ลี้โกมลชัย

สวยยกบ้าน! เจาะลึกเคล็ดลับความงามของสาวๆ ตระกูลลี้โกมลชัย

Alternative Textaccount_circle
ลี้โกมลชัย
ลี้โกมลชัย

เมื่อสาวๆ รวมตัวกัน ความสนุกมักเกิดขึ้นเสมอ ดังเช่น “ครอบครัวลี้โกมลชัย” นำทีมโดยคุณแม่งามจิตต์ และลูกสาวทั้งสาม หวาน-กมลา, ผึ้ง-มธุรา และน้องเล็ก มนต์-วัชรา ที่แชร์ทุกเรื่องราวในชีวิตด้วยกัน ตั้งแต่บิวตี้ สุขภาพ รวมถึงแฟชั่นที่ไม่มีใครยอมแพ้กันจริงๆ

คุยเรื่องแฟชั่นก่อน เหมือนสุภาพสตรีบ้านนี้จะไม่มีใครยอมกันนะครับ

คุณงามจิตต์ยิ้มกว้าง “เป็นแบบนั้นเลยค่ะ แม่ไม่เคยห้ามลูกเรื่องแต่งตัวหรือแต่งหน้า ความจริงสนับสนุนให้ลูกสวยด้วย ส่วนเขาจะชอบสไตล์ไหนก็ถือเป็นสิทธิเสรีภาพของแต่ละคน”

คุณมนต์เล่าบ้าง “ต้องบอกว่าคุณแม่เป็นแรงบันดาลใจของลูกๆ ในเรื่องการแต่งหน้าและแต่งตัว แม่ไม่เคยหน้าสดไปไหน ขนาดอยู่บ้าน แอ๊กเซสซอรี่ส์ยังจัดเต็ม ไม่มีชุดธรรมดาเลย (หัวเราะ) ท่านเป็นสาวแฟชั่น ทั้งเสื้อผ้า หน้าผม จนถึงเครื่องประดับ ช่วงนั้นเทรนด์อะไรมา เราจะเห็นสิ่งนั้นบนตัวของแม่ มนต์กับพี่ๆ ชอบไปเล่นในห้องแต่งตัวของคุณแม่ ถือเป็นกรุสมบัติเลย เราจะสวมรองเท้าส้นสูง นำผ้าพันคอมาพันรอบตัว แล้วเดินโบกมือเล่นเป็นมิสยูนิเวิร์ส” (หัวเราะ)

คุณผึ้ง  “ส่วนเรื่องรักสวยรักงาม พี่น้องบ้านนี้ก็ไม่มีใครยอมกัน เราแต่งหน้ากันค่อนข้างเร็ว ตั้งแต่ตอนเรียนที่โรงเรียนนานาชาติฮาร์โรว์ ซึ่งสมัยนั้นเพื่อนๆ ส่วนใหญ่ยังมาเรียนในเวอร์ชั่นหน้าสด แต่เราเขียนอายไลเนอร์แบบแคตอายส์กันแล้ว ตอนนั้นบางคนจะมองว่าทำไมแต่งหน้ากันเร็ว แต่หลังจากนั้นไม่กี่ปี ผู้หญิงในรุ่นราวคราวเดียวกับเราก็เริ่มแต่งหน้ากันจนเป็นเรื่องปกติ”

ลี้โกมลชัย

สไตล์การแต่งตัวของสามพี่น้องเป็นอย่างไรครับ

คุณผึ้งเล่าต่อ “สไตล์เพิ่งชัดเจนไม่นานนี้เองค่ะ เพราะเราเพิ่งแยกห้องนอนกันได้ประมาณ 6 ปี ที่ผ่านมาใช้โต๊ะเครื่องแป้งกับตู้เสื้อผ้าเดียวกัน ทำให้การแต่งตัวจะดูคล้ายๆ กัน แต่พอแยกห้องนอนกับตู้เสื้อผ้า คาแร็คเตอร์ของแต่ละคนจึงเริ่มชัดเจนขึ้น อย่างผึ้งชอบโทนสีดำ ออกแนวสปอร์ตหน่อยๆ แต่ก็มีความหวานอยู่ในนั้นด้วย”

คุณหวาน “หวานชอบสีพาสเทล ขาว เบจ แต่คาแร็คเตอร์ไม่ได้หวานเหมือนชุดที่ใส่นะคะ เวลาทำงานจะมีความบอสซี่หน่อยๆ แต่เวลาอยู่บ้านหรือไม่ทำงานจะชิลมาก ยกตัวอย่างเวลาครอบครัวเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ เราต้องไปถึงสนามบินตอนตี 2 น้องๆ จะแต่งหน้าแต่งตัวกันเต็ม แต่หวานจะไปแบบหน้าสด คุณแม่ยังบอกว่านี่เราไปเที่ยวด้วยกันนะ ไม่มีความเป็นทีมเลย” (หัวเราะ)

คุณมนต์ “ส่วนมนต์จะออกแนวเฉี่ยวๆ มั่นใจ และมีความเป๊ะ เวลาออกจากบ้านจะแต่งหน้าทุกครั้ง อย่างเรื่องไปสนามบินที่พี่หวานเล่า นั่นคือมนต์เลย ถ้านัดเจอกันตอนตี 2 ที่สนามบิน หน้ามนต์จะสวยพร้อมแล้ว จะตื่นมาแต่งหน้าตั้งแต่เที่ยงคืน”

รู้มาว่าสาวๆ บ้านนี้แชร์ข้อมูลเรื่องบิวตี้กันตลอด

คุณผึ้งตอบก่อน “ใช่ค่ะ เราสามคนมีปัญหาผิวคล้ายๆ กัน เริ่มต้นจากการเป็นผด สิวผื่น ถ้าใช้ผลิตภัณฑ์ตัวไหนแล้วแพ้ก็จะแพ้เหมือนกัน เราจึงแชร์ข้อมูลเรื่องความสวยความงามกันตลอด และพยายามรักษามาทุกวิธี ใครบอกว่าผลิตภัณฑ์นี้ดี คลินิกนี้น่าสนใจ เราก็ไปลอง เคยลองใช้สมุนไพรไทยด้วย พอกขมิ้นที่หน้าแล้วนอนจนหมอนกลายเป็นสีส้ม คือลองหมดแล้วจริงๆ” (หัวเราะ)

คุณหวานเล่าต่อ “ในพี่น้องสามคน หวานจะมีปัญหาเกี่ยวกับผิวหน้ามากที่สุด ไม่ว่าลองใช้ผลิตภัณฑ์อะไรก็ทำให้ผิวหน้าดีขึ้นแค่ชั่วคราว ยังไม่ถึงจุดที่เราคาดหวังไว้สักที จนวันหนึ่งที่หวานได้รู้จักคุณชิโนบุ ซาโตะ ปรมาจารย์ด้านโฮลิสติกและความงามของประเทศญี่ปุ่น คุณซาโตะเดินทางไปทั่วโลกเพื่อค้นคว้าเรื่องสมุนไพรและศาสตร์แห่งความงาม ก่อนจะเปิดซาลอน เดอ โนเบิล ที่เมืองคึซึฮะ ต้องนั่งรถไฟออกจากตัวเมืองโอซาก้าไปอีกหน่อย หวานมีโอกาสไปเรียนกับคุณซาโตะที่นั่น ถือเป็นลูกศิษย์ต่างชาติคนแรกของเขาด้วย”

ครอบครัวเดินทางไปหาที่ญี่ปุ่นบ่อยไหมครับ

คุณมนต์ “บ่อยค่ะ มีทั้งไปพร้อมกันและสลับกันไป ในหนึ่งปีน่าจะมีรวมกันประมาณ 6-7 ครั้ง ระหว่างนั้นพี่หวานจะมีข้อมูลใหม่ๆ มาอัพเดตให้เรารู้ตลอด ถ้าอยากรู้อะไรหรือลองใช้ผลิตภัณฑ์ตัวไหน เขาก็ส่งกลับมาให้ที่บ้าน ซึ่งเราจะเห็นพัฒนาการของเขาทุกครั้งเวลาไปหาที่ญี่ปุ่น

“นอกจากเรื่องข้อมูล อีกเรื่องที่มนต์รู้สึกเซอร์ไพร้ส์มากคือ ครั้งแรกที่พี่หวานนวดตัวให้ ก่อนหน้านั้นไม่เคยมีภาพที่เขาจะนวดให้คนอื่นเลย เพราะเป็นทักษะและเทคนิคเฉพาะทางที่ต้องฝึกฝน มนต์ยังห่วงว่าเขาจะทำได้ไหม แต่พี่หวานพิสูจน์ว่าทำได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่พี่หวานนวดให้มนต์ ซึ่งมันเห็นผลจริง ๆ

“มนต์มีปัญหาเรื่องรูปร่าง ตอนแรกแก้ปัญหาด้วยการควบคุมอาหาร แต่มารู้ทีหลังว่าเกิดจากอาการบวมน้ำ (ภาวะที่น้ำหรือน้ำเหลืองสะสมและตกค้างอยู่ในเนื้อเยื่อของร่างกาย ทำให้เกิดอาการบวม) บางครั้งเวลาขึ้นเครื่องบิน นิ้วจะบวมจนใส่แหวนไม่ได้ หรือเท้าบวมจนสวมรองเท้าไม่ได้ เป็นอาการที่แก้ไม่หาย จนพี่หวานพามาเจอคุณซาโตะ ซึ่งใช้วิธีการนวดปรับสมดุล ทำให้อาการนั้นค่อยๆ หายไป

“อีกครั้งที่เห็นผลชัดๆ คือ พี่หวานช่วยนวดต้นขาให้ แต่วันนั้นเราต้องเดินทางไปญี่ปุ่นต่อ พี่หวานนวดแค่ขาขวาให้มนต์แล้วเหนื่อย จึงบอกว่าอีกข้างไปนวดต่อที่ญี่ปุ่น ปรากฏว่าต้นขาข้างขวาของมนต์ดูกระชับและเล็กกว่าขาซ้ายอย่างเห็นได้ชัด วันนั้นจึงต้องเดินทางไปแบบขาไม่เท่ากัน” (หัวเราะ)

ลี้โกมลชัย
คุณมนต์-คุณหวาน-คุณผึ้ง

เดาว่าตอนฝึกนวด คุณหวานต้องมาทดลองกับน้องๆ และคุณแม่ด้วย

คุณงามจิตต์ยิ้มรับแล้วขอเล่าเรื่องนี้ “โดนกันหมดแล้ว มีช่วงหนึ่งที่หวานขาดนางแบบสำหรับฝึกนวด แม่จึงวางแพลนไปอยู่ที่ญี่ปุ่นกับเขา 10 วัน เพื่อเป็นนางแบบให้ ฟังแบบนี้เหมือนดูดี แต่ความจริงไม่ง่ายเลย เพราะไม่ใช่การไปนวดฟรีแบบสบายๆ เหมือนโดนจับไปนวดมากกว่า”

คุณมนต์หัวเราะ “เหมือนอย่างที่คุณแม่พูดจริงๆ การเป็นนางแบบให้พี่หวานไม่ใช่การไปนอนสบายๆ ถึงจะรู้สึกผ่อนคลายและง่วงแค่ไหนก็ห้ามหลับ เพราะต้องฟีดแบ็กว่าเขานวดเป็นอย่างไร ระหว่างนั้นจะมีการสลับมือให้คุณซาโตะ ซึ่งเป็นอาจารย์ของพี่หวานมานวดด้วย เราต้องจำความรู้สึกนั้นเพื่อบอกพี่หวานว่าเขาทำได้เหมือนหรือต่างจากคุณซาโตะอย่างไร ซึ่งเราต้องเป็นนางแบบทั้งวันนะคะ ช่วงเช้า 3 ชั่วโมง พอพักกินข้าวกลางวันเสร็จก็มานวดต่ออีก 4 ชั่วโมง”

คุณหวาน “วิธีนวดของคุณซาโตะจะบังคับให้ร่างกายผ่อนคลาย แต่ทุกคนหลับไม่ได้ หวานเข้าใจความรู้สึกนั้นดี เพราะเคยต้องเป็นแบบให้คนอื่นฝึกนวดมาก่อน ความรู้สึกเหมือนนั่งเครื่องบิน พอเคลิ้มๆ กำลังจะหลับ พนักงานต้อนรับก็มาถามว่ารับชาร้อนไหมคะ อารมณ์ประมาณนั้นเลย” (หัวเราะ)

คุณหวานเรียนที่ญี่ปุ่นนานไหมครับ

“ประมาณ 1 ปีครึ่งค่ะ หลังจากได้ประกาศนียบัตร คุณซาโตะบอกว่าถ้าทำร้านสาขาที่ประเทศไทยก็อยากให้หวานทำ ซึ่งหวานก็บอกไม่ได้นะคะว่าทำไมคุณซาโตะถึงเลือกเรา อาจเป็นเพราะหวานมีแพสชั่นในศาสตร์นี้จริงๆ นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของเดสทินาเระ (DESTINARE) บิวตี้ฮับสำหรับคนรักการนวดสไตล์ญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม โดยผลิตภัณฑ์ที่ใช้เป็นส่วนผสมจากสมุนไพรของญี่ปุ่น ฝรั่งเศส และทั่วโลก รวมถึงเคล็ดลับด้านความงามกว่า 40 ปีของคุณซาโตะ เช่น ซาโตะออยล์ (Sato Oil) น้ำมันทาผิวชนิดเดียวกับที่ร่างกายมนุษย์ผลิตขึ้นมา พอทาแล้วจะซึมเข้าไปในผิวทันที ไม่รู้สึกเหนียวเหนอะที่ตัว ซึ่งคุณซาโตะไม่เคยบอกใครว่าส่วนผสมมีอะไรบ้าง เพราะเป็นเคล็ดลับความงามในครอบครัวที่ถ่ายทอดกันมา”

คุณผึ้งเล่าต่อ “ศาสตร์ที่พี่หวานเรียนไม่ใช่แค่เรื่องบิวตี้เท่านั้น แต่เป็นการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม อย่างช่วงหนึ่งผึ้งไม่สบายเป็นไฮเปอร์ไทรอยด์ วันแรกที่ไปหาหมอ หัวใจผึ้งเต้นเกิน 100 ครั้งต่อนาที รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงหัวใจเต้นตลอดเวลา ต้องกินยาวันละ 12 เม็ด ซึ่งผึ้งไม่อยากกินยานานๆ จึงให้พี่หวานพาไปเจอคุณซาโตะ ซึ่งเชื่อในหลักการว่าร่างกายรักษาตัวเองได้ตามธรรมชาติ ยาอาจช่วยในจุดหนึ่ง แต่ก็อาจทำลายอีกจุดได้ คุณซาโตะจึงแนะนำให้กินซัปพลีเมนต์ช่วย รวมถึงการปรับสมดุลในการใช้ชีวิต ตั้งแต่การกินอาหารที่มีประโยชน์ การนอนหลับที่มีคุณภาพ ทำให้สุขภาพของผึ้งดีขึ้นเรื่อยๆ จากที่กินยา 12 เม็ดก็เหลือครึ่งเม็ดในเวลา 6-7 เดือน”

คุณหวานยิ้ม “วิธีของคุณซาโตะก็ไม่ได้ถึงขนาดธรรมชาติ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ผสมผสานการรักษาแบบแพทย์แผนปัจจุบันด้วย เพราะธรรมชาติดีที่สุดในบางสถานการณ์ บางครั้งก็ต้องนำสารเคมีเข้ามาใช้ เพียงแต่เราต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดของแต่ละศาสตร์มารวมกัน ทำอย่างไรให้ความรู้ดั้งเดิมกับวิทยาการของโลกยุคใหม่รวมกันได้อย่างกลมกลืน นี่คือแนวทางของคุณซาโตะ รวมถึงที่เดสทินาเระ”

ลี้โกมลชัย

จากความชอบเรื่องบิวตี้จนมาถึงวันที่เปิดเดสทินาเระ ความรู้สึกของพี่น้องเป็นอย่างไรครับ

คุณผึ้งยิ้มให้คุณหวาน “ประทับใจพี่หวานนะ เราเห็นเขาคลุกคลีกับเรื่องนี้มา 6-7 ปีจนสามารถเปิดร้านของตัวเองได้สำเร็จ สำหรับผึ้ง เดสทินาเระเป็นส่วนผสมทั้งความรู้ของคุณซาโตะรวมถึงความตั้งใจของพี่หวานด้วย ซึ่งน่าจะกลมกล่อมมากขึ้นสำหรับคนไทย”

คุณมนต์ยิงมุก “ธุรกิจของพี่หวานทำให้มนต์มั่นใจว่าเราจะสวยกันยาวๆ ไปจนถึงอายุ 60 ปีแน่นอน” (หัวเราะทั้งกลุ่ม)

กลับมาถามคุณแม่บ้าง ลูกสาวสวยทั้งสามคนแบบนี้ หวงไหมครับ

“สำหรับแม่ไม่เท่าไหร่นะ แต่กับคุณพ่อก็ต้องบอกว่าทั้งหวงและห่วง เขาจะวางฟอร์มนิ่งๆ แต่คอยดูตลอดว่ามีใครเข้ามาในชีวิตของลูกแต่ละคนบ้าง ถ้าไม่เวิร์คจะใช้วิธีบอกแม่เพื่อเป็นสะพานส่งข้อความไปถึงลูก แต่ถ้าความสัมพันธ์จริงจังถึงขั้นคุยเรื่องการแต่งงาน พ่อจะแสดงความคิดเห็นตรงๆ ถ้าเขาไม่ชอบจะบอกเลยว่าถ้าเป็นพ่อจะไม่แต่งกับคนนี้ (สาวๆ ทั้งสามคนหัวเราะและยืนยันว่าคุณพ่อเป็นแบบนั้นจริงๆ)

“แต่เมื่อถึงที่สุดแล้ว ทั้งพ่อกับแม่ก็เคารพการตัดสินใจของลูกๆ เพราะเราไม่ได้อยู่กับเขาทั้งชีวิต หน้าที่ของพ่อแม่คือให้คำแนะนำ แต่สุดท้ายเขาต้องตัดสินใจเอง อย่างที่แม่บอกตั้งแต่แรกว่าทุกคนมีสิทธิและเสรีภาพในชีวิตของตัวเอง”

คุณผึ้งพูดถึงพี่น้องบ้าง “มีพี่น้องผู้หญิงก็สนุกนะคะ ชีวิตมีสีสัน แล้วบ้านเราชอบแสดงความคิดเห็น ถ้ามีเรื่องที่คิดไม่ตรงกัน แต่ละคนจะพูดสิ่งที่ตัวเองคิด บางครั้งทะเลาะกันบ้านแทบแตก เพราะทุกคนมีจุดยืนของตัวเอง ไม่มีใครยอมนั่งหรือนอนเลย (หัวเราะ) แต่หลังจากคุยจบก็ไม่ได้โกรธกันต่อนะคะ”

คุณงามจิตต์ “แม่เห็นลูกๆ คอยดูแลกันตลอด รวมถึงพี่ชายคนโตของเขาด้วย เวลามีปัญหาจะคอยช่วยเหลือกัน คนไหนว่างก็มาหาพ่อแม่ ตอนนี้หวานอาจมีเวลามากที่สุดเพราะยังโสด ส่วนผึ้งแต่งงานและมีครอบครัวที่ดี แต่ยังแวะมาหา มนต์ก็เหมือนกัน ถึงแม้งานเยอะ แต่ก็มาหาแม่ตลอด หรือถ้าช่วงไหนไม่ได้เจอกัน ก็รู้แหละว่าลูกๆ รักพ่อแม่ ถ้ามีเรื่องอะไรให้ช่วยทุกคนก็พร้อมเสมอ เหมือนเพลงด้วยรักและผูกพันของพี่เบิร์ดที่ร้องว่า ‘จะไปในทันใด จะไปยืนเคียงข้างเธอ ไปอยู่ดูแลเป็นเพื่อนเธอ ให้เธอหมดความกังวลใจ’ (ลูกสาวทั้งสามคนปรบมือชอบใจแล้วบอกว่าปกติคุณแม่ไม่ร้องเพลงแบบนี้บ่อยๆ ก่อนที่คุณงามจิตต์จะพูดปิดท้าย) บ้านเราเป็นเหมือนเพลงนี้ แม้จะไม่ได้อยู่ด้วยกันทุกวัน แต่พร้อมดูแลกันเสมอ”


 

ที่มา : นิตยสารแพรว ฉบับ 943

Praew Recommend

keyboard_arrow_up