โลกเป็นสีชมพู เจสซี่ เดอะเฟซไทยแลนด์ ซีซั่น  2 ออกมายอมรับคุยกับ เจ้าขุน ลูกชาย “เจ-เจตริน วรรธนะสิน” ได้ประมาณ 1 ปีกว่าแล้ว แต่อยู่ในสายตาผู้ใหญ่ตลอด

เมื่อเร็วๆ นี้หลายคนมีความสงสัยในความสัมพันธ์ระหว่าง สาวฮ็อตอย่าง เจสซี่ เดอะเฟซไทยแลนด์ ซีซั่น 2 กับ เจ้าขุน -จักรภัทร วรรธนะสิน ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของ “เจ-เจตริน” และ “ปิ่น-เก็จมณี” เพราะมีภาพที่ทั้งคู่ไปเที่ยวด้วยกัน ไม่เพียงเท่านั้น ข้อความบนโพสต์ของทั้งคู่หลายครั้งยังทำให้เกิดความคลางแคลงใจ ว่าทั้งคู่กำลังคบหาดูใจกันอยู่หรือเปล่า?

แต่ว่าล่าสุดในงาน “พีพีทีวี เปิดโผ 10 ละครใหม่ และรายการบันเทิงปี 62 ภายใต้ชื่องาน “PPTV WORLD CLASS TV & MORE” สาวเจสซี่ไดออกมาเคลียร์ข่าวให้หลายคนได้หายสงสัย ซึ่งงานนี้บอกเลยว่าทำเอาทีมสะใภ้มโนอกหักกันเป็นแถว เมื่อเธอประกาศชัดว่ากำลังคุยกำลังคุยกันหนุ่มน้อยคนนี้อยู่จริง เป็นระยะเวลาประมาณปีกว่าๆ แล้ว ซึ่งผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายต่างก็รับรู้ด้วย

เจสซี่กล่าวว่า “เชื่อว่าหลายๆ คนรู้แล้ว ส่วนตัวก็ไม่ได้ปิดบังอะไรเลย แต่ก็ไม่จำเป็นต้องเปิดอะไร เจสซี่ไม่ได้รู้สึกว่าต้องแถลงข่าวหรืออะไร ก็อยากให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์มากกว่า เพราะเราก็ไม่ได้เคลียร์ว่าเป็นเพื่อนหรือเป็นอะไร สำหรับตัวเราอะไรที่เป็นอยู่ตอนนี้คือแฮ็ปปี้ค่ะ ทางผู้ใหญ่และเพื่อนก็รู้ คือรู้ตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมาสักพักแล้วไม่ได้มีอะไรที่ปิดบังขนาดนั้น”

เมื่อถูกถามถึงครอบครัวว่าอย่างไรบ้าง สาวเจสซี่บอกว่า “ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายก็รู้ค่ะ เพราะว่าเราก็ไม่ได้โตอะไรมากมาย แล้วเขาก็ยังเด็กด้วย ไปเที่ยวกับครอบครัวเขา ก็เรื่อยๆ ค่ะ ไปไหนถ้าว่างตรงกันก็ได้ คือเราก็ทำงาน แล้วก็กำลังจะเริ่มเรียนด้วย แล้วเขาก็อยู่ต่างประเทศ มันก็ไม่ได้จะมาเจอกันทุกวัน อยู่ด้วยกันได้ทุกวัน หรือจริงจังอะไรขนาดนั้น แค่ว่าก็เป็นคนเดียวที่คุยอยู่และแฮ็ปปี้ค่ะ”

เจสซี่ได้ตอบคำถามเรื่องที่ว่า กังวลเรื่องความเจ้าชู้ไหม? โดยบอกว่า “เขาดูเหมือนเจ้าชู้ เราเชื่อว่าลุค คือเราก็มีลุคของเรา เขาก็จะลุคของเขา คือเราก็รู้กัน แต่ถ้ารู้จักกัน มันก็ไม่เหมือนอย่างนั้นเลยจริงๆ ค่ะ ไม่เกี่ยวเลยนะคะว่าคนจะมองเราหรือว่าเขาเป็นลุคยังไง จริงๆ เราก็รู้จักกันมาสักพักแล้ว รู้จักนิสัยกัน ครอบครัวจะเป็นยังไงทั้งสองฝ่าย ไม่ได้กังวลว่าเขามีลุคอย่างงี้ หรือเรามีลุคอย่างงี้จะพูดไม่ได้ อยากให้ไปเรื่อยๆ ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์จริงๆ”

สำหรับเรื่องอายุที่ห่างกันเป็นอุปสรรคหรือเปล่า? เจสซี่บอกว่า “คือ…ไม่ได้เป็นอะไรมากมายนะคะ เพราะว่าผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายคือรู้ ทุกอย่างที่ทำคืออยู่ในสายตาอยู่แล้ว ไม่ได้อยู่ด้วยกัน หรือไปไหนด้วยกันโดยที่ไม่มีพ่อแม่ของแต่ละฝ่ายค่ะ ”

ดูเหมือนว่าที่ผ่านมาถึงทั้งคู่จะไปไหนมาไหนด้วยกัน แต่กลับไม่เคยโพสต์ภาพคู่เลย ต่อไปนี้จะมีโอกาสมากขึ้นหรือเปล่า? เกี่ยวกับเรื่องนี้เจสซี่บอกว่าไม่ลงรูปคู่แน่นอน “ไม่ลงรูปคู่ คือเอาตรงๆ เลย ยังคิดว่ามันยังไม่เจอเวลาที่เหมาะสม ยังไม่มีอะไรที่สำคัญที่จะต้องลงรูป หรือต้องประกาศ เพราะทุกอย่างที่ทำก็ไม่ได้ปิดอยู่แล้ว ก็จะมีรูปบ้างว่าไปโน้นไปนี่ ไม่ได้แอบ แต่ก็ยังไม่ถึงเวลาสำหรับเราหรือสำหรับเขาที่จะมาลงรูปเปิดเลย ส่วนกระแสแอนตี้ ถ้าลงรูปคู่เรื่องนี้เจสซี่มองว่าเหมือนเปิดหูเปิดตารับอยู่แล้ว ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่ว่าก็ไม่กลัวข่าวขนาดที่แบบจะต้องห้ามอะไรเลย แต่ว่าก็เตรียมพร้อมค่ะ”

แปลกแต่จริง! Martina Big นางแบบสาวชาวเยอรมัน ลงทุนเปลี่ยนสีผิวเป็นผิวดำ นอกเหนือจากความชอบแล้ว มาติน่าและสามี ไมเคิล ยังได้เผยอีกว่าทั้งคู่ได้รับการยืนยันจากแพทย์ที่ทำการเปลี่ยนสีให้ว่า ลูกของพวกเขาในอนาคตอาจจะเกิดมาเป็นเด็กผิวดำ

งงกันไปทั้งบางเลยจ้า สำหรับกรณีนี้เมื่อนางแบบสาวเยอรมัน Martina Big และสามี Michael Eurwen ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ในรายการ This Morning ของประเทศอังกฤษว่า เธอและสามีนั้นได้ทำการเปลี่ยนสีผิวจากผิวขาวเป็นผิวดำ โดยการฟอกสีผิวเพื่อให้เป็นสีแทน และฉีดสาร Melanotan เข้าไปในร่างกายเพื่อกระตุ้นการเกิดเมลานิน ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้นั้นจะทำให้สีผิวมีสีที่เข้มขึ้น

โดยก่อนหน้านี้ มาติน่า ยังได้ไปศัลยกรรมเสริมหน้าอกขนาด 32s รวมถึงเธอยังชี้แจงอีกด้วยว่าการเปลี่ยนสีผิวของเธอ นั้นมีเอกสารที่ถูกต้อง ซึ่งก่อนหน้านี้นางแบบสาววัย 30ปี มีลักษณะผิวที่ค่อนข้างขาว รวมถึงยังมีผมสีบลอนด์ และเธอยังอ้างอีกว่ากระบวนการเปลี่ยนสีผิวโดยการฉีดสารเข้าร่างกายทำสำเร็จภายในสามครั้งเท่านั้น

ซึ่งในระหว่างการสัมภาษณ์นั้น พิธีกรรายการ This Morning ได้ถามเธอว่า “แพทย์ได้บอกว่าลูกของคุณจะเกิดมาเป็นเด็กผิวดำ ” ซึ่งเธอก็ได้ตอบคำถามนี้ว่า “ใช่ พวกเขาจะเกิดมาเป็นเด็กผิวดำ ซึ่งฉันยังได้ถามเกี่ยวกับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ว่ามันจะปลอดภัยไหมถ้าฉันจะมีลูก”

จากนั้นพิธีกรยังได้ถามต่ออีกว่า “หากเด็กที่เกิดมาไม่ได้เป็นเด็กผิวดำ เพราะ ฉันกำลังจะพยายามเข้าใจในความน่าจะเป็นไปได้ของพันธุกรรมของคุณ ซึ่งถ้าหากลูกของพวกคุณเป็นเด็กผิวขาว คุณจะยังอยากใกล้ชิดกับพวกเขาหรือไม่?”

ซึ่งมาติน่าก็ได้ให้คำตอบนี้ว่า “แน่นอน เขาเป็นลูกของฉันที่เกิดกับไมเคิล แต่ถึงอย่างไรฉันก็ค่อนข้างแน่ใจว่าเด็กที่เกิดมาจะเป็นเด็กผิวดำ แต่ถ้าหากเป็นผิวสีนมช็อกโกแลต หรือ จะสว่างนิดๆ หน่อยๆ ก็ช่างมันเถอะ”

ซึ่งทันทีที่รายการนี้เผยแพร่ ในโลกทวิตเตอร์ต่างวิจารณ์ถึงเธอและสามีเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยหลายๆ คนต่างแสดงความคิดเห็นในทำนองเดียวกันว่า มันจะเป็นไปได้อย่างไร เมื่อพันธุกรรมของเธอเป็นคนขาว แค่การศัลยกรรมฉีดสารเพื่อเปลี่ยนสีผิว มันไม่สามารถเปลี่ยน DNA หรือ พันธุกรรมที่แท้จริงได้ ลูกของทั้งคู่ไม่สามารถเกิดมาเป็นเด็กผิวดำได้ หรือจะเป็นคอมเม้นต์ที่ว่า พวกเขาควรเปลี่ยนหมอใหม่ซะ!!

ทั้งนี้เมื่อเดือนตุลาคม 2018 ที่ผ่านมาทั้งคู่ได้เข้าพิธีแต่งงาน และได้ประกาศอย่างชัดเจนว่าว่าพวกเขาเป็นคนผิวดำ ซึ่งมาติน่ายังได้กล่าวความรู้สึกว่า ฉันรู้สึกว่าฉันเป็นคนผิวดำ ซึ่งมันก็ยากที่จะหาคำอธิบายว่าทำไมฉันถึงรู้สึกอย่างนั้น โดยเมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้วเธอยังได้บินไปประเทศเคนย่า เข้าพิธีล้างบาปเพื่อเปลี่ยนเป็นผู้หญิงแอฟริกัน

สำหรับเรื่องนี้เรามองว่าจะโทษความคิดของมาติน่า และ ไมเคิล ฝ่ายเดียวอาจจะไม่ถูกต้อง เพราะทั้งคู่ได้รับการยืนยันจากแพทย์ ซึ่งเป็นอาชีพที่น่าเชื่อถือ หากแพทย์คนนั้นไม่ตอกย้ำความเชื่อแบบนี้ ทั้งคู่อาจจะไม่มีความคิดแบบนี้ก็ได้ แล้วคุณล่ะมีความคิดเห็นกับเรื่องนี้บ้างอย่างไร?

ภาพ และ ข้อมูล : www.dailymail.co.uk