คุณธเนศ พิทักษ์ธีระธรรม ทายาทหนุ่มมาดสุขุมรุ่นสองซึ่งขึ้นดำรงตำแหน่งกรรมการบริหาร แห่ง บริษัท ซิมเมจโมชัน จำกัด ด้วยความที่รับช่วงต่อธุรกิจต่อจากคุณพ่อ อีกทั้งยังกุมบังเหียนโรงงานผลิตงานเฟอร์นิเจอร์โดยเฉพาะเฟอร์นิเจอร์ตามสั่งแบบ OEM อันเป็นที่รู้จักกันดีในวงการ แน่นอนว่าย่อมได้รับการจับตามองว่าเขาจะสามารถนำพากิจการของตระกูล “พิทักษ์ธีระธรรม” ก้าวไปได้ระดับไหน จนกระทั่งวันนี้หากมองไปยังโรงแรม5ดาว, โรงภาพยนตร์, ห้างสรรพสินค้า, โรงพยาบาล, สถานที่ราชการ แล้วเห็นเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวและเก้าอี้สำหรับนั่งเอนกายแสนสบายเรียงรายอยู่ ก็จะได้รับคำตอบเลยว่าทั้งหมดนี้ล้วนเป็นผลงานความสำเร็จของเขา เรียกว่าเป็นการนำพาธุรกิจในครอบครัวให้ก้าวไปไกล ทั้งในด้านขนาดกิจการที่ขยายตัวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และภาพลักษณ์ความเป็นแบรนด์ของตัวเองที่สร้างขึ้นมาใหม่ร่วมกว่า 3 แบรนด์ด้วยกัน

จุดเริ่มต้น…แสวงหาความรู้ตลอดเวลา

คุณธเนศมีความเชื่อว่า ความวิริยอุตสาหะ นำมาซึ่งความสำเร็จ เขาได้เห็นและเรียนรู้จากการเฝ้ามองคุณพ่อทำงานมาตั้งแต่เด็ก ประกอบกับการเป็นลูกชายคนเดียวจึงตัดสินใจศึกษาระดับปริญญาโทด้าน Master of Economic จาก ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ “ผมผูกพันกับเฟอร์นิเจอร์มาตั้งแต่เด็กๆ เนื่องจากเป็นธุรกิจของครอบครัว ช่วงปิดเทอมก็จะมาช่วยทำงาน มาวิ่งเล่นในโรงงานเลยคลุกคลีกับงานเฟอร์นิเจอร์ตลอด ที่บ้านจะสอนให้ทำงานตั้งแต่เด็ก เพื่อให้รู้จักความรับผิดชอบและเป็นผู้ใหญ่ ตอนนั้นมาโรงงานก็เล่นบ้างทำงานบ้าง เรียนรู้และซึมซับอะไรหลายๆ อย่างโดยไม่รู้ตัว ”  

สืบต่อกิจการ…คิดให้ไกลกว่าที่เคย

ในฐานะรุ่นที่สองของกิจการซึ่งประสบความสำเร็จในระดับดีมาก่อนแล้ว ความคาดหวังและน้ำหนักที่แบกรับย่อมไม่ใช่สิ่งธรรมดา คุณธเนศเล่าว่า “เมื่อเรียนจบโท และกลับมาบริหารธุรกิจแบบจริงจังประมาณ 6 ปี ด้วยความที่เราชอบงานตกแต่งภายใน ชอบเฟอร์นิเจอร์อยู่แล้ว พอมีโอกาสเข้ามาบริหารด้วยความชอบก็เลยขยายไลน์ธุรกิจ จากที่เคยผลิตสินค้าแบบ OEM และแบบปลีก ก็หันมามุ่งเน้นงานที่การออกแบบและคุณภาพมากขึ้น เจาะตลาดงานโครงการในประเทศ ซึ่งตลาดนี้มีความท้าทายและความต้องการเฟอร์นิเจอร์คุณภาพสูง บวกกับความที่เรามีโรงงานอยู่แล้วจึงถือเป็นโอกาสที่ดี”

เวลาเปลี่ยน…เงื่อนไขเปลี่ยน

การตีโจทย์ของตลาดธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ในต่างวาระกาลเวลาเป็นเรื่องท้าทาย จะคงความสมดุลระหว่างรากฐานรุ่นคุณพ่อที่วางไว้ให้และยุคปัจจุบันอย่างไรให้สามารถดำเนินควบคู่กันได้ “คุณพ่อสอนผมมาตลอดว่าเราต้องมีทัศนคติที่ดี มองทุกอย่างให้ไกลและเป็นด้านบวกอยู่ตลอดเวลา ยิ่งเรื่องการบริหารงานด้วยแล้วยิ่งสำคัญ ต้องคิดเสมอว่าต้องพัฒนาคุณภาพของสินค้าให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งตอนนี้ก็มั่นใจว่าในโรงภาพยนตร์แบบVIPแทบทุกแห่งใช้เก้าอี้ของเรา เมื่อฐานลูกค้าเดิมอยู่ตัวแล้วก็เริ่มขยายกลุ่มลูกค้าที่เป็นงานเฟอร์นิเจอร์โครงการต่าง ๆ เพิ่มขึ้น อย่างกลุ่มคอนโดฯ รวมถึงขยายกลุ่มไปสู่โครงการอื่นๆ เช่น โรงแรม  โรงพยาบาล ธนาคารและร้านอาหารอีกด้วย…ปัจจุบันคนเริ่มนิยมมาอยู่คอนโดฯ เยอะขึ้นเพราะความสะดวกสบาย ราคาขายต่อค่อนข้างดี หลายคนมองว่าเป็นการลงทุนแล้วได้อยู่ฟรีเมื่อขายต่อ ซึ่งคอนโดฯ ปัจจุบันก็มีหลากหลายช่วงราคา และเทรนด์การตกแต่ง โดยหลายปีที่ผ่านมาเราได้มีโอกาสตกแต่งห้องตัวอย่างให้กับผู้พัฒนาโครงการใหญ่ๆ เกือบทุกรายในเมืองไทย ทำให้เห็นว่าเทรนด์เปลี่ยนไวมาก มีการออกแบบและแนวคิดใหม่ตลอดเวลา ผู้ซื้อเห็นห้องตัวอย่างสวย แบบใหม่ ก็อยากได้เหมือนในห้องตัวอย่างบ้าง ซึ่งผมมองว่าความต้องการนี้ ทำให้มีผลต่อความต้องการเฟอร์นิเจอร์เช่นกัน ก็ส่งผลดีต่อการผลิตและขยายฐานลูกค้ารายย่อยได้ด้วย”

เพราะธุรกิจ…คือการพัฒนาต่อเนื่อง

ไม่ว่าสิ่งใดก็ตามเมื่อหยุดพัฒนา นั่นหมายถึงความเสื่อมถอย ถือเป็นแนวคิดง่ายๆ ที่สามารถประยุกต์ใช้ได้ทุกกรณี สำหรับการเตรียมตัวรับมือการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องในโลกธุรกิจก็เช่นเดียวกัน “เราได้เริ่มพัฒนาองค์กรอย่างเต็มระบบ พัฒนาทีมขายให้ทันสมัย ให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงได้ง่าย พัฒนาระบบ R&D ให้ทันเทรนด์และนำเทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามาใช้เพื่อให้สินค้าออกมาดีที่สุด เน้นสร้างทีมงานที่สนุกกับการทำงานและมีความสามารถในการเปลี่ยนแนวคิดจิตนาการให้ออกมาเป็นผลิตภัณฑ์จริง มุ่งมั่นเสริมศักยภาพทีมงานและฝ่ายผลิตตลอด เราตั้งใจทำงานทุกงานให้ออกมาดีที่สุด ดูแลลูกค้าอย่างดี เพื่อให้ลูกค้าสบายใจและมั่นใจที่เลือกใช้สินค้าของเรา พอเขาเคยใช้และรู้ว่าเป็นของดี เขาก็จะใช้ต่อหรือแนะนำให้ลูกค้าท่านอื่น ทำให้เรามีงานอย่างต่อเนื่องทั้งจากลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่ครับ เรียกว่าเป็นการบอกต่อกันแบบปากต่อปากนั่นเอง”

เส้นทางธุรกิจยุคดิจิทัล…ย่างก้าวรวดเร็วในทุกวัน

การแข่งขันสูงขึ้นทุกวัน ผู้บริโภคมีหนทางการเลือกหาสิ่งที่ถูกใจผ่านช่องทางเข้าถึงข้อมูลมากมาย ยังไม่นับทั้งคู่ค้าและคู่แข่งทางธุรกิจโลกปัจจุบันที่เปลี่ยนไป คุณธเนศเองก็ได้เตรียมความพร้อมสำหรับเรื่องนี้ไว้เสมอ “เทรนด์ทุกอย่างเปลี่ยนไว การตามกระแสโซเชียลทำให้รับทราบความต้องการของลูกค้าได้หลากหลายขึ้น ซึ่งผมมองว่านี่คือสิ่งดีนะ เพราะจะทำให้เราต้องผลักดันตัวเราเองให้พัฒนาให้เร็ว ให้ไว ข้อดีก็คือผู้บริโภคก็มีความรู้เรื่องเฟอร์นิเจอร์มากขึ้น มีรสนิยมหลากหลาย เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่สวยขึ้นและยอมจ่ายกับของที่มีดีไซน์และคุณภาพที่ดีขึ้น อีกอย่างคือต้องยอมรับว่าจากการที่เทรนด์ของเฟอร์นิเจอร์เปลี่ยนเร็วมาก ทำให้คนยุคใหม่ไม่ได้มองเฟอร์นิเจอร์แค่สำหรับใช้งานอีกต่อไป แต่มันคือสิ่งที่สะท้อนถึงคนหรือองค์กรนั้นๆ คือเรื่องของรสนิยมและภาพลักษณ์…”

ตอกย้ำ…เก้าอี้และที่นั่งชนิดต่าง ๆ คือตัวตนของเรา

เมื่อตลาดเฟอร์นิเจอร์เติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้คุณธเนศมองเห็นถึงการทำให้แบรนด์ของตัวเองให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น เน้นเรื่องคุณภาพความเชื่อมั่นของลูกค้าและการแนะนำต่อ จนทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักในกลุ่มงานโครงการต่างๆ “นอกจากแบรนด์ Müller ที่เราปั้นขึ้นมาเองจะเป็นที่รู้จักในตลาดงานโครงการแล้ว ต่อไปเราจะพยายามทำให้แบรนด์ให้เป็นที่นิยมในกลุ่มลูกค้ารายย่อยมากขึ้น เรายังมีอีก 3 แบรนด์ คือ Zimm Theater Seat ทำเก้าอี้ VIPให้กับโรงภาพยนต์ทั้งในและต่างประเทศ, Milano เป็นแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ที่ส่งออกไปยังทวีปยุโรปและออสเตรเลีย, Image เป็นแบรนด์ที่รับผลิตงาน OEM  ผมเชื่อว่ายังคงมีกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ซึ่งสามารถขยายไปได้อีกในอนาคต แต่ ณ ตอนนี้ขอมุ่งไปที่กลุ่มโครงการให้เต็มที่ก่อนครับ”

วางรากฐานการเงินเป็นระบบ…กับผู้เชี่ยวชาญมืออาชีพ

เราได้เห็นแนวคิดการจัดการเงินจากนักลงทุนมากมายในตำรา แต่กับนักธุรกิจในชีวิตจริงที่อยู่ใกล้ตัว จากประสบการณ์จริงผ่านมุมมองของคนรุ่นใหม่อย่างคุณธเนศนั้นมีอยู่ว่า “การที่เราจะเป็นนักลงทุนก็ต้องคิดถึงการต่อยอดเงินให้เกิดมูลค่ามากกว่าทางเดียวอยู่แล้ว ผมมีความเชื่อมั่นว่าการมีที่ปรึกษาทางการเงินเป็นสิ่งสำคัญซึ่งจะพาเราไปได้ไกลกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ ผมจึงเลือกการลงทุนในกองทุนต่างๆ  ตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินเพื่อให้สินทรัพย์งอกเงยเพิ่มขึ้นมา

หลักในการพิจารณาและคัดเลือกผู้เชี่ยวชาญที่มาช่วยดูแลบริหารการเงิน…
ผมจะดูที่ประสบการณ์ที่ยาวนาน มีผลการดำเนินการที่ดี และต้องมีความน่าเชื่อถือ ซึ่ง TMB เป็นสิ่งที่ผมเลือก

หลักในการพิจารณาและคัดเลือกผู้เชี่ยวชาญที่มาช่วยดูแลบริหารการเงิน…ผมจะดูที่ประสบการณ์ที่ยาวนาน มีผลการดำเนินการที่ดี และต้องมีความน่าเชื่อถือ ซึ่ง TMB เป็นสิ่งที่ผมเลือก ตลอดระยะเวลาผ่านมามีผลดำเนินการที่ดี เป็นที่น่าพอใจ สมแล้วแก่การไว้วางใจให้มืออาชีพดูแล เพราะถ้าเลือกลงทุนเองคงจะไม่ดีเท่านี้ เราจะได้เอาเวลาไปมุ่งเน้นเรื่องธุรกิจ ให้ทั้งสองด้านเติบโตไปพร้อมกันจะดีกว่า การที่มี TMB Wealth Banking ช่วยดูแลเรื่องสินทรัพย์ทำให้ผมได้มีเวลาว่างมากขึ้น และยังได้มีกิจกรรมดีๆ ที่ทาง TMB ได้ให้โอกาสไปร่วมงานต่างๆ เปิดประสบการณ์ใหม่ๆ มากมาย รวมถึงยังมีสิทธิพิเศษอื่นๆ เช่น บริการรถลีมูซีน  ตรวจร่างกายฟรีสำหรับนักลงทุน แค่นี้ก็เรียกว่าคุ้มเกินคุ้มแล้วครับ”

นับว่าเป็นอีกหนึ่งบทสนทนาสุดพิเศษซึ่ง The Secret of Wealth สามารถสัมผัสได้ถึงสิ่งต่างๆ ที่หล่อหลอมเป็นแนวคิดของเขา ทั้งคำสอนของคุณพ่อและความเป็นตัวของตัวเอง บวกกับความสามารถและวิสัยทัศน์ทำให้กิจการนี้ขยายตัวขึ้นได้อย่างมั่นคงจนกลายเป็นจ้าวตลาดของกลุ่มเก้าอี้ซึ่งใช้ในโครงการต่างๆ ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น เขายังได้สร้างแบรนด์ขึ้นมาถึง 3 แบรนด์เพื่อตอกย้ำตัวตน…เราหวังว่าย่างก้าวของนักธุรกิจหนุ่มคนนี้คงจะเป็นกำลังใจให้ผู้ประกอบการอีกหลายคนที่กำลังมองหาหนทางพัฒนาสิ่งที่มีอยู่ให้มั่นคงและเติบโตไปอย่างไม่รู้จบ

ขอขอบคุณ คุณธเนศ พิทักษ์ธีระธรรม สมาชิก TMB WEALTH BANKING
สนใจบริการที่ปรึกษาด้านการลงทุน TMB ADVISORY เพิ่มเติม https://www.tmbbank.com/TMBADVISORY/wb6
ให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์ที่แตกต่าง ด้วยบริการวางแผนทางการเงินการลงทุน รวมถึงสิทธิประโยชน์ด้านไลฟ์สไตล์
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ TMB EXCLUSIVE LINE 0-2055-1558

ถ้าพูดถึงสิ่งที่รักกับความถนัดในชีวิตบางครั้งก็อาจไม่ใช่สิ่งเดียวกันเสมอไป น้อยคนที่จะสามารถหาจุดสมดุลระหว่างความแตกต่างของทั้งสองได้อย่างลงตัว ในวันนี้ The Secret of Wealth ได้พาทุกคนมาพูดคุยซึมซับเรื่องราวดีๆ ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหลงใหลและแทรกบันดาลใจของ ทพ.พญ.แพรพรรณ ลิมปิพิพัฒนากร หรือหมอแพร ทันตแพทย์หญิงคนเก่งผู้ก่อตั้งคลินิกทันตกรรม Dental Home Care มาเล่าให้ฟังว่ากว่าจะมาเป็นทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแบบนี้ แท้ที่จริงแล้วเธอชื่นชอบงานศิลปะมาก การผสานความแตกต่างระหว่างสองสิ่งนี้เป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลย ยิ่งเมื่อเติบโตมากขึ้น ได้พบผู้คนและประสบการณ์ชีวิตรวมไปจนถึงการประกอบวิชาชีพของตนเองที่กลายมาเป็นธุรกิจทันตกรรมที่เป็นที่รู้จักแบบนี้แล้ว เธอยิ่งต้องเรียนรู้อะไรอีกมากมายเลยทีเดียว

จุดเริ่มต้นของการสร้างความสุขโดยทำสิ่งที่รักและสิ่งที่ถนัดควบคู่กัน

“ที่จริงแล้วทางบ้านทำธุรกิจตกแต่งภายใน พวกโคมไฟแชนเดอเลียร์ พรมและเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งทำให้แพรคลุกคลีกับศิลปะและการตกแต่งสีสันต่างๆ ตั้งแต่เล็กคะ แพรคิดเอาไว้ตลอดว่าโตขึ้นอยากจะทำงานที่เกี่ยวกับศิลปะ งานออกแบบตกแต่ง แต่พอเราได้เรียนรู้ไปเรื่อยๆ ถึงได้เริ่มเข้าใจตัวเองว่าที่จริงแล้วสิ่งที่สร้างความสุขให้แก่เรามันมี 2 ส่วนด้วยกัน  ก็คือสิ่งที่เรารัก กับสิ่งที่เราถนัด”

สมัยแพรเรียนอยู่ที่โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย แพรเรียนสายวิทย์ฯ ค่ะ จะมีช่วงเวลาสั้นๆ ที่ได้มีโอกาสไปฝึกงานตามที่ต่างๆ เพื่อค้นหาความสนใจก่อนเลือกเรียนในระดับปริญญาตรี ซึ่งแพรมีโอกาสได้ไปฝึกงานที่คลินิกทันตกรรมอีกแห่งซึ่งเป็นของเพื่อนคุณแม่ ปรากฏว่าเราชอบบรรยากาศแบบนั้น มันมีเรื่องของศิลปะและความสวยความงามเข้ามาเกี่ยวข้อง และยิ่งไปกว่านั้นก็คือแพรรู้ตัวเองดีด้วยว่าแม้เราจะเป็นคนที่ชอบงานศิลปะมาก แต่เราก็ถนัดสายวิทยาศาสตร์มากเหมือนกัน เรามีความรู้สึกว่าเวลาเรียนวิชาในสายวิทยาศาสตร์ เราสามารถทำความเข้าใจได้ง่ายมาก ก็เลยคิดว่า…ถ้าอย่างนั้นเราก็เอา 2 อย่างนี้มารวมกันซะเลย ตอนสอบเข้ามหาวิทยาลัยระดับปริญญาตรี ก็เลยเรียนทันตแพทยศาสตร์ค่ะ จากนั้นก็ได้ไปเรียนต่อเฉพาะทางด้านทันตกรรมประดิษฐ์และปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรลัยนา ประเทศสหรัฐอเมริกา (University of North Carolina at Chapel Hill, USA)”

ในทันตกรรมมีงาน Art ซ่อนอยู่

“ส่วนหนึ่งที่แพรเลือกทันตแพทย์เพราะมันมีความเกี่ยวข้องกับความสวยงามที่น่าจะสอดคล้องกับความชอบของเราด้วย รู้สึกว่าการทำฟันเหมือนเป็นการผสมระหว่าง Art & Science เวลาที่เราได้สร้างสรรค์ฟันสวยๆ ให้กับคนไข้ ก็ได้ใช้พื้นฐานทางวิทยาศาสตร์และศิลปะไปด้วยกัน เราต้องแนะนำให้คนไข้ดูแลฟันเองได้อย่างถูกต้อง ในขณะเดียวกันความสวยงามของฟันที่ออกมาก็ต้องสร้างความพึงพอใจให้แก่คนไข้ด้วย ต้องคำนึงถึงรูปลักษณ์ ยิ่งได้ทำตรงนี้นานไปยิ่งรู้สึกว่านี่แหละตัวเรา…และพบละความเป็นตัวเรามันชัดมากขึ้นเรื่อยๆ”

การเรียนและการทำงานต่างกัน จึงยิ่งต้องพัฒนาตนเอง

“ตอนสมัยเรียนปริญญาตรีแพรทำกิจกรรมเยอะมากถ้าเทียบกับนักศึกษาทันตแพทย์ด้วยกัน ไม่ค่อยได้เข้าเรียนพร้อมเพื่อนเท่าไหร่ แต่โชคดีที่แพรมีเพื่อนที่ดีและพยายามแบ่งเวลาก็เลยผ่านมาได้ด้วยดี พอเรียนจบเป็นทันตแพทย์จบใหม่ แพรได้รับโอกาสทำงานที่โรงพยาบาลทันตกรรมเฉพาะทางที่มีชื่อเสียง ในขณะที่แพรในตอนนั้นเป็นทันตเพทย์ทั่วไป แต่ความเป็นจริงเล้วแพรเหมือนนกพึ่งหัดบิน การทำงานที่โรงพยาบาลเฉพาะทางที่มีแต่เพื่อนร่วมรุ่นพี่งานที่เก่งๆในตอนนั้น ทำให้แพรได้เรียนรู้ว่าการที่เราเคยคิดว่าตัวเองทำได้ดี ทำความเข้าใจอะไรง่าย จบเกียรตินิยมเหรียญทอง อันดับหนึ่ง จริงๆ แล้วมันไม่ใช่เลย เรากลายเป็นคนที่อ่อนที่สุดในโรงพยาล (หัวเราะ)  คุณหมอรุ่นพี่ก็ให้คำแนะนำต่าง ๆ ทำให้แพรมีแรงผลักดันหลายๆ อย่าง จนตัดสินใจไปเรียนต่อเฉพาะทางที่สหรัฐอเมริกานี่แหละค่ะ”

“พอเรียนจบเฉพาะทางและปริญญาโทกลับมาจากอเมริกา แพรไม่ใช่เด็กคนเดิมอีกแล้ว แพรกลายเป็นคนที่มั่นใจและพร้อมทำงาน อะไรที่เป็นเทคโนโลยี นวัตกรรมใหม่ๆ ในการรักษาเราก็พร้อมจะนำทางวิธีการรักษาที่เรามีประสบการณ์จากต่างประเทศมาดัดแปลงให้เหมาะสมกับคนไข้ในประเทศเราคะ”

หาจุดแข็งของตัวเอง แล้วนำมาใช้ในการทำงาน

“จุดแข็งของแพรคือความมั่นใจแต่นุ่มนวล ซึ่งแพรได้มาจากการเรียนที่สหรัฐอเมริกา สิ่งที่แพรวางแผนให้คนไข้จะเน้นจากสภาพรอบตัวเป็นหลัก เพราะฉะนั้นแพรจะไม่บอกคนไข้ว่าคุณมีปัญหาแบบนี้ แล้วต้องรักษาแบบนี้ แต่แพรจะบอกว่าคุณมีปัญหานี้การรักษาคุณมีทางเลือก 1 2 3 ข้อดี ข้อเสีย ค่าใช้จ่าย คุณรับตรงไหนได้แล้วก็เอามาปรับ คนไข้ถึงชอบเพราะเขาอยากรู้ว่าเขามีทางเลือกอะไรบ้าง และทางเลือกอะไรที่พอดีกับเขา เพราะมันมีปัจจัยหลายอย่างเข้ามาร่วมด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันได้จากประสบการณ์ เพราะสุดท้ายสิ่งที่เราคิดว่ามันดีที่สุดอาจจะไม่ใช่สิ่งที่คนไข้เลือกก็ได้ แต่ถามว่าผิดไหม…ไม่ผิด เพราะมันคือสิ่งที่พอดีกับเขา ทุกทางเลือกมันถูกต้องตามมาตรฐานการรักษา มันอาจจะไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุดที่หมออยากทำ แต่มันคือทางเลือกที่เหมาะกับคนไข้และยอมรับได้ เมื่อคนไข้มีความมั่นใจในตัวเราแล้ว ไม่ว่าเราจะเป็นใครอายุเท่าไหร่ การรักษามันแทบจะประสบความสำเร็จเกินกว่า 50% ไปแล้ว เพราะเขาเชื่อว่าคนนี้ทำให้เขาดีขึ้นได้แค่รอเวลาที่เหมาะสมแค่นั้น”

เริ่มเปิดคลินิกของตัวเอง ด้วยคุณภาพไม่แพ้โรงพยาบาลเอกชนที่ได้มาตรฐาน

“แพรได้เรียนรู้ว่าการรักษาทางทันตกรรมมีค่าใช้จ่ายสูง ถ้าเราอยากจะได้รับการรักษาที่ได้มาตรฐานจริงๆ ทั้งอุปกรณ์และบุคลากร ในฐานะหมอคนนึงในโรงพยาบาลแพรก็ทำอะไรมากไม่ได้นอกจากดูแลคนไข้ให้ดีที่สุด ก็เลยคิดว่าถ้าพอมีโอกาสอยากทำอะไรให้มากกว่านั้นก็ต้องเปิดคลินิกเป็นของตัวเอง …แน่นอนว่าแม้คลินิกทันตกรรมของแพรจะไม่ใช่คลินิกทันตรกรรมที่ให้การบริการที่ค่าใช้จ่ายต่ำที่สุด แต่ก็เป็นคลินิกที่มีคุณภาพไม่แพ้โรงพยาบาลเอกชนที่ได้มาตรฐาน ในอัตราค่าใช้จ่ายที่ยอมรับได้ ซึ่งนั่นก็เลยเป็นเป้าหมาย”

“เริ่มต้นหาสถานที่และ ได้ความช่วยเหลือจากทุกคน ลองออกแบบคลินิก แล้วก็ทำคลินิกนี้ขึ้นมาโดยที่ไม่ได้มีประสบการณ์ด้านการบริหารมาเลย นี่ก็เข้าปีที่ 4 แล้วค่ะ มันก็รอดค่ะ (หัวเราะ) แพรไม่ได้เอาเงินจากคุณพ่อคุณแม่มา ก็เลยต้องล้มลุกคลุกคลานพอสมควรมันก็ไม่ได้ราบรื่นนะคะ มันเหมือนเป็นข้อพิสูจน์และบทเรียนว่าแพรเองก็สามารถทำคลินิกทันตกรรมได้ สามารถที่จะมีธุรกิจในแบบที่ตัวเองชอบได้เหมือนกัน  ค่อยๆ เรียนรู้วิธีการแก้ไข บางครั้งแพรก็หกล้มไปบ้างแต่มันก็ผ่านมา…สิ่งสำคัญเลยคือแพรจะไม่ยอมลดคุณภาพของการรักษา ทั้งคุณภาพของวัสดุอุปกรณ์และทีมทันตแพทย์แม้ว่าการตลาดปัจจุบันมีการแข่งขันทางด้านราคาที่สูง คลินิกทำฟันเยอะแยะมากมาย แต่แพรพยายามยึดเป้าหมายของการเปิดคลินิกนี้เป็นหลักคะ ถ้าเราต้องแข่งขันทางราคาเละคนไข้ไม่ได้รับการรักษาที่ตามมาตรฐานมันก็ไม่เป็นไปตามเป้าหมายของการเปิดคลินิก…สู้ไม่ทำซะดีกว่า”

ยังต้องเรียนรู้ในการทำธุรกิจ โชคดีที่ได้คู่คิดคนสำคัญ

“ยังต้องเรียนรู้อะไรอีกหลายอย่างค่ะ…ถ้าพูดถึงการบริหารเงิน เมื่อก่อนเวลาได้เงินมาแพรก็เอาเข้าบัญชีแล้วจบ แต่จริงๆ แล้วมันมีอะไรมากกว่านั้น พอทำกิจการเองเราต้องจัดการภาษีด้วยตัวเอง ได้เรียนรู้ว่าการซื้อกองทุนและทำประกันจะได้ลดหย่อน ซึ่งจุดนี้ก็ได้เรียนรู้จากเจ้าหน้าที่ธนาคาร เพราะแพรไม่ค่อยมีเวลา การปรึกษากับคนที่มีความชำนาญทำให้ชีวิตดีขึ้น อย่าง TMB แพรมั่นใจว่าเขามีความรู้ ความเชี่ยวชาญไว้ใจได้ และรู้ว่าเราควรเริ่มบริหารจัดการเงินแบบไหน และแนะนำให้เราเริ่มเปิด กองทุน Money Market ก่อน และสำหรับลดหย่อนภาษีก็จะมี ทั้ง LTF RMF และล่าสุดแพรก็ทำ TWL TMB Wealthy Link ซึ่งเป็นประกัน แต่ข้อดีคือเขาก็จะเอาเงินไปลงทุนในกองทุนด้วย ซึ่งตัวแพรเองถ้าเล่นหุ้นคงไม่รู้เรื่องหรอก ไม่ทันใคร แต่การที่มีคนที่มีความรู้ความสามารถอย่าง TMB มาคอยดูแลก็น่าไว้วางใจมากกว่า ทำให้เรามีเวลาเหลือด้วย”

“ถ้าอยากจะทำอะไรก็ทำเลย แม้ว่ามันอาจจะเกี่ยวกับสิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ครอบครัว ทุกอย่างด้วย  ถ้าล้มเรายังมีโอกาสที่จะแก้ แพรคิดแบบนี้ตลอดตั้งแต่ไปเรียนต่อจนเปิดคลินิก ถ้าเราคิดวิเคราะห์แล้วว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนลองทำมันดู ถึงพลาดก็ยังมีประสบการณ์ที่สอนเรา ตัวแพรเองก็พลาดมาเยอะ สิ่งที่แพรมาบอกคือสิ่งที่ประสบความสำเร็จจริงๆ ยิ่งเริ่มเร็วเท่าไหร่เรามีโอกาสแก้ตัวเยอะเท่านั้น”

เส้นทางของคุณหมอแพรทำให้ได้เรียนรู้ถึงสองขั้วความแตกต่างทั้งศาสตร์และศิลป์อย่างถ้องแท้  หากใครที่ยังคงลังเลว่าสิ่งที่ถนัดและสิ่งที่รักอาจไปด้วยกันไม่ได้อยากให้ลองย้อนกลับมาพิจารณาณากันดูว่าในความไม่ได้นั้น…แท้ที่จริงแล้วเพราะไม่มีหนทางจริงๆ หรือเพราะเราแค่กลัวที่จะล้มเท่านั้นเอง

ขอขอบคุณ ท.พญ.แพรพรรณ ลิมปิพิพัฒนาการ สมาชิก TMB WEALTH BANKING
สนใจบริการที่ปรึกษาด้านการลงทุน TMB ADVISORY เพิ่มเติม https://www.tmbbank.com/TMBADVISORY/wb7
ให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์ที่แตกต่าง ด้วยบริการวางแผนทางการเงินการลงทุน รวมถึงสิทธิประโยชน์ด้านไลฟ์สไตล์
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ TMB EXCLUSIVE LINE 0-2055-1558