6 ความเสี่ยง ‘มะเร็งชนิดเยื่อบุผิวรังไข่’ ที่พบมากอันดับ 6 ของโรคมะเร็งในผู้หญิงทั้งหมด

เนื่องในวันที่ 8 พฤษภาคม ของทุกปี เป็น “วันมะเร็งรังไข่สากล” World Ovarian Cancer Day เพื่อร่วมรณรงค์เสริมสร้างความรู้ความเข้าใจ เป็นเสมือนเกราะป้องกันภัย และวิธีป้องกันดูแลสุขภาพให้ห่างไกลจากมะเร็งชนิดเยื่อบุผิวรังไข่ โดยแพทย์หญิงศันสนีย์ อังสถาพร สูตินรีแพทย์เฉพาะทางด้านมะเร็งวิทยานรีเวช ได้อธิบายเกี่ยวกับมะเร็งรังไข่ที่เกิดจากเยื่อบุผิว ซึ่งมีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับคุณผู้หญิงทุกคน จากข้อมูลของ WHO ในปี 2020 พบว่าในประเทศไทย มะเร็งรังไข่เป็นมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับที่ 6 ของโรคมะเร็งในผู้หญิงทั้งหมด และโดยทั่วไปโอกาสการเกิด มะเร็งชนิดเยื่อบุผิวรังไข่ ตลอดชีพ อยู่ที่ประมาณ 1% ซึ่งพบบ่อยในช่วงอายุ 55-65 ปี 6 ความเสี่ยง ‘มะเร็งชนิดเยื่อบุผิวรังไข่‘ ที่พบมากอันดับ 6 ของโรคมะเร็งในผู้หญิงทั้งหมด มะเร็งชนิดเยื่อบุผิวรังไข่ เกิดจากเซลล์ของรังไข่ที่เป็นมะเร็งเพิ่มจำนวนมากขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยที่ร่างกายไม่สามารถควบคุมได้ ปัจจัยเพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งชนิดเยื่อบุผิวรังไข่ ได้แก่ 1. ไม่มีบุตร 2. เริ่มมีประจำเดือนมาเร็ว หรือประจำเดือนหมดช้า 3. มีน้ำหนักตัวมาก 4. ได้รับฮอร์โมนเอสโตรเจนจากภายนอกโดยไม่ได้รับโปรเจสเตอโรน 5. […]

ทำไม ‘ไซยาไนด์’ อันตรายถึงชีวิต พร้อมวิธีการรับมือหากเผลอสัมผัส

หลายคนคงเห็นข่าวหญิงสาวรายหนึ่งที่มีพฤติกรรมเป็นฆาตกรต่อเนื่อง ในคดีวางยาไซยาไนด์จนทำให้เหยื่อหลายรายเสียชีวิต เลยจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับสารอันตรายชนิดนี้ที่มีชื่อว่า ไซยาไนด์ (Cyanide) คือ สารเคมีอันตรายที่ออกฤทธิ์ได้อย่างรวดเร็ว เมื่อเข้าสู่ร่างกายอาจเข้าไปยับยั้งการทำงานของเซลล์จนอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต ทำไม ‘ไซยาไนด์’ อันตรายถึงชีวิต พร้อมวิธีการรับมือหากเผลอสัมผัส ไซยาไนด์เป็นสารเคมีที่มีพันธะคาร์บอนไนโตรเจน (CN) มักนำมาใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตกระดาษ สิ่งทอ และพลาสติก สามารถปนเปื้อนได้ทั้งในอากาศ ดิน น้ำ และอาหาร Cyanide สามารถเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ โดยพบในพืชบางชนิด อย่างอัลมอนด์ แอปเปิ้ล และยังเกิดได้จากกระบวนการเผาผลาญภายในร่างกายมนุษย์  อย่างไรก็ตาม Cyanide ปริมาณเพียงเล็กน้อยที่พบในพืชและกระบวนการเผาผลาญนั้นไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต Cyanide ในรูปแบบไหนที่เป็นอันตรายต่อชีวิตสารเคมีอันตรายชนิดนี้มีรูปแบบที่หลากหลายทั้งในรูปแบบของแข็ง ของเหลว และแก๊ส โดยแต่ละชนิดมีแหล่งที่มาและคุณสมบัติที่แตกต่างกันไป ดังนี้ Sodium cyanide (NaCN) เป็นของแข็งสีขาว อาจอยู่ในรูปแบบผลึก แท่ง หรือผง พบได้ในอุตสาหกรรมเหมืองแร่ ใช้ในการเคลือบเงาหรือเคลือบสีเหล็ก และเป็นส่วนประกอบในยาฆ่าแมลง สามารถเข้าสู่ร่างกายจากการสัมผัสบริเวณปากแผล การสูดดม หากรับประทานอาจเป็นพิษถึงตายได้ Potassium cyanide (KCN) มีลักษณะเป็นก้อนผลึก หรือผงสีขาว เมื่อเป็นของเหลวจะใสไม่มีสี กลิ่นคล้ายแอลมอนด์ มักนำมาใช้ในการสกัดแร่ […]

‘ไอยู’ อัพเดตอาการเสียงดังในหู ‘โรคท่อยูสเตเชียนผิดปกติ’ กับสิ่งที่ต้องระวังมากขึ้น

ก่อนหน้านี้ ไอยู เปิดเผยว่าเธอมีปัญหากับการได้ยิน และกำลังรักษา ‘โรคท่อยูสเตเชียนผิดปกติ’ อาการเสียงดังในหู  ซึ่งตอนนั้นเธอกำลังต่อสู้กับโรคนี้ในระหว่างเตรียมการแสดงคอนเสิร์ต The Golden Hour เมื่อปีที่แล้ว โดยเธอเผยว่า “หูของฉันมีปัญหาเล็กน้อย ดังนั้น ฉันจึงประหม่ามากในขณะที่เตรียมตัวสำหรับคอนเสิร์ตนี้” ‘ไอยู’ อัพเดตอาการเสียงดังในหู ‘โรคท่อยูสเตเชียนผิดปกติ‘ กับสิ่งที่ต้องระวังมากขึ้น ซึ่งจากข้อมูลของ Hopkins Medicine ความผิดปกตินี้ทำให้คนได้ยินเสียงตัวเองดังเกินไป และอาการของไอยูที่เป็นคือ “ช่วงนี้หูของฉันไม่ดีนิดหน่อย หูของฉันเหมือนเปิดวาล์วเอง ดังนั้นการได้ยินของฉันจึงคล้ายกับที่คุณได้ยินเมื่อกำลังหาว เมื่อฉันได้ยินตัวเองร้องเพลง เสียงมันจะดังเกินไป และดังขึ้นเรื่อยๆ” ท่อยูสเตเชียนทำงานผิดปกติ (Eustachian tube dysfunction ; ETD) คือ การที่ภายในหูชั้นกลางเกิดการอุดกั้นเนื่องจากสาเหตุต่าง ๆ ทำให้ความดันอากาศที่ผ่านเข้าภายในหูเวลาบดเคี้ยวอาหาร กลืนอาหาร หรือหาว เพิ่มระดับขึ้น จนส่งผลกระทบต่อการได้ยินเสียง และทำให้เกิดอาการต่าง ๆ ขึ้น เช่น หูอื้อ ปวดหู เมื่อถูกถามเกี่ยวกับการได้ยินของเธอในตอนนี้ ไอยูตอบกลับพร้อมข่าวดี “มันดีขึ้นมากแล้ว พูดตามตรง ตอนนั้นอาการดีขึ้น (ปีที่แล้ว) แต่เนื่องจากเป็นเดือนกันยายน ฉันจึงสวมเสื้อคาร์ดิแกน และเนื่องจากคลื่นความร้อนที่ไม่คาดคิด […]

12 วิธีคุย ‘เรื่องการเมืองในครอบครัว’ อย่างไรไม่ให้เกิดความขุ่นมัวหรือทะเลาะกัน

บางครั้งเรื่องการเมืองก็เป็นเรื่องละเอียดอ่อนสำหรับบางบ้านที่มีทัศนคติทางการเมืองไม่ตรงกัน แต่จะอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขและจะคุย เรื่องการเมืองในครอบครัว อย่างไรให้ไม่บาดหมางใจกัน ลองอ่าน #คุยกันได้โดยไม่ต้องทะเลาะกันเพราะการเมือง จาก หมอมิน-พญ.เบญจพร ตันตสูติ จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น เจ้าของเพจ เข็นเด็กขึ้นภูเขา  โดยคุณหมอเล่าว่ามีคุณแม่ของลูกวัยรุ่นท่านหนึ่งส่งข้อความมาหา ช่วงนี้หมอพบว่ามีหลายๆ ครอบครัวที่มีความเห็นต่างเรื่องการเมือง เพื่อนจิตแพทย์ของหมอก็เล่าว่า มีเคสที่ลูกเป็นคนมาปรึกษาเพราะว่าทะเลาะกับแม่เช่นกัน ความขัดแย้งที่พบเห็นนี้ จึงอยากเขียนบทความที่ทำให้เกิดบรรยากาศที่ดีขึ้นในการอยู่ร่วมกันสักหน่อย หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับหลายบ้าน ในยุคการเมืองร้อนแรง จริงๆ ไม่ใช่แค่ในบ้าน อาจจะในโรงเรียน ที่ทำงาน กลุ่มเพื่อน ในสังคมย่อยๆ ที่เราอยู่ หมอขอตอบในกรณีของคุณแม่ท่านนี้ เผื่อหลายคนจะได้นำไปใช้ในกรณีอื่นๆ ได้ด้วย 1. ตั้งสติ ไม่โกรธตอบลูก เมื่อเขาแสดงอารมณ์แรงๆ เช่นนั้นกับคุณแม่ ยิ่งโกรธและตอบโต้กันจะคุยกันไม่รู้เรื่อง 2. พึงเข้าใจว่า คุณแม่และเขาต่างได้รับข้อมูลหลากหลาย มีประสบการณ์แตกต่างกัน โดยเฉพาะยุคนี้ที่มีโซเชียลมีเดีย การเข้าถึงข้อมูลทำให้ลูกได้รับข้อมูลมากมาย ลองฟังเขาดูสักหน่อย 3. เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ฟังเขาก่อน อย่าเพิ่งรีบไปอธิบาย การที่เรายอมรับฟังเขาก่อน เขาจะรู้สึกว่าเราก็ดูใส่ใจสิ่งที่เขาคิดและรู้สึก ช่วยให้อารมณ์แรงของเขาบรรเทาเบาบางลง 4. ถ้าฟังที่เขาพูดแล้วเกิดอารมณ์ทางลบ เช่น โกรธ กังวล […]

เช็กอาการ โควิด XBB.1.16 ต่างจากสายพันธุ์เดิมอย่างไร

อย่าลืมว่า โควิด ยังคงอยู่รอบตัวเรา ไม่หายจากไปไหน ล่าสุดในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน 2566 ทั่วโลกกำลังเฝ้าระวังโควิดสายพันธุ์ XBB.1.16 ที่คาดกันว่าจะกลายเป็นสายพันธุ์หลักของโลกในช่วงต่อจากนี้ เนื่องจากแพร่ระบาดได้เร็วกว่าสายพันธุ์อื่นๆ ซึ่งในประเทศไทยก็พบผู้ป่วยโควิด XBB.1.16 แล้วจำนวน 6 ราย โควิดสายพันธุ์ XBB.1.16 หรือมีชื่อเรียกว่า อาร์คทูรัส (Arcturus) เป็นสายพันธุ์ย่อยของโอมิครอน BA.2 ที่เป็นลูกผสมระหว่างสายพันธุ์ BA.2.10.1 และ BA.2.75 โดยสายพันธุ์ XBB.1.16 พบครั้งแรกในประเทศอินเดีย เมื่อเดือนมกราคม 2566 ก่อนจะเริ่มระบาด ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศอินเดียเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2566 ทางองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้จัดให้โควิด  XBB.1.16 เป็นสายพันธุ์ที่ต้องเฝ้าติดตาม (Variant Under Monitoring) และในปัจจุบันโควิด XBB.1.16 แพร่กระจายไปมากกว่า 20 ประเทศ รวมทั้งในประเทศไทยที่เริ่มพบผู้ป่วยบ้างแล้ว โดยอาการที่พบได้ทั่วไปมีความคล้ายคลึงกับโควิดสายพันธุ์อื่นๆ ได้แก่ มีไข้ขึ้นสูงปวดศีรษะ เจ็บคอ ไอ คัดจมูก […]

หุ่นล่ำ กล้ามแน่น แซ่บตัวพ่อ ‘เรน’ แชร์สตอรี่ผลตรวจสุขภาพที่ระบุว่าเขาอยู่ในภาวะ ‘อ้วนก่อนวัย’

หากมีสิ่งหนึ่งที่ เรน (Rain) เป็นที่รู้จักนอกเหนือจากการเป็นนักร้องและนักแสดงที่มีพรสวรรค์ นั่นก็คือเขามีร่อง 11 กล้ามหน้าเนื้อท้องคมชัดและกระชับ เรียกได้ว่า หุ่นเทพเลยทีเดียว ซึ่งในวัย 40 ปี และเป็นคุณพ่อลูกสอง ถือว่าเขาเป็นผู้ชายที่มีหุ่นที่หลายคนปรารถนา และนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาและแฟนๆ ของเขาตกใจ เมื่อเขาโพสต์สตอรี่บนอินสตาแกรม โดยเปิดเผยผลการตรวจทางการแพทย์ที่ระบุว่าเขาถูกจัดอยู่ในภาวะ “อ้วนก่อนวัย ” หุ่นล่ำ กล้ามแน่น แซ่บตัวพ่อ ‘เรน’ แชร์สตอรี่ผลตรวจสุขภาพที่ระบุว่าเขาอยู่ในภาวะ ‘อ้วนก่อนวัย’ “แต่…ฉันออกกำลังกาย…เยอะอยู่นะ… ฉันเป็นคนอ้วนก่อนวัยอันได้อย่างไร… WTF… WDYM ฉันต้องออกกำลังกายให้มากขึ้นอย่างสม่ำเสมอ… ตอนนี้ฉันควรจะฝึกอย่างมืออาชีพแล้วหรือยัง? ฉันออกกำลังกายวันละสองครั้ง แน่ใจนะว่าเครื่องไม่พัง… LOLOLOL“ But… I work out… so much… How am I pre-obese… WTF… WDYM I have to work out more regularly… Am I supposed to […]

ป้องกันดีกว่ารักษา ‘มะเร็งช่องปาก’ ปัจจัยเสี่ยงจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน

เนื่องในเดือนเมษายน เป็นเดือนแห่งการรณรงค์ ‘มะเร็งช่องปาก’ มะเร็งที่มีปัจจัยเสี่ยงมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต สามารถเกิดขึ้นได้หลายตำแหน่งในช่องปาก เช่น ลิ้น กระพุ้งแก้ม ริมฝีปาก เหงือก เพดานปาก พื้นใต้ลิ้น และต่อมทอนซิล ‘มะเร็งช่องปาก’ ปัจจัยเสี่ยงจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน มะเร็งช่องปาก เป็นมะเร็งที่พบได้บ่อยในคนไทย โดยเฉพาะในเพศชาย จากสถิติข้อมูลมะเร็งประเทศไทยระหว่างปี พ.ศ. 2559-2561 (Cancer in Thailand Vol.X 2016-2018) รวบรวมโดยสถาบันมะเร็งแห่งชาติ พบว่ามะเร็งช่องปากเป็นมะเร็งที่พบบ่อยเป็นอันดับที่ 6 ของโรคมะเร็งในผู้ชายไทย ในแต่ละปีพบผู้ป่วยมะเร็งช่องปากรายใหม่เฉลี่ย 3,840 คนต่อปี หรือวันละ 11 คน โดยตำแหน่งในช่องปากที่พบเป็นมะเร็งบ่อยที่สุดคือ ลิ้น รองลงมาคือบริเวณใต้ลิ้นและบริเวณเหงือก อาการของโรคมะเร็งช่องปากมีได้หลายอาการขึ้นกับตำแหน่งที่เป็น ได้แก่ เป็นแผลเรื้อรังในช่องปากซึ่งไม่หายภายใน 2-3 สัปดาห์, เป็นก้อนนูนหรือฝ้าขาวหรือแดงในช่องปาก, ฟันหลุด ฟันโยก, ปวดใน ช่องปากหรือปวดหู, เคี้ยวหรือกลืนลำบาก และก้อนที่คอ สาเหตุในการเกิดโรคมะเร็งช่องปากที่สำคัญคือ การสูบบุหรี่ ยาสูบ ยาเส้น, […]

อาการที่พบได้บ่อยของ ‘โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน’ ภาวะเร่งด่วนที่ต้องรีบรักษา

อาการเจ็บแน่นหน้าอกอย่างรุนแรง เหนื่อย หายใจไม่ทัน ปวดร้าวกราม จุกบริเวณคอหอย สะบักหลัง แขนซ้าย บางรายอาจมีอาการจุกบริเวณใต้ลิ้นปี่คล้ายโรคกระเพาะหรือกรดไหลย้อน ให้รีบมาพบแพทย์ เสี่ยงเสียชีวิตด้วย โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน อาการที่พบได้บ่อยของ ‘โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน‘ ภาวะเร่งด่วนที่ต้องรีบรักษา โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน เป็นโรคที่เป็นปัญหาทางสาธารณสุขที่สำคัญในประเทศไทยและทั่วโลก โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันเกิดจากหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจมีการอุดตันเฉียบพลันทำให้กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดส่งผลให้เกิดหัวใจเต้นผิดจังหวะชนิดอันตรายรุนแรง ทำให้หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆได้ทำให้ผู้ป่วยหมดสติกระทันและเสียชีวิตถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที นอกจากนี้ถ้ามีกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเป็นบริเวณกว้างส่งผลทำให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลวตามมา กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งขณะทำงาน เล่นกีฬา หรือขณะพักผ่อน สาเหตุเนื่องจากมีภาวะหลอดเลือดแดงแข็งหรือบริเวณที่มีคราบไขมันเกิดการปริของผนังหลอดเลือดทำให้มีลิ่มเลือดมาเกาะที่ผนังหลอดเลือดและก่อตัวเป็นลิ่มเลือดจนเกิดการอุดตันส่งผลทำให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด อาการและสัญญานเตือนของโรคที่พบได้บ่อย ผู้ป่วยจะมีอาการแน่นหน้าอกอย่างรุนแรง วิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดร้าวไปกราม คอ สะบักหลัง แขนซ้าย เหนื่อยหายใจไม่ทัน บางรายอาจมีอาการจุกบริเวณใต้ลิ้นปี่คล้ายโรคกระเพาะหรือกรดไหลย้อน เมื่อเกิดภาวะเหล่านี้ผู้ป่วยต้องได้รับการรักษาให้เร็วที่สุด ไม่ควรรอดูอาการที่บ้าน เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยหาแนวทางการรักษาที่ถูกต้อง ซึ่งจากข้อมูลของประเทศไทยพบว่าผู้ป่วยส่วนใหญ่มาเข้ารับการรักษาล่าช้า ทำให้มีอัตราเสียชีวิตสูงหรือมีภาวะแทรกซ้อน เช่นหัวใจล้มเหลวตามมา โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันพบได้บ่อยในผู้ใหญ่วัยกลางคนที่มีอายุ 40 ปี ขึ้นไปโดยพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิงประมาณ 2 เท่า เป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ การวินิจฉัยของโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน แพทย์จะซักประวัติ อาการ และทำตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ตรวจเลือด หากพบว่ามีอาการเข้าได้กับโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดหรือมีคลื่นไฟฟ้าหัวใจผิดปกติชนิด ST elevation […]

วิธีป้องกัน ‘มะเร็งตับและท่อน้ำดี‘ ภัยเงียบที่คร่าชีวิตคนไทย พบมากเป็นอันดับหนึ่ง

มะเร็งตับและท่อน้ำดี ภัยเงียบที่คร่าชีวิตคนไทย พบมากเป็นอันดับ 1 ของมะเร็งทั้งหมดที่พบในประเทศไทย พบมากที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ ป้องกันได้โดยการฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบชนิดบี ไม่กินปลาน้ำจืดดิบ ปรับเปลี่ยนวิธีการดำเนินชีวิตและพฤติกรรมสุขภาพ  สำหรับประเทศไทยมะเร็งตับและท่อน้ำดีถือเป็นมะเร็ง ที่พบเป็นอันดับ 1 ในเพศชาย และอันดับ 3 ในเพศหญิงจากข้อมูลทะเบียนมะเร็งประเทศไทย ปี 2561 พบว่ามีผู้ป่วยมะเร็งตับ รายใหม่ 22,213 คน/ปี ในจำนวนนี้มีผู้เสียชีวิต 15,650 คน/ปี (Cancer in Thailand Vol.X (2016-2018) สถาบันมะเร็งแห่งชาติและ สถิติสาธารณสุข ปี 2564) ซึ่งมะเร็งตับที่พบมากในประเทศไทยมี 2 ชนิด คือ มะเร็งของเซลล์ตับและมะเร็งท่อน้ำดีตับ โดยพบมากในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ  วิธีป้องกัน ‘มะเร็งตับและท่อน้ำดี‘ ภัยเงียบที่คร่าชีวิตคนไทย พบมากเป็นอันดับหนึ่ง สาเหตุของมะเร็งตับส่วนมากเกิดจากการเป็นพาหะของไวรัสตับอักเสบชนิดบี ส่วนสาเหตุของมะเร็ง ท่อน้ำดีเกิดจากพยาธิใบไม้ตับร่วมกับการกินอาหารที่มีดินประสิว (ไนเตรท) และไนไตรท์ เช่น ปลาร้า ปลาจ่อม ปลาส้มแหนม ฯลฯ นอกจากนี้ การดื่มสุราเป็นประจำ การรับสารพิษอะฟลาทอกซินที่เกิดจากเชื้อราบางชนิดที่พบในอาหารประเภทถั่ว ข้าวโพด พริกแห้ง รวมถึงไวรัสตับอักเสบชนิดซีก็เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ทำให้เกิดมะเร็งตับได้  ผู้ป่วยมะเร็งตับและท่อน้ำดีแต่ละรายอาจมีการแสดงอาการแตกต่างกัน ซึ่งโดยทั่วไปมักไม่มีอาการในระยะแรก อาการส่วนใหญ่ที่พบคือ แน่นท้องท้องอืดท้องเฟ้อเป็นประจำ อ่อนเพลีย น้ำหนักลด ปวดหรือเสียดชายโครงขวา อาจคลำพบก้อนในช่องท้อง ตัวเหลืองตาเหลือง ท้องโต และมีอาการบวมบริเวณขาทั้ง 2 ข้าง เป็นต้น หากมีอาการเหล่านี้ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย เช่น การตรวจเลือดดูความผิดปกติการทํางานของตับ การตรวจระดับอัลฟาฟีโตโปรตีน การอัลตราซาวด์เพื่อดูก้อนที่ตับ การเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ หรือการตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็ก เป็นต้น  การรักษามะเร็งตับและท่อน้ำดีมีหลายวิธี ซึ่งจําเป็นต้องประเมินโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย  เนื่องจากมีปัจจัยที่ต้องคํานึงหลายประการ สำหรับการป้องกันโรคทำได้โดยการให้วัคซีนไวรัสตับอักเสบชนิดบีในเด็กแรกเกิดทุกคน ไม่กินปลาน้ำจืดดิบ ปรับเปลี่ยนวิธีการดำเนินชีวิตและพฤติกรรมสุขภาพ กินอาหารที่ถูกต้องตามหลักโภชนาการ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีสารก่อมะเร็ง เช่น อาหารที่อาจปนเปื้อนสารอะฟลาทอกซิน อาหารที่มีดินประสิว และอาหารหมักดอง เป็นต้น หากสงสัยว่ามีความเสี่ยงต่อมะเร็งตับและท่อน้ำดี ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีประวัติเป็นโรคตับอักเสบหรือท่อน้ำดีอักเสบเรื้อรัง ควรรับการตรวจหามะเร็งอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้สามารถรักษาได้อย่างทันท่วงทีและลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งตับหรือมะเร็งท่อน้ำดีได้  สามารถติดตามความรู้ข่าวสารด้านโรคมะเร็งจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ส่งเสริมความรอบรู้สู้ภัยมะเร็ง http://allaboutcancer.nci.go.th/ เว็บไซต์ต่อต้านข่าวปลอมโรคมะเร็ง https://thaicancernews.nci.go.th/_v2/ และ Line : NCIรู้สู้มะเร็ง 

ร้อนระอุ! วิธีสังเกต ฮีทสโตรก หรือโรคลมแดด ภาวะที่ทำให้เสี่ยงชีวิตได้

ขอแสดงความเสียใจต่อการจากไปของคุณชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม นักธุรกิจและนักการเมืองชื่อดังที่เสียชีวิตด้วยภาวะฮีทสโตรก และด้วยความร้อนแผดเผาของประเทศไทยในช่วงนี้ จึงขอเสนอบทความเกี่ยวกับ ฮีทสโตรก หรือโรคลมแดด ด้วยความเป็นห่วงลูกเพจที่รักทุกคน พร้อมวิธีสังเกตและรับมือ โดยหมอกรมการแพทย์ แนะว่ารับมืออากาศร้อนจัดให้อยู่ในที่ร่ม หลีกเลี่ยงแสงแดดจ้า ดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อปรับอุณหภูมิของร่างกายที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จากสภาพอากาศที่มีอุณหภูมิสูงขึ้นในช่วงนี้ ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมาโดยเฉพาะโรคฮีทสโตรก (Heat Stroke) หรือโรคลมแดด ซึ่งเกิดจากการที่ร่างกายอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่อุณหภูมิสูงและได้รับความร้อนมากเกินไป ทำให้เกิดการทำงานที่ผิดปกติของสมองในส่วนการควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย จนทำให้มีอุณหภูมิในร่างกายสูงเกิน 40 องศาเซลเซียส ซึ่งส่งผลต่อระบบไหลเวียนโลหิตและระบบสมอง จำให้แม่น!! สัญญาณเตือนที่สำคัญของโรคฮีทสโตรก คือไม่มีเหงื่อออก แม้จะอากาศร้อน หน้าแดง ตัวร้อนจัดขึ้นเรื่อยๆ รู้สึกกระหายน้ำมาก วิงเวียน ปวดศีรษะ คลื่นไส้ หายใจเร็ว อาเจียน เกร็งกล้ามเนื้อ ชัก มึนงง สับสน  รูม่านตาขยาย ความรู้สึกตัว ลดน้อยลง อาจหมดสติ หัวใจเต้นเร็วแต่แผ่วเบา ถ้าไม่ได้รับการแก้ไขอย่างถูกต้องและทันเวลา อาจทำให้หัวใจหยุดเต้น และถึงแก่ชีวิตได้ ซึ่งแตกต่างจากอาการเพลียแดดทั่วๆ ไปที่จะมีเหงื่อออกด้วย สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงในการเกิดโรคฮีทสโตรก คือ ผู้สูงอายุ เด็ก ผู้ที่อดนอน […]

ออกกำลังกายหนักไม่ใช่สาเหตุ ‘ภาวะกระดูกสันหลังคด’ เกิดในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย

ปัจจุบันมีรายงานข่าวบนสื่อออนไลน์ที่มีนักแสดงเกิดภาวะกระดูกสันหลังคด ทำให้ประชาชนสนใจเกี่ยวกับโรคนี้มากขึ้น ซึ่ง ภาวะกระดูกสันหลังคด เป็นภาวะที่กระดูกสันหลังมีการคดเอียงออกทางด้านข้างตั้งแต่ 10 องศาขึ้นไป มักพบมากในช่วงวัยรุ่นหรือมีอายุระหว่าง 10 – 18 ปี (Adolescent idiopathic scoliosis (AIS)) และเกิดในเพศหญิงมากกว่าเพศชายในอัตราส่วน 10:1 ออกกำลังกายหนักไม่ใช่สาเหตุ ‘ภาวะกระดูกสันหลังคด‘ เกิดในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย โดยร้อยละ 80 ของภาวะนี้ยังไม่สามารถระบุถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดได้แน่ชัด อย่างไรก็ตามในบางกรณีสามารถพบได้ในผู้ป่วยที่มีภาวะสมองพิการหรือในผู้ป่วยที่มีโรคเกี่ยวกับระบบเส้นประสาทและกล้ามเนื้อผิดปกติ ภาวะกระดูกสันหลังคดในวัยรุ่นนั้น มีปัจจัยเสี่ยงคือ เพศหญิงและอายุ โดยเฉพาะช่วงที่กำลังจะเข้าสู่วัยรุ่น การออกกำลังกายอย่างหนักไม่พบว่าเป็นสาเหตุของการเกิดภาวะกระดูกสันหลังคด ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักไม่มีอาการแต่ตรวจพบเจอโดยบังเอิญ มีส่วนน้อยเท่านั้นที่อาจมีอาการปวดหลัง บางรายที่มีการคดเอียงของกระดูกค่อนข้างมาก จึงจะตรวจพบว่ามีแนวกระดูกสันหลังไม่ตรง ระดับหัวไหล่ 2 ข้างไม่เท่ากัน ระดับเอวไม่เท่ากัน ด้านหลังนูน ผู้ป่วยจึงมักมาพบแพทย์ด้วยความกังวลเกี่ยวกับรูปร่าง เมื่อผู้ป่วยเหล่านี้มาพบแพทย์จะทำการถ่ายภาพทางรังสีกระดูกสันหลัง เพื่อการวินิจฉัยและประเมินระดับความรุนแรงของกระดูกสันหลังคด รวมทั้งพิจารณาวิธีการรักษาที่เหมาะสม ส่วนการถ่ายภาพทางรังสีคอมพิวเตอร์นั้นจะมีประโยชน์ในการช่วยวางแผนในการผ่าตัด การรักษาแบ่งออกได้เป็น 3 แนวทาง คือ การสังเกตอาการ การใส่เสื้อเกราะ และการผ่าตัด ในกรณีที่กระดูกสันหลังมีความคดน้อยกว่า 25 องศา แพทย์จะนัดตรวจติดตามอาการอย่างใกล้ชิดทุก […]

สัญญาณ ‘โรคฮาชิโมโต’ หรือภาวะต่อมไทรอยด์อักเสบเรื้อรังจากความบกพร่องของระบบภูมิคุ้มกัน

แนะทุกวัยหมั่นตรวจเช็คอาการตนเองจากสัญญาณของ โรคฮาชิโมโต หากรู้เร็ว รักษาได้ทัน และควรกินอาหารครบหมู่ ใช้ชีวิตให้สมดุล แบ่งเวลาทำงานและพักผ่อนให้เหมาะสม หลีกเลี่ยงสุราและบุหรี่หากมีอาการที่สงสัย เช่น คอโตขึ้น ควรมาพบแพทย์ หมั่นสังเกตสัญญาณ ‘โรคฮาชิโมโต‘ หรือภาวะต่อมไทรอยด์อักเสบเรื้อรังจากความบกพร่องของระบบภูมิคุ้มกัน โรคฮาชิโมโต หรือภาวะต่อมไทรอยด์อักเสบเรื้อรังจากความบกพร่องของระบบภูมิคุ้มกัน เป็นสาเหตุของภาวะฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำที่พบได้บ่อย เกิดจากการที่ภูมิคุ้มกันในร่างกายไปทำให้ต่อมไทรอยด์เกิดการอักเสบเรื้อรังและทำงานลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งต่อมไทรอยด์เป็นส่วนหนึ่งของระบบต่อมไร้ท่อที่ทำหน้าที่ในการผลิตฮอร์โมนที่สอดคล้องกับการทำงานหลายอย่างของร่างกาย โรคฮาชิโมโตมีจากหลายปัจจัย ได้แก่ กรรมพันธุ์ คนที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นไทรอยด์ ไม่ว่าจะเป็นไทรอยด์เป็นพิษ ไทรอยด์อักเสบเรื้อรัง โรคเหล่านี้เป็นโรคเกี่ยวกับภูมิคุ้มกันของไทรอยด์ที่ผิดปกติ บางครั้งอาจแสดงในกลุ่มของอาการที่ไทรอยด์มากเกินไปหรือไทรอยด์น้อยเกินไป ขึ้นอยู่กับภูมิตัวนี้ไปยับยั้งหรือทำให้มีการสร้างฮอร์โมนมากขึ้น เพราะฉะนั้นถ้าในครอบครัวมีคนเป็นโรคไทรอยด์จึงควรไปตรวจสุขภาพ อาจจะพบมากขึ้นในบางเชื้อชาติ การกินสารไอโอดีนมากเกินไป หรืออาจจะสัมพันธ์กับโรคภูมิคุ้มกันอื่นๆ เพศหญิงจะเป็นโรคไทรอยด์มากกว่าเพศชาย พบอุบัติการณ์เพิ่มขึ้นตามอายุ แต่สามารถพบในเด็กวัยรุ่นและวัยกลางคนได้เช่นกันฃ อาการของโรคฮาชิโมโต ในระยะแรกผู้ป่วยอาจไม่มีอาการใดๆ แต่เมื่อต่อมไทรอยด์มีขนาดโตขึ้น เกิดเป็นคอพอกที่ไม่มีอาการเจ็บปวด อาจจะมีอาการอื่นร่วมด้วย ได้แก่ น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น หน้าบวม รู้สึกหนาวง่าย ผิวแห้ง ปวดกล้ามเนื้อ ปวดเมื่อยตามตัว ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ วิธีการดูแลสุขภาพ กินอาหารที่ดีมีประโยชน์ครบ 5 หมู่ หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ ในวัยทำงานใช้ชีวิตให้สมดุล แบ่งเวลาทำงานที่เหมาะสม […]

มะเร็งหลังโพรงจมูก ภัยเงียบที่ซ่อนเร้น มีอาการคล้ายคลึงกับโรคที่พบได้ทั่วไป

มะเร็งหลังโพรงจมูก ภัยเงียบที่ซ่อนเร้น มีอาการคล้ายคลึงกับโรคที่พบได้ทั่วไป เช่น หวัด ภูมิแพ้ หรือไซนัสอักเสบ หากตรวจพบเจอในระยะเริ่มแรก ช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษาหาย อย่าชะล่าใจปล่อยไว้จนลุกลาม มะเร็งหลังโพรงจมูก ภัยเงียบที่ซ่อนเร้น มีอาการคล้ายคลึงกับโรคที่พบได้ทั่วไป มะเร็งหลังโพรงจมูก เป็นหนึ่งในมะเร็งบริเวณศีรษะและคอที่พบบ่อยในประเทศไทย พบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง ประมาณ 2.5 เท่า ผู้ป่วยรายใหม่เฉลี่ยวันละ 4 คน เสียชีวิตเฉลี่ยวันละ 2 คน (สถิติ Cancer in Thailand Vol.X,2016-2018 สถาบันมะเร็งแห่งชาติ และและสถิติสาธารณสุข ปี 2564) ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคมีหลายปัจจัย ได้แก่ การกินอาหารประเภทหมักดอง อาหารที่มีสารไนโตรซามีน เป็นประจำ การสูบบุหรี่ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การติดเชื้อเรื้อรังของไวรัส Epstein-Barr Virus (EBV) ความเสี่ยงทางพันธุกรรม เช่นเชื้อชาติจีน และประชากรในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นต้น อาการของโรคมะเร็งหลังโพรงจมูกมีหลายอาการ เช่น คัดจมูก น้ำมูกไหลเรื้อรัง รักษาแบบโรคภูมิแพ้ ไซนัสอักเสบแล้วไม่ดีขึ้น […]

อันตรายจากฝุ่น PM 2.5 เกี่ยวข้องอย่างไรกับ ‘โรคความจำเสื่อม’

ล่าสุดที่มีข่าวเรื่อง Bruce Willis เป็นโรคความจำเสื่อม Frontotemporal Dementia ซึ่งชื่ออาจจะไม่คุ้นหูกันเท่าไหร่ เพราะส่วนใหญ่เรามักจะได้ยินว่า โรคสมองเสื่อม คือ อัลไซเมอร์ (Alzheimer) ซึ่ง นพ.ชยานุชิต ชยางศุ แพทย์อายุรศาสตร์ประสาทวิทยา ได้อธิบายความรู้ในเรื่องของ PM 2.5 กับโรคความจำเสื่อม เอาไว้ว่า อันตรายจากฝุ่น PM 2.5 เกี่ยวข้องอย่างไรกับ ‘โรคความจำเสื่อม’ Frontotemporal Dementia (FTD) คืออะไร?ก่อนอื่นอยากให้รู้จักคำว่า Dementia ก่อน คำนี้แปลว่าสมองเสื่อม ซึ่งจริงๆ แล้วโรคสมองเสื่อมมีหลายชนิด ที่พบได้บ่อยที่สุดก็คือ Alzheimer นั่นเอง ส่วนกรณี Bruce Willis นั้นก็เป็นโรคสมองเสื่อมอีกชนิดที่มีอาการแตกต่างไปจาก Alzheimer ชื่อเรียกจึงแตกต่างกัน โดย Frontotemporal Dementia จะพบได้ในคนอายุน้อยกว่า อายุเฉลี่ย 40-65 ปี มีอาการได้หลากหลายตั้งแต่บางคนจะมีอาการหงุดหงิดฉุนเฉียว อารมณ์เกรี้ยวกราด พูดคำหยาบ ด่าทอ โดยอาจจะเป็นจากนิสัยเดิมของผู้ป่วยอยู่แล้ว […]

วิธีป้องกันตัวจาก ฝุ่นจิ๋ว PM 2.5 มลพิษร้ายที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพมหาศาล

ช่วงที่เปลี่ยนฤดูกาลจากฤดูหนาวสู่ฤดูร้อน บริเวณความกดอากาศสูง หรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมเป็นระลอกๆ มีผลให้ฝุ่น PM 2.5 เกิดขึ้นมาก พญ.พวงรัตน์ ตั้งธิติกุล แพทย์เฉพาะทางด้านอายุรศาสตร์โรคระบบการหายใจและภาวะวิกฤตโรคระบบการหายใจ ศูนย์อายุรกรรม ได้อธิบายผลกะทบของ ฝุ่นจิ๋ว PM 2.5 เอาไว้อย่างละเอียด เพื่อให้นำไปสังเกตตนเองและคนรอบข้าง หากมีอาการดังกล่าวจะได้เข้าสู่กระบวนการรักษาอย่างทันท่วงที  ฝุ่น PM 2.5 เป็นฝุ่นละอองขนาดจิ๋วที่มีขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอนก่อให้เกิดอันตราย เพราะสามารถทำหน้าที่เป็นตัวกลางพาสารอื่นๆ เช่น สารก่อมะเร็ง สารโลหะหนัก แทรกซึมเข้าไปในถุงลมปอดและดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด รวมทั้งผ่านทางเส้นประสาทการรับกลิ่นที่อยู่ในโพรงจมูกเข้าไปยังสมองโดยตรง วิธีป้องกันตัวจาก ฝุ่นจิ๋ว PM 2.5 มลพิษร้ายที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพมหาศาล PM 2.5 ผลต่อสมอง กระตุ้นไมเกรน ฝุ่น PM 2.5 รวมทั้งมลพิษในอากาศชนิดอื่นๆ สามารถเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการปวดศีรษะไมเกรนอย่างรุนแรงขึ้นมาได้ ภาวะสมองเสื่อมเร็วกว่าปกติ หลังจากที่ฝุ่นจิ๋วเข้าไปยังสมองจะทำให้เกิดกระบวนการอักเสบในสมอง มีการหลั่งสารอักเสบชนิดต่างๆ ทำให้เซลล์สมองได้รับบาดเจ็บ เกิดภาวะสมองเสื่อมเร็วกว่าปกติและกระตุ้นให้เกิดการก่อตัวของก้อนโปรตีนที่ผิดปกติในสมอง (β-amyloid, α-synuclein, tau protein) ที่มีลักษณะคล้ายกับคนที่เป็นโรคอัลไซเมอร์หรือโรคพาร์กินสัน รวมทั้งทำให้สมองมีการฝ่อเหี่ยวมากกว่าคนปกติอีกด้วย […]

เทรนเนอร์ไอดอล เผยความจริงเบื้องหลังวงการไอดอลเคป๊อป หากเด็กฝึกเดบิวต์ไม่ทัน

เมื่อไม่นานมานี้ เทรนเนอร์ไอดอลคนหนึ่งได้แบ่งปันความจริงเบื้องหลังวงการไอดอลเคป๊อปว่ามีเพียง 10% ของไอดอลที่เดบิวต์ในหนึ่งปีเท่านั้นที่จะอยู่รอดได้ และยังเปิดเผยว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากเด็กฝึกไม่สามารถเดบิวต์ได้ทันเวลา In Jin Woong อดีต เทรนเนอร์ไอดอล ที่ผันตัวเป็น Youtuber ได้แชร์เกี่ยวกับด้านมืดของวงการไอดอล โดยเฉพาะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเด็กฝึกไม่สามารถเดบิวต์ได้ทันเวลา เกี่ยวกับกระบวนการที่ไอดอลได้รับการฝึกฝน และข้อเสียของเด็กฝึกหัดเหล่านี้ เขาเตือนอย่างตรงไปตรงมาว่ากระบวนการสร้างไอดอลกำลังเปลี่ยนเด็กฝึกหัดเหล่านี้ให้กลายเป็นสินค้าอุปโภคบริโภค เทรนเนอร์ไอดอล เผยความจริงเบื้องหลังวงการไอดอลเคป๊อป หากเด็กฝึกเดบิวต์ไม่ทัน เขาเริ่มต้นด้วยการแบ่งปันว่า “มันอาจจะแตกต่างกันสำหรับเอเจนซี่ต่างๆ แต่โดยปกติแล้วระยะเวลาของการเป็นเด็กฝึกจะอยู่ที่ 7-8 ปี หลังจากที่เด็กฝึกได้เดบิวต์กับทีมแล้ว อีก 1 ถึง 2 ปีก่อนที่พวกเขาจะเดบิวต์จริงๆ” “จริง ๆ แล้วมันเป็นรูปแบบพีระมิด มีเด็กหลายคนที่ไม่ได้เป็นเด็กฝึกด้วยซ้ำ เมื่อเอเจนซี่ใหญ่ประกาศรับสมัคร วิดีโอออดิชั่นมากกว่า 10,000 วิดีโอถูกส่งเข้ามา หลังจากเอาชนะการแข่งขันและได้เป็นเด็กฝึก เด็กๆ ผ่านกระบวนการสร้างเป็นสินค้าอุปโภคบริโภค เปลี่ยนวิธีคิดโดยพื้นฐาน” “เด็กเหล่านี้ไม่สามารถแม้แต่จะไปร้านสะดวกซื้อด้วยตัวเองได้จนกว่าพวกเขาจะมีประสบการณ์มาหลายปี ดังนั้น พวกเขาจึงต้องบอกผู้จัดการให้ไปซื้อกาแฟให้พวกเขาสักแก้ว พวกเขาถูกลิดรอนอิสรภาพในชีวิตประจำวัน ดังนั้น พวกเขาจึงได้รับการฝึกฝนจนเคยชินกับวิถีชีวิตเช่นนั้นหรือถูกครอบงำด้วยความเครียด” “มีคนบอกว่า ‘ถ้าคุณต้องการเป็นคนดัง ไลฟ์สไตล์นั้นถูกกำหนดไว้แล้ว’ ฉันรู้สึกว่ามันเป็นวิธีที่จะดักจับคนเข้ามาในบ่อนี้ที่เรียกว่าวงการบันเทิง”  “พวกเขาเข้าบริษัทตอนอายุ 8-10 ปี และฝึกฝนเป็นเวลาประมาณ […]

เจาะลึกประสบการณ์ตรงจากผู้เผชิญ “โรคฮิสโตพลาสโมซิส” ปอดติดเชื้อจากต้นไม้

เชื่อว่าหลายคนเพิ่งเคยได้ยินชื่อ “โรคฮิสโตพลาสโมซิส” ครั้งแรกในชีวิต จากเหตุการณ์ที่กลุ่มอนุรักษ์ธรรมชาติเข้าไปในโพรงต้นช้างม่วงที่ป่าจังหวัดนครศรีธรรมราช แล้วเกิดอาการติดเชื้อราในปอดกว่า 10 คน หนึ่งในนั้นคือ คุณไอซ์ – ศันสนีย์ เชี่ยววิทย์ ผู้จัดการฝ่ายขายและผู้จัดการแผนกทีมพัฒนาระบบ Mobile Application บริษัทจีเอเบิล จำกัด (มหาชน) บริษัทจัดการเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์สำหรับผู้ประกอบการชั้นนำ เธอเป็นคุณแม่สายลุยที่รักธรรมชาติเป็นชีวิตจิตใจ ครั้งนี้มาเป็นตัวแทนแชร์ประสบการณ์ “ครั้งหนึ่ง” ที่ต้องเผชิญกับภัยเงียบจากเชื้อราแบบไม่คาดคิด เจาะลึกประสบการณ์ตรงจากผู้เผชิญ “โรคฮิสโตพลาสโมซิส” ปอดติดเชื้อจากต้นไม้ ทริปอนุรักษ์ “จุดเริ่มต้นของทริปเป็นการรวมตัวกันของกลุ่มคนอนุรักษ์ธรรมชาติประมาณ 25 คน ที่ตั้งใจเดินทางไปศึกษาความสมบูรณ์ของธรรมชาติตามผืนป่าในแต่ละพื้นที่ ของประเทศที่มีความหลากหลายและแตกต่าง โดยถือโอกาสพาลูก ๆ ร่วมทริปไปด้วย ในฐานะเยาวชนที่รู้คุณค่าของธรรมชาติและพร้อมจะสืบสานให้คงอยู่ตลอดไป โดยมีผู้เชี่ยวชาญไปคอยให้ความรู้ ซึ่งทริปก่อนหน้านี้เราไปศึกษาธรรมชาติในป่า ดอยอินทนนท์ที่เป็นปลายสุดของเทือกเขาเอเวอเรสต์ และป่าที่จังหวัดสตูล ซึ่งเป็น ป่าชนิดเดียวกับเกาะบอร์เนียว ประเทศอินโดนีเซีย เราสังเกตได้จากสัตว์และพันธุ์พืช “สำหรับทริปนี้เราไปช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เดินทางมาที่อุทยาน แห่งชาติน้ำตกโยงและป่าวังหีบ จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นลักษณะผสมของ ป่าดิบชื้นและป่าดิบเขาที่คงความเป็นผืนป่าดึกดำบรรพ์ให้ศึกษาพรรณไม้และสัตว์ป่า โดยกลุ่มเรามีประมาณ 15 คน นั่งเครื่องจากกรุงเทพฯไปลงที่จังหวัดนครศรีธรรมราช แล้วนั่งรถต่อไปอีกประมาณ […]

ชะลอวัยง่ายๆ ด้วย ‘เต้าหู้ขาว’ และ ‘ผักผลไม้สีม่วง’ ทางลัดที่ดีต่อสุขภาพ

ไม่ว่าใครก็ไม่อยากปล่อยให้ตัวเองดูแก่กว่าวัยกันทั้งนั้น ยิ่งเป็นผู้หญิงก็ยิ่งอยากดูสาวและสวยอยู่ตลอดเวลา แม้ว่าอายุอาจจะขึ้นเลขหลายหลักกันไปแล้วก็ตาม แต่จะทำอย่างไรดี เมื่อสภาพร่างกายเปลี่ยนไปตามวันเวลา และริ้วรอยต่างๆ เริ่มถามหา ครั้งนี้จึงขอนำทริคการเลือกกินอาหารโดยเฉพาะ ‘เต้าหู้ขาว’ และ ‘ผักผลไม้สีม่วง’ ที่จะช่วยชะลอความเสื่อมของร่างกายและสมองให้แข็งแรงเหมือนคนหนุ่มสาวอีกครั้ง ชะลอวัยง่ายๆ ด้วย ‘เต้าหู้ขาว’ และ ‘ผักผลไม้สีม่วง‘ ทางลัดที่ดีต่อสุขภาพ ชะลอผิวเหี่ยวย่นเมื่ออายุเพิ่มขึ้น น้ำหล่อเลี้ยงผิวก็ลดลง ทำให้ผิวไม่เต่งตึงเหมือนดังก่อน “เต้าหู้” ขาวๆ อวบๆ ช่วยได้ เพราะเต้าหู้มีฮอร์โมนเอสโตรเจน ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศหญิง มีส่วนช่วยทำให้ผิวเนียนนุ่ม ผิวพรรณผ่องใส ช่วยหยุดยั้งผิวที่ซีดเซียว เหี่ยวแห้งให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ชะลอผมขาวไม่น่ามองผมที่ค่อยๆ เปลี่ยนสีไปทีละเส้น อาจเป็นปัญหาที่คอยบั่นทอนความมั่นใจของคุณสาวๆ การย้อมผมอาจเป็นตัวช่วยหนึ่ง แต่อีกทางเลือกหนึ่งที่ดีไม่แพ้กันคือ การกิน “วอลนัท” เพราะวอลนัทอุดมไปด้วย ทองแดง และทองแดงนี้จะช่วยคงสภาพสีผมไม่ให้เปลี่ยนสีก่อนวัยอันควร ชะลอสายตาฝ้าฟางปัญหาเรื่องสายตาเป็นปัญหาอันดับต้นๆ เลยนะคะ สำหรับผู้ที่มีอายุเพิ่มขึ้น ซึ่งการดูแลรักษาดวงตานั้นเราควรเริ่มทำตั้งแต่วันนี้ ลองเลือกผลไม้ที่มีประโยชน์ตามนี้ค่ะ ผลไม้ที่จะช่วยบำรุงสายตาได้แก่ผลไม้ในตระกูลเบอรี่ โดยเฉพาะ “บลูเบอรี่” ค่ะ เพราะผลสีม่วงๆ ของบลูเบอรี่จะมีแอนโทไซยานิน (anthocyanin) อยู่ และสารนี้เองล่ะค่ะที่ช่วยในเรื่องของการมองเห็น […]

keyboard_arrow_up