ความรักของแฟนคลับไทยเหนี่ยวแน่น! เปิดรายชื่อศิลปิน เค-ป็อป ยอดนิยมที่เป็นขวัญใจไทยแลนด์ และ สร้างปรากฏการณ์ขายบัตร Sold Out อย่างต่อเนื่อง

ปีนี้สาวกเกาหลีในเมืองไทยอาจจะกระเป๋าบางเป็นพิเศษ เพราะมีศิลปินจากแดนกิมจิเดินทางมาเปิดคอนเสิร์ตและแฟนมีตติ้งที่เมืองไทยกันอย่างคึกคัก ทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ พาเหรดมาโกยทรัพย์จากเมืองไทยไม่ขาดสาย โดยเฉพาะกลุ่มเค-ป็อปท็อปฟอร์ม ที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ และพวกเขาจะมาเปิดการแสดงกี่ครั้ง ก็ยังสร้างปรากฏการณ์ขายบัตร Sold Out อย่างต่อเนื่อง สมเป็นกลุ่มศิลปินที่เป็นขวัญใจไทยแลนด์จริงๆ

เริ่มต้นที่ศิลปินวง “ซูเปอร์จูเนียร์” (SUPER JUNIOR)  กลุ่มบอยแบนด์ที่เดบิ้วต์วงในช่วงปลายปี 2005 ไม่กี่เดือนถัดมาพวกเขาได้มีโอกาสเปิดฟรีคอนเสิร์ตในเมืองไทย ก่อนจะเปิดการแสดงเต็มรูปแบบที่ชื่อ Super Show ซึ่งได้กระแสตอบรับเป็นอย่างดี บัตรถูกจำหน่ายหมดภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว จนมาถึงล่าสุด Super Show 7 ก็ยังได้รับความนิยมไม่เปลี่ยน แม้แฟนคลับยังเรียกร้องให้จัดเพิ่มในรอบอังกอร์ บัตรคอนเสิร์ตก็ยังขายหมดภายในพริบตา ตอกย้ำฐานแฟนคลับที่เหนียวแน่นในเมืองไทยมาตลอด 13 ปี

ต่อกันที่วงสาวๆ “เกิลส์เจเนอเรชัน” (Girls’ Generation) กลุ่มศิลปินหญิงที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นเกิร์ลกรุ๊ปอันดับหนึ่งของเกาหลี พวกเธอดังเป็นพลุแตกตั้งแต่เปิดตัว มีเพลงฮิตเป็นที่รู้จักอย่างมากมาย จึงไม่แปลกใจเลยที่ใครๆ ก็อยากไปชมการแสดงของพวกเธอ นั่นจึงทำให้บัตรคอนเสิร์ตของสาวๆ สร้างปรากฏการณ์ Sold Out ตลอด 10 กว่าปี  แม้ปัจจุบันจะมีการเปลี่ยนแปลงคือสมาชิกหลายคนมีผลงานเดี่ยวแต่แฟนคลับของพวกเธอก็ยังสนับสนุนทุกๆ ผลงาน เห็นได้จากการมาเปิดการแสดงเดี่ยวของเหล่าสมาชิกวงที่ยังได้รับความนิยมอยู่เสมอ

อีกหนึ่งวงที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือวง “เอ็กโซ” (EXO)  กลุ่มบอยแบนด์สุดฮ็อตที่เปิดตัวในปี 2012 และได้ถูกบันทึกสถิติและติดอยู่ในลิสต์ของหนังสือ Guinness World Records เวอร์ชั่นปี 2018 หลังจากที่ชนะรางวัลทางดนตรีมากที่สุดในงาน Mnet Asia Music Awards พวกเขาเดินทางมาเมืองไทยหลายครั้ง โดยทุกครั้งที่มีการทำกิจกรรมก็จะมีคลื่นมหาชนของแฟนคลับไปให้กำลังใจอย่างมากมาย ขนาดที่ว่าขึ้นหน้าหนึ่งบนหน้าหนังสือพิมพ์ทุกฉบับกันเลยทีเดียว ไม่ใช่แค่ความสำเร็จในอดีตเท่านั้น เพราะคอนเสิร์ตครั้งที่ 4 ของพวกเขาในเมืองไทยที่ผ่านมาพวกเขาทุบสถิติขายบัตรคอนเสิร์ต 3 รอบหมดภายในเวลา 5 นาที เรียกว่าเป็นบอยแบนด์ที่กระแสแรงไม่มีตกเลยจริงๆ

นาทีนี้ฮ็อตจริงอะไรจริงต้องยกให้หนุ่มๆ “บังทันบอยส์” หรือ “บีทีเอส”  (BTS) กลุ่มบอยแบนด์เกาหลีใต้ที่ล่าสุดไปคว้ารางวัล Billboard Music Awards สาขา Top Social Artist ชนะคู่แข่งที่เป็นศิลปินระดับโลกอย่าง จัสติน บีเบอร์,เซเลน่า โกเมซ ,อารีอานา กรานเด และ ชอว์น เมนเดส โดยก่อนที่จะไปโกอินเตอร์หนุ่มๆ บังทันบอยส์ ก็มีโอกาสเปิดการในเมืองไทยมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง ตั้งแต่ฟรีคอนเสิร์ตในรายการ 7 สีคอนเสิร์ต จนถึงการแสดงเต็มรูปแบบที่มีผู้ชมนับหมื่นคน ล่าสุดเร็วๆ นี้พวกเขาจะเกิดการแสดงใหญ่อีกครั้งที่เมืองไทย งานนี้บอกเลยว่าเป็นคอนเสิร์ตที่ใหญ่ไม่ธรรมดาจริงๆ เพราะสเกลงานนี้ก็คือระดับสนามราชมังคลากีฬาสถาน ที่ปกติจุคนได้ราว 80,000 คนเลยทีเดียว

ปิดท้ายที่วงที่แฟนๆ ชาวไทยรู้จักกันดี “ก็อตเซเว่น” (GOT 7) บอยแบนด์เกาหลีที่เปิดตังในปี 2014 ที่มีสมาชิกคนไทย “แบมแบม-กันต์พิมุกต์ ภูวกุล” ร่วมทีม สำหรับหนุ่มๆ กลุ่มนี้ นอกจากจะโด่งดังในแดนกิมจิแลว พวกเขายังโด่งดังในเมืองไทยอีกด้วย โดยหลายปีที่ผ่านมาพวกเขามีโอกาสมาเปิดการแสดงที่เมืองไทยถี่มากๆ เลยแต่ทุกครั้งก็บัตรคอนเสิร์ตของพวกเขาก็ยังขายดีเป็นเทน้ำเทท่า แถมฐานแฟนคลับก็ยังเพิ่มขึ้นทุกปี จากฮอลล์เล็กกระเถิบมาเป็นฮอลล์ใหญ่ แม้จะเพิ่มพื้นที่และรอบการแสดงแล้ว แต่ก็ยังไม่เคยพอเพียงกับความต้องการของแฟนคลับเลย

และนี่คือเหล่าศิลปินเกาหลีที่เป็นขวัญใจของสาวก K-POP ในเมืองไทย ทั้งยังสร้างปรากฏการณ์ขาบบัตรแบบ Sold Out ขายดิบขายดีได้ตลอด

หญิงแอร์-โอ๋ อภิชญา-แชนนอน 3 คุณแม่เซเลบริตี้ ร่วมแชร์เคล็ดลับก้าวทันลูก ก้าวทันโลก เน้น 3 เทคนิค เข้าใจธรรมชาติ, รู้จักวางแผน และความมุ่งมั่นทุ่มเท

   นอกเหนือจากโภชนาการ ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอันดับแรกต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของเด็ก สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่หลายคนกังวล คือการดูแลลูกให้เหมาะกับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ผลิตภัณฑ์ NANKID Suprema 3 เครื่องดื่มนมสำหรับเด็กอายุ 1 ปีขึ้นไป โดยเนสท์เล่ ชวนมาจับเข่าคุยกับ 3 คุณแม่เซเลบริตี้ ที่ได้ชื่อว่าเป็นสุดยอดคุณแม่ ผู้ประสบความสำเร็จทั้งในหน้าที่การงานและในบทบาทคุณแม่ ท่านแรก หญิงแอร์ ม.ร.ว. จันทรลัดดา (ยุคล) อุบลเดชประชารักษ์ ที่ปรึกษาด้านประชาสัมพันธ์ของศูนย์การค้าสยามพารากอน ท่านที่สอง คุณโอ๋ อภิชญา ไกรฤกษ์ ที่ปรึกษาด้านกฏหมายของ LS Horizon Limited และท่านสุดท้าย คุณแชนนอน ชาริณี กัลยาณมิตร คุณแม่นักธุรกิจดาวรุ่ง ผู้ก่อตั้ง ORAMI และ Venture Partner กองทุน Gobi Partners แม้ทั้งสามท่านจะต่างสไตล์ ต่างวิธีการ แต่ก็มีวัตถุประสงค์เดียวกัน คือต้องการให้ลูกๆ ของพวกเธอ เติบโตอย่างมีความสุขและสุขภาพแข็งแรง

เริ่มที่ท่านแรก หญิงแอร์ ม.ร.ว. จันทรลัดดา (ยุคล) อุบลเดชประชารักษ์ พูดถึงสไตล์การเลี้ยงลูกให้ฟังว่า “วิธีเลี้ยงของหญิงฯ คือ ตามธรรมชาติเลยค่ะ ทั้งธรรมชาติที่เขาเป็นและเลี้ยงตามธรรมชาติจริงๆ หญิงฯเชื่อว่าธรรมชาติคือสิ่งที่ดีที่สุด อย่างธรรมชาติของตัวเขา เราก็จะไม่ไปกะเกณฑ์หรือบังคับอะไร เพียงแต่ว่ามีกรอบในเรื่องของความเหมาะสม ส่วนธรรมชาติจริงๆ หญิงฯ ก็อยากให้เขาได้ใกล้ชิด เพื่อรับภูมิคุ้มกันจากธรรมชาติและได้เรียนรู้จากสิ่งต่างๆ รอบตัว”

ด้าน คุณโอ๋ อภิชญา กล่าวว่า “โอ๋จะเน้นที่การวางแผนเป็นหลักเลยค่ะ เพราะเราเป็นคุณแม่ที่ต้องทำงานไปด้วย ก็ต้องวางแผน รู้จักการแบ่งเวลา การงานต้องไม่บกพร่อง ขณะเดียวกันเรื่องลูกก็ต้องไม่พลาด เราก็จะคิดทุกสเต็ปเลยว่าจะต้องทำอะไรตอนไหนและจะพยายามทำตามแผน ก็คือโอ๋จะตื่นเช้ามาใช้เวลากับลูกก่อนไปทำงาน พอทำงานเราก็ต้องเต็มที่ค่ะ คนอื่นอาจจะทำงานไปด้วยเล่นไปด้วย แต่เราลุยเต็มที่ 8 ชั่วโมง ต้องเซ็ตเวลาตัวเองค่ะ งานไม่เสร็จก็ต้องเก็บกลับไปทำที่บ้านแทน เพื่อให้ลูกเจอเราเมื่อกลับถึงบ้าน เราจะต้องสามารถส่งเสริมเขาได้ในทุกกิจกรรม ช่วยทำการบ้าน อ่านนิทานให้ฟัง โอ๋ชอบใช้เวลาก่อนนอนกับลูก เพื่อพูดคุยถามไถ่ถึงสิ่งต่างๆ ที่ได้เจอในแต่ละวัน ดังนั้นโอ๋จะเป๊ะมากกับเรื่องการแบ่งเวลาและทำตามแผนในแต่ละวัน”

สำหรับ คุณแชนนอน ชาริณี กล่าวว่า “เนื่องจากลูกของแชนนอนอยู่ในวัยกำลังโต เขาก็จะเปลี่ยนแปลงเร็วมาก บวกกับความสนใจของลูกแฝดทั้งสองคนของเราแตกต่างกัน แชนนอนก็จะยิ่งต้องทุ่มเททั้งเวลาและความใส่ใจให้กับเขา คอยสังเกต และปรับเปลี่ยนแผนและตนเองให้ตรงกับความสนใจและความต้องการของลูกในขณะนั้น สิ่งที่ท้าทายสำหรับเราคือการที่เขาเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และการที่เขาเป็นแฝดไม่ได้หมายความว่าความต้องการ หรือความสนใจของเขาจะเหมือนกัน  นินญาเป็นคน extrovert (ชอบเข้าสังคม) ขณะที่เอวาเป็นคนที่ค่อนข้าง introvert (มีโลกส่วนตัวสูง) แต่ก็ไม่ใช่ว่าเอวาจะมีบุคลิกแบบนี้เสมอไป อย่างเวลาที่เอวาอยู่ในสนามเด็กเล่น เขาก็เป็น extrovert เข้าหาคนอื่นก่อน ดังนั้นเราต้องคอยสังเกตลักษณะนิสัยของลูกและปรับเปลี่ยนวิธีการรับมือตามแต่สถานการณ์ ในฐานะคุณแม่ แชนนอนต้องทุ่มเทเพื่อทำหน้าที่นี้อย่างต่อเนื่องไม่มีวันสิ้นสุดค่ะ”

เผยภาพเบื้องหลังกองถ่ายภาพยนตร์ The Cave นางนอน กำกับโดย ทอม วอลเลอร์ ด้านนักแสดงรุ่นใหญ่ “นิรุตติ์ ศิริจรรยา” สวมบทข้าราชการตงฉิน ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย

หลังจากที่เป็นข่าวเป็นคราวมาสักพัก ล่าสุดภาพยนตร์ที่สร้างจากเหตุการณ์จริง ของ 13 นักฟุตบอลเยาวชนทีมหมูป่าอะคาเดมี่และโค้ช ที่เข้าไปติดในถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน เป็นเวลา 17 วัน จนกลายเป็นปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัยระดับโลก และกลายเป็นข่าวดังที่มีคนพูดถึงอย่างกว้างขวาง โดยล่าสุดภาพยนตร์เรื่อง The Cave นางนอน ได้เริ่มถ่ายทำเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยค่าย De Warrenne Pictures กำกับภาพยนตร์ “ทอม วอลเลอร์” ผู้กำกับหนังไทยชาวไอริช ซึ่งเคยสร้างผลงานอาทิ ศพไม่เงียบ, เพชฌฆาต และ Mechanic: Resurrection

ล่าสุดเมื่อเร็วๆ นี้ ได้มีการปล่อยภาพเบื้องหลังการถ่ายทำออกมาให้ชมกันเป็นน้ำจิ้ม ซึ่งงานนี้นอกจากจะเห็นเบื้องหลังการทำงานแล้ว เรายังเห็นนักแสดงไทยที่ร่วมในหนังเรื่องนี้ “นิรุตติ์ ศิริจรรยา” นักแสดงรุ่นใหญ่ที่มารับบทบาทเป็นผู้ว่าตงฉิน “นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร” อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย หัวหน้าชุดภารกิจกู้ภัย

“นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร” อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย หัวหน้าชุดภารกิจกู้ภัย

“อาหนิง-นิรุตติ์ ศิริจรรยา” ผู้สวมบทผู้ว่าราชการสุดตงฉิน ในภาพยนตร์เรื่องนี้

ผู้กำกับชาวไอริช เปิดเผยกับสื่อต่างประเทศว่า เขาต้องการจะบอกเล่าเรื่องราวของผู้คนที่กล้าหาญที่เสี่ยงชีวิตตัวเองเพื่อช่วยเหลือทีมหมูป่า เพื่อให้มันออกมาอย่างถูกต้อง ทีมงานจำเป็นต้องใช้ความระมัดระวังเท่าที่จะทำได้ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเราต้องขอความช่วยเหลือจากเหล่าฮีโร่ตัวจริงอย่าง จิม วอร์นี และพาเขามายังสนามบินแชนนอนเพื่อบอกเล่าเรื่องราวของเขาอีกครั้ง

สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้จะบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับน้องๆ และโค้ชทีมฟุตบอลเยาวชนทีมหมูป่าอะคาเดมี่ จำนวน 13 คน ได้เข้าไปสำรวจถ้ำหลวงที่จังหวัดเชียงราย ทว่าฝนตกหนักที่สาดเทลงมาได้ทำให้น้ำในถ้ำเพิ่มปริมาณสูงขึ้นจนทีมหมูป่าจำเป็นต้องหนีลึกเข้าไปในถ้ำ ทำให้ไม่สามารถออกมาได้ การช่วยเหลือทีมหมูป่าจึงได้เริ่มต้นขึ้น ไม่เพียงแต่เจ้าหน้าที่และผู้เชี่ยวชาญต่าง ๆ ในไทยเท่านั้น แต่ยังมีทีมช่วยเหลือจากต่างประเทศเข้าร่วมภารกิจสำคัญในครั้งนี้ แม้ว่าจะไม่รู้ชะตากรรมของผู้ประสบภัยก็ตาม แต่ด้วยความพยายามอย่างไม่ลดละ การแก้ไขปัญหาอย่างรอบคอบรัดกุม และความช่วยเหลือจากทุกภาคส่วน ได้ทำให้ภารกิจในครั้งนี้ประสบผลสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี

ทั้งนี้ภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวจะถ่ายทำทั้งที่ไอร์แลนด์และที่ประเทศไทยจนถึงสิ้นเดือนธันวาคมนี้ และคาดว่าตัวหนังจะเข้าฉายให้ได้ชมกัน ในช่วงกลาง ปี 2019

บรรยากาศงานบวงสรวงภาพยนตร์เรื่องนี้

โฉมหน้าทีมผู้สร้างและผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้

ภาพจาก : Facebook @The Cave