ปรับตัวหลังแต่งงาน เรื่องที่บ่าวสาวทุกคู่ควรรู้ ให้รักนี้ยาวนาน

account_circle

บ่าว – สาว ที่กำลังจะแต่งงานเริ่มต้นใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน หลายคนมีความกังวลซ่อนอยูในใจ กับเส้นทางชีวิตคู่ที่กำลังจะเริ่มต้น สงสัยว่าต้อง ปรับตัวหลังแต่งงาน อย่างไรดี ครั้งนี้ แพรว wedding จึงเชิญ แพทย์หญิงวนัทดา ถมค้าพาณิชย์ จิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านความรักและชีวิตคู่ ประจำโรงพยาบาลมนารมย์ มาเป็นผู้ให้คำตอบ

ปัญหาที่คู่แต่งงานใหม่มาพบจิตแพทย์ มักจะเกิดจากการที่แต่ละคนมี “ตัวตน” ของตนเองมากจนเกินไป ทำให้กระบวนการ ปรับตัวหลังแต่งงาน เป็นไปได้ยาก ซึ่งการแต่งงานกับใครสักคนนั้น มักจะมีสิ่งที่เราชอบและไม่ชอบเกี่ยวกับเขาเสมอ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเจอใครสักคนที่เราชอบทุกอย่าง ดังนั้นการที่เราพยายามทำความรู้จัก ยอมรับ และปรับตัวให้เข้ากับอีกฝ่ายนั้นจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก

เรามักเคยได้ยินว่า “พอหลังแต่งงาน เขาก็เปลี่ยนไป” มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ หรือเป็นเพราะยังไม่ได้รู้จักตัวตนของเขาดีพอ และเราอาจจะคาดหวังบางอย่างมากกว่าที่ควรจะเป็น ดังนั้นก่อนที่จะแต่งงาน ก็ควรจะทำความเข้าใจซึ่งกันและกันให้ชัดเจนก่อน

สิ่งแรกที่ควรทำความเข้าใจร่วมกันก็คือ “เป้าหมายและภาพของชีวิตคู่ที่เราจะใช้ไปด้วยกัน ซึ่งจะเกิดขึ้นได้จากการพูดคุยและตกลงระหว่างกันให้ชัดเจน เช่น บางคนอยากแยกออกมาเป็นครอบครัวเล็กๆ อยากจะมีลูกกี่คน ภรรยาอยากทำงาน ฯลฯ

ปรับตัวหลังแต่งงาน

ภาพในการใช้ชีวิตคู่ยังรวมไปถึงข้อตกลงพื้นฐาน เช่น “การที่ไปมีผู้หญิงอื่นนี่ไม่ OK นะ” ก็ควรจะต้องคุยกันให้เข้าใจก่อน เพราะวัฒนธรรมหรือการเติบโตมาของแต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกัน ทำให้มีความคาดหวังที่ไม่ตรงกันในชีวิตแต่งงาน

การปรับตัวเข้าหากันหลังแต่งงานนั้นเป็นสิ่งสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะการแต่งงานคือการตกลงใช้ชีวิตร่วมกันของคนสองคน ซึ่งอาจจะต้องเสียสละบางอย่างไม่ว่าจะเป็นเวลา ความชอบส่วนตัว แต่ถ้าหากยังทำทุกอย่างเหมือนเดิมโดยไม่มีการปรับเข้ากัน ก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาในชีวิตคู่ได้

การปรับตัวทำได้ด้วยการเปิดใจรับฟัง เป็นการทำความรู้จักและเรียนรู้อีกฝ่ายไปพร้อมๆ กัน หากพยายามปรับตัวเข้าหากันด้วยการมองว่าเหตุผลของใครดีกว่ากัน โดยไม่มีความเข้าใจกันก็ไม่ใช่ลักษณะของคนที่รักกันที่จะอยู่ร่วมกัน

การเปิดใจเข้าหาอีกฝ่ายนั้น ยังรวมถึงการทำความเข้าใจความแตกต่างของกันและกัน ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรม ครอบครัว หรือตัวตนที่ไม่เหมือนกัน เรียนรู้ที่จะยอมรับอีกฝ่าย พร้อมที่จะปรับตัวเข้าหาอีกฝ่ายหนึ่ง

การเรียนรู้และเปิดใจเข้าหากันจะต้องทำทั้งสองฝ่าย หากทำอยู่ฝ่ายเดียวจะทำให้ชีวิตคู่นั้นขาดสมดุลและเกิดปัญหาขึ้นในที่สุด ซึ่งการปรับตัวเข้าหากันนี้ควรทำด้วยความเต็มใจ บอกสิ่งที่ต้องการให้อีกฝ่ายฟัง แต่จะทำได้แค่ไหนนั้นเป็นอีกประเด็นหนึ่ง

ปรับตัวหลังแต่งงาน

การมองเห็นส่วนที่อีกฝ่ายพยายามทำให้เรามากกว่าสิ่งที่เขาทำไม่ได้ หรือไม่ได้ทำ จะช่วยให้ความรักยืนยาวขึ้นและเป็นแรงกระตุ้นทำให้เขาอยากทำอีก ในทางกลับกันหากเรามัวแต่คิดถึงสิ่งที่ทำไม่ได้ ก็จะทำให้เรามีแต่ความทุกข์ ในขณะที่อีกฝ่ายก็จะรู้สึกว่าทำหรือไม่ทำก็มีค่าเท่ากัน และจะเลิกทำในที่สุด

สำหรับชีวิตคู่ หลายครั้งที่คู่แต่งงานใหม่ไม่ได้เตรียมใจเตรียมตัวพร้อมก่อนจะแต่งงาน ทำให้มีปัญหาต้องมาพบจิตแพทย์ โดยเฉพาะคนที่เข้าใจว่า “เดี๋ยวแต่งงานก็ดีเอง” “เดี๋ยวมีลูกก็ดีเอง” ก็มักจะต้องพบกับการผิดหวังเสมอ เพราะเป็นการคาดหวังอย่างเลื่อนลอย โดยปราศจากการยอมรับ และการปรับตัวเข้าหากัน

การที่เราจะอยู่ร่วมกันหลังแต่งงานได้อย่างดีนั้น การมองค่าของความต้องการของอีกฝ่ายหนึ่งและพร้อมที่จะปรับตัวเข้าหากัน เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง ต้องคิดเสมอว่า การที่เรามองแตกต่างนั้น ไม่ได้แปลว่าใครถูกหรือผิด มันอาจจะเป็นเพียงการมองกันคนละด้าน และความขัดแย้งก็ไม่ได้หมายถึงปัญหาเสมอไป การที่เราสามารถแลกเปลี่ยนความคิดและความรู้สึกกับอีกฝ่ายหนึ่งได้ และพร้อมที่จะพัฒนาความเป็น “เรา” ไปด้วยกัน จะทำให้ชีวิตคู่ยั่งยืนขึ้น หรือหากไม่แน่ใจว่าพร้อมจะแต่งงานแล้วจริงๆ ก็มีวิธีที่ทำให้เช็คได้จากความรู้สึกเหมือนกัน

เรื่อง แพทย์หญิงวนัทดา ถมค้าพาณิชย์ จิตแพทย์ โรงพยาบาลมนารมย์

ภาพ Pixabay

รักสามเส้า

น้ำเซาะทราย & เมียหลวง หลบไป รักสามเส้า เราสามคน ของจริงอยู่นี่! 

รักสามเส้า
รักสามเส้า

รักสามเส้า เราสามคน  คือสมการความรักที่ไม่ลงตัว  และถ้าคำพูดที่ว่าละครก็สร้างมาจากชีวิตคนนั่นแหละ ก็เป็นสิ่งสะท้อนว่ารักแบบนี้มีอยู่ในโลกเราจริงๆ

แถมมีดกและดังซะด้วยในแวดวงฮอลลีวู้ด

อย่างที่คุณๆ ทราบกันว่าวิถีชีวิตในฮอลลีวู้ดนั้นเต็มไปด้วยเรื่องดราม่า ไม่ว่าจะในฉากหรือนอกฉาก ด้วยสิ่งล่อตาล่อใจมากมายในแต่ละก้าวบนเส้นทางแห่งชื่อเสียง จึงเป็นไปได้ยากที่จะรักษาชีวิตคู่ให้ยั่งยืน การได้พบใครสักคนที่พิเศษ ได้แต่งงาน  มีลูก สร้างครอบครัว ซึ่งเคยเป็นสูตรสำเร็จของชีวิตที่สมบูรณ์แบบ กลายเป็นเรื่องงมเข็มในมหาสมุทร  นั่นก็เพราะมีมือที่ 3 (หรือ 4) เข้ามายุ่งเกี่ยว

ลิสต์นี้แพรวจึงมีตัวอย่างความสัมพันธ์ฉบับ ‘รักสามเส้า เราสามคน’ ที่เกิดขึ้นจริงบนโลกกลมๆ ใบนี้มานำเสนอ

เจนนิเฟอร์ แอนิสตัน, แบรด พิตต์ และแองเจลิน่า โจลี่

รักสามเส้า

ถึงวันนี้มนุษย์โลกต่างรับรู้กันถ้วนทั่วว่ารักสามเส้าแก๊งค์นี้จบลงด้วยการที่ทุกคนสวมคอนเวิร์ส มิมีใครครองรักกับใคร แต่กว่าผลจะออกมาเป็นเช่นนี้ ทั้ง 3 คนก็ต้องเจอกับมหากาพย์รักพาดพิงนานนับ 10 ปี นั่นคือหลังจากที่เจนนิเฟอร์ แอนิสตัน ใช้ชีวิตคู่ร่วมกับ แบรด พิตต์ ในช่วงปี 2000 ถึง 2005 แล้วถูกแองเจลิน่า โจลี ฉกพ่อหนุ่มตาสวยไปจากอก นับแต่นั้นสายข่าวบันเทิงก็ดูราวจะปูเสื่อเสี้ยม ชักใยให้สามคนนี้ยุ่งขิงกันอยู่ร่ำไป และแม้เจนนิเฟอร์จะมีข่าวคบหาดูใจกับหนุ่มอ่อนวัยกว่ากี่ราย สื่อบันเทิงก็ยังรักษาคอนเซ็ปต์พาดหัวข่าวเปรียบเทียบกับรักเดิมอยู่นั่น กระทั่งสิบปีให้หลังที่นางตัดสินใจเข้าหอใช้ชีวิตคู่อีกครั้งกับจัสติน ธีร็อกซ์ นั่นแหละ ข่าวเสี้ยมจึงค่อยซาลง ก่อนจะมาอวสานอย่างจริงจังเมื่อมีข่าวเลิกฟ้าผ่าของคู่แบรนเจลิน่า ปิดตำนานรักสามเส้าฉบับฮอลลีวู้ดอย่างสมบูรณ์

ที่มา: www.trend-kid.com
ทอม ครูซ, เคที โฮล์มส์ และเจมี่ ฟ็อกซ์

รักสามเส้า

เคที โฮล์มส์ ได้พิสูจน์แล้วว่าเธอเป็น “ภารกิจพิชิตโลก” สำหรับ ทอม ครูซ และความสัมพันธ์ของพวกเขาก็มีอายุยาวนานแค่ 6 ปีเท่านั้น  โดยตอนที่ข่าวหย่าช็อคโลกดังสนั่น ทอม ครูซ ได้ออกมายอมรับว่า ลัทธิ “ไซแอนโทโลจี” ที่เขาศรัทธาอยู่คือหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้ชีวิตคู่ของเขากับเคทีต้องสุดสิ้นลง  แถมตัวเคที่เองก็ช่วยยืนยันคำพูดของสามีเก่าด้วยการกลับไปเข้าโบสถ์คาธอลิกทันทีที่เลิกรากับทอม ทว่าที่คนไม่รู้คือคนที่อยู่ในกอไผ่สำหรับเรื่องนี้แท้จริงแล้วก็คือพ่อหนุ่มผิวเข้ม เจมี่ ฟ็อกซ์ ซึ่งสาวเคที่พยายามปกปิดสุดชีวิต เพราะติดสัญญาที่เธอเซ็นข้อตกลงพิเศษว่าต้องไม่ทำให้ทอมอับอายด้วยการพูดถึงตัวเขา หรือลัทธิไซแอนโทโลจีที่เขานับถือ หรือแม้แต่ห้ามมีคนรักใหม่ให้สาธารณชนรับรู้เป็นเวลา 5 ปี(ทั้งคู่หย่ากันเมื่อปี 2012) แต่เมื่อมีเชื้อก็ต้องมีควัน เรื่องรักลับของเคที่และเจมี่ที่สุดก็ถูกสื่อบันเทิงตามเจาะ แถมมีรูปเดทหวานออกมายืนยันว่าทั้งคู่คบกัน ตามด้วยข่าวสีป เคที่ป่องบ้างละ เคที่-เจมี่แพลนวิวาห์แล้วบ้างละ เพราะฉนั้นตอนนี้หน้าที่ของเราท่านคนตามข่าวก็คือปูเสื่อว่าเมื่อไรทั้งคู่จะออกมาแถลงสิจ๊ะ

ที่มา: www.eurweb.com

คาเมรอน ดิแอช, อเล็กซ์ โรดริเกซ และ เคท ฮัดสัน

ปมรักสามเส้าแก๊งค์นี้จะว่าไปก็มีพล็อตสุดดราม่ายิ่งกว่าละครหลังข่าว เพราะมีนัยแอบแฝงเป็นมู้ดแอนด์โทนว่าด้วยแค้นที่ต้องชำระของสองสาวเกาเหลา เคท ฮัดสัน และคาเมรอน ดิแอช  โดยเรื่องเริ่มจากหนุ่มจัสติน ทิมเบอร์เลก เป็นเบื้องต้น เพราะหลังจากเลิกกับคาเมรอน เพียงสองวัน จัสตินก็หันไปควงเคทแบบออกนอกหน้า สร้างอาการแน่นอกให้กับคาเมรอนมาก ฉะนั้นเมื่อถึงคราวเคทแยกทางกับ เอ-ร็อด อเล็กซ์ โรดริเกซ นักกีฬาเบสบอลหนึ่งในดาวเด่นของทีมนิวยอร์ก แยงกี้ส์ สื่อบันเทิงจึงเม้าท์กระจายว่าคาเมรอนเอาคืน ด้วยการติดสปีดเข้าไปเคลียคลอกับเอ-ร็อด ชนิดที่นอนเดิมยังไม่ทันหายอุ่นเลยด้วยซ้ำ สร้างความกระอักให้กับเคทอย่างรุนแรง ข่าวว่าเคทถึงกับแล่นไปอัพไซส์หน้าอก หวังสร้างมนต์สะกดเอ-ร็อด ทว่าไม่เป็นผล ลมรักไม่หวนคืน และอาการเขม่นแรงของสองสาวก็ยังดำรง แต่ที่สุดจุดจบของละครเรื่องนี้ก็เหมือนปราสาททราย นั่นคือไม่เหลืออะไรเลย และแม้ว่าเราจะชื่นชอบเรื่องราวการตบตีแย่งชิงระหว่างหนึ่งหนุ่มกับ 2 สาวดีว่าเพียงใด สงครามก็มีวันจบ ทุกวันนี้ทั้ง 3 คนต่างก็ก้าวเดินไปตามเส้นทางความสัมพันธ์ใหม่กันหมดแล้ว โดยคาเมรอนแต่งงานไปกับ เบนจี้ แมดเดน เมื่อ 2 ปีก่อน ขณะที่เคทยังคงคอนเซ็ปต์สวยเผ็ชไม่ไร้ชาย ส่วนเอ-ร็อด น่ะรึ ก็ยังคงเป็นที่หมายปองของสาวฮอลลีวู้ด ด้วยข่าวยืนยันล่าสุดว่ากำลังเดทกับขุ่นแม่เจโล เจนนิเฟอร์ โลเปซ นักร้องอกสะบึม

ที่มา : www.nydailynews.com

เดนนิส เควด, เม็ก ไรอัน และ รัสเซล โครว์

 บางครั้งการแสดงและเรื่องราวดราม่ามากมายบนจอภาพยนตร์ก็หลุดมาสู่โลกความเป็นจริง และทำลายความสัมพันธ์ของคู่รักจนสุดท้ายก็เหลือแต่ความว่างเปล่า ข้อสรุปนี้ใช้ยืนยันได้ดีกับความสัมพันธ์ระหว่าง เม็ก ไรอัน กับ เดนนิส เควด คู่แต่งงาน 10 ปี ที่ต้องพ่ายให้กับเคมีรักสปาร์กกลางกองถ่ายภาพยนตร์เรื่อง “Proof of Life” ที่เม็กแสดงคู่กับรัสเซล โครว์ ในช่วงปี 2000  แต่การ์ณกลับกลายเป็นว่าหลังจากเม็กหย่าขาดกับเดนนิส ในปี 2001 เธอก็ไม่เคยได้สวมแหวนแต่งงานอีกเลย แถมสิ่งที่ตอกย้ำความว่างเปล่าบนนิ้วนางของเม็กก็ลั่นสนั่นเมือง เมื่อรัสเซลเผยต่อสื่อว่าเขาพานพบรักแท้กับแดเนียล สเปนเซอร์ จนยอมสลัดรองเท้ากลาดิเอเตอร์(หรือเม็ก?) เข้าประตูวิวาห์ไปเมื่อปี 2003 แถมครองรักราบรื่นอยู่ 9 ปี ก่อนจะหย่ากันไปเมื่อราวๆ 5 ปีก่อน เพราะคุณภรรเมียไปติดกับแดนเซอร์หนุ่ม ที่แสบคือหลังแยกทางรัสเซลออกมาพร่ำเพ้อผ่านสื่อว่าจริงๆ เขายังเสียดายถ่านไฟเก่าชื่อเม็ก แต่คำเพ้อนี้ก็มีค่าเพียงแค่ลมปาก ไม่แรงพอจะโหมให้ถ่านคุขึ้นมาใหม่ได้ เพราะตอนนั้นเม็กไม่ว่างจ้า

ที่มา : www.en.wikinoticia.com

เทย์เลอร์ สวิฟต์, เทย์เลอร์ เลาท์เนอร์, และ เซเลนา โกเมซ

 ถ้าหากว่าคุณอายุยังน้อย ซึ่งในที่นี้เราหมายถึงอายุประมาณไม่เกิน 20 กลางๆ เรื่องรักสามเส้าข้างต้นที่เล่ามาคงไม่คุ้นหูคุณเลยแม้แต่น้อย เพราะคุณคงจะเด็กเกินกว่าจะรู้ว่า เจนนิเฟอร์ แอนิสตัน เคยแต่งกับแบรด พิตต์ ด้วยหรือ  และเม็ก ไรอัน ก็คงเป็นคุณยายในสายตาคุณ แต่คุณน่าจะโตทันเรื่องราวของ เทย์เลอร์ สวิฟต์ กับ เซเลนา โกเมซ และมหากาพย์สงครามแย่งหนุ่ม เทย์เลอร์ เลาท์เนอร์

จริงๆ ไม่มีใครรู้ว่าศึกนี้เริ่มต้นเมื่อไร หรือเพราะอะไร 2 สาวถึงต้องทำสงครามยืดเยื้อเพื่อหนุ่มคนเดียว ทั้งที่มีหนุ่มหล่อแบบนี้อีกมากมายให้เลือก แต่ไม่ว่าจะเพราะเหตุใด พ่อหนุ่มเทย์เลอร์ก็ไม่เคยเปิดเผยอะไรทั้งสิ้นในเรื่องนี้ ซึ่งยิ่งทำให้เหล่าสื่ออยากรู้มากขึ้นไปอีก การที่เขาไม่ออกมายอมรับความสัมพันธ์ของเขากับเทย์เลอร์ สวิฟต์ นั้นทำให้สื่อคลั่งถึงขนาดเรียกเขาเป็น ไอ้ตุ๊ด ที่ไม่ยอมยืนยันความสัมพันธ์ให้ชัดเจน แต่ใดๆ ในโลกล้วนอนิจจัง รักจนแต่งงานนานสิบปี ยังมีวันเลิกเพราะมือที่สาม แล้วละอ่อนน้อยแต่เจนสังเวียนรักอย่างสองเทย์เลอร์และหนึ่งเซเลน่าจะชั่วกัลปาวสานไปไหน ในเมื่อเส้นทางรักยังอีกยาวไกล ทั้งสามยังมีเวลาเก็บเกี่ยวประสบการณ์รักๆ เลิกๆ อีกเพียบ อย่างน้อยตัวละลรสองสาวเกาเหลาก็ตัดสินใจยุติความบาดหมาง เคลียร์ใจเซย์ HBD กันได้ละน่า

และหากวลีที่ว่า ‘ดูละครย้อนดูตัว’ สามารถติดติ่งเข้าไปอยู่ในใจคนอ่านลิสต์นี้ได้ แพรวหวังว่าเรื่องราว รักสามเส้า เราสามคน ที่เรานำเสนอครั้งนี้ จะสามารถกระตุกเตือนให้คุณๆ ประคองรักของคุณให้ราบรื่นนะคะ


ที่มา www.eonline.com

โต๋ & วันเดอร์เฟรม ปล่อยเพลง “Climate Change แย่เลย” กระตุ้นปัญหา Climate Change

โต๋ & วันเดอร์เฟรม ร่วมโปรเจ็กต์ “Music Changes the World เปลี่ยนเนื้อเพลงเพื่อช่วยเปลี่ยนโลก” ปล่อยเพลง “Climate Change แย่เลย” กระตุ้นปัญหา Climate Change

นับว่าเป็นโปรเจ็กต์สุดสร้างสรรค์ของวงการเพลงจริงๆ สำหรับ “Music Changes the World เปลี่ยนเนื้อเพลงเพื่อช่วยเปลี่ยนโลก” ผลงานของโครงการน่านแซนด์บอกซ์ ซึ่งนำเพลงดังเพลงฮิตมาเปลี่ยนเนื้อเพลง เพื่ออธิบายความรู้เกี่ยวกับปัญหา Climate Change หรือการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศให้เข้าใจง่ายขึ้น ตั้งแต่ประเด็น Climate Change คืออะไร เกิดขึ้นจากสาเหตุอะไร มีผลกระทบอย่างไร และแก้ไขได้อย่างไร

ปัญหา Climate Change หรือการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ แสดงผลกระทบให้เห็นอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น โลกร้อน น้ำท่วม หรือภัยแล้ง ซึ่งเกิดจากการที่ชั้นบรรยากาศถูกทำลายโดยก๊าซพิษ โดยเฉพาะก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจากกิจกรรมต่างๆ ของมนุษย์ เช่น ควันจากท่อไอเสียรถยนต์ โรงงานอุตสาหกรรม การเดินทางคมนาคมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน เป็นต้น โดยเราทุกคนสามารถช่วยกันลดปัญหา Climate Change ได้ ด้วยการลดกิจกรรมที่ทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เช่น ลดการใช้พลาสติกในชีวิตประจำวัน ใช้พลังงานต่างๆ อย่างประหยัดและคุ้มค่า และที่สำคัญคือช่วยกันปลูกต้นไม้ ฟื้นฟูป่า เพราะต้นไม้สามารถช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เป็น 1 ใน 6 ก๊าซเรือนกระจกที่ทำให้โลกร้อนขึ้น ซึ่งหากช่วยกันคนละไม้คนละมือ ปัญหา Climate Change ก็สามารถดีขึ้นได้

นอกจากความคิดสุดสร้างสรรค์ที่ทำให้โปรเจ็กต์ “Music Changes the World เปลี่ยนเนื้อเพลงเพื่อช่วยเปลี่ยนโลก” ดีต่อใจแถมดีต่อโลกแล้ว ยังชวนฟินสุดๆ เพราะได้ศิลปินระดับไอดอลแห่งยุค โต๋-ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร และ เฟรม-ศุภัคชญา สุขใบเย็น หรือที่รู้จักกันในนาม วันเดอร์เฟรม มาฟีเจอริ่งกัน กลายเป็นเพลงสนุกๆ ฟังง่าย ติดหู แถมมิวสิค VDO ก็ทำออกมาเก๋มากๆ บอกเลยว่าหากฟังและแชร์เพลง “Climate Change แย่เลย” ออกไปเยอะๆ ยิ่งติดหูมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งดีต่อโลกมากเท่านั้น

และถ้าอยากเรียนรู้เรื่อง Climate Change เพิ่มเติม ก็สามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ https://bit.ly/2YOI3cU

หนุ่ม-ศรราม

หนุ่ม-ศรราม กลายเป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว หย่า! ติ๊ก บิ๊กบราเธอร์ จริงไม่ได้แก้เคล็ด

Alternative Textaccount_circle
หนุ่ม-ศรราม
หนุ่ม-ศรราม

ช็อกทั้งโซเชียล ! หนุ่ม-ศรราม เทพพิทักษ์ โชว์ทะเบียนหย่า ติ๊ก บิ๊กบราเธอร์  วอนผู้ที่เคยทำสัญญาการเงินและสัญญาต่างๆ กับอดีตเมีย ไม่ต้องมาตามหาที่บ้าน

หนุ่ม-ศรราม

ทำแฟนคลับตกใจตั้งแต่ตอนแต่งงานจนหย่าเลยสำหรับ เรื่องครอบครัวของอดีตพระเอกชื่อดัง หนุ่ม-ศรราม เทพพิทักษ์ กับดาราสาว ติ๊ก บิ๊กบราเธอร์ หรือ กนิษฐ์​รินทร์​ พัชร​ภักดี​โชติ โดยที่ผ่านมาแม้ทั้งคู่จะดูรักกันดีและมีน้องวีจิที่เป็นโซ่ทองคล้องใจ แต่ก็ยังมีข่าวภายในครอบครัวออกมาให้แฟนคลับได้งงงวยอย่างกรณีเงินหายที่ผ่านมาเมื่อต้นปีที่ผ่านมา 

ต่อมาช่วงเดือนมีนาคม 2563 มีข่าวลือว่าคู่นี้ได้หย่าขาดจากกันแล้ว ซึ่งสาวติ๊กได้ออกมาเปิดใจผ่านสื่อว่าเป็นการหย่าแก้เคล็ด ตามที่พระองค์หนึ่งได้แนะนำเพื่อให้เรื่องร้ายได้เบาบางลง กระทั่งล่าสุดดูเหมือนจะไม่เป็นความจริงเมื่อสามีนักแสดงของเธอได้อออกมาโพสต์โชว์ใบหย่าซึ่งระบุว่าทั้งคู่ได้หย่าขาดจากกันเมื่อเดือนมกราคมปีนี้ พร้อมกับข้อความยาวเหยีดระบุว่าผู้ที่เคยทำสัญญาการเงินและสัญญาต่างๆ กับอดีตเมีย ไม่ต้องมาตามหาที่บ้านของตนแล้ว

“เนื่องจากในระยะ​ 2-3​ สัปดาห์​ที่ผ่านมามีบุคคล​มาตามหาคุณ​ติ๊กที่บ้านและโทรศัพท์​มาหาผมหลายครั้ง​ ซึ่งผมเองก้อทำงานเกือบทุกวัน​ จึงขอความกรุณา​ผู้ใดก้อตามที่ได้ทำสัญญา​หรือ​ทำธุรกรรม​ทางด้านการเงินหรือด้านต่างๆกับคุณ​ติ๊ก​ กนิษฐ์​รินทร์​ พัชร​ภักดี​โชติช่วยติดต่อ​กับคุณ​ติ๊กโดยตรงและไม่ต้องมาที่บ้านผมกับลูก​ เพราะ​ผมกับลูก​ไม่ทราบเรื่องใดๆ ทั้งสิ้น​ เพราะสถานภาพของเราทั้งสองได้หย่าขาดกันอย่างเป็นทางการเรียบร้อยตามวัน​ เวลา​ ดังกล่าว​และคุณติ๊กก้อไม่ได้พักอาศัยอยู่ที่บ้านของผม​แล้ว​ เราสองคนต่างทำแค่หน้าที่​พ่อกับแม่ของวีจิตามข้อตกลง​ที่ระบุตามเอกสารที่ระบุไว้เท่านั้น​ ขอบพระคุณ​ครับ​ผม​”


สามารถติดตามอ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่

เปิดอกเมียหลวง ธัญญ่า-ธัญญาเรศ เรื่องลูกเรื่องใหญ่ ถ้าระรานกันแม่คนนี้จะไม่ทน

“หนุ่ม-ศรราม” ในจอเป็นสามีจอมเผด็จการ นอกจอเป็นทาสเมีย

ป๋าเต็ด

เจาะความเก๋าเกม! จาก “ดีเจยุทธนา” สู่ “ป๋าเต็ด” เจ้าพ่อมิวสิคเฟสติวัลเมืองไทย

Alternative Textaccount_circle
ป๋าเต็ด
ป๋าเต็ด

เจาะลึกเบื้องหลังความสำเร็จของ “ป๋าเต็ด – ยุทธนา บุญอ้อม” จากนักจัดรายการวิทยุธรรมดาๆ สู่เจ้าพ่อมิวสิคเฟสติวัลเมืองไทย

จากดีเจมือเก๋าสู่นักจัดคอนเสิร์ตระดับประเทศ ด้วยความสามารถ ประสบการณ์ และวิธีคิดที่แตกต่าง หรือที่หลายคนให้คำนิยามว่า “บ้า” ของเขา ทำให้ตลอดสองทศวรรษ ป๋าเต็ดยังคงยืนสง่าอยู่ฟร้อนต์โรว์ และยังไม่มีคู่แข่งใดมาหายใจรดต้นคอได้ง่ายๆ

ดีเจยุทธนา…สู่ “ป๋าเต็ด”

ก้าวแรกในวงการเพลงกับงานดีเจหรือนักจัดรายการวิทยุธรรมดาคนหนึ่ง เสมือนเป็นการวางรากฐานเส้นทางชีวิตในการก้าวสู่การเป็นเจ้าพ่อมิวสิคเฟสติวัล สร้างปรากฏการณ์เทศกาลดนตรีที่ประสบความสำเร็จที่สุดในเมืองไทย

“ตอนทำงานดีเจผมรับหน้าที่ครีเอทีฟรายการด้วย จึงมีโอกาสได้ทำงาน อีเว้นต์ควบคู่กันไปกับการจัดรายการ ต้องคิดกิจกรรมให้ลูกค้า รวมถึงกิจกรรม เพื่อโปรโมตตัวรายการ อย่างตอนทำที่ฮ็อตเวฟ ผมได้ริเริ่มทำ Hotwave Music Awards การประกวดวงดนตรีระดับมัธยม เพราะเมื่อ 20 ปีที่แล้ว การประกวด วงดนตรีมักได้รับความสนใจแค่พ่อแม่พี่น้องผู้ที่เข้าประกวด จึงตั้งโจทย์ให้ตัวเอง ว่าจะทำอย่างไรให้คนที่ไม่เข้าประกวดได้มีส่วนร่วม มาช่วยเชียร์และร่วมลุ้น จึงมี กฎว่าสมาชิกในวงจะต้องอยู่โรงเรียนเดียวกัน และใส่เครื่องแบบนักเรียนมาแข่ง ทำให้คนที่ไม่รู้จักวงนี้ แต่เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องในสถาบัน ก็อยากจะมาร่วมเชียร์

“พอย้ายมาทำ 104.5 Fat Radio ผมเริ่มทำเทศกาลดนตรีแนวอินดี้ Fat Festival เกิดขึ้นจากช่วงที่เรตติ้งของคลื่น Fat Radio ไม่ค่อยดี โฆษณาไม่เข้า เพราะเราเปิดเพลงค่ายเล็กหรือแนวเพลงอินดี้ ซึ่งต่างจากคลื่นอื่น ผมจึงคิดว่า จะต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อพิสูจน์ว่ามีคนฟังเหมือนเรา ไม่ใช่เราชอบอยู่คนเดียว จึงเป็นที่มาของการนำวงดนตรีที่เปิดอยู่ในรายการมาแสดงสด โดยไม่มีค่าตัว แต่เรา ให้บู๊ธคุณฟรี คุณสามารถหารายได้จากการจำหน่ายซีดี ผลงาน เสื้อยืด กลายเป็น สิ่งที่ทำให้ Fat Radio ประสบความสำเร็จ

“ผมไม่เคยรู้สึกว่าฉันเป็นดีเจแล้วทำไมต้องทำอีเว้นต์ แต่กลับรู้สึกว่าอีเว้นต์ เป็นสื่อมวลชนอย่างหนึ่ง ผมจึงชอบสื่อสารไปยังมวลชนโดยไม่จำกัดรูปแบบ โดยเฉพาะเป็นสารที่ผมเห็นว่าอาจจะถูกละเลยหรือสื่อออกมาในอีกแบบที่อาจจะ สนุกกว่า หรือได้ผลที่แตกต่างอย่างที่เราอยากให้เป็น”

วันที่เขาตัดสินใจกลับมาบ้านเดิมคือบริษัทแกรมมี่ ป๋าเต็ดจึงได้รับมอบหมาย ให้ทำเทศกาลดนตรีอย่างจริงจัง

“ทางแกรมมี่ชวนผมมาร่วมงาน เขาอยากได้ Know-How ของผมกลับมา ใช้งาน แล้วอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ผมไม่ลังเลที่จะกลับมาคือ ผมเป็นรุ่นน้องของ คุณไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย และคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตอนที่อยู่แกรมมี่ช่วงแรกไม่ได้มีโอกาสทำงานด้วยกันโดยตรง แต่การกลับมาครั้งนี้ผมทำงานกับคุณไพบูลย์ จึงถือเป็นโอกาสดีที่ได้ทำงาน กับรุ่นพี่ที่เราชื่นชม สำหรับผม แกรมมี่คือฮีโร่และเป็นมิติใหม่ของวงการดนตรี เมืองไทย ประกอบกับตอนนั้นทีม Fat Radio แข็งแรงมากแล้ว ไม่จำเป็นต้องมีผม ก็ได้

“การเริ่มต้น Big Mountain Music Festival ถือเป็น Festival for Festival คือไม่ได้มีสื่อรองรับอะไรทั้งสิ้น ทำขึ้นมาเพื่ออยากให้เป็นเทศกาลดนตรีในแบบที่ บ้านเรายังไม่เคยมี จากที่เคยอยู่บริษัทเล็ก ๆ เงินทุนน้อย วิธีคิดงานของ Fat Festival คือทำอย่างไรในข้อจำกัดเหล่านี้ เพื่อให้เกิดงานอย่างที่เราต้องการ พอ มาทำงานที่แกรมมี่ก็มีข้อจำกัดอีกแบบหนึ่ง เงินทุนมากกว่า มีศิลปินเป็นของตัวเอง แต่ก็มีข้อเสีย ด้วยความที่แกรมมี่มีค่ายเพลงเป็นของตัวเอง แต่ Fat Festival เป็นสื่อมวลชนที่มีความเป็นกลาง สามารถดีลกับทุกค่ายได้โดยไม่มีคำครหา ผมจึง มีโจทย์ใหม่ว่าทำอย่างไรให้คนทั่วไปเข้าใจว่า Big Mountain Music Festival ไม่ได้ทำมาเพื่อแกรมมี่ ทั้ง ๆ ที่เป็นงานของแกรมมี่ และต้องทำให้ศิลปินเชื่อว่า ไม่ว่าคุณจะอยู่ค่ายไหน เรามีพื้นที่ให้เสมอ หรือในเชิงของคนดู ไม่ว่าคุณจะมี รสนิยมทางดนตรีแบบใด มีสิ่งที่รอเสิร์ฟคุณอยู่ใน Big Mountain Music Festival อันนี้ถือเป็นความท้าทายอย่างหนึ่ง

“สิ่งที่ผมทำคือใช้ความได้เปรียบของการเป็นบริษัทใหญ่อย่างเต็มที่ จาก ที่ทำ Fat Festival ครั้งสุดท้ายก่อนผมออก เราลงทุน 10 กว่าล้านบาท ถือว่าเยอะ มาก เทียบกับการจัดครั้งแรกที่ลงทุนแค่ 2.5 ล้านบาท พอมาเป็นแกรมมี่ เราต้อง ให้ค่าตัวศิลปิน แล้วต้องทำงานให้ใหญ่ตามสโลแกนที่ว่า มัน-ใหญ่-มาก เพราะ ครั้งแรกเราคิดโปรเจ็กต์ใช้เงินทุน 50 ล้านบาท ต้องทำให้รู้สึกได้ว่าเราใช้เงิน 50 ล้านบาทอย่างคุ้มค่าจริง ๆ คือออกแบบให้ใหญ่บิ๊กเบิ้ม มี 7 เวที จัดแสดงตลอด 2 วัน 2 คืน เราต้องทำแบบที่ไม่มีใครสามารถทำแข่งได้ Big Mountain Music Festival ปีแรกได้กำไรมา 1 แสนบาท แต่ผมก็รู้ว่าการทำเทศกาลดนตรีใหญ่ขนาดนี้ ไม่มีที่ไหนในโลกที่ได้กำไรในครั้งแรก แต่ปีต่อไปจะมีกำไรมากขึ้นเรื่อย ๆ”

หลังจากทำให้ Big Mountain Music Festival เติบโตอย่างต่อเนื่องทุกปี ป๋าเต็ดยังจัดคอนเสิร์ตที่สร้างสิ่งใหม่ ๆ ให้วงการคอนเสิร์ตเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็น

“บอดี้สแลม นั่งเล่น” แบบอะคูสติก, “พาราด็อกซ์ ผงาดง้ำค้ำโลก โดดไม่รู้ล้ม” ในแบบคอนเสิร์ตสเกลใหญ่ ขณะเดียวกันก็มีบางงานที่เขาตั้งใจสร้างปรากฏการณ์ ให้การจัดทัวร์คอนเสิร์ตแบบฟูลสเกลทั่วประเทศ อย่าง “Bodyslam ปรากฏการณ์ ดัม – มะ – ชา – ติ” แต่ใช่ว่าผลลัพธ์ของความกล้าแตกต่างจะออกมาสวยงามเสมอไป

“งานทัวร์คอนเสิร์ตทั่วประเทศของวงบอดี้สแลม ‘Bodyslam ปรากฏการณ์ ดัม – มะ – ชา – ติ’ ผมทำให้แกรมมี่ขาดทุนไปกว่า 20 ล้านบาท วงบอดี้สแลม ทำได้เพียง 11 โชว์ก็ต้องยกเลิก แฟนเพลงก็ผิดหวังที่เราไม่สามารถนำทัวร์ไปถึงจุดที่วางแผนไว้ ในเชิงธุรกิจคือขาดทุนจนไม่มีเงินทุนที่จะทำต่อ เป็นการแตะน่านน้ำ ที่เราไม่เคยไป แล้วเข้าไปด้วยความประมาท เราไม่เคยทำทัวร์คอนเสิร์ตแบบนี้ มาก่อน แต่เรามองว่าทำไมเมืองไทยไม่มีทัวร์คอนเสิร์ตใหญ่ ๆ แบบต่างประเทศ เวลาไปดูคอนเสิร์ตตามต่างจังหวัด ทำไมไม่ทำโปรดักชั่นให้ฟูลสเกล เมื่อทำไปแล้ว คำถามเหล่านี้มีคำตอบหมดเลย ทำไมถึงลงทุนมากไม่ได้ เพราะเขาขายบัตร ราคาแพงไม่ได้ โปรดักชั่นฟูลสเกลที่เรานำไปใส่ในคอนเสิร์ตเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการ หรือเปล่า หรือความจริงเขาแค่อยากเจอวงบอดี้สแลมเฉย ๆ ทั้งหมดคือเรา ทำการบ้านไม่มากพอ จึงได้บทเรียนราคาแพง”

ป๋าเต็ด

วิธีรับมือกับความผิดพลาด

“อาชีพดีเจสอนผมว่า ความผิดพลาดไม่ใช่เรื่องลบ เพราะงานดีเจอยู่กับ ปัญหาเฉพาะหน้าทุกวัน เนื่องจากเป็นรายการสด ทำให้มีโอกาสเกิดความผิดพลาด ได้ตลอดเวลา อย่างเปิดไมค์ขณะเข้าโฆษณา เปิดแผ่นเสียงผิดสปีด คุยกับผู้ฟัง ที่จะโทร.มาคุยกับเราไม่รู้เรื่อง หรือเคยเจอเหตุการณ์คนเมาจู่โจมเข้ามาในห้อง จัดรายการเพื่อขอเพลง

“บทเรียนสำคัญที่ได้รับคือ อย่ามัวแต่ตื่นตระหนกกับปัญหา เพราะไม่ได้ ช่วยแก้อะไรเลย ต้องกลับไปโฟกัสที่ปัญหาและการแก้ปัญหา ดังนั้นเมื่อรู้ว่าลืม ปิดไมค์แล้วมันทำให้เกิดปัญหาอะไรขึ้นบ้าง เราจะแก้ปัญหาได้อย่างไร โดยไม่มัว โวยวายว่าแย่แล้ว ลืมปิดไมค์ เจ้านายต้องว่าแน่เลย ผมถือว่าเสียเวลา ไม่มีประโยชน์ ทำให้เวลาผมเปลี่ยนมาทำงานอีเว้นต์ ซึ่งเป็นการเผชิญหน้ากับปัญหาเฉพาะหน้า ที่ใหญ่และมากกว่าการจัดรายการวิทยุเสียอีก เพราะต้องดีลกับคนนับหมื่น ดีลกับ ศิลปินบนเวที ไหนจะงบประมาณมหาศาล ผมจึงเหมือนถูกฝึกไม่ให้เสียเวลากับ การตื่นตระหนก ให้โฟกัสกับปัญหาและการแก้ปัญหา ประกอบกับเราอยู่กับความ ผิดพลาดตลอดเวลา ทำให้ผมเริ่มมีวิธีการป้องกันด้วยการตรวจสอบจนเป็นนิสัย เวลาทีมงานมาเสนอแผนงานอีเว้นต์ ผมจึงมีคำถามยาก ๆ ให้เขาเสมอ ถ้าเกิดเรื่อง แบบนี้จะทำอย่างไร บางทีเรื่องที่ผมถามไปไม่เคยเกิดขึ้นเลย แต่เราต้องถามไว้ เผื่อว่าจะเตรียมตัวรับมือกันอย่างไร

“งานที่ผิดพลาดมักให้บทเรียนที่ยิ่งใหญ่กับเราเสมอ ทีมงานจะมานั่งประชุม กันว่าเราทำอะไรผิดไปบ้าง แต่จะไม่มีการมานั่งชี้หน้ากันแล้วพูดว่า ‘ฉันบอกแกแล้ว เห็นไหมล่ะ’ คำเหล่านี้ไม่มีประโยชน์ จะมีแต่ว่า ‘ไหนมาดูซิ เราพลาดเพราะอะไร ทำอย่างไรคราวหน้าจะไม่พลาดแบบนี้อีก’ การทำอย่างนี้จะเป็นการปลูกฝังมายด์เซต ที่ว่าคนเราผิดพลาดกันได้ แล้วก่อให้เกิดบทเรียนและป้องกันไม่ให้ผิดซ้ำอีก เวลาเกิดเหตุผิดพลาด เราควรใช้เวลาไปกับการมองความผิดนั้นตรง ๆ บางคน จะมีความรู้สึกว่าไม่อยากมอง จึงมีคำว่ากวาดไว้ใต้พรม ซึ่งนั่นไม่ใช่การแก้ปัญหา เราต้องปลูกฝังค่านิยมว่าควรจ้องตากับความผิดพลาดของเราเองแบบไม่ละ สายตา แล้วถามมันว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันจะปรับปรุงตัวเอง มีวิธีคิดอย่างไรบ้าง เพื่อไม่ให้เกิดขึ้นอีก แล้วคุณจะพบว่าไม่มีอะไรเสียหายต่อชีวิต ยังทำให้รู้สึกดี กับตัวเองมากกว่าเดิมด้วย ทำให้เราพร้อมที่จะเผชิญกับข้อผิดพลาดทุกอย่าง และให้ข้อสรุปกับตัวเองได้ว่า การมานั่งหงุดหงิดกับข้อผิดพลาดเป็นการเสียเวลา ที่ไร้สาระที่สุด”

เคล็ดลับงานปัง

“หัวใจสำคัญของการเป็นสื่อมวลชนคือ คุณต้องเข้าใจ มวลชน เข้าใจคนดูและลูกค้าของคุณ เพราะคุณไม่ได้ทำเพื่อ ดูคนเดียว สมมติคุณจะทำคอนเสิร์ตเพื่อให้คนดู 50 คน คุณต้อง มาคิดว่า 50 คนนั้นคือใคร เขาอยากดูอะไร แล้วคุณให้สิ่งนั้น ได้จริงหรือไม่ จึงนำมาซึ่งการสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภค สำรวจ ตลาด นี่คือคำว่าบริบทของคนดูที่จะมาเป็นลูกค้าเรา เขาคือใคร เขาคิดอะไรอยู่ มีงบประมาณที่จะอุดหนุนเราแค่ไหน ราคาบัตร ควรเป็นเท่าไร แพงหรือถูก คอนเสิร์ตควรเล่นกลางแจ้งหรือ ในร่ม ควรมีแขกรับเชิญไหม หรือไม่จำเป็น ควรเล่นเพลงที่คุ้นหู หรือเลือกเพลงอื่นที่เขาไม่เคยได้ยิน ฯลฯ

“มีเรื่องต้องคิดมากมาย แต่อย่าคิดเอง ต้องถามคนดู ด้วยการทำสำรวจ ตั้งแต่เดินไปถามดื้อ ๆ เลยก็เคย แล้วไม่ได้ แปลว่าทำทั้งหมดแล้วจะรู้ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่อย่างน้อยก็ให้ แนวโน้มพอที่เราจะรู้ว่าโอกาสที่จะเป็นแบบนี้มากที่สุดคือ Plan A แล้วควรเตรียม Plan B และ C สำรองไว้ด้วย”

ป๋าเต็ด

วงการเพลงในยุค New Normal

“วงการเพลงก็เหมือน Pop Culture ในทุกแขนง ไม่ว่าจะเป็นแฟชั่น เพลง หรือภาพยนตร์จะมีวัฏจักรของตัวเอง แนวเพลงที่เคยได้รับความนิยมมากจะกลาย เป็นเชย แล้วแนวเพลงใหม่จะได้รับความนิยมแทน แต่พอผ่านไปในเวลาที่ เหมาะสม แนวเพลงที่เคยเชยก็จะกลับมาได้รับความนิยม คือเราอายุมากจนเห็นวงการดนตรีครบรอบของมันแล้ว ผมกะว่าอยู่ที่ประมาณ 20 ปี โดยวัดกันที่ตอนอายุ เฉลี่ย 13 ปี คือวัยที่เริ่มซื้อผลงานเพลงด้วยตัวเองเป็นครั้งแรก ถ้ายุคผมก็ซื้อเทป คาสเส็ต ยุคต่อมาเป็นซีดี และยุคนี้เป็นการดาวน์โหลดเพลง และบทเพลงที่เรา ชอบที่สุด ณ วันนั้นจะติดตัวไปตลอดชีวิต

“พอผ่านไป 20 ปี อายุประมาณ 35 ปี เป็นวัยที่มีฐานะทางเศรษฐกิจ ตำแหน่งหน้าที่การงานดีขึ้น เงินเดือนโอเค จึงเริ่มใช้เงินกับสิ่งที่รักได้ง่ายขึ้น อย่างที่ เราเห็นมาแล้วเมื่อช่วง 10 ปีที่ผ่านมา จึงทำให้เกิดการจัดคอนเสิร์ตเรโทรของศิลปิน ยุค 90 อย่างแร็พเตอร์, เจ – เจตริน, ติ๊นา ที่คนวัย 35 ปีซื้อหมดภายในเวลา อันรวดเร็ว สำหรับปีนี้จะเข้าสู่คอนเสิร์ตของศิลปินยุค 2000 อย่างกามิกาเซ่และ ศิลปินอัลเทอร์เนทีฟ

“วัฏจักรนี้จะวนเป็นลูปอย่างนี้ตลอดไป ผมจึงไม่แปลกใจว่าเพลงนี้ฮิตแต่ ถูกลืม แล้วเกิดเพลงแบบใหม่ขึ้นมา แต่สิ่งที่เดินหน้าต่อไปเรื่อย ๆ คือเทคโนโลยี ของการฟังเพลง ซึ่งจะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงในเชิงพฤติกรรมการฟังและ กรรมวิธีในการผลิต รวมทั้งการเผยแพร่ อย่างทุกวันนี้เราไม่ต้องรอฟังเพลงทางวิทยุ อย่างเดียวแล้ว เปลี่ยนมาฟังทางยูทูบ ส่งผลให้การทำเพลงเปลี่ยนไป จากที่เคย ทำเพลงเป็นอัลบั้มให้ครบ 10 เพลง มีเพลงเอก เพลงรอง เพลงทดสอบ เพลงฮิตชัวร์ ๆ วันนี้นักร้องสามารถออกได้ทีละเพลง แล้วต้องทำให้เพลงนั้นฮิตที่สุด แต่แนวเพลงยังวนอยู่เหมือนเดิม ทำให้เราพอจะเดาเทรนด์ได้ระดับหนึ่ง

“ตอนนี้คนเริ่มพูดถึง Lo-fi กันเยอะมาก ซึ่งเป็นกรรมวิธีในการทำเพลง ที่ฮิตช่วงปลายยุค 90 เป็นการอัดเสียงแบบง่าย ๆ ไม่ต้องเนี้ยบ ตอนนี้ใครก็สามารถ แต่งเพลง อัดเพลง และอัพขึ้นยูทูบได้เลย อย่างคุณโอ๋ วงซีเปีย (วงดนตรีแนว อัลเทอร์เนทีฟ) ทำเดโมด้วยการใช้โน้ตบุ๊กเครื่องเดียว ไม่มีแม้กระทั่งไมค์ แล้วใช้ ซอฟต์แวร์ที่ได้ฟรีจากโน้ตบุ๊ก

“สำหรับวงการคอนเสิร์ต ช่วงที่อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติใหม่ ๆ คนเริ่ม พูดถึงออนไลน์คอนเสิร์ตมากขึ้น สำหรับผมคิดว่าไม่ได้เป็น New Normal แค่เป็น New Category เท่านั้น ไม่สามารถมาแทน Offline Concert ได้ แต่สามารถก่อให้ เกิดคนดูอีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่สะดวกมาดูคอนเสิร์ต หรือในต่างประเทศที่มี Drive-in Concert ที่นั่งดูในรถ ไม่ต้องออกมาพบปะผู้คน แต่รูปแบบคอนเสิร์ตแบบคลาสสิก ที่ซื้อตั๋วแล้วเดินเข้าฮอลล์นั่งชมคอนเสิร์ตก็จะยังคงต้องมีอยู่ตลอด สำหรับผม การเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องธรรมดามาก เพราะทุกอย่างยากขึ้น ทุกวันอยู่แล้ว ไม่มีอะไรง่ายขึ้นครับ”


ติดตามอ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็มได้ที่ นิตยสารแพรว ฉบับ 961

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ย้อนวันวาน “เจ-เจตริน” เจ้าพ่อเพลงแดนซ์ยุค 90 และเอนเตอร์เทนเนอร์ตัวจริงแห่งยุคนี้

แม่ก็คือแม่! 30 ปี ไม่พลิกล็อค “คริสติน่า อากีล่าร์” ครองฉายา Queen of Dance

อัพเดตชีวิต 15 ปี เส้นทางนักร้อง “เป๊ก-ผลิตโชค” ล้มลุกแล้วโลดแล่นด้วยพลังบวก

ป้อม วินิจ เมคอัพอาร์ติสต์ตัวแม่

ฝีมือคือลายเซ็น! ป้อม วินิจ เมคอัพอาร์ติสต์ตัวแม่ แง้มโปรเจ็ค 25 ปีความเป็นป้อม

Alternative Textaccount_circle
ป้อม วินิจ เมคอัพอาร์ติสต์ตัวแม่
ป้อม วินิจ เมคอัพอาร์ติสต์ตัวแม่

คร่ำหวอดอยู่ในวงการแฟชั่น บันเทิง และความสวยความงามมาอย่างยาวนาน ป้อม วินิจ บุญชัยศรี ยืนหนึ่งเมคอัพอาร์ติสต์ตัวแม่ตัวท็อปของเมืองไทย ที่วัดได้จากงานที่ล้นมือ และคุณภาพผลงานที่การันตีความเป็นตัวแม่ได้เป็นอย่างดี

จากที่เคยเป็นเมคอัพอาร์ติสต์ตัวเล็กๆ ที่พยายามฝึกฝน เรียนรู้เทคนิคการแต่งหน้า วิธีการผสมผสานกับใบหน้าในรูปแบบที่ต่างๆ กัน สั่งสมประสบการณ์และผลงานจนเป็นที่ประจักษ์มาจวบจนถึงวันนี้ 25 ปีพอดิบพอดีที่ ป้อม วินิจ กำลังจะสร้างปรากฏการณ์สำคัญให้เป็นที่จดจำ และสร้างทักษะดีๆ ให้กับคนรุ่นหลังต่อไป

ก่อนที่โปรเจ็คครั้งสำคัญในชีวิตจะเกิดขึ้น เหล่าเพื่อนๆ ในวงการ ที่ทำงานร่วมกันกับป้อม วินิจ ได้ออกมาพูดถึงความเป็น ป้อม วินิจ และการทำงานของเค้ากันว่าอย่างไรบ้าง

ชมพู - อารยา เอ ฮาร์เก็ต

เริ่มจากซุปตาร์สายแฟฯ อย่าง ชมพู – อารยา เอ ฮาร์เก็ต “ชมนี่เจอพี่ป้อมมาตั้งแต่เด็กเลยค่ะ เรียกว่าเราเริ่มเดินมาด้วยกันตั้งแต่ก้าวแรกๆ เลย แล้วเรื่องมาตรฐานการทำงานนี่ไม่ต้องพูดถึงเลย เรารู้กันอยู่แล้ว ที่แน่ๆ คือ พี่ป้อม เป็นคนที่ไม่ปิดกั้นตัวเองที่จะรับมุมมองใหม่ๆ ถึงแม้ว่าจะเป็นรุ่นเก๋าแถวหน้าขนาดนี้ ยังเปิดรับเทรนด์ใหม่ๆ  ศึกษางานของเด็กยุคใหม่ สามารถปรับเปลี่ยนวิธีการแต่งหน้าได้เข้ากับยุคสมัยได้อยู่ตลอด โดยที่ยังสามารถรักษาสไตล์ของตัวเองไว้ได้ ซึ่งเป็นแบบอย่างที่ดีของเด็กรุ่นหลัง ในเรื่องความไม่ยึดติดอยู่กับอีโก้ของตัวเอง ถึงแม้ว่าจะเป็นผู้ใหญ่อยู่มานาน แต่ก็ยังสามารถปรับรับสิ่งใหม่ๆ ได้อยู่ตลอด”

โมเม - นภัสสร บุรณศิริ

โมเม – นภัสสร บุรณศิริ เจ้าแม่บิวตี้บล็อกเกอร์ “แม่ป้อมเป็นปูชนียบุคคลในศาสตร์ของแฟชั่นด้านการแต่งหน้า แม่ป้อมเป็นคนที่ตลกมาก แม้ในตอนที่แบ่งปันความรู้เรื่องแต่งหน้าให้กันยังสามารถยิงมุกใส่โมเมได้ตลอดเวลา สิ่งที่โมเมเรียนรู้ได้จากแม่ป้อมคือ แม่ป้อมสามารถตีโจทย์ในงานที่ต้องทำได้อย่างละเอียดมาก ไม่ได้มีอีโก้ในแบบที่ไม่ฟังความคิดเห็นของใครเลย มีความคิดเห็นแบบไหน อยากได้อะไรบอกเขา เขาจะปรับจนเข้าใจตรงกัน แต่ในที่สุดผลงานที่ออกมามันจะมีลายเซ็นของเขาอยู่เสมอ”

มารีญา พูลเลิศลาภ

สายนางงามอย่าง มารีญา พูลเลิศลาภ “มารีญารู้จักพี่ป้อมมาตั้งแต่ Bangkok fashion week 2005 เลยค่ะ ไม่ว่าพี่ป้อมจะทำงานให้ใครหรืออยู่กับใคร พี่ป้อมแคร์จริงๆ ที่จะทำให้คนนั้นรู้สึกดี แม้จะแต่งหน้าไปแล้ว ถ้าต้องการแก้พี่ป้อมก็จะแก้ไขให้ตรงตามที่ต้องการ เป็นสิ่งที่มารีญาประทับใจมาก ตรงที่พี่ป้อมรู้จักวิธีพูดกับคน เข้าใจในความต้องการของลูกค้า ก่อนที่มารีญาจะไปประกวด Miss Universe Thailand  พี่ป้อมก็เข้ามาช่วยอย่างเต็มที่ ช่วยทำลุคให้ดูมีความพร้อม ลุคที่ดูแล้วมีความภูมิใจ สอนมารีญา เรื่องการแต่งหน้าตั้งแต่เริ่มเลยค่ะ สิ่งที่พี่ป้อมให้มารีญามามันยังอยู่ และมันจะยังอยู่ตลอดไปเลยค่ะ”

ณัฐ ประกอบสันติสุข

ณัฐ ประกอบสันติสุข ช่างภาพแฟชั่นมือฉมัง  “ป้อม วินิจเป็นคนตลก ตั้งใจทำงาน มีความรับผิดชอบสูง และที่แน่นอนมีฝีมือ เข้าใจในฝีมือตัวเอง ป้อมจะรู้จักโครงหน้าของคน รู้จักวิธีการที่จะจัดการกับใบหน้านั้นให้เข้ากับสไตล์ของตัวเองได้จนทำให้งานสำเร็จลุล่วงไปได้  เวลาทำงานด้วยกันเราจะคุยกัน ป้อมจะดีมากตรงที่รับฟังแล้วนำกลับไปทำตามที่คุยกัน ทำให้งานออกมาสำเร็จกันในทุกฝ่าย มันมีช่างแต่งหน้าหลายคนที่มีสไตล์รู้จักตัวเอง แต่ไม่รู้จักคนอื่น มันเป็นสิ่งที่สำคัญนะ ป้อมเป็นคนที่คิดถึงคนอื่น คิดว่าคนอื่นต้องการอะไร อยากให้งานออกมาในทิศทางไหน ป้อมสามารถทำให้คนคนนึง สวยที่สุดเท่าที่คนนั้นจะเป็นได้ โดยที่ไม่ได้ออกมาเป็นบล็อกเดียวกันไปหมด ใบหน้าของแต่ละคนจะมีดีเทล รายละเอียดที่น่าสนใจ ตามที่ป้อมมองเห็นและนำเสนออกมาโดยการแต่งหน้า”

มดดำ - คชาภา ตันเจริญ

พิธีกรจอมแฉ มดดำ – คชาภา ตันเจริญ “ศิลปะอยู่รอบตัวป้อม วินิจ นางมีความอาร์ตในการใช้ชีวิตมากจนเรียกว่า Art of life ได้เลย และยังมีความสามารถรอบตัวจริงๆ ทำให้ทุกคนยิ้มได้หมดเลย ใครอยู่กับเขาจะไม่มีความเครียดเลย แถมยังได้แง่คิดดีๆ ติดกลับมาอีก เวลาป้อม วินิจ มาแต่งหน้าให้เรา รู้สึกมั่นใจขึ้นมาทันที นางไม่ใช่แค่ช่างแต่งหน้านะฮะ ทุกวันนี้เป็น ไลฟ์โค้ชได้เลย เป็นตัวแทนของคำว่า Key to Success ได้เลย อยากรู้ว่าจะ Success ยังไงติดตามในป้อม วินิจกันครับ”

ฮั้ว – ทศพล สนั่นวงศ์

ฮั้ว – ทศพล สนั่นวงศ์ เมคอัพอาร์ติสต์รุ่นใหญ่มากฝีมือที่เติบโตมาพร้อมๆ กันกับ ป้อม – วินิจ “รู้จักป้อมมา 20 กว่าปีแล้วค่ะ พี่มองว่าป้อมเป็นตัวอย่างของช่างแต่งหน้าที่ดีในยุคนี้เลย ตรงที่มีเทสต์ในงานศิลปะดีมาก แล้วไม่เคยทนงตัวเองว่า ‘ชั้นแต่งสวยกว่าคนอื่น’ เพราะจริงๆ แล้วช่างแต่งหน้าทุกคนแต่งออกมาสวยหมด แต่มันมีเรื่องของการเลือกใช้สี การให้สี ความละมุนเฉพาะตัวของแต่ละคน ที่จะโชว์โดดเด่นเฉพาะตัวออกมา ซึ่งป้อมมีตรงนี้ชัดเจน รวมถึงมุมมองการถ่ายรูป บางครั้งมุมมองการถ่ายรูปของป้อมก็ทำช่างภาพอายอยู่เหมือนกันนะ” พี่ฮั้ว ทิ้งท้ายขำๆ

เอ - ทิวากร โสภาอัศวภรณ์

เอ – ทิวากร โสภาอัศวภรณ์ “งานของป้อมวินิจ จะมีลายเซ็นของป้อมชัดเจนเลยนะ ไม่ว่าจะเห็นที่ไหน เห็นปุ๊ปพี่เอจะรู้เลยว่านี่ป้อมแต่งหน้าให้ พี่เอกับป้อมทำงานด้วยกันมานานมาก เห็นป้อมมีความขยัน ตั้งใจ และเปิดรับที่จะเรียนรู้โลกใหม่ๆ อยู่ตลอด ทำให้งานของป้อมมีความเข้ากับยุคสมัยอยู่ตลอด ไม่ดูล้า และ ไม่ดูล้ำมากจนเกินไป เพราะสิ่งที่ป้อมมีอยู่ในตัวคือ ศิลปะที่นำมาปรับใช้กับโครงหน้าของคน และการเปิดรับเทรนด์ใหม่ เทคนิคใหม่ๆ ของป้อม ทำให้งานแต่ละชิ้นของป้อม เรียกว่า มาสเตอร์พีชเลยทีเดียว”

อาร์ต - อารยา อินทรา

อาร์ต – อารยา อินทรา “เราเห็นป้อมมาตั้งแต่เด็กตั้งแต่เป็นผู้ช่วยช่างแต่งหน้าพี่เป็ด-อภิชาติมาก่อน ป้อมมีความขยันทะเยอทะยาน มุ่งมั่น หนักเอาเบาสู้ มีหัวครีเอทีฟ หัวก้าวหน้ามีความเป็นพ่อค้าในตัวเพราะนางมีไอเท็มดีๆ มาแนะนำเราอยู่เสมอ และทำงานมาด้วยกันทุกครั้ง ป้อมยังไม่เคยทำผลงานออกมาให้ผิดหวังเลยแม้แต่ครั้งเดียว ป้อมสามารถที่จะจับจุด แก้จุดบกพร่อง แปลงโฉมแต่งโครงได้เก่งมาก เป็นเรื่องที่ต้องยอมรับจริงๆ ป้อมแต่งออกมาแบบทำให้มันดูน้อย แต่เส้นสายถูกต้อง นี่คือสิ่งสำคัญ”

หลังจากฟังเพื่อนๆ ร่วมวงการพูดถึงป้อม วินิจกันไปแล้ว แม่ป้อมจึงออกมาแง้มโปรเจ็คใหญ่ให้ได้ฟังกัน “หลังจากที่เริ่มทำรายการ ‘ทอดปลานิน’ ทางช่องยูทูปแล้วกระตอบรับดีมากเลย มีผู้ชมเข้ามาติดตามกันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ประกอบกับที่เรามีการโชว์เทคนิคการแต่งหน้า แชร์ไอเท็มเด็ดๆ ที่ขาดไม่ได้กันไปอย่างต่อเนื่อง ผู้ชมเลยให้ความสนใจกันอย่างล้นหลาม นอกจากนี้ เราก็ได้มีการเดินสายทำบุญ เอาใจสายมูเตลูกันบ้าง จริงๆ คือ ไม่ได้สนับสนุนให้งมงายกันนะคะ แค่นำเสนอวัดวาอาราม สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คนเคารพบูชาให้เราไปสักการะ กราบไหว้ เพื่อความเป็นสิริมงคลในชีวิต สร้างความสุขใจกันไปในยามนี้กันค่ะ และโปรเจ็คต่อไปเป็นโปรเจ็คที่เราตั้งใจมากๆ ถึงขั้นลงรายละเอียดเองในทุกๆ ด้าน ดูแลเองเกือบทุกขั้นตอนเลย และพร้อมจะเปิดตัวในเร็วๆ นี้ค่ะ” เตรียมให้กำลังใจเมคอัพอาร์ติสต์ตัวจริงหนึ่งเดียวคนนี้กันได้เลยค่ะ ตามไปกดกระดิ่งกันได้ที่ยูทูป Pom Vinij


 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

เขียนคิ้วสวยเป็นธรรมชาติสำหรับสาวคิ้วบางและคิ้วรกด้วย “เทคนิคเมคอัพคิ้วสไตล์ป้อม – วินิจ”

เปิดอาณาจักร “ป้อม วินิจ” ช่างแต่งหน้า ตัวท็อปจากเรทหลักร้อยเคยได้หลักล้าน

“ป้อม วินิจ” เปิดวิธีพิชิตปัญหาแต่งหน้าไม่ติดผิว เป็นคราบ แก้ได้ด้วยตัวเอง

 

 

“Forever Be My Always” โปรโมชั่นสุดว้าวจากโรงแรมพูลแมน กรุงเทพ จี 

account_circle

ว่าที่บ่าวสาวที่กำลังมองหาโปรโมชั่นแต่งงานดีๆ ในปีนี้ต้องตาลุกวาว เพราะ โรงแรมพูลแมน กรุงเทพ จี พร้อมมอบโปรโมชั่นดีๆ ให้กับคุณแล้ว

หากคุณกำลังมองหาสถานที่จัดงานแต่งไม่เหมือนใคร ณ ใจกลางเมืองกรุงเทพฯ บนจุดสูงสุดของย่านสีลม โรงแรมพูลแมน กรุงเทพ จี ขอเป็นหนึ่งในตัวแทนที่พร้อมเนรมิตให้ฝันของคุณเป็นจริงได้ มาเซย์ไอดู ไปพร้อมกับวิวสุดตระการตา และทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมจะรังสรรค์งานแต่งงานของคุณจากฝันให้เป็นจริง พบกับแพ็คเกจแต่งงาน Forever By My Always ราคาเริ่มต้นเพียง 199,999 บาทสุทธิ (สำหรับ 150 ท่าน) ได้ตั้งแต่วันที่ 9 กันยายนถึง 10 ตุลาคม 2563

โรงแรมพูลแมน กรุงเทพ จี 

โรงแรมพูลแมน กรุงเทพ จี 

โรงแรมพูลแมน กรุงเทพ จี 

แพ็คเกจประกอบไปด้วย

-ห้องพักจีดีลักซ์​สุดชิค คุมโทนสไตล์ในฝันของเจ้าสาว 1 คืน

– เค้กงานแต่งงานรังสรรค์ได้ตามสไตล์ที่ต้องการโดยทีมงานระดับมืออาชีพ

– เข็มกลัดติดเสื้อแบบพิเศษสำหรับแขกวีไอพี

– ดอกไม้ประดับในงาน

– หนังสืออวยพร

– การจัดเตรียมเวที และแบคดร็อปพร้อมโลโก้

– ช่อดอกไม้สำหรับเจ้าสาว

– น้ำอัดลมแบบไม่อั้นเป็นเวลา 4 ชั่วโมง

– ระบบแสงสีเสียงตามมาตรฐานโรงแรมฯ ​5 ดาว

พิเศษสุด สำหรับคู่รักที่ทำการจองและมัดจำภายในวันที่ 9 กันยายน -10 ตุลาคม 63  รับทันที เซ็ตดินเนอร์สุดหรูสำหรับ 2 ท่าน ณ ห้องอาหารมิชลินเพลตอย่าง สการ์เล็ตไวน์บาร์ รูฟท็อปติดอันดับของกรุงเทพฯ โดยเชฟมากฝีมือจากฝรั่งเศสให้ได้สวีทกับคนรักในคืนก่อนงานแต่งงานทันที

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่โรงแรมฯ กำหนด

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 02 352 4000 ต่อ 1405 อีเมล [email protected]หรือสอบถามผ่านทางหน้าเฟสบุค www.facebook.com/pullmanbangkokhotelgไลน์ @pullmanbkkhotelgและเว็บไซต์ website www.hotels-g.com/bangkok

THE ARTISTIC OF FACIAL DESIGN

ฉีดฟิลเลอร์ทั้งที…ต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตนเอง เราจึงอยากขอพาสาวๆ ไปเจาะลึก…สวยอย่างไรให้ปลอดภัยจบได้ในครั้งเดียวกับคุณหมอต้น นพ.สฤษดิ์ ตันติอภิชาต จาก Amarante clinic แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและเทคโนโลยีความงามที่มีประสบการณ์อยู่ในวงการความสวยความงามมากกว่า 15 ปี

คำถามอันดับต้นๆ ที่ทุกคนต้องอยากรู้ แน่นอนคือการคงความอ่อนเยาว์ไว้กับผิวให้นานที่สุด ซึ่งหนึ่งในเทคนิคที่สามารถเนรมิตความสวยนั้นได้คือการใช้ฟิลเลอร์เพื่อเติมเต็มและแก้ไขปัญหาต่างๆ บนใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นบริเวณหน้าผาก ร่องแก้ม ใต้ตา ขมับ คาง เป็นต้น ซึ่ง Amarante clinic ได้รับความไว้วางใจจากผู้เข้ารับบริการมากมายด้วยความเชี่ยวชาญของคุณหมอต้น แพทย์หนึ่งในสามที่มียอดการฉีดฟิลเลอร์สูงสุดของประเทศ และได้รับเกียรติเรียนเชิญให้เป็นอาจารย์สอนแพทย์ฉีดฟิลเลอร์ ของบริษัทนำเข้าฟิลเลอร์ชื่อดังทั้งแบรนด์ Juvederm และ Restylane

ฉีดฟิลเลอร์

ทางคลินิกเชี่ยวชาญด้านการฉีดฟิลเลอร์ด้วยเทคนิค Royal Lift ซึ่งไม่ใช่แค่ช่วยเติมเต็มข้อบกพร่องของใบหน้า แต่ยังช่วยลิฟต์หน้าให้ดูอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น ซึ่งการฉีดนั้นต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ หัวใจหลักของการปรับรูปหน้าให้ออกมาดูสวยละมุนและสมบูรณ์แบบที่สุด ต้องมองทั้งการดีไซน์และความแม่นยำทางอนาโตมี่หรือกายวิภาค  การฉีดฟิลเลอร์เปรียบได้เหมือนกับเวลาแต่งหน้า มีการปรับ Highlight & Shading ซึ่งต้องมีเทคนิคเฉพาะ  และออกแบบดีไซน์ให้รับกับใบหน้า สมมุติต้องการแก้ปัญหาร่องแก้ม การเติมให้เต็มเพียงอย่างเดียวจะทำให้ช่วงร่องแก้มเด่นออกมาเพียงจุดเดียวดูอูมไม่รับกับหน้า ฉะนั้นก่อนฉีดจะต้องดูใบหน้าโดยรวมทั้งหมดว่าจะแก้ไขอย่างไร ซึ่งปัญหาร่องแก้มเกิดจากการที่ใบหน้าหย่อนคล้อย ก็ควรฉีดปรับในจุดที่ช่วยพยุงใบหน้าให้ยกขึ้นก่อนแล้วค่อยมาฉีดเติมอีกเล็กน้อยที่ร่องแก้ม ซึ่งนอกจากจะได้ใบหน้าที่ยกขึ้นแล้ว ปัญหาร่องแก้มก็ยังดูดีขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

การเลือกใช้ชนิดของฟิลเลอร์ให้เหมาะในแต่ละจุดบนใบหน้าก็เป็นสิ่งสำคัญ สมมุติถ้าต้องการในเรื่องช่วยพยุงหรือยกใบหน้าต้องใช้ฟิลเลอร์ที่มีความหนาแน่นเยอะ ซึ่งก็จะไม่เหมาะนำไปใช้ฉีดบริเวณที่ต้องการความละเอียดสูงอย่างใต้ตาได้ ฟิลเลอร์นอกจากจะสามารถใช้เติมเต็มแก้ไขตามจุดต่างๆ ยังสามารถช่วยปรับรูปหน้าให้สวยหวานดูละมุนขึ้นได้เช่นกัน เมื่อทุกอย่างลงตัวใบหน้าจะยิ่งสวยมีเสน่ห์มากขึ้น

ฟิลเลอร์ที่ผ่านอย. มีเพียงชนิดเดียว คือ HA Filler (Hyaluronic acid filler) เท่านั้น ซึ่งการรีเช็คง่ายๆ ว่าคลินิกไหนใช้ฟิลเลอร์ของแท้ที่ได้มาตรฐาน สามารถสแกนบาร์โค้ดหรือโทรไปเช็คข้อมูลรายชื่อคลีนิกกับบริษัทที่จัดจำหน่ายฟิลเลอร์โดยตรง ด้วยฝีมือและชื่อเสียงที่พูดกันปากต่อปาก รวมถึงมีริวิวมากมายในสื่อโซเชี่ยล “ เจ็บจากที่อื่น เช่นมีปัญหาในเรื่องของการฉีดฟิลเลอร์มาแล้วเป็นก้อน ไม่เรียบเนียน มาที่นี่คุณหมอก็สามารถแก้ไขปัญหาให้ได้ แบบสวยครบจบในที่เดียว 

ในเคสที่เคยฉีดจากที่อื่นมาแล้วมีปัญหา ถ้าเป็น HA Filler ฉีดแล้วไม่สวยไม่ถูกใจก็สามารถฉีดสลายออกได้ แล้วค่อยมานั่งประเมินกันใหม่ว่าใบหน้าเหมาะกับเติมฟิลเลอร์บริเวณไหนและใช้ชนิดไหน แต่สิ่งที่ยากคือฟิลเลอร์ปลอมซึ่งไม่สามารถสลายได้ เช่น ซิลิโคน ซึ่งจะสังเกตถึงปัญหาที่ตามมาได้ เช่น เดิมฉีดจากจุดหนึ่งแล้วต่อมาเคลื่อนหรือไหลไปจุดอื่น เห็นเป็นก้อนนูน คลำแล้วเป็นไตใต้ผิวหนัง หรือมีการอักเสบในจุดนั้นๆ ก็ต้องใช้วิธีการขูดออก ซึ่งราว 2-3 สัปดาห์ แผลก็เข้าที่แล้ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องขึ้นอยู่กับสภาพพังผืดที่ยึดเกาะฟิลเลอร์ปลอมด้วยว่ามากน้อยแค่ไหน

ฉีดฟิลเลอร์

ทุกเคสที่เข้ามาจะผ่านการประเมินวิเคราะห์อย่างละเอียดก่อนการปรับแก้ไข จะให้เวลาเคสต่อเคส ไม่เร่งฉีดรวดเดียวแล้วจบ แต่จะค่อยๆ ฉีดปรับให้ดูสวยรับกันทั้งใบหน้าทั้งมุมใบหน้าตรง มุมใบหน้า 45 องศา และมุมใบหน้าด้านข้าง โดยใช้เทคนิคเฉพาะและการเลือกฟิลเลอร์ที่เหมาะสม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ความสวยที่ผู้เข้ารับบริการพึงพอใจสูงสุด”

ฉีดฟิลเลอร์

ที่ Amarante clinic นอกจากมั่นใจได้ถึงฝีมือของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญระดับอาจารย์แพทย์แล้ว  ทางคลินิกยังมีผลิตภัณฑ์และเครื่องมือที่ได้มาตรฐานระดับโลกอย่างครบครัน  ด้วยนวัตกรรมในการดูแลผิวจนถึงรูปร่างเพื่อเติมเต็มความมั่นใจด้วยเครื่องเลเซอร์ชนิดต่างๆ ที่ใช้ในการแก้ไขปัญหาข้อบกพร่องอย่างตรงจุด การฉีดโบท็อกซ์ ฉีดฟิลเลอร์ ฉีดไขมันเติมเต็ม  รวมถึงล่าสุดทางคลินิกยังมีบริการดูแลรูปร่างให้สวยเป๊ะ กับโปรแกรมดูดไขมันลดสัดส่วน อีกทั้งยังมีการนำเข้าเครื่อง Emsculpt นวัตกรรมล่าสุดจากอเมริกาซึ่งเป็นตัวช่วยที่เหล่าดาราฮอลีวู้ดไว้วางใจ  ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อซิกแพค เพียงแค่นอนเฉยๆก็เหมือนได้ ซิทอัพถึง 20,000 ครั้ง ทีเดียว

สวยมั่นใจเราสามารถดีไซน์ได้ในทุกวันครับ 

อัพเดทลิสต์ความสวยให้ตัวเองเพียงคลิ๊กเข้าไปที่ www.amarante.clinic หรือ facebook.com/amaranteclinic

call center : 080-3936669

ชุดแต่งงาน ก้อย รัชวิน

ยกมาจากรันเวย์! ชุดแต่งงาน ก้อย รัชวิน การันตีความสวยเซ็กซี่จาก Asava

ชุดแต่งงาน ก้อย รัชวิน
ชุดแต่งงาน ก้อย รัชวิน

เฉิดฉายบนรันเวย์มาแล้ว ชุดแต่งงาน ก้อย รัชวิน จากผลงานแบรนด์ไทย White asava ซึ่งมาแรงที่สุดในปีนี้ ภายใต้การออกแบบของ หมู อาซาว่า 

เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา คู่รักมาราธอน ตูน อาทิวราห์ ได้ทำเซอร์ไพร้ส์ด้วยการขอ ก้อย รัชวิน แฟนสาวที่คบหาดูใจกันมา 10 ปีแต่งงาน โดยทั้งคู่มีแผนที่จะจัดงานมงคลในวันที่ 6 มิถุนายนที่ผ่านมา แต่เนื่องจากสถานการณ์ Covid-19 ทำให้ไม่สามารถจัดงานได้ แต่ล่าสุดทั้งสองก็ได้ฤกษ์แต่งงานใหม่เป็นปลายปี 2020 นี้ ทำให้เราได้เห็นสาวก้อยเข้าไปฟิตติ้งชุดแต่งงานแล้ว

ก้อย รัชวิน

โดยชุดแต่งงานที่สาวก้อยเลือกมาจากแบรนด์ไทยชื่อดังอย่าง White Asava นั่นเอง สำหรับ White Asava ถือเป็นแบรนด์ที่คนดังมากมายไว้วางใจ เพราะในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา ชุดของ White Asava ต้องเป็นหนึ่งในชุดแต่งงานที่คนดังเลือก ทั้งโยเกิร์ต ณัฐฐชาช์ , มิว นิษฐา , ซาร่า เล็กจ์ และอีกมากมาย

ต้องบอกเลยว่าชุดเจ้าสาวของ White Asava ทำมาเพื่อตอบโจทย์ผู้หญิงทุกสไตล์ที่กำลังจะเป็นเจ้าสาว เพราะเจ้าสาวอาจต้องการเพียงแค่ชุดสีขาวที่สามารถเติมเต็มความฝันของเธอ เจ้าสาวบางคน อาจต้องการชุดขาวที่โก้หรู เรียบง่าย บางคนอาจต้องการชุดสีขาวอินเทรนด์สุดโมเดิร์น หรือบางคนอยากได้ชุดขาวราวกับเจ้าหญิงในเทพนิยาย ทางแบรนด์จึงตอบสนองต่อความฝันในวันแต่งงานของผู้หญิงที่เชื่อในความงามที่ไม่ต้องเอะอะ โฉ่งฉ่าง แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ฉาบฉวย

ชุดแต่งงาน ก้อย รัชวิน

ก้อย รัชวิน ลองชุดแต่งงาน

ก้อย รัชวิน ลองชุดแต่งงานอาซาว่า

ซึ่งชุดแต่งงานที่สาวก้อยได้ฟิตติ้งไปมีความคล้ายกับชุดจากคอลเล็คชั่น Fall/Winter 2019 ที่เคยโชว์บนรันเวย์มาแล้ว เป็นชุดแต่งงานซีทรูปักลูกไม้ด้านบนทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ส่วนกระโปรงจะฟูๆ ฟุ้งๆ ผ้ามีความหลายเลเยอร์ เป็นชุดเจ้าสาวที่ให้ความรู้สึกเซ็กซี่และสวยหวานในเวลาเดียวกัน

White Asava ชุดแต่งงาน ก้อย รัชวิน

ชุดแต่งงาน White Asava

White Asava


ภาพ : IG@polpatasava , @whiteasava , @rachwinwong

เรื่อง : ฮานะ_แพรวนิสต้า

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ยกมาทั้งเซ็ต! BVLGARI เปย์ไอเท็มหลายล้านบาทให้ ‘ลิซ่า’ ใส่ถ่าย MV เพลงใหม่

กระเป๋าแบรนด์เนมหลักสิบ PRADA ฉบับ DIY ผลงานดีไซเนอร์ชาวญี่ปุ่น

4 Tips การแต่งตัวตามฉบับ เมแกน แมตช์ลุคสวยได้ด้วยเทคนิคง่ายๆ

 

แม็กนั่ม ไพน์

ครั้งแรก! แม็กนั่ม ไพน์ ยกระดับความฟินแบบเต็มคำจากไอศกรีมแท่งสู่รูปแบบถ้วย

Alternative Textaccount_circle
แม็กนั่ม ไพน์
แม็กนั่ม ไพน์

ครั้งแรก! แม็กนั่ม ไพน์ ยกระดับความฟินแบบเต็มคำจากไอศกรีมแท่งสู่รูปแบบถ้วย

NEW MAGNUM IN A PINT!! ถ่ายทอดอรรถรสความฟินจากไอศกรีมรูปแบบแท่ง สู่รูปแบบถ้วยไพน์หรือถ้วยเทคโฮม พร้อมระเบิดความฟินง่ายๆ ได้ที่บ้าน ผ่านคอนเซ็ปต์สุดเก๋ MADE TO BE BROKEN ไอศกรีมรูปแบบถ้วยไพน์หนึ่งเดียว ที่ต้องแคร็กก่อนฟิน นำเสนอประสบการณ์ฟินรูปแบบใหม่ แค่เพียง แคร็ก! ตัก ก็ฟินได้เต็มคำ กับช็อกโกแลตเบลเยี่ยมแท้หนากรอบของแม็กนั่ม เคลือบทั้งถ้วยรอบไอศกรีม 360 องศา พร้อมช็อกโกแลตกรุบกรอบสอดแทรกเนื้อไอศกรีมด้านใน อิมพอร์ตทุกความฟินส่งตรงจากแหล่งวัตถุดิบชั้นเลิศ บรรจุลงถ้วยไพน์ที่ออกแบบทรงมาให้แคร็กได้อย่างถนัดมือ พร้อมชวนให้ทุกคนมาระเบิดความฟินไปพร้อมๆ กัน

 

ยกระดับความฟินง่าย ๆ ได้ที่บ้าน แม็กนั่ม ในรูปแบบถ้วยไพน์ พร้อมเปลี่ยนช่วงเวลาพักผ่อนของคุณให้พิเศษยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะดูซีรี่ย์เรื่องโปรด อ่านหนังสือ หรือฟังเพลง เพียงแค่มีแม็กนั่มติดบ้านไว้ก็ฟินได้ตลอด เพียงแค่แคร็ก! ผ่านแผ่นช็อกโกแลตแท้จากเบลเยี่ยมเลเยอร์หนากรอบ เอกลักษณ์ของแม็กนั่ม ก็จะพบกับไอศกรีมวานิลลาเนื้อเนียนนุ่ม เพิ่มอรรถรสความฟินเหนือระดับด้วยซอสช็อคโกแลตกรุบกรอบที่แทรกอยู่ในเนื้อไอศกรีม พร้อมระเบิดความฟินได้แบบเต็ม ๆ คำ กับ 3 รสชาติ 3 สไตล์ที่บรรจุความฟินคับถ้วย ให้เลือกฟินกับทุกช่วงเวลาพิเศษที่บ้านได้ตามใจ ดื่มด่ำความอร่อยเข้มข้น นุ่มละมุน ต้องรสคลาสสิค (Classic) หรือชอบสัมผัส เคี้ยวเพลิน ยันคำสุดท้าย ต้องรสอัลมอนด์ (Almond) และรสชาติใหม่ล่าสุด ที่สาวกแม็กนั่มต้องลอง! กับรสไวท์ช็อกโกแลต แอนด์ คุกกี้ (White Chocolate And Cookie) อร่อยหอมหวานลงตัวกับไอศกรีมวานิลลาแทรกด้วยชิ้นคุกกี้กรุบกรอบ เพิ่มดีกรีความฟินแบบไร้ขีดจำกัด ด้วยไวท์ช็อกโกแลตเคลือบรอบด้าน ไม่ว่าโมเมนต์ไหน ก็ระเบิดความฟินได้ทุกเวลา

ฟินกับแม็กนั่ม ไพน์ ได้ง่ายๆ ด้วย 3 ขั้นตอนเพียงแค่ แคร็ก ตัก ฟิน!

  1. แคร็ก! เปิดฝาออกมาแล้วบีบด้านข้างถ้วย ใช้หลังช้อนเคาะแผ่นช็อคโกแลตด้านบนให้แตกพอดีคำ
  2. ตัก! เนื้อไอศกรีมและช็อกโกแลตชิ้นหนากรอบขึ้นมา
  3. ฟิน! ลิ้มรสและดื่มด่ำไปกับแม็กนั่มรสชาติโปรดได้เลย!

 

 

พร้อม #ระเบิดความฟินเต็มคำ อร่อยล้ำเหนือระดับไปกับ MAGNUM PINT ขนาด 440 ml. ราคา 219 บาท ได้ที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ ทั่วประเทศ ติดตามข่าวสารเพิ่มเติม ได้ที่ Facebook.com/MagnumThailand

 

 

‘คุณเปรี้ยวซ่าส์ แย่งคนรักมาแล้วก็ไม่ใส่ใจดูแล’ ดูดวงรายวัน 3 กันยายน 2563

ดูดวงรายวัน 3 กันยายน 2563 #หมอปุ้ยพยากรณ์ เช็กทุกวัน เป๊ะปังทุกดวง ทั้งการงาน การเงิน ความรัก และสุขภาพ

ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์

การงาน : วันนี้คุณอาจได้รับโอกาสดีอย่างคาดไม่ถึง คืออาจมีญาติพี่น้องหรือคนสนิททาบทามให้เข้าไปร่วมงานกับธุรกิจของครอบครัว โดยมีผลตอบแทนเป็นข้อจูงใจ แต่อย่างไรก็ตามการด่วนตัดสินใจจะทำให้เกิดความผิดพลาด ดังนั้นควรหาข้อมูลให้ดีก่อน เพราะหากไม่ใช่อย่างที่คุณคิด จะกลับตัวลำบาก

การเงิน : อาจได้รับโชคแบบแปลกๆ ลาภลอย ดังนั้น หากลงทุนน่าจะเป็นระยะสั้นมากกว่าระยะยาว

ความรัก :  คุณรักใครรักจริง ทุ่มเทหัวใจให้เกินร้อยเลย ยอมทำงานหาเงินเพื่อให้ครอบครัวได้อยู่อย่างสบายเหมือนครอบครัวอื่น แต่ปัญหาอยู่ที่วันนี้อารมณ์ของคุณไม่นิ่ง เมื่อหมดพลังแล้วก็เริ่มเฉื่อยชา คนโสด วันนี้อาจได้พบรักแบบรักครั้งแรก ตื่นเต้น หัวใจพองฟูเหมือนขนมถ้วยฟู จนอยากจูงมือไปอยู่ด้วยกันเลย

สุขภาพ : ระวังขาดสารอาหาร จนมีอาการใจหวิว หน้ามืด เหมือนจะเป็นลม เพราะฉะนั้นควรรับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ โดยเฉพาะผักและผลไม้ที่ช่วยในการบำรุงเลือด

 

ผู้ที่เกิดวันจันทร์

การงาน : หากคุณทำงานหรือเกี่ยวข้องกับการติดต่อประสานงาน หรืองานที่ต้องใช้วาทศิลป์ เช่น พีอาร์ประชาสัมพันธ์ ออร์กาไนซ์ สื่อสารมวลชน พนักงานขาย วันนี้คุณควรขยันและตั้งใจทำงานมากเป็นพิเศษ เพราะคุณกำลังตกอยู่ในสถานการณ์การแก่งแย่งแข่งขันชิงดีชิงเด่น ในเรื่องหน้าที่การงาน และผลประโยชน์อย่างน่ากลัวมาก รวมถึงต้องระวังการทะเลาะเบาะแว้งอย่างขาดสติ ที่จะทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง จนยากที่จะแก้ไข

การเงิน : แม้คุณจะใจดี ชอบช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนกว่า โดยอาจลงทุนให้คนใกล้ชิดโดยไม่คิดถึงผลตอบแทนเลย แต่เสี่ยงเกินไปหรือเปล่าคะ

ความรัก :  ปกติชีวิตครอบครัวคุณก็ราบเรียบและราบรื่นดีนะ แต่วันนี้อาจไม่ปกติ ซึ่งเกิดจากอารมณ์ของคุณที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา คาดหวังและเรียกร้องความสนใจสูง จึงเป็นต้นเหตุของการทะเลาะกัน ปัญหาอยู่ที่ไม่มีใครยอมใคร คนโสด ก็ยังอยู่ที่การแก่งแย่งแข่งขัน เพื่อให้ได้ครอบครองคนที่ถูกใจ แต่เมื่อได้แล้วก็ไม่เห็นความสำคัญ

สุขภาพ : ต้องระวังการบาดเจ็บจากการทะเลาะวิวาท ทั้งในเรื่องชู้สาว ผลประโยชน์ และการขับขี่ ควรใจเย็นๆ หนักแน่นไว้

 

ผู้ที่เกิดวันอังคาร

การงาน :  วันนี้คุณนำความรู้ สติปัญญา และประสบการณ์มาใช้กับการทำงานอย่างเต็มที่ จนไม่เปิดใจรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง อาจยึดโยงอยู่แต่เฉพาะในทีมของคุณ จึงควรระวังอาจเกิดดราม่าขึ้นได้ คุณอาจถูกคนใกล้ชิดหรือเพื่อนสนิทแอบแทงข้างหลัง ด้วยการใส่ร้ายป้ายสีในความผิดที่คุณไม่ได้ก่อ หรือตกอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะต้องทำงานที่ไม่ถนัด

การเงิน : ไม่ควรหลงคำพูดที่อ่อนหวานที่จะชักชวนให้คุณลงทุน เพราะอาจได้รับผลตอบแทนที่ไม่เป็นธรรม หากมีลูกหนี้ก็อย่าหวังว่าจะได้คืน จนถึงอาจถูกขโมยทรัพย์สินด้วย

ความรัก : คุณอาจยึดติดที่ขนบธรรมเนียมประเพณีอย่างเคร่งครัด เพราะฉะนั้นจึงทำใจไม่ได้หากมีเรื่องชู้สาวเกิดขึ้นในบ้าน ซึ่งวันนี้ควรระวังเพื่อนสนิทที่แอบย่องมาตีท้ายครัว คนโสด คุณอาจสะดุดตากับหนุ่มตี๋ หรือโอป้า ก็อย่าเพิ่งทุ่มใจให้หมด เพราะแฟนเขาเยอะ หนึ่งในนั้นคือเพื่อนคุณ

สุขภาพ : ระวังอุบัติเหตุที่เกิดจากของมีคมบาดเป็นแผลตามร่างกาย รวมถึงภาวะเครียด ซึ่งจะส่งผลกระทบต่ออาการจิต จึงควรปล่อยวางบ้าง

 

ผู้ที่เกิดวันพุธ

การงาน : หากคุณทำงานหรือเกี่ยวข้องกับงานที่มีรูปแบบตายตัว เช่น งานราชการ นักธุรการ ฝ่ายบัญชี เป็นต้น ซึ่งคุณรักงานมาก ไม่ชอบเปลี่ยนแปลงหรือย้ายที่ทำงาน แต่วันนี้อาจมีเหตุการณ์ที่บังคับให้คุณต้องสตรอง ลุกขึ้นปักธงงานใหม่ ดังนั้น คุณจึงต้องใช้ความรู้ ความสามารถ และเทคนิคเฉพาะตัวในการเจรจาประนีประนอม เพื่อให้ปัญหาเฉพาะหน้าให้สำเร็จลุล่วงด้วยดี

การเงิน : เป็นนักลงทุนชั้นเยี่ยม ชอบเสี่ยงและชอบความท้าทาย วันนี้จะหมดกับการลงทุนใหม่ๆ การเดินทาง และการเข้าสังคม ความบันเทิงเริงรมย์ต่างๆ

ความรัก :  คุณแบกรับเรื่องราวของสมาชิกในครอบครัวไว้อย่างหนักอึ้ง เมื่อมาถึงจุดที่พีคสุดๆ คุณอาจปิดการรับรู้โดยอัตโนมัติ แล้วตัดไปสู่โหมดบันเทิงแทน  คนโสด แอบชอบใครอยู่หรือเปล่า วันนี้คุณอาจไม่แอบอยู่ในมุมเล็กๆ ของตัวเองแล้ว ลุกมาประกาศเปรี้ยงว่า ‘ฉันชอบคุณ’ เลยก็ได้

สุขภาพ :  ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องยืนหรือเดินเป็นเวลานาน เพราะคุณอาจปวดตั้งแต่สะโพกลงมา ซึ่งมีสาเหตุจากข้อเสื่อมหรือความผิดปกติของเส้นเอ็น

 

ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี

การงาน  : สำหรับผู้ที่ทำงานหรือเกี่ยวข้องกับงานศิลปะในสายการเกษตร เช่น  นักออกแบบภูมิสถาปัตย์ หรือนักธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับ ศิลปินพื้นบ้าน งานโอท็อป ฯลฯ  วันนี้หากมีคิวนัดหมายเจรจาทางธุรกิจ คุณอาจต้องใช้ความรู้ ความสามารถ และเทคนิคเฉพาะตัว งัดทั้งไม้อ่อนและไม้แข็งมาใช้ เพื่อให้ปิดการขายให้ได้ ก็มีแนวโน้มว่าจะสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี

การเงิน : มีผู้ใหญ่อุปถัมภ์ หากกำลังซื้อขายที่ดินทางการเกษตร มีแนวโน้มว่าจะสำเร็จ แต่ก็จะหมดเปลืองกับการลงทุนใหม่ๆ การเข้าสังคม และการเดินทางท่องเที่ยว ที่จะทำให้เงินหมดอย่างรวดเร็ว

ความรัก :  คุณมีภาวะผู้นำสูงทั้งงานในบ้าน  และนอกบ้าน วันนี้แม้จะมีเรื่องราวของสมาชิกในบ้านให้รับผิดชอบเพิ่มขึ้นอีก แต่คุณก็สามารถรับมือได้จนปัญหาต่างๆ  ผ่านไปได้ด้วยดี  คนโสด คุณมีเสน่ห์มากมาย มีทั้งหนุ่มและไม่หนุ่มพร้อมที่จะจริงใจและจริงจังกับคุณ แต่คุณไม่เลือกใครเลย เพราะตั้งสเป๊กไว้สูงมาก

สุขภาพ : น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ข้อเข่าเสื่อม จนเริ่มปวดตั้งแต่สะโพกลงไป จึงควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องยืนและเดินเป็นเวลานาน ที่สำคัญคือ ลดน้ำหนักด่วนๆๆ

 

ผู้ที่เกิดวันศุกร์

การงาน : ต้องระวัง!! คุณอาจตกอยู่ท่ามกลางสถานการณ์การแก่งแย่งแข่งขันชิงดีชิงเด่น ในเรื่องตำแหน่งหน้าที่การงาน และผลประโยชน์อย่างดุเดือด อาจมีการทะเลาะเสียงดัง ถึงขั้นตบโต๊ะกันเลยทีเดียว หากคุณปรารถนาความสำเร็จอย่างแรงกล้า วันนี้ก็คงต้องทำใจหน่อยว่า งานอาจไม่ผ่านกระบวนการพิจารณาหรือสรรหาได้ง่ายๆ  จนคุณรู้สึกอึดอัดและกดดันมาก จึงควรหาผู้รู้ผู้มีประสบการณ์มาช่วยทำงานจะดีกว่า

การเงิน : คุณมีความสามารถหาเงินได้อย่างคล่องตัว แต่วันนี้การลงทุนในธุรกิจที่ไม่ถูกต้อง หรือการเสี่ยงโชคอาจไม่เวิร์ค มีแนวโน้มว่าจะถูกหลอก ไม่ควรเซ็นค้ำประกัน หรือออกหน้ากู้ยืมเงินแทน

ความรัก : คุณอาจประสบกับปัญหารักที่ซ่อนเร้นโดยไม่รู้ตัว ระวังการทะเลาะเบาะแว้ง มีปากเสียงอย่างรุนแรง จึงควรลดทิฐิและยึดมั่นในตัวตนของตัวเองลงบ้าง เน้นการประนีประนอมมากกว่าเอาชนะกัน คนโสด จิตใจคุณห้าวหาญมาก คุณอาจรู้สึกท้าทายอยากจะแย่งชิงคนรักของคนอื่น แล้วเมื่อได้แล้วก็ไม่ใส่ใจดูแลเขาเท่าที่ควร

สุขภาพ : อวัยวะที่ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษคือ  หัวใจ รวมถึงโรคที่เกี่ยวกับหัวใจทุกชนิด รวมถึงที่สำคัญพอๆ  กันคือ อุบัติเหตุจากการทะลาะวิวาทเรื่องชู้สาว และการขับขี่ จึงไม่ควรประมาท ใจเย็นๆ หนักแน่น

 

ผู้ที่เกิดวันเสาร์

การงาน  : สำหรับผู้ที่ทำงานหรือเกี่ยวข้องกับงานสายการศึกษา เช่น ครูบาอาจารย์ ผู้บรรยาย โค้ชชิ่ง เทรนนิ่ง ฯลฯ หากคุณกำลังจะเข้าสู่การประมูลงาน หรือนำเสนองาน ซึ่งงานนี้คุณคาดหวังความสำเร็จไว้สูงมาก ทำได้ทุกอย่างแม้จะไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องก็ตาม ฉะนั้นวันนี้คุณจึงอาจต้องวิ่งเต้นเรียกว่าหัวไม่ได้วาง หางไม่ได้เว้นเลยทีเดียว

การเงิน : รายได้หลักมาจากรายได้ประจำ แต่ก็พอจะมีเงินพิเศษจากงานพิเศษเข้ามาบ้าง ก็อาจมีญาติพี่น้องมาขอหยิบยืมเงิน แต่ก็เป็นช่วงสั้นๆ เดี๋ยวเขาก็คืน

ความรัก :  คุณอาจใส่ใจในรายละเอียดมาก เป๊ะทุกกระเบียดนิ้ว หรือเรียกอีกอย่างว่า จู้จี้ จนกลายเป็นเรื่องกระทบกระทั่ง กระเง้ากระงอดงอนๆ ง้อๆ  กันอยู่ตลอดเวลา หากอดพูดไม่ได้ ก็ควรแยกกันอยู่คนละห้องบ้าง หลีกเลี่ยงการปะทะ คนโสด ผู้ใหญ่อาจนัดเดทให้ หลังจากทิ้งช่วงไปนาน งานนี้จัดเต็มเลย ยั่วคู่เดทให้อกแตกตาย

สุขภาพ : ความสามารถในการรับประทานอาหารและการกลืนอาหาร อาจลดน้อยลงเนื่องจากทอนซิลอักเสบ หรือสุขอนามัยภายในช่องปาก

 

เช็กดวงย้อนหลังกันได้ที่นี่

อุ๊ต๊ะ!!! สามในสี่ดวงตกที่นั่ง ที่สอง ทั้งนั้นเลย ดูดวงรายวัน 31 สิงหาคม 2563

คนรักเก่าอาจกลับมาชวนทะเลาะ หรือบังคับให้คืนดี ดูดวงรายวัน 1 กันยายน 2563

หลุดพ้นจากรักที่ซ่อนเร้น กลับมาอยู่ในจุดที่ถูกต้องแล้ว ดูดวงรายวัน 2 กันยายน 2563

เติร์ด-ลภัส งามเชวง

ความท้าทายใหม่ของชีวิตนักแสดงที่ชื่อ เติร์ด-ลภัส งามเชวง

Alternative Textaccount_circle
เติร์ด-ลภัส งามเชวง
เติร์ด-ลภัส งามเชวง

ความท้าทายใหม่ของนักแสดงหนุ่มวัย 21 ปี เติร์ด-ลภัส งามเชวง ในภาพยนตร์เรื่อง “Mother Gamer เกมเมอร์ เกมแม่” 

เติร์ด-ลภัส งามเชวง

แม้จะแจ้งเกิดจากการเป็นนักร้อง แต่เรื่องฝีมือการแสดงก็ดึงดูดความสนใจจากผู้ชมไม่น้อยเลยสำหรับ เติร์ด-ลภัส งามเชวง เจ้าของบท “เต๋า” จากซีรีส์ดัง “เลือดข้นคนจาง” ซึ่งล่าสุดดาราหนุ่มได้โดดมาชิมลางงานภาพยนตร์เป็นครั้งแรกในเรื่อง “Mother Gamer เกมเมอร์ เกมแม่” ซึ่งเขาบอกว่าการแสดงภาพยนตร์นั้นถือเป็นความท้าทายใหม่ จนเหมือนเป็นอีกโลกหนึ่งเลยก็ว่าได้

บทบาท-คาแร็กเตอร์

“กอบศักดิ์ คือตัวละครที่มีทั้งความบู๊ มีความรักอิสระ และแน่นอนว่าเขาเป็นคนที่มีความเก่งกาจเฉพาะด้านนั่นก็คือการเล่นเกม ซึ่งมันมีเสน่ห์มากกว่าคนที่เก่งไปเสียทุกอย่าง ขณะเดียวกันตัวเขาเองก็เป็นคนที่มีปมชีวิตอยู่เยอะมากๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เคยเป็นสมาชิกทีม “Higher” และโดนไล่ออก เรื่องความรักที่ยังไม่ชัดเจนกับมะปราง และก็เรื่องการเรียนที่ยากจะคาดเดาอนาคต จนกระทั่งมีคนหนึ่งที่ให้โอกาสเขาก็คือ ครูเบญจมาศ ซึ่งกอบศักดิ์เองก็เหมือนเป็นตัวแทนของเด็กเกเรที่ต้องการได้รับการยอมรับ จากการที่สมัยก่อนเขาเองก็ไม่ใช่เด็กเกเร เขาเพียงดันไปเจอกับช่วงหนึ่งที่มันพลิกผันในชีวิตและทำให้ทุกอย่างมันพังไปหมด แต่ถึงอย่างไรแล้วเนื้อแท้ของเขาก็เป็นคนดีครับ”

เรื่องราวของ “Mother Gamer เกมเมอร์ เกมแม่”

“มันเป็นเรื่องของการเปิดใจกันและยังแฝงเรื่องโอกาสที่ 2 ลงไปด้วย ซึ่งจะเป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจากครูเบญจมาศ เพราะเขาเหมือนเป็นมือที่มาฉุดกอบศักดิ์ขึ้นจากทะเลที่กำลังจะจมน้ำตาย ณ ตอนนั้นคือกอบศักดิ์ไม่เหลืออะไรแล้ว อยู่ดีๆ ครูเบญก็ยื่นโอกาสเข้ามาแม้ว่าตอนนั้นเขาก็ไม่ไว้ใจสักเท่าไหร่ แต่ก็ขอลองดูหน่อยละกัน ซึ่งเราก็จะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงระหว่างความสัมพันธ์ของกอบศักดิ์กับครูเบญขึ้นเรื่อยๆ”

“ผมมองว่าความสัมพันธ์ระหว่างครูเบญจมาศเป็นอะไรที่อธิบายยากเหมือนกัน เป็นทั้งครู-ลูกศิษย์, แม่-ลูก และเป็นคนต่างวัยที่เล่นเกมด้วยกัน เราจะไม่ค่อยได้เห็นอะไรแบบนี้ในสังคมสมัยนี้เท่าไร เพราะส่วนใหญ่เวลาเด็กเล่นเกมผู้ใหญ่ก็จะห้ามไม่ให้เล่น แต่อันนี้คือผู้ใหญ่ลงมาเล่นเอง ซึ่งมันเป็นอะไรที่ขัดแย้งอยู่พอสมควร และในหนังเรื่องนี้ครูเบญจมาศก็เป็นคนที่คิดค้นกฎห้องเรียนปลอดมือถือ แล้วอยู่ดีๆ วันหนึ่งก็จะมาสร้างทีมอีสปอร์ตขึ้นมาและชวนกอบศักดิ์มาเล่นเกมอีก แต่ตัวเองกลับเล่นเกมไม่เป็น เราก็ต้องเป็นคนสอนครูเบญว่าต้องเล่นยังไงจนต่อมาเขาก็เก่งขึ้นเรื่อยๆ ผมเลยมองว่ามันเป็นอะไรที่ขัดแย้งพอสมควร และถ้ามองอีกมุมคือมันก็น่ารักดี”

การเตรียมตัวเพื่อแสดงภาพยนตร์เรื่องแรก

“มันเป็นอีกโลกหนึ่งเลยครับ พอเราเคยแสดงซีรีส์มาก่อนและมาสู่ภาพยนตร์ คือแอคติ้งที่เรามีบางอย่างก็เอามาใช้ได้ แต่บางอย่างก็ต้องเรียนรู้ใหม่หมด แล้วด้วยความที่เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกเราก็เลยกดดันตัวเองพอสมควร และการได้มาร่วมงานกับนักแสดงรุ่นใหญ่อย่าง “พี่อ้อม พิยดา” เราจึงอยากทำออกมาให้ดีที่สุด ฉะนั้นจึงต้องกลับไปอ่านบททำความเข้าใจในตัวละครค่อนข้างหนักเลย
พอเราไปเวิร์กช็อป ผมก็พยายามดึงความทรงจำสมัยก่อนกลับมาอีกครั้ง มันจะมีให้ทำการบ้านในส่วนภูมิหลังของตัวละคร เราก็เลยหาจุดที่เราเหมือนกับจุดที่ไม่เหมือนตัวละครกอบศักดิ์ แล้วมันน่าตกใจตรงที่ผมกับกอบศักดิ์มีจุดที่เหมือนกันเยอะมากๆ เพราะตอนแรกที่เห็นบทก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันเหมือนเราขนาดนั้น มันทำให้นึกย้อนไปถึงตอนอยู่ช่วงมัธยมต้นที่ผมติดเกม และก็มีเรื่องกับอาจารย์ฝ่ายปกครองเหมือนกัน ซึ่งเราก็เอาตัวละครนี้มาลิงก์กับตัวเราสมัยยังเด็กครับ”

 “อ้อม พิยดา”พลังบวกและแรงผลักดันที่สำคัญ

“การทำงานกับ “พี่อ้อม” เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมเรียนรู้ครับว่า ไม่ว่าเราจะทำงานมานานขนาดไหน แต่ว่าทุกๆ วันเรายังสามารถเรียนรู้ได้เสมอ เราจะเห็นพี่อ้อมในวงการมานานมาก วันแรกที่เราเข้ามาเวิร์กช็อปคือพี่อ้อมเขาพยายามหนักกว่าเราอีกนะ มันก็เลยเป็นแรงผลักดันให้เราด้วยที่จะต้องทำสิ่งนี้ให้ดีเหมือนกัน ต้องพยายามให้หนักกว่านี้ ก็เป็นพลังบวกจากพี่อ้อมครับ วันแรกที่ผมเจอคือรู้สึกกลัวนะ แต่พี่อ้อมมักจะทำให้คนรอบตัวรู้สึกสบายไม่ว่าจะเป็นน้องๆ หรือพี่ๆ ที่ร่วมฉากด้วยกัน มันจึงทำให้ทุกอย่างกลายเป็นความสนุกไปเลย”

อ้อม พิยดา

จับมือเกมเมอร์สาวห้าว “วี วีรยา

“ตอนแรกผมกดดันนะ เพราะเรายังไม่เคยมีประสบการณ์ที่ต้องทำงานกับคนอื่นที่ไม่ใช่เพื่อนในวงมากเท่าไหร่นัก คือตอนนั้นที่เริ่มโปรเจกต์ “9×9” มาเราก็ทำงานร่วมกับผู้ชายทั้ง 8 คนมาตลอด มันจึงเป็นความกดดันที่ต้องมาร่วมงานกับคนอื่นด้วย ก็ใช้เวลาปรับจูนกันอยู่ แต่น้องวีเขาจะมีความเป็นผู้หญิงห้าวๆ ในตัวเอง เลยทำให้เข้ากันได้ง่ายขึ้น เพราะต่างคนก็ต่างกวนกันไปเรื่อยๆ แล้ววันหนึ่งก็เลยเริ่มสนิทกัน คือในหนังกวนยังไง นอกจอก็กวนอย่างนั้นเลยครับ เผลอๆ อาจกวนหนักกว่าด้วย (หัวเราะ) ก็มองว่าเป็นสิ่งที่ดีและทำให้ทุกอย่างมันง่ายขึ้น เวลาเข้าซีนด้วยกันก็จะมีความเกร็งน้อยลงครับ”

วี วีรยา

“กอบศักดิ์ – มะปราง” ความสัมพันธ์รักที่ต้องลุ้นใน “Mother Gamer เกมเมอร์ เกมแม่”

“ตอนไปเวิร์คช็อปคนเขียนบทเขาวงเป็น Objective ให้เห็นเป้าหมายของตัวละครคืออะไร และก็ Super Objective คือเป้าหมายสูงสุดของตัวละคร ซึ่งถ้ามีความเปลี่ยนแปลงตรงนี้มันจะส่งผลต่อตัวละครทั้งหมด โดยผมวงเป็น “มะปราง” ครับ เพราะเธอคือตัวละครที่มีผลต่อทุกแอคชั่นของกอบศักดิ์เลยก็ว่าได้ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับมะปรางมันก็จะส่งผลต่อตัวกอบศักดิ์ด้วยเช่นกัน มันเป็น 2 ตัวละครที่เชื่อมถึงกันอยู่ พวกเขาเป็นเพื่อนกันแต่เด็ก และมะปรางเองก็จะเข้าใจกอบศักดิ์ที่สุดในทุกๆ อารมณ์เลย รวมถึงยังเป็นอีกเหตุผลหนึ่งด้วยที่ทำให้กอบศักดิ์อยากกลับมาเล่นเกม เพราะตอนแรกเขาจะไม่เอาแล้วกับด้านนี้ แล้วพอครูเบญมาชวนฟอร์มทีม เขาก็นึกถึงมะปรางที่เคยอยู่ทีมเดียวกันมาเป็นคนแรกเลย แต่เขาทั้ง 2 จะเหมือนคู่ที่คอยแกล้งกันประจำ และจะเป็นความรู้สึกที่ไม่ถูกกล่าวถึง แต่ผมคิดว่ากอบศักดิ์เขาแอบตกหลุมรักเธอมะปรางแน่นอน”

“ซึ่งมะปรางสำหรับกอบศักดิ์ คือเป็นคนที่แตกต่างจากตัวเองพอสมควร เพราะกอบศักดิ์เป็นคนที่ไม่ค่อยมีโอกาสเท่าไร ขณะที่มะปรางเป็นคนที่เพียบพร้อมทุกอย่างทั้งฐานะและการซัพพอร์ตจากครอบครัว ส่วนตัวกอบศักดิ์จะมีเพียงความฝันอย่างเดียวเท่านั้น คืออยากเป็นโปรเพลเยอร์ แต่มันดีตรงที่มะปรางเป็นคนเดียวที่สามารถยอมรับทุกอย่างที่กอบศักดิ์เป็นได้ ทั้งด้านดีและไม่ดีครับ”

สุดยอดทีมงานขั้นเทพ

“ทีมนี้บ้าพลังครับ (หัวเราะ) กว่าจะปั้นฉากๆ หนึ่งออกมาได้ คือต้องผ่านอะไรมาเยอะมาก มุมกล้องก็เยอะมากด้วย อย่างฉากแอคชั่นนี่มีการเก็บทุกมุมเลยครับ แล้วถ้ามุมไหนไม่สุดก็คือถ่ายไปเรื่อยๆ จนเราเจ็บกันไปเลย ซึ่งทุกคนก็สู้กันสุดมากๆ ครับในเรื่องนี้ ถ้าใครได้เห็นมุมภาพ มันจะมีมุมที่ถ่ายจากด้านบน คือผมยัง”

“ไม่เคยเห็นภาพยนตร์ไทยเรื่องไหนทำมาก่อน และการทำงานกับ “พี่เสือ ยรรยง” คือ เขาเป็นผู้กำกับใจดีที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมาเลย ค่อนข้างสบายๆ แต่ในความสบายคือเขาเป็นคนที่ละเอียดมากๆ เช่นกัน ส่วน “พี่เอ็ม สุรศักดิ์” ผู้ช่วยผู้กำกับคือเขาจะมีความบ้าพลังและโหดมากๆ (หัวเราะ) เขาเคยถามว่าสามารถกระโดดลงจากตึก 2 ชั้นได้ไหม ผมก็บอกว่าไม่ได้ครับ (หัวเราะ) แต่ก็สนุกครับ ทางด้าน “พี่แอ้น ภาเกล้า” เขาก็เป็นตากล้องที่สู้มากๆ และเขาปั้นได้เก่งมาก เขาสามารถดึงทุกอย่างออกมาให้ได้ดีที่สุด หรือบางซีนก็ดอลลีแบบไป-กลับเป็น 10 รอบ จนผมเองก็จำไม่ได้ว่านี่เทกที่เท่าไหร่แล้วนะ แต่ทุกคนก็สุดมากครับ”

รับมือกับฉากแอคชั่นมากมาย เล่นจริง เจ็บจริง

“ตอนอ่านบทคือผมไม่รู้เลยว่าต้องแอคชั่นขนาดนี้ เราคิดว่าต้องเป็นเด็กเล่นเกมและอีสปอร์ต แต่ยังไม่รู้ว่าต้องมาสวมบทเป็นตัวละครในเกมด้วย พอมาจริงคือมีทั้งต่อยมวย วิ่งฟรีรันนิ่ง และกระโดดหลบไปมา เรียกได้ว่าหนักมากๆ กลับบ้านไปคือระบมเลยทีเดียว แต่มันก็คุ้มค่าครับ เพราะถ้าผมไม่ได้มาทำสิ่งเหล่านี้ในหนัง “Mother Gamer เกมเมอร์ เกมแม่” ผมเองก็ไม่น่าจะมีโอกาสได้ทำอะไรแบบนั้นอีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นซีนที่ต้องฝ่าดงกระบี่กระบอง ซึ่งเราจะมีครูที่เขาสอนตัวจริงมาสอนเทคนิคในการหลบว่าควรจะหลบอย่างไร และก็จะมีแอคติ้งโค้ชของเราที่มีพรสวรรค์รอบด้านมากๆ เขาจะสอนว่าตรงนี้ต้องกลิ้ง ต้องย่อ และถ้าย่อช้าก็อาจจะหัวแตกได้ เราจึงต้องฝึกซ้อมคิวหลบและคิวบู๊กันประมาณ 1 ชั่วโมงก่อนถ่ายทำ ซึ่งตอนถ่ายทำซีนนี้เราเองก็ยังคิดไม่ออกว่าจะถ่ายยังไง “พี่เสือ” ผู้กำกับเลยบอกให้ผมลองเต้นดูสักบีตหนึ่ง และเราก็เต้นไปซึ่งปรากฏว่าเขาโอเคเลย และเอาท่าเต้นอันนั้นมาใช้เป็นวิธีการหลบกระบองที่กำลังฟาดใส่หัวเรา มันเป็นสิ่งที่อยู่ดีๆ ก็ผุดขึ้นมาและตัวผมเองก็ชอบมากด้วย”

“แต่มันจะมีอยู่ช็อตหนึ่งที่ผมต้องกระโดดข้ามหลังน้องคนหนึ่ง ยิ่งเจอพื้นปูน และเราใส่รองเท้านักเรียนด้วย มันก็จะมีความลื่นอยู่พอสมควร แล้วตอนถ่ายจริงก็กระโดดปุ๊บลื่นปั๊บ เขาเลือดไหลเลยครับ แต่ก็ยังถ่ายได้นะ แม้ว่ามันจะเป็นหนังเรื่องแรกในชีวิตของผม แต่ก็มีฉากบู๊แอคชั่นที่หนักมากๆ ขนาดผมเองยังตกใจเลย และเป็นหนังเรื่องแรกที่ผมได้แผลด้วย จากประสบการณ์ผมตั้งแต่เกิดมาคือมีแผลที่นับครั้งได้เลย ซึ่งล่าสุดผมก็มาได้แผลในหนังเรื่องนี้ครับ เรียกว่าทุ่มสุดตัวจริงๆ”

เติร์ด-ลภัส งามเชวง

ปะทะ “ตน ต้นหน”

“ในซีนนี้เราต้องไฟต์กัน เพราะผมต้องการที่จะมาทวงแชมป์ของตัวเองคืนในฐานะตัวท็อปรุ่นบุกเบิก และเขาเป็นรุ่นใหม่ที่จะมาแทนผม แต่งานนี้มันจะไม่ใช่แอคชั่นที่สู้กันธรรมดาๆ ทั่วไป เราอยากให้มันดูตื่นเต้น ที่สุดก็เลยขอโดดลงไปสู้ในเกมกันครับ ซึ่งจะมีความเป็นแฟนตาซีขึ้นมาเยอะพอสมควร และตั้งท่าปล่อยพลังใส่กันไม่หยุด กลิ้งไปกลิ้งมาตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ตกดิน จนพระอาทิตย์จะขึ้น ซึ่งแม้ว่าต้นหนเขาจะไม่ค่อยถนัดการใช้ร่างกายมากนัก แต่ไหวพริบและความอึดของเขาก็มีอยู่มากเลยครับ ทำให้ภาพรวมมันจึงออกมาสนุกตอนเราถ่ายทำกัน ถึงจะเหนื่อยมากๆ ก็ตาม แต่เพื่อความ ‘ว้าว’ ของแฟนๆ ผม 2 คนจึงตั้งใจทำเต็มที่ครับ”

อารีนาอีสปอร์ตสุดเดือด

“การถ่ายทำฉากนี้เป็นงานที่หนักอันดับต้นๆ ของเรื่องเลยครับ และเราก็เลิกกองตี 3 ติดกัน 3 วันเลย โลเคชั่นก็ถูกสร้างขึ้นมาหมดเลยซึ่งอะเมซิ่งมากๆ ครับ ถ้าไม่ได้เห็นอารีนา สถานที่ตรงนั้นก็คือหลุมเปล่าๆ ที่เราเอาทุกอย่างไปเซตจนเป็นอารีนาที่ใช้ได้จริง และเดือดมากครับซีนนั้น ถ้าถ่ายไม่เสร็จเราก็ไม่ได้กลับบ้าน (หัวเราะ) ผลคือเราถ่ายกันถึงเกือบตี 4 แต่นี่ก็เป็นซีนไฮไลต์ของเรื่องเลยก็ว่าได้”

การเล่นเกมในหนัง “Mother Gamer เกมเมอร์ เกมแม่”

“อันนี้เป็นโจทย์ที่ยากไม่น้อยเลยครับ เพราะเราต้องจินตนาการว่าเราเล่นเกมอยู่ และมันก็ไม่ใช่แค่ตัวเราคนเดียวนะ มันคือลูกทีมเราอีก 4 คนที่จะต้องจินตนาการภาพให้ตรงกันว่า ตอนนี้ทีมกำลังทำอะไรอยู่ ซึ่งมันยากมากนะครับเพราะเราต้องเล่นให้ได้เหมือนอยู่ในทีมเดียวกัน ต่างคนก็ต่างหน้าที่กัน แต่ต้องเล่นให้อยู่ในเวลาเดียวกัน เราจึงต้องเวิร์กออนกันพอสมควรเลยกว่าจะจูนกันได้”

ความฮ็อตฮิตของกีฬาอีสปอร์ตที่กำลังเป็นที่นิยมไปทั่วโลก

“จริงๆ ผมคิดว่าอีสปอร์ตก็เป็นกีฬานะครับ แต่แค่มันเพิ่งถูกยอมรับในช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา จากยุคแรกๆ ที่ผมเริ่มเล่นเกม ตอนนั้นอีสปอร์ตยังเป็นสิ่งที่ผู้ใหญ่ไม่ยอมรับกันเพราะมองว่ามันคือการเล่นเกม ซึ่งพอเวลาผ่านไปมันก็ค่อยๆ ถูกยอมรับมากขึ้นว่าสามารถที่จะเป็นกีฬาได้ ทุกวันนี้ก็มีในซีเกมส์ที่แข่งเกมกันแล้ว เราเลยได้เห็นการพัฒนาของมันมาจากการเล่นเกมธรรมดา พอมาวันนี้ถ้าเราเล่นเกมเก่งก็สามารถเป็นนักกีฬาอีสปอร์ตได้เหมือนกัน ผมหวังว่าหนังเรื่องนี้จะทำให้คนเห็นว่าการเล่นเกมเป็นกีฬาได้ ไม่ใช่แค่เพียงการเล่นเกมอย่างเดียว เพราะได้ทั้งมิตรภาพด้วย และเป็นกีฬาระดับชาติที่เราไปคว้าเหรียญทองมาเหรียญแรกซึ่งสุดยอดมากๆ ครับ”

ในฐานะของคนเจน Z ถึงหนังเรื่องล่าสุด

“ผมคิดว่ามันเป็นหนังในรูปแบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนมากกว่า และเป็นการสะท้อนตัวตนของคนเจเนอเรชัน Z ผ่านตัวเกมที่ดึงเอาความสัมพันธ์ระหว่างคนเจน X กับเจน Z ให้มาลิงก์กันอีกที เรามองว่านี่เป็นหลายๆ อย่างที่แปลกใหม่เลยทีเดียว และบวกกับความแอคชั่นลงไปอีก โดยส่วนตัวผมชอบหนังแอคชั่นมากๆ ก็เลยจะอินกับแนวนี้เป็นพิเศษครับ และมันไม่ใช่แค่อีสปอร์ตอย่างเดียว แต่มันมีพาร์ตความสัมพันธ์ ความซับซ้อน ความขัดแย้งทุกอย่างมารวมกัน และมีอะไรที่มากกว่าการเป็นแค่หนังเกมซึ่งบอกไม่ได้ ต้องไปดูกันเองครับ รับรองว่าจะไม่ผิดหวังแน่นอนครับ “Mother Gamer เกมเมอร์ เกมแม่”


ภาพจาก : @thirdd

สามารถติดตามอ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่

“เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับทุกโอกาส” วีรยา จาง สาวหน้าหวานที่มาพร้อมบุคลิกเท่ๆ

สมกับเป็นคุณแม่ยุคใหม่ “อ้อม พิยดา” ใจกว้างหาก “น้องนาวา” เปลี่ยนแนวเป็นสาวห้าว

สวย เก่ง ได้แม่ “นิ่ม-สาริศา ล่ำซำ” เตรียมเข้ารับปริญญา เกียรตินิยมอันดับ 1

account_circle

สวย เก่งได้คุณแม่มาเต็มๆ สำหรับ “นิ่ม-สาริศา ล่ำซำ” ลูกสาวคนโตของ คุณสลิล-สาระ ล่ำซำ ที่ล่าสุดกำลังเตรียมตัวเข้ารับปริญญาจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ด้วยเกียรตินิยมอันดับ 1

นิ่ม-สาริศา ล่ำซำ ลูกสาวคนโตของ คุณสลิล-สาระ ล่ำซำ

เป็นอีกหนึ่งเซเลบสาวรุ่นใหม่ที่น่าจับตามองเลยทีเดียว “นิ่ม-สาริศา ล่ำซำ” ที่นอกจากสวย น่ารักแล้ว ยังเก่งครบเครื่องสมกับเป็นลูกสาวคนโตของ CEO พันล้านแห่งเมืองไทยประกันชีวิต อย่างคุณสาระ ล่ำซำ โดยน้องนิ่มได้นำความภาคภูมิใจมาให้ครอบครัว อย่างการเรียนจบเกียรตินิยมอันดับ 1 จากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ด้านการเงิน (ภาคภาษาอังกฤษ) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตามรอยคุณแม่ และ คุณป้า (มาดามแป้ง) มาเป๊ะๆ

งานนี้คุณน้ำ-สลิล ล่ำซำ ถึงกับดีใจหนักมาก โดยเธอได้โพสต์ผ่านอินสตาแกรมส่วนตัวว่า “ในที่สุดน้องนิ่มก็ได้รับการประกาศว่าเรียนจบปริญญาตรี (เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง) คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยอย่างเป็นทางการแล้วค่ะ”

นิ่ม-สาริศา ล่ำซำ ลูกสาวคนโตของ CEO พันล้านแห่งเมืองไทยประกันชีวิต

นอกจากน้องนิ่มจะเก่งได้คุณแม่แล้ว ต้องบอกเลยว่าความสวย และสติปัญญาเป็นเลิศยังสืบทอดมาจากคุณยายอีกด้วย ซึ่งคุณน้ำได้เผยว่า “คิดถึงคุณแม่ที่สุด อยากให้คุณแม่มาอยู่ตรงนี้มาก ถ้าคุณแม่ได้รับรู้ว่าหลานได้รับเกียรตินิยมอันดับหนึ่งและจบจากคณะเดียวกับคุณยาย คุณแม่คงมีความสุขมาก ยังจำวันที่น้ำรับปริญญาได้ คุณแม่ตื่นเต้นยิ่งกว่าน้ำอีก”

เห็นแบบนี้แล้วต้องใช้คำว่า ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นจริงๆ…..


CR : @nam__lamsam

ถอดสไตล์ นิ่ม-สาริศา ล่ำซำ หลานสาวมาดามแป้ง แต่งตัวยังไงให้เข้ากับบรรยากาศ

ถอดสไตล์ นิ่ม-สาริศา ล่ำซำ หลานสาวมาดามแป้ง แต่งตัวยังไงให้เข้ากับบรรยากาศ

แม่ลูกชวนแต่งตัว น้ำ สลิล–นิ่ม สาริศา ล่ำซำ รวยพันล้านแต่ยังแชร์ใช้เสื้อผ้า-กระเป๋า!

ขนมไหว้พระจันทร์

ขนมไหว้พระจันทร์ วีแกน SNOW SKIN MOONCAKE สไตล์ใหม่จาก BUONO

Alternative Textaccount_circle
ขนมไหว้พระจันทร์
ขนมไหว้พระจันทร์

บริษัท  บูโอโน่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการส่งออกสินค้าไอศกรีมและอาหารแช่แข็งของไทย สร้างสรรค์ขนมไหว้พระจันทร์วีแกนสุดพิเศษ 2 แบบ / สไตล์ ไม่ซ้ำใคร เพื่อเป็นของขวัญแด่คนสำคัญของคุณตลอดช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์ ส่งออกและได้รับความนิยมในฮ่องกงและแคนาดา

ขนมไหว้พระจันทร์ ขนมไหว้พระจันทร์

NON-DAIRY SNOW SKIN ASSORTED MOONCAKE

ขนมไหว้พระจันทร์แป้งหิมะเหนียวนุ่มอันเป็นเอกลักษณ์ของ BUONO รวม 3 ไส้ให้อร่อยได้หลายรสในกล่องเดียว 1 กล่องมี 6 ชิ้น 3 รสชาติ ราคา 880.-/กล่อง

  • Fresh Durian (2 pcs.) ไส้เนื้อทุเรียนหมอนทองสด
  • Fresh Durian with Vegan Salted Egg Yolk Flavor Lava (2 pcs.) ไส้เนื้อทุเรียนหมอนทองสดสอดไส้ไข่เค็มลาวาสูตรวีแกน
  • Aromatic Young Coconut (2 pcs.) ไส้มะพร้าวน้ำหอม

ขนมไหว้พระจันทร์ ขนมไหว้พระจันทร์

MANY MOONS

เพราะกาแล็คซี่ไม่ได้มีพระจันทร์แค่ดวงเดียว บูโอโน่จึงสร้างสรรค์ขนมไหว้พระจันทร์รูปแบบใหม่ที่ไม่เหมือนใคร ด้วยโมจิไอซ์สูตรพิเศษสอดไส้ไอศกรีม ที่ซ่อนความอร่อยของเม็ดไข่มุกนุ่มไว้ด้านใน เคลือบแป้งโมจิด้านนอกด้วยช็อคโกแลตแท้เกรดพรีเมียมและโรยด้วยท็อปปิ้ง 4 แบบ 4 สไตล์ที่จับคู่กันได้อย่างอร่อยลงตัว

  • Callisto – Matcha and Pistachio
  • Titania – Genmaicha and Roasted Crispy Rice
  • Triton – Hojicha and Cookie Crumble
  • Mimas – Thai Tea and Almond

(1 กล่องมี 8 ชิ้น 4 รสชาติ ราคา 480 บาท/กล่อง)

บรรจุใน Cooler bag สวยหรู พร้อม Dry ice สามารถซื้อเป็นของขวัญของฝากได้ไม่ต้องกลัวละลาย พร้อมบริการ Delivery จัดส่งถึงมือผู้รับ สนใจโทร. 0923999363, 0923996393 LINE @buonogelatoplus ข้อมูลเพิ่มเติม Facebook: Buono Gelato Plus และ www.buonogelatolus.com

 

 

ส่งต่อความหวังดีกับ 6 ของชำร่วยเพื่อสุขภาพที่แขกปลื้มแน่

account_circle

ยุคนี้ พ.ศ. นี้ จะหา ของชำร่วย ทั้งที ต้องมีคอนเซ็ปต์ แพรว wedding ก็เลยจัดมาให้หนึ่งคอนเซ็ปต์ กับไอเดียของชำร่วยสุดอินเทรนด์ที่การันตีได้ว่าใครได้ไปไม่มีทิ้ง แถมยังเอาไปใช้ประโยชน์ได้จริง เพราะทั้งหมดที่กำลังจะพูดถึงคือ ของชำร่วยเพื่อสุขภาพ จะกินก็ดีจะใช้ก็ได้ ลองไปดูกันค่ะ

ของชำร่วย

ธัญพืชสารพัดชนิด

ไม่ว่าจะเป็นถั่วแดง ลูกเดือย ถั่วเขียว เม็ดบัว ถั่วลิสงหรือข้าวโพด ฯลฯ ล้วนเป็นของดีมีประโยชน์ที่สามารถเป็นตัวแทนความปรารถนาดีอยากให้แขกมีสุขภาพแข็งแรงที่บ่าวสาวส่งต่อให้แขกได้ ซึ่งบางคู่ที่งบไม่มาก ก็อาจจัดเรียงไว้ในซองเล็กๆ แล้วใช้วิธีติดแท็กแจงประโยชน์ แบบนั้นก็น่ารักและเปี่ยมไปด้วยความรู้ดีๆ ที่แขกจะได้รับแล้วล่ะค่ะ

ของชำร่วย

น้ำผึ้ง

คงไม่ต้องบอกว่าน้ำผึ้งสารพัดประโยชน์แค่ไหน เพราะนอกจากจะนำไปทานได้เพียวๆ แล้ว ยังนำไปประกอบอาหารและใช้บำรุงผิวได้ด้วย นอกจากนี้ความหวานของน้ำผึ้งยังเป็นตัวแทนความรักที่อบอวลไปทั่วทั้งงานด้วยนะคะ

ของชำร่วย

ชา

จะเป็นชาฝรั่ง ชาจีนหรือชาญี่ปุ่น ก็มีประโยชน์ทั้งนั้นจริงไหมค่ะ  แถมระยังหลังยังออกแบบแพ็คเกจจิ้งซะสวยงามน่ารักแบบว่าพร้อมจะส่งมอบให้เป็นของชำร่วยแบบสบายๆ

ของชำร่วย

น้ำแร่

ถูกแล้วค่ะ น้ำแร่นี่แหละที่เราขอนำเสนอให้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับที่บ่าวสาวจะใช้เป็นของชำร่วย บางยี่ห้อมีขวดสวยงามดูหรูหราอยู่แล้วก็แทบไม่ต้องทำอะไรมาก ติดโบว์ห้อยป้ายชื่อบ่าวสาวก็แจกแขกได้แล้ว จริงไหมคะ

ของชำร่วย

ข้าว

ในช่วงปีสองปีหลังบ่าวสาวชาวไทยนิยมออเดอร์ข้าวมาแจกเป็นของชำร่วยในงานแต่งงานมากขึ้นค่ะ แต่ข้าวที่เลือกไม่ใช่ข้าวหอมมะลิเท่านั้น เป็นข้าวไรซ์เบอรี่ ข้าวกล้อง ข้าวกล้องงอกสีนิล ฯลฯ ซึ่งคงไม่ต้องบอกว่าการแจกข้าวมีดีและได้ประโยชฯมากมายแค่ไหน ที่สำคัญไม่มีใครทิ้งแน่นอนค่ะ

ชุดสปาบำรุงผิว

อย่างสุดท้ายที่ขอแนะนำแม้จะกินไม่ได้แต่ช่วยให้ผิวสวย สะอาดและสุขภาพดี เพราะชุดสปาบำรุงผิวที่หลายคนเลือกจะมอบให้แขกมีทั้งเกลือขัดผิว เกลือแช่เท้า สบู่สมุนไพร เทียนหอม ฯลฯ ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่า งบประมาณของแต่ละคู่มีมากน้อยแค่ไหน ถ้าสำรวจว่าพร้อมก็จัดไปได้ทั้งชุดเล็กชุดใหญ่

>> ดูไอเดียงานแต่งและคำแนะนำดีๆ อีกเพียบได้ที่นี่ คลิกเลย! <<

เรื่อง : ดอกปีบ
ภาพ : pinterest

เช็กกันด่วนๆ!! 5 นิสัยเสียส่อแววรักล่มแค่เริ่มต้นใช้ชีวิตคู่

account_circle

เพื่อนคนหนึ่งโทรมาบ่นค่ะว่า เพิ่งจะสานรักสานสัมพันธ์กับสาวนางหนึ่งได้ราวๆ หนึ่งอาทิตย์ แต่กลายเป็นหนึ่งอาทิตย์ที่กลับต้องมานั่งคิดว่า ตัดสินใจถูกหรือผิดในเรื่อง ชีวิตคู่ แล้วทำไมความสัมพันธ์ถึงไม่หวานเหมือนคู่รักข้าวใหม่ปลามันอย่างที่หวังสักนิด เพราะแต่ละเรื่องที่เจอเนี่ย บอกตรงๆ ว่า ฟังแล้วเกรงว่า ชีวิตคู่ จะไม่รอด จะมีนิสัยอะไรบ้าง ไปดูกันค่ะ

1. ขี้ระแวง เช็คมันทุกอย่าง

เรื่องแรกที่เจอและเจอมาตลอดคือความขี้ระแวงสารพัด โดยเฉพาะเรื่องที่กลัวจะกลับไปหาแฟนเก่าทั้งๆ ที่แฟนใหม่ก็รู้ชัดเจนว่าเคลียร์กันลงตัวกับแฟนเก่าและได้ข้อสรุปในการเปลี่ยนความสัมพันธ์มาเป็นเพื่อนเรียบร้อยแล้ว แถมเวลาที่ไลน์ไปไลน์มาก็ไม่มีปกปิด ให้ดูและเช็คได้ตลอดเวลา แต่ความระแวงนั้นไม่เคยแปรเปลี่ยนเป็นความไว้ใจหรือแม้แต่จะมองว่านี่คือกำลังแสดงความบริสุทธิ์ใจอยู่นะ กลับเสียดังโวยวายตลอดๆ เหมือนไม่เคยรับรู้เรื่องใดๆ มาก่อน โอ๊ย…ฟังละเพลียแทน

2. ไม่ควักจ่ายแม้แต่บาทเดียว

จริงอยู่ที่หลายคนอาจมีความคิดว่าผู้ชายควรเป็นฝ่ายดูแลจ่ายเงินให้กับผู้หญิงเวลาไปเดทหรือดินเนอร์ แต่ไม่ใช่ทุกครั้งหรือเปล่า ซึ่งเรื่องนี้สามารถส่อได้ถึงการใช้เงินในอนาคตเมื่อจะร่วมหอกันเลยนะว่า สาวนางนั้นคงไม่คิดจะมีส่วนร่วมเรื่องค่าใช้จ่ายในบ้านเป็นแน่แท้ เพราะขนาดเสื้อผ้าและเครื่องสำอางที่อยากได้ทั้งต่อหน้าก็บอกให้จ่าย พอไปเจอเองก็ไม่ซื้อเองแต่รอให้ไปรูดให้ตลอดๆ บางทีเหมือนจะเกรงใจออกอาการบอกว่าไม่เอาไม่ต้องโอนเงินมา แต่ไม่เกินหนึ่งนาทีเลขที่บัญชีปรากฏบนมือถึงเรียบร้อย คืออะไรง่ะ??

3. บ่ายเบี่ยงทุกเรื่อง ทำตัวมีความลับ

เมื่อไหร่ก็ตามที่ถูกถามถึงครอบครัวหรือเรื่องเพื่อนฝูง ก็ทำการบ่ายเบี่ยงทุกคำถามที่อยากรู้ทั้งๆ ที่ถามเพราะอยากทำความรู้จักกันให้มากขึ้นและไม่ว่าจะเพียรถามอะไรแค่ไหนก็ไม่เคยได้คำตอบ จนเกิดเป็นความสงสัยขึ้นในใจเรื่อยๆจนอดคิดไม่ได้ว่า ทำไมต้องทำตัวมีความลับกันขนาดนี้ คือถ้าก่อนเป็นแฟนจะปิดๆ ไว้คงไม่เท่าไหร่ แต่นี่เป็นแฟนแล้วยิ่งปิดกั้นทุกเรื่องแล้งจะอยู่กันยังละนั่น

4. วางอำนาจเหนือทุกเรื่องในชีวิต

อาการที่ทำตัวข่ม เป็นอะไรที่หนุ่มๆ ไม่เคยชอบเลยนะคะ ถ้าทำเล่นๆ เอาขำๆ ครั้งสองครั้งยังพอทน แต่ถ้าแสดงออกทุกครั้งที่เจอเพื่อนหรือครอบครัว ไม่ว่าจะฝั่งคุณหรือเธอ ถือเป็นการไม่ให้เกียรติอย่างรุนแรง  แต่สาวๆ บางคนก็ไม่สน เพราะรู้สึกว่าเธอรักฉันก็ต้องยอมสิ ซึ่งจริงๆ แล้วหนุ่มๆ อยากบอกว่า ทำแล้วน่าเอ็นดู อันนี้ไม่ว่า แต่มากไปก็ไม่ไหว เพราะทำแล้วเสียความรู้สึกมากกว่า

5. ท้าเลิกทุกครั้งที่ไม่ได้ดั่งใจ

คำฮิตคำฮอตของสาวๆ ที่คิดว่าถือไพ่เหนือกว่า โดยเฉพาะพวกข้าวใหม่ปลามันที่คิดว่าเขาไม่มีทางยอมเลิกกับฉันอย่างแน่นอน ก็เลยงัดเอาคำบอกเลิกมาพูดตลอดเวลาที่เกิดอาการขัดใจ ระวังเถอะว่าท้าทุกวันทุกครั้งที่ไม่ได้อย่างใจ เขาเลิกไปจริงๆ จะกราบกรานให้คืนมารักกันไม่ทัน

ก็นี่แหละค่ะ 5 นิสัยที่ไม่ไหวจะทนกับคนที่เพิ่งรักกันใหม่ๆ บอกเลยตรงนี้ว่าถ้ายังทำตัวอยู่แบบนี้ไม่ปรับปรุง รักนี้ไม่รุ่งแน่ มีแต่จะร่วง

>> อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับความรักและความสัมพันธ์เพิ่มเติม คลิกเลย! <<

เรื่อง :Hoyamemoria
ภาพ :Crosswalk.com

4 ทิปส์สร้างความโรแมนติกของคู่รักให้ยังคงอยู่ระหว่างช่วงเตรียมงานแต่งงาน

account_circle

เตรียมงานแต่งงาน ไม่เห็นต้องเครียด ทำตามนี้รับรองแฮปปี้สุดๆ

สาวๆ หลายคนคงจะเคยฝันถึงวันพิเศษวันนี้ว่า งานแต่งของฉันจะต้องมีดอกไม้ มีเค้ก มีดนตรี มีชุดแต่งงานสวยๆ และทันทีทีชายหนุ่มคนนั้นคุกเข่าขอแต่งงานสิ่งต่างๆ ที่คุณคิดไว้ก็ผุดขึ้นมาและเริ่มที่จะเห็นภาพ และอยากทำให้ออกมาเป็นจริง ซึ่งหลังจากจบโมเม้นต์อันหวานซึ้ง ความจริงก็คอยคุณและคนรักอยู่แล้วกับช่วง เตรียมงานแต่งงาน ที่อัดแน่นไปด้วยหลายภารกิจที่คุณทั้งคู่จะต้องทำให้สำเร็จ จึงไม่แปลกที่คุณและคนรักจะต้องกระทบกระทั่งเหมือนลิ้นกับฟันกันบ้าง ทะเลาะกันนิด งอนกันหน่อย แต่…จะดีกว่าไหมหากไร้ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้ แพรว wedding เลยมีทิปส์ดีๆ ที่จะช่วยให้คุณและคนรักยังคงความโรแมนติกเอาไว้เสมอมาฝาก

 

  • ออกเดทกัน 1 วันต่อสัปดาห์

ในทุกสัปดาห์คุณและคนรักลองหาวันว่างดีๆ สักวันแล้วไปทำกิจกรรมสุดพิเศษร่วมกัน โดยมีข้อแม้ว่าระหว่างวันนั้นคุณและคนรักจะต้องห้ามพูดถึงเรื่องการเตรียมงานแต่งงานที่ยังคั่งค้างเด็ดขาด! ซึ่งกิจกรรมที่คุณและคนรักจะทำร่วมกันในทุกสัปดาห์นั้นไม่จำเป็นต้องเหมือนกันทุกครั้งเสมอไปนะคะ อาจจะสลับหมุนเวียนกันไปเช่น ไปดินเนอร์ ไปนั่งฟังเพลง ไปช้อปปิ้ง ดูหนัง หรือจะ 1 day trip ก็ได้ หรือหากจะให้พิเศษไปกว่านั้นก็อาจจะหาสักวันไปย้อนรอยความรักระหว่างคุณและเขา เช่น สถานที่ที่เจอกันครั้งแรก ที่ที่ตกลงเป็นแฟนกันก็ได้ จะได้เพิ่มระดับความโรแมนติกในหัวใจขึ้นไปอีก

  • แชร์ความคิดและตัดสินใจร่วมกัน

หลายคู่เมื่อถึงเวลาต้องวางแผนจัดงานแต่งงาน ว่าที่เจ้าบ่าวมักจะให้ว่าที่เจ้าสาวเป็นแม่งานไปหมดทุกเรื่อง อาจเพราะด้วยเพศหญิงเป็นเพศที่ละเอียดอ่อนและรอบคอบมากกว่าเพศชาย หรืออีกนัยหนึ่งก็คือตามใจเรานั่นแหละ อิอิ ^^ แต่ยังไงก็อย่าลืมนะว่าวันแต่งงานไม่ใช่วันของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นวันสำคัญของคุณทั้งคู่ เพราะฉะนั้น จะเป็นการดีกว่าหากคุณทั้งสองมีส่วนร่วมทั้งทางแรงกาย แรงความคิด แรงใจ ไอเดีย และคำแนะนำต่างๆ ซึ่งบางครั้งอีกฝ่ายอาจจะมีไอเดียเจ๋งๆ หรือการจัดการกับปัญหาที่ดีกว่าเราก็ได้ เพราะฉะนั้นอย่าลืมให้ความสำคัญกับคนข้างกาย ด้วยการทำให้เขารู้สึกว่าเขาเป็นคนพิเศษที่สามารถเป็นที่ปรึกษา และที่พึ่งพาให้คุณได้ เชื่อเถอะว่าการรับฟังซึ่งกันและกันจะช่วยให้คุณทั้งคู่จัดงานนี้ออกมาได้สมบูรณ์แบบที่สุดแน่นอน

เตรียมงานแต่งงาน

  • ให้ความสำคัญกับวันหรือวาระอื่นๆ ด้วย

เมื่อต้องเริ่มวางแผนงานแต่งงาน นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณต้องหยุด งด หรือละเว้นจากกิจกรรมอื่นๆ นะ เพราะระหว่างทางกว่าจะถึงวันแต่งงานของคุณ ก็จะต้องมีเหตุการณ์ หรือวาระสำคัญต่างๆ เกิดขึ้นมาระหว่างทางแน่นอน ไม่ว่าจะเป็น ปาร์ตี้วันเกิดเพื่อน งานวันเกิดคุณพ่อคุณแม่ หรือเพื่อนสาวคลอดลูกคนแรก เป็นต้น เพราะฉะนั้น จงอย่านำเหตุผลที่ว่า คุณต้องเตรียมงานแต่งงาน มาเป็นข้ออ้างที่อาจจะทำให้คุณพลาดโมเม้นต์ดีๆ ร่วมกับคนอื่นในช่วงชีวิตไปนะ

  • แค่มีความสุขและสนุกไปกับมัน!!

ปฏิเสธไม่ได้ว่าการเตรียมจัดงานแต่งงานเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาที่แสนจะเคร่งเครียดในชีวิต ทั้งๆ ที่คุณควรจะจัดงานนี้ขึ้นอย่างมีความสุขไม่ใช่เหรอ เพราะฉะนั้น หายใจเข้าให้เต็มปอด ทิ้งความทุกข์และกังวลใจไว้เบื้องหลัง แล้วมาสนุกไปกับทุกช่วงเวลานี้ร่วมกันกับคนรักดีกว่าค่ะ เพราะงานนี้เป็นงานแต่ง ไม่โปรเจกต์สอบไฟนอลที่คุณต้องทำคนเดียว เพราะงานนี้ไม่ว่าคุณจะหันซ้าย หันขวา หันหน้า หรือหันหลัง ก็จะมีคนที่พร้อมจะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือและซัพพอร์ตคุณเสมอ โดยเฉพาะกับคุณว่าที่ข้างกายที่เขาจะไม่ทิ้งคุณไปไหนแน่นอน แพรว wedding ว่าเอาเวลาที่เครียดไปเตรียมขัดแหวนแต่งงานให้ใสกิ๊ง ซ้อมเต้นเพลงโปรดในอาฟเตอร์ปาร์ตี้ หรือจะนั่งหาทริปฮันนีมูนสุดฟินเตรียมกันไว้เลยก็ได้

งานแต่งงานไม่ใช่ทุกอย่างในชีวิต แต่หลังจากเสร็จสิ้นจากงานต่างหาก ที่ถือเป็นการเริ่มต้นชีวิตคู่ที่แท้จริงเพราะฉะนั้นจะดีกว่าไหม หากคุณทำทุกช่วงเวลาให้มีความสุข เมื่อเวลาผ่านไปและคุณได้หวนกลับไปนึกถึงช่วงเวลานี้ ก็จะเต็มไปด้วยการพูดคุยที่ยิ้มแย้มมีความสุขว่า “ตอนนั้นมันสนุกจริงๆ นะ” ^^

ภาพ unsplash.com

ติดตามเรื่องราวดีๆ เกี่ยวกับความรัก และการจัดการกับชีวิตคู่ทั้งก่อนแต่งและหลังแต่งเพิ่มเติมได้ที่นี่ >> คลิกเลย! <<

เริ่มสตาร์ท 4 สเต็ปความงามเจ้าสาว ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้ารับวันวิวาห์

account_circle

หากเจ้าสาวมัวแต่เตรียมงานจนลืมดูแลตัวเองคงไม่ดีแน่ เพราะฉะนั้นปลีกเวลามาดูแลตัวเองกันสักหน่อย ด้วยไทม์ไลน์การทำสวย 4 สเต็ปตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เพื่อ ความงามเจ้าสาว ในวันสำคัญที่สมบูรณ์แบบ

1. ดูแลผิวหน้าและผิวกาย

หากก่อนหน้านี้เจ้าสาวไม่ได้ดูแลตัวเองดีเท่าที่ควร ช่วง 1 เดือนก่อนถึงวันแต่งงาน เจ้าสาวจำเป็นที่จะต้องใส่ใจดูแลผิวหน้าและผิวกายเป็นพิเศษ เช่น เน้นการทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาดล้ำลึกเป็นพิเศษเพื่อช่วยลดปัญหาสารเคมีจากเครื่องสำอางตกค้างจนอาจทำให้เกิดปัญหาบนผิวหน้าได้ และบำรุงผิวหน้าและผิวกายด้วยมอยส์เจอไรเซอร์เป็นประจำสม่ำเสมอเพื่อให้ผิวชุ่มชื้นและดูฉ่ำน้ำจะได้เปล่งออร่าได้ทันในวันสำคัญ และถ้าหากเจ้าสาวมีแผนจะไปแว็กซ์หรือไปขัดผิว นี่ก็ถือเป็นช่วงเวลาที่ดีที่จะจัดการปัญหารูขุมขนหรือปัญหาต่างๆ ได้อย่างทันเวลา

ความงามเจ้าสาว

และก่อนที่จะถึงวันแต่งงานประมาณ 1 สัปดาห์ ควรบำรุงผิวอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอเป็นพิเศษสักหน่อย ไม่ว่าจะเข้าคลินิกให้ผู้เชี่ยวชาญดูแลหรือบิวตี้สปาเองที่บ้านก็แล้วแต่สะดวก แต่หากคุณทำด้วยตัวเองต้องแน่ใจก่อนว่าผลิตภัณฑ์ที่ใช้นั้นจะไม่ทำให้ผิวเกิดอาการแพ้ รับรองว่าการดูแลและบำรุงเป็นประจำสม่ำเสมอจะช่วยให้เจ้าสาวมีใบหน้าและเรือนร่างที่เปล่งปลั่งแน่นอน

2. กำจัดขนอวดผิวสวย

ควรกำจัดขนในบริเวณที่ต้องการก่อนถึงวันแต่งงานประมาณ 3 วัน เพราะช่วงเวลานี้จะไม่เสี่ยงกับการเกิดขนคุด และรอยแดงต่างๆ ที่เกิดจากการกำจดขนก็จะหายได้ทันวันแต่งงานพอดี แต่ถ้าหากคุณเป็นมือใหม่เพิ่งเริ่มหัดกำจัดขน แนะนำให้ไปทดลองทำดูก่อนประมาณ 2 เดือนก่อนถึงวันแต่งงานเพื่อที่จะได้ทดสอบดูว่าผิวของคุณจะเกิดการแพ้หรือไม่

ความงามเจ้าสาว

3. ดูแลผมให้เปล่งประกาย

ดูแลสุขภาพผมให้เงางามไม่แห้งเสียชี้ฟูด้วยการเข้าร้านทำผมประมาณ 2-3 สัปดาห์ล่วงหน้าก่อนถึงวันแต่งงาน เพื่อเล็มเอาปลายผมที่แห้งแตกปลายออก อาจเพิ่มการบำรุงด้วยการทำทรีทเม้นต์เพิ่มเติมเพื่อให้ผมนุ่มสลวยเงางาม และหากเจ้าสาวต้องการจะทำสีผมหรือไฮไลต์เพื่อเพิ่มมิติให้กับผมที่ทำสี แนะนำให้ทำก่อนถึงวันแต่งงานประมาณ 7-10 วันและหลังจากทำเสร็จแล้วห้ามสระผม 2 วันเพื่อให้สีผมได้เซตตัวไม่หลุดไปกับแชมพูเสียก่อนและยังคงสีเดิมสว่างสดใสในวันสำคัญ

ความงามเจ้าสาว

4. ตกแต่งเล็บให้สวยงาม

ตกแต่งเล็บให้สวยงามล่วงหน้าก่อนถึงวันงาน 1-2 วัน จะเพ้นต์ จะทา หรือจะต่อก็ทำได้ในช่วงเวลานี้ แต่เมื่อทำเสร็จแล้วก็ต้องระมัดระวังในการหยิบจับหรือแกะอะไรด้วยนะคะ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปแก้ไขให้เปลืองสตางค์ หรือจะเพิ่มงบอีกนิดทำสปามือและเท้าให้อ่อนนุ่มสักหน่อยก็ดีเหมือนกันนะคะ เพราะยิ่งเป็นวันสวมแหวน มือของคุณก็เปรียบเสมือนนางเอกของงาน เพราะจะต้องรองรับแหวนเพชรวิบวับที่เจ้าบ่าวบรรจงสวมให้ ส่วนเท้านั้นถึงแม้จะเห็นเพียงนิดหน่อย แต่ถ้าหากผิวบริเวณเท้าที่โผล่พ้นออกมานอกรองเท้าดูหยาบกร้านก็อาจทำให้ลุคทั้งหมดของเจ้าสาวดูเสียหายไปด้วยก็ได้ แถมช่วงเวลานี้ก็เป็นช่วงเวลาที่คุณจะได้ผ่อนคลายอย่างเต็มที่ แนะนำให้ชวนคุณแม่หรือแก๊งเพื่อนสาวไปทำด้วยกันรับรองว่าทริปทำสวยนี้จะสนุกขึ้นเป็นกอง

ความงามเจ้าสาว

และสุดท้ายสิ่งสำคัญที่สุดก็คือสุขภาพของเจ้าสาว นั่นคือการพักผ่อนที่เพียงพอ ดื่มน้ำในปริมาณที่ร่างกายต้องการ และทานอาหารที่ดี เพราะความสวยภายนอกนั้นก็ขึ้นอยู่กับการบำรุงจากภายในด้วย

>> ดูเรื่องราวเกี่ยวกับความงามและสุขภาพเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย! <<

ภาพ : www.harpersbazaar.com, www.dealsandyou.com, silknstone.com, www.brides.com,
singaporebrides.com

keyboard_arrow_up