คุมน้ำหนักอย่างไรไม่ให้ YOYO Effect กระเด้งกลับมาเท่าเดิมหรือบวกเพิ่มอีก 20%
หลายคนคงเคยผ่านการลดน้ำหนักกันมาหมดแล้ว บางคนที่ประสบความสำเร็จก็ต้องขอปรบมือดังๆ ให้ แต่สำหรับบางคนยิ่งลด ทำไมน้ำหนักยิ่งเพิ่ม วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจในเรื่องนี้กันค่ะ การลดน้ำหนักตามความเข้าใจของบางคนคิดว่า แค่การไปนั่งอบซาวน่ามีเหงื่อออกมาน้ำหนักก็ลดลงแล้ว แต่สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงน้ำในร่างกายที่ขับออกมาไม่ใช่ไขมัน หากคุณดื่มน้ำเกลือแร่กลับเข้าไปน้ำหนักก็หวนคืนมาเช่นเดิม
คุมน้ำหนักอย่างไรไม่ให้ YOYO Effect กระเด้งกลับมาเท่าเดิมหรือบวกเพิ่มอีก 20%
ข้อสังเกตคือน้ำหนักลดลง แต่ไขมันไม่ลดลง และในเวลาต่อมาหากคุณหยุดออกกำลังกาย ไม่คุมอาหารต่อ น้ำหนักคุณจะกระเด้งกลับมาอยู่เท่าเดิมหรือบวกเพิ่มไปอีก 20%
การออกกำลังกายในสถานการณ์โรคระบาด COVID-19 ควรลดความเสี่ยงการออกกำลังกายในสถานที่ที่มีผู้คนแออัดหรือหนาแน่น แต่หากต้องการไปออกกำลังกายนอกบ้านจริงๆ ข้อแนะนำสำคัญคือ “ไม่ควรสวมหน้ากากในระหว่างออกกำลังกาย เพราะจะทำให้หายใจรับออกซิเจนไปเลี้ยงสมองไม่พอ อาจหน้ามืดเป็นลมหมดสติ ฮีทสโตรกได้”
อีกทั้ง ในสถานการณ์ช่วงนี้ทุกคนต้องปรับตัวเพื่อวิถีชีวิตใหม่ หรือที่คุ้นหูกันในช่วงนี้ว่า New Normal เราจะดูแลสุขภาพ ดูแลรูปร่างของเราอย่างไรในวิถีชีวิตใหม่ไม่ให้น้ำหนักตัวและไขมันสะสมเพิ่มกลับมาหรือมากกว่าเดิม
สิ่งที่อยากแนะนำคือ การออกกำลังกายง่ายๆ ที่บ้าน ด้วยแอโรบิคระดับกลาง เช่น เดินไปเรื่อยๆ หรือซอยเท้า เต้นเบาๆ ต่อเนื่อง ให้รู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย หายใจสบาย พูดได้เป็นประโยค ไม่หอบ เหงื่อซึมๆ ไม่ต้องหนักมาก เพียงสัปดาห์ละ 150-300 นาที หรือแบ่งเป็นวันละ 30-60 นาทีต่อเนื่อง 5 วัน หยุดพักได้ 2 วันก็พอ จะทำให้หลอดเลือดเปิด ผิวหนังจะเริ่มเป็นสีแดง รู้สึกคันยิบๆ นั่นแสดงว่าไขมันจะขับออกมาตามรูขุมขนแล้ว
ในระหว่างนี้เพื่อการควบคุมน้ำหนักอย่างต่อเนื่อง ควรรักษาระดับการออกกำลังกายให้อยู่ในระดับปานกลาง (ขณะออกกำลังกายรู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย พูดคุยได้จบประโยค) หลังออกกำลังกายให้ดื่มน้ำเปล่ามากๆ ร่างกายจะไม่เรียกร้องความโหยหิวจนเกินไป และแน่นอนว่าขับไขมันได้ดีกว่าออกกำลังกายแบบหนัก (หายใจลำบาก พูดไม่เป็นประโยค) หากใครสงสัยทดลองทำตามคู่มือ 7 สัปดาห์จะเริ่มเห็นผลชัดเจนขึ้น สามารถดาวน์โหลดคู่มือได้ตามนี้ : https://bit.ly/3gqg1LW
อีกหนึ่งอย่างของการลดไขมันอย่างมีประสิทธิภาพ นั่นคืออย่าลืมกินอาหารให้ครบ 3 มื้อ
- มื้อเช้ากินเยอะๆ แบบจัดหนักครบ 5 หมู่ (แต่แค่พออิ่ม ไม่ต้องถึงกับตุนเผื่อนะ)
- มื้อเที่ยงกินจานเดียวบวกผลไม้
- มื้อเย็นสำคัญมากๆ ห้ามอดแต่ห้ามเยอะ เลี่ยงแป้งเน้นกินผักกินเนื้อ เช่น คุณจะกินปลาทูน่า ตอน 4 ทุ่มก็ยังได้ แต่เลี่ยงแป้งของหวาน ของทอด ของมัน ถ้าอยากให้จัดไว้มื้อเช้าเล็กน้อยแบบพอให้ได้ลิ้มรส
ทั้งหมดนี้ ล้วนขึ้นอยู่กับทัศนคติของแต่ละบุคคล บางคนบอกว่ากินอาหารสุขภาพ ไม่อร่อยจะมีความสุขได้อย่างไร คำตอบคือมีสุขเพราะสุขภาพดี แถมยังลดเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดสมอง และโรคอื่นๆ ได้อีกมากมาย ถ้าคุณเปลี่ยนทัศนคติได้สุขภาพดี หุ่นดี และไม่มีโยโย่เอฟเฟ็กต์แน่นอน
ข้อมูล : กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
ภาพ : Pexels
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
แพทย์ผิวหนังไขข้อข้องใจเรื่อง “กลิ่นตัว” พร้อมแนะวิธีป้องกัน และแนวทางรักษา
แพทย์ผิวหนังเตือนคนที่นิยม ทาเล็บสีแดง มีโอกาสแพ้มากกว่าสีอื่น และแนะวิธีป้องกัน
ผู้ป่วยโควิด-19 ที่ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ เมื่อรักษาหายเสี่ยง กล่องเสียง อักเสบ เพราะ…