนไทยพอสมควร บอกไม่ถูกว่าทำไมจึงชอบ ความรู้สึกเหมือนได้กลับบ้าน อยากไปไหนก็ไปได้ ครั้งนั้นปี ค.ศ. 2011 ผมเดินทางมาพักผ่อนอยู่ที่เกาะกระดาน จังหวัดตรัง พอใกล้วันจะกลับก็บังเอิญได้รับโทรศัพท์จากคนรู้จักว่านิตยสาร แพรว สนใจสัมภาษณ์ผมเกี่ยวกับประสบการณ์การเดินทางเข้าพบอองซานซูจี สมัยที่เธอโดนกักบริเวณอยู่ในพม่า ผมจึงเลื่อนวันเดินทางกลับแล้วอยู่เมืองไทยต่ออีก 1 สัปดาห์ เพื่อขึ้นมาที่กรุงเทพฯและให้สัมภาษณ์กับ แพรว

“พอทำงานกับ แพรว เสร็จแล้ว ตอนเย็นผมก็ออกไปหาข้าวกินคนเดียว ขากลับทีแรกจะเรียกแท็กซี่ แต่ไม่รู้นึกยังไง ผมกลับตัดสินใจเดินเล่นต่ออีกหน่อย พอเห็นว่ามีบาร์อยู่แถวนั้นก็แวะเข้าไปลองดู อาจเพราะเดินคนเดียว เลยอยากเข้าไปอยู่ในที่ที่คนเยอะๆ หรือไม่ก็โชคชะตากำหนดไว้ (ยิ้ม) แต่พอเข้าไปแล้ว ชั้นแรกคนแน่นเกิน แล้วเสียงก็ดังมาก ผมจึงลองเดินขึ้นไปที่ชั้นสอง ซึ่งคนน้อยหน่อย ผมไปยืนอยู่ที่บาร์แล้วสบตากับหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่ง…แล้วเขาก็ส่งยิ้มให้ผมครับ (หัวเราะ) ซึ่งตอนนั้นผมบอกกับตัวเองเลยว่าไม่! ผมไม่มีทางสนใจคนคนนี้แน่ เพราะเขาดูแบดบอยมาก ต้องหักอกผมแน่ๆ…”

คู่แต่งงานชายรักชาย

จอชยิ้มหวานก่อนจะขอเล่าเวอร์ชั่นตัวเองบ้าง “ผมกับสก็อตเหมือนกันตรงที่เราชอบเมืองไทยมากๆ ทั้งคู่ ครั้งนั้นผมมาเที่ยวกรุงเทพฯกับเพื่อนๆ พอดีเป็นช่วงพักก่อนจะเดินทางไปถ่ายรายการทีวีที่ฮ่องกง เลยแวะเที่ยวที่เมืองไทย คืนนั้นเพื่อนผมพาไปเที่ยวบาร์ กำลังแดนซ์กันสนุก แล้วจู่ๆ ผมก็หันไปเห็นสก็อตยืนอยู่ ตรงเคาน์เตอร์ใต้แสงวิบวับ จำได้ว่าเขาเป็นคนเดียวที่ยืนนิ่งๆ เฉยๆ หล่อๆ ไม่ได้เต้นแร้งเต้นกาหรือดูเมาเหมือนคนอื่น ก็เลยรู้สึกสนใจขึ้นมา แบบคนนี้ต้องได้! เลยเดินเข้าไปทักทายเขาดู โดยลืมไปแล้วว่าตัวเองพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ (หัวเราะ) ตอนนั้นหัวใจเต้นแรงยิ่งกว่าเพลงในบาร์อีกครับ จำได้ว่าผมเดินเข้าไปหาเขาพร้อมกับยกแก้วขึ้นแล้วพูดว่า Cheers! แล้วก็ทักทายว่า Hi! เขาก็ตอบกลับมาว่า Hi ทีนี้ผมก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่ออีก แย่ละ…เพิ่งมานึกเสียดายว่าสมัยเรียนไม่น่าโดดเรียนคาบวิชาภาษาอังกฤษเลย”

สก็อต “เหมือนผมจะถามเขาไปว่ามาจากที่ไหน แล้วเขาก็ตอบผมได้แค่มาจากไต้หวัน รู้สึกจะเป็นประโยคเดียวที่เขาพูดได้ หลังจากนั้นก็ได้แต่มองตาและยิ้มให้กันไปมา…สุดท้ายเลยได้ใช้ Google Translate ช่วยในการคุย ก่อนแยกจากกันเพื่อนของเขาก็ขอเบอร์โทรศัพท์มือถือผมไป ซึ่งบอกตามตรงนะ ผมไม่คิดว่าจะเจอเขาอีก แต่คืนวันถัดมาเพื่อนเขาก็โทร.มาชวนไปเที่ยววัดด้วยกัน จำได้ว่าระหว่างทางกลับบนแท็กซี่จอชเอื้อมมาจับมือผม และหลังจากนั้นมา 8 ปี เขาก็ยังจับมือผมอยู่” (ยิ้ม)

คู่แต่งงานชายรักชาย

รักแท้ไม่แพ้พยายาม

แม้จะแยกย้ายกันไป แต่สายใยของทั้งคู่ก็ตัดกันไม่ขาด แม้ไม่เจอหน้า และยังไม่สามารถสื่อสารกันได้ดีนัก แต่ทั้งคู่ก็ยังคงพยายามที่จะติดต่อสื่อสารกันมาโดยตลอด จอชเล่าว่า “หลังจากแยกย้ายกันไป สก็อตก็กลับไปอเมริกา ส่วนผมกลับไต้หวัน แต่เรายังคงคุยกันผ่านเฟซไทม์หรือไม่ก็สไกป์ตลอด ต้องขอบคุณเทคโนโลยีที่ทำให้เราสื่อสารกันได้ ขอบคุณสก็อตด้วยที่อดทนกับผมมาก ความที่ผมพูดภาษาอังกฤษไม่คล่อง ต้องใช้เวลาในการสื่อสารพอสมควร ไหนจะต้องพึ่งแอพแปลอีก แต่เขายังคงยิ้มและรอฟังผมอย่างตั้งใจบังเอิญว่าหนึ่งเดือนหลังจากที่เราเจอกันที่เมืองไทย สก็อตก็เสียคุณแม่ไปอย่างกะทันหัน เขาเสียใจมาก ผมเห็นเขาร้องไห้ เลยคิดว่าน่าจะทำอะไรสักอย่างให้เขารู้สึกดีขึ้น อีกอย่างผมก็คิดถึงเขามากด้วย พอสก็อตถามว่าจะไปเยี่ยมเขาได้ไหม ผมก็ตัดสินใจไปอเมริกาทันที”

สก็อตเล่าต่อ “ซึ่งพอจอชมาก็ช่วยได้มากเลยครับ แม้คุณแม่ผมจะไม่เคยรู้เรื่องจอชมาก่อน แต่ตอนนั้นผมรู้สึกลึกๆ ว่าท่านดีใจที่ผมได้เจอจอช ผมเชื่อว่าถ้าท่านยังอยู่ก็จะรักเขา ครั้งนั้นจอชมาอยู่กับผมได้ประมาณหนึ่งปีก่อนจะกลับไปไต้หวัน ระหว่างนั้นเราก็คุยกันทางออนไลน์เหมือนเดิม และมักจะผล็อยหลับไปด้วยกัน หนนั้นหลังจากกลับไปไต้หวันไม่นาน จอชก็ตัดสินใจย้ายมาอยู่ที่แซนแฟรนซิสโกกับผม”

คู่แต่งงานชายรักชาย

จอชเปิดใจว่า “ความจริงผมไม่เคยคิดจะย้ายไปอยู่อเมริกาเลยนะครับ ต้องบอกว่าเพราะสก็อตล้วนๆ ส่วนหนึ่งที่ตัดสินใจเพราะที่แซนแฟรนซิสโกมีกลุ่ม LGBT ค่อนข้างใหญ่และเปิดกว้างในเรื่องนี้ เราสามารถใช้ชีวิตและมีความรักแบบอิสระได้มากกว่าที่ไต้หวัน ความจริงผมก็รักไต้หวันนะ แต่ไม่ได้ลำบากใจที่จากมา เพราะผมก็มีความสุขกับชีวิตใหม่ในต่างแดนร่วมกับสก็อต แต่ไม่ใช่ว่าทุกอย่างจะราบรื่นไปเสียหมดนะครับ อย่างตอนย้ายมาอยู่ที่อเมริกาแรกๆ ผมเจอทั้งพวกที่ชอบมาพูดจาหยาบคายและดูถูกเหยียดหยามทางเชื้อชาติ ตอนนั้นผมยังพูดภาษาอังกฤษได้ไม่ดีพอที่จะปกป้องตัวเอง สก็อตก็ได้แต่โมโหแล้วคอยไปไล่หาว่าใครที่ทำไม่ดีกับผม แต่ในขณะเดียวกันผมก็ได้เพื่อนดีๆ จากที่นั่นเยอะเหมือนกัน นั่นทำให้ผมมองข้ามเรื่องร้ายๆ ไปได้”

สก็อตแซวว่า “อุปสรรคไม่ใช่แค่นี้นะครับ จะบอกว่าตอนจอชมาใหม่ๆ เขาค่อนข้างป็อปปูลาร์มาก มีหลายคนพยายามแย่งเขาไปจากผม ผมต้องคอยระวังอยู่เรื่อย (หัวเราะ) เรื่องของเรื่องคือเวลาคุยกันเรื่องความรู้สึกที่ซับซ้อน เราจะมีปัญหาเรื่องกำแพงภาษา ไม่รู้จะสื่อสารหรืออธิบายยังไง ต้องใช้เวลาคุยกันอยู่นาน แล้วไหนจะยังมีเรื่องการขอย้ายถิ่นฐานของเขาอีก เพราะอย่างที่รู้ว่าระบบของอเมริกานั้นไม่ง่ายเลย”

จอชกระซิบว่า “เรื่องนี้ต้องยกความดีความชอบให้สก็อต โชคดีที่เขาเป็นคนฉลาดแล้วก็คอยช่วยเหลือผมหลายอย่าง โดยเฉพาะการติดต่อประสานงานและดำเนินการเรื่องขอกรีนการ์ดให้มันยุ่งยากมาก แต่เขาก็ทำได้ ตอนนี้กรีนการ์ดผมใกล้หมดอายุแล้ว ต้องสมัครใหม่อีกรอบ แต่หลังจากครั้งนี้ไปผมน่าจะได้เข้าเทสต์ และสมัครเป็น US Citizen แล้วครับ”

จอชเล่าบ้าง “สก็อตจัดการเรื่องงานแต่งงานทุกอย่างเร็วมากครับ ผมแทบไม่ต้องทำอะไรเลย อาจเพราะเป็นงานที่ไม่ใหญ่ มีแค่คุณป้าของสก็อตและคนสนิทอีกแค่ 8 คน ทุกอย่างก็เลยเร็ว แม้กระทั่งแหวนแต่งงาน จำได้ว่าหลังจากตกลงกันว่าจะเปลี่ยนไปแต่งงานที่ฮาวาย รุ่งขึ้นสก็อตก็ถามว่าอยากแลกแหวนแต่งงานในวันแต่งงานไหม พอผมตกลง เราก็เดินเข้าร้าน Tiffany & Co. แล้วซื้อแหวนมา 2 วง”

คู่แต่งงานชายรักชาย

สก็อตเล่าถึงบรรยากาศวันแต่งงานที่เต็มไปด้วยความสุขว่า “ทุกอย่างเป็นไปอย่างเรียบง่ายและสบายๆ ครับ เราเริ่มจากการไปทำบุญถวายสังฆทานและ สวดมนต์กันที่วัดในตอนกลางวัน พอตกเย็นเราก็ไปชายหาดที่ผมเลือกไว้ แขกที่มาร่วมงานสวมชุดสีขาวสบายๆ อากาศวันนั้นก็ดีมาก อย่างเดียวที่ดูผิดที่ผิดทางคือตรงชายหาดที่เราทำพิธีดันมีหนุ่มหล่อคนหนึ่งนั่งวาดรูปโดยไม่ใส่เสื้อ ผมต้องคอยบอกให้แขกที่มาร่วมงานหยุดมองผู้ชายคนนั้น แล้วช่วยให้ความสนใจกับงานแต่งงานของผมด้วย!!” (หัวเราะ)

จอชพูดถึงช่วงเวลานั้นว่า “ความจริงก่อนแต่งงานผมคิดเยอะมากนะว่าการเป็นครอบครัวคืออะไรและเป็นอย่างไร แต่พอถึงช่วงเวลานั้นจริงๆ ผมจำได้แค่ว่าผมไม่ได้ต้องการอะไรมากในชีวิต อย่างเดียวที่ผมจำเป็นต้องมีคือเขา พอถึงตอนกล่าวคำสาบาน ผมปากสั่นไปหมดเลย แล้วจู่ๆ น้ำตาก็ไหลออกมาเอง เช่นเดียวกับสก็อต พอมองไปรอบๆ ปรากฏว่าแขกทุกคนร้องไห้กันหมดเลย หนักยิ่งกว่าผมอีก” (หัวเราะ)

สก็อตมองจอชตาเป็นประกาย “พูดตามตรงว่าก่อนหน้านั้นผมรู้สึกทั้งกลัวและสงสัย แต่พอผมมองตาจอชในพิธีแต่งงาน ความรู้สึกเหล่านั้นก็หายไปทันที พอผมเห็นเขาร้องไห้ น้ำตาผมก็ไหลตาม จนถึงวันนี้ผมยังรู้สึกว่างานแต่งงานของเรานั้นช่างสวยงาม กินใจ เรียบง่าย และสงบสุข คือความทรงจำที่ดีที่สุดในชีวิตเลยครับ”

คู่แต่งงานชายรักชาย

The Day We’ve Got Married

หลังจากคบกันมาได้ 5 ปี ทั้งคู่ก็ตัดสินใจแต่งงานกันในเดือนพฤษภาคม 2016 โดยสก็อตเป็นฝ่ายเอ่ยปากขอแต่งงานก่อน “ผมถามจอชว่าเราแต่งงานกันไหม ตอนอยู่ในงานเทศกาล Burning Man (งานเทศกาลศิลปะและคัลเจอร์ประจำปีที่จัดในทะเลทราย Black Rock รัฐเนวาดา สหรัฐอเมริกา) ซึ่งเขาก็ตอบตกลงทันที ที่ผมคิดว่าเราน่าจะแต่งงานกันเพราะเราสามารถอยู่ด้วยกันและเข้าขากันได้ดี เรารักและดูแลกันและกัน ชอบอะไรหลายๆ อย่างเหมือนกัน ผมรู้สึกเหมือนว่าเราเกิดมาเพื่อกันและกัน”

จอชพูดต่อ “สำหรับผม ความรักระหว่างเราทำให้ผมเห็นภาพที่เราจะเติบโตไปด้วยกันได้ และการแต่งงานก็เป็นวิธีหนึ่งในการทำให้ภาพนั้นเป็นจริงขึ้นมา พอเขาเอ่ยปาก ผมจึงตอบรับทันที ส่วนสถานที่แต่งงานนั้น ตอนแรกเรากะว่าจะเป็นที่ซิตี้ฮอลล์ (ศาลาว่าการรัฐ) ในแซนแฟรนซิสโก แต่จู่ๆ สก็อตก็ถามว่าหรือจะไปแต่งงานที่ชายทะเลดี” (ยิ้ม)

สก็อตอธิบายว่า “คือพอกลับมาคิดอีกที ผมอยากแต่งงานที่ชายทะเลในบรรยากาศแบบเมืองร้อนที่เราชอบกันมากกว่า ผมรู้สึกว่าถ้าแต่งงานตรงนั้นเราน่าจะได้พลังจากมหาสมุทรและแสงอาทิตย์ตามธรรมชาติอะไรแบบนี้ด้วย (หัวเราะ) บังเอิญว่าจอชเห็นด้วย เขาบอกว่าเป็นฮวงจุ้ยที่ดี สุดท้ายเราตัดสินใจไปแต่งงานกันที่ชายหาดหนึ่งที่ฮาวาย เป็นชายหาดที่ผมกับคุณแม่มักไปเดินเล่นกันอยู่เสมอในสมัยเด็ก จึงเต็มไปด้วยความทรงจำดีๆ ของผมกับท่าน ผมแค่อยากให้คุณแม่ที่จากไปแล้วได้มีส่วนร่วมในงานแต่งงานของเราด้วย”

คู่แต่งงานชายรักชาย

รักของเรา

เมื่อพูดถึงความรักของชายกับชาย แม้ในโลกปัจจุบันจะเปิดกว้างมากแล้ว แต่ความรักของทั้งคู่ก็ใช่จะไม่มีอุปสรรค โดยเฉพาะจากฝั่งครอบครัวของจอช “ต้องบอกว่าตอนแรกคนในครอบครัวผมยังไม่รู้เรื่องที่ผมเป็นเกย์หรือคบกับสก็อต สมัยคบกันผมเคยพาสก็อตไปเที่ยวไต้หวันและเจอครอบครัวผมที่มีคุณพ่อ คุณแม่ ลูกพี่ลูกน้อง และลุงๆ หนนั้นคุณแม่ดูจะสงสัยสก็อตอยู่หน่อยๆ ส่วนคุณลุงผมก็พยายามมอมสก็อตให้เมา เผื่อจะหลุดพูดอะไรออกมา แต่สก็อตรู้ทันก็เลยจบกันไปแบบตลกๆ

“พอตัดสินใจว่าจะแต่งงาน ผมก็บอกให้คุณแม่ทราบ ซึ่งเป็นไปอย่างที่คาดไว้ว่าท่านรับไม่ได้ ทั้งร้องไห้และตะโกนว่าผมสารพัด เรียกว่าดราม่ากันอยู่พักหนึ่ง พูดง่ายๆ ว่าไม่มีใครสนับสนุนหรือแสดงความยินดีกับการแต่งงานของเรา ซึ่งผมก็ต้องเสียใจอยู่แล้ว แต่สก็อตก็ปลอบว่าครอบครัวยังไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไร ให้เรามาสร้างครอบครัวและอนาคตของเราเอง แล้วนำความสุขมาให้กันและกัน”

คู่แต่งงานชายรักชาย

สก็อตมองจอชอย่างเห็นใจแล้วพูดว่า “ก็อย่างที่บอกกันว่ารักแท้ฝ่าฟันได้ทุกอุปสรรค เราทั้งคู่ก็แค่ต้องอดทน โชคดีที่ทางครอบครัวผมต้อนรับจอชเป็นอย่างดี แม้ครอบครัวผมจะไม่ใหญ่ มีแค่คุณยายอายุ 90 ปีกับญาติๆ แค่ไม่กี่คน แต่พอผมพาจอชไปแนะนำให้คุณยายรู้จัก ปรากฏว่าคุณยายชอบเขาทันที ทุกครั้งที่จอชเข้ามาในห้อง ท่านมักจะยิ้มให้เขาอย่างสดใส อย่างไรก็ตามผมคิดว่าถ้าเราจับมือกันไว้ สุดท้ายเราก็จะสามารถเดินผ่านทุกเรื่องราวไปด้วยกันได้เหมือนในตอนนี้ครับ”

จอชเห็นด้วย “ผมเห็นด้วยนะครับ อย่างช่วงหลังมานี้คุณแม่ก็เริ่มกลับมาคุยกับผมแล้ว แต่ท่านยังไม่ยอมบอกให้คุณพ่อทราบ ผมแค่รู้สึกว่าอยากให้พ่อแม่ยอมรับและรักลูกในแบบที่เป็น ไม่ว่าเขาจะเป็นอย่างไรก็ตาม แต่ในกรณีผม ผมก็ยอมรับการตัดสินใจของท่าน”

สก็อตเสริมว่า “ผมว่าทุกคนบนโลกนี้ล้วนกำลังสำรวจและเรียนรู้ที่จะเติบโต คนทุกคนมีเส้นทางที่ต้องเดินเป็นของตัวเอง ซึ่งต้องการได้รับการยอมรับและปกป้อง เราทุกคนไม่ได้เพอร์เฟ็กต์ เราต่างเรียนรู้ที่จะรักและมีเมตตา ความสัมพันธ์ของเราสองคนก็เหมือนกับความสัมพันธ์ทั่วไป ในฐานะมนุษย์เรามีสิทธิ์ที่จะรักและใช้ชีวิตในแบบที่เราต้องการ ที่ผ่านมาผมรู้ตัวมาตลอดว่าผมอยู่คนเดียวได้ แต่ผมไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้น ในเมื่อผมมีอีกคนที่จะคอยจับมือและแบกรับภาระในชีวิต รวมถึงแชร์ความสุขและเสียงหัวเราะไปด้วยกัน ผมรู้สึกแค่ว่าอย่างไรเสีย อยู่ด้วยกันก็ดีกว่าอยู่คนเดียว”

คู่แต่งงานชายรักชาย

จอชพูดปิดท้ายว่า “ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้แต่งงาน แต่พอได้แต่งงานแล้ว ผมรู้สึกได้ถึงความรักที่หนักแน่นจริงจังขึ้น การแต่งงานทำให้ผมเรียนรู้ที่จะแสดงความเป็นตัวเองออกมามากขึ้น เพราะการบอกความรู้สึกของเราให้คนรักรู้เป็นเรื่องสำคัญ เราจะได้เรียนรู้ที่จะเข้าใจตัวเองไปด้วย ผมว่าสก็อตเป็นเหมือนกับกระจกสะท้อนความรู้สึก ความคิด สัญชาตญาณการรับรู้และการมองโลกของผม ชีวิตของเราจึงยอดเยี่ยม เขาทำให้ผมเข้าใจว่าเราไม่ได้แค่ใช้ชีวิต แต่เราต้องดื่มด่ำกับชีวิตด้วย”


 

ที่มา : นิตยสารแพรว ฉบับ 943

เล็ก-ณพาภรณ์

ส่องชีวิตอีกมุมของ “เล็ก-ณพาภรณ์” เซเลบสาวเปรี้ยวที่ทุ่มเทให้กับการรักษ์ต้นไม้

Alternative Textaccount_circle
เล็ก-ณพาภรณ์
เล็ก-ณพาภรณ์

มุมใหม่ที่อาจดูแปลกแหวกแนวไปจากภาพ “น้องเล็ก ปาร์คนายเลิศ” หรือ “เล็ก-ณพาภรณ์ โพธิรัตนังกูร” ที่เราเห็นจนชินตา คือเธอรักต้นไม้มาก พอได้ฟังเธอเล่าเรื่องราวต้นไม้นับแสนบนผืนดิน 20 ไร่ของปาร์คนายเลิศ รู้เลยว่าการรักษาพื้นที่นี้ให้คงความเป็นสวนป่าใจกลางกรุงได้ไม่ใช่เรื่องง่าย

เล็ก-ณพาภรณ์

รุกขกรมือใหม่

“แต่เดิมที่ดินบริเวณบ้านปาร์คนายเลิศเป็นทุ่งนาและป่า มีทั้งต้นใหญ่ที่ติดมากับที่ดิน เช่น ต้นอโศกน้ำ จิก มั่งมี จามจุรี ก้ามปู นกยูง ฯลฯ และต้นที่ปลูกใหม่สมัยเป็นบ้านคุณยาย (ท่านผู้หญิงเลอศักดิ์ สมบัติศิริ) คอนเซ็ปต์ต้นไม้ที่นี่จึงมีทั้งไม้ใหญ่ ไม้เล็ก ไม้พุ่ม ไม้ใบ หลายแสนต้น

“สิ่งที่เราต้องทำคือการดูแลรักษา โดยเล็กจ้างหน่วยงานในสังกัดของกรมป่าไม้ ได้แก่ ‘หมอต้นไม้’ ทำหน้าที่รักษาโรคที่มีความซับซ้อนให้ต้นไม้ รวมถึงฟื้นฟูต้นไม้ที่มีอายุเยอะให้กลับมามีสุขภาพดี โดยทำงานร่วมกับ ‘รุกขกร’ ซึ่งทำหน้าที่ตัดแต่งต้นไม้ เล็กจึงอยากพูดภาษาเดียวกับเขา เพราะถ้าเล็กไม่รู้จริง ไม่สามารถสั่งเขาได้เต็มปากว่าควรทำอะไร อย่างไร เล็กจึงไปเรียนเป็นรุกขกร 1 วัน คือการตัดแต่งคืนชีพให้ต้นไม้ กิ่งไหนมีใบเยอะเริ่มหนัก พอพายุพัดมาอาจโค่นล้มได้ ต้องตัดแต่งกิ่งเพื่อคงความสมดุลของต้นไม้ ซึ่งในอนาคตเล็กจะปีนขึ้นไปตัดแต่งต้นไม้เอง จึงวางแผนว่าอยากไปเข้าคอร์สเรียนการเป็นรุกขกรอย่างจริงจัง 5 วัน สอบทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ เรียกว่าจบมาต้องปีนต้นไม้ได้

เล็ก-ณพาภรณ์

“ตอนนี้รู้ว่าต้นไหนควรดูแลเป็นพิเศษ ต้นไหนอาการหนัก ควรโทร.เรียกหมอต้นไม้ และการมีอาคารต่างๆ เท่ากับเป็นการรบกวนต้นไม้ เพราะต้นไม้ใหญ่มีรากแผ่ขยายยาวกินอาณาบริเวณหลายสิบเมตร จากเมื่อก่อนเวลาเล็กสร้างตึกมักจะดูแต่ความสูงใหญ่ของใบและกิ่ง แต่ความจริงคือเราต้องดูที่ราก หากจะมีสิ่งก่อสร้างเพิ่มเติมเราต้องให้ความสำคัญกับชีวิตของต้นไม้ เพราะเขาอยู่มาก่อน เช่น ต้องหาพื้นที่ที่ไม่กระทบกับต้นไม้ใหญ่ กับสังเกตเวลาต้นไม้เริ่มป่วย เปราะ ใบเริ่มร่วงนอกฤดูกาล เล็กจะเชิญหมอต้นไม้มาดูอาการว่าเป็นอะไร เพราะดินตรงนั้นมีกรดเยอะ หรือมีฝุ่นละอองจากการก่อสร้างมากระทบ ทำให้ต้นไม้หายใจไม่สะดวก เราต้องช่วยให้ต้นไม้สั่งขี้มูก (หัวเราะ) ด้วยการฉีดน้ำจากข้างบนเพื่อล้างฝุ่นละอองออกจากใบ เพื่อให้เขาหายใจคล่องขึ้น หรือถ้ามีขี้มูกมาก ต้องฉีดน้ำเกลือล้างจมูกเพื่อสั่งน้ำมูกออกมา คือเราใส่ยาแอนตี้ไบโอติกที่ราก เปิดหน้าดินให้เห็นราก แล้วเขาจะฟื้นฟูตัวเอง

เล็ก-ณพาภรณ์

“นี่คือความรู้ใหม่ที่ทำให้รู้ว่าต้นไม้มีเกิด แก่ เจ็บ ตาย วงจรชีวิตเหมือนคนเป๊ะ เพียงแต่เป็นชีวิตที่ยาวนานกว่าคนเท่านั้นเอง หากเราดูแลเขาดีสม่ำเสมอ เขาก็จะอายุยืนยาว”

ค่ารักษ์ต้นไม้ปีละหลายล้าน

“เล็กไม่เคยนับว่าต้นไม้ที่นี่มีทั้งหมดเท่าไหร่ แต่กะคร่าวๆ ทั้งต้นเล็กต้นใหญ่น่าจะนับแสนต้นในจำนวนหลายร้อยชนิด ที่แปลกคือภายในปาร์คนายเลิศมีนกหลายชนิด บางครั้งมีฝรั่งมานั่งที่เทอร์เรซร้านอาหารเพื่อดูนก เรียกว่า ‘Bird Watching’ เป็นกิจกรรมยอดนิยมของอังกฤษ โดยนั่งในป่าเฝ้าดูนกกันจริงจัง แต่เขามาดูนกที่นี่แล้วบอกว่าบ้านเล็กมีนกหลายชนิดนะ บางคนนำถั่วมาให้กระรอกกิน บางคนมานั่งชิลสัมผัสธรรมชาติ เห็นความเป็นสีเขียว มองแล้วสบายตา

เล็ก-ณพาภรณ์

“เรื่องค่าใช้จ่ายในการดูแลต้นไม้ประมาณหลายล้านบาทต่อปี เพิ่มขึ้นจากเดิมมาก เพราะเมื่อก่อนมีแค่ค่าปุ๋ยกับค่าน้ำ เนื่องจากคุณยายอยู่คนเดียว ไม่ได้โชว์ใคร แต่พอเราเริ่มจัดงานดอกไม้ปาร์คนายเลิศ มีคนเข้ามามาก ทำให้ต้องบำรุงตลอด ลูกค้าที่เข้ามาคือวันแรกของเขา เพราะฉะนั้นต้องเห็นภาพที่สดใหม่เสมอ ปีนี้เราจัดงานในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ โดยธีมงานจะจัดเป็นคาร์นิวัลยิ่งใหญ่ สวยงามและสนุกแน่นอน”


 

ที่มา : นิตยสารแพรว ฉบับ 943

ภาพ : @lek_nai_lert_park

แถลงการณ์สำนักพระราชวัง พระองค์เจ้าโสมสวลีฯ เสด็จประทับรพ.จุฬาฯ ฉบับที่ 2

account_circle

สำนักพระราชวัง ออกแถลงการณ์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เสด็จไปประทับโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ฉบับที่ 2

วันนี้ (18 ก.พ. 62) สำนักพระราชวังออกแถลงการณ์เรื่อง พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เสด็จไปประทับ ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ฉบับที่ 2 ความว่า

ตามที่ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ได้เสด็จไปประทับ ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เมื่อวันศุกร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พุทธศักราช 2562 เพื่อรักษาพระอาการพระโลหิตออกที่พระสมองและความดันพระโลหิตสูงนั้น

วันนี้ คณะแพทย์ถวายการรักษาได้แจ้งว่า พระอาการโดยรวมดีขึ้น ทรงรู้พระองค์ดีขึ้น สามารถเคลื่อนไหวพระวรกายได้มากขึ้น ผลการตรวจเอกซ์เรย์คอมพิวเตอร์พระสมองพบว่า ขนาดก้อนพระโลหิตพระสมองไม่เพิ่มขึ้น ความดันพระโลหิตควบคุมได้ดี คณะแพทย์มีความเห็นว่า ยังจำเป็นต้องอยู่ในการดูแลของคณะแพทย์อย่างใกล้ชิด จึงได้กราบทูลขอประทานอนุญาตให้ประทับที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และทรงงดพระกรณียกิจต่อไปอีกระยะหนึ่ง


ภาพ : princess.soamsawali.907th

 

พัคโบกอม

แสนดีจริงพ่อคุณ! พัคโบกอม ส่งข้อความหา “โอปอล์” ทำพิธีกรสาวปลื้มน้ำตาแทบไหล

Alternative Textaccount_circle
พัคโบกอม
พัคโบกอม

โมเม้นต์สุดประทับใจ “โอปอล์” เผยพระเอกเกาหลี พัคโบกอม ส่งข้อความหา บอก “ขอโทษด้วยนะครับที่ไม่มีโอกาสได้ร่ำลา ดีใจมากที่ได้พบคุณอีกครั้ง”

พัคโบกอม

สำเร็จลุล่วงไปด้วยความดีงามและฟินหนักมากอีกหนึ่งงานแล้ว! สำหรับผลงานล่าสุดของ โฟร์ วัน วัน เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ (Four One One Entertainment) นำทีมโดย “กึ้ง-เฉลิมชัย มหากิจศิริ” ร่วมกับต้นสังกัดเกาหลี บลอสซัม เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ (Blossom Entertainment) จับมือเนรมิตวันดีๆ เพื่อแฟนชาวไทยในงาน “2019 พัคโบกอม เอเชีย ทัวร์ อิน แบงคอก <กู๊ด เดย์ : เมย์ ยัวร์ เอฟรี่เดย์ บี อะ กู๊ด เดย์>” (2019 PARK BO GUM ASIA TOUR IN BANGKOK <Good Day : May your everyday be a good day>) แฟนมีตติ้งของพระเอกหน้าใสขวัญใจสาวๆ “พัคโบกอม” (Park Bo Gum) ซึ่งโคจรกลับมาพบปะแฟนคลับชาวไทยอีกครั้งในรอบ 2 ปี

หลังจากแฟนๆ มารวมตัวกันอย่างอบอุ่นพร้อมหน้าแน่นฮอลล์แล้ว ช่วงเวลาแห่งความสุขก็เริ่มขึ้น เมื่อพระเอกดังปรากฏตัวบนเวทีพร้อมเพลง I Like You ท่ามกลางทะเลดวงดาวสีขาวจากแฟนๆ ที่ทำให้ภาพภายในธันเดอร์โดม เมืองทองธานี สวยงามสว่างไสวชวนให้คนบนเวทีมองลงมาเห็นภาพนี้แล้วยิ้มจนแก้มปริ! และแน่นอนว่าเมื่อละมุนแมนมาเยือนแลนด์ออฟสมายก็ต้องทักทายกันด้วยการไหว้อย่างอ่อนน้อม ก่อนที่พิธีกรคนเก่ง “โอปอล์-ปาณิสรา อารยะสกุล” ที่ขึ้นมาสมทบบนเวทีและกล่าวต้อนรับทุกคนเข้าสู่งานแฟนมีอย่างเป็นทางการ ซึ่งงานนี้หนุ่มโบกอมก็ตรงเข้าไปกอดเวลคัมทันที ทำเอาแฟนๆ กรี๊ดลั่นสนั่นฮอล์กับโมเม้นต์น่ารักๆ แบบนี้

พัคโบกอม

เดินหน้าฟินกันต่อไม่รอดีกว่ากับการพูดคุยกันแบบปกิณกะทั้งคำถามจากแฟนๆ และคำถามที่เกี่ยวกับการทำงาน รวมไปถึงไลฟ์สไตล์ของเขา ซึ่งโบกอมก็ตอบแบบไม่มีอิดออด

จากนั้นก็เข้าสู่ช่วงของการถ่ายทอดความรู้สึกของ พัคโบกอม ไปถึงแฟนๆ ผ่านเสียงเพลงอันเต็มไปด้วยความหมายดีๆ ที่ทำให้วันนี้เป็น Good Day อย่างที่เขาตั้งใจ โบกอมฝากคำถามสุดโรแมนติกผ่าน VTR ว่า “อยากไปดูดาวด้วยกันกับผมไหม?” ก่อนที่เขาจะปรากฏตัวด้านล่างของเวทีในเพลง Let’s go see the stars และเดินทักทายสบสายตาใกล้ชิดแฟนๆ รอบฮอลล์ ต่อด้วยเพลง Through the Night “ขอบคุณที่มาร่วมดูดาวด้วยกันกับผมในวันนี้นะครับ”แล้วละมุนแมนก็กล่าวด้วยว่า ขอให้ทุกคนฟังเพลงที่เขากำลังจะร้องต่อไปนี้ด้วยหัวใจที่อบอุ่น นั่นก็คือ Always be with You ซึ่งซ่อนความนัยไว้ว่า “ถ้าคุณบอกว่าคิดถึงฉัน ฉันก็จะบอกเหมือนกันว่าฉันรักคุณ” ต่อด้วย My Dearest ที่มีความหมายว่า “คุณคือทุกสิ่งทุกอย่างของผม”

พัคโบกอม

พัคโบกอม

จบช่วงเพลงช้าๆ ซึ้งๆ แบบอบอุ่นหัวใจ ต่อด้วยเซ็ตเพลงจังหวะกลางๆ จัดมาทั้ง Bounce + Honey, With You), Swallowing My Heart ชวนทุกคนขยับไปตามจังหวะดนตรีให้หัวใจได้สูบฉีด แล้วยังได้หวีดไปกับความคิ้วต์และเซ็กซี่ของโบกอมพร้อมกัน ไม่ว่าโบกอมมี่จะแดนซ์แบบไหนพลังเสียงก็ยังเป๊ะดีไม่มีตก กรี๊ดต่อไม่รอแล้วนะทันทีที่ดนตรีอินโทรเพลง ‘อาย’ ของ สิงโต นำโชค ดังขึ้นมา..เป็นสัญญาณว่าความทรงจำที่ดีจาก Oh Happy Day แฟนมีตติ้งครั้งก่อนกำลังหวนกลับมาอีกครั้งและโบกอมก็ยังร้องเพลงไทยได้น่ารักเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือเซอร์ไพร้ส์ยิ่งกว่า กับการโซโล่เปียโนเพลง ‘คุณและคุณเท่านั้น’ของ “แกงส้ม-ธนทัต” ที่เขาเลือกมาร้องฝากแฟนๆ ชาวไทยโดยเฉพาะ แน่นอนว่าโมเม้นต์พิเศษนี้เกิดขึ้น ณ ประเทศไทยเท่านั้น

และหลังจากที่จบกิจกรรมบนเวที พัคโบกอม ยังลงมายืนส่งแฟนๆ กลับบ้านด้วยการไฮทัชแตะมือเรียงตัวทีละคนแบบครบทั้งฮอลล์นับ 4,000 คน เต็มอิ่มจนหยดสุดท้าย มั่นใจว่าผู้ชมทุกคนยังคงยิ้มด้วยหัวใจพองโต

พัคโบกอม

อย่างไรก็ตามเป็นที่ทราบกันดีว่า หนุ่มโบกอมนั้นเป็นดารานิสัยดี และเขามักให้เกียรติเพื่อนร่วมงานเสมอ โดยทุกครั้งที่จบงาน หนุ่มคนนี้จะเข้าไปขอบคุณทีมงาน แต่ในงานแฟนมีตที่ผ่านมา เขาไม่ได้ปฎิบัติเช่นเคย เนื่องด้วยเที่ยวบินขากลับนั้นมีความกระชั้นชิดทำให้ไม่มีเวลามากนัก ทว่าหนุ่มคนนี้ก็ไม่ลืมสร้างโมเม้นต์แห่งความทรงจำ เขาได้ทวิตข้อความเป็นเป็นภาษาอังกฤษหา “โอปอล์ ปาณิสรา” พิธีกรในงานแฟนมีตติ้งที่เมืองไทยของเขา โดยบอกว่า “Sorry, I couldn’t even have a chance to say good bye to you. It was really nice to meet you again and thank you for being the best MC for the fan meeting. It was a good day indeed thanks to you. Hope to see you again” ทำเอาพิธีกรสาวดีใจเป็นอย่างมาก และได้เขียนแคปชั่นว่า “ฮืออออออออออออออออ โบกอมทวิตมาหา ฮืออออออออ พ่อคุณของแม่” แทนความรู้สึกตื้นตันใจ เรียกว่าเป็นอีกโมเม้นต์ที่ดีในเมืองไทยของหนุ่มคนนี้จริงๆ

พัคโบกอม


 

แพนเค้ก-เขมนิจ บุก London Fashion Wee

หยุดทุกสายตา! แพนเค้ก-เขมนิจ บุก London Fashion Week โชว์ผ้าไหมไทยสู่ระดับโลก

แพนเค้ก-เขมนิจ บุก London Fashion Wee
แพนเค้ก-เขมนิจ บุก London Fashion Wee

โกอินเตอร์อีกคน แพนเค้ก-เขมนิจ บุก London Fashion Week 2019 อวดโฉมความงามของผ้าไหมไทยให้เป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติมากยิ่งขึ้น

ช่วงนี้ผ้าไทยกำลังมาแรงจริงๆ ไม่ว่าจะเซเลบหรือเหล่านางเอกแถวหน้าของบ้านเราก็หันมาใส่ผ้าไทยแบบประยุกต์ออกงานต่างๆ กันไม่น้อย ล่าสุดนางเอกสาวแพนเค้ก-เขมนิจ ดีกรีไทยซูเปอร์โมเดลคอนเทสต์ ปี 2004 ผู้หลงใหลในผ้าไหมไทยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ก็ได้บินตรงไปยังสหราชอาณาจักร เพื่อร่วมเดินแบบโชว์ผ้าไหมไทยสู่สายตาชาวโลกบนรันเวย์ London Fashion Week 2019 ซึ่งได้รับคำชื่นชมจากชาวต่างชาติเป็นอย่างมากว่าผ้าไทยมีความงดงามและดีไซน์เก๋มากๆ

 แพนเค้ก-เขมนิจ บุก London Fashion Week

 แพนเค้ก-เขมนิจ บุก London Fashion Week

ซึ่งแบรนด์แรกที่สาวแพนเค้กไปเดินแบบให้นั้น ชื่อว่า Hilltribe House Thailand ทางแบรนด์ได้ออกแบบชุดเดรสผ้าไหมสีแดงเพลิงที่พร้อมจะสะกดสายตาคนทั้งกรุงลอนดอน แถมลูกเล่นด้วยผ้าปักม้งแดงที่ออกมาเป็นชิ้นงานอันอลังการ ที่ใครเห็นเป็นต้องเหลียวหลังมอง บวกกับลีลาการโพสต์ของนางแบบระดับมืออาชีพอย่างสาวแพนเค้ก ก็ยิ่งส่งให้เดรสตัวนี้สวยหรูดูอินเตอร์

 แพนเค้ก-เขมนิจ บุก London Fashion Week

 แพนเค้ก-เขมนิจ บุก London Fashion Week

สำหรับแบรนด์ที่สองเป็นแบรนด์ Mullika Nakara ตัวชุดตัดเย็บมาจากผ้าไหมโคราช​ของไทยที่ถูกออกแบบให้ทะมัดทะแมงและทันสมัยมากขึ้น เสื้อเป็นเกาะอกสีส้มสดใสตัดกับเชือกสีดำได้ลงตัว ส่วนกางเกงสีส้มก็ผสานความเป็นไทยและสไตล์โมเดิร์นเข้าด้วยกัน ถือเป็นอีกหนึ่งชุดที่สาวแพนเค้กนำเสนอออกมาได้ดีเลยทีเดียว

แพนเค้ก-เขมนิจ บุก London Fashion Week

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ถอดแบบจากแม่ชบา! คิมเบอร์ลี่ ใส่เดรสผ้าไหมไทย หวานซ่อนเปรี้ยว สไตล์โมเดิร์น

ต้องฟาดสักใบ! กระเป๋า Chanel Backpack ไอเท็มใหม่ล่าสุดของ ‘ลิซ่า BLACKPINK’

 แมทช์ลุคเพอร์เฟ็ค! 13 สไตล์ที่เข้ากันได้ดีของ ดยุกและดัชเชสแห่งเคมบริดจ์

Romantic Style! เจ้าหญิงเคท งดงามสะกดทุกสายตา ในเดรสสีหวานจาก Gucci

เด็ดทุกชิ้น! ไอเท็มใหม่จาก Longchamp บนรันเวย์ New York Fashion Week 2019

ราคานี้ซื้อได้! เจาะ 12 ไอเท็ม ‘สองสะใภ้แห่งราชวงศ์อังกฤษ’ ที่งบไม่เกินหลักพัน

ดีไซน์สไตล์โมเดิร์น ‘แหวนแหวน-ปวริศา’ เปิดตัว ‘พาวา’ กระเป๋าผ้าไหมไทย

Street Style แบบนางงามจักรวาล! ‘แคทรีโอนา เกรย์’ เช็คอิน New York Fashion Week


ภาพ : Getty Images , IG@khemanito , Facebook Pancake Khemanit Official

หน้าเด็กเว่อร์!! ไก่-ฑิพาฎีพ์ ผู้สมัคร ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ สวยเป๊ะแม้อายุจะเข้าเลข 5

account_circle

หน้าเด็กเว่อร์!! แม้อายุจะเข้าเลข 5 แล้วสำหรับ ไก่-ฑิพาฎีพ์ ปวีณาเสถียร ผู้สมัคร ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ ที่เห็นแล้วต้องบอกเลยว่า หน้าเด็กอะไรปานนั้น!!

ร้อนระอุจริงๆ สำหรับกระแสข่าวการเมืองในบ้านเรา ที่มาไม่เว้นแต่ละวัน อ่านแล้วปวดหัวจริงๆ เรามาพักการเรื่องร้อนๆ แล้วมาดูสีสันของการเมือง ในช่วงนี้ให้หายเครียดกันดีกว่า นอกจากกระแสฟ้ารักพ่อ ของธนาธร, เข้าคูหากาหัวใจ ของหมอเอ้ก หรือจะเป็น ชัชชาติ กับรัฐมนตรีที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี ฯลฯ แล้ว

ล่าสุดที่ดูจะเป็นที่ฮือฮาก็ดูเหมือนจะเป็น ภาพโปสเตอร์ของ ไก่-ฑิพาฎีพ์ ผู้สมัคร ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ ซึ่งถ้าดูเผินๆ แล้วอาจจะไม่ได้แปลกตาอะไร ดูแล้วก็เหมือนกับภาพโปสเตอร์ของผู้สมัครทั่วไป แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ป้ายนั้นดูสะดุดตาก็คือ อายุของเธอที่เห็นหน้าเด็กๆ แบบนี้แต่อายุของเธอนั้น 50 แล้วจ้าาาา

ซึ่งหลายๆ คนที่เคยเจอเธอตัวจริง ก็ยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า สวย หุ่นดี หน้าเด็กจริง ที่สำคัญตัวจริงกับในรูปแบบเดียวกันเด๊ะ ตรงปกไม่หลอกลวงแน่นอน

ไก่-ฑิพาฎีพ์

งานนี้ต้องบอกเลยว่า คุณไก่ เธอดูแลตัวเองได้ดีจริงๆ เพราะขนาดอิฉันเข้าวัยเลข 3 แล้วเซลลูไลท์เอย ตีนกาเอย ก็เริ่มมากันให้พรึ่บแล้ว สาวๆ คนไหนอยากฟิตแอนด์เฟิร์มแบบนี้ ต้องเริ่มดูแลตัวเอง ออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ที่สำคัญพักผ่อนกันเยอะๆ ด้วยนะจ๊ะ จะวัยไหนก็สวยเป๊ะได้ไม่แคร์เวิลด์


ภาพ : Tipadee Paweenasatien

รุ่นใหม่ รูปหล่อ ฟ้ารักพ่อผมไม่เกี่ยว! เปิดใจหมอเอ้ก-คณวัฒน์ “อย่าเลือกผมเป็นส.ส. เพราะหน้าตา”

อนาคตของฟ้า! คุยกับ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หนุ่มฮ็อตแห่งโซเชียลที่ใครๆ ก็เรียก “พ่อ”

สวย หล่อ โปรไฟล์ดี! 8 ทายาทนักการเมือง รุ่นใหม่ไฟแรง อนาคตไกล

พลิกอีกด้าน “ไอติม-พริษฐ์” ลูกผู้ชายสายการเมือง ตอบเรื่องหัวใจตรงไปตรงมา

เพื่อนพ้อง พี่น้อง คู่จิ้น! รวมโมเม้นต์คู่ซี้ของ บัดดี้ทางการเมือง

นักการเมืองหน้าบันเทิง รุ่นเก่า-รุ่นใหม่ ตบเท้าลงสมัครเลือกตั้งปี 2562

หลุดโลก! ฉีกกฎทุกการหาเสียง พรรคพลังท้องถิ่นไท กับคอนเซ็ปต์ We Are Hero

 

 

รักนี้มีสตอรี่! 3 เซเลบริตี้สาวเก่งควงเพื่อนซี้สุดเลิฟ เล่าที่มาของมิตรภาพ

account_circle

รักนี้มีสตอรี่! 3 เซเลบริตี้สาวเก่งควงเพื่อนซี้สุดเลิฟ เล่าที่มาของมิตรภาพ พร้อมอัพเดทของสวยๆ งามๆ อย่างเครื่องประดับในดวงใจ ที่เพื่อนสาวอย่างเราไม่ควรพลาด

ความสัมพันธ์ในแบบเพื่อนมีหลายรูปแบบ แต่เพื่อนที่อยู่ยงคงกระพันมากที่สุดดูจะเป็นเพื่อนรักตั้งแต่วัยเด็ก ซึ่งหลายๆ คนก็คบกันมาเป็นสิบปี เฉกเช่นเดียวกับเซเลบสาวกลุ่มนี้ ที่พวกเธอก็มีเพื่อนรักที่คบกันมาอย่างยาวนาน มีมิตรภาพที่ดีงาม แถมยังรู้ใจเพื่อนรักเป็นที่สุด โดยเฉพาะเรื่องช้อปปิ้งแล้ว บอกเลยว่าไม่มีใครแพ้ใคร

ยิ่งการเลือกเครื่องประดับด้วยแล้ว 3 เพื่อนซี้กลุ่มนี้เขาก็มีเคล็ดลับเฉพาะที่อยากจะมาแบ่งปันให้คุณๆ ได้อัพเดทกันกับ Fundamental คอลเล็คชั่นล่าสุดจาก Jasmin ไม่ว่าจะเป็นการเลือกดีไซน์เครื่องประดับ ไอเดียการเลือกของขวัญให้เพื่อน นอกจากนี้ยังได้เปิดเผยจุดเริ่มต้นสายใยมิตรภาพที่ทำให้เป็นเพื่อนซี้กันมาจนถึงทุกวันนี้แบบเอ็กซ์คลูซีฟอีกด้วย

ม.ล.รัมภาพันธุ์ ชุมพล & กรกมล อภิลิขิตสมัย (เพื่อนซี้ต่างสไตล์)

กรกมล อภิลิขิตสมัย และ ม.ล.รัมภาพันธุ์ ชุมพล

เริ่มกันที่คู่ของ คุณเก๋-ม.ล.รัมภาพันธุ์ ชุมพล เซเลบสาวนักการตลาด กับคุณหมิว-กรกมล อภิลิขิตสมัยเพื่อนซี้ที่พักจากงานดูแลเรื่องนำเข้า-ส่งออกอุปกรณ์ตกแต่งภายใน มาใช้เวลาว่างด้วยกัน สองสาวเล่าว่าปัจจุบันคบกันมาร่วม 15 ปี โดยเริ่มรู้จักกันสมัยเรียนคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งแก่นแท้หรือส่วนสำคัญที่ทำให้สองสาวเป็นเพื่อนกันมานาน คุณเก๋เผยว่า “หมิวเป็นเพื่อนที่จริงใจค่ะ ถ้าอะไรไม่ดีก็จะบอกเลยว่าไม่ดี จะไม่ได้มาพูดชมตลอด เลยรู้สึกว่าคบกับหมิว เราไม่ต้องกลัวว่าคนนี้แอบเฟคใส่เราหรือเปล่า (หัวเราะ)” ด้านคุณหมิวกล่าวว่า“เก๋เป็นคนง่ายๆ สบายๆ ค่ะ เป็นคนตามใจเพื่อน (ยิ้ม) สมมติถ้าเราจะโดดเรียน เก๋จะเป็นคนที่เตือนว่าอย่าโดดเลย เป็นเพื่อนที่ชักนำไปในทางที่ดีค่ะ”

นอกจากนี้เพื่อนซี้ต่างสไตล์ยังช่วยกันดูแลความสวยงามอย่างการเลือกจิวเวลรี่ให้กัน คุณหมิวเล่าว่า “หมิวชอบติดใส่ต่างหูและแหวนค่ะ สไตล์ที่ชอบจะเป็นแนวอาร์ตเดโค (Art Deco) หรือไม่ก็แนวเรียบๆ โมเดิร์นไปเลยค่ะ จริงๆ สไตล์เราสองคนจะไม่เหมือนกันเท่าไหร่นะคะ แต่จะช่วยกันดูว่าสไตล์เก๋จะประมาณนี้นะ อันนี้เหมาะกับเก๋นะ” สาวเก๋เสริมว่า“เก๋จะไม่ใช่แนวเรียบๆ ค่ะ จะชอบแนว antique แนวโบราณ หรือแนววินเทจหน่อย ส่วนใหญ่เก๋จะชอบใส่ต่างหูกับแหวน แล้วแต่อารมณ์และเสื้อผ้า ส่วนสร้อยคอจะไม่ค่อยได้ใส่เท่าไหร่ค่ะ” สาวหมิวตบท้ายว่า “อย่างถ้าเสื้อโชว์คอ เราก็อาจจะหาสร้อยมาใส่ให้ดูมีลูกเล่นขึ้นมานิดนึงค่ะ”

ลสา โสภณพนิช & อุมมา กฤษณะกลิน (เพื่อนซี้อารมณ์ดี)

อุมมา กฤษณะกลิน และ ลสา โสภณพนิช

 

ถัดมาที่คู่คุณสา-ลสา โสภณพนิช เซเลบสาวผู้ดูแลธุรกิจนายหน้าที่กรุงเทพประกันภัย กับคุณผึ้ง-อุมมา กฤษณะกลิน เจ้าของบริษัทโฆษณา ที่สองสาวเกริ่นว่าความต่างของแต่ละคนทำให้มิตรภาพนี้ลงตัวและแน่นแฟ้นมาตั้งแต่วัยเด็ก คุณสาเริ่มต้นว่า “รู้จักกับผึ้งมาตั้งแต่สมัยเรียนชั้นอนุบาล 2 ที่โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย เราจะไม่บอกนะคะว่ากี่ปี แต่จะบอกว่ารู้จักกันมาตั้งแต่อายุ 5 ขวบ (หัวเราะ)”

ด้านคุณผึ้งเผยความประทับใจถึงนิสัยของเพื่อนอย่างอารมณ์ดีว่า “ที่สามาคบกับผึ้ง จริงๆ อาจจะใช้คำว่า       จำยอม(หัวเราะ) สาจะเป็นคนที่ค่อนข้างออแกไนซ์มากค่ะ เวลาไปเที่ยวกับเขา เราจะสบายค่ะ เพราะว่าสาจะจัดการ ศึกษาทำข้อมูลเองให้ทุกอย่างเรียบร้อย ดีค่ะเพราะเราจะเป็นคนที่ไม่ค่อยออแกไนซ์” คุณสาเสริมว่า “ที่เป็นเพื่อนกันได้ อาจจะเพราะความตรงกันข้ามกันนี้ก็ได้นะคะ ผึ้งจะเป็นเพื่อนที่ทางบ้านจำได้ตั้งแต่เด็กเลยค่ะ เพราะป.1 ผึ้งเคยมาค้างที่บ้าน แล้วเอากรอบรูปคุณแม่ตัวเองตั้งไว้บนหัวนอน ตอนถึงเวลานอนก็ร้องไห้ บอกว่าคิดถึงแม่ อยากกลับบ้าน แล้วคุณแม่ก็มารับกลับบ้านไป แม่ของสาจำได้ตั้งแต่วันนั้นจนถึงทุกวันนี้ ทุกครั้งที่เจอหน้าก็จะพูดถึงเรื่องนี้ (หัวเราะ) แล้วเวลาอยู่กับผึ้ง เราจะกล้าบ่น กล้าปรับทุกข์ให้เขาฟัง เขาเป็นคนที่สามารถเปลี่ยนเรื่องที่ไม่ดีให้เป็นเรื่องเฮฮาได้ เวลาเพื่อนเสียใจ เศร้าใจอะไร เขาก็จะเป็นคนที่ทำให้รู้สึกดีขึ้นได้ค่ะ”

ม.ล.ทรงลักษณ์ สวัสดิวัตน์, ดุสิดา จงวิศาล และปภาสิริ มหธราดล (เพื่อนซี้สายเซอร์ไพรส์)

ส่งท้ายด้วยแก๊งเพื่อนซี้ดับเบิ้ลทรี คุณเฟม-ม.ล.ทรงลักษณ์ สวัสดิวัฒน์ ทายาทเจ้าของโรงเรียนเอกชน ที่ได้มีส่วนร่วมดูแลหลักสูตร นัดเพื่อนซี้ คุณโบว์-ดุสิดา จงวิศาล และคุณโบว์-ปภาสิริ มหธราดล มาทานข้าวด้วยกัน ซึ่งสองเพื่อนซี้ยังแอบเซอร์ไพรส์วันคล้ายวันเกิดให้แก่สาวเฟมอย่างอบอุ่นอีกด้วย

ปภาสิริ มหธราดล, ม.ล.ทรงลักษณ์ สวัสดิวัตน์ และ ดุสิดา จงวิศาล

จุดเริ่มต้นมิตรภาพนี้ คุณเฟมเผยว่า “เฟมรู้จักโบว์(ปภาสิริ) มาตั้งแต่เด็กๆ เพราะว่าน้าของเฟมกับน้าของโบว์แต่งงานกัน เป็นญาติดองกันค่ะ (หัวเราะ)” โบว์-ปภาสิริยิ้มก่อนเล่าต่อ “ใช่ค่ะ โบว์กับเฟมรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กแล้ว เสร็จแล้วโบว์กับโบว์(ดุสิดา) เรียนที่เดียวกัน เป็นเพื่อนกันตั้งแต่มหาวิทยาลัยค่ะ ก็เลยได้มารู้จักกัน แต่จริงๆ ก็มีเพื่อนอยู่โรงเรียนจิตรลดาที่สนิทๆ กันอยู่แล้ว ก็เลยเหมือนได้มารู้จักกันไปหมดเลยค่ะ”

ความประทับใจต่อกันที่ทำให้คบกันมาถึงทุกวันนี้ คุณเฟมเริ่มว่า “โบว์(ปภาสิริ) เป็นคนที่เฟรนด์ลี่ นิสัยดีมาก แล้วโบว์เป็นคนที่ขยันเรียนมากค่ะ เป็นไอดอลเลย เพราะเรียนเก่งมาก” โบว์(ดุสิดา) เสริมว่า “โบว์เป็นคนที่รักเพื่อนมาก เวลาเห็นโบว์ดูแลเพื่อน ก็คือสุดแบบเต็มหน่วยเลยค่ะ พวกเราอาจจะมีนิสัยคล้ายๆ กันด้วยคือ ชอบหรือไม่ชอบก็พูดกันตรงๆ ไม่มานั่งเออออตามกันแล้วมาลำบากใจกันทีหลัง ทำให้ไม่ค่อยมีเรื่องผิดใจกันค่ะ” ด้านโบว์(ปภาสิริ) เผยว่า “โบว์เป็นคนเพื่อนน้อยค่ะ แต่ทั้งเฟมและโบว์(ดุสิดา) เป็นคนที่นิสัยดี จริงใจ แล้วเขาทั้งสองจะชอบให้ความรู้กับโบว์ตลอดค่ะ”

Fundamental Collection เป็นคอลเลกชั่นที่ JASMIN หยิบยกความสวยงามของ “แก่น” มานำเสนอผ่านการดีไซน์ที่เน้นเส้นสายของเพชร และโครงสร้างเป็นส่วนใหญ่ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ทุกสิ่งจะสวยงามได้ โครงสร้างต้องสวยก่อน” รังสรรค์ White Gold (ทองคำขาว) เป็นชิ้นงานอันประณีตและทันสมัย โดยนำเพชรกลมเรียงร้อยติดกันประหนึ่งโครงสร้างอนาโตมีของชิ้นงาน และประดับประดาด้วยเพชร Fancy Shape รูปทรงต่างๆ มาผสานรวมกันอย่างสวยงามมีมิติ เพื่อช่วยปรับดีไซน์ให้ดูอ่อนหวานและเข้ากับผู้หญิงยุคใหม่มากยิ่งขึ้น อันประกอบด้วยแหวน สร้อยข้อมือ สร้อยคอ และต่างหูให้เลือกสรรหลากหลาย รวมถึงมีขนาดให้คัดสรรตั้งแต่ชิ้นเล็กจนถึงชิ้นใหญ่ เหมาะแก่การสวมใส่ในแต่ละโอกาสของทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นงานสังคม หรือในชีวิตประจำวัน ดังความเชื่อของ JASMIN ที่ว่า ‘เราทุกคนสามารถเปล่งประกายความงดงามภายในของเราได้ทุกวัน’ จิวเวลรี่จึงไม่ใช่มีเพียงดีไซน์ภายนอกที่สวยงาม แต่ภายในที่กว่าจะมาเป็นจิวเวลรี่ตามที่ทุกคนเลือกมาสวมใส่นั้นกลับมีเรื่องราวอันมีคุณค่าชวนน่าสัมผัสด้วยเช่นกัน

4 เหตุผลที่คนรุ่นใหม่เลือก TRIPLE Y RESIDENCE สุดยอดคอนโดทำเลใจกลางเมือง

ด้วยกระแสของโลกที่เปลี่ยนไป ทำให้หลายสิ่งหลายอย่างต้องเปลี่ยนตาม หนึ่งในนั้นก็คือรูปแบบของการอยู่อาศัย ซึ่งทุกวันนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่าคอนโดมิเนียมกลายเป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยม โดยเฉพาะในกลุ่มคนเมืองรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์ทันสมัยและไม่หยุดยิ่ง ทำให้ขณะเดียวกันคอนโดมิเนียมจึงผุดขึ้นมามากมาย เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้อยู่อาศัย

วันนี้ แพรวดอทคอม จึงขอพาไปดูคอนโดมิเนียมใหม่ล่าสุด อีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งสำหรับคนรุ่นใหม่และคนที่มองการณ์ไกลเพื่ออนาคต TRIPLE Y RESIDENCE (ทริปเปิ้ล วาย เรสซิเด้นซ์) ซึ่งตั้งอยู่บนสุดยอดทำเลใจกลางเมืองอย่างสามย่าน-จุฬาฯ โดยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ SAMYAN MITRTOWN (สามย่านมิตรทาวน์) มิกซ์ยูสสุดครบครันที่มีทั้งโซนอาคารสำนักงาน โซนรีเทล และโซนที่พักอาศัย

ด้วยความที่ TRIPLE Y RESIDENCE ตั้งอยู่บนทำเลทองที่หาได้ยากยิ่งในปัจจุบัน จึงเป็นคอนโดมิเนียมในรูปแบบ Leasehold หรือสิทธิการเช่าระยะยาว 30 ปี ที่บอกเลยว่าคุ้มค่าอย่างแน่นอน ทั้งสำหรับนักลงทุน คนที่คำนึงถึงประโยชน์มากมายที่จะได้รับ และคนที่มองถึงการตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ทั้งในปัจจุบันและอนาคต ซึ่งนี่คือ 4 เหตุผลสำคัญที่ทำให้คนรุ่นใหม่ตัดสินใจเลือก TRIPLE Y RESIDENCE เป็นพื้นที่ส่วนตัวสำหรับวิถีชีวิตยุค 4.0

ทำเลใจกลางเมืองที่ดีที่สุด

ต้องยอมรับเลยว่าจุดเด่นของ TRIPLE Y RESIDENCE คือตั้งอยู่บนทำเลใจกลางเมืองที่ดีที่สุดอย่างสามย่าน-จุฬาฯ ทำเลที่ขึ้นชื่อทั้งเรื่องความครบครัน ความสะดวกสบาย ความเจริญ และความทันสมัย ซึ่งอย่างแรกที่เห็นได้ชัดเลยก็คือ การเดินทางที่สะดวกสบาย เนื่องจากอยู่ใกล้กับ MRT สามย่าน

ซึ่งตอนนี้กำลังทำทางเชื่อมใต้ดินจากสถานีรถไฟฟ้าถึงโครงการสามย่านมิตรทาวน์ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทางให้มากขึ้นไปอีก รวมถึงการเดินทางด้วยทางด่วนก็ง่ายเช่นกัน เพราะอยู่ไม่ไกลจากทางด่วน 2 สาย นั่นคือ 1.6 กิโลเมตร ถึงทางพิเศษศรีรัช และ 3 กิโลเมตร ถึงทางพิเศษเฉลิมมหานคร นอกจากนี้ยังตั้งอยู่บนเส้นทางรถ Shuttle Bus เรียกว่ามีตัวเลือกในการเดินทางที่หลากหลายมาก

สำหรับความเจริญและความครบครันของย่านนี้ คงไม่ต้องอธิบายกันมาก เพราะเป็นที่รู้กันดีว่าถือเป็นศูนย์กลางกรุงเทพฯ เลยทีเดียว เพราะเพียบพร้อมด้วยศูนย์การค้าชั้นนำหลายแห่ง สถานศึกษาชั้นนำของประเทศ และสถานที่ให้บริการต่างๆ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกสบายในการใช้ชีวิต รวมถึงยังเป็นย่านการค้าและธุรกิจ จึงตอบโจทย์สำหรับคนวัยทำงานที่ต้องการพักอาศัยอยู่ใกล้ๆ กับสถานที่ทำงานอีกด้วย

ตรงใจไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่

TRIPLE Y RESIDENCE สร้างขึ้นในคอนเซ็ปต์ “Neo Explorer Living Platform” ซึ่งเป็นการอยู่อาศัยรูปแบบใหม่ เพื่อเติมเต็มไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ไม่ว่าจะเป็นวัยทำงานหรือวัยเรียน ที่ต้องการใช้ชีวิตได้อย่างสะดวกสบายและเต็มที่ โดยไม่ต้องกังวลถึงการเสียเวลาให้กับการเดินทางในชีวิตประจำวัน เนื่องจากตั้งอยู่บนทำเลใจกลางเมืองที่ดีที่สุดอย่างสามย่าน-จุฬาฯ ซึ่งนับว่าเป็นศูนย์กลางของกรุงเทพฯ และที่สำคัญคือเป็นส่วนหนึ่งของโครงการสามย่านมิตรทาวน์ มิกซ์ยูสที่ครบครันสุดๆ เพราะมีทั้งโซนอาคารสำนักงาน โซนรีเทล และโซนที่พักอาศัย โดยเฉพาะโซนรีเทลที่อัดแน่นด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก และสิ่งบันเทิงต่างๆ ทั้งซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านอาหารเจ้าดัง โรงภาพยนตร์ ฟิตเนส โคเลิร์นนิ่งสเปซ และอีเว้นท์ฮอลล์ ครบจนแทบจะเรียกว่าเป็นศูนย์การค้าขนาดย่อมๆ เลยก็ว่าได้

ลองคิดดูสิว่า จะดีแค่ไหนถ้าคุณสามารถใช้ชีวิตทุกด้านภายในพื้นที่เดียวกันได้ โดยไม่ต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นพักอาศัย ทำงาน กินข้าว ช้อปปิ้ง ดูหนัง ออกกำลังกาย หรือทำกิจกรรมอื่นๆ ซึ่งทั้งหมดนี้เองที่ทำให้ TRIPLE Y RESIDENCE เป็นคอนโดมิเนียมที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนเมืองรุ่นใหม่ได้อย่างเพอร์เฟ็กต์

พื้นที่การลงทุนเพื่ออนาคต

ด้วยทำเลระดับพรีเมียมของ TRIPLE Y RESIDENCE ทำให้คอนโดมิเนียมแห่งนี้เต็มไปด้วยความพิเศษกว่าคอนโดมิเนียมทั่วไป บวกกับความสะดวกสบายต่างๆ ที่รายล้อมอยู่รอบด้าน จึงต้องยกให้เป็นพื้นที่ที่เหมาะสำหรับการลงทุนเป็นอย่างยิ่ง ทั้งในแง่ของผลตอบแทนทางการเงิน และผลตอบแทนในอนาคต ซึ่งพูดง่ายๆ ก็คือเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการปล่อยเช่าต่อ เพราะด้วยทำเลและองค์ประกอบต่างๆ เชื่อว่าไม่มีใครปฏิเสธอย่างแน่นอน นอกจากนี้ยังเหมาะสำหรับพ่อแม่ผู้ปกครองที่วางแผนอนาคตให้กับลูก เพราะ TRIPLE Y RESIDENCE ตั้งอยู่ในย่านสถานศึกษาชั้นนำของประเทศ จึงหมดห่วงเรื่องความเหนื่อยล้าในการเดินทางไปได้เลย นับเป็นการลงทุนเพื่ออนาคตที่คุ้มค่าสุดๆ

มั่นใจได้ในคุณภาพ

นอกจากทำเลที่เริ่ดในทุกด้านแล้ว TRIPLE Y RESIDENCE ยังมาพร้อมกับคุณภาพคับแก้วที่โดนใจผู้อยู่อาศัยแน่นอน อย่างเรื่องการออกแบบพื้นที่ใช้สอยให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน จึงมีห้องให้เลือกถึง 3 รูปแบบด้วยกัน คือ แบบ 1 ห้องนอน 34 ตารางเมตร แบบ 1 ห้องนอน 40 ตารางเมตร และแบบ 2 ห้องนอน 68 ตารางเมตร  

สำหรับแปลนห้องถูกออกแบบให้รองรับกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ โดยห้องแบบ 1 ห้องนอน 34 และ 40 ตารางเมตร มีการแบ่งพื้นที่ใช้สอยเป็นสัดเป็นส่วนชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นโซนห้องนอน โซนห้องนั่งเล่น หรือโซนครัว โดยแบ่งสัดส่วนพื้นที่ตามวิถีชีวิตของผู้อยู่อาศัยส่วนใหญ่เป็นหลัก เช่น การให้ความสำคัญกับโซนห้องนอนและโซนห้องนั่งเล่นเป็นพิเศษ เพื่อให้ตรงตามไลฟ์สไตล์ 4.0 ที่หลายคนมุ่งมั่นตั้งใจกับการทำงานหรือการเรียน จึงต้องใช้พื้นที่ในส่วนของห้องนั่งเล่นสำหรับทำงานหรืออ่านหนังสือ แต่ขณะเดียวกันก็ให้ความสำคัญกับการพักผ่อนเพื่อสุขภาพที่ดีด้วย ห้องนอนจึงต้องมีพื้นที่กว้างขวาง เพื่อความโปร่งโล่งสบาย ทำให้สามารถพักผ่อนได้อย่างเต็มที่ ส่วนโซนครัวเป็นโซนที่คนรุ่นใหม่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ใช้งานมากนัก ดังนั้นพื้นที่ขนาดพอดีๆ จึงเพียงพอแล้ว

ในส่วนของห้องแบบ 2 ห้องนอน 68 ตารางเมตร ซึ่งเน้นไปที่ผู้อยู่อาศัยแบบครอบครัว ก็จะวางแปลนห้องโดยให้ความสำคัญกับพื้นที่ส่วนรวมอย่างโซนห้องนั่งเล่นและโซนครัว เพื่อให้สมาชิกทุกคนสามารถทำกิจกรรมต่างๆ เช่น กินข้าว ดูทีวี ร่วมกันได้ในวันพักผ่อนสบายๆ

นอกจากนี้ TRIPLE Y RESIDENCE ยังมาพร้อมกับแฟกซิลิตี้ที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นฟิตเนส สระว่ายน้ำบนชั้น Rooftop โคคิทเช่นสเปซโซนซักรีด ห้องนั่งเล่นสำหรับอ่านหนังสือหรือพักผ่อนหย่อนใจ ซึ่งทั้งหมดนี้ช่วยให้ผู้อยู่อาศัยสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสะดวกสบายที่สุด

อีกหนึ่งความพิเศษและนับเป็นเอกลักษณ์ของ TRIPLE Y RESIDENCE คือการแบ่งออกเป็น 2 ส่วน  ได้แก่ โรงแรม 112 ยูนิต และคอนโดมิเนียม 516 ยูนิต ซึ่งจุดนี้เองที่ทำให้ผู้อยู่อาศัยสามารถหมดกังวลเรื่องความปลอดภัยไปได้เลย

เหตุผลทั้งหมดนี้การันตีได้ว่า หากคุณกำลังมองหาพื้นที่ส่วนตัวที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ 4.0 อยู่ล่ะก็ รับรองได้เลยว่า TRIPLE Y RESIDENCE เป็นคำตอบที่ใช่แน่นอน แล้วตามไปพบกับคอนโดมิเนียมบนทำเลใจกลางเมืองที่ดีที่สุด

พร้อมเปิดขายPre-sale Event” ในวันที่ 10 มี.. 62 ราคาเริ่มต้นพิเศษ 4.49 ล้านบาท สิทธิพิเศษ สำหรับผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมงาน “Pre-sale Event” รับส่วนลด 100,000 บาท  ทันที คลิก https://www.tripleyresidence.com/register/th หรือโทร 065-275-7472

สนีกเกอร์ KEEN

ลายพรางไม่เคยเอ้าท์! สนีกเกอร์รุ่นใหม่จาก KEEN ใส่สบายเหมือนรองเท้าแตะ

สนีกเกอร์ KEEN
สนีกเกอร์ KEEN

สนีกเกอร์ KEEN รองเท้าที่ให้ความสบายไม่ต่างจากใส่รองเท้าแตะ ได้เปิดไอเท็มใหม่ที่มาพร้อมลายพรางแสนเก๋ ขอบอกว่าสายสตรีทห้ามพลาด!

ล่าสุด KEEN THAILAND ได้เปิดตัวรองเท้ารุ่นใหม่ UNEEK HT ที่ใช้รูปทรงและฟังก์ชั่นของรุ่น UNEEK เช่นเคย แต่เพิ่มความพิเศษมากกว่าเดิม โดยเพิ่มซับด้านในที่มีลักษณะเหมือนถุงเท้า วัสดุทำมาจากตาข่าย Spacer ที่มีคุณสมบัติดีเยี่ยมในการระบายอากาศได้ดี ให้สัมผัสเหมือนสวมใส่รองเท้าผ้าใบ แต่ยังคงไว้ซึ่งความรู้สึกของการสวมใส่รองเท้า Sandals ไว้ได้อย่างครบถ้วน

ความพิเศษยิ่งไปกว่านั้น รองเท้ารุ่น UNEEK HT ยังมีการ Collaboration ร่วมกันถึง 2 แบรนด์ดังได้แก่  UNEEK HT x WINICHE & CO.  และ UNEEK HT x X-GIRL สำหรับแบรนด์แรก Winiche & Co. ออกแบบโดยดีไซเนอร์ชื่อดังมากความสามารถ อย่าง Katsuhiko Kasajima ซึ่งถือว่าเป็นดีไซเนอร์ที่คลั่งไคล้รองเท้าผ้าใบ , กราฟิตี้ , สเก็ตบอร์ด และอีกหลายอย่าง ทั้งยังมีความรู้เกี่ยวกับลายทหารพรางและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับทหาร และมีส่วนช่วยในการเขียนบทความในนิตยสารและสื่อออนไลน์ต่างๆ

 สนีกเกอร์ KEEN

 สนีกเกอร์ KEEN

นอกจากนี้ยังเคยร่วมงานกับแบรนด์รองเท้าชื่อดัง เช่น Nike , Reebok , Helinox ฯลฯ ทำให้การันตีผลงานได้อย่างไม่ต้องมีข้อสงสัยใดๆ สำหรับลวดลายและการเลือกใช้โทนสีที่อยู่บนรองเท้า UNEEK HT x WINICHE & CO. นั้น สื่อถึงเอกลักษณ์เฉพาะของแบรนด์ Winiche & Co. ได้เป็นอย่างดี แถมยังสามารถสวมใส่ได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง

สำหรับอีกหนึ่งแบรนด์ที่ฮ็อตและมีความชัดเจนในด้านการออกแบบ ตลอดจนมุ่งเน้นในความเป็นตัวของตัวเองของแบรนด์อย่างต่อเนื่อง ล่าสุด X-Girl ก็ได้ร่วม Collaboration รองเท้ารุ่น UNEEK HT x X-GIRL สำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะด้วยเช่นกัน ด้วยโทนสีและลวดลายที่อยู่บนรองเท้า สื่อได้ถึงความเป็นสตรีทและความเท่ของผู้หญิงสายสตรีทได้อย่างดี

 สนีกเกอร์ KEEN

 สนีกเกอร์ KEEN

 สนีกเกอร์ KEEN

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ต้องฟาดสักใบ! กระเป๋า Chanel Backpack ไอเท็มใหม่ล่าสุดของ ‘ลิซ่า BLACKPINK’

ถอดแบบจากแม่ชบา! คิมเบอร์ลี่ ใส่เดรสผ้าไหมไทย หวานซ่อนเปรี้ยว สไตล์โมเดิร์น

 แมทช์ลุคเพอร์เฟ็ค! 13 สไตล์ที่เข้ากันได้ดีของ ดยุกและดัชเชสแห่งเคมบริดจ์

Romantic Style! เจ้าหญิงเคท งดงามสะกดทุกสายตา ในเดรสสีหวานจาก Gucci

เด็ดทุกชิ้น! ไอเท็มใหม่จาก Longchamp บนรันเวย์ New York Fashion Week 2019

ราคานี้ซื้อได้! เจาะ 12 ไอเท็ม ‘สองสะใภ้แห่งราชวงศ์อังกฤษ’ ที่งบไม่เกินหลักพัน

ดีไซน์สไตล์โมเดิร์น ‘แหวนแหวน-ปวริศา’ เปิดตัว ‘พาวา’ กระเป๋าผ้าไหมไทย

Street Style แบบนางงามจักรวาล! ‘แคทรีโอนา เกรย์’ เช็คอิน New York Fashion Week

 ท้าอุณหภูมิติดลบ! วี-วิโอเลต เข้าชมนิวยอร์กแฟชั่นวีคครั้งแรก พร้อมกระทบไหล่นักร้องดัง

keyboard_arrow_up