‘มะเขือเทศ’ ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิด ‘มะเร็งต่อมลูกหมาก’ ได้จริงหรือไม่

จากกรณีนักแสดงชายท่านหนึ่งเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งตัวร้ายที่ผู้ชายทุกคนไม่ควรมองข้าม เมื่อมีภาวะที่ผิดปกติเกิดขึ้นควรรีบปรึกษาแพทย์ มะเร็งต่อมลูกหมาก ตรวจพบได้เร็ว มีโอกาสรักษาหาย และสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ ‘มะเขือเทศ’ ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิด ‘มะเร็งต่อมลูกหมาก’ ได้จริงหรือไม่ ต่อมลูกหมาก เป็นอวัยวะของผู้ชายซึ่งทำหน้าที่เป็นหูรูดควบคุมการปัสสาวะ และสร้างน้ำเลี้ยงตัวอสุจิ บางคนอาจเข้าใจผิดว่าเป็นอัณฑะได้ มะเร็งต่อมลูกหมาก คือเซลล์เนื้องอกผิดปกติที่เกิดในต่อมลูกหมาก พบในคนที่สูงอายุมากกว่า 50 ปี ซึ่งพบได้มากขึ้นเรื่อยๆ ในประเทศไทย เนื่องจากเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุซึ่งคนมีอายุยืนมากขึ้น โดยปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ คือ อายุและพันธุกรรม สำหรับโรคมะเร็งต่อมลูกหมากปัจจุบันพบมากเป็นอันดับ 4 ของมะเร็งที่พบทั้งหมดในเพศชาย จากข้อมูลทะเบียนมะเร็งประเทศไทยโดยสถาบันมะเร็งแห่งชาติ (Cancer in Thailand Vol.X (2016-2018) สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข) รายงานผู้ป่วยมะเร็งต่อมลูกหมากรายใหม่วันละ 10 ราย หรือ 3,755 รายต่อปี เสียชีวิตจากมะเร็งต่อมลูกหมาก วันละ 5 ราย หรือ 1,654 รายต่อปี อาการของมะเร็งต่อมลูกหมาก ผู้ป่วยมักมาด้วยก้อนเนื้อมะเร็งกดเบียดท่อปัสสาวะ ทำให้ปัสสาวะลำบาก ไม่พุ่ง ต้องเบ่ง […]

‘ฮันจีฮยอน’ เผยว่าเธอกินเยอะจนต้องอ้วก ขณะถ่ายทำซีรีส์ ‘Cheer Up’

นักแสดงสาว ฮันจีฮยอน (Han Ji Hyun) เผยว่าเธอกินเยอะจนต้องอ้วกขณะถ่ายทำซีรีส์เรื่อง ‘Cheer Up’ โดยเป็นบทสัมภาษณ์ของเธอกับ Wikitree ที่เธอได้แบ่งปันเรื่องราวเบื้องหลังการถ่ายทำซีรีส์เรื่องนี้ ฮันจีฮยอน เผยว่า “ตอนสุดท้ายของออกอากาศซีรีส์เรื่องนี้ในวันที่ 13 ธค.ที่ผ่านมา แต่เป็นเวลาประมาณหนึ่งเดือนแล้วตั้งแต่การถ่ายทำเสร็จสิ้น ฉันได้บอกลา ‘โดแฮอี‘ (ตัวละครในซีรีส์) แล้ว เธอจะยังคงเป็นมิตรแท้ในดวงใจ” ‘ฮันจีฮยอน’ เผยว่าเธอกินเยอะจนต้องอ้วก ขณะถ่ายทำซีรีส์ ‘Cheer Up’ เมื่อถูกถามว่าเธอรู้สึกหนักใจไหมในการถ่ายทำซีรีส์เรื่องแรกที่เธอเป็นนักแสดงหลัก ฮันจีฮยอนตอบว่า “ฉันครุ่นคิดเยอะมากนั่นเป็นเหตุผลที่ฉันคิดว่าฉันเตรียมตัวอย่างขยันขันแข็งมากขึ้นและเตรียมหลายอย่างที่จะแสดง ฉันคิดมากเกี่ยวกับตัวละครและวิเคราะห์เธอ ฉันถ่ายทำด้วยความคิดที่จะศึกษาแนวของตัวละครอื่นๆ และการสนทนาระหว่างนักแสดงในสถานที่และอื่นๆ” ฮันจีฮยอนยังได้แบ่งปันเหตุผลที่เธอได้รับบทบาทที่แตกต่างอย่างมากจากตัวละครจูซอกคยองจาก ‘Penthouse’ นักแสดงสาวกล่าวว่า “มันไม่ใช่การออดิชั่น แต่ฉันได้คุยกับผู้กำกับก่อน ฉันได้รับบทก่อนและฉันก็อยากเล้นซีรีส์เรื่องนี้ทันทีที่ได้อ่านบท เหตุผลหนึ่งก็คือฉันอยากจะสลัดภาพลักษณ์ ของ จูซอกคยอง จากเรื่อง Penthouse แต่ฉันคิดว่าบมทตัวละคร ‘โดแฮอี’ น่ารักและมีพลังมากจนฉันอยากจะลองสวมบทบาทแบบนั้น และต้องขอบคุณตัวละครที่น่ารักและร่าเริงของโดแฮอี ผู้ชมสามารถลืมตัวละครที่แข็งแกร่งของจูซอกฮยองได้” นอกจากนี้ ฮันจีฮยอนและสมาชิกคนอื่นๆ ยังได้รับคำชมจากการออกแบบท่าเต้นที่เฉียบคมในฐานะเชียร์ลีดเดอร์ นักแสดงหญิงกล่าวว่า “ใกล้จะครบ 1 ปีแล้วสำหรับการฝึกซ้อมของเราตั้งแต่เริ่มในเดือนกุมภาพันธ์ของปีนี้ เราปวดเมื่อยจากการฝึกซ้อมดังนั้นเราจึงต้องใส่แผ่นแปะเสมอ แต่ร่างกายของฉันก็ปรับตัวเมื่อเวลาผ่านไป” […]

ปวดหลังที่ไม่ใช่แค่ปวดหลัง ‘เนื้องอกไขสันหลัง’ หากปล่อยเรื้อรังอาจถึงขั้นเป็นอัมพาตได้

แพทย์เตือนหากมีอาการปวดหลังเรื้อรังมานาน อาจเป็นสัญญาณเตือน เนื้องอกไขสันหลัง หากปล่อยเรื้อรังไปนานๆ อาจส่งผลถึงขั้นเป็นอัมพาตได้ ควรพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย ปวดหลังที่ไม่ใช่แค่ปวดหลัง ‘เนื้องอกไขสันหลัง’ หากปล่อยเรื้อรังอาจถึงขั้นเป็นอัมพาตได้ ระบบประสาทส่วนกลางของร่างกาย ซึ่งประกอบไปด้วยสมองและไขสันหลังที่มีความสำคัญ แต่ขณะเดียวกันก็สามารถเกิดความผิดปกติได้เช่นกัน โดยเฉพาะ เนื้องอกไขสันหลัง คือเนื้องอกที่อยู่ในโพรงกระดูกสันหลัง อยู่ในตำแหน่งตั้งแต่ระดับคอจากรอยต่อก้านสมอง ไปจนถึงระดับเอว หากเกิดการแบ่งตัวผิดปกติของเซลล์ประสาทจะพัฒนากลายเป็นเนื้องอก โดยที่เซลล์ของเนื้องอกไขสันหลังส่วนใหญ่เป็นเซลล์ของเยื่อหุ้มไขสันหลัง เซลล์เยื่อหุ้มเส้นประสาท และเซลล์ภายในไขสันหลัง อาการของเนื้องอกไขสันหลัง ในแต่ละตำแหน่งจะมีความแตกต่างกัน เช่น ถ้าเนื้องอกอยู่ในระดับกระดูกสันหลังส่วนคอ จะมีอาการอ่อนแรงกล้ามเนื้อแขน ชาตามมือและแขนเป็นส่วนใหญ่ ส่วนอาการปวดต้นคอจะไม่มาก อาจมีอาการเพียงแค่ปวดตึงคอ ไม่ค่อยมีอาการปวดร้าวลงแขนแบบที่พบในโรคหมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อน เวลาเดินบางครั้งอาจมีอาการเกร็งที่ขา 2 ข้าง ส่วนอาการเนื้องอกไขสันหลังในระดับเอวจะมีอาการอ่อนแรงขาข้างใดข้างหนึ่ง เวลาเดินขาอาจจะทรุดลงได้ หากยังไม่รับการรักษาอาการอ่อนแรงจะมากขึ้น หรืออาจทำให้อัมพาตทั้งแขนและขาทั้ง 2 ข้างได้ อาการส่วนใหญ่จะมีอาการอ่อนแรงที่ขาเป็นหลัก ร่วมกับมีอาการชาของลำตัวลงไปจนถึงขาข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้ง 2 ข้างได้ ในผู้ป่วยบางรายอาจพบอาการปวดบริเวณกลางหลัง ชา หรือปวดร้าวรอบๆ อกได้ เนื้องอกในระดับกระดูกสันหลังส่วนเอวจะมีเส้นประสาทไขสันหลัง และส่วนปลายของไขสันหลัง หากเกิดเนื้องอกบริเวณนี้ อาการอ่อนแรงจะไม่อ่อนแรงขาทั้งข้าง ซึ่งต่างจากเนื้องอกในตำแหน่งระดับคอหรืออก แต่ผู้ป่วยจะมีอาการปวดหลัง ปวดเอว ร่วมกับอาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อ […]

10 อาหารบำรุงเตรียมตั้งครรภ์ เพิ่มโอกาสสำเร็จ มีลูกน้อยสมบูรณ์แข็งแรงรับปีกระต่าย

หนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำมีบุตรยากคือ การกินอาหารไม่ถูกหลักโภชนาการ หรือ เรียกว่า “ภาวะทุพโภชนาการ” ซึ่งส่งผลต่อการทำงานของรังไข่ผิดปกติ ไข่ไม่โต ฮอร์โมนไม่สมดุล ครูก้อย – นัชชา ลอยชูศักดิ์ จาก Babyandmom.co.th ได้ศึกษาและรวบรวมงานวิจัยเกี่ยวกับหลักโภชนาการในการกินอาหารที่จะช่วยเสริมภาวะเจริญพันธุ์ ช่วยบำรุงไข่ บำรุงมดลูก และปรับสมดุลฮอร์โมน รวมถึงบำรุงคุณภาพสเปิร์มของฝ่ายชาย เพื่อเตรียมพร้อมก่อนการตั้งครรภ์ ได้แนะนำ “10 อาหารบำรุงเตรียมตั้งครรภ์ เพิ่มโอกาสสำเร็จมีลูกน้อยที่สมบูรณ์แข็งแรง” ที่สามารถหากินได้ง่าย เพื่อเพิ่มโอกาสความสำเร็จตั้งครรภ์ที่สมบูรณ์แข็งแรงตามที่ปรารถนา 10 อาหารบำรุงเตรียมตั้งครรภ์ เพิ่มโอกาสสำเร็จ มีลูกน้อยสมบูรณ์แข็งแรงรับปีกระต่าย 1. โปรตีนผู้หญิงเตรียมตั้งครรภ์ควรกินโปรตีนให้เพียงพอเพื่อบำรุงเซลล์ไข่ให้อ้วนโต สร้างผนังมดลูกให้แข็งแรง เน้นกินโปรตีนจากพืช ลดโปรตีนจากเนื้อสัตว์ เพราะมีงานวิจัย จาก Harvard School of Public Health พบว่าผู้หญิงกินโปรตีนจากสัตว์จำนวนถึง 39% จะประสบปัญหาภาวะที่มีบุตรยากมากกว่าผู้หญิงที่กินโปรตีนจากพืชโดยแหล่งโปรตีนจากพืช ที่มีประโยชน์ ได้แก่ อัลมอนด์ วอลนัท ถั่วลูกไก่ ถั่วเหลือง เพราะอุดมไปด้วยโปรตีน และยังเป็นหนึ่งในตัวช่วยของผู้หญิงที่อยากตั้งท้องอีกด้วย ส่วนแหล่งโปรตีนจากสัตว์ ที่เหมาะสำหรับผู้หญิงเตรียมตั้งครรภ์ ได้แก่  ไข่เป็ด ไข่ไก่ ปลาทะเล ปลาแซลมอน ทานนมแพะแทนนมวัว เนื่องจากนมวัวมีน้ำตาลแลคโตสสูงกว่านมแพะจึงเสี่ยงต่อภาวะ PCOS ไข่ไม่ตกเรื้อรัง แถมยังโมเลกุลใหญ่ ย่อยยาก ตกค้างในลำไส้ นมแพะ มีโปรตีนที่ก่อให้เกิดการแพ้น้อยกว่านมวัวถึง 89%  และเมื่อตั้งครรภ์แล้วลูกอาจเสี่ยงที่จะแพ้นมวัวได้ 2. ผักใบเขียวไม่ว่าจะเป็น ผักโขม ผักคะน้า บรอกโคลี ล้วนอุดมไปด้วยกรดโฟลิกช่วยสร้างและป้องกันความผิดปกติของระบบประสาทของตัวอ่อน อีกทั้งช่วยซ่อมแซมพันธุกรรมสร้างกรดอะมิโนที่ใช้แบ่งเซลล์สร้างเม็ดเลือดแดงและขาวในไขกระดูกของลูกน้อย แคลเซียมมีส่วนช่วยป้องกันคุณแม่สูญเสียมวลกระดูกเพื่อนำมาใช้ในการพัฒนาโครงสร้างกระดูกของทารกในครรภ์ และวิตามิน E ช่วยเร่งและเพิ่มอัตราไข่ตก, บำรุงครรภ์ อีกทั้งช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งผักใบเขียวยังมีวิตามินเอ และอุดมไปด้วยคลอโรฟิลล์ที่เพิ่มออกซิเจนให้เลือด เพื่อให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงมดลูกได้ดี ทำให้มดลูกแข็งแรง […]

ใครบ้างมีโอกาสเสี่ยงเป็น ‘โรคลิ้นหัวใจ’ และสามารถรักษาหายขาดได้หรือไม่

โรคลิ้นหัวใจ เกิดขึ้นเมื่อลิ้นหัวใจอย่างน้อยหนึ่งตัวทำงานได้ไม่ดี หัวใจคนเรามีสี่วาล์ว คือ วาล์ว tricuspid, pulmonary, mitral และ aortic วาล์วมีลิ้นเปิดและปิด แผ่นปิดช่วยให้แน่ใจว่าเลือดไหลเวียนไปในทิศทางที่ถูกต้องผ่านหัวใจและส่วนอื่นๆ ของร่างกาย เมื่อหัวใจเต้น ลิ้นอากาศจะเปิดออกเพื่อให้เลือดไหลผ่าน ระหว่างการเต้นของหัวใจ พวกมันจะปิดเพื่อหยุดเลือดไม่ให้ไหลย้อนกลับ หากลิ้นหัวใจอย่างน้อยหนึ่งลิ้นเปิดหรือปิดไม่ถูกต้อง อาจส่งผลต่อการไหลเวียนของเลือด โรคลิ้นหัวใจ มี 3 ประเภท การสำรอกหรือการไหลย้อนกลับเกิดขึ้นเมื่อลิ้นวาล์วปิดไม่แน่น สิ่งนี้ทำให้เลือดไหลย้อนกลับ สาเหตุทั่วไปของการสำรอกคืออาการห้อยยานของอวัยวะ ซึ่งลิ้นปีกผีเสื้อหลุดหรือนูนกลับ อาการห้อยยาน ของอวัยวะส่วนใหญ่มักส่งผลต่อวาล์วไมตรัล mitral valve การตีบเกิดขึ้นเมื่อลิ้นปีกผีเสื้อหนา แข็ง หรือติดกัน สิ่งนี้จะป้องกันไม่ให้ลิ้นหัวใจเปิดจนสุด เลือดไม่สามารถไหลผ่านวาล์วได้เพียงพอ ลิ้นหัวใจเอออร์ติกตีบเป็นการตีบชนิดหนึ่งที่พบได้บ่อย มีผลต่อวาล์วที่ควบคุมการไหลเวียนของเลือดไปยังหลอดเลือดแดงใหญ่ที่นำเลือดออกจากหัวใจไปสู่ร่างกาย Atresianเกิดขึ้นเมื่อลิ้นหัวใจไม่ได้ก่อตัวอย่างถูกต้องและไม่มีช่องให้เลือดผ่าน บางครั้งวาล์วอาจมีทั้งสำรอกและตีบ โรคลิ้นหัวใจเกิดจากอะไร บางคนเกิดมาพร้อมกับโรคลิ้นหัวใจ สิ่งนี้เรียกว่าโรคลิ้นหัวใจพิการแต่กำเนิด อาจเกิดขึ้นเพียงลำพังหรือร่วมกับ ความบกพร่องของหัวใจแต่กำเนิดอื่นๆ โรคลิ้นหัวใจสามารถพัฒนาเมื่อเวลาผ่านไปเมื่ออายุมากขึ้นหรือมีภาวะบางอย่างที่ส่งผลต่อหัวใจ ใครมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคลิ้นหัวใจ อายุมากขึ้น เมื่ออายุมากขึ้น ลิ้นหัวใจจะหนาและแข็งขึ้น เคยมีอาการอื่นๆ ที่ส่งผลต่อหัวใจและหลอดเลือดของคุณ เหล่านี้รวมถึง ไข้รูมาติก คอ อักเสบที่ไม่ได้รับการรักษาอาจกลายเป็นไข้รูมาติกได้ ซึ่งเป็นอันตรายต่อลิ้นหัวใจ ความเสียหายอาจไม่ปรากฏขึ้นเป็นเวลาหลายปี ทุกวันนี้ คนส่วนใหญ่ใช้ยาปฏิชีวนะเพื่อรักษาโรคคออักเสบก่อนที่มันจะทำให้ลิ้นหัวใจเสียหาย เยื่อบุหัวใจอักเสบ นี่คือการติดเชื้อที่หายากในเยื่อบุของหัวใจและลิ้นหัวใจ มักเกิดจากแบคทีเรียในกระแสเลือด หัวใจวาย หัวใจล้มเหลว โรคหลอดเลือดหัวใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันส่งผลกระทบต่อหลอดเลือดแดงใหญ่ (หลอดเลือดแดงใหญ่ที่นำเลือดจากหัวใจไปสู่ร่างกาย) ความดันโลหิตสูง คอเลสเตอรอลในเลือดสูง โรคเบาหวาน โรคอ้วนและน้ำหนักเกิน ขาดการออกกำลังกาย ประวัติครอบครัวเป็นโรคหัวใจระยะแรก พ่อหรือพี่ชายที่เป็นโรคหัวใจอายุน้อยกว่า 55 […]

5 สารอาหาร ที่ควรกินตอนกลางคืน เพื่อผิวสวยและการทำงานของลำไส้

กลางคืนเป็นเวลาที่ความเหนื่อยล้าของวันสะสม การกิน สารอาหาร ที่จำเป็นเพื่อกำจัดความเหนื่อยล้า จะทำให้มีสุขภาพที่ดีในวันรุ่งขึ้น นอกจากนี้ เนื่องจากมีเขตเวลาที่เรียกว่า “เวลาทองของลำไส้” ในตอนกลางคืน จึงแนะนำให้กินสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อการทำงานของลำไส้และสารอาหารที่จะช่วยให้นอนหลับสบายตลอดคืน แนะนำสารอาหารที่มีประโยชน์สำหรับการฟื้นตัวจากความเหนื่อยล้า ทำให้ผิวสวย และการทำงานของลำไส้โดยการกินเข้าไปในเวลากลางคืน นักโภชนาการแนะนำ 5 สารอาหาร ที่ดีที่สุดที่ควรทานในเวลากลางคืน Limonene (ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวเช่น มะนาว) ลิโมนีนเป็นส่วนประกอบที่มีอยู่ในเปลือกผลไม้รสเปรี้ยว เช่น มะนาว ส้ม เป็นที่ทราบกันดีว่าเมื่อลิโมนีนถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย คลื่นอัลฟาจะถูกสร้างขึ้นในสมอง คลื่นอัลฟ่าจะเกิดขึ้นเมื่อรู้สึกผ่อนคลาย ดังนั้น การกินลิโมนีนสามารถช่วยผ่อนคลายได้ ลิโมนีนสามารถให้ผลได้เพียงแค่เกาผิวของผลไม้รสเปรี้ยวแล้วปล่อยให้มีกลิ่น ดังนั้น แม้แต่คนที่ไม่มีเวลากินก็เพียงแค่ “ดมกลิ่น” เท่านั้น อิมิดาโซล ไดเปปไทด์ (ไก่) อิมิดาโซลไดเปปไทด์เป็นส่วนประกอบที่เรียกว่าเปปไทด์ซึ่งประกอบด้วยกรดอะมิโนสองชนิดขึ้นไปซึ่งมีอยู่มากในเนื้อไก่ ลักษณะของอิมิดาโซลไดเปปไทด์คือมีผลในการฟื้นฟูเมื่อยล้า ความเหนื่อยล้าสะสมทางร่างกายและจิตใจหมายความว่าความเครียดจากปฏิกิริยาออกซิเดชันเพิ่มขึ้นในเซลล์กล้ามเนื้อและสมอง และออกซิเจนที่ใช้งานมีมากเกินไป อิมิดาโซลไดเปปไทด์มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ดังนั้น จึงดูเหมือนว่ามีหน้าที่ในการกำจัดออกซิเจนที่ออกฤทธิ์และบรรเทาอาการเมื่อยล้า นอกจากนี้ยังเกี่ยวข้องกับการสลายตัวของกรดแลคติกซึ่งเป็นสารตัวหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการเมื่อยล้า จึงมีประโยชน์ในการบรรเทาอาการเมื่อยล้าของวัน นอกจากนี้ imidazole dipeptides ยังมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระซึ่งช่วยในการต่อต้านริ้วรอย เนื่องจากไก่มีโปรตีนคุณภาพสูง การกินตอนกลางคืนจึงช่วยให้ผิวของสวยขึ้นในขณะนอนหลับ แคลเซียม (นม ผลิตภัณฑ์จากนม) แคลเซียมเป็นที่รู้จักในด้านความสามารถในการรักษาฟันและกระดูกให้แข็งแรง นอกจากนี้ยังมีผลในการระงับความตึงเครียดและความตื่นเต้นและบรรเทาความเครียด นอกจากนี้มีรายงานว่าแคลเซียม สามารถดูดซึมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อดื่มในเวลากลางคืน ผลิตภัณฑ์จากนม เช่น นมและโยเกิร์ตอุดมไปด้วยแคลเซียม ดังนั้นอย่าลืมใส่ในมื้อเย็นด้วย หากดื่มก่อนนอนแนะนำให้ทานเป็น […]

5 ข้อควรรู้ก่อนเริ่มเล่น ‘โยคะ’ กิจกรรมยอดนิยมที่ช่วยทั้งร่างกายและจิตใจให้ดีขึ้น

โยคะ โดยทั่วไปจะผสมผสานระหว่างท่าทางของร่างกาย การฝึกหายใจ และการทำสมาธิ นักวิจัยกำลังศึกษาว่าโยคะสามารถช่วยปรับปรุงสุขภาพได้อย่างไร เนื่องจากการศึกษาจำนวนมากเกี่ยวกับโยคะได้รวมคนเพียงจำนวนน้อยและไม่ได้มีคุณภาพสูง ในกรณีส่วนใหญ่สามารถพูดได้เพียงว่าโยคะมีประโยชน์ต่อสุขภาพโดยเฉพาะ หากกำลังคิดที่จะฝึกโยคะ นี่คือ 5 สิ่งที่ควรรู้ 5 สิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับ โยคะ 1. การศึกษาชี้ให้เห็นว่า โยคะ อาจเป็นประโยชน์ต่อสภาวะสุขภาพหลายประการ รวมถึงอาการปวดหลังส่วนล่าง ปวดคอ และอาการวัยหมดระดู นอกจากนี้ยังอาจช่วยให้ผู้คนลดน้ำหนักหรือหยุดสูบบุหรี่ 2. โยคะอาจมีประโยชน์สำหรับผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรง การศึกษาแสดงให้เห็นว่าอาจช่วยให้ผู้คนจัดการกับความเครียด เสริมสร้างสุขภาพจิตที่ดี ปรับปรุงการนอนหลับและความสมดุล การฝึกโยคะเป็นประจำอาจเชื่อมโยงกับนิสัยการกินและการออกกำลังกายที่ดีขึ้น 3. โดยทั่วไปถือว่าโยคะเป็นกิจกรรมทางกายรูปแบบหนึ่งที่ปลอดภัยสำหรับผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรงเมื่อฝึกอย่างเหมาะสม อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับการออกกำลังกายในรูปแบบอื่นๆ การเล่นโยคะอาจทำให้คุณบาดเจ็บได้ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ ให้ฝึกโยคะภายใต้คำแนะนำของผู้สอนที่มีคุณสมบัติเหมาะสม การฝึกโยคะด้วยการศึกษาด้วยตนเองโดยไม่มีผู้ดูแลมีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น 4. โยคะอาจมีประโยชน์สำหรับเด็ก เป็นเครื่องมือในการจัดการความเครียดที่มีแนวโน้มดีสำหรับเด็ก และอาจเป็นประโยชน์สำหรับการลดน้ำหนักในเด็กที่มีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน และลดความวิตกกังวล 5. ด้วยข้อควรระวังที่เหมาะสม โยคะจึงปลอดภัยในระหว่างตั้งครรภ์ เป็นเรื่องปกติที่จะออกกำลังกายเมื่อคุณตั้งครรภ์ แต่ควรได้รับการประเมินจากผู้ให้บริการด้านสุขภาพเพื่อให้แน่ใจว่าการออกกำลังกายนั้นปลอดภัยสำหรับคุณ กิจกรรมบางอย่าง เช่น โยคะ อาจจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนระหว่างตั้งครรภ์ (เช่น หลีกเลี่ยงการนอนหงายเป็นเวลานาน) โยคะอาจมีประโยชน์ต่อสุขภาพสำหรับสตรีมีครรภ์ ซึ่งรวมถึงการลดความเครียด ความวิตกกังวล และภาวะซึมเศร้า ข้อมูล : nccih.nih.govภาพ : Pexels บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

‘โรคอ่อนเพลียเรื้อรัง’ อาการร้ายแรงระยะยาวจะส่งผลต่อร่างกายอย่างไรบ้าง

โรคอ่อนเพลียเรื้อรัง (CFS) เป็นโรคร้ายแรงระยะยาวที่ส่งผลต่อระบบต่างๆ ของร่างกาย มีอีกชื่อหนึ่งคือ myalgic encephalomyelitis/chronic fatigue syndrome (ME/CFS) CFS มักทำให้คุณไม่สามารถทำกิจกรรมตามปกติได้ บางครั้งอาจลุกจากเตียงไม่ได้ด้วยซ้ำ ‘โรคอ่อนเพลียเรื้อรัง’ อาการร้ายแรงระยะยาวจะส่งผลต่อร่างกายอย่างไรบ้าง สาเหตุกลุ่มอาการอ่อนเพลียเรื้อรัง (CFS) คืออะไรไม่ทราบสาเหตุของ CFS อาจมีมากกว่าหนึ่งสิ่งที่ทำให้เกิด เป็นไปได้ว่าตัวกระตุ้นสองตัวหรือมากกว่านั้นอาจทำงานร่วมกันเพื่อทำให้เกิดอาการป่วย ใครบ้างที่เสี่ยงต่อโรคอ่อนเพลียเรื้อรัง (CFS)ทุกคนสามารถรับ CFS ได้ แต่พบได้บ่อยที่สุดในผู้ที่มีอายุระหว่าง 40 ถึง 60 ปี ผู้หญิงวัยผู้ใหญ่มักมีมากกว่าผู้ชายวัยผู้ใหญ่ คนผิวขาวมีแนวโน้มที่จะได้รับการวินิจฉัยโรค CFS มากกว่าเชื้อชาติอื่น แต่หลายคนที่เป็นโรค CFS ยังไม่ได้รับการวินิจฉัย อาการอ่อนเพลียเรื้อรัง (CFS) อาจรวมถึง ความเหนื่อยล้าอย่างรุนแรงที่ไม่ดีขึ้นจากการพักผ่อน ปัญหาการนอนหลับ อาการไม่สบายหลังออกแรง (PEM) ซึ่งอาการของคุณจะแย่ลงหลังจากทำกิจกรรมทางร่างกายหรือจิตใจ ปัญหาเกี่ยวกับการคิดและสมาธิ ความเจ็บปวด อาการวิงเวียนศีรษะ CFS ไม่สามารถคาดเดาได้ อาการของคุณอาจเกิดขึ้นและหายไป อาจมีการเปลี่ยนแปลงเมื่อเวลาผ่านไป บางครั้งอาจดีขึ้น และบางครั้งอาจแย่ลง การวินิจฉัยโรคอ่อนเพลียเรื้อรัง (CFS) เป็นอย่างไรCFS อาจวินิจฉัยได้ยาก ไม่มีการทดสอบเฉพาะสำหรับ CFS และการเจ็บป่วยอื่นๆ อาจทำให้เกิดอาการคล้ายคลึงกันได้ ผู้ให้บริการดูแลสุขภาพของคุณต้องแยกแยะโรคอื่นๆ ก่อนทำการวินิจฉัยโรค CFS เขาหรือเธอจะทำการตรวจสุขภาพอย่างละเอียด รวมถึง: […]

โรคอารมณ์แปรปรวนตามฤดูกาล อาการซึมเศร้าประเภทหนึ่ง พบได้บ่อยในผู้หญิง

โรคอารมณ์แปรปรวนตามฤดูกาล (SAD) เป็นโรคซึมเศร้าประเภทหนึ่งที่เกิดขึ้นตามฤดูกาล โดยปกติจะเริ่มขึ้นในช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงและต้นฤดูหนาวและจะหายไปในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน บางคนมีอาการซึมเศร้าที่เริ่มในฤดูใบไม้ผลิหรือฤดูร้อน แต่ก็พบได้น้อยกว่ามาก อาการของโรคอารมณ์แปรปรวนตามฤดูกาล อาจรวมถึง ความเศร้า มุมมองที่มืดมน รู้สึกสิ้นหวัง ไร้ค่า และหงุดหงิดง่าย สูญเสียความสนใจหรือความสุขในกิจกรรมที่คุณเคยชอบ พลังงานต่ำ นอนหลับยากหรือนอนมากเกินไป ความอยากคาร์โบไฮเดรตและการเพิ่มน้ำหนัก ความคิดเรื่องความตายหรือการฆ่าตัวตาย โรคอารมณ์แปรปรวนตามฤดูกาล อาการซึมเศร้าประเภทหนึ่ง พบได้บ่อยในผู้หญิง โรคอารมณ์แปรปรวนตามฤดูกาล พบได้บ่อยในผู้หญิง คนหนุ่มสาว และผู้ที่อาศัยอยู่ห่างไกลจากเส้นศูนย์สูตร นอกจากนี้ คุณยังมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคอารมณ์แปรปรวนตามฤดูกาล หากคุณหรือสมาชิกในครอบครัวมีอาการซึมเศร้า ไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของ โรคอารมณ์แปรปรวนตามฤดูกาล นักวิจัยพบว่าผู้ที่มีภาวะ SAD อาจมีความไม่สมดุลของสารเซโรโทนิน ซึ่งเป็นสารเคมีในสมองที่ส่งผลต่ออารมณ์ของคุณ ร่างกายของพวกเขายังสร้างเมลาโทนินมากเกินไป ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ควบคุมการนอนหลับ และวิตามินดีไม่เพียงพอ การรักษาหลักสำหรับโรคอารมณ์แปรปรวนตามฤดูกาล คือการบำบัดด้วยแสง แนวคิดเบื้องหลังการบำบัดด้วยแสงคือการแทนที่แสงแดดที่คุณพลาดไปในช่วงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว คุณนั่งอยู่หน้ากล่องบำบัดด้วยแสงทุกเช้าเพื่อรับแสงประดิษฐ์ที่สว่างสดใสทุกวัน แต่บางคนที่เป็นโรคอารมณ์แปรปรวนตามฤดูกาล ไม่ตอบสนองต่อการบำบัดด้วยแสงเพียงอย่างเดียว ยาต้านอาการซึมเศร้าและการบำบัดด้วยการพูดคุยสามารถลดอาการโรคอารมณ์แปรปรวนตามฤดูกาลได้ทั้งแบบเดี่ยวหรือร่วมกับการบำบัดด้วยแสง ข้อมูล : NIH สถาบันสุขภาพจิตแห่งชาติภาพ : Pexels บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

3 ประเภท ‘โรคการกินผิดปกติ’ ปัญหาสุขภาพจิตและกายที่ร้ายแรง บางครั้งถึงชีวิต

ถามว่า โรคการกินผิดปกติ มีจริงหรือ? คืออะไร? ความผิดปกติของการกินเป็นโรคทางสุขภาพจิตที่ร้ายแรง เป็นปัญหาที่เกี่ยวกับความคิด และพฤติกรรมการกิน คืออาจกินน้อยกว่าหรือมากกว่าที่ต้องการเสมอ สิ่งเหล่านี้ส่งผลต่อความสามารถของร่างกายในการรับสารอาหารที่เหมาะสม นำไปสู่ปัญหาสุขภาพ เช่น ปัญหาเกี่ยวกับหัวใจและไตหรือบางครั้งอาจถึงแก่ชีวิตได้ แต่มีการรักษาที่สามารถช่วยได้ โรคการกินผิดปกติ มีกี่ประเภท? ความผิดปกติของการกินที่พบบ่อย ได้แก่ การกินมากเกินไป ซึ่งเป็นการกินที่ควบคุมไม่ได้ ผู้ที่เป็นโรคการกินมากเกินไปยังคงกินต่อไปแม้จะอิ่มแล้วก็ตาม พวกเขากินบ่อยจนรู้สึกอึดอัดมาก หลังจากนั้นมักจะมีความรู้สึกผิด อับอาย และทุกข์ใจ การกินมากเกินไปบ่อยเกินไปอาจทำให้น้ำหนักขึ้นและเป็นโรคอ้วนได้ โรคการกินมากเกินไปเป็นโรคการกินที่พบได้บ่อยที่สุดในสหรัฐอเมริกา Bulimia Nervosa ผู้ที่เป็นโรคบูลิเมีย เนอร์โวซา จะมีช่วงเวลากินมากเกินไป แต่หลังจากนั้นก็กำจัดด้วยการทำให้อาเจียนหรือใช้ยาระบาย พวกเขาอาจออกกำลังกายมากเกินไปหรือเร็วเกินไป ผู้ที่เป็นโรคนี้อาจมีน้ำหนักน้อย น้ำหนักปกติ หรือน้ำหนักเกินเล็กน้อย อาการเบื่ออาหาร (Anorexia Nervosa) ผู้ที่มีอาการเบื่ออาหาร หลีกเลี่ยงอาหาร จำกัดอาหารอย่างรุนแรง หรือกินอาหารบางชนิดในปริมาณที่น้อยมาก พวกเขาอาจมองว่าตัวเองมีน้ำหนักเกิน แม้ว่าพวกเขาจะมีน้ำหนักน้อยจนเป็นอันตรายก็ตาม Anorexia Nervosa เป็นโรคที่พบได้น้อยที่สุดในบรรดาโรคการกินทั้งสามชนิด แต่มักเป็นโรคที่ร้ายแรงที่สุด มีอัตราการเสียชีวิตสูงที่สุดในบรรดาโรคทางจิตใดๆ สาเหตุการกินผิดปกติคืออะไรไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงของความผิดปกติของการกินอาหาร นักวิจัยเชื่อว่าความผิดปกติของการกินเกิดจากปฏิสัมพันธ์ที่ซับซ้อนของปัจจัยต่างๆ ซึ่งรวมถึงปัจจัยทางพันธุกรรม ชีวภาพ พฤติกรรม จิตวิทยา และสังคม ใครบ้างที่เสี่ยงเป็นโรคการกินผิดปกติทุกคนสามารถเป็นโรคการกินผิดปกติได้ แต่จะพบได้บ่อยในผู้หญิง ความผิดปกติของการกินอาหารมักเกิดขึ้นในช่วงวัยรุ่นหรือวัยหนุ่มสาว แต่ผู้คนยังสามารถพัฒนาได้ในช่วงวัยเด็กหรือช่วงหลังของชีวิต 1. อาการของการกินมากเกินไป การกินอาหารในปริมาณมากผิดปกติในระยะเวลาที่กำหนด เช่น 2 ชั่วโมง กินได้แม้ไม่หิว กินเร็วในช่วงที่ดื่มมาก กินกันจนอิ่มหนำสำราญ กินคนเดียวหรือในที่ลับเพื่อหลีกเลี่ยงความอับอาย รู้สึกเป็นทุกข์ ละอายใจ หรือรู้สึกผิดเกี่ยวกับการกินอาหารของตัวเอง […]

เรื่องสุขภาพประมาทไม่ได้! แพทย์เตือนคนรุ่นใหม่ ออกกำลังกาย ต้องรู้ถึงขีดจำกัดร่างกายตัวเอง

อย่างที่เห็นกันตามข่าวอยู่ทุกวัน ทั้งนักกีฬา นักวิ่ง ที่สุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ดี จู่ๆ ก็เสียชีวิตแบบไม่ทันตั้งตัว นักเดินทางชาวไทยที่ชื่นชอบการเดินป่า ปีนเขาที่พากันไปเสียชีวิตกันที่เทือกเขาหิมาลัย ประเทศเนปาล หรือคุณหมอที่ยังหนุ่มยังแน่นตรวจพบโรคร้ายในร่างกาย ตำรวจหนุ่มกล้ามโต หรือแม้แต่เทรนเนอร์ฟิตเนสที่ชอบ ออกกำลังกาย เป็นประจำเองก็ตาม แม้จะดูแลสุขภาพร่างกายมากขนาดไหน ก็ไม่สามารถรู้ได้เลยว่าในร่างกายมีโรคร้ายอะไรซ่อนอยู่  แพทย์เตือนคนรุ่นใหม่ ออกกำลังกาย ต้องรู้ถึงขีดจำกัดร่างกายตัวเอง ปัจจุบันโลกกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุและเกิดโรคระบาดแปลกใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน ทำให้คนส่วนใหญ่หันมาใส่ใจดูแลตัวเองมากขึ้นจนกลายเป็นเทรนด์สุขภาพ เพราะไม่อยากเจ็บป่วยด้วยโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ จนทำให้คนหันมาให้ความสนใจ Healthcare and Wellness อย่างมีนัยยะสำคัญ เพราะโรคภัยเหล่านี้หากรู้ตัวก่อนก็สามารถป้องกันได้ แต่ทว่าหนึ่งในโรคที่คนเสียชีวิตมากจนน่าตกใจ ก็คือ NCDs โรคติดต่อไม่เรื้อรัง ไม่ร้ายแรง แต่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการใช้ชีวิตหลายสิ่งหลายอย่าง ที่ปฏิบัติซ้ำๆ มาเป็นเวลานาน เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ซึ่งก็อาจจะมาจากน้ำหนักตัวที่ค่อนข้างเยอะ การบริโภคอาหารที่มีไขมันสูง การสูบบุหรี่ การกินอาหารที่มีรสเค็มมากๆ และอาจจะเกิดจากพันธุกรรม หรือกรรมพันธุ์  ซึ่งบางทีปัจจัยเหล่านี้ ก็จะส่งผลให้เกิดโรคต่างๆ ขึ้นในระยะเวลาที่แตกต่างกัน บางคนก็อาจจะเกิดจากปัจจัยหลายอย่างเป็นตัวเร่ง ทำให้เกิดอาการของโรคได้เร็วยิ่งขึ้น ซึ่งบางทีปัจจัยเหล่านี้ก็จะมีผลต่อการเร่งให้เกิดโรคต่างๆ ได้ในระยะเวลาที่แตกต่างกัน  คุณหมอแอร์–นพ.อกนิษฐ์ ศรีสุขวัฒนา แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านอายุรศาสตร์ อนุสาขาอายุรศาสตร์โรคหัวใจ กล่าวว่า “บางคนใช้ชีวิตแบบมีปัจจัยที่เป็นตัวเร่งหลายอย่าง ก็จะเกิดโรค พบอาการของโรคเร็วขึ้น บางครั้งบางคนก็มาเจอตอนที่อายุมากแล้ว […]

พฤติกรรมเสี่ยง ‘มะเร็งโคนลิ้น’ โรคร้ายที่พบไม่บ่อยในคนไทย

“มะเร็งโคนลิ้น” พบได้น้อยในไทยแต่มีแนวโน้มที่มากขึ้น แนะอย่าปล่อยลุกลาม สังเกตอาการกลืนลำบากเจ็บคอเวลากลืนอาหาร เลือดออกทางช่องปาก ปวดหู พูดเสียงเปลี่ยน มีก้อนที่คอ ควรรีบพบแพทย์ รู้จัก “มะเร็งโคนลิ้น” โรคร้ายที่พบได้ไม่บ่อยในคนไทย มะเร็งโคนลิ้น เป็นส่วนหนึ่งของมะเร็ง คอหอยส่วนปากหรือที่เรียกว่ามะเร็งคอหอยหลังช่องปาก มีแนวโน้มที่พบมากขึ้นในคนไทย ผู้ป่วยส่วนมากที่เป็นโรคนี้มักจะได้รับการวินิจฉัยในระยะลุกลามแล้ว จากข้อมูลของสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ พบว่า “มะเร็งโคนลิ้น” แม้ปัจจุบันจะพบได้น้อยในคนไทย แต่ก็พบว่ามีแนวโน้มที่จะพบมากขึ้นเรื่อยๆ โดยในแต่ละปีมีผู้ป่วยมะเร็งคอหอยส่วนปากรายใหม่ประมาณ 800 ราย ซึ่งถือว่าน้อยถ้าเทียบกับจำนวนผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่ทั้งหมด ประมาณ 140,000 ราย แต่ก็พบว่ามีแนวโน้มจะพบได้มากขึ้นเรื่อยๆ พฤติกรรมความเสี่ยงที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็งโคนลิ้น ได้แก่ การดื่มสุรา การสูบบุหรี่ เคี้ยวหมากร่วมกับใบยาสูบ และการติดเชื้อไวรัส Human papilloma virus (HPV) ซึ่งเป็นไวรัสที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ดังนั้น การมีคู่นอนหลายคนและการมีเพศสัมพันธ์ทางปากจึงอาจเป็นปัจจัยเสี่ยงโรคนี้ด้วย ผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงของโรคมะเร็งโคนลิ้นส่วนใหญ่เป็นเพศชายอายุ 50 ปีขึ้นไป แต่ผู้หญิงเองก็สามารถป่วยเป็นโรคนี้ได้เช่นกันหากมีพฤติกรรมเสี่ยงข้างต้น การตรวจวินิจฉัยโรคมะเร็งโคนลิ้น หากผู้ป่วยพบว่าตนเองมีอาการกลืนลำบาก เจ็บคอเวลากลืนอาหาร มีเลือดออกทางช่องปาก ปวดหู พูดเสียงเปลี่ยนหรือมีก้อนที่คอ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย […]

9 สัญญาณเตือน ‘โรคเบาหวาน’ ภัยเงียบที่มาแบบไม่รู้ตัว

โรคเบาหวาน (Diabetes Mellitus) เป็นภาวะที่ร่างกายมีปริมาณของน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ เกิดจากการขาดฮอร์โมนอินซูลิน หรือฮอร์โมนอินซูลินทำงานได้ลดลง ซึ่งในปัจจุบันสถานการณ์ของโรคเบาหวานยังน่าเป็นห่วง โดยสหพันธ์เบาหวานนานาชาติ (International Diabetes Federation) ได้คาดการณ์ไว้ว่า ภายในปี ค.ศ. 2045 จะมีผู้ป่วยโรคเบาหวานเพิ่มขึ้นเป็น 700 ล้านคนทั่วโลก จาก 463 ล้านคนในปี ค.ศ. 2019 และเพื่อให้คนทั่วโลกเล็งเห็นถึงความอันตรายของโรคเบาหวาน สหพันธ์เบาหวานนานาชาติจึงได้กำหนดให้วันที่ 14 พฤศจิกายน ของทุกปีเป็น “วันเบาหวานโลก” โดยในประเทศไทยโรคเบาหวานถือเป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ที่คนไทยเป็นมากถึง 4.8 ล้านคน และในหลายรายจะเกิดภาวะแทรกซ้อนตามมา โดยที่ผ่านมามีผู้ป่วยเพียง 35.6% เท่านั้นในผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยและดูแลจากผู้ป่วยทั้งหมดที่สามารถบรรลุเป้าหมายในการรักษา และมีผู้ป่วยมากกว่า 200 รายในแต่ละวันที่เสียชีวิตเพราะโรคเบาหวาน ดังนั้นการสังเกตสัญญาณเตือนโรคเบาหวานจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องใส่ใจ นพ.โองการ สาระสมบัติ อายุรแพทย์ผู้ชำนาญการโรคเบาหวาน ต่อมไร้ท่อ และเมตาบอลิสม โรงพยาบาลกรุงเทพ กล่าวว่า เบาหวานเป็นภัยเงียบที่มาแบบไม่รู้ตัว เพราะผู้ป่วยส่วนใหญ่มักไม่มีอาการ ดังนั้น ในผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวาน อาทิ ผู้ที่มีภาวะอ้วน […]

‘เชวาลา เวลเนส’ เมดิคัลฮับแห่งใหม่ที่ดูแลในทุกมิติของ Well-being อย่างแท้จริง

ปัจจุบันมีคนจำนวนไม่น้อยกำลังทำงานอย่างหนักและเหน็ดเหนื่อยไปกับการใช้ชีวิตในแต่ละวัน หลายคนก็ลืมหาเวลาให้กับตัวเอง ละเลยการดูแลสุขภาพจนร่างกายเริ่มส่งสัญญาณเตือน ปัญหาสุขภาพของคนยุคดิจิทัล คงจะหนีไม่พ้นอาการยอดฮิตอย่างเช่น การนอนหลับไม่สนิท อาการเบิร์นเอาต์ ภาวะเครียดสะสม ปวดหลังเรื้อรัง อาการปวดศีรษะจากความเครียด (Tension Headache) และไมเกรน เป็นต้น ซึ่งนับเป็นอาการที่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันทั้งสิ้น และหากไม่รีบหาทางแก้ไขโดยเร็ว โรคอื่นๆ ที่ร้ายแรงกว่า ก็อาจมาเยี่ยมเยือนได้โดยไม่รู้ตัว ด้วยความกังวลนี้ คนมากมายจึงเริ่มหันมาใส่ใจสุขภาวะทางกายและจิตใจเพื่อป้องกันโรคภัยก่อนถึงวันที่สาย เทรนด์เวลเนสและการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน (Preventive Healthcare) จึงเป็นที่พูดถึงอย่างมากตลอดหลายปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ เทคโนโลยีและบริการทางการแพทย์ที่ช่วยชาร์จพลังชีวิตให้กลับมาสดชื่นกระปรี้กระเปร่า ให้ร่างกายและจิตใจได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ ในชีวิตก็กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากใน\กลุ่มคนรักสุขภาพและการดูแลตนเอง เพื่อมอบประสบการณ์การดูแลสุขภาพที่ครบวงจร ตอบโจทย์คนยุคใหม่ที่ต้องการประสบการณ์พักผ่อนแบบออลอินวันที่ครบจบในทริปเดียว ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญชั้นนำของเมืองไทย นำโดยแพทย์หญิงรัตน์กวิน จิตตวัฒนรัตน์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญอายุรศาสตร์มะเร็งและศาสตร์ชะลอวัย จึงตั้งใจปั้น “เชวาลา เวลเนส หัวหิน (CHEVALA Wellness Hua Hin)” ให้เป็นเมดิคัลเดสติเนชันแห่งใหม่ล่าสุดใจกลางหัวหิน เพื่อมอบการดูแลร่างกายและจิตใจที่ตรงจุดแบบเฉพาะบุคคล (Personalized program) ที่เหนือกว่าด้วยการใช้นวัตกรรมทางการแพทย์ระดับ “เมดิคัล เกรด” ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิดตลอดทุกขั้นตอนการรักษา พร้อมเปิดมิติใหม่ของการดูแลสุขภาพที่เหนือระดับขั้นสุดด้วยการจับมือกับรีสอร์ทหรูติดทะเลระดับโลก “อินเตอร์คอนติเนนตัล หัวหิน […]

‘วัคซีนไข้หวัดใหญ่’ จำเป็นหรือไม่? และทำไมห้ามฉีดในผู้ที่แพ้ไข่

จากสภาวะอากาศที่แปรปรวนในปัจจุบัน ส่งผลให้การระบาดของไข้หวัดใหญ่มากขึ้น โดยไข้หวัดใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัส Influenza ที่กระจัดกระจายอยู่ในอากาศ เมื่อใดที่ภูมิคุ้มกันของเราอ่อนแอลงและได้รับเชื้อเข้าไปก็จะส่งผลให้เราป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ได้ ซึ่งวิธีการป้องจากการป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ที่ดีที่สุดคือการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ‘วัคซีนไข้หวัดใหญ่‘ จำเป็นหรือไม่? และทำไมห้ามฉีดในผู้ที่แพ้ไข่ แล้ววัคซีนไข้หวัดใหญ่จำเป็นหรือไม่ พญ.อนงนุช ชวลิตธำรง ได้ให้ข้อมูลเรื่องนี้ว่า วัคซีนไข้หวัดใหญ่ เป็นวัคซีนที่ฉีดเข้าร่างกายบริเวณต้นแขน เพื่อให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันโรคไข้หวัดใหญ่มากขึ้น โดยใช้เวลา 2 สัปดาห์ก่อนจะออกฤทธิ์ วัคซีนจะช่วยป้องกันการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ได้ 3-4 สายพันธุ์ ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่มีแนวโน้มจะแพร่ระบาดในช่วงนั้นๆ โดยทั่วไปไข้หวัดใหญ่มักมีอาการรุนแรงกว่าไข้หวัดและหายใน 5-7 วัน แต่การติดเชื้อในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หญิงมีครรภ์ ผู้มีโรคเรื้อรังในระบบทางเดินหายใจ โรคหัวใจเรื้อรัง ฯลฯ อาจมีอาการรุนแรง เกิดภาวะแทรกซ้อนทำให้มีอัตราการเสียชีวิตสูง ดังนั้น การฉีดวัคซีนป้องกันจะช่วยให้ลดการติดเชื้อสายพันธุ์ที่รุนแรง และลดอันตรายจากภาวะแทรกซ้อนได้ โดยเฉพาะในผู้ที่ภูมิคุ้มกันต่ำ ที่สำคัญ ควรเลือกฉีดวัคซีนชนิดที่เป็น 4 สายพันธุ์ เพื่อประสิทธิภาพที่ดีกว่า ใครบ้างควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ผู้สูงอายุ (อายุเกิน 65 ปี) ผู้มีโรคประจำตัวเรื้อรัง เช่น โรคหืด โรคหัวใจ โรคเบาหวาน […]

จริงหรือไม่? เป็น ‘เนื้องอกในมดลูก’ เพราะมีเลือดเกาะตัวเป็นลิ่มเลือด

ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลในสื่อออนไลน์เกี่ยวกับประเด็นเป็น เนื้องอกในมดลูก เพราะมีเลือดเกาะตัวเป็นลิ่มเลือด ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าข้อมูลดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ จริงหรือไม่? เป็น ‘เนื้องอกในมดลูก‘ เพราะมีเลือดเกาะตัวเป็นลิ่มเลือด จากกรณีมีการเผยแพร่ในสื่อออนไลน์เกี่ยวกับประเด็นเป็นเนื้องอกในมดลูกเพราะมีเลือดเกาะตัวเป็นลิ่มเลือด ทางกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ชี้แจงว่าสาเหตุการเกิดเนื้องอกในมดลูกที่ชัดเจนยังไม่ทราบแน่ชัด พบว่ามีปัจจัยที่เกิดจาก ฮอร์โมนเพศของสตรี, พันธุกรรม หรือตัวเร่งการเจริญเติบโตที่มีในร่างกาย (growth factor) ซึ่งโรคดังกล่าวส่วนใหญ่ทำให้สตรีมีอาการปวดท้องน้อย, ปวดประจำเดือน, เลือดออกผิดปกติ หรือคลำก้อนได้ที่ท้อง ดังนั้นภาวะเนื้องอกในมดลูกจึงไม่เกี่ยวกับการมีพิษเย็น, เลือดเป็นพิษ หรือเลือดเกาะตัวเป็นลิ่มเลือด การวินิจฉัย ทำได้โดยการตรวจร่างกายร่วมกับการตรวจภายใน และใช้อัลตร้าซาวด์ หรือเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ เพื่อช่วยในการวินิจฉัยที่แน่นอนฃ การรักษา มีทั้งการใช้ยาฮอร์โมนภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ รวมไปถึงการผ่าตัดในกรณีมีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ แนวทางการรักษาด้วยการฟอกเลือดที่มดลูกเพื่อให้ขนาดก้อนลดลงจึงเป็นข้อมูลที่เป็นเท็จ และไม่มีการรักษาเนื้องอกในมดลูกด้วยวิธีดังกล่าว สรุปคือ สาเหตุการเกิดเนื้องอกในมดลูก มีปัจจัยที่เกิดจากฮอร์โมนเพศของสตรี, พันธุกรรม หรือตัวเร่งการเจริญเติบโตที่มีในร่างกาย (growth factor) ดังนั้นภาวะเนื้องอกในมดลูกจึงไม่เกี่ยวกับการมีพิษเย็น, เลือดเป็นพิษ หรือเลือดเกาะตัวเป็นลิ่มเลือด ข้อมูล : กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุขภาพ : Pexels บทความอื่นๆ […]

‘น้ำตาลในเลือดสูง’ หนึ่งในสาเหตุอาการปลายนิ้วชา จะส่งผลร้ายแรงในอนาคตอย่างไร

แพทย์เตือน น้ำตาลในเลือดสูง หนึ่งในสาเหตุที่มีอาการปลายนิ้วชา พบบ่อยในผู้ป่วยเบาหวานมากกว่าผู้ที่ไม่เป็นโรคเบาหวาน จะส่งผลเสียร้ายแรงได้ในอนาคต ควรปรึกษาแพทย์ทันที ในปัจจุบัน สังคมไทยการใช้ชีวิตมีความตึงเครียด เร่งรีบ ความกดดันต่างๆ และสิ่งแวดล้อมที่เป็นอยู่ ทำให้คนไทยเน้นอาหารการกินที่ไม่ดีต่อสุขภาพเป็นหลัก โดยเฉพาะอาหารที่มีรสชาติหวาน ซึ่งสถิติในปี พ.ศ. 2560 ประเทศไทยมีผู้ที่เป็นเบาหวาน 4.4 ล้านคน มากขึ้นทุกช่วงอายุ มากเป็นอันดับ 4 รองจาก จีน อินเดีย ญี่ปุ่น ที่น่าเป็นห่วงพบในช่วงวัยรุ่นและวัยทำงาน ‘น้ำตาลในเลือดสูง‘ หนึ่งในสาเหตุอาการปลายนิ้วชา จะส่งผลร้ายแรงในอนาคตอย่างไร โรคเบาหวานมี 3 ประเภท คือ 1. เกิดจากตับอ่อนไม่สามารถผลิตฮอร์โมนอินซูลินได้ 2. เกิดจากการที่ตับอ่อนผลิตฮอร์โมนอินซูลินได้ไม่เพียงพอต่อการใช้ หรือเกิดภาวะการดื้ออินซูลิน 3. เบาหวานขณะตั้งครรภ์ นอกจากโรคเบาหวานทั้ง 3 ประเภทแล้วยังมีโรคเบาหวานที่พบได้ไม่บ่อย อย่างโรคเบาหวานที่เกิดจากกรรมพันธุ์หรือแบบโมโนเจนิก อีกทั้งยังมีโรคเบาหวานจากสาเหตุอื่นๆ เช่น การใช้ยา หรือเกิดจากโรคของตับอ่อนอักเสบ หากผู้ป่วยเบาหวานควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดสูงไม่ดีพอ ก็อาจจะเป็นต้นเหตุของโรคแทรกซ้อนต่างๆ ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายได้ ผู้ป่วยโรคเบาหวานอาจเกิดภาวะเสียหายกับเส้นประสาทบริเวณมือและเท้า นำไปสู่อาการชาปลายนิ้วบริเวณนิ้วมือ หรือนิ้วเท้าได้ […]

‘เบาหวานขึ้นตา’ ฝันร้ายของผู้ป่วยโรคเบาหวาน หากปล่อยไว้อาจสูญเสียการมองเห็น

คนไข้ที่เป็นเบาหวาน มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนได้หลายอาการ ซึ่งแต่ละคนจะมีปัจจัยเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่ไม่เหมือนกัน หนี่งในภาวะแทรกซ้อนของผู้ป่วยเบาหวานที่พบได้บ่อยคือ เบาหวานขึ้นตา ซึ่งทาง แพทย์หญิงปนียา ตปนียางกูร จักษุวิทยาต้อหิน ได้อธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ถึงอาการเบาหวานขึ้นตา แนวทางการรักษา และการปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะเบาหวานขึ้นตา “เบาหวานขึ้นตา” คำนี้หลายคนอาจเคยได้ยิน เพราะเป็นหนึ่งในภาวะแทรกซ้อน ของผู้ป่วยโรคเบาหวาน หากปล่อยให้มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงเป็นเวลานาน จะส่งผลให้หลอดเลือดฝอยเสื่อมทั่วร่างกาย รวมทั้งหลอดเลือดที่จอประสาทตา ทำให้เลือดและสารต่างๆ รั่วซึมออกมา ทำให้เส้นเลือดตรงจอประสาทตาได้รับความเสียหาย และผู้ป่วยเบาหวานมักจะสูญเสียดวงตาในภาวะแทรกซ้อนนี้ โดยภาวะเบาหวานขึ้นจอตา ก็มีวิธีการรักษาที่หลากหลาย แต่ถ้าเป็นถึงขั้นรุนแรงแล้ว อาจจะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้และจะสูญเสียการมองเห็นไปตลอดชีวิต อาการของภาวะ เบาหวานขึ้นจอตา ในช่วงระยะเริ่มแรกผู้ป่วยจะไม่มีอาการผิดปกติใดๆ มีจุดเลือดออกในจอตา มีน้ำรั่วในจอตา อาจทำให้จุดรับภาพชัดบวม เกิดเส้นเลือดงอกใหม่ทำให้ เลือดออกในน้ำวุ้นตา จอประสาทตาหลุดลอก การป้องกันภาวะเบาหวานขึ้นจอตา ไม่กินอาหารที่มีแป้งมากเกินไป ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ควบคุมน้ำตาลและระดับน้ำตาลสะสม HbA1C น้อยกว่า 6.0 mg% ให้อยู่ในระดับปกติ (ระหว่าง 70-100 mg/dL) การรักษาภาวะเบาหวานขึ้นจอตา หากผู้ป่วยเป็นในระยะแรก แพทย์จะให้ผู้ป่วยควบคุมระดับน้ำตาลให้อยู่ในระดับปกติ การใช้แสงเลเซอร์ ใช้ในระยะที่เลือดออกในตายังไม่มาก ฉีดยาเข้าไปในดวงตา ในกรณีผู้ป่วยจอประสาทตาบวม เพื่อลดการบวมของจอประสาทตา การผ่าตัด ในกรณีผู้ป่วยมีเลือดเต็มจอประสาทตาหรือจอประสาทตาหลุดลอก แต่หากปล่อยทิ้งไว้นานๆ ข่าวร้ายก็คืออาจไม่สามารถรักษาให้ดวงตากลับมาเป็นปกติได้ ข้อมูล […]

keyboard_arrow_up