“เอพี ไทยแลนด์” เปิดตัวแคมเปญใหญ่ “HOMEMADE STORY” ยกทัพศิลปินและยูทูปเบอร์ชื่อดังร่วมครีเอทพื้นที่สุดโปรดในคอนเซ็ปต์ “ทำบ้านให้เป็นมากกว่าบ้าน” เติมเต็มทุกการใช้ชีวิตวันนี้และอนาคต

  • นำทีมโดยศิลปินค่าย LOVEiS & FRIENDS และยูทูปเบอร์ชื่อดัง อาทิ ลิปตา, สิงโต นำโชค, ป๊อด ธนชัย, มาร์ช จุฑาวุฒิ, พลอย ชิดจันทร์ และครอบครัว ฯลฯ 
  • ถ่ายทอดไลฟ์สไตล์ใหม่ในวิถี Next Normal พร้อมพลิกพื้นที่ทุกตารางนิ้วในบ้านให้มีความหมายมากกว่าที่เคย ผ่านซีรีย์ 13 ตอนพิเศษ ทางช่องทางหลัก “FACEBOOK และ YOUTUBE APThai” ออกอากาศตอนแรกในวันเสาร์ที่ 11 กรกฎาคมนี้ 

กรุงเทพฯ (8 ก.ค. 63) – บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และนวัตกรรมการอยู่อาศัยของคนเมือง เปิดตัวแคมเปญใหญ่ “HOMEMADE STORY” ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ทำบ้านให้เป็นมากกว่าบ้าน” จับมือ 8 ศิลปินค่าย LOVEiS & FRIENDS และ 7 ยูทูปเบอร์ชื่อดัง ร่วมภารกิจครีเอทพื้นที่สุดโปรดตอบรับไลฟ์สไตล์ใหม่ของชีวิตยุค Next Normal ในโครงการบ้านเดี่ยวเครือเอพีภายใต้แบรนด์ CENTRO, THE CITY และ THE PALAZZO ร่วมสัมผัสแง่มุมใหม่ของการใช้ชีวิตในบ้านที่ครบครันด้วยสเปซฟังก์ชันที่มากกว่าพร้อมตอบทุกโจทย์การใช้ชีวิตเมืองได้อย่างลงตัว ในซีรีย์ 13 ตอนพิเศษ ทางช่องทางหลัก Facebook และ Youtube “APThai” ประเดิมตอนแรกวันเสาร์ที่ 11 กรกฎาคมนี้

นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน)จากสถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้นและคงอยู่ไปอีกสักระยะ ได้ส่งผลให้ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนในสังคมเปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะการที่เราทุกคนได้มีเวลาอยู่ที่ ‘บ้าน’ มากขึ้น ได้กลับมาใช้ชีวิตทำกิจกรรมร่วมกับครอบครัว ได้มีเวลาความเป็นส่วนตัวที่บ้านมากกว่าเดิม จากเทรนด์การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ทำให้ความหมายของ ‘บ้าน’ มีความลึกซึ้งกว่าที่เคยเป็น นำมาสู่การเปิดตัวแคมเปญใหญ่ของเอพีภายใต้ชื่อ ‘HOMEMADE STORY ทำบ้านให้เป็นมากกว่าบ้านเพื่อสื่อสารวิธีคิดและการทำงานของบ้านเดี่ยวเครือเอพี ที่มุ่งส่งมอบ ‘บ้านที่เข้าใจชีวิต’ อย่างแท้จริง ทุกองค์ประกอบภายในบ้านในบริบทใหม่ต่อจากนี้ ทั้งมิติ ‘ขนาดของพื้นที่’ และ ‘สเปซฟังก์ชัน’ ที่จะสามารถรองรับกิจกรรมต่างๆ ของการอยู่อาศัยร่วมกันของสมาชิกหลากหลายช่วงวัยในครอบครัว จะเข้ามาเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อบ้าน ร่วมกับการพิจารณาทำเลและแพ็คเกจราคาขาย”

“เราเชื่อว่าพฤติกรรมบางอย่างเปลี่ยนไปเพียงชั่วคราว แต่มีพฤติกรรมอีกไม่น้อยที่กลายเป็นพฤติกรรมที่คงอยู่อย่างถาวร ทำให้เราต้องพัฒนาที่อยู่อาศัยให้รองรับวิถีใหม่ที่จะเกิดในอนาคต อาทิ ‘บ้าน’ หนึ่งหลังที่ต้องทำหน้าที่ได้หลากหลาย ทั้งเป็นโรงเรียนของลูก ร้านอาหารของครอบครัว ฟิตเนส ส่วนตัวของคุณแม่ หรือออฟฟิศของคุณพ่อ ซึ่งวิธีคิดการออกแบบพื้นที่เพื่อเพิ่ม ‘สเปซฟังก์ชันที่มากกว่า’ ในบ้านเพื่อให้มั่นใจว่าทุกๆ สเปซในบ้านเครือเอพีจะสามารถเติมเต็มการใช้ชีวิตของครอบครัวเมืองได้ตามที่ปรารถนานั้น นับเป็นแกนหลักการทำงานที่เอพีให้ความสำคัญเสมอมา” นายวิทการ กล่าว 

นางพิมพรรณ ปรีชานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานพัฒนาธุรกิจกลุ่มสินค้าบ้านเดี่ยว บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เอพีร่วมกับ 8 ศิลปินจากค่ายเพลง LOVEiS & FRIENDS และ 7 ยูทูปเบอร์ชื่อดัง ที่เป็นตัวแทนสมาชิกของคนในบ้านครบทุกเจเนอเรชั่น ถ่ายทอดเรื่องราวความประทับใจ และโมเมนต์ความสุขที่เกิดขึ้นจากการใช้ชีวิตจริงในบ้านเดี่ยวเครือเอพี ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘ทำบ้านให้เป็นมากกว่าบ้าน’ โดยเรื่องราวต่างๆ จะถูกนำเสนอผ่านเสียงเพลง และกิจกรรมสร้างสรรค์ในรูปแบบที่แตกต่างกัน ออกมาเป็นซีรีย์ HOMEMADE STORY ทั้งหมด 13 ตอนพิเศษ พร้อมออกอากาศตอนแรกในวันเสาร์ที่ 11 กรกฎาคมนี้ ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถสร้างความสุข เสียงหัวเราะ พร้อมไอเดียต่อยอดการใช้ชีวิตวิถีใหม่ในบ้านอย่างแน่นอน

นายเทพอาจ กวินอนันต์ ประธานบริหาร บริษัท เลิฟอิส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด กล่าวเพิ่มเติมถึงการทำงานร่วมกับเอพีภายใต้แคมเปญ HOMEMADE STORY ว่า “ค่ายเพลง LOVEiS ทำงานเสมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน จนเกิดเป็นความผูกพัน และสะท้อนผ่านเพลงของเรา ที่แต่ละเนื้อร้องและท่วงทำนองมาจากตัวตน ผลงานเพลงของเราจึงเป็นเหมือน ‘พื้นที่’ ในการเชื่อมต่อความรู้สึก ความเข้าใจ ระหว่างศิลปินและแฟนๆ ของพวกเขา ไม่ต่างจากวิธีคิดในการออกแบบบ้านเดี่ยวของเอพีที่ทุกพื้นที่ในบ้าน นอกจากจะรองรับการใช้ชีวิตที่เป็นส่วนตัวแล้ว ยังเป็นเหมือนสะพานในการเชื่อมต่อความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกต่างวัยในครอบครัวนั้นๆ

“สำหรับแคมเปญ HOMEMADE STORY ในครั้งนี้ได้ตัวแทน 8 ศิลปินค่าย LOVEiS & FRIENDS ได้แก่ ลิปตา, สิงโต นำโชค, ป๊อด ธนชัย อุชชิน, ปันปัน ยีย์ยีย์, เบน ชลาทิศ, มาเรียม เกรย์ อัลคาลาลี่, ละมุนแบรนด์ และ วง MEAN จะมาร่วมรับภารกิจทั้งหมด 6 สเปซมิสชั่น (Space Mission) ภายใต้โจทย์การใช้งานสเปซจริงในบ้านเดี่ยวเอพี ซึ่งเชื่อว่าแฟนๆ จะได้เห็นเรื่องราว ไลฟ์สไตล์การสร้างสรรค์ผลงานของศิลปินในบรรยากาศความสวยงามและร่มรื่นภายในโครงการบ้านเดี่ยวเอพี ซึ่งศิลปินแต่ละคนก็จะมีไอเดียต่อยอดความสนุกจากสเปซที่แตกต่างกันไปตามไลฟ์สไตล์และช่วงวัยของเขา รับรองว่าแต่ละตอนเราจะเห็นไอเดียใหม่ๆ ในการใช้งานสเปซในบ้าน รวมถึงเสียงเพลงเล่นสดเพราะๆ และเซอร์ไพรส์ที่จะทำให้คุณผู้ชมอมยิ้มที่มุมปากอย่างแน่นอน” นายเทพอาจกล่าว

ในส่วนของตัวแทนศิลปินจาก LOVEiS & FRIENDS ป๊อด-ธนชัย อุชชิน กล่าวว่า “สถานการณ์ที่เกิดขึ้นต่างทำให้เราทุกคนได้ปรับตัวและคุ้นชินกับการใช้เวลาและทำกิจกรรมต่างๆ ที่บ้านมากกว่าแต่ก่อน ทำให้ความหมายของบ้านอาจจะไม่ใช่แค่ที่อยู่อาศัย แต่บ้านกลายเป็นชีวิต พื้นที่ในทุกตารางเมตรในบ้านที่มีความหมายมากกว่าเดิม และในแคมเปญ HOMEMADE STORY ผมจะมาเผยมุมโปรดในบ้านพร้อมภารกิจแนวอาร์ตๆ ในชื่อตอน Art From Home ให้ทุกคนได้ดูกัน จะเวิร์ค หรือไม่เวิร์คอยากให้ทุกคนคอยติดตามครับ แต่รับรองว่าอาร์ตแน่นอน” 

ปันปัน ยีย์ยีย์ – รสิกา สายแสง กล่าวว่า “ปันปันเติบโตมากับแนวคิดของครอบครัวที่สอนว่าหากชอบอะไร อยากทำอะไร ให้ทำตอนนั้นเลย เพราะทุกอย่างที่ได้ทดลองทำล้วนเป็นประสบการณ์ที่สำคัญ ซึ่งทั้งหมดได้สะท้อนผ่านทั้งการใช้ชีวิตและผลงานเพลงที่เต็มไปด้วยไอเดียที่สร้างสรรค์และสดใหม่ และเมื่อได้รับโอกาสในการร่วมปฏิบัติภารกิจ Art From Home ในแคมเปญ HOMEMADE STORY ร่วมกับพี่ป๊อด ยิ่งตื่นเต้นเป็นพิเศษ เพราะนอกจากจะเป็นการร่วมงานกันเป็นครั้งแรกแล้ว ทั้งปันปันและพี่ป๊อดเรายังมีความชอบที่เหมือนกันนั่นก็คืองานศิลปะ และโจทย์หลักที่ได้รับ คือ เราทั้งคู่จะต้องสร้างสรรค์สเปซแนวอาร์ตๆ ในบ้านของเอพี ซึ่งอยากให้ร่วมติดตามกัน ว่าการที่เราทั้งคู่ได้มาครีเอทสเปซใหม่ที่ผสานไอเดียของงานศิลปะทั้งในสไตล์ของพี่ป๊อดและปันปันจะเป็นอย่างไรบ้าง รับรองว่าน่าตื่นเต้นแน่นอน”

นอกจากนี้ แคมเปญ ‘HOMEMADE STORY ทำบ้านให้เป็นมากกว่าบ้าน’ เอพียังได้ร่วมงานกับ 7 ยูทูปเบอร์ชื่อดัง อาทิ มาร์ช จุฑาวุฒิ ภัทรกำพล, พลอย ชิดจันทร์ และครอบครัว, อาสาพาไปหลง, มินท์ I Roam Alone, พีช Eat Laek, Spin 9 และ Bearhug ที่จะมาร่วมทำภารกิจ 7 สเปซมิสชั่น (Space Mission) ถ่ายทอดไอเดียใหม่ๆ กับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตในบ้านเดี่ยวเอพี ซึ่งจะมีเรื่องราวครบรส ทั้งความอบอุ่น ความสนุกสนาน ความครีเอทีฟ และพลาดไม่ได้กับเรื่องราวสุดอลเวงเมื่อบ้านทั้งหลังถูกเปลี่ยนให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวในวันที่ ยูทูปเบอร์สายเดินทางต้องเก็บตัวอยู่ในบ้าน” นางพิมพรรณ กล่าวเพิ่มเติม

เต็มอิ่มกับเรื่องราวความสุขพร้อมไอเดียสุดสร้างสรรค์จากการต่อยอดการใช้พื้นที่ในบ้านเดี่ยวเอพี ผ่านแคมเปญ HOMEMADE STORY ทำบ้านให้เป็นมากกว่าบ้าน ถ่ายทอดผ่านซีรีย์ 13 ตอนพิเศษ (ศิลปิน LOVEiS & FRIENDS 6 สเปซมิสชั่น และยูทูปเบอร์ 7 สเปซมิสชั่น) ทางช่องทางหลัก Facebook และ Youtube APTHAI ประเดิมตอนแรกวันเสาร์ที่ 11 กรกฎาคม – 31 สิงหาคมนี้ ห้ามพลาด !!!

พัควอนซุน

การเสียชีวิตปริศนาของ พัควอนซุน ผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเกาหลีใต้คนต่อไป

Alternative Textaccount_circle
พัควอนซุน
พัควอนซุน

ย้อนไทม์ไลน์และการหายตัวไปของ นายกเทศมนตรีกรุงโซล “พัควอนซุน” (Park Won Soon) ผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเกาหลีใต้คนต่อไป ที่ถูกพบเป็นศพในเขตภูเขาบูกักซาน ทางตอนเหนือของกรุงโซล

พัควอนซุน

นับตั้งแต่เมื่อวานนี้ (9 ก.ค.2563) เกาหลีใต้มีประเด็นใหญ่ที่ทำให้ทั้งผู้คนทั้งในประเทศและต่างประเทศจับตามอง เมื่อนายกเทศมนตรีกรุงโซล “พัควอนซุน” (Park Won Soon) ซึ่งกำลังถูกจับตามองในฐานะผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเกาหลีใต้คนต่อไปในปี 2022  ได้หายตัวไประหว่างที่ออกไปข้างนอก ก่อนจะถูกพบเป็นศพในเขตภูเขาบูกักซาน ทางตอนเหนือของกรุงโซล

โดยรายงานสำนักข่าวต่างประเทศเปิดเผยว่าเมื่อเวลา 17.17 น. ของวันที่ 9 ก.ค. 2563 ลูกสาวของ Park Won Soon นายกเทศมนตรีกรุงโซล 3 สมัย ได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่เนื่องจากเกิดความรู้สึกไม่สบายใจเพราะคุณพ่อส่งข้อความในทำนองกล่าวอำลาให้กับเธอ เธอรู้สึกเป็นกังวลจึงได้ตัดสินใจโทรกลับไป แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ นั่นจึงทำให้เธอรู้สึกใจคอไม่ดี โดยเธอยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่าเมื่อวานนี้คุณพ่อไม่ได้ไปทำงาน แต่เขาสวมหมวกดำ เสื้อสีเข้ม และกระเป๋าเป้ 1 ใบออกจากบ้านไป

พัควอนซุน

แต่สิ่งที่น่าตกใจมากกว่านั้นคือแต่เดิมในวันดังกล่าวเวลา 16.40 น. เขามีนัดกับเจ้าหน้าที่ของสำนักงานประธานาธิบดีแต่ก็ยกเลิกไปอย่างกะทันหัน และในวันเดียวกันก่อนที่พัคจะหายตัวไปไม่กี่ชั่วโมง Seoul Metropolitan Police Agency ได้ยื่นเรื่องฟ้องร้องนายพัคในข้อหามีส่วนเกี่ยวข้องกับการล่วงละเมิดทางเพศ หลังเจ้าหน้าที่หญิงคนหนึ่งได้เข้าร้องเรียน

ต่อมามีความคืบหน้า เมื่อกล้องวงจรปิดเห็นพัคปรากฏตัวในเวลา 10.53 น. (9 ก.ค.2563) ในเขตซองบุค และที่นี่ยังเป็นจุดสุดท้ายที่มีการใช้งานโทรศัพท์มือถือ  จึงได้มีการออกค้นหาในพื้นที่นั้น โดยใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจและพนักงานดับเพลิงกว่า 600 นาย และสุนัขดมกลิ่น ระดมค้นหาเขาเป็นเวลาหลายชั่วโมง

จากนั้นในเวลา 00.20 น. (10 ก.ค.2563) หลังจากหายตัวไปกว่า 7 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ได้พบร่างของพัคใกล้กับประตูซุกจองมุน ในเขตภูเขาบูกักซาน ทางตอนเหนือของกรุงโซล

พัควอนซุน

พัควอนซุน

อย่างไรก็ตาม ศพของพัคได้ส่งไปชันสูตรที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล ขณะที่ตำรวจยังไม่เปิดเผยว่านายกเทศมนตรีกรุงโซลเสียชีวิตอย่างไร แม้จะไม่มีข้อบ่งชี้เรื่องการฆาตกรรมแต่ก็ยังไม่ตัดความเป็นไปได้ออกขณะที่ข้าวของของเขาก็ถูกพบอยู่ใกล้จุดเกิดเหตุ

สำหรับ Park Won Soon เป็นนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะเรื่องสิทธิสตรี โดยยังเป็นทนายความในคดีใหญ่ว่าความชนะคดีล่วงละเมิดทางเพศคดีแรกของประเทศ ต่อมาก็ได้รับเลือกเป็นนายกเทศมนตรีกรุงโซลถึง 3 สมัย

โดยเมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว พัคได้ก้าวเข้าสังกัดพรรคเสรีประชาธิปไตย พรรคเดียวกับประธานาธิบดีคนปัจจุบัน มุนแจอิน และอาจได้รับเลือกเป็นผู้สมัครของพรรคเพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2022 นี้ด้วย


ภาพ : MBC และ SBS

สามารถติดตามอ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่

EXO ต้อนรับแฟนคลับระดับซูเปอร์วีไอพี “อิวานก้า” ลูกสาว “โดนัลด์ ทรัมป์”

ใต้ใบหน้าหวานๆ 7 สตอรี่ความลับของ ‘รีซอลจู’ สตรีหมายเลขหนึ่งแห่งเกาหลีเหนือ

จับตามอง คิมโยจอง ในฐานะเงาของพี่ชาย คิมจองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ

กระเป๋าโท้ทจากแบรนด์ SIRIVANNAVARI ของ 'มิว นิษฐา'

ราคาไม่ถึงหมื่น! กระเป๋าโท้ทจากแบรนด์ SIRIVANNAVARI ของ ‘มิว นิษฐา’

กระเป๋าโท้ทจากแบรนด์ SIRIVANNAVARI ของ 'มิว นิษฐา'
กระเป๋าโท้ทจากแบรนด์ SIRIVANNAVARI ของ 'มิว นิษฐา'

ตามรอยกระเป๋าโท้ทจากแบรนด์ SIRIVANNAVARI ของ ‘มิว นิษฐา’ ในราคาไม่ถึงหมื่น นอกจากดีไซน์สวยแล้ว ยังผลิตจากหนังวีแกนรักษ์โลกอีกด้วย

หลังจากเริ่มปลดล็อกดาวน์ หลายคนก็ออกมาใช้ชีวิตข้างนอกกันมากขึ้น เช่นเดียวกับนางเอกดัง มิว นิษฐา ที่มักจะออกทริปไปทะเลแบบถี่ๆ ล่าสุดเธอก็วาร์ปไปพัทยานั่งชิลรับลมทะเลอีกแล้ว ซึ่งภาพที่สาวมิวอัพบนอินสตาแกรมส่วนตัวช่างน่าอิจฉาซะจริงๆ กับการล่องเรือชมวิว แต่สิ่งที่สะดุดตาที่สุดในภาพคงต้องยกให้กระโท้ทใบขนาดกำลังดีที่วางอยู่ข้างๆ ตัวสาวมิว

ซึ่งเป็นกระเป๋าโท้ทจากแบรนด์ SIRIVANNAVARI โดยมีสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เป็นผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์แห่งแบรนด์ SIRIVANNAVARI BANGKOK สำหรับโท้ทใบนี้เป็นรุ่น STAR SERIES ทำมาจากหนังวีแกนคุณภาพสูงพร้อมกับเครื่องพิมพ์กราฟิกพิเศษ ตัวกระเป๋ามาพร้อมหูจับสองข้าง มีทั้งสีชมพูและสีฟ้าให้เลือก สนนราคาใบละ 9,900 บาท

ทั้งนี้ยังเป็นไอเท็มรักษ์โลก เพราะผลิตมาจากหนังวีแกน เป็นหนังเทียมปลอดสัตว์หรือหนังเทียมจากวัสดุธรรมชาติ ถ้าถามว่าหนังวีแกนมีอะไรบ้าง ก็เช่น หนังจากกระบองเพชร , หนังไม้ โดยหนังเหล่านี้กลายเป็นหนังที่คนในวงการแฟชั่นเริ่มให้ความนิยมกันมากขึ้น เพราะเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไปจนถึงอุปกรณ์ตกแต่งยานยนต์ก็หันมาใช้หนังวีแกนเหมือนกัน

ก่อนหน้านี้กระเป๋าโท้ทจากแบรนด์ SIRIVANNAVARI ก็ถูกพูดถึงเป็นอย่างมาก เมื่อมีภาพ ลิซ่า Blackpink ใช้กระเป๋าโท้ทที่สนามบินระหว่างเดินทางไปสหรัฐอเมริกา สำหรับกระเป๋าที่ลิซ่าใช้เป็นรุ่น Shopping Bag Canvas Tote ทำมาจากผ้าแคนวาสที่ได้รับแรงบันดาลใจจากถุงกระดาษของทางแบรนด์เอง โดยราคาของกระเป๋ารุ่นนี้อยู่ที่ 2,990 บาท มีให้เลือกสองสีคือดำและน้ำเงิน ล่าสุดได้ลดเหลือเพียง 1,495 บาทเท่านั้น! แต่ด้วยราคาน่าสอยแบบนี้ ก็ทำให้สินค้า OUT OF STOCK ไปตามระเบียบเช่นกัน

 


ภาพ : www.sirivannavari.com , IG@mewnittha

เรื่อง : ฮานะ_แพรวนิสต้า

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ทำไมต้องเป็น Asava ‘แก้ว จริญญา’ เลือกชุดแต่งงานของเจ้าพ่อดีไซเนอร์

ตัวจริงไม่พูดเยอะ! เปิดคลังกระเป๋า Givenchy ของ ‘เจนี่’ สวยฮ็อตทุกรุ่น

ซูมชุดแบรนด์โปรด! ‘ดัชเชสเคท’ สอยเดรสตัวใหม่ ลายคล้ายผ้าไหมไทย

 

 

‘สมหวังที่เขาเลือกคุณ แต่คุณก็ไม่ใช่คนเดียวที่เขาเลือก’ ดูดวงรายวัน 10 กรกฎาคม 2563

ดูดวงรายวัน 10 กรกฎาคม 2563 #หมอปุ้ยพยากรณ์ เช็กทุกวัน เป๊ะปังทุกดวง ทั้งการงาน การเงิน ความรัก และสุขภาพ

ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์

การงาน : หากคุณกำลังริเริ่มงานใหม่ที่ต้องใช้ความรู้ ความสามารถ และเทคนิคส่วนบุคคล เพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี วันนี้ไม่ต้องเป็นกังวล เพราะผู้ใหญ่ผู้หญิงจะร่วมด้วยช่วยเหลือคุณอีกแรง สนับสนุนและส่งเสริมให้คุณเจริญในหน้าที่การงานทีเดียวเชียว

การเงิน : มีโชค มีผู้ใหญ่อุปถัมภ์ แต่คุณก็อาจเสียเงินกับการเข้าสังคม การลงทุนใหม่ๆ รวมถึงการเดินทางท่องเที่ยว

ความรัก : ตามธรรมดาคุณก็แบกรับเรื่องราวของสมาชิกในครอบครัวไว้อย่างหนักอึ้ง ยิ่งวันนี้อาจมีวาระรีบด่วนที่สมาชิกในครอบครัวได้มาอยู่รวมกันพร้อมหน้า บางทีคุณอาจรับเรื่องใหม่ๆ อีกไม่ไหวแล้ว  คนโสด คุณมีดวงนารีอุปถัมภ์ที่ต้องเสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลา เพื่อลองผิดลองถูกอีกเยอะ กว่าจะเจอคนที่ใช่

สุขภาพ : ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องยืนหรือเดินเป็นเวลานาน เพราะจะทำให้คุณปวดตั้งแต่สะโพกลงมา จนถึงข้อและเอ็นเสื่อม

 

ผู้ที่เกิดวันจันทร์

การงาน :  สำหรับคุณที่ทำงานหรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับงานที่ต้องใช้วาทศิลป์ หรือคำพูดในการติดต่อประสานงาน เช่น พีอาร์ประชาสัมพันธ์ ออร์กาไนซ์ สื่อสารมวลชน พนักงานขาย เป็นต้น วันนี้คุณอาจตัดสินใจที่จะออกมาทำธุรกิจของตัวเอง ก็ควรเตรียมรับมือกับปัญหาที่จะระดมเข้ามาจากทุกทิศทุกทางไว้บ้าง ด้วยการตั้งรับอย่างมีสติ ไม่ควรไฟล์ท เพราะคุณจะเหนื่อยเปล่า

การเงิน : เหมือนจะมีโชคอย่างไม่คาดคิด แต่คุณก็อาจหมดตัวได้อย่างไม่คาดฝัน กับการใช้จ่ายซื้อความสุขให้กับตัวเองอย่างไม่ยั้ง

ความรัก : ตามธรรมดาคุณก็ได้รับความรักและการดูแลเอาใจใส่จากครอบครัวด้วยดีมาตลอด แต่วันนี้อาจเพราะอารมณ์คุณไม่นิ่ง พร้อมจะเหวี่ยงวีนได้ตลอด จึงมีโอกาสกระทบกระทั่งกันสูงมาก คนโสด หากคุณกำลังมีโครงการแต่งงาน ก็ต้องระวังความคิดเห็นอาจไม่ลงรอยกันอย่างรุนแรง จนอาจกระทบกับงานมงคล

สุขภาพ : คุณอาจเจ็บไข้ได้ป่วยจากโรคประจำตัวที่แสดงอาการอย่างปัจจุบันทันด่วน จึงควรตรวจเช็กร่างกายให้ละเอียด

                                                                

ผู้ที่เกิดวันอังคาร

การงาน  : หากคุณทำงานหรือเกี่ยวข้องกับงานที่ต้องใข้คำพูดในการติดต่อประสานงาน การสื่อสารประชาสัมพันธ์ วันนี้คุณอาจต้องลงสนามแข่งขัน หรือประมูลงาน โดยคุณพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้งานสำเร็จ แม้จะไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องชอบธรรมนักก็ตาม ซึ่งความสำเร็จก็จะค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป

การเงิน : อาจได้เงินพิเศษจากงานพิเศษ แต่ก็อาจหมดกับความใจดีของคุณที่ชอบทำบุญทำกุศล และช่วยเหลือสังคม

ความรัก : คุณอยู่ด้วยกันเหมือนเป็นคู่แข่งขัน คู่ต่อสู้ที่มุ่งเอาชนะกันตลอดเวลา วันนี้จึงอาจต้องอยู่แยกกันบ้าง มีพื้นที่ส่วนตัวกันบ้าง จะได้สงบๆ  คนโสด คุณอาจได้เจอชายในฝันแบบไม่คาดฝัน อย่ามัวแต่ยั้งอยู่นะคะ เพราะอาจมีมือดีมาชิงไปเสียก่อน

สุขภาพ : นัดพบทันตแพทย์บ้างหรือยังคะ เพราะสุขภาพฟันจะส่งผลต่อสุขภาพในช่องปากและทางเดินหายใจ หากปล่อยไว้นานจะเสียทั้งระบบ

 

ผู้ที่เกิดวันพุธ

การงาน : หากคุณทำงานหรือเกี่ยวข้องกับงานบริการ เช่น สปา การท่องเที่ยว การโรงแรม ฯลฯ รวมถึงงานจิตอาสา บอกเลยว่า ความสำเร็จไม่ได้มาด้วยความบังเอิญ แต่ต้องแลกด้วยพลังกายพลังใจที่เข้มแข็ง วันนี้ถือว่าคุณโชคดี ได้ผู้ใหญ่คอยสนับสนุนช่วยเหลือ ส่วนเพื่อนร่วมงาน และเจ้านายก็เอ็นดูคุณเป็นพิเศษ อยากทำอะไรทำเลย แล้วควรทำให้ตลอดๆๆ ด้วยนะ

การเงิน : รายได้ส่วนใหญ่มาจากงานที่มีผลตอบแทนสูง ซึ่งคุณก็อาจหมดกับการซื้อขนมนมเนยแจกเพื่อนฝูง และเด็กๆ ในบ้าน รวมถึงช่วยเหลือสงเคราะห์ญาติสนิทมิตรสหาย

ความรัก : คุณอาจกำลังวางแผนเรื่องการสมาชิกใหม่ เพราะอาจถูกผู้ใหญ่ถามมา คนโสด คุณมีโอกาสได้เจอคนถูกใจทั้งเด็กและผู้ใหญ่ แต่ดวงคุณวันนี้น่าจะเป็นผู้ใหญ่และเป็นต่างชาติด้วยยิ่งดี

สุขภาพ : คุณดูแลและรักษาสุขภาพอย่างดี แต่อุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา จึงอย่าประมาท เดินดีๆ ระวังตัวทุกฝีก้าว เพราะคุณอาจก้าวพลาดหกล้ม ขาพลิก เท้าแพลง

 

ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี

การงาน : คุณโดดเด่นในเรื่องการติดต่อประสานงาน การบริหารจัดการ และให้คำปรึกษาแนะนำ วันนี้คุณอาจเข้าไปเกี่ยวข้องกับงานบริการ เช่น เอ็นเทอร์เทน สถานบันเทิงยามราตรี และสถานประกอบการ ผับ บาร์ ร้านเหล้า ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงเสนองาน หรือยื่นซองประมูล โดยที่คุณสามารถทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งความสำเร็จ กล้าได้กล้าเสียจนน่ากลัว

การเงิน : อาจได้เงินพิเศษจากงานพิเศษ ซึ่งคุณไม่ควรนำไปเสี่ยงโชค เพราะอาจเสียมากกว่าที่ได้มา

ความรัก : วันนี้คู่คุณอาจกลับไปนั่งชิลล์กับเพื่อนต่อ ก็ปล่อยเขาเถอะค่ะ อย่าเพิ่งจุดชนวนใดๆ เพราะวันนี้คุณมีทิฐิ ยึดความคิดตัวเองเป็นใหญ่ ไม่เน้นการประนีประนอม ซึ่งคู่คุณก็พร้อมรับลูกและตอบโต้ คนโสด คุณวาดฝันถึงความรักไว้อย่างงดงามว่า จะทำให้คนที่คุณถูกใจเลือกคุณได้ คุณอาจสมหวัง แต่ติดนิดเดียวตรงที่เขาไม่ได้เลือกคุณคนเดียวนี่สิ

สุขภาพ : สุขภาพกายต้องระวังอุบัติเหตุที่จะเกิดจากการดื่ม ส่วนสุขภาพทางใจก็อาจเกิดจากความเครียด ควรปล่อยวาง อย่าคิดมาก และมองโลกในแง่ดี

 

ผู้ที่เกิดวันศุกร์

การงาน :  ส่งท้ายวันทำงานของสัปดาห์ด้วยการเดินสายติดต่องานทั้งวัน ต้องบอกเลยว่า ความสำเร็จในวันนี้ไม่ได้มาด้วยความบังเอิญ แต่ต้องแลกด้วยพลังกายพลังใจที่เข้มแข็ง คุณอาจต้องใช้ความรู้ ความสามารถ และเทคนิคเฉพาะตัวในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ก็ควรวางตัวให้ดี ไม่เช่นนั้นลูกน้องอาจกล้าตัดสินใจแทนคุณโดยพลการ

การเงิน : มีรายได้เข้ามาสม่ำเสมอจากงานที่ได้ค่าตอบแทนสูง ซึ่งคุณก็อาจหมดเปลืองไปกับการเดินทางท่องเที่ยว การเข้าสังคม และการลงทุนใหม่ๆ

ความรัก : คุณอาจแต่งงานหรืออยู่ด้วยกันมานาน รับฟังและแบกรับปัญหาของสมาชิกในครอบครัวมาอย่างยาวนาน วันนี้อาจมาถึงจุดที่ไม่อยากรับฟังแล้ว ก็ไม่ต้องฟังค่ะ ชวนกันไปเที่ยวดีกว่า  คนโสด คุณอาจได้พบคนถูกใจวัยละอ่อนหน้าที่การงานดี จิตใจดี แต่อารมณ์เขายังไม่นิ่ง สมาธิสั้นจนไม่กล้าลงเอยด้วย

สุขภาพ : ปกติคุณดูแลและรักษาสุขภาพอย่างดี แต่วันนี้เลือดลมอาจหมุนเวียนไม่สะดวก ทำให้หน้ามืด วิงเวียนศีรษะ จนถึงเป็นลม ควรเตรียมยาดม ยาหม่อง ยาประจำตัวไปด้วย

 

ผู้ที่เกิดวันเสาร์

การงาน  : คุณทุ่มเทให้กับการทำงาน เพราะคาดหวังในชื่อเสียง และความก้าวหน้าในหน้าที่การงานสูงมาก ที่ผ่านมาคุณอาจถูกเพื่อนร่วมงาน หรือคนใกล้ชิดแอบแทงข้างหลังมาโดยตลอด คือรับความดีความชอบแล้วโยนความผิดมาให้คุณ วันนี้ฟ้ามีตา เพราะผู้ใหญ่ให้ความช่วยเหลือ ผู้บังคับบัญชาก็เอ็นดูคุณเป็นพิเศษอยู่แล้ว ใครที่คิดไม่ดีกับคุณก็ทำอะไรไม่ได้

การเงิน : ยิ่งคุณตั้งใจหาเงินเพื่อความสุขของตัวเองมากเท่าไหร่ เงินก็ยิ่งจะสูญหายมากเท่านั้น เช่น ได้รับผลตอบแทนที่ไม่เป็นธรรม หรือถูกเบี้ยวหนี้ จนถึงถูกขโมยทรัพย์สิน ก็คงต้องจัดสรรเงินไปทำบุญหรือสงเคราะห์ญาติผู้ใหญ่บ้าง

ความรัก : ยิ่งคุณคาดหวังในเรื่องทรัพย์สิน ชื่อเสียง เกียรติยศ ปัจจัยภายนอกมากเท่าไหร่ คุณก็มีโอกาสที่จะสูญเสียสิ่งที่คนรักให้กับคนอื่นมากเท่านั้น วันนี้บุคคลนั้นอยู่ไม่ไกลจากครอบครัวคุณแล้ว จนอาจต้องให้ผู้ใหญ่เข้ามาช่วยไกล่เกลี่ย  คนโสด ดวงของคุณอาจเหมาะสมกับชายสูงวัยที่เป็นต่างชาติ หากวัยนี้ก็อาจต้องเป็นบ้านเล็กๆ ของเขาล่ะค่ะ

สุขภาพ : ระวังอุบัติเหตุที่เกิดจากการพลัดตกหกล้ม ขาพลิก เท้าแพลง หรือถูกของมีคมบาดตามร่างกาย จึงไม่ควรประมาทเป็นดีที่สุด

 

เช็กดวงย้อนหลังกันได้ที่นี่

ไม่เหนื่อยที่จะรัก แต่เหนื่อยกับการหึงหวงและรักสามเส้า ดูดวงรายวัน 6 กรกฎาคม 2563

มีคนเดียวแล้วผิดหวัง วันนี้ขอรักทุกคนเท่ากันหมด ดูดวงรายวัน 7 กรกฎาคม 2563

หากพร้อบเต็มแล้วค่อยทักมา!! ดูดวงรายวัน 8 กรกฎาคม 2563

คุณสตรอง!! เกินกว่าจะยอมเป็นของตายของใคร ดูดวงรายวัน 9 กรกฎาคม 2563

รถเมล์-คะนึงนิจ

เปิดตัวปุ๊บแต่งปั๊บ รถเมล์-คะนึงนิจ เตรียมเป็นว่าที่เจ้าสาวคนต่อไป

Alternative Textaccount_circle
รถเมล์-คะนึงนิจ
รถเมล์-คะนึงนิจ

แกรนด์โอเพนนิ่งเจ้าสาวคนต่อไป รถเมล์-คะนึงนิจ เปิดตัวแฟนหนุ่มไม่นานก็ประกาศแต่งงานทันที เพื่อนๆ แฟนคลับ ร่วมยินดียกใหญ่

เมื่อปี 2560 หมวยเล็กสาวน่ารักแห่งรายการตลาดสดสนามเป้า รถเมล์-คะนึงนิจ จักรสมิทธานนท์ ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงเรื่องราวความรักของเธอกับหนุ่มนอกวงการคนหนึ่งว่า “รอชัวร์เมื่อไหร่แล้วค่อยเปิดตัว” ซึ่งเวลาผ่านมาหลายปี แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะเปิดตัว กระทั่งเมื่อกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาเป็นครั้งแรกที่เธอยอมเปิดเผยใบหน้าของหวานใจผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว @rodmayaloha ทำให้แฟนๆ เซอร์ไพร้ส์กันยกใหญ่ ขณะที่เพื่อนๆ ก็เข้ามาแซวไม่ขาดสายว่าเมื่อไหร่ทั้งคู่จะมีข่าวดีด้วยกัน

รถเมล์-คะนึงนิจ

ล่าสุดทั้งเพื่อนและแฟนคลับไม่ต้องรอลุ้นกันแล้ว เมื่อรถเมล์ได้เปิดเผยผ่านอินสตาแกรมเช่นเดิมว่าเธอได้ตอบตกลงแต่งงานกับแฟนหนุ่มในวันเกิดของหนุ่มคนนี้ โดยเธอโพสต์ภาพนิ้วนางข้างซ้ายที่สวมแหวนเพชรเม็ดงามอยู่ พร้อมกับแคปชั่นว่า “Today is a special day. I said yes to this special man. Happy Birthday to you my love! #สุเมธแอนด์เดอะบัส”

รถเมล์-คะนึงนิจ

ถือเป็นข่าวดีที่ชุ่มชื่นหัวใจมากๆ อย่างไรก็ตาม แพรวดอทคอม ขอแสดงความยินดีกับสาวคนนี้ด้วยจริงๆ ค่ะ


ภาพจาก : @rodmayaloha

สามารถติดตามอ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่

แต่งก่อนไม่รอแล้วนะ โอซา แวง เริ่มต้นชีวิตคู่ หนุ่มนักธุรกิจ จอห์น ลอว์ 

ทำไมต้องเป็น Asava ‘แก้ว จริญญา’ เลือกชุดแต่งงานของเจ้าพ่อดีไซเนอร์

อายุห่าง11 ปีไม่เป็นอุปสรรค น้องแก้ว & โทนี่ รากแก่น  เปิดใจครั้งแรกเตรียมวิวาห์  

เสพความวิจิตร งดงาม ศิลปะแลคเกอร์ (ญี่ปุ่น) สะท้อนผ่านงานศิลป์อายุกว่า 100 ปี

account_circle

“ศิลปะแลคเกอร์” หรือ ศิลปะเครื่องเขิน เป็นศิลปะที่เกิดขึ้นในแถบประเทศเอเชียมานานนับพันปีและมีชื่อเสียงด้านความวิจิตร งดงาม ไปทั่วโลก โดยเฉพาะศิลปะแลคเกอร์ของประเทศญี่ปุ่น

ศิลปะแลคเกอร์

จากความอัศจรรย์ในศิลปะแลคเกอร์ถ่ายทอดสู่ชิ้นงานศิลปะในรูปแบบของจิวเวลรี่และของแต่งบ้านคอลเล็คชั่น Eastern Curiosities – Lacquer Collection (อีสเทิร์น คิวริออสซิตี้ – แลคเกอร์ คอลเล็คชั่น) จาก โลตัส อาร์ต เดอร์ วีฟว์ (Lotus Arts de Vivre) แบรนด์จิวเวลรี่และของแต่งบ้าน โดยแบ่งเป็นของสะสมของ รอล์ฟ วอน บูเรน ผู้ก่อตั้ง โลตัส อาร์ต เดอร์ วีฟว์ แต่ละชิ้นมีอายุประมาณ 70 – 250 ปี และชิ้นงานที่ดีไซน์ขึ้นมาใหม่แต่ใช้วิธีลงแลคเกอร์แบบดั้งเดิ

ทั้งนี้คุณรอล์ฟ วอน บูเรน ผู้ก่อตั้ง โลตัส อาร์ต เดอร์ วีฟว์ กล่าวว่า จากไลฟ์สไตล์การทำงานทำให้ผมได้เดินทางไปประเทศญี่ปุ่นอยู่บ่อยครั้ง จึงได้เห็นข้าวของเครื่องใช้ของชาวญี่ปุ่น ซึ่งส่วนใหญ่ทำมาจากไม้และมีการตกแต่งให้สวยงามเรียกว่า ศิลปะแลคเกอร์ ในอดีตศิลปะแขนงนี้นิยมนำมาตกแต่งของใช้ในครัวเรือนสำหรับขุนนางชั้นศาลและได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในชนชั้นปกครอง เรียกว่า เป็นงานศิลปะที่เสมือนเป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจ

ศิลปะแลคเกอร์

ผมมีความหลงใหลในศิลปะแขนงนี้อย่างมากเพราะเป็นภูมิปัญญาของชาวเอเชียที่สรรหาวิธีที่จะทำให้เครื่องใช้ต่างๆ ที่ทำจากไม้ ไม้ไผ่ กระดาษ ให้มีความคงทน ทนน้ำ ทนความร้อน และทำความสะอาดง่าย  ด้วยการนำยางของต้นรัก  หรือ ต้นอูรุชิ (Urushi Tree) มาทาบนวัสดุเป็นชั้นๆ ทำหน้าที่เป็นฟิล์มเคลือบผิวไม้ เพื่อความคงทนและในขณะเดียวกันก็ต้องสวยงามด้วย

อีกหนึ่งความพิเศษของงานแลคเกอร์คือ ความเงาและสีที่จะปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามการใช้งานของผู้ครอบครอง ยิ่งใช้ยิ่งมีความเงางามเพราะตัวแลคเกอร์ที่เคลือบอยู่จะปรับเปลี่ยนไปตามสภาพแวดล้อม อุณหภูมิ อากาศ และสารสัมผัสต่างๆ ที่เกิดจากการใช้งานเครื่องแลคเกอร์ จึงเป็นสิ่งที่บ่งบอกตัวตนของผู้ครอบครองด้วยเช่นกัน

ศิลปะแลคเกอร์

ผมเริ่มแสวงหาสะสมศิลปวัตถุการลงแลคเกอร์มานานกว่า 10 ปี แต่ละชิ้นมีอายุประมาณ 70-250 ปี และเก็บรักษาไว้อย่างดี โดยศิลปะแขนงนี้มีต้นกำเนิดจากประเทศจีนเมื่อหลายพันปี ก่อนจะเผยแพร่สู่ประเทศญี่ปุ่นและขยายสู่ประเทศไทยในแถบภาคเหนือ กลายเป็นศิลปะแลคเกอร์แบบล้านนา หรือที่รู้จักในนามเครื่องเขินล้านนา

ทั้งนี้แม้มีต้นกำเนิดจากประเทศจีน แต่ศิลปะแลคเกอร์ของญี่ปุ่นและของไทยกลับมีเทคนิคและเอกลัษณ์ที่ต่างกันอย่างชัดเจน ทางแบรนด์ โลตัส อาร์ต เดอร์ วีฟว์ จึงได้นำเทคนิคของ 3 ประเทศมาถ่ายทอดโดยมีให้เลือกสรรทั้งจิวเวลรี่ อาทิ  กำไล แหวน สร้อยคอ และเฟอร์นิเจอร์ของแต่งบ้าน เช่น ตู้สไตล์ญี่ปุ่น เก้าอี้ แจกัน ถาด ตลับใส่จิวเวลรี่ เป็นต้น

เสพความวิจิตร งดงาม ศิลปะแลคเกอร์ (ญี่ปุ่น) สะท้อนผ่านงานศิลป์อายุกว่า 100 ปี

Japanese Lacquer (เจแปนนิส แลคเกอร์) ศิลปะการลงแลคเกอร์แบบญี่ปุ่น มีหลากหลายวิธี อาทิ

Maki-e Lacquer (มากิ-เอะ แลคเกอร์) การสร้างลวดลายด้วยผงทอง เป็นเทคนิคที่โดดเด่นและได้รับการกล่าวขานมากว่า 1,200 ปี โดยการใช้พู่กันวาดภาพลงบนพื้นผิวภาชนะที่ถูกเคลือบแลคเกอร์สีดำ จากนั้นโรยผงทองลงไปในขณะที่แลคเกอร์ยังไม่แห้ง ผงทองจะเกาะติดอยู่บนภาพที่วาด ก่อเกิดเป็นลวดลายต่างๆ ตามที่ศิลปินได้ออกแบบไว้

Nashiji Lacquer (นาชิจิ แลคเกอร์) เป็นเทคนิคที่ใช้ผงทองในการสร้างลาย แต่จะโรยผงทองเป็นพื้นหลังทั้งหมด

Raden Lacquer (เรเด็น แลคเกอร์) เทคนิคการสร้างลวดลายด้วยเปลือกหอย โดยนำเปลือกหอย เช่น หอยมุก หอยเป๋าฮื้อ มาฝนจนเหลือแต่เปลือกด้านในที่มีสีรุ้ง ความหนาไม่เกิน 0.1 มิลลิเมตร จากนั้นนำมาตัดตามแบบและนำมาประดับลงบนชิ้นงาน ก่อนจะลงแลคเกอร์ทับ

Kamakura Bori Lacquer (คามากุระ โบริ แลคเกอร์) การแกะสลักไม้ ลงลักสีแดงและสีดำ โดยถูกผลิตขึ้นเพื่อชนชั้นปกครองของระบบศักดินาญี่ปุ่นและแสดงให้เห็นถึงลำดับขั้นทางศาสนา การเมือง

Wajima Lacquer (วาจิมะ แลคเกอร์) มีประวัติยาวนานที่สืบทอดมาจากยุค Muromachi (มูโรมาจิ)  พ.ศ. 1879 – พ.ศ. 2116 และได้รับการพัฒนาในช่วงปลายสมัยเอโดะและสมัยเมจิตอนต้น วาจิมะ แลคเกอร์ เป็นเทคนิคศิลปะการทำเครื่องเขินที่ขึ้นชื่อด้านความสง่างาม หรูหรา และความประณีต ของจังหวัดอิชิคะวะ (Ishikawa) เนื่องจากมีความซับซ้อนในกระบวนการทำถึง 124 ขั้นตอน จากช่างฝีมือผู้ชำนาญเฉพาะทาง โดยนำชิ้นงานมาทาด้วยแลคเกอร์ จากนั้นจึงแกะสลักเป็นลวดลายที่ต้องการแล้วจึงนำผงทอง-ผงเงิน มาฝังลงไปก่อนจะนำไปอบ

Chinese Cinnabar Lacquer (ไชนีส ซีนาบาร์ แลคเกอร์) เป็นงานศิลปวัตถุการลงแลคเกอร์สีแดงชาด เป็นศิลปะที่ถือกำเนิดมาไม่น้อยกว่า 3,000 ปี ใช้เป็นของขวัญทางการทูต โดยจะนำยางของต้นรัก ซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษคือ กันน้ำ ทนความร้อน และมีความยืดหยุ่น ซึ่งช่างฝีมือจะนำต้นรักมาทาลงไปในวัสดุที่ต่างๆ โดยต้องทาแลคเกอร์ หรือ น้ำยางของต้นรักเป็นชั้นๆ ถึง 100 ชั้น เพื่อให้มีความหนาพอที่จะแกะสลักเป็นลวยลายต่างๆ ซึ่งการทาแลคเกอร์แต่ละชั้นนั้นต้องรอให้แลคเกอร์แห้งสนิทใช้เวลา 2-3 วัน และทำการขัดเงาก่อนที่จะทาแลคเกอร์ซ้ำ ดังนั้นกว่าจะได้ความหนาตามต้องการต้องอาศัยเวลานานอย่างน้อย 5-7 เดือน

ศิลปะแลคเกอร์

Japanese Lacquer Tray with Floating Fan Motifs ถาดแลคเกอร์ญี่ปุ่นจากยุคเมจิ (ค.ศ. 1868 – 1912) งดงามด้วยลวดลายดอกไม้แห่งความหวัง “Tampopo” หรือ Dandelion (แดนดิไลออน) ที่กำลังปลิวไปตามสายลม สื่อความหมายถึงความสุขสดชื่นในวันที่อากาศดีซึ่งเป็นการใช้เทคนิคลงแลคเกอร์แบบ มากิ-เอะ โดยถาดลักษณ์นี้เป็นที่นิยมมอบเป็นของขวัญให้ขุนนาง และนำไปใช้ในครัวเรือนชนชั้นสูงของญี่ปุ่น

 

Japanese Lacquer (Kamakura-Bori) Tray Set ชุดถาดเคลือบแลคเกอร์ญี่ปุ่น ด้วยเทคนิคคามาคุระ – บอริ ผลิตขึ้นในสมัยเมจิ 2411-2555 เด่นด้วยงานการแกะสลักไม้อย่างประณีต ก่อนจะลงลักสีแดงและสีดำ เดิมทีเทคนิคนี้เป็นการเลียนแบบเทคนิคจากประเทศจีนและได้กลายเป็นงานศิลปะลงแลคเกอร์อันเป็นเอกลักษ์ของ เมืองคามาคุระ ประเทศญี่ปุ่น

ศิลปะแลคเกอร์

Japanese Lacquer Tray with Birds Nest and Birds Motif ถาดแลคเกอร์ญี่ปุ่นสร้างขึ้นในยุคเมจิ (1868-1912) โดยใช้เทคนิคแบบ Wajima Lacquer (วาจิมะ แลคเกอร์) เทคนิคศิลปะการทำเครื่องเขินที่ขึ้นชื่อ ของจังหวัดอิชิคะวะ (Ishikawa) โดยลวดลายที่ปรากฎ บนถาดแสดงให้เห็นถึงงานศิลปะชั้นสูง สามารถถ่ายทอดอิริยาบถของนกพิราบที่กำลังโผบินออกจากรัง เพื่อออกหาอาหาร ส่วนนกอีกตัวทำหน้าที่เฝ้ารัง

Japanese Lacquer Vase แจกันเคลือบญี่ปุ่นอายุประมาณ 90 ปี สร้างขึ้นในราวปี ค.ศ. 1930 ด้วยการผสานเทคนิคการลงแลคเกอร์แบบ Nashiji Lacquer (นาชิจิ แลคเกอร์) ใช้ผงทองในการสร้างลาย   แต่จะโรยผงทองเป็นพื้นหลังทั้งหมด และ Maki-e Lacquer (มากิ-เอะ แลคเกอร์) การสร้างลวดลายด้วยผงทอง โดดเด่นด้วยลายนกกระเรียนกำลังบินข้ามทะเล ซึ่งนกกระเรียนเป็นสัญลักษณ์ของความโชคดีและการมีอายุที่ยืนยาว

 Japanese Folding Chairs (Kyokuroku) Early 20th Century เก้าอี้พับญี่ปุ่น ดีไซน์เก๋ สวยงามด้วยศิลปะการลงแลคเกอร์สีแดงประดับด้วยทองลวดลายดอกโบตั๋น สัญลักษณ์ของความรัก พนักเก้าอี้ประดับทองแกะสลักลายมังกร จากต้นศตวรรษที่ 20 โดยนักบวชชาวจีนได้นำสู่ประเทศญี่ปุ่นและถูกเผยแพร่จนเป็นที่นิยมในสมัยนั้น ซึ่งเก้าอี้พับดีไซน์นี้สามารถพบได้ในวัดชินโต (Shinto Temples) ไว้สำหรับให้พระสงฆ์ใช้งาน

 Japanese Lacquer Cabinet with Galuchat ตู้ญี่ปุ่นโบราณทำขึ้นในสมัยเมจิ – ไทโช (1890 – 1920) โดดเด่นด้วยลวดลายสวนซากุระ ซึ่งใช้เทคนิคการลงแลคเกอร์แบบ มากิ-เอะ บานพับทำจากโลหะผสมทองแดงและทองคำ โดย Lotus Arts de Vivre ได้นำตู้ญี่ปุ่นโบราณชิ้นนี้มาประดับพื้นผิวด้านบนด้วยหนัง กระเบน และตกแต่งขาตู้ด้วยเงิน เพื่อเพิ่มความหรูหรา

สำหรับใครที่สนใจอยากมาเสพความงามของศิลปะแลคเกอร์สามารถเข้าชมและครอบครองได้ตั้งแต่วันนี้ ถึง 10 สิงหาคม 2563 ณ โลตัส อาร์ต เดอร์ วีฟว์ บูทีค ชั้น 1 โรงแรม อนันตรา สยาม กรุงเทพฯ ตั้งแต่เวลา 10.00 – 20.00 น.


 

มาดูการเตรียมตัวเพื่อ ความงามเจ้าสาว ช่วง 5-2 เดือนก่อนแต่งงาน!

account_circle

วันสำคัญของเราเริ่มใกล้เข้ามาแล้ว ความงามเจ้าสาว ที่ต้องเตรียมตัวในช่วงนี้มีอะไรบ้างเพื่อให้เราเป็นเจ้าสาวที่สวยเป๊ะปังที่สุด มาดูกันค่ะ

หลังจากที่เราได้แนะนำการเตรียมตัว เพื่อความงามเจ้าสาว ช่วง 1 ปี ถึง 6 เดือน ก่อนวันสำคัญกันไปแล้ว (คลิกอ่านเลยที่นี่!) แล้วถ้าเริ่มขยับเวลาเข้ามาใกล้อีกนิด เป็นช่วง 5-2 เดือนก่อนแต่งงาน ช่วงนี้เหล่าว่าที่เจ้าสาวมีอะไรที่ควรจะต้องทำบ้าง มาดูกันค่ะ

  1. เริ่มออกกำลังกายเพื่อเน้นสร้างรูปร่างที่สวยงามสมส่วน หลังจากที่เราเริ่มออกกำลังกายแบบเบาๆค่อยเป็นค่อยไปในช่วงแรกๆแล้ว ช่วงระยะเวลา 5 เดือนก่อนแต่งงาน เราสามารถเริ่มเพิ่มความเข้มเข้นของการเวิร์คเอาท์ขึ้นได้ โดยเน้นเวทเทรนนิ่งเพื่อสร้างกล้ามเนื้อที่สวยงามตามส่วนต่างๆของร่างกาย เช่น แขน ท้อง หลัง และขา การเวทเทรนนิ่งนอกจากช่วยสร้างกล้ามเนื้อให้รูปร่างเราดูเฟิร์มสวย ยังช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญไขมัน ให้เราอ้วนยากขึ้นด้วยนะคะ 
  2. เน้นการมาส์กหน้าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสกินแคร์ ช่วงนี้คุณสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของสกินแคร์ที่ใช้อยู่ด้วยการมาสก์หน้าค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการใช้มาส์กยี่ห้อที่คุณใช้อยู่แล้ว และแน่ใจว่าไม่แพ้ อาจจะใช้ถี่ขึ้นเป็นอาทิตย์ละครั้งหรือสองครั้ง หรือถ้าเป็นเจ้าสาวสายประหยัด เดี๋ยวนี้มีโลชั่นน้ำราคาน่ารักที่ใช้ดีหลายตัว และยังมีมาส์กหน้ากากแบบเยื่อกระดาษสำเร็จรูปขายแยก ให้คุณซื้อมาใช้คู่กันได้ ประหยัดแล้วยังเวิร์คอีกด้วยนะ
  3. หากใครอยากโบท็อกซ์ หรือฟิลเลอร์เพื่อปรับรูปหน้า เริ่มเข้าไปปรึกษาคุณหมอประมาณ 2 เดือนก่อนวันงานได้เลยค่ะ เพราะปกติแล้วโบท็อกซ์หรือฟิลเลอร์จะเริ่มเข้ารูปจริงจังก็หลังจากทำแล้วประมาณ 1 เดือน เราเผื่อระยะเวลาให้คุณได้ปรึกษาคุณหมอ เผื่อจะต้องทำอะไรเพิ่มเติมจะได้พอมีเวลาไม่รีบร้อนเกินไปค่ะ 
  4. งดการทำสีผมใหม่ช่วง 2 เดือนก่อนวันงาน โดยเฉพาะการกัดสีผมให้อ่อนลง หรือทำไฮไลต์ใดๆ เพราะการทำให้สีสม่ำเสมอกันหลังจากนั้นเป็นเรื่องยากค่ะ คุณอาจจะกลายเป็นเจ้าสาวที่เกล้าผมแล้วเห็นเฉดสีผมที่ตัดกันจนดูไม่สวยงามก็ได้ แต่ถ้าเป็นการทำสีผมเข้ม หรือเติมโคนสีที่ทำอยู่แล้ว สามารถทำได้นะคะ 
  5. ประมาณ 2 เดือนก่อนวันงาน เริ่มหารูปสไตล์การแต่งหน้า ทำผม แบบที่เราชอบ ทำไมเราถึงไม่ได้แนะนำให้คุณหารูปเหล่านี้ตั้งแต่ 1 ปีก่อนแต่งงาน? เพราะสไตล์หน้าผมเจ้าสาวที่คุณชอบในตอนนั้น ระยะเวลาผ่านไปอาจจะรู้สึกเฉยๆแล้วก็ได้ หรือพอเวลาผ่านไปอาจจะเจอสไตล์หรือแบบที่ชอบมากกว่า เพราะฉะนั้นสไตล์ของทรงผมและเมกอัพที่ชอบ ค่อยๆหา รวบรวมไว้ แล้วตัดสินใจช่วงใกล้ๆวันงานก็ยังทันนะ

เป็นยังไงบ้างคะ?ช่วงระยะเวลา 5-2 เดือนก่อนวันงาน ทุกอย่างเริ่มเข้มข้นขึ้นแล้ว! มาติดตามตอนต่อไปกันนะ ว่าพอถึงโค้งสุดท้าย 1 เดือนก่อนวันสำคัญ ว่าที่เจ้าสาวต้องทำอะไรบ้าง!

credit photo: www.stylemepretty.com, unitedwithlove.com, behance.net

a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a 

a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a

รู้ทันผู้ชาย กับหลากหลายเล่ห์เหลี่ยม และลูกเล่นเอาตัวรอดสุดแพรวพราว

account_circle

หากเปรียบผู้ชายเป็นเพชร แต่ละเม็ดคงมีเหลี่ยมและประกายไม่เท่ากัน แต่ถึงอย่างไรผู้หญิงทุกคนก็ถวิลหาอยากเป็นเจ้าของ ยิ่งเพชรเม็ดไหนมีประกายสวยงามแพรวพราว ยิ่งหลอกล่อให้หลงใหลและอยากครอบครอง แต่อย่าลืมว่าความสวยงามนั้นแฝงด้วยเล่ห์เหลี่ยมที่คุณอาจตกหลุมพรางได้ง่ายๆ แต่ถ้าคุณอยากได้เพชรเม็ดนี้มาครองแบบเป็นเจ้าของเต็มตัวและไม่ถูกหลอก เราขออาสาพาไปหา เหลี่ยมรัก จากชายหนุ่มหลากหลายอาชีพมาฝาก ลองอ่านและคิดตามให้ดีว่า คนที่เขามาจีบหรือคนที่อยู่ข้างๆ มีอะไรแบบนี้หลุดมาให้เห็นบ้างไหม เพราะ รู้ทันผู้ชาย ตอนนี้ดีกว่าอกตรมวันหน้าเพราะตัดสินใจเลือกคนผิดนะจ้ะ

1

1. เล่ห์เหลี่ยมแบบนี้สิ ถึงได้เธอมา

เริ่มกันที่จุดเริ่มต้นความสัมพันธ์กันก่อน ซึ่งเราขอบอกว่าสาวๆ โปรดทราบ เวลาที่บรรดาชายหนุ่มทั้งหลายอยากจะเข้ามาพิชิตใจคุณ เขาจะมีเล่ห์เหลี่ยมหรือมีทริคบางอย่าง เพื่อเขามาหาคุณ ซึ่งถ้าเจอมุกต่อไปนี้ เตรียมเล่นตัวไว้ก่อนเลย

หนุ่มคนแรกดีกรีนักบินหนุ่มคารมดีเล่าถึงเล่ห์เหลี่ยมรักที่ใช้กับสาวที่เขาหมายปองว่า “ผมใช้วิธีอ้างเพื่อนเวลาขอเบอร์โทรศัพท์กับสาวที่ผมชอบหรือสนใจ แต่ความจริงแล้วเป็นผมเองนี่แหละที่เป็นคนขอและโทรไปหาเขาเอง หลังจากนั้นผมก็โทรไปเรื่อยๆ หยอกเขาไปเรื่อยๆ จนกว่าเขาจะรับรักผมครับ” 

ด้านนักร้องหนุ่มเสียงนุ่มที่ต้องใช้ชีวิตกลางคืนบ่อยครั้งตามสถานบันเทิงบอกว่า “ผมใช้วิธีสร้างตัวตนให้เขาเห็นและจดจำครับ เช่น หยอกล้อ แซว ใช้อารมณ์ขันของผมทำให้เขาหัวเราะหรือแกล้งจนเขารำคาญ แต่สุดท้ายผมก็เอาความดีสร้างความประทับใจ อาจจะช่วยเหลือเมื่อเขาเดือดร้อน หรือเมื่อเขาต้องการผมก็จะรีบไปอยู่ตรงนั้นทันที” เป็นไงละเหลี่ยมแพรวพราวแต่เริ่มต้นใช่ไหม

GettyImages-4949912372. แอบมองสาวอยู่นะ

จะแอบมองสาวๆ ทั้งที จะให้มองตรงๆ ก็คงไม่ตื่นเต้นเร้าใจน่ะสิ ลองมาฟังเทคนิคเหล่สาวแบบเนียนๆ จากชายหนุ่มอายุ 27 ปีที่มีอาชีพเป็นคุณครูว่าเขามีแผนการอย่างไรในการแอบมองสาวๆ โดยที่หวานใจไม่หันมาแยกเขี้ยวใส่ เขาบอกว่า “หากผมจะมองสาวสวยที่เดินผ่านมาซักคน ผมคงใช้วิธีเหล่ก่อน แล้วคงทำเป็นบอกว่าผู้หญิงคนนั้นใส่เสื้อผ้าสวยดีนะ อาจจะพูดเสริมไปอีกว่าเดี๋ยวนี้เขานิยมแต่งตัวกันแบบนี้เหรอ หรือไม่อย่างนั้นก็ชี้ให้ดูสิ่งที่น่าสนใจแต่อยู่ในทิศทางเดียวกับเป้าหมาย ทีนี้เขาจะได้ไม่ต้องสงสัย ว่าเราแอบมองผู้หญิงอื่นอยู่หรือเปล่า” 

อีกหนึ่งแผนเด็ดที่สาวๆ อาจคาดไม่ถึงจากชายหนุ่มอายุ 31 ปี เจ้าของสตูดิโอถ่ายภาพที่งานของเขาทำให้ได้เจอสาวสวยมากมาย ไม้เด็ดที่เขางัดขึ้นมาใช้คือ “ผมใส่แว่นตากันแดดเพื่ออำพรางสายตาครับ ข้อดีคือมองสะดวก เนียน ไม่ต้องกลัวด้วยว่าแฟนจะจับผิด หรืองอนใส่เรา” รู้แบบนี้แล้วเวลาออกไปข้างนอกกับหวานใจ ลองสังเกตดูสิว่าเขามีพฤติกรรมแบบนี้บ้างหรือเปล่า!! ถ้าใช่ก็อย่าเพิ่งโมโหโทโสไป เพราะชายหนุ่มส่วนใหญ่ล้วนบอกกับเราว่า “มันเป็นเรื่องธรรมดาครับ ผู้ชายส่วนใหญ่ก็ชอบมองของสวยๆ งามๆ แต่จริงๆ แล้วพวกผมรักเดียวใจเดียวนะ” (เหรอ??)

GettyImages-5243844033. อยากไปกับเขาหรือเธอมากกว่า

ทีนี้มาดูเล่ห์เหลี่ยมคนีคู่กันบ้างว่าเวลาที่นัดกับแฟนหรือภรรยาไว้แล้ว แต่ใจก็อยากไปสังสรรค์กับเพื่อนหรือกิ๊กที่นานๆ จะเจอกันทีจะทำยังไง เพราะครั้นจะยกเลิกนัดก็คงจะแปลกๆ หรือจะบอกความจริงเลยก็คงได้ทะเลาะกันบ้านแตก แล้วจะมีข้ออ้างอย่างไรล่ะ ที่จะไม่โดนระแวงแถมได้ไปเที่ยวอย่างสนุกสนาน วิศวกรหนุ่มดีกรีนักเรียนนอกผู้ผ่านสาวน้อยสาวใหญ่มามากหน้าหลายตาเผยแผนลับที่ไม่ว่าสาวๆ คนไหนก็คงโกรธไม่ลง บอกกับเราวิธีการของเขาก็คือ “อ้างครอบครัวครับ บอกติดธุระกับที่บ้าน แต่ก็ต้องมั่นใจว่าเขาอยู่ที่ไหน เราจะได้ไม่ไปที่นั่นหรือรัศมีใกล้ๆ กับที่ตรงนั้น อีกอย่างคือต้องห้ามเพื่อนหรือกิ๊กที่จะไปด้วยว่าห้ามลงรูปผมในโซเชียลมีเดียเด็ดขาด”

แต่สำหรับอดีตหนุ่มเพลย์บอย อายุ 37 ปี ที่ตอนนี้กลายเป็นคุณพ่อลูกหนึ่ง มีข้ออ้างเบสิกที่สาวๆ หลายคนก็ยังไม่วายตกหลุมพรางว่า “งานของผมต้องพบปะลูกค้าบ่อยครั้ง และมักติดประชุมยาวจนถึงดึก ผมจึงมักใช้ข้ออ้างนี้เวลาที่อยากจะหนีไปเที่ยวกับเพื่อน แต่ก็ไม่เคยทำอะไรเกินเลย รู้ขอบเขตของตัวเอง เพราะผมรู้หน้าที่ว่าผมควรทำอะไรและสิ่งที่สำคัญสุดคือลูกกับภรรยาครับ” แต่ในใจก็ยังไม่ทิ้งลาย เพราะเขายึดคติ 

“ถ้ารักจะเจ้าชู้ต้องทำตัวให้เนียนและเงียบที่สุด”

GettyImages-1261546884. เนียนอย่างไรให้รอด !

ใจก็อยากบอกไปตรงๆ ว่าทำผิดอะไร แต่ไม่รู้จะเริ่มสารภาพยังไง ครั้นจะบอกไปโต้งๆ ก็กลัวระเบิดจะลง เลยต้องหาวิธีสารภาพผิดแบบเนียนๆ แต่จะเป็นวิธีไหนที่ทำให้คุณที่รักไม่กรีดร้องบ้านแตกซะก่อน สถาปนิกหนุ่มผู้ชื่นชอบการต่อและออกแบบโมเดลกันดั้มเป็นชีวิตจิตใจ ซึ่งใครๆ ก็รู้ว่าของเล่นชนิดนี้ราคาไม่ธรรมดา เขาจะเอาตัวรอดจากการแอบซื้อของเล่นราคาแพงแสนแพงนี้ได้อย่างไร ลองมาฟังคำตอบจากเขากัน

“ก็บอกแหละครับว่าซื้อมาจริง แต่ใช้มุกตลกกลบเกลื่อน บอกราคาจริงบ้างไม่จริงบ้าง ทำเป็นพูดติดตลกไป เดี๋ยวเขาก็งงครับว่าอันไหนพูดจริง อันไหนพูดเล่น รวมทั้งเรื่องอื่นๆ ก็เอาความตลกเข้าว่า เนียนๆ ไปเดี๋ยวเรื่องก็จบเอง” แต่หากคุณสาวๆ ตะหงิดใจในเรื่องนั้นอยู่แล้ว หนุ่มๆ หลายคนเลือกใช้วิธีนิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหว ดังเช่นวิธีที่ชายหนุ่มอายุ 30 ปลายๆ ใช้เป็นประจำ เขายอมปริปากบอกกับเราว่า ใช้ความนิ่งสงบเข้าข่มก่อนครับ ถึงแม้ว่าเรื่องนั้นเขาอาจจะรู้อยู่ แล้วถ้าเขาคาดคั้น ก็รับบ้างไม่รับบ้าง แถไปเรื่อยๆ ถ้าไม่โดนจับผิดแบบคาหนังคาเขา ยังไงก็ไม่ยอมรับครับ” #คารวะตัวพ่อค่ะ

GettyImages-1435047825. คุณเมียที่รัก VS. คุณแม่ที่เคารพ

ละครมักสร้างจากชีวิตจริง ฉากมาคุระหว่างแม่สามีกับลูกสะใภ้ไม่ใช่เรื่องไกลตัว ลองดูซิว่า คนกลางอย่างหนุ่มๆ จะมีกลเม็ดแบบไหนที่ทำให้ทั้งคู่สมานฉันท์ คุณหมอผู้เงียบขรึมวัย 33 ปี เล่าประสบการณ์ระหว่างแฟนกับแม่ว่า “ส่วนใหญ่ผมรักใครคุณแม่ผมก็จะรักด้วย นอกจากว่าท่านไม่ถูกชะตา ซึ่งผมก็จะหาวิธีทำให้ทั้งคู่ได้มีโอกาสพูดคุยและใช้เวลาด้วยกันมากขึ้น เช่น หาเรื่องที่เขาสนใจร่วมกันแล้วจัดกิจกรรมนั้นขึ้นมาเพื่อให้แม่กับแฟนทำร่วมกัน จะได้สนิทกันมากขึ้น”

ส่วนหนุ่มวัย 27 ปี อาชีพที่ปรึกษาทางกฎหมาย ผู้รักความยุติธรรมเป็นชีวิตจิตใจมองว่าความรักไม่ควรปิดบังกัน ก็ยังต้องแอบโกหกเล็กๆ เพื่อให้คนรักและแม่จูบปากกัน เช่น “พูดข้อดีของแฟนให้แม่ฟังเยอะๆ ครับ อาจจะเป็นเรื่องที่เขาคอยช่วยเหลือผมหรือทำเป็นว่าแฟนไปเที่ยวเลยซื้อของมา ฝาก แต่ความจริงแล้วผมนี่แหละครับที่เป็นคนซื้อ” 

จะทำให้แม่และคนรักปรับตัวเข้าหากันบางทีก็ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก แต่หากมันยากนักก็ลองเอาวิธีของสองหนุ่มไปใช้ดูน่าจะเข้าท่าอยู่นะคะ

เป็นไงกันบ้างคะ กับเหตุผลต่างๆ ที่สาวๆ อย่างเราต้อง รู้ทันผู้ชาย เรียกได้ว่าเป็นทริคเด็ดของหนุ่มๆ ที่เรานำมาฝากกัน ลองสังเกตคนข้างๆ ของคุณดู ว่ามีอะไรเข้าข่ายไหม แต่แพรวเวดดิ้งขอบอกตรงนี้ว่า บางทีรู้แล้วนิ่งก็ดีกว่ารู้แล้วโวยวาย เพราะถ้าเขาไหวตัวทันเมื่อไหร่ คุณต้องมานั่งหาวิธีใหม่ให้เหนื่อยอีกนะ

>> อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับความรัก ความสัมพันธ์ และการใช้ชีวิตคู่เพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย <<

ภาพ : www.gqindia.com

ว่าที่เจ้าสาวจงทำตาม 7 วิธีนี้รับรองเพื่อนเจ้าสาวไม่มีน้อยอกน้อยใจ

account_circle

ทันทีที่รู้ข่าวดีว่าคุณจะแต่งงาน เชื่อได้เลยว่ามีเพื่อนสาวหลายคนเสนอตัวมาช่วยงานเป็นจำนวนมาก แต่จะให้ทุกนางมาเป็น เพื่อนเจ้าสาว แต่งตัวสวยเดินเด่นทั้งหมดก็คงไม่ได้ แล้วจะทำยังไงให้เพื่อนที่เหลือรู้สึกว่าคุณยังเห็นความสำคัญ แพรวเวดดิ้งมีทางออกดีๆ มาบอกกัน

1. ขอให้เธอมีส่วนร่วมในการจัดงาน

ในช่วงที่คุณกำลังวางแผนรายละเอียดของงานหรือกำลังมองหาสิ่งของที่จะนำมาใช้ในงาน เช่น ไวน์ ขนมหวาน หรือแม้แต่หาคนรู้ใจที่จะมาช่วยชิมอาหาร อาจจะมอบหมายให้เธอเข้ามาช่วยดูแลส่วนนี้ร่วมกับคุณ หรือถ้ารู้ว่าเพื่อนคนไหนเป็นกูรูในเรื่องใดๆ ก็อย่าลืมที่จะขอความเห็นจากเธอ เพราะจะทำให้เธอรู้สึกว่าคุณยังนึกถึงและให้ความสำคัญกับเธอ

2. ขอให้เธอมาช่วยจัดของต้อนรับแขก

มอบหมายหน้าที่ให้เธอเข้ามาช่วยคุณเลือกของใช้ที่จำเป็นสำหรับต้อนรับแขก รวมถึงอาจให้เธอมาช่วยต้อนรับและแนะนำแขกเกี่ยวกับการเขียนสมุดอวยพร หรือพาแขกเดินเข้างานก็ได้

3. ไม่ลืมชวนเธอมาร่วมปาร์ตี้สละโสด

ทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองยังเป็นส่วนหนึ่งของงานในครั้งนี้ ด้วยการเชิญเธอมาร่วมสนุกในงานปาร์ตี้สละโสดของคุณซะเลย

4. เชิญเธอให้มาเตรียมตัวกับคุณ

เพียงแค่เธอไม่ได้เป็นเพื่อนเจ้าสาว ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะไม่ได้เป็นเพื่อนคนสำคัญของคุณ ในช่วงที่คุณกำลังแต่งหน้า-ทำผม อย่าลืมชวนเธอมาทำสวยพร้อมกับคุณ เพราะจะช่วยทำให้เธอรู้สึกว่าคุณยังนึกถึงเธอและใส่ใจเธอตลอดเวลา ส่วนเธอจะมาหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับเธอ ขอเพียงแค่คุณอย่าลืมชวนก็พอ

5. ให้เธอมาเป็นมือขวาคอยช่วยคุณ

เชื่อว่าเจ้าสาวหลายๆ คน ต่างต้องการคนรู้ใจคอยอยู่เคียงข้างคุณตลอดงาน คุณอาจให้เธอมาช่วยดูแล จัดระเบียบชุด หรือแม้แต่คอยชวยซับน้ำตาให้กับคุณในช่วงพิธีก็ดีไม่น้อย

6. แต่งตั้งตำแหน่งใหม่สำหรับเธอโดยเฉพาะ

หากงานแต่งของคุณเป็นงานเล็กๆ คุณอาจแต่งตั้งให้เธอมาเป็นเพื่อนเจ้าสาวอย่างไม่เป็นทางการ หรือที่รู้จักกันว่า เพื่อนเกียรติยศ โดยให้เธอแต่งชุดโทนสีเดียวกันกับกลุ่มเพื่อนเจ้าสาว แต่อาจไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นรูปแบบเดียวกัน หรืออาจจัดที่นั่งแถวพิเศษให้กับเธอด้วยก็ได้

7. เชิญเธอมานั่งในโต๊ะเดียวกันกับคุณ

ช่วงระหว่างรับประทานอาหารที่คุณอาจจัดโต๊ะแบบ Long table ก็อย่าลืมชวนเธอมาร่วมโต๊ะเดียวกันกับคุณก็ได้ หรือจัดที่นั่งของเธอให้อยู่ในโต๊ะที่ใกล้กับโต๊ะของคุณ เพื่อที่เธอจะได้รู้สึกว่ายังคุณยังมองเห็นเธออยู่ตลอดเวลานั่นเอง

ทั้งหมดนี้คือ 7 วิธีที่จะทำให้เพื่อนที่ไม่ได้ถูกเลือกให้เป็นเพื่อนเจ้าสาวไม่รู้สึกน้อยใจ แถมยังทำให้เธอรู้สึกรู้สึกว่าตัวเองยังเป็นคนที่คุณยังนึกถึงและยังมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าเพื่อนเจ้าสาวคนอื่นๆ อีกด้วย ลองทำดูไม่เสียหาย แล้วรับรองว่าความรู้สึกดีๆ ของคุณและเพื่อนจะยังคงกระชับแน่นไม่เสื่อมคลาย

>> อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับเพื่อนเจ้าสาวเพิ่มเติมได้อีกเพียบ คลิกเลย <<

หน้ากากผ้าสายหวาน แรงบันดาลใจจากพระตำหนักดอยตุง รายได้ช่วยโควิด-19

หน้ากากผ้าสายหวาน แรงบันดาลใจจากพระตำหนักดอยตุง รายได้ช่วยโควิด-19

Alternative Textaccount_circle
หน้ากากผ้าสายหวาน แรงบันดาลใจจากพระตำหนักดอยตุง รายได้ช่วยโควิด-19
หน้ากากผ้าสายหวาน แรงบันดาลใจจากพระตำหนักดอยตุง รายได้ช่วยโควิด-19

ปลอดภัย สวยงาม อิ่มบุญ คอนเซ็ปต์ หน้ากากผ้า จากร้านภูฟ้า หวานละมุนด้วยลวดลายดอกไม้ แรงบันดาลใจจากพระตำหนักดอยตุง พร้อมนำรายได้ช่วยโควิด-19

ร้านภูฟ้า โครงการส่งเสริมอาชีพตามพระราชดำริ  สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในกองทุนพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร (ก.พ.ด.) จัดจำหน่ายหน้ากากผ้าพิมพ์ภาพวาดลายดอกไม้จากพระตำหนักดอยตุง เพื่อช่วยเหลือเด็กนักเรียนยากไร้และขาดแคลน ซึ่งได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

หน้ากากผ้าด้านหน้าพิมพ์ภาพวาดลวดลายดอกไม้จากพระตำหนักดอยตุง มีให้เลือก 7 ลาย ได้แก่ แคทลียา ควีน สิริกิติ์, ไฮเดรนเยีย (2 แบบ), กุหลาบ (3 แบบ), ฟาแลนนอปซิส, ซิมบิเดียม (2 แบบ) ,แวนด้า และคาลันเท

ผลิตจากผ้าพิมพ์ลายชนิดกันน้ำ สามารถป้องกันละอองฝอยจากการไอหรือจาม ด้านในเป็นผ้าโพลีเอสเตอร์ แบมบู ช่วยยับยั้งการเกิดเชื้อแบคทีเรียได้

หน้ากากผ้าพิมพ์ภาพวาดลายดอกไม้จากพระตำหนักดอยตุง จำหน่ายในราคาชิ้นละ 150 บาท โดยรายได้จากการจำหน่ายทั้งหมดนำขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อพระราชทานช่วยเหลือเด็กนักเรียนยากไร้และขาดแคลน ซึ่งได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทั้งนี้ผู้ที่สนใจสามารถหาซื้อได้ที่ร้านภูฟ้าทุกสาขา


บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

มูลนิธิรามาธิบดีฯ ร่วมมือไทยดีไซเนอร์ เปิดตัวคอลเล็คชั่นสำหรับ New Normal

โมโนแกรมมาแรง! Burberry คอลเล็คชั่นล่าสุดดึง Kendall Jenner ร่วมงาน

สายแฟต้องมี! ส่องคอลเล็คชั่นใหม่ “แว่นของญาญ่า” ดีไซน์แต่ละแบบคือเก๋และชิค

จาก ด.ช. เปลี่ยนเป็นนาย คุณโชค-สู่ขวัญ ฉลองวันเกิดปีที่ 15 ของ ปราบ บูลกุล

account_circle

โตเป็นหนุ่ม ตัวสูงกว่าคุณแม่ โตเท่าคุณพ่อแล้วครับ สำหรับ น้อง “ปราบ บูลกุล” ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของ คุณสู่ขวัญ และ คุณโชค เจ้าของฟาร์มโชคชัย

สูงยาวเข่าดี หน้าตาหล่อเหลาเอาการเลยทีเดียว สำหรับ ปราบ บูลกุล ทายาทคนเดียวแห่งฟาร์มโชคชัย ซึ่งล่าสุดครอบครัวบูลกุลได้ไปฉลองวันเกิดให้กับลูกชาย เนื่องในวันคล้ายวันเกิด ซึ่งปีนี้น้องปราบอายุครบ 15 ปีแล้วครับ

งานนี้ทำเอาคุณแม่ตื่นเต้นเล็กน้อยที่ลูกชายได้เปลี่ยนคำนำหน้าจาก เด็กชาย เป็น นาย เรียบร้อย ซึ่งคุณสู่ขวัญได้โพสต์รูปพร้อมข้อความในอินสตาแกรมว่า “ไม่มี ด.ช.ปราบแล้วน้าา มีแต่นายปราบ บูลกุล 15 แล้วเหรอเนี่ย

ด้านคุณโชคเองก็อวยพรตามสไตล์ท่าน CEO ว่า “..เวียนมาบรรจบอีกหนึ่งรอบปีของลูกชาย แต่วันนี้พิเศษหน่อยตรงที่ว่าจะไม่ใช่ ด.ช.อีกต่อไป จากนี้จะเป็น”นาย”ที่ขอให้สมบูรณ์เพรียบพร้อมไปในทุกด้าน ทั้งสติปัญญา กำลังวังชา เมตตากรุณา และที่สำคัญคือใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าโดยเห็นคุณค่าของผู้อื่นและคุณค่าต่อมวลมนุษยชาติ HBD to my best pal @prarbbulakul ”

เห็นรูปของน้องปราบตอนนี้แล้วต้องบอกเลยว่า อายุเพียง 15 ยัง หล่อเหลา ครบเครื่องขนาดนี้ โตกว่านี้เห็นทีต้องเตรียมชูป้ายไฟให้รัวๆ เลยครับปราบ


เลี้ยงลูกอย่าง “โชค บูลกุล” 3 ประการ ที่หวังให้ลูกชายเป็นแบบนั้นตลอดไป

เห็นแล้วต้องซื้อ แต่ใส่ออกบ้านไม่ได้! สู่ขวัญ บูลกุล เผยประสบการณ์ตรง ไม่อยากแต่งตัวพลาดต้องอ่าน!

เรื่องเล่าจากการเปิดกรุเสื้อผ้าของ สู่ขวัญ บูลกุล แค่เก็บทิ้งก็เปลี่ยนชีวิตได้!

ไฮยาลูโรนิค แอซิด 4 มิติ

สายสกินต้องรู้! ไฮยาลูโรนิค แอซิด 4 มิติ เทรนด์นวัตกรรมวงการบิวตี้ปี 2020

Alternative Textaccount_circle
ไฮยาลูโรนิค แอซิด 4 มิติ
ไฮยาลูโรนิค แอซิด 4 มิติ

เทรนด์ความงามในปัจจุบันก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว เฉกเช่นเดียวกับวงการสกินแคร์ที่มีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ มาให้เราอัพเดตกันแบบรายวัน อาจเพราะมีความต้องการของคนรุ่นใหม่ในการเติมเต็มความงามในปัญหาต่างๆ แบบเฉพาะบุคคลเพิ่มมากขึ้น

ล่าสุด บริษัท คิสออฟบิวตี้ จำกัด เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับเทรนด์ของส่วนผสมหลักในผลิตภัณฑ์สกินแคร์ เรียกว่าจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการตัดสินใจของคนยุคใหม่ในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์

โดยปัจจุบันมลภาวะที่มีอยู่ในทุกที่ เป็นตัวเร่งให้เกิดการทำร้ายผิวมากยิ่งขึ้น รวมทั้งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผิวแลดูร่วงโรยก่อนวัยอันควรไม่ว่าจะเป็น การเกิดริ้วรอย จุดด่างดำ รอยแดงบนผิว ผิวแห้งกร้าน ซึ่งที่กล่าวมานั้นไม่เหมือนกับรังสี UV ที่จะมีอยู่เฉพาะในแสงแดด แต่มลภาวะมีอยู่ในทุกที่ และสามารถทำร้ายผิวของเราอยู่ตลอดเวลา การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยดูแลผิวจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้

ริ้วรอย ปัญหาหนักใจของสาวๆ

และส่วนผสมที่สามารถช่วยเติมเต็มและแก้ไขปัญหาเหล่านั้นได้อย่างตรงจุด นั่นคือ ไฮยาลูโรนิค แอซิด (Hyaluronic acid) ซึ่งหลายๆ คนอาจรู้จักในชื่อ HA (เอชเอที่มีคุณสมบัติในการประสานความเชื่อมต่อระหว่างชั้นผิว คือ ชั้นผิวหนังแท้ (dermis) โปรตีนคอลลาเจน และอีลาสตินเข้าด้วยกัน จะเป็นตัวช่วยให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่น กระชับ มากยิ่งขึ้น แต่ในปัจจุบัน เทคโนโลยีก้าวล้ำไปอีกขั้นด้วยการวิจัยและคิดค้น ไฮยาลูโรนิ แอซิด มิติ (4D Hyaluronic Acid) นวัตกรรมที่สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดูแลและจัดการปัญหาผิวได้อย่างตรงจุดมากขึ้น

เปรียบเทียบโมเลกุล Hyaluronic acid ขนาดเล็กจะลงเข้าสู่ผิวชั้นลึกได้มากกว่า

นับเป็นมิติใหม่ของวงการความงามที่สามารถมาช่วยเติมเต็มความงามในผิวพรรณของผู้หญิงได้อย่างมาก แม้ว่าปัจจุบันไฮยาลูโรนิค แอซิดที่เราใช้กันทั่วไป จะสามารถเข้าบำรุงผิวพรรณได้ แต่ด้วยโมเลกุลขนาดที่ใหญ่จึงทำให้การบำรุงได้เพียงแค่ผิวชั้นบนหรือกลางเท่านั้น แต่สำหรับ ไฮยาลูโรนิค แอซิ มิติ มีขนาดโมเลกุลที่เล็กพียง 10kDal  จึงสามารถเข้าบำรุงผิวได้อย่างล้ำลึกถึงผิวชั้นใน เพื่อการแก้ไขจุดบกพร่องของผิวได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

อีกทั้งยังช่วยกักเก็บน้ำแก่ผิวให้คงความชุ่มชื้นได้มากกว่าปกติถึง 1,000 เท่า จึงช่วยลดริ้วรอยลึก ให้ผิวหน้าอิ่มน้ำ เปล่งปลั่ง ระชับ แลดูอ่อนเยาว์ อย่างไรก็ตามความปลอดภัยของนวัตกรรมหรือผลิตภัณฑ์นั้นๆ ก็ยังคงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม ผู้บริโภคจึงควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการทดสอบและรับรองจากสถาบันที่น่าเชื่อถือเท่านั้น

4D Hyaluronic Acid ซึมซาบสู่ชั้นผิว

สำหรับใครที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของไฮยาลูโรนิค แอซิด มิติ อาจจะต้องอดใจรออีกสักนิด แล้วรับรองว่าจะต้องประทับใจกับผลลัพธ์ในผิวหน้าที่แลดูอ่อนเยาว์ตามมาอย่างแน่นอน


ภาพ : Pexels

 

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ต้องลอง! 5 คอนซีลเลอร์ที่ให้ฟีลสกินนี่ที่สุด แต่ปกปิดรอยตำใจ เนียนกลืนไปกับผิว

Oop! เทียนหอมกลิ่นจุดสุดยอด ต่อยอดจากกลิ่นน้องสาวที่เคยฮือฮาไปเมื่อต้นปี

กรีดตาได้! ปากกาไฮไลต์แบบอายไลเนอร์ อินสไปร์จากโต๊ะเรียนสู่โต๊ะเครื่องแป้ง

 

 

อิน-สาริน

อิน-สาริน เขย่าวงการซีรี่ส์ Y คุณหมีปาฏิหาริย์ แรงติดเทรนด์ทวิตเตอร์อันดับ 1

Alternative Textaccount_circle
อิน-สาริน
อิน-สาริน

หลังจากก่อนหน้านี้ช่อง 3 ได้ส่งซ่อนเงารัก ละครที่มีกลิ่นอายวายเบาๆ มาให้ผู้ชมได้ชิมรางความสนุกกันไปแล้ว ล่าสุดส่งนวนิยายชื่อดัง คุณหมีปาฏิหาริย์ นำแสดงโดย อิน-สาริน รณเกียรติ และ จ๊อบ-ธัชพล กู้วงศ์บัณฑิต มาให้ได้ชมกัน

อิน-สาริน

เรียกว่าได้รับความสนใจตั้งแต่โปรเจ็กต์ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างเลย สำหรับละครที่สร้างจากนวนิยายชื่อดัง “คุณหมีปาฏิหาริย์” ของปราปต์ หรือ ชัยรัตน์ พิพิธพัฒนาปราปต์ เจ้าของผลงานดัง “กาหลมหรทึก” โดยหลังจากที่ออกผลงานไปเมื่อปี 2562 กระแสตอบรับก็ดีมากๆ จนเข้าตาผู้จัดและผู้กำกับ “ป้าแจ๋ว ยุทธนา”  แห่งค่ายถนัดละคร จึงได้กลายเป็นโปรเจ็กต์ที่แฟนๆ ต่างรอคอย มีการคาดเดาถึง 2 นักแสดงนำที่จะมารับบทบาทในเรื่องนี้หลายคน แต่สุดท้ายบทนี้ก็ตกเป็นของ 2 หนุ่มหน้าใส อิน-สาริน รณเกียรติ และ จ๊อบ-ธัชพล กู้วงศ์บัณฑิต มารับบท “เต้าหู้” กับ “พี่ณัฐ”

อิน-สาริน

โดยล่าสุด“คุณดิว-ปิ่นกมล มาลีนนท์” ผู้บริหารช่อง 3 และ “ป้าแจ๋ว” ได้ปล่อยภาพฟิตติ้งคู่นี้ออกมาให้ได้ชมกัน แต่กลายเป็นว่าเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น แฮชแท็ก #คุณหมีปาฏิหาริย์  ก็ติดเทรนด์ทวิตเตอร์อันดับ 1 กันเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตามสำหรับละครเรื่อง คุณหมีปาฏิหาริย์ ว่าด้วยเรื่องของ “ณัฐ” ผู้ที่มี “เต้าหู้” ตุ๊กตาหมีสีขาวนวลตัวใหญ่เป็นที่พักพิงใจ แต่จู่ๆ ปาฏิหาริย์ก็ส่งให้ “เต้าหู้”กลายร่างเป็นหนุ่มน้อย แต่ร่างใหม่กลับไร้ซึ่งความทรงจำเขาจึงต้องสืบเสาะค้นหาความเป็นมาของตัวเอง เรื่องราวยิ่งซับซ้อนเมื่อเขาพบว่าที่มาของตนเกี่ยวข้องกับอดีตอันมืดมนและความลับของครอบครัวผู้เป็นเจ้าของ อีกทั้งเวลาในร่างมนุษย์ที่จะได้ใกล้ชิดกับผู้เป็นที่รัก ก็เหลืออยู่น้อยเต็มที เต้าหู้จะค้นหาคำตอบให้แก่ตัวเองแล้วเปิดเผยความลับทั้งหมดได้หรือไม่ และปาฏิหาริย์อื่นใดหนอที่จะช่วยให้เขาสมปรารถนา


สามารถติดตามอ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่

เปิดตัวตนที่แท้จริงของ อิน สาริน หล่อ…รวย…เก่ง ครบสูตร

สไตล์ใจตรงกันเป๊ะ! เปิดแบรนด์เสื้อคู่เหมือนของ ไท้ วสุวัส และ อิน สาริน

สไตล์ใจตรงกันเป๊ะ! เปิดแบรนด์เสื้อคู่เหมือนของ ไท้ วสุวัส และ อิน สาริน

คังดงวอน

สัมภาษณ์ผลงานใหม่ Kang Dong Won พระเอก 1 ใน 4 สมบัติแห่งชาติเกาหลี

Alternative Textaccount_circle
คังดงวอน
คังดงวอน

พูดคุยเกี่ยวกับผลงานใหม่ของพระเอก คังดงวอน Kang Dong Won พระเอก 1 ใน 4 สมบัติแห่งชาติเกาหลี กับภาพยนตร์ภาคต่อปลุกกระแสซอมบี้ฟีเว่อร์  Train To Busan : Peninsula

คังดงวอน

ถ้าภาพยนตร์ Train To Busan เคยทำให้ผู้ชมหวาดกลัวเหตุการณ์กับพื้นที่จำกัดบนรถไฟแล้ว สำหรับ Train To Busan : Peninsula ผู้ชมจะได้รับประสบการณ์ใหม่ในการเข้าพื้นที่ที่ไม่รู้จัก สถานการณ์ที่ไม่เคยเจอบนพื้นที่ขนาดใหญ่ และยิ่งใหญ่มากขึ้น โดยในครั้งนี้ ได้ คังดงวอน Kang Dong Won 1 ใน 4 สมบัติแห่งชาติเกาหลีที่แฟนๆชาวไทยต่างชื่นชอบและถือเป็นนักแสดงคุณภาพอีกหนึ่งคนที่มีผลงานมาแล้วมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Golden Slumber, Romance of Their Own, The Secret Reunion มารับบท “จองซอก” ผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์เมื่อ 4 ปีก่อน ที่สามารถหลบหนีออกจากภัยพิบัติครั้งนั้นได้ทันเวลา เขาต้องกลับมาที่คาบสมุทรเกาหลีอีกครั้งเพื่อภารกิจครั้งสำคัญ เมื่อเชื้อซอมบี้แพร่กระจายรุนแรงจนกลายเป็นดินแดนนรกร้าง เตรียมรับมือมหันตภัยซอมบี้ครั้งใหม่ เพียงสิ่งเดียวที่ทุกคนต้องทำ คือ “จงรอดตาย”

คังดงวอน

Train To Busan : Peninsula ได้รับเลือกอย่างเป็นทางการจากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ประจำปี 2020 ฝีมือผู้กำกับ ยอนซังโฮ ที่แฟนหนังทั่วโลกต่างตั้งตารอ โดยก่อนหน้านี้ TRAIN TO BUSAN เองก็เคยได้รับคัดเลือกและสร้างเสียงฮือฮาในคานส์ปี 2016 มาแล้ว ซึ่ง ยอนซังโฮ กล่าวถึงคาแรคเตอร์และเหตุผลที่เลือกคังดงวอนมารับบทนำในครั้งนี้ว่า “จองซอกเป็นตัวละครที่มีอารมณ์ซับซ้อน ผมว่าคังดงวอนเป็นนักแสดงคนเดียวที่ถ่ายทอดบทนี้ออกมาได้ เขาเล่นฉากบู๊ด้วยตัวเอง ความทุ่มเทของเขาเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับนักแสดงคนและทีมงานคนอื่น ๆ ในกอง”

คังดงวอน

ซึ่งในภาพยนตร์เรื่องนี้ “คังดงวอน” ทุ่มเททางการแสดงเพื่อความสมจริงตามที่ผู้กำกับต้องการ โดยร่วมแสดงฉากแอคชั่นเองทั้งหมด รวมถึงต้องซ้อมกับนักแสดงที่รับบทเป็นซอมบี้ เพื่อให้ชินกับการเคลื่อนไหวผิดมนุษย์ของพวกเขา

อยากให้พูดถึงความน่าสนใจของ Train To Busan : Peninsula ที่ทำให้คุณตัดสินใจร่วมงาน?

“ความสนุกจริงของภาพยนตร์ไม่ใช่แค่การสู้กับซอมบี้ครับ แต่คือการสร้างสถานการณ์ในหนังมากกว่า และที่ผมสนใจมาเล่นใน Train To Busan : Peninsula ก็คือในฐานะนักแสดงผมว่ามันเป็นหนังที่ดี มากกว่าที่จะคิดถึงเรื่องค่าตัวครับ”

Kang Dong Won

คุณรับบทเป็นใครใน Train To Busan : Peninsula?

“ผมรับบท “จองซอก” ครับ ตัวละครที่ชื่อจองซอกถึงแม้ว่าจะหลบหนีจากสถานการณ์ภัยพิบัติจากเกาหลีไปได้ แต่เขาก็สูญเสียความหวังไปครับ จากนั้นเขาก็ได้กลับมาที่เกาหลีอีกครั้งหลังจาก 4 ปี พร้อมกับภารกิจเสี่ยงตาย และได้พบกับครอบครัวของมินจอง (อีจองฮยอน) และได้พบกับความหวังครั้งใหม่อีกครั้งครับ”

คาแรกเตอร์ของคุณมีความเป็นฮีโร่แอคชั่นมากๆ ได้มีการเตรียมตัวหรือฝึกซ้อมอย่างไรบ้างก่อนถ่ายทำ?

“ตอนที่เตรียมตัวถ่ายทำหนังเรื่องนี้ยังไม่ได้มีการเตรียมแอคชั่นอะไรเป็นพิเศษครับ เพราะเรามีทีมแอคชั่นที่เคยร่วมงานกันมาตลอด เราจะตกลงกันก่อนตอนถ่ายทำ แต่มีฉากหนึ่งครับที่มีซีนแอคชั่นแบบลองเทค เราก็เลยตกลงกันหน้างานครับ เพื่อเขาจะได้ป้องกันได้ ซึ่งปกติผมจะออกกำลังกายตลอดอยู่แล้ว จึงไม่ค่อยรู้สึกเหนื่อยครับ แต่ปกติผมจะต่อสู้กับคนครับ รอบนี้ต้องเข้าซีนต่อสู้กับซอมบี้ เรื่องนี้จึงค่อนข้างยากกว่าทีคิด ผู้กำกับบรีฟว่าตัวของจองซอกต้องเข้าซีนแอคชั่นในสถานการณ์ที่สุดขั้วมากๆ ในการถ่ายทำผมจึงพยายามทำอารมณ์ให้ดูจริงจังมากๆครับ”

Kang Dong Won

ระหว่างการถ่ายทำภาพยนตร์ คุณเจอปัญหาอะไร มีความลำบากด้านไหน?

“บรรยากาศกองถ่ายดีมากๆแค่ได้เห็นความสุขในการทำงานของทีมงานก็ทำให้ผมรู้สึกอารมณ์ดีมากๆครับ แน่นอนครับว่าการถ่ายหนังเรื่องหนึ่งมันก็ต้องมีเหนื่อยบ้าง แต่มันก็มีความสุขมากๆ โดยเฉพาะเรื่องนี้ การถ่ายทำราบรื่น และเห็นทุกคนสนุกไปกับมัน ซึ่งโดยปกติของการถ่ายทำจะมีปัญหาเกิดขึ้นบ่อย แต่ในกองนี้ไม่เคยมีเลย ผมไม่รู้นะว่าตอนที่ผมไม่อยู่จะมีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า แต่เอาจริงๆมันไม่มีเลย ผมรู้สึกแฮ็ปปี้มากๆ เลยครับ”

การทำงานกับนักแสดงเป็นอย่างไรบ้าง?

“ผมสนุกมากๆครับ และนักแสดงทุกก็เข้ากันได้ดี และยังแสดงกันได้ดีมากครับ สำหรับน้องอีเร กับเยวอน ก็เป็นเด็กที่สดใสมาก เวลาเข้าฉากก็เลยทำให้ผมรู้สึกสนุกไปด้วยเลยครับ”

เหตุผลที่ผู้ชมจะต้องไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้ในโรงภาพยนตร์?

“คือถ้าใครที่เคยชอบ Train to Busan ก็คงจะชอบเรื่องนี้มากๆครับ แต่สำหรับใครที่ยังไม่เคยได้ดู Train to Busan ก็ยังจะสนุกไปกับหนังแน่นอนครับ เพราะมันเป็นคนละส่วนกับ Train to Busan ผมคิดว่าผู้ชมจะได้รับประสบการณ์ความสนุกแน่นอนครับ”

หลังจากที่ภาพยนตร์ Train to Busan : Peninsula ถูกรับเลือกโดยเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ คุณรู้สึกเสียใจหรือไม่ ที่ไม่ได้มีโอกาสไปร่วมในงานเปิดตัวที่นั่น?

“ก็เสียใจครับ แต่ช่วงเวลานี้ก็เป็นช่วงเวลาที่ทุกคนกำลังลำบาก ถือว่าเป็นโอกาสที่ผมจะได้ทำผลงานที่ดีกว่าต่อไป ถึงแม้ปีนี้งานเทศกาลภายนตร์เมืองคานส์จะไม่ถูกจัดขึ้น แต่การที่หนังได้รับเลือกเข้าไป ก็ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งครับ”

ฝากผลงานภาพยนตร์ Train to Busan : Peninsula กันหน่อย?

“อุตสาหกรรมภาพยนตร์ทั่วโลกลำบากกันมากครับ และเราทุกคนที่อยู่ในอุตสาหกรรมนี้ก็คงจะลำบากไม่แพ้กัน ภาพยนตร์ Train to Busan : Peninsula ถือเป็นภาพยนตร์บล็อคบัสเตอร์เรื่องแรกที่ฉาย จึงอยากให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นตัวแทน เป็นความหวังของทุกคนที่อยู่ในอุตสาหกรรมหนังทั่วโลก และขอเป็นกำลังใจให้หนังที่จะฉายต่อไปครับ”

Kang Dong Won


สามารถติดตามอ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่

มีความเซียน คังดงวอน เลิฟไทยแลนด์ กิน เที่ยว ช็อป รู้หมด!

ส่อง 10 พระเอกเอลิสต์ (เกาหลีใต้) รายได้มากที่สุด อยากจ้างร่วมงานต้องใช้เงินเท่าไหร่?

All About You ฉลองครบรอบ 6 ปี

All About You ฉลองครบรอบ 6 ปี ปล่อยโปรฯ แคมเปญเพื่อธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

Alternative Textaccount_circle
All About You ฉลองครบรอบ 6 ปี
All About You ฉลองครบรอบ 6 ปี

All About You ฉลองครบรอบ 6 ปี ขอเติบโตอย่างยั่งยืนเคียงข้างคุณด้วยแคมเปญ “Let’s Grow Together” และ “ทิ้งสวยสวย” เพื่อธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

ร้าน All About You ผู้นำร้านคัดสรรผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกและธรรมชาติจากทั่วโลก ฉลองครบรอบ 6 ปี ในเดือนกรกฎาคมนี้ ด้วยแคมเปญและโปรโมชั่นเพื่อแสดงความมุ่งมั่นและสนับสนุนการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อความงามที่ยั่งยืนทั้งต่อตัวเราและโลก

โดยแคมเปญ Let’s Grow Together” เป็นแคมเปญที่จัดขึ้นเพื่อเชิญชวนและส่งเสริมให้ลูกค้ารวมถึงประชาชนทั่วไป มาร่วมปลูกต้นไม้ฟอกอากาศเพื่อได้ใกล้ชิดธรรมชาติ ทั้งยังเป็นการปลูกฝังแนวคิดรักษ์ต้นไม้และธรรมชาติ ตอบแทนธรรมชาติที่คอยดูแลผิวพรรณของเรา ดังเช่นพลังจากพืชพรรณธรรมชาติ ที่เป็นส่วนผสมหลักในผลิตภัณฑ์ความงามของร้าน All About You

ในแคมเปญ “Let’s Grow Together” ทางร้าน All About You ได้จัดโปรโมชั่นดังต่อไปนี้

  • เมื่อซื้อสินค้าใดก็ได้จากร้าน All About You รับฟรีเมล็ดพันธุ์พืชหรือเมล็ดพันธุ์ดอกไม้ / จำนวน 1 สิทธิ์ ต่อ 1 ใบเสร็จการซื้อสินค้า (มีจำนวนจำกัด)
  • เมื่อซื้อสินค้าใดก็ได้ในร้านครบ 2,500 บาทขึ้นไป (ทั้งหน้าร้านและออนไลน์) สามารถเลือกรับของสมนาคุณเป็นผลิตภัณฑ์ภายในร้าน หรือ ต้น ‘มอนสเตร่า’ (Monstera) พร้อมกระถาง มูลค่า 500 บาท 1 ต้น
  • โปรโมชั่นเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 – 31 กรกฎาคม 2563

นอกจากนี้ยังมีแคมเปญ “ทิ้งสวยสวย” : SwithandSwap เพื่อสนับสนุนแนวคิด Eco Beauty ความงามที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม โดยแคมเปญนี้ทาง All About You เล็งเห็นถึงปัญหาขยะที่เกิดขึ้นจากบรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์ความงาม ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตลอดในแต่ละปี ข้อมูลจากองค์กร Zero Waste รายงานว่าในแต่ละปีอุตสาหกรรมความงามสร้างขยะจากบรรจุภัณฑ์ต่างๆ ออกมามากกว่า 1.2 แสนล้านชิ้นต่อปี

All About You ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของการลดปัญหาขยะจากบรรจุภัณฑ์ดังกล่าวมานี้ จึงคำนึงถึงการเลือกสรรบรรจุภัณฑ์ที่สามารถนำกลับมารีไซเคิลได้ รวมถึงการคัดแยกขยะอย่างถูกวิธี เพื่อช่วยลดการทำลายสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยร้าน All About You ขอเป็นสื่อกลางในการรับขยะจากบรรจุภัณฑ์ความงาม เพื่อนำไปแยกขยะและกำจัดอย่างถูกวิธี แทนทุกท่านต่อไป รายละเอียดแคมเปญ

  • สามารถนำบรรจุภัณฑ์ผลิตภัณฑ์ความงามที่ใช้หมดแล้ว ในหมวดผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้า ผิวกาย ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม และ เครื่องสำอาง จากแบรนด์ใดก็ได้ (ไม่จำเป็นต้องเป็นแบรนด์ที่มีจำหน่ายในร้าน All About You) มาทิ้งสวยสวย ได้ที่ร้าน All About You ทุกสาขา เพื่อแลกรับส่วนลด 20 บาท ต่อ 1 ชิ้น (ยกเว้นบรรจุภัณฑ์เปล่าขนาดทดลอง หรือ ขนาดพกพา)
  • โดยส่วนลด 20 บาทนี้ สามารถนำมาแลกเป็นส่วนลดในร้าน All About You ได้ต่อการซื้อสินค้า 1 ชิ้น (ไม่จำกัดจำนวนสิทธิ์)
  • สามารถใช้ส่วนลดนี้ได้กับสินค้าที่มีจำหน่ายในร้าน All About You ทั้งหมด โดยสินค้าต้องมีมูลค่าก่อนหักส่วนลด ตั้งแต่ 300 บาทขึ้นไป (ไม่จำกัดจำนวนสิทธิ์)
  • ไม่เข้าร่วม สินค้าลด 50% ขึ้นไป, Flash Sale, สินค้าซื้อ 1 แถม 1, Clearance Sale และคูปองส่วนลดเดือนเกิด
  • ขอความร่วมมือทำความสะอาดบรรจุภัณฑ์เปล่าให้สะอาดก่อนนำมาแลก
  • แคมเปญเริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยไม่มีกำหนดสิ้นสุด

ปัจจุบันร้าน All About you มีหน้าร้านจำนวน 29 สาขา รวมถึงช่องทางออนไลน์ สามารถติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Facebook All About You Organics และ website http://allaboutyou.co.th

 

 

 

ออกกำลังกาย

5 ท่าเวิร์คเอ๊าท์สุดชิล ลดปวดไหล่-หลัง หนุ่มสาวออฟฟิศนั่งทำงานติดโต๊ะ ก็ทำได้!

Alternative Textaccount_circle
ออกกำลังกาย
ออกกำลังกาย

นั่งทำงานนานๆ ทีไร ทำไมปวดหลัง ปวดไหล่ทุกที แต่รู้ไหมว่าระหว่างที่นั่งทำงานอยู่นั้น เราสามารถเปลี่ยนอิริยาบถหรือท่าทางต่างๆ เพื่อ ออกกำลังกาย ไปพร้อมกันได้

เพราะโดยเฉลี่ยแล้ว คนส่วนใหญ่มักจะนั่งทำงาน 7-8 ชั่วโมงในหนึ่งวันหรือบางคนอาจมากกว่านั้น ซึ่งการนั่งนานๆ โดยไม่เปลี่ยนอิริยาบถบ่อยๆ หรือขยับเขยื้อนร่างกายไปทำกิจกรรมอื่นบ้าง อาจทำให้เกิดอาการออฟฟิศซินโดรม รวมถึงส่งผลเสียต่อสุขภาพและบุคลิกภาพในระยะยาวได้ เช่น อาการปวดหลัง ปวดไหล่ ไหล่ห่อ หลังค่อม ฯลฯ

แพรวดอทคอม จึงมีข้อมูลและคำแนะนำดีๆ จาก เทรนเนอร์ ฟิตเนส เฟิรส์ท ประเทศไทย ในเรื่องของการนั่งติดโต๊ะนานๆ ไม่ว่าจะเป็นการนั่งทำงาน นั่งดูทีวี หรือเล่นโทรศัพท์ อาจทำให้กล้ามเนื้อบริเวณหน้าอกและบ่า ต้องรับภาระหนัก จึงต้องกระตุ้นให้มีการยืดเหยียดบ้าง ส่วนกล้ามเนื้อหน้าท้อง ก้น และต้นขาด้านหลัง มักจะอ่อนแรงเพราะไม่ค่อยได้ขยับตัว จึงต้องเสริมให้แข็งแรงขึ้น ด้วย 5 ท่าเวิร์คเอ๊าท์ชิลๆ ที่จะช่วยทำให้กล้ามเนื้อได้ผ่อนคลาย ช่วยให้นั่งทำงานสบายขึ้น รวมถึงปรับบุคลิกภาพให้ดูดีโดยใช้เก้าอี้นั่งทำงานนี่แหละเป็นตัวช่วย เลยจะพามาส่อง 5 ท่า ออกกำลังกาย แบบชิลๆ  ที่หนุ่มสาวนั่งทำงานติดโต๊ะ สามารถทำได้ง่ายๆ เลยทีเดียว

ท่าแรก ยืดกล้ามเนื้อหน้าอก

เริ่มท่าแรกแบบเบาๆ ด้วยการนั่งบนเก้าอี้ แล้วใช้มือสองข้างประสานกันไว้ที่ด้านหลัง จากนั้นค่อยๆ ยืดหน้าอกขึ้นให้ตึง พร้อมกับหายใจเข้า-ออกอย่างต่อเนื่อง โดยไม่กลั้นหายใจ ควรทำท่านี้อย่างน้อย 2 เซ็ตๆ ละ 20-30 วินาที

ออกกำลังกาย ออกกำลังกาย ออกกำลังกาย

ท่าที่สอง ยืดกล้ามเนื้อบริเวณคอ และบ่า

นั่งบนเก้าอี้โดยใช้มือข้างใดข้างหนึ่งแตะไปที่บริเวณด้านหลังศีรษะ แล้วค่อยๆ กดศีรษะลงด้านเดียวกับมือข้างที่กด จากนั้นให้นำมืออีกข้างหนึ่งไพล่หลังเพื่อล็อกไว้ โดยให้สายตามองที่พื้น ทำท่านี้ค้างไว้ประมาณ 20 วินาที จะรู้สึกตึงบริเวณไหล่และคอ จากนั้นทำสลับอีกข้างนับเป็น 1 เซ็ต ทำสัก 2-3 เซ็ต จะช่วยให้ร่างกายช่วงบนทั้งหมดผ่อนคลายและรู้สึกสบายขึ้น

ออกกำลังกาย ออกกำลังกาย ออกกำลังกาย

ท่าที่สาม “กระตุ้นกล้ามเนื้อบริเวณหลังส่วนบน”

จัดท่านั่งบนเก้าอี้โดยให้หลังตั้งตรง จากนั้นเหยียดแขนและมือทั้งสองข้างไปด้านหน้า แล้วค่อยๆ ดึงข้อศอกไปด้านหลัง ในระหว่างการดึงต้องพยายามบีบสะบักหรือหลังเข้าหากัน และโฟกัสไปที่กล้ามเนื้อให้ตึงหรือเกร็งไว้ อย่าปล่อยหัวไหล่ลง ทำสัก 15-20 ครั้ง ท่านี้นอกจากจะยืดกล้ามเนื้อช่วงกลางลำตัวแล้วยังช่วยปรับบุคลิกภาพให้ดีขึ้นด้วย

ออกกำลังกาย ออกกำลังกาย ออกกำลังกาย

 

ท่าที่สี่ “บริหารแกนกลางลำตัว”

ท่านี้เป็นการบริหารหน้าท้องที่อ่อนแรงด้วยท่าแพลงก์บนเก้าอี้ เริ่มจากวางแขนทั้งสองข้างไว้บนเก้าอี้ และยืดขา มาด้านหลัง โดยให้ลำตัวและสะโพกอยู่ในแนวเดียวกัน จากนั้นเกร็งสะโพกและหน้าท้องเอาไว้ และที่สำคัญคือ ต้องไม่หย่อนสะโพกลงหรือยกสะโพกสูงเกินไป แต่พยายามให้แกนกลางลำตัวและสะโพกอยู่ในแนวเดียวกัน หายใจเข้า-ออกต่อเนื่อง ทำค้างไว้ประมาณ 20-30 วินาที จะช่วยให้หน้าท้องและสะโพกแข็งแรงขึ้น

ออกกำลังกาย

ท่าที่ห้า “บริหารกล้ามเนื้อ ก้น สะโพก และต้นขา”

ท่าชิลๆ ท่าสุดท้ายเป็นการเวิร์คเอาท์ด้วยท่าซูโม่ สควอช เพื่อบริหารกล้ามเนื้อ ก้น สะโพก และกล้ามเนื้อต้นขา ให้แข็งแรงขึ้น เริ่มด้วยท่านั่งหลังตรงบนเก้าอี้ งอแขนทั้งสองข้างขึ้น เปิดปลายเท้าออกด้านนอก แล้วค่อยๆ ลุกขึ้นยืนพร้อมกับเกร็งช่วงสะโพกไปพร้อมๆ กัน จากนั้นนั่งลงช้าๆ บนเก้าอี้ตามเดิม ระหว่างที่กำลังลุกขึ้นยืนและนั่งท่านี้ ต้องอย่าให้เข่าชิดกัน ทำท่านี้ติดต่อกัน 15-20 ครั้งต่อเซ็ต จำนวน 2-3 เซ็ต

ออกกำลังกาย ออกกำลังกาย ออกกำลังกาย

ย้ำกันสักนิดว่า 5 ท่าเวิร์คเอ๊าท์สุดชิลนี้ สามารถทำได้ง่ายๆ ใช้เวลาไม่นาน และไม่ต้องใช้อุปกรณ์มากมาย นอกจากเก้าอี้ตัวเดียวก็ออกกำลังกายได้แล้ว แต่ที่สำคัญ คือ ต้องเลือกเก้าอี้แบบที่ไม่มีล้อเลื่อน เพื่อป้องกันอันตรายจากการเลื่อนไหลของเก้าอี้ด้วย นอกจากนี้อย่ามัวแต่เวิร์คอย่างเดียว แต่ต้องให้เวลากับการเวิร์คเอ๊าท์อย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะ Work ที่ไหนก็ยังสุขภาพดี


ภาพ Cover : Pexels

 

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

อยู่แต่บ้านก็ต้องฟิต “ณเดชน์” ชวนคุยเรื่องออกกำลังกาย พร้อมแชร์ทริคให้ลองทำดู

4 เทคนิค ออกกำลังกาย สไตล์ ตั๊ก – บงกช แบบสูตรกระชับเข้าใจง่าย ทำได้แน่นอน

ออกกำลังกายก็คืองาน “จั๊กจั่น อคัมย์สิริ” เผยทริครักษาทรวดทรงให้คงเซ็กซี่

 

 

 

รายงานดัชนีความพร้อมรับมือโรคมะเร็งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เผยไทยมีศักยภาพและความพร้อมด้านการวางแผนรับมือโรคมะเร็ง

ประเทศไทย, 9 กรกฎาคม 2563 – รายงานเรื่อง ความพร้อมเพื่อรับมือกับโรคมะเร็ง ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก: การขับเคลื่อนสู่มาตรการควบคุมโรคมะเร็งฉบับสากล หรือ Cancer preparedness in Asia Pacific: Progress towards universal cancer control จัดทำโดย The Economist Intelligence Unit และได้รับการสนับสนุนโดยบริษัท โรช จำกัด ได้เผยผลวิเคราะห์ความพร้อมในด้านต่าง ๆ ของ 10 ประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ในการรับมือกับความท้าทายเพื่อดูแลประชาชนและรักษาผู้ที่ป่วยด้วยโรคมะเร็ง ซึ่งจะนำไปสู่การผลักดันให้มีมาตรการรองรับและควบคุมฉบับสากล

รายงานเรื่อง ความพร้อมเพื่อรับมือกับโรคมะเร็ง ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก: การขับเคลื่อนสู่มาตรการควบคุมโรคมะเร็งฉบับสากล ได้วิเคราะห์ความพร้อมของ 10 ประเทศในเอเชียแปซิฟิก คือ ประเทศไทย ออสเตรเลีย จีน อินเดีย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ และเวียดนาม โดยเป็นการสำรวจ เก็บตัวอย่างและวิเคราะห์ผลโดยผู้เชี่ยวชาญด้านโรคมะเร็งและระบบสาธารณสุขจากระดับภูมิภาค ซึ่งเจาะประเด็นในสามด้านสำคัญ คือ นโยบายและการวางแผน การให้บริการและรักษา และระบบสุขภาพและการสนับสนุนจากรัฐบาล โดยผลการสำรวจเผยว่า ประเทศออสเตรเลียได้คะแนนรวมสูงสุด ในขณะที่ประเทศไทยอยู่ในลำดับที่ 6 จากทั้งหมดสิบอันดับ

ผลสำรวจยังระบุลำดับคะแนนที่น่าสนใจจากกลุ่มประเทศที่มีรายได้ปานกลางค่อนข้างสูง (upper-middle income) อย่างประเทศไทยและมาเลเซีย ที่ได้คะแนนด้านมาตรการในวางแผนรับมือกับโรคมะเร็งได้ดีมากจนอยู่ในอันดับต้น ๆ ของดัชนี อย่างไรก็ตาม การดำเนินงานตามแผนการที่วางไว้อย่างมีประสิทธิภาพยังเป็นปัญหาสำคัญที่หลายประเทศต้องหาทางรับมือ

ดร. ศุลีพร แสงกระจ่าง รองผู้อำนวยการด้านพัฒนาระบบสุขภาพ สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า “ประเทศไทยได้คะแนนสูงอยู่ในอันดับสี่ ของการเป็นประเทศที่มีนโยบายและแผนการเตรียมพร้อมรับมือกับโรคมะเร็งดีที่สุด เมื่อมองลึกลงไปถึงที่มาของคะแนน ไทยยังได้รับคะแนนสูงที่สุดจากการเป็นประเทศที่สามารถดำเนินการตามหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นอันดับหนึ่งร่วมกับประเทศออสเตรเลีย เกาหลีใต้และญี่ปุ่น”

ปัจจุบัน โรคมะเร็ง ยังคงเป็นสาเหตุหลักที่คร่าชีวิตของผู้คนจำนวนมากในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยมีการคาดการณ์ว่า ภายในปี 2573 ภูมิภาคนี้จะมีผู้ป่วยโรคมะเร็งเพิ่มขึ้นถึง 35 เปอร์เซ็นต์ และมีจำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคนี้เพิ่มขึ้น 40 เปอร์เซ็นต์ ถึงแม้ว่าจะมีนโยบายการรับมือและสถาบันวิจัยโรคมะเร็งเกิดขึ้นมากมาย แต่อัตราการเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นและการตรวจพบโรคมะเร็งเมื่อโรคมีการลุกลามไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกายแล้ว ยังเป็นปัญหาสำคัญของเกือบทุกประเทศในภูมิภาค โดยสามอันดับแรกของโรคมะเร็งที่พบผู้เสียชีวิตมากที่สุดในประเทศไทย เมื่อปี 2561 คือ มะเร็งปอด ตามมาด้วย มะเร็งตับ และมะเร็งเต้านม

ดร. ศุลีพร แสงกระจ่าง รองผู้อำนวยการด้านพัฒนาระบบสุขภาพ สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข

ผลสำรวจของประเทศไทย ประจำปี 63

• ด้านนโยบายและการวางแผน

ประเทศไทยมีแผนการป้องกันและควบคุมโรคมะเร็งแห่งชาติที่เข้มแข็ง ทั้งยังเป็นประเทศที่อยู่อันดับหนึ่งด้านงานวิจัยเรื่องโรคมะเร็งจากการที่มีสถาบันมะเร็งแห่งชาติ มีการสร้างความตระหนักรู้เรื่องการดูแลรักษาสุขภาพและลดการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในหลายพื้นที่ให้แก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังมีขั้นตอนการติดตามและประเมินผลของการวางแผนที่มีประสิทธิภาพ 

สิ่งที่ประเทศไทยควรให้ความสำคัญมากขึ้นเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด คือ การสนับสนุนให้เกิดความร่วมมือกันระหว่างหลายภาคส่วนที่เกี่ยวข้องโดยเน้นผู้ป่วยเป็นศูนย์กลางและการจัดสรรงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ รวมไปถึงการสร้างทะเบียนมะเร็งระดับประชากร ซึ่งครอบคลุมสถิติที่เกิดขึ้นในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อเป็นแหล่งข้อมูลสำหรับการวางแผนการคัดกรองและรักษาในระยะยาวต่อไป

 

• ด้านการให้บริการและการรักษา

“ประเทศไทยมียารักษาโรคมะเร็งส่วนมากถูกบรรจุเข้าไปในระบบ ทำให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงยาและเบิกค่ายาตามสิทธิที่พึงมีได้ผ่านระบบสาธารณสุข” ดร. ศุลีพร กล่าวเสริม 

อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยจำเป็นต้องพัฒนาการรักษาให้มีผู้ป่วยเป็นศูนย์กลางมากขึ้น โดยปัจจุบันประเทศไทยมีคะแนนด้านนี้อยู่ในลำดับที่ 10 ร่วมกับ อินเดีย อินโดนีเซีย และเวียดนาม โดยเน้นด้านการทำนโยบายที่ครอบคลุมถึงการติดตามผลระยะยาว การพักฟื้น และการทำให้ผู้ป่วยสามารถกลับไปใช้ชีวิตและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่ไปกับการยกระดับประสิทธิภาพให้แก่เครื่องมือทางรังสีวิทยา และเพิ่มจำนวนรังสีแพทย์ด้านมะเร็งวิทยา และบุคลากรสุขภาพด้านอื่น ๆ

นอกจากนี้ ประเทศไทยยังไม่มีมาตรการเพิ่มเติมสำหรับการตรวจคัดกรองแต่เนิ่น ๆ ทำให้บางครั้งผู้ป่วยพบว่าตนเองเป็นโรคมะเร็งเมื่อโรคลุกลามไปมากแล้ว ซึ่งในรายงานได้แนะนำว่า ประเทศไทยควรมีการให้บริการตรวจคัดกรองมะเร็งเบื้องต้น เช่น การตรวจแมมโมแกรม และการตรวจหาเม็ดเลือดแดงในอุจจาระ ตั้งแต่ในระดับสถานีอนามัย และสร้างความตระหนักด้านการคัดกรองและวิธีการรักษาให้ประชาชนในทั่วทุกพื้นที่เห็นความสำคัญของเรื่องนี้มากยิ่งขึ้น

• ด้านระบบสุขภาพและการสนับสนุนจากรัฐบาล

 

 

 

หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าของประเทศไทยได้รับคำชม และเป็นแบบอย่างให้นานาประเทศในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ในแง่ของการลดค่าใช้จ่ายเพื่อสุขภาพ ลดอัตราการเสียชีวิตในเด็ก ทั้งยังเพิ่มขั้นตอนการรักษาด้วยยาต้านไวรัสและการบำบัดทดแทนไต ทั้งยังลดอุปสรรคในการทำงานเนื่องจากอาการเจ็บป่วย

ถึงแม้ว่าประเทศไทยจะอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีรายได้ปานกลางค่อนข้างสูง แต่กลับมีมาตรการการดูแลประชาชนได้อย่างทั่วถึง แม้มีทรัพยากรจำกัด และมีคุณภาพเทียบเท่ากับประเทศในกลุ่มที่มีรายได้สูง 

นายฟาริด บิดโกลิ ผู้จัดการทั่วไปบริษัท โรช ไทยแลนด์ พม่า กัมพูชา และลาว กล่าวว่า “สิ่งที่เราควรให้ความสำคัญเพื่อให้ประเทศไทยมีความพร้อมมากยิ่งขึ้นในการรับมือโรคมะเร็ง คือ การสร้างระบบทะเบียนมะเร็งระดับประชากร การกำหนดงบประมาณและค่าใช้จ่ายเพื่อพัฒนาระบบสาธารณสุข เพื่อลดช่องว่างให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการรักษาที่มีประสิทธิภาพ และคำนึงถึงความต้องการของผู้ป่วยเป็นสำคัญ โดยปัญหาที่ได้ถูกพูดถึงในรายงานนี้ จำเป็นต้องอาศัยการร่วมมือกันของทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสถานการณ์ที่ไม่ปกติเช่นนี้ ที่ส่งผลให้งบประมาณด้านสาธารณสุขและการบริการด้านการแพทย์มีค่อนข้างจำกัด” 

“โรชมีความตั้งใจที่จะร่วมมือกับรัฐบาลไทย และหน่วยงานด้านสาธารณสุข ในการมุ่งพัฒนานโยบาย รวมไปถึงโครงการทางการแพทย์ เพื่อให้ผู้ป่วยโรคมะเร็งสามารถเข้าถึงการรักษาที่มีคุณภาพและได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดอย่างยั่งยืน” นายฟาริด กล่าวปิดท้าย

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายงาน ความพร้อมเพื่อรับมือกับโรคมะเร็ง ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก: การขับเคลื่อนสู่มาตรการควบคุมโรคมะเร็งฉบับสากล ได้ที่ https://worldcancerinitiative.economist.com/cancer-preparedness-asia-pacific    

ทำไมต้องเป็น Asava ‘แก้ว จริญญา’ เลือกชุดแต่งงานของเจ้าพ่อดีไซเนอร์

เผยเหตุผลที่อาจทำให้ ‘แก้ว จริญญา’ เลือกชุดเจ้าสาวจากแบรนด์ White Asava ผลงานไทยดีไซเนอร์ ‘หมู อาซาว่า’ ผู้อยู่เบื้องหลังชุดแต่งงานของเหล่าคนดังมากมาย

หลังจาก ‘แก้ว จริญญา’ ถูกแฟนหนุ่ม ‘โทนี่ รากแก่น’ ขอแต่งงานไปเมื่อ 14 มิถุนายน 2563 ที่ผ่านมา ล่าสุดก็มีภาพว่าที่เจ้าสาวเข้าไปฟิตติ้งชุดแต่งงานแล้ว ซึ่งชุดที่สาวแก้วเลือกมาจากแบรนด์ไทยชื่อดังอย่าง White Asava นั่นเอง สำหรับ White Asava ถือเป็นแบรนด์ที่คนดังมากมายไว้วางใจ เพราะในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา ชุดของ White Asava ต้องเป็นหนึ่งในชุดแต่งงานที่คนดังเลือก ทั้งโยเกิร์ต ณัฐฐชาช์ , มิว นิษฐา , ซาร่า เล็กจ์ และอีกมากมาย

ด้วยความสวยคลาสสิกและชื่อเสียงที่สั่งสมมา ทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักในวงกว้างในเวลาไม่นาน เหล่าว่าที่เจ้าสาวหลายๆ คน จึงเล็งชุดแต่งงานจาก White Asava เป็นอันดับต้นๆ ซึ่งสาวแก้วเองก็คงไม่ต่าง ที่สำคัญการเลือกชุดแต่งงานในครั้งนี้ อาจได้รับคำแนะนำมาจากหวานใจของเธอ เพราะอย่าลืมว่าทั้งหนุ่มโทนี่และหมู อาซาว่า เคยร่วมงานกันมาก่อนในรายการ The Face Men Thailand Season 2 ในฐานะเมนเทอร์ที่ต้องคอยแข่งขันกัน แต่ในชีวิตจริงทั้งคู่เป็นพี่น้องที่ดีต่อกัน นี่จึงทำให้ White Asava เข้ามาเป็นตัวเลือกสำหรับสาวแก้ว

ทั้งนี้สไตล์และดีไซน์ของแบรนด์ที่ดูเรียบโก้ สวยเท่ หรูหราและทันสมัย ช่างเข้ากับบุคลิกของสาวแก้วเป็นที่สุด เพราะสำหรับชุดเจ้าสาวของ White Asava ต้องบอกเลยว่าทำมาเพื่อตอบโจทย์ผู้หญิงทุกสไตล์ที่กำลังจะเป็นเจ้าสาว เพราะเจ้าสาวอาจต้องการเพียงแค่ชุดสีขาวที่สามารถเติมเต็มความฝันของเธอ

เจ้าสาวบางคน อาจต้องการชุดขาวที่โก้หรู เรียบง่าย บางคนอาจต้องการชุดสีขาวอินเทรนด์สุดโมเดิร์น หรือบางคนอยากได้ชุดขาวราวกับเจ้าหญิงในเทพนิยาย ทางแบรนด์จึงตอบสนองต่อความฝันในวันแต่งงานของผู้หญิงที่เชื่อในความงามที่ไม่ต้องเอะอะ โฉ่งฉ่าง แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ฉาบฉวย

ลวดลายของผ้าลูกไม้ชุดนี้ เหมือนกับชุดที่สาวแก้วฟิตติ้ง
เดรสยาวคอลึกที่ถูกคลุมด้วยผ้าลูกไม้ มีความคล้ายกับเดรสที่สาวแก้วลองเหมือนกัน

หากวิเคราะห์จากสไตล์ของชุด White Asava แล้ว ก็ถือว่าเป็นแบรนด์ที่เข้ากับสาวแก้วได้ดีเลยทีเดียว เพราะความหลากสไตล์ ทำให้เจ้าสาวสามารถครีเอตลุคในแบบที่ตัวเองมั่นใจและต้องการจะใส่ในวันสำคัญได้ เรามารอลุ้นไปพร้อมๆ กันว่าในวันแต่งงาน สาวแก้วจะเลือกชุดเจ้าสาวชุดไหนจาก White Asava จะใช่ชุดที่เธอฟิตติ้งหรือเปล่า แต่เชื่อว่านี่คงเป็นหนึ่งในชุดแต่งงานที่เธอเลือก ต่อไปคงมีชุดจากแบรนด์อื่นๆ ตามมาอีกแน่นอน


ภาพ : IG@polpatasava , @whiteasava , @kaewjarin

เรื่อง : ฮานะ_แพรวนิสต้า

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ตัวจริงไม่พูดเยอะ! เปิดคลังกระเป๋า Givenchy ของ ‘เจนี่’ สวยฮ็อตทุกรุ่น

ซูมชุดแบรนด์โปรด! ‘ดัชเชสเคท’ สอยเดรสตัวใหม่ ลายคล้ายผ้าไหมไทย

ต้นไม้แพงแต่ราคาชุดยังเบา ส่องลุค ‘ญาญ่า’ โพสต์ท่าสวยชิลริมทะเล

 

keyboard_arrow_up