โซเชียลมีเดียเคลื่อนไหว จี้ออกกฎหมายอากาศ คุณพ่อ-คุณแม่คนดังนำทีมติดแฮชแท็ก #ทวงคืนลมหายใจให้ลูกหลาน หลังเมืองกรุงวิกฤตฝุ่นพิษ 2.5 pm

วิกฤตฝุ่นพิษ 2.5 pm ในประเทศไทย นับวันจะทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเห็นได้ชัดจากผลสำรวจล่าสุดของ airvisual.com ที่พบว่ากรุงเทพมหานคร ติดลำดับ 9 ของประเทศที่มีฝุ่นมากที่สุดในโลก นับเป็นสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงเป็นอย่างมาก หากปล่อยไปนานๆ ก็จะกระทบต่อสุขภาพของทุกคนทั่วประเทศด้วย

การที่สูดฝุ่นพิษเป็นเวลานานๆ ตอนนี้ก็เริ่มเห็นผู้คนเจ็บป่วยเป็นจำนวนมากจากสาเหตุนี้ โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กๆ ที่มีความแข็งแรงน้อยกว่าผู้ใหญ่ยิ่งน่าเป็นหวง ล่าสุดบรรดาคุณพ่อ-คุณแม่จึงออกมาเคลื่อนไหว ด้วยโพสต์ภาพสวมหน้ากากาอนามัย พร้อมติดแฮชแท็ก #ทวงคืนลมหายใจให้ลูกหลาน #WeNeedFreshAir #เราต้องการกฎหมายอากาศสะอาด เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลออกกฎหมายควบคุมมลพิษอย่างจริงจัง และรณรงค์ให้ประชาชนและทุกฝ่ายร่วมมือกันแก้ไขปัญหาฝุ่นพิษนี้ให้เบาบางลงโดยเร็ว

“แอน อลิชา” และ “น้องริชา”

“มันมาถึงจุดที่เราต้องออกมาข้างนอกบ้าน แล้วต้องใส่หน้ากากกันมลพิษและฝุ่นละอองที่อันตรายต่อสุขภาพได้ยังไง ขอบคุณริชานะลูกที่ยอมให้ความร่วมมือในการใส่หน้ากาก”

ครอบครัว “บี้”,“กุ๊บกิ๊บ สุมณทิพย์” และ “น้องเป่าเปา”

วันนี้เป็นวันแรกที่เปาไม่ร้องไห้เลยเย้ๆ! 28.01.19 แต่เด๋วนี้สิ่งที่ต้องย้ำกับลูกเสมอคือ ออกไปไหนอย่าลืมใส่หน้ากากนะลูก ทำไมอะ ทำไม เราต้องช่วยกันนะคะขออาศที่ดีคืนมา นี่ยังโชคดีนะที่ตรงโรงเรียนเปายังมีต้นไม้เยอะไม่ค่อยมีรถแออัดไม่งั้นแย่กว่านี้แน่ๆ สงสารเด็กๆอยากให้ได้วิ่งเล่นข้างนอก

“น้องอลิน” และ “น้องอลัน” ลูกสาวและลูกชายของ “โอปอล์-ปาณิสรา อารยะสกุล”

“ใส่ Mask กันนะคะทุกคน ช่วยเหลือดูแลตัวเองกันเท่าที่ทำได้”

“ฮาน่า ทัศนาวลัย” คุณแม่ “น้องฮาร์เปอร์”

“ไอไม่หยุด นอนไม่ได้ #ไอจนอ้วก #ไอไม่ได้นอน #ฝุ่นไม่ใช่เล่นๆๆ #เล่นเอาไอทั้งบ้าน #ร้องเจ็บคอจนกลืนน้ำยังไม่ได้  #ทวงคืนลมหายใจให้ลูกหลาน#WeNeedFreshAir ปล. ก่อนหน้านี้ 4วันที่แล้วไปหาหมอมา ได้ยามาทานแต่ไม่ดีขึ้น แย่ลง เลยต้องมาอีก ที่บ้านมีเครื่องกรอกอากาศคะ แต่ลูกไปโรงเรียน ที่รร ไม่มีนะคะ ลูกใส่ที่ปิดปากไปตอนเช้า แต่ช่วงอยู่ที่รร คงหายใจไม่สะดวก ถอดบ้างใส่บ้าง ชีวิตอยู่ยากละคะ สงสารจับใจ”

 “นานา ไรบีนา” กับ “น้องบีน่า” และ”น้องบรู๊คลิน”

“ก่อนออกจากตึกเราต้องพร้อม เพราะเราไม่มีทางเลือก การได้ไปเล่นข้างนอกของเด็กๆหายไป”

หลังจากเคยมาออกรายการ และถ่ายโฆษณาในเมืองไทยไปแล้ว ล่าสุด อีทงเฮ สมาชิกสุดฮ็อตวงซูเปอร์จูเนียร์ ก็ได้โดดมารับงานแสดงในเมืองไทยเต็มตัวกับผู้กำกับ “เอ๋ – ศุภกร เหรียญสุวรรณ” แห่งค่าย “เลยดูดี สตูดิโอ” ซึ่งเมื่อวันที่ 29 มกราคมที่ผ่านมา ก็ได้มีการจัดงานแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ ขึ้นที่ชั้น 38 โรงแรมอนันตรา กรุงเทพฯ สาทร

โปรเจ็คต์นี้เกี่ยวกับอะไร?

เอ๋ ศุภกร : จริงๆ ก่อนหน้านี้ทางดูดีและเอสเอ็มทรู (ต้นสังกัด ทงเฮ ในประเทศไทย) เราได้มีการพูดคุยกันว่าสามารถพาศิลปินในสังกัดเอสเอ็ม เอสเอ็มเอนเตอร์เทนเมนต์ มาร่วมงานได้ไหม ทางเกาหลีเลยเสนอมาเป็น “ทงเฮ” ก็เลยได้มีการพูดคุยกัน โปรเจ็คต์นี้เกิดขึ้นจากการพูดคุยกับอเมริกาว่าอยากทำโปรเจ็คอันหนึ่งขึ้นมา และมีการพูดคุยว่าอยากให้เอาศิลปินจากเอเชียทุกประเทศมาร่วมอยู่ในซีรี่ส์ ประกอบกับทางอเมริกาสนใจความเชื่อและลึกลับในประเทศไทยอยู่แล้ว ทางนั้นเลยมองว่าเป็นสิ่งที่น่าสนใจ ถ้าเอาศิลปินจากหลายๆ ประเทศมาร่วมผจญภัยในไทย ก็เลยเกิดโปรเจ็คนี้ขึ้นมา มันค่อนข้างใหม่มากในแง่ของที่จะร่วมมือและจับมือกันกับหลายประเทศ

ทำไมถึงตัดสินใจเลือกทงเฮเป็นนักแสดงนำ?

เอ๋ ศุภกร : อย่างแรกเลยคือเขาหล่อมาก ถ้าคิดกันง่ายๆ เวลาเอาศิลปินเกาหลีมา นอกจากนี้ตอนที่ได้พูดคุยกันคุณทงเฮมีสิ่งหนึ่งที่ผมรู้สึกประทับใจ ถ้าคนที่เป็นแฟนคลับเขาและมองไปที่แววตาจะรู้สึกว่าเขามีอะไรบางอย่างที่ซ่อนอยู่ เวลายิ้มเหมือนมีความเศร้าบางอย่างที่ซ่อน ฉะนั้นจะมีเนเจอร์บางอย่างในการเล่น นี่คือเหตุผลหลักเลยนะที่ประทับใจในตัวเขาที่เจอกัน

สำหรับ “ทงเฮ” นับว่าเป็นการลงมาจับงานแสดงเต็มตัวครั้งแรกในประเทศไทยรู้สึกอย่างไรบ้าง?

ทงเฮ : ผมมีความสุขมากๆ คือผมฝันมาตลอดว่าอยากมีโอกาสแสดงในประเทศไทย และเหมือนตอนนี้ฝันเป็นจริง มีความสุขมากขึ้นที่ได้ร่วมงานกับผู้กำกับที่หล่อกว่าตัวผม

มีการเตรียมตัวสำหรับการแสดงอย่างไรบ้าง?

ทงเฮ : ตั้งแต่ผมได้บทมาและอ่านผมรู้สึกอินไปกับบท เพราะบอกได้เลยว่าชอบมาก สนุกมาก พอได้อินไปกับบทรู้สึกว่ามีเสน่ห์ ผมเลยตั้งใจซ้อมครับ ระหว่างที่มีผมมีงานในต่างประเทศ เวลาเดินทางก็จะมีบทไปด้วย และถ้าไม่เข้าใจก็มีอีเมลล์ถามเพื่ออัพเดทและเข้าใจบทมากขึ้น เมื่อวานมีโอกาสได้ซ้อมกับพี่เอ๋ รู้เลยครับว่ามีการตั้งใจเตรียมงานนี้มากๆ

ชอบอะไรในโปรเจ็คต์นี้ถึงได้ตกลงมาร่วมงานด้วย?

ทงเฮ :  สิ่งแรกเลยผมชอบบทมากๆ อ่านแล้วอินมากๆ แต่ที่สำคัญที่สุดคือตอนที่ได้ยินว่าอันนี้จะเป็นผลงานที่ไทยทำในประเทศไทย รู้สึกว่าไม่มีคำว่าความลังเลเลยครับ ผมอยากทำมากๆ และเป็นโอกาสที่ดีเพราะก่อนหน้าทุกคนจะเห็นในฐานะ “ทงเฮ” วง Super Junior ครั้งนี้จะเป็นโอกาสที่ทำให้ทุกคนจะได้เห็นมุมมองใหม่ๆ ของผมในบทบาทนักแสดงครับ

ซีรี่ส์เรื่องนี้ไม่ใช่โปรเจ็คต์ในประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นโปรเจ็คต์คร่วมกับอเมริกาด้วย?

ทงเฮ : ผมเป็นคนที่ไม่เครียดง่าย ครั้งนี้พออ่านบทแล้วรู้สึกกดดันมาก  ถึงขั้นรับประทานอาหารไม่ได้เลยครับ นอนก็ไม่ค่อยหลับ แต่เชื่อว่าจะทำได้ดี เพราะผมเตรียมตัวมาและตั้งใจทำครับ เมื่อวานที่ได้ทานข้าวกับพี่เอ๋ พูดคุยกันสนุกมาก แต่ผมรู้สึกว่า คิดว่าเนี่ยมานั่งทานข้าวเหรอ ต้องกลับไปอ่านบทหรือเปล่า ในสมองผมเต็มไปด้วยบทครับ ผมก็เพิ่งเคยเจอตัวเองที่เป็นแบบนั้น เท่าที่รู้จักตัวเองมา ผมชอบออกกำลังกายแล้วก็กินเยอะด้วย แต่เมื่อวานไม่ใช่ผมเลยครับ ผมพยายามที่จะเป็นหนึ่งเดียวกับบทครับ อยากขอบคุณพี่เอ๋มากๆ ที่สอนผม บอกรายละเอียดและอธิบายทุกอย่าง ทำให้ผมเข้าใจมากขึ้น ผมรู้สึกว่าพี่เอ๋เป็นผู้กำกับที่ดีมากๆ ผมจะได้มีโอกาสเจอผู้กำกับที่ดีแบบอีกหรือเปล่าไม่รู้ครับ ทำให้ผมคิดว่าพี่เอ๋เป็นพระเอกไปเลยดีไหม

ทำงานในวงการมาหลายอย่างมาก ถึงวันนี้อยากให้ผู้คนมองและจดจำ “ทงเฮ” ในแบบไหน?

ทงเฮ : พอได้คำถามแบบนี้ผมก็เขิน แต่ว่าผมขออนุญาตพูดออกมาจากใจจริงของผมเลยตอนนี้ ผมอยากเป็นความฝันของคนใดคนหนึ่ง ความฝันอันนั้นอาจไม่ได้เป็นความฝันที่ยิ่งใหญ่มากๆ แต่ก็ไม่เป็นไร แค่อยากเป็นศิลปินหรือนักแสดงหรืออะไรก็ได้ที่เป็นความฝันของคนหนึ่งได้ พอผมพูดว่าอยากเป็นความฝันของคนใดคนหนึ่ง ผมก็ต้องแบบเป็นโชว์ตัวอย่างที่ดี ผมก็จะไม่หยุดในการเรียนรู้ หรือไปค้นพบในตัวเองในด้านการแสดงบ้างหรือด้านดนตรีหรือเพลง

นอกจากโปรเจ็คต์ละครเรื่องนี้แล้วในปีนี้ “ทงเฮ” จะมีผลงานหรือกิจกรรมอะไรในเมืองไทยอีกบ้าง ทั้งงานเดียวและงานกับ Super Junior?

ทงเฮ : ผมหน้าจะมีผลงานที่สองกับพี่เอ๋หรือเปล่า ( หัวเราะ ) ผมก็จะถ่ายทำผลงานนี้ให้ดีก่อน ถ้าในอนาคตมีโอกาสแบบนี้อีกก็คือต้องขอบคุณแล้วก็รู้สึกดีมากๆ คือสำหรับผมและซูเปอร์จูเนียร์แน่นอนอยู่แล้วที่ผมชอบกลับมาประเทศไทยและรักประเทศไทยมาก แม้ว่าจะเป็นงานอะไรก็ได้ที่มีในประเทศไทย หวังว่าจะได้มีโอกาสกลับมาหาทุกคนเร็วๆ นี้ครับ

สุดท้ายฝากให้แฟนคลับให้ติดตามผลงานชิ้นนี้สักหน่อย?

ทงเฮ : รู้สึกเป็นเกียรติมากๆ ที่เขาได้มีโอกาสนี้การได้มาเมืองไทย การได้มาถ่ายทำในประเทศไทยและได้โอกาสโชว์มุมใหม่ๆ ของผมด้วย ผมรู้สึกขอบคุณมากๆ เลย และขอบคุณพี่ๆทุกคนที่มาสัมภาษณ์ผมในวันนี้ ผมจะตั้งใจถ่ายทำที่เตรียมกันไว้กับพี่เอ๋ จะตั้งใจมากๆ เลย หวังว่าทุกคนจะติดตามและรักผลงานชิ้นนี้ด้วยครับ

เอ๋ ศุภกร : อยากฝากให้คอยติดตามผลงานชิ้นนี้ด้วย ผลงานชิ้นนี้มันจะไม่ใช่แค่ซีรี่ส์ธรรมดาอย่างเดียว คือโอเคมันก็เป็นซีรีส์ะ แต่ความตั้งใจของโปรเจคนี้มันค่อนข้างจะเหมือนเราเอาความฝันของศิลปินแต่ละประเทศแล้วเขาก็มารวมอยู่ในประเทศเรา ถ่ายทำในประเทศเราแล้ว ก็เรื่องราวที่ถ่ายถอดนั้นก็มีความเป็นประเทศของเราที่เป็นฉากหลัง เป็นจิตวิญญาณของเราปะปนในซีรี่ส์เรื่องนี้ โดยที่มีศิลปินต่างๆ แต่ละประเทศมาเป็นส่วนหนึ่ง สิ่งหนึ่งที่ผมทำในขณะที่เราถ่ายทำ แต่ละคนมาเราได้ความเป็นมิตรภาพไม่ว่าจะทางที่เจอหรือ ทงเฮที่เจอกันไม่กี่ครั้งแล้วเราสัมผัสกันได้ว่าเราได้มิตรภาพจากเขากับทุกประเทศที่เข้ามา ฉะนั้นผมเชื่อว่าสิ่งที่หนึ่งที่นอกเหนือจากการแนะนำให้ดูซีรี่ส์ คุณจะได้ความอบอุ่นของความเป็นเอเชียด้วยกันครับ