ซุป’ตาร์ฮอลลีวู้ดงานเข้า! เพราะดั๊นไปสาบานว่าจะย้ายออกจากอเมริกา ถ้าทรัมป์เป็นประธานาธิบดี

ทำตัวไม่ถูกกันเลยทีเดียว สำหรับเหล่าซุป’ตาร์ฝั่งฮอลลีวู้ดที่เคยลั่นวาจาว่า “จะออกจากอเมริกา หากทรัมป์ได้เป็นประธานาธิบดี” ตอนที่พูดพวกเขาคงมั่นใจว่ายังไงซะฮิลลารีต้องชนะการเลือกตั้งแน่ๆ ก็ผลโพลทุกสำนักชี้ไปแบบนั้น แต่ละคนเลยออกตัวแรงกันน่ะสิ

แต่ผลกลับพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ เมื่อทรัมป์ชนะฮิลลารีซะงั้น! จนตอนนี้เหล่าซุป’ตาร์ของเราแต่ละคนถึงกับงานเข้า เพราะชาวเน็ตที่จับตาดูพวกเขาอยู่ดั๊นออกมาทวงสัญญาว่า “เฮ้! ที่ยูบอกจะออกไปจากอเมริกาอะ สรุปยังไง? จะไปจริงไหม? จะไปเมื่อไหร่?” เพราะในตอนนี้แต่ละคนหลังจากทราบผลการเลือกตั้งก็ได้แต่เก็บตัวเงียบ ไม่รู้ว่าช็อกที่ทรัมป์ได้ หรือกำลังเตรียมเก็บกระเป๋าออกนอกประเทศก็ไม่รู้นะ ว่าแต่จะมีใครบ้างนั้น ตามไปดูกันเลยจ้า

คนแรกที่ออกตัวแรงตั้งแต่ต้นว่ายังไงก็ไม่เอาทรัมป์ก็คือ Miley Cyrus เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ไมลีย์โพสต์รูปทรัมป์ลงอินสตาแกรม พร้อมเขียนข้อความประกาศกร้าวว่า “ถ้าคนคนนี้เป็นประธานาธิบดี ฉันจะย้ายประเทศ ฉันเป็นคนพูดจริงทำจริงนะจะบอกให้!” ว่าแต่คนจริงอย่างไมลีย์จะย้ายประเทศจริงอะ?

miley cyrus
Miley Cyrus

บางคนก็ถึงขนาดเรียนภาษาอื่นเพื่อเตรียมตัวย้ายประเทศกันเลยทีเดียว ถึงแม้ Amy Schumer จะเป็นดาราตลก แต่เธอก็พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังแบบไม่ตลกว่า ถ้าฮิลลารีแพ้ เธอจะไปอยู่ที่สเปน และเธอต้องเตรียมเรียนภาษาสเปนเพื่อย้ายไปอยู่ที่นั่นด้วย เช่นเดียวกับ Chelsea Handler พิธีกรสาวที่เธอมองประเทศสเปนไว้เหมือนกัน เพราะเธอปลูกบ้านอยู่ในสเปน และพร้อมย้ายเข้าทันทีที่การเลือกตั้งเสร็จสิ้น ที่จริงตอนนี้ทุกอย่างก็ลงตัวละนะ เหลืออยู่อย่างเดียวคือคงต้องรอดูว่าเธอจะย้ายจริงไหม

lena dunham
Lena Dunham

ส่วนประเทศที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ที่ผู้คนคิดจะอพยพไปหลังจากทรัมป์ได้เป็นประธานาธิบดีนั่นก็คือประเทศเพื่อนบ้านอย่างแคนาดา โดยมีคนดังฮอลลีวู้ดไม่น้อยที่คิดจะย้ายไปที่นั่น ทั้ง Lena Dunham และ Keegan-Michael Key รวมถึง Raven-Symoné ที่เคยพูดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ว่าเธอจะย้ายไปอยู่ที่แคนาดา ถ้าหากทรัมป์ชนะ ซึ่งนักร้องขาแร็พอย่าง Ne-Yo ก็คิดเหมือนกับคนอื่นๆว่าจะมุ่งหน้าไปแคนาดาทันทีเลย และตอนนี้ไม่ใช่แค่เหล่าคนดังเท่านั้นที่มีเป้าหมายจะย้ายไปแคนาดา เว็บไซต์หางานเผยว่าชาวอเมริกันใช้เว็บไซต์ค้นหางานในแคนาดาเพิ่มจากปีก่อนถึงร้อยละ 58 และคำว่า “move to Canada” กลายเป็นคำที่ถูกค้นหาเพิ่มขึ้นร้อยละ 1,000 หลังทรัมป์ชนะอีกด้วย

ne yo
Ne -Yo

ย้ายไปต่างประเทศว่าหนักข้อสุดแล้ว แต่ก็มีบางคนที่ออกมาพูดว่าจะขอย้ายไปอยู่นอกโลก! คนแรกที่ขอออกไปอยู่นอกโลกคือ Jon Stewart อดีตพิธีกรดัง ที่เขาพูดเช่นนี้ไม่ใช่เพราะประชดเท่านั้น แต่มันแสดงถึงจุดยืนที่ชัดเจนว่าเขาไม่สามารถจะอยู่ร่วมโลกกับผู้นำอย่างทรัมป์ได้ ยังไม่หมดเพียงแค่นี้ แม้แต่นักร้องตัวแม่อย่าง Cher ก็โพสต์ข้อความลงในทวิตเตอร์ว่า เธอจะหนีไปอยู่ดาวพฤหัสบดี หากทรัมป์เป็นประธานาธิบดีเลยทีเดียว ว่าแต่เอ๊ะ! หรือเธอจะเป็นมนุษย์คนแรกบนดาวพฤหัสบดี?

cher
Cher

ดูเหมือนว่าเหล่าคนดังจะอยากหนีทรัมป์ซะเหลือเกิน โดยเฉพาะนักแสดงอาวุโสอย่าง Samuel L. Jackson ที่มีเป้าหมายจะย้ายไปอยู่ในประเทศแถบแอฟริกา ก็ไม่รู้สินะว่าจงเกลียดจงชังทรัมป์อะไรหนักหนา ถึงต้องหนีไปไกลขนาดนั้น ยิ่งบางคนถึงขนาดประกาศผ่านรายการดังอย่าง 60 Minutes Australia ว่าเขาจะย้ายบ้านไปอยู่ที่ออสเตรเลีย คนคนนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน Barbra Streisand นักร้องรุ่นใหญ่ในตำนานผู้นี้เองจ้า

samuel l jackson
Samuel L. Jackson

คนสุดท้ายก็คือ Bryan Cranston เขาเคยบอกไว้ว่าหากทรัมป์ชนะ จะย้ายไปอยู่แวนคูเวอร์ พร้อมกับพูดย้ำว่าเขาจะย้ายจริงๆนะ ไม่ได้พูดเล่น! เชื่อแล้วจ้าว่าไม่ได้พูดเล่น ว่าแต่จะย้ายไปเมื่อไหร่ล่ะ?

ถึงแม้บางคนจะไม่ได้ตั้งใจพูด แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้จะกลับคำก็ไม่ทันแล้วแหละ เพราะฝ่ายที่เชียร์ทรัมป์ก็ออกมาประกาศชัยชนะ พร้อมล้อเลียนคำพูดของเหล่าคนดังกันยกใหญ่ บอกตามตรงว่างานนี้มีหนาว! มารอดูกันดีกว่าว่าจะมีใครย้ายออกจากอเมริกาจริงอย่างที่พูดไหม? หรือถ้าพวกเขาไม่ย้าย จะแก้ตัวยังไงนะ

เรื่อง : saipiroon_แพรวดอทคอม

ที่มา : www.hollywoodlife.com

ภาพ : IG@Barbra Streisand, Cher, Samuel L. Jackson, lenadunham, NeYo, mileycyrus

 

 

 

 

หล่อทะลุสภา! ‘Justin Trudeau’ นายกฯ แคนาดาหนุ่ม-แน่น แฟนคลับเพียบ

ในวงการการเมืองนาทีนี้ ไม่มีใครถูกกล่าวถึงไปมากกว่า Justin Trudeau อีกแล้ว เพราะนอกจากจะก้าวขึ้นมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแคนาดา เขาก็ยังมีหลายสิ่งที่น่าค้นหาอยู่อีกเพียบ

ด้วยวัยยังหนุ่มยังแน่น ผ่านฝนผ่านหนาวมาเพียง 43 ปี ยังมีดีกรีความหล่อระดับพระเอก พ่วงด้วยหุ่นล่ำบึ้ก เล่นเอาสาวๆ ทั้งในและต่างประเทศ เคลิ้มไปตามๆ กัน แถมยังแหวกแนวนักการเมืองทั่วไป ด้วยการโชว์รอยสักอย่างเปิดเผย ตอกย้ำภาพลักษณ์ผู้นำยุคใหม่ ที่จะเข้ามาบริหารบ้านเมืองด้วยนโยบายโดนใจวัยรุ่น แต่ตำแหน่งนี้ไม่ได้มาเพราะหน้าตาดีหรือโชคช่วย หากทำความรู้จักสักนิด จะรู้ว่าท่านนายกฯ รูปหล่อคนนี้ ทั้งเก่ง เป็นผู้นำสูง และมีความรับผิดชอบต่อสังคมด้วย

prime-minister-of-canada-4

Justin Trudeau เป็นใคร มากจากไหน?

ชื่อ Justin Trudeau อ่านได้สองแบบ ระหว่าง “ฌูสแตง ตรูโด” ตามภาษาฝรั่งเศส หรือ “จัสติน ทรูโด” ในแบบฉบับภาษาอังกฤษ เนื่องด้วยแคนาดา เป็นประเทศที่ใช้สองภาษานี้เป็นภาษาราชการ โดยตัวท่านนายกฯเอง ก็มาจากครอบครัวสองภาษา และระหว่างการหาเสียง หรือกล่าวปราศรัยหลังได้รับชัยชนะ นายกฯ ก็มักใช้ทั้งอังกฤษและฝรั่งเศสสลับกันไปเป็นช่วงๆ

Justin Trudeau เกิดในวันคริสต์มาส 25 ธันวาคม ค.ศ. 1971 ปัจจุบันอายุ 43 ปี เป็นบุตรชายของอดีตนายกรัฐมนตรีแคนาดา Pierre Trudeau เรียกได้ว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น แม้บิดาจะมีประสบการณ์การเมืองอย่างโชกโชนมาก่อน แต่ Justin Trudeau กลับไม่ได้เจนประสบการณ์ด้านการเมืองแต่อย่างใด ซึ่งจุดอ่อนจุดนี้ทำให้เขาถูกคู่แข่งฝ่ายตรงข้าม Stephen Harper (นายกฯคนปัจจุบันขณะหาเสียงเลือกตั้ง) นำมาเป็นประเด็นโจมตีว่า มีดีแค่หน้าตา แต่ยังไม่มีความพร้อมมากพอ ที่จะก้าวขึ้นมากุมบังเหียนขับเคลื่อนประเทศชาติบ้านเมืองอย่างจริงจัง

แต่ผลจากความพยายามในการลงพื้นที่หาเสียงทั่วประเทศอย่างเข้มข้น ตลอดระยะเวลา 78 วัน พร้อมชูนโยบายใหม่ๆ ทำให้บรรยากาศการเมืองเริ่มเปลี่ยนไป ประชาชนเริ่มอิ่มตัวจากการบริหารงานของนายกรัฐมนตรีคนเดิม ที่ครองตำแหน่งนานถึง 9 ปี และอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงประเทศในทิศทางใหม่ๆ การเลือกตั้งครั้งที่ 42 ของแคนาดาในครั้งนี้ Justin Trudeau จึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจที่สุด และพาให้พรรคเสรีนิยม ชนะการเลือกตั้งทั่วไปเหนือพรรคอนุรักษ์นิยม จากที่เคยเป็นพรรคอันดับสาม พลิกกลับขึ้นมาเป็นพรรคอันดับหนึ่ง ได้รับเสียงข้างมาก 184 ที่นั่ง จากทั้งหมด 388 ที่นั่ง และได้เป็นฝ่ายจัดตั้งรัฐบาล โดยมี Justin Trudeau เป็นผู้นำพรรค

prime-minister-of-canada-1

อายุน้อย มีรอยสัก นโยบายโดนใจวัยรุ่น พลังโซเชี่ยลช่วยนำชัย

ด้วยวัยเพียง 43 ปี ของ Justin Trudeau ทำให้ผู้นำคนนี้เข้าถึงประชาชนคนรุ่นใหม่ได้มากกว่า จากข่าวระบุว่า จำนวนผู้เลือกตั้งล่วงหน้าในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกของหน้าประวัติศาสตร์ ที่เยาวชนทั่วประเทศกระตือรือร้นออกมาใช้สิทธิ์ใช้เสียงมากที่สุดเลยทีเดียว

อีกหนึ่งประการที่ถูกจับตาคือ Justin Trudeau ถือเป็นนักการเมืองคนแรกๆ ที่ไม่ปิดบังรอยสักของตนเอง แต่การนี้ก็ถูกมองต่างออกไปสองแง่มุม มุมหนึ่งคือความเปิดเผย เป็นการชูภาพลักษณ์ผู้นำรุ่นใหม่ ที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงบ้านเมือง อีกแง่หนึ่งคือมุมมองของคนรุ่นเก่า ที่สะท้อนคำปรามาสของพรรคคู่แข่ง ว่าเขายังไม่ฉายแววผู้นำจริงๆ

ในแง่ของนโยบายที่ใช้ในการหาเสียง เรียกได้ว่าโดนใจคนรุ่นใหม่ใน หลายๆ ประเด็น ยกตัวอย่างเช่น การผลักดันให้กัญชาถูกกฎหมาย การเก็บภาษีผู้มีรายได้สูง และลดภาษีผู้มีรายได้ปานกลาง การแสดงออกถึงมนุษยธรรม ด้วยการสนับสนุนการรับผู้ลี้ภัยจากซีเรียเพิ่ม และให้งบประมาณในการเลี้ยงดูปูเสื่อ ต่างจากคู่แข่งที่หนุนด้านอาวุธและกองกำลังทหารในการปราบปรามกลุ่มติดอาวุธไอเอส ตลอดจนนโยบายกระตุ้นภาคเศรษฐกิจ ที่เสนอทำงบประมาณขาดดุล และส่งเสริมงบประมาณรายจ่าย ที่ได้รับเสียงตอบรับที่ดีจาก ประชาชน นอกจากนี้ คำขวัญในการหาเสียง “Real Change” ของพรรค ยังเสริมภาพลักษณ์ของ Justin Trudeau ได้เป็นอย่างดี ในฐานะคนรุ่นใหม่ที่ตั้งใจเข้ามาเปลี่ยนแปลงประเทศ แถมยังถูกนำไปเทียบกับคำขวัญ “Change” ของ Barack Obama ที่ใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯด้วยเช่นกัน

สำหรับการใช้สื่อสังคมออนไลน์ในช่วงเลือกตั้ง มีรายงานจาก Twitter ว่า มีผู้ทวีตข้อความที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีแคนาดา มากกว่า 770,000 ทวีต และแฮชแท็ก #elxn42 ที่สื่อถึงการเลือกตั้งครั้งที่ 42 ของประเทศ มากกว่า 470,000 ครั้ง นอกจากนี้ ยังมีการโพสต์ภาพเซลฟี่ระหว่างการไปใช้สิทธิ์ ภาพถ่ายนอกบริเวณหน่วยเลือกตั้ง ฯลฯ อีกมาก จนกลายเป็นเทรนด์การเลือกตั้งของ คนรุ่นใหม่ ขณะที่ Justin Trudeau เอง ก็มีแอคเคาท์ Twitter ด้วยเช่นกัน โดยใช้ชื่อ @JustinTrudeau และมีผู้ติดตามมากกว่า 893,000 ราย (ตัวเลข ณ วันที่ 24 ต.ค. 58)

prime-minister-of-canada-2

หน้าตาดีขนาดนี้ ท่านายกรัฐมนตรี ก็เคยมีผลงานในวงการบันเทิงนะจ๊

ก่อนจะเบนเขมเข้ามาเล่นการเมือง Justin Trudeau เคยเป็นครูสอนภาษาฝรั่งเศส คณิตศาสตร์ และเป็นครูสอนการแสดงมาก่อน ทั้งยังเคยมีผลงานการแสดงในจอโทรทัศน์ กับละครเรื่อง The Great War ซึ่งออกอากาศช่อง CBC ของแคนาดา

แต่หลังการเสียชีวิตของน้องชาย Michel Trudeau ในเหตุหิมะถล่ม นายกฯหนุ่มจึงก้าวมาทำหน้าที่เป็นโฆษกกลุ่มรณรงค์ และประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ แนะนำด้านความปลอดภัยเกี่ยวกับหิมะถล่ม ซึ่งนับตั้งแต่ปี 2005 เป็นต้นมา Justin Trudeau ก็ได้รับเชิญให้เป็นวิทยากรพิเศษ ตามสถาบันการศึกษา งานสัมมนา งานอีเวนต์ ในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมหลายต่อหลายครั้ง ทั้งยังมีส่วนร่วมกับองค์กรการกุศลในการระดมทุนสนับสนุนโครงการ Katimavik ที่มุ่งช่วยเหลือชุมชน และให้ความรู้แก่เยาวชนด้วย ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้ ล้วนแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำของ Justin Trudeau และความรับผิดชอบที่มีต่อสังคม ก่อนฉายแววในแวดวงการเมืองอย่างจริงจัง หลังบิดาผู้เป็นอดีตนายกฯแคนาดาถึงแก่กรรม โดยมีความเชื่อมั่นว่า ประเทศชาติจะสามารถพัฒนาและดีขึ้นจากเดิมได้อีก

หลังชนะการเลือกตั้ง ก็มีกระแสนายกฯฟีเวอร์ในชั่วข้ามคืน สาวๆ ชาวแคนาดา จำนวนไม่น้อย ต่างพากันตั้งสเตตัสบนสังคมออนไลน์ ด้วยข้อความปลาบปลื้มยินดีกับนายก รัฐมนตรีรูปหล่อ มีทั้งขอเป็นแฟน บอกรักท่านนายกฯ พร่ำพรรณาว่าตรงสเป็ก เด็กๆ ตกแต่งภาพเพื่อตั้ง Screensaver บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ ทำเสื้อแฟนคลับ และการจิ้นอื่นๆ อีกสารพัด จนตอนนี้ ท่านนายกฯ Justin Trudeau กลายเป็นแฟนในจินตนาการของสาวๆ เกือบทั้งประเทศไปแล้ว

นายกฯหนุ่มท่านนี้ สถานะไม่โสดแล้ว แถมชีวิตคู่หวานแหว๋วดั่งนิยาย

Justin Trudeau สมรสกับ Sophie Grégoire ผู้ประกาศข่าวโทรทัศน์ (ข่าวบันเทิง) มาเป็นเวลา 10 ปีแล้ว ทั้งคู่รู้จักกันตั้งแต่เด็กๆ ฝ่ายหญิงอายุน้อยกว่า 3 ปี (ปัจจุบันอายุ 40 ปี) เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนของน้องชายท่านนายกฯ ทั้งสองคนเติบโตที่มอนทรีอัลเหมือนกัน

หลังจากแยกห่างกันด้วยเส้นทาง การศึกษา และจังหวะชีวิต Sophie Grégoire พบเห็น Justin Trudeau อีกครั้งบนหน้าหนังสือพิมพ์ ก่อนที่ฝ่ายชายจะลงเล่นการเมือง โดยเธอได้พูดกับแม่ของเธอไว้ว่า “หนูรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้เป็นเนื้อคู่ของหนู” แต่มารดากลับหัวเราะและเย้าแหย่ว่า “ไม่ใช่เธอคนเดียวหรอกสาวน้อย แต่รวมถึงสาวๆ คนอื่นอีกเยอะแยะเลยแหละ”

ในที่สุดแรงดึงดูดก็เหวี่ยงทั้งคู่มาเจอกันอีกครั้งที่งานการกุศลเมื่อปี 2003 โดยวันถัดมา Sophie Grégoire ได้ตัดสินใจส่งอีเมลหา Justin Trudeau แต่ฝ่ายชายกลับเงียบฉี่ไม่ตอบเสียนี่ กระทั่ง 3 เดือนถัดมา เขาและเธอพบกันอีกครั้งระหว่างเดินริมถนน เขาจึงขอเบอร์โทรศัพท์เพื่อสานสัมพันธ์ แต่ถึงคราวสาวเจ้าเล่นตัวบ้าง บอกว่าถ้าอยากได้ต้องพยายามเอาเองนะ สุดท้าย Justin Trudeau จึงเข้าทางผู้ใหญ่ และได้หมายเลขโทรศัพท์จากมารดาของฝ่ายหญิง

prime-minister-of-canada-3

ในเดทแรก Justin Trudeau โชว์ความหวานและความจริงใจทันทีด้วยการบอกว่า “ผมรอคุณมาตลอด 31 ปี คุณจะเป็นภรรยาของผม และเราจะสร้างครอบครัวด้วยกัน” ทั้งคู่เป็นเหมือนโลกของกันและกัน ก่อนจูงมือกันเข้าประตูวิวาห์เมื่อปี 2005 และมีโซ่ทองคล้องใจถึง 3 คน คือ Hadrien อายุ 1 ขวบ Ella-Grace อายุ 6 ขวบ และ Xavier อายุ 8 ขวบ

ตอนนี้สื่อหลายสำนักต่างยกให้ Justin Trudeau เป็นนักการเมืองหนุ่มที่เซ็กซี่ที่สุด ขณะเดียวกันก็ยกให้ Sophie Grégoire เป็นสตรีหมายเลข 1 ที่ฮ็อตที่สุดเช่นกัน แถมยังมีครอบครัวอันแสนอบอุ่นเป็น ที่น่าประทับใจ โดยในวันนับคะแนนเลือกตั้ง สมาชิกครอบครัวทั้งหมด ก็อยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา และร่วมลุ้นให้หัวหน้าครอบครัว ขึ้นเป็นผู้นำประเทศ ท่ามกลางรอยยิ้มและสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความรัก

อย่างไรก็ดี เมื่อรู้จัก Justin Trudeau อาจกล่าวได้ว่า ตำแหน่งนี้ไม่ได้มาเพราะหน้าตา ดีหรือโชคช่วย แต่ความเป็นผู้นำ ความเก่ง และความรับผิดอบต่อสังคมของเขา ฉายออกมาให้เห็นอย่างเด่นชัด นับจากนี้ต่อไป Justin Trudeau จะต้องถูกจับตา ในฐานะผู้นำประเทศที่เป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่ ที่เข้ามาปรับเปลี่ยน ขับเคลื่อน นำพาแคนาดาให้บรรลุสู่จุดหมายที่วาดหวังไว้ ซึ่งการทำงานในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแห่งแคนาดา จะสะท้อนว่าเขาทำหน้าที่ได้ดีสมกับที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนมากน้อยเพียงใด โดยเวลาจะเป็นตัวช่วยในการตัดสินและให้คำตอบได้ดีที่สุด

 

เรื่อง : Ladyfern

ภาพ : IG@justinpjtrudeau


Source: www.ndtv.com, http://time.com, www.ft.com, www.theguardian.com

ดูแล้วอบอุ่นจนน้ำตาคลอ…”ในหลวงรัชกาลที่ 9″ ทรงแซกโซโฟนรับเสด็จ “สมเด็จย่า”

คลิปสุดอบอุ่นของในหลวงรัชกาลที่ 9 พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นต้นแบบของความกตัญญู กับ “สมเด็จย่า” ที่ดูแล้วอบอุ่นจนน้ำตาไหลออกมาด้วยความ “คิดถึงพ่อ”

 

ภาพที่พสกนิกรไทยคุ้นเคยกันดีคือ ภาพที่ “สมเด็จย่า” ทรงดึง “ในหลวงรัชกาลที่ 9” เข้ามากอดและหอมแก้มอยู่เสมอ ซึ่งปรากฏขึ้นอีกครั้งในคลิปวิดีโอหาชมยากนี้ เมื่อครั้งในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงดนตรีร่วมกับหมู่คณะขณะทรงพระดำเนินไปด้วย เพื่อรับเสด็จ “สมเด็จย่า” โดยในคลิปนี้นอกจากเราจะได้เห็นพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นต้นแบบของความกตัญญูแล้ว เรายังได้เห็นพระปรีชาสามารถในฐานะ “อัครศิลปิน” อีกด้วย

อย่างที่เราทราบกันดีว่าพระองค์ท่านไม่เพียงแค่ทรงดนตรีได้ดีในประเภทเครื่องลมอย่างแซกโซโฟน คลาริเนต หรือ ทรัมเป็ต แต่ยังทรงสนพระราชหฤทัยในการศึกษาเครื่องดนตรีชนิดอื่นๆ ได้แก่ แตร เปียโน กีตาร์ และขลุ่ย แต่เครื่องดนตรีที่พระองค์ท่านโปรดปรานมากที่สุดคือ โซปราโนแซกโซโฟน และพระองค์ท่านยังโปรดดนตรีประเภท Dixieland Jazz เป็นอย่างมาก ในคลิปจะเห็นว่าพระองค์ท่านทรงเป็นพระมหากษัตริย์นักดนตรีอย่างแท้จริง และทรงแซกโซโฟนได้หลายขนาด

เครื่องดนตรีตระกูลแซกโซโฟนเป็นตระกูลใหญ่ มีหลายขนาด แบ่งเป็น 7 ชนิด ได้แก่

โซปราโน แซกโซโฟน (Soprano Saxophone), อัลโต แซกโซโฟน (Alto Saxophone), เทเนอร์ แซกโซโฟน (Tenor Saxophone), บาริโทน แซกโซโฟน (Baritone Saxophone), เบส แซกโซโฟน (Bass Saxophone), คอนทราเบส แซกโซโฟน (Contrabass Saxophone) และซับคอนทราเบส แซกโซโฟน (Subcontrabass Saxophone)

แต่นิยมใช้เล่นในปัจจุบันมี 4 ชนิด คือ 

sax_family
ภาพ :danabreu.com

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชร่วมบรรเลงเพลงกับสมาชิกในวงส่วนพระองค์

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชยังทรงมีวงดนตรีส่วนพระองค์ ที่ทรงร่วมบรรเลงกับสมาชิกของวงในชื่อ “วงดนตรี อ.ส. วันศุกร์ “ ออกกระจายเสียงทางสถานีวิทยุ อ.ส. (อัมพรสถาน) เป็นประจำทุกวันศุกร์ ส่วน “วงลายคราม” นั้นเป็นวงที่พระองค์ท่านทรงพระราชทานชื่อวง และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้มีการรวมนักดนตรีสมัครเล่นมาร่วมกันตั้งเป็นวงขึ้น เพื่อเป็นสื่อกลางที่ให้ความบันเทิงและสารประโยชน์ในด้านต่างๆ ออกอากาศทางสถานีวิทยุ อ.ส.

นอกจากทรงเป็นพระมหากษัตริย์นักดนตรี พระองค์ท่านยังทรงเป็น “ครูสอนดนตรี” อีกด้วย วงดนตรีที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงพระราชทานเวลาฝึกสอนคือ “วงสหายพัฒนา” ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ได้ทรงตั้งแตรวงนี้ขึ้น โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้รวบรวมผู้ปฏิบัติราชการใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาท และโดยเสด็จฯในการพัฒนาภูมิภาคต่างๆเป็นประจำ เช่น นักเกษตรหลวง คณะแพทย์อาสาสมัคร ข้าราชการในพระองค์ ราชองครักษ์ ตลอดจนเจ้าหน้าที่หน่วยรักษาความปลอดภัย ผู้ซึ่งไม่เป็นดนตรีเลยแม้แต่น้อย โดยมีสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นองค์หัวหน้าวง


เรื่อง : Red Apple_แพรวดอทคอม
ขอบคุณข้อมูลจาก : หอสมุดดนตรีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ ,
เว็บไซต์ กองทัพ เรือ – Royal Thai Navy ,
เว็บไซต์เฉลิมพระเกียรติ GLORY THE KING ,
www.chumchonmusic.com , royalmusic

เปิดPrivate Jet เศษเงินของท่านปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ หรูหรากว่า Air Force 1ซะอีก!

พลิคล็อค ช็อคโลกสุดๆ สำหรับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ใครๆ ต่างก็ฟันธงกันไปก่อนหน้านี้ว่ายังไงมหาเศรษฐีวัย 70 ปี ที่มีข่าวฉาวมากมายอย่าง โดนัลด์ ทรัมป์ ไม่มีทางจะขึ้นไปถึงตำแหน่งสูงสุดในฐานะประมุขของประเทศมหาอำนาจอย่างอเมริกาได้

แต่โชคชะตาและชาวมะกันเขาก็ลิขิตกันแล้วว่าขอการเปลี่ยนแปลงแบบจริงจัง จากเจ้าพ่ออสังหริมทรัพย์จึงกลายมาเป็นท่านประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเดิมทีเขาเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในสหรัฐฯ อันดับที่ 156 และร่ำรวยที่สุดในโลก อันดับที่ 324 จากการจัดอันดับมหาเศรษฐีของนิตยสารฟอร์บส์ประจำปี 2559 อีกด้วย

มีเงินเยอะเหลือเฟือซะขนาดนี้ ความเป็นอยู่ของคุณปู่ทรัมป์หรือจะธรรมดา เอาแค่เวลาเดินทางไปหาเสียงตามรัฐต่างๆ ก็แสนจะไฮโซสมฐานะมหาเศรษฐี มีไพรเวทเจ็ทเป็นพาหนะคู่ใจอย่าง Donald Trump’s Boeing 757 เรื่องมูลค่าคงไม่ต้องพูดอวดมากว่าราคาเท่าไหร่เอาเป็นว่าความทันสมัย หรูหราไฮโซ นั้นมีมากกว่า Air Force One ซึ่งเป็นเครื่องบินประจำตำแหน่งของประธานาธิบดีสหรัฐฯซะอีก

private-jet-donald-trump-9

ความหรูหราอลังการของเจ้านกยักษ์ทรัมป์ ยังถูกจัดอันดับให้เป็นเครื่องบินที่แพงที่สุดในอันดับ 8 โลก ราคาก็อยู่ที่ราวๆ 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในห้องนักบินก็เต็มไปด้วยเทคโนโลยีที่ใช้สำหรับการบินที่ล้ำสมัยสุดๆ มีระบบการแสดงผลดิจิตอลผ่านจอแก้ว

private-jet-donald-trump-8

ระบบการบินยังไฮเทคขนาดนี้ การขับเคลื่อนความแรงของเจ้าDonald Trump’s Boeing ยังถือว่าเป็นเครื่องบินที่เร็วที่สุดในโลก ซึ่งสามารถทำความเร็วได้มากกว่า 500 ไมล์ต่อชั่วโมง ภายในห้องโดยสารมี 43 ที่นั่ง มีพื้นที่สำหรับใช้สอยเหลือเฟือมากๆ

private-jet-donald-trump-7

ภายในห้องโดยสารของเจ้าDonald Trump’s private jet เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ตกแต่งอย่างหรูหราด้วยทองคำ 24 กะรัตที่เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นรวมถึงอุปกรณ์ภายในห้องน้ำด้วย

private-jet-donald-trump-6

นอกจากนี้พื้นที่ใช้สอยก็ยังจัดสรรไว้อย่างลงตัวมาก เดินทางแต่ละครั้งใช้เวลานานแค่ไหนก็ไม่มีเบื่อหรือเพลีย เพราะมีทั้งห้องนอนส่วนตัว ห้องกินข้าวที่มีพื้นที่นั่งสังสรรค์ได้อีก และห้องพักสำหรับแขก พร้อมกับติดตั้งระบบอุปกรณ์เพื่อความบันเทิงที่ไฮเทคที่สุดไว้อย่างครบครัน

design your own wedding dress

private-jet-donald-trump-4

บอกแล้วว่ามันหรูหราอลังการมาก จึงไม่แปลกที่ค่าใช้จ่ายในการบินแต่ละครั้งของท่านทรัมป์ก็ทะยานขึ้นสูงลิ่วไม่แพ้กัน การเดินทางด้วยเจ้าเครื่องบินโบอิ้งลำนี้ เอาแค่คิดเป็นชั่วโมงรวมราคาค่าเชื้อเพลิงที่ต้องเสียไปก็สูงถึง 10,800 เหรียญสหรัฐฯ แล้ว

แต่ถึงเจ้าไพรเวทเจ็ทสุดหรูจะเต็มไปด้วยความสะดวกสบายมากแค่ไหน ก็อย่าลืมนะว่าตอนนี้ โดนัลด์ ทรัมป์ เขาไม่ใช่แค่นักธุรกิจมหาเศรษฐีอีกต่อไปแล้ว ตำแหน่งประธานาธิบดีคนล่าสุดของสหรัฐอเมริกา ยังไงก็มีเจ้าAir Force One คอยต้อนรับพาเขาไปไหนได้ทุกที ซึ่งก็ไม่รู้ว่าท่านจะยอมใช้ของรัฐบาลหรือไม่ เพราะขนาดเมื่อปี 2015 ยังประกาศชัดว่าถ้าได้เป็นประธานาธิบดีของสหรัฐฯ เขาจะไม่รับเงินเดือน! นี่อาจจะไม่ใช่นโยบายที่ใช้หาเสียง แต่ก็น่าจะได้ใจคนอเมริกันอยู่ไม่น้อย พูดแล้วคืนคำนี่ลำบากเลยนะ ท่านประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์…

 

เรื่อง : SRIPLOI

ภาพ :http://time.com/4299416/donald-trump-jet-faa/และ https://www.aviationcv.com/aviation-blog/2016/top-10-facts-about-donald-trumps-boeing

 

คุณแม่คนดัง

งานบุญต้องมา 5 คุณแม่คนดังควงลูกน้อยทำบุญ เห็นแล้วน่าเอ็นดู น่าชื่นชม

คุณแม่คนดัง
คุณแม่คนดัง

ใกล้สิ้นปีกันแล้ว ใครยังรู้สึกว่าปีนี้ทำบุญ ทำความดีไม่มากพอ ก็ยังไม่สายที่จะทำนะจ๊ะ หันไปชวนคุณพ่อ คุณแม่ หรือลูกๆ รวมถึงแก๊งเพื่อนพ้อง ดังเช่นคุณแม่คนดังเหล่านี้ที่ไปไหว้พระ สวดมนต์ ทำบุญด้วยกัน ก็จัดว่าเป็นกิจกรรมที่พากันส่งเสริมศิริมงคลให้ชีวิตกันและกันได้ดีทีเดียว

ช่วงที่ผ่านมามีหลายเหตุการณ์ในบ้านเราเกิดขึ้นมากมายเหลือเกิน แต่ละเหตุการณ์ก็มีดราม่าพาให้เครียดหรือชวนกลุ้มใจไม่น้อย โดยเฉพาะในวงการบันเทิง แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีเรื่องราวดีๆที่เมื่อได้เห็นแล้วจะทำให้ยิ้มออก ซึ่งในปีนี้ก็ถือเป็นปีที่มีคุณแม่คนดัง หรือคุณแม่มือใหม่เกิดขึ้นจำนวนมาก ซึ่งหนึ่งในกิจกรรมที่เหล่าคุณแม่ทำร่วมกับลูกน้อยนั่นก็คือการทำบุญนั่นเอง อยากให้ลูกเติบโตเป็นคนแบบไหน ส่วนหนึ่งก็มาจากพื้นฐานการอบรมตั้งแต่เด็กๆเนี่ยแหละ นอกจากจะปลูกฝังลูกน้อยให้มีจิตใจเมตตา เอื้ออารี รู้จักแบ่งปันแล้ว ยังเสริมบุญกุศลให้ครอบครัวดียิ่งๆขึ้นไปอีกด้วย ว่าแต่จะมีคุณแม่คุณลูกครอบครัวไหนบ้าง ไปดูกันเลย

เมย์ – ปทิดา กำเนิดพลอย & น้องมายู

may_02 may_03 may_04 may_05กำลังอยู่ในวัยน่ารักน่าเอ็นดูเลยทีเดียว สำหรับน้องมายู ลูกสาวสุดหวงของคุณแม่เมย์ – ปทิดา และพ่อหนุ่ม – กรรชัย แห่งตระกูลกำเนิดพลอย ซึ่งเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาก็เป็นวันคล้ายวันเกิดครบ 2 ขวบของน้องมายู นอกจากแม่เมย์จะพาน้องมายูเป่าเค้กวันเกิดแสนอร่อยแล้ว กิจกรรมอย่างการทำบุญที่สาวเมย์มักจะพาน้องมายูเข้าวัด ไหว้พระ ทำบุญเป็นประจำอยู่แล้ว ก็ไม่พลาดที่จะพาน้องมายูไปไหว้พระและฟังเทศน์ที่วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม แถมมีคุณพ่อหนุ่มคอยอยู่ใกล้ชิดด้วย เห็นแล้วรู้สึกอบอุ่นใจดีจริงๆเลยว่าไหมล่ะ


แอน – อลิชา หิรัญพฤกษ์ & น้องริชา

ann_02 ann_03 ann_04ตามมาต่อกันที่คุณแม่น้องริชา หรือแอน – อลิชา หิรัญพฤกษ์ ภรรยาสุดรักของคุณพ่อภูริ หิรัญพฤกษ์ ที่ล่าสุดได้พาน้องริชาไปผูกข้อไม้ข้อมือรับขวัญกับพระเพื่อเป็นศิริมงคล ซึ่งน้องริชาก็มีสายตาอยากรู้อยากเห็นตามประสาเด็กวัยกำลังเรียนรู้ดีทีเดียว งานนี้นอกจากน้องริชาจะได้รับขวัญแล้ว สาวแอนและครอบครัวหิรัญพฤกษ์ยังได้เป็นเจ้าภาพกฐินที่วัดทุ่งโป่ง อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ทำบุญสร้างอาคารอเนกประสงค์และสุขา เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่ในหลวงรัชกาลที่ 9 อีกด้วย เป็นการเริ่มต้นชวนกันทำเรื่องราวดีๆที่ส่งผลให้จิตใจสงบร่มเย็นเชียวละ ไม่เพียงแค่งานกฐินเท่านั้น สาวแอนยังตื่นเช้าพาน้องริชาตักบาตรทำบุญอีกด้วย ใครชอบตื่นสายแพ้น้องริชาเลยน้าาา


เบนซ์ – พรชิตา หิรัณยัษฐิติ & น้องปริม

benz_01 benz_02มาทางครอบครัวน้องปริม แห่งบ้านหิรัณยัษฐิติ ที่มีคุณแม่เบนซ์ – พรชิตา และคุณพ่อมิค – บรมวุฒิ กันเสียหน่อย ครอบครัวนี้รักและดูแลกันอย่างเหนียวแน่นตั้งแต่น้องปริมยังอยู่ในท้องสาวเบนซ์เลยละ เพราะอย่างที่ทราบกันว่าหนุ่มมิคดูแลสาวเบนซ์แทบทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องการทานอาหาร แต่เรื่องกิจกรรมทำบุญไหว้พระก็ใช่ว่าหนุ่มมิคไม่ให้ความสำคัญ เพราะช่วงที่สาวเบนซ์ท้องก็จะปลุกสาวเบนซ์ให้ตื่นแต่เช้ามาทำบุญ จวบจนกระทั่งน้องปริมลืมตามามองโลกแจกความน่ารัก ก็พากันไปเที่ยวพักผ่อนที่หัวหิน รวมถึงยังชวนกันทำบุญทอดกฐินร่วมกันที่วัดเขาตะเกียบอีกด้วย นับเป็นการทำบุญใหญ่ครั้งแรกของน้องปริมในวัย 4 เดือน 15 วัน (วันที่ 6 พ.ย. 2559) เลย


กุ๊บกิ๊บ – สุมณทิพย์ ชี & น้องเป่าเปา

gubgib_01 gubgib_02 gubgib_03ไม่พูดถึงน้องเป่าเปา หรือที่รู้จักกันในนาม เจ๊เปาบางพลี แห่งตระกูลชีคงไม่ได้ เห็นครอบครัวนี้มีคุณแม่กุ๊บกิ๊บและพ่อบี้หัวสมัยใหม่ แถมยังมีภาพลักษณ์แสนเซี้ยวเปรี้ยวซ่าแบบนี้ แต่เรื่องการไหว้พระ ทำบุญนั้น สาวกุ๊บกิ๊บก็ไม่ได้ปล่อยให้เป็นเรื่องไกลครอบครัวแต่อย่างใด ตั้งแต่ช่วงน้องเป่าเปาเกิดช่วงแรกๆก็พาเข้าโบสถ์ เพราะสาวกุ๊บกิ๊บนับถือศาสนาคริสต์ หรือจะเป็นกิจกรรมทางศาสนาพุทธอย่างงานบวชของหนุ่มบี้  งานทอดกฐิน ทำบุญ สาวกุ๊บกิ๊บก็ไม่วายพาน้องเป่าเปาเข้าวัดทำบุญ ไหว้พระ ไม่แปลกใจที่ใครเห็นน้องเป่าเปาหรือครอบครัวนี้จะรู้สึกรักและเอ็นดู เป็นครอบครัวสุขสันต์อีกครอบครัวหนึ่งเลย


แอฟ – ทักษอร เตชะณรงค์ & น้องปีใหม่

aff_01 aff_02 aff_03ส่งท้ายกันที่ความน่ารักและความอ่อนน้อมของคุณปี หรือน้องปีใหม่ ลูกสาวสุดแสนน่ารักอารมณ์ดีของคุณแม่แอฟ – ทักษอร และคุณพ่อสงกรานต์ แห่งบ้านเตชะณรงค์ ถ้าใครติดตามคุณแม่แอฟสุดสวยจะเห็นตลอดว่าเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ชอบทำบุญ ไหว้พระ ทอดกฐินร่วมกับแก๊งเพื่อนสนิทไม่น้อย รวมถึงอาจจะไม่เห็นคุณปี ลูกสาวติดไปด้วยสักเท่าไหร่ แม่แอฟก็ไม่ได้นิ่งเฉยแต่อย่างใด ให้น้องปีใหม่ได้เรียนรู้เรื่องทำบุญ ไหว้พระ เพราะเมื่อวันสำคัญอย่างวันคล้ายวันเกิดคุณย่าหรือสาวแอฟทีไร สิ่งที่น้องปีใหม่ทำเสมอก็คือการนำพวงมาลัยไปไหว้คุณย่าและคุณแม่นั่นเอง ซึ่งพระที่ดีที่สุดก็คือพระประจำบ้าน อย่างที่สาวแอฟได้เคยพูดไว้นี่แหละ นอกจากนี้น้องปีใหม่ยังรู้จักร่วมทำบุญบริจาคให้โรงพยาบาลสงฆ์ตามคุณแม่แอฟอีกด้วย เห็นแล้วก็ชื่นใจ

 


เรื่อง: Gingyawee_แพรวดอทคอม
ภาพ : IG @mayfuang @pornchita @ann_laisuthruklai @gggubgib36 @aff_taksaorn

มองมุมไหนก็สวย กับแฟชั่นเริดๆสไตล์ “มีแกน มาร์เคิล” ว่าที่ดัชเชสคนต่อไป!

เพิ่งจะเป็นข่าวดังไปเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมานี้เองเกี่ยวกับเจ้าชายแฮร์รี่ องค์รัชทายาทหนุ่มแห่งราชวงศ์อังกฤษ กับดาราสาว มีแกน มาร์เคิล (Meghan Markle) ว่าพวกเขากำลังเดทกันอยู่ ซึ่งในคราวนั้นบ้างก็ว่าข่าวลือบ้างละ ข่าวสร้างเพื่อกระแสของตัวผู้หญิงเองบ้างละ

1200

แต่ตอนนี้ต้องบอกว่าไม่ใช่แค่ข่าวลือธรรมดาๆแล้วนะจ๊ะ เพราะล่าสุดเจ้าชายแฮร์รี่ได้ออกแถลงการณ์ผ่านสำนักพระราชวังเคนซิงตัน โดยยืนยันว่ากำลังคบหาดูใจกับมีแกน มาร์เคิล จริงๆ โอ๊วววว ดูเหมือนจะเป็นข่าวที่ดับฝันของสาวๆทั่วโลกเลยเนอะ แถมงานนี้เจ้าชายแฮร์รี่ยังขี่ม้าขาวออกมาปกป้องแฟนสาวด้วยประโยคเด็ดแห่งปีในแถลงการณ์ คือ “เรื่องนี้ไม่ใช่แค่การเล่นเกม แต่เป็นชีวิตของเธอกับเขา” แถมยังตำหนิการกระทำของสื่อที่รุกล้ำความเป็นส่วนตัวของเธอ ไม่ว่าจะเป็นการพยายามเสนอเงินให้คนรอบข้างและคนรอบตัวเธอ เพื่อซื้อข้อมูลของมีแกน มาร์เคิล จนถึงการพยายามบุกเข้าไปในที่พัก จนมีแกน มาร์เคิล ต้องแจ้งตำรวจ รวมไปถึงเรื่องราวใส่ร้ายต่างๆ และการเหยียดเชื้อชาติของเธอ

ที่ต้องตื่นเต้นกับแถลงการณ์นี้ เพราะบอกเลยว่าการจะออกแถลงการณ์ในเรื่องแบบนี้ไม่ได้มีบ่อยๆนะคะ ถ้าเป็นแค่การปิ๊งกันเล่นๆ เจ้าชายคงไม่ให้สำนักพระราชวังเคนซิงตันออกแถลงการณ์มาแบบนี้่ และมันก็เป็นการแสดงนัยว่ามีแกน มาร์เคิล อาจจะเป็นดัชเชสคนต่อไปก็เป็นได้ บอกเลยว่าเธอคนนี้ไม่ธรรมดา สวย เก่ง แถมยังแซ่บใช่เล่น วันนี้เรามีแฟชั่นและสไตล์การแต่งตัวของเธอมาฝากกันด้วย ตามไปดูกันเลยว่าจะเริดขนาดไหน!

1

เริ่มที่ลุคเบาๆอย่างเสื้อเชิ้ตกับกางเกงยีนส์กันดีกว่า ถึงแม้ว่าจะเป็นลุคง่ายๆ แต่เราว่ามีแกน มาร์เคิล แต่งออกมาได้อย่างลงตัวเลยนะ ไม่ว่าจะเป็นเทคนิคเล็กๆน้อยๆอย่างการพับขากางเกงยีนส์ หรือการนำชายเสื้อเชิ้ตใส่ไว้ด้านใน ทำให้ดูดีขึ้นมาได้เยอะเลยแหละ

2

ถึงเธอจะเป็นแฟนเจ้าชายแฮร์รี่ แต่ก็ใช่ว่าต้องสวยเชิดตลอดเวลา เราชอบที่เธอมีความเป็นตัวของตัวเอง ยิ่งเวลาไปเที่ยวในที่ต่างๆ เราจะเห็นเธอในชุดง่ายๆสบายๆ ถึงชุดเหล่านี้จะดูธรรมดา แต่ของแบบนี้มันอยู่ที่ไม้แขวนจริงๆ เพราะด้วยหน้าตาที่สวยแถมยังหุ่นดีของเธอ ทำให้แม้จะสวมชุดเรียบๆแบบนี้ก็ดูดีขึ้นมาได้

3

และลุคที่ดูจะเป็นลุคโปรดของเธอเลยก็คือ ลุคคลาสสิกอย่างชุดสีดำแบบนี้แหละจ้า เธอเป็นผู้หญิงผิวแทนที่ต้องยอมรับว่าสวยมาก ยิ่งได้ใส่ชุดสีดำ ทำให้เธอดูเป็นผู้หญิงเซ็กซี่ น่าค้นหามากเชียวละ

4

เธอขึ้นชื่อเรื่องการเป็นเวิร์คกิ้งวูแมน แน่ละ เพราะเธอทำงานเยอะมาก ทั้งเป็นดารา พิธีกร ดังนั้นเราจะเห็นเธอสวมเสื้อสูทหรือกางเกงในสไตล์เท่ๆอยู่บ่อยๆ ทำให้เธอดูคล่องแคล่วสมกับเป็นผู้หญิงยุคใหม่ดีนะ

5

ส่วนใครที่อยากเห็นลุคเจ้าหญิงหรืออเมริกันเกิร์ลละก็ เธอก็จัดให้ได้ เราชอบลุคนี้ของเธอมากเป็นพิเศษ เพราะเธอดูสดใส ดูสนุก และดูมีสีสัน ถึงแม้ว่าเธอจะอายุ 35 ปี แต่ก็ยังสวยดูดีได้แบบสาววัยรุ่นเลยละ สิ่งหนึ่งที่เราสังเกตก็คือ เราไม่ค่อยเห็นลุควาบหวิวของเธอสักเท่าไหร่ มากสุดอาจแค่ดูเซ็กซี่ แต่ก็ไม่ได้เน้นโชว์ของดี ทั้งๆที่เธอมีดีให้โชว์ตั้งเยอะ

7

ซึ่งมันก็เป็นผลดีต่อตัวของเธอเองนะ ถ้าในอนาคตเธอได้เป็นดัชเชสจริงๆ ภาพลักษณ์เป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับเธอ นอกจะคำนึงถึงแฟชั่นการแต่งตัวให้สวยสมเป็นดัชเชสแล้ว ยังต้องคำนึงถึงความเหมาะสมอีกด้วย และเราเชื่อว่าเธอคงทำออกมาได้ดี ดูจากชุดออกงานต่างๆของเธอก็สวยแบบผู้ดีอยู่แล้ว

6

ต้องบอกเลยว่ามีแกน มาร์เคิล เป็นสาวที่รักสุภาพมาก เธอชอบออกกำลังกายและเล่นโยคะ ดูจากหุ่นและรูปร่างของเธอสิ ไม่แปลกใจเลยที่เธอยังดูเด็กตลอดเวลา โดยเฉพาะเรียวขาของเธอ บอกเลยว่าเป็นผู้หญิงที่ขาสวยมากจนเราเห็นแล้วยังอิจฉาเลยแหละ

เรื่อง : saipiroon_แพรวดอทคอม

ภาพ : IG@meghanmarkle

 

เคี้ยวพริกยังไม่เผ็ดเท่า! “เมลาเนีย ทรัมป์” สุภาพสตรีหมายเลข 1 แห่งสหรัฐอเมริกา

อดีตจะเป็นอย่างไรใครแคร์!? เมื่อคุณสามีกำชัยชนะขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐอเมริกา ตำแหน่งสุภาพสตรีหมายเลข 1 แห่งสหรัฐอเมริกาก็ตกเป็นของคุณนายที่แซ่บที่สุดในสามโลก “เมลาเนีย ทรัมป์” 

และแล้ววันนี้ที่รอคอยของอดีตนางแบบสโลวีเนียชาวอเมริกันวัย 46 กะรัต “เมลาเนีย ทรัมป์” ก็มาถึง! วันที่ได้เป็น สุภาพสตรีหมายเลข 1 แห่งสหรัฐอเมริกา ขอบอกว่าโปรไฟล์ของสตรีหมายเลข 1 ผู้นี้ก็ไม่ธรรมดาไก่กาอาราเล่นะคะคุณขา เพราะเธอบอกว่าพูดได้ถึง 5 ภาษา คือ ภาษาพื้นเมืองของสโลวีเนีย ภาษาเซอร์เบีย ภาษาอังกฤษ ภาษาฝรั่งเศส และภาษาเยอรมัน

สวยแซ่บและสื่อสารได้กว้างไกลแบบนี้ เพราะเธอออกสตาร์ทอาชีพนางแบบตั้งแต่อายุ 16 ปี แม้หลังจากที่เข้ามหาวิทยาลัยได้เพียงแค่ปีแรกก็ลาออก! แต่ ณ จุดนี้หาแคร์ไม่ เพราะเธอเลือกผันตัวไปเดินสายเป็นนางแบบตั้งแต่มิลาน ปารีส ถึงนิวยอร์ก เก็บแต้มสะสมชื่อเสียงมาเรื่อยๆ ยิ่งพอมาแต่งงานกับอภิมหาเศรษฐีอย่าง “โดนัลด์ ทรัมป์” ออร่าของสาว “เมลาเนีย” ยิ่งระเบิดปังขึ้นไปอีก ไต่ระดับความเป็นนางแบบและเซเลบระดับเอลิสต์ตั้งแต่วันแต่งงาน ได้อวดโฉมบนปกนิตยสารชื่อดังต่อเนื่อง

แต่ความสวยหรูในฐานะนางแบบนี้ แอบสะดุดขาตัวเองนิดหน่อยก็ตรงที่เธอไม่ได้ถูกมองว่าเป็น “ซูเปอร์โมเดลแห่งยุคสมัย” แต่ถูกมองว่าเป็น “นางแบบนู้ดสุดสวิงริงโก้อีโต้บั๊มพ์” เสียมากกว่า!! หลังจาก “โดนัลด์ ทรัมป์” ขึ้นชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา อดีตของ “เมลาเนีย” ที่แซ่บสุดขอบเลนส์ ก็ถูกขุดขึ้นมาตีแผ่บนหนังสือพิมพ์แท็บลอยด์ชื่อดังฝั่งเทศมากมาย เรียกว่าใครที่ลืมเลือนภาพเหล่านั้นหรือเกิดไม่ทัน ก็ได้เห็นภาพโป๊เปลือยของเธอกันถ้วนหน้ แถมระหว่างขึ้นกล่าวบนเวทีช่วยสามีหาเสียงก็ดั๊นโป๊ะแตก! ที่สุนทรพจน์อันยอดเยี่ยมของเธอก็ดันดูเหมือนจะไปก็อปปี้สุนทรพจน์ของ “มิเชล โอบามา” อดีตสุภาพสตรีหมายเลข 1 มาซะงั้น! แต่งานนี้ถามว่าใครแคร์? ในเมื่อวันนี้เธอได้ชื่อว่าเป็นสุภาพสตรีหมายเลข 1 ไปเรียบร้อยโรงเรียนสหรัฐอเมริกาแล้ว!

บอกเลยว่าเคี้ยวพริกสดยังไม่เผ็ดเท่าสุภาพสตรีหมายเลข 1 คนนี้!

เคี้ยวพริกยังไม่เผ็ดเท่า! "เมลาเนีย ทรัมป์" สุภาพสตรีหมายเลข 1 แห่งสหรัฐอเมริกา

สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งแห่งสหรัฐอเมริกา
ภาพ: Jamie McCarthy/Getty Images
เมลาเนีย ทรัมป์
ภาพ: Larry Busacca/Getty Images
WASHINGTON, DC - APRIL 25: Melania Trump attends the 101st Annual White House Correspondents' Association Dinner at the Washington Hilton on April 25, 2015 in Washington, DC. (Photo by Michael Loccisano/Getty Images)
ภาพ : Michael Loccisano/Getty Images

หลบหน่อย สุภาพสตรีหมายเลข 1 มาล้าวว-ว!

PALM BEACH, FL - JANUARY 04: Donald Trump, Barron Trump and Melania Trump attends Trump Invitational Grand Prix Mar-a-Lago Club at The Mar-a-Largo Club on January 4, 2015 in Palm Beach, Florida. (Photo by Gustavo Caballero/Getty Images)
โดนัลด์ ทรัมป์, เมลาเนีย และแบร์รอน ลูกชายคนเล็กสุด ภาพ : Gustavo Caballero/Getty Images

เรื่อง : Red Apple_แพรวดอทคอม

ไปไม่ถึงฝัน “ฮิลลารี คลินตัน” ชวดสร้างประวัติศาสตร์ เป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของสหรัฐฯ

ถึงแม้ผลโพลจากหลายๆ สำนักก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา จะคาดการณ์ว่า “ฮิลลารี คลินตัน” ตัวแทนจากพรรคเดโมแครตจะได้รับชัยชนะโค่น “โดนัลด์ ทรัมป์” จากพรรครีพับลิกัน แต่ผลการเลือกตั้งจริงในวันนี้ที่ออกมานั้นกลับพลิกโผเพราะคนที่ได้ขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนที่ 45 กลับเป็น โดนัลด์ ทรัมป์  ทำให้เธอชวดตำแหน่งประธานาธิบดีหญิงคนแรกของสหรัฐอเมริกาไปอย่างน่าเสียดาย

Hillary Clinton: She's With Us

แต่ถึงจะไปไม่ถึงฝันก็ต้องพูดว่า ฮิลลารี คลินตัน เดินทางมาได้ไกลมากทีเดียว หากใครที่ติดตามเธอจะรู้ว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ไม่ธรรมดา ประสบการณ์การทำงานที่โชกโชนของเธอสามารถต่อสู้กับคู่แข่งที่เป็นผู้ชายได้อย่างดุเดือด โดยก่อนหน้านี้นางฮิลลารี คลินตัน วัย 68 ปี เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแห่งสหรัฐอเมริกาคนที่ 67 ในรัฐบาลประธานาธิบดี “บารัก โอบามา” และเธอยังเป็นภริยาของ “บิล คลินตัน” ประธานาธิบดีคนที่ 42 แห่งสหรัฐอเมริกาอีกด้วย และนั่นทำให้เธอกลายเป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐอเมริการะหว่างปี ค.ศ.1993 – 2001

Hillary Clinton: She's With Us

ฮิลลารีนับเป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งคนแรกที่ลงรับเลือกตั้ง และได้รับเลือกถึง 2 สมัยด้วยกัน แต่ในสมัยที่ 2 ดำรงตำแหน่งไม่ครบวาระ เนื่องจากเธอเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในปี ค.ศ.2009 และในปี ค.ศ.2016 นี้ ก่อนหน้าที่จะลงเลือกตั้ง ต้องยอมรับว่าคะแนนเสียงของเธอตกลงมาจากการที่ถูกโจมตี เนื่องจากในอดีตเธอเคยสนับสนุนสงครามอิรักสมัยประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช  ทำให้ตำแหน่งว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาของเธอห่างไกลไปมาก และนั่นน่าจะเป็นประเด็นสำคัญที่ทำให้คะแนนนิยมของเธอตกลงฮวบ! แต่ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ ประชาชนส่วนหนึ่งของอเมริกาก็ยังสนับสนุนเธอเพราะนโยบายที่คนอเมริกันมองว่าจะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯเติบโตได้ในอัตราที่เร็วและแข็งแกร่งขึ้น ต้องยอมรับว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯตกต่ำลงไปมาก ทำให้เธอได้คะแนนเสียงส่วนใหญ่จากตรงนี้ไปนั่นเอง หรือแม้แต่คนดังจากแวดวงฮอลลีวู้ดยังออกมาร่วมสนับสนุนฮิลลารีเป็นจำนวนมาก เอาเป็นว่าเราไปฟังนโยบายคร่าวๆ ของพรรคเธอกันเลยดีกว่า

MIAMI, FL - JULY 23: Democratic presidential candidate former Secretary of State Hillary Clinton and Democratic vice presidential candidate U.S. Sen. Tim Kaine (D-VA) attend together a campaign rally at Florida International University Panther Arena on July 23, 2016 in Miami, Florida. Hillary Clinton and Tim Kaine made their first public appearance together a day after the Clinton campaign announced Senator Kaine as the Democratic vice presidential candidate. (Photo by Gustavo Caballero/Getty Images)

โดยนโยบายหลักของฮิลลารี คลินตัน ที่ได้ใจประชาชนไป หลักๆจะเน้นไปที่ด้านเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายภาษีใหม่แบบ “โรบินฮู้ด” โดยจะมีการขึ้นภาษีของผู้ที่มีรายได้สูงจากหลายช่องทาง เช่น หากใครมีรายได้ทั้งปีรวมแล้วสูงกว่า 1 ล้านดอลลาร์ จะต้องเสียภาษีอย่างต่ำไม่น้อยกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ หากทำทั้งหมดนี้ได้จริงๆ รัฐบาลสหรัฐฯจะมีรายได้จากภาษีเพิ่มขึ้นทั้งหมดราว 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ภายใน 10 ปี

Hillary Clinton Miami Rally

ซึ่งเงินที่ได้จากการเก็บภาษีจะแบ่งอย่างชัดเจน โดยจะนำไปลงทุนในการพัฒนาเศรษฐกิจหลายด้านด้วยกัน ทั้งลงทุนในด้านการศึกษา ปรับปรุงและสร้างโครงสร้างพื้นฐานใหม่ๆ เช่น ถนนหนทางและการคมนาคมในประเทศ ซึ่งชาวอเมริกันทราบดีว่าถึงเวลารื้อของเก่าแล้ว เพราะคุณภาพสู้เมืองใหม่ๆในเอเชียไม่ได้แล้ว และเงินภาษีบางส่วนจะนำไปสนับสนุน paid family leave นั่นแปลว่าชาวอเมริกันจะสามารถลาไปเลี้ยงบุตรและยังได้ค่าตอบแทนอย่างน้อย 2 ใน 3 ของเงินเดือนปกติ โดยคาดว่านโยบายนี้จะสามารถลดต้นทุนของการทำงานและเพิ่มอัตราส่วนการเข้าร่วมแรงงานได้ หากฮิลลารี คลินตัน ได้เป็นประธานาธิบดีจริง ละได้ดำเนินตามนโยบายนี้ มีการคาดการณ์ว่าอีก 10 ปีข้างหน้าสหรัฐฯจะกลับมาแข็งแกร่งเป็นมหาอำนาจอีกครั้ง

Hillary Clinton Campaigns In Crucial States Ahead Of Tuesday's Presidential Election

แต่ถึงนโยบายจะดีงามยังไงก็เห็นชัดแล้วว่าศึกการเลือกตั้งครั้งนี้เธอไม่สามารถซื้อใจประชาชนให้หันมาเลือกเธอเป็นประธานาธิบดีได้ ส่วนหนึ่งนั่นก็เพราะข่าวฉาวต่างๆ ของเธอทำให้คนอเมริกาส่วนใหญ่ได้หมดศรัทธาและความเชื่อมั่นในตัวเธอ ถึงแม้ฝั่งตรงข้ามอย่างโดนัลด์ ทรัมป์ จะไม่ได้ดีงามไปกว่าฮิลลารี คลินตัน ซักเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยๆ เขาก็เป็นเหมือนความหวังใหม่สำหรับคนอเมริกาคงคล้ายๆ กับสุภาษิตไทยที่ว่า “ไปตายเอาดาบหน้า” ล่ะมั้ง

เรื่อง : saipiroon_แพรวดอทคอม

ภาพ : www.gettyimages.com

 

ลัดดา แทมมี่ ดักเวิร์ธ

ย้อนอ่านบทสัมภาษณ์พิเศษ ลัดดา แทมมี่ ดักเวิร์ธ สว.สหรัฐฯ ลูกครึ่งไทยคนแรก

ลัดดา แทมมี่ ดักเวิร์ธ
ลัดดา แทมมี่ ดักเวิร์ธ

 

สำหรับนาง ลัดดา แทมมี่ ดักเวิร์ธ  สตรีลูกครึ่งไทย – อเมริกัน แห่งพรรคเดโมแครต ผู้พิการสูญเสียขาทั้งสองข้างจนต้องใส่ขาเทียมและนั่งรถเข็น เหตุโดนยิงระเบิดขณะเป็นนักบินผู้ช่วยอยู่บนเฮลิคอปเตอร์ UH-60 แบล็คฮอว์ค ระหว่างเข้าร่วมรบในสงครามรุกรานอิรัก ซึ่งก่อนหน้านี้ในปี พ.ศ.2555 เธอชนะการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขต 8 รัฐอิลลินอยส์ คว้าผลคะแนนเสียงชนะโจ วอลช์ คู่แข่งจากพรรครีพับลิกัน และเป็นสตรีเชื้อสายไทยคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ผ่านการเลือกตั้งเข้าไปทำงานในรัฐสภาสหรัฐอเมริกา ทั้งยังเป็นสตรีชาวเอเชียคนแรกที่ได้รับเลือกเข้าสภาแห่งรัฐอิลลินอยส์ ต่อมาในปี 2009 เธอได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงกิจการทหารผ่านศึกของสหรัฐ และปี 2012 เธอได้รับชัยชนะการเลือกตั้งให้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ส่งผลให้เธอเป็นสตรีทุพพลภาพคนแรกที่ได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแห่งสหรัฐอเมริกา และเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหญิงเชื้อสายไทยคนแรกในประวัติศาสตร์

ลัดดา แทมมี่ ดักเวิร์ธ
ภาพ: Getty images

โดยครั้งหนึ่ง “นิตยสารแพรว” ได้มีโอกาสนั่งสัมภาษณ์เธอผ่านทางสไกป์ออนไลน์ตรงจากนครชิคาโก เรื่องราวของสตรีผู้พิการแต่หัวใจแกร่ง ที่มีประวัติเคยเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตอภิปรายโต้แย้งถึงนโยบายของอดีตประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู. บุช ได้รับเลือกแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงกิจการทหารผ่านศึกของสหรัฐฯในปี พ.ศ.2552 ชนะคะแนนเสียงเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในเขต 8 รัฐอิลลินอยส์ รวมถึงรับราชการเป็นทหารในสังกัดกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิแห่งรัฐอิลลินอยส์ เธอคนนี้เป็นอย่างไร แพรวพาย้อนรอยไปนั่งพูดคุยกันเลย

ลัดดา แทมมี่ ดักเวิร์ธ
ภาพ: Facebook – Tammy Duckworth

ทราบว่าชื่อ “ลัดดา” มีที่มาอย่างไรคะ?

แทมมี่: ใช่ค่ะ ตอนคุณเเม่ท้องเเทมมี่ ท่านฝันเห็น “ดอกไม้หอมสีขาว” จึงตั้งชื่อจริงให้ว่า “ลัดดา” มาจากดอกลัดดาวัลย์ค่ะ

ชีวิตครอบครัวของ ด.ญ.ลัดดาเป็นอย่างไรคะ?

แทมมี่: คุณพ่อ (แฟรงค์ แอล ดักเวิร์ธ) เป็นทหารผ่านศึกชาวอเมริกัน เคยร่วมรบสงครามโลกครั้งที่ 2 เรื่อยมาจนถึงสงครามเวียดนาม ส่วนคุณเเม่ (ละมัย สมพรไพลิน) เป็นคนไทย เเทมมี่เกิดเเละเติบโตที่เมืองไทย เรียนชั้นประถมที่โรงเรียนนานาชาติ International School Bangkok ต่อมาคุณพ่อทํางานเป็นเจ้าหน้าที่องค์การสหประชาชาติ ต้องเดินทางไปๆมาๆในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขณะที่คุณเเม่เลี้ยงเเทมมี่กับน้องชาย (ทอม ดักเวิร์ธ) อยู่เมืองไทย แทมมี่จึงพูดไทยคล่อง หลังจากนั้นเราไปอยู่อินโดนีเซีย 8 ปี ก่อนจะย้ายไปปักหลักที่ฮาวายตอนเเทมมี่อายุ 16 ปี แม้จะมีเวลาอยู่ที่เมืองไทยบ้านเกิดเพียง 8 ปี เเต่เเทมมี่มีความเป็นไทยเต็มเปี่ยม ชอบอาหารไทย มีญาติพี่น้องที่เมืองไทย คิดว่าตัวเองเป็นผลผลิตของ 2 ประเทศ 2 วัฒนธรรม คือ ภายใต้ความแข็งแรงของอเมริกา เรายังไม่หลงลืมความอ่อนช้อยและมารยาทแบบไทยๆ

ชีวิตแทมมี่เจอมรสุมหลายครั้ง เริ่มจากตอนที่หน้าที่การงานของคุณพ่อซึ่งเคยดีมาตลอด แต่พออายุ 55 ปีกลับประสบกับภาวะว่างงาน สถานภาพครอบครัวเปลี่ยนทันที เราต้องย้ายจากบ้านหลังใหญ่มาอยู่ห้องสตูดิโอเล็กๆ ทุกคนในครอบครัวต้องช่วยกันหาเงิน ตื่นเช้ามาต่อเเถวรับแสตมป์ค่าอาหารของรัฐบาล ได้ความช่วยเหลือเจือจุนจากผู้อื่นบ้างนิดๆหน่อยๆ แม่ต้องเย็บผ้าหารายได้ ส่วนแทมมี่พยายามส่งตัวเองเข้าเรียนวิทยาลัยด้วยการขอทุน และทำงานเสิร์ฟอาหาร ได้ค่าแรงวันละไม่กี่เหรียญ ประสบการณ์นี้เองที่ทำให้บอกตัวเองว่า สักวันเราต้องทำงานที่สามารถแก้ปัญหาเหล่านี้ให้ได้

ลัดดา แทมมี่ ดักเวิร์ธ
ภาพ: Facebook – Tammy Duckworth

การเติบโตมาในครอบครัวทหาร เป็นสาเหตุให้คุณแทมมี่อยากดําเนินรอยตามคุณพ่อหรือเปล่าคะ?

แทมมี่: ใจจริงทีแรกไม่ได้คิดจะเป็นทหารหรอกค่ะ แต่ความที่เรียนด้านรัฐศาสตร์การทูต พอจบปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยฮาวาย ก็เรียนต่อปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตัน อาจารย์แนะนำให้เรียนด้านยุทธวิธีการเจรจาทางทหาร แทมมี่จึงสมัครเป็นนายทหารกองหนุน หรือ ROTC (The Army Reserve Officers’ Training Corps) ปรากฏว่าชอบทันที (หัวเราะ) เป็นโปรแกรมที่ทุกคนมีตำแหน่งเท่าเทียมกันทั้งชาย หญิง คนเอเชีย ผิวดํา ผิวขาว ไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือต้องยอมเสียสละทำงานหนักเเละช่วยเหลือกัน แทมมี่ยิ่งเรียนยิ่งชอบ ไปๆมาๆจึงสมัครเป็นทหาร ได้รับการประดับยศเป็นนายร้อย หรือนายทหารสัญญาบัตร (Commissioned Officer) ของกองทัพบกสหรัฐฯ เมื่อปี 1992

ตอนนั้นต้องเลือกว่าจะทำงานทหารประเภทไหน เเล้วบังเอิญได้ยินมาว่าต่อให้ผู้ชายเลือกเป็น Finance Officer หรือนักกฎหมาย จะต้องเขียนว่า Infantry (ทหารราบ) หรือ Armor (ทหารยานเกราะ) เเล้วต้องไปออกรบ ไม่มีทางเลือก ขณะที่ทหารหญิงสามารถประนีประนอม ไม่ต้องไปรบก็ได้ โดยส่วนตัวคิดว่าไม่แฟร์ ไม่ต้องการหลบสิ่งที่อันตรายเพียงเพราะเราเป็นผู้หญิง จึงถามเจ้าหน้าที่ว่ามีงานทหารบกด้านไหนที่ผู้หญิงเข้าร่วมรบได้บ้าง เขาบอกมีแค่อย่างเดียว คือต้องสมัครเป็นนักขับเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ โอเค เราเขียนเป็นนัมเบอร์วันเลย (หัวเราะ) แล้วสอบได้ด้วย ทั้งชั้นมีผู้หญิงเรียนเเค่ 2 คนเท่านั้น

หลังเข้าเรียนที่โรงเรียนการบินครบถ้วนตามหลักสูตรที่กําหนด เเทมมี่ก็สมัครเป็นนักบินเฮลิคอปเตอร์ของกองกำลังป้องกันชาติแห่งรัฐอิลลินอยส์ (Illinois Army National Guard) ในปี 1996 ทำคะแนนเป็นอันดับ 3 ในรุ่น ซึ่งมีประมาณ 40 คน ต้องฝึกบินหนักมาก เเทมมี่เคยขับเฮลิคอปเตอร์แบล็กฮอว์กเข้าสู่สมรภูมิมาแล้วกว่า 200 เที่ยว บ้าระห่ำมาก (หัวเราะ) จากการทุ่มเทเเรงกายเเรงใจกับการบิน สุดท้ายจึงได้เป็นผู้บังคับการกองร้อยปฏิบัติการ แบล็กฮอว์ก UH-60A ทำหน้าที่ฝึกอบรมทหารอากาศ 60 นาย รวมทั้งดูแลการซ่อมบำรุงยุทโธปกรณ์มูลค่ากว่า 50 ล้านดอลลาร์ ในฐานะผู้อำนวยการยุทธและผู้ช่วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ ซึ่งรับผิดชอบในเรื่องการวางแผน มอบหมายหน้าที่ และติดตามภารกิจของกองกำลังพิเศษขนาดกำลังพล 500 นายในอิรัก

ลัดดา แทมมี่ ดักเวิร์ธ
ภาพ : Getty images

ช่วงที่ต้องไปประจำการอยู่อิรักลำบากไหมคะ?

แทมมี่: บอกตามตรงว่าการใช้ชีวิตอยู่ที่อิรักง่ายกว่าอยู่บ้านอีก (หัวเราะ) เพราะปกติต้องตื่นเช้าขับรถไปทํางาน เสาร์ – อาทิตย์ไปฝึกทหารอย่างน้อยเดือนละ 1 – 2 ครั้ง บวกกับต้องไปซ้อมการบินอาทิตย์ละ 1 – 2 ครั้ง คือมีหลายอย่างต้องทำ ขณะที่เมื่อประจำการอยู่อิรัก แน่นอนว่าลำบาก อยู่ไกลครอบครัว แต่ชีวิตง่าย ตื่นเช้ามาไปทำงานวันหนึ่งประมาณ 18 – 20 ชั่วโมง พอกลับถึงที่พักก็นอนหลับแบบสลบ ตื่นมาก็ไปทำงานต่อ เป็นแบบนี้ทุกวัน เสื้อผ้าใช้วิธีส่งซัก เพราะไม่มีที่ซัก อาหารประจำวันส่วนใหญ่เป็นอาหารไทยที่คุณแม่จัดเตรียมใส่กล่องส่งมาให้ที่แบกแดดเสมอ ชีวิตช่วงนั้นจึงมีแค่นอนกับทำงานปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือเพื่อนทหารด้วยกันให้ดีที่สุด

ลัดดา แทมมี่ ดักเวิร์ธ
ภาพ: Facebook – Tammy Duckworth

ขออนุญาตถามถึงเหตุการณ์เฉียดตายที่ทำให้ต้องใส่ขาเทียมได้ไหมคะ?

แทมมี่: จำได้ไม่ลืม วันที่ 12 พฤศจิกายน 2004 วันนั้นแทมมี่ปฏิบัติภารกิจขับเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์แบล็กฮอว์ก UH-60 โดยมีเพื่อนนักบินอีกคนช่วยกันขับ บินทั้งวันตั้งแต่ตีสามจนทั่วน่านฟ้าประเทศอิรัก ตอนกำลังจะกลับไปที่สนามบินได้รับคำสั่งด่วนว่ามีทหารอีก 2 นายต้องการขึ้นเครื่อง เราจึงบินไปรับ แต่ระหว่างทางกลับเครื่องบินเราถูกซุ่มโจมตีด้วยเครื่องยิงจรวด Rocket-Propelled Grenade (RPG) ขาขวาแทมมี่หายไปพร้อมระเบิดเลย ส่วนขาซ้ายและแขนขวาแหลกละเอียด วินาทีนั้นพยายามคุมสติบังคับเครื่องลงจอด แล้วยังพยายามดับเครื่องด้วย เพราะกลัวจะมีระเบิดหรืออะไรตามมาอีก ก่อนจะสลบไปเนื่องจากเสียเลือดมาก รู้ตัวอีกทีนอนอยู่โรงพยาบาลที่แบกแดดแล้ว และจำอะไรไม่ได้เลย

ทุกคนบอกว่าแทมมี่เพ้อถามหาลูกน้องตลอดว่าเป็นอย่างไร หลังจากนั้นก็ถูกส่งไปรักษาตัวที่วอลเตอร์รีด (โรงพยาบาลทหารในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.) นานหลายสิบวัน พอฟื้นคืนสติขึ้นมาจึงรู้ว่าเสียขาทั้งสองข้างไปแล้ว เวลานึกย้อนหลังแทมมี่คิดว่าตัวเองโชคดีที่พกเหรียญหลวงปู่แหวน วัดดอยแม่ปั๋ง จังหวัดเชียงใหม่ ที่คุณแม่ให้คล้องติดตัวไว้ตลอดเวลา ถ้าไม่มีท่านคุ้มครองอาจไม่มีชีวิตรอดมาถึงวันนี้ก็ได้ แต่คุณแม่กลับบ่นน้อยใจว่าทำไมพระท่านไม่ช่วยลูกสาว (หัวเราะ)

ลัดดา แทมมี่ ดักเวิร์ธ
ภาพ: Facebook – Tammy Duckworth

ย้อนถามถึงความสนใจการเมือง เริ่มตั้งเเต่เมื่อไรคะ?

แทมมี่: ระหว่างรักษาตัวในโรงพยาบาล มีทหารชั้นประทวนที่ได้รับบาดเจ็บมาขอคำปรึกษาปัญหาสังคมสงเคราะห์จากแทมมี่ตลอดว่าจะได้รับเงินเดือนตามปกตินานเท่าไร ได้เงินชดเชยค่าบาดเจ็บอย่างไร หรือจะหางานพลเรือนได้ที่ไหน ซึ่งแทมมี่ก็ต้องโทรศัพท์ไปถาม ส.ส.หรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรบ่อยๆ แต่บางครั้งก็ไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน จากเหตุการณ์นี้จึงทำให้เรามีความมุ่งมั่นอยากจะลงสมัครผู้แทนเพื่อเป็น ส.ส. เพราะรู้สึกไม่พอใจกับกฎหมายเรื่องความช่วยเหลือและสวัสดิการของทหารที่ได้รับบาดเจ็บในสงคราม บวกกับตอนนี้แทมมี่ถือว่าตัวเองอยู่ในช่วงเวลาที่เรียกว่า “โบนัสชีวิต” เพราะเราอาจตายไปกับเหตุการณ์ระเบิดครั้งนั้นแล้ว แต่เมื่อชีวิตได้โอกาสที่สอง มุมมองการใช้ชีวิตก็เปลี่ยนไป แทมมี่อยากทำตัวให้มีค่า ทำทุกอย่างที่คิดว่าถูกต้อง ไม่เคยกลัวหรือวิตกต่อการโจมตีทางสื่อหรือทางการเมือง

ลัดดา แทมมี่ ดักเวิร์ธ
ภาพ : Getty images

แล้วมาร่วมงานกับบารัก โอบามา ได้อย่างไรคะ?

แทมมี่: แทมมี่พบกับคุณบารัก โอบามา ครั้งแรกตอนนอนรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลทหารที่วอลเตอร์รีด อาร์มี เมดิคัล เซ็นเตอร์ จำได้ว่าเขาเดินทางมาเยี่ยมทหารบาดเจ็บเป็นการส่วนตัวเงียบๆ ตอนกลางคืนรวมทั้งวันเสาร์ – อาทิตย์ เพื่อถามไถ่ทุกข์สุข นั่งฟังทหารแต่ละคนเล่าเรื่องราวว่าได้รับบาดเจ็บอย่างไร ครอบครัวเป็นอย่างไร พอออกจากโรงพยาบาลก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย ช่วงนั้นแทมมี่มุ่งมั่นอุทิศตนทำงานการกุศลเพื่อทหารผ่านศึกรัฐอิลลินอยส์ จนปี 2006 ก็ได้รับการเเต่งตั้งจากร็อด บลาโกเยวิช (Rod Blagojevich) อดีตผู้ว่าการรัฐอิลลินอยส์ ให้เป็นผู้อำนวยการองค์การทหารผ่านศึก ตอนนั้นรู้สึกว่าตัวเองเดินมาถูกทางเเล้ว จึงตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 6 เรียกว่าก้าวสู่วงการการเมืองเต็มตัวครั้งแรก เพราะแทมมี่เชื่อว่าการเข้าไปทำงานในสภาคองเกรสจะสามารถขับเคลื่อนประเด็นปัญหาต่างๆที่อยากจะแก้ไขได้ง่ายขึ้น ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ การปฏิรูปเรื่องการศึกษา เรื่องสิทธิสตรี รวมถึงเรื่องสวัสดิการที่เหมาะสมของเหล่าทหารผ่านศึกด้วย

เเม้ผลการเลือกตั้งครั้งนั้นเเทมมี่จะเเพ้ เเต่อย่างน้อยก็ยังมีสิ่งดีๆเข้ามาในชีวิต เมื่อมีโอกาสเจอคุณโอบามาอีกครั้ง  คราวนี้เขาออกปากชวนแทมมี่ให้ไปทำงานเกี่ยวกับเรื่องทหารผ่านศึก พร้อมทั้งเสนอชื่อแทมมี่ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงกิจการทหารผ่านศึกของสหรัฐฯ ตอนแรกก็งงว่าทำไมจึงอยากทำงานกับเรา เขาบอกว่าชอบโครงการที่แทมมี่เคยทำที่รัฐอิลลินอยส์  โดยเฉพาะการให้เงินช่วยเหลือ 600 เหรียญกับบริษัทที่จ้างทหารผ่านศึกทำงาน ซึ่งนับเป็นรัฐแรกในประเทศที่ทําแบบนี้ คุณโอบามาต้องการจะขยายโครงการนี้ไปทั่วประเทศ เลยถามว่าแทมมี่จะยอมออกจากอิลลินอยส์ไปวอชิงตันไหม ฟังแล้วในหัวเราตอนนั้นคิดอย่างเดียวว่า ต้องไปนะ (หัวเราะ) ไม่ไปไม่ได้ โดยเฉพาะงานนี้เป็นงานที่มีประโยชน์ต่อประเทศ

ลัดดา แทมมี่ ดักเวิร์ธ
ภาพ: Facebook – Tammy Duckworth

ภายนอกดูเป็นผู้หญิงหัวใจเเกร่งมากๆ ตัวตนของเเทมมี่เป็นอย่างนั้นไหมคะ?

แทมมี่: เป็นทหารมา 20 ปี ถ้าอ่อนแอคงทําไม่ได้ ก่อนหน้านี้แทมมี่ชอบช็อปปิ้ง ชอบเเฟชั่นเหมือนผู้หญิงทั่วไป แต่ชีวิตมาเปลี่ยนตอนที่โดนระเบิด พอตื่นขึ้นมาแล้วรู้ว่าตัวเองรอดตาย หลังจากนั้นทุกวันของเราก็มีค่ามาก เพราะเหมือนได้เกิดใหม่อีกครั้ง ดังนั้นถ้ามีเรื่องอะไรที่เข้ามากระทบจิตใจ ทําให้เสียใจ หรือเหนื่อยล้าขนาดไหนไม่เป็นไร คิดเสมอว่าคงไม่มีอะไรจะแย่ไปกว่าวันนั้นอีกแล้ว แทมมี่ยึดคติว่า “Count Your Blessings” คิดถึงสิ่งดีๆในชีวิต แม้วันพรุ่งนี้อาจเจอเรื่องที่ไม่ดีบ้าง แต่การมีชีวิตอยู่นับว่าเป็นเรื่องดีที่สุด ต้องนึกถึงสิ่งดีๆมากกว่าสิ่งไม่ดีค่ะ

 

ประวัติไม่ธรรมดา แต่ที่น่านับถือคือความคิดและจิตใจของเธอนี่แหละ…ลัดดา แทมมี่ ดักเวิร์ธ ส.ว.รัฐอิลลินอยส์


เรียบเรียงโดย : Gingyawee_แพรวดอทคอม
ข้อมูล : นิตยสารแพรว ปักษ์ 796 ปี 2555
ภาพ : Getty Images, แฟนเพจ Facebook – Tammy Duckworth

ภาพประวัติศาสตร์ ‘บิล-ฮิลลารี คลินตัน’ ร่วมชมการแสดงโขนกับในหลวง-พระราชินี เมื่อครั้งมาเยือนไทย

จากสถานะสตรีหมายเลข 1 เมื่อครั้งที่สามีของเธอ บิล คลินตัน ขึ้นมาเป็นผู้นำสหรัฐฯ เวลานั้นบทบาทของฮิลลารี คลินตัน ก็ดูจะเป็นสิ่งที่คนทั่วโลกให้ความสนใจ เธอติดตามสามีเพื่อสร้างสัมพันธไมตรีกับประเทศต่างๆ มากมาย ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีประเทศไทยอยู่ด้วย

ย้อนกลับไปเมื่อ 20 ปีก่อน ประธานาธิบดี บิล คลินตัน ของสหรัฐฯ ได้เดินทางมาพร้อมกับภริยา นางฮิลลารี คลินตัน ในฐานะพระราชอาคันตุกะของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินาถ เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2539 โดยมีสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฏราชกุมาร และสมเด็จพระเทพรัตน ราชสุดาสยามบรมราชกุมารี เสด็จแทนพระองค์ฯ เพื่อตอนรับผู้นำสหรัฐฯ ในครั้งนั้น

การมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะพระราชอาคันตุกะ ทำให้เรารู้จักสตรีหมายเลข 1 อย่างนางฮิลลารี คลินตันมากขึ้นด้วย ซึ่งในครั้งนั้นพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดการต้อนรับในรูปแบบรัฐพิธี พระราชทานเลี้ยงในพระบรมมหาราชวังกับทั้งสองอย่างสมเกียรติ อีกทั้งทรงโปรดเกล้าฯให้มีการจัดแสดงโขนรามเกียรติ์ ชุดยกรบ เฉพาะพระพักตร์ ณ บริเวณสนามหน้าพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ให้เป็นสถานที่จัดการแสดง เนื่องจากพระองค์มีพระราชประสงค์ให้แขกต่างถิ่นที่มาเยือนได้เห็นว่าประเทศไทยนั้นมีศิลปวัฒนธรรมอันงดงามที่ไม่เหมือนกับชาติใดในโลก ซึ่งในวันนั้นพระราชอาคันตุกะทั้งสองยังได้รับพระมหากรุณาจากพระองค์ให้ร่วมชมการแสดงอย่างเป็นกันเองอีกด้วย

หลังจากบทบาทของสตรีหมายเลข 1 จบลงไปพร้อมกับการเปลี่ยนประมุขของสหรัฐตามกำหนดวาระ นางฮิลลารี คลินตันก็เข้ามามีบทบาททางการเมืองมากขึ้นอีกครั้ง ทั้งการเป็นสมาชิกวุฒิสภารัฐนิวยอร์ก จนกระทั่งก้าวขึ้นมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา ในสมัยที่บารัค โอบามา ดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดี โดยเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2555 นางฮิลลารี คลินตันก็ได้มาประเทศไทยอีกครั้งพร้อมกับประธานาธิบดี บารัค โอบามา ในฐานะแขกของรัฐบาลสมัยนั้น

นางฮิลลารี คลินตัน กลับมาเยือนเมืองไทย และได้เข้าเฝ้าในหลวงรัชกาลที่ 9 อีกครั้งร่วมกับประธาธิบดีบารัค โอบามา
นางฮิลลารี คลินตัน กลับมาเยือนเมืองไทย และได้เข้าเฝ้าในหลวงรัชกาลที่ 9 อีกครั้งร่วมกับประธาธิบดีบารัค โอบามา

ขณะเดียวกันก็เป็นครั้งที่สองที่นางฮิลลารีได้มาเยือนไทย และมีโอกาสได้เข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อีกครั้งด้วย

เรื่อง : sriploi

ภาพ : http://www.ibtimes.co.uk/thailand-life-times-king-bhumibol-adulyadej-worlds-longest-reigning-monarch-1564362 และคลิปกษัตริย์ปฐมครูโขน-ละครแห่งแผ่นดินB45

 

 

 

น้ำหอม

4 น้ำหอมที่สาวๆ ควรพก กลิ่นละมุนจนหนุ่มๆ ต้องเหลียวหลัง

Alternative Textaccount_circle
น้ำหอม
น้ำหอม

น้ำหอม กับ ผู้หญิง เป็นของคู่กันที่ไม่ควรขาด เพราะเป็นช่วยทำให้ผู้หญิงมั่นใจขึ้น นอกจากช่วยกลบกลิ่นไม่พึงปรารถนาแล้ว ยังเสริมเสน่ห์สร้างบุคลิกให้ดูดีชวนน่าหลงใหล เดี๋ยวจะหาว่าพูดเว่อร์เกินจริง ลองนึกตามสิ เชื่อว่าทุกคนเคยเจอเวลาที่คนเดินผ่านแล้วมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ให้ความรู้สึกสดชื่นชวนสูดดมลอยละล่องมากระแทกจมูก เราถึงขั้นต้องหันมองตามเลยนะ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นน้ำหอมของแท้กลิ่นหอมอ่อนๆ ดูอ่อนโยน มีความละมุนไม่ฉุนจมูก แถมติดทนนานด้วย

เกริ่นมาตั้งเยอะก็แค่จะบอกว่าแพรวมีน้ำหอมมาแนะนำ 4 แบรนด์ที่ผู้หญิงควรต้องมีอย่างน้อยสักแบรนด์สองแบรนด์พกไว้นะจ๊ะ บอกเลยจำเป็นสำหรับผู้หญิงมากๆ เรียกได้ว่าเป็นไอเท็ม Must Have เลยค่ะ แล้วคุณจะรวยเสน่ห์จนหนุ่มๆ ต้องเหลียวหลังเลยทีเดียว

ซึ่งแบรนด์ที่แพรวแนะนำนั้น บรรดาเหล่าแพรวนิสต้า เมคอัพอาร์ติสต์ ซูเปอร์โมเดล และบิวตี้บล็อกเกอร์ อาทิ ทิวากร โสภาอัศวภรณ์, เจตประวิทย์ ตรีพิทักษ์, พิชญ์สินี ตันวิบูลย์, แพรวเพชร กาญจน์เกียรติกุล, ณัฐกฤตา เกษรมาศมณี และธนฤทธิ์ แสงสิน ร่วมทดสอบในกิจกรรมสุดยอดผลิตภัณฑ์ความงาม Praew Iconic Beauty 2016 แล้วได้ผลลัพธ์ตรงกันว่าหอมจริง ติดทนจริง และมีความยูนีกตามสไตล์แต่ละแบรนด์ สาวๆ คนไหนไม่มีถือว่าพลาด! จะรออะไรล่ะ เก็บเงิน แล้วไปสอยกันค่ะ

 

2331s420570_main_zoom-jpg

Dior J’adore Eau de Parfum
สุดยอด ICONIC CLASSIC SCENT PERFUME

กลิ่นหอมในตำนานของ “House of Dior” ที่มีภาพลักษณ์หรูหราราวกับน้ำทิพย์ในขวดสีทองเลอค่า น้ำหอม “J’adore” สูตรแรกวางขายตั้งแต่ปี 1999 และเป็นที่นิยมติดอันดับยอดขายสูงสุดเสมอมา จนกลายเป็นกลิ่นสุดคลาสสิกที่สาว ๆ ทั่วโลกพากันหลงรัก ดีไซน์สุด “Luxury” ของรูปทรงขวดที่มีคอยาวระหงสง่างาม ดึงดูดให้เปิดมาพบกับ
กลิ่นอายของดอกกระดังงา กุหลาบ และมะลิอาหรับเข้มข้น ปิดท้ายด้วยกลิ่นบางเบาสไตล์ Woody จาง ๆ จาก “Sandalwood” ที่หลอมรวมกัน กลายเป็นบรรยากาศของแสงอาทิตย์สีทองทาบทอลงบนพื้นน้ำทะเลยามเย็น
สง่างามสมเป็นตำนาน ทั้งกลิ่นและภาพลักษณ์ที่ทำให้นึกถึงผู้หญิงสง่างามแบบ “ชาร์ลีซ เทอรอน”
(100 มิลลิลิตร / 6,250 บาท)


i_0690251019113_50_20160419

Jo Malone English Pear & Freesia Cologne
สุดยอด ICONIC REFRESHING SCENT PERFUME

เดินผ่านแล้วแทบสะดุดกับกลิ่นหอมหวานชวนสดชื่นตัวแทนของฤดูใบไม้ร่วงจากโจ มาโลนคอลเลคชั่น “English Pear & Freesia” ถ่ายทอดความหอมละมุนของผลแพร์ที่สุกงอมกำลังดีผลิดอกออกผลอย่างพร้อมพรั่งอุดมสมบูรณ์ในสวนผลไม้แห่งชนบทของอังกฤษ “English Pear & Freesia Cologne” เป็นแนวกลิ่นที่แสดงถึงออกถึงคาแรคเตอร์ของความเรียบง่าย ผ่อนคลาย อารมณ์สัมผัสอันแสนบางเบาสื่อสารถึงความสดใส มีชีวิตชีวา เปรียบดั่งสวมใส่เครื่องประดับชิ้นงามเติมเต็มความหอมให้กับเรือนร่าง ผสมผสาน English Pear & Freesia ด้วยโจ มาโลนกลิ่น Orange Blossom ความหอมสดใสที่ได้จากดอกลิลลี่ ดอกไลแลค และดอกส้ม คละเคล้าได้ดีกับความสดชื่นหอมหวานของผลแพร์ที่กำลังสุกงอมน่าสัมผัส กลายเป็นแนวกลิ่นที่เต็มไปด้วย ความหอมหวานละมุนละไม น่าทะนุถนอมของแนวกลิ่นฟรุ๊ตตี้ฟลอรัล
(100 มิลลิลิตร / 4,250 บาท)


coco-mademoiselle-edp-100ml_

CHANEL COCO MADEMOISELLE Eau de Parfum Spray
สุดยอด ICONIC GLAM SCENT PERFUME

เติมเต็มเสน่ห์หรูหราแบบที่ผู้หญิงพึงมี “COCO MADEMOISELLE Eau de Parfum” เป็นน้ำหอมรุ่นท็อปของชาแนล ที่มีกลิ่นหวานละมุน หรูหรา มีคลาสในแบบฉบับของ Chanel ให้ความรู้สึกถึงความเป็นผู้หญิงมั่น หรูหรา และทันสมัย ทั้งยังมีกลิ่นที่ติดทนนาน โดยกลิ่นหอมของน้ำหอมนี้จะมาจากการผสมผสานของดอกมะลิอย่างลงตัว เหมาะกับอากาศเมืองไทย ไม่ฉุนจนเกินไป
(100 มิลลิตร / 5,400 บาท)


236005278

NARCISO RODRIGUEZ Poudrèe Eau de Parfum
สุดยอด ICONIC SEXY SCENT PERFUME

เสน่ห์ของหญิงสาวเปรียบเสมือนแสงที่อบอุ่นของดวงอาทิตย์ กลิ่นนี้เหมาะสำหรับสาวทันสมัย เป็นกลิ่นแนววู๊ดดี้อัมเบอร์ กลิ่นที่ช่วยส่งผ่านความหรูหรา แปลกใหม่ ไม่ว่าจะเป็น Honey Flower  กลิ่นดอกส้ม อำพัน และกลิ่นวนิลา กลิ่นหลักจาก Solar Musk, Tactile Musk,  Vetiver ผสมผสานรวมกันจนได้กลิ่นหอมที่หลอมรวมอวลไออันอ่อนโยน ละมุนละไม และทรงอำนาจในหนึ่งเดียว เพื่อถ่ายทอดอารมณ์แห่งความเป็นผู้หญิงได้กว่าที่เคยเป็น และ “มัสค์” กลิ่นหอมที่พร้อมหลอมรวมกับผิวกายอิสตรีเพื่อทวีเสน่ห์ตราตรึงชวนหลงใหลในทันที ออกแนวสาวหวานไฮโซที่ไม่อ่อนปวกเปียก สดชื่นเป็นเอกลักษณ์ ไม่เวียนหัวด้วย ฉีดแรกๆ อาจจะแอบฉุนเล็กน้อยเพราะไม่คุ้น แต่หลังจากนั้น พอเซ็ตตัวกับผิวแล้วหอมสุดฉุดไม่อยู่เลยคร๊า
(100 มิลลิลิตร / 4,700 บาท)

 

เรื่อง : PP_แพรวดอทคอม
ข้อมูลและรูปภาพ : นิตยสารแพรว ฉบับ 892 ปักษ์ 25 ตุลาคม 2559 


บทความบิวตี้อื่นๆ ที่น่าสนใจ
ดีจริงไม่ต้องพูดเยอะ! 8 โปรดักต์ปราบริ้วรอยร่องลึก
10 ไอเท็มเด็ดน่าสอย กลบรอยหมองคล้ำ ล็อกผิวเนียนใสไร้ที่ติ
ใช้ดีเลยบอกต่อ ชี้เป้า 10 สกินแคร์ หน้าขาวกระจ่างใส
เลิกซะ! 5 พฤติกรรมใช้บรอนเซอร์ผิดๆ
ลิปสติก 8 เฉดลุคธรรมชาติ งดจัดจ้าน ราคาน่ารัก

ส่องชุดสมรสประทาน “หญิงแม้น-แม้นนฤมาส ยุคล”

account_circle

คุณหญิงแม้น – ม.ร.ว. แม้นนฤมาส ยุคล และ หนุ่มไฮโซตระกูลดัง ซัน – ต่อสวัสดิ์ สวัสดิ์-ชูโต ควงคู่สู่พิธีมงคลสมรสประทานจากพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เราไม่รอช้ารีบเสาะหาข้อมูลและยกหูโทรฯ สายตรงไปหาคุณปลา-สุดจิตร์ แห่ง Finale Wedding Studio เจ้าของผลงาน ชุดแต่งงานหญิงแม้น อย่างด่วนจี๋

หญิงแม้น-แม้นนฤมาส ยุคล
สวมชุดไทยบรมพิมานเข้ารับพระราชทานน้ำสังข์

หญิงแม้นเลือกใช้ชุดไทยบรมพิมานและชุดไทยประยุกต์ สำหรับ 2 ช่วงพิธีการ โดย ชุดไทยบรมพิมาน ที่หญิงแม้นใส่ออกมาสวยเป๊ะ เป็นชุดที่ออกแบบและตัดเย็บโดย Finale Wedding Studio  และคนที่จะช่วยเราพลิกตะเข็บชุดได้ดีที่สุดจึงได้แก่คุณ ปลา – สุดจิตร์ สุดจิตต์ เจ้าของแบรนด์นั่นเอง

หญิงแม้น-แม้นนฤมาส ยุคล
ชุดไทยบรมพิมาน ออกแบบและตัดเย็บโดย Finale Wedding Studio

คุณปลาให้รายละเอียดเกี่ยวกับชุดไทยพระบรมพิมานของเจ้าสาวราชนิกูลคนนี้ว่า  “เป็น 1 ใน 8 ชุดไทยพระราชนิยม ที่มีลักษณะเป็นเสื้อเรียบสีงาช้าง คอตั้ง  แขนกระบอก นุ่งทับด้วยผ้ายกใหญ่ ลายทองโบราณ จับจีบหน้านาง สวมเครื่องประดับ ต่างหู สร้อยคอ และเข็มขัด อันเป็นเครื่องประดับเก่าแก่สืบทอดมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5”

และคุณปลายังกำกับมาอีกด้วยว่า “เจ้าสาวที่จะเข้าพิธีพระราชทานน้ำสังข์ ต้องสวมชุดไทยบรมพิมาน และต้องเป็นโทนสีอ่อน อย่าง สีงาช้าง สีขาว และสีครีม”

หญิงแม้น-แม้นนฤมาส ยุคล
ชุดสำหรับพิธีทางศาสนา

สำหรับพิธีทางศาสนาหญิงแม้นเลือกใส่ชุดไทยประยุกต์ โดยคุณปลาเล่ารายละเอียดของชุดให้เราฟังด้วยเช่นกันว่า ตัวเสื้อตัดเย็บจากผ้าลูกไม้ฝรั่งเศสลายในเนื้อผ้าแท้ๆ  เป็นคอสูง เอวจับจีบรูดเล่นระบาย กระดุมด้านหลังยาวตลอดตัวเสื้อ วางผ้าเล่นเชิงลายลูกไม้ที่คอเสื้อ ปลายแขนเสื้อ และระบายรอบเอว ด้านในเป็นเสื้อเกาะอกสีขาว  กระโปรงป้ายด้านหน้าเป็นลายทอพิเศษออกแบบโดย คุณเกสินี กล่ำอยู่สุข และคุณปลาเอง โดยผู้ประกอบพิธีทางศาสนาในงานมงคลนี้คือ สมเด็จพระมหามุนีวงศ์ สมเด็จพระราชาคณะฝ่ายธรรมยุติกนิกาย เจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร

เราขอแสดงความยินดีกับบ่าวสาวข้าวใหม่ปลามันคู่นี้ และมีงานฉลองสมรสประทานเมื่อไหร่ เราจะรีบนำมาเสิร์ฟให้อ่านกันทันที แต่ที่แน่ๆ เรามีรูปฟิตติ้งชุดสวยมาให้ดูกันเป็นน้ำย่อย บอกเลยว่า สวยและเซ็กซี่สุดๆ ไปเลย

หญิงแม้น-แม้นนฤมาส ยุคล
ชุดฉลองสมรสประทาน

ขอบคุณข้อมูลจาก คุณ ปลา – สุดจิตร์ สุดจิตต์ เจ้าของแบรนด์ Finale Wedding Studio

ขอบคุณภาพจาก เฟซบุ๊ก : Finale wedding Studio ไอจี: yingmann

กษัตริย์จิกมี

รักล้นเกล้า 23 พระราชอิริยาบถ กษัตริย์จิกมีแห่งภูฏาน ผู้ดำเนินรอยตามในหลวงรัชกาลที่ 9

กษัตริย์จิกมี
กษัตริย์จิกมี

ไม่ทรงเป็นเพียงต้นแบบให้แก่พสกนิกรชาวไทยได้เดินตามรอยพระบาทเท่านั้น แต่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ยังทรงเป็นต้นแบบให้พระมหากษัตริย์พระองค์อื่นๆทั้งในและต่างประเทศ เฉกเช่นกษัตริย์จิกมี ราชันแห่งภูฏาน ที่ทรงเดินตามแนวทางปฏิบัติพระราชกรณียกิจ และดูแลทุกข์สุขประชาชนให้อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุขอีกด้วย

สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก หรือที่มักคุ้นหูเรียกพระนามสั้นๆว่า กษัตริย์จิกมี ทรงเป็นพระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรภูฏาน ในรัชกาลที่ 5 แห่งราชวงศ์วังชุก ทรงได้รับการยกย่องจากชาวภูฏานรวมถึงชาวไทยส่วนใหญ่ว่ามีพระจริยวัตรที่งดงาม และทรงเป็นที่รักยิ่งของประชาชนชาวภูฏาน เนื่องจากพระองค์นั้นทรงทุ่มเทพระวรกาย ทรงงานหนัก ไม่เว้นแม้แต่เสด็จลงพื้นที่เยี่ยมเยือนราษฎรในพื้นที่ถิ่นทุรกันดาร ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็เพื่อพัฒนาประเทศและนำความผาสุขมาสู่ราษฎรชาวภูฏาน และที่สำคัญพระองค์ยังทรงให้ความใกล้ชิดกับราษฎรชาวภูฏานโดยไม่ถือพระองค์อีกด้วย

หากพิจารณาแล้ว เมื่อมองกษัตริย์จิกมี คงปฏิเสธไม่ได้ว่าหลายคนคงนึกถึงภาพในหลวงรัชกาลที่ 9 หรือพ่อหลวงของชาวไทยอย่างแน่นอน ซึ่งกษัตริย์จิกมีเคยมีพระราชดำรัสถึงในหลวงรัชกาลที่ 9 ด้วยว่า “ข้าพเจ้ารัก เคารพ และชื่นชมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นอย่างมาก พระองค์ท่านทรงเป็นสุดยอดพระมหากษัตริย์” (Facebook: Bhutan Center) กล่าวได้ว่าในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเป็นแรงบันดาลใจ และทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่พระราชาแห่งภูฏานทรงศรัทธาและเคารพเป็นอย่างยิ่ง รวมถึงทรงยึดเป็นต้นแบบในการปฏิบัติพระราชกรณียกิจต่างๆด้วย

อีกทั้งความรักต่อพระราชินี นั่นคือสมเด็จพระราชินีเจตซุน เพมา วังชุก และพระราชโอรส เจ้าฟ้าชายจิกมี นัมเกล วังชุก กษัตริย์จิกมีก็ทรงสนพระราชหฤทัยดูแล และทรงมอบความปรารถนาดีให้อย่างสม่ำเสมอถึงแม้พระองค์จะทรงงานหนักก็ตาม เรียกว่าทรงเป็นกษัตริย์ผู้ดำเนินตามรอยพ่อหลวงของไทยอย่างแท้จริง และทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวภูฏาน ไม่เว้นแม้แต่ชาวไทยอีกด้วย

พระบรมฉายาลักษณ์ในพระราชอิริยาบถต่างๆของสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งภูฏาน ในหลายพระบรมฉายาลักษณ์ก็มีความคล้ายคลึงกับพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นอย่างมาก ทั้งนี้เฟซบุ๊กแฟนเพจที่ชื่อ Bhutan Center นั้นได้นำพระบรมฉายาลักษณ์ของทั้งสองพระองค์มาโพสต์เพื่อให้ประชาชนได้ชมกัน ซึ่งทุกภาพล้วนสะท้อนให้เห็นว่าพระมหากษัตริย์ของไทย “ในหลวงรัชกาลที่ 9” ทรงเป็นต้นแบบของกษัตริย์หนุ่มแห่งภูฏานพระองค์นี้อย่างแท้จริง

 


เรื่อง : Gingyawee_แพรวดอทคอม
ภาพ : แฟนเพจ Facebook – Bhutan Center, www.bhutancenter.com

Ralph Lauren’s Coffee

Ralph Lauren’s Coffee @ NEW YORK “คอ #กาแฟ สาย #แฟชั่น” ต้องจัด! ต้องโดน!

Ralph Lauren’s Coffee
Ralph Lauren’s Coffee

 

Pound_Praewnista พาชมร้านกาแฟสไตล์ราล์ฟ ลอเรน ที่ถนน 5th Avenue New York ขอบอกว่า “มีที่นี่ที่เดียว” เท่านั้นนะครับ

อากาศที่นี่เริ่มเย็นลงแล้วครับ ก็ประมาณ 6 องศาได้แล้ว (บรื๋อ) เลยตั้งใจจะได้ช็อปบอมเบอร์แจ็กเก็ตสักหน่อย อยู่อเมริกาทั้งทีก็ต้องหาแบรนด์ที่นี่ใส่นิสนึง “POLO Ralph Lauren” จึงเป็นชื่อแรกๆที่ปิ๊งขึ้นมา ที่นึกถึง POLO Ralph Lauren เพราะผมว่ามีอะไรให้เล่นมากกว่า Ralph Lauren เฉยๆ  ลวดลายและสีก็มันกว่าเยอะ ส่วนราคาก็มีแบบไม่แพงจนถึงแพงมาก แล้วแต่ “ชิ้น” กันไปครับ 

ว่าแล้วก็ปักหมุดพุ่งไปที่สโตร์ใหญ่ตรง 5th Avenue (711 5th Avenue at 55th Street)

01-shop

สโตร์หาไม่ยากครับ เพราะมันมีความเว่อร์อลังการอยู่ แวะซื้อเค้กที่อร่อยจนน้ำตาไหลที่ Lady M @The Plaza Hotel มาปุ๊บ เลยขวามือของ Bergdorf Goodman มาอีกนิดก็จะเห็นทันที แฟล็กชิปสโตร์นี้เปิดมาได้ 2 ปีแล้วครับ (28 สิงหาคม 2014) มีทั้งหมด 4 ชั้น ซึ่งข้าวของละลายตาเว่อร์ เอาเป็นว่าเรื่องเสื้อผ้าผมไม่แตะแล้วกัน เพราะที่ไทยของก็แซ่บและน่าสอยไม่แพ้กัน ใครว่างแวะไปดูกันนะครับที่ Groove เซ็นทรัลเวิลด์ ส่วนผมพอได้ชิ้นที่ต้องการแล้ว ก็พุ่งไปที่ชั้น 2 เพื่อขอนั่งจิบกาแฟที่ “Ralph’s Coffee” ทันที

ตั้งใจแวะมาหลายครั้งแล้ว แต่พลาด! วันนี้ฤกษ์ดี ต้องจัด!

061115_rl_coffee_lp_03_us img_0010 polo-menu ralph3 PEN90514_1_0114.tif rl_coffee_02

วันที่ผมไปคนเยอะใช่เล่นนะครับ พนักงานน่ารักของที่นี่ถามผมว่า “รับเป็น Take Away ไหม” เพราะเกรงว่าจะต้องรอโต๊ะนาน แต่ Hello! มีหรือจะยอมเดินออกไปเฉยๆ ยังไงก็ต้องขอนั่งสักหน่อย เพราะร้านบรรยากาศดีมาก…เริ่มตั้งแต่ตัวพื้นที่นำโมเสกสีขาวชิ้นเล็กมาเรียงต่อกันแบบไม่จงใจ ผมใช้คำว่าไม่จงใจนะครับ เพราะมันไม่ได้ดูเนี้ยบซะทีเดียว น่าจะอยากให้มีความเท่ปนๆอยู่นะครับ ตัวพื้นสีขาวตัดกับลังไม้โอ๊กสีน้ำตาลที่เรียงสูงขึ้นไปเกือบถึงเพดานได้อย่างลงตัว แถมตัวหน้าต่างทรงโค้งบานใหญ่ โชว์ให้เห็นด้านนอกของถนนเส้น 5th ของนิวยอร์กเขาละครับ ก่อนจะสั่งเครื่องดื่ม ผมถามบาริสต้าคนเดิมว่า “เก้าอี้” ที่ใช้ได้มาจากไหน ฮีว่า “มิสเตอร์ราล์ฟได้มาจากตลาดเก่าที่ฝรั่งเศส” ส่วนโต๊ะก็ท็อปด้วยหินอ่อน “Carara” ธรรมดาที่ไหน ทั้งหมดก็เพื่อสื่อให้เห็นถึงสไตล์แบบ “American boathouse & a Parisian bistro” นั่นเองครับ

03-coffee-cup

เคยมีคนบอกว่า “ถ้าอยากรู้ว่ากาแฟดีไม่ดี ให้ลองสั่งเอสเปรสโซ”

แต่ผมว่ามันขึ้นอยู่ความชอบของแต่ละคนนะครับ อย่างผมลิ้นจระเข้ ดื่มได้หมด จะขม จะอ่อน จะนุ่ม จะดาร์ก หรือจะกึ้ก! เพราะส่วนตัวกาแฟดีต้องมาพร้อมบรรยากาศที่ดี และที่ Ralph’s Coffee ตอบโจทย์ผมเรื่องบรรยากาศได้ดีเยี่ยม ต่อให้นั่งดื่มน้ำล้างเมล็ดกาแฟต้มสุก (หัวเราะ) ผมก็ไม่ติดอะไรเลย…

แต่เดี๋ยวก่อน เห็นเขียนแบบนี้ เดี๋ยวจะว่าเอสเปรสโซที่นี่ไม่ได้เรื่องนะครับ กลับกัน! ถือได้ว่า “ยอดเยี่ยม” เชียวครับ ด้วยกาแฟได้รับมาตรฐานจาก La Colombe Torrefaction ซึ่งถือว่าไม่ง่ายเลย เพราะนอกจากเรื่องแหล่งที่มาของกาแฟแล้ว การบดที่ต้องถูกจังหวะก็สำคัญ การจับเวลาในการต้ม รวมถึงคุณภาพน้ำก็ด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้คนที่อินเรื่องกาแฟเขาใส่ใจกันเป็นพิเศษ มิสเตอร์ราล์ฟก็ด้วย เพราะนอกจากรสชาติที่พี่เขาปลิ้มปริ่มแล้ว เขายังอัญเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารหลายท่านอย่าง Mario Batali, Alain Ducasse และ Jean-Georges Vongerichten มาค้นหากาแฟที่ใช่เพื่อเสิร์ฟในร้านนี้อีกด้วย! เอาซี้!

04-%e0%b8%9a%e0%b8%b2%e0%b8%a5%e0%b8%b4%e0%b8%aa%e0%b8%95%e0%b9%89%e0%b8%b2

จริงๆบาริสต้าก็คะยั้นคะยอให้ลองชิมตัวอื่นด้วยอะนะ แต่เดี๋ยวก่อน แค่แก้วนี้ก็ตาแข็งเว่อร์ละ สิ่งที่ทำได้คือยิ้มอ่อนๆให้นางพร้อมเมินหน้าหนี (ประมาณว่าสวยมาก?)

ที่ Ralph’s Coffee ไม่ได้มีเฉพาะกาแฟนะครับ

08 082

ที่นี่เป็นมินิคอนเซ็ปต์สโตร์ก็ว่าได้ เพราะนอกจาก a cup of drink แล้ว ยังมีพวกสโคน คุกกี้ และแซนด์วิชเสิร์ฟด้วย ซึ่งแซนด์วิชเป็นแบบ Daily Special ที่แต่ละวันนั้นเสิร์ฟไม่เหมือนกันครับ แถมยังมี The Coffee & Espresso Blends ทั้งแบบใส่ถุงและกล่องโลหะให้เลือกซื้อกลับบ้านกันไปอีก ราคาก็อยู่ที่ 15 – 17 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนแบรนด์โรยัลตี้ท่านอื่นๆที่ไม่สนกาแฟ ก็ยังมีเสื้อโปโลโลโก้ร้านกาแฟ หมวก ผ้ากันเปื้อน ตุ๊กตาหมี กระเป๋าโท้ต รวมถึง Table Book หายากให้ซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้าน

06

07-book-%e0%b9%81%e0%b8%a2%e0%b8%81

อ้อ! เกือบลืมช็อกโกแลตบาร์สีขาวและสีเขียว

08

เป็นอะไรที่ห้ามพลาดเด็ดขาด ทั้งสองสีรสชาติเดียวกันครับ แต่ที่อยากแนะนำให้ซื้อทั้งสองสีเพราะมันเก๋ไร้บรรยายอะสิ! ส่วนรสชาติก็ละมุนลิ้นดีเหลือเกิน (แผลบๆ)

09-mr-ralph

“The smell of freshly brewed coffee evokes so many memories for me, Mostly of time spent with friends and family, the people I love. I want to develop this coffee blends in that spirit and create a place where people could come together and take a break from their busy day”

Ralph Lauren

ผมเชียร์คุณอยู่ คุณก็รู้

เรื่อง : Pound_Praewnista

ณเดชน์ คูกิมิยะ ตอบคำถาม ภูมิใจแค่ไหนได้เกิดเป็นคนไทยในรัชกาลที่ 9

ความภูมิใจที่ได้เกิดเป็นคนไทยในรัชกาลที่ 9 และความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพ่อหลวงจะฝังรากลึกลงในหัวใจและเลือดเนื้อของลูกหลานคนไทยสืบไป ประหนึ่งต้นไม้ที่ฝังรากลงบนดิน และเติบโตมั่นคงขึ้นได้ด้วย “น้ำ” ซึ่งคือ “หยาดเหงื่อของพ่อ” 

ด้วยความสำนึกจากหัวใจนั้น พระเอกหนุ่ม “ณเดชน์ คูกิมิยะ” ได้บอกเล่าเรื่องราว แนวคิด และการดำเนินชีวิตตามรอยพ่อว่า

“ผมเกิดในปี 2534 ครับ และถัดมาไม่นานพระองค์ท่านก็มีพระราชดำริเกี่ยวกับโครงการเศรษฐกิจพอเพียง จึงทำให้ผมได้รู้จักพระองค์ท่าน พอเราโตขึ้นมาก็ยิ่งรู้จักพระองค์ท่านมากขึ้น รู้ในเรื่องของพระราชกรณียกิจต่างๆที่พระองค์ท่านเสด็จฯไปทรงงานในหลายๆพื้นที่ผ่านทางข่าวในพระราชสำนัก ซึ่งภาพที่เห็นคือพระองค์ท่านทรงงานอยู่ตลอด ทำให้ผมได้เห็นถึงความเหนื่อยที่พระองค์ท่านทรงดูแลประเทศไทย ทรงสั่งสอนคนไทยในสังคมให้เป็นคนดีและรักประเทศไทย ถ้าถามผมว่าภูมิใจแค่ไหนที่ได้เกิดในรัชกาลที่ 9 ผมคงหาคำตอบมาไม่ได้ครับ เพราะมันเป็นความรู้สึกที่เราโชคดีมากๆที่ได้เกิดมาในแผ่นดินของประเทศไทย โชคดีมากที่ได้เกิดมาอยู่ในช่วงรัชกาลที่ 9″ 

สำหรับแนวคิดและการดำเนินชีวิตตามรอยพ่อนั้น พระเอกหนุ่มบอกว่า ความกตัญญูต่อพ่อแม่สำคัญที่สุด

“ผมจะน้อมนำในเรื่องของพระราชกรณียกิจต่างๆมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับชีวิต นำไปบอกต่อแก่สังคม นำไปใช้เวลาที่เรามีครอบครัว นำพระราชดำรัสต่างๆของพระองค์มาใช้ โดยเฉพาะเรื่องของความพอเพียงครับ การมีอยู่ มีกิน รู้จักพอดี แล้วก็ต้องคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดในการใช้จ่าย และที่สำคัญคือหน้าที่ของความเป็นลูก ต้องรู้จักกตัญญูต่อพ่อแม่ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่เด็กทุกคนควรจะทำครับ นิทรรศการ ‘พระบารมีปกเกล้า เหล่าปวงประชา’ เป็นอีกหนึ่งนิทรรศการที่ผมอยากเชิญชวนให้มาชมกัน ไม่ว่าจะเป็นน้องๆเยาวชน คุณพ่อ คุณแม่ เพราะงานในครั้งนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น เป็นนิทรรศการที่อยากให้ทุกคนได้ทราบถึงพระราชกรณียกิจ พระมหากรุณาธิคุณ รวมไปถึงพระบรมฉายาลักษณ์ในพระราชอิริยาบถต่างๆ อยากจะให้ทุกคนน้อมนำสิ่งเหล่านี้เก็บไว้ในดวงใจของเราตลอดไปครับ”

ณเดชน์ คูกิมิยะ

ณเดชน์ ภูมิใจที่ได้เกิดในรัชกาลที่ 9
ชมนิทรรศการ “พระบารมีปกเกล้า เหล่าปวงประชา” ได้ตั้งแต่วันนี้ – 30 พฤศจิกายน 2559 เวลา 10.00 – 17.00 น. ณ ชั้น G อาคารมาลีนนท์ 2 สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 พระราม 4

nadach04

ณเดชน์ คูกิมิยะ

nadach08

nadach07


เรื่อง : Red Apple_แพรวดอทคอม
ภาพ : Thai TV3

3 เซเลบริตี้สาวหัวใจอาร์ตพาตะลุยช็อปใหม่ “โจนาธาน แอดเลอร์” แบรนด์โปรดของอาร์ตเลิฟเวอร์ทั่วโลก

การแต่งบ้านเป็นความสุขของใครหลายๆคน เพราะการแต่งบ้านสามารถบ่งบอกถึงตัวตนของเจ้าของบ้านได้ ด้วยเหตุนี้ “โจนาธาน แอดเลอร์” (Jonathan Adler) ผู้นำด้านของแต่งบ้าน จึงเปิดช็อปแห่งใหม่เอาใจผู้ที่ชื่นชอบของแต่งบ้าน โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่ไม่เหมือนใคร ใจกลางศูนย์รวมไลฟ์สไตล์สุดอัพเดตอย่าง “สยามดิสคัฟเวอรี่ ดิเอ็กซ์พลอราทอเรียม”

โจนาธาน แอดเลอร์ ผู้สร้างสรรค์เฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้านสุดเก๋ที่ผสมผสานการดีไซน์เข้ากับฟังก์ชันการใช้งาน โดดเด่นด้วยวัสดุที่เลือกใช้ได้อย่างลงตัว จนกลายเป็นแบรนด์โปรดของอาร์ตเลิฟเวอร์ทั่วโลก ได้รับความนิยมอย่างมากจากบรรดาเซเลบริตี้คนดังและเหล่าผู้นำเทรนด์ในบ้านเรา โดยเฉพาะ 3 เซเลบริตี้สาวหัวใจอาร์ต ปอม – ธัชมาพรรณ จันทร์จำรัสแสง, แป็กกี้ – ฐิติยา ฮุนตระกูล และข้าวโพด – มัญชุมาศ นำเบญจพล ที่วันนี้พวกเธอได้แท็กทีมมาสำรวจช็อปแห่งใหม่ว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง

1

เริ่มที่ศิลปินคนดัง “ปอม – ธัชมาพรรณ จันทร์จำรัสแสง” หรือ Pomme Chan นักวาดลายเส้นที่ผลงานมีเอกลักษณ์ เป็นที่รู้จักระดับอินเตอร์ หนึ่งในแฟนของแบรนด์ เล่าว่า “ในฐานะศิลปินที่รักการสร้างสรรค์งานศิลปะเหมือนกัน ปอมนับถือโจนาธาน แอดเลอร์ มาก เพราะเขาเป็นคนมีสไตล์ เห็นได้จากงานแต่ละชิ้นของเขาได้ผ่านกระบวนการคิดมาอย่างดี แต่ละคอลเล็คชั่นเต็มไปด้วยเรื่องราวและมีความแปลกใหม่เสมอ ไม่จำเจ เขากล้าที่จะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ เลือกใช้วัสดุหลากหลาย เป็นต้นว่า ไม้ ผ้า ทองเหลือง กระจก ลูไซต์ (Lucite)”

2

ปอม – ธัชมาพรรณเล่าต่อไปด้วยแววตาเป็นประกายว่า “ตอนนี้ปอมกำลังอินกับพวกเครื่องปั้นค่ะ เพราะกำลังจะขยายแบรนด์ของตัวเอง โดยเพิ่มเติมผลิตภัณฑ์จำพวกเซรามิก จากที่เคยมองแล้ว ปอมชอบที่ความสวยของสินค้าเขา ตอนนี้ยิ่งรู้สึกชื่นชมมากขึ้น เพราะเราได้สัมผัสและรู้ว่างานปั้นพวกนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย ไหนจะวัสดุ การขึ้นรูป การเผา ทุกอย่างต้องเป๊ะมากถึงจะได้ของออกมาทั้งบางและสวยเนี้ยบขนาดนี้”

3

ด้าน “แป็กกี้ – ฐิติยา ฮุนตระกูล” 1 ใน 3 พี่น้องเจ้าของ “Bake Ministry” แบรนด์ขนมสุดเก๋ มีสไตล์แตกต่างไม่เหมือนใคร เล่าให้ฟังบ้างว่า “ชอบดีไซน์ของแบรนด์นี้มาก ยิ่งพวกจาน ชาม ของประดับเล็กๆน้อยๆ น่านำไปแต่งร้าน และเป็นพร็อปส์สวยๆไว้สำหรับถ่ายภาพขนม ตอนนี้กำลังหาซื้อของขวัญให้พี่สาวพอดี เลยตั้งใจว่าจะหาชิ้นเด็ดๆไปให้ จะได้นำมาใช้ในงานได้ด้วย และดีใจมากที่เปิดสาขาใหม่ที่นี่ เพราะทำให้เดินทางง่ายและแวะมาซื้อสะดวกขึ้น ซึ่งจะต่างจากแต่ก่อนมาก ตอนสมัยที่ยังไม่ได้นำเข้ามาเปิดแบรนด์ในเมืองไทยต้องฝากเพื่อนหิ้วมาให้ ต้องรอว่าเมื่อไหร่เขาจะเดินทางกลับมา เวลาจะซื้อของขวัญแต่ละทีต้องวางแผนดีๆ ไม่อย่างนั้นมีเลยวันแน่ๆ แต่ตอนนี้สามารถแวะมาซื้อได้เองที่นี่เลย”

4

ส่วนดีไซเนอร์สาวเจ้าของแบรนด์ดัง “Munchu’s” อย่าง “ข้าวโพด – มัญชุมาศ นำเบญจพล” ที่สนุกสนานเพลิดเพลินไปกับการเดินสำรวจเฟอร์นิเจอร์ในช็อป เผยว่า “โพดชอบแต่งบ้านและให้ความสำคัญกับการแต่งบ้านมาก เพราะถ้าเราทำให้บ้านเราดี อยู่แล้วมีความสุข การได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีของสวยๆงามๆ มีดีไซน์เก๋ๆ โพดว่ามันช่วยทำให้เราอบอุ่น ผ่อนคลาย และยังช่วยสร้างแรงบันดาลใจในการริเริ่มความคิดสร้างสรรค์ได้ด้วย

6

“ที่สำคัญผลิตภัณฑ์ของแบรนด์นี้นอกจากจะสวยงามและแฝงประโยชน์ใช้สอยเข้ากับดีไซน์ได้อย่างลงตัวแล้ว จุดเด่นอีกอย่างที่โพดเห็นชัดคือ เขาเลือกใช้แต่วัสดุชั้นเยี่ยม คุณภาพดี และทนทาน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการตัดสินใจเลือกเฟอร์นิเจอร์ เพราะของพวกนี้เราไม่ได้เปลี่ยนกันบ่อยๆ ต้องใช้ไปอีกนาน ดังนั้นเราต้องมั่นใจได้ว่าวัสดุต้องดีจริงๆ ยิ่งเราเป็นดีไซเนอร์ คลุกคลีกับพวกวัตถุดิบอยู่แล้ว เลยรู้ว่าอันไหนของดี อันไหนของถูก แค่เห็นแค่จับก็รู้แล้วว่าของดี มีคุณภาพ คุ้มค่ากับราคาไหม ซึ่งโพดเลือกใช้ของแบรนด์นี้แล้วไม่ผิดหวังเลยค่ะ”

7

ได้ฟังคำบอกเล่าของแก๊งเซเลบริตี้สาวหัวใจอาร์ตกันไปแล้ว ใครที่รักการแต่งบ้าน รักความมีสไตล์ พิถีพิถัน และชื่นชอบงานดีไซน์ที่ไม่เหมือนใคร แวะไปพบกับโจนาธาน แอดเลอร์ ได้ทุกสาขาเลยนะคะ

8 9 10

เรื่อง : saipiroon_แพรวดอทคอม

ภาพ : โจนาธาน แอดเลอร์

“คุณหญิงต้น” เปิดบันทึกจากดวงใจ ถึงกษัตริย์ผู้ทรงเสียสละทุกอย่างเพื่อประชาชน!

 

“คุณหญิงต้น” เผยถึงเรื่องราวตลอดชีวิตที่มีโอกาสได้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาท

“คุณหญิงต้น” หม่อมหลวงปิยาภัสร์ ภิรมย์ภักดี ได้เผยถึงเรื่องราวตลอดชีวิตที่มีโอกาสได้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาท พร้อมกับพระบรมราโชวาทโดยตรงที่พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 เคยรับสั่งกับคุณหญิงต้นเมื่อวันแต่งงาน 19 มีนาคม พ.ศ.2527 

คุณหญิงต้น

(ภาพ : @chitpas)

“อะไรก็ตามที่จะเกิดขึ้นต่อไปในวันข้างหน้า ถ้ามีปัญหาหรือมีอะไร ขอให้นึกถึงความสุขในวันนี้ และความยินดีของทุกคนในครอบครัวที่มีให้กับเรา จะได้ช่วยในการแก้ปัญหาหรือการตัดสินใจในอนาคต” ถือเป็นคําพระราชทานและคําสั่งสอนที่คุณหญิงต้นยึดถือมาโดยตลอดในการใช้ชีวิตครอบครัวกับคุณจุตินันท์ ภิรมย์ภักดี

Mono hair replacement systems

คุณพ่อ ม.ร.ว.ยงสวาสดิ์ กฤดากร ถวายงานรับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาท พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เริ่มจากตำแหน่งผู้อำนวยการกองมหาดเล็ก จนเป็นผู้ช่วยเลขาธิการพระราชวังช่วงปีพุทธศักราช 2513 – 2525 และเป็นรองผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์จนถึงปี 2552 (ภาพ : @chitpas)

“ตั้งแต่เกิดมาถือว่าต้นโชคดี มีโอกาสได้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาท เพราะคุณพ่อคุณแม่ทํางานถวาย ต้นได้ทราบเรื่องราวของพระองค์ท่านจากคําบอกเล่าของคุณพ่อคุณแม่ และจากที่ประสบด้วยตัวเอง สิ่งที่ประทับใจที่สุดคือ ทําไมใครคนหนึ่งจะเสียสละทุกอย่างในชีวิตเพื่อคนไทยกว่า 60 ล้านคนได้มากมายขนาดนี้ (เสียงเครือ) คุณพ่อเล่าว่า พระองค์ท่านทรงเป็นเหมือนผู้ชายทั่วไปที่โปรดความสนุกสนาน โปรดกีฬา ทรงเป็นศิลปิน ทรงรักครอบครัว แต่ในที่สุดก็ต้องทรงละทิ้งทั้งหมดเพื่อที่จะทรงงานอย่างเดียว โดยเฉพาะช่วงพระชนมพรรษา 40 พรรษา ทรงงานอย่างหนักโดยไม่ได้ทรงผ่อนคลายพระราชอิริยาบถเลย”

คุณหญิงต้น

ม.ร.ว.ยงสวาสดิ์ กฤดากร และคุณพ่อของสามี คุณจำนงค์ ภิรมย์ภักดี เกิดวันเดียวกันคือ 29 กุมภาพันธุ์ 2471 เป็นสหชาติ (เกิดในปีเดียวกัน) ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (ในภาพ) ทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานน้ำพระมหาสังข์ เนื่องในโอกาสที่ท่านทั้งสองมีอายุครบ 6 รอบ (ภาพ : @piyapas)
screen-shot-2016-11-08-at-3-02-33-pm

“ถ้าจะยกตัวอย่าง เครื่องบินโบอิ้งที่เรานั่งกันมากว่า 30 – 40 ปี พระองค์ท่านไม่ทรงเคยประทับเลย เป็นไปได้อย่างไร เรื่องนี้คนไทยอาจจะมองข้ามและลืมไปว่าพระองค์ท่านทรงเป็นมนุษย์ปุถุชนคนหนึ่ง เสด็จประพาสต่างประเทศครั้งล่าสุดที่ประเทศอังกฤษ ถ้าจําไม่ผิด พ.ศ.2509 หลังจากนั้นก็ไม่ได้เสด็จประพาสที่ไหนอีกเลย ในขณะที่พระสถานะของพระองค์ทรงทําได้ แต่ก็ไม่ทรงทํา ทรงเสียสละมากมายเหลือเกิน เพราะสิ่งที่พระองค์รักมากกว่า

“ไม่ใช่แค่พูดว่ารักในหลวง เราได้ทําอะไรที่เป็นรูปธรรมถวายพระองค์ท่านบ้างหรือเปล่า หากคนไทยหันไปมองและดําเนินรอยตามเบื้องพระยุคลบาท ไม่ว่าจะเรื่องความประหยัด การให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ไม่ต้องถึง 100 เปอร์เซ็นต์ที่พระองค์ท่านทรงทํา แค่คนละนิดละหน่อย ต้นคิดว่าเมืองไทยคงน่าอยู่ขึ้น”

ที่มา : นิตยสารแพรว คอลัมน์ “คำพ่อสอน”

ภาพ : @piyapas

เสียง “ทรงพระเจริญ” ก้องกังวาน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จฯ ทรงเปิดอาคารเรียน รร.บางกอกพัฒนา

เสียง “ทรงพระเจริญ” ก้องกังวาน ณ โรงเรียนบางกอกพัฒนา เมื่อสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดอาคารเรียนวิทยาศาสตร์หลังใหม่ของโรงเรียนบางกอกพัฒนา เขตบางนา กรุงเทพฯ เมื่อวันศุกร์ที่ 4 พฤศจิกายน 2559 ที่ผ่านมา

พระราชกรณียกิจที่ไม่มีว่างเว้น สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงส่งเสริมด้านการศึกษา เพราะทรงเห็นความสำคัญของหลักสิทธิมนุษยชน และทรงห่วงใยในความด้อยโอกาสทางการศึกษาของราษฎรทุกหมู่เหล่า ทั้งชนกลุ่มน้อยและประชาคมเมือง โดยโอกาสนี้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดอาคารเรียนวิทยาศาสตร์หลังใหม่ ทอดพระเนตรการจัดการเรียนการสอนของโรงเรียนบางกอกพัฒนา ซึ่งตลอดทางเดินมี ดร.เตช บุนนาค ประธานคณะกรรมการมูลนิธิโรงเรียนบางกอกพัฒนา นำคณะกรรมการมูลนิธิ คณะผู้บริหารโรงเรียน ตลอดจนผู้ปกครองและนักเรียนเฝ้าฯรับเสด็จ

ในการนี้ ดร.เตช บุนนาค ประธานมูลนิธิโรงเรียนบางกอกพัฒนา กราบบังคมทูลถวายรายงานว่า โรงเรียนบางกอกพัฒนา โดยมูลนิธิโรงเรียนบางกอกพัฒนา ได้พัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนให้ทันสมัยอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนจัดกิจกรรมเสริมหลักสูตรที่หลากหลาย เพื่อให้นักเรียนได้รับการพัฒนาทักษะ ความรู้ ได้อย่างเต็มศักยภาพ มีเจตคติเชิงบวก ตระหนักถึงคุณค่าของสิ่งแวดล้อมและสังคม มีความภาคภูมิใจในอัตลักษณ์ของตน และสามารถอยู่ร่วมกันในวัฒนธรรมที่แตกต่าง เพื่อเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพของสังคมโลกได้อย่างมีความสุข

จากนั้น ดร.เตช บุนนาค ได้กราบบังคมทูลเบิกคณะผู้ปกครองเข้าเฝ้าฯ ทูลเกล้าฯถวายเงินโดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัย

ต่อมาสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงกดปุ่มไฟฟ้าเปิดผ้าแพรคลุมป้าย “อาคารเรียนวิทยาศาสตร์หลังใหม่” และทอดพระเนตรการจัดการเรียนการสอน ห้องเรียนวิทยาศาสตร์
และเสด็จฯไปยังอาคารห้องสมุดมัธยมศึกษา ทอดพระเนตรภายในห้องสมุดมัธยมศึกษาและห้องสมุดประถมศึกษา จากนั้นเสด็จทอดพระเนตรอาคารเรียนเยียร์ 1 เยียร์ 2 แล้วเสด็จพระราชดำเนินไปยังอาคารอำนวยการ ทอดพระเนตรห้องเรียนวิชาดีไซน์และเทคโนโลยี จากนั้นเสด็จฯไปฉายพระฉายาลักษณ์ร่วมกับคณะกรรมการมูลนิธิและผู้บริหารโรงเรียน ก่อนเสด็จพระราชดำเนินกลับ

ทั้งนี้กุลวดี ศิริภัทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานมูลนิธิโรงเรียนบางกอกพัฒนา กล่าวว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ตรัสชื่นชมที่โรงเรียนบางกอกพัฒนาพยายามถ่ายทอดความรู้ให้สังคมไทย เมื่อ มร. ริชาร์ด สมิท หัวหน้าภาควิชาออกแบบและเทคโนโลยี ได้กราบบังคมทูลว่า โรงเรียนบางกอกพัฒนาได้ให้ความร่วมมือแก่สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ในการจัดทำหลักสูตรการเรียนการสอนและจัดประชุมเชิงปฏิบัติการให้ครูไทยที่สอนวิชาที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี

princess-sirindhorn01

princess-sirindhorn02

princess-sirindhorn03

princess-sirindhorn06

princess-sirindhorn04

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี

สำหรับโรงเรียนบางกอกพัฒนาเป็นโรงเรียนนานาชาติระบบอังกฤษแห่งแรกในประเทศไทย ตั้งอยู่บนพื้นที่ 122 ไร่ ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ.2500 ดำเนินการในรูปแบบของมูลนิธิที่ไม่แสวงหากำไร ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากลจาก Council of International Schools และจาก The New England Association of School and Colleges ถือเป็นหนึ่งในโรงเรียน IB World (International Baccalaureate World School) ปัจจุบันมีนักเรียน 2,260 คน จากกว่า 64 สัญชาติ อายุตั้งแต่ 2 – 18 ปี จะได้รับการศึกษาตามแนวทางระบบการศึกษาของอังกฤษที่เข้มข้น ประกอบกับโปรแกรมกิจกรรมเสริมหลักสูตรต่างๆที่โรงเรียนจัดเพิ่มเติมให้อย่างหลากหลาย ช่วยบ่มเพาะให้นักเรียนเติบโตเป็นพลเมืองที่ดี

โดยนักเรียนที่สำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมปลายจากโรงเรียนบางกอกพัฒนา สามารถเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษาชั้นนำของโลก อาทิ ออกซ์ฟอร์ด (University of Oxford), เคมบริดจ์ (University of Cambridge), วิทยาลัยอิมพีเรียลลอนดอน (Imperial College London), คิงส์คอลเลจ (King’s College) และวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์และรัฐศาสตร์แห่งลอนดอน (London School of Economics) ในประเทศอังกฤษ

และสถาบันอุดมศึกษาในไอวีลีกสกูล (Ivy League Schools) ในสหรัฐอเมริกา อาทิ เยล (Yale University), พรินซ์ตัน (Princeton University), ฮาร์วาร์ด (Harvard University) และมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย (University of California) รวมถึงมหาวิทยาลัยชั้นนำอื่นๆในยุโรป

ทั้งนี้โรงเรียนบางกอกพัฒนาประกอบด้วยอาคารเรียนตั้งแต่ระดับเตรียมอนุบาล ประถมศึกษา และมัธยมศึกษาที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ทั้งหมด รวมถึงอุปกรณ์สื่อการเรียนการสอนที่ทันสมัย อาคารประกอบ เช่น ห้องสมุด สระว่ายน้ำ อาคารกีฬาในร่ม สปอร์ตคอมเพล็กซ์ สนามฟุตบอล สนามเทนนิส หอประชุม อาคารศิลปะ ดนตรี และการละครที่ทันสมัย

keyboard_arrow_up