มธรา (Matara) แบรนด์ผู้ประดิษฐ์เครื่องประดับชั้นนำของประเทศไทยที่มีชื่อเสียงด้านหัตถศิลป์อันประณีต การคัดสรรไข่มุกที่งดงาม และเครื่องประดับสุดหรูเหนือกาลเวลา ประกาศเปิดตัวร้านบูติกแห่งใหม่ในเดือนธันวาคมนี้ ณ บริเวณชั้น 2 เกษรเซ็นเตอร์ เกษรวิลเลจ กรุงเทพฯ ซึ่งจะเป็นร้านบูติกแห่งที่ 4 ในกรุงเทพฯ ของแบรนด์

มธรา (Matara) ก่อตั้งขึ้นที่กรุงเทพฯในปี2014 และก้าวขึ้นสู่ระดับสากล ผ่านความร่วมมือกับนักออกแบบเครื่องประดับที่มีชื่อเสียงระดับโลกและลักซ์ชัวรี่แบรนด์อื่นๆ การเปิดตัวครั้งนี้เป็นการตอบสนองต่อจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น หลังจากการคลี่คลายของสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19

ในช่วงการระบาดของโควิด-19  มธรายังคงได้รับการสนับสนุนที่ดีเยี่ยม จากลูกค้าประจำซึ่งยังคงว่าจ้างสั่งงานออกแบบและสั่งซื้อเครื่องประดับจากคอลเล็กชัน ที่มีอยู่ตลอดจนสินค้าสั่งผลิตที่ออกแบบขึ้นใหม่และไม่เหมือนใคร ร้านบูติกที่เกษร ได้ถูกเปิดขึ้นเพื่อให้ลูกค้าและนักสะสมได้เลือกชม และสั่งซื้อผลงานใหม่ๆ และในขณะเดียวกันก็ช่วยให้แบรนด์สามารถจัดแสดงผลงานการออกแบบล่าสุดในคอลเล็กชันต่างๆ เช่น  “มธราไฟน์จิวเวลรี่” (Matara Fine Jewelry) เครื่องประดับจากไข่มุกทองคำทองคำขาวและทองโรสโกลด์18K  “มธราไฮท์จิวเวลรี่” (Matara High Jewelry) เครื่องประดับจากเปลือกหอยมุก (Mother-of-Pearl) เพชรแท้ทองคำทองคำขาวและทองโรสโกลด์18K และ  “มธราไดมอนด์” (Matara Diamond) เครื่องประดับเพชรแท้ที่โดดเด่นของแบรนด์

มธรา (Matara) เปิดตัวร้านบูติกเครื่องประดับสุดหรูแห่งใหม่ ณ เกษรวิลเลจ กรุงเทพฯ

คุณจิน-จงจินต์ จึงสุระ เจ้าของและผู้บริหารบริษัทมธราสตูดิโอ จำกัด กล่าวว่า “โชคดีมากที่หลังสถานการณ์โควิด เรายังคงได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบเครื่องประดับของเราอย่างเหนียวแน่น และมีการสั่งทำเครื่องประดับที่ออกแบบมาเป็นพิเศษอย่างต่อเนื่อง รวมถึงติดตามความเคลื่อนไหว เกี่ยวกับความร่วมมือกับนักออกแบบเครื่องประดับที่มีชื่อเสียงระดับโลก”

“ลูกค้าของเรามีความสำคัญเป็นอย่างมาก ตั้งแต่เริ่มต้นทำธุรกิจและเติบโตจนมีชื่อเสียงในระดับนานาชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก ที่เข้าพักที่โรงแรมเดอะเพนนินซูล่า กรุงเทพฯ ซึ่งชื่นชอบสินค้าระดับไฮเอนด์ที่มีอยู่แล้วในคอลเล็กชันของเรา และไม่ต้องรอเครื่องประดับที่จะต้องสั่งผลิต เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ตอนนี้นักท่องเที่ยว สามารถที่จะเดินทางมากรุงเทพฯ ได้ และการดำเนินธรุกิจก็เป็นไปได้ตามปกติ เราจึงได้สร้างสรรค์ผลงานในธีมที่กำลังเป็นที่นิยม เช่น ความหลากหลายการมีส่วนร่วมความเชื่อมโยง ระหว่างเจนเนอเรชั่นและความผูกพันกับผู้อื่น”

“แนชเชอรัลเพิร์ล” (Natural Pearl) สินค้าลักซ์ชัวรี่ที่ถูกทำขึ้นมาเป็นพิเศษสำหรับบูติกแห่งใหม่ ที่จะเปิดตัวที่เกษรวิลเลจ กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเครื่องประดับไข่มุกธรรมชาติ เกรดหายากมาก ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนเพียง 0.2% ของไข่มุกที่มีอยู่ทั้งหมดในตลาดโลก งานฝีมีอคุณภาพสูงนี้ จะมีจัดจำหน่ายที่ร้านบูติกแห่งใหม่ ที่เกษรและร้านบูติกสาขาอื่นๆ ในกรุงเทพฯ

ร้านบูติกแห่งใหม่ที่เกษร จะช่วยให้ลูกค้าและผู้ที่สนใจเครื่องประดับอัญมณีของมธรา สามารถเข้าถึงคอลเล็กชันปี 2022/23 ของมธราสตูดิโอได้สะดวกยิ่งขึ้น และเปรียบเหมือนการเปิดประตูสู่โลกของเครื่องประดับอัญมณีของแบรนด์ นอกจากนี้ยังจะช่วยให้มธรา สามารถสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าได้ โดยเฉพาะผู้ที่ชื่นชอบ และเริ่มต้นการสะสมเครื่องประดับไข่มุกทองคำ หรือเพชรในราคาที่สมเหตุสมผล

ภายในร้านบูติกแห่งนี้ จะได้จัดให้มีพื้นที่สำหรับให้คำแนะนำ ทดลองสวมใส่ออกแบบ และจัดแสดงเครื่องประดับ พร้อมมีพนักงานที่เชี่ยวชาญไว้คอยบริการ นอกจากนี้ลูกค้ายังสามารถออกแบบ และสั่งทำเครื่องประดับที่เป็นเอกลักษณ์พิเศษเฉพาะตัวได้อีกด้วย ร้านบูติกแห่งนี้จะช่วยขยายพื้นที่ให้บริการเพิ่มเติม จากสาขาที่มีอยู่แล้วในปัจจุบัน ที่เซ็นทรัลเอ็มบาสซี โรงแรมเดอะเพนนินซูล่า กรุงเทพฯ และสตูดิโอในต่างประเทศ เช่น ลอนดอน นิวยอร์ก รวมถึงร้านบูติกในลอสแองเจลิส ที่กำลังจะเปิดให้บริการในเร็วๆ นี้

ในโอกาสนี้มธรา (Matara) จะได้นำเสนอเครื่องประดับจากคอลเล็กชันสั่งทำสุดพิเศษจำนวน 6 แบบ มาจัดจำหน่ายในบูติกแห่งนี้ด้วย ลูกค้าจะสามารถสั่งซื้อเครื่องประดับที่เป็นเอกลักษณ์ และไม่เหมือนใครได้ในทันที โดยไม่ต้องรอเวลาในการออกแบบและสั่งผลิต ซึ่งโดยทั่วไปแล้วอาจใช้เวลามากถึงหกเดือน นอกจากนี้ยังสามารถตอบสนองต่อความต้องการของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่เดินทางมายังประเทศไทย โดยจะสามารถซื้อเครื่องประดับที่ต้องการได้ภายในระยะเวลาไม่เกินสองสัปดาห์ เครื่องประดับในคอลเล็กชัน “Embrace Diversity” และ “Bombshell Bonding” เป็นรุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่นทำมือ 100% และมีจำหน่ายในจำนวนจำกัด

ในช่วงเดือนธันวาคมปี 2565 ซึ่งใกล้กับเทศกาลคริสต์มาส มธราได้ขยายระยะเวลาการรับประกันฟรีจาก 2 ปี เป็น 3 ปี สำหรับลูกค้าที่สั่งซื้อเครื่องประดับในทุกคอลเล็กชัน สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถาม ได้จากพนักงานในทุกร้านบูติกและสตูดิโดออกแบบของมธรา

คอลเล็กชันปี 2022/23 ได้มีการเพิ่มเติมเครื่องประดับ ซึ่งเป็นเหมือนงานศิลปะที่สวมใส่ได้ และได้รับการออกมาในสไตล์ที่เรียบง่ายสง่างาม และคงไว้ซึ่งความคลาสสิกในคอลเล็กชันของ “มธราไฮท์จิวเวลรี่” (Matara High Jewelry) ในระหว่างการเปิดตัวร้านบูติกแห่งใหม่นี้ มธราจะได้ประกาศถึงความร่วมมือกับศิลปินใหม่ๆ และดีไซน์เนอร์ระดับโลกพร้อมเปิดเผยถึงคอลเล็กชันสุดพิเศษ สำหรับปีหน้าด้วย คุณจงจินต์ จึงสุระ กล่าวสรุปว่า “คอลเล็กชันล่าสุดและผลงานทุกชิ้นของมธรา เป็นเหมือนการเฉลิมฉลองความชื่นชอบ ในศิลปะการออกแบบความหลากหลายของผู้คนในโลกใบนี้ และเป็นการส่งต่อความรักและความขอบคุณให้กับสังคม”

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมและการสั่งซื้อออนไลน์กรุณาคลิกที่ลิงก์ https://www.matarastudio.com/

CHIME FOR CHANGE

Founded by Gucci in 2013 and launched together with Co-Founders Salma Hayek Pinault and Beyoncé Knowles-Carter, CHIME FOR CHANGE is a global campaign to convene, unite and strengthen the voices speaking out for gender equality. CHIME FOR CHANGE aims to inspire participation in a collective community, bringing people together across borders and generations in the fight for gender equality.

To date, the campaign has raised nearly $20 million to support projects and advocacy in 89 countries, with more than 180 partners such as Equality Now, the Global Fund for Women, Ms. Foundation for Women, mothers 2 mothers, UN Women, and other diverse feminist organizations and movements led by and serving women of color, Indigenous women and girls, young feminists, Disabled women and girls, transgender and gender expansive women, and other groups who have been historically marginalized. CHIME FOR CHANGE’s support has directly benefited more than 630,000 girls and women globally and reached more than 3 million family and community members. Additionally, through CHIME FOR CHANGE, Gucci is proud to support projects in the Asia region, including with HER Fund in Hong Kong, UN Women Japan, Equality Now in India and the Middle East, and Women for Afghan Women in Afghanistan. Support from CHIME FOR CHANGE has helped these partners continue to advance gender equality in their communities and regions.

CHIME FOR CHANGE Backgrounder As of October 2022

In early 2021, to further drive global impact on gender equality, Gucci proudly joined UN Women’s Generation Equality Action Coalitions as the private sector lead on the Feminist Movements & Leadership Action Coalition. The Action Coalitions were formed to catalyze multi-sector collective action toward gender equality and deliver concrete results for girls and women in all their diversity. Gucci responded to the call for bold initiatives with a series of policy, programmatic, advocacy and financial commitments to accelerate progress for gender equality by 2026. More about the Generation Equality Action Coalitions and Gucci’s commitments can be found here.

CHIME ZINE

The CHIME Zine is a periodic publication by Gucci launched in 2019 and dedicated to amplifying the voices of activists and artists around the world calling for gender equality. Edited by community organizer and author Adam Eli and art directed by Italian visual artist MP5, the CHIME Zine builds on Gucci and CHIME FOR CHANGE’s longstanding work to amplify and celebrate the community of global voices speaking out for gender equality and self-expression – especially as amplifying the voices of women and girls in all their diversity has become increasingly urgent amid intensified gender inequities and reduced global economic resources due to the COVID-19 pandemic. The CHIME Zine is made available digitally on Gucci Equilibrium, Gucci’s platform for social impact and sustainability, and in print at the Gucci Garden in Florence and the Gucci Wooster Bookstore in New York, as well as in select bookstores worldwide.

The following are highlights of CHIME Zines that have included contributions from across Asia:

• CHIME Zine No. 0, released in January 2019 and marked the inaugural issue featuring contributions from activists, artists, and writers around the world who are speaking out for gender equality and self-expression. Contributors included Iranian singer-songwriter Gola on her childhood in Iran and societal gender norms.

• CHIME Zine No. 2, released in October 2020, which included a special section focused on Japan, with essays, interviews, and artwork related to feminism, gender, and self-expression in Japanese society. The cover of the Japan spotlight featured the women of Bluestocking (Seito), Japan’s first feminist literary journal credited with helping to launch the feminist movement in Japan in the 1910’s. Contributors included:

• Yuki Chizui, Japan’s first female sushi chef and owner of a sushi restaurant in Tokyo
  • Yume Morimoto, Tokyo-based queer feminist writer and founder of English-Japanese bilingual zine, B.G.U.
  • AKKOGORILLA, feminist rapper in Japan’s underground music scene
  • SUPER-KIKI, Japan-based multimedia artist
  • Members of WAIFU, a resistance nightlife party centering women and LGBTQ+ in Tokyo, and founded on the principles of intersectional feminism and inclusion

• CHIME Zine No. 4, released in October 2021, which focused on representing some of the most marginalized communities around the world, united together to call for urgent action on gender equality. Contributions included:

• Chella Man, a Jewish Chinese actor, model, artist, and LGBTQ+ activist, in conversation with Andraéa LaVant and Judy Heumann on gender and the US disability movement
  • Artwork by contemporary Indian artist Varnita Sethi on self-expression and gender identity
  • A special compilation from Mahila Zine of firsthand experiences and stories from women in India

• CHIME Zine No. 5, released in May 2022, which explored the power of intersections in the global gender equality movement, including race, gender identity, disability, and class, through written essays and artworks. Contributors included:

• An essay by Eno Pei-Jean Chen, assistant professor of Taiwanese Literature at National Chengchi University in Taipei, on queer culture in Taiwan and South Korea with translation by Ariel Chu, Taiwanese American writer and PhD student
  • Artwork by Kira Wei-Hsin Jacobson (許維昕), Taiwanese American transmedial artist and poet
  • A personal account by Indian psychologist and social activist Dr. Ritu Singh on the role of women in the historic Indian farmers’ protest

• 22 For ’22 CHIME Zine, a special digital edition released in August 2022, which amplified conversations from 22 For ’22: Visions for a Feminist Future: the second annual virtual summit hosted by Gucci’s CHIME FOR CHANGE and The Meteor, and featured a broad range of voices, including:

• Ayisha Siddiqa, Pakistani human rights and environmental justice advocate and co-founder of Polluters Out
  • Fatema Hosseini, Afghan journalist
  • Mafreshou, Iranian illustrator and printmaker

“เบนซ์ไพรม์มัส” ฉลองสู่ปีที่ 3 นำลูกค้า Mercedes-Benz เปิดประสบการณ์กิจกรรมกอล์ฟการกุศลสุด Luxury ร่วมประชันวงสวิงกับโปรกอล์ฟTHAI LPGA หลังจบการแข่งขัน 3 โปรสาว“โปรปลาย-พัชรจุฑา, โปรฟ้า-สิธานาถ, โปรนิม-นิมมิตา” นำทีมคว้าชัยชนะ ในงาน Primus Pro-Am Charity Invitation 2022 สนาม The RG City Golf Club

นายณัฏฐวุฒิ ตั้งคารวคุณ ประธาน บริษัท ไพรม์มัส ออโต้เฮาส์ จำกัด ผู้จำหน่ายรถยนต์ Mercedes-Benz, Mercedes-AMG, Mercedes-Maybachและ Mercedes-EQ อย่างเป็นทางการ เปิดเผยว่า สำหรับการจัดงานกอล์ฟการกุศล Primus Pro-Am Charity Invitation 2022 เมื่อกลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยลูกค้า Mercedes-Benz ให้ความสนใจและสมัครเข้าร่วมการแข่งขันอย่างล้นหลาม โดยปีนี้ เรารับสมัครทีมแข่งขันเพิ่มเป็น 27 ทีม แต่ใช้เวลาในการรับสมัครสั้นกว่าปีที่ผ่านมา ผมต้องขอขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่ร่วมสนับสนุนกิจกรรมในครั้งนี้ ทำให้เราบรรลุวัตถุประสงค์ตามที่กำหนดด้วยดี

“เบนซ์ไพรม์มัส” ฉลองสู่ปีที่3 เปิดประสบการณ์กอล์ฟการกุศลสุด Luxury “โปรปลาย-พัชรจุฑา คงกระพันธ์” นำทัพคว้าชัยชนะ ในงาน Primus Pro-Am Charity Invitation 2022

“งาน Primus Pro-Am ถือเป็นกิจกรรมหลักด้าน CSR ของ “เบนซ์ไพรม์มัส” ในการสร้างสาธารณประโยชน์ให้แก่ประชาชนและสังคมไทย ตามนโยบายของกลุ่ม TOAVH ซึ่งครั้งนี้ ได้เปิดโอกาสให้ลูกค้า Mercedes-Benz ที่สมัครเข้าแข่งขันทุกท่านได้ร่วมสร้างกุศลครั้งสำคัญ โดยรายได้ทั้งหมด ไม่หักค่าใช้จ่าย จะนำไปมอบให้แก่ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์ด้านสาธารณสุขต่อไป”

ในงานครั้งนี้ เราได้รับเกียรติจากนายกฤษดา ตัณฑ์วิไล นายกสมาคมกอล์ฟอาชีพสตรี (THAI LPGA) เป็นผู้ดูแลและดำเนินการจัดการแข่งขัน เป็น Tournament รูปแบบ Pro-Am ระบบ 36 System พร้อมคัดเลือก 27 โปรกอล์ฟสาวระดับชั้นแนวหน้า อาทิ โปรปลาย-พัชรจุฑา คงกระพันธ์, โปรว่าน-จารวี บุญจันทร์,โปรอัญ-อัญมณี วงศ์อรุณ, โปรนิ้ง-เนมิตรา จันต๊ะนาเขตร์ เป็นต้น ร่วมทีมกับผู้เข้าร่วมแข่งขัน เพื่อประชันวงสวิงและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ เทคนิคต่างๆ ในการออกรอบแบบมืออาชีพตลอด 18 หลุม

นอกจากนี้ ได้มีการจัดกิจกรรม Golf Clinic โดยโปรกอล์ฟมืออาชีพได้ร่วมสาธิตและให้คำแนะนำด้านความรู้-ประสบการณ์ก่อนออกรอบแก่ผู้เข้าร่วมแข่งขัน เพื่อช่วยเพิ่มทักษะและเทคนิคในการออกรอบอย่างสนุกและท้าทาย  ทั้งร่วมลุ้นรับรางวัล Hole in one รถยนต์ Mercedes-Benz C 220d Avantgardeมูลค่า 2,590,000 บาท และรางวัล Overall Low Net รับถ้วยรางวัล Blue Power ที่ได้รับการออกแบบเป็นพิเศษเฉพาะในงานนี้อีกด้วย

พร้อมกันนี้ “เบนซ์ไพรม์มัส” ได้จัดงานเลี้ยงสังสรรค์สำหรับการประกาศผลรางวัลการแข่งขัน ด้วยอาหารสุดพิเศษที่คัดสรรสำหรับลูกค้าคนสำคัญ ได้ร่วมทานอาหารกับผู้บริหารและโปรกอล์ฟสาว ทั้งลุ้นรับของที่ระลึกต่างๆ มากมาย อาทิ Smart TV 55 นิ้ว, ถุงกอล์ฟ Benz Primus, Gift Voucher จาก Donki Supermarket และ U Drink I Drive เป็นต้น

จากนั้นได้มีการประกาศผลการแข่งขันและมอบถ้วยรางวัลเกียรติยศให้แก่ผู้ชนะเลิศทั้งประเภทบุคคล ประเภททีม รวมถึงรางวัลพิเศษต่างๆ ทั้งรางวัลตีใกล้ธง ตีไกล และตีไกลใกล้เส้น ด้วยบรรยากาศที่คึกครื้น และเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุขและสนุกสนานกับกิจกรรมของ “เบนซ์ไพรม์มัส” ในวันนี้

เมื่อเทศกาลแห่งความสุขกำลังจะเดินทางมาถึง บรรยากาศที่อบอวลไปด้วยช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองมักจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการจัดงานรื่นเริง หรือการตกแต่งสถานที่ให้งดงามตระการตา เพื่อสร้างสรรค์จุดนัดพบแห่งใหม่ ที่ให้ผู้คนได้มาใช้เวลาแห่งความสุขร่วมกัน โดย จิรัสย์ วัฒนภัทรเศรษฐ์ รองกรรมการบริหารเกษรวิลเลจ (Gaysorn Village) ไลฟ์สไตล์เออร์บันวิลเลจแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย ได้จัดงาน “Gaysorn Christmas Village” ด้วยการเนรมิตทั่วทุกพื้นที่ของ เกษรวิลเลจ ให้กลายเป็นสถานที่ซึ่งอบอวลไปด้วยช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลอง ท่ามกลางบรรยากาศการตกแต่งชวนฝันจากความงดงามของโลกแห่งเทพนิยาย ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากวัฒนธรรมโบราณของชาวโรมันอย่างเทศกาลแซตเทอร์นาเลีย (Saturnalia) สะท้อนผ่านเรื่องเล่าของ 5 ตัวละคร Craftmastersได้แก่ ‘The Florist’ ราชินีแห่งดอกไม้, ‘The Perfumer’ อัศวินแห่งน้ำหอม, ‘The Tailor’ เจ้าหญิงช่างตัดเสื้อ, ‘The Glass Maker’ พ่อมดแห่งเครื่องแก้ว และ ‘The Baker’ เจ้าชายน้อยขนมอบ ตัวละครที่ได้รับการสร้างสรรค์จากศิลปินมากฝีมือ ปอม จิตรประทักษ์ โดยความงดงามของ “Gaysorn Christmas Village” สามารถเข้าเยี่ยมชมได้ตั้งแต่วันนี้ ไปจนถึงวันที่ 6 มกราคม 2566

เริ่มต้นเทศกาลแห่งความสุขที่กำลังจะมาถึง! ในงาน “Gaysorn Christmas Village”

ในงานครั้งนี้ได้รับเกียรติจากเหล่าเซเลบริตี้ชื่อดังตบเท้าเข้าร่วมงานกันอย่างคับคั่ง อาทิ สลิล-สาริศา ล่ำซำ, ปิยวดี มาลีนนท์,  เจย์ สเปนเซอร์, ปิยะรัฐ กัลย์จาฤก, ชวนล ไคสิริ, อัครรัฐ วรรณรัตน์, อรวรรณ อิงคสิทธิ์, วรรณวิไล เตชะสมบูรณ์, แอนชิลี สก๊อต-เคมมิส, มาวิน ทวีผลและอีกมากมาย พร้อมรับชมโชว์สุดพิเศษจาก ไบร์ท-วชิรวิชญ์ ชีวอารี รวมถึงนักแสดงชื่อดัง ต่อ-ธนภพ ลีรัตนขจร และปาร์ตี้คอนเสิร์ตสุดเอ็กซ์คลูซีฟจากศิลปินชื่อดัง ตู่-ภพธร สุนทรญาณกิจ และ แอลลี่-อชิรญา นิติพน

จิรัสย์ วัฒนภัทรเศรษฐ์ รองกรรมการบริหารเกษรวิลเลจ (Gaysorn Village) กล่าวถึงวัตถุประสงค์การจัดงานครั้งนี้ว่า “ในฐานะที่เราเป็นไลฟ์สไตล์เออร์บันวิลเลจ เราจึงให้ความสำคัญกับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของผู้คนในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเติมเต็มประสบการณ์ที่มากกว่าเดิม การเฉลิมฉลองในวาระต่างๆ การสร้างคอมมูนิตี้สำหรับกลุ่มคนที่มีความชื่นชอบในเรื่องเดียวกัน (Like-minded community) รวมไปถึงการสร้างพื้นที่ให้ทุกคนได้สร้างแรงบันดาลใจและความคิดสร้างสรรค์ได้ในแบบฉบับของแต่ละบุคคล (Placemaking) เพราะเราอยากให้ทุกคนได้สัมผัสกับวิถีการใช้ชีวิตที่เพิ่มคุณค่า สร้างความผูกพัน และใช้เวลาให้เกิดประโยชน์ในไลฟ์สไตล์เออร์บันวิลเลจแห่งนี้ โดยสำหรับเทศกาลคริสต์มาสที่ทุกคนต่างรอคอยนั้น เราได้เนรมิตเกษรวิลเลจ ด้วยการตกแต่งทุกพื้นที่ให้อบอวลไปด้วยบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง ผ่านเรื่องราวของ 5 ตัวละคร Craftmastersที่เราได้สร้างสรรค์ขึ้นจากแนวคิดที่เชื่อว่าคนทุกคนล้วนมีเอกลักษณ์ความแตกต่างในตัวเอง จึงเป็นการสะท้อนให้เห็นว่าไม่ว่าเราจะมีเอกลักษณ์แตกต่างกันแค่ไหน เราก็สามารถอยู่ร่วมกันและเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งสุขนี้ร่วมกันได้เกษรวิลเลจจึงอยากให้ทุกคนได้มาแฮงค์เอ้าท์และมีความสุขร่วมกัน หลังจากที่ต้องใช้ชีวิตท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 กันมาอย่างยาวนาน ในปีนี้เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเกษรวิลเลจจะสามารถเติมเต็มความสุขครั้งสำคัญให้กับทุกคนได้ สำหรับการสร้างสรรค์ Gaysorn Christmas Village นี้ เราอยากให้ทุกคนได้ดื่มด่ำกับเฟสทีฟซีซั่นครั้งนี้กันอย่างเต็มอิ่ม ด้วยการจำลองทุกพื้นที่ให้เป็นวิลเลจอันแสนอบอุ่นที่เต็มไปด้วยเรื่องเล่ามากมาย และพร้อมจะพาทุกคนเข้าไปสัมผัสกับช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลอง ได้เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศแห่งการพักผ่อนกับครอบครัว เพื่อนฝูง และคนรัก ในช่วง

เทศกาลสำคัญนี้ พร้อมทั้งดื่มด่ำกับกลิ่นหอมภายในเกษรวิลเลจ ที่เราตั้งใจรังสรรค์ขึ้นให้ทุกคนได้เพลิดเพลินกับการมาเยือนวิลเลจแห่งนี้ รวมถึงเต็มอิ่มกับอาหารและเครื่องดื่มจากร้านอาหารชั้นนำมากมายภายในเกษรวิลเลจ”

สำหรับการตกแต่งภายในของ “Gaysorn Christmas Village” นั้นได้รับแรงบันดาลใจมาจากวัฒนธรรมโบราณของชาวโรมันที่ชื่อว่าเทศกาลแซตเทอร์นาเลีย (Saturnalia) วันแห่งการพักผ่อนของชาวโรมันเพื่อเตรียมต้อนรับฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึง โดยความงดงามของวัฒนธรรมดังกล่าว ได้ถูกนำมาคลี่คลายถ่ายทอดสู่เรื่องราวของวิลเลจแห่งหนึ่งซึ่งโอบล้อมด้วยหมู่มวลดอกไม้สีสันงดงามที่ถูกขนานนามว่า เกษรวิลเลจ (Gaysorn Village) วิลเลจที่สมาชิกทุกคนล้วนเป็นช่างฝีมือในด้านต่างๆ อีกทั้งยังเป็นสถานที่ดึงดูดเหล่าผีเสื้อจากทั่วทุกสารทิศให้มาร่วมกันเก็บเกี่ยวเกสรดอกไม้ จนทำให้ทุ่งดอกไม้ของวิลเลจเบ่งบานตลอดทั้งปี แต่ว่ากันว่าผีเสื้อของวิลเลจแห่งนี้ไม่ใช่ผีเสื้อทั่วไป ‘The Florist’ ราชินีแห่งดอกไม้ประจำวิลเลจกล่าวว่าผีเสื้อที่นี่คือสิ่งมีชีวิตแสนวิเศษที่คอยร่ายมนต์บันดาลให้เกิดปรากฏการณ์มหัศจรรย์ในทุกๆ ปี

ด้าน ‘The Perfumer’ อัศวินแห่งน้ำหอมผู้ตั้งตารอคอยปรากฏการณ์นี้ ได้เล่าถึงคืนก่อนวันคริสต์มาสของวิลเลจว่าเหล่าผีเสื้อทั้งหลายจะพากันนำเกสรจากดอกไม้ที่บานสะพรั่งรอบวิลเลจมาเก็บรวมกันไว้ใน ‘รังไหม’ (The Cocoon) ซึ่งตั้งอยู่ที่ใจกลางโดยรังไหมแห่งนี้คือสถานที่เกิดปรากฏการณ์มหัศจรรย์ ซึ่งทำให้กลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ได้ถูกรังสรรค์ขึ้น จนวิลเลจอบอวลด้วยกลิ่นอันรื่นรมย์ที่ทำให้ทุกคนมีแต่ความสุขไปตลอดทั้งปี เหล่าช่างฝีมือของวิลเลจจะพากันออกมาเฉลิมฉลอง ด้วยการร่วมมือร่วมใจกันสร้างสรรค์เทียนหอมจากกลิ่นแห่งความสุขนี้ ซึ่งจะถูกนำไปจุดไว้ตามที่ต่างๆ ของวิลเลจ เพื่อให้แสงเทียนอันสว่างไสวช่วยส่องนำทางให้เหล่าผีเสื้อโบยบินไปยังถ้ำผีเสื้อได้อย่างปลอดภัย และเป็นดังแสงสะท้อนความหวังและการเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ ของคนในวิลเลจสำหรับปีที่กำลังจะมาถึง

อีกสถานที่ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากถ้ำผีเสื้อก็คือ ‘จัตุรัสแสงเทียน’ ศูนย์กลางของวิลเลจที่เหล่าสมาชิกช่างฝีมือจะมารวมตัวกันพร้อมด้วยเทียนจากฝีมือของแต่ละบ้าน และตามธรรมเนียมของวิลเลจ เหล่าช่างฝีมือจะนำเทียนของพวกเขามาไว้รวมกันที่นี่ จนเกิดเป็นต้นคริสต์มาสขนาดใหญ่ที่ประกอบขึ้นมาจากเทียนหอมมากมายหลากหลายรูปทรงและสีสัน ทั้งยังส่งกลิ่นหอมแห่งความสุขที่เชื้อชวนให้ทุกคนออกมาเต้นรำและมอบของขวัญให้แก่กัน ณ จัตุรัสแห่งนี้

อีกหนึ่งความพิเศษของต้นคริสมาสต์แห่งเกษรวิลเลจ ไม่ได้มีแค่แสงเทียนอันเจิดจรัส และกลิ่นหอมชวนรื่นรมย์เท่านั้น เพราะยังถูกแต่งแต้มความงดงามโดย ‘The Tailor’ เจ้าหญิงช่างตัดเสื้อผู้ตกแต่งทุกพื้นที่ด้วยผืนผ้าหลากลวดลายและสีสัน ในขณะที่รสชาติความอร่อยแห่งเทศกาลคริสต์มาสนั้น ได้ถูกสร้างสรรค์โดยคู่หู ‘The Glass maker’ พ่อมดแห่งเครื่องแก้ว และ ‘The Baker’ เจ้าชายน้อยขนมอบ ที่ทั้งคู่งัดเอาสูตรลับเฉพาะออกมาปรุงเป็นเมนูอาหารและเครื่องดื่มสุดพิเศษ เพื่อเสิร์ฟให้ทุกคนที่มาร่วมสังสรรค์และแบ่งปันช่วงเวลาสุดพิเศษที่ ‘the COCOON’ ซึ่งไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการเริ่มต้นปีใหม่ พร้อมเพลิดเพลินไปกับรสชาติของอาหาร และเสียงเพลง ณ พื้นที่แห่งงานรื่นเริงของวิลเลจแห่งนี้

โดยเหล่าเซเลบริตี้ที่มาร่วมภายในงานต่างก็เผยถึงกิจกรรมที่อยากทำในช่วงเทศกาลคริสต์มาส เริ่มจาก เซเลบริตี้คุณแม่ยังสวย สลิล ล่ำซำ เผยว่า “ถ้าพูดถึงเทศกาลคริสต์มาสก็ต้องนึกถึงต้นคริสต์มาสอยู่แล้ว อย่างวันนี้ที่มางานของเกษรวิลเลจก็รู้สึกชอบมาก เพราะเราก็ห่างหายจากเทศกาลเฉลิมฉลองนี้กันไปนาน ซึ่งปกติถ้าเป็นช่วงเทศกาลแบบนี้เราจะใช้เวลากับอยู่กับเพื่อนกับลูกสาว อย่างคริสต์มาสปีนี้ก็ตั้งใจว่าจะไปนั่งดูพลุริมแม่น้ำเจ้าพระยา รับประทานอาหารอร่อยๆ กัน ก็เป็นความสุขเล็กๆ น่ารักๆ ที่เราจะอยู่กับเพื่อนและลูกสาวเป็นประจำอยู่แล้ว”

ถัดมาที่เซเลบริตี้สาวนักชิม ปิยวดี มาลีนนท์ เล่าว่า “จริงๆ ก็กำลังวางแผนอยู่ว่าคริสต์มาสจะไปไหน ทำอะไรดี เพราะเป็นคนที่ชอบเทศกาลนี้มากๆ และยิ่งห่างหายไปนานจากสถานการณ์โควิด ก็ตั้งใจว่าถ้ามีงานแบบเกษรวิลเลจก็จะตระเวนไปหลายๆ ที่ แต่ถ้าพูดถึงกิจกรรมที่ชอบช่วงเทศกาลนี้เราจะชอบการแลกของขวัญ เพราะชอบความรู้สึกที่มันตื่นเต้น บรรยากาศที่ทุกคนดีใจเวลาที่ได้แกะห่อของขวัญออกมา ซึ่งเราก็คงมีปาร์ตี้เล็กๆ กับเพื่อนและสามี”

ต่อมาที่หนุ่มสมาร์ทอย่าง อัครรัฐ วรรณรัตน์ เผยว่า “ปีนี้เป็นปีแรกที่เราเพิ่งเริ่มกลับมาจัดงานเฉลิมฉลองกัน และคนก็เริ่มแพลนเดินทางต่างประเทศกันแล้ว แพลนล่วงหน้ากันไปเยอะมาก เราคงไม่ทันแล้ว ก็เลยว่าจะอยู่ไทยนี่แหละ จัดทริปไปเที่ยวกับแก๊งค์เพื่อน ไม่เขาใหญ่ก็คงเป็นหัวหิน หรือภาคเหนือก็น่าสนใจเพราะช่วงนั้นอากาศน่าจะดี จริงๆ อยากไปเที่ยวในไทย เพราะอยากไปอัพเดทอะไรหลายๆ อย่างด้วย มันคงเปลี่ยนไปเยอะในช่วง 2-3 ปีมานี้”

ปิดท้ายที่ดีไซน์เนอร์หนุ่ม ชวนล ไคสิริ เล่าว่า “เรามีวางแผนเที่ยวกันกับแก๊งค์เพื่อนไว้แล้วว่าจะไปญี่ปุ่นช่วงคริสต์มาส ตั้งใจจะไปตระเวนกินอาหารที่ชอบกันหลังจากที่ล็อกดาวน์มานาน ไปเดินชมบรรยากาศเทศกาล ชมไฟ ถ่ายรูปต้นคริสต์มาสสวยๆ และคงกลับมาใกล้ๆ ปลายปีเลย กลับมาเคาท์ดาวน์จัดงานน่ารักๆ ที่บ้าน กับเพื่อนกับครอบครัว” และนี่ก็คือเรื่องราวคริสต์มาส ณ เกษรวิลเลจ ที่ซึ่งทุกเรื่องราวถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาเพื่อเติมเต็มทุกช่วงเวลาอันแสนพิเศษในเทศกาลแห่งความสุขนี้ ที่เหล่าช่างฝีมือทั้งหลายกำลังตั้งตารอฉลองร่วมกับคุณแล้วที่ เกษรวิลเลจ (Gaysorn Village) สามารถติดตามข่าวสารต่างๆ ได้ทาง www.facebook.com/GaysornVillage/ และ www.gaysornvillage.com

สิ้นสุดการรอคอย บริษัท ดีส คูล ธิงส์ จำกัด โดย ดร. ชัชฎาภา วิจิตรานนท์ CEO จัดงานเปิดตัว “พิคโต้” (PICTO® Watches) และ “อาร์เน่ ยาคอบเซ่น” (Arne Jacobsen Watches) สองแบรนด์นาฬิกาดีไซน์เท่ ร่วมสมัย แนวมินิมอลลิสม์ สัญชาติเดนมาร์กสู่ประเทศไทย เพื่อให้ผู้ชื่นชอบนาฬิกาและแฟชั่นนิสต้าไทยได้เป็นเจ้าของ โดยมี ปารีสา จาตนิลพันธุ์ ผู้อำนวยการอาวุโส กลุ่มธุรกิจ คอนเซ็ปต์ สโตร์ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด และ เต-ตะวัน วิหครัตน์ นักแสดงยอดนิยม ร่วมแสดงความยินดี ร่วมด้วย เซเลบริตี้ อินฟลูเอนเซอร์ นักร้อง นักแสดง อาทิ ศกร ทวีสิน, กรอบแก้ว ปันยารชุน, เพ็บ-นัยนชนก ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา, ภัทร-ธภรัท เวโรจน์ฤดี, โบโซ่-เมธิส อนุศาสน์สถิตชัย, อลิส ทอย, ฟินน์-ณิชา ทีเก่ง สื่อมวลชน เพื่อน และครอบครัว ณ ลานโปรโมชั่น ชั้น 1 สยามเซ็นเตอร์

เปิดตัว “PICTO” และ “Arne Jacobsen” สองแบรนด์นาฬิกาสุดเท่ แนวมินิมอลลิสม์ ไอคอนด้านดีไซน์ระดับโลก จากเดนมาร์กสู่เมืองไทย

ดร. ชัชฎาภา วิจิตรานนท์, CEO บริษัท ดีส คูล ธิงส์ จำกัด กล่าวถึงแรงบันดาลใจในการนำนาฬิกา PICTO^® และ Arne Jacobsen ในเมืองไทยว่า “ส่วนตัวแล้วมีความสนใจด้านศิลปะ แฟชั่น และงานดีไซน์ ครั้งแรกที่เห็นนาฬิกา PICTO^® ที่ห้างดังในกรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ก็รู้สึกสะดุดตาเป็นอย่างมาก กับดีไซน์ที่ฉีกกฎเกณฑ์ เท่ไม่เหมือนใคร ด้วยหน้าปัดที่มีเพียง A DOT AND A LINE คือ หนึ่งจุด (บอกชั่วโมง) กับ หนึ่งลายเส้น (บอกนาที) สมกับสโลแกนของผลิตภัณฑ์ คือ Dare to be Bold, Challenge Traditional Thinkingหรือ กล้าที่จะโดดเด่น ท้าทายแนวคิดเดิมๆ สำหรับนาฬิกา Arne Jacobsen นั้น เพียงปรายตามองก็สะกดสายตาแล้ว คือ เท่ โก้ คลาสสิก เหนือกาลเวลา สมกับสโลแกนผลิตภัณฑ์ คือ Time Passes, Design Lasts หรือ งานดีไซน์ที่โดดเด่นคงอยู่เหนือกาลเวลา การันตีโดยตัวดีไซเนอร์ระดับตำนานของโลก คือ Arne Jacobsen ซึ่งทางดีส คูล ธิงส์ รู้สึกยินดียิ่งที่เราได้รับเอกสิทธิ์นำมาจัดจำหน่ายในประเทศไทย”

นาฬิกา PICTO^® และ Arne Jacobsen เป็นที่รู้จักทั่วโลก มีวางจำหน่ายในกว่า 60 ประเทศชั้นนำทั่วโลก ทั้งในร้านค้าและทางออนไลน์ อาทิ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ เดนมาร์ก ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และไทย

นาฬิกา PICTO®  และนาฬิกา Arne Jacobsen มีวางจำหน่ายแล้วที่ ร้านแอ็บโซลูท สยาม (Absolute Siam Store) สยามเซ็นเตอร์ ชั้น 1, ร้านเดอะ ซีเล็คเต็ด (The Selected) ไอคอนสยาม  ชั้น 2 และทางออนไลน์ที่ TheseCoolThings.com รับชม VDO ของแบรนด์นาฬิกา PICTO^® และ Arne Jacobsen ได้ที่ http://www.thesecoolthings.com/images/Vido/FinalVdoOpeningfor211122.mp4

บริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) ก้าวเข้าสู่ปีที่ 50 ส่งความสุขครั้งยิ่งใหญ่ จัดงาน “S&P ฉลองครบรอบ 49 ปี CAKE & COOKIE WONDERLAND” (เอส แอนด์ พี ฉลองครบรอบ 49 ปี เค้ก แอนด์ คุกกี้ วันเดอร์แลนด์) เนรมิตลานเวิร์คแอนด์เพลย์ ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พระราม 9 เป็นดินแดนมหัศจรรย์ของเค้กและคุกกี้ ยกขบวนสินค้าสุดพิเศษเพื่อต้อนรับเทศกาลแห่งความสุขที่จะมาถึง พร้อมกิจกรรมมากมายภายในงาน พบกับศิลปิน-คนดัง อาทิ นวลพรรณ ล่ำซำ,เนม-ปราการ ไรวา,อลิศ-ธนัชศลักษณ์ ฮัดสัน จากเวที The Golden Song,ธัชกิตติธัช แชมป์เพลงเอก,แม็ค–สิริ ไชยกุล แชมป์ The Voice Kids Thailand 2019,เชฟทักษ์จากเพจ TUCK the CHEF และบิณฑ์-เอกพัน บันลือฤทธิ์ ที่สลับสับเปลี่ยนกันมาสร้างสีสัน ตลอดทั้ง 4 วัน ตั้งแต่วันที่ 24-27 พฤศจิกายน 2565 นี้

เอส แอนด์ พี ก้าวเข้าสู่ปีที่ 50 ส่งความสุขครั้งยิ่งใหญ่ จัดงาน “S&P ฉลองครบรอบ 49 ปี CAKE & COOKIE WONDERLAND” ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านเค้กและเบเกอรี่

ภัทรา ศิลาอ่อน ประธานกรรมการ บริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในโอกาสที่เอส แอนด์ พี ครบรอบ 49 ปี ก้าวเข้าสู่ปีที่ 50 นี้ เราจัดงานเฉลิมฉลอง ส่งความสุขส่งท้ายปี ยกขบวนความอร่อยของสินค้า เอส แอนด์ พี มาไว้ในงาน อาทิ ขนมเค้ก คุกกี้ ขนมอบ เบเกอรี่ เครื่องดื่มบลูคัพ และร้านในเครือ เอส แอนด์พี อาทิ ไมเซน พร้อมโปรโมชั่นพิเศษมากมาย อาทิ ซื้อเค้กปอนด์  ลด 10% ซื้อคุกกี้ 4 กล่องขึ้นไป ลด 15%นอกจากนี้ยังมีชุดของขวัญที่จัดทำขึ้นเป็นพิเศษเพื่อต้อนรับเทศกาลปีใหม่ เทศกาลแห่งความสุขที่ทุกคนรอคอย พร้อมเชิญดารา-คนดังมาร่วมฉลองสร้างสีสันภายในงาน และไฮไลท์สุดพิเศษของงานคือจัดทำ “Wonderland Cake” เค้ก masterpiece ในรูปแบบ 4 มิติขนาด 1,249ปอนด์ ความสูงกว่า 2 เมตร ซึ่งออกแบบมาพิเศษเพื่องานนี้โดยเฉพาะ ตั้งตระหง่านให้ได้ชมกันในงาน นอกจากนี้ยังมี Design to Order Cakes เค้กดีไซน์ตามใจคุณรูปแบบต่างๆ จำนวน 10 ก้อน โชว์ในงาน โดยลูกค้าสามารถเลือกแบบเค้ก เนื้อเค้ก ขนาดของเค้กโดย เอส แอนด์ พี รังสรรค์เค้กออกมาได้อย่างสวยงาม ตามใจคุณ”

วิทูร ศิลาอ่อน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) กล่าวเพิ่มเติมว่า “ปีนี้ เอส แอนด์ พี ดำเนินธุรกิจมาครบรอบ 49 ปี นับเป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่ แบรนด์ เอส แอนด์ พี เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเป็นแบรนด์ที่อยู่ในใจของผู้บริโภคเสมอมา ซึ่งสิ่งที่ เอส แอนด์ พี ยึดมั่นมาตลอดระยะเวลา 49 ปี ของการดำเนินธุรกิจ คือยึดมั่นในหลัก 3 คุณ 1. คุณภาพของสินค้าและบริการ 2. สร้างคุณค่าให้ลูกค้าประทับใจ และ 3. คุณธรรมนำใจ เพื่อทำในสิ่งที่ดีงามเสมอ ตอบสนองวิสัยทัศน์ เอส แอนด์ พี ที่ว่าเป็นร้านอาหารไทย เค้กและเบเกอรี่แบรนด์ที่ลูกค้าเลือกใช้บริการมากที่สุดในประเทศไทยภายใต้สโลแกน “เอส แอนด์ พี ชื่อนี้มีแต่ของอร่อย”

ปัจจุบันมีร้านเอส แอนด์ พี และแบรนด์ในเครือรวม 475 สาขาทั่วประเทศ อาทิ บลูคัพ ภัทรา พาทิโอ แกรนด์ซีไซด์ ไมเซน อุเมะโนะฮานะ SNP Cake Studio และมีสาขาในต่างประเทศรวม 12 สาขา

นอกจากนี้เอส แอนด์ พี ยังทำการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภคทั้งผลิตภัณฑ์อาหาร เบเกอรี่ และเครื่องดื่มบลูคัพ ให้มีความทันสมัย รวมถึงมีการปรับกลยุทธ์เพื่อตอบโจทย์ความต้องการและเข้าถึงไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในปัจจุบันได้ทุกเพศ ทุกวัย นอกจากนี้บริษัทฯ เพิ่งเปิดตัวบัตร S&P Card บัตรสมาชิกรูปแบบใหม่ที่มีสิทธิประโยชน์พิเศษมากมายสำหรับสมาชิกอีกด้วย”

สำหรับกิจกรรมภายในงาน “S&P ฉลองครบรอบ 49 ปี CAKE & COOKIE WONDERLAND” (เอส แอนด์ พี ฉลองครบรอบ 49 ปี เค้ก แอนด์ คุกกี้ วันเดอร์แลนด์) อาทิ กิจกรรม D.I.Y. แต่งหน้าเค้กกิจกรรม D.I.Y. ทำการ์ดอวยพร,กิจกรรม Unique Tea Partyการแสดงชุด Wonder Cookie Show และ Wonder Magic Show พบกับสินค้า New Year Collection 2023 มากมาย และสินค้าโปรโมชั่นพิเศษหลากหลายรายการ พร้อมชมการแสดงบนเวทีทุกวัน อาทิ วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พบโชว์พิเศษจาก เนม-ปราการ ไรวาและอลิศ-ธนัชศลักษณ์ ฮัดสันจากเวที The Golden Song/ วันศุกร์ 25 พฤศจิกายน พบกับการแสดงชุด Wonder Cookie Show และ Wonder Magic Show / วันเสาร์ที่ 26 พฤศจิกายน พบโชว์พิเศษจาก อลิศ-ธนัชศลักษณ์ ฮัดสันและธัชกิตติธัช แชมป์เพลงเอก/ วันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน พบกับ แม็ค-สิริ ไชยกุลแชมป์ The Voice Kids Thailand 2019,กิจกรรม Unique Tea Party โดย เชฟทักษ์จากเพจ TUCK the CHEF และร่วมพูดคุยกับ บิณฑ์-เอกพัน บันลือฤทธิ์

“S&P ฉลองครบรอบ 49 ปี CAKE & COOKIE WONDERLAND” ดินแดนมหัศจรรย์ของเค้กและคุกกี้ ขอเป็นส่วนหนึ่งในการส่งมอบความสุขที่ยิ่งใหญ่ ให้กับลูกค้าคนพิเศษตลอดช่วงเทศกาลแห่งความสุขนี้ และพร้อมก้าวเข้าสู่ปีที่ 50 เคียงคู่สังคมไทยอย่างยั่งยืนตลอดไป