พลังของ ‘โพรไบโอติก’ ต่อสุขภาพทางเดินอาหารและด้านอื่นๆ ที่หลายคนยังไม่รู้

ปัจจุบันในหลายพื้นที่ของเอเชีย โพรไบโอติก เป็นที่รู้จักกันในฐานะจุลินทรีย์ที่มีความสำคัญต่อสุขภาพทางเดินอาหาร ซึ่งคาดว่าตลาดโพรไบโอติกจะเติบโตขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า โดยเป็นผลมาจากความสนใจด้านการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันและการบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพของผู้คนที่เพิ่มขึ้น อ้างอิงจากผลการศึกษาในปี 2564 ของ Lynch และคณะ พบว่า จำนวนกว่าครึ่งหนึ่งของผู้บริโภคนิยมใช้โพรไบโอติกเพื่อบำรุงรักษาสุขภาพและเพื่ออายุที่ยืนยาว ส่วนอีก 45% เชื่อว่าโพรไบโอติกสามารถช่วยให้ระบบทางเดินอาหารมีสุขภาพ   โพรไบโอติกคืออะไร?โพรไบโอติก เป็นจุลินทรีย์ “ดี” ที่ทำให้ร่างกายแข็งแรง ด้วยการเข้ามาช่วยสร้างสมดุลให้ลำไส้ เนื่องจากในลำไส้คนเราประกอบไปด้วยแบคทีเรีย เชื้อราและจุลินทรีย์อื่นๆ หลายล้านชนิด ทำให้บางครั้งการกินอาหารหรือยาบางอย่างอาจส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศในลำไส้จนเกิดเป็นปัญหาตามมาได้ ดังนั้น โพรไบโอติกจึงกลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจในการดูแลสุขภาพเพิ่มมากขึ้น ประโยชน์ของโพรไบโอติกบทบาทที่สำคัญของโพรไบโอติกสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนในวันทางเดินอาหารโลก 2023 (World Digestive Health Day) เมื่อองค์การระบบทางเดินอาหารโลก (WGO) ได้เลือกพูดถึงหัวข้อ “สุขภาพทางเดินอาหารดี เริ่มต้นที่ลำไส้ดี” แม้ว่าประโยชน์ของโพรไบโอติกที่เกี่ยวกับระบบย่อยอาหารจะถูกพูดถึงเป็นวงกว้าง แต่ประโยชน์ต่อสุขภาพด้านอื่นๆ ของโพรไบโอติกก็ยังคงถูกค้นพบเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับได้รับการสนับสนุนจากหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มากมาย เช่น วิธีสร้างการเจริญเติบโตให้แบคทีเรียชนิดดี อาหารสมัยใหม่ไม่ได้มีโพรไบโอติกสูงตามธรรมชาติ ดังนั้น เพื่อเป็นการชดเชย มนุษย์จึงคิดค้นวิธีใหม่ๆ ในการเพิ่มโพรไบโอติกเข้าสู่ระบบทางเดินอาหารให้มากขึ้น ทำให้อาหารที่มีโพรไบโอติกและอาหารเสริมโพรไบโอติกเป็นที่นิยมมาแรง อย่างไรก็ตาม ควรกินอาหารเสริมในปริมาณที่พอดีตามที่ระบุฉลากบนผลิตภัณฑ์ และหากมีปัญหาสุขภาพ ควรปรึกษาแพทย์หรือแพทย์ก่อนตัดสินใจกินอาหารเสริม ข้อมูล : Alex Teo ผอ.ฝ่ายวิจัยและพัฒนากิจการวิทยาศาสตร์ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของเฮอร์บาไลฟ์  บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

‘พิษจากน้ำ’ คืออะไร? สาเหตุ อาการ และวิธีแก้ ควรดื่มน้ำวันละเท่าไรจึงจะดีต่อสุขภาพ

การดื่มน้ำนั้นดีต่อร่างกายอย่างแน่นอน แต่จะส่งผลอย่างไรต่อร่างกายมนุษย์หากเราดื่มน้ำมากๆ ในระยะเวลาอันสั้น? ในต่างประเทศ มีกรณี “พิษจากน้ำ” เกิดขึ้นจากการดื่มมากเกินไป ทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ ปวดศีรษะ โคม่า และถึงขั้นเสียชีวิตได้ “พิษจากน้ำ” คืออะไรกันแน่? ความรู้ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับ “พิษจากน้ำ” ในบทความนี้มีค่าควรแก่ความเข้าใจของทุกคน เหตุการณ์ “น้ำเป็นพิษ” ที่ผ่านมาในช่วงต้นเดือนสิงหาคม 2023 มีข่าวว่าแม่วัย 35 ปีที่อาศัยอยู่ในรัฐอินเดียนา สหรัฐอเมริกา และมีลูก 2 คนเสียชีวิตจากอาการเมาน้ำ เนื่องจาก “ดื่มมากเกินไป” Devon Miller บอกกับ WRTV ว่า Ashley Summers น้องสาวของเขาขาดน้ำระหว่างการเดินทาง ทางเรือกับสามีและลูกสาวสองคนของเธอ โดยต้องรับมือกับอาการปวดหัวและเวียนศีรษะด้วยการดื่มน้ำปริมาณมากในช่วงเวลาสั้นๆ บางคนบอกว่า Ashley Summers ดื่มน้ำประมาณ 1.89 ลิตรใน 20 นาที ซึ่งเท่ากับปริมาณน้ำที่มนุษย์ต้องการในหนึ่งวัน ต่อมาเมื่อ Ashley Summers กลับบ้านเธอก็โคม่าในโรงรถของบ้านและไม่ตื่นขึ้นมาเลย เธอถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลสันนิษฐานว่าเสียชีวิตจากพิษจากน้ำ พิษจากน้ำคืออะไร?ความเป็นพิษจากน้ำเรียกอีกอย่างว่า “ภาวะโซเดียมในเลือดต่ำ” ,”ปริมาณน้ำมากเกินไป” และชื่ออื่นๆ ปัญหาหลักของการเป็นพิษจากน้ำส่งผลต่อความเข้มข้นของโซเดียม ซึ่งเป็นหนึ่งในอิเล็กโทรไลต์ที่สำคัญในร่างกาย แพทย์ฉุกเฉิน […]

ปรับพฤติกรรมอย่างไรเลี่ยง ‘ภาวะร่างกายขาดแคลเซียม’ ต้นเหตุเสี่ยง ‘โรคกระดูกพรุน’

ปัญหาเรื่อง ภาวะร่างกายขาดแคลเซียม นับเป็นปัญหาใหญ่ของคนไทย กระทรวงสาธารณสุขได้มีการเปิดเผยข้อมูลว่าคนไทยมีความเสี่ยงเป็น โรคกระดูกพรุน ถึง 90% ซึ่งสาเหตุหลักเกิดจากที่ร่างกายขาดแคลเซียมส่งผลให้กระดูกบางลง ทำให้เปราะหักง่าย เนื่องจากสาเหตุร่างกายได้รับแคลเซียมในปริมาณที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการ นับว่าเป็นปัญหาใหญ่ต่อทุกเพศทุกวัย นอกจากนี้ข้อมูลยังพบว่าคนไทยอายุ 70 ปีขึ้นไป เป็นโรคกระดูกพรุนมากกว่า 50% โดยพบในเพศหญิงถึง 35% มากกว่าเพศชายถึง 20% และยังพบด้วยว่าคนไทยมีแนวโน้มว่าอายุเฉลี่ยของผู้ที่เป็นโรคกระดูกพรุนจะลดลงทุกปี ปัจจุบันภาวะกระดูกบางหรือกระดูกพรุน สามารถพบได้ในทุกเพศทุกวัย เนื่องจากพฤติกรรมการกินอาหาร หรือการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป นับเป็นปัญหาด้านสุขภาพของคนไทยที่ถดถอยลงเรื่อยๆ   สาเหตุของภาวะร่างกายขาดแคลเซียม แคลเซียมเป็นแร่ธาตุที่มีความสำคัญต่อร่างกายมนุษย์เรามากที่สุดเมื่อเทียบกับแร่ธาตุชนิดอื่น แคลเซียมอยู่ในร่างกายเราถึง 98% ในส่วนของกระดูก มีผลต่อการสร้างมวลกระดูกที่แข็งแรง ไปจนถึงระบบประสาทที่มีผลต่อการพัฒนาสมองของคนเรา และที่สำคัญร่างกายไม่สามารถผลิตแคลเซียมได้เอง ต้องมีการบริโภคอาหารที่มีแคลเซียมเข้าไปให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ไม่ใช่แค่เด็กหรือผู้สูงอายุเท่านั้นที่ต้องการแคลเซียม สำหรับคนทั่วไป ร่างกายต้องการแคลเซียมในปริมาณเฉลี่ยที่ 1,000 มิลิกรัมต่อวัน เพื่อนำมาใช้ทดแทนแคลเซียมที่สูญเสียไปในแต่ละวัน เราสามารถเลือกกินอาหารที่มีแคลเซียมได้จาก ข้าวโอ๊ต คะน้า บล็อกโคลี่ กุ้งแห้ง เพื่อให้ได้ปริมาณแคลเซียมตามที่ร่างกายต้องการ หากแต่ว่าพฤติกรรมการใช้ชีวิตในปัจจุบันส่งผลให้เราไม่สามารถกินอาหารหลักที่ได้ปริมาณแคลเซียมครบตามที่ร่างกายต้องการ สำหรับหญิงที่กำลังเตรียมพร้อมสำหรับการตั้งครรภ์ หรือตั้งครรภ์ ร่างกายจะต้องการปริมาณแคลเซียมในปริมาณที่มากกว่าคนทั่วไป ปริมาณเฉลี่ยที่ต้องการ 1,500 มิลิกรัมต่อวัน เพื่อให้ทารกสามารถนำแคลเซียมไปใช้ในการสร้างตั้งแต่ระบบประสาท กระดูก กล้ามเนื้อ และฟันในทารก อีกทั้งยังเสริมสร้างความสมบูรณ์ของเซลล์ ที่ควบคุมระบบการทำงานของหัวใจ ป้องกันการอุดตันของหลอดเลือดในร่างกายของทารก รวมถึงหัวใจและระบบประสาทของทารกก็ใช้แคลเซียมด้วย อีกทั้งยังเสริมสร้างสติปัญญาของทารกในครรภ์ หากคุณแม่มีแคลเซียมไม่เพียงพอต่อความต้องการของทารก ทารกจะดึงแคลเซียมสะสมของคุณแม่ไปใช้ ส่งผลให้แคลเซียมสะสมของคุณแม่น้อยลง […]

สัญญาณเตือน ‘โรคต้อหิน’ ภัยเงียบเสี่ยงตาบอดถาวร

โรคต้อหิน สาเหตุหลักอย่างหนึ่งของการสูญเสียการมองเห็นแบบถาวรและไม่สามารถรักษาให้หายได้หากมีอาการผิดปกติรีบพบแพทย์ทันที โรคต้อหิน เป็นสาเหตุลำดับต้นๆ ของโลกที่ทำให้สูญเสียการมองเห็นถาวร เป็นโรคที่มีความเสื่อมของเส้นประสาทตา และมีการสูญเสียสายตาที่มีลักษณะค่อนข้างเฉพาะตัว โดยพบว่า ความดันลูกตาที่สูงเป็นปัจจัยเสี่ยง ที่สำคัญในการทำให้เกิดโรคต้อหิน เมื่อเป็นมากๆ หากไม่ทำการรักษา หรือตรวจพบแล้ว แต่ทำการรักษาไม่ต่อเนื่องควบคุมโรคไม่ดีจะสูญเสียการมองเห็นไปในที่สุด ต้อหินสัมพันธ์กับความดันตาสูง เมื่อผู้ป่วยมีความดันตาสูง ลูกตาจะแข็ง มีลักษณะเหมือนเป็นลูกหิน คนไทยเรียกว่า ต้อหิน โดยค่าเฉลี่ยความดันลูกตาอยู่ที่ประมาณ 13-14 มิลลิเมตรปรอท ดังนั้น หากมีค่าความดันตา 21 มิลลิเมตรปรอท หรือสูงกว่าก็ถือว่าผิดปกติ ซึ่งในปัจจุบันพบว่า ผู้ป่วยที่มีความดันตาที่ไม่สูง ก็สามารถเป็นโรคต้อหินได้เช่นกัน ต้อหินมี 2 แบบ สำหรับอาการของโรค ใหญ่ๆ คือ ต้อหินมุมเปิดและมุมปิด ขึ้นกับว่าเป็นต้อหินชนิดไหน โดยที่เป็นต้อหินมุมปิดเฉียบพลัน ผู้ป่วยจะมาด้วยอาการปวดตา ตาแดง ตามัวแบบฉับพลันทันที ในบางรายมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน และปวดหัวร่วมด้วย ผู้ป่วยกลุ่มนี้มีจำนวนไม่มาก กลุ่มที่พบมากมักเป็นต้อหินเรื้อรัง ในกรณีที่เป็นมุมเปิด หรือมุมปิดเรื้อรัง ผู้ป่วยจะไม่มีอาการปวดตา แต่ระยะยาวจะมี ตามัว ลานสายตา ที่แคบลง […]

6 ข้อที่ทำให้คน ‘ลดความอ้วน’ ล้มเหลวเสมอ และเสี่ยงน้ำหนักมากกว่าเดิม

แน่นอนว่าการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วเป็นเรื่องที่น่าพึงพอใจ แต่ในบางคนทำไมถึงลดน้ำหนักได้ 2-3 กิโลกรัมเสมอแล้วกลับมามีน้ำหนักเพิ่มขึ้นทันที? บทความนี้จะพามาดูวิธีการลดน้ำหนักให้ได้ผลจริงและไม่กลับมาอ้วนอีก และวิธีลดน้ำหนักแบบไหนที่เป็นเพียงวิธีแก้ปัญหาชั่วคราวแต่ไม่ใช่สาเหตุที่แท้จริง นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารจะสอน “ความลับ 6 ประการ” ของการ ลดความอ้วน และหลีกเลี่ยงไม่ให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น  #1 กินอาหารทดแทนทุกคนคิดเสมอว่าการกินอาหารทดแทนเท่ากับการลดน้ำหนัก แท้จริงแล้ว สามารถช่วยปรับปริมาณแคลอรี่ได้ แต่เราไม่สามารถกินอาหารทดแทนได้ตลอดชีวิต ดังนั้น ตั้งแต่วันที่คุณกลับมากินอาหารตามปกติ หากคุณไม่ควบคุมปริมาณแคลอรี่อย่างเคร่งครัด ประตูสู่การเพิ่มน้ำหนักจะเปิดรอคุณอยู่ และยังทำให้คุณอ้วนเพิ่มขึ้นอีกด้วย เพราะคุณกินอาหารประเภทเดียวเป็นเวลานานจึงทำให้เกิดภาวะโภชนาการผิดปกติได้ง่าย #2 ไม่ต้องออกกำลังกายก็ได้แม้ว่าการลดน้ำหนักจะแบ่งเป็น 7 คะแนนสำหรับการควบคุมอาหารและ 3 คะแนนสำหรับการออกกำลังกาย แต่การเชื่อมโยงของการควบคุมอาหารมีความสำคัญมากในการลดน้ำหนัก น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นจะเกิดขึ้นหลังจากกลับไปกินอาหารแบบเดิม และการออกกำลังกายเป็นสิ่งสำคัญมากในการรักษารูปร่าง นอกจากช่วยเผาผลาญไขมันแล้ว ยังช่วยเพิ่มความไวของกล้ามเนื้อต่ออินซูลิน และหลีกเลี่ยงการสะสมความร้อนเนื่องจากความผันผวนของน้ำตาลในเลือดมากเกินไป #3 กินน้อยลงการกินน้อยเกินไปก็ก่อให้เกิดปัญหาเช่นกัน โดยเฉลี่ยอัตราการเผาผลาญพื้นฐานของผู้หญิงอยู่ที่ 1,100-1,400 แคลอรี่ ส่วนผู้ชายอยู่ที่ 1,400-1,700 แคลอรี่ สูตรการคำนวณมีดังนี้ ●BMR (ชาย)=(13.7×น้ำหนัก (กก.))+(5.0×สูง (ซม.))-(6.8×อายุ)+66 ●BMR (เพศหญิง)=(9.6×น้ำหนัก (กก.))+(1.8×สูง (ซม.))-(4.7×อายุ)+655 หากปริมาณแคลอรี่ของคุณต่ำกว่าที่ควรจะเป็น และร่างกายไม่ได้เติมแคลอรี่เพียงพอต่อการดำรงชีวิต ร่างกายจะกระตุ้นกลไกการป้องกันโดยอัตโนมัติ และลดอัตราการเผาผลาญโดยรวม ด้วยวิธีนี้แม้ว่าปริมาณแคลอรี่ที่ได้รับจะน้อยลง แต่ระบบการเผาผลาญของร่างกายก็จะช้าลงเช่นกัน หลังจากนั้นอาหารในกระเพาะจะย่อยและดูดซึมได้ไม่ง่ายจนนำไปสู่การสะสมไขมันในที่สุด […]

5 ข้อดีของการ ‘ฝึกโยคะ’ มากกว่าการออกกำลังกายเพื่อรูปร่างอย่างเดียว

ทางเลือกของการออกกำลังกายในทุกวันนี้ มีให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเน้นในเรื่องการเผาผลาญไขมันในช่วงเวลาสั้นๆ การวิ่งมาราธอน การเต้นในรูปแบบต่างๆ ซึ่งก็อยู่ที่แต่ละคนจะเลือกตามความชอบ และเป้าหมายของการออกกำลังกายกับอีกหนึ่งทางเลือกดีๆ ในรูปแบบของการ ฝึกโยคะ จะมีข้อดีอย่างไรบ้าง 1. ดูเด็กลง ลองพิสูจน์ดูได้เลยค่ะ เวลาไปคลาสโยคะ เรามักจะเจอแต่คนที่หน้าดูอ่อนกว่าวัยกันทั้งนั้น เหตุผลสำคัญนั้นเป็นเพราะการฝึกโยคะจะช่วยให้ระบบการไหลเวียนของเลือดดีขึ้น ประกอบกับท่วงท่าในการฝึกที่ต้องยืด เหยียด ยิ่งช่วยให้หลอดเลือดขยายตัวได้มากขึ้นไปอีก เมื่อเลือดไหลเวียนได้ดี ระบบต่างๆ ภายในร่างกายของเราก็ทำงานได้ดีตามไปด้วย นอกจากนั้นยังเน้นเรื่องการกำหนดลมหายใจ ทำให้ออกซิเจนเข้าปอดได้อย่างเต็มที่ เลือดก็นำออกซิเจนและสารอาหารไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายได้อย่างสะดวก ทั้งยังมีส่วนในการขจัดของเสียออกจากร่างกาย ผิวพรรณจึงดูสวยเปล่งปลั่ง 2. อกเป็นอก เอวเป็นเอว แบบไม่มีห่วงยาง เพราะการฝึกโยคะในแต่ละท่านั้นจะมีการใช้กล้ามเนื้อทั่วทุกส่วนของร่างกาย ทั้งกล้ามเนื้อมัดเล็กและมัดใหญ่ ซึ่งการใช้กล้ามเนื้อส่วนต่างๆ เป็นการใช้พลังงานส่วนเกินที่สะสมอยู่ตามส่วนต่างๆ ในรูปแบบของไขมัน ทำให้กล้ามเนื้อตึงกระชับ ทั้งท่าทางในการบิดตัวต่างๆ นั้นยังช่วยให้สัดส่วนของคุณสาวๆ เข้าที่ เซ็กซี่ได้ตามบุคลิก 3. สง่าทุกท่วงท่า เพราะการฝึกโยคะนั้นนอกจากจะมีการยืดเหยียดกล้ามเนื้อแล้ว ยังเน้นเรื่องการทรงตัว และความสมดุล โดยเป็นการฝึกการกระจายน้ำหนักอย่างเหมาะสมทั้งในส่วนของแขน ขา กล้ามเนื้อกระดูกสันหลัง รวมทั้งกระดูกข้อต่อที่จะได้รับการปรับให้เกิดความสมดุล จึงได้บุคลิกภาพที่ดีเป็นของแถมมาจากการฝึกโยคะอีกด้วย 4. สดใสไร้เครียด ก่อนจะฝึกโยคะทุกครั้งจำเป็นต้องมีการผ่อนคลายจากความคิด […]

ปรับพฤติกรรม 4 ข้อลดเสี่ยง ‘คอเลสเตอรอลสูง’ อันตรายที่ไม่ควรมองข้าม

ทุกคนคงจะพอคุ้นเคยกับคอเลสเตอรอลกันพอสมควร ก็เจ้าคอเลสเตอรอลนี่ล่ะค่ะ ที่อาจเป็นสาเหตุให้เกิดโรคที่อันตรายถึงชีวิตกันได้หลายอย่างเลย โดยหากร่างกายของเรามี คอเลสเตอรอลสูง ก็จะเป็นสาเหตุทำให้ไขมันไปสะสมอยู่ตามผนังหลอดเลือดต่างๆ ทำให้เลือดไหลผ่านได้ยากขึ้น หากเป็นหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ ก็จะทำให้เสี่ยงต่อโรคหัวใจล้มเหลว และหากเป็นหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง ก็อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อโรคเส้นโลหิตในสมองแตก หรือเกิดภาวะเส้นเลือดสมองอุดตันได้ วิธีการดูแลสุขภาพ เพื่อลดความเสี่ยงจากการมี คอเลสเตอรอลสูง ทำได้ไม่ยาก เรื่องของโภชนาการเป็นสิ่งที่สำคัญ ระมัดระวังในเรื่องของคอเลสเตอรอลนั้น แนะนำว่าในแต่ละวันควรบริโภคอาหารที่ปรุงด้วยไขมันไม่เกิน 5-7 ช้อนชา กินผักและผลไม้สดให้มากขึ้น และเลือกกินเนื้อปลาแทนที่เนื้อสัตว์ชนิดอื่นที่มีไขมันสูง ที่สำคัญควรออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ เพื่อให้ร่างกายสร้างไขมันประเภท HDL ขึ้นมาให้มากขึ้น เป็นตัวช่วยในการขจัดไขมันตัวร้ายออกจากร่างกาย สำหรับผู้ที่เริ่มมีปัญหาคอเลสเตอรอลสูง โดยทั่วไปอาจจะมีทางเลือกสองอย่าง คือการใช้ยาตามคำสั่งแพทย์ ซึ่งก็มักจะเป็นยาในกลุ่มสแตติน หรืออีกทางเลือกหนึ่ง คือการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้ชีวิต วิธีหลังนี้ นอกจากจะไม่ต้องง้อยาแล้ว ยังจะช่วยให้สุขภาพดีขึ้นในส่วนอื่นๆ อีกด้วย สำหรับผู้ที่มีคอเลสเตอรอลที่ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมนั้นมีอะไรบ้าง ขอขอบคุณข้อมูลจาก ไลฟ์เซ็นเตอร์บล็อก https://lifecenterthailand.wordpress.com ภาพ : Pexels บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ปรับกิจวัตรยังไงเมื่อพบ ‘ไขมันในเลือดสูง’ อะไรที่กินได้และไม่ได้บ้าง

โดยปกติร่างกายสามารถสร้างไขมันได้จากตับเพื่อนำมาใช้ในกระบวนการที่จำเป็นของร่างกาย เช่น ช่วยในการย่อยอาหาร สร้างฮอร์โมนต่างๆ แต่หากมีการกินไขมันจากอาหารมากเกินไป มีโรคทางพันธุกรรม มีการใช้ยาหรือสารต่างๆ ที่ทำให้การเผาผลาญไขมันในร่างกายผิดปกติก็จะทำให้เกิดภาวะ ไขมันในเลือดสูง ได้ ไขมันในเลือดสูง คือไขมันชนิดไหน?ไขมันในเลือดมีหลายชนิด มีทั้งชนิดที่ดีและไม่ดีต่อร่างกาย โดยจะทราบได้จากค่าผลการตรวจไขมันในเลือด จึงจำเป็นต้องงดอาหารก่อนทำการตรวจเป็นเวลา 8-12 ชั่วโมง ซึ่งจะทำให้ทราบถึงค่าไขมันต่างๆ ดังนี้ ค่าไขมันในเลือด แบบไหนผิดปกติ?ค่าไขมันในเลือดที่ปกติมีความแตกต่างไปตามอายุและเพศ โดยทั่วไปแล้วในผู้ที่อายุมากกว่า 20 ปี ควรมีค่า สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงของการเกิด ไขมันในเลือดสูงภาวะไขมันในเลือดสูงสามารถเกิดได้จากการกินอาหารที่มีส่วนผสมของไขมันมากเกินไป โดยเฉพาะไขมันชนิดอิ่มตัวและไขมันทรานส์ การไม่ออกกำลังกาย การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ กรรมพันธุ์ การมีโรคประจำตัวบางชนิด เช่น โรคตับ ตับอ่อน ภาวะพร่องไทรอยด์ ภาวะถุงน้ำในรังไข่จำนวนมาก โรคไตวาย โรคเบาหวาน หรือการใช้ยาบางชนิด เช่น ฮอร์โมนหรือยาคุมกำเนิด ยาสเตียรอยด์ ยาต้านไวรัส HIV เป็นต้น ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดไขมันในเลือดสูง เช่น การมีประวัติไขมันสูงในครอบครัว มีภาวะอ้วน การกินอาหารที่ไม่ถูกหลักโภชนาการ การดื่มสุรา สูบบุหรี่ เป็นต้น […]

พักแบบมีคลาส ‘วินแดม แกรนด์ ในหาน บีช ภูเก็ต’ เปิดตัว ‘เพลนารี เวลเนส’ ชูท่องเที่ยวเชิงสุขภาพครบวงจร

ซิซซา กรุ๊ป (CISSA Group) ผู้นำด้านการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนชั้นนำของประเทศไทย เผย วินแดม แกรนด์ ในหาน บีช ภูเก็ต (Wyndham Grand Nai Harn Beach Phuket) โรงแรมหรูระดับ 5 ดาว พร้อมให้บริการเต็มรูปแบบภายใต้แนวคิดเมดิคอล เวลเนส รีสอร์ต (Medical Wellness Resort) ด้วยการเปิดตัว “เพลนารี เวลเนส (Plenary Wellness)” ศูนย์สุขภาพและความงาม เพื่อเติมเต็มความสมบูรณ์แบบแบบองค์รวมระดับไฮเอนด์แก่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ผลักดันให้ภูเก็ตและประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางและศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและการแพทย์ (Medical Wellness Hub) ชั้นนำแห่งเอเชีย   นายอรรถนพ พันธุกำเหนิด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซิซซา กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า “เนื่องจากพฤติกรรมการท่องเที่ยวของนักเดินทาง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่มีกำลังการใช้จ่ายสูง เริ่มมีการผสานแพ็คเกจสุขภาพเข้าเป็นส่วนหนึ่งในโปรแกรมการท่องเที่ยวมากขึ้น ซิซซา กรุ๊ป จึงมุ่งมั่นพัฒนา วินแดม แกรนด์ ในหาน บีช ภูเก็ต ให้เป็น ‘เมดิคอล เวลเนส รีสอร์ต’ (Medical Wellness […]

‘เบลล่า ฮาดิด’ เปิดใจเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพมากมาย รวมถึงโรคลายม์ที่เธอต่อสู้มามากกว่าครึ่งชีวิต

‘เบลล่า ฮาดิด’ (Bella Hadid) ซูเปอร์โมเดลวัย 26 ปี ได้แชร์โพสต์บนอินสตาแกรมที่มีรูปถ่ายของเวชระเบียนและคำแถลงที่สะท้อนประสบการณ์ของเธอเกี่ยวกับความเจ็บป่วยเรื้อรัง “ตัวฉันต้องทนทุกข์ทรมานมาตั้งแต่ตอนอายุประมาณ 17 ปีจนถึงปัจจุบัน คงภูมิใจในตัวฉันที่เติบโตโดยไม่ยอมแพ้ ขอบคุณแม่ที่ … อยู่เคียงข้างฉัน ไม่เคยห่างหาย ปกป้อง ช่วยเหลือ แต่เหนือสิ่งอื่นใด เชื่อฉันตลอดเรื่องทั้งหมดนี้” หนึ่งในเอกสารทางการแพทย์ที่มีภาพลงวันที่ในเดือนกุมภาพันธ์ 2014 ระบุรายละเอียดการต่อสู้กับปัญหาสุขภาพของ Bella Hadid กับปัญหาสุขภาพมากมาย รวมถึงความเหนื่อยล้า โรคสมาธิสั้น ความจำแปรปรวน ภาวะซึมเศร้า ความผิดปกติของการนอน ปวดหัว ภาวะเสียสมดุล ฝันร้าย กล้ามเนื้ออ่อนแรง เจ็บหน้าอก และใจสั่น  “การอยู่ในสภาพนี้ ทรุดโทรมลงเรื่อยๆ ด้วยเวลาและงาน ในขณะที่พยายามทำให้ตัวเอง ครอบครัว และคนที่สนับสนุนฉันภูมิใจ ได้สร้างผลกระทบต่อฉันในแบบที่ฉันอธิบายไม่ได้จริงๆ” “การต้องเศร้าและเจ็บป่วยกับพร/สิทธิพิเศษ/โอกาส/ความรักที่อยู่รอบๆ ตัวฉันอาจเป็นเรื่องที่สับสนมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา สิ่งหนึ่งที่ฉันอยากจะบอกทุกคนก็คือ 1: ฉันสบายดี และคุณไม่ต้องกังวล…” และ 2: ฉันจะไม่เปลี่ยนแปลงอะไรให้กับโลกใบนี้ ถ้าฉันต้องผ่านทั้งหมดนี้อีกครั้ง ในช่วงเวลาที่ฉันอยู่ตอนนี้ อยู่กับพวกคุณทุกคน ในที่สุดสุขภาพแข็งแรง […]

วิธีควบคุมสัดส่วนอาหารเพื่อลดน้ำหนักกับ 8 เคล็ดลับในการเสิร์ฟและจัดจาน

รู้หรือไม่ว่าวิธีการเสิร์ฟและการจัดจานอาหารมีผลต่อปริมาณการกินของเรา บางครั้งการกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพจำนวนมากเกินไปอาจฟังดูเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยาก แต่ยังมีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่กินอาหารเพื่อสุขภาพมากเกินพอดีจนนำมาสู่ปัญหาน้ำหนักตัวเกิน ดังนั้น การควบคุมสัดส่วนและปริมาณในจานอาหารจึงเป็นส่วนสำคัญในการลดน้ำหนักหรือควบคุมแคลอรี่ อ้างอิงจากผลการวิเคราะห์อภิมาน (Meta – Analysis) ที่ตีพิมพ์ใน Obesity Research & Clinical Practice เรื่องการใช้จานควบคุมสัดส่วนอาหาร (Portion-Control-Plates) ในกลุ่มอาสาสมัครที่เข้าร่วม พบว่าน้ำหนักตัว ดัชนีมวลกายและเส้นรอบเอวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ซูซาน บาวเวอร์แมน MS, R.D., CSSD, CSOWM, FAND – ผู้อํานวยการอาวุโส การศึกษาและฝึกอบรมโภชนาการทั่วโลกของเฮอร์บาไลฟ์ ได้รวบรวม 8 เคล็ดลับช่วยควบคุมสัดส่วนอาหาร โดยมีคำกล่าวที่ว่า “Your eyes are bigger than your stomach” แปลตรงๆ ก็คือตาคุณใหญ่กว่าท้องคุณ แต่ความหมายที่แท้จริงคือ เราตักอาหารใส่จานมากเกินไป เพราะใช้สายตาที่เห็นในการกะปริมาณและกำหนดสัดส่วนอาหาร ซึ่งส่วนมากปริมาณอาหารที่ได้มักมากกว่าที่เรากินได้หรือควรกิน ทำให้เราต้องเข้าใจความแตกต่างระหว่าง “หน่วยบริโภค (Serving)” และ “สัดส่วน (Portion)” เพราะหน่วยบริโภคคือสิ่งที่เห็นได้ในข้อมูลโภชนาการบนบรรจุภัณฑ์อาหาร แต่อาจไม่สามารถสะท้อนปริมาณที่กินจริงๆ […]

ความเครียดมีผลไหม? พร้อมวิธีสังเกตตัวเองเบื้องต้นว่าคุณเสี่ยงเป็น ‘โรคซึมเศร้า’ หรือไม่?

“ซึมเศร้า” ทางการแพทย์ หมายถึง ภาวะซึมเศร้าที่มีความรุนแรงมากกว่าอารมณ์เศร้าตามปกติ โดยบางรายอาการเด่นอาจจะมีลักษณะ ความสุขหายไปก็ได้ สาเหตุของโรคเกิดจากมีความผิดปกติในการหลั่งสารเคมีของสมองบริเวณส่วนของความคิด อารมณ์ ความรู้สึกและพฤติกรรม พบได้ทั้งในวัยรุ่น วัยผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ แต่ส่วนใหญ่จะเริ่มพบได้ในช่วงวัยรุ่น โดยเฉพาะผู้ที่มีความเครียดสูง ซึ่งในปัจจุบัน โรคซึมเศร้า สามารถรักษาหายขาดได้ด้วยการใช้ยา หรือการใช้ยาร่วมกับการทำจิตบำบัด ความเครียด สาเหตุของโรคซึมเศร้าที่พบบ่อยเกิดจากความเครียดที่สะสมมากขึ้นเรื่อยๆ ก็อาจจะทำให้เกิดโทษกับชีวิตได้ บางกรณีอาจจะพัฒนากลายเป็นโรคจิตเวชอื่นๆ ต่อไป แล้วจะเริ่มสังเกตตัวเองอย่างไร?  วิธีสังเกตตัวเองว่าคุณเสี่ยงเป็น โรคซึมเศร้า หรือไม่? ทางกาย1. พฤติกรรมการกินเปลี่ยน น้ำหนักลดหรือเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว2. การนอนผิดปกติ บางคนอาจจะมีการนอนไม่หลับแต่บางคนอาจจะนอนมากเกินกว่าปกติ3. ปวดเมื่อยตามตัว ปวดหัว ปวดคอบ่าไหล่ อ่อนเพลีย ไม่สดชื่นเท่าปกติ4. มีการสูบบุหรี่หรือดื่มเหล้ามากขึ้น5. โรคประจำตัวเดิมอาจจะคุมได้ลำบากขึ้น เช่น ความดันขึ้น ทางอารมณ์1. มีความกังวล รู้สึกเครียดตลอดเวลา2. ซึมเศร้า รู้สึกทุกข์ใจมากกว่าปกติ3. อารมณ์หงุดหงิดมากผิดปกติ4. มีความกระวนกระวายใจ ว้าวุ่นใจ ทางความคิด1. ไม่มีสมาธิในการทำกิจกรรมต่างๆ หลงลืมมากกว่าปกติ2. การตัดสินใจหรือการแก้ไขปัญหาแย่ลง3. คิดฟุ้งซ่าน คิดหมกมุ่นในเรื่องอดีต4. ความมั่นใจในตนเองลดลง5. มีความคิดทำร้ายตนเอง คิดเรื่องตาย หากมีอาการเหล่านี้หลายข้อ หรือครบทุกข้อ และมีอาการต่อเนื่องอย่างน้อย 2 สัปดาห์ อาจจะต้องระวังว่าคุณกำลังเสี่ยงเป็น ‘โรคซึมเศร้า’ จำเป็นต้องปรึกษาและได้รับการรักษาอย่างถูกวิธีจากแพทย์เฉพาะทาง เพราะหากปล่อยไว้อาจทำให้ผู้ป่วยมีอาการรุนแรงขึ้นและนำไปสู่การสูญเสียได้ ฉะนั้นการปล่อยให้มีอาการที่สะสมขึ้นเรื่อยๆ ก็อาจจะทำให้เกิดผลเสียกับชีวิตได้ ข้อมูล : โรงพยาบาล Bangkok Mental Health […]

เปิดประสบการณ์ผ่อนคลายกลางกรุงฯ ในโอเอซิสแห่งสุขภาพที่ Mövenpick BDMS Wellness Resort Bangkok

ลองจินตนาการถึงการหลีกหนีออกจากความวุ่นวายในชีวิตประจำวัน แล้วพาตัวเองมาพักกายพักใจในโอเอซิสแห่งสุขภาพ พร้อมดื่มด่ำท่ามกลางความเงียบสงบของธรรมชาติและการออกแบบตกแต่งภายใน ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ราวกับว่าได้หลุดเข้าไปในจักรวาลคู่ขนาน ให้รางวัลชีวิตชาร์จพลังเพื่อเริ่มต้นวันใหม่ ทั้งหมดนี้ไม่ได้เป็นเพียงความฝัน แต่เป็นจริงได้ ใจกลางกรุงเทพฯ ที่ Mövenpick BDMS Wellness Resort ประสบการณ์พักผ่อนสุดพิเศษ ที่ผ่านการรังสรรค์ผลงานด้านออกแบบและตกแต่ง โดยทีมงานมากฝีมือจาก dwp I Design Worldwide Partnership บริษัทที่ปรึกษาด้านสถาปัตยกรรมและการออกแบบระดับสากลที่มีรางวัลระดับโลกการันตีผลงาน เปิดประสบการณ์ผ่อนคลายกลางกรุงฯ ในโอเอซิสแห่งสุขภาพที่ Mövenpick BDMS Wellness Resort Bangkok นริศา การุณยะวนิช Director of Marketing Communication จาก Mövenpick BDMS Wellness Resort กล่าวว่า “ในฐานะที่เราเป็นโอเอซิสแห่งใหม่ ด้านแห่งการดูแลสุขภาพที่ก้าวล้ำเหนือคำจำกัดความเดิมของการพักผ่อนและการฟื้นฟู โดยเฉพาะ Be Well Spa สปาขนาดใหญ่ 771 ตร.ม.ตั้งอยู่ภายใน Mövenpick Hotels & Resorts […]

‘โรคเบาหวาน’ กับ ‘โรคปริทันต์’ ความสัมพันธ์ที่ไม่ควรมองข้าม เสี่ยงกระตุ้นความรุนแรงของโรค

กรมการแพทย์ โดยสถาบันทันตกรรม ชี้ผู้ป่วย โรคเบาหวาน เสี่ยงต่อการเป็นโรคปริทันต์อักเสบ กระตุ้นความรุนแรงของโรค และส่งผลให้อีกโรคหนึ่งรุนแรงตามไปด้วย ควรใส่ใจดูแลสุขภาพร่างกายและสุขภาพช่องปากควบคู่กัน โรคเบาหวาน กับ โรคปริทันต์ (โรคเหงือก) มีความสัมพันธ์และเกี่ยวข้องกัน จากการที่ปกติแล้วในร่างกายจะมีฮอร์โมนชื่อว่า “อินซูลิน” คอยทำหน้าที่จับน้ำตาลในกระแสเลือดไปเป็นพลังงานให้แก่เนื้อเยื่อต่างๆ ในร่างกาย ส่วนโรคปริทันต์อักเสบ สามารถกระตุ้นให้เกิดการอักเสบทั่วทั้งระบบ ซึ่งการอักเสบนั้นก็จะไปรบกวนขบวนการควบคุมระดับน้ำตาลดังกล่าว ดังนั้น เมื่อผู้ป่วยเป็นโรคปริทันต์อักเสบรุนแรง จะมีผลให้เพิ่มความเสี่ยงต่อการดื้ออินซูลินในคนปกติ และหากเป็นผู้ป่วยในกลุ่มของโรคเบาหวานก็จะส่งผลกระทบให้ผู้ป่วยควบคุมระดับน้ำตาลได้ยากขึ้น รวมถึงมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวานได้มากขึ้นอีกด้วย โรคปริทันต์ (โรคเหงือก) กับโรคเบาหวาน สัมพันธ์และมีผลต่อกัน เพราะในทางกลับกันภาวะน้ำตาลในเลือดสูงของผู้ป่วยเบาหวาน ก็ส่งผลต่อสภาวะโรคปริทันต์อักเสบได้เช่นกัน เนื่องจากน้ำตาลในเลือดนั้น สามารถจับกับโปรตีนบางชนิดได้ถาวร ทำให้กระตุ้นการทำลายและยับยั้งการซ่อมแซมของเนื้อเยื่อ ซึ่งเป็นการส่งเสริมให้โรคปริทันต์อักเสบมีความรุนแรงขึ้น โดยผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานจะมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคปริทันต์อักเสบถึง 4.2 เท่า หรืออาจกล่าวได้ว่า ความรุนแรงของโรคหนึ่งส่งผลให้อีกโรคหนึ่งรุนแรงตามไปด้วย ซึ่งควรใส่ใจดูแลสุขภาพร่างกายและสุขภาพช่องปากควบคู่กัน และเตรียมความพร้อมสำหรับการรักษาเป็นอย่างดี เพราะสุขภาพช่องปากเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องใส่ใจดูแล และเป็นประตูนำไปสู่การมีสุขภาพร่างกายที่ดีด้วย โรคปริทันต์อักเสบ หรือ โรครำมะนาด เกิดจากเชื้อแบคทีเรียในคราบจุลินทรีย์ ผลิตสารทำลายเนื้อเยื่อและกระดูกที่รองรับฟัน อีกทั้งแบคทีเรียเหล่านี้ยังก่อให้เกิดแผลในบริเวณพื้นผิวกว้างได้ถึง 5-20 ตารางเซนติเมตร ซึ่งเป็นช่องทางให้แบคทีเรียและสารอักเสบต่างๆ เข้าไปสู่กระแสเลือดได้ และอาจเป็นสาเหตุการกระตุ้นให้เกิดการอักเสบภายในร่างกาย […]

วิธีเลี่ยงความเสี่ยง ‘ปวดหัวไมเกรน’ คู่ปรับของคนวัยทำงาน พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย

ปวดหัวไมเกรน คู่ปรับของคนวัยทำงาน เป็นอาการที่เกิดจากระบบประสาทส่วนกลางทำงานผิดปกติ สามารถเกิดได้หลายรูปแบบ ผู้ป่วยสามารถบรรเทาอาการได้ โดยหลีกเลี่ยงสิ่งเร้าที่ก่อให้เกิดอาการปวด โรคไมเกรนเป็นอาการปวดศีรษะที่พบได้ในเด็กวัยเรียน วัยหนุ่มสาว แต่ผู้สูงอายุมักไม่เป็นโรคนี้ และเป็นมากโดยเฉพาะคนวัยทำงานที่ต้องเผชิญกับการแข่งขันและความกดดันอย่างต่อเนื่อง อาจทำให้ต้องเผชิญกับความเครียดสะสม ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพในการทำงานลดลง จะพบผู้ป่วยอยู่ในช่วงอายุระหว่าง 25-30 ปี มากที่สุด มักพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย โดยลักษณะของไมเกรนแบ่งได้เป็น 2 ชนิด คือ ไมเกรนชนิดไม่มีอาการนำ จะปวดศีรษะครึ่งซีกเป็นพักๆ เวลาหายปวดจะหายสนิท ซึ่งการปวดแต่ละครั้งจะนาน 4 ชั่วโมงหรือนานเป็นวันๆ ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการ เช่น คลื่นไส้อาเจียน เหงื่อแตก ส่วนไมเกรนชนิดมีอาการนำ จะพบได้น้อยกว่า มักมีอาการนำมาก่อนแล้วจึงมีอาการปวดศีรษะตามมา อาการนำที่พบได้บ่อย เช่น ตาฝ้า เห็นแสงระยิบระยับ บางคนอาจเห็นเป็นภาพมืดตรงกลางทำให้มองไม่เห็นชั่วครู่ อาจมีอาการแขนขาชาอ่อนแรงหรือพูดไม่ได้ชั่วครู่ ไมเกรนเป็นโรคที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของใครหลายคน และเป็นอุปสรรคต่อการทำงาน การมีความรู้และความเข้าใจอย่างถูกต้องจะช่วยให้ห่างไกลจากโรคไมเกรนได้ สาเหตุของโรคปวดศีรษะไมเกรน มีสาเหตุที่เกิดจากภายในร่างกายและจากพันธุกรรม ซึ่งไม่สามารถป้องกันหรือหลีกเลี่ยงได้ ส่วนสาเหตุที่มาจากภายนอกร่างกายเป็นปัจจัยกระตุ้นทำให้เกิดอาการ เช่น การพักผ่อนไม่เพียงพอ อากาศเปลี่ยนแปลง ทำงานหนักหรือมีความเครียดมากเกินไป เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาหารบางชนิด ได้แก่ กล้วยหอม […]

‘หน้าเบี้ยวครึ่งซีก’ เกิดจากความผิดปกติของเส้นประสาท โรคใกล้ตัวที่พบได้ในทุกเพศทุกวัย

เตือนอาการอ่อนแรง บริเวณใบหน้าครึ่งซีก ใบหน้าเบี้ยว หลับตาไม่สนิท ปากเบี้ยว มีน้ำไหลที่มุมปาก และอาจพูดไม่ชัด การรับรสที่ลิ้นผิดปกติ ปวดศีรษะ หูอื้อข้างเดียวหรือ 2 ข้าง ดื่มน้ำลำบากพูดไม่ชัด เกิดจากเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 ผิดปกติ อาการปากเบี้ยวหรือ หน้าเบี้ยวครึ่งซีก (Bell’s palsy) คือ ภาวะที่กล้ามเนื้อใบหน้าข้างใดข้างหนึ่งอ่อนแรง หรือเกิดอัมพาตชั่วขณะ เป็นอาการที่เกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย โดยมีสาเหตุมาจากการอักเสบของเส้นประสาทบนใบหน้า ส่งผลให้หน้าเบี้ยวครึ่งซีก เป็นผลมาจากเส้นประสาทใบหน้า หรือเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 ซึ่งอยู่ตรงใบหน้าแต่ละข้างทำหน้าที่รองรับการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อใบหน้า เช่น ยิ้ม ทำหน้าบึ้ง หรือหลับตา รวมทั้งรับรสจากลิ้น และส่งต่อไปยังสมองเกิดการอักเสบส่งผลต่อการรับรส การผลิตน้ำตา และต่อมน้ำลาย ปากเบี้ยว ถือเป็นปัญหาสุขภาพที่เกิดขึ้นทันที และมักจะเกิดขึ้นภายใน 48 ชั่วโมง ซึ่งสาเหตุยังไม่ทราบแน่ชัด อาจมีความสัมพันธ์ได้จากการติดเชื้อไวรัสบริเวณใบหน้า เช่น โรคอีสุกอีไส เชื้อเริม ส่วนปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคใบหน้าเบี้ยวครึ่งซีก ได้แก่ ผู้ที่ตั้งครรภ์ การพักผ่อนไม่เพียงพอ ร่างกายอ่อนแอ และภาวะภูมิคุ้มกันผิดปกติ โรคใบหน้าเบี้ยวครึ่งซีกเป็นโรคที่สามารถหายเองได้ […]

ทำไมคนทำงานหนักเกินไปถึงเสี่ยงเป็น ‘โรคเบาหวาน’

การเกิด โรคเบาหวาน ในมนุษย์เงินเดือนอยู่ใกล้ตัวเป็นอย่างมาก ทั้งการกินของหวานๆ ขาดการออกกำลังกาย ไม่ควบคุมน้ำหนัก และหากป่วยแล้วไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม อาจนำไปสู่สภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ ก่อนที่จะสายเกินไป ควรเริ่มใส่ใจในการดูแลสุขภาพให้มากขึ้น โรคเบาหวาน ความเสี่ยงของคนทำงานหนักเกินไป เป็นห่วงคนทำงานหนักเกินไป เสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน สาเหตุที่เห็นได้ชัดคือ พฤติกรรมการกินอาหารของหวาน ของมัน ของทอด โดยเฉพาะเมื่อทำงานหนัก เกิดความเครียดร่างกายต้องการของหวานเติมเต็ม เพราะว่าสามารถบรรเทาความเครียดได้ ของหวานที่มีน้ำตาลสูงจะสามารถช่วยลดระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลและอะดรีนาลีน ที่จะหลั่งออกมาในเวลารู้สึกเครียด เมื่อคุณเครียดมากจึงทานมากขึ้น ซึ่งวิธีนี้เป็นการแก้ปัญหาระยะสั้นแถมยังทำลายสุขภาพเป็นอย่างมาก โรคเบาหวาน เป็นภาวะที่ในกระแสเลือดมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ อันเนื่องจากการขาดฮอร์โมนอินซูลิน หรือประสิทธิภาพในการทำงานลดลง หากปล่อยไว้เป็นเวลานานก็จะทำให้ร่างกายเกิดโรคแทรกซ้อนต่ออวัยวะต่างๆ ได้ง่าย อาทิ ตา ไต รวมไปถึงระบบประสาท โรคเบาหวานมีหลายประเภท สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท คือ 1. เกิดจากตับอ่อนไม่สามารถผลิตฮอร์โมนอินซูลินได้ 2. เกิดจากการที่ตับอ่อนผลิตฮอร์โมนอินซูลินได้ไม่เพียงพอต่อการใช้ หรือเกิดภาวการณ์ดื้ออินซูลิน 3. เบาหวานขณะตั้งครรภ์ ซึ่งเป็นโรคเบาหวานที่พัฒนาขึ้นระหว่างการตั้งครรภ์จากการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมน โดยที่ผู้ป่วยไม่เคยเป็นโรคเบาหวานมาก่อน อาการของโรคเบาหวาน ได้แก่ รู้สึกหิวบ่อย กระหายน้ำ ปัสสาวะมีปริมาณมากและบ่อย เหนื่อย […]

แพทย์ผิวหนังเผยลักษณะรอยโรค ‘ภาวะเส้นเลือดฝอยอักเสบ’ พบไม่บ่อย แต่รักษาได้

ภาวะเส้นเลือดฝอยอักเสบ ที่ผิวหนัง เป็นอาการทางผิวหนังที่พบได้ไม่บ่อยนักและมีรอยโรคที่ผิวหนังเห็นได้ชัดเจน อาจจะมีความเกี่ยวข้องและสัมพันธ์กับความผิดปรกติหรือโรคอื่นๆในร่างกายได้ เส้นเลือดฝอยอักเสบ สามารถพบได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ โดยจะพบในวัยผู้ใหญ่มากกว่า 90% ภาวะเส้นเลือดฝอยอักเสบ ประมาณครึ่งหนึ่งเกิดจากความผิดปรกติของผิวหนังเอง ไม่สามารถหาสาเหตุได้ ในส่วนที่มีสาเหตุ พบว่า ผื่นรอยโรคอาจเกิดจากการกระตุ้นจากการติดเชื้อแบคทีเรียได้หลายชนิด หรือเกิดจากการติดเชื้อไวรัส เช่น ไวรัสตับอักเสบบี ไวรัสตับอักเสบซี เป็นต้น นอกจากนั้นสามารถเกิดร่วมกับโรคแพ้ภูมิตัวเอง รวมถึงการกระตุ้นจากยา หรืออาหารเสริมบางชนิด ก็มีรายงานทําให้เกิดภาวะนี้ได้ ลักษณะรอยโรคเป็นผื่นที่มีรอยแดงเป็นปื้นที่กดไม่จาง หรือเป็นตุ่มแดง มีลักษณะคล้ายลมพิษ ในบางรายถ้ามีอาการรุนแรง อาจพบเป็นลักษณะเป็นตุ่มหนอง แตกเป็นแผลได้ โดยผื่นมักจะพบบ่อยที่บริเวณขาทั้งสองข้าง ประมาณ 5-25% จะพบมีอาการทางกายร่วมด้วย เช่น ไข้ ปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อ น้ำหนักลด คลื่นไส้อาเจียน เป็นต้น การรักษาจะเน้นที่การรักษาปัจจัยที่กระตุ้นการเกิดโรคหรือรักษาโรคร่วม การรักษาอาการอักเสบที่ผิวหนัง เป็นการให้ยาแก้แพ้ ยากดภูมิชนิดคอร์ติโคสเตียรอยด์ ยาแก้ปวดบางชนิด เช่น colchicine หรือ indomethacin ซึ่งจะสามารถลดการอักเสบของผื่นได้ ผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง พบว่าผื่นและอาการของโรคสามารถหายได้ในระยะเวลาไม่กี่อาทิตย์ถึงเป็นเดือน แต่ในบางรายเกือบประมาณ 10% ที่มีอาการรุนแรงหรือมีโรคพบร่วมเยอะ […]

keyboard_arrow_up