ความภูมิใจที่ได้เกิดเป็นคนไทยในรัชกาลที่ 9 และความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพ่อหลวงจะฝังรากลึกลงในหัวใจและเลือดเนื้อของลูกหลานคนไทยสืบไป ประหนึ่งต้นไม้ที่ฝังรากลงบนดิน และเติบโตมั่นคงขึ้นได้ด้วย “น้ำ” ซึ่งคือ “หยาดเหงื่อของพ่อ”
ด้วยความสำนึกจากหัวใจนั้น พระเอกหนุ่ม “ณเดชน์ คูกิมิยะ” ได้บอกเล่าเรื่องราว แนวคิด และการดำเนินชีวิตตามรอยพ่อว่า
“ผมเกิดในปี 2534 ครับ และถัดมาไม่นานพระองค์ท่านก็มีพระราชดำริเกี่ยวกับโครงการเศรษฐกิจพอเพียง จึงทำให้ผมได้รู้จักพระองค์ท่าน พอเราโตขึ้นมาก็ยิ่งรู้จักพระองค์ท่านมากขึ้น รู้ในเรื่องของพระราชกรณียกิจต่างๆที่พระองค์ท่านเสด็จฯไปทรงงานในหลายๆพื้นที่ผ่านทางข่าวในพระราชสำนัก ซึ่งภาพที่เห็นคือพระองค์ท่านทรงงานอยู่ตลอด ทำให้ผมได้เห็นถึงความเหนื่อยที่พระองค์ท่านทรงดูแลประเทศไทย ทรงสั่งสอนคนไทยในสังคมให้เป็นคนดีและรักประเทศไทย ถ้าถามผมว่าภูมิใจแค่ไหนที่ได้เกิดในรัชกาลที่ 9 ผมคงหาคำตอบมาไม่ได้ครับ เพราะมันเป็นความรู้สึกที่เราโชคดีมากๆที่ได้เกิดมาในแผ่นดินของประเทศไทย โชคดีมากที่ได้เกิดมาอยู่ในช่วงรัชกาลที่ 9″
สำหรับแนวคิดและการดำเนินชีวิตตามรอยพ่อนั้น พระเอกหนุ่มบอกว่า ความกตัญญูต่อพ่อแม่สำคัญที่สุด
“ผมจะน้อมนำในเรื่องของพระราชกรณียกิจต่างๆมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับชีวิต นำไปบอกต่อแก่สังคม นำไปใช้เวลาที่เรามีครอบครัว นำพระราชดำรัสต่างๆของพระองค์มาใช้ โดยเฉพาะเรื่องของความพอเพียงครับ การมีอยู่ มีกิน รู้จักพอดี แล้วก็ต้องคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดในการใช้จ่าย และที่สำคัญคือหน้าที่ของความเป็นลูก ต้องรู้จักกตัญญูต่อพ่อแม่ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่เด็กทุกคนควรจะทำครับ นิทรรศการ ‘พระบารมีปกเกล้า เหล่าปวงประชา’ เป็นอีกหนึ่งนิทรรศการที่ผมอยากเชิญชวนให้มาชมกัน ไม่ว่าจะเป็นน้องๆเยาวชน คุณพ่อ คุณแม่ เพราะงานในครั้งนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น เป็นนิทรรศการที่อยากให้ทุกคนได้ทราบถึงพระราชกรณียกิจ พระมหากรุณาธิคุณ รวมไปถึงพระบรมฉายาลักษณ์ในพระราชอิริยาบถต่างๆ อยากจะให้ทุกคนน้อมนำสิ่งเหล่านี้เก็บไว้ในดวงใจของเราตลอดไปครับ”

เรื่อง : Red Apple_แพรวดอทคอม
ภาพ : Thai TV3