ก้อย รัชวิน

ก้าวไปด้วยกัน! ตูน & ก้อย รัชวิน กับเส้นทางความรักที่กำลังขยับเข้าสู่เส้นชัย

Alternative Textaccount_circle
ก้อย รัชวิน
ก้อย รัชวิน

ระยะเวลา 9 ปี บนเส้นทางความรัก นับว่าไม่ใช่เรื่องง่ายๆ โดยเฉพาะสำหรับ ตูน บอดี้สแลม & ก้อย รัชวิน คู่รักที่จะเรียกว่าเป็นไอดอลตัวจริงของยุคนี้เลยก็ว่าได้ ซึ่งครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่แรกที่ทั้งคู่มาเปิดใจพร้อมกันถึงเรื่องราวความรัก เมื่อผู้ชายคนหนึ่งมีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ ผู้หญิงข้างกายต้องเป็นยังไง อยากให้ทุกคนไปฟังกันค่ะ

ก้าวไปด้วยกัน! ตูน บอดี้สแลม & ก้อย รัชวิน 9 ปี บนเส้นทางความรักที่กำลังขยับเข้าสู่เส้นชัย

ตูน-ก้อย

ความรู้สึกต่อความรักที่เติบโตมานานถึง 9 ปี

ตูน : “ผมว่ามันคือการเดินทางนะ สะสมเรื่องราวต่างๆ ได้เรียนรู้กันในหลายมิติขึ้น”

ก้อย : “ต้องบอกก่อนว่าเราไม่เคยสัมภาษณ์คู่กันแบบนี้ ก้อยก็เลยไปไม่ค่อยเป็น ไม่เคยฟังพี่ตูนพูดถึงความสัมพันธ์ต่อหน้าคนอื่นด้วย อย่างเวลาไปอีเว้นต์ ก้อยจะพูดในมุมของตัวเอง พี่ตูนก็พูดในฝั่งของเขา ก้อยไม่เคยรู้หรอกว่าเขาพูดถึงเรายังไง วันนี้เป็นครั้งแรกที่นั่งคุยด้วยกัน เขิน

“ถ้าให้พูดถึงความรักที่เติบโต ก็คล้ายกันค่ะ ไม่น่าเชื่อว่ากำลังจะเข้าสู่การเดินทางในปีที่ 9 แล้ว ตั้งแต่วันแรกก็ไม่ได้คิดภาพไกล คือมองแค่ใกล้ๆ ทำทุกวันให้ดีที่สุด ระหว่างทางก็มีเรื่องให้เราได้เรียนรู้ ปรับตัว ซึ่งพี่ตูนชอบพาก้อยไปเจอดินแดนใหม่ๆ อยู่เสมอ เช่น การออกกำลังกาย การวิ่งจากเบตงถึงแม่สาย รวมถึงเรื่องที่เราชอบตรงกันอย่างการไปดูคอนเสิร์ต คือเวลาก้อยรักใครจะอยากอยู่ในโลกของเขา อยากมีส่วนในกิจกรรมที่เขาชอบ แล้วโชคดีที่เราชอบเรื่องนี้เหมือนกัน ก็เลยพากันไปได้ในทุกๆ ที่บนโลก พี่ตูนอยากไปดูคอนเสิร์ตอะไร ก้อยไปด้วย”

ตูน-ก้อย

มุมน่ารักของตูนจากปากก้อย

ก้อย : “เวลาอยู่กับก้อย เขาก็เป็นผู้ชายคนหนึ่งนั่นแหละ เป็นสิ่งที่เรารู้กันอยู่สองคน ซึ่งมันพิเศษที่สุดแล้ว เราเติมเต็มในสิ่งที่อีกคนไม่มี ซึ่งเป็นธรรมดาของคนที่คบกัน ต้องหาจุดพอดีให้เจอ บนโลกนี้ไม่มีใครเพอร์เฟ็กต์ เราแค่หาตรงกลางของคู่เราว่าอะไรคือสิ่งที่อยู่ด้วยกันแล้วสบายใจที่สุด”

ตูน-ก้อย

มุมหนักๆ ในวันที่ทะเลาะกัน

ตูน : “ทุกคู่ก็ต้องมี เราเคยไม่คุยกันเป็นสัปดาห์”

ก้อย : “มีครั้งนั้นครั้งเดียวที่หนักที่สุด น่าจะปีที่ 5 ที่คบกัน ปกติเราไม่คุยกันนานสุด 3 วัน แต่ตอนนั้น 1 สัปดาห์ คือตอนทะเลาะกัน พี่ตูนจะนิ่งแล้วเดินออกไปจากสถานการณ์ ขณะที่ก้อยอยากเคลียร์และขอคำตอบให้ได้ตรงนั้น ซึ่งจะพังทุกที พอเขาเดินไปก็ยิ่งทำให้ทุกอย่างแย่ลง แต่พอตอนนั้นห่างกันสักพัก ให้แต่ละฝ่ายมีสเปซ ทั้งสองฝ่ายก็ใจเย็นลงแล้วเริ่มจูนกลับมาได้ หลังจากนั้นเราก็ไม่ทะเลาะกันแรงๆ อีกเลย ถ้ามีก็แค่วันเดียวจบ แล้วกลายเป็นก้อยเดินหนีไปก่อนบ้าง เหมือนเราโตขึ้น เริ่มเข้าใจว่าทำไมพี่ตูนจึงเลือกเดินออกไปก่อน เขาทำให้ก้อยเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ในหลายๆ ด้านจริงๆ คือทุกมิติเลย บางทีพี่ตูนก็สอนโดยที่เขาไม่รู้ตัว พอก้อยเดินทางมาอยู่ในอายุที่ใกล้เคียงกับเขาในวันนั้นจึงเข้าใจว่า โอเค มันเป็นแบบนี้”

ตูน-ก้อย

ความในใจที่ก้อยไม่เคยบอกตูนมาก่อน

ก้อย : “สำหรับก้อย พี่ตูนเป็นคนถ่อมตัวมากๆ ยิ่งเขาใหญ่แค่ไหนจะยิ่งทำตัวเองให้เล็ก เขาเป็นคนที่เวลาอยู่ใกล้ๆ แล้วทำให้เราอยากเป็นคนที่ดีขึ้น บางทีเวลาเห็นสิ่งที่พี่ตูนทำแล้วเรารู้สึกว่า เฮ้อ อยากจะดีได้แบบที่เขาดีจัง อยากทำได้แบบที่เขาทำบ้าง ซึ่งสิ่งที่เขาเป็นจริงๆ ก้อยคงไม่ต้องพูดอะไรมาก แล้วเขาก็ไม่เคยพูดด้วย เขาทำจนเราเห็น ซึมซับ แล้วพยายามปรับปรุงตัวเอง โดยที่เขาไม่เคยพยายามจะเปลี่ยนก้อย ไม่ได้บอกว่าหนูต้องทำอย่างนี้ เป็นอย่างนี้ๆ ไม่เคย แต่เขาจะทำให้ดู แล้วพอวันหนึ่งที่เวลาได้พิสูจน์ทุกอย่าง ทำให้ก้อยเชื่อมั่นในคนคนนี้ และก้อยรู้สึกว่า ก้อยกลายเป็นก้อยในเวอร์ชั่นที่ดีขึ้นได้ เพราะได้แรงบันดาลใจจากเขานี่แหละ”

ตูน-ก้อย

ในมุมกลับกัน ก้อยก็เป็นแรงบันดาลใจดีๆ ให้ตูน

ตูน : “มีเรื่องหนึ่งที่เมื่อก่อนผมไม่คิดว่าจะชอบเลยคือละครเวที ซึ่งผมเรียนรู้จากเขา เวลาเราไปดูคอนเสิร์ตต่างประเทศ ก้อยจะชวนไปดูละครเวที ละครใบ้บ้าง ไปดูการแสดงแบบนั้นแบบนี้ ซึ่งแต่ก่อนผมไม่รู้จัก และไม่รู้ว่าเราเหมาะกับมันหรือเปล่า แต่สุดท้ายผมก็ชอบไปโดยปริยาย เป็นอีกศาสตร์ที่ดีและมีบางอย่างที่เป็นแรงบันดาลใจให้เราได้ นอกจากนี้เขาให้ความอยากรู้ในศาสตร์อีกแขนงหนึ่ง เป็นโลกในมุมผู้หญิง คือนิสัยผมจะผู้ชายมาก พอคบกับเขาถึงรู้ว่าผู้หญิงมีแบบนี้ด้วยเหรอ เช่น พวกความสวยงามต่างๆ”

ตูน-ก้อย

ก้าวต่อไปของความรักหลังจากปีที่ 9

ตูน : “ผมก็อยากให้มันไปได้ตลอดรอดฝั่งนะครับ ในรูปแบบของวัยรุ่นคู่หนึ่งที่คบกันมา ผมคิดว่า 9 ปีไม่ง่ายที่จะประคับประคองเรียนรู้กันมา ผมก็อยากเดินหน้าในฐานะการเป็นมนุษย์คนหนึ่ง อยากมีครอบครัว พยายามไปสู่จุดนั้น โดยที่เราก็ต้องดูแลในหลายๆ มิติด้วย ผมไม่ได้มีแต่เรื่องความรัก ยังมีครอบครัวที่ต้องบาลานซ์ให้ดีที่สุด เพราะผมเป็นพวกสุดโต่ง งาน ครอบครัว ความรัก เป็นคนที่แชร์ในแต่ละช่วงเวลาไม่ค่อยได้ จึงพยายามเรียนรู้ในการมีทุกอย่าง ไม่จำเป็นต้องมีด้วยเลเวลสุดยอด แต่ต้องค่อยเป็นค่อยไป”

ก้อย : “ตามนั้นค่ะ ก้อยเชื่อว่าทุกอย่างมีเวลาของมัน ถ้าเร่งมากก็อาจไม่ดี ถ้าช้าไปก็จะส่งผลลัพธ์อีกแบบหนึ่ง เวลาจะบอกเอง และต้องอยู่บนพื้นฐานของความเข้าใจด้วย เพราะพี่ตูนไม่ได้ตัวคนเดียว เขามีความรับผิดชอบในชีวิตเยอะ เป้าหมายในชีวิตก็ใหญ่ คิดทำอะไรเพื่อคนอื่นก็มาก ที่ผ่านมาก้อยรู้สึกว่าอะไรที่ช่วยซัพพอร์ตเขาได้ ก็อยากทำตรงนี้ ก้อยเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาที่อยากสนับสนุนให้เขาได้ทำในสิ่งที่รักและตั้งใจให้สำเร็จ เพราะสุดท้ายแล้ววันที่เขาเดินถึงเส้นชัย เราจะอยู่ตรงนั้น ไม่ว่าจุดเริ่มต้นหรือเป้าหมายของเขาจะใหญ่ เป้าหมายเราจะเล็ก แต่สุดท้ายจะไปบรรจบที่เดียวกัน”

ตูน-ก้อย

เป็นความรักที่เติบโตแบบก้าวไปด้วยกันจริงๆ และเชื่อว่าความรักดีๆ แบบนี้ อีกไม่นานก็คงก้าวเข้าสู่เส้นชัย ซึ่งสำหรับใครที่อยากรู้เรื่องราวเต็มๆ ของคู่รักคู่นี้ ชนิดที่เก็บครบทุกเม็ดทั้งเรื่องความรักและเรื่องวิ่ง ก็สามารถตามไปอ่านกันได้ที่นิตยสารแพรว ฉบับ 938 หรือดูได้ที่ Praew Talk EP.4 จ้า


 

ที่มา : นิตยสารแพรวฉบับ 938

ภาพ : @rachwinwong, @artiwara

Praew Recommend

keyboard_arrow_up