กิ๊ก-สุวัจนี

คำสารภาพของคนอยากผอม กิ๊ก-สุวัจนี เผยคัมภีร์ทวงบัลลังก์คุณแม่เอวเอส

Alternative Textaccount_circle
กิ๊ก-สุวัจนี
กิ๊ก-สุวัจนี

กิ๊ก-สุวัจนี พานิชชีวะ เธอเป็น “มัม” สายแข็งและฮาร์ดคอร์มากกับการลดน้ำหนัก ใครที่เคยเห็นภาพเธอวันเก่า วันนี้ต้องลบภาพเดิมออกนะจะบอกให้ เพราะเธอสู้กับความอ้วนที่สถิตอยู่กับเธอมานานกว่า 10 ปีสำเร็จแล้ว เรียกว่ากลับมาทวงบัลลังก์คุณแม่เอวเอสได้อย่างงดงามไม่มีที่ติ

กิ๊ก-สุวัจนี

ผอมเพื่อใคร

“กิ๊กอยากผอมเพื่อลูก” เป็นคำตอบที่จริงจังมากจากปากกิ๊ก-สุวัจนี

“ไม่เคยคิดว่าลดเพื่อให้แต่งตัวสวย เพราะชีวิตกิ๊กเป็นแม่บ้านทหารบกอยู่แล้ว (ยิ้ม) หรืออยากผอมเพื่อให้สามี (แจ็คกี้-ธรรมจักร พานิชชีวะ) รักหลงก็ไม่ใช่เลย เพราะเขาเฉยๆ อะไรก็ได้ ตอนกิ๊กหนัก 90 กว่ากิโลก็ไม่เคยบ่นว่าอ้วนไปแล้วนะ จนทำให้กิ๊กรู้สึกว่าความอ้วนเป็นเรื่องปกติ

“แต่เพราะกิ๊กมีลูก 3 คน (ธนัชญา 14 ปี, ธิญาดา 12 ปี, ธศธรรม 6 ปี) กิ๊กจึงอยากมีชีวิตยืนยาว ถ้าอยู่ในภาวะอ้วน ขี้เกียจ ขยับตัวยาก เหนื่อยง่าย คุยแล้วหายใจหอบ แบบนั้นคงไม่ไหว เราจะมีชีวิตยืนยาวถึงวันที่ลูกชายคนสุดท้องรับปริญญาหรือเปล่า ถ้าเราตายไป ลูกจะอยู่กับใคร คนที่อ้วนนานๆ จะอยู่ในภาวะที่เรียกว่า ‘จมปลัก’ อาจจะกลับไปผอมได้ แต่ต้องมีแรงบันดาลใจว่าลดน้ำหนักเพื่ออะไร ซึ่งกิ๊กตั้งเป้าว่าทำเพื่อลูก อยากอยู่กับลูกนานๆ

“เคยไปเล่นสกีกับลูก เวลาล้มลุกคลุกคลาน กว่าจะลุกขึ้นมาได้แทบไม่ไหว รู้สึกว่าปล่อยไว้แบบนั้นนานๆ คงแย่แน่ ซึ่งถ้ากิ๊กสุขภาพดีก็จะมีเรี่ยวแรงเล่นกับลูก ไปกับลูกได้ทุกที่”

กิ๊ก-สุวัจนี

ชีวิต “มัม”…วิ่งสู้ฟัด

นับตั้งแต่มีลูกคนแรก น้ำหนักตัวเธอมีแต่พุ่งขึ้นๆ ได้สามีบำรุงดีบวกกับชอบกินของอร่อย เธอสารภาพว่าตอนนั้นกินชนิดไม่ลืมหูลืมตา จนคลอดลูกคนเล็ก ลูกหนักแค่ 3 กิโลกว่า ที่เหลืออีกประมาณ 80 กิโลคือสิ่งที่ค้างอยู่กับเธอ

“ตอนลูกเล็กๆ ไม่เคยออกกำลังกายเลย เลี้ยงลูกอย่างเดียว เพราะกิ๊กไม่มีตรงกลาง จะมุ่งมั่นอยู่กับลูก ไม่ทำอย่างอื่น ไปไหนก็หอบลูกไปด้วย นั่งปั๊มนมอยู่นั่นแหละ ไม่คิดออกกำลังกายหรือทำอะไร ซึ่งเป็นข้อเสียของกิ๊กเหมือนกัน คือเรามุ่งมั่นตั้งใจทำอย่างเดียว แจ็คกี้ก็ไม่บ่นด้วยไง กิ๊กคิดว่าคุณแม่ที่ปล่อยตัวอ้วนสมัยนี้คงเหมือนกิ๊ก ไม่มีเวลาคิดออกกำลังกายหรอก จมอยู่กับลูก ไม่มีใจทำอะไรอย่างอื่น เพราะลูกยังเล็ก แต่คิดไว้ว่าเมื่อลูกโตเข้าโรงเรียนจะเริ่มออกกำลังกาย เพราะเริ่มมีเวลามองตัวเองว่าฉันจะอยู่ในสภาพอ้วนปุ๊กลุกแบบนี้ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นถ้าฉันตายไป ลูกฉันจะแย่

“ตอนที่น้ำหนัก 75-80 กิโลเคยเริ่มสตาร์ตออกกำลังกายด้วยการตีเทนนิส เป็นกีฬาที่เราชอบ แต่ด้วยความที่น้ำหนักมาก เข่าเจ็บอีก ต้องหยุดตี ทำไงดี พอลูกว่ายน้ำที่สปอร์ตคลับ เราก็ว่ายน้ำบ้าง แต่ไม่ได้ทำต่อเนื่อง บวกกับเป็นช่วงค้นหาตัวเองด้วยว่าชอบเล่นกีฬาอะไร

กิ๊ก-สุวัจนี

“วันหนึ่งพี่ไก่-สมพล ปิยะพงศ์สิริ โทร.มาชวนให้ไปเต้น เราเป็นแม่มา 14 ปี ไม่รู้ว่ามีกีฬาแบบนี้ จึงพูดกับพี่ไก่ว่า ‘จริงเหรอ มีการออกกำลังกายแบบเต้นด้วยเหรอ’ ความที่เป็นแม่บ้านอย่างเดียวไง ไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่บอกพี่ไก่ไปว่าสนใจ เดี๋ยวไปลอง ทำให้ได้มาเต้นกับครูหนุ่ม-ยอดชาย ยมะคุปต์ เพราะกิ๊กชอบเต้น ชอบสนุกสนานอยู่แล้ว บอกเลยว่ารักพี่ไก่มาก เพราะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ค้นหาตัวเองเจอ ทำให้รู้จักตัวเองมากขึ้น ได้ไปเต้นกันเป็นแก๊งที่โน่นที่นี่ แต่ตอนหลังต่างคนต่างมีธุระเรื่องงานก็แยกย้ายกันไป เหลือกิ๊กที่ยังเต้นเอาจริงเอาจัง ยังสนุกกับการเต้น เป็นความเหนื่อยที่แฮ็ปปี้ เต้นแล้วเพลิน ถ้าถามว่าชอบกีฬาอะไร ก็บอกเลยว่าชอบเต้นซุมบ้า

“กิ๊กเต้นกับครูหนุ่มปีนี้เป็นปีที่ 3 แล้ว ล้มลุกคลุกคลานกับการลดน้ำหนักมาตลอด เพราะกิ๊กไม่ได้คุมอาหาร จนปีที่แล้วเริ่มรู้สึกว่าครูหนุ่มชักจะรวยจากฉันมากเกินไปแล้วนะ (ยิ้ม) ปีหนึ่งผ่านไปน้ำหนักฉันไม่ลงเลย แล้วฉันมาเต้นอยู่กับเธอทุกวันแบบนี้ เจอหน้าครูมากกว่าสามีอีก (หัวเราะ) บางครั้งน้ำหนักลงไป 5 กิโล พอเทศกาลเลี้ยงฉลองผ่านไป เด้งกลับขึ้นมาอีกและขึ้นเร็วมาก พอกลับมาเต้นใหม่ น้ำหนักไม่ขึ้น แต่ก็ไม่ลง ทำให้กิ๊กเริ่มค้นหา สงสัยว่าฉันเต้นขนาดนี้แล้ว ทำไมน้ำหนักไม่ลง สงสัยฉันต้องกินผิดแน่เลย เพราะเพื่อนเคยบอกเหมือนกันว่ากิ๊กกินผิด แต่กิ๊กไม่เชื่อ”

กิ๊ก-สุวัจนี

ของอร่อยคือภาพลวงตา

“กิ๊กตัดสินใจจ้างนักโภชนาการมาดูแล เขาบอกว่ากินผิดหมด เมื่อก่อนกิ๊กกินเละเทะ ใครชวนกินอะไรก็ไป นึกว่ากินส้มตำจะผอม กลับบวม เพราะน้ำปลาร้าเค็มๆ หวานๆ ทำให้ผิวเรามีเซลลูไลต์ปูดตามขาและท้อง กินข้าวกลางวันเสร็จ ผ่านไป 2 ชั่วโมงมีของว่างเป็นผลไม้ บางทีดื่มน้ำผลไม้ ซึ่งนั่นคือน้ำตาล กว่าจะรู้ว่ากินผิดมาตลอดชีวิตก็ตอนแก่ แต่ยังไม่สายเกินไปที่จะเรียนรู้ การกินที่ถูกต้องคือต้องกินจบเป็นมื้อๆ และเว้นห่างกันอย่างต่ำ 4 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายเบิร์นของเก่าที่กินเข้าไป และมื้อเช้าควรเป็นอาหารมื้อหลักที่ให้พลังงาน

“คราวนี้เปลี่ยนวิธีกินใหม่หมด หักดิบตัวเอง เปลี่ยนมากิน ‘อาหารคลีน’ แรกๆ มันก็แหยะอยู่ แล้วกิ๊กไม่สั่งอาหารคลีนจากร้านด้วยนะ ซื้อวัตถุดิบทำเองเลย คิดเมนูเปลี่ยนไปเรื่อยๆ จะได้ไม่เบื่อ ผักลวกน้ำบ้าง ผัดกับน้ำบ้าง ให้ทุกอย่างเป็นธรรมชาติที่สุด คำเตือนจากนักโภชนาการคือ อย่าหลุดใช้ซอส น้ำปลา หรือเครื่องปรุงรส เพราะมีน้ำตาลแอบแฝงอยู่ อย่างรสเค็มที่ไม่ควรกิน เพราะทำให้บวม ถ้าจะเค็มควรเค็มจากเกลือนิดหน่อย

“สัปดาห์แรกที่เริ่มกินคลีนเป็นช่วงทรมานมาก จากที่เคยกินทุก 2 ชั่วโมง มีผลไม้เป็นของว่าง เปลี่ยนเป็นตอนเช้ากินนมอัลมอนด์หรือกล้วยหอมหนึ่งลูก ตอนหลังนักโภชนาการบอกว่าถ้าลดเหลือครึ่งลูกได้จะดีมาก เพราะเป็นแป้งอะกินแค่ครึ่งลูก แล้วไปเต้นซุมบ้า รอให้ครบ 4 ชั่วโมง ถ้าทนถึง 4 ชั่วโมงไม่ไหว กินขนมปังโฮลวีตได้นิดหน่อย แต่กิ๊กคิดว่ามาถึงจุดนี้แล้วต้องอึดเดินหน้า กระทั่ง 4 ชั่วโมงผ่านไป เชื่อไหมว่าหน้ากิ๊กเกิดอาการสั่น กระตุกๆ ทั่วตัวไปหมด ขนหัวลุกซู่ เป็นอาการของคนขาดน้ำตาล แต่ไม่ต้องห่วง ไม่ตาย นั่นคือการเปลี่ยนแปลงของร่างกายและเลือดของเรา

“พอถึงมื้อกลางวัน กิ๊กใช้วิธีแบ่งสัดส่วนสิ่งที่กินในหนึ่งจาน ครึ่งจานเป็นผักสด ถ้ากินสลัดผักจะไม่ราดน้ำสลัด ขี้เกียจดูฉลากว่ามีน้ำตาลเท่าไร งั้นตัดเลยแล้วกัน แค่โรยเกลือนิดหน่อยพอให้มีรส ที่เหลืออีกครึ่งจานแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนหนึ่งเป็นโปรตีน คืออกไก่หรือเนื้อปลา อีกส่วนเป็นคาร์โบไฮเดรต เลือกเป็นข้าวไรซ์เบอร์รี่ 1 ทัพพีไม่พูน เพราะมีน้ำตาลต่ำสุดในบรรดาข้าวทั้งหมด ตอนเย็นก็กินแบบนี้เหมือนกัน ห้ามอด ถ้าไม่ไหวให้กินผลไม้น้ำตาลต่ำได้นิดหน่อย เช่น ฝรั่ง แอ๊ปเปิ้ล แก้วมังกร ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่กินได้หมด เพื่อให้ร่างกายได้น้ำตาล ทำให้กระปรี้กระเปร่า แต่ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่กิน ถ้าโหยค่อยกิน เวลาจะกินอะไร ถ้าไม่แน่ใจ กิ๊กใช้วิธีถ่ายรูปสิ่งที่จะกินส่งไลน์ไปถามนักโภชนาการ ถ้าเขาไม่ว่าอะไรค่อยกิน

กิ๊ก-สุวัจนี

“ส่วนของหวานตัดเลย แค่มองแล้วเมิน กิ๊กพูดกับตัวเองว่า ‘มันเป็นภาพลวงตาที่หลอกล่อให้เรากิน ลองนึกสภาพตอนเต้นสิว่าเหนื่อยแค่ไหน ถ้ากินเข้าไป ที่เต้นมาหมดเลยนะ’ กิ๊กสื่อสารกับตัวเองตลอด เราต้องไม่ปล่อยให้ชีวิตผ่านเลยไป เพราะถ้าตั้งใจแล้วต้องคิดทุกเม็ด เพื่อไม่ให้ตัวเองพลาดโอกาส ไม่อย่างนั้นจะแพ้จุดเล็กๆ เช่น ซอสบ้างละ ขนมหวานสัก 2-3 คำบ้างละ กินผลไม้นิดหน่อยน่า แต่สำหรับกิ๊กไม่ได้ ต้องตัดเลย ต้องใจแข็งพอสมควร บอกลูกว่าแม่กำลังลดความอ้วน ตอนลูกกินอาหารเย็น แม่ขอไปเดินที่อื่นนะ เพราะยังอดใจไม่ได้ เราไม่อยากอยู่ตรงนั้น เวลาไปกินข้าวนอกบ้าน กิ๊กบอกลูกว่าสั่งของใครของมัน ไม่ต้องเผื่อกัน เพราะกิ๊กพกไข่ต้ม 3-4 ฟอง ข้าวไรซ์เบอร์รี่ และผักสดของตัวเองไปกินด้วย

“พอผ่านสัปดาห์แรก ร่างกายเริ่มปรับตัว กิ๊กสายแข็งและใจหนักแน่น ลูกกินพิซซ่า แต่ฉันกินผัก ลูกสั่งช็อกโกแลตปั่น ซึ่งเป็นสิ่งที่เราชอบนะ แต่สั่งน้ำเปล่า บอกตัวเองว่า ‘พวกนี้เป็นอาหารลวงตาฉัน คิดเหรอว่าจะเอาชนะฉันได้ ไม่มีทางหรอก ฉันต้องชนะให้ได้’ (เสียงดราม่ามาก) คุยกับตัวเองแบบจินตนาการว่าอาหารพวกนี้ทำอะไรฉันไม่ได้หรอก เป็นแค่ภาพลวงตาเท่านั้น (หัวเราะ) เวลาเห็นขนมที่ชอบ กิ๊กบอกตัวเองว่า ‘ก็แค่ขนม จะมาเอาชนะฉันเหรอ’ แล้วดื่มน้ำเปล่าอัดๆ ให้อิ่มท้อง จะได้ไม่อยาก แต่ก็เดินเลี่ยงไปด้วยนะ อย่าอยู่ตรงนั้น เดี๋ยวมันชนะเรา (หัวเราะ)

“ในหนึ่งสัปดาห์คนอื่นๆ เขาต้องมี Cheat Day แต่กิ๊กไม่มี เพราะยังไม่ผ่านช่วงสำคัญ ถ้าเราได้กลิ่นอาหารที่ชอบแล้วอาจติดใจจนลืมภารกิจพิชิตความอ้วน เพราะฉะนั้นต้องตัดเลย อย่าเพิ่งชีตเดย์ กิ๊กใช้วิธีนี้เพราะรู้ว่าตัวเองเป็นแบบนี้ ถ้าเหลาะแหละหรือมีชีตเดย์จะติดลม วันรุ่งขึ้นจะอยากกินรสชาตินี้ พอเริ่มน้ำหนักลงแล้วค่อยกินแบบนั้นได้นิดหน่อย แต่ชีตเดย์ของกิ๊กไม่ได้หมายความว่าทั้งวัน แต่เป็นชีตมีล คือกินอะไรก็ได้ เลือกกินที่ไขมันน้อยหน่อย

“กิ๊กใช้เวลาไม่ต่ำกว่าครึ่งปีในการเปลี่ยนพฤติกรรม ถึงวันนี้หนึ่งปีแล้วยังกินคลีนอยู่ แต่เลือกหลุดกินบางอย่าง และดูลูกกินได้บ้างแล้ว เพราะรู้สึกว่าอดใจไม่ให้อยากได้ จากน้ำหนัก 70 ปัจจุบันเหลือ 53 กิโล ทำกิจวัตรประจำวันเต้นซุมบ้าเหมือนเดิมทุกอย่าง พอน้ำหนักลง เริ่มเล่นเวตเพิ่ม ทั้งที่น่าเบื่อมากแต่กลัวเหี่ยว จึงต้องเล่นเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้เฟิร์ม ปรากฏว่ามีคนชม คราวนี้ยิ่งปลื้มใหญ่ ทุกวันจันทร์, พุธ, ศุกร์ กิ๊กจะเต้นเพื่อออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ แล้วเล่นเวตวันอังคาร, พฤหัสฯ ครั้งละ 1 ชั่วโมง ถ้าวันเสาร์ยังไหว กิ๊กจะเต้นอีกหนึ่งวัน ส่วนวันอาทิตย์หยุดพักกล้ามเนื้อ”

กิ๊ก-สุวัจนี

“ผอมเมื่อไหร่ คุณคือผู้รอด”

“กิ๊กต้องการน้ำหนัก 50 กิโล เพราะ 50 อาจเด้งเป็น 53 ถ้ากลับไปกินบางมื้อที่อร่อยๆ แต่ถ้าน้ำหนักอยู่ที่ 53 จะเด้งเป็น 55 กิโล พยายามชั่งน้ำหนักทุกวัน ดูค่าไขมันว่าขึ้นหรือเปล่า น้ำหนักไม่สำคัญ อาจหนักกล้ามเนื้อก็เป็นได้ ซึ่งแผนการรักษาน้ำหนักตัวให้คงที่คือ เรากินคลีนตลอดชีวิตไม่ได้ แต่กิ๊กจะพยายามกินคลีนให้ได้วันละหนึ่งมื้อ และจะพยายามไม่หลงระเริงไปกับสิ่งล่อตาล่อใจ เพราะการกินคลีนทำให้ผลเลือดดี แล้วทำไมเราจะไม่ทำล่ะ ถ้าไม่รักตัวเองก็ไม่มีวันเริ่มต้นได้

“บอกไม่ได้ว่าในอนาคตน้ำหนักจะเด้งไปถึงไหน แต่คงไม่กลับไปที่เดิม เพราะการย้อนกลับไปตรงนั้นมันทรมาน เราผ่านความทรมานมาแล้ว จะไม่กลับไปทรมานตัวเองอีก จำได้หรือเปล่าที่หน้าสั่น ขนหัวลุก ถ้าไม่เกิดกับตัวเองไม่รู้หรอกว่าเป็นอย่างไร ถ้าเรายั้งคิดสักนิดก่อนหยิบเข้าปากน่าจะดีกว่านะ กิ๊กจะคุยกับตัวเองแบบนี้บ่อยๆ เพราะไม่มีใครรู้ใจเราเท่าตัวเราเอง

กิ๊ก-สุวัจนี

“ที่สำคัญต้องมีเป้าหมายว่าทำเพื่ออะไร เพื่อข้ามความทรมาน ณ จุดเริ่มต้นไปให้ได้ บอกเลยว่า ‘ใจ’ เท่านั้น ไม่ต้องคิดอะไรมาก ใจอย่างเดียว บางทีเราเห็นเครื่องดื่มเย็นๆ ก็อยากดื่ม แต่ที่เต้นมาเมื่อกี้ล่ะ ถ้ากินหนึ่งแก้วแคลอรีเท่ากับที่เต้นเมื่อกี้ ถ้าดื่มแก้วนี้ ฉันก็ไม่ได้กินข้าวเย็นแล้วสิ กิ๊กคำนวณในหัวเสร็จสรรพว่าหนึ่งวันฉันกินได้ไม่เกิน 1,500 แคลอรี อย่างตอนนี้ลูกสาวสองคนของกิ๊ก คนโต 14 ปี คนกลาง 12 ปี เริ่มอ้วนเละเทะเหมือนกันเพราะหักห้ามใจไม่ได้ ก็บอกลูกเสมอว่าแม่เป็นผู้รอดคนเดียว ซึ่งถ้าเขาอยากผอมก็ต้องรู้จักหักห้ามใจ (ยิ้ม)

“ส่วนคุณแม่ที่อยากลดความอ้วน บอกเลยว่าไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม ต้องมาจากใจคุณเอง ถ้าคิดจะลดแล้ว ต้องเอาจริงเอาจัง อย่าคิดว่าเป็นเรื่องเล่นๆ อย่ากลับไปในจุดที่ต้องเริ่มใหม่เรื่อยๆ เพราะมันเซ็ง บอกตัวเองว่าถ้าเดินหน้าแล้วต้องสำเร็จ อย่าถอยหลัง กิ๊กเป็นคนทำอะไรแล้วทำสุด อาจช้าหน่อย ไม่ต้องเทียบกับใคร บางคนชอบคิดว่าทำไมน้ำหนักลงช้าจังเลย เราต้องไม่สน เพราะร่างกายคนเราไม่เหมือนกัน ไม่ต้องมองคนอื่น ไม่ต้องเปรียบเทียบ ไม่มีประโยชน์ ไม่มีอะไรช่วยให้เราผอมได้ นอกจาก ‘ใจ’ ตัวเองเท่านั้น”


ที่มา : นิตยสารแพรว ฉบับ 944

Praew Recommend

keyboard_arrow_up