Crazy Rich Asians ตัวจริง! 2 มหาเศรษฐีชาวสิงคโปร์ กับคลังสมบัติละลานตา

account_circle

Crazy Rich Asians  ตัวจริง! 2 มหาเศรษฐีแห่งประเทศสิงคโปร์ รวยระเบิด รวยไม่บันยะบันยัง กับคลังสมบัติและข้าวของแบรนด์เนมที่เห็นแล้วต้องตะลึง

อย่างที่รู้กันว่า ประเทศสิงคโปร์นั้นเป็นประเทศที่ค่าครองชีพสูงมาก หากใครเคยไปเที่ยว คงจะพอรู้ว่าค่าใช้จ่ายหนึ่งวันในสิงคโปร์นั้น หากใช้แบบประหยัดสุดๆ กินน้ำก็อก ไม่กินขนมก็อยู่ราวๆ $20 ดอลลาห์สิงคโปร์ หรือประมาณ 500 บาท ซึ่งถ้าเทียบกับค่าใช้จ่ายในประเทศเรานั้นก็ถือว่าสูงพอประมาณเชียวล่ะ

หากคุณเคยชมภาพยนตร์เรื่อง Crazy Rich Asians เรื่องราวของ ราเชล ชู สาวนิวยอร์กที่เดินทางไปสิงคโปร์เพื่อไปร่วมงานแต่งงานเพื่อนสนิทของ นิค แฟนหนุ่ม ซึ่งเธอไม่เคยรู้มาก่อนว่านิคนั้น เป็นทายาทตระกูลดังของสิงคโปร์ ที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศ

คุณจะพบว่า เศรษฐีที่แท้ทรู กับความรวยเว่อร์วัง และการใช้ชีวิตแบบหรูหรา ชนิดที่ว่าจัดงานแต่งในการ์เด้นบายเดอะเบย์ ต่อด้วยการปิดมาริน่า เบย์แซนด์ เพื่อจัดอาฟเตอร์ปาร์ตี้ต่อนั้น เป็นวิถีของมหาเศรษฐี ที่มีเงินเหลือใช้เป็นกระบุง ดูแล้วอาจจะโอเว่อร์ไปสักนิด สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่เราเชื่อว่าชีวิตจริงมันต้องมีแบบนี้แน่นอน

แพรวดอทคอมนำไลฟ์สไตล์อันหรูหราของ 2 มหาเศรษฐีแห่งประเทศสิงคโปร์ ที่เห็นแล้วต้องเอามือทาบอก และอุทานเบาๆ….. มาให้คุณได้ดูกัน

Kane Lim

ทักซิโด จากแบรนด์ dolce & gabbana รองเท้า christian louboutin และนาฬิกาจาก franck muller
ทริปช้อปปิ้งกับบรรดาสาวๆ เดินทางโดยเครื่องบินส่วนตัว รวยป่ะล่ะ
ห้องนอนโทนสีขาว สวยหรู อลังการ
หนึ่งในรถคู่ใจของเขา

Kane Lim ทายาทนักธุรกิจพันล้านชาวสิงคโปร์ หนุ่มวัย 27ปี ที่มีคลังรองเท้าที่มีมูลค่ามากกว่า $500,000 (16.5 ล้านบาท) ซึ่งคลังรองเท้าส่วนมากของเขานั้นมาจากแบรนด์ คริสติยอง ลูบูแตง ยังไม่นับรวมกับกระเป๋าแบรนด์เนมโดยเฉพาะ Hermes ที่มีนับไม่ถ้วน ในส่วนของเสื้อผ้าแบรนด์เนมก็มีหลากหลายยี่ห้อไม่แพ้กัน

แพ็ครองเท้าสำหรับไปทริป !!
กรุแอคเซสซอรี่ เพียงส่วนหนึ่งในตู้เสื้อผ้าของเขา
เสื้อโค้ท Balmain และโซนชั้นวางของที่จัดอย่างเป็นระเบียบโดยผู้เชียวชาญเรื่องการจัดตู้เสื้อผ้า และข้าวของต่างๆ
ถุงรองเท้า christian louboutin และแบรนด์เนมอื่นๆ ที่ส่งตรงมาจากช็อป
กระเป๋าหลุยส์ สำหรับการเดินทาง มีทั้งใบเล็ก ใบกลาง ใบใหญ่ พร้อมด้วยรองเท้าผ้าใบจากหลุยส์เช่นเดียวกัน
เคสไอโฟนจากหลุยส์ สามอัน สามสีกรุบๆ
กระเป๋าจาก Chanel คุณค่าที่เราคู่ควร

กระเป๋าเพียงแค่ส่วนหนึ่งจากแบรนด์ Hermes ที่เราคัดมาให้ดู ย้ำว่านี่เพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น !

เพชรกับผ้หญิงเป็นของคู่กัน ดูเหมือนจะไม่ใช่ซะทีเดียว เพราะตัวเขาเองนั้นก็ชื่นชอบเพชรเป็นชีวิตจิตใจ และมีในกรุจนละลานตา ทั้ง Catier, Harry Winston, Bulgari, juste un clou ฯลฯ

ถึงแม้ว่าเขาจะรวยระเบิด ระเบ้อขนาดนี้ แต่ Kane Lim เองก็ยังทำงานเพื่อการกุศล โดยเขาได้นำของแบรนด์เนมที่เขามีนำมาขายเพื่อนำเงินมอบให้กับสภากาชาดของประเทศสิงคโปร์ โดยของที่เขานำมาขายนั้นก็ยังเป็นของลดราคาอีกด้วย นอกจากนี้เขายังมักจะซื้อของเพื่อนำไปบริจากให้กับองค์ต่างๆ เช่น  pets for rescue, st nudes hospital , the watts project และองค์กรสตรีในประเทศอินเดีย

Jamie Chua 

Jamie Chua อดีตแอร์โฮสเตสสาวสวยจากสายการบินแห่งชาติ สิงคโปร์แอร์ไลน์ ปัจจุบันเธอเป็นคุณแม่ลูกสอง และยังเคยเป็นภรรยาของ Nurdian Cuaca มหาเศรษฐีชาวอินโดนีเซีย ปัจจุบันได้หย่าร้างกันเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งเจมี ฉั่ว ได้เรียกค่าเลี้ยงดูจากอดีตสามีเป็นจำนวนเงินที่เห็นแล้ว ต้องบอกเลยว่าชาตินี้ทั้งชาติก็ไม่ต้องทำงานแล้วล่ะจ้า เพราะเธอเงินที่เธอได้รับในแต่ละเดือนนั้นคือ $450,000 (14 ล้านบาท) เรียกได้ว่าเป็นการฟ้องหย่าที่มีมูลค่ามากที่สุดของสิงคโปร์เลยก็ว่าได้

นอกจากนี้คุณแม่ เจมี ฉัว  ยังมีค่าเสริมสวย ความงาม ที่เธอต้องดูแลตัวเองในทุกๆ เดือน เพียงเดือนละ $14,000 (4.5 แสนบาท) ไม่ว่าจะเป็นการนวดประจำสัปดาห์ ดูแลผิวหน้า ทรีทเมนท์กระชับสัดส่วนและดูแลเส้นผมให้เงางาม

รวมถึงเธอยังครอบครองกระเป๋าแอร์เมสที่มีมูลค่ารวมกันแล้วกว่า 70 ล้านบาท ทั้งคอลเล็คชั่นพิเศษ และหายาก คุณแม่เจมี มีหมด

นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งในไลฟ์สไตล์ของ เจมี ฉั่ว เท่านั้น เตรียมพบกับสกู๊ปเจาะลึก Crazy Rich Asian คนนี้ได้เร็วๆ นี้ ห้ามพลาดเด็ดขาด แล้วคุณจะรู้ว่าชีวิตที่โรยด้วยกลีบกุหลาบของจริงนั้นเป็นอย่างไร

ภาพ : kanelk_k, jamiechua_closet

 

 

 

 

Di Fiora

ชีวิตดีๆ ในซีแอตเทิลของ “ธิดาภัสสร์” เจ้าของร้าน Di Fiora รายได้วันละ 5 แสน

account_circle
Di Fiora
Di Fiora

ชีวิตดีๆ ในต่างแดนของ “ธิดาภัสสร์ อริยหิรัญตระกูล” สาวไทยที่ตัดสินใจย้ายรกรากไปอยู่ ซีแอตเทิลสหรัฐอเมริกา เริ่มต้นจากการเป็นพนักในร้านอาหาร สู่การเป็นเจ้าของ Di Fiora ร้านอาหารสไตล์เอเชียนที่ตั้งอยู่ในเมือง ซีแอตเทิล ซึ่งทำรายได้เกือบวันละ 5 แสนบาท มากสุดวันละ 1 ล้านบาท!!

ชีวิตดีๆ ในซีแอตเทิลของ “ธิดาภัสสร์” เจ้าของร้าน Di Fiora รายได้วันละ 5 แสน

Di Fiora

ชีวิตตอนอยู่ไทย

ธิดาภัสสร์ เล่าว่าเธอจบการศึกษาจาก คณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ในช่วงที่เรียนอยู่นั้น เธอทำอาชีพเสริมไปด้วยคือ การขายครีมที่ตีแบรนด์เป็นของตนเอง ตอนนั้นธุรกิจขายครีมเรียกได้ว่าสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้เธอ แต่ผ่านไปสักพักการแข่งขันเริ่มสูงขึ้น จากการที่สื่อโซเชียลมันเริ่มบูม ซึ่งธิดาภัสสร์เล่าให้ แพรวดอทคอม ฟังว่า

“เรารู้สึกว่า โอกาสในการทำธุรกิจนี้มันเริ่มน้อยลงแล้ว เพราะว่ามีคนเอาพวกครีมผิดกฏหมายมาขายตัดราคา ผู้บริโภคยังไม่มีความรู้ในการหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้มาก เหมือนเจอแบบไหนถูกกว่าก็ซื้ออันนั้น พอเจอสถานการณ์แบบนี้ เราจึงตัดสินใจขายธุรกิจให้กับคนรู้จัก ซึ่งก็ได้เงินมาเยอะสมควรที่จะตั้งตัว”

บอกตามตรงว่า แบรนด์ที่เราสร้างขึ้นมาในตอนนั้นยังขายได้อยู่นะ ครีมทุกตัวที่ทำผ่าน อย.มีกระบวนการจดแจ้งว่าทำมาจากโรงงาน สามารถตรวจสอบได้ และ มีแพ็กเกจที่มันดูดี แต่พอเจอครีมแบบผิดกฏหมายก็เข้ามาแทนที่ เราก็เหมือนเล็งเห็นแล้วว่า การบริโภคของคนเปลี่ยนไปคือ หลายคนจะมองเห็นของถูกไว้ก่อนแล้วถึงซื้อ หรือสินค้าอะไรที่เป็นแมสโปรดักส์ มักจะขายดี แต่เราไม่อยากลดมาตรฐานสินค้า ขายของที่ไม่มีคุณภาพ เรามีจรรยาบรรณมากกว่าที่จะเอาผลกำไร

หลังจากที่ขายกิจการไป ก็ใช้เงินตรงนี้เที่ยวเต็มๆ เลย ทั้งในประเทศ และ ต่างประเทศ แต่พอหยุดพักได้ประมาณ 6 เดือนก็กลับมาทำงานใหม่อีกครั้งในตำแหน่งนายหน้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์แห่งหนึ่ง พอทำไปได้สักเดือนก็เริ่มรู้สึกว่า มันไม่ใช่ละ เราไม่ชอบโน้มน้าวคนให้มาทำในสิ่งที่เราคิดว่าไม่ถูกต้อง

บริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ทำต้องการให้ปิดการขายคอนโด 5-6 ห้องภายในเดือนเดียว ซึ่งห้องหนึ่งไม่ต่ำกว่า 10 ล้าน รวมๆ แล้วก็ 50-60 ล้าน แต่ตอนนั้นเราก็ปิดการขายได้นะ แต่จริงๆ คือเรารู้ว่า วัสดุ หรือ สิ่งก่อสร้างต่างๆ เนี่ยมันไม่ได้มาตรฐาน มันทำให้เรารู้สึกว่า มันไม่ถูกต้อง ถ้ากลับกันเราเป็นลูกค้าก็คงรู้สึกแย่ แต่เราพูดความจริงกับลูกค้าไม่ได้ บริษัททำให้เราอยู่ในกรอบ เขาให้พูด ให้ทำอะไร ก็ต้องทำอย่างที่เขาต้องการ พอเกิดความคิดแบบนี้ก็ตัดสินใจลาออกดีกว่า ถึงแม้ตอนนั้นเราจะเป็นตัวท็อป ซึ่งหัวหน้ายังอยากให้อยู่ต่อ แต่มันไม่ใช่ทางที่ต้องการ

เรามานั่งคิดว่าอยากมีธุรกิจเล็กๆ ที่เป็นของตัวเอง เป็นนายตัว สามารถควบคุมทุกอย่างได้ แต่พอคิดว่าจะทำอะไรในไทยดี ก็คิดไม่ออก เพราะว่าสาขา (ภูมิศาสตร์) ที่เรียนจบมาก็ค่อนข้างหางานยาก มองดูแล้วไม่เห็นหนทาง

โอกาสมีต้องรีบคว้าไว้ 

Di Fiora

เป็นเรื่องประจวบเหมาะมาก เมื่อน้าสาวที่อยู่อเมริกา โทรมาคุยกับเราว่ากำลังมีแพลนขยายสาขาร้านอาหารไทยในซีแอตเทิล เขาก็เลยชวนเรามาเป็นหุ้นส่วนให้ไปร่วมลงทุนด้วย พอมีโอกาสมาแบบนี้มาก็รีบคว้าไว้ เราตัดสินใจทันทีว่าจะย้ายไปอยู่อเมริกา อยากลองไปหาประสบการณ์ใหม่ๆ ทั้งที่ไม่รู้ว่าข้างหน้าจะเป็นอย่างไร แต่ก็ต้องกล้าได้ กล้าเสีย

อันที่จริงเราเคยดรอปเรียน และบินไปเรียนภาษาหนึ่งปีที่ซีแอตเทิล จึงทำให้ได้เห็นบรรยากาศ สภาพสังคม ประเทศบ้านเมืองเขาที่มีสิทธิเสรีภาพ เป็นประเทศที่ ถึงแม้คุณจะไม่ได้ร่ำรวยมาก แต่หากคุณขยันก็มีชีวิตที่ดีได้

หลายคนอาจคิดว่า มาเป็นหุ้นส่วนแล้วคงจะได้รับเงินมาใช้แบบสบายๆ แต่เปล่าเลย เราก็ยังต้องมาเป็นเด็กเสิร์ฟ มาล้างจาน ขัดห้องน้ำ ถูพื้น เก็บจาน เก็บเศษอาหาร เก็บอะไรต่อมิอะไรไม่รู้บนโต๊ะ ซึ่งเราไม่เคยทำแบบนี้เลย แต่จุดนี้มันทำให้ชีวิตเราปลดล็อก และคิดได้ว่า เห้ย…กว่าจะได้เงินมาแต่ละบาทไม่ง่ายเลยนะ ทุกคนอาจมองว่าอยู่เมืองนอกสบาย แต่สิ่งที่เห็นมันไม่ใช่แบบนั้นเลย บอกได้เลยว่าร้อยละ 80 ที่มาอเมริกาอาจไม่ได้มีครอบครัวที่ร่ำรวย ทุกคนต้องทำงานมันไม่ได้สวยหรูอย่างที่คิด แต่หากคุณขยันทำงานมากเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งมีเงินเก็บมากเท่านั้น

แต่สิ่งหนึ่งที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัดเลยระหว่าง อเมริกา กับ ไทย คือ ต่อให้คุณทำอาชีพบริการ ทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟ คุณก็มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี เท่าเทียมกัน

ถึงเวลาสร้างธุรกิจของตัวเองแบบเต็มตัว

หลังจากทำงานมาได้ 5 ปี ทางครอบครัวก็มีแพลนที่จะขยายสาขาออกไปอีก แต่ปัญหามันก็ติดอยู่ที่ว่า เราเป็นเด็กรุ่นใหม่ ที่มีความคิดต่างในการทำธุรกิจร้านอาหาร ซึ่งภาพร้านอาหารในหัวของเรามันต่างจากที่พวกเขาคิด เราจึงไม่อยากทำงานกับครอบครัวแล้ว ถึงจะเป็นหุ้นส่วน แต่ก็ไม่ได้มีสิทธิ์มีเสียง ไม่สามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างเต็มที่ ทำงานกับครอบครัวไม่ใช่ว่าไม่ดีนะ แต่เราไม่ได้เป็นเจ้าของโดยสมบูรณ์ ก็เท่านั้น

การตัดสินใจครั้งใหญ่ในชีวิตของเราเกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อเรานำเงินเก็บที่มี บวกกับเงินที่เล่นหุ้นได้ มาเปิดร้านอาหารของตัวเอง ซึ่งเรานำประสบการณ์ต่างๆ จากสิ่งที่เรียนรู้ จากการศึกษาธุรกิจร้านอาหารว่าจะทำอย่างไรให้มันดังเปรี้ยงมากกว่านี้ เพราะคิดว่าทำร้านอาหารไทยยังไงก็รายได้ดีอยู่แล้ว อีกทั้งยังได้ไปลองกินร้านอาหารดีๆ ไปดูว่ารสชาติ หน้าตาอาหารของเขาเป็นอย่างไร ถึงได้ดาวมิชลิน เราลองผิดลองถูก ลงมือทำอาหารเอง กินเอง ค้นคว้าสูตรเองทุกอย่าง

ร้านอาหาร Di Fiora

แต่การเปิดร้านอาหารในอเมริกาก็ไม่ใช่เรื่องง่าย มีหลายขั้นตอนมาก ไม่ว่าจะหาทำเล หาสถานที่ ขอใบอนุญาต กระทรวงสาธารณสุข เพราะถ้าไม่ผ่านก็ทำไม่ได้ เพราะที่นี่เค้าเข้มงวดกับสุขอนามัยของคนในประเทศมากๆ นอกจากนี้ยังมีใบอนุญาตต่างๆ อีกเยอะแยะ รวมถึงงานออกแบบร้านที่มีการแก้ไขไม่รู้จบ ต้องผ่านการตรวจสอบซึ่งยากมาก เพราะเขาต้องคำนวนปริมาณคนที่นั่งในร้าน ต้องไม่แออัด ทุกอย่างต้องเหมาะสม รายละเอียดจุกจิก เปลี่ยนแบบแต่ละครั้ง ก็ต้องใช้เงินทุกครั้ง งบที่มีเริ่มบานปลาย จาก 12 ล้านบาทที่ตั้งไว้ กลายเป็น 20 ล้านบาท แต่ลงทุนไปแล้วก็ทำให้เต็มที่ ไม่อยากรบกวนที่บ้าน อยากพิสูจน์ให้ทุกคนที่เคยพูดว่าเราทำไม่ได้ ไม่ประสบความสำเร็จหรอก จะไปได้สักกี่น้ำ ซึ่งเราอยากทำให้พวกเขาเห็นว่า ฉันทำได้ แต่นั่นก็ทำให้เกิดความเครียด เกิดอาการซึมเศร้า จนต้องไปหาจิตแพทย์

สุดท้าย Di Fiora ก็สร้างเสร็จใช้เวลาไปทั้งหมด 1 ปี 2 เดือน ลงทุนไปรวมแล้ว 25 ล้านบาท ตอนนั้นเราคิดว่าเอาวะ ได้ฤกษ์เปิดสักที ฉันทุ่มทั้งหมดที่ฉันมีทุกอย่างในชีวิตแล้ว จะเป็นอย่างไรไม่รู้ เจ้งก็เจ้ง เอาวะ!!

แต่พอถึงช่วงที่จะเปิดร้านจริงๆ เดือนธันวาคม 2562 งานก็เข้าแบบไม่ทันตั้งตัว เพราะใบอนุญาตที่ขอไปเกิดความล่าช้า  เนื่องจากช่วงปลายปีจะมีคนขอใบอนุญาตเข้ามาเยอะมาก ประจวบกับตอนนั้นมีการตรวจพบเคสโควิดเคสแรกในอเมริกา จึงทำให้กระบวนการทุกอย่างมันยิ่งล่าช้า

พอได้ใบอนุญาตมา ปรากฏว่ามีประกาศปิดเมือง วันนั้นล้มทั้งยืนเลย เพราะค่าเช่าก็จ่ายไปแล้ว พนักงานก็จ้างมาแล้ว อีกทั้งเป็นร้านเปิดใหม่ที่ยังไม่มีฐานลูกค้า ไม่มีรายรับ มีแต่รายจ่าย ทุกวันมีแต่ติดลบ เป็นอยู่อย่างนี้เกือบ 3 เดือน จนกระทั่งกลับมาเปิดได้ช่วงปลายเดือนมีนาคม 2563 ตอนนั้นเมืองก็ยังล็อกดาวน์อยู่นะ (ทานที่ร้านไม่ได้ ให้ซื้อกลับเท่านั้น) เราก็เลยปรึกษาพี่ชายที่มาช่วยบริหารร้านว่า จะทำอย่างไรดี ให้ลูกค้ารู้จักร้านเรามากขึ้น ซึ่งก็คิดไอเดียขึ้นมาว่า งั้นทำ Grab&Go บวกกับทำโปรโมชั่นเสริมเข้าไปกันดีกว่า ยอมเท่าทุน ดีกว่าขาดทุน!

ด้านพนักงาน เราขอให้พวกเขาสลับกันมาทำงาน ซึ่งทุกคนก็เข้าใจ และเห็นใจ ตรงนี้เราต้องขอยกเครดิตให้กับพนักงานทุกคนที่ยังอยู่กับเราในวันนั้น พวกเขาได้เงินน้อย แต่ก็พร้อมใจกันช่วย ในฐานะนายจ้างบอกตามตรงเครียดมาก ร้องไห้ทุกวัน เงินแทบจะไม่เหลือแล้ว อยากให้ลูกน้องทุกคนรอด แต่ตัวเราก็ต้องรอด เหนื่อยมากๆ ทั้งงานบริหาร พ่วงด้วยกับการเป็นเชฟ ทำงานทุกวันไม่มีวันหยุด

อย่างที่บอกว่า Di Fiora เป็นร้านเปิดใหม่ ยังไม่มีใครรู้จัก เราต้องทำงานหนักเป็น 2 เท่าในเรื่องของการประชาสัมพันธ์ให้ลูกค้าสนใจ ให้รู้ว่าร้านอาหารที่นี่ดีมาก อร่อยมาก โดยผ่านช่องทางโซเชียล เราขอให้เพื่อนๆ ที่รู้จักโปรโมท และแท็กร้านให้  มีการเดินไปตามตึก เอาโปรชัวร์ไปวางไว้ตามอพาร์เม้นท์ต่างๆ ว่าร้านเราเปิดทูโกแล้ว และจะให้ส่วนลด 10% สำหรับลูกค้าใหม่ของเราที่อยู่ในพื้นที่นี้ ขอให้เขาช่วยสนับสนุนในช่วงการระบาดใหญ่ ซึ่งผลจากการที่ทำแบบนี้มันก็ดีขึ้นเรื่อยๆ นะ คนเริ่มรู้จักร้านเรามากขึ้น ตอนนั้นขายได้วันละ 300-400 เหรียญ

สถานการณ์เป็นแบบนี้ไปจนถึงช่วงประมาณปลายเดือนมิถุนายน เมืองก็เริ่มมีการผ่อนคลายอนุญาตให้ลูกค้าเข้ามานั่งทานในร้านได้ 25% หลังจากวันนั้นเป็นต้นมาก็เริ่มขายได้วันละประมาณ 1,000 เหรียญ

ทั้งนี้ ทั้งนั้นก็ยังมีคนกล้าๆ กลัวๆ ที่จะมานั่งในร้านนะ แต่ด้วยความที่ร้านเราตกแต่งสวย และไม่เหมือนใคร มีคอนเซ็ปต์ที่ชัดเจน มีการบอกปากต่อปาก มีการอัพรูปทางโซเชียล อีกอย่างอาหารที่ร้านเราใช้วัตถุดิบอย่างดีที่สุด แพงเท่าไหร่ไม่เกี่ยง ลูกค้าต้องได้ทานของดี ของอร่อย  ขณะที่ตัวเราเองก็ลงไปบริการลูกค้า ไปขอบคุณเขาด้วยตัวเอง บอกลูกค้าตลอดว่า รู้ไหมว่าสิ่งที่คุณสนับสนุน ทำให้ฉันมีในวันนี้ ฉันจะไม่ลืมเลย

พระเจ้าไม่ได้เอ็นดูเสมอไป

แต่พระเจ้าก็ไม่ได้เอ็นดูเราเสมอไป เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 รอบใหญ่อีกครั้ง ตอนนั้นรู้สึกว่าเห้ยอีกแล้วเหรอจะไม่ให้ลืมตาอ้าปากเลยหรือไง ตอนนั้นท้อเลย แต่ก็คิดไว้ตั้งแต่แรกแล้วล่ะว่าโรคระบาดเนี่ยจะอยู่ไปอีกนาน จากที่ได้ข่าวสารมาหลายสำนัก

แต่รอบนี้ก็ยังดีกว่ารอบแรก เพราะเรามีเงินเก็บประมาณหนึ่งแล้ว พอล็อกดาวน์ก็ค่อยๆ ทยอยนำเงินออกมาใช้ ทำให้ร้านอยู่รอด โชคดีด้วยที่ลูกค้าสั่งอาหารแบบทูโกก็ยังสนับสนุน ทำให้ไม่เข้าเนื้อ ไม่ขาดทุน แต่ก็ไม่ได้กำไร

1 ใน 3 ร้านอาหารที่ได้ลงหนังสือพิมพ์ซีแอตเทิล

ต้องบอกเราใช้โซเชียลในการโปรโมทหนักมาก ลูกค้าที่มาก็มักจะไปรีวิวตามช่องทางต่าง ทั้งอินสตาแกรม เฟสบุ๊ค กูเกิ้ล ซึ่งก็มีนิตยสาร และหนังสือพิมพ์ติดต่อเข้ามาขอสัมภาษณ์จำนวนมาก หนึ่งในนั้นคือ The Seattle Times พวกเขาสงสัยว่า ผู้หญิงเอเชียอายุ 30 ต้นๆ เนี่ยทำได้ยังไง เป็นเจ้าของร้านอาหารในทำเลทองของซีแอตเทิลได้อย่างไร เพราคนส่วนใหญ่คนที่จะกล้ามาเปิดร้านตรงแถวนี้ได้ ต้องมีประสบการณ์

หลังจากที่ได้ลงหนังสือพิมพ์ The Seattle Times เชื่อไหม ชีวิตเปลี่ยนไปเลย จากที่ขายทูโกได้วันละ 1,000 เหรียญ ก็ขยับขึ้นเป็น 2,000 เหรียญ

วัคซีน ทำสถานการณ์ดีขึ้น

ในช่วงนั้นมีข่าวว่าจะมีการนำวัคซีนมาเริ่มฉีดให้กับประชาชน โดยจะฉีดให้กับผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัวก่อน จากนั้นก็จะนำมาทยอยฉีดให้กับประชาชนทั่วไป ซึ่งเราเองก็ลุกทำการตลาดออนไลน์อย่างเต็มที่ ร้านเรามีการตื่นตัวเรื่องนี้มาก พนักงานทุกคนได้รับการฉีดวัคซีน ภายในร้านปรับรูปแบบโต๊ะใหม่ให้มีการเว้นระยะห่างกันมากขึ้น มีสภาพอากาศที่ถ่ายเทสะดวก มีการตกแต่งร้านที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามฤดูกาล ซึ่งตรงนี้แหละที่ทำให้ร้านเราต่างจากร้านอื่น ทุกคนว้าวมากๆ ทั้งโลเคชั่น ทั้งการตกแต่ง ทั้งอาหาร ฟีดแบคดีมากๆ ยอดขายก็สูงขึ้น มีอยู่วันหนึ่งขายได้เกือบล้านบาท

ปัจจุบันรายได้ของ Di Fiora จะอยู่ที่หลักแสน โดยวันจันทร์ อังคาร พุธ จะอยู่ที่ประมาณ 2-3 แสน แต่ถ้าเป็นวันพฤหัส ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ จะขายดีมากๆ อยู่ที่ประมาณ 4-5 แสน

สำหรับ พนักงานร้านเราจะมีรายได้คนละ 400-500 เหรียญต่อวัน รวมกับค่าทิป ซึ่งอย่างวันที่เราขายได้สูงสุด วันนั้นพนักงานได้ทิปเพิ่มคนละ 400 เหรียญ แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายภาษีตามกฏหมายนะ ยิ่งรายได้เยอะ ก็จ่ายเยอะ แต่ในการจ่ายภาษีของคนอเมริกันเนี่ย สามารถตรวจสอบได้ทุกบาททุกสตางค์ที่เราจ่ายไป เงินทุกเหรียญสามารถจับต้องได้ อย่างในช่วงภาวะเดือดร้อนจากการแพร่ระบาดของโควิด และต้องปิดประเทศ รัฐบาลก็เอาเงินภาษีที่ประชาชนจ่ายไปมาใช้ในการช่วยเหลือทุกคนในประเทศ….


เรื่อง : Nitcha.k

ภาพ : ธิดาภัสสร์ อริยหิรัญตระกูล, Di Fiora/Instagram

 

 

 

 

 

 

 

รองเท้า Keds ฮ็อตอยู่คู่กับหนัง-ซีรีส์ มาหลายสิบปี

ไอเท็มโปรดคนดัง! รองเท้า Keds รุ่นฮ็อต อยู่คู่กับหนัง-ซีรีส์ มาหลายสิบปี

รองเท้า Keds ฮ็อตอยู่คู่กับหนัง-ซีรีส์ มาหลายสิบปี
รองเท้า Keds ฮ็อตอยู่คู่กับหนัง-ซีรีส์ มาหลายสิบปี

นับเป็นเวลาหลายสิบปีที่ รองเท้า Keds เป็นหนึ่งในไอเท็มโปรดของบรรดานักแสดง ดารา เซเลบริตี้ นักกีฬา แฟชั่นไอคอนในยุคต่างๆ ตลอดจนในวงการภาพยนตร์และซีรีส์อีกมากมาย ซึ่งบรรดาคาแร็กเตอร์ที่เลือกใส่สนีกเกอร์ของ Keds ล้วนเป็นหญิงสาวที่สดใส สนุกสนาน มีความมั่นใจ และมุ่งมั่นเต็มร้อย เพื่อทำตามความฝันของตัวเอง

หนึ่งในคาแร็กเตอร์ที่เราพูดถึงมาจากภาพยนตร์อเมริกันแดนซ์ดราม่าชื่อดังอย่าง Dirty Dancing (ค.ศ.1987) ที่นำแสดงโดย เจนนิเฟอร์ เกรย์ รับบท เบบี้ สาวน้อยจากครอบครัวชนชั้นสูงที่ตกหลุมรัก จอห์นนี่ แคสเทิล นักเต้นเจ้าเสน่ห์ รับบทโดย แพทริก สเวซี ในเรื่องเบบี้มาในลุคสาววัยรุ่นอเมริกันยุค 80s ที่นิยมแต่งตัวสบายๆ อย่างเสื้อยืด กางเกงยีนขาสั้น กับสนีกเกอร์สีขาวใส่สบาย (เต้นสะดวก) อย่าง Keds Champion Originals ถึงดูเรียบง่ายแต่กลายเป็นอีกหนึ่งลุคคลาสสิกที่เป็นภาพจำของใครหลายคน

ไอเท็มโปรดคนดัง! รองเท้า Keds รุ่นฮ็อต อยู่คู่กับหนัง-ซีรีส์ มาหลายสิบปี

รองเท้า Champion Core CVO White 1,850 บาท

จากปี ค.ศ. 1987 เดินทางมาจนถึงปี ค.ศ. 2021 เมื่อ Marvel Studios ได้สานต่อจักรวาล Marvel ด้วยการสร้างซีรีส์ Wanda Vision ซึ่งฉายทางแอพพลิเคชั่น Disney+ เท่านั้น นำแสดงโดยเอลิซาเบธ โอลเซ่น และพอล เบตตานี ซีรีส์นี้เป็นการผสมผสานระหว่างโทรทัศน์คลาสสิกกับ Marvel Cinematic Universe ที่แวนด้า แม็กซิมอฟฟ์ และวิชั่น สองคู่รักซูเปอร์ฮีโร่ผู้มีพลังอำนาจมหาศาลต้องมาใช้ชีวิตแสนสุขในย่านชานเมือง โดยพวกเขาเริ่มสงสัยว่าทุกอย่างรอบตัวอาจไม่ได้เป็นอย่างที่ตาเห็น

รองเท้า Champion Core CVO Red 1,850 บาท

โดยใน Episode 5 นั้น แวนด้ามาในลุคสาวอเมริกันยุค 80s ลุคสุดไอคอนิกที่ถูกขนานนามว่าเป็น one of the best fashion moments ของซีรีส์ ด้วยผมลอนหยิกแบบย้อนยุค เธอแมตช์กางเกง high waisted pants สีกรมท่า สาย suspenders และเสื้อเชิ้ตลายตารางสีแดงน้ำเงิน กับสนีกเกอร์สีแดงสดใสทะมัดทะแมง อย่าง Keds Champion Core CVO  และสิ่งที่ทำให้ลุคนี้โดดเด่นที่สุด คือการที่ Marvel โชว์matching outfit ของคู่รักซูเปอร์ฮีโร่ ที่ใครๆ ก็สามารถใส่ตามได้อย่างน่ารักและลงตัวในฉากปล่อยพลังฉากนี้

นอกจากทางฝั่งฮอลลีวู้ดแล้ว ทางฝั่งเอเชียอย่าง K-Series ที่กำลังได้รับความนิยมในบ้านเราเองก็ได้หยิบเอาสนีกเกอร์ของ Keds มาใส่เช่นกัน อาทิ ซีรีส์แนวโรแมนติก/แฟนตาซี/ ลึกลับ เรื่องล่าสุด The Great Shaman Ga Doo-shim หรือในชื่อภาษาไทยว่า ‘สาวน้อยแม่มด’ นำแสดงโดย คิมแซรน ในเรื่องเธอรับบทเป็น กาดูซิม คนทรงสาวน้อยวัย 18 ที่มีพลังพิเศษในการมองเห็นและปัดเป่าวิญญาณได้ แต่เธอกลับต้องการใช้ชีวิตแบบเด็กมัธยมปลายธรรมดาๆ เท่านั้น แซรนเปิดตัวบนโปสเตอร์โปรโมทในชุดนักเรียนสุดคูลกับสนีกเกอร์ Keds Triple Canvas White และฉากเปิดตัวใน Ep 1-2 กับสนีกเกอร์ Keds Triple Canvas Black

Keds Triple Canvas White 2,250 บาท

นี่คือการเดินทางของแบรนด์ จากโลกแห่งจอเงินสุดคลาสสิกสู่โลกดิจิตอลที่ทุกอย่างรวดเร็วเพียงปลายนิ้วคลิก แต่สนีกเกอร์ของ Keds ยังคงครองใจแฟนๆ ด้วยการออกแบบที่ร่วมสมัยและตอบโจทย์ไลฟสไตล์ของผู้หญิงในแต่ละยุคได้เป็นอย่างดี


บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ไม่ซ้ำแบรนด์! ทุบคลัง สนีกเกอร์ โรเซ่ BLACKPINK ที่คุณก็เป็นเจ้าของได้

ซื้อตามไม่ยาก! รองเท้า Converse ของมาดามตั๊ก ราคาน่ารักจนต้องอยากสอย

ไอเดียของขวัญวันแม่ จาก Furla Mini Top Handle ให้ปีนี้พิเศษกว่าที่เคย!

 

'นิโคล เทริโอ' เปิดประสบการณ์ข้ามผ่าน Cyberbullying ซิงเกิล มัม แนะวิธีรับมือเข้มแข็ง

‘นิโคล เทริโอ’ เปิดประสบการณ์ข้ามผ่าน Cyberbullying ซิงเกิล มัม แนะวิธีรับมือเข้มแข็ง

Alternative Textaccount_circle
'นิโคล เทริโอ' เปิดประสบการณ์ข้ามผ่าน Cyberbullying ซิงเกิล มัม แนะวิธีรับมือเข้มแข็ง
'นิโคล เทริโอ' เปิดประสบการณ์ข้ามผ่าน Cyberbullying ซิงเกิล มัม แนะวิธีรับมือเข้มแข็ง

“แม่” เป็นคำที่สั้นๆ แต่เต็มไปด้วยความเสียสละ ทุ่มเท และมีคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวหรือซิงเกิลมัมจำนวนไม่น้อย ที่ต้องทุ่มเทยิ่งกว่า ทั้งแรงกายและสร้างแรงใจให้ตัวเองและครอบครัวในฐานะเสาหลัก และหากพูดถึงซิงเกิลมัมในวงการบันเทิงนั้น มีหลายคนที่เป็นต้นแบบในความสตรองที่เฝ้าเลี้ยงดูลูก ให้เติบโตมาอย่างมีคุณภาพ แม้จะอยู่ในสถานะคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวก็ตาม หลายคนนอกจากต้องทำหน้าที่ “แม่” แล้วยังต้องเป็น เสาหลักครอบครัวในคราวเดียวกัน อย่าง “นิโคล เทริโอ” เจ้าของฉายาสาวน้อยกะโปโลในยุค 90 ก็เป็นหนึ่งในคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ที่มอบความอบอุ่นความรักอันบริสุทธิ์และความห่วงใยที่มีเต็มเปี่ยมหัวใจของคนเป็นแม่ให้ลูกชายสุดหล่อเพียงคนเดียวอย่าง “ทิกเกอร์” มาอย่างดี

นิโคล เทริโอ 2

เนื่องในวันแม่แห่งชาติ ปี 2564 นิโคลได้เปิดใจอย่างหมดเปลือกถึงความรู้สึกในใจที่เก็บเอาไว้มานานในฐานะคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ต้องเจอทั้งคำถาม สายตาจากผู้คน และการจับจ้องในทุกความเคลื่อนไหว ซึ่งเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมานำไปสู่การถูกรังแกบนโลกออนไลน์ หรือ Cyberbullying  โดยนิโคลได้ร่วมพูดคุยผ่านทางแคมเปญของ “เอไอเอส อุ่นใจไซเบอร์” ร่วมกับ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เพื่อถ่ายทอดประสบการณ์และมุมมองชีวิตของคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ถูกรังแกบนโลกออนไลน์ เพื่อให้กำลังใจในการก้าวผ่านอุปสรรค และพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับครอบครัว

นิโคล เทริโอ 1

นิโคล เผยว่า การตัดสินใจที่จะเป็นซิงเกิลมัมต้องคิดเยอะและตัดสินใจยาก เนื่องด้วยตนและคุณพ่อของลูกชายต่างเป็นคนในวงการบันเทิง การตัดสินใจเลิกกันและเปลี่ยนสถานะครอบครัวนั้นหากย้อนไปในอดีตจะเป็นข่าวใหญ่ที่คนให้ความสนใจ แม้เวลาจะผ่านมานานแล้ว แต่การถูกย้อนความทรงจำผ่านทางโซเชียลด้วยข้อความต่างๆ ไม่เว้นแม้แต่การถูกนำมาพูดถึงในหัวข้อคู่ดาราหย่าร้าง ทำให้มีคนแสดงความคิดเห็นถึงตนเองได้ง่าย

“คำถามจากผู้ที่ไม่ทราบว่าหวังสิ่งใดในคำตอบ ที่ตั้งขึ้นมาถามถึงลูกชายตนว่า “พร้อมจะมีพ่อใหม่หรือยัง” แต่นั่นเหมือนแทงใจให้เกิดบาดเจ็บที่ฝังลึกให้กับนิโคล โดยเธอเผยว่า “คำถามนั้นอาจจะไม่ได้แรง แต่ในความรู้สึกของเด็ก เขามีพ่อคนเดียว เขาจะตอบอย่างไร” ซึ่งการเป็นคนในวงการบันเทิงที่เหมือนชีวิตส่วนตัวต้องถูกเปิดเผยต่อสาธารณชน ไม่ว่าจะขยับตัวทำอะไรจะถูกจับจ้องตลอด ท่ามกลางคำวิจารณ์จากสังคมที่แสดงความคิดเห็นได้ง่ายเพียงปลายนิ้ว แต่ในบางครั้งอาจจะยากสำหรับผู้อ่านอย่างตน นิโคลจึงเลือกที่ จะอ่านและไม่อ่านบ้าง โดยยึดว่า “จิตใจระหว่างแม่ลูก และครอบครัว มีแค่เราที่รับรู้” ทำให้ก้าวข้ามคำถามจากโซเชียลที่เหมือนเป็นการรังแกกันบนออนไลน์มาได้”

นิโคล เทริโอ 3

นอกจากนี้ สาวนิโคล ยังยอมรับว่า “การเป็นซิงเกิลมัมนั้นไม่ง่าย จากที่เคยตัดสินใจร่วมกัน 2 คน แต่เมื่อมีเพียงตนคนเดียวหากเจอปัญหาอะไรต้องเอาให้อยู่ ยอมรับว่ามีทั้งความรู้สึกกลัวจนเสียน้ำตา มีความนอยด์ว่าจะเลี้ยงลูกอย่างไร การที่ตนต้องออกไปทำงานเพื่อหาเงินนำมาเลี้ยงลูกนั้นต้องแลกกับการไม่มีเวลาให้ลูก ตอกย้ำด้วยภาพติดตาและทำให้คนเป็นแม่เจ็บไปทั้งหัวใจเมื่อเห็นลูกนั่งเล่นอยู่หน้าบ้านที่สัมผัสได้ถึงความเหงา ยิ่งทำให้ตนรู้สึกว่าทำหน้าที่แม่ได้ไม่ดี”

ทั้งนี้ แม้จะเคยมีภาพฝังใจที่แทบทำให้หัวใจของนิโคลแตกสลาย แต่เมื่อถามถึงการก้าวผ่านสิ่งนั้นมาได้อย่างไร “กี้เลือกนำจุดที่รู้สึกแย่และท้อกลับมาคิดใหม่ โดยมองว่า การที่มีเวลาให้กับลูกนั่นคือเวลาที่มีค่า เมื่อเราเศร้าลูกจะรับสิ่งนั้นได้จากตัวของเรา เพราะฉะนั้นจึงต้องเติมพลังให้ตัวเอง ทำเวลาที่มีให้มีค่า ให้มีความสุขทั้งแม่และลูก ความเป็นครอบครัวไม่อยู่ที่เรื่องเพศหรือจำนวนสมาชิกในครอบครัว แต่อยู่ที่ใจ ความผูกพันและการใช้ชีวิตด้วยกัน” เพราะสำหรับนิโคลลูกคือทุกอย่างของชีวิต จึงตั้งใจจะทำหน้าที่เป็นทั้งเพื่อน ทั้งพ่อและแม่ให้กับลูกชายหัวแก้ว หัวแหวนคนนี้ ดังนั้น จึงไม่แปลกที่จะเห็นแม่และลูกคู่นี้สนิทกันมาก

นิโคล เทริโอ 4

และเนื่องในวันแม่สังคมดิจิทัล ยุคโซเชียลมีเดีย สาวนิโคล ในฐานะซิงเกิลมัม ขอส่งกำลังใจให้คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวทุกคน ที่เคยโทษตัวเองและรู้สึกผิดเหมือนอย่างตนที่ไม่มีเวลาให้ลูก ให้ปรับเปลี่ยนมุมมองใหม่ เพื่อเติมเต็มความสุขให้กับลูก และขอให้สังคมโซเชียลคิดและตระหนักในการคอมเม้นท์ หรือพูดถึงคนอื่นอย่างมีสติ เพื่อที่จะได้ไม่บั่นทอนจิตใจคนในสังคม


ภาพ : nicole_officialaccount

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

“แม่นก จริยา” ควงคู่ลูกสาวคนสวย “จีนส์ จิรชยา” เผยท็อปซีเคร็ตฉบับแม่ลูกสุดซี้

อบอุ่นไปด้วยความรัก กองทัพ พีค & คุณแม่นุช-ธันยวรรณ สวยระดับนางงาม

เลี้ยงลูกแบบ อัมบานี ตระกูลที่รวยที่สุดในเอเชีย เนี้ยบเป๊ะ ระเบียบจัด ประหยัดสุด

 

นก จริยา จีนส์ จิรชยา

“แม่นก จริยา” ควงคู่ลูกสาวคนสวย “จีนส์ จิรชยา” เผยท็อปซีเคร็ตฉบับแม่ลูกสุดซี้

Alternative Textaccount_circle
นก จริยา จีนส์ จิรชยา
นก จริยา จีนส์ จิรชยา

หลังจากที่เคยมาเยือนปก แพรว เมื่อปี 2550 ผ่านไป 14 ปี คุณแม่นก – จริยา แอนโฟเน่ นักแสดงและผู้จัดละครมากความสามารถ ควงลูกสาวคนสุดท้อง จีนส์ – จิรชยา มาพบกันอีกครั้ง รอบนี้จีนส์โตเป็นสาวสวยแล้ว

“แม่นก จริยา” ควงคู่ลูกสาวคนสวย “จีนส์ จิรชยา” เผยท็อปซีเคร็ตฉบับแม่ลูกสุดซี้

จีนส์อัพเดตชีวิตให้ฟังหน่อยค่ะ

“จีนส์เพิ่งเรียนจบด้านภาพยนตร์จากมหาวิทยาลัย King’s College London ค่ะที่เรียนด้านนี้เพราะชอบการเขียนบท ตอนแรกยังไม่รู้ว่าชอบด้านไหน แต่รู้ว่าไม่ถนัดออกกอง จับกล้อง เพราะไม่ใช่สายลุย และไม่ชอบทำงานกับคนเยอะ แต่จะชอบดูวิเคราะห์บท เป็นแนวโปรดิวเซอร์มากกว่า จีนส์เรียนจบช่วงที่เมืองไทยล็อกดาวน์จากสถานการณ์โควิดพอดีเป๊ะ ตอนนี้หลายโปรเจ็กต์ที่คิดไว้จึงต้องชะลอก่อน แล้วช่วยคุณพ่อดูธุรกิจโปรดักต์ผม Jonny Hair ไปพลางๆ ค่ะ ส่วนเรื่องในวงการ จีนส์ไม่ได้อยากมีบทบาทหน้าจอ แต่ก็ไม่ปิดกั้นนะคะ มีไปออกรายการสัมภาษณ์บ้าง”

สไตล์การเลี้ยงลูกของคุณแม่นกเป็นยังไงคะ

คุณแม่ เลี้ยงตามธรรมชาติเลยค่ะ สมัยลูกยังเล็ก นกหยุดงานบันเทิงอยู่กับลูกแบบเต็มที่ เราเป็นแม่มือใหม่ก็ศึกษาจากคู่มือและคนกล้ตั ว แต่สรุปได้ว่าทุกอย่างมาจากสัญชาตญาณ เพราะลูกแต่ละคนไม่เหมือนกัน เราก็เรียนรู้จากลูกว่าควรจะดูแลเขาแบบไหน สิ่งที่เน้นคือให้เวลากับลูกมากที่สุด เรียนรู้จากเขาและใกล้ชิดกัน ไม่มีอะไรเป็นสูตรตายตัว ความที่ลูกอายุห่างแค่ 1 ปี ตอนนี้เจมส์ (จิรายุ) ลูกชายคนโต 27 ปี ส่วนเจมี่ (จอมภัค) ลูกสาวคนกลาง 26 ปี ขณะที่จีนส์อายุ 25 ปี

“ที่ว่าเลี้ยงตามธรรมชาติคือเลี้ยงเขาแบบเด็กธรรมดา ไม่ใช่ลูกดารา ไม่สปอยล์ มีขอบเขตให้เขา แต่พอโตก็ต้องพาไปเจอคนอื่นบ้าง เป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ สุดท้ายเขาก็ต้องเรียนรู้การเป็นลูกเรา ลูกๆ ทั้ง 3 คน จึงมีนิสัยเหมือนพ่อแม่มาก คือขี้อาย ไม่ชอบเจอคนเยอะ เก็บเนื้อเก็บตัว ชอบอยู่ในโลกของเขาที่บ้าน เพราะฉะนั้นบ้านจะเป็นสถานที่ที่เขาเดินเข้ามาแล้วรู้สึกว่านี่คือเซฟโซน พูดอะไรก็ได้ ไม่ว่าจะบาดเจ็บจากไหนมา ก็ต้องสบายใจเมื่ออยู่บ้าน

“บ้านเราสนิทกันมาก ลูกๆ เคยบอกนกว่า หม่ามี้ไม่มีเพื่อนเลย (หัวเราะ) บางทีเขาก็อำเราว่า ‘ถ้าไอเล่นตัวขึ้นมา ยูไม่มีใครเลยนะ เพราะมีไอเป็นเพื่อนเท่านั้น’ ความจริงนกมีเพื่อนนะ แต่ชอบใช้เวลาอยู่ในบ้านมากกว่า เรารู้สึกว่าลูกเหมือนเพื่อน เพราะเลี้ยงเขาแบบนี้ด้วย ยิ่งพอเขาโต ยิ่งแชร์กันได้ทุกอย่าง นั่งคุยกันเลย 4 คนแม่ลูก อะไรใช่ไม่ใช่ เถียงกันได้

“พอลูกโตขึ้น แม้วัยจะต่างกัน แต่ก็ยอมรับความต่างว่าเจเนอเรชั่นนี้มีวิธีคิดแบบเขา ขณะเดียวกันเราก็จะแชร์ประสบการณ์ส่วนตัวด้วยว่าคนรุ่นแม่เจออะไรมาบ้าง หลักๆ คือต้องเคารพกันและกัน นกว่าการที่เด็กกับผู้ใหญ่คุยกัน มีประโยชน์มาก การจะไปให้เด็กรุ่นใหม่มาปรับตัวหาเราอย่างเดียวคงไม่ได้ เพราะโลกเดิ นไปข้างหน้า เราจะไปย้อนเข็มนาฬิกานั้นเป็นไปไม่ได้ ต้องเปิดใจกว้าง เรียนรู้เขา ไม่ฝืนโลก นกสนุกนะเวลาลูกมีข้อมูลใหม่ๆ มาบอก เช่น พอเจมี่รู้ว่าแม่ไปกินหูฉลามก็ว้ากเลย ‘ยูรู้ไหมว่าเขาฆ่าฉลามวิธีไหน’ จนแม่ต้องรีบบอก ‘จ้ะ ๆ ไม่กินก็ได้’ (หัวเราะ) หรือเวลานั่งรถไปส่งเขาที่โรงเรียนตอนเช้า เขาก็เสนอว่า ‘คุณแม่ ตอนเช้าอากาศไม่ร้อน เปิดกระจกก็ได้ ไม่ต้องเปิดแอร์ตลอดเวลา’ หรือ ‘คุณแม่ ถุงพลาสติกเยอะเกินไปนะ’ เรียกว่าอาจมีหลายอย่างที่เจเนอเรชั่นนกอาจจะลืมคิดไป

“ในฐานะที่เป็นผู้จัดละคร นกจะฟังความคิดเห็นของเด็กรุ่นนี้ตลอด ก่อนหน้านี้สัก 10 ปี ลูกสาวสองคนเดิ นมาบอกว่า ‘อย่าทำละครที่พระเอกปล้ำนางเอกได้ไหมมี้ เพราะเป็นไปไม่ได้ที่ใครคนหนึ่งมาปล้ำเราแล้วเราจะกลับไปรักมัน’ ซึ่งก็จริงนะ เราไม่ควรสนับสนุน แต่ก่อนเราไม่ได้คิด เพราะบางทีก็เผลอไผลไปกับบทประพันธ์ แล้วอารมณ์ของผู้หญิงดูละครสมัยก่อนก็ยังไม่ต่อต้าน แต่ยุคนี้ไม่ใช่ นับจากนั้นถ้าบทประพันธ์ดั้งเดิมมีมุมนี้ นกจะเปลี่ยนไม่ให้มีการปล้ำกัน จะต้องเป็นไปด้วยความสมัครใจ นี่คือประโยชน์ของการแชร์ แม้จะต่างเจเนอเรชั่นก็ตาม

จีนส์ช่วยเสริม “เมื่อก่อนละครเกาหลียังไม่บูมมาก บางทีคุณแม่มานั่งดูด้วย เขาจะไม่เข้าใจวิธีการเล่าเรื่องหรือคาแร็คเตอร์ของตัวละคร แต่พอเปิดให้ดูว่าฉากนี้เจ๋งนะ ดูวิธีเล่าเรื่องของเขา ท่านค่อยๆ ยอมรับมากขึ้น เพราะเราก็อยากให้อุตสาหกรรมบันเทิงไทยเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นเหมือนกัน”

นก จริยา จีนส์ จิรชยา

ลูกสามคนนิสัยเป็นอย่างไรคะ

คุณแม่ “ลูกๆ ไม่ค่อยมีวีรกรรมหวือหวา เป็นเด็กเรียบๆ แต่เป็นตัวเอง เริ่มจากเจมส์ พี่ชายคนโต เขาก็มีคาแร็คเตอร์นะ มีฟีลของความเป็นพี่และเป็นตัวเองสูงมาก อะไรที่ไม่ชอบจะปฏิเสธทันที แต่ถ้าได้ทำสิ่งที่ชอบจะทำออกมาได้ดี สมัยเด็กต้องเคี่ยวเข็ญเรื่องการบ้าน ซึ่งพอแม่จี้มากๆ เขาเดินไปข้างรั้วแล้วทิ้งสมุดทำการบ้านไว้ตรงนั้นเลย (หัวเราะ)

“ส่วนเจมี่รักสวยรักงามมาก แต่โตขึ้นเป็นผู้หญิงค่อนข้างจะแข็ง อยากพึ่งตัวเอง พูดตรง อาจเพราะเขาไปเรียนที่มหาวิทยาลัยสตรีอีฮวาที่เกาหลี (Ewha Woman’s University) ซึ่งเป็นยุคที่เกาหลีเน้นเรื่องสิทธิสตรีมาก เขาจึงจริงจัง เที่ยงตรง อะไรถูกต้อง ไม่ถูกต้อง พูดออกมาชัดเจน และมีความคิดเกี่ยวกับสังคมมาถกกับแม่บ่อยมาก

“ส่วนจีนส์เป็นสไตล์ลูกคนเล็ก สมัยเด็กทำอะไรตามพี่ๆ และซนเป็นลิง ชอบปีนป่ายหวาดเสียว แต่ก็ไม่ได้มีเรื่องน่าปวดหัว เขาติดบ้าน ขี้อาย เรื่องหน้ากล้องไม่ค่อยถนัด ในเรื่องความคิดเขาจะคล้ายแม่

“ตอนที่ท้องจีนส์ นกไม่รู้ด้วยซ้ำ ตอนนั้นเริ่มกลับมาทำงาน กินยาลดความอ้วนอีกต่างหาก หัวใจจะวายเลยตอนรู้ว่าตั้งท้อง ไปถามหมอว่าควรจะเก็บลูกไว้หรือไม่ โชคดีที่พอหมอเช็กไปที่โรงงานผลิตยา ไม่มีผลกระทบกับเด็กนักจึงเก็บเขาไว้”

จีนส์แซวตัวเอง “เลยติ๊งต๊องนิดหน่อย”

คุณแม่นกขำ “เขาจะโดนอำว่าเป็นเพราะนกกินยาลดความอ้วนเลยติ๊งต๊อง ตอนที่เขายังเด็ก นกแอบรู้สึกผิดกับเขาด้วยนะ เพราะต้องตัดใจให้คุณยายกับพี่เลี้ยงช่วย เนื่องจากทิ้งงานมาหลายปี โชคดีที่เขาเลี้ยงไม่ยาก”

ครอบครัวแอนโฟเน่สนิทกันขนาดไหน

จีนส์ “มากนะคะ เคยคุยกับเพื่อนๆ ว่าขี้เกียจออกไปหาแล้ว เพราะอยู่บ้านก็เหมือนมีเพื่อนอยู่ด้วย ความที่พวกเราเกิดไล่ๆ กัน จึงเหมือนเพื่อนกันมากกว่า ขนาดคุณแม่ยังเหมือนเพื่อนเลย”

คุณแม่นก “เราคุยกันได้ทุกเรื่อง สนิทถึงขั้นลูกก็บ่นแม่ได้ เรื่องที่ลูกชอบบ่นนกมากที่สุดคือนกขี้กลัวมากเกินไป ทั้ง 3 คนจะบอกว่า ‘ยูเลี้ยงลูกแบบเป็นห่วงลูกมากเกินไป เดี๋ยวลูกจะไม่แข็งแรงนะ’ แต่ในความเป็นแม่ มันช่วยไม่ได้ไง จนวันหนึ่งเราก็ต้องยอมรับว่าเขาโตแล้ว อย่างเจมี่พอเรียนจบปริญญาตรีที่เมืองไทย เขาเดินมาบอกว่าหนูไปเกาหลีนะ แม่ตกใจเลย ไม่รู้มาก่อน คือเขาวางแผนโดยไม่บอกใคร และติดต่อทุกสิ่งทุกอย่างที่จะไปเรียนไว้หมดแล้วก็ไปเลย แม่ช็อก ถึงลูกจะบอกว่าต้องให้ลูกออกไปเผชิญโลก แต่ตอนนั้นทำใจอยู่นาน แอบน้ำตาร่วงด้วย แต่สิ่งที่นกรู้คือลูกไม่ใช่เด็กเกเร ต้องขอบคุณเขาเลย และในวันที่เขาออกไปเผชิญชีวิต เขาพยายามทำให้เราเห็นว่าเขาไม่เหลวไหล และที่สำคัญคือลูกบ้านนี้ไม่โกหกแม่ ถึงขั้นพูดตรงมากจนแม่นี่แหละต้องบอกว่า ช่วยพูดซอฟต์ลงหน่อย ลูกก็จะโต้ทันควันว่าชอบให้โกหกเหรอ” (หัวเราะ)

จีนส์ช่วยเล่า “บางทีพี่ๆ พูดแข็งมาก แต่จีนส์จะเข้าใจวิธีสื่อสารมากกว่า รู้ว่าจะพูดยังไงให้พ่อแม่ไม่ช็อก เพราะเราเรียนรู้จากพี่มาเยอะ หลังๆ เวลาสองคนนั้นหาคำพูดไม่ถูก เขาจะมาถามว่าควรเรียบเรียงประโยคยังไงดี ควรใช้คำยังไงไม่ให้แย่ (หัวเราะ) จีนส์จึงเป็นตัวกลางระหว่างพี่ๆ กับคุณพ่อคุณแม่ เรารู้ว่าความคิดของคนอีกรุ่นไม่สามารถเปลี่ยนได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่สองรุ่นต้องไปด้วยกันได้ จึงต้องมีความประนีประนอม เพื่ออยู่กันได้แบบราบรื่น ก็จะคอยอธิบายแม่ว่าพี่เขาไม่ได้คิดอย่างนั้นหรอก เขาแค่สื่อสารไม่ถูก”

ถ้าถูกคุณแม่บ่น จะเป็นเรื่องอะไรคะ

จีนส์ “เป็นเชิงเตือนมากกว่าค่ะ จีนส์มักจะใจร้อนเวลาขับรถ ขี้หงุดหงิด รู้ตัวเลยว่าการขับรถมันกระทบอารมณ์ง่าย แล้วก็ทำให้ทั้งวันรวนไปเลย นอกจากนี้ก็มีลังเล ตัดสินใจอะไรไม่ค่อยได้ ในหัวจะไม่เรียง 1 2 3 เพราะตีกันไปหมด คุณแม่ก็จะเตือนว่าอะไรที่ควรมาก่อนหลัง เพราะบางทีถ้าไม่เป็นตามแผน เราก็จะกระวนกระวาย แม่ก็จะบอกให้ใจเย็น”

คุณแม่นก “เขาไม่ใช่คนขับรถเร็วนะ แต่ขี้บ่น ทำไมทางมันเป็นแบบนี้ (หัวเราะ) จึงมักจะโดนอำอีกว่าเป็นคุณป้า เขาก็จะโยนมาว่าได้จากแม่นั่นแหละ”

จีนส์ “อีกเรื่องของจีนส์คือของรกค่ะ (หัวเราะ) แม่จะย้ำเวลาไปค้างบ้านเพื่อน หรือไปไหนก็ตาม คุณแม่จะบอกว่าอย่าให้คนอื่นรู้สึกรังเกียจเรา ถ้าไปกินข้าวบ้านใครต้องช่วยจัดเก็บ ช่วยล้างจานนะ ส่วนพี่ชาย แม่จะดุเรื่องสุขภาพการนอน เพราะเขาทำงานในบริษัทเกมที่อยู่อาร์เจนตินา ต้องจัดไทม์โซนกับทีมทำงานต่างประเทศ กลายเป็นว่านอนดึกมาก บางทีก็นอนตอนเช้า แล้วเขาน้ำหนักเยอะ กินทั้งคืน แม่จะดุ ถ้าเขาไม่อยากให้แม่บ่น ก็จะไม่ลงมากินข้าวเช้า” (หัวเราะ)

คุณแม่นก “นกไม่ได้เรียบร้อยหรือเป๊ะนะ แต่เป็นมนุษย์ชอบทำงานบ้าน เก็บนู่นนี่ จนลูกบอกว่าหยุดเดินสักที ต่อให้มีแม่บ้านเราก็ทำ อยากช่วยเก็บ แล้วก็อยากให้ลูกมีระเบียบกว่านี้ ฝึกนิสัยจัดเก็บ จะได้หาอะไรง่าย แล้วมันโยงไปถึงเรื่องการจัดระเบียบต่างๆ ในชีวิต ถ้าวันไหนแม่เมื่อยปาก ไม่บ่นก็ได้” (หัวเราะ)

นก จริยา จีนส์ จิรชยา

บ้านนี้เข้มงวดเรื่องอะไรบ้างคะ

“สมัยเด็กจะเป็นเรื่องไม่ชอบให้ไปค้างบ้านเพื่อน รวมถึงการเดินทางไปกลับต้องเป็นเวลา โดยเฉพาะลูกสาว แต่พอโตมาก็ปล่อยบ้าง แต่เรื่องที่เข้มงวดตั้งแต่เด็กคือการให้เกียรติคน เราสอนให้เขารู้จักเห็นใจคนอื่น แม้กระทั่งพี่เลี้ยง หรือคนทำงานในบ้าน ต้องพูดจาดีด้วย นกแคร์มากเรื่องการให้เกียรติคน ที่บริษัท ไม่ว่าจะตำแหน่งไหน ถ้าใครพูดไม่ดีใส่กันโดยไม่มีเหตุผล นกไม่ชอบ ลูกทั้งสามคนก็เป็นแบบนี้ เห็นอกเห็นใจคนอื่น เป็นพวกใจอ่อน (หัวเราะ) ซึ่งเราก็รู้สึกดีกับเรื่องนี้นะคะ เพราะไม่ชอบการมองอะไรลบ มีแต่พลังงานลบใส่กัน”

แล้วมีเรื่องไหนบ้างคะที่แม่ – ลูกถอดแบบกันมา

จีนส์ “ยิ่งจีนส์โตขึ้น แม่ยิ่งเหมือนเพื่อน เขาได้นิสัยความติ๊งต๊องจากจีนส์ คือตอนเป็นเด็กจะรู้สึกว่าแม่จริงจังกว่านี้ ซึ่งจีนส์เป็นแนวไม่มานั่งพยายามจริงจังตามคนอื่น ตรงข้าม เวลาเจอใครจริงจังเราจะพยายามทำให้บรรยากาศซอฟต์ เวลาแม่เครียดเรื่องงานก็ทำให้เขาขำ เขาก็เลยติดไปด้วย กลายเป็นพยายามติ๊งต๊องไปด้วยกัน” (หัวเราะ)

คุณแม่นก ความติ๊งต๊องที่ว่าคือเหมือนเล่นกันค่ะ เช่น บางทีนอนอยู่บนเตียง ทั้ง 3 พี่น้องจะโถมมาเลย ทับแม่จนหายใจไม่ออก คือบ้านนี้ลูกชอบแกล้งแม่ อย่างพ่อก็โดน แต่เขาไม่ติ๊งต๊องกลับ (หัวเราะ) อย่างลูกชายคนโตชอบมาจุ๊บ ทั้งๆ ที่ตอนนี้ไว้หนวดยาวมากจนเป็นฤาษีแล้ว แม่ก็จะรำคาญ พอเขารู้ก็ชอบมาแกล้ง ส่วนจีนส์ก็จะมาจุ๊บหน้าเวลาที่แม่เหงื่อออก ตั้งใจให้แม่รำคาญแหละ เราก็จะดันเขาออกไป ฉันเหนื่อยนะ แต่ใจจริงคือชอบ มีความสุข มันคือมุมอ้อนของลูก เวลาที่นกไม่สบายใจหรือรู้สึกไม่ดี เราจะได้รับพลังงานจากเด็กๆ ว่าเขากำลังห่วงใยนะ เขาจะเข้ามาจับมือ คอยกอดไว้ อย่างจีนส์จะเป็นแนว ไปโยคะไหม ออกไปข้างนอกไหม คนนี้เขาจะช่วยได้เยอะ เราจะรู้สึกดีขึ้น”

จีนส์เล่าความลับให้คุณแม่ฟังไหม

จีนส์ “เกือบทุกเรื่องนะ แต่ถ้าเรื่องไหนทำให้แม่กังวลก็ไม่เล่า ตอนไปเรียนที่อังกฤษ ถ้ามีอะไรที่ทำให้เรารู้สึกไม่ปลอดภัย เช่น เดินถนนนี้แล้วน่ากลัว ก็จะโทร.ไปบ่นให้พี่ฟัง แล้วบอกพี่ว่าไม่ต้องบอกแม่นะ คือไม่ใช่แค่จะโดนแม่บ่นอย่างเดียว แต่เขาจะคอยกำชับว่าคราวนี้ห้ามเดินถนนนี้แล้วนะ คือเป็นห่วงมากขึ้น

“ช่วงไปเรียนที่อังกฤษ 3 ปี ต้องคุยเฟซไทม์กับแม่ทุกวัน แม่ก็จะโทร.หาบ่อย เช่น ลงรถแล้วเหรอ วันนี้เดินถนนตรงไหน กี่นาทีถึง ถ้ากินข้าวอยู่บ้าน ก็ต้องเปิดเฟซไทม์คุยกับแม่ตลอดแทบทุกมื้อ”

คุณแม่นก “แม่ติดลูกมาก จนพี่จอนนี่อำว่าเป็นทาสลูก ซึ่งเราก็…แล้วไงอะ”

คุณแม่นกหวงลูกๆ ไหมคะ

คุณแม่ “ก็จะมีหวงตามนิสัยของแม่ แต่หนักทางห่วงมากกว่า ทั้งเรื่องการดูแลตัวเอง สุขภาพ คบเพื่อน แต่ตอนนี้โตหมดแล้ว จึงไม่ได้มีข้อห้าม ก็จะบอกแค่ว่าให้คำปรึกษาได้เท่านั้นเอง เราถอยออกมาเป็นเพื่อนลูก ซัพพอร์ตลูกเท่าที่ทำได้ ยิ่งลูกเรียนจบมาในยุคโควิด อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ง่ายเลย เราก็ยิ่งต้องประคองกันไป”

จีนส์ “ถ้าเป็นเรื่องหัวใจไม่เชิงปรึกษาค่ะ แต่จะเล่าให้ฟังว่าคนนั้นคนนี้เข้ามาคุย จะปฏิเสธเขายังไงให้ดูมีมารยาทดี คุณแม่ก็จะแนะนำค่ะ”

แม่ – ลูกส่งต่อเคล็ดลับความงามประสาผู้หญิงไหมคะ

คุณแม่นกหัวเราะนำมาแต่ไกล “ต้องบอกว่าคุณแม่ไม่ได้เรื่องเลย (หัวเราะ) จีนส์สอนทุกอย่าง เขารักสวยรักงาม ชอบออร์แกนิก อะไรดีก็เอามาบอกแม่ ส่วนแม่นี่ ขอโทษนะคะ พูดไปก็อาย บางวันนอนยังไม่ล้างเมคอัพ (หัวเราะ) เพราะเราทำงานกองถ่าย เจอแดดร้อนๆ ทั้งวัน บางทีกลับบ้านสลบไปโดยไม่รู้ตัว จีนส์เลยเป็นฝ่ายดูแลแม่ ผมต้องอย่างนี้ ผิวต้องกินอันนี้นะ แม่ก็จะแบบเหรอๆ แต่ไม่ทำสักอย่าง” (หัวเราะ)

จีนส์ “เพราะคุณแม่ทำงานในวงการบันเทิงมาตั้งแต่วัยรุ่น มีคนแต่งหน้าให้ ดูแลผิวให้ ขณะที่จีนส์ไม่ได้โตในวงการนี้ ก็ต้องหาวิธีดูแลตัวเอง

“จีนส์ให้ความสำคัญเรื่องเฮลตี้มากกว่าความสวย เรื่องกิน ออกกำลังกาย และดื่มน้ำสำคัญมาก พอยิ่งโตขึ้น กลายเป็นว่าชอบอะไรง่ายๆ อย่างช่วงที่เริ่มแต่งหน้าก็ซื้อเครื่องสำอางมาลองเยอะเลย แต่ยิ่งโตยิ่งรู้สึกว่าไม่ว่าจะมีเครื่องสำอางเยอะแค่ไหน ถ้าเราไม่ดูแลผิวให้ดีแต่แรก แต่งไปก็ไม่ติด จึงควรดูแลสุขภาพองค์รวม มันไม่ได้ทำให้แค่ผิวดี แต่ยังทำให้เรารู้สึกดี จึงพยายามออกกำลังกายให้ได้ 3 วันต่อสัปดาห์ เมื่อก่อนไปยิมมีเทรนเนอร์ ช่วงนี้ต้องออกกำลังกายที่บ้าน ก็จะเปลี่ยนวิธีไปเรื่อยๆ ตามยูทูบ แต่จะยึดเล่นเวตเทรนนิ่ง เพราะกล้ามเนื้อช่วยเรื่องระบบเผาผลาญ

“ครีมกันแดดก็สำคัญมาก ต้องใช้ทุกวัน ส่วนสกินแคร์เมื่อก่อนมีหลายขั้นตอน เพราะไปดูตามคนอื่นตลอด มารู้ทีหลังว่าผิวจีนส์เป็นสิวง่าย คุณหมอผิวหนังแนะนำว่าใช้ให้ง่ายไว้ดีที่สุด ทุกวันนี้จึงตื่นเช้ามาล้างหน้าด้วยน้ำเปล่า ทามอยส์เจอไรเซอร์กับครีมกันแดด จบเท่านี้เลยค่ะ”

นก จริยา จีนส์ จิรชยา

คู่นี้เป็นสายช็อปไหมคะ

คุณแม่นก “โอ้โฮ เป็นกิจกรรมที่สนุกมาก เราชอบไปช็อปปิ้งทุกวันอาทิตย์ จนจีนส์แซวว่า ‘ทุกวันอาทิตย์หม่ามี้เหมือนไปโบสถ์เลย’ แต่จริงๆ คือไปช็อป ซึ่งการช็อปปิ้งของเราคืออยู่ในซูเปอร์มาร์เก็ตนะคะ นกติดนิสัยแม่บ้าน วันอาทิตย์ชอบไปหาผลไม้ ของกินอร่อยๆ ให้คนที่บ้าน แล้วก็จะหาดอกไม้มาแต่งบ้าน เพราะติดดอกไม้มาก ส่วนจีนส์ก็จะไปดูเครื่องสำอาง เป็นความสุขจุ๊กจิ๊กสไตล์ผู้หญิง”

จีนส์ “ส่วนเสื้อผ้าเราจะดูเยอะ ลองเยอะ แต่ซื้อนิดเดียว ถ้าซื้อเยอะจะรู้สึกผิดว่าคนเราจะต้องมีเสื้อผ้าสักกี่ชิ้นกัน อีกอย่างคือจีนส์ให้ความสำคัญกับเบื้องหลังของการผลิตเสื้อผ้าด้วยค่ะ เช่น ถ้าแบรนด์นี้เจ้าของมีข่าวมองผู้หญิงในทางที่ไม่ดีหรือเอาเปรียบเรื่องแรงงาน เราก็ไม่อยากซัพพอร์ต ก็จะคอยรายงานข้อมูลคุณแม่”

คุณแม่นกแซว “เธอเป็นมนุษย์ NGO มากค่ะ เรื่องนี้นกเห็นด้วย ถ้าอะไรปรับได้ก็ปรับตามคนรุ่นใหม่”

สำหรับแม่ ลูกๆ มีเรื่องน่าประทับใจยังไงบ้างคะ

คุณแม่นก “ลูก ๆ ทั้งสามคนอาจไม่ใช่เด็กดีที่สุด แต่ก็อยู่ในร่องในรอย ไม่สร้างความหนักใจให้พ่อแม่ เป็นเด็กที่เข้าใจสถานการณ์ได้ดี และทำให้พ่อแม่วางใจในตัวเขา

“อย่างจีนส์จะรู้สึกตลอดว่าเขาเป็นน้องเล็ก เป็นเด็กติดบ้านมาก ตอนเขาเรียนมหาวิทยาลัยที่ไทย เขารู้สึกไม่คลิกกับสิ่งที่เรียน เลยขอไปเรียนที่อังกฤษ ซึ่งวันนั้นนกค้านหัวชนฝา เพราะรู้สึกว่าลูกติดบ้านไปแล้ว อาจจะงอแง ไม่ประสบความสำเร็จ กลัวเขาจะเรียนไม่ได้ บอกว่าให้เรียนในไทยก่อน แต่เขาพิจารณาแล้ว ตัดสินใจแล้ว ขอไปใช้ชีวิตที่อังกฤษ นกเครียดมากเลยนะ แต่ปรากฏว่าพอไปใช้ชีวิตที่นั่น เขาอยู่ได้ดีและติดต่อพ่อแม่ตลอด แสดงความเป็นผู้ใหญ่ เข้มแข็ง”

จีนส์ “ก่อนไปคิดว่าคงจะร้องไห้ โฮมซิก วันที่ไปเรียน ครอบครัวก็ไปส่งทั้งหมดเลย แล้วพี่ชายอยู่ด้วยกัน 1 สัปดาห์ เพื่อให้เราปรับตัว พอพี่ชายกลับ สนุกเลยค่ะ จีนส์แทบไม่ต้องปรับอะไร ไม่โฮมซิกด้วย ปกติทุกปิดเทอมจะกลับบ้าน ตอนหลังคือไม่กลับ ขอเที่ยวก่อนนะ

“แต่อยู่ที่นั่นจีนส์มีเรื่องประทับใจในตัวคุณแม่นะ ช่วงซัมเมอร์ไทยกับอังกฤษต่างกัน 6 ชั่วโมง พอเป็นฤดูหนาวจะต่างกัน 7 ชั่วโมง แล้วบางทีจีนส์เลิกเรียนช้า ทุกคนที่บ้านชินกับเวลาต่าง 6 ชั่วโมงที่ต้องรอคุยกับเรา แต่พอเป็น 7 ชั่วโมง เขาหลับแล้ว แต่คุณแม่อยู่รอเสมอ จนกว่าจีนส์จะเดินกลับถึงที่พัก”

คุณแม่นก “มนุษย์แม่เนอะ ลูกยังไม่ถึงห้อง เราก็ยังไม่หลับ เขา รียน 3 ปี เราก็รออย่างนี้ทุกวันจนจบ”

มีคำสอนของคุณแม่ที่จีนส์นำมาใช้ตลอดไหมคะ

“คุณแม่ให้ความสำคัญกับความสตรอง สุขภาพใจต้องมาก่อนทุกอย่าง เพราะไม่ว่าเราจะตัดสินใจอะไรในชีวิตหรือต้องออกไปผจญโลกข้างนอก เราจะปลอดภัยที่สุดถ้าเราสตรอง คุณแม่สอนให้จีนส์พึ่งตัวเองได้ และมีสติตลอดเวลา ยิ่งเป็นลูกสาวคนเล็ก ท่านก็อยากให้รู้จักดิ้นรนช่วยเหลือตัวเองได้โดยไม่ต้องไปพึ่งใครค่ะ”


ที่มา : นิตยสารแพรว ฉบับ 973

ภาพเพิ่มเติม : mookmake

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

อบอุ่นไปด้วยความรัก กองทัพ พีค & คุณแม่นุช-ธันยวรรณ สวยระดับนางงาม

“ตุ๊ก-นิรัตน์ชญา” แม่ผู้เอาชนะภาวะซึมเศร้าหลังคลอด สู่บทบาทแม่ไอดอลสุดสตรอง

เลี้ยงลูกแบบ อัมบานี ตระกูลที่รวยที่สุดในเอเชีย เนี้ยบเป๊ะ ระเบียบจัด ประหยัดสุด

คุณแม่นุช-ธันยวรรณ

อบอุ่นไปด้วยความรัก กองทัพ พีค & คุณแม่นุช-ธันยวรรณ สวยระดับนางงาม

Alternative Textaccount_circle
คุณแม่นุช-ธันยวรรณ
คุณแม่นุช-ธันยวรรณ

เปิดภาพความรักความอบอุ่น แม่ลูกคู่ซี้ กองทัพ พีค & คุณแม่นุช-ธันยวรรณ ผู้อยู่เบื้องหลังสำเร็จและกำลังใจสำคัญของลูกชายผู้มุ่งมั่น

หากพูดถึงนักแสดงหนุ่มดาวรุ่งชื่อของเขากำลังมาแรงในช่วงนี้ คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก กองทัพ พีค พระเอกจากเรื่อง Dare To Love ให้รักพิพากษา “ไอ้เด็กบ้า” ของพี่สาวหลายคน ที่ตกหลุมรักความน่ารักของหนุ่มคนนี้อย่างถอนตัวไม่ขึ้น ทั้งๆ นี้เพิ่งจะเป็นผลงานการเป็นนักแสดงนำครั้งแรกของเขา แต่ฝีไม้ลายมือกลับไม่ธรรมดาเลย

และนอกจากที่แฟนๆ จะรู้จักเขาในฐานะพระเอกใหม่ของช่อง 3 แล้ว หลายคนทราบว่าหนุ่มคนนี้เป็นลูกชายของนักแสดง ปราบ ยุทธพิชัย ซึ่งเจ้าตัวได้เคยบอกไว้เสมอว่าคุณพ่อคือไอดอล เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเขาทั้งในเรื่องงานและการเป็นหัวหน้าครอบครัว

อบอุ่นไปด้วยความรัก กองทัพ พีค & คุณแม่นุช-ธันยวรรณ สวยระดับนางงาม

อันที่จริงแล้วนอกจากเรื่องราวของคุณพ่อปราบ บุคคลที่เป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้กองทัพพีคได้เดินตามความฝันการเป็นนักแสดงแล้ว อีกหนึ่งคนสำคัญที่เขามักพูดถึง แต่อาจไม่ค่อยมีคนโฟกัสนักก็คือ คุณแม่นุช-ธันยวรรณ  ผู้คอยสนับสนุนและให้ความมั่นใจกับเขามาอย่างสม่ำเสมอ คุณแม่กองทัพพีคเป็นคู่แม่ลูกที่ใกล้ชิดมาก หากไม่ติดขัดอะไร เราก็มักจะได้เห็นคุณแม่ไปทำงานกับเขาตลอด เช่นเดียวกับครั้งนี้ที่แพรวได้มีโอกาสร่วมงานกับหนุ่มกองทัพ พีค เราจึงขอเก็บภาพความน่ารักของแม่ลูกคู่ซี้มาฝากแฟนๆ กัน

สำหรับคุณแม่ของ กองทัพ พีค มีโปรไฟล์ไม่ธรรมดาเลยเพราะมีดีกรีความงามระดับประเทศ เนื่องจากเคยประกวดผ่านเข้ารอบ 20 คนสุดท้ายจากเวที นางสาวไทยปี 2535 ปีเดียวกับ อรอนงค์ ปัญญาวงศ์ โดยตอนนั้นใช้ชื่อในการประกวดว่า “ธันยวรรณ ทรัพย์เจริญ”  ,เข้ารอบ 10คน สุดท้าย  มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2535  ปีเดียวกับซูเปอร์โมเดล เมทินี กิ่งโพยม   และเคยประกวดเวทีระดับประเทศ อีก 2 ครั้ง โดยใช้ชื่อในการประกวดว่า “ชลธิชา บุญญาวนิช” อีกด้วย ดูเหมือนว่าแม้เวลาจะผ่านไปนานแล้วแต่คุณแม่ก็ยังสวยไม่สร่างเลยล่ะค่ะ

คุณแม่กองทัพ พีค คุณแม่นุช-ธันยวรรณ คุณแม่กองทัพ


 

‘อย่าเพิ่งวาดฝันถึงความรักไว้งดงามนัก เพราะดวงมือที่สามมาแล้ว’ ดวงรายวัน 12 สิงหาคม 2564

ดูดวงรายวัน 12 สิงหาคม 2564 #หมอปุ้ยพยากรณ์ เช็กทุกวัน เป๊ะปังทุกดวง ทั้งการงาน การเงิน ความรัก และสุขภาพ

‘อย่าเพิ่งวาดฝันถึงความรักไว้งดงามนัก เพราะดวงมือที่สามมาแล้ว’

ดูดวงรายวัน 12 สิงหาคม 2564

ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์

การงาน  :  มีความเป็นไปได้ ที่ผู้ใหญ่และคนใกล้ตัวจะส่งเสริมสนับสนุนคุณให้ได้ทำงานอย่างที่ตั้งใจไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณทำงานหรือเกี่ยวข้องกับสายการศึกษา เช่น ครูบาอาจารย์ นักวิชาการ นักค้นคว้าวิจัย หรืองานที่ต้องทำกันเป็นทีมเวิร์ค เช่น แพทย์ ทั้งแผนปัจจุบันและแผนไทย วันนี้คุณมีโอกาสได้ร่วมงานกับทีมงานที่ดีมีความรู้ขั้นเทพเลยทีเดียว แต่ก็ต้องระวังเพื่อนร่วมงานคนเดิมๆ ให้ดี เพราะจากที่เคยช่วยเหลืองานคุณดีจะกลายเป็นทรยศหักหลังซะงั้น

การเงิน  :  ผู้ใหญ่อุปถัมภ์ รวมถึงเพื่อนร่วมงานและผู้บังคับบัญชาจะหางานมาให้ แต่คุณก็ไม่สามารถเก็บเงินไว้กับตัวได้นาน เกิดปัญหาทางการเงินบ่อยครั้ง

ความรัก :  วันนี้คุณค่อนข้างเบื่อง่าย อยู่กับผู้ใหญ่นานๆ ก็เบื่อ ปลีกวิเวก wfh มากๆ ก็เบื่อ คุณจึงเริ่มออกไปโน้นมานี่บ้างแล้ว คนโสด  คุณรักง่ายหน่ายเร็ว วันนี้อาจได้พบเจอผู้ใหญ่ที่ถูกใจ แต่คุณก็คบได้ไม่นานก็เบื่อแล้ว

สุขภาพ  :  นั่งๆ นอน ๆ อยู่บ้านนานๆ ระวังน้ำหนักขึ้น นอกจากนั้นยังนำโรคมาให้ด้วย เช่น ลำไส้อักเสบ ระบบย่อยอาหาร โรคกระเพาะ ทำให้คุณมีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ จึงควรดูแลเรื่องอาหารด้วย

 

ผู้ที่เกิดวันจันทร์

การงาน  :  มีความเป็นไปได้ว่า คุณจะอยู่ในช่วงที่ต้องรับมือกับปัญหาและอุปสรรคที่เกิดจากการทำงานอย่างต่อเนื่อง จนคุณหมกมุ่นครุ่นคิดถึงแต่ความสำเร็จ ทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้กับการทำงานจนไม่มีเวลาปฏิบัติภารกิจของตัวเองเลย วันนี้ก็คงต้องใช้สติและสมองให้มากๆ เพราะมีโอกาสที่คุณจะเกิดการขัดแย้งกับเพื่อนร่วมงาน แล้วจะส่งผลให้คุณวิตกกังวลและเครียดกับความสัมพันธ์ในระยะยาว ตรงกันข้ามหากคุณอดทนจนผ่านพ้นช่วงเวลานี้ไปได้ ผลตอบแทนที่ได้รับถือว่าคุ้มค่ากับความเหนื่อยทั้งหมด

การเงิน : รายได้มาจากหยาดเหงื่อและแรงงาน แต่เพราะความใจดีของคุณ ที่วันนี้จะช่วยเหลือผู้อื่นจนตัวเองเดือดร้อน

ความรัก :  วันนี้วันแม่แห่งชาติ แต่คุณก็ยังให้เวลากับการทำงาน เท่ากับเปิดโอกาสให้พวกปากหอยปากปูสามารถแซะได้ว่า คุณมีกิ๊ก เพื่อสร้างความร้าวฉานในครอบครัว คนโสด คุณทุ่มเทให้กับความรักอย่างน่ากลัว แต่เมื่อถูกแย่งชิงคนรักไปบ่อยๆ วันนี้คุณเริ่มเบื่อ อยู่คนเดียวก็ได้

สุขภาพ  : ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่ไม่สุก ไม่สะอาด ไม่ถูกหลักอนามัย รสจัด เพราะคุณมีโอกาสท้องเสีย อาหารเป็นพิษ หากในกรณีรุนแรงอาจถึงกับลำไส้อักเสบ

 

ผู้ที่เกิดวันอังคาร

การงาน :  สำหรับผู้ทำงานหรือเกี่ยวข้องกับการติดต่อประสานงาน การบริหารจัดการ และการให้คำปรึกษาแนะนำในด้านต่างๆ มีความเป็นไปได้ว่าคุณจะได้เริ่มต้นงานใหม่ หรือนำโครงการที่มีอยู่แต่เดิมมาพัฒนาและปรับปรุงใหม่ แต่วันนี้ไม่ควรกล้าได้กล้าเสีย หรือใจร้อน วู่วามตัดสินใจโดยไม่รับฟังความคิดเห็นของใครเลย เพราะมีความเสี่ยงที่คุณจะถูกเพื่อนร่วมงานหรือคนสนิทแอบแทงข้างหลัง หรือเลื่อยขาเก้าอี้คุณโดยไม่รู้ตัว

การเงิน : มีโชค ส่วนมากจะได้เงินจากอาชีพที่ค่อนข้างเสี่ยง แต่วันนี้ก่อนจะรับปากหรือเซ็นสัญญากับใคร มีความเสี่ยงจะถูกหักหลัง ได้รับผลประโยชน์ไม่ตรงตามที่ตกลงกันไว้

ความรัก :  แม้คุณจะยึดมั่นในความรักและพยายามทำทุกอย่างเพื่อครอบครัว แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่า จะมีปัญหาเรื่องบุคคลที่สามเข้ามาวุ่นวายในครอบครัว เกิดความหึงหวง ปรับความเข้าใจกันไม่ได้ จึงควรลดทิฐิ ยึดมั่นอยู่แต่ความคิดของตัวเองลง แล้วประนีประนอมมากกว่าจะเอาชนะกัน คนโสด  อย่าเพิ่งวาดฝันถึงความรักไว้งดงามนัก เพราะมีความเป็นไปได้ว่า วันนี้คุณอาจเป็นมือที่สามหรือถูกมือที่สามแย่งไป

สุขภาพ  : ทำความสะอาดบ้านบ้างหรือยังคะ วันนี้วันแม่แห่งชาติ ทำความสะอาดเพื่อให้สมาชิกในครอบครัวได้มีสุขอนามัยที่ดีกันดีกว่า แต่ก็ต้องระวังจะได้รับอันตรายจากของมีคมด้วย

 

ผู้ที่เกิดวันพุธ

การงาน :  มีความเป็นไปได้ว่า คุณจะได้รับการชักชวนให้เข้าไปทำงานกับธุรกิจของครอบครัว หรือของคนรู้จัก ซึ่งเป็นโอกาสที่คุณจะได้ใช้ความรู้ ความสามารถ และทักษะเฉพาะบุคคลขั้นเทพในการทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ งานออกแบบดีไซน์ งานโฆษณา ประชาสัมพันธ์ สื่อมวลชน ฯลฯ แต่คุณไม่ควรยึดอยู่แต่ความคิดของเพื่อนพ้องน้องพี่ของตัวเอง ควรเปิดใจรับฟังความคิดเห็นของคนอื่นด้วย และควรเตรียมแผนงานให้ดี เพื่อป้องกันการตัดสินใจในเรื่องต่างๆ ผิดพลาด

การเงิน :  มีโอกาสได้รับเงินปันผลจากธุรกิจของครอบครัว จนถึงได้รับมรดกด้วยนะเนี่ย ซึ่งวันนี้คุณก็สามารถบริหารจัดการทรัพย์สินได้อย่างดีเยี่ยม

ความรัก :  ก็ยังไม่คลายความสงสัยว่า คู่คุณจะชอบผู้หญิงจริงหรือเปล่า โดยเฉพาะวันนี้คุณค่อนข้างยึดอยู่บนหลักการและเหตุผล กับขนบธรรมเนียมประเพณี ก็อาจทำให้มีปัญหากันได้ คนโสด  คุณมีโอกาสได้พบกับชาวต่างชาติที่ฉลาดขั้นเทพแบบรักแรกพบ แต่ก็เผื่อใจไว้หน่อยว่า เขาอาจไม่ชอบผู้หญิง

สุขภาพ : ต้องระวังระบบหมุนเวียนเลือดทำงานไม่สมบูรณ์ มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคโลหิตจาง หรือเซลล์เม็ดเลือดทำงานผิดปกติ มีอาการหน้ามืด วิงเวียนศีรษะ จนถึงเป็นลม

 

ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี

การงาน  :  สำหรับนักธุรกิจรายย่อย ฟรีแลนซ์ หรือเปิดบ้านค้าขายเล็กๆ น้อยๆ เช่น ร้านอาหาร กาแฟ ร้านของชำ จนถึงโฮมออฟฟิศ มีความเป็นไปได้ว่า คุณจะได้ร่วมงานหรือร่วมหุ้นทำธุรกิจกับเพื่อนสนิท (ผู้หญิง) ในเร็ววันนี้ ยิ่งหากเป็นงานหรือธุรกิจที่เกี่ยวกับวงการบันเทิง งานเขียน งานศิลปะ ฯลฯ หรืองานที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบด้วยแล้ว คุณจะได้ใช้ความรู้ ความสามารถ และบารมีเก่าๆ มาช่วยเปิดทางให้งานประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว

การเงิน : เงินทองจะหลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสาย วันนี้คุณมีโอกาสที่จะใช้เงินกับความสุขราคาแพงให้กับตัวเอง กับเพื่อน โดยเฉพาะซื้อของขวัญให้แม่ ในวันแม่

ความรัก : วันนี้วันแม่แห่งชาติ คุณก็มีโอกาสได้อยู่กับแม่ รวมถึงครอบครัวอย่างพร้อมหน้าพร้อมตากัน ซึ่งจะเน้นเฉพาะญาติผู้หญิงเป็นหลัก  คนโสด  คุณมีเสน่ห์ แต่วันนี้ดูเหมือนจะเข้าตาเพศเดียวกันมากกว่าเพศตรงข้าม ซึ่งเธอก็ให้เกียรติและนับถือคุณมาก

สุขภาพ : คุณมีพลังในตัวมากมาย ยากที่จะเจ็บไข้ได้ป่วย แต่หากมาก็จะมาเป็นชุด อย่างวันนี้คุณมีโอกาสเป็นได้ทั้งภูมิแพ้ ไข้หวัด ปอดบวม รวมถึงความดัน และน้ำในหูไม่เท่ากันด้วย จึงไม่ควรประมาท

 

ผู้ที่เกิดวันศุกร์

การงาน :  สำหรับผู้ที่ทำงานหรือเกี่ยวข้องกับการติดต่อประสานงาน โฆษณา ประชาสัมพันธ์ สื่อมวลชน รวมถึงผู้เชี่ยวชาญทางด้านภาษา มีความเป็นไปได้ว่า วันนี้คุณจะหมกมุ่นครุ่นคิดถึงแต่ความสำเร็จ ทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้กับการทำงาน จนไม่ได้ปฏิบัติภารกิจส่วนตัวเลย ก็ต้องระวัง เพราะคุณมีความเสี่ยงที่จะตกอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ต้องทำงานงอกจากที่ตกลงกันไว้ หรือไม่ก็ตกเป็นแพะรับบาป ต้องรับผิดในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้กระทำ ทางที่ดีควรรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น รวมถึงปรึกษาผู้รู้ผู้มีประสบการณ์ก่อนจะตัดสินใจทำอะไรลงไป

การเงิน : เรียกว่าคุณโชคดี แม้ไม่ต้องทำงานหนัก แต่ก็มีเงินใช้จ่ายไม่ได้ขาด แต่สิ่งที่คุณยังตัดใจไม่ได้ก็คือ ความใจดี ชอบช่วยเหลือคนอื่น ซึ่งวันนี้มีโอกาสที่คนใกล้ชิดและลูกหลานจะมาขอความช่วยเหลือ ก็ไม่ควรช่วยตัวเองเดือดร้อน

ความรัก :  หากวันนี้คุณไม่รู้จะจัดการอย่างไร ระหว่างครอบครัวกับเรื่องงาน ซึ่งต้องการคุณทั้งหมด ก็โชคดีว่า วันนี้คู่คุณเข้าใจ ยอมให้คุณทำงานได้ตามที่คุณปรารถนา ส่วนครอบครัวเขาดูแลเอง  คนโสด  คุณกำลังมีความรักอยู่หรือเปล่าคะ แต่ก็ยังตัดขาดเรื่องงานไม่ได้ วันนี้จึงยังเลือกไม่ได้ว่า จะไปทางไหนดีกว่ากัน

สุขภาพ : ดูแลตัวเองให้ดี โดยเฉพาะเรื่องการขับขี่ หรือการเดินทาง ไม่ว่าจะทางบกหรือทางน้ำ อุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาหากประมาท

 

ผู้ที่เกิดวันเสาร์

การงาน :  สำหรับผู้ที่ทำงานหรือเกี่ยวข้องกับงานด้านการบริการ เช่น ร้านอาหาร เครื่องดื่ม พนักงานต้อนรับ โรงแรม หรือสินค้าบริการสำหรับเด็ก มีความเป็นไปได้ว่า คุณจะเริ่มคาดหวังถึงผลตอบแทน ชื่อเสียง เงินทอง และความก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่ บ้างแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากอยู่ในตำแหน่งผู้บริหารระดับสูง ไม่ว่าจะภาครัฐ หรือภาคเอกชน วันนี้มีโอกาสที่คุณจะได้ใช้ความรู้ ความสามารถ ทำงานได้สมกับที่คาดหวังไว้

การเงิน : มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดี มีโชคลาภ แต่วันนี้คุณก็มีความเสี่ยงที่จะหมดเงินไปกับการซื้อขนม หรือของกินกระจุกกระจิก เลี้ยงเด็กๆ ลูกหลานที่บ้าน

ความรัก :  วันนี้คุณมีภาวะผู้นำสูงมาก หาเงินสร้างฐานะเพื่อให้ครอบครัวได้มีหน้ามีตาทัดเทียมผู้อื่น แต่สิ่งที่คุณยังรออยู่ก็คือ สมาชิกใหม่ ที่จะมาช่วยเติมเต็มให้เป็นครอบครัวได้สมบูรณ์ขึ้น คนโสด หากคุณเป็นผู้นำครอบครัว ทำงานหาเลี้ยงครอบครัวด้วยตัวเอง วันนี้คุณมีโอกาสที่จะรับเด็กมาอุปการะฉลองวันแม่

สุขภาพ : วันนี้ไม่ควรโหมงานหนัก เพื่อหาเงินมากๆ จนลืมใส่ใจดูแลสุขภาพร่างกายตัวเอง โดยเฉพาะโรคที่เกิดจากการขาดแคลเซียม เช่น กระดูกพรุน จึงควรรับประทานวิตามินเสริมและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

 

Kensington Palace สถานที่แห่งรักและชัง หวานและขมขื่นของเจ้าหญิงไดอาน่า

ความน่าสนใจของ Kensington Palace หรือ พระราชวังเคนซิงตัน นั้น นอกจากเป็นเพราะความขลัง อลังการ สวยงาม สร้างมาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 17 แล้ว ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นเพราะที่แห่งนี้ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ประทับของเจ้าหญิงไดอาน่า

เรื่องราวรักหวานดั่งเทพนิยายของเจ้าหญิงเมื่อครั้งยังดำรงพระยศเป็นเลดี้ไดอาน่า กับเจ้าชายชาร์ลส์ เจ้าชายแห่งเวลส์ เป็นที่รับรู้ในระดับโลก ซึ่งก็น่าจะพอๆ กับข่าวคาวรักฉาวระทมทุกข์ของทั้งสองพระองค์ที่ทำให้โลกตระหนักรู้ว่า เทพนิยายไม่จำเป็นต้องจบด้วยคำว่า Ever After เสมอไป

ย้อนกลับไป 44 ปีก่อน เลดี้ไดอานาทรงพบกับเจ้าชายชาร์ลส์ครั้งแรกในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2520 แน่นอนว่าเมื่อถึงวันนี้เราทุกคนต่างรู้แล้วว่ามันไม่ใช่รักแรกพบ  แต่สำหรับเด็กสาววัย 16 จากตระกูลขุนนาง(สเปนเซอร์) ณ ห้วงเวลานั้นเจ้าชายคือโลกสีชมพูทั้งใบของพระองค์

และเมื่อสำนักพระราชวังบักกิงแฮมประกาศพิธีหมั้นหมายระหว่างเจ้าชายชาร์ลส์และเลดี้ไดอานาอย่างเป็นทางการในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2524 ซึ่งนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้พระองค์ต้องย้ายเข้าไปพำนักที่พระราชวังเคนซิงตัน เพื่อเตรียมตัวสำหรับการเป็นพระชายา

29 กรกฎาคม 2524 อพาร์ตเม้นท์หมายเลข 8 และ 9 ซึ่งอยู่ทางปีกด้านขวาของพระราชวังเคนซิงตันถูกบูรณะตกแต่งใหม่ โดยเปิดพื้นที่ให้เชื่อมต่อถึงกันด้วยจุดประสงค์เพื่อใช้เป็นเรือนหอก็พร้อมเปิดประตูต้อนรับเจ้าชายชาร์ลส์และเจ้าหญิงไดอานา เจ้าหญิงแห่งเวลส์ คู่บ่าวสาวใหม่

ประตูทางเข้าพระราชวังเคนซิงตันในส่วนที่ประทับ
Kensington Gardens
สวนในพระราชวังเคนซิงตัน
Kensington Palace
เจ้าชายชาร์ลส์และเจ้าหญิงไดอาน่าในวันที่รักยังหวาน
Kensington Palace
เจ้าหญิงไดอาน่าในอพาร์ตเม้นต์ที่ประทับ
Kensington Palace
ครอบครัวอบอุ่น
เจ้าหญิงไดอาน่าในอพาร์ตเม้นต์ที่ประทับ
ในวันที่ยังมีแต่รอยยิ้ม
เจ้าหญิงไดอาน่าในอพาร์ตเม้นต์ที่ประทับ
เจ้าหญิงไดอาน่ากับเจ้าชายวิลเลียม
ทรงงดงามสมกับเป็นไอคอนของคนทั้งโลก
พร้อมหน้าครอบครัว

ทว่าเพียงชั่วเวลาแค่ห้าปี เทพนิยายรักบันลือโลกที่มีผู้ติดตามรับชมการถ่ายทอดสดพระราชพิธีอภิเษกสมรสกว่า 750 ล้านคนทั่วโลกก็ส่อแววร้าวฉาน  บ่อยครั้งที่เจ้าหญิงไดอาน่าและพระโอรส 2 พระองค์ คือเจ้าชายวิลเลียม และเจ้าชายแฮร์รี่ต้องประทับอยู่ในอพาร์ตเม้นต์เพียงลำพัง โดยปราศจากเงาของเจ้าชายชาร์ลส์

ห้องในอพาร์ตเม้นต์ที่ประทับของเจ้าหญิงไดอาน่า
ห้องในอพาร์ตเม้นต์ที่ประทับของเจ้าหญิงไดอาน่า
ห้องในอพาร์ตเม้นต์ที่ประทับของเจ้าหญิงไดอาน่า
ห้องแต่งตัวของเจ้าหญิงไดอาน่า
บ่อยครั้งที่พระองค์จ้องอยู่กับพระโอรสเพียงลำพัง
ทรงเลี้ยงดูพระโอรสให้วิ่งเล่นแบบสามัญชน
พระโอรสคือดวงใจของเจ้าหญิงไดอาน่า

ธันวาคม 2535 สภาสามัญชนแห่งสหราชอาณาจักร โดยนายกรัฐมนตรี จอห์น เมเจอร์ ได้ออกมาแถลงเรื่องการแยกกันอยู่ระหว่างเจ้าหญิงและเจ้าชายแห่งเวลส์

ปลายปี พ.ศ. 2538 เจ้าหญิงไดอาน่าประทานสัมภาษณ์ในรายการโทรทัศน์ ‘บีบีซีพาโนรามา’ ซึ่งดำเนินการสัมภาษณ์โดย มาร์ติน บาร์ชีร์ ตอนหนึ่งของการสัมภาษณ์ เจ้าหญิงทรงเปิดเผยว่าทรงได้รับความทุกข์ทรมานสาหัสจากโรคซึมเศร้าและโรคบูลีเมียขั้นรุนแรง และทรงพยายามทำร้ายพระองค์เองด้วยการกรีดข้อพระหัตถ์และพระเพลา

28 สิงหาคม 2539 การหย่าร้างระหว่างเจ้าหญิงไดอาน่าและเจ้าชายชาร์ลส์มีผลสมบูรณ์  โดยเจ้าหญิงยังทรงมีสิทธิพำนักอยู่ในพระราชวังเคนซิงตันกับพระโอรสเหมือนเดิม

บนฝาผนังในอพาร์ตเม้นต์ที่ประทับเต็มไปด้วยรูปภาพของเจ้าหญิงไดอาน่าและสองพระโอรส
โต๊ะเขียนหนังสือที่เจ้าหญิงไดอาอาน่าทรงใช้ช่วงที่ยังมีพระชนม์ชีพ

31 สิงหาคม 2540 เจ้าหญิงไดอาน่าทรงประสบอุบัติเหตุในรถยนต์พระที่นั่งที่อุโมงค์ลอดใต้สะพานปองต์เดอลัลมา ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส และอย่างที่ทั่วโลกรับรู้กัน ความรุนแรงทำให้ผู้ที่นั่งไปด้วยกันเสียชีวิตในที่เกิดเหตุทันที ขณะที่เจ้าหญิงทรงได้รับบาดเจ็บสาหัส และสิ้นพระชนม์ในเวลาไม่กี่ชั่วโมงต่อมา หลังจากทีมแพทย์ได้ถวายการรักษาอย่างสุดความสามารถ ณ โรงพยาบาลปิเต-ซาลเปตริแยร์ กรุงปารีส

ข่าวช็อคโลกแพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็ว ผู้คนที่รักและศรัทธาเจ้าหญิงต่างมีหมุดใหม่ปักไว้ในใจ

นั่นคือพระราชวังเคนซิงตัน สถานที่ประทับตลอด 16 ปีหลังในพระชนม์ชีพของเจ้าหญิง

เป็นสถานที่ที่ผู้หญิงทุกคน ย้ำว่าทุกคน เชื่อว่า ณ ที่แห่งนี้ต้องเต็มไปด้วยความทรงจำแห่งรักและชัง หวานและขมขื่น ของเจ้าหญิงแน่นอน

Flowers left at Kensington Palace for Princess Diana's funeral in September 1997

ที่หน้าประตู Kensington Palace ประชาชนต่างทยอยนำช่อดอกไม้ เทียน การ์ด และจดหมาย มาวางไว้เพื่อแสดงความอาลัยเป็นเวลาต่อเนื่องกันนานหลายเดือน

จนถึงวันนี้ วันที่ครบรอบ 21 ปีการจากไปของเจ้าหญิงไดอาน่า ก็ยังคงมีคนรักและระลึกถึงเจ้าหญิงผู้อาภัพรักอยู่ทั่วโลก


ที่มาเรื่อง : https://th.wikipedia.org/wiki/ไดอานา_เจ้าหญิงแห่งเวลส์

ที่มาภาพ : Dailymail/ Gettyimages

เลี้ยงลูกแบบ อัมบานี ตระกูลที่รวยที่สุดในเอเชีย เนี้ยบเป๊ะ ระเบียบจัด ประหยัดสุด

account_circle

แม้ครอบครัว อัมบานี ตระกูลที่รวยที่สุดในเอเชีย รวยติดอันดับ 1 ของอินเดีย จะทุ่มเงินนับพันล้านในงานวิวาห์ของลูกสาว และลูกชาย แต่เรื่องการเลี้ยงดูลูกๆ ในวัยเด็กของ มูเกซ และ นิต้า อัมบานี ต้องบอกเลยว่าทั้งคู่นั้น เนี้ยบเป๊ะ ระเบียบจัด ประหยัดสุดจริงๆ

สำหรับการเป็นทายาทมหาเศรษฐีล้านๆ ของ ไอชา , อากาช และ อนันต์ อัมบานี หลายคนคงคิดว่าพวกเขาคงใช้ชีวิตสุขสบาย อยากได้อะไรต้องได้ อยากทำอะไรพ่อแม่ต้องตามใจ แต่อันที่จริงแล้ว ชีวิตวัยเด็กของทั้งสามคนนั้นก็เหมือนกับเด็กๆ ที่ถูกเลี้ยงมาให้เป็นไปตามวัย โดยพ่อแม่ของพวกเขาสอนให้รู้ถึงคุณค่าของเงิน การเป็นคนมีระเบียบ และสำคัญที่สุดคือ การเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน

เลี้ยงลูกแบบ อัมบานี ตระกูลที่รวยที่สุดในเอเชีย เนี้ยบเป๊ะ ระเบียบจัด ประหยัดสุด

เงินค่าขนม

หากพูดถึงความร่ำรวยของนาย มูเกช อัมบานี ซึ่งปัจจุบันมีทรัพย์สินสุทธิอยู่ที่ 74,000 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ การให้เงินลูกๆ ไปโรงเรียนสักหลายหมื่นบาท หรือจะมากกว่านั้น ขนหน้าแข้งก็คงไม่ร่วง แม้กระทั่งการมีเชฟส่วนตัวไปทำอาหารกลางวันให้ ก็คงจะเป็นเรื่องปกติ อย่างไรก็ตามนิต้าก็ได้กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือการสอนเด็กๆ ไม่ให้ใช้เงินฟุ่มเฟือย ดังนั้นเธอจึงให้เงินลูกๆ เพียงแค่ 5 รูปี (2.04 บาท) เพื่อใช้ซื้อข้าวที่โรงอาหารของโรงเรียน ในขณะที่เด็กคนอื่นๆ ได้ถึงสองเท่าของเงินจำนวนนี้

ชั่วโมงการบ้าน

เชื่อหรือไม่ว่ามูเกช เคยทิ้งการประชุมในวันอาทิตย์ เพื่อมาสอนลูกๆ ทำการบ้าน ทั้งนี้นิต้าเคยให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ iDiva ว่า “ฉันเคยบอกเขาว่า คุณอาจยุ่งอยู่กับการทำธุรกิจ การสร้างความมั่งคั่งให้กับ Reliance แต่คุณก็มีอิทธิพลต่ออนาคตที่ดีของลูกๆ เช่นกัน ฉันเชื่อว่านั่นไม่ใช่แค่คุณภาพ แต่ยังรวมถึงระยะเวลาที่ใช้กับเด็กๆ ที่จะทำให้พวกเขาเติบโตขึ้นมาเป็นคนที่มีคุณภาพ”

ติดตามอยู่เสมอ

ครั้งหนึ่งนิต้าเคยให้สัมภาษณ์กับ Entertainment Times เธอเผยว่า “ฉันรู้ว่าลูกๆ อยู่ที่ไหนตลอดเวลา แม้ว่าพวกเขาจะโตแล้วก็ตาม ฉันและสามีงานยุ่งอยู่เสมอ จึงคิดว่าการติดตามว่าพวกเขาทำอะไร อยู่ที่ไหน จึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยผู้เป็นแม่คอยอัพเดตตารางเวลากับลูกๆ อยู่เสมอ เพื่อที่จะได้รู้ว่าพวกเขาทานข้าวอยู่ที่ร้านไหน

ควบคุมน้ำหนักให้ลูก

เมื่ออนันต์ ลูกชายคนที่ 3 ทำภารกิจลดน้ำหนักครั้งใหญ่ นิต้า แม่ของเขาคือผู้สนับสนุนหมายเลข 1 ที่ทำให้เขาเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ และออกกำลังกายเป็นประจำทุกวัน

ตรงต่อเวลา

เมื่อเด็กๆ ทั้งสามคนต้องการออกไปเที่ยวเล่น ในช่วงตอนเป็นวัยรุ่น หรือแม้แต่วัยหนุ่มสาว ไอชาลูกสาวคนโตก็ได้กล่าวว่า พวกเขายังต้องกลับบ้านให้ตรงต่อเวลา เพราะพ่อแม่ของเธอจะมีเวลาเคอร์ฟิวที่เด็กๆ ต้องปฏิบัติตาม

ขึ้นรถสาธารณะ

ลองขึ้นรถสาธารณะดูสักครั้ง…. นิต้าได้เผยกับ iDiva ว่า เมื่อครั้งที่เธอออกเดทกับ สามี มูเกชมักมารับเธอด้วยรถ fancy Merc (รถเบนซ์) เสมอ แต่ในวันหนึ่งเธอได้แนะนำให้เขาลองใช้บริการขนส่งสาธารณะ เพื่อที่เขาจะได้เห็นว่าเธอเดินทางรอบเมืองอย่างไร ซึ่งลูกๆ ของนิต้าก็ได้รับอิทธิพลนี้ไปด้วย ในช่วงเรียนมหาวิทยาลัย ซึ่งพวกเขาต้องใช้รถสาธารณะในการเดินทาง

ถึงจะเป็นทายาทมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในเอเชีย รวยที่สุดในอินเดีย แต่ใช่ว่าจะต้องมีชีวิตที่หรูเริ่ดอยู่ตลอดเวลา เด็กจะเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพต้องเริ่มต้นจากผู้เป็นพ่อและแม่


เรียบเรียงจาก : scmp

พบกับ อัมบานี ตระกูลที่รวยที่สุดในเอเชีย ผู้ครอบครองคฤหาสน์ 3 หมื่นล้านจุก

มีเงิน จะทำอะไรก็ได้! งานพรีเวดดิ้ง 3 พันล้านของ ไอชา แอมบานี ลูกสาวมหาเศรษฐีอินเดีย

10 ตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในเอเชีย 2020 เจียรวนนท์-จิราธิวัฒน์ ไม่พลาดในลิสต์นี้

 

เก๋ ชลลดา

นางฟ้าของมะหมา เก๋-ชลลดา เชื่อสัตว์ก็มีหัวใจและความรู้สึกไม่ควรถูกทอดทิ้ง

account_circle
เก๋ ชลลดา
เก๋ ชลลดา

หลายปีมาแล้วที่ชื่อของ เก๋-ชลลดา  สิริสันต์ (เมฆราตรี) ไม่ได้บ่งบอกถึงแค่การเป็นนักแสดงหรือพิธีกร แต่หมายถึงนักต่อสู้เพื่อสัตว์ ผู้ก่อตั้งมูลนิธิเดอะวอยซ์ (เสียงจากเรา) ที่เป็นเสมือนกระบอกเสียงและสื่อกลางในการช่วยเหลือสัตว์จรจัด บาดเจ็บ หรือถูกทอดทิ้ง เพราะเธอเชื่อว่า “ทุกชีวิตมีหัวใจและความรู้สึก”

นางฟ้าของมะหมา เก๋-ชลลดา เชื่อสัตว์ก็มีหัวใจและความรู้สึกไม่ควรถูกทอดทิ้ง

ย้อนเล่าถึงวันแรกที่เริ่มทำภารกิจนี้สักนิดค่ะ

“ตอนเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่เมื่อปีพ.ศ.2554 เก๋ไปลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบในย่านบางบัวทองประมาณ 20 วัน แล้วเห็นว่ามีสัตว์เลี้ยงตกค้าง และพลัดหลงค่อนข้างเยอะ จึงเริ่มหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับเรื่องนี้ พบว่ามีเพจที่รับประกาศช่วยเหลือสัตว์หายจำนวนมาก เก๋ดูว่าเขามีขั้นตอนอย่างไร จึงเริ่มจากการถ่ายภาพ บอกพิกัด ข้อมูลต่างๆลงเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ส่วนตัวเพื่อเป็นสื่อกลางกระจายข่าวในการตามหาบ้านให้สุนัขและแมว

“ตอนแรกเก๋ทำคนเดียว จากนั้นก็มีน้องๆแฟนคลับของเก๋ช่วยทำข้อมูลและโพสต์ลงในเฟซบุ๊กแฟนเพจของเก๋ ซึ่งพอประกาศไปได้สักพัก บางโพสต์ที่ประกาศออกไปผ่านไปหลายวันก็ยังไม่มีคนติดต่อมาขอรับกลับสักที ทั้งยังมีคนติดต่อเข้ามาแจ้งขอความช่วยเหลือตามจุดต่างๆเพิ่มขึ้นอีกด้วยว่าเจอสุนัขจรจัดตรงนี้ เจอแมวโดนรถชนตรงนั้น จึงทำให้เก๋สงสัยว่าเพราะอะไร เก๋เองเลี้ยงสุนัขและรักเขาเหมือนเป็นสมาชิกในครอบครัว ทำให้เกิดคำถามว่าทำไมคนถึงทิ้งสัตว์เลี้ยงของตัวเองได้ง่ายๆ

“และจากที่เก๋โพสต์ช่วยตามหาเจ้าของให้สัตว์ กลายเป็นว่าต้องช่วยเหลือสัตว์ที่ประสบอุบัติเหตุด้วย รวมถึงมีคนติดต่อเข้ามาให้ช่วยทำหมันสุนัขจรจัดได้ไหม ที่สุดจึงเกิดเป็นกองทุนเล็กๆเพื่อระดมทุนในเพจของเก๋ ชื่อโครงการเสียงจากเรา ซึ่งตอนนั้นคิดว่าจะทำแค่ชั่วคราวช่วงน้ำท่วม แต่ปรากฏว่ามีผู้คนแจ้งเหตุการณ์เข้ามาต่อเนื่อง ทำให้ตอนนั้นเฟซบุ๊กของเก๋จากเดิมที่โพสต์รูปและงานในแต่ละวัน กลายเป็นมีแต่ประกาศช่วยเหลือสัตว์เต็มหน้าฟีดเลยค่ะ

“เก๋และแฟนคลับจึงตัดสินใจเปิดอีกเพจเพื่อเป็นกระบอกเสียงเรื่องนี้โดยเฉพาะชื่อเพจว่า ‘เสียงจากเรา’ (มีนาคม พ.ศ. 2555) ซึ่งก็มีเคสส่งเข้ามาเยอะเลยค่ะ ทั้งโดนรถชน ถูกทิ้ง และมีเคสหนึ่งส่งมาบอกว่าเจอสัตว์ถูกทำร้าย เก๋แนะนำให้เขาไปแจ้งความ แต่เขาตอบกลับมาว่า ‘คุณเก๋ ประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายคุ้มครองสัตว์ช่วยสัตว์กลับบ้าน ช่วยสัตว์ประสบอุบัติเหตุ หรือช่วยทำหมันสุนัข’ ซึ่งตอนนั้นเก๋ยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับกฎหมายหรือ พ.ร.บ.คุ้มครองสัตว์ใดๆ จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เก๋ค้นคว้าข้อมูลเรื่องนี้อย่างจริงจัง”

เป็นที่มาของการผลักดันให้เกิดพ.ร.บ.คุ้มครองสัตว์

“ค่ะ ส่วนตัวเก๋คือถ้าจะทำอะไรแล้วต้องทำให้สุด ช่วงนั้นค้นคว้าข้อมูลหนักมาก และบังเอิญว่าเดือนเมษายน 2555 มีการชุมนุมอย่างสันติเพื่อผลักดันให้เกิด พ.ร.บ.คุ้มครองสัตว์ เมื่อเก๋ไปตรงนั้นจึงมีโอกาสได้รู้จักกับผู้ใหญ่และคนที่
ผลักดันเรื่องนี้อย่างจริงจัง บวกกับความที่เก๋เป็นนักแสดงจึงได้รับความสนใจจากสื่อมวลชน และถือเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เก๋สนใจและทำเรื่องนี้อย่างจริงจัง

“เริ่มจากการใช้พื้นที่ของเราในการกระจายข่าว เพื่อเป็นส่วนเล็กๆที่ช่วยผลักดันเรื่องนี้ และในระยะเวลาเพียง 1 เดือนมีผู้ร่วมลงชื่อสนับสนุนกว่า 3 แสน 4 หมื่นรายชื่อ และพี่ๆนักข่าวก็ถ่ายภาพเก๋พร้อมการพาดหัวข่าวว่า ‘เสียงหมาๆ จากเก๋-ชลลดา สู่สภา’ ซึ่งทำให้ผู้คนจดจำเก๋ในภาพนี้

“ซึ่งที่จริงเรื่องนี้มีการรวมพลังกันมากว่า 7 ปีแล้วค่ะ เพียงแต่ตอนที่เก๋ได้เข้าร่วมเป็นกระบอกเสียงมีเพื่อนๆ พี่ๆน้องๆในวงการช่วยกันกระจายข่าว และในที่สุดประเทศไทยก็มีพ.ร.บ.คุ้มครองสัตว์ครั้งแรกในเดือนธันวาคม 2557 และเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย

“แม้จะยังไม่ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็ถือว่าเราได้ช่วยกันทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสังคม มีกฎเกณฑ์ในการตัดสินที่ชัดเจน ช่วยให้ผู้คนตระหนักถึงเรื่องนี้มากขึ้น ซึ่งปัจจุบันก็ยังมีการแก้ไขกฎหมายกันอยู่นะคะ”

แล้วมูลนิธิเดอะวอยซ์ล่ะคะ เริ่มต้นอย่างไร

“เก๋ทำเพจช่วยเหลือสัตว์มาต่อเนื่อง จนปีพ.ศ. 2556 จึงจดทะเบียนเป็น มูลนิธิเดอะวอยซ์(เสียงจากเรา) เพื่อความโปร่งใสในการดำเนินงาน และเนื่องจากไทยยังไม่มีกฎหมายคุ้มครองสัตว์ กลุ่มคนที่สนับสนุนหรือร่วมทำบุญไม่สามารถนำเงินที่ช่วยเหลือไปลดหย่อนภาษีได้ บวกกับตอนนั้นเก๋เพิ่งทราบว่ามูลนิธิเกี่ยวกับสัตว์ในไทยไม่มีมูลนิธิไหนที่ผู้ก่อตั้งหรือเจ้าของเป็นคนไทยเลย ส่วนใหญ่เป็นเงินทุนจากต่างประเทศ จึงทำให้ตัดสินใจก่อตั้งมูลนิธิขึ้น

“ตอนที่เริ่มทำมูลนิธิ เก๋อายุ32 ปี เป็นช่วงที่ใช้ชื่อเสียงและความนิยมจากประชาชนในวงการบันเทิงมาระยะหนึ่งแล้ว  จึงคิดว่าถึงเวลาที่จะต้องทำอะไรดีๆเพื่อสังคมและผู้อื่นบ้าง ซึ่งก่อนหน้านั้นเก๋เคยไปเป็นจิตอาสาช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้ผู้ป่วยระยะสุดท้าย ช่วยเด็กและคนพิการมาบ้าง แต่ครั้งนี้ถือว่าเป็นจังหวะที่พอดีทั้งเวลา ความพร้อม และพลังของเก๋ (ยิ้ม) และแม้เราจะเปลี่ยนโลกทั้งใบไม่ได้ แต่สามารถเปลี่ยนจุดเล็กๆบางอย่างได้ รวมถึงอยากเป็นแรงบันดาลใจให้หลายๆคน ลุกขึ้นมาทำเรื่องดีๆด้วยกัน

“เก๋เริ่มลงมือทำทุกอย่างด้วยตัวเอง  โดยมีน้องๆแฟนคลับคอยช่วยเหลือกัน เป็นทีมที่น่ารักมาก ไม่ว่าจะขับรถไปรับสัตว์บาดเจ็บ พาไปหาหมอ ฉีดวัคซีน ทำหมัน ประกาศหาบ้าน ทำทุกอย่างตั้งแต่ต้นจนจบ เพื่อให้เขาได้มีชีวิตใหม่
อีกครั้ง

“เก๋เคยเจอประโยคในหนังสือเล่มหนึ่งเขียนว่า ‘คุณช่วยสุนัขหนึ่งตัว ชีวิตของคุณไม่เปลี่ยนไปหรอก…แต่โลกทั้งใบของสุนัขตัวนั้นต่างหากที่เปลี่ยนไปเลย และสัตว์เขาจะจำ ภักดี และซื่อสัตย์กับคุณไปตลอดชีวิตของเขา’ ซึ่งเก๋เชื่อแบบนั้นจริงๆ มีหมาตัวหนึ่งที่เก๋ช่วยไว้ตอนน้ำท่วมและช่วยหาบ้านใหม่ให้ ตอนนี้ผ่านไป 10 ปีแล้ว ทุกครั้งที่เขาเห็นเก๋ก็ยังวิ่งมาหาเสมอ

“ความรู้สึกนี้ช่วยเติมเต็มหัวใจเก๋มากๆค่ะ เหมือนเราได้ทำภารกิจสำเร็จ ได้มอบโลกใหม่ให้เขา แม้สัตว์จะพูดไม่ได้  แต่เวลาที่เราได้เห็นหน้า เห็นแววตาของเขา เก๋สัมผัสได้ถึงความสุขนะ เก๋รู้ว่าเขากำลังยิ้มหรือขอบคุณเราอยู่” แต่ละเดือนมีเคสขอความช่วยเหลือเข้ามามากแค่ไหนคะ

“เยอะมากค่ะ ช่วงแรกที่ทำเก๋มีเงินเท่าไหร่ก็ช่วยหมดเลย ใจดีมาก จนน้องๆในทีมบอกว่าเจ้านายมีเมตตาเกินร้อย (หัวเราะ) ซึ่งในช่วงแรกนั้นเป็นเงินส่วนตัวแทบจะ 100 เปอร์เซ็นต์ค่ะ บางครั้งมีร้อย…ให้สองร้อยด้วยซ้ำ ใช้เงิน
ในอนาคตไปก่อน เดี๋ยวค่อยหามาคืน หรือถ้าไม่พอก็ปันเงินส่วนตัวไปสมทบอีก แต่ที่สุดก็เรียนรู้ว่าถ้าทำแบบนี้ไปนานๆองค์กรจะไม่ยั่งยืน ทีมงานก็เหนื่อย เก๋ก็เครียด เพราะแต่ละเคสใช้เงินค่อนข้างเยอะ ค่ารักษา ค่ายา ค่าใช้จ่ายอื่นๆอีกจึงต้องมีการปรับระบบใหม่ วางแผนการเงินให้เหมาะสม เพื่อให้องค์กรอยู่ได้

“แต่ละเดือนเราสามารถช่วยเหลือได้ประมาณ 40 เคส แต่มีคิวรอความช่วยเหลือจากเราทุกวัน ฉะนั้นการบริหารหรือคัดเลือกเคสก็สำคัญมากค่ะ เพราะถ้ารับเคสมามากเกินไป เราดูแลไม่ทั่วถึง โรงพยาบาลรับไม่ไหว ก็เป็นผลเสียอีก
เคยมีช่วงหนึ่งพาสัตว์ไปรักษามากถึง 136 รายใน 1 เดือน จนโรงพยาบาลต้องโทร.มาตาม เพราะทีมเราดูแลไม่ไหว

“อย่างเมื่อก่อนถ้าเจอสุนัขโดนรถชน เก๋ขับรถไปรับเลยนะ ซึ่งเราทำแบบนั้นทุกเคสไม่ได้ จึงต้องปรับใหม่ว่าถ้าใครเจอเคสที่ไหน ช่วยเป็นจิตอาสาให้ก่อน อย่างถ้าเจอสุนัขโดนรถชน รบกวนช่วยพาเขาไปโรงพยาบาล ช่วยดูแลเขาก่อน
แล้วทีมเราจะช่วยประสานงานในลำดับต่อไป

“สิ่งที่เก๋พูดเสมอคือเดอะวอยซ์เป็นกระบอกเสียงให้สัตว์ก็จริงนะคะ แต่ถ้าคุณเป็นคนแรกที่เจอเขา คุณนั่นแหละที่จะชี้ชะตาชีวิตของเขา เพราะทีมเราไม่สามารถมีเจ้าหน้าที่ประจำทุกจังหวัด ไม่มีอาสาสมัครไปรับสัตว์ทุกรายได้ทันทุกที่
ทุกเวลาขนาดนั้น

“อย่างเคสล่าสุดมีคนแจ้งว่ามีสุนัขถูกทิ้งที่นนทบุรี เชื่อไหมคะว่าสุนัขเดินจนจะออกไปจังหวัดอื่นแล้วค่ะ แต่เราช่วยกันโพสต์ประกาศและมีคนแจ้งเบาะแสเข้ามาเรื่อยๆตามระยะทาง ในที่สุดก็ช่วยสุนัขตัวนั้นได้ แต่ก็เข้าใจว่าบางราย  อย่างสุนัขโดนรถชน คนที่เจอก็ไม่กล้าเข้าไปจับเพื่อพาไปโรงพยาบาล เพราะไม่รู้ว่าเขาจะกัดหรือเปล่า ซึ่งเก๋ก็เคยโดนกัดนะคะ จึงเข้าใจดี กรณีนี้อาจช่วยเฝ้าไว้ก่อนหรือช่วยติดต่อโรงพยาบาลใกล้เคียงให้หน่อย เพราะอย่างที่บอกว่า
คุณคือคนที่ชี้ชะตาชีวิตเขา อยากให้ทุกคนช่วยกันค่ะ

“อย่างบางรายพอพาสุนัขไปโรงพยาบาลก็ส่งหลักฐานค่าใช้จ่ายมาให้ทีม จากนั้นเก๋ก็โอนไปให้ ซึ่งเมื่อมีคนดีก็ต้องมีมิจจาชีพเช่นกัน ช่วงปีแรกคือปีแห่งการเรียนรู้มากๆ แต่พอเราเริ่มมีประสบการณ์ มีบทเรียน ก็ทำให้บริหารจัดการได้ดีขึ้น เพราะเก๋อยากให้องค์กรเติบโตอย่างมั่นคง”

เป้าหมายของมูลนิธิเดอะวอยซ์

“จริงๆเราก็มีตัวเลขในใจที่ตั้งไว้นะคะ เพราะทุกวันนี้เก๋ต้องเซ็นเอกสารการทำหมันและฉีดวัคซีนจำนวนมากทุกวัน  เยอะที่สุดเดือนหนึ่งเคยทำหมันสุนัขไป 400 ตัว ซึ่งเก๋หวังว่าวันหนึ่งจำนวนเหล่านี้จะลดลง เพราะสุนัขและแมวจรจัด
ไม่ได้ตกมาจากท้องฟ้า แต่มาจากมนุษย์ที่เลี้ยงแล้วไม่รับผิดชอบ พาพวกเขาไปปล่อย โดยไม่ได้ทำหมัน จำนวนจึงเพิ่มขึ้นแบบควบคุมไม่ได้

“และต่อให้เราพยายามทำหมันหรือฉีดวัคซีนเท่าไรก็ไม่มีวันหมด ถ้าไม่แก้ไขที่ต้นเหตุ อีกทั้งทุกวันนี้สวัสดิภาพสัตว์ยังไม่ได้รับการสนใจเท่าที่ควร แต่เราก็มีการผลักดันอยู่เสมอ อย่างเก๋เคยทำงานเป็นหนึ่งในคณะกรรมการในการ
ร่างกฎหมายเรื่องสัตว์ ก็เข้าใจว่าทุกอย่างต้องใช้เวลา เพียงแต่ต้องเริ่มลงมือทำตั้งแต่วันนี้

“มูลนิธิเดอะวอยซ์เป็นเพียงกระบอกเสียง เป็นสื่อกลางในการช่วยเหลือสัตว์ แต่สุดท้ายปัญหาจะแก้ไขได้ต้องมาจากความเข้าใจของทุกคน ซึ่งต้องมีการประชาสัมพันธ์ ให้ข้อมูล ความรู้ ความเข้าใจในเรื่องนี้อย่างจริงจังและทั่วถึง

“เพราะสัตว์ไม่สามารถไปแจ้งหรือเรียกร้องความยุติธรรมให้ตัวเองได้ ประชาชนที่พบเห็นต้องช่วยกัน อย่างถ้าคุณเห็นเพื่อนบ้านทำร้ายสัตว์ ไปแจ้งความเลยค่ะ ไม่ต้องกลัวว่าจะเป็นเพื่อนบ้านกันต่อไปไม่ได้ ยิ่งช่วงสถานการณ์โควิด
ปัญหาเพิ่มขึ้นเยอะมากค่ะ สัตว์ถูกทอดทิ้ง ซึ่งตามกฎหมายระบุไว้เลยว่าถ้าทิ้งสัตว์ในที่สาธารณะมีโทษปรับเริ่มต้นที่ 10,000 บาท แต่ก็ยังไม่ค่อยเกิดขึ้นจริง เพราะไม่มีใครไปแจ้งความหรือแจ้งเบาะแสในเรื่องนี้

“ตั้งแต่ทำมูลนิธิมา สิ่งเลวร้ายที่เจอคือเคสที่เจ้าของทำร้ายสัตว์เลี้ยงของตัวเอง สัตว์มีความซื่อสัตย์และรักเจ้าของมาก แม้เจ้าของยกมือถือมีดจะฟัน มันก็ไม่หลบ เพราะมันเชื่อใจ อย่างเคสหนึ่งเลี้ยงสุนัขพันธุ์ไซบีเรียนแล้วมันหอน เจ้าของใช้ไม้เบสบอลตีจนตาย เคสแบบนี้น่าหดหู่ใจมาก ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากกฎหมายยังไม่แข็งแรงพอที่จะทำให้คนเกรงกลัว

“ซึ่งคำถามหนึ่งที่มีคนถามเก๋บ่อยคือ ปัญหาสัตว์ถูกทอดทิ้งในไทยจะดีขึ้นไหม บางครั้งเก๋ก็คิดว่ามันดีขึ้นแล้วนะ แต่จริง ๆมีเคสอีกเยอะมากที่เราไม่รู้ เพราะยังไม่มีคนไปเจอ ซึ่งเก๋หวังว่าวันหนึ่งตัวเลขเหล่านี้จะลดลง โดยเฉพาะตัวเลขสัตว์เลี้ยงถูกทอดทิ้งจากเจ้าของ ซึ่งมูลนิธิเดอะวอยซ์ไม่ได้เป็นกระบอกเสียงและช่วยเหลือเฉพาะสุนัขหรือแมวเท่านั้น แต่รวมถึงสัตว์ทุกชนิด

“ถ้าทุกคนช่วยเหลือกัน  เก๋ว่าปัญหาเหล่านี้จะดีขึ้นอย่างแน่นอนค่ะ”


ข้อมูลจาก : นิตยสารแพรว

แซ่บลืมวัย! คุณยายชาวอเมริกัน วัย 99 ปี นางแบบสกินแคร์ ที่อายุมากที่สุดในโลก

แซ่บลืมวัย! คุณยายชาวอเมริกัน วัย 99 ปี นางแบบสกินแคร์ ที่อายุมากที่สุดในโลก

Alternative Textaccount_circle
แซ่บลืมวัย! คุณยายชาวอเมริกัน วัย 99 ปี นางแบบสกินแคร์ ที่อายุมากที่สุดในโลก
แซ่บลืมวัย! คุณยายชาวอเมริกัน วัย 99 ปี นางแบบสกินแคร์ ที่อายุมากที่สุดในโลก

แซ่บลืมวัย! คุณยายชาวอเมริกัน วัย 99 ปี นางแบบสกินแคร์ ที่อายุมากที่สุดในโลก

Helene Simone คุณยายสุดแซ่บวัย 99 ปี จากประเทศสหรัฐอเมริกา เธอมีฉายาว่า “แนนนา (‘Nanna)” และความเก๋าเกมในวัยเกือบร้อยปีนั้น คุณยายได้รับเลือกให้เป็นนางแบบของ Saie แบรนด์เครื่องสำอางและสกินแคร์ ซึ่งเจ้าของแบรนด์ดังกล่าวก็คือ หลานสาวของคุณยายนั่นเอง

เรียกได้ว่าอายุไม่มีขีดจำกัดของจริง ซึ่งจุดเริ่มต้นที่คุณยายตัดสินใจเดบิวต์ในฐานะนางแบบสกินแคร์จนกลายเป็นไวรัลโด่งดังจนคนทั่วไปเริ่มติดตาม เกิดจากการที่หลานสาวของคุณยายมาลองเป็นนางแบบผลิตภัณฑ์สกินแคร์สักครั้งซึ่งในตอนแรกคุณยายก็บ่ายเบี่ยงไม่ยอมลอง เพราะรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจ แต่ในท้ายที่สุดหลานสาวก็สามารถโน้มน้าวคุณยายมาเป็นนางแบบได้สำเร็จ

นางแบบสกินแคร์ 3

 

หลังจากนั้น หลานสาวก็คอยให้กำลังใจคุณยายของเธอเพื่อเสริมความมั่นใจมาโดยตลอด และแสดงให้คนทั่วโลกเห็นว่า แม้คุณยายของเธอจะอายุ 99 ปีแล้ว ก็ยังสามารถเป็นนางแบบได้ ถือเป็นตัวแทนของผู้หญิงที่ดูแลตัวเองสม่ำเสมอไม่ว่าจะอายุเท่าใดก็ตาม ซึ่งคุณยายยังได้ถูกบันทึกเป็นนางแบบที่มีอายุเยอะที่สุดในโลกอีกด้วย

แซ่บลืมวัย! คุณยายชาวอเมริกัน วัย 99 ปี นางแบบสกินแคร์ ที่อายุมากที่สุดในโลก

 

View this post on Instagram

 

A post shared by Saie (@saiebeauty)

วิดีโอเบื้องหลังการถ่ายทำที่โพสต์บนอินสตาแกรมของแบรนด์สกินแคร์ แสดงให้เห็นว่าคุณยายทำงานได้ดีเพียงใด

 

 

View this post on Instagram

 

A post shared by Saie (@saiebeauty)

 

View this post on Instagram

 

A post shared by Saie (@saiebeauty)

 

นางแบบสกินแคร์ 1 นางแบบสกินแคร์ 2


ข้อมูล : sea.mashable.com
ภาพ : 
saiebeauty

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

เบื้องหลังผิวสวยกระจ่างใสของ “ตี๋ลี่เร่อปา” มาส่องกันว่าเธอมีสกินแคร์รูทีนอย่างไร

ดูแลผิวแพ้ง่าย แบบ DIY สไตล์สาวสวยเสียงดี Lana Del Rey ด้วยวัตถุดิบธรรมชาติ

ผิวสวยด้วยชาเขียวสไตล์ “หลิวอี้เฟย” ทั้งสูตรที่บำรุงประจำ และแบบเร่งรีบฟื้นฟูผิว

 

 

วันแม่ ชวนดูภาพยนตร์-ซีรีส์หลากอารมณ์

จดลิสต์ด่วน! วันแม่ ชวนดูภาพยนตร์-ซีรีส์หลากอารมณ์ กับเรื่องราว 7 แม่ 7 มู้ด

วันแม่ ชวนดูภาพยนตร์-ซีรีส์หลากอารมณ์
วันแม่ ชวนดูภาพยนตร์-ซีรีส์หลากอารมณ์

วันแม่ ปีนี้ Netflix มีหนัง-ซีรีส์แนะนำเพื่อเติมเต็มวันหยุด กับเรื่องราวหลากอารมณ์ที่บอกเล่าถึงความเป็นแม่ ให้คุณและครอบครัวในรับความบันเทิง และเปิดมุมมองไปกับข้อคิดดีๆ กับคุณแม่ต่างมู้ดทั้ง 7 บน Netflix

แม่สายแข็ง เหล็กมาทั้งตัว

I Am Mother (หุ่นเหล็กโลกเรียกแม่)

ภาพยนตร์ไซไฟระทึกขวัญพล็อตสดใหม่ เกี่ยวกับเด็กสาวคนหนึ่ง ซึ่งเป็นมนุษย์รุ่นใหม่คนแรกที่จะได้รับการเลี้ยงดูจาก “คุณแม่” หุ่นยนต์ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยเพิ่มประชากรโลกอีกครั้ง หลังจากที่มนุษย์เกิดการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ แต่ความผูกพันระหว่างทั้งสองก็ต้องสั่นคลอน เมื่อวันหนึ่งมีผู้หญิงแปลกหน้า เดินทางมาและบอกข่าวกับเธอว่าโลกภายนอกและเจตนาของหุ่นยนต์คุณแม่อาจไม่ได้ดีอย่างที่เธอคิด

แม่สายตามใจ ขออะไรก็ต้องยอม

Yes Day (เยสเดย์ วันนี้ห้ามเซย์โน)

อะไรๆ แม่ก็ห้าม หลังจากรู้สึกว่าตนเองต้องเอ่ยปากปฏิเสธลูกๆ อยู่เป็นประจำ คุณแม่อัลลิสันและคุณพ่อคาร์ลอสจึงตัดสินใจกำหนดวัน “เยสเดย์” ขึ้นมา โดยเป็นวันที่จะตามใจลูกตลอด 24 ชั่วโมง และจะไม่เซย์โนเด็ดขาด เมื่อเด็กๆ ได้ที่เป็นคนตั้งกฎบ้าง การผจญภัยสุดป่วนก็เริ่มขึ้น

แม่สายเทค ตามติดชีวิตลูก

Black Mirror ตอน Arkangel

สายไซไฟคงคุ้นเคยกับ Black Mirror ซีรีส์ที่ตีความและบอกเล่าด้านมืดของเทคโนโลยีได้อย่างสดใหม่และระทึกขวัญ โดยเป็นซีรีส์ที่รวบรวมหลายเรื่องราวแบบตอนเดียวจบ ในตอนที่ชื่อ Arkangel แม่ที่ห่วงเรื่องความปลอดภัยของลูกสาววัย 3 ขวบ ตัดสินใจพาลูกไปฝังชิปในสมองกับโครงการ “Arkangel” ที่ติดตามตำแหน่งของลูกและช่วยให้แม่มองเห็นทุกอย่างที่ลูกเห็น จนเกิดเป็นคำถามเกี่ยวกับขอบเขตของเทคโนโลยี และความเป็นส่วนตัว

แม่สายดิบ เชือดทุกอย่างที่ขวางลูก

Blood Red Sky (ฟ้าสีเลือด)

เมื่อกลุ่มผู้ก่อการร้ายได้จี้เครื่องบินและทำให้ชีวิตผู้โดยสารทั้งลำตกอยู่ในอันตราย คุณแม่คนหนึ่งต้องทำทุกอย่างเพื่อปกป้องลูกชายที่เดินทางมาด้วย รวมถึงยอมเผยความลับที่ปกปิดไว้มาโดยตลอด กับการที่เธอป่วยโดยโรคลึกลับที่อาจไม่ใช่แค่โรค แต่เป็นสิ่งเหนือธรรมชาติที่พลิกเกมให้คนร้ายกลายเป็นเหยื่อที่ถูกล่า

แม่สายป่วน มือใหม่หัดเลี้ยง

Workin’ Moms (เวิร์กกิ้งมัม ยอดคุณแม่มือใหม่)

เอาใจช่วยไปกับแก๊งคุณแม่มือใหม่ ที่ต้องรับมือกับบทบาทที่หลากหลาย เมื่อต้องกลับไปทำงานหลังจากลาคลอด Workin’ Mom เล่าเรื่องราวของผู้หญิงเก่งในยุคปัจจุบัน ที่ต้องรักษาสมดุลทั้งชีวิตครอบครัว ชีวิตในที่ทำงาน และชีวิตคู่ของตนเองท่ามกลางตารางที่แน่นเอี๊ยด

แม่สายเกาสุดซึ้ง

Reply 1988 (วันวาน 1988)

ซีรีส์เกาหลีสุดอบอุ่นเรื่องนี้จะพาคุณย้อนเวลากลับไปช่วงปี 1980 และสำรวจชีวิตของห้าครอบครัวในชุมชนเล็กๆ ของโซล ซึ่งนอกจากกลุ่มเพื่อนตัวละครวัยรุ่นทั้งห้าผู้เป็นคนเดินเรื่อง บทบาทของแก๊งคุณแม่ก็โดดเด่นไม่แพ้กัน สร้างทั้งรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และน้ำตา จนขึ้นหิ้งเป็นแม่ๆ ที่น่ารักและอยู่ในใจของใครหลายคน เชื่อว่ารายละเอียดของความสัมพันธ์ในครอบครัวที่เล่าผ่านตัวละครเหล่านี้ จะทำให้หวนนึกถึงเรื่องราวที่เราเองต่างเคยพานพบกันมาแน่ๆ

แม่เลี้ยงเดี่ยว เปลี่ยวหัวใจ

When the Camellia Blooms (วันที่ดอกไม้เบ่งบาน)

หัวเราะและร้องไห้ไปกับความรักของคู่แม่เลี้ยงเดี่ยวและพ่อเลี้ยงเดี่ยวในซีรีส์วันที่ดอกไม้เบ่งบาน เรื่องราวของแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ชื่อดงเบก ซึ่งแปลว่าดอกคามีเลีย ผู้เป็นเจ้าของบาร์เล็กๆ แล้วชีวิตของเธอก็ถึงจุดหักเหเมื่อได้พบกับพ่อเลี้ยงเดี่ยวที่ชื่อยองซิก ทำให้ทั้งสองตกหลุมรักกัน ท่ามกลางความยากลำบากและการไม่ยอมรับจากสังคมในฐานะการเป็นพ่อและแม่เลี้ยงเดี่ยว


 บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

5 เหตุผลที่ ” Nevertheless รักนี้ห้ามไม่ได้ ” จะทำให้คุณฟินสลบ

5 สิ่งที่ควรรู้ก่อนรับชมตอนพิเศษ Kingdom: Ashin of the North

ยิ้มจนปวดแก้มกับ 8 โมเม้นต์สุดฮาจาก Hospital Playlist S2

 

พล ตัณฑเสถียร

เปิดเส้นทางการเป็นเชฟของ พล ตัณฑเสถียร ทำร้านเบเกอรี่อย่างไรให้สำเร็จ

account_circle
พล ตัณฑเสถียร
พล ตัณฑเสถียร

เบนสายสู่เส้นทางการเป็นเชฟ พล ตัณฑเสถียร แต่ก็ไม่เคยหวงความรู้ เขามักถ่ายทอดสูตรอาหาร และขนมทางช่องยูทูป PHOLFOODMAFIA อยู่เสมอ ซึ่งเคล็ดลับความสำเร็จของเชฟ พล นั้นคืออะไร แพรวหาคำตอบมาให้แล้วค่ะ

เปิดเส้นทางการเป็นเชฟของ พล ตัณฑเสถียร ทำร้านเบเกอรี่อย่างไรให้สำเร็จ

ปัจจุบันอายุครบ 50 ปีแล้ว สำหรับ เชฟพล ตัณฑเสถียร ที่เชื่อว่าหลายๆ คนเห็นหน้าตาของเขาครั้งแรกจากผลงานภาพยนตร์เรื่อง คู่กรรม 2 ตามมาด้วยผลงานอื่นๆ อาทิ ละคร โฆษณา นักร้อง คอลัมนิสต์ จนมาถึงเชฟทำอาหาร ซึ่งเขายังได้สร้างเว็บไซต์ของตนเองที่รวบรวมประวัติ เรื่องราวการเดินทางของชีวิต และผลงานประเภทต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องการทำอาหารให้ได้เข้าไปเยี่ยมชมด้วย

พล ตัณฑเสถียร

หลังจากเชฟพลสำเร็จการศึกษาปริญญาตรีจากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และปริญญาโท สาขา MBA ที่ Oklahoma City University เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง เขาก็ได้ไปเรียนเรื่องทำอาหาร เริ่มตั้งแต่เรียนทำอาหารไทยที่โรงเรียนการเรือน ยิ่งเจริญ เรียนทำอาหารคาว อาหารหวาน และหลักสูตรขนมปังที่ Le Cordon Bleu Dusit (เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต) เรียนทำเจลาโต้ที่ Carpigiani Gelato University ประเทศอิตาลี และเรียนทำอาหารญี่ปุ่นจากคุณครู ฮิโรโกะ โคบายาชิ เรียกว่า เส้นทางการฝึกฝนและรักในสายอาชีพนี้มีเต็มเปี่ยมเชียวล่ะ

ทั้งนี้ไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่มักจะชอบหาร้านคาเฟ่ ร้านเบเกอรี่น่ารักๆ ชิคๆ ไว้ไปนั่งชิม ถ่ายรูป เช็คอิน พักผ่อน นอกจากการออกแบบร้านให้มีจุดเด่น มีคนพูดถึงบนโลกออนไลน์แล้ว เรื่องรสชาติการทำอาหารที่ถ้าไปชิมครั้งแรก แล้วอยากกลับไปชิมอีกก็สำคัญเช่นกัน โดยเชฟพล ก็ได้มาเผยเคล็ดลับการทำร้านเบเกอรี่ให้ปังว่า

จุดแข็งของร้านเบเกอรี่ที่ต้องมีเอกลักษณ์พิเศษเฉพาะตัว เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในยุคปัจจุบันที่อยากจะทานขนมที่อร่อย แปลกใหม่ และไม่ซ้ำใคร ซึ่งสิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความรัก ความใส่ใจที่เราได้ใส่ลงไปในทุกเมนู

นอกจากนี้อีกปัจจัยที่ไม่ควรมองข้ามคือเรื่องของวัตถุดิบ เพราะการทำเบเกอรี่ต้องมีส่วนประกอบของนมสูงถึง 70-80% ดังนั้นการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์นม เราจึงต้องพิถีพิถันในการเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ มีความน่าเชื่อถือ มีรสชาติเข้มข้น เพราะนมมีผลต่อรสชาติ และยังเป็นตัวประสานให้ส่วนผสมต่างๆ เข้ากันได้ดี ช่วยสร้างความกลมกล่อม หอมมัน และอร่อยอีกด้วย


เรื่อง: บะหมี่กุ๊งกิ๊ง_แพรวดอทคอม ภาพ: @phol_tantasathien/Instagram
ข้อมูลบางส่วน: phol.me/about/

รักแท้มีอยู่จริง! "ช่างแต่งหน้า" ไร้แขนและขา เข้าวิวาห์กับแฟนหนุ่ม

รักแท้มีอยู่จริง! “ช่างแต่งหน้า” ไร้แขนและขา คนดังในTikTok เข้าวิวาห์กับแฟนหนุ่มแสนอบอุ่น

Alternative Textaccount_circle
รักแท้มีอยู่จริง! "ช่างแต่งหน้า" ไร้แขนและขา เข้าวิวาห์กับแฟนหนุ่ม
รักแท้มีอยู่จริง! "ช่างแต่งหน้า" ไร้แขนและขา เข้าวิวาห์กับแฟนหนุ่ม

“Gabe Adams” ช่างแต่งหน้า คนดังใน TikTok ที่แม้จะไร้แขนและขา แต่ก็ได้พิสูจน์ความสามารถแล้วว่ามีฝีมือและทำอะไรได้ไม่ต่างจากคนปกติทั่วไป รวมทั้งการมีความรักที่แสนงดงามเหมือนคนอื่นๆ

เขาเกิดที่เซาเปาโล ประเทศบราซิล เกิดมาโดยไม่มีแขนและขา เนื่องจากโรค Hanhart Syndrome เขามักสร้างแรงบันดาลใจให้คนอื่นๆ มากมาย รวมทั้งมีความคิดที่บวกๆ เดินหน้าทำในสิ่งที่รัก คือ “การแต่งหน้า”

เขาเป็นช่างแต่งหน้าที่ดังมากใน TikTok โดยมีผู้ติดตามกว่า 1.7 ล้านคน แม้เขาจะไร้แขนและขา แต่ก็พิสูจน์ด้วยฝีมือที่สามารถเนรมิตลุคแต่งหน้าได้ดีกว่าคนปกติบางคนด้วยซ้ำ

ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ “Gabriel Adams” ได้จูงมือแฟนหนุ่ม “Adam Wheatley” เข้าพิธีวิวาห์ในช่วงเดือน Pride ท่ามกลางบรรยากาศที่แสนหวาน และอบอุ่นอบอวลไปด้วยความรัก ทั้งคู่เคยให้สัมภาษณ์ว่าเจอกันที่ Tinder ในเดือนมกราคม 2020 และได้ตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกันในที่สุด

รักแท้มีอยู่จริง! “ช่างแต่งหน้า” ไร้แขนและขาที่ดังมากใน TikTok เข้าวิวาห์กับแฟนหนุ่มแสนอบอุ่น

ช่างแต่งหน้า 1 ช่างแต่งหน้า 2 ช่างแต่งหน้า 3 ช่างแต่งหน้า 6 ช่างแต่งหน้า 5 ช่างแต่งหน้า 4


ข้อมูลและภาพ : no_limbs_

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

“กัสเบล” จูงมือแฟนหนุ่มชาวต่างชาติ เข้าพิธีวิวาห์สุดโรแมนติกที่นิวยอร์ก

จะแต่งงานต้องอ่าน! 5 เรื่องอย่ามองข้ามเพื่อปีแรกของ ชีวิตคู่ ดีงามอย่างฝัน

วัฒนธรรมการแต่งงานแบบดั้งเดิมของเกาหลี มีวิธีอย่างไร บ่าวสาวต้องทำอะไรบ้าง

 

 

 

รพ.สนาม

น้ำใจล้นเหลือ เหล่าเซเลบร่วมบริจาคเตียง โคมไฟ​ฆ่าเชื้อ​ให้แก่ รพ.สนาม “แสงแห่งใจ”

account_circle
รพ.สนาม
รพ.สนาม

น้ำใจล้นเหลือจริงๆ ค่ะ เมื่อเหล่าเซเลบใจบุญร่วมบริจาคเตียงสนาม และ โคมไฟ​ฆ่าเชื้อ UVC  ​ให้แก่ รพ.สนาม “แสงแห่งใจ”

ผึ้ง บุญ​ญ​า​ดา​ กฤ​ติ​ยะ​โชติ​กุล, หมอกี้ อังคนา​งค์​ ชากี​ร่า​ บ​ำ​รุง​ส​รณ์​ และเพื่อนๆ ร่วมบริจาคเตียงสนาม 100 เตียง และ​โคมไฟ​ฆ่าเชื้อ​ UVC 10 ชุด ให้แก่ รพ.สนาม “แสงแห่งใจ” โดยมีนายคีรินทร์ ชูธรรมสถิตย์ ประธานผู้อำนวยการ กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และบริการ บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล้อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) และคุณ​แสงรวี โฆสิตไพศาล ผู้​อำนวยการอาวุโส​ เป็น​ผู้​รับมอบ

ทั้ง​นี้ผึ้ง​ บุญ​ญ​า​ดา​กล่าวว่า “รู้สึก​ดีใจที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่ง​ที่จะมอบสิ่งที่ดีที่สุด​ให้กับคนไทยกับโปรเจค รพ.สนาม “แสงแห่งใจ” ที่เพิ่งเปิดให้ผู้ป่วยโควิดเข้ามารักษา​ตัว​เมื่อวันก่อน ซึ่งนับว่าเป็น รพ.สนามที่ทันสมัยที่สุดและเพียบพร้อม​ด้านนวัตกรรม​และเทคโนโลยีที่สุด รองรับผู้ป่วยได้ 450 เตียง กับเทคโนโลยี​ด้านสุขภาพ​ที่ใช้ความดันประจุลบเพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อโรคแพร่กระจายไปพื่นที่โดยรอบ อากาศจะถูกผ่าน HEPA filter ซึ่งมีประสิทธิภาพการ กรอง 99.9% และฆ่าเชื้อด้วย UVGI ก่อนปล่อยออกสู่ภายนอกอาคารที่ระดับสูงเหนือลมขึ้นไปทิศทางการไหลของอากาศและความดันอากาศแต่ละที่ได้ถูกออกแบบวางผังเพื่อแยกส่วนพื้นที่อากาศสะอาดและอากาศปนเปื้อนออกจากกัน เพื่อให้บุคลากรด่านหน้าให้มีความปลอดภัยสูงสุด ระบบปรับอากาศภายใน แบบ All-fresh air โดยอากาศที่จ่ายให้ผู้ป่วยทุกคนมาจากภายนอกอาคารและผ่านการกรองให้สะอาดและทำให้เย็น การจ่ายความเย็นแต่ละเตียง

โดยเฉพาะเพื่อควบคุมความสะอาดและทิศทางการ ไหลของอากาศ จากปลายเตียงและถูกดูดออกด้วยพัดลมระบายอากาศออกทางหัวเตียงดังนั้นอากาศที่ผู้ป่วยแต่ละเตียง ได้รับจะไม่ใช่อากาศหมุนเวียนมาจากพื้นที่อื่นๆ ภายในอาคาร ขอบคุณ​กัลยาณมิตร​ คุณ​นุ่น และพี่ปลา ฟินาเล่ที่เป็น​สะพานบุญ​ให้ผึ้ง ขอบคุณ​พี่แหม่ม-พี่โกมล ที่ร่วมบุญ​ใหญ่​ในครั้งนี้เสียดายและเสียใจมากๆ ​ที่พี่โกมลไม่ได้อยู่อนุโมทนา​บุญ​ร่วมกัน​ ขอบคุณ​เพื่อนๆ ที่​เป็น​กัลยาณมิตร​ของผึ้งทุกๆ คน น้องกี้ พี่น้อง มิ้นท์​ น้องแนน น้องก้อย พี่​หนึ่ง​ พี่ศักดิ์​ พี่แจ้ พี่มายด์​ คุณ​เอญ่า ที่มาร่วมบุญ​ใหญ่​ช่วยเหลือผู้​ป่วยโควิดร่วมกัน

สิ่งที่ผึ้งอยากทำมาตลอดคือการบริจาคเตียงสนาม เพราะคิดว่าสิ่งที่มีค่าและขาดแคลน​มากที่สุด​คือเตียงและเครื่องช่วยหายใจ ได้แต่หวังว่ามันจะช่วยชีวิต​ผู้คนและคนในครอบครัว​ที่เค้ารักได้ไม่มากก็น้อย สะเทือนใจ​กับทุกการสูญเสีย​ที่ต้องรอเตียงตายคาบ้าน ตายข้างถนน ได้แต่ขอเป็นส่วนหนึ่ง​ในการแบ่งปันความรัก​และความห่วงใยให้พี่น้องผองเพื่อนชาวไทยทุกคนนะคะ เราจะจับมือกันแน่นๆ แล้วก้าวข้ามช่วงเวลาอันเลวร้ายนี้ไปด้วยกันนะคะ”


 

เค้กแต่งงานสไตล์ Geode

16 ดีไซน์ เค้กแต่งงานสไตล์ Geode งดงาม แปลกตา

account_circle
เค้กแต่งงานสไตล์ Geode
เค้กแต่งงานสไตล์ Geode

แปลกตา ไม่เหมือนใครเลยจริงๆ สำหรับ เค้กแต่งงานสไตล์ Geode หรือ เค้กที่มีโครงสร้างหินตกผลึก ซึ่งตัวเค้กนั้น สามารถทำได้ด้วยบัตเตอร์ครีมหรือฟองดอง มีการตกแต่งโดยใช้น้ำตาลกรวด สร้างสรรค์เป็นลวดลายต่างๆ ที่สวยงาม ขณะเดียวกันยังสามารถเพิ่มกากเพชร หรือตกแต่งด้วยทองซึ่งสามารถรับประทานได้

16 ดีไซน์ เค้กแต่งงานสไตล์ Geode งดงาม แปลกตา


ที่มา : www.brides.com

T3 Technology และ Huawei

T3 Technology และ Huawei ร่วมลงนามข้อตกลงเชิงกลยุทธ์เพื่อเสริมศักยภาพด้านโซลูชั่นต่างๆ

T3 Technology และ Huawei
T3 Technology และ Huawei

T3 Technology และ Huawei ได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ในประเทศไทย เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2564  โดยทั้งสองฝ่ายจะเปิดเผยถึงความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ที่ครอบคลุมในธุรกิจที่ให้บริการกับผู้บริโภคในโซลูชั่นต่างๆ อาทิ โซลูชั่นเครือข่ายองค์กร โทรคมนาคมพลังงาน และ Huawei Cloud  โดยมีวัตถุประ:สงค์เพื่อร่วมกันส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพด้านธุรกิจของทั้งสองฝ่ายเพื่อให้ลูกค้าได้รับประโยชน์สูงสุด Mr.Wang  Helin ผู้ก่อตั้งและประธานบริหาร T3 Technology และ Mr.Deng  CEO ของ Huawei (ประเทศไทย)  ได้ร่วมกันเป็นสักขีพยานในการลงนามข้อตกลงและจัดอภิปรายเชิงลึกเกี่ยวกับรายละเอียดความร่วมมือในด้านต่างๆ

T3 Technology และ Huawei

Mr.Wang  Helin ผู้ก่อตั้งและประธานบริหาร T3 Technology (แถวหลังซ้าย)   Mr.Deng Feng: CEO Huawei (ประเทศไทย)  (แถวหลังขวา)

Mr.Yu Xiaolei CEO T3 Technology (แถวหน้าซ้าย)   Mr.Xu Lin :Vice President of Marketing and Solution Department Huawei (ประเทศไทย)  (แถวหน้าขวา)

T3 Technology และ Huawei

จากด้านซ้าย: ลำดับที่หนึ่ง Mr.Wang  Helin ผู้ก่อตั้งและประธานบริหาร T3 Technology  ลำดับที่สอง Mr.Yu Xiaolei: CEO T3 Technology  ลำดับที่สาม Mr.Xu Lin :Vice President of Marketing and Solution Department Huawei (ประเทศไทย)  ลำดับที่สี่ Mr.Deng Feng: CEO Huawei (ประเทศไทย)

ในครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมพิธีลงนามและการเจรจาดังนี้ ฝ่าย T3 Technology  Mr.Yu Xiaolei: CEO , Mr.Geng Zhi: Deputy CEO, Mr.Guo Wenkui: CMO, Mr.Chen Daiyu: Vice President, Miss Zhou Ying: Operation Director และฝ่าย Huawei(ประเทศไทย) มี Mr.Xu Lin :Vice President of Marketing and Solution Department, Mr.Liao Qian: President of CNBG, Mr.Cheng Guodong President of EBG, Mr.Liu Yang: EVP of EBG และ Mr.Li Kai Sales Director of TRUE CNBG

T3 Technology และ HuaweiMr.Wang  Helin ผู้ก่อตั้งและประธานบริหาร T3 Technology , Mr.Deng Feng: CEO Huawei (ประเทศไทย)

ก่อนที่จะมีพิธีลงนาม T3 Technology และ Huawei ได้มีการประชุมแบบเจาะลึกเกี่ยวกับตลาดผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคมของไทย หน่วยงานลูกค้าองค์กร  การนำโทรคมนาคมพลังงานมาใช้ และHuawei  Cloud  รวมถึงโอกาสความร่วมมือในด้านต่างๆในอนาคต Mr.Deng  Feng:CEO ของ Huawei (ประเทศไทย)หวังว่า  ทั้งสองฝ่ายจะร่วมมือกันโดยใช้กลยุทธ์เชิงลึกเพื่อให้ครอบคลุมตลาดทั้งในปัจจุบันละในอนาคต โดยนำเอาจุดแข็งของแต่ละฝ่ายมาเป็นกลยุทธ์เพื่อให้บรรลุผลสำเร็จของทั้งสองฝ่าย  Mr.Wang  Helin  ผู้ก่อตั้งและประธานบริหาร T3 Technology  ได้กล่าวขอบคุณ Huawei สำหรับความไว้วางใจและการสนับสนุนด้วยดีเสมอมา รวมถึงความร่วมมือด้วยดีอย่างต่อเนื่อง   อีกทั้งมิตรภาพที่ดีระหว่างสองบริษัท Mr.Wang Helin ยังได้กล่าวถึงวิสัยทัศน์ของบริษัท ที่จะเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์บริษัทได้นำเอาประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน รวมถึงความรู้ความสามารถด้านเทคโนโลยี นวัตกรรมและด้านวิศวกรรมต่างๆ มาพัฒนาเพื่อเพิ่มมูลค่าและประโยชน์สูงสุดแก่ลูกค้า รวมถึงเพิ่มศักยภาพแก่ลูกค้าองค์กรต่างๆ

T3 Technology และ Huaweiมอบของที่ระลึก Mr.Wang  Helin ผู้ก่อตั้งและประธานบริหาร T3 Technology (ซ้าย)  Mr.Deng Feng: CEO Huawei (ประเทศไทย)  (ขวา)

ตามข้อตกลง ทั้งสองบริษัทจะนำเอาจุดแข็งของแต่ละฝ่ายมาผนึกกำลังกันเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ และให้เกิดประสิทธิภาพอย่างเต็มที่ในการพัฒนาเครือข่าย 5G ของผู้ให้บริการ เครือข่ายหลัก และการส่งสัญญาณเครือข่าย การนำเสนอโซลูชั่นต่างๆให้แก่องค์กร การใช้โทรคมนาคมพลังงานในอนาคต   และ Huawei Cloud ด้วยความสามารถด้านการวิจัยและทีมพัฒนาที่แข็งแกร่งของ Huawei บวกกับความสามารถของ T3  Technology ในการขยายตลาดภูมิภาคอย่างรวดเร็ว จากประสบการณ์และด้วยความรู้ความสามารถด้านวิศวกรรม เพื่อส่งเสริมการใช้งาน 5G และก้าวสู่ยุคดิจิทัลอย่างจริงจัง อีกทั้งโครงสร้างเครือข่ายขั้นพื้นฐาน และนำเสนอโซลูชั่นต่างๆเพื่อเครือข่ายองค์กรในประเทศไทย  รวมถึงความร่วมมือในเชิงกลยุทธ์เพื่อการพัฒนาและเพิ่มศักยภาพที่ยั่งยืนในอนาคต

การลงนามในเชิงกลยุทธ์ครั้งนี้ถือเป็นบทพิสูจน์ใหม่ที่สำคัญสำหรับการร่วมมือกันระหว่าง T3 Technology และ Huawei ความร่วมมือที่จะเสริมศักยภาพของทั้งสองบริษัทเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับผู้บริโภค รวมถึงการใช้องค์ความรู้และทรัพยากรบุคคลที่มีอยู่อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ร่วมกันและให้ได้มาซึ่งผลลัพธ์ที่เป็นเลิศ

PLEATS PLEASE ISSEY MIYAKE คอลเล็คชั่น Autumn/Winter 2021

อัพเดตลุคอยู่บ้านให้สดใส ด้วย PLEATS PLEASE ISSEY MIYAKE คอลเล็คชั่น AUTUMN/WINTER 2021

PLEATS PLEASE ISSEY MIYAKE คอลเล็คชั่น Autumn/Winter 2021
PLEATS PLEASE ISSEY MIYAKE คอลเล็คชั่น Autumn/Winter 2021

จากสถานการณ์ตอนนี้ ทำให้หลายคนจำเป็นต้องอยู่ติดบ้านกันมากขึ้น สาวๆ หลายคนก็ Work from Home ประชุมกับทีมผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ทุกวี่วัน ดังนั้นแม้จะต้องทำงานที่บ้านแบบเหงาๆ แต่ลุคอยู่บ้านของสาวๆ จะเหงาตามไปด้วยไม่ได้อย่างเด็ดขาด

แพรว จึงขอชวนสาวๆ ทุกคนมาเติมความสดใสให้กับลุคอยู่บ้าน เพื่อให้การทำงานไม่น่าเบื่อด้วย PLEATS PLEASE ISSEY MIYAKE คอลเล็คชั่น Autumn/Winter 2021 ที่มาพร้อมกับไอเท็มผ้าพลีทดีไซน์เก๋แบบ Timeless แถมโดดเด่นด้วยสีสันอันสดใส ช่วยให้ลุคอยู่บ้านของสาว ๆ เฟรชขึ้นได้แบบหายห่วง

PLEATS PLEASE ISSEY MIYAKE คอลเล็คชั่น Autumn/Winter 2021

โดย PLEATS PLEASE ISSEY MIYAKE คอลเล็คชั่น Autumn/Winter 2021 แต่งแต้มความสดใสเอาไว้ในทุกไอเท็ม ด้วยการใช้คอนเซปต์ Crossing เน้นความโดดเด่นสะดุดตาและสร้างความสนุกสนานให้กับการแต่งตัวในชีวิตประจำวัน

อีกทั้งยังคงคอนเซปต์ความมีเอกลักษณ์ฉบับผ้าพลีทเอาไว้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นความบางเบา ระบายอากาศดี ทำให้ใส่สบาย เหมาะกับสภาพอากาศร้อนๆ ของบ้านเรา บวกกับสาวๆ สามารถหยิบมาใส่ได้เลย ไม่ต้องรีดให้ยุ่งยาก เพราะผ้าพลีทของ PLEATS PLEASE ISSEY MIYAKE ใช้เทคนิคลับเฉพาะในการอัดพลีท ทำให้พลีทคงทน ไม่คลายตัวง่ายๆ ช่วยให้สาวๆ อัพลุค Work from Home ได้อย่างรวดเร็วและคล่องตัว

นอกจากนี้ PLEATS PLEASE ISSEY MIYAKE คอลเล็คชั่น Autumn/Winter 2021 ยังมาพร้อมกับดีไซน์เก๋แต่ยังคงไว้ซึ่งความ Timeless ที่ไม่ว่าจะหยิบมาอัพลุคเมื่อไหร่ก็ไม่เอ้าท์ แถมยังจับไปมิกซ์แอนด์แมตช์กับไอเท็มอื่นๆ ได้ง่าย หรือจะส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นก็ดีงาม คุณแม่ใส่ได้ ลูกสาวใส่สวย ดังนั้นหากจะซื้อหาเป็นของขวัญวันแม่ก็เริ่ด เพราะคอลเล็คชั่นนี้จัดเต็มไอเท็มผ้าพลีทเอาไว้หลายซีรีส์หลากสไตล์เลยทีเดียว

 

ATLAS ATLAS ซีรีส์ที่มีดีไซน์สนุกๆ ด้วยลวดลายคล้ายตัวต่อจิ๊กซอว์ที่วาดขึ้นด้วยมือ สีสันสะดุดตาด้วย 2 เฉดสีสดใส อย่างสีเขียวเทอร์ควอยส์และสีส้ม ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากสีสันของช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้น ซึ่งส่องแสงสว่างและเต็มไปด้วยพลัง

 

ATLAS BAGโดยนอกจากเสื้อผ้าแล้ว ซีรีส์นี้ยังมาพร้อมกับ ATLAS BAG กระเป๋าเป้สะพายหลังแบบรูดปิดด้วยลาย ATLAS ภายในมีช่องใส่ของ ช่วยให้ใช้งานสะดวก และฐานกระเป๋ายางยืดทำให้กระเป๋าไม่เสียทรงเวลาใส่ของเข้าไป เหมาะสำหรับการใช้งานในทุกๆ วัน

 

SUNSET SUNSET ซีรีส์ที่ผสมผสานสีสันหลากหลาย ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากยามพระอาทิตย์ตกดิน เล่นกับสีสันทั้งแบบเฉดสีเดียว และ 2 เฉดสีผสม โดยแบ่งเฉดสีด้วยเส้นโค้งตามแนวของเสื้อผ้า โดดเด่นด้วยพลีทแนวขวางที่พลิ้วไหวไปมาตามการเคลื่อนไหวของผู้สวมใส่

 

MONTHLY COLORS : AUGUST MONTHLY COLORS : AUGUST ซีรีส์แห่งสีสันที่สนุกสนานยิ่งขึ้นได้ด้วยการจับคู่กับไอเท็มในซีรีส์เดียวกัน หรือกับซีรีส์ ATLAS และ SUNSET ซึ่งสะท้อนถึงบรรยากาศยามพระอาทิตย์ขึ้นและตกดิน

 

MONTHLY COLORS : SEPTEMBER MONTHLY COLORS : SEPTEMBER ซีรีส์ที่ผสมผสานเฉดสีที่สื่อถึงบรรยากาศฤดูใบไม้ร่วง โดยนอกจากไอเท็มเบสิคแล้ว ซีรีส์นี้ยังมีไอเท็มใหม่ๆ อย่างคาร์ดิแกนที่มาพร้อมกับกระดุม และเดรสดีไซน์เก๋ ซึ่งสาวๆ สามารถหยิบไปมิกซ์แอนด์แมตช์กับซีรีส์ ATRIUM ที่มีจุดเด่นเป็นลายดอกไม้แสนสะดุดตาในเฉดสีเดียวกันได้อีกด้วย

 

MONTHLY COLORS : OCTOBERMONTHLY COLORS : OCTOBER อีกหนึ่งซีรีส์แห่งสีสัน ซึ่งโดดเด่นด้วยการใช้เฉดสีของแม่สีอันทรงพลัง โดยเดรส โค้ท และคาร์ดิแกนในซีรีส์นี้ได้รับการออกแบบให้เก๋ยิ่งขึ้น ด้วยดีไซน์ผ่าสูงที่สามารถเปิดและปิดได้ด้วยซิป เพื่อเป็นกิมมิกให้สีสันของเสื้อผ้าที่อยู่ภายในได้อวดโฉม

 

PLEATS MESSENGERอีกทั้งยังมี PLEATS MESSENGER กระเป๋าแมสเซนเจอร์สไตล์สปอร์ต ที่แม้ภายนอกจะดูเรียบง่าย แต่ภายในมีซับในและโครงอย่างดี ทำให้กระเป๋าไม่เสียทรงง่ายๆ เมื่อใส่ของเข้าไป

 

FIELD FIELD ซีรีส์ที่โดดเด่นด้วยการใช้ลวดลาย Color Blocking ในเฉดสีอันร้อนแรง ดังนั้นหากสาวๆ หยิบไอเท็มในซีรีส์นี้ไปมิกซ์แอนด์แมตช์กับซีรีส์ MONTHLY COLORS : OCTOBER ก็จะช่วยเพิ่มสีสันแห่งความสนุกสนานได้มากยิ่งขึ้น

หากสาวๆ ถูกตาต้องใจซีรีส์ไหน แล้วอยากสอยมาใส่ Work from Home สวยๆ ก็สามารถแอดไลน์ @club21thailand แล้วตามไปช้อป PLEATS PLEASE ISSEY MIYAKE คอลเล็คชั่น Autumn/Winter 2021 ง่ายๆ จากที่บ้านกันได้ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

– Siam Discovery T. 02-021-2142

–  The EmQuartier T. 02-021-2177

keyboard_arrow_up