5 ข้อดีของการ ‘ฝึกโยคะ’ มากกว่าการออกกำลังกายเพื่อรูปร่างอย่างเดียว

ทางเลือกของการออกกำลังกายในทุกวันนี้ มีให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเน้นในเรื่องการเผาผลาญไขมันในช่วงเวลาสั้นๆ การวิ่งมาราธอน การเต้นในรูปแบบต่างๆ ซึ่งก็อยู่ที่แต่ละคนจะเลือกตามความชอบ และเป้าหมายของการออกกำลังกายกับอีกหนึ่งทางเลือกดีๆ ในรูปแบบของการ ฝึกโยคะ จะมีข้อดีอย่างไรบ้าง 1. ดูเด็กลง ลองพิสูจน์ดูได้เลยค่ะ เวลาไปคลาสโยคะ เรามักจะเจอแต่คนที่หน้าดูอ่อนกว่าวัยกันทั้งนั้น เหตุผลสำคัญนั้นเป็นเพราะการฝึกโยคะจะช่วยให้ระบบการไหลเวียนของเลือดดีขึ้น ประกอบกับท่วงท่าในการฝึกที่ต้องยืด เหยียด ยิ่งช่วยให้หลอดเลือดขยายตัวได้มากขึ้นไปอีก เมื่อเลือดไหลเวียนได้ดี ระบบต่างๆ ภายในร่างกายของเราก็ทำงานได้ดีตามไปด้วย นอกจากนั้นยังเน้นเรื่องการกำหนดลมหายใจ ทำให้ออกซิเจนเข้าปอดได้อย่างเต็มที่ เลือดก็นำออกซิเจนและสารอาหารไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายได้อย่างสะดวก ทั้งยังมีส่วนในการขจัดของเสียออกจากร่างกาย ผิวพรรณจึงดูสวยเปล่งปลั่ง 2. อกเป็นอก เอวเป็นเอว แบบไม่มีห่วงยาง เพราะการฝึกโยคะในแต่ละท่านั้นจะมีการใช้กล้ามเนื้อทั่วทุกส่วนของร่างกาย ทั้งกล้ามเนื้อมัดเล็กและมัดใหญ่ ซึ่งการใช้กล้ามเนื้อส่วนต่างๆ เป็นการใช้พลังงานส่วนเกินที่สะสมอยู่ตามส่วนต่างๆ ในรูปแบบของไขมัน ทำให้กล้ามเนื้อตึงกระชับ ทั้งท่าทางในการบิดตัวต่างๆ นั้นยังช่วยให้สัดส่วนของคุณสาวๆ เข้าที่ เซ็กซี่ได้ตามบุคลิก 3. สง่าทุกท่วงท่า เพราะการฝึกโยคะนั้นนอกจากจะมีการยืดเหยียดกล้ามเนื้อแล้ว ยังเน้นเรื่องการทรงตัว และความสมดุล โดยเป็นการฝึกการกระจายน้ำหนักอย่างเหมาะสมทั้งในส่วนของแขน ขา กล้ามเนื้อกระดูกสันหลัง รวมทั้งกระดูกข้อต่อที่จะได้รับการปรับให้เกิดความสมดุล จึงได้บุคลิกภาพที่ดีเป็นของแถมมาจากการฝึกโยคะอีกด้วย 4. สดใสไร้เครียด ก่อนจะฝึกโยคะทุกครั้งจำเป็นต้องมีการผ่อนคลายจากความคิด […]

ปรับพฤติกรรม 4 ข้อลดเสี่ยง ‘คอเลสเตอรอลสูง’ อันตรายที่ไม่ควรมองข้าม

ทุกคนคงจะพอคุ้นเคยกับคอเลสเตอรอลกันพอสมควร ก็เจ้าคอเลสเตอรอลนี่ล่ะค่ะ ที่อาจเป็นสาเหตุให้เกิดโรคที่อันตรายถึงชีวิตกันได้หลายอย่างเลย โดยหากร่างกายของเรามี คอเลสเตอรอลสูง ก็จะเป็นสาเหตุทำให้ไขมันไปสะสมอยู่ตามผนังหลอดเลือดต่างๆ ทำให้เลือดไหลผ่านได้ยากขึ้น หากเป็นหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ ก็จะทำให้เสี่ยงต่อโรคหัวใจล้มเหลว และหากเป็นหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง ก็อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อโรคเส้นโลหิตในสมองแตก หรือเกิดภาวะเส้นเลือดสมองอุดตันได้ วิธีการดูแลสุขภาพ เพื่อลดความเสี่ยงจากการมี คอเลสเตอรอลสูง ทำได้ไม่ยาก เรื่องของโภชนาการเป็นสิ่งที่สำคัญ ระมัดระวังในเรื่องของคอเลสเตอรอลนั้น แนะนำว่าในแต่ละวันควรบริโภคอาหารที่ปรุงด้วยไขมันไม่เกิน 5-7 ช้อนชา กินผักและผลไม้สดให้มากขึ้น และเลือกกินเนื้อปลาแทนที่เนื้อสัตว์ชนิดอื่นที่มีไขมันสูง ที่สำคัญควรออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ เพื่อให้ร่างกายสร้างไขมันประเภท HDL ขึ้นมาให้มากขึ้น เป็นตัวช่วยในการขจัดไขมันตัวร้ายออกจากร่างกาย สำหรับผู้ที่เริ่มมีปัญหาคอเลสเตอรอลสูง โดยทั่วไปอาจจะมีทางเลือกสองอย่าง คือการใช้ยาตามคำสั่งแพทย์ ซึ่งก็มักจะเป็นยาในกลุ่มสแตติน หรืออีกทางเลือกหนึ่ง คือการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้ชีวิต วิธีหลังนี้ นอกจากจะไม่ต้องง้อยาแล้ว ยังจะช่วยให้สุขภาพดีขึ้นในส่วนอื่นๆ อีกด้วย สำหรับผู้ที่มีคอเลสเตอรอลที่ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมนั้นมีอะไรบ้าง ขอขอบคุณข้อมูลจาก ไลฟ์เซ็นเตอร์บล็อก https://lifecenterthailand.wordpress.com ภาพ : Pexels บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ปรับกิจวัตรยังไงเมื่อพบ ‘ไขมันในเลือดสูง’ อะไรที่กินได้และไม่ได้บ้าง

โดยปกติร่างกายสามารถสร้างไขมันได้จากตับเพื่อนำมาใช้ในกระบวนการที่จำเป็นของร่างกาย เช่น ช่วยในการย่อยอาหาร สร้างฮอร์โมนต่างๆ แต่หากมีการกินไขมันจากอาหารมากเกินไป มีโรคทางพันธุกรรม มีการใช้ยาหรือสารต่างๆ ที่ทำให้การเผาผลาญไขมันในร่างกายผิดปกติก็จะทำให้เกิดภาวะ ไขมันในเลือดสูง ได้ ไขมันในเลือดสูง คือไขมันชนิดไหน?ไขมันในเลือดมีหลายชนิด มีทั้งชนิดที่ดีและไม่ดีต่อร่างกาย โดยจะทราบได้จากค่าผลการตรวจไขมันในเลือด จึงจำเป็นต้องงดอาหารก่อนทำการตรวจเป็นเวลา 8-12 ชั่วโมง ซึ่งจะทำให้ทราบถึงค่าไขมันต่างๆ ดังนี้ ค่าไขมันในเลือด แบบไหนผิดปกติ?ค่าไขมันในเลือดที่ปกติมีความแตกต่างไปตามอายุและเพศ โดยทั่วไปแล้วในผู้ที่อายุมากกว่า 20 ปี ควรมีค่า สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงของการเกิด ไขมันในเลือดสูงภาวะไขมันในเลือดสูงสามารถเกิดได้จากการกินอาหารที่มีส่วนผสมของไขมันมากเกินไป โดยเฉพาะไขมันชนิดอิ่มตัวและไขมันทรานส์ การไม่ออกกำลังกาย การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ กรรมพันธุ์ การมีโรคประจำตัวบางชนิด เช่น โรคตับ ตับอ่อน ภาวะพร่องไทรอยด์ ภาวะถุงน้ำในรังไข่จำนวนมาก โรคไตวาย โรคเบาหวาน หรือการใช้ยาบางชนิด เช่น ฮอร์โมนหรือยาคุมกำเนิด ยาสเตียรอยด์ ยาต้านไวรัส HIV เป็นต้น ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดไขมันในเลือดสูง เช่น การมีประวัติไขมันสูงในครอบครัว มีภาวะอ้วน การกินอาหารที่ไม่ถูกหลักโภชนาการ การดื่มสุรา สูบบุหรี่ เป็นต้น […]

พักแบบมีคลาส ‘วินแดม แกรนด์ ในหาน บีช ภูเก็ต’ เปิดตัว ‘เพลนารี เวลเนส’ ชูท่องเที่ยวเชิงสุขภาพครบวงจร

ซิซซา กรุ๊ป (CISSA Group) ผู้นำด้านการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนชั้นนำของประเทศไทย เผย วินแดม แกรนด์ ในหาน บีช ภูเก็ต (Wyndham Grand Nai Harn Beach Phuket) โรงแรมหรูระดับ 5 ดาว พร้อมให้บริการเต็มรูปแบบภายใต้แนวคิดเมดิคอล เวลเนส รีสอร์ต (Medical Wellness Resort) ด้วยการเปิดตัว “เพลนารี เวลเนส (Plenary Wellness)” ศูนย์สุขภาพและความงาม เพื่อเติมเต็มความสมบูรณ์แบบแบบองค์รวมระดับไฮเอนด์แก่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ผลักดันให้ภูเก็ตและประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางและศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและการแพทย์ (Medical Wellness Hub) ชั้นนำแห่งเอเชีย   นายอรรถนพ พันธุกำเหนิด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซิซซา กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า “เนื่องจากพฤติกรรมการท่องเที่ยวของนักเดินทาง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่มีกำลังการใช้จ่ายสูง เริ่มมีการผสานแพ็คเกจสุขภาพเข้าเป็นส่วนหนึ่งในโปรแกรมการท่องเที่ยวมากขึ้น ซิซซา กรุ๊ป จึงมุ่งมั่นพัฒนา วินแดม แกรนด์ ในหาน บีช ภูเก็ต ให้เป็น ‘เมดิคอล เวลเนส รีสอร์ต’ (Medical Wellness […]

‘เบลล่า ฮาดิด’ เปิดใจเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพมากมาย รวมถึงโรคลายม์ที่เธอต่อสู้มามากกว่าครึ่งชีวิต

‘เบลล่า ฮาดิด’ (Bella Hadid) ซูเปอร์โมเดลวัย 26 ปี ได้แชร์โพสต์บนอินสตาแกรมที่มีรูปถ่ายของเวชระเบียนและคำแถลงที่สะท้อนประสบการณ์ของเธอเกี่ยวกับความเจ็บป่วยเรื้อรัง “ตัวฉันต้องทนทุกข์ทรมานมาตั้งแต่ตอนอายุประมาณ 17 ปีจนถึงปัจจุบัน คงภูมิใจในตัวฉันที่เติบโตโดยไม่ยอมแพ้ ขอบคุณแม่ที่ … อยู่เคียงข้างฉัน ไม่เคยห่างหาย ปกป้อง ช่วยเหลือ แต่เหนือสิ่งอื่นใด เชื่อฉันตลอดเรื่องทั้งหมดนี้” หนึ่งในเอกสารทางการแพทย์ที่มีภาพลงวันที่ในเดือนกุมภาพันธ์ 2014 ระบุรายละเอียดการต่อสู้กับปัญหาสุขภาพของ Bella Hadid กับปัญหาสุขภาพมากมาย รวมถึงความเหนื่อยล้า โรคสมาธิสั้น ความจำแปรปรวน ภาวะซึมเศร้า ความผิดปกติของการนอน ปวดหัว ภาวะเสียสมดุล ฝันร้าย กล้ามเนื้ออ่อนแรง เจ็บหน้าอก และใจสั่น  “การอยู่ในสภาพนี้ ทรุดโทรมลงเรื่อยๆ ด้วยเวลาและงาน ในขณะที่พยายามทำให้ตัวเอง ครอบครัว และคนที่สนับสนุนฉันภูมิใจ ได้สร้างผลกระทบต่อฉันในแบบที่ฉันอธิบายไม่ได้จริงๆ” “การต้องเศร้าและเจ็บป่วยกับพร/สิทธิพิเศษ/โอกาส/ความรักที่อยู่รอบๆ ตัวฉันอาจเป็นเรื่องที่สับสนมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา สิ่งหนึ่งที่ฉันอยากจะบอกทุกคนก็คือ 1: ฉันสบายดี และคุณไม่ต้องกังวล…” และ 2: ฉันจะไม่เปลี่ยนแปลงอะไรให้กับโลกใบนี้ ถ้าฉันต้องผ่านทั้งหมดนี้อีกครั้ง ในช่วงเวลาที่ฉันอยู่ตอนนี้ อยู่กับพวกคุณทุกคน ในที่สุดสุขภาพแข็งแรง […]

วิธีควบคุมสัดส่วนอาหารเพื่อลดน้ำหนักกับ 8 เคล็ดลับในการเสิร์ฟและจัดจาน

รู้หรือไม่ว่าวิธีการเสิร์ฟและการจัดจานอาหารมีผลต่อปริมาณการกินของเรา บางครั้งการกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพจำนวนมากเกินไปอาจฟังดูเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยาก แต่ยังมีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่กินอาหารเพื่อสุขภาพมากเกินพอดีจนนำมาสู่ปัญหาน้ำหนักตัวเกิน ดังนั้น การควบคุมสัดส่วนและปริมาณในจานอาหารจึงเป็นส่วนสำคัญในการลดน้ำหนักหรือควบคุมแคลอรี่ อ้างอิงจากผลการวิเคราะห์อภิมาน (Meta – Analysis) ที่ตีพิมพ์ใน Obesity Research & Clinical Practice เรื่องการใช้จานควบคุมสัดส่วนอาหาร (Portion-Control-Plates) ในกลุ่มอาสาสมัครที่เข้าร่วม พบว่าน้ำหนักตัว ดัชนีมวลกายและเส้นรอบเอวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ซูซาน บาวเวอร์แมน MS, R.D., CSSD, CSOWM, FAND – ผู้อํานวยการอาวุโส การศึกษาและฝึกอบรมโภชนาการทั่วโลกของเฮอร์บาไลฟ์ ได้รวบรวม 8 เคล็ดลับช่วยควบคุมสัดส่วนอาหาร โดยมีคำกล่าวที่ว่า “Your eyes are bigger than your stomach” แปลตรงๆ ก็คือตาคุณใหญ่กว่าท้องคุณ แต่ความหมายที่แท้จริงคือ เราตักอาหารใส่จานมากเกินไป เพราะใช้สายตาที่เห็นในการกะปริมาณและกำหนดสัดส่วนอาหาร ซึ่งส่วนมากปริมาณอาหารที่ได้มักมากกว่าที่เรากินได้หรือควรกิน ทำให้เราต้องเข้าใจความแตกต่างระหว่าง “หน่วยบริโภค (Serving)” และ “สัดส่วน (Portion)” เพราะหน่วยบริโภคคือสิ่งที่เห็นได้ในข้อมูลโภชนาการบนบรรจุภัณฑ์อาหาร แต่อาจไม่สามารถสะท้อนปริมาณที่กินจริงๆ […]

ความเครียดมีผลไหม? พร้อมวิธีสังเกตตัวเองเบื้องต้นว่าคุณเสี่ยงเป็น ‘โรคซึมเศร้า’ หรือไม่?

“ซึมเศร้า” ทางการแพทย์ หมายถึง ภาวะซึมเศร้าที่มีความรุนแรงมากกว่าอารมณ์เศร้าตามปกติ โดยบางรายอาการเด่นอาจจะมีลักษณะ ความสุขหายไปก็ได้ สาเหตุของโรคเกิดจากมีความผิดปกติในการหลั่งสารเคมีของสมองบริเวณส่วนของความคิด อารมณ์ ความรู้สึกและพฤติกรรม พบได้ทั้งในวัยรุ่น วัยผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ แต่ส่วนใหญ่จะเริ่มพบได้ในช่วงวัยรุ่น โดยเฉพาะผู้ที่มีความเครียดสูง ซึ่งในปัจจุบัน โรคซึมเศร้า สามารถรักษาหายขาดได้ด้วยการใช้ยา หรือการใช้ยาร่วมกับการทำจิตบำบัด ความเครียด สาเหตุของโรคซึมเศร้าที่พบบ่อยเกิดจากความเครียดที่สะสมมากขึ้นเรื่อยๆ ก็อาจจะทำให้เกิดโทษกับชีวิตได้ บางกรณีอาจจะพัฒนากลายเป็นโรคจิตเวชอื่นๆ ต่อไป แล้วจะเริ่มสังเกตตัวเองอย่างไร?  วิธีสังเกตตัวเองว่าคุณเสี่ยงเป็น โรคซึมเศร้า หรือไม่? ทางกาย1. พฤติกรรมการกินเปลี่ยน น้ำหนักลดหรือเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว2. การนอนผิดปกติ บางคนอาจจะมีการนอนไม่หลับแต่บางคนอาจจะนอนมากเกินกว่าปกติ3. ปวดเมื่อยตามตัว ปวดหัว ปวดคอบ่าไหล่ อ่อนเพลีย ไม่สดชื่นเท่าปกติ4. มีการสูบบุหรี่หรือดื่มเหล้ามากขึ้น5. โรคประจำตัวเดิมอาจจะคุมได้ลำบากขึ้น เช่น ความดันขึ้น ทางอารมณ์1. มีความกังวล รู้สึกเครียดตลอดเวลา2. ซึมเศร้า รู้สึกทุกข์ใจมากกว่าปกติ3. อารมณ์หงุดหงิดมากผิดปกติ4. มีความกระวนกระวายใจ ว้าวุ่นใจ ทางความคิด1. ไม่มีสมาธิในการทำกิจกรรมต่างๆ หลงลืมมากกว่าปกติ2. การตัดสินใจหรือการแก้ไขปัญหาแย่ลง3. คิดฟุ้งซ่าน คิดหมกมุ่นในเรื่องอดีต4. ความมั่นใจในตนเองลดลง5. มีความคิดทำร้ายตนเอง คิดเรื่องตาย หากมีอาการเหล่านี้หลายข้อ หรือครบทุกข้อ และมีอาการต่อเนื่องอย่างน้อย 2 สัปดาห์ อาจจะต้องระวังว่าคุณกำลังเสี่ยงเป็น ‘โรคซึมเศร้า’ จำเป็นต้องปรึกษาและได้รับการรักษาอย่างถูกวิธีจากแพทย์เฉพาะทาง เพราะหากปล่อยไว้อาจทำให้ผู้ป่วยมีอาการรุนแรงขึ้นและนำไปสู่การสูญเสียได้ ฉะนั้นการปล่อยให้มีอาการที่สะสมขึ้นเรื่อยๆ ก็อาจจะทำให้เกิดผลเสียกับชีวิตได้ ข้อมูล : โรงพยาบาล Bangkok Mental Health […]

เปิดประสบการณ์ผ่อนคลายกลางกรุงฯ ในโอเอซิสแห่งสุขภาพที่ Mövenpick BDMS Wellness Resort Bangkok

ลองจินตนาการถึงการหลีกหนีออกจากความวุ่นวายในชีวิตประจำวัน แล้วพาตัวเองมาพักกายพักใจในโอเอซิสแห่งสุขภาพ พร้อมดื่มด่ำท่ามกลางความเงียบสงบของธรรมชาติและการออกแบบตกแต่งภายใน ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ราวกับว่าได้หลุดเข้าไปในจักรวาลคู่ขนาน ให้รางวัลชีวิตชาร์จพลังเพื่อเริ่มต้นวันใหม่ ทั้งหมดนี้ไม่ได้เป็นเพียงความฝัน แต่เป็นจริงได้ ใจกลางกรุงเทพฯ ที่ Mövenpick BDMS Wellness Resort ประสบการณ์พักผ่อนสุดพิเศษ ที่ผ่านการรังสรรค์ผลงานด้านออกแบบและตกแต่ง โดยทีมงานมากฝีมือจาก dwp I Design Worldwide Partnership บริษัทที่ปรึกษาด้านสถาปัตยกรรมและการออกแบบระดับสากลที่มีรางวัลระดับโลกการันตีผลงาน เปิดประสบการณ์ผ่อนคลายกลางกรุงฯ ในโอเอซิสแห่งสุขภาพที่ Mövenpick BDMS Wellness Resort Bangkok นริศา การุณยะวนิช Director of Marketing Communication จาก Mövenpick BDMS Wellness Resort กล่าวว่า “ในฐานะที่เราเป็นโอเอซิสแห่งใหม่ ด้านแห่งการดูแลสุขภาพที่ก้าวล้ำเหนือคำจำกัดความเดิมของการพักผ่อนและการฟื้นฟู โดยเฉพาะ Be Well Spa สปาขนาดใหญ่ 771 ตร.ม.ตั้งอยู่ภายใน Mövenpick Hotels & Resorts […]

‘โรคเบาหวาน’ กับ ‘โรคปริทันต์’ ความสัมพันธ์ที่ไม่ควรมองข้าม เสี่ยงกระตุ้นความรุนแรงของโรค

กรมการแพทย์ โดยสถาบันทันตกรรม ชี้ผู้ป่วย โรคเบาหวาน เสี่ยงต่อการเป็นโรคปริทันต์อักเสบ กระตุ้นความรุนแรงของโรค และส่งผลให้อีกโรคหนึ่งรุนแรงตามไปด้วย ควรใส่ใจดูแลสุขภาพร่างกายและสุขภาพช่องปากควบคู่กัน โรคเบาหวาน กับ โรคปริทันต์ (โรคเหงือก) มีความสัมพันธ์และเกี่ยวข้องกัน จากการที่ปกติแล้วในร่างกายจะมีฮอร์โมนชื่อว่า “อินซูลิน” คอยทำหน้าที่จับน้ำตาลในกระแสเลือดไปเป็นพลังงานให้แก่เนื้อเยื่อต่างๆ ในร่างกาย ส่วนโรคปริทันต์อักเสบ สามารถกระตุ้นให้เกิดการอักเสบทั่วทั้งระบบ ซึ่งการอักเสบนั้นก็จะไปรบกวนขบวนการควบคุมระดับน้ำตาลดังกล่าว ดังนั้น เมื่อผู้ป่วยเป็นโรคปริทันต์อักเสบรุนแรง จะมีผลให้เพิ่มความเสี่ยงต่อการดื้ออินซูลินในคนปกติ และหากเป็นผู้ป่วยในกลุ่มของโรคเบาหวานก็จะส่งผลกระทบให้ผู้ป่วยควบคุมระดับน้ำตาลได้ยากขึ้น รวมถึงมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวานได้มากขึ้นอีกด้วย โรคปริทันต์ (โรคเหงือก) กับโรคเบาหวาน สัมพันธ์และมีผลต่อกัน เพราะในทางกลับกันภาวะน้ำตาลในเลือดสูงของผู้ป่วยเบาหวาน ก็ส่งผลต่อสภาวะโรคปริทันต์อักเสบได้เช่นกัน เนื่องจากน้ำตาลในเลือดนั้น สามารถจับกับโปรตีนบางชนิดได้ถาวร ทำให้กระตุ้นการทำลายและยับยั้งการซ่อมแซมของเนื้อเยื่อ ซึ่งเป็นการส่งเสริมให้โรคปริทันต์อักเสบมีความรุนแรงขึ้น โดยผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานจะมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคปริทันต์อักเสบถึง 4.2 เท่า หรืออาจกล่าวได้ว่า ความรุนแรงของโรคหนึ่งส่งผลให้อีกโรคหนึ่งรุนแรงตามไปด้วย ซึ่งควรใส่ใจดูแลสุขภาพร่างกายและสุขภาพช่องปากควบคู่กัน และเตรียมความพร้อมสำหรับการรักษาเป็นอย่างดี เพราะสุขภาพช่องปากเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องใส่ใจดูแล และเป็นประตูนำไปสู่การมีสุขภาพร่างกายที่ดีด้วย โรคปริทันต์อักเสบ หรือ โรครำมะนาด เกิดจากเชื้อแบคทีเรียในคราบจุลินทรีย์ ผลิตสารทำลายเนื้อเยื่อและกระดูกที่รองรับฟัน อีกทั้งแบคทีเรียเหล่านี้ยังก่อให้เกิดแผลในบริเวณพื้นผิวกว้างได้ถึง 5-20 ตารางเซนติเมตร ซึ่งเป็นช่องทางให้แบคทีเรียและสารอักเสบต่างๆ เข้าไปสู่กระแสเลือดได้ และอาจเป็นสาเหตุการกระตุ้นให้เกิดการอักเสบภายในร่างกาย […]

วิธีเลี่ยงความเสี่ยง ‘ปวดหัวไมเกรน’ คู่ปรับของคนวัยทำงาน พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย

ปวดหัวไมเกรน คู่ปรับของคนวัยทำงาน เป็นอาการที่เกิดจากระบบประสาทส่วนกลางทำงานผิดปกติ สามารถเกิดได้หลายรูปแบบ ผู้ป่วยสามารถบรรเทาอาการได้ โดยหลีกเลี่ยงสิ่งเร้าที่ก่อให้เกิดอาการปวด โรคไมเกรนเป็นอาการปวดศีรษะที่พบได้ในเด็กวัยเรียน วัยหนุ่มสาว แต่ผู้สูงอายุมักไม่เป็นโรคนี้ และเป็นมากโดยเฉพาะคนวัยทำงานที่ต้องเผชิญกับการแข่งขันและความกดดันอย่างต่อเนื่อง อาจทำให้ต้องเผชิญกับความเครียดสะสม ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพในการทำงานลดลง จะพบผู้ป่วยอยู่ในช่วงอายุระหว่าง 25-30 ปี มากที่สุด มักพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย โดยลักษณะของไมเกรนแบ่งได้เป็น 2 ชนิด คือ ไมเกรนชนิดไม่มีอาการนำ จะปวดศีรษะครึ่งซีกเป็นพักๆ เวลาหายปวดจะหายสนิท ซึ่งการปวดแต่ละครั้งจะนาน 4 ชั่วโมงหรือนานเป็นวันๆ ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการ เช่น คลื่นไส้อาเจียน เหงื่อแตก ส่วนไมเกรนชนิดมีอาการนำ จะพบได้น้อยกว่า มักมีอาการนำมาก่อนแล้วจึงมีอาการปวดศีรษะตามมา อาการนำที่พบได้บ่อย เช่น ตาฝ้า เห็นแสงระยิบระยับ บางคนอาจเห็นเป็นภาพมืดตรงกลางทำให้มองไม่เห็นชั่วครู่ อาจมีอาการแขนขาชาอ่อนแรงหรือพูดไม่ได้ชั่วครู่ ไมเกรนเป็นโรคที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของใครหลายคน และเป็นอุปสรรคต่อการทำงาน การมีความรู้และความเข้าใจอย่างถูกต้องจะช่วยให้ห่างไกลจากโรคไมเกรนได้ สาเหตุของโรคปวดศีรษะไมเกรน มีสาเหตุที่เกิดจากภายในร่างกายและจากพันธุกรรม ซึ่งไม่สามารถป้องกันหรือหลีกเลี่ยงได้ ส่วนสาเหตุที่มาจากภายนอกร่างกายเป็นปัจจัยกระตุ้นทำให้เกิดอาการ เช่น การพักผ่อนไม่เพียงพอ อากาศเปลี่ยนแปลง ทำงานหนักหรือมีความเครียดมากเกินไป เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาหารบางชนิด ได้แก่ กล้วยหอม […]

‘หน้าเบี้ยวครึ่งซีก’ เกิดจากความผิดปกติของเส้นประสาท โรคใกล้ตัวที่พบได้ในทุกเพศทุกวัย

เตือนอาการอ่อนแรง บริเวณใบหน้าครึ่งซีก ใบหน้าเบี้ยว หลับตาไม่สนิท ปากเบี้ยว มีน้ำไหลที่มุมปาก และอาจพูดไม่ชัด การรับรสที่ลิ้นผิดปกติ ปวดศีรษะ หูอื้อข้างเดียวหรือ 2 ข้าง ดื่มน้ำลำบากพูดไม่ชัด เกิดจากเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 ผิดปกติ อาการปากเบี้ยวหรือ หน้าเบี้ยวครึ่งซีก (Bell’s palsy) คือ ภาวะที่กล้ามเนื้อใบหน้าข้างใดข้างหนึ่งอ่อนแรง หรือเกิดอัมพาตชั่วขณะ เป็นอาการที่เกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย โดยมีสาเหตุมาจากการอักเสบของเส้นประสาทบนใบหน้า ส่งผลให้หน้าเบี้ยวครึ่งซีก เป็นผลมาจากเส้นประสาทใบหน้า หรือเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 ซึ่งอยู่ตรงใบหน้าแต่ละข้างทำหน้าที่รองรับการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อใบหน้า เช่น ยิ้ม ทำหน้าบึ้ง หรือหลับตา รวมทั้งรับรสจากลิ้น และส่งต่อไปยังสมองเกิดการอักเสบส่งผลต่อการรับรส การผลิตน้ำตา และต่อมน้ำลาย ปากเบี้ยว ถือเป็นปัญหาสุขภาพที่เกิดขึ้นทันที และมักจะเกิดขึ้นภายใน 48 ชั่วโมง ซึ่งสาเหตุยังไม่ทราบแน่ชัด อาจมีความสัมพันธ์ได้จากการติดเชื้อไวรัสบริเวณใบหน้า เช่น โรคอีสุกอีไส เชื้อเริม ส่วนปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคใบหน้าเบี้ยวครึ่งซีก ได้แก่ ผู้ที่ตั้งครรภ์ การพักผ่อนไม่เพียงพอ ร่างกายอ่อนแอ และภาวะภูมิคุ้มกันผิดปกติ โรคใบหน้าเบี้ยวครึ่งซีกเป็นโรคที่สามารถหายเองได้ […]

ทำไมคนทำงานหนักเกินไปถึงเสี่ยงเป็น ‘โรคเบาหวาน’

การเกิด โรคเบาหวาน ในมนุษย์เงินเดือนอยู่ใกล้ตัวเป็นอย่างมาก ทั้งการกินของหวานๆ ขาดการออกกำลังกาย ไม่ควบคุมน้ำหนัก และหากป่วยแล้วไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม อาจนำไปสู่สภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ ก่อนที่จะสายเกินไป ควรเริ่มใส่ใจในการดูแลสุขภาพให้มากขึ้น โรคเบาหวาน ความเสี่ยงของคนทำงานหนักเกินไป เป็นห่วงคนทำงานหนักเกินไป เสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน สาเหตุที่เห็นได้ชัดคือ พฤติกรรมการกินอาหารของหวาน ของมัน ของทอด โดยเฉพาะเมื่อทำงานหนัก เกิดความเครียดร่างกายต้องการของหวานเติมเต็ม เพราะว่าสามารถบรรเทาความเครียดได้ ของหวานที่มีน้ำตาลสูงจะสามารถช่วยลดระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลและอะดรีนาลีน ที่จะหลั่งออกมาในเวลารู้สึกเครียด เมื่อคุณเครียดมากจึงทานมากขึ้น ซึ่งวิธีนี้เป็นการแก้ปัญหาระยะสั้นแถมยังทำลายสุขภาพเป็นอย่างมาก โรคเบาหวาน เป็นภาวะที่ในกระแสเลือดมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ อันเนื่องจากการขาดฮอร์โมนอินซูลิน หรือประสิทธิภาพในการทำงานลดลง หากปล่อยไว้เป็นเวลานานก็จะทำให้ร่างกายเกิดโรคแทรกซ้อนต่ออวัยวะต่างๆ ได้ง่าย อาทิ ตา ไต รวมไปถึงระบบประสาท โรคเบาหวานมีหลายประเภท สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท คือ 1. เกิดจากตับอ่อนไม่สามารถผลิตฮอร์โมนอินซูลินได้ 2. เกิดจากการที่ตับอ่อนผลิตฮอร์โมนอินซูลินได้ไม่เพียงพอต่อการใช้ หรือเกิดภาวการณ์ดื้ออินซูลิน 3. เบาหวานขณะตั้งครรภ์ ซึ่งเป็นโรคเบาหวานที่พัฒนาขึ้นระหว่างการตั้งครรภ์จากการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมน โดยที่ผู้ป่วยไม่เคยเป็นโรคเบาหวานมาก่อน อาการของโรคเบาหวาน ได้แก่ รู้สึกหิวบ่อย กระหายน้ำ ปัสสาวะมีปริมาณมากและบ่อย เหนื่อย […]

แพทย์ผิวหนังเผยลักษณะรอยโรค ‘ภาวะเส้นเลือดฝอยอักเสบ’ พบไม่บ่อย แต่รักษาได้

ภาวะเส้นเลือดฝอยอักเสบ ที่ผิวหนัง เป็นอาการทางผิวหนังที่พบได้ไม่บ่อยนักและมีรอยโรคที่ผิวหนังเห็นได้ชัดเจน อาจจะมีความเกี่ยวข้องและสัมพันธ์กับความผิดปรกติหรือโรคอื่นๆในร่างกายได้ เส้นเลือดฝอยอักเสบ สามารถพบได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ โดยจะพบในวัยผู้ใหญ่มากกว่า 90% ภาวะเส้นเลือดฝอยอักเสบ ประมาณครึ่งหนึ่งเกิดจากความผิดปรกติของผิวหนังเอง ไม่สามารถหาสาเหตุได้ ในส่วนที่มีสาเหตุ พบว่า ผื่นรอยโรคอาจเกิดจากการกระตุ้นจากการติดเชื้อแบคทีเรียได้หลายชนิด หรือเกิดจากการติดเชื้อไวรัส เช่น ไวรัสตับอักเสบบี ไวรัสตับอักเสบซี เป็นต้น นอกจากนั้นสามารถเกิดร่วมกับโรคแพ้ภูมิตัวเอง รวมถึงการกระตุ้นจากยา หรืออาหารเสริมบางชนิด ก็มีรายงานทําให้เกิดภาวะนี้ได้ ลักษณะรอยโรคเป็นผื่นที่มีรอยแดงเป็นปื้นที่กดไม่จาง หรือเป็นตุ่มแดง มีลักษณะคล้ายลมพิษ ในบางรายถ้ามีอาการรุนแรง อาจพบเป็นลักษณะเป็นตุ่มหนอง แตกเป็นแผลได้ โดยผื่นมักจะพบบ่อยที่บริเวณขาทั้งสองข้าง ประมาณ 5-25% จะพบมีอาการทางกายร่วมด้วย เช่น ไข้ ปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อ น้ำหนักลด คลื่นไส้อาเจียน เป็นต้น การรักษาจะเน้นที่การรักษาปัจจัยที่กระตุ้นการเกิดโรคหรือรักษาโรคร่วม การรักษาอาการอักเสบที่ผิวหนัง เป็นการให้ยาแก้แพ้ ยากดภูมิชนิดคอร์ติโคสเตียรอยด์ ยาแก้ปวดบางชนิด เช่น colchicine หรือ indomethacin ซึ่งจะสามารถลดการอักเสบของผื่นได้ ผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง พบว่าผื่นและอาการของโรคสามารถหายได้ในระยะเวลาไม่กี่อาทิตย์ถึงเป็นเดือน แต่ในบางรายเกือบประมาณ 10% ที่มีอาการรุนแรงหรือมีโรคพบร่วมเยอะ […]

ไม่อ้วนก็เป็นได้! สาเหตุเกิด ‘ไขมันพอกตับ’ มักไม่มีอาการจนกว่าโรคจะลุกลามเป็นตับแข็ง

ไขมันพอกตับ คือภาวะการสะสมไขมันในตับที่มากเกินไป คือ มากกว่า 5% ของน้ำหนักตับ จะทำให้เกิดภาวะไขมันพอกตับ ซึ่งนำไปสู่การเกิดตับอักเสบ ตับแข็งและมะเร็งตับได้ในที่สุด โดยปกติร่างกายใช้ไขมันเป็นแหล่งพลังงาน ซึ่งมาจาก 2 แหล่งใหญ่ๆ คือหน้าท้องและตับ ไขมันที่ตับนับเป็นแหล่งพลังงานใหญ่ที่สุด หากเกิดการสะสมของไขมันที่ตับมากๆ จะส่งผลให้เกิดภาวะไขมันพอกตับ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญทำให้เป็นโรคตับแข็งและมะเร็งตับอีกด้วย ตับเป็นอวัยวะสำคัญมีหน้าที่ในการดำรงชีวิตหลายอย่าง เช่น  ผลิตน้ำดีซึ่งช่วยในการย่อยอาหาร สร้างโปรตีนให้กับร่างกาย เก็บสะสมธาตุเหล็กและวิตามินต่างๆ เปลี่ยนสารอาหารให้เป็นพลังงาน สร้างสารที่ช่วยให้เลือดแข็งตัว (เกาะตัวกันเพื่อรักษาบาดแผล) รวมถึงช่วยต่อต้านการติดเชื้อ โดยการสร้างภูมิคุ้มกันและกำจัดแบคทีเรียและสารพิษออกจากเลือด การกำจัดสารพิษและยาต่างๆ  จะรู้ได้ยังไงว่าเป็นไขมันพอกตับ (Fatty liver disease)ปกติตับที่แข็งแรงจะมีไขมันเพียงเล็กน้อย หากตรวจพบไขมันในตับประมาณ 5-10% ของน้ำหนักตับ ถือว่ามีภาวะไขมันพอกตับ  โรคไขมันพอกตับ ส่วนใหญ่ไม่มีอาการ ไม่ก่อให้เกิดปัญหาร้ายแรง หรือส่งผลต่อการทำงานของตับ แต่พบว่า 7- 30% ของผู้ป่วยภาวะไขมันพอกตับจะมีอาการแย่ลงเมื่อเวลาผ่านไป เกิดการอักเสบและมีพังผืดเกิดขึ้นภายในตับ ส่งผลให้มีการดำเนินโรคที่มากขึ้น และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคต่างๆ เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน เป็นต้น  ไขมันพอกตับ มีกี่ระยะโดยภาวะไขมันพอกตับ แบ่งได้เป็น […]

7 พฤติกรรมที่ควรทำหลัง ‘กินมากเกินไป’ หากไม่อยากหุ่นพัง

เราทุกคนมีวันที่ ‘กินมากเกินไป‘ แม้แต่คนที่มักกังวลเกี่ยวกับปริมาณของมื้ออาหารก็อาจลงเอยด้วยการกินมากเกินไปในงานหรือปาร์ตี้ ซึ่งสิ่งที่คุณกินเข้าไปไม่ได้เปลี่ยนเป็นไขมันในทันที และบางส่วนจะถูกใช้เป็นพลังงานหรือถูกขับออกจากร่างกาย แม้ว่าคุณจะน้ำหนักขึ้นเพียงชั่วคราวแต่ก็มีแนวโน้มว่าจะเป็นน้ำ ดังนั้นอย่ากังวลมากเกินไป อย่างไรก็ตาม หากคุณยังคงกินมากเกินไปในวันถัดไป น้ำหนักก็จะเพิ่มขึ้นในที่สุด และนี่คือ 7 พฤติกรรมที่ควรทำหลัง ‘กินมากเกินไป’ ดื่มน้ำมากๆหลังมื้อพิเศษที่กินอาหารมากเกินไป ใบหน้าและแขนขามักบวม เกิดจากการกินเกลือมากเกินไปในเวลาเดียวกัน หรือเพราะมีอาหารหลายสิ่งหลายอย่างที่มีเครื่องปรุงรสเข้มข้น จึงจำเป็นต้องระบายอาการบวมออกจากร่างกายโดยการปรับปรุงการไหลเวียนของเลือดและการไหลเวียนของน้ำเหลือง ดังนั้น จึงควรดื่มน้ำมากๆ หรือจิบบ่อยๆ รับโพแทสเซียมสิ่งสำคัญคือต้องใช้โพแทสเซียมเพื่อป้องกันอาการบวม โพแทสเซียมมีหน้าที่ขับเกลือในร่างกายออกนอกร่างกาย โดยโพแทสเซียมมีมากในผลไม้ อาทิเช่น อะโวคาโด หัวไชเท้าแห้ง ฮิจิกิ ถั่วแระเขียว กล้วย และเนื่องจากโพแทสเซียมสามารถละลายได้ในน้ำ จึงแนะนำให้กินในสภาพที่ยังดิบอยู่ รวมสลัด และผลไม้สด กินวิตามินบีวิตามินบี 1 วิตามินบี 2 และวิตามินบี 6 เป็นสารอาหารที่เกี่ยวข้องกับการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต ไขมัน และโปรตีนตามลำดับ โดยวิตามินบี 1 มีมากในอาหารจากถั่วเหลืองและเนื้อหมู ส่วนวิตามินบี 2 มีมากในอาหาร เช่น ตับหมู ไข่ และนัตโตะ ส่วนอาหารอย่างเช่น ปลาทูน่า ปลาโบนิโต และเนื้อไก่ มีวิตามินบี 6 อยู่มาก กินอะไรอุ่นๆการกินของเย็นจะทำให้ร่างกายเย็น ออกซิเจนและสารอาหารที่เพียงพอจะไปไม่ถึงเซลล์ต่างๆ […]

รู้จัก ‘โรค SLE’ หรือ ‘โรคแพ้ภูมิตนเอง’ มักพบในผู้หญิงช่วงอายุราว 20 – 40 ปี

โรค SLE เป็นโรคที่ก่อให้เกิดการอักเสบของอวัยวะทั่วร่างกาย และอวัยวะที่เกิดการอักเสบจะได้รับความเสียหาย โดยผู้ป่วยแต่ละคนอาจมีการอักเสบในแต่ละอวัยวะแตกต่าง และมีอาการแสดงแตกต่างกัน แต่มักเกิดการอักเสบของหลายอวัยวะร่วมกัน แนะผู้ป่วยหมั่นสังเกตอาการตนเอง หากพบความผิดปกติควรรีบพบแพทย์ โรค SLE ย่อมาจาก Systemic Lupus Erythematosus เป็นโรคภูมิคุ้มกันทําลายตนเองหรือ โรคแพ้ภูมิตนเอง นับเป็นโรคที่พบได้ไม่บ่อย และมีอัตราการเสียชีวิตตํ่า โดยพบเพียงร้อยละ 0.1 (0.014 – 0.122) หรือคิดเป็นจํานวนผู้ป่วยในประเทศไทยราว 50,000 – 700,000 คน ส่วนใหญ่มักพบในเพศหญิงช่วงอายุราว 20 – 40 ปี ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุของการเกิดโรคที่แน่ชัด แต่อาจเกี่ยวข้องกับพันธุกรรม แสงแดด การติดเชื้อไวรัส การติดเชื้อแบคทีเรีย การได้วัคซีน การได้รับยาหรือสารเคมีบางชนิด อาการที่พบได้บ่อยของโรคนี้ คือ ผู้ป่วยมักจะมีอาการไข้ตํ่า ปวดข้อ ปวดเมื่อย เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร นํ้าหนักลด ผมร่วง มีผื่นที่หน้า ที่แก้ม คล้ายปีกผีเสื้อ ผื่นตามตัว […]

‘ท้องผูกเรื้อรัง’ เสี่ยงลำไส้พัง แต่สามารถป้องกันได้ แค่ปรับพฤติกรรมการกิน

ระบบขับถ่ายเป็นเรื่องสำคัญมากในชีวิตประจำวัน การดูแลระบบขับถ่ายให้ดีจึงเป็นส่วนที่ช่วยให้ทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจแข็งแรง เกิดความสมดุลของร่างกาย ซึ่งส่วนมากภาวะท้องผูกมักพบได้ในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายและเป็นได้ในทุกช่วงอายุ โดยส่วนใหญ่พบได้ในวัยทำงาน ท้องผูก คือ ภาวะการถ่ายอุจจาระยาก หรือห่างผิดปกติ ร่วมกับอุจจาระที่มีลักษณะแข็งหรือแห้งผิดปกติด้วยเช่นกัน ส่วน ท้องผูกเรื้อรัง หมายถึง ภาวะท้องผูกที่เป็นต่อเนื่องกันนานเกิน 3 เดือน ภาวะท้องผูกเป็นภาวะที่พบบ่อยทั่วโลก ในประเทศไทยพบได้ถึงร้อยละ 25 โดยพบได้ในกลุ่มช่วงอายุ 20 – 40 ปีบ่อยที่สุดถึงร้อยละ 57 เพศหญิงพบได้บ่อยกว่าเพศชาย นอกจากนี้ยังพบบ่อยในผู้ที่มีภาวะขาดน้ำ ขาดอาหารที่มีกากใยสูง ผู้ที่ไม่ค่อยได้ขยับร่างกาย และที่สำคัญคือผู้ที่มีภาวะเครียดทางอารมณ์ สาเหตุของภาวะท้องผูก แบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ กลุ่มแรก “ท้องผูกปฐมภูมิ” คือ ท้องผูกที่เกิดจากการบีบและคลายตัวผิดปกติของลำไส้เอง ตัวอย่างเช่น ภาวะลำไส้แปรปรวน ภาวะลำไส้เฉื่อย หรือ การเบ่งถ่ายอุจจาระผิดวิธี กลุ่มที่สอง “ท้องผูกทุติยภูมิ” คือ ภาวะท้องผูกที่มีสาเหตุจากความผิดปกติเชิงโครงสร้างของลำไส้ หรือ โรคระบบอื่นๆ ส่งผลให้เกิดภาวะท้องผูก ตัวอย่าง เช่น มะเร็งลำไส้, โรคทางสมอง, […]

รู้จัก ‘ชิคุนกุนยา’ โรคร้ายที่มาพร้อมกับยุงลาย มีความแตกต่างจากโรคไข้เลือดออก

ชิคุนกุนยา เป็นโรคที่มีความรุนแรงแต่ไม่อันตรายเท่าโรคไข้เลือดออก พบการระบาดมากในช่วงฤดูฝน แนะป้องกันตนเองไม่ให้ยุงกัด กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย หากมีอาการไข้สูงอย่างฉับพลัน ปวดข้อ ผื่นขึ้น ควรพบแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างถูกวิธี “โรคชิคุนกุนยา” (Chikungunya) หรือ “โรคไข้ปวดข้อยุงลาย” เป็นโรคติดต่อที่เกิดจากเชื้อไวรัสที่มียุงลายสวนและยุงลายบ้านเป็นพาหะนำโรค พบได้ในทุกกลุ่มอายุ รวมทั้งเด็กเล็ก มีอาการคล้ายกับโรคไข้เลือดออกแต่ไม่รุนแรงเท่า โรคชิคุนกุนยามักไม่เป็นอันตรายร้ายแรงต่อชีวิต แต่ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการปวดข้อเรื้อรังต่อเนื่อง สำหรับในรายที่รุนแรงอาจพบเกล็ดเลือดต่ำและมีอาการช็อกได้ แต่พบได้น้อยมาก โดยทั่วไปเมื่อผู้ป่วยถูกยุงลายที่มีเชื้อไวรัสชิคุนกุนยากัด จะมีระยะฟักตัวของโรค 1-12 วัน แต่ที่พบบ่อยจะอยู่ที่ประมาณ 3-7 วัน เมื่อครบระยะฟักตัวผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูงอย่างฉับพลัน โดยอาจสูงถึง 40 องศาเซลเซียส ประมาณ 2-4 วัน และไข้จะลดลงอย่างรวดเร็ว มีผื่นแดงขึ้นตามร่างกาย บางรายอาจมีอาการบวมที่มือและเท้า หรือมีอาการคันร่วมด้วย รวมทั้งอาจจะมีตาแดง อาการที่เด่นชัดในผู้ใหญ่คืออาการปวดข้อร่วมกับมีการอักเสบ มักพบที่ นิ้วมือ ข้อศอก ข้อเข่า โดยมักจะพบได้หลายข้อและเปลี่ยนตำแหน่งไปเรื่อยๆ บางรายอาจมีอาการรุนแรงทำให้ไม่สามารถขยับข้อได้ โดยอาการปวดข้อช่วงแรกมักหายได้ภายใน 1-2 สัปดาห์ ทั้งนี้ ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการปวดข้อเกิดขึ้นได้อีกภายใน 2-3 สัปดาห์ต่อมา และบางรายอาการปวดข้ออาจอยู่ได้นานเป็นเดือนหรือเป็นปี […]

keyboard_arrow_up