ปั้นหุ่นแซ่บ

ปั้นหุ่นแซ่บ มากแม่ ‘เจง’ ภรรยาพีท ทองเจือ ลูกสามแล้ว ซิกซ์แพ็คยังมาสถิต!

ปั้นหุ่นแซ่บ
ปั้นหุ่นแซ่บ

ปั้นหุ่นแซ่บ สิจ๊ะ รออะไร! กว่า คุณแม่หุ่นแซ่บ จะปั้นได้ขนาดนี้ ‘เจง’ วิไลลักษณ์ ทองเจือ ภรรยาพีท นักแสดงและนักแข่งรถมือทอง เล่าให้ ‘แพรวดอทคอม’ ฟังว่ากว่าจะปั้นซิกซ์แพ็ค ปั้นก้นได้ขนาดนี้ ต้องมีวินัยและใส่ใจหนักมาก

ปั้นหุ่นแซ่บ

 

 เพราะสมัยก่อนเธอไม่ได้หุ่นดีอย่างทุกวันนี้นะ ตอนเรียนที่ออสเตรเลียอ้วนมาก น้ำหนัก 56 กิโลฯจ้า ไม่เคยออกกำลังกายเลย เพราะอยู่ที่โน่นไม่เห็นจะอ้วนเลย จนกลับมาเมืองไทย ทำไมมีแต่คนผอมๆ จึงเป็นจุดเริ่มให้ออกกำลังกายเล็กๆ ขอแค่น้ำหนักลงนิดหน่อยก็พอใจแล้ว สมัยแต่งงานกับพีท น้ำหนักราวๆ 49-50 กิโลฯ แต่หุ่นไม่เฟิร์มเลย จนเมื่อปีที่แล้ว จึงเริ่มออกกำลังกายจริงจัง ด้วยเหตุผลว่า

“พออายุมากขึ้น อยากมีสุขภาพแข็งแรง อยู่กับลูกนานๆ ไม่อยากเจ็บป่วย หรือตอนแก่แล้วต้องเจ็บออดๆ แอดๆ ให้ลูกดูแล บวกกับเจงเรียนพิลาทีส จึงเริ่มออกกำลังกายจริงจัง นอกจากสนุกแล้ว ยังเป็นการท้าทายตัวเองด้วย เพราะเราอยากเห็นกล้ามเนื้อสวยๆ มีซิกซ์แพค รูปร่างสวยๆ

ปั้นหุ่นแซ่บ

“ผู้หญิงเรา ถึงจะมีครอบครัวหรือมีลูกแล้ว เราก็ไม่ควรหยุดดูแลตัวเองนะ คนอื่นจะเห็นหรือไม่เห็นว่ารูปร่างเราดีขนาดไหนก็ตาม แต่การที่เรามีหุ่นสวย ก็เป็นความภูมิใจของเราเอง ที่อายุขนาดนี้แล้ว ยังสามารถดูแลตัวเอง ออกกำลังกายจนได้หุ่นขนาดนี้

พอเรามีความภูมิใจในตัวเองแล้ว จะทำให้อย่างอื่นตามมาด้วย (หัวเราะคิกคัก) คือ สามีภูมิใจว่าภรรยาอายุเยอะ มีลูกตั้งเยอะแล้ว แต่ยังดูแลรูปร่างตัวเองได้ดีขนาดนี้

ปั้นหุ่นแซ่บ

“ที่ผ่านมา มักมีแฟนคลับหรือคนที่ตามไอจีถามตลอดว่า เจงทำอย่างไร ทำไมหน้าท้องสวย หรือทำไมพี่เจงยังหุ่นดีอยู่เลย จนลูกๆ บอกว่าเจงน่าจะทำคลิปแนะนำการดูแลตัวเองสั้นๆ ก็เลยทำติ๊กต๊อกโพสต์ไอจี แนะนำการออกกำลังกายง่ายๆ ถ้าทำแล้วได้ผลตอบรับดี อาจทำเป็นแชนแนลในยูทู้บต่อไป ซึ่งเราก็สนุกที่จะทำด้วย เพราะเจงศึกษาหาความรู้แล้วมาแบ่งปัน

ปั้นหุ่นแซ่บ

“มีหลายคนที่อยากออกกำลังกาย แต่บอกว่าไม่มีเวลา เหนื่อย ขี้เกียจขับรถไปยิม เพราะฉะนั้นเอา แบบที่เจงทำนี่แหละ ไม่ต้องออกไปไหน ไม่ต้องมีชุดออกกำลังกาย แค่เสื่อผืนเดียว โทรศัพท์มือถือ เปิดทำตามเจงนี่แหละ ถ้าตั้งใจและมีวินัย ทำได้แน่นอน”

ปั้นหุ่นแซ่บ

พร้อมกันนี้เธอยังแนะเคล็ดลับปั้นหุ่นเผ็ชชช หุ่นแซ่บ ไว้ด้วยนะ โดยเฉพาะการใส่ใจรายละเอียดของสิ่งที่กินนี่แหละ… สำคัญ!

1.อาหารเป็นส่วนสำคัญมาก ก่อนเอาอะไรเข้าปาก ต้องคิดนิดหนึ่ง เช่น ในมื้ออาหารต้องมีผัก จนพี่พีทแอบมีรำคาญนิดๆ ;)) ว่า ถ้าไม่มีผัก เจงจะหงุดหงิด และต้องหาผักมาทานให้ได้ ซึ่งอันนี้เป็นนิสัยส่วนตัวการทานอาหาร เพราะเจงจะทานผักก่อนทานแป้ง พออิ่มแล้วจะทำให้ทานแป้งได้น้อยลง

2.การทานอาหารไม่จำเป็นต้องทาน 3 มื้อ แต่ห้ามอด เจงเลือกทานโปรตีนและผักเยอะๆ ทานเท่าที่เราอิ่ม

3.ไม่ทานแป้งขัดขาว

4.ไม่ทานหลัง 6 โมงเย็น

ปั้นหุ่นแซ่บ

5.ขนม หรือ ชานมไข่มุก เป็นสิ่งที่ชอบมาก แต่เจงดื่มแค่พอหายอยาก และสั่งชานมไข่มุก ใส่นมสดล้วน หวานน้อย เพื่อลดแคลอรี่ อร่อยน้อยหน่อย ดีกว่าไม่ได้ทานเลย ไข่มุกก็ทานนะ แต่ไม่ทานหมดแก้ว อย่าเสียดาย เพราะเวลาเอาออก มันยากกว่าความเสียดาย หรือถ้าซื้อขนมปังหรือขนมเค้กมา จะแบ่งทานครั้งละนิดหน่อย และเก็บที่เหลือไว้ทานวันต่อไป ได้ทานน้อยหน่อย ดีกว่าไม่ได้ทานเลย

6.เจงไม่ทานอาหารคลีน เพราะการหาอาหารคลีนทานไม่ใช่เรื่องง่าย อะไรที่ฝืนมักทำได้ไม่นาน แต่เจงใส่ใจขั้นตอนปรุงอาหารเป็นหลัก เช่น ถ้าอยากทานผัดกะเพราหมูสับ จะบอกคนทำว่าไม่ใส่น้ำมัน แต่ใช้น้ำ หรือถ้าต้องทอด เจงจะใช้สเปรย์น้ำมันเพื่อไม่ให้ติดกระทะ แทนการเทน้ำมันจากขวด ไม่อร่อยเท่าไหร่ แต่ดีกว่าไม่ได้ทาน

ปั้นหุ่นแซ่บ

การระมัดระวังเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ทำให้จากเดิมที่เคยมีน้ำหนัก 49-50 กิโลฯ เอว 26-27 นิ้ว ลดลงมาเป็น 47 กิโลฯ เอว 24 นิ้ว ซึ่งเธอบอกว่า

“ความมีวินัยเป็นสิ่งสำคัญ และควรทำให้เป็นนิสัย ปรับวิธีคิดของตัวเรา แล้วจะทำทุกอย่างได้โดยไม่รู้สึกฝืน ซึ่งช่วยควบคุมน้ำหนักได้ถาวรมากกว่า”

ภาพ : https://www.instagram.com/seyamiya/

ติดตามอ่านเรื่องราวอื่นๆ เพิ่เติมได้ที่

หุ่นแซ่บมัดใจ! มิกกี้-อัลภาชน์ ไม่หวงเคล็ดลับ บอกละเอียดยิบ อยากหุ่นดีต้องทำยังไง

ดูม มาจาเล่ ดูม! แม่มาแล้ว ทาทา ยัง สวยเซี้ยะ กลับมาทวงบัลลังก์หุ่นแซ่บ

ทำงานทั้งวันก็ฟิตได้! โค้ชแม้ด แชร์ทริคลดน้ำหนักให้สาวออฟฟิศบิ้วหุ่นแซ่บ

เกิดเป็นชายใครว่าสบาย! ถอดเสื้อวัดซิกแพค พระเอกหุ่นแซ่บ กับเส้นทางกว่าจะล่ำไม่ใช่ง่ายๆ

รูปร่างดีเงินซื้อไม่ได้ต้องทำเอง! แชร์เคล็ดลับหุ่นแซ่บของ7สาวหวานใจไฮโซ

อาหารตาดีต่อใจ เปิด 7 หนุ่มคนดัง เห็นหน้าใสๆ แบบนี้ แต่หุ่นแซ่บเว่อร์

อายุเป็นเพียงตัวเลข แอน สิเรียม ในวัย 45 ปี โชว์หุ่นแซ่บสุดเซ็กซี่ สวยเป๊ะไม่มีเปลี่ยน!

สาวอ้วนก็สวยได้ Vivian Kim นางแบบพลัสไซส์ชาวเกาหลีใต้ อวดหุ่นแซ่บสะเทือนแผง!

ข้อดีและข้อเสียของการกินอาหารรสเผ็ดจัด

ปิ่น เก็จมณี ปีนเก็บมะม่วงท่ายาก! ยามอยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติ

เปิดลิสต์ 8 ไอเท็ม บำรุงผิวรอบดวงตา อาวุธลับช่วยให้ดวงตาที่เหนื่อยล้าดูมีชีวิตชีวา

กักตัวอยู่บ้านอย่างมีคุณภาพกับ 4 เคล็ดลับสุขภาพดี ปรับกายและใจให้สมดุลกัน

สู้วิกฤติโควิด-19!Serve to Safe ฝีมือเชฟโรงแรมห้าดาว อิ่มอร่อยส่งถึงบ้าน

เจนี่ แชร์เทคนิคคืนหุ่นเฟิร์ม และผิวเนียนสวยมีเลือดฝาด หลังคลอดน้องโนล่า

3 กลุ่ม อาหารเสริม ที่อาจพบยาต้องห้าม เสี่ยงทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ

ชอบถ่ายรูปตัวเองตอนท้อง เนย โชติกา อวดท้องกลมในชุดว่ายน้ำริมทะเล

เปิดตัวแฟน ‘หนูดี’ วนิษา เรซ เป็นถึงดอกเตอร์สแตนฟอร์ด

ชีวิตสุดหรูของ เทียน เหงียน ไฮโซสาวสุดแซ่บชาวเวียดนาม ที่ติดเชื้อ โควิด-19

เปิดทริคลดหุ่นจาก ซูบิน ที่ยังกินโชว์เหมือนเดิม แต่น้ำหนักกลับลดฮวบ 30 กว่าโล

จากสาวชาววังสู่วิถีแห่งโลกดิจิตัล HARNN Organic Face Oil ออยล์บำรุงผิวอ่อนเยาว์ที่แม่พลอยต้องกดเลิฟ บิวตี้บล็อกเกอร์ต้องตกหลุมรัก!!!

อินหรือเอ้าท์! อัพเดท เทรนด์แต่งหน้า สไตล์ 2020 บวกทริคแต่งแบบเดย์แอนด์ไนท์

ปีที่แสนเศร้า แทยอน Girls Generation สูญเสียคุณพ่อในวันเกิดของเธอ

ส่อง! บ้านหรู รังรัก จัสติน-เฮลีย์ แมนชั่นระดับลักชัวรี่ในเบเวอร์ลีฮิลส์

แจกสูตรอาหาร! 5 เมนูลักชัวรี่ อิ่มเอมอย่างหรูหรา ครีเอทโดยเชฟ ปีเตอร์ คูรูวิต้าร์

อ่อนหวานบนความหรูหรา ตามส่องชุดเจ้าสาว เก๋ ชลลดา นางฟ้าของน้องหมา

 

เส้นทางที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบของ สมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะ แห่งญี่ปุ่น

account_circle

เส้นทางที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบของ มาซาโกะ โอวาดะ (สมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะ) จากข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ สู่การเป็นสมเด็จพระจักรพรรดินีแห่งญี่ปุ่น

กว่าที่ สมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะ จะก้าวขึ้นมาเป็นแม่ของแผ่นดินญี่ปุ่นนั้น ต้องบอกเลยว่าพระองค์ทรงเจอกับแรงกดดันหลายๆ อย่าง ซึ่งอย่างที่ทราบกันดีว่า เมื่อครั้งที่พระองค์ยังเป็นเจ้าหญิงมาซาโกะแห่งญี่ปุ่นนั้น ได้ทรงล้มป่วยเนื่องจากความเครียดหลังจากที่เสกสมรส และเข้ามาเป็นสะใภ้หลวงได้ไม่นาน

สมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะ

จากหญิงสาวสามัญชนเมื่อมาร่วมชีวิตกับมงกุฎราชกุมารแห่งญี่ปุ่น ความกดดันที่ถูกคาดหมายให้มีโอรส และชีวิตที่ต้องอยู่ภายใต้ขนบธรรมเนียมอันเข้มงวด สมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะจึงเกิดความเครียดถึงขั้นส่งผลต่อร่างกาย ทำให้พระองค์ต้องเก็บตัว งดออกงานพิธีใดๆ เป็นเวลานานหลายปี

แต่เหมือนทุกอย่างจะดีขึ้นเรียกได้ว่าเป็นฟ้าหลังฝนพระองค์เลยก็ว่าได้ เมื่อในเดือนเมษายน ปี 2014 พระองค์ได้เสด็จฯ ไปเยือนต่างประเทศเป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปี หลังจากนั้นสมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะก้ทรงมีพระพลานามัยแข็งแรงขึ้นตามลำดับ ว่ากันว่าบุคคลสำคัญที่มีส่วนในการโน้มน้าวให้พระองค์ทรงยอมเสด็จฯ เยือนต่างประเทศในครั้งนั้นคือ สมเด็จพระราชินีนาถแม็กซิม่าแห่งเนเธอร์แลนด์

ตัวตนของ สมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะ

สมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะทรงมีนามเดิมว่า มาซาโกะ โอวาดะ เป็นบุตรีคนโตของนางยูมิโกะ เอกาชิร่า และนายฮิซาชิ โอวาดะ นักการทูตระดับสูงและอดีตประธานตุลาการศาลระหว่างประเทศ

ในวัยเด็ก เด็กหญิงมาซาโกะต้องติดตามบิดาไปใช้ชีวิตอยู่ในมอสโควและนิวยอร์ก เพราะบิดาถูกส่งไปรับตำแหน่งที่นั่น ก่อนกลับมาอยู่ญี่ปุ่นประมาณ 8 ปี แล้วไปเข้าเรียนไฮสคูลที่บอสตัน สหรัฐอเมริกา เนื่องจากบิดาได้รับเชิญเป็นศาสตราจารย์ทางกฎหมายระหว่างประเทศ ที่ศูนย์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของมหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ด

นอกจากมีผลการเรียนอยู่ในเกณฑ์ดีแล้ว มาซาโกะยังเป็นนักกิจกรรมด้วย สมัยเรียนมัธยมเธอเป็นประธาน National Honor Society อยู่ทีมคณิตศาสตร์ เข้าชมรมภาษาฝรั่งเศส อยู่ทีมซอฟท์บอลของโรงเรียน เคยได้รางวัลจากการประกวดแต่งกลอนภาษาเยอรมัน และยังมีส่วนร่วมในการผลิตซีรีส์ดังอย่าง M*A*S*H* อีกด้วย

มาซาโกะได้ทุนการศึกษาเข้าเรียนเศรษฐศาสตร์ที่ฮาร์วาร์ด หลังเรียนจบมัธยมบิดาของเธอได้รับตำแหน่งให้ไปประจำที่มอสโคว์ ครอบครัวตัดสินใจให้เธออยู่ที่บอสตันเพื่อเรียนต่อ โดยอยู่ในการดูแลของ โอลิเวอร์และบาร์บาร่า โอลด์แมน ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของบิดาสมัยเรียนฮาร์วาร์ด

มาซาโกะได้เป็นประธาน Japan Society ของฮาร์วาร์ด และนี่เองทำให้เธอได้เพื่อนสนิทซึ่งต่อมาได้เป็นกงสุลญี่ปุ่นในบอสตัน ช่วงปิดภาคเรียนมาซาโกะชอบเล่นสกีและเดินทางไปต่างประเทศ เธอพักกับครอบครัวหนึ่งในฝรั่งเศส และเรียนภาษาเยอรมันที่สถาบันเกอเธ่

หลังจากเรียนจบมาซาโกะกลับมาญี่ปุ่น เข้าเรียนกฎหมายที่มหาวิทยาลัยโตเกียวเพื่อเตรียมตัวสอบบรรจุเข้ากระทรวงการต่างประเทศ จากผู้สมัครทั้งหมด 800 คน สอบผ่านเพียง 28 คน เป็นผู้หญิง 3 คน และ 1 ใน 3 นั้นคือมาซาโกะ ด้วยความมุ่งมั่นขยันและความได้เปรียบด้านภาษา ทำให้มาซาโกะโดดเด่นและเป็นที่รักใคร่ของเพื่อนร่วมงาน ในยามว่างเธอก็ไปเข้าคลาสเรียนทำอาหาร ทำให้เธอสามารถทำอาหารญี่ปุ่นต้อนรับแขกชาวต่างชาติได้เป็นอย่างดี

สองปีต่อมา มาซาโกะได้รับเลือกจากกระทรวงต่างประเทศให้ไปศึกษาต่อปริญญาโทในต่างประเทศ โดยทางกระทรวงจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด เหมือนที่บิดาของเธอเคยได้รับมาก่อน มาซาโกะต้องการกลับไปเรียนปริญญาโทที่ฮาร์เวิร์ดมาก แต่ฝ่ายบริหารของฮาร์เวิร์ดไม่รับรองการลงเรียนที่มหาวิทยาลัยโตเกียวของเธอ ดังนั้นมาซาโกะจึงหันไปทางเลือกที่สองคือ ลงเรียนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ Balliol College ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัยอ็อกซฟอร์ด ประเทศอังกฤษ และเดินทางกลับญี่ปุ่นในปี 1990 โดยที่ยังทำวิทยานิพนธ์ไม่เสร็จ

เส้นทางรักที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ

ในปี 1986 มาซาโกะพบกับสมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะครั้งแรกในงานเลี้ยงน้ำชาแด่ เจ้าหญิงเอเลน่า พระธิดาองค์โตในกษัตริย์ฮวน คาลอส แห่งสเปน ขณะนั้นมาซาโกะกำลังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยโตเกียว สมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะ ซึ่งตอนนั้นดำรงตำแหน่งเป็นมงกุฎราชกุมารทรงประทับใจในตัวเธอตั้งแต่แรกพบเลยทีเดียว หลังจากนั้นอีก 2-3 สัปดาห์ต่อมาก็ได้มีการจัดให้ทั้งสองพบกันอีกหลายครั้ง ด้วยเหตุนี้เองทั้งสองจึงถูกสื่อมวลชนเชียร์และตามติดอย่างหนักตลอดปี 1987 เลยทีเดียว

สมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะ

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีแรงเชียร์มากมาย แต่ใช่ว่าความรักจะราบรื่นไปด้วย เพราะชื่อของมาซาโกะไม่อยู่ในรายชื่อสาวที่อาจได้เป็นสะใภ้หลวง เนื่องจากเรื่องอื้อฉาวในอดีตที่ ยูตากะ เอกาชิร่า คุณตาของเธอเข้าไปเกี่ยวพันด้วย สมัยที่ยูตากะทำงานที่ Industrial Bank of Japan ได้รับมอบหมายให้เข้าดูแลจัดการบริษัทแห่งหนึ่งไม่ให้ประสบภาวะล้มละลาย ซึ่งบริษัทนี้ได้ทิ้งสารปรอทใช้แล้วลงในแหล่งน้ำรอบเมืองมินามาตะ ทำให้เกิดโรคมินามาตะที่เป็นข่าวอื้อฉาวไปทั่ว

นอกจากเรื่องอื้อฉาวนี้ มาซาโกะยังเดินทางไปเรียนต่อที่อังกฤษ 2 ปี แต่สมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะก็ยังทรงสนพระทัยในตัวเธอไม่เปลี่ยนแปลง

ต่อมาเมื่อสมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะทรงขอมาซาโกะแต่งงาน เธอก็ปฏิเสธถึงสองครั้ง เพราะการแต่งงานจะบีบบังคับให้เธอละทิ้งอาชีพทางการทูตที่เธอยึดมั่น และจำกัดสิทธิเสรีภาพของเธออย่างรุนแรง

ในที่สุดมาซาโกะก็ยอมตอบตกลงเมื่อสมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะทรงขอเธอเป็นครั้งที่สาม โดยพระองค์ยืนกรานกับเธอว่า การเป็นเจ้าหญิงแห่งญี่ปุ่นคือ “การทูตในอีกรูปแบบหนึ่ง” สำนักพระราชวังมีแถลงการณ์ถึงพิธีเสกสมรสซึ่งจะจัดขึ้นในปีถัดมา (9 มิ.ย. 1993) ท่ามกลางความประหลาดใจของสาธารณชน เพราะส่วนใหญ่เชื่อว่าทั้งสองไม่ได้คบหากันแล้ว

ความเครียดรุมเร้า

สมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะทรงเก็บตัวไม่ออกสู่สาธารณชนมาตั้งแต่ปี 2002 ตามรายงานข่าวบอกว่า อันเนื่องมาจากสภาพจิตใจที่ได้รับผลกระทบจากความกดดันให้มีรัชทายาทเพศชาย และชีวิตที่ต้องอยู่ในกรอบของธรรมเนียมปฏิบัติ สองปีต่อมาพระองค์ถูกวินิจฉัยว่า ทรงมีปัญหาในการปรับตัวและกำลังหาวิธีรักษา

การเก็บเนื้อเก็บตัวของ สมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะ ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานา คนที่ไม่เข้าใจก็คิดว่า เจ้าหญิงทรงอู้งาน ไม่อยากเหนื่อยกับการประกอบพระกรณียกิจ จึงบอกว่าไม่สบายดื้อๆ บางคนก็ผิดหวังในตัวเจ้าหญิง เพราะเคยคิดว่าเจ้าหญิงคือคนรุ่นใหม่ เป็นหญิงสาวที่มีความรู้ความสามารถ อาจนำความเปลี่ยนแปลงมาสู่ราชวงศ์เก่าแก่ซึ่งเข้มงวดในเรื่องขนบธรรมเนียมประเพณี

สมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะทรงขอร้องให้สาธารณชนเข้าใจและเห็นใจพระชายาที่กำลังล้มป่วย พระองค์ตรัสว่า สมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะทรงอยู่ในภาวะที่ต้องการกำลังใจและความเข้าใจจากคนรอบข้าง ทรงขอร้องให้ทุกคนเฝ้ามองพระชายาด้วยใจกรุณาต่อไปอีกนานๆ

หากสาธารณชนไม่เข้าใจสมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะในตอนนั้น ก็เท่ากับว่าพระองค์ถูกกดดันทุกด้านทุกฝ่าย หันไปทางใดก็ไม่มีใครเข้าใจ

อย่างไรก็ตามในวันคล้ายวันประสูติครบ 49 ชันษา เมื่อเดือนธันวาคม ปี 2012 สมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะทรงมีแถลงการณ์ขอบคุณพสกนิกรชาวญี่ปุ่นที่เข้าใจให้กำลังใจพระองค์ และยืนยันว่ายังทรงรับการรักษาอยู่

ครั้งแรกในรอบ 11 ปี

เมื่อปลายปีที่แล้ว หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งของญี่ปุ่นรายงานว่า บุคคลที่มีส่วนสำคัญให้สมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะมีพระพลานามัยแข็งแรงขึ้นคือ สมเด็จพระราชินีนาถแม็กซิม่า แห่งเนเธอร์แลนด์

เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้วในการประชุมที่จัดขึ้นในนิวยอร์ก เจ้าชายวิลเล็ม-อเล็กซานเดอร์แห่งเนเธอร์แลนด์(ในขณะนั้น)ทรงพบกับสมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะ จึงถือโอกาสทูลเชิญเจ้าชายให้เสด็จฯ ร่วมพิธีราชาภิเษกของพระองค์ที่จะมีขึ้นในเดือนเมษายนที่เนเธอร์แลนด์

หลังจากนั้นเมื่อทราบว่า เชื้อพระวงศ์แห่งญี่ปุ่นทรงลังเลพระทัยที่จะเสด็จฯ มาร่วมงาน เจ้าหญิงแม็กซิม่าทรงต่อสายเป็นการส่วนพระองค์ถึงสมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะ เพื่อโน้มน้าวให้เจ้าหญิงเสด็จฯ มาร่วมพิธี และการสนทนานี้ได้ทำให้สมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะทรงมีความมั่นใจมากขึ้น

ในที่สุดเจ้าสมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะะก็ตัดสินพระทัยเสด็จฯ เยือนต่างประเทศเป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปี ด้วยการเสด็จฯ พร้อมด้วยสมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะไปร่วมพิธีราชาภิเษกของเจ้าชายวิลเล็ม-อเล็กซานเดอร์ ณ ประเทศเนเธอร์แลนด์

ราชวงศ์เนเธอร์แลนด์และราชวงศ์ญี่ปุ่นมีสายสัมพันธ์ที่แนบแน่นต่อกันมายาวนาน ในปี 2006 ซึ่งเป็นสองปีหลังจากที่เจ้าหญิงมาซาโกะถูกวินิจฉัยว่าล้มป่วยเนื่องจากมีปัญหาในการปรับตัว สมเด็จพระราชินีเบียทริกซ์ได้ทูลเชิญสมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะ สมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะ และพระธิดา เจ้าหญิงไอโกะ มาประทับพักผ่อนที่พระราชวังส่วนพระองค์ใน Apeldoorn เป็นเวลา 2 สัปดาห์

แหล่งข่าวให้ความเห็นว่า ราชินีเบียทริกซ์ทรงเข้าใจและเห็นพระทัยในอาการป่วยของสมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะ เนื่องจาก เจ้าชายเคลาส์ พระสวามีผู้ล่วงลับไปแล้วของพระองค์ก็ทรงล้มป่วยด้วยโรคเครียดเช่นกัน

หลังจากล้มป่วยมานานกว่าสิบปี พระพลานามัยของสมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะก็ดีขึ้นตามลำดับตั้งแต่กลางปี 2014 ซึ่งในตอนนั้นหลายฝ่ายคาดว่าเจ้าหญิงจะสามารถเสด็จฯ ออกประกอบพระกรณียกิจได้มากขึ้นเรื่อยๆ

บุคคลใกล้ชิดกับเจ้าหญิงเผยว่า สมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะทรงมีพระพลานามัยแข็งแรงขึ้นหลังจากเสด็จฯ ไปร่วมพิธีราชาภิเษกของสมเด็จพระราชาธิบดีวิลเล็ม-อเล็กซานเดอร์แห่งเนเธอร์แลนด์ ตอนแรกพระองค์ทรงกังวลกับอาการป่วยของพระองค์ แต่เมื่อได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นพระองค์ก็รู้สึกผ่อนคลาย และร่วมงานพิธีโดยไม่มีปัญหาใดๆ

ดูเหมือนสมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะทรงมีความมั่นใจมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนั้นเจ้าหญิงไอโกะก็มีส่วนช่วยพระมารดาด้วย คือปี 2010 เจ้าหญิงไอโกะทรงมีปัญหาในการไปโรงเรียน ทำให้สมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะต้องเสด็จฯ ไปรับ-ส่งพระธิดาที่โรงเรียนทุกวัน ต่อมาภายหลังเมื่อเจ้าหญิงไอโกะทรงโอเคกับการไปโรงเรียนแล้ว สมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะก็ทรงมีความสุขขึ้น

สิ่งสำคัญอีกอย่างที่ช่วยให้อาการของสมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะดีขึ้นคือ ความรักความเข้าใจ และสายสัมพันธ์อันแนบแน่นจากสมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะ ที่ยืนหยัดอยู่เคียงข้างพระองค์เสมอมา


ที่มา : นิตยสารแพรวฉบับ 832 คอลัมน์ royal update

จั๊กจั่น อคัมย์สิริ

จั๊กจั่น อคัมย์สิริ – เค วัฒนา ถือฤกษ์แต่งงานเดิม จดทะเบียนสมรสชื่นมื่น

Alternative Textaccount_circle
จั๊กจั่น อคัมย์สิริ
จั๊กจั่น อคัมย์สิริ

หลังจากผ่านเรื่องราวโกลาหลมาด้วยกันมากมาย แถมยังต้องเลื่อนงานแต่ง เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แต่วันนี้ (28 พฤษภาคม 2564) จั๊กจั่น อคัมย์สิริ สุวรรณศุข และ เค วัฒนา เจริญศักดิ์วัฒนา ก็ขอใช้ฤกษ์ดีวันแต่งงานตามกำหนดการเดิม วันศุกร์ที่ 28 พฤษภาคม 2564 เวลา 11.15 น. ในการจดทะเบียนสมรส ณ โรงแรมสยาม เคมปินสกี้ ซึ่งพิธีการเป็นไปอย่างเรียบง่ายและอบอุ่น

จั๊กจั่น อคัมย์สิริ – เค วัฒนา ถือฤกษ์แต่งงานเดิม จดทะเบียนสมรสชื่นมื่น


ภาพ : jj_akhamsiri, sitavee, amarintv.com

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

สยบข่าวรักร้าว จั๊กจั่น-อคัมย์สิริ ควงเจ้าบ่าวถ่ายพรีเวดดิ้งริมทะเล

เปิดโปรไฟล์ วัฒนา เจริญศักดิ์วัฒนา ว่าที่เจ้าบ่าวของ จั๊กจั่น-อคัมย์สิริ

เปิดตัวพร้อมแต่ง! จั๊กจั่น-อคัมย์สิริ ถูก ทายาทสุพรีมทีม เซอร์ไพร้ส์ขอแต่งงาน

ล้างหน้าตามเทรนด์ #60secondrule แบบ "เจนนี่ Blackpink" แค่ 1 นาที หน้าใสปิ้ง!

ล้างหน้าตามเทรนด์ #60secondrule แบบ “เจนนี่ Blackpink” แค่ 1 นาที หน้าใสปิ้ง!

Alternative Textaccount_circle
ล้างหน้าตามเทรนด์ #60secondrule แบบ "เจนนี่ Blackpink" แค่ 1 นาที หน้าใสปิ้ง!
ล้างหน้าตามเทรนด์ #60secondrule แบบ "เจนนี่ Blackpink" แค่ 1 นาที หน้าใสปิ้ง!

นับวันความสวยยิ่งไม่มีแผ่ว สำหรับ “เจนนี่ คิม (Jennie Kim) หรือ เจนนี่ Blackpink” แร็ปเปอร์สาวน้ำเสียงนุ่มนวลที่มีบุคลิกสุดเฟียร์สบนเวที สวยวันสวยคืนออร่าจับขนาดนี้ เลยขอนำเคล็ดลับดูแลผิวตามเทรนด์ #60secondrule แบบเจนนี่ แค่ 1 นาที หน้าใสปิ้ง! เนียนนุ่ม ชุ่มชื้น มาฝากกันค่ะ

ล้างหน้าตามเทรนด์ #60secondrule แบบ "เจนนี่ Blackpink" แค่ 1 นาที หน้าใสปิ้ง!

ล้างหน้าตามเทรนด์ #60secondrule แบบ “เจนนี่ Blackpink” แค่ 1 นาที หน้าใสปิ้ง!

“ไม่บ่อยที่ฉันจะทำอะไรตามเทรนด์ แต่ชาเลนจ์ #60secondrule บนทวิตเตอร์ถือเป็นสิ่งที่ฉันเชื่ออยู่แล้ว โดยปกติสาวๆ เราจะไม่จับเวลาการล้างหน้า ความเป็นจริงคือ โดยเฉลี่ยเราล้างหน้ากันแค่คนละ 15 วินาที ซึ่งถือว่าน้อยเกินไป โดยเฉพาะกับหน้าร้อน

“เครื่องสำอาง ฝุ่น และคราบมันบนผิวล้างยากกว่าที่คิด การจับเวลาล้างหน้าให้ถึง 60 วินาทีจะทำให้เราโฟกัสกับการล้างอย่างมีประสิทธิภาพ ซอกจมูก ไรผม ใต้คาง เก็บรายละเอียด ให้หมดจด โดยใช้แค่นิ้วมือนวดวนครีมหรือโฟมล้างหน้าที่มี ความอ่อนโยนต่อผิวเบาๆ เวลาที่ยาวขึ้นจะทำให้คลีนเซอร์ที่ใช้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เมื่อล้างหน้าหมดจดตามสูตรนี้อย่างต่อเนื่อง ทำให้เห็นได้ชัดเลยว่าผิวเรียบเนียนใสขึ้น สิวน้อยลง ดูเปล่งปลั่งค่ะ”

โดย #60SecondRule เริ่มมาจากนักสุนทรียศาสตร์ชื่อดังอย่าง Nayamka Roberts-Smith ซึ่งเป็นผู้แนะนำให้เหล่าผู้ติดตามของเธอใช้เวลา 1 นาทีกับการล้างหน้าในแต่ละครั้ง หรือถ้าใครไม่อยากจับเวลาจากโทรศัพท์ก็สามารถใช้วิธีการร้องเพลง A B C ไปจนจบเพลงก็ได้

แต่รู้ไหมว่าการล้างหน้าแบบนี้เหมาะสำหรับคนที่มีสิวหรือผิวค่อนข้างมัน แต่สำหรับใครที่มีผิวแห้งหรือผิวธรรมดา ควรสังเกตการตอบสนองของผิวตัวเองหลังจากการล้างหน้าในแบบฉบับ #60SecondRule ถ้ามีอาการผิวตึงหรือฝืดๆ เวลาลูบ แสดงว่า 1 นาทีเป็นเวลาที่นานเกินไปสำหรับคุณ!!

ล้างหน้าตามเทรนด์ #60secondrule แบบ "เจนนี่ Blackpink" แค่ 1 นาที หน้าใสปิ้ง!

นอกจากนี้ เจนนี่ยังให้ความสำคัญกับดวงตาเป็นพิเศษ อย่างการทาไวเทนนิ่งอายครีมที่ลดเลือนความหมองคล้ำของดวงตา ก่อนที่จะทาอายแชโดว์ทุกครั้ง รวมถึงการใส่คอนแท็กท์เลนส์สีสว่างเพื่อดวงตาวิ้งวับด้วย ส่วนระบบภายในก็ชอบดื่มน้ำผักผลไม้ดีท็อกซ์

ล้างหน้าตามเทรนด์ #60secondrule แบบ "เจนนี่ Blackpink" แค่ 1 นาที หน้าใสปิ้ง! ล้างหน้าตามเทรนด์ #60secondrule แบบ "เจนนี่ Blackpink" แค่ 1 นาที หน้าใสปิ้ง! ล้างหน้าตามเทรนด์ #60secondrule แบบ "เจนนี่ Blackpink" แค่ 1 นาที หน้าใสปิ้ง! ล้างหน้าตามเทรนด์ #60secondrule แบบ "เจนนี่ Blackpink" แค่ 1 นาที หน้าใสปิ้ง! ล้างหน้าตามเทรนด์ #60secondrule แบบ "เจนนี่ Blackpink" แค่ 1 นาที หน้าใสปิ้ง!


ข้อมูลบางส่วน : นิตยสารแพรว ฉบับ 970
ภาพ : Jennie Kim

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

เคล็ดลับหุ่นเป๊ะเอวเอสแบบ “เจนนี่ BLACKPINK” พร้อมส่องบิวตี้ไอเท็มชิ้นโปรด

“แพรี่พาย” แชร์สูตรมาสก์หน้าถอนพิษแดด ลดผดผื่น คุมความมัน จากภูมิปัญญาไทย

ไม่ใช่แค่ผิวหน้าดี! แต่ผิวกาย “มิแรนด้า เคอร์” ก็สวยหมดจดกับกฎการดูแลแค่ 3 ข้อ

 

 

 

La Panthère

La Panthère กำไลข้อมืออันโดดเด่น ตรึงตราดั่งต้องมนต์จาก คาร์เทียร์

account_circle
La Panthère
La Panthère

กำไลข้อมือ ปองแตร์ (La Panthère Bracelet) เครื่องประดับชิ้นเด่นประจำคอลเล็คชั่น ลา ปองแตร์  (La Panthère) กำไลเสือแพนเตอร์ที่กระหวัดรัดข้อมือได้อย่างแนบสนิท โอบรับส่วนที่เล็กและบอบบางที่สุดของเรียวแขน ดุจดั่งความสง่างามทว่าอ่อนช้อยของ เสือแพนเตอร์ (Panther) เสือรูปร่างปราดเปรียว มิยอมสยบให้ใครเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังดึงดูดที่เผยถึงบุคลิกลักษณะอันเป็นจุดเด่นเฉพาะตัว

La Panthère กำไลข้อมืออันโดดเด่น ตรึงตราดั่งต้องมนต์จาก คาร์เทียร์

La Panthère

กำไลข้อมือปองแตร์ เปี่ยมด้วยความสง่างามและน่าดึงดูดเฉกเช่นเดียวกับเสือแพนเตอร์ อันเป็นสัญลักษณ์ที่อยู่คู่กับคาร์เทียร์มาอย่างยาวนาน คาร์เทียร์ถ่ายทอดเอกลักษณ์ความเรียบง่ายของการออกแบบเครื่องประดับผ่าน กำไลข้อมือปองแตร์ ที่มีเส้นสายคมชัดและดีไซน์ที่โดดเด่น รังสรรค์ขึ้นอย่างงดงามด้วยทองดัดโค้ง ไล่เรียงตั้งแต่ส่วนหัวที่สง่างามดุจรูปปั้นของสือแพนเตอร์ที่ดวงตาประดับด้วยมรกตหรือซาวอไรต์

กำไลที่อ่อนช้อยสำหรับเสือแพนเตอร์ผู้ปราดเปรียวเกินใคร

La Panthère

กำไลข้อมือปองแตร์ เป็นเครื่องประดับที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการมิกซ์แอนด์แมทช์หรือการจับคู่กับเครื่องประดับชิ้นอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นรุ่นโรสโกลด์หรือรุ่นเยลโลโกลด์ ทั้งแบบฝังเพชรบริเวณหัวเสือแพนเตอร์ หรือแบบฝังเพชรทั้งบริเวณหัวและหางเสือแพนเตอร์เพื่อเพิ่มความโดดเด่นอีกระดับ ความอ่อนช้อยของกำไลข้อมือปองแตร์ชิ้นนี้สรรสร้างจากความเชี่ยวชาญทางหัตถศิลป์และทอง อันเป็นวัสดุที่คาร์เทียร์ค้นพบคุณสมบัติด้านเทคนิคที่แข็งแกร่งแต่ทว่ายืนหยุ่นในตัวเองโดยไม่ต้องอาศัยการซ่อนสปริง ใช้เพียงฝีมือเชิงช่างชั้นสูงและความเชี่ยวชาญเพื่อปรับให้วัสดุนี้สอดรับกับดีไซน์รูปทรงของหัวเสือแพนเตอร์

กำไลข้อมือปองแตร์  ที่โอบรัดแนบชิดกับข้อมือยิ่งกว่าเคย เหมาะอย่างยิ่งสำหรับเป็นของขวัญให้ตัวเองหรือมอบให้คนที่คุณรักแทนความปรารถนาดี สามารถสลักชื่อย่อ ตัวอักษร วันที่ หรือแม้กระทั่งข้อความที่คุณต้องการไว้ด้านในตัวเรือน หรือสามารถเลือกตกแต่งด้วยชื่อย่อหรือวันสำคัญแทนใจในโทนสีทองข้างหน้ากล่องแดงปองแตร์ได้เช่นเดียวกัน


 

หน้ากากผ้า

งานแต่งยุคโควิด-19 ขาดไม่ได้! หน้ากากผ้า 10 แบบ สำหรับเจ้าสาว

หน้ากากผ้า
หน้ากากผ้า

หากคุณเลี่ยงไม่ได้ที่จะจัดงานแต่งงานในช่วงนี้ เราก็ขอแนะนำ หน้ากากผ้า 10 สไตล์สำหรับเจ้าสาว เพื่อให้คุณยังสวยในวันสำคัญและป้องกันตัวเองจากโควิด-19 

เชื่อว่าบ่าวสาวหลายคู่จำเป็นต้องจัดงานมงคลในช่วงนี้ แม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จะยังไม่ดีขึ้น ดังนั้นคุณควรมีวิธีจัดการที่ดีและไม่หละหลวม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาตามมา เช่น เชิญแขกเข้าร่วมงานเฉพาะญาติและเพื่อนสนิท มีการเว้นระยะห่างระหว่างแขก รวมถึงทุกคนในงานต้องใส่หน้ากากและควรมีเจลแอลกอฮอล์แจกเป็นของชำร่วยหรือวางไว้ตามจุดต่างๆ ให้แขกได้ใช้อย่างสะดวก

ทั้งนี้รวมถึงเจ้าบ่าวและเจ้าสาวที่เป็นตัวเอกของงานก็ต้องสวมหน้ากากเช่นกัน แต่คุณเจ้าสาวอาจกังวลว่าหน้ากากจะบดบังความสวยในวันสำคัญหรือเปล่า ขอบอกเลยว่าถ้าคุณเลือกหน้ากากถูกดีไซน์ ปัญหานี้จะไม่เกิดขึ้น ลุคของคุณยังคงดูสวยงามผ่านหน้ากากผ้าลูกไม้ที่ถูกตกแต่งในสไตล์ต่างๆ ไม่ว่าจะแบบสาวหวาน เรียบง่าย คลาสสิก หรือหรูหรา ก็สามารถเลือกให้เข้ากับชุดแต่งงานของคุณได้

งานแต่งยุคโควิด-19 ขาดไม่ได้! หน้ากากผ้า 10 แบบ สำหรับเจ้าสาว

หน้ากากผ้า 10 แบบ สำหรับเจ้าสาว หน้ากากผ้า สำหรับเจ้าสาว หน้ากากผ้า สำหรับเจ้าสาว หน้ากากผ้า สำหรับเจ้าสาว หน้ากากผ้า สำหรับเจ้าสาว หน้ากากผ้า สำหรับเจ้าสาว หน้ากากผ้า สำหรับเจ้าสาว หน้ากากผ้า หน้ากากผ้า หน้ากากผ้า


ภาพ : : www.brides.com

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

รวมลิสต์ ของชำร่วย งานแต่ง ยุคโควิด-19 ดีต่อใจผู้รับ ประทับใจผู้ให้

รวมเทรนด์ แต่งงานออนไลน์ ของคู่รักจากหลากหลายทั่วโลกในช่วง COVID-19

9 ไอเดีย เวลเจ้าสาว สไตล์ Birdcage ได้ลุคเจ้าสาวสวยชิคแถมไม่เทอะทะ

 

Brand Ambassador คนใหม่ของ Tod's เซียวจ้าน

ถอดลุค Brand Ambassador คนใหม่ของ Tod’s ‘เซียวจ้าน’ นักแสดงจีนที่สาวๆ กรี๊ด

Brand Ambassador คนใหม่ของ Tod's เซียวจ้าน
Brand Ambassador คนใหม่ของ Tod's เซียวจ้าน

Tod’s เปิดตัวแบรนด์แอมบาสเดอร์คนใหม่ล่าสุด เซียวจ้าน (Xiao Zhan) นักแสดงหนุ่มสัญชาติจีน ที่จะเป็นตัวแทนและนำเสนอภาพลักษณ์และ DNA ของ Tod’s ผ่านภาพลักษณ์แบบใหม่

ซิลลูเอทสะท้อนผ่านแสงอันทรงพลังของเซียวจ้าน แสดงออกถึงความสมดุลกับเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ ด้วยลุคแบบสุภาพบุรุษ เซียวจ้านผสมผสานเอาสไตล์อิตาเลียนรวมเข้ากับจิตวิญญาณและเสน่ห์ของชาวจีนรุ่นใหม่ได้อย่างลงตัว ทำให้การผสมผสานกันระหว่างสไตล์อิตาเลียนและจีนออกมาได้อย่างไร้ที่ติ

ความร่วมมือของ Tod กับเซียวจ้าน แสดงให้เห็นถึงความมีชีวิตชีวาของแบรนด์ในสไตล์อิตาลีและการมุ่งเน้นของแบรนด์ไปที่คนรุ่นใหม่ในประเทศจีน Walter Chiapponi ครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ ได้ออกแบบไอเท็มสำหรับคอลเล็คชั่นพิเศษนี้ในการถ่ายแบบทั้ง 2 ลุค

ถอดลุค Brand Ambassador คนใหม่ของ Tod’s เซียวจ้าน นักแสดงจีนที่สาวๆ กรี๊ด

ลุคแรกเซียวจ้านสวมเสื้อสเวตเตอร์ประดับด้วยแผ่นหนังปั๊มลาย Tod’s แมตช์กับรองเท้าโลฟเฟอร์ตกแต่งด้วยโซ่ขนาดใหญ่ตามสไตล์อิตาเลียน พร้อมกระเป๋า Belt bag รุ่น T Timeless ประดับด้วยโลโก้ตัว T แสดงให้เห็นถึงเอกลักษณ์การออกแบบและการตัดเย็บหนังชั้นยอดตามแบบช่างฝีมือชาวอิตาเลียน

Brand Ambassador คนใหม่ของ Tod's เซียวจ้าน Brand Ambassador คนใหม่ของ Tod's เซียวจ้าน

ลุคที่ 2 เซียวจ้านสวมชุดสีน้ำเงิน Navy คู่กับรองเท้าผ้าใบ Tabs ในสไตล์แคชชวล พร้อมกับกระเป๋า Sling bag ตกแต่งด้วยตัว T สะท้อนภาพลักษณ์ในแบบสไตล์เรโทร แคชชวล (retro casual)

Brand Ambassador คนใหม่ของ Tod's เซียวจ้าน Brand Ambassador คนใหม่ของ Tod's เซียวจ้าน เซียวจ้าน เซียวจ้าน

Tod’s เป็นสัญลักษณ์ของงานฝีมือสุดคลาสสิกตามสไตล์อิตาเลียน และพร้อมที่จะนำเสนอไลฟ์สไตล์ในแบบอิตาเลียนสู่ประเทศจีน Tod’s ยึดมั่นในการออกแบบและคอนเซ็ปต์ โดยการค้นคว้าถึงกระบวนการผลิตและงานฝีมือที่ดีที่สุด ด้วยสไตล์ที่สง่างาม โครงสร้างงานออกแบบที่พิถีพิถันของรองเท้าและกระเป๋า ทำให้ไอเท็มของ Tod’s นั้นเป็นไอเท็มที่สวยงามไร้กาลเวลาและก็ยังคงสไตล์ร่วมสมัย


บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Fendi Ambassador คนใหม่? น้องหมา ‘ซงฮเยคโย’ กับของใช้เหยียบแสน

ฮ็อตไฟลุก! กระเป๋า Longchamp Filet ‘ลิลี่ คอลลินส์’ ในเบื้องหลัง Emily in Paris SS 2

สำรวจ กระเป๋า SAINT LAURENT ‘คิทตี้ ชิชา’ หรือ ‘แนนโน๊ะ’ มีแต่รุ่นท็อป

 

"แพรี่พาย" แชร์สูตรมาสก์หน้าถอนพิษแดด ลดผดผื่น คุมความมัน จากภูมิปัญญาไทย

“แพรี่พาย” แชร์สูตรมาสก์หน้าถอนพิษแดด ลดผดผื่น คุมความมัน จากภูมิปัญญาไทย

Alternative Textaccount_circle
"แพรี่พาย" แชร์สูตรมาสก์หน้าถอนพิษแดด ลดผดผื่น คุมความมัน จากภูมิปัญญาไทย
"แพรี่พาย" แชร์สูตรมาสก์หน้าถอนพิษแดด ลดผดผื่น คุมความมัน จากภูมิปัญญาไทย

แพร-อมตา จิตตะเสนีย์  หรือ แพรี่พาย (Pearypie) เจ้าแม่แห่งวงการความงาม ที่เป็นทั้งเมคอัพอาร์ติส บิวตี้บล็อกเกอรร์ อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง ที่พักหลังมานี้เธอมักใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการศึกษาธรรมชาติในป่า และนำสีจากธรรมชาติมาดัดแปลงเป็นเครื่องสำอาง หรือแม้กระทั่งการย้อมสีผ้าจากวัตถุดิบธรรมชาติเป็นหลัก

เพราะเธอบอกว่าความที่เราไม่อยากทิ้งรากเหง้าของแพรี่พายที่มาจากสายศิลปะ จึงนำมาปรับเข้ากับสิ่งที่เราชอบ โดยปัจจุบันไม่ได้เน้นกับการที่ฉันจะต้องเป็นแพรี่พายที่ดังระดับโลก แต่เป็นแพรี่พายที่ใจดีมากขึ้น ค่ายหรือเวิร์คช็อปที่ทำตอนนี้ไม่ได้เน้นว่าจะต้องได้เงิน แต่เน้นส่งต่อองค์ความรู้ทางด้านระบบนิเวศ ชุมชน สิ่งแวดล้อม ภูมิปัญญาต่างๆ ที่ได้ไปเรียนมาหลายที่

“ช่วง stay home แบบนี้ มีเวลาอยู่บ้านเยอะ ขุดดินโปรยเมล็ดทำแปลงผักอินทรีย์บนดาดฟ้า ผิวหน้าสู้แดด สู้อากาศกรุงเทพฯ จนรู้สึกว่าเริ่มมีผื่นเล็กๆ ขึ้นที่หน้า ไม่รอช้า รีบขอสูตรถอนพิษแดดจากครูหนูโยคะ @chomchuen.sidthivech วันนี้เรามาแบ่งปันวีธีการดูแลรักษาผิวง่ายๆ และได้ผลจากภูมิปัญญาไทยกันค่ะ”

"แพรี่พาย" แชร์สูตรมาสก์หน้าถอนพิษแดด ลดผดผื่น

มาสก์หน้าสูตรที่ 1 ถอนพิษแดด

สิ่งที่ต้องเตรียม คือ ดินสอพอง 2 ก้อน ผสมน้ำมะนาว 1 ลูก แล้วคนให้กลายเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้น นำมาพอกหรือมาสก์หน้าทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาดตาม สามารถทำซ้ำติดต่อกันได้ แต่ห้ามมากไป เพราะจะทำให้หน้าแห้งเกิน สูตรนี้จะช่วยลดผดผื่นและความมันส่วนเกินได้ด้วย

และนอกจากน้ำมะนาวแล้ว ยังสามารถนำดินสอพองมาผสมน้ำผึ้งและเกสรผึ้งบดเพิ่ม เพื่อความกระจ่างใสของใบหน้าได้อีกด้วย

 

View this post on Instagram

 

A post shared by Amata Chittasenee (@pearypie)

เพราะการมาสก์หน้า เป็นหนึ่งในวิธีสำหรับช่วยบำรุงฟื้นฟูใบหน้า การบำรุงผิวแบบพิเศษ ซึ่งจะทำให้ผิวนุ่ม และยืดหยุ่นได้มากขึ้น การมาสก์หน้าอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้รูขุมขนบนผิวหน้าสะอาด ช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว และยังช่วยลดปัญหาหน้ามันได้ด้วย อย่าเพิ่งคิดว่าการมาสก์หน้า จะต้องไปซื้อครีมหรือแผ่นมาสก์ราคาแพงมาใช้เท่านั้น เพราะผักและผลไม้ที่เราสามารถหาได้ง่าย ในราคาย่อมเยากว่ามาก และเป็นมาสก์สูตรธรรมชาติที่ดีมากๆ ได้เหมือนกัน เช่น อะโวคาโด, ขมิ้นชัน, แตงกวา, น้ำผึ้ง, มะนาว, ว่านหางจระเข้, โยเกิร์ต และอีกหลายอย่างมากมาย

สำหรับสูตรมาสก์หน้าสูตรที่ 2 นี้ มีส่วนผสมที่ต้องเตรียม คือ

  • อะโวคาโด ครึ่งลูก
  • น้ำผึ้งแท้ 1 ช้อน
  • โยเกิร์ตรสจืด 2 ช้อนโต๊ะ
  • ดินสองพองสะตุแล้ว 1 เม็ด

ประโยชน์ของดินสอพอง ตามภูมิปัญญาไทยแล้วมีคุณสมบัติเยอะมาก สามารถใช้แก้ผด ระงับเหงื่อ ดับพิษร้อน ช่วยให้ผิวพรรณสดใส

ส่วนน้ำผึ้ง ก็สามารถบรรเทาอาการของสิวได้ ซึ่งน้ำผึ้งมีคุณสมบัติเป็นสารต้านพวกแบคทีเรีย เลยช่วยลดแบคทีเรียของสิวให้ลดลงได้ และยังช่วยควบคุมความมันส่วนเกิน พร้อมลดอาการอักเสบของผิวหนัง

วีธีการทำ

  • บดอะโวคาโดให้ละเอียด
  • บดดินสอพอง
  • เติมน้ำผึ้งและผสมทุกอย่างให้เข้ากัน
  • พอกหน้าทิ้งไว้ 20 นาที
  • ล้างออกด้วยน้ำอุ่น

แค่นี้ก็จะได้ผิวที่มีเนื้อสัมผัสที่นุ่มลื่น ไม่ต้องลงครีมอะไรตามเลย วีธีธรรมชาติต้องค่อยๆ ปรับผิวเรานะคะ อย่ารีบ ไม่นานผิวก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ

 

View this post on Instagram

 

A post shared by Amata Chittasenee (@pearypie)


นอกจากสูตรมาสก์หน้า แพรี่พายยังมีสูตรสครับผิวหน้าและผิวกายจากกากกาแฟ เคล็ดลับวีธีการดูแลผิวจากวัตถุดิบธรรมชาติ ด้วยการพักผิวจากการอัดสารเคมีบนหน้ามาตลอดทั้งชีวิต ให้ผิวได้พักและมีเวลาฟื้นฟูด้วยพลังธรรมชาติ จะได้เห็นความสวยที่ยั่งยืนโดยที่ไม่ต้องง้อบริษัทใหญ่และคำเชื่อจากโฆษณาอีกต่อไป

สูตรสครับผิวจากกากกาแฟ

เป็นสูตรสำหรับผิวหน้าและผิวกาย ช่วยฟื้นฟูผิวให้กลับมากระจ่างใส ทำได้เองที่บ้าน แถมยังมอบชีวิตใหม่ให้กับกากกาแฟอีกด้วย

การสครับผิว ถือเป็นหนึ่งในวิธีดูแลผิวที่ช่วยให้ผิวสุขภาพดีขึ้น เพราะอายุหรือสภาพผิวที่แห้งกร้านจะทำให้การผลัดเซลล์ผิวใหม่เกิดขึ้นได้ยาก ยิ่งเซลล์ผิวที่ตายแล้ว เกาะรวมกันไม่ถูกผลัดออกจะทำให้ผิวดูหมองคล้ำ หยาบกร้าน และอาจอุดตันรูขุมขนทำให้เป็นสิวได้ด้วย เพราะฉะนั้น การสครับผิวจะช่วยทั้งขจัดสิ่งสกปรกและผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป

ส่วนผสม

  • กากกาแฟแห้ง 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ (หลายๆ ขนาด)
  • น้ำมันมะพร้าว 5 หยด

วีธีการทำ

  • คั่วกากกาแฟให้แห้ง ทิ้งไว้ให้เย็น
  • นำทุกอย่างมาผสมกัน
  • นวดผิวหน้าเบาๆ ด้วยนิ้ว ทิ้งไว้ 5-10นาที
  • ล้างออกด้วยน้ำอุ่น

เพียงเท่านี้เราก็ได้ผิวหน้าและผิวกายก็จะเนียนนุ่มชุ่มชื้น

หมายเหตุ : ควรสครับผิวก่อน แล้วค่อยตามด้วยการมาสก์หน้านะคะ เพื่อเติมชุ่มชื้นให้กับผิวมากขึ้น

 

View this post on Instagram

 

A post shared by Amata Chittasenee (@pearypie)

"แพรี่พาย" แชร์สูตรมาสก์หน้าถอนพิษแดด ลดผดผื่น "แพรี่พาย" แชร์สูตรมาสก์หน้าถอนพิษแดด ลดผดผื่น "แพรี่พาย" แชร์สูตรมาสก์หน้าถอนพิษแดด ลดผดผื่น

ต้องลองแล้ว สูตรมาสก์หน้าและสครับหน้าจากภูมิปัญญาไทย เป็นของที่หาได้ตามธรรมชาติและก้นครัว แถมช่วยสาวๆ ประหยัดงบ ผิวหน้ายังได้พักจากสารเคมีด้วย สูตรที่แชร์ก็ง่ายมาก ใครๆ ก็ทำตามได้


ภาพและข้อมูล : pearypie

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

วิธีแก้ปัญหา คราบขาวจาก ครีมกันแดด ผู้ร้ายทำลายผิวสวยเวลาต้องออกแดด

ไม่ใช่แค่ผิวหน้าดี! แต่ผิวกาย “มิแรนด้า เคอร์” ก็สวยหมดจดกับกฎการดูแลแค่ 3 ข้อ

เทียนหอมของที่ต้องมี “อันยา เทย์เลอร์-จอย” เผยวิธีผ่อนคลายชอบดื่มด่ำกลิ่นหอม

 

 

 

 

ฮ็อตไฟลุก! กระเป๋า Longchamp Filet ‘ลิลี่ คอลลินส์’ ในเบื้องหลัง Emily in Paris SS 2

ดีไซน์เก๋ ราคาดี จะฮ็อตขนาดนี้ก็ไม่น่าแปลกใจ สำหรับ กระเป๋า Longchamp Filet ที่ ลิลี่ คอลลินส์ ถือเข้าฉากถ่ายทำซีรีส์เรื่อง Emily in Paris ซีซั่น 2 

หลังจากทีม Emily in Paris ออกมาคอนเฟิร์มว่าซีซั่น 2 มาแน่นอน แฟนซีรีส์ก็ตั้งตารอคอยอย่างใจจดใจจ่อ เพราะตอนจบของซีซั่นแรกตัดจบให้ชวนติดตามต่อจริงๆ โดยอินสตาแกรม @emilyinparis และนักแสดงในเรื่องออกมาประกาศแล้วว่าเริ่มต้นถ่ายทำซีซั่น 2 อย่างเป็นทางการในวันที่ 3 พฤษภาคม 2564 ที่ประเทศฝรั่งเศส

กระเป๋า Longchamp Filet Emily in Paris SS 2 กระเป๋า Longchamp Filet Emily in Paris SS 2 กระเป๋า Longchamp Filet Emily in Paris SS 2

สำหรับการถ่ายทำในตอนนี้ก็มีภาพเบื้องหลังออกมาให้ได้เห็นกันบ้างแล้ว แฟชั่นของเอมิลี่ที่เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ยังสวยปังไม่มีดร็อป โดยเฉพาะการตามเทรนด์ที่ต้องยกนิ้วให้ เพราะจากภาพเบื้องหลังเราเห็นเอมิลี่ถือกระเป๋า Longchamp Filet สีใหม่ที่ยังไม่มีวางขายบนเว็บไซต์ออฟฟิเชียล ซึ่งกระเป๋าใบนี้ถือเป็นรุ่นดังที่กำลังมาแรงมากๆ ในต่างประเทศ แม้แต่ช็อปไทยเองก็ขายดีจนจะหมดสต๊อกแล้วด้วย

กระเป๋า Longchamp Filet Emily in Paris SS 2 กระเป๋า Longchamp Filet Emily in Paris กระเป๋า Longchamp Filet

ฮ็อตไฟลุก! กระเป๋า Longchamp Filet ‘ลิลี่ คอลลินส์’ ในเบื้องหลัง Emily in Paris SS 2

โดย Longchamp Filet มาจากคอลเล็คชั่น spring summer 2021 เส้นใยที่นำมาทำกระเป๋าเป็นผ้าคอตตอนที่ผลิตมาจากขยะในท้องทะเล โดยองค์กรที่ชื่อว่า Filt ซึ่งช่างทำเครื่องหนังก็จะนำเส้นใยมาถัก และมาประกอบเข้ากับ Flap ปิดกระเป๋าที่เป็นหนัง Russian เอกลักษณ์ของแบรนด์อีกที กระเป๋าใบนี้มีแรงบันดาลใจมาจากกระเป๋า supermarket ของหญิงสาวปารีส ที่มาในราคาเป็นมิตร 3,700 บาท (ราคาในช็อปไทย)

กระเป๋า Longchamp Filet 'ลิลี่ คอลลินส์' กระเป๋า Longchamp Filet 'ลิลี่ คอลลินส์' กระเป๋า Longchamp Filet กระเป๋า Longchamp Filet กระเป๋า Longchamp Filet เอมิลี่


ภาพ : IG@tiziano.raw , www.longchamp.com

เรื่อง : ฮานะ_แพรวนิสต้า

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

กฎราชวงศ์! ‘ดัชเชสเคท’ แสดงความเคารพต่อสกอตแลนด์ ในชุดสีน้ำเงิน

ลูกคุณหนูก็ใช้! กระเป๋า CHARLES & KEITH ‘คาลิสต้า คูอาการ์’ ทายาทเศรษฐีสิงคโปร์

ใครถือบ้าง? BOYY กระเป๋าแบรนด์ไทย ดีไซน์ถูกใจเซเลบต่างชาติ

 

Range Rover

แลนด์โรเวอร์เปิดตัว Range Rover Evoque Lafayette Edition รุ่นพิเศษ มีจำกัดเพียง 3 คันในประเทศไทย ด้วยระบบปลั๊กอินไฮบริด P300e

Range Rover
Range Rover

บริษัท อินช์เคป (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์จากัวร์และแลนด์โรเวอร์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย เปิดตัวรถยนต์ Range Rover Evoque Lafayette Edition (เรนจ์ โรเวอร์ อีโวค ลาฟาแยตต์ อิดิชั่น) ครั้งแรกในประเทศไทยกับรุ่นพิเศษแบบ Limited Edition ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากย่านที่ทันสมัยในนิวยอร์กซิตี้ มีจำกัดเพียง 3 คัน ด้วยราคาจำหน่าย 4,199,000 บาท พร้อม Land Rover Care นาน 5 ปี ประกอบด้วย การรับประกันคุณภาพ บริการบำรุงรักษาตามระยะ และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนตลอด 24 ชั่วโมง เป็นเวลา 5 ปี

ปัจจุบันรุ่นที่จำหน่ายในประเทศไทย ประกอบด้วย:

Range Rover Evoque Plug-In Hybrid SE Plus ราคาจำหน่าย   3,999,000 บาท

Range Rover Evoque Plug-In Hybrid Lafayette Edition ราคาจำหน่าย 4,199,000 บาท

Range Rover Evoque Plug-In Hybrid R-Dynamic SE Plus ราคาจำหน่าย   4,499,000 บาท

Range Rover

Range Rover Evoque Lafayette Edition พัฒนามาจาก Range Rover Evoque S (เรนจ์ โรเวอร์ อีโวค เอส) โดยรุ่นพิเศษนี้มีการออกแบบที่คัดสรรมาเป็นพิเศษ ภายนอกโดดเด่นด้วยหลังคาคอนทราสต์ สี Nolita Grey เสริมความสวยงามน่าดึงดูดด้วยล้อแบบ 5 ก้าน ขนาด 20 นิ้ว ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยวัสดุพรีเมียมบุลายสไตล์ Diamond Cut เพิ่มความสนุกสนานด้วย Tread Plates แบบเรืองแสง เทคโนโลยีความบันเทิง Pivi Pro หน้าจอสัมผัสขนาด 10 นิ้ว และหลังคา Fixed Panoramic Roof วางจำหน่ายในระบบปลั๊กอินไฮบริด (Plug-In Hybrid) P300e พร้อมตราสัญลักษณ์ท้ายรถ

Range Rover Evoque P300e เทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าแบบปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) พัฒนาขึ้นบนแพลตฟอร์มแบบ Premium Transverse Architecture อันล้ำสมัยของ Land Rover ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้พลังงานไฟฟ้าในขณะที่ยังคงความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรดอันเป็นเอกลักษณ์ของ Land Rover มอบสมรรถนะที่ยั่งยืนด้วยการรวมเครื่องยนต์เบนซิน Ingenium แบบ 3 สูบ 200 แรงม้า (147 กิโลวัตต์) ขนาด 1.5 ลิตร เข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้า 109 แรงม้า (80 กิโลวัตต์) ที่รวมอยู่ในเพลาท้ายและใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 15 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ซึ่งอยู่ใต้เบาะหลัง สมรรถนะและขีดความสามารถที่เหนือชั้นด้วยอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในเวลาเพียง 6.4 วินาที ระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดใหม่ที่นุ่มนวลได้รับการคัดสรรเพื่อให้ทำงานควบคู่กับการส่งกำลังและแรงบิดของเครื่องยนต์ 3 สูบ และทำงานร่วมกับ ERAD ได้อย่างราบรื่น มอบความสมบูรณ์แบบและความรู้สึกในการเปลี่ยนเกียร์ที่ดี สามารถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าทั้งหมดได้ไกลถึง 55 กิโลเมตร* ซึ่งเพียงพอสำหรับการเดินทางเฉลี่ยต่อวันโดยไม่ต้องชาร์จไฟฟ้าใหม่

ผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดการขับขี่ได้จาก 3 โหมดเพื่อให้เหมาะกับความต้องการมากที่สุดไม่ว่าจะอยู่ในเมืองหรือขับขี่บนทางหลวง

  1. โหมดไฮบริด (โหมดการขับขี่ตามค่าเริ่มต้น) รวมกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์เบนซินโดยอัตโนมัติ กลยุทธ์การทำงานปรับให้เข้ากับสภาพการขับขี่และประจุไฟฟ้าที่เหลืออยู่ในแบตเตอรี่ การเข้าสู่จุดหมายปลายทางในระบบนำทางช่วยให้ฟังก์ชัน Predictive Energy Optimization (PEO) ผสานรวมเส้นทางและข้อมูล GPS อย่างชาญฉลาดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสะดวกสบายสูงสุดสำหรับการเดินทางที่เลือก
  2. โหมด EV (รถยนต์ไฟฟ้า) ช่วยให้รถทำงานด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวโดยใช้พลังงานที่เก็บไว้ในแบตเตอรี่ เพื่อการเดินทางที่เงียบและไม่มีการปล่อยไอเสีย
  3. โหมดประหยัด จัดลำดับความสำคัญของเครื่องยนต์สันดาปให้เป็นแหล่งพลังงานหลักโดยรักษาสถานะการชาร์จแบตเตอรี่ให้อยู่ในระดับที่เลือก

Range Rover

การชาร์จไฟฟ้าจาก 0-80 เปอร์เซ็นต์ในเวลาเพียง 30 นาที เมื่อชาร์จไฟฟ้าจากสถานีชาร์จทั่วไปที่ใช้ไฟฟ้ากระแสตรง 32 กิโลวัตต์ หรือใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมง 24 นาที เมื่อใช้ตู้ชาร์จติดผนังที่ใช้ไฟฟ้ากระแสสลับ 7 กิโลวัตต์**

*ตัวเลขระยะทางที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าคำนวณจากการทดสอบที่ดีที่สุดตามกระบวนการ WLTP ของผู้ผลิตอย่างเป็นทางการตามกฎหมายของสหภาพยุโรป เพื่อการเปรียบเทียบเท่านั้น ตัวเลขความเป็นจริงอาจแตกต่างกัน

**สามารถชาร์จได้ด้วยเครื่องชาร์จแบบเร็วที่ใช้ไฟฟ้ากระแสตรง 50 กิโลวัตต์ และ 100 กิโลวัตต์ (ประจุไฟฟ้าจริงที่เข้ารถจะจำกัดอยู่ที่ 32 กิโลวัตต์)  เวลาในการชาร์จจริงอาจแตกต่างกันไปตามสภาพแวดล้อมและการติดตั้งเครื่องชาร์จ

อีเจฮุน

ว่าด้วยเรื่องความรักและสาวในฝันของ อีเจฮุน โชว์เฟอร์สุดหล่อจาก Taxi Driver

Alternative Textaccount_circle
อีเจฮุน
อีเจฮุน

ถ้าพูดถึงดาราชายเกาหลีที่ที่กำลังและถูกพูดถึงอย่างมากในช่วงนี้ คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากนักแสดงหนุ่มวัย 36 ปี อีเจฮุน (Lee Je Hoon)  พระเอกที่คิวแน่นสุดๆ ในช่วงนี้ จากผลงานซีรีส์ Taxi Driver ออกอากาศทางช่อง SBS, Move to Heaven ออกอากาศทาง Netflix และภาพยนตร์เรื่อง COLLECTORS รวมกันเราฉก ที่แม้ว่าแต่ละเรื่องจะมีสไตล์ที่แตกต่างกันแต่หนุ่มคนนี้กลับเอาอยู่ทุกบทบาท

Lee Je Hoon โลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิงมานาน 14 ปีแล้ว เป็นดาราชายอีกคนหนึ่งที่ขึ้นชื่อเรื่องขายฝีมือ เล่นดราม่าก็ดี เล่นบู๊ก็เลิศ แถมยังชอบรับบทบาทที่หลากหลาย บางครั้งเปลี่ยนลุคไปซะจนแฟนๆ จำไม่ได้ นั่นจึงทำให้แฟนคลับวงนอกที่ไม่ค่อยติดตามผลงานเขาสักเท่าไหร่จึงไม่คุ้นกับหนุ่มคนนี้นัก แต่แพรวดอทคอมขอคอนเฟิร์มเลยว่าเรื่องฝีมือของเขานั้นเปี่ยมไปด้วยคุณภาพจริงๆ

ผลงานเด่นของ พระเอก อีเจฮุน (Lee Je Hoon)

 The Front Line
ภาพยนตร์เรื่อง The Front Line
ภาพยนตร์เรื่อง Architecture 101
ภาพยนตร์เรื่อง Architecture 101
ภาพยนตร์เรื่อง Anarchist from Colony
ภาพยนตร์เรื่อง Anarchist from Colony
ละครเรื่อง signal สัญญาณลับ ล่าข้ามเวลา
ละครเรื่อง signal สัญญาณลับ ล่าข้ามเวลา
Move to Heaven ออกอากาศทาง Netflix
Move to Heaven ออกอากาศทาง Netflix
ภาพยนตร์เรื่อง I Can Speak
ภาพยนตร์เรื่อง I Can Speak

ความรักและสาวในฝันของ Lee Je Hoon

ในการสัมภาษณ์นิตยสารฉบับหนึ่ง อีเจฮุน ได้ให้สัมภาษณ์ในหัวข้อ ผู้หญิงแบบไหนที่จะสามารถดึงดูดเขาได้ ซึ่งนักแสดงหนุ่มคนนี้ได้กล่าวว่า ถ้าพูดถึงปัจจัยภายนอกมันไม่ได้สำคัญอะไรขนาดนั้น แต่สิ่งที่สำคัญคือคนนั้นต้องเป็นคนที่มีน้ำใจ มองโลกในแง่บวก คุยสนุกและทำให้เขาสามารถหัวเราะได้

ทั้งนี้เมื่อเดือนเมษายนปี 2564 ในรายการ “ My Ugly Duckling ” ทางช่อง SBS อีเจฮุนได้เปิดเผยถึงสาวในสเปกของเขา โดยนักแสดงหนุ่มกล่าวว่า โลกนี้มีคนที่แสนดีและงดงามเยอะมาก แต่เนื้อคู่หรือคนที่เขาอยากเจอต้องพูดภาษาเดียวกัน ทั้งเรื่องดนตรีและภาพยนตร์ ต้องเป็นคนที่มีรสนิยมคล้ายกัน จึงหวังว่าจะได้เจอคนแบบนั้น

ซีรีส์ Taxi Driver

อย่างไรก็ตามพระเอกหนุ่มยังได้เล่าถึงความรักที่ไม่สมหวังของเขาอีกด้วย “ผมเคยถูกทิ้งครับ ผมโดนทิ้งบ่อย เพราะเวลายุ่งๆ มันทำให้ความสัมพันธ์ห่างกัน อีกฝ่ายต้องการความรัก ต้องการให้เอาใจใส่ แต่ผมทำให้ไม่ได้ ซึ่งมัก็เป็นความผิดของผมเอง”

ซีรีส์ Taxi Driver


สามารถติดตามอ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่

เช็กลิสต์! คุณเป็นสาวในสเปคของ พระรองเสน่ห์แรง คิมซอนโฮ หรือเปล่า?

มิติใหม่ โป๊ป ธนวรรธน์ เผยสเปคผู้หญิงในฝัน ต้องปลูกผักกินเองได้

ใครคือแฟน กงยู หนุ่มฮ็อตเจ้าของฉายา สามีแห่งเอเชีย ?

ชารัด เมห์โรทรา DTAC

เจาะมุมมองหัวเรือใหญ่ DTAC “ชารัด เมห์โรทรา” ย้ำหนักแน่น “เราไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง”

Alternative Textaccount_circle
ชารัด เมห์โรทรา DTAC
ชารัด เมห์โรทรา DTAC

ดีแทค (DTAC) องค์กรที่อยู่คู่คนไทยมาโดยตลอด ล่าสุดส่งโครงการ “ดีแทค เน็ตทำกิน” ติดปีกให้ความรู้เรื่องการทำตลาดออนไลน์ให้คนที่ต้องเจอความยากลำบากจากวิกฤติโควิด โดยไม่เกี่ยงอายุหรืออาชีพ เพื่อให้พวกเขาเริ่มต้นใหม่ได้อีกครั้ง แพรว มีโอกาสคุยกับ “คุณชารัด เมห์โรทรา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของดีแทค ถึงการเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาสในโลกธุรกิจ ขณะเดียวกันก็ได้ช่วยเหลือสังคมไทยไปพร้อมๆ กัน

เจาะมุมมองหัวเรือใหญ่ DTAC “ชารัด เมห์โรทรา” ย้ำหนักแน่น “เราไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง”

ในช่วงวิกฤติโควิด-19 ดีแทคต้องเจอกับอะไรบ้าง และคุณชารัดมีวิธีรับมืออย่างไรคะ

“ต้องยอมรับว่าเป็นช่วงเวลาที่ท้าทายครับ โดยเฉพาะตอนที่เมืองไทยล็อกดาวน์ครั้งแรก เมื่อปีที่แล้ว ผมมองว่าเมื่อไรก็ตามที่เกิดวิกฤติ เราต้องมองโลกในแง่บวกเข้าไว้ แล้วรีบปรับตัว ให้เร็ว ถือเสียว่าเป็นโอกาสให้เราได้ลองทำอะไรใหม่ ๆ อย่างภายในองค์กรเองเมื่อมีการประกาศ ล็อกดาวน์ ดีแทคก็เริ่มทำงานแบบ Work from Home ทันที ซึ่งปรากฏว่าพนักงานของเรา สามารถปรับตัวได้ดี มีความยืดหยุ่น คือสามารถทำงานจากที่บ้านหรือที่ไหนก็ได้ และใช้อุปกรณ์ การทำงานได้หลากหลาย ทำให้มีความคล่องตัวมากขึ้น ผมดีใจที่สามารถผลักดันและสนับสนุน ให้พนักงานปรับตัวในเชิงบวก

“ขณะเดียวกันในส่วนของลูกค้าก็ปรับตัวเร็วมากเช่นกัน โดยเฉพาะการใช้งานช่องทางดิจิทัล เพราะวิกฤติโควิดเป็นตัวเร่งให้คนจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีมาช่วย เนื่องจากสังคมมีระยะห่าง มาเจอกัน ยากขึ้น ไม่ว่าจะเรื่องงานหรือกิจกรรมเพื่อความบันเทิงล้วนย้ายมาอยู่ในแพลตฟอร์มออนไลน์และ แอพพลิเคชั่นต่าง ๆ ทำให้ทั้งคนอายุน้อยและอายุมากหันมาใช้ช่องทางออนไลน์มากขึ้น อย่างโปรแกรม Zoom เติบโตขึ้นถึง 500 เปอร์เซ็นต์ในปีที่ผ่านมา ส่วนแอพของดีแทคเองก็มีการใช้งานสูงขึ้นกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งสิ่งที่เราต้องรีบทำด่วนคือพัฒนาระบบแอพพลิเคชั่นของเราให้ดีและรวดเร็วขึ้นอีก

“เริ่มจากรีบพยายามทำความเข้าใจลูกค้า เพื่อดูว่าในช่วงเวลาแบบนี้ลูกค้าอยากได้อะไรที่สุด หนึ่งในนั้นคือในช่วงที่ผ่านมาเศรษฐกิจไม่ค่อยดี ทุกคนลำบาก ดังนั้นเราจึงต้องปรับราคาแพ็คเกจ มือถือให้ทุกคนเข้าถึงได้ ขณะเดียวกันก็พยายามคิดค้นอะไรใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มสิทธิประโยชน์ในการ ใช้งานให้ลูกค้า เช่น การเปิดตัว dtac reward Coins โดย Coins คือเหรียญสะสมจากการที่ ลูกค้าดีแทคได้ทำรายการหรือกิจกรรมต่าง ๆ บนดีแทคแอพ เช่น ซื้อแพ็คเกจ ชำระค่าบริการ เช็กอิน หรือทำกิจกรรมที่กำหนด ก็จะได้เหรียญรางวัล โดยสามารถนำ Coins ที่ได้ไปแลกสิทธิพิเศษ เพิ่มเติมจาก dtac reward เช่น ส่วนลดอาหาร เครื่องดื่ม แพ็คเกจเสริม เป็นต้น เหมือน เป็นคริปโตเคอร์เรนซี่แบบหนึ่ง (ยิ้ม) ซึ่งได้ผลตอบรับดีมาก ทั้งหมดทั้งมวลเป็นผลมาจากการที่ ดีแทครีบศึกษาเรียนรู้ในช่วงเวลาที่เกิดวิกฤติ และปรับเปลี่ยนทั้งรูปแบบการทำงานในองค์กร คิดพัฒนา ผลิตภัณฑ์เพื่อให้ใช้งานง่ายและคล่องขึ้น อีกทั้งตอบโจทย์ผู้บริโภคที่กำลังยากลำบาก ให้เขาได้ใช้เงิน อย่างคุ้มค่าและยังได้สิทธิประโยชน์ตอบแทนด้วย

“ดังนั้นสำหรับผม ในทุกวิกฤติและอุปสรรคที่เกิดขึ้น สิ่งจำเป็นที่สุดคือการปรับมายด์เซต ให้ถูกต้องและมองโลกในแง่บวกเข้าไว้ เมื่อคุณตั้งหลักได้และปรับมุมมองได้ถูกจุด อุปสรรคต่าง ๆ จะหายไป ทำให้เราสามารถหาวิธีรับมือได้ และอาจนำไปสู่ผลงานใหม่ ๆ ได้อีกด้วยครับ”

ชารัด เมห์โรทรา DTAC

ในฐานะผู้นำองค์กร คุณชารัดมีแนวทางในการบริหารงาน โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ยากลำบากอย่างไรคะ

“ผมดีใจและมีความสุขที่ได้มาทำงานที่ดีแทคในช่วงเวลาที่เหมาะสม แม้จะต้อง เผชิญกับโควิด แต่ผมก็ชอบวัฒนธรรมไทยและชอบการทำงานกับคนไทย พูดตรง ๆ ผมว่าพนักงานดีแทคหลายคนมีพรสวรรค์ซ่อนอยู่เยอะมาก ดังนั้นในฐานะผู้นำ ผมจึงพยายามสนับสนุนคนในองค์กรให้กล้าตัดสินใจได้เร็วขึ้นและเรียนรู้ที่จะพัฒนา ทักษะต่าง ๆ ให้เร็ว

“ดังนั้นสไตล์การทำงานของผมคือ การทำให้ระบบยืดหยุ่นและคล่องตัวมาก ที่สุด เพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้ทีมงาน ผ่านคอนเซ็ปต์ Tight – Loose – Tight ‘ ชัดเจน – ยืดหยุ่น – ชัดเจน ’ ซึ่งเป็นลักษณะการทำงานแบบยืดหยุ่น โดย Tight แรก คือการคาดหวังผลงานในด้านต่าง ๆ ที่ต้องออกมาดี ส่วน Loose หมายถึงการ ส่งเสริมให้มีความคล่องตัว ยืดหยุ่น ในแง่ของสถานที่ทำงานและเครื่องมือในการ ทำงาน คือทำงานที่ไหนก็ได้ ใช้อุปกรณ์อะไรก็ได้ พร้อมปรับตัวเปลี่ยนแปลง ส่วน Tight สุดท้ายหมายถึงการประเมินวัดผลว่าสิ่งที่คาดหวังไว้ตั้งแต่แรกจากพนักงานว่า ผลงานนั้นเป็นอย่างไร ซึ่งช่วยให้ดีแทคกลายเป็นบริษัทที่มีการเปลี่ยนแปลงกระบวนการ ทำงานได้รวดเร็วขึ้น ด้วยการลดขั้นตอนงานเอกสารลง สื่อสารกันมากขึ้น ซึ่งเรา พบว่าพนักงานกว่า 95 เปอร์เซ็นต์มีความสุขกับการทำงานด้วยคอนเซ็ปต์นี้ครับ (ยิ้ม)

“ขณะเดียวกันบทบาทของผมในการเป็นผู้นำ ผมต้องแน่ใจว่าสิ่งที่เราทำ คือสิ่งที่ลูกค้าต้องการและใช้งานง่าย เพราะฉะนั้นดีเเทคจึงมีโปรเจ็กต์ค่อนข้างเยอะ เพราะเราคอยปรับเปลี่ยนไปตามพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้า ซึ่งต้องยอมรับ ว่าเปลี่ยนแปลงเร็วมาก งานของเราจึงต้องพร้อมปรับและพัฒนาอยู่ตลอดเวลา”

ในยุคที่พฤติกรรมและความต้องการของลูกค้าเปลี่ยนแปลงเร็ว ดีแทคมีวิธีอัพเดตความต้องการของลูกค้าแล้วนำมาปรับใช้อย่างไรคะ

“เรามีฟีดแบ็กจากผลสำรวจความพึงพอใจจากลูกค้าเวลาเขามาที่ช็อปหรือ ตอนที่ลูกค้าคุยกับคอลเซ็นเตอร์ เราจะรู้ได้ว่าอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปบ้าง พฤติกรรม ลูกค้าเป็นอย่างไร รวมถึงเครื่องมืออะไรที่ลูกค้าต้องการ หรือแพ็คเกจใดที่ลูกค้า อยากได้ อย่างเรื่องการปรับราคาแพ็คเกจมือถือก็เป็นผลพวงมาจากที่เราเก็บ ฟีดแบ็กในช่วงโควิด โดยสิ่งหนึ่งที่ลูกค้าต้องการมากในช่วงนั้นคือ ‘ราคาที่เข้าถึงได้’ เราจึงทำแพ็คเกจซิมดีแทคเติมเงินในราคาที่ถูกและคุ้มทั้งการเล่นอินเทอร์เน็ตและ โทรศัพท์ เพราะในช่วงเวลาที่ไม่สามารถเจอกันได้นั้น ทุกคนจำเป็นต้องติดต่อสื่อสาร เราจึงมีส่วนช่วยให้ลูกค้าสามารถเชื่อมต่อกับชุมชนของเขาได้”

เป็นที่มาของ #BetterTogether ที่ปรากฏอยู่ในจอมือถือหรือเปล่าคะ

“ใช่ครับ อย่างที่บอกว่าพอต้องรักษาระยะห่างทางสังคม ผู้คนเจอกันน้อยลง เราจึงคิดกันว่าจะทำอย่างไรให้เขายังสามารถติดต่อกันได้ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก สิ่งที่ช่วยในการเชื่อมต่อคือโทรศัพท์มือถือ ที่กลายเป็นตัวกลางหลักในการสื่อสาร ไปแล้ว ผมจึงนึกถึงคำว่า Better Together ตามมาด้วยบริการต่าง ๆ เช่น การ ออกอินเทอร์เน็ตแพ็คเกจสำหรับซิมดีแทคเติมเงินในราคาที่ทุกคนเข้าถึงได้อย่างที่ เล่าไป หรือโครงการ dtac’s Jaidee Pharmacy หรือ ‘ดีแทค ใจดีช่วยค่ายา’ ที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้บริการดีแทคทั้ง 19 ล้านหมายเลขได้ส่วนลดราคาจากร้าน ขายยาที่ได้รับใบอนุญาตทั่วประเทศ เพื่อที่จะได้ซื้อยาในราคาที่ถูกลง เรียกว่าเป็น Better Together ในแง่ที่มีสุขภาพดีไปด้วยกัน หรือดีแทคแอพพลิเคชั่นที่เล่าไป เบื้องต้นก็ล้วนตอบโจทย์การเป็นตัวกลางให้ผู้คนได้เชื่อมถึงสิ่งที่พวกเขาต้องการ ผ่านการจัดหาสินค้าและบริการที่เหมาะสมจากเรา และยังมีอีกหลายโครงการที่เรา ทำเพื่อสนับสนุนช่วยเหลือสังคมไทย ทำให้เราภาคภูมิใจในคำว่า #dtactogether มาก ๆ ครับ”

มีโครงการไหนที่ได้ผลตอบรับเกินคาดบ้างไหมคะ

“เรามี ‘ดีแทค เน็ตทำกิน’ (Net for Living) ซึ่งความจริงเราเริ่มโครงการนี้ มาพักใหญ่แล้ว แต่เนื่องจากช่วงโควิด-19 มีคนบางกลุ่มได้รับผลกระทบค่อนข้าง เยอะ เหมือนเขาโดนทิ้งไว้ข้างหลัง เช่น กลุ่มที่ตกงาน หรือคนที่ไม่มีความรู้เรื่อง ดิจิทัล คนอีกมากยังเข้าไม่ถึงเทคโนโลยี เราจึงมีมิชชั่นว่าดีแทคจะติดตั้งเครื่องมือ ดิจิทัลให้คนเหล่านั้นเพื่อช่วยเหลือในเรื่องการทำมาหากิน

“โดยกลุ่มแรกที่เราลงไปช่วยคือคนที่ต้องออกจากงานเนื่องจากโควิด-19 กลุ่มที่สองคือกลุ่มแม่ค้าพ่อค้าในตลาดสด โดยเรานำอินเทอร์เน็ตจากเครือข่ายของเรา ที่มีคลื่น 700 MHz ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีที่สุด มาช่วยเขาทำมาหากิน เพื่อเปลี่ยนจาก การขายในตลาดสดมาสู่ตลาดออนไลน์ ตอนนี้มี 10 ตลาดสดใหญ่ในเมืองไทย ที่เข้าร่วมโครงการนี้ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งพอเราปล่อยแอพพลิเคชั่นนี้ไป ปรากฏว่า มีคนมาสมัครถึง 1,000 คนในสัปดาห์แรก แต่เราต้องจำกัดจำนวนคนไว้ก่อน เพราะ ยังอยู่ในช่วงทดลองและเรียนรู้ เราอยากทำให้ได้ผลออกมาดีจริง ๆ ซึ่งเราก็มั่นใจ ว่ามันจะออกมาดีมาก ๆ และหากช่วยให้เขาค้าขายทางออนไลน์ได้จริง เขาก็จะมั่นใจ พอเขามั่นใจ คนเหล่านี้ก็พร้อมที่จะช่วยเหลือส่งเสริมสังคมต่อไป ซึ่งสุดท้ายแล้ว ก็จะสะท้อนกลับมาที่ดีแทค ทำให้เรามีความสุขไปด้วย ผมจึงตั้งใจให้ ‘ดีแทค เน็ตทำกิน’ เป็นโปรเจ็กต์หลักที่จะมีไปตลอด โดยจะทำต่อเนื่องเป็นซีรี่ส์

“อย่างในเดือนกรกฎาคมนี้จะมีโครงการ ‘ดีแทค เน็ตทำกิน’ ซีรี่ส์สาม ที่เราทำงานกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สอนการใช้งานสมาร์ทโฟน ให้ผู้สูงอายุ เพราะตอนนี้สังคมไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแล้ว แต่หลายคนยังคิดว่า ไม่จำเป็นต้องใช้สมาร์ทโฟน หรือบางคนก็ใช้ไม่เป็น เราจึงอยากสนับสนุนให้เขาใช้ เทคโนโลยีเป็น เพื่อสร้างโอกาสในชีวิตหรือเพื่อประโยชน์ของเขาเอง เช่น มีเพื่อน ทางออนไลน์ หรือเผลอ ๆ เขาอาจจะได้เป็นเน็ตไอดอลวัยชราก็ได้ (หัวเราะ) เราจึง ใช้ชื่อโปรเจ็กต์นี้ว่า Net for Living Diamond Series โดยตั้งใจพัฒนาระบบ สำหรับผู้สูงอายุ อยากให้รอดูกันครับ”

ชารัด เมห์โรทรา DTAC

มีเคสที่น่าประทับใจจากโครงการ “ดีแทค เน็ตทำกิน” ไหมคะ

“ผมชอบเรื่องของคุณโกะครับ เราได้รู้จักเธอเมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว ตอนนั้นเธอคิดว่าผู้ก้าวพลาดอย่างเธอคงไม่สามารถเริ่มต้นชีวิตใหม่แบบคนปกติ ได้อีก จนกระทั่งได้พบกับดีแทค เราสอนให้เธอขายของผ่านช่องทางออนไลน์ เพราะคุณแม่ของคุณโกะมีร้านข้าวต้มในตลาด คุณโกะจึงช่วยขายสินค้าผ่าน ช่องทางออนไลน์ โดยมีสไตล์การขายที่เฉพาะตัวมาก (ยิ้ม) คือมีความนักเลง ๆ หน่อย เสียงดัง แต่กลายเป็นว่าเวิร์คมาก ทำยอดวิวได้เยอะ และใครที่ดูก็อยากเจอ คุณโกะแบบตัวเป็น ๆ จึงเริ่มไปซื้อของที่ร้านในตลาดมากขึ้นด้วย นี่คือตัวอย่างที่ว่า ทุกคนสามารถหาพื้นที่ของตัวเองในโลกออนไลน์ได้ แค่เพียงต้องมีใครช่วยชี้ทาง สักหน่อย

“หรือเรื่องราวของคุณแหม่ม เดิมเธอขายปูดองเกาหลีอยู่ในตลาดที่จังหวัด จันทบุรี เราได้เข้าไปช่วยแนะนำให้เธอขายปูดองผ่านเฟซบุ๊ก ปรากฏว่าทุกวันนี้ ขายดีมาก ทำยอดขายถึง 7 หลัก จากเดิมที่ขายปูได้วันละ 10 ตัว ทุกวันนี้ เธอมีหน้าร้านของตัวเองและขายดีมาก กลายเป็นว่าคุณแหม่มรวยละ (หัวเราะ) นอกจากนี้คุณแหม่มยังก่อตั้งสหกรณ์ขึ้นมาด้วย เพราะหาปูไม่ทันยอดสั่งซื้อ ในออนไลน์ จึงต้องขอซื้อปูต่อจากชาวบ้านผ่านสหกรณ์ ถือเป็นการช่วยเหลือเพื่อนบ้านและชุมชนไปด้วยในตัว

“ส่วนเคสล่าสุดที่เราช่วยคือสอนชาวเขาและชนกลุ่มน้อยที่เชียงดาวให้ขาย สินค้าท้องถิ่นผ่านทางออนไลน์แทน เพราะหลังโควิดไม่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมา เขาขายของกันไม่ได้เลย เราช่วยหาวิธีให้เขาหาเลี้ยงชีพได้ ที่ดีแทคตั้งใจทำในส่วนนี้ ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าความอิ่มใจ แม้จะทำธุรกิจ แต่เรามองว่าเราต้องมีส่วน รับผิดชอบสังคมด้วย จึงคิดเสมอว่าดีแทคจะสนับสนุนผู้คนในแง่มุมไหน ได้บ้าง ดังนั้นเมื่อไรก็ตามที่มีโอกาสช่วยคลี่คลายความทุกข์ ทำให้ผู้คนยิ้มได้ เราก็ภาคภูมิใจครับ”

อีกหนึ่งโปรเจ็กต์ที่ดีแทคให้ความสำคัญและจริงจังมาพักใหญ่แล้วคือโครงการด้านสิ่งแวดล้อม

“ครับ ต้องบอกว่าดีแทคเป็น 1 ใน 10 องค์กรใหญ่ในอุตสาหกรรม โทรคมนาคมที่มีส่วนสร้างมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมให้โลก ดังนั้นอย่างที่บอกว่า ในการทำธุรกิจเราจะคิดเสมอว่ามีอะไรที่สามารถทำเพื่อช่วยเหลือสังคม รวมไปถึง สิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้นได้ เราจึงตั้งใจที่จะแสดงความรับผิดชอบในการลดก๊าซ เรือนกระจกอย่างจริงจัง แต่เรื่องนี้เป็นความท้าทายที่ดีแทคทำเองคนเดียว ไม่ได้ ต้องร่วมมือกับพาร์ตเนอร์ต่าง ๆ ด้วย โดยเรามีเป้าหมายที่จะลดการปล่อย ก๊าซเรือนกระจกให้ได้ 50 เปอร์เซ็นต์ภายในปี 2030 ดังนั้นเราต้องพยายามมาก ๆ ที่จะเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานของการผลิตพลังงาน รวมถึงการจัดการขยะ อิเล็กทรอนิกส์อย่างถูกต้อง เพื่อให้แน่ใจว่าขยะเหล่านี้จะไม่ถูกนำไปกำจัด แบบฝังกลบ ซึ่งเป็นอันตรายกับสิ่งแวดล้อม และเราก็โชคดีที่ได้พาร์ตเนอร์ ทางด้านรีไซเคิลท้องถิ่นที่จะจัดการกำจัดขยะเหล่านี้อย่างถูกต้อง ตอนนี้ จึงตั้งเป้าหมายว่าภายใน 2 ปีจะไม่มีการกำจัดขยะแบบฝังกลบอีกต่อไป”

ในฐานะผู้นำองค์กรที่ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมา คุณชารัดมีวิธีสร้างแรงบันดาลใจในการทำงานอย่างไรคะ

“ผมว่าหลักสำคัญคือเราต้องจัด Work-Life Balance ให้ดี คือทำงานให้เต็มที่ และจัดเวลาอยู่กับครอบครัวด้วย เพราะช่วงเวลาเหล่านั้นจะช่วยเติมพลังให้เราได้ ผมโชคดีที่มีลูกสาวน่ารักถึง 2 คน ดังนั้นในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ผมจะพาลูก ๆ ไปหาของกินอร่อย ๆ กัน โดยเฉพาะอาหารไทยที่เป็นเหมือนอาหารเพิ่มพลัง สำหรับผม (หัวเราะ) เป็นช่วงเวลาพิเศษที่สร้างแรงบันดาลใจดี ๆ ให้ผมได้

“ต่อมาคือคุณต้องรู้จักบทบาทการทำงานของตัวเองและผู้อื่น อย่างผม มองบทบาทของดีแทคว่าเราต้องเป็นอะไรที่เหนือกว่าแค่การเป็นผู้ให้บริการด้าน เทเลคอม นั่นหมายถึงเราทำหน้าที่เชื่อมโยงผู้คนทั้งที่อยู่ในเมืองและต่างจังหวัด ให้เข้าถึงกันผ่านระบบของเรา พอคิดได้แบบนี้ ผมจึงรู้สึกว่ามีแรงบันดาลใจให้ อยากทำงานเพื่อคนอื่นมากขึ้นไปอีกครับ”

สุดท้ายอยากให้คุณชารัดส่งกำลังใจไปถึงบรรดานักสู้ที่ยังอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากสักนิดค่ะ

“อย่างแรกขอให้มองโลกในแง่บวกเข้าไว้ครับ เชื่อมั่นในตัวเอง และคิดว่า เดี๋ยวมันจะผ่านไป ผมเชื่อว่าโควิด-19 ต้องจบลงไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง และเมื่อใด ที่มันจบลง เมืองไทยก็จะกลับมาคึกคักเหมือนเดิมอย่างแน่นอน ผมมั่นใจใน ศักยภาพของคนไทยที่เมื่อล้มแล้วก็จะลุกขึ้นมาได้ ขณะเดียวกันเราควรเก็บ ความทรงจำในช่วงเวลานี้ไว้ เพราะเป็นช่วงเวลาที่เราต้องต่อสู้ผ่านความยากลำบาก ไปด้วยกัน

“ส่วนถ้าใครยังเผชิญกับความลำบาก หาทางออกไม่ได้ ลองคลิกเข้ามาดูโปรเจ็กต์ ‘ดีแทค เน็ตทำกิน’ ได้นะครับ โอกาสดีๆ ยังรอคุณอยู่”

SHARAD & dtac’s STYLE

  • ยืดหยุ่น ปรับตัว ต่อยอด
  • มองปัญหาในมุมบวก
  • Work-Life Balance แบ่งเวลาการทำงาน และการอยู่กับครอบครัวอย่างสมดุล
  • ธุรกิจจะประสบความสำเร็จดียิ่งขึ้น เมื่อคิดถึงประโยชน์ของผู้คนในสังคมด้วย

ที่มา : นิตยสารแพรว ฉบับ 970

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

คว้าโอกาสในวิกฤติ “เอิร์น ธัญนิจ ขุนพินิจ” ผู้สร้างแบรนด์ Avia by Union Alcohol

ตี๋ พัฒนพงศ์ & เพชร กวินวัชร์ ฝ่าวิกฤติธุรกิจสปา สู่ Supplement หน้าใหม่ยอดขายกระฉูด

20 ปี บนเส้นทางอาหารสุขภาพ “หลิง-จันทิมา ติยะวัชรพงศ์” ผู้บุกเบิกแบรนด์ HappyMate

‘วันศุกร์ มีดวงถูกใจป๋า แต่คุณไม่โอเค ขอรอต่อไป’ ดูดวงรายวัน 28 พฤษภาคม 2564

ดูดวงรายวัน 28 พฤษภาคม 2564 #หมอปุ้ยพยากรณ์ เช็กทุกวัน เป๊ะปังทุกดวง ทั้งการงาน การเงิน ความรัก และสุขภาพ

 ‘วันศุกร์ มีดวงถูกใจป๋า แต่คุณไม่โอเค ขอรอต่อไป’

ดูดวงรายวัน 28 พฤษภาคม 2564

ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์

การงาน  :   หากคุณกำลังจะเข้าสู่การประมูลงาน หรือลงสนามแข่งขันนในช่วงเวลาอันใกล้นี้ ซึ่งคุณคาดหวังความสำเร็จอย่างแรงกล้า ทางที่ดีวันนี้ควรยึดความถูกต้อง และศีลธรรมเป็นหลักมากกว่าจะทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องชอบธรรมเพื่อให้ตัวเองชนะ เพราะดวงบริวารของคุณยังไม่ดี ยิ่งหากคุณไปรับอาสาผู้บังคับบัญชาด้วยแล้ว มีโอกาสที่จะถูกผู้ที่เคยช่วยเหลืองานกันเท หรือทรยศหักหลังคุณอย่างไม่คาดคิด

การเงิน  :  มีโอกาสได้เงินพิเศษจากงานพิเศษ ไม่ว่าจะได้มากน้อยแค่ไหน คุณก็พอใจ แต่คุณจะใช้เงินมากกว่าที่ได้รับ จึงควรหาผู้จัดการมาดูแลทรัพย์สินโดยด่วน

ความรัก : ชีวิตคู่ของคุณมีปากเสียง ยั่วยุกันตลอด วันนี้คุณพยายามนิ่ง สงบ ใจเย็น อาจเพราะกำลังมีเป้าหมายอื่นอยู่ในใจหรือเปล่า    คนโสด  มีโอกาสพบคนถูกใจแบบธรรมะสายแข็ง ถึงขนาดทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เขามา หลงใหลได้ปลื้มเพียงชั่วเดี๋ยวเดียว คุณก็เบื่อแล้ว

สุขภาพ :  ควระวังเรื่องลำไส้อักเสบ กระเพาะอาหาร อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ

 

ผู้ที่เกิดวันจันทร์

การงาน  :  คุณมีความรู้ ความสามารถ และความคิดสร้างสรรค์ รวมถึงความทะเยอทะยานที่จะประสบความสำเร็จ จึงสามารถทำงานได้หลากหลายสาขา ไม่ว่าจะธุรกิจ การเมือง การปกครอง การบัญชี นักเศรษฐศาสตร์ ฯลฯ มีความเป็นไปได้ว่างานจะดำเนินมาถึงวาระสุดท้าย ซึ่งวันนี้เป็นการจบเพื่อเริ่มต้นใหม่ที่ดีกว่า คุณจะมีโอกาสได้เข้าไปทำงานหรือเกี่ยวข้องกับงานการเกษตร ไม่ว่าจะเป็นเกษตรกร นักออกแบบตกแต่งสวน ศิลปินสาขาศิลปวัฒนธรรม นักธุรกิจโอท็อป ฯลฯ ซึ่งคุณจะมีชื่อเสียงโดดเด่นและประสบความสำเร็จ

การเงิน : แม้คุณจะบริหารเงินเก่งเพียงไร แต่หากคุณยังจับจ่ายใช้สอย ซื้อของราคาแพง ก็มีโอกาสที่คุณจะเดือดร้อนเข้าขั้นวิกฤติ ก็โชคดีที่วันนี้ยังมีรายได้จากการขายที่ดินหรือผลิตผลทางการเกษตรมาช่วยประคับประคอง

ความรัก :  คุณมีภาวะผู้นำสูง วันนี้แม้จะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน แต่ก็มีโอกาสที่จะไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตคู่ แต่กลับไปสมหวังกับอีกคนหนึ่ง โห!! ซับซ้อนมาก คนโสด คุณมีภาวะผู้นำสูง จึงอยากได้ผู้ที่เป็นช้างเท้าหลัง คอยเป็นกำลังใจเบื้องหลัง แต่ที่คบอยู่อาจไม่ใช่ วันนี้จึงเดินมาถึงจุดที่ต้องเลิกรากัน เพื่อพบคนที่ใช่

สุขภาพ  : ควรระวังเรื่องการขาดสารอาหาร หรือได้รับวิตามินบางตัวน้อยเกินไป โดยมีสาเหตุมาจากการเลือกรับประทานแต่อาหารที่ชอบ จึงควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่

 

ผู้ที่เกิดวันอังคาร

การงาน :  คุณเริ่มเข้าสู่โหมดพอใจ มีความสุขกับงานที่ทำ ไม่ดิ้นรน ทะเยอทะยานอยากได้อยากเป็นมากกว่าที่เป็นอยู่ วันนี้มีความเป็นไปได้ที่คุณจะถูกชักชวนหรือทาบทามให้เข้าไปทำงานกับธุรกิจของครอบครัว ควรเตรียมแผนงานมาก่อนล่วงหน้า หรือควรคิดไตร่ตรองให้รอบคอบ เพราะมีโอกาสที่คุณจะตกอยู่ท่ามกลางสถานการณ์ที่อึดอัดคับข้องใจ โดยคุณต้องอาศัยปฏิภาณ ไหวพริบ เพื่อเซฟตัวเองให้รอดพ้นจากความล้มเหลวหรือความผิดพลาดที่จะเกิดขึ้น

การเงิน :  พอเพียง ยึดทางสายกลาง ใช้ชีวิตอยู่อย่างสมถะ แต่หากคิดจะลงทุน ควรลงทุนระยะสั้นจะดีกว่าระยะยาว วันนี้ก่อนที่จะควักกระเป๋าจ่ายเงินก็ควรมีสติ เพราะอาจต้องเสียเงินก้อนใหญ่จากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์

ความรัก : คุณเริ่มเข้าสู่โหมดนิ่งสงบ แม้จะรู้ว่าคู่คุณกำลังแชทกิ๊กกั๊กกับสาวอื่นก็ตาม เพราะเขาเป็นบ่อยจนชิน  คนโสด วันนี้ชายในฝันของคุณ น่าจะเป็นระดับธรรมะสายแข็ง วันนี้คุณมีโอกาสได้พบกับเขาด้วย เจอปุ๊บรักปั๊บเลยทีเดียว

สุขภาพ  :  ระบบหมุนเวียนเลือดจะมีปัญหา มีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการหน้ามืด วิงเวียนศีรษะ จนถึงเป็นลม จึงควรรับประทานอาหาร ผักผลไม้ และวิตามินเสริมที่ช่วยในการบำรุงเลือด

 

ผู้ที่เกิดวันพุธ

การงาน :  วันนี้หากคุณตั้งใจจะทำอะไรแล้ว ใครก็ขวางไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณทำงานหรือเกี่ยวข้องกับการเดินทางเคลื่อนที่ เช่น ไรเดอร์ เดลิเวอร์รี่ โลจิสติกส์ นำเข้าส่งออก หรือยวดยานพาหนะ ฯลฯ ซึ่งคุณรักการแข่งขัน ชอบความท้าทาย จึงมีความเป็นไปได้ที่จะได้เริ่มต้นงานใหม่ยังสถานที่แปลกใหม่ หรือโยกย้ายไปอยู่ในหน่วยงานที่มีผลตอบแทนสูงกว่า ซึ่งถูกจริตของคุณ แต่ก็ไม่ควรทำงานด้วยอารมณ์ เพราะมีโอกาสที่งานจะเสียหายอย่างไม่น่าจะเกิดขึ้น

การเงิน : นอกจากคุณจะบริหารเงินตัวเป็นเกลียวแล้ว ก็ไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเงินที่ไม่ถูกต้องหรือการเสี่ยงโชค เพราะเสี่ยงต่อการถูกมิจฉาชีพหลอก หรือโกงสูงมาก

ความรัก :  แม้คุณรักและให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ของครอบครัวมากเพียงใด แต่หากคุณตั้งใจจะทำอะไรแล้ว ใครก็ห้ามไม่ได้ วันนี้จึงมีความเป็นไปได้ที่คุณจะตัดสินใจเดินทางไปทำงานที่อื่น คนโสด  คุณมีบุคลิกที่มีเสน่ห์ ดึงดูดความสนใจของผู้ที่ได้พบเห็น วันนี้คุณมีโอกาสพบรักขณะเดินทาง

สุขภาพ : ภูมิแพ้มาแล้วจ้า มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดจากการรับประทานอาหารที่ไม่สดสะอาด สุกๆ ดิบ ซึ่งจะทำให้คุณมีอาการแพ้อาหาร เป็นเม็ดผื่นคัน รวมถึงท้องเสีย มีพยาธิ์อยู่ในลำไส้

 

ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี

การงาน  : นับว่าคุณโชคดี ได้ผู้ใหญ่ส่งเสริมสนับสนุน และให้ความช่วยเหลือในการทำงาน รวมถึงเพื่อนร่วมงาน และผู้บังคับบัญชาก็เมตตาเอ็นดูคุณเป็นพิเศษ จนเสี่ยงกับการถูกอิจฉาตาร้อน ถูกใส่ร้ายป้ายสีให้คุณตกเป็นแพะรับบาป หรือตกอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ต้องรับผิดชอบงานเพิ่มจากที่ตกลงกันไว้ เพราะฉะนั้นวันนี้จึงควรลดอีโก้ในตัวเองลง โดยสนใจความรู้สึกนึกคิดของเพื่อนร่วมงานด้วย เพื่อป้องกันดราม่าที่จะเกิดขึ้น

การเงิน :  ดวงการเงินดี ไม่ต้องทำงานหนักก็มีเงินให้ใช้สอยได้ตลอด วันนี้คุณจึงเลือกให้ความสำคัญกับตัวงานมากกว่าตัวเงิน

ความรัก : วันนี้หากผู้ใหญ่จะเข้ามาให้คำปรึกษาและเสนอแนะแนวทางในการใช้ชีวิตคู่ คุณจะหวังพึ่งคู่ให้ออกรับแทนคงไม่ได้ เพราะเขาจะยกให้คุณเป็นหลักในการตัดสินใจ คนโสด  วันนี้มีเสน่ห์กับผู้ใหญ่นะคะ เพราะเขาชอบคุณตรงที่เอาการเอางาน เป็นหลักให้กับครอบครัว

สุขภาพ :  เดินดีๆ ระวังหกล้ม หรือบาดเจ็บกล้ามเนื้อ กระดูก และเส้นเอ็น โดยเฉพาะช่วงขาและหลัง

 

ผู้ที่เกิดวันศุกร์

การงาน : นับว่าคุณโชคดี มีผู้ใหญ่ช่วยเหลือ ให้การส่งเสริมและสนับสนุน รวมถึงเพื่อนร่วมงาน และผู้บังคับบัญชาก็เมตตาและเอ็นดูคุณเป็นพิเศษ ซึ่งคุณก็หมกมุ่นครุ่นคิดถึงแต่ความสำเร็จ เรียกว่าทุ่มเวลาทั้งหมดให้กับงานจนไม่ปฏิบัติภารกิจส่วนตัวเลย แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่สาแก่ใจ เพราะวันนี้มีความเป็นไปได้ที่เจ้านายสูงสุดจะกดดันให้คุณใช้ความรู้ ความสามารถ ทำงานหนักขึ้นกว่าเดิมอีก

การเงิน : คุณใจกว้าง หาเงินได้เท่าไหร่ก็ให้คนอื่นหมด โดยเฉพาะผู้ใหญ่ ญาติพี่น้อง แต่ก็ไม่ควรตกเป็นเหยื่ออามิสสินจ้าง หรือเงินที่ไม่ถูกต้อง เพราะจะทำให้คุณเดือดร้อนภายหลัง

ความรัก : เวลาทั้งหมดคุณพลีให้กับงาน จนไม่มีเวลาให้กับครอบครัว รวมถึงผู้สูงอายุ ก็โชคดีที่วันนี้คู่คุณเป็นหลักของคุณได้ คอยช่วยเหลือและแนะนำข้อคิดที่ดีมีประโยชน์ คนโสด วันนี้มีความเป็นไปได้ที่จะมีผู้สูงอายุมาชอบ แต่คุณพอใจที่จะรอคอยผู้ที่เหมาะสมกับคุณมากกว่า ซึ่งกว่าจะได้เจอก็น่าจะอายุ 35-40 ปี

สุขภาพ : ระบบย่อยอาหารจะมีปัญหา มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคกระเพาะ ลำไส้อักเสบ มีอาการปวดหรือเสียดท้อง

 

ผู้ที่เกิดวันเสาร์

การงาน : นับว่าคุณโชคดี ผู้ใหญ่ช่วยเหลือ ให้การสนับสนุนและส่งเสริม รวมทั้งเพื่อนร่วมงาน และผู้บังคับบัญชาก็ให้ความเมตตา เอ็นดูคุณเป็นพิเศษ จึงมีความเป็นไปได้ที่คุณจะได้เริ่มงานใหม่ หรือมีโครงการที่จะปรับปรุงหรือพัฒนางานที่ทำอยู่ แต่ก็ควรลดอีโก้ในตัวเองลง พร้อมกับเปิดใจรับฟังความคิดเห็นของคนอื่นด้วย ไม่เช่นนั้นจะเกิดการขัดแย้งกันอย่างรุนแรง จนงานเสียหาย หากคุณผิดพลาดหรือล้มเหลวก็จะถูกรุมกระหน่ำซ้ำเติมอีกต่างหาก

การเงิน :  คุณใจกว้าง ชอบช่วยเหลือผู้อื่น โดยเฉพาะกับญาติพี่น้อง ผู้ใหญ่ในบ้าน วันนี้เขาอาจนำความเดือดร้อนมาให้จนคุณต้องสูญเงินก้อนใหญ่

ความรัก :  มีความเป็นไปได้ที่ผู้ใหญ่จะเข้ามามีส่วนร่วมเสนอแนะและออกความคิดเห็นกับคู่ของคุณ แต่ยิ่งจะทำให้คุณกับคู่ไม่เข้าใจกันมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะปัญหามือที่สาม คนโสด มีความเป็นไปได้ที่คุณอาจตกเป็นรักที่ซ่อนเร้น ไม่เปิดเผยของท่าน (ผู้บริหารในออฟฟิศ หรือเจ้านาย) นะคะ

สุขภาพ :  อวัยวะที่ควรให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษคือ กล้ามเนื้อขา กระดูก รวมถึงเส้นเอ็น โดยเฉพาะบริเวณหลังและขา เพราะคุณเดินมาก จึงมีโอกาสที่จะเกิดการบาดเจ็บได้มากกว่าอวัยวะส่วนอื่น

 

 

โควิดสายพันธุ์ไทย

สำนักงานสาธารณสุขอังกฤษแถลงกำลังสอบสวน โควิดสายพันธุ์ไทย C.36.3

Alternative Textaccount_circle
โควิดสายพันธุ์ไทย
โควิดสายพันธุ์ไทย

สำนักงานสาธารณสุขอังกฤษ (Public Health England – PHE) ได้เปิดเผยว่ามีการตรวจพบ โควิดสายพันธุ์ไทย C.36.3ในสหราชอาณาจักร

สำนักงานสาธารณสุขอังกฤษแถลงกำลังสอบสวน โควิดสายพันธุ์ไทย C.36.3

โควิดสายพันธุ์ไทย

สำนักข่าวในอังกฤษหลายสำนัก เช่น mirror, thesun, reuters,metro,express ฯลฯ ได้รายงานตรงกันว่าพบโควิดสายพันธุ์ไทยในอังกฤษ โดยข้อมูลในครั้งนี้ถูกเปิดเผยจาก สำนักงานสาธารณสุขอังกฤษ (Public Health England – PHE) ซึ่งแถลงว่าพบเชื้อโควิดกลายพันธุ์ชนิดใหม่นี้ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (24 พ.ค. 2564) ในประชาชนในอังกฤษแล้ว 109 ราย

 โควิดสายพันธุ์ไทย C.36.3

 โควิดสายพันธุ์ไทย C.36.3

โดยตั้งชื่อให้ว่า VUI-21MAY-02 หรือชื่อย่อ C.36.3 โดย VUI เป็นตัวย่อของศัพท์ทางวิชาการว่า Variant Under Investigation หรือ สายพันธุ์ที่อยู่ระหว่างการสอบสวน โดยสายพันธุ์ C.36.3 นี้ ถูกพบครั้งแรกในประเทศไทยในผู้เดินทางมาจากอียิปต์

ในขญะนี้ยังไม่มีหลักฐานชี้ว่าสายพันธุ์นี้ทำให้โรคนี้มีอาการรุนแรงมากขึ้น หรือ ทำให้วัคซีนที่ใช้การอยู่ลดประสิทธิภาพลง ทั้งนี้กำลังอยู่ระหว่างทำการทดลองในห้องปฏิบัติการ เพื่อทำความเข้าใจกับสายพันธุ์นี้ให้ดียิ่งขึ้น

ทั้งนี้สำนักงานสาธารณสุขของอังกฤษ ระบุอีกว่าจะออกติดตามหาผู้ได้รับเชื้อคนอื่น ๆ และตรวจหาเชื้อเฉพาะกลุ่มเพื่อสกัดการระบาดของสายพันธุ์นี้


ข้อมูลจาก : www.mirror.co.uk,ch3plus.com
มิว ศุภศิษฏ์ จงชีวีวัฒน์

11 ปี สู้เพื่อฝัน “มิว ศุภศิษฏ์ จงชีวีวัฒน์” ผู้ชายที่ทำเต็มร้อยทุกเรื่องในทุกวัน

Alternative Textaccount_circle
มิว ศุภศิษฏ์ จงชีวีวัฒน์
มิว ศุภศิษฏ์ จงชีวีวัฒน์

นอกจากการเป็นนักแสดง “มิว ศุภศิษฏ์ จงชีวีวัฒน์” ยังควบอีกหลายบทบาท ทั้งว่าที่ ดร. เจ้าของสตูดิโอค่ายเพลงในชื่อ Mew Suppasit Studio รวมถึงพิธีกรรายการ TPOP STAGE ระยะเวลาที่เขาอยู่ในวงการบันเทิงมา 11 ปี ผ่านอุปสรรคหลากหลาย ที่เข้ามาทดสอบตั้งแต่วันแรก และยังคงทดสอบเขาอยู่จนถึงวันนี้

11 ปี สู้เพื่อฝัน “มิว ศุภศิษฏ์ จงชีวีวัฒน์” ผู้ชายที่ทำเต็มร้อยทุกเรื่องในทุกวัน

เล่าถึงวันที่กว่าจะเป็นมิวที่มีชื่อเสียงสักนิดนะคะ

“กว่าจะถึงวันนี้ผมเคยแคสติ้งเป็นร้อยงานเลยครับ ทั้งโฆษณา งานแสดง แต่ได้จริงๆ แค่ 3-4 งาน ช่วงนั้นผมอดทนมาก ไปนั่งรอแคสติ้งเป็นวันๆ ที่ยากอาจเพราะผมเรียนวิศวะ (คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ) มาทางสายคิดวิเคราะห์ที่เป็นระบบมากๆ บางทีจึงขาดจินตนาการบางอย่าง ขัดกับการแสดงที่ต้องมีความเชื่อในบทบาทนั้นสุดๆ ทั้งเชื่อในคาแร็คเตอร์ สถานการณ์ คือผมมักจะเกิดความคิดโต้แย้งว่า ถ้าเป็นเราจะไม่คิดอย่างตัวละครหรอก เราจะไม่พูดอย่างนั้น ช่วงแรกจึงเล่นอะไรไม่ได้เลย

“ตอนนั้นผมไม่ได้มองว่าตัวเองมีข้อเสียตรงจุดไหน คิดว่าโมเดลลิ่งเรียกเราไปแคสติ้งไม่ตรงกับคาแร็คเตอร์หรือเปล่า เพราะการแคสติ้งมีหลายประเภท เฉพาะความเป็นผู้ชายก็มีหลายลุค เช่น ลุคคนไทย ต่างชาติ นอกจากนี้ผมยังเคยคิดว่าทีมแคสติ้งคงไม่ชอบเรามั้ง รวมๆ คือโทษคนอื่นตลอด สุดท้ายโทษจนไม่รู้จะโทษใครแล้ว ก็วนมาที่การถามตัวเองว่าเราดีพอหรือยัง จึงได้คำตอบว่าเราขาดทักษะการแสดง นับแต่นั้นผมก็เลิกโทษคนอื่น

“เมื่อรู้ว่าเล่นไม่เก่ง ผมจึงไปเรียนแอ๊คติ้งอยู่หลายที่ แล้วค่อยกลับไปแคสติ้งใหม่ ปรากฏว่าผ่าน จึงได้บทเรียนว่าควรหมั่นรีเช็กตัวเอง ไม่ใช่เอะอะ ก็โทษคนอื่น เพราะปัญหาที่เกิดจากตัวเองแก้ได้ง่ายมาก คือแก้ที่ตัวเองครับ ผมจึงไปสมัครเรียนแอ๊คติ้ง 2 ปี เรียนทุกสัปดาห์ ทำการบ้านทุกวัน กระทั่งเริ่มแคสติ้งงานผ่านมากขึ้น”

ตอนที่ฝึก ทำการบ้านอย่างไรบ้างคะ

“แต่ละสัปดาห์ผมได้รับโจทย์ไม่เหมือนกัน ช่วงแรกเป็นการฝึกทักษะการแสดง ละลายพฤติกรรม จากนั้นเป็นการฝึกใช้ร่างกาย อารมณ์ ส่วนเรื่องคาแร็คเตอร์ ต้องทำการบ้านว่าบทนั้นมีภูมิหลังยังไง สามารถตีความแบบไหนได้บ้าง และนอกจากสคริปต์แล้ว เราสามารถแต่งเติมตัวละครให้สมจริงขึ้นได้อีกไหม เช่น ซีรี่ส์เรื่องใหม่ Aquarium Man ผมรับบทเป็นสัตวแพทย์ ในสคริปต์บอกมาแล้วว่าครอบครัวเป็นยังไง แต่เพื่อความสมจริงผมจึงฝึกดีเทลเพิ่มด้วย เช่น ตัวละครแปรงฟันยังไง ฟังเพลงแบบไหน คือยิ่งเราทำการบ้านละเอียด ก็สามารถลงไปในคาแร็คเตอร์ได้มากเท่านั้น ขณะเดียวกันก็จะศึกษาจากหนัง แม้กระทั่งผู้คนที่เจอก็เก็บคาแร็คเตอร์มาศึกษาได้หมดเลยว่าแต่ละคนมีพฤติกรรมยังไง นั่งท่าไหน รวมถึงต้องศึกษาจากกองถ่ายด้วย เพราะบางคนเรียนแอ๊คติ้งมาเยอะ แต่พอมาเจอกองถ่ายจริงจะตื่นเต้น การออกกองจะช่วยเพิ่มประสบการณ์ได้อย่างเห็นผลชัดเจนครับ”

มิว ศุภศิษฏ์ จงชีวีวัฒน์

นอกจากทักษะการแสดง เรื่องยากในวงการบันเทิงคืออะไรคะ

“เนื่องจากการเป็นศิลปินซึ่งทำหน้าที่สร้างผลงาน เรื่องยากคือจะทำยังไงให้เราสามารถสร้างผลงานได้เรื่อยๆ แน่นอนว่าถ้ามีเงินทุนก็สามารถทำได้ ถ้าไม่มีก็ต้องรอโอกาส หรือต้องวิ่งหาโอกาส ขณะเดียวกันก็ต้องเตรียมพร้อมรับโอกาสอยู่เสมอ เพราะถ้าอยู่เฉยๆ คนที่มีความสามารถรุ่นใหม่ๆ ก็พร้อมจะเข้ามาเต็มไปหมด การอยู่นิ่งๆ จะเหมือนเราเดินถอยหลัง

“ผมไม่เคยกดดันเวลาที่มีคนใหม่ๆ ก้าวเข้ามา เพราะรู้ว่าเป็นจังหวะเวลาของเขา เราเองก็มีช่วงเวลาของเรา ทุกคนมีทางของตัวเอง สุดท้ายเราจะไปเบียดเส้นทางเพื่อแย่งงานเขามาก็ไม่ใช่ ผมไม่อยากไปแข่งขันกับใคร แค่อยากตั้งใจทำผลงานของตัวเอง เพราะผมก็มีเส้นทางที่ชัดเจนมากๆ”

เป็นที่มาของการเปิดสตูดิโอทำค่ายเพลงของตัวเองใช่ไหมคะ

“ใช่ครับ การร้องเพลงเป็นหนึ่งในงานที่ผมชอบ เพราะได้เล่าเรื่องตัวเอง คนรู้จักตัวตนเราผ่านบทเพลง สำหรับเรื่องเพลงผมใช้วิธีเรียนรู้จากคนที่ทำงานด้วยกัน ทั้งโปรดิวเซอร์ ศิลปินที่มาร่วมแจม และผู้กำกับ รวมถึงศึกษาจากงานของตัวเองด้วย พอจบงานแต่ละชิ้นจะมาดูว่าแฮ็ปปี้ไหม บกพร่องตรงไหน แล้วจะเอาไปพัฒนาในเพลงอื่นได้ยังไง”

ในฐานะเจ้าของค่ายเพลง สู้เพื่องานตัวเองขนาดไหนคะ

“ผมลงดีเทลทุกขั้นตอน ตั้งแต่เลือกว่าจะชวนใครมาเป็นโปรดิวเซอร์ ให้ใครทำดนตรี ใครแต่งเนื้อร้อง เลือกนักร้องที่จะมาฟีเจอริ่ง จากนั้นก็ลงคอนเซ็ปต์ว่าเป็นเพลงแนวไหน เล่าอะไร พอเขาแต่งเนื้อเสร็จ ผมก็ต้องเข้าไปดู ส่วนเรื่องดนตรี ก็ต้องฟังเดโม่เพื่อดูว่าใส่เครื่องดนตรีอะไรลงไปได้อีกบ้าง พออัดเสียงเสร็จ ก็ถึงตอนมิกซ์เพลง แล้วส่งมาสเตอร์เพลงให้ผู้กำกับไปทำเอ็มวี ร่วมคิดคอนเซ็ปต์ เลือกนักแสดง เสื้อผ้า ฉาก ต้องลงทุนเท่าไร ตอนถ่ายก็ต้องนั่งดูมอนิเตอร์ พอตัดต่อเสร็จก็ตรวจงาน บางครั้งเขาเล่าเรื่องไม่ถูกใจ ผมก็เรียงใหม่นะ พอตัดเสร็จ ก่อนจะปล่อยเพลงก็ต้องวางแผนพีอาร์ว่าปล่อยช่องทางไหนได้บ้าง ระยะเวลา ตอนไหนดี เป็นต้นครับ”

ขั้นตอนที่ยากของการทำงานเพลงคืออะไรคะ

“จุดที่พอดีในเพลงนั้นครับ เพราะไม่รู้ว่าเวอร์ชั่นนี้คือเพราะที่สุดแล้วหรือยัง เวลาฟังเพลงผมจะไม่ให้ทีมงานเรียงลำดับมาว่านี่คือเวอร์ชั่น 1 2 3 4 เพื่อไม่ให้เกิดอคติ บางเพลงฟังเป็นร้อยรอบ แล้วค่อยโหวตว่าชอบอันไหน ซึ่งบางครั้งอันที่เราชอบก็คือเวอร์ชั่นแรกนั่นแหละ”

ใช้พลังจากไหนมาทุ่มให้กับงานขนาดนี้คะ

“มันคือสิ่งที่ผมชอบ อยากทำ และต้องทำครับ เวลาทำงานผมทุ่มให้เต็มร้อย เคยรับงานหนักสุดคือ 11 ชิ้นต่อวัน ซึ่งไม่ดีนะครับ เพราะสุดท้ายโหมหนักไปจนต้องเข้าโรงพยาบาล ตอนหลังถ้ามีเวลาพักผ่อนก็พยายามพักให้เต็มร้อย อย่างตอนนี้ผมอยากทำงานวงการบันเทิงให้เต็มที่ ก็พักเรื่องการเรียนปริญญาเอก (สาขาวิศวกรรมอุตสาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ) ไว้ก่อน”

มิว ศุภศิษฏ์ จงชีวีวัฒน์

ถ้าให้เปรียบเทียบเส้นทางในวงการบันเทิง สำหรับมิวคือคำว่าอะไรคะ

“สีสันครับ วงการนี้มีทุกอย่างจริงๆ มีทั้งวันที่เราแฮ็ปปี้กับวันที่เจอเรื่องแย่ บางครั้งรู้สึกว่าเราตั้งใจสร้างผลงาน แต่ทำไมต้องถูกโจมตี สุดท้ายเราคงไปห้ามใจใครไม่ได้ ทำได้แค่ตั้งใจทำงานของตัวเอง ซึ่งที่จริงก็เพราะไม่รู้เหมือนกันว่าควรต้องทำยังไง (ยิ้ม) รู้แค่ว่าถ้าไปตอบโต้ก็ไม่จบ ควรตั้งใจทำงานดีกว่า”

หมายถึงคอมเมนต์ในโซเชียลด้วยใช่ไหม

“ครับ ผมเข้าไปอ่านบ้าง แล้วแต่เรื่อง บางทีบอกตัวเองว่าแค่เราแฮ็ปปี้กับตัวเองก็พอ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่สนใจเลย เพราะบางอย่างที่คนชมเยอะก็เอาไปต่อยอดได้ ถ้าเรื่องไหนคนไม่ชอบก็พัฒนา รวมถึงใช้วิธีคุยกับคนใกล้ตัวด้วย แต่สุดท้ายผมใช้ความพึงพอใจของตัวเองเป็นหลัก เพราะเคยผ่านช่วงเวลาที่เอาใจ ไปไว้ที่คนอื่นเยอะจนสุดท้ายเป็นทุกข์”

เล่าให้ฟังได้ไหมคะ

“สมัยเด็กผมไม่มั่นใจเลย ไม่กล้าออกไปพูดหน้าชั้น ไม่กล้าจับไมค์ เพราะมือสั่น กลัวไปหมดว่าครูกับเพื่อนจะคิดยังไง ที่พูดออกไปจะดีหรือเปล่า แต่ไม่เคยเช็กตัวเองว่าเตรียมตัวมาดีพอไหม เต็มที่หรือยัง เพราะถ้าเต็มที่กับมันแล้ว เตรียมมาแค่ไหนก็ได้แค่นั้น ถ้าเราเต็มที่ พึงพอใจ ก็จบ

“ผมเริ่มมีความมั่นใจตอนที่ไปเรียนร้องเพลงครับ แม้ร้องได้ไม่ดีมาก แต่นี่คือตัวเรา คนอื่นจะมองยังไงก็ช่าง และได้คำตอบว่าซ้อมมาแค่ไหนก็ได้แค่นั้น ถ้าอยากเก่งกว่าเดิมก็ต้องฝึก ต้องพัฒนา ผมจึงฝึกร้องมาเรื่อยๆ จนความรู้สึกกลัวความคิดคนอื่นเริ่มหายไป

“เหมือนวันนี้ที่ก่อนทำงานผมจะให้ความสำคัญกับการเตรียมตัวทำการบ้าน และถ้าทำเต็มที่ก็คือสบายใจแล้ว พอแล้ว ไม่ต้องเช็กฟีดแบ็กเยอะ เพราะแน่นอนว่าเมื่ออยู่ท่ามกลางสปอตไลต์ย่อมต้องมีคำวิจารณ์ ยิ่งไปอ่านคอมเมนต์ตัวพิมพ์ เราไม่รู้ว่าอินเนอร์ขณะที่เขาพิมพ์จริงๆ คืออะไร เขาอาจจะพิมพ์ภาษาห้วน แต่ไม่ได้ตั้งใจให้ความหมายเป็นเหมือนที่เรารู้สึกว่าเขาเหน็บก็ได้”

เวลาเจอเรื่องดราม่ารับมืออย่างไร

“เวลาเจออะไรก็กระทบใจเป็นธรรมดา แต่ผมอาจจะเป็นคนแปลกนิดนึง (หัวเราะ) เวลาโกรธมากๆ ผมจะศึกษามัน คือยังไม่ปล่อยไป เป็นการศึกษาเพื่อไว้ใช้กับงาน พอต้องเล่นซีนที่มีอารมณ์โกรธ แค่นึกถึงเรื่องที่เคยรู้สึก อารมณ์ก็จะจุดติดเลย แต่สำหรับคนทั่วไปผมแนะนำว่าปล่อยไปดีกว่าครับ อย่าเก็บเอาไว้

“ผมโชคดีอย่างหนึ่งที่ทำงานด้านนี้ พอผู้กำกับสั่งคัตก็โยนอารมณ์ตรงนั้นทิ้งลงได้ ซึ่งกว่าจะโยนทิ้งได้มันก็ไม่ง่าย ต้องฝึกการทำสติมาก่อนด้วย ผมไม่ได้ศึกษาธรรมะ แต่ได้เรียนรู้เรื่องสติจากวิชาแอ๊คติ้งล้วนๆ มันคือการอยู่กับปัจจุบัน ต้องมีสมาธิอยู่กับบทบาทนั้น เช่น เวลาจะเข้าฉากเราต้องเชื่อมากๆ ว่าเป็นตัวละครตัวนั้น ต้องอยู่กับบท แล้วจินตนาการบรรยากาศขึ้นมา

“สำหรับเรื่องโซเชียล ผมว่าบางคนอาจจะอินกับโลกในนั้นมากจนลืมโลกข้างนอกที่เราได้พบปะกันจริงๆ การออกจากโซเชียลสำหรับผมง่ายมาก แค่ปิดมือถือ ปิดอินเทอร์เน็ต ไปเล่นกับหมา อ่านหนังสือ ก็คือไม่เห็นแล้ว ผมไม่ได้ท้อแบบเครียดหนัก เพราะรู้สึกว่าทำงานนี้แล้วมีความสุข ขณะที่คนอื่นอาจจะมีมุมมองที่ต่างออกไป แค่มายด์เซตไม่ตรงกัน เรื่องพวกนั้นจึงไม่ได้บั่นทอนมากนัก”

ครอบครัวให้กำลังใจอย่างไรบ้าง

“ที่จริงผมนี่แหละต้องคอยซัพพอร์ตเขา (หัวเราะ) เผลอๆ เขาน่าจะหนักกว่าผมอีกครับ เพราะผมโยนทิ้งได้ แต่สำหรับพ่อแม่คงไม่ง่าย ก็ต้องให้กำลังใจกันว่าผมไม่เป็นอะไรครับ ผมไหว”

เป้าหมายและความฝันของมิวคืออะไรคะ

“เป้าหมายของผมตอนนี้คือทุ่มเทให้ซีรี่ส์และงานเพลงครับ ปีนี้ผมจะมีซีรี่ส์ออนแอร์และมีถ่ายอีก 2 เรื่อง รวมทั้งทำอัลบั้มตัวเอง มีทั้งหมด 10 เพลง ซึ่งจะมีซิงเกิ้ลที่ผมแต่งเองด้วย และอาจมีงานคอนเสิร์ต

“ส่วนความฝัน ผมอยากเล่นภาพยนตร์จังเลย (ยิ้ม) ฝากข่าวผ่าน แพรว ด้วยนะครับ ผมเต็มที่แน่นอน บทแปลกแหวกแนวมาได้หมด เพราะผมดูหนังเยอะ และได้อะไรจากหนังเยอะ จนอยากจะเป็นคนที่ถ่ายทอดเรื่องราวผ่านหนังบ้าง”

ถึงวันนี้ให้คะแนนความพยายามและการต่อสู้ของตัวเองไว้ที่เท่าไรคะ

“มองกลับไป ผมเคยผ่านจุดที่ ‘ไม่มั่นใจ’ กับ ‘รอเวลา’ มาแล้ว ผมรู้สึกว่าการเสียโอกาสไปมันน่าเสียใจมากกว่าการที่เราทำแล้วคนอื่นไม่สนใจ จึงพยายามทำเต็มที่ทั้งกายและใจแบบสุดๆ บอกเลยว่าถ้าให้คะแนนตัวเองเต็ม 10 ในทุกๆ เรื่องเลยครับ” (ยิ้ม)

MEW’S MINDSET

  • ก่อนโทษคนอื่นให้มองดูข้อผิดพลาดของตัวเอง
  • ทำการบ้านให้หนัก ยิ่งทำได้ละเอียด งานจะยิ่งออกมาดี
  • เมื่อทุกข์ให้มีสติอยู่กับปัจจุบัน
  • อย่าเอาใจไปไว้ที่คนอื่นมากนัก
  • ทำในสิ่งที่ชอบ แม้ผลลัพธ์อาจจะยังไม่ดี แต่จะมีหนทางให้พัฒนาต่อได้

ที่มา : นิตยสารแพรว ฉบับ 970

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

อมตะ จิตตะเสนีย์ “แพรี่พาย วันนี้ไม่ต้องดังระดับโลก แต่ขอเป็นแพรี่พายที่ใจดีขึ้น”

ตัวตนลึกๆ ที่ไม่ค่อยมีใครรู้ของ “ก๊อต จิรายุ ตันตระกูล” #สามีแห่งชาติ คนล่าสุด

กว่าจะเป็น #ลูกสาวแห่งชาติ “แอลลี่ อชิรญา” เคยกดดัน ไม่มั่นใจ ท้อจนเกือบถอย

"อย่าหยุดออกกำลังกาย" เสริมภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้น 50% หลังฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19

“อย่าหยุดออกกำลังกาย” เสริมภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้น 50% หลังฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19

Alternative Textaccount_circle
"อย่าหยุดออกกำลังกาย" เสริมภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้น 50% หลังฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19
"อย่าหยุดออกกำลังกาย" เสริมภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้น 50% หลังฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19

“อย่าหยุดออกกำลังกาย” เสริมภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้น 50% หลัง ฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19

จากสถานการณ์ปัจจุบัน ทางออกเดียวที่จะยับยั้งการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ที่ทั่วโลกกำลังเผชิญ คือ การฉีดวัคซีนป้องกัน ซึ่งตอนนี้ทั่วโลกฉีดวัคซีนไปแล้วกว่า 1.74 พันล้านโดส (ตัวเลขวันที่ 26 พฤษภาคม 2564) ในระหว่างที่คนทั่วโลกอีกจำนวนมากยังอยู่ที่สถานะรอการฉีดวัคซีน บรรดาผู้เชี่ยวชาญก็พยายามศึกษาค้นคว้าและหาแนวทางป้องกันการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นจาก COVID-19 ให้มากที่สุด ซึ่งหนึ่งในวิธีที่ทุกคนสามารถเริ่มต้นดูแลตัวเองได้ทันทีนั่นคือ “การออกกำลังกาย”

โดยปัจจุบันมีงานวิจัยเผยว่า “การออกกำลังกายอาจช่วยให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้น 50% หลังฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19จึงอยากชวนทุกคนมาออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายตั้งแต่เนิ่นๆ พร้อมด้วย 13 วิธีเตรียมความพร้อมก่อน ฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19 เพื่อให้การฉีดวัคซีนมีประสิทธิภาพและวิธีปฎิบัติตัวหลังฉีดวัคซีนอีกด้วย

เรารู้กันดีอยู่แล้วว่า การออกกำลังกายช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ปัจจุบันมีงานวิจัยเผยว่า การออกกำลังกายอาจช่วยให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้น 50% หลังฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19

"อย่าหยุดออกกำลังกาย" เสริมภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้น 50% หลังฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19

การออกกำลังกายสม่ำเสมอ ช่วยเพิ่มแอนติบอดีให้ร่างกาย

โดยก่อนหน้านี้ ศ.จิม ซัลลิส ผู้เชี่ยวชาญด้านการวิจัยจากสถาบันวิจัยสุขภาพ Mary MacKillop Institute for Health Research ของ ACU ทำการวิจัยไปที่ผลลัพธ์ของการออกกำลังกายเชื่อมโยงกับความสามารถในการป้องกัน COVID-19 ผลการวิจัยพบว่า ช่วยลดความรุนแรงลงได้ โดยเฉพาะอัตราการเสียชีวิตที่อาจจะเกิดขึ้น รวมถึงยังพบว่าอัตราการเข้ารักษาตัวในห้อง ICU ของผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำอยู่ในระดับต่ำกว่ากลุ่มคนที่ออกกำลังกายน้อยกว่า 10 นาที ต่อสัปดาห์

เช่นเดียวกับผลวิจัยของ Glasgow Caledonian University ประเทศอังกฤษ ที่พบว่า การออกกำลังกายเป็นประจำส่งผลให้ระดับแอนติบอดี อิมมูโนโกลบูลิน เอ (IgA) สูงขึ้น ซึ่งแอนติบอดีนี้จะทำหน้าที่ต่อต้านการติดเชื้อโดยยับยั้งการเกาะติดของแบคทีเรียและไวรัสกับเซลล์เยื่อบุผิว เป็นเสมือนเกราะป้องกันปอดและอวัยวะอื่นๆ ในร่างกาย การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจะช่วยเพิ่มจำนวนเซลล์ CD4+T  ซึ่งมีบทบาทในการต่อสู้กับเชื้อโรคและทำหน้าที่ในระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย

แต่เนื่องจากวัคซีน COVID-19 เป็นวัคซีนใหม่ จึงยังไม่สามารถระบุเฉพาะเจาะจงได้อย่างชัดเจนว่า การออกกำลังกายจะส่งผลต่อภูมิคุ้มกันวัคซีนป้องกัน COVID-19 มากน้อยแค่ไหน ประเด็นสำคัญอยู่ที่ ร่างกายของคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำ จะมีแอนติบอดี อิมมูโนโกลบูลิน เอ (IgA) สูงกว่าคนที่ไม่ได้ออกกำลังกายถึง 50% นั่นเอง

"อย่าหยุดออกกำลังกาย" เสริมภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้น 50% หลังฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19

เสริมภูมิคุ้มกันด้วยการออกกำลังกาย ช่วยให้การตอบสนองต่อวัคซีนมีประสิทธิภาพมากขึ้น

งานวิจัยเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ที่ผ่านมาพบว่า ผลลัพธ์ที่บ่งชี้ถึงภูมิคุ้มกันตอบสนองต่อวัคซีนดีขึ้นเมื่อเทียบกับกลุ่มอื่นที่ไม่ได้ออกกำลังกายก่อนการฉีดวัคซีน ยิ่งผู้ที่ออกกำลังกายมีระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงมากขึ้นเท่าไร ก็ส่งผลให้การตอบสนองต่อวัคซีนดีมีประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้น

Rob Newton ศาสตราจารย์ด้านเวชศาสตร์การออกกำลังกายจาก Edith Cowan University เผยว่า “การฉีดวัคซีนทำให้เกิดการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกัน แต่เนื่องจากเรามีเซลล์ภูมิคุ้มกันเหล่านี้มากขึ้นเมื่อเราออกกำลังกาย จึงเป็นการตอบสนองที่ทรงพลังกว่ามาก”

Dr. Robert E แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวและการกีฬา ศูนย์การแพทย์ Kaiser Permanente Fontana แนะ “ผู้ใหญ่ที่ออกกำลังกายอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ หรือ เดิน 30 นาทีต่อวัน 5 วันต่อสัปดาห์ ก็ช่วยลดความเสี่ยงในการป่วยและเสียชีวิตด้วยโรคติดเชื้อได้ 37% และยังเพิ่มประสิทธิภาพหลังฉีดวัคซีนอีกด้วย”

"อย่าหยุดออกกำลังกาย" เสริมภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้น 50% หลังฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19

13 วิธีเตรียมความพร้อม ก่อนฉีดวัคซีน COVID-19

นอกจากการออกกำลังกายจะช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยังมีอีก 13 วิธีเตรียมความพร้อมก่อนฉีดวัคซีน COVID-19 เพื่อให้การฉีดวัคซีนมีประสิทธิภาพ รวมถึงวิธีปฎิบัติตัวหลังฉีดวัคซีน

  1. ก่อนฉีดวัคซีน COVID-19 ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับวัคซีนนั้นๆ และขั้นตอนหลังการรับวัคซีนให้เข้าใจ
  2. ช่วง 2 วันก่อนและหลังการฉีดวัคซีน COVID-19 ควรงดออกกำลังกายหนัก เช่น คาร์ดิโอ แอโรบิก และยกเวท
  3. ก่อนเข้ารับบริการควรดื่มน้ำอย่างน้อย 500-1,000 ซีซี หรือมากกว่านั้น
  4. งดเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
  5. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 7-8 ชั่วโมง
  6. รับประทานอาหารได้ตามปกติก่อนฉีดวัคซีน
  7. หากมีไข้สูงก่อนฉีดวัคซีน ควรเลื่อนการฉีด
  8. หากมีโรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับวัคซีน
  9. วันที่ไปฉีดวัคซีน หากรู้สึกกลัว กังวล ให้ปรึกษาแพทย์ทันที เพราะอาจส่งผลต่อปฏิกิริยาของร่างกาย เช่น ใจสั่น หน้ามืด
  10. หลังฉีดวัคซีน COVID-19 ให้รอดูอาการประมาณ 30 นาที ภายในบริเวณที่รับการฉีด
  11. ถ้ามีไข้ หรือปวดเมื่อยมาก สามารถกินยาพาราเซตามอลขนาด 500 มิลลิกรัม ครั้งละหนึ่งเม็ดทุก 6 ชั่วโมง ห้ามกินยาประเภท Brufen, Arcoxia, Celebrex เด็ดขาด
  12. การฉีดวัคซีน COVID-19 ควรห่างกับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่อย่างน้อย 1 เดือน และควรฉีดวัคซีน COVID-19 ให้ครบก่อนค่อยฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่
  13. ถ้ากินยาละลายลิ่มเลือดอยู่ ให้กินยาตามปกติ แต่เมื่อฉีดวัคซีนแล้วให้กดบริเวณตำแหน่งที่ฉีดต่ออีก 1 นาที

ขอบคุณข้อมูลจาก : Fitness First (Thailand)

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ถึงเวลาสวย ถึงเวลาชนะ! สาวๆ ทานอะไรดีเพื่อ สู้โควิด-19 ระลอก 3

ไขข้อสงสัย หากผู้ป่วย “ไทรอยด์” ติดโควิด-19 จะเสี่ยงอาการหนักกว่าเดิมหรือไม่?

‘ลิ่มเลือดอุดตัน’ ผลข้างเคียงวัคซีนโควิด-19 จริงหรือ? และใครที่ไม่สามารถฉีดวัคซีนได้

 

 

จิ๋วแต่แจ๋ว! Zoom in กระเป๋าไซส์มินิ MaxMara ใส่อะไรได้บ้าง?

หากพูดถึงแฟชั่นไอเท็มที่มาแรงที่สุดในนาทีนี้ต้องยกให้ กระเป๋าไซส์มินิ ที่เหมาะสุดๆ กับสาวๆ สายแฟไว้ใส่เป็นเครื่องประดับแบบเก๋ๆ แถมยังช่วยคอมพลีตลุคให้ดูมีสไตล์ไม่เหมือนใคร โดยซีซั่นนี้ MaxMara ได้เปิดตัวกระเป๋าห้อยคอที่มาพร้อมกับป้ายโลโก้ MaxMara

โดยมีให้เลือกถึง 3 รูปทรง ทั้งทรงสี่เหลี่ยมขนาดเล็ก (Necklace with clutch bag) ไว้ใส่บัตรเครดิตกับลิปสติก กระเป๋าหนังใส่เหรียญทรงกลม (Coin purse) ไว้ใส่ของชิ้นเล็กชิ้นน้อยอย่างสเปรย์แอลกอฮอล์ กุญแจรถ และ Airpods  รวมถึงทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า (Phone case) ที่ดีไซน์มาสำหรับใส่โทรศัพท์โดยเฉพาะ

จิ๋วแต่แจ๋ว! Zoom in กระเป๋าไซส์มินิ MaxMara ใส่อะไรได้บ้าง?

กระเป๋าไซส์มินิ

กระเป๋าไซส์มินิ

กระเป๋าไซส์มินิ MaxMara

อีกหนึ่งข้อดีของกระเป๋าใบจิ๋วรุ่นนี้คือนอกจากจะพกพาสะดวก และให้ความคล่องตัวแล้ว ยังสามารถนำมามิกซ์แอนด์แมตช์ถือได้หลายแบบ หากสาวๆ คนไหนอยากอัพลุคให้เก๋ขึ้นก็สามารถนำ MaxMara coin purse มา DIY เป็นกระเป๋าข้อมือได้อีกด้วย เพียงแค่นำสายคล้องกระเป๋ามาพันรอบข้อมือ เท่านี้ก็ได้กระเป๋าอีกหนึ่งแบบแล้ว

กระเป๋าไซส์มินิ MaxMara

กระเป๋าไซส์มินิ MaxMara

กระเป๋าไซส์มินิ MaxMara


บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Fendi Ambassador คนใหม่? น้องหมา ‘ซงฮเยคโย’ กับของใช้เหยียบแสน

สำรวจ กระเป๋า SAINT LAURENT ‘คิทตี้ ชิชา’ หรือ ‘แนนโน๊ะ’ มีแต่รุ่นท็อป

ใช้ซ้ำวนไป! ถุงช้อปปิ้ง Balenciaga Grocery Shopper ผลิตจากวัสดุรีไซเคิล

 

ตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในสเปน

เรียบง่าย แต่หรูหรา วิวาห์ 2 ตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในสเปน เคานต์แห่งโอซอร์โน-Belén

account_circle
ตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในสเปน
ตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในสเปน

จัดว่าเป็นงานพิธีสมรสที่เรียบง่าย แต่หรูหรา สำหรับงานวิวาห์ของ 2 ตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในสเปน คู่รักเซเลบริตี้ คาร์ลอส ฟิตซ์-ฮาเมส สจวต อี โซลิส เคานต์แห่งโอซอร์โน และ Belén Corsini

เรียบง่าย แต่หรูหรา วิวาห์ 2 ตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในสเปน เคานต์แห่งโอซอร์โน-Belén

สำหรับพิธีวิวาห์ของทั้งคู่จัดขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ 22 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ณ Liria Palace ในกรุงมาดริด ซึ่งที่นี่เป็นสถาปัตยกรรมตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 ที่มีความสวยงามและคลาสสิกเป็นอย่างมาก ซึ่งงานนี้ยังเป็นการรวมสองตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดของสเปน

รวมถึงยังมีแขกเหรื่อคนสำคัญที่มาร่วมงานกว่า 350 คน ซึ่งเดิมทีหากไม่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 คาดว่างานนี้จะถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่เช่นเดียวกับ ดยุกแห่ง Huéscar และ Sofia Palazuelo อย่างไรก็ตามแขกที่มาร่วมงานก็ได้ใส่แมสก์เพื่อความปลอดภัยทุกคน โดยงานนี้ไม่อนุญาตให้ช่างภาพเข้าไปในบริเวณของครอบครัว

นอกจากสถานที่จะสวยงาม ล้อมรอบไปด้วยดอกไม้นานาพันธ์ุ และการตกแต่งที่สวยงามแล้ว Belén Corsini เจ้าสาวของงานก็ยังงดงามราวกับเจ้าหญิงมากเช่นกัน เธอปรากฏตัวในชุดแต่งงานสีขาว แขนตุ๊กตายาว จากแบรนด์ดีไซเนอร์สเปน Navascués ด้านหลังชุดมีดีเทลเป็นผ้าคุลมยาวทำจากผ้า Tulle ซึ่งสามารถถอดออกได้ ซึ่งความพิเศษของผ้าพื้นนี้คือ เป็นมรดกตกทอดของคุณย่า

Belén Corsini ทำผมเรียบง่ายโดยมัดเป็นหางม้าประดับด้วยเครื่องประดับเพชรจากแบรนด์ Suma Cruz  พร้อมเวลปักเลื่อมระยิบระยับ

ในขณะที่ เจ้าบ่าว คาร์ลอส ฟิตซ์-ฮาเมส สจวต อี โซลิส เคานต์แห่งโอซอร์โน มาในชุดกาล่าของ Real Maestranza de Caballería de Sevilla (RMS) หรือ Royal Cavalry Armory of Seville ซึ่งเป็นชุดของอัศวินที่สร้างขึ้นในปี 1670 ซึ่งปัจจุบันนำโดย กษัตริย์เฟลิเป แห่งสเปน

สำหรับคาร์ลอส ฟิตซ์-ฮาเมส สจวต อี โซลิส เคานต์แห่งโอซอร์โน เป็นบุตรชายของ ดยุกแห่งอัลบา และเป็นน้องชายของ ดยุกแห่ง Huéscar ที่ได้เข้าพิธีวิวาห์อันหวานชื่นกับ Sofia Palazuelo ที่ พระราชวัง Liria เมื่อปี 2018

ทั้งนี้คุณย่าของเขา ดัชเชสแห่งอัลบา มีทรัพย์สินมูลค่ากว่า 2.2 พันล้านปอนด์ เป็นหนึ่งในขุนนางที่ร่ำรวยที่สุดของยุโรป ซึ่งเธอเสียชีวิตในเดือนพฤศจิกายน ปี 2557 ณ พระราชวังดูเอนาส ในเซวิญ่า ประเทศสเปน

ในขณะที่ Belén Corsini เป็นหลานสาวของ Carlos Corsini Senespleda วิศวกรและผู้ก่อตั้งบริษัท Corsan ซึ่งบริษัทแห่งนี้ถูกขายไปในราคา 3.25 พันล้านยูโรในปี 2004 ขณะที่พ่อของเธอคือ  Juan Carlos Corsini Muñoz de Rivera เป็นนักธุรกิจที่ร่ำรวยที่สุดของสเปน จากการทำฟาร์มและการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ หลังจากที่ Belén เรียนจบก็ได้ทำงานเพื่อขยายธุรกิจของครอบครัวและตอนนี้ก็ได้เป็น ‘มือขวา’ ของพ่อเธอนั่นเอง


ที่มา : www.dailymail.co.uk

keyboard_arrow_up