จากค่ำคืนถึงเช้า…ประชาชนพร้อมใจรอถวายน้ำสรงพระบรมศพ แน่นถนนหน้าพระลาน

14 ตุลาคม 2559 เช้าแรกของประชาชนคนไทยที่ไม่เหมือนเดิม นับจากการประกาศการสวรรคตของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2559  เวลา 15.52 น.

ทั้งนี้ประชาชนชาวไทยจากทั่วสารทิศต่างพากันมาร่วมถวายสักการะพระบรมศพเป็นจำนวนมาก ที่โรงพยาบาลศิริราช ตั้งแต่วันที่ 12 ตุลาคม 2559 จนถึงขณะนี้ และในเวลาเดียวกันด้านฝั่งพระนคร บริเวณถนนโดยรอบพระบรมมหาราชวังก็ได้มีประชาชนมารอถวายน้ำสรงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ หน้าพระบรมฉายาลักษณ์กันตั้งแต่เช้าของวันที่ 14 ตุลาคม 2559 โดยช่วงเวลาประมาณ 02.00 ของวันดังกล่าว ทางสำนักงานโยธากรุงเทพมหานครได้ทำการปรับพื้นผิวหน้าถนนใหม่เพื่อความสะดวกต่อการเคลื่อนพระบรมศพมายังพระที่นั่งพิมานรัตยา ในพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท

และในขณะนี้ประชาชนที่เดินทางมาก็ทยอยกันต่อแถวเพื่อรอเข้าไปถวายน้ำสรงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศกันอย่างเนืองแน่น

king06

king01

king14

king20

king18

king21

king32

king33

king05     king35 king31

king22 king07

king30

king04

king19


สำนักพระราชวังเผยแพร่กำหนดการ พระราชพิธีสรงน้ำพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งพิมานรัตยา ในพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในวันศุกร์ที่ 14 ตุลาคม 2559 เวลา 17.00 น. โดยมีรายละเอียด ดังนี้

สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งจากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปยังพระบรมมหาราชวัง เข้าประตูวิเศษไชยศรี ประตูพิมานไชยศรี เทียบรถยนต์พระที่นั่งที่ประตูกำแพงแก้ว พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท จากนั้นเสด็จขึ้นทางบันไดพระที่นั่งพิมานรัตยา เสด็จเข้าในพระฉาก ซึ่งพระบรมศพบรรทมอยู่บนพระแท่น

สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยสำหรับพระบรมศพบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวาร จากนั้นทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยกราบถวายบังคมพระบรมศพ ทรงรับหม้อน้ำพระสุคนธ์ โถน้ำขมิ้น และโถน้ำอบไทยจากเจ้าพนักงานสนมพลเรือนถวายสรงที่พระอุระพระบรมศพ จากนั้นทรงหวีเส้นพระเจ้าขึ้นครั้งหนึ่ง หวีลงอีกครั้งหนึ่ง แล้วหวีขึ้นอีกครั้งหนึ่ง แล้วหักพระสางนั้น วางไว้ในพานซึ่งเจ้าพนักงานเชิญอยู่

เสด็จฯ ไปประทับพระราชอาสน์ที่นอกพระฉาก เลขาธิการสำนักพระราชวัง กราบบังคมทูลสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จเข้าไปทรงวางซองพระศรี บรรจุดอกบัวและธูปเทียน ทรงรับแผ่นทองคำจำหลักลายปิดพระพักตร์ ทรงรับพระชฎาห้ายอดเจ้าพนักงาน วางข้างพระเศียร

ทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ 10 นายเชิญหีบพระบรมศพ มีตำรวจหลวงนำ 4 นาย ไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท จากนั้นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จฯตามพระบรมศพ ทรงยืนที่หน้าพระราชอาสน์ เสด็จฯไปทรงวางพวงมาลาที่หน้าพระโกศพระบรมศพ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยและเครื่องราชสักการะ กราบถวายบังคมพระบรมศพ

จากนั้นทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวารที่หน้าพระแท่นพระมหาเศวตฉัตร ทรงกราบ เสด็จฯทรงทอดผ้าไตร 10 ไตร พระสงฆ์สดับปกรณ์ เสด็จฯ ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุุโมทนา ออกจากพระที่นั่งแล้ว เจ้าพนักงานนิมนต์พระสงฆ์เที่ยวละ 10 รูป จำนวน 9 เที่ยว ขึ้นนั่งยังอาสน์สงฆ์ เสด็จฯ ไปทรงทอดผ้าไตร ทำปฏิบัติเช่นนี้จนครบ 9 เที่ยว เสด็จฯ ไปทรงกราบพระพุทธรูปที่หน้าเครื่องนมัสการหน้าพระแท่นมหาเศวตฉัตร จากนั้น เสด็จฯไปหน้าพระโกศพระบรมศพ ทรงกราบ ทรงรับการถวายความเคารพของผู้มาเฝ้า เสด็จฯ ออกจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทลงทางบันไดมุขกระสัน ด้านทิศเหนือ เสด็จฯกลับ

เปิด 3 เรื่องราวแสนพิเศษ ของผู้ที่เคยถวายงานรับใช้ ในหลวงรัชกาลที่ 9 อย่างใกล้ชิด

เรื่องราวแสนพิเศษจากเหล่าทายาทของผู้ที่เคยถวายงานรับใช้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอย่างใกล้ชิดถ่ายทอดเป็นความประทับใจส่งต่อมายังรุ่นลูก และพวกเขายังได้มีโอกาสถวายงานรับใช้ทั้งทางตรงและทางอ้อมด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ

1หม่อมหลวงสราลี กิติยากร

คุณน้ำผึ้งเป็นธิดาคนเล็กของหม่อมราชวงศ์อดุลกิติ์ กับท่านผู้หญิงพันธุ์สวลี กิติยากร และเป็นพระขนิษฐาในพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ซึ่งคุณพ่อของคุณน้ำผึ้งเป็นพระเชษฐาในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ

ครอบครัวคุณน้ำผึ้งจึงมีโอกาสถวายงานรับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาตั้งแต่สมัยเสด็จตา พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล

“ตั้งแต่อายุ 9 เดือน คุณพ่อกับท่านแม่ก็พาน้ำผึ้งตามเสด็จไปยังจังหวัดต่าง ๆ จำได้ว่าเมื่อตอนอายุประมาณ 7 – 8 ขวบ นั่งรถจี๊ปไปกับคุณพ่อและท่านแม่ตามเสด็จ สภาพถนนเป็นดินสีแดง เห็นชาวบ้านมาเฝ้าฯ รับเสด็จเต็มไปหมดแล้วอากาศร้อนมาก เราเป็นเด็ก เวลาเหนื่อยเพลีย มีงอแงบ้าง ท่านแม่ก็จะสอนว่า ต้องอดทน ๆ ไม่บ่น

“ภาพที่จำได้ติดตาคือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ประทับกับพื้น แล้วมีพระราชปฏิสันถารกับชาวบ้านอย่างไม่ถือพระองค์

“ตอนเด็ก ๆ เวลาเข้าวังหรือตามเสด็จ น้ำผึ้งและเด็ก ๆ รุ่นเดียวกันก็เล่นซนกันอย่างสนุกสนาน มีปีนพระตำหนักกันด้วย มีครั้งหนึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรับสั่งให้เด็ก ๆ เข้าเฝ้าฯ เพื่อทรงอบรม โดยรับสั่งว่า ‘ซนมากไปแล้วนะซนให้พ่อแม่ต้องเป็นห่วง ทำอะไรต้องรู้จักคิดนะ ถ้าเราเกิดตกลงไปแล้วแข้งขาหัก หรือบาดเจ็บ พ่อแม่จะรู้สึกอย่างไร’ ทรงพระเมตตามากไม่ได้ทรงทำให้กลัว แต่พวกเราจะรู้สึกเกรงในพระบารมีของพระองค์ท่านมากกว่า

“เวลาคุณพ่อเข้าเฝ้าฯถวายงานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ท่านจะนำพระราชดำรัสมาสอนลูก ๆ ท่านเคยเล่าให้ฟังว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรับสั่งบ่อยครั้งว่าเราต้องร้จู ักมีความเพียร มีความพยายาม ถ้าไม่มีจะหาความสำเร็จได้ยาก และเรื่องความพอเพียง เงินเหลือสลึงก็ให้เก็บใส่กระปุกออมสินสี่สลึงพึงบรรจบให้ครบบาท เราต้องรู้จักมัธยัสถ์ มีความเพียงพอและรู้จักอยู่อย่างพอเพียง แล้วเราจะอยู่อย่างสบาย พวกเราก็จะน้อมนำมาใช้และถ่ายทอดต่อไปยังลูกหลาน”

“ท่านแม่เล่าให้ฟังว่า ตอนนั้นน้ำผึ้งอายุประมาณ 10 เดือน เริ่มคลานและกำลังฝึกยืน จู่ ๆ น้ำผึ้งก็ค่อย ๆ เดินและคลานจากท่านแม่ไปยังที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แล้วไปเขย่าพระเก้าอี้ก่อนพูดภาษาเด็กว่า ‘จู่อั๋วจ๋า ๆ’ ก็คือ พระเจ้าอยู่หัว แล้วพระองค์ท่านก็ทรงอุ้มน้ำผึ้งขึ้นมากอด ทำให้น้ำผึ้งรู้สึกว่า เราโชคดีมากจริง ๆ”

มีอีกหลายเหตุการณ์สำคัญที่คุณน้ำผึ้งมีโอกาสเข้าเฝ้าฯ และยังคงเก็บบันทึกเรื่องราวไว้ในความทรงจำไม่ลืม

“อีกครั้งตอนขอเข้าเฝ้าฯทั้งครอบครัว ตอนคุณพ่ออายุครบ 72 ปีพระเจ้าอยู่หัวรับสั่งกับคุณพ่อ ซึ่งคุณพ่อป่วยเป็นโรคหัวใจ ‘อย่าดื้อมากนักนะอ้วน ดูแลตัวเองด้วยนะ ผู้เป็นภรรยาและลูก ๆ เขายังต้องการคนที่ดูแลเขาอยู่ แล้วเขาเป็นห่วง อยากให้ผู้เป็นพ่อ ผู้เป็นสามีอยู่กับเขานาน ๆ’

แม้คุณน้ำผึ้งจะไม่มีโอกาสถวายงานโดยตรงเหมือนอย่างเสด็จตาคุณพ่อ และท่านแม่ แต่ก็พยายามหาโอกาสถวายงานในทางอ้อม

“น้ำผึ้งทำงานทางด้านบันเทิง เวลาได้ทำรายการเกี่ยวกับโครงการในพระราชดำริ หรือโครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติ ทำให้ได้สัมผัสกับชาวบ้านในพื้นที่ จึงทราบว่าเขายากจนจริง ๆ เมื่อมีโอกาสเข้าไปเยี่ยม พวกเราจะซื้อของใช้จำเป็นพวกเสื้อผ้า อุปกรณ์กีฬา อาหารและขนมไปแจกชาวบ้าน โดยใช้เงินส่วนตัว และมีผู้ร่วมสมทบเงินกับเราด้วย เวลาอยู่ในพื้นที่แล้ว น้ำผึ้งจะชอบสอนเด็ก ๆ ประมาณว่า ‘รักพระราชาเราไหม ถ้ารักพระองค์ท่าน วันนี้เราเป็นเด็กดีหรือยัง ต้องทำความดีนะในหลวงจะได้ภูมิใจ’

“เหตุที่พูดอย่างนี้ เพราะเมื่อสิบกว่าปีก่อน น้ำผึ้งเคยเข้าเฝ้าฯแล้วได้ยินพระองค์ท่านรับสั่งว่า‘การที่คนทำความดีให้เราก็เป็นสิ่งที่ดีเราก็ยินดี แต่เราอยากให้ทุกคนทำดีเพื่อตัวเองมากกว่าที่จะทำความดีให้กับเรา เพราะเมื่อทำแล้วประโยชน์สูงสุดจะเกิดกับตัวผู้ลงมือทำ’

“น้ำผึ้งทำอย่างนี้มากว่าสิบปีแล้ว มีความสุขทุกครั้งที่ได้ทำ เพราะเมื่อเรามีส่วนในการช่วยสังคม เท่ากับมีส่วนได้ช่วยพระองค์ท่าน”

2ศักดิ์ทิพย์ ไกรฤกษ์

อดีตเอกอัครราชทูต บุตรชายคนโตของพูนเพิ่ม ไกรฤกษ์ อดีตเลขาธิการพระราชวัง และผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ กับท่านผู้หญิงกุณฑี ไกรฤกษ์ นางสนองพระโอษฐ์ในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ

“นามสกุลไกรฤกษ์ของเราได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) เป็นตระกูลเก่าแก่ที่มีอายุยาวนานกว่า 100 ปี และได้มีโอกาสเข้าถวายงานในพระราชวงศ์จักรีต่อเนื่องมาหลายชั่วอายุคน ตั้งแต่สมัยคุณทวด คุณตา (พระยาอุดมราชภักดี)หรือคุณปู่ (พระยาประเสริฐศุภกิจ) ที่เข้าถวายงานแด่รัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 6 ต่อเนื่องมาถึงรุ่นคุณพ่อ คุณแม่ และผม

“เริ่มจากคุณพ่อเริ่มเข้ารับราชการในพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตำแหน่งหัวหน้ากองมหาดเล็ก ช่วงที่ผมเรียนอยู่โรงเรียนวชิราวุธ จำได้ว่าตอนนั้นคุณพ่อแทบไม่อยู่บ้านเลย เสาร์อาทิตย์ก็ทำงานตลอด เพราะต้องตามเสด็จฯไปต่างจังหวัดและต่างประเทศบ่อยครั้ง กระทั่งอายุ 64 ปี ท่านล้มป่วยจึงต้องกราบบังคมทูลลา เพราะไม่สามารถถวายงานต่อไปได้ ส่วนคุณแม่ก็ถวายงานสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ มาโดยตลอด เป็นภาพแห่งความประทับใจที่ผมเห็นมาตั้งแต่เด็ก และปลูกฝังความจงรักภักดีในสถาบันพระมหากษัตริย์ให้เกิดในจิตวิญญาณของผม

“เมื่อผมจบการศึกษากลับมารับราชการ ณ กระทรวงการต่างประเทศ ทำให้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯทั้งสองพระองค์บ่อยครั้งขึ้น ในปี พ.ศ. 2518 สมเด็จพระบรมราชินีนาถโปรดเกล้าฯให้ผมเป็นหัวหน้าคณะนำผ้าไหมมัดหมี่ของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพพิเศษฯไปเผยแพร่ ณ เมืองโอซากา ก่อนหน้าที่จะเสด็จฯไปเยือนประเทศญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2519 ซึ่งเป็นการเสด็จฯเพื่อทรงเผยแพร่งานศิลปาชีพในต่างประเทศเป็นครั้งแรก

“ผมจำเหตุการณ์ทุกครั้งได้อย่างขึ้นใจ ทั้งคราวไปดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตกัมพูชา ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา เพราะทุกครั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะพระราชทานพระบรมราโชวาท และพระราชทานแนวทางการเข้าถึงจิตใจของผู้คนในแต่ละประเทศได้อย่างแยบยล เช่น คราวเกิดเหตุการณ์ 9/11 ที่สหรัฐอเมริกา มีรับสั่งให้ผมรีบเดินทางไปปลอบขวัญและช่วยเหลือเขา ทรงพระอัจฉริยภาพมาก โดยเฉพาะด้านการแสดงความเห็นอกเห็นใจ

“อีกเหตุการณ์ที่ผมประทับใจเป็นอย่างมากคือ ทุกฤดูร้อนพระองค์ท่า่นเสด็จ ฯไปประทับที่หัวหิน เวลาที่ทรงเรือใบ คุณพ่อก็ร่วมแล่นเรือใบตามเสด็จด้วยตลอด และการที่ครอบครัวเรามีบ้านพักอยู่ที่หัวหินบางครั้งพระองค์ท่านเสด็จฯมาที่บ้าน ทรงเรือใบ หรือทรงดนตรีกับวง อ.ส.วันศุกร์ ซึ่งทำให้ผมได้รู้จักกับภรรยา (ม.ร.ว.เบญจาภา จักรพันธุ์ธิดาพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ) ที่ตามเสด็จมาด้วยในฐานะนักร้องประจำวงดนตรี อ.ส.วันศุกร์

“เมื่อตัดสินใจจะใช้ชีวิตร่วมกัน ก็ได้รับพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานน้ำสังข์สมรส จากนั้นทุกวันศุกร์ผมจะขับรถไปส่งภรรยากับวงดนตรี อ.ส.วันศุกร์เป็นประจำ บางครั้งก็มีโอกาสนั่งฟังพระองค์ท่านทรงดนตรีด้วย

“ตลอดเวลาที่ผ่านมาครอบครัวทั้งฝั่งผมและภรรยารู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น โดยที่พระองค์ทรงพระกรุณาให้เราได้ถวายการรับใช้เบื้องพระยุคลบาทอย่างใกล้ชิดและมีพระเมตตาแก่ครอบครัวเรามาตลอด

“เราจะขอแสดงความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์จนกว่าชีวิตจะหาไม่”

3ดร.จินตนันท์ ชญาต์ร ศุภมิตร

คุณฝันเป็นบุตรสาวคนเดียวของท่านผู้หญิงพึงจิตต์ ศุภมิตรคุณข้าหลวงคนแรกในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เธอจึงจดจำความประทับใจที่คุณแม่เล่าให้ฟังได้เสมอ

“ครอบครัวของเรามีโอกาสถวายงานพระบรมวงศานุวงศ์มาตั้งแต่รุ่นคุณตา พันตรี หลวงพลหาญสงคราม เป็นนายทหารใต้บังคับบัญชาของพันเอก หม่อมเจ้านักขัตรมงคล กิติยากร (ต่อมาคือ พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้านักขัตรมงคล กรมหมื่นจันทบุรีสุรนาถ พระบิดาในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ) กระทั่งปี 2476 หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง มีการฟ้องร้องพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว คุณตาไม่เห็นด้วยจึงไปเข้ากลุ่มกับกบฏบวรเดช และถูกยิงเสียชีวิตที่ทุ่งบางเขน ตอนนั้นคุณแม่ (ท่านผู้หญิงพึงจิตต์) อายุเพียง 2 ขวบ จึงไปอาศัยอยู่กับญาติ โดยมีท่านนักขัตรฯเป็นผู้ส่งเสียให้เรียนโดยทุกเดือนจะเข้าไปที่วังเทเวศร์เพื่อรับเงินจากคุณท้าววนิดาพิจาริณี[พระอัยยิกา (ยาย) ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ]

“กระทั่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงหมั้นกับสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชินีนาถ แล้วเสด็จกลับเมืองไทย ท่านนักขัตรฯ จึงทรงเรียกคุณแม่ให้เข้าไปพบที่วังและรับสั่งว่าให้มาอยู่กับสมเด็จพระราชินีซึ่งตอนนั้นคุณแม่อายุประมาณ 19 ปี แก่กว่าพระองค์ท่านเล็กน้อย เมื่อคุณ แมถามว่า่ ให้ทำอะไร ท่า่นนักขัตรฯก็รับสั่งเพียงว่าให้อยู่เป็นเพื่อนสมเด็จฯนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของคุณแม่ในการถวายงานในตำแหน่งคุณข้าหลวงคนแรกในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ

“คุณแม่ตามเสด็จพระองค์ท่านไปทุกที่ตั้งแต่วันราชาภิเษกสมรสเป็นต้นมา ทั้งช่วงที่ทั้งสองพระองค์เสด็จฯไปทรงศึกษาต่อที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และเมื่อเสด็จฯไปทรงเยือนต่างประเทศอย่างเป็นทางการกว่า 27 ประเทศ โดยทำหน้าที่ดูแลฉลองพระองค์และรับใช้ส่วนพระองค์สมเด็จฯ ช่วงต่อจากนั้นเวลาเสด็จฯไปทรงเยี่ยมราษฎร คุณแม่ทำหน้าที่จดรายละเอียดทุกอย่าง ใครชื่ออะไร มีลูกกี่คน บ้านอยู่ไหน เพราะช่วงแรกยังไม่มีผู้ถวายงานมากนัก คุณแม่ต้องทำทุกอย่างให้ทั้งสองพระองค์ แม้ว่าโดยตำแหน่งจะเป็นคุณข้าหลวงสมเด็จฯ เพราะว่าพระเจ้าอยู่หัวท่านทรงเลือกใช้แต่คนคุ้นเคย คุณแม่จึงได้มาถวายงานรับใช้เรื่องแผนที่ที่พระตำหนักจิตรลดารโหฐานชั้น 3 มีห้องแผนที่ของพระองค์ท่าน ซึ่งแต่ละแผ่นนั้นมีรายละเอียดมากมาย เมื่อพระองค์ท่านจะเสด็จฯไปที่ใด คุณแม่ต้องไปนำแผนที่ของสถานที่นั้นมาถวาย หรือตามเสด็จไปด้วย

“หน้าที่หลัก ๆ ของคุณแม่คือ ถวายงานรับใช้เรื่องส่วนพระองค์คุณแม่เล่าให้ฟังว่า วันหนึ่งสมเด็จพระนางเจ้าฯทรงเห็นว่าห้องทรงงานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรกมาก จึงมีรับสั่งให้คุณแม่เข้าไปจัด แต่คุณแม่เกรงว่าจะโดนกริ้ว หากพระองค์ท่านทรงหาของไม่เจอ เพราะว่าในห้องทรงงานมีของเยอะมาก และประทับทรงงานที่พื้น คุณแม่จึงใช้วิธีวาดแผนที่บอกตำแหน่งสิ่งของต่าง ๆ ที่จัดใหม่ตั้งไว้บนโต๊ะเป็นเหมือนลายแทงสมบัติ (ยิ้ม)

“อย่างที่ทราบกันว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงงานอย่างมากมาย เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรทุกภูมิภาค คุณแม่จะจัดกระเป๋า 4 ภาคเตรียมไว้ เช่น ถ้าเสด็จฯเชียงใหม่ ก็เตรียมเสื้อกันหนาว ถ้าเสด็จฯหัวหินก็เตรียมหมวกหรือเสื้อสีสด ๆ หลายคนอาจคิดว่าคนที่ทำงานในวังเป็นคนเรียบร้อย สำรวม แบบแม่พลอย แต่ความจริงชาววังถึกและแกร่งมากนะ (ยิ้ม) ทำงานกันทั้งวัน อย่างพระองค์ท่านเสด็จฯเยี่ยมราษฎรตามจังหวัดต่าง ๆ บางครั้งไปตั้งแต่บ่ายสามจนถึงสี่ห้าทุ่มยังไม่ได้เสวย ซึ่งพระองค์ท่านก็ไม่ทรงลุกหรือพักเลย อย่างมากก็เสวยลูกอม

“อย่างดิฉันเองมีโอกาสได้ตามเสด็จตั้งแต่เด็ก เพราะคุณแม่พาเข้าวังตั้งแต่อายุ 10 วัน เห็นคุณแม่ถวายงานทุกวัน ทุกปิดเทอมก็มีโอกาสตามเสด็จด้วย ไปเชียงใหม่กับหัวหินบ่อยที่สุด เพราะมีช่วงปิดเทอมนานหน่อย ซึ่งเวลาพระองค์ท่านเสด็จฯจะมีเต็นท์ที่ประทับและโต๊ะตัวเล็กสำหรับทรงงาน เพียงแค่นั้น และหน้าที่ของเด็ก ๆ อย่างเราคือนำข้าวกล่องไปแจกตำรวจตระเวนชายแดน หรือทหารที่มายืนอารักขาในบริเวณใกล้เคียง บางครั้งได้มีโอกาสรับกระเป๋าทรงสมเด็จฯบ้าง ถวายลูกอมบ้าง

“ดิฉันจำได้ว่าทุกครั้งที่เสด็จฯไปตามที่ต่าง ๆ พระหัตถ์ของพระองค ์ท่านมีแผนที่อยู่ตลอด และมีพระวรกายแข็งแรงมาก เวลาเสด็จพระราชดำเนินแต่ละครั้งเราต้องคอยดูพระบาทของพระองค์ท่านว่าก้าวซ้ายหรือก้าวขวา เพราะทั้งสองพระองค์ทรงพระดำเนินเร็ว ต้องตามให้ทันไม่เช่นนั้นตกขบวนแน่ ๆ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ ทรงรักษาพระสุขภาพโดยการออกพระกำลังสม่ำเสมอ จึงทรงพระดำเนินขึ้นลงเขาได้เป็นชั่วโมง ดิฉันได้มีโอกาสวิ่งตามเสด็จตอนทรงออกพระกำลัง หรือว่ายน้ำตามเสด็จสมเด็จฯที่หัวหินบ่อย ๆ ทรงว่ายน้ำจากทุ่นกลางทะเลเข้าฝั่งได้เร็วมาก

“ตลอด 70 ปีแห่งการครองราชย์ พระองค์ท่านไม่เคยหยุดทรงงานเลยทรงทำทุกอย่างเพื่อประชาชนทุกคน ฉะนั้นการถวายงานรับใช้พระองค์ท่านก็ย่อมไม่มีวันหยุดและเกษียณเช่นกัน อย่างคุณแม่เข้าถวายงานตั้งแต่อายุ 19 ปี จนตอนนี้ 87 ปีแล้ว ก็ยังคงถวายงานดูแลพระตำหนักทุกวัน

“นับเป็นความโชคดีของครอบครัวอย่างหาที่สุดมิได้”

ที่มา : นิตยสารแพรวฉบับที่ 883 ปักษ์วันที่ 10 มิถุนายน 2559

 

สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งภูฏาน นำประชาชนภูฏานสวดมนต์ถวายอาลัย ในหลวง

นับเป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ ไม่ใช่แค่กับชาวไทยทั้งประเทศ แต่ยังนำมาซึ่งความโทมนัสไปยังสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก และความเสียใจต่อประชาชนชาวภูฏานเช่นกัน หลังจากการออกประกาศของสำนักพระราชวังถึงการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ

ทั้งนี้ สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งภูฏาน  รวมถึงสมเด็จพระราชบิดา และสมาชิกพระราชวงศ์ ได้เป็นองค์ในการนำคณะพระสงฆ์ ข้าราชการระดับสูง และประชาชนชาวไทยในภูฏาน จุดเทียนและสวดมนต์เพื่อระลึกถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ที่วัดทาชิโชซอง พร้อมกับมีพระบรมราชโองการให้ประชาชนภูฏานสวดมนต์ถวายอาลัยแด่ในหลวงของไทยทั้งประเทศ

king phutan (2)

อีกทั้งในวันพรุ่งนี้ 14 ต.ค. 2559 ทางภูฏานจะมีการลดธงชาติครึ่งเสา พร้อมกับประกาศปิดโรงเรียนและสถานที่ราชการ สำนักงานต่างๆ ภายในประเทศ ให้ประชาชนได้ไปสวดมนต์ที่วัดเพื่อเป็นการไว้อาลัย โดยในวันเดียวกันนี้สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งภูฏาน จะเสด็จฯเป็นผู้นำสวดมนต์ ณ อนุสรณ์สถานแห่งชาติชอร์เตน กรุงทิมพู ส่วนสมเด็จพระอัยกีแห่งภูฏานจะทรงนำสวดมนต์ที่วัดทาชิโชซอง ซึ่งในการณ์นี้ทางประเทศภูฏานจะมีการสวดมนต์เป็นกรณีพิเศษอย่างต่อเนื่องอีก 7 วัน

king phutan (4)

นอกจากนี้ใน Facebook ของสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งภูฏานยังได้ระบุว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศทรงเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ทรงดูแลประชาชนชาวไทยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี และพระองค์จะยังคงเป็นที่จดจำด้วยความเคารพจากประชาชนตลอดไป

king phutan (3)

ทั้งนี้หลายปีที่ผ่านมา ราชวงศ์ภูฏานและราชวงศ์จักรี แห่งราชอาณาจักรไทย มีความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นอบอุ่นเสมอมา ซึ่งการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ในวันที่ 13 ตุลาคม 2559 ได้นำความโศกเศร้ามายังชาวภูฏานเช่นกัน ซึ่งสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งภูฏาน รวมถึงประชาชนชาวภูฏานขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อประชาชนชาวไทย มาณ ที่นี้ด้วย

 

จ๊ะจ๋า พริมรตา

‘ถ้าเรากลัว เราจะไม่มีวันก้าวออกไปได้’ จ๊ะจ๋า พริมรตา อีกพรสวรรค์ด้านร้องเพลง ที่เคยวิ่งหนีมาแล้ว 3 ครั้ง!

จ๊ะจ๋า พริมรตา
จ๊ะจ๋า พริมรตา

จ๊ะจ๋า พริมรตา เดชอุดม นักแสดงสาวตากลมใส กับอีกหนึ่งพรสวรรค์ด้านการร้องเพลง ที่เธอเคยเอาแต่กลัว กักขังตัวเอง เลือกที่จะวิ่งหนีเหล่าค่ายเพลง และคนทำเพลงที่ติดต่อมาให้ไปเป็นนักร้องในชีวิตถึง 3 ครั้ง

ปลดล็อคพรสวรรค์ด้านการร้องเพลงที่คอยเอาแต่กักขังตัวเองจากคนที่คอยหยิบยื่นโอกาสมาให้หลายปีในชีวิต เพราะไม่เคยคิดว่าตัวเองจะร้องเพลงได้ สำหรับนักแสดงสาวตากลม จ๊ะจ๋า-พริมรตา เดชอุดม หวานใจหนุ่ม จิ๊บ-วสุ แสงสิงแก้ว ที่ในเวลานี้ จ๊ะจ๋าได้กระโดดก้าวข้ามความกลัวที่สะสมมานานสำเร็จแล้ว!

จ๊ะจ๋า พริมรตา

จ๊ะจ๋า พริมรตา
สาวจ๊ะจ๋า และแฟนหนุ่ม จิ๊บ วสุ

สร้างความเซอร์ไพร้สให้แฟนๆ แบบคาดไม่ถึงเลยทีเดียว หลังจากรายการใหม่จากทางเวิร์คพอยท์ฯ อย่าง The Mask Singer หน้ากากนักร้อง ได้ออนแอร์ไปวันแรกเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2559 รูปแบบภายในรายการจะเป็นการนำคนดังอย่าง นักแสดง นักร้อง มาร้องเพลงโดยใส่หน้ากากเพื่อปกปิดตัวเองไว้ พร้อมทั้งให้เหล่ากรรมการได้คาดคะเนไปต่างๆ นานาว่า ผู้ที่มาร้องเพลงนั้นคือใคร ซึ่งจะมีช่วงให้กรรมการสัมภาษณ์พูดคุยกับผู้ที่มาร้องเพลง แต่เสียงที่ตอบกลับมาจะผ่านโปรแกรมดัดเสียง จึงเป็นความพิเศษและความยากที่จะเดาว่า ตกลงผู้ที่มาร้องเพลงแท้จริงแล้วเป็นใครกันแน่

จ๊ะจ๋า พริมรตานักแสดงสาว จ๊ะจ๋า พริมรตา เป็นหนึ่งในผู้ร้องเพลง โดยปรากฏตัวมาในชุดเดรสสีแดงผ่าข้างอวดเรียวขาขาว และส่หน้ากากนกฟีนิกซ์ ซึ่งใช้เป็นชื่อเรียกนามแฝงด้วย มาร้องเพลง หัวใจไม่อยู่กับตัว ของศิลปิน มาเรียม B5 ซึ่งคะแนนเสียงการแข่งขันได้แพ้ต่อ หน้ากากโพนี่ (ยังไม่เผยตัว) ผู้ที่มาร้องเพลงอีกคน จึงทำให้หน้ากากฟีนิกซ์ ไม่ได้เข้ารอบต่อไปและต้องเปิดเผยตัวตนในที่สุด ซึ่งก็ได้สร้างความประหลาดใจและประทับใจต่อกรรมการและผู้ชมไม่น้อยเลย เพราะหน้ากากฟีนิกซ์ คือสาวจ๊ะจ๋า นักแสดงสาวที่ไม่ได้เผยตัวเองต่อสื่อมาก่อนว่า เธอมีพรสวรรค์และความสามารถด้านการร้องเพลงดีมากทีเดียว

เพราะขณะร้องเพลง ก็ได้รับเสียงชมจากกรรมการว่า เสียงดี เสียงเพราะจนเดาไม่ถูกว่า เป็นนักร้องหรือนักแสดง โดยความรู้สึกของสาวจ๊ะจ๋าที่ได้พูดออกมาในรายการก็ได้สร้างความตื้นตัน ประทับใจ และเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายคนที่เอาแต่กลัว ไม่กล้าลงมือทำอะไร

จ๊ะจ๋า พริมรตาสาวจ๊ะจ๋า ได้เผยว่า เธอไม่เคยเรียนร้องเพลงจริงจัง มีโอกาสเรียนบ้างคือช่วงแสดงละครเวที ตอนแรกที่รายการนี้ติดต่อมาตั้งใจจะไม่มา เพราะมีความฝังใจกับการร้องเพลง หนีมาตลอดตั้งแต่เด็ก มีค่ายเพลงติดต่อมาให้ไปเป็นนักร้องเธอก็หนี ผ่านมา 5 ปี จนได้เล่นละครเวทีเรื่องแรก ก็มีคนติดต่อมาอีก เป็นครูเพลงที่เธอชอบมาก พอเริ่มคุยกันเธอก็หนีอีก และเมื่อเร็วๆ นี้ มีคนหนึ่งติดต่อมาให้จ๊ะจ๋าออกซิงเกิล เธอก็หนีอีกรวมเป็น 3 ครั้ง จนกระทั่งรายการนี้ติดต่อมา ซึ่งตอนแรกเธอได้ตั้งป้อมไว้แล้วว่า จะไม่เอาด้านนี้ เพราะเธอไม่เคยรู้และไม่เคยคิดว่าตัวเองร้องเพลงได้ จึงปฏิเสธ แต่เมื่อได้ฟังคำพูดหนึ่ง ‘ถ้าเรากลัว เราจะไม่มีวันก้าวออกไปได้’ เธอจึงตัดสินลองทำดู และสิ่งนี้ก็เป็นสิ่งที่ท้าทายตัวจ๊ะจ๋ามาก 

ชนะสิ่งใดไม่สำคัญ ที่สำคัญคือ จ๊ะจ๋า พริมรตา ได้ชนะใจตัวเอง และกล้าที่จะก้าวข้ามความกลัวในการร้องเพลงที่สั่งสมมานานหลายปีแล้ว 

ส่วนใครที่กำลังคิดหรือมีความฝันอยากจะทำอะไร แต่ไม่กล้าหรือเอาแต่กลัว คิดว่าตัวเองทำไม่ได้ ดูอย่างสาวจ๊ะจ๋าไว้เลย ‘ถ้าเรากลัว เราจะไม่มีวันก้าวออกไปได้’ ประโยคนี้เป็นพลังชั้นเยี่ยมที่ดีต่อใจจริงๆ นะ

จ๊ะจ๋า พริมรตา

จ๊ะจ๋า พริมรตา

จ๊ะจ๋า พริมรตา

จ๊ะจ๋า พริมรตา

จ๊ะจ๋า พริมรตา
ผลงานละครเรื่อง เมียหลวง เวอร์ชั่น 2559 ของสาวจ๊ะจ๋า ที่กำลังถ่ายทำ

เพลง หัวใจไม่อยู่กับตัว – หน้ากากฟีนิกซ์ หรือ จ๊ะจ๋า พริมรตา

 


เรื่อง : Gingyawee_แพรวดอทคอม
ที่มา : รายการ The Mask Singer หน้ากากนักร้อง 6 ตุลาคม 2559
ภาพ : IG @jaja_primrata

 

7 เทคนิคง่ายๆ สบายกระเป๋า แต่งตัวยังไงให้ดูสวยแพงไม่ต้องง้อแบรนด์เนม

ใช้ของแบรนด์เนมทั้งตัวก็ใช่ว่าจะทำให้ดูสวยแพงขึ้นมาได้ ถ้าหากไม่รู้จักวิธีแต่งตัว มิกซ์แอนด์แมตช์กันไปคนละทิศละทาง ของแบรนด์เนมก็ไม่ได้ช่วยอะไร เช่นเดียวกับสาวๆที่ไม่ได้ใช้ของหรูมีราคา แต่แค่พวกเธอรู้เทคนิคการแต่งตัว ไม่ว่าเสื้อผ้าที่ใส่นั้นราคาเท่าไหร่ ก็ทำให้ดูสวยหรู ดูแพงขึ้นมาได้แน่นอน

เคยสังเกตไหมว่าเวลาเห็นใครแต่งตัวดูดี พวกเขามักจะไม่ได้แต่งตัวเว่อร์วังอะไรมากมาย กลับดูเรียบง่าย ใส่แค่ไม่กี่ชิ้นก็ดูแพงแล้ว วันนี้แพรวมีเทคนิคดีๆที่จะช่วยให้สาวๆดูสวยแพงแบบไม่ต้องประโคมแบรนด์เนมเข้าไปทั้งตัวมาฝากกันค่ะ เพียงแค่ทำตาม 7 เทคนิคที่เรานำมาฝากในวันนี้ รับรองว่าสวยเกิดทุกคน 

 

1

1. เลือกเสื้อผ้าที่ไม่มีลูกเล่นเยอะ

บางครั้งอะไรที่มันเยอะเกินไปก็ใช่ว่าจะสวยนะ เช่นเดียวกับเสื้อผ้าที่มีการตกแต่งหรือดีไซน์ที่เยอะจนดูรกหูรกตาไปหมด ยิ่งบางคนไม่ใช่แค่ใส่เสื้อผ้าแล้วจบ ยังมีเครื่องประดับแอ๊กเซสซอรี่ส์ ทั้งสร้อยคอ สร้อยข้อมือ ต่างหู ฯลฯ ยิ่งทำให้สาวๆดูไม่แพงนะ ถ้าสาวๆคนไหนที่รู้ว่าตัวเองเป็นคนที่ชอบใส่เครื่องประดับเยอะๆ แนะนำให้เลือกเสื้อผ้าเรียบๆไปเลย จะได้ออกมาพอดี

2
2. ใส่เสื้อผ้าที่ฟิตเกินไประวังหายใจไม่ออกนะ

เข้าใจว่าอยากจะโชว์รูปร่างเลยเลือกเสื้อผ้าที่รัดรูป เพราะจะได้เห็นรูปร่างชัดๆ แต่! บอกเลยว่าแทนที่คุณจะดูเซ็กซี่ มันอาจจะไม่ได้เป็นแบบที่เราคิดก็ได้นะ เพราะการใส่เสื้อผ้าที่รัดมากๆจะทำให้เราอึดอัด ทำอะไรก็ไม่สะดวกสบาย เอางี้ละกัน เลือกส่วนที่สาวๆต้องการจะใส่แบบรัดรูปมา เช่น ถ้าข้างบนเราใส่เสื้อรัดรูป ก็ให้ข้างล่างเป็นกางเกงหรือกระโปรงสบายๆ กลับกันถ้าเลือกจะใส่กางเกงหรือกระโปรงรัดรูป ก็ให้ใส่เสื้อตัวใหญ่ๆแทน รับรองว่าทั้งสบายตัวแล้วยังดูแพงอีกด้วย

3

3. ไอเท็มสุดคลาสสิกควรมีติดตู้เสื้อผ้า

ไอเท็มสุดคลาสสิกที่จริงมีหลายอย่างเลยนะ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อยืด เสื้อเชิ้ต เดรสสีดำ กางเกงยีนส์ เพราะไอเท็มเหล่านี้มิกซ์แอนด์แมตช์ได้หลายลุค ไม่ว่าจะผ่านไปนานกี่ปีก็ไม่ตกเทรนด์ ถ้าใครเป็นมือใหม่ที่หัดแต่งตัวหรือคิดไม่ออกว่าจะใส่อะไร แนะนำไอเท็มคลาสสิกพวกนี้เลยค่ะ

4
4. อย่าใส่สั้นเกินไป

เชื่อว่าหลายๆคนคงรู้อยู่แล้วว่าการใส่สั้นไม่ว่าจะเป็นกระโปรงหรือกางเกงนั้นจะทำให้ลุคของเราดูไม่แพงเท่าไหร่ ถ้าใครชอบใส่กระโปรง เอาเป็นว่ายิ่งยาวยิ่งดี แต่ก็ใช่ว่าจะใส่สั้นไม่ได้เลย เพราะระดับความสั้นเราอนุโลมให้ได้ถึงบนเข่านิดหน่อย ถ้าสั้นกว่านี้ไม่แนะนำนะจ๊ะ

 

5

5. เสื้อผ้าขาวดำเหมาะกับทุกคน

ที่จริงเสื้อผ้าโทนขาวดำถือเป็นไอเท็มคลาสสิกเหมือนกันนะ เพราะเป็นโทนสีที่ใส่ได้ง่าย ดูสวยแบบคลาสสิกอีกด้วย โดยเฉพาะสาวๆที่อยากอำพรางหุ่น การใส่สีดำจะช่วยให้สาวๆดูผอมลงเยอะเลย

6
6. เบลเซอร์หรือเสื้อคลุมคัตติ้งเนี้ยบ

ถือเป็นหัวใจสำคัญของความสวยแพงเลยก็ว่าได้สำหรับเบลเซอร์หรือเสื้อคลุม ต่อให้สาวๆจะใส่แค่เสื้อยืดธรรมดาๆ แค่หยิบเบลเซอร์คัตติ้งเนี้ยบมาคลุมก็ช่วยให้ลุคของเราดูแพงขึ้นมาถึง 80% และในตอนนี้เบลเซอร์กลายเป็นไอเท็มยอดนิยมของสาวๆยุคใหม่เชียวละ

7

7. เสื้อผ้าสะอาดน่าใส่

เหนือสิ่งอื่นใดไม่ว่าสาวๆจะใส่เสื้อผ้าราคาเท่าไหร่ แต่งตัวยังไง ก็ควรจะรักความสะอาดกันสักนิดหนึ่ง ก่อนออกจากบ้านก็ควรซักรีดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ไม่ใช่ว่าใส่เสื้อผ้ายับๆออกจากบ้านแล้วหวังจะให้ดูสวยแพง อันนี้ก็ไม่เวิร์คนะจ๊ะ

เรื่อง : saipiroon_แพรวดอทคอม

ภาพ : www.pinterest.com

เรื่องของในหลวงรัชกาลที่ 9

19 เรื่องของในหลวงรัชกาลที่ 9 แรงบันดาลใจของพสกนิกร ทรงอุทิศทั้งชีวิตเพื่ออาณาประชาราษฎร์

เรื่องของในหลวงรัชกาลที่ 9
เรื่องของในหลวงรัชกาลที่ 9

เรื่องของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ทรงอุทิศทั้งชีวิตเพื่ออาณาประชาราษฎร์

เรื่องของในหลวงรัชกาลที่ 9 แพรวดอทคอมขอรวบรวมเรื่องราวต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องในพระองค์ท่านมาเรียบเรียงไว้ ณ ที่นี้ เพื่อเป็นข้อคิดสร้างแรงบันดาลใจให้พสกนิกรไทยทุกคนมีกำลังใจที่เข้มแข็ง ดําเนินชีวิต่อไปอย่างมีสติ ความสุข ความเจริญ มั่นคง และมีคุณธรรมสืบไป

เรื่องของในหลวงรัชกาลที่ 9
ทุกครั้งที่เสด็จฯไปทรงเยี่ยมราษฎรในท้องถิ่นทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ จะทรงไต่ถามทุกข์สุขหรือความต้องการของประชาชน เพื่อนำมาเป็นแนวทางในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของพสกนิกร

1. หลังขึ้นครองราชย์ พระองค์ได้เสด็จฯกลับไปยังสวิตเซอร์แลนด์อีกครั้ง เพื่อทรงศึกษาวิชากฎหมายและการปกครอง เนื่องจากต้องรับพระราชภาระเป็นพระมหากษัตริย์ ในด้านวิชาภูมิศาสตร์และประวัติศาสตร์ ทรงต้ังพระทัยศึกษาเปรียบเทียบระหว่างประเทศไทยกับนานาประเทศเกี่ยวกับพื้นฐานและวัฒนธรรมของแต่ละชาติ เพื่อนํามาเป็นแนวปรับปรุงแก้ไขประเทศไทยให้เจริญขึ้นกว่าที่เป็นอยู่

2. ทรงเป็นตัวอย่างของผู้ที่เสียสละความสุขส่วนตนเพื่อประโยชน์สุขส่วนรวมอย่างแท้จริง ทรงอุทิศพระวรกายเพื่อบําเพ็ญพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่ คอยบําบัดทุกข์บํารุงสุขของพสกนิกรมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน เพราะทรงถือว่า “การให้และการเสียสละเป็นการกระทําอันมีผลกําไร” กล่าวคือ กําไรแห่งความอยู่ดีมีสุขของปวงประชา ซึ่งไม่สามารถประเมินเป็น “มูลค่า” แต่กลับมี “คุณค่า” ทางจิตใจมากกว่า เข้าทํานองที่ว่า “ขาดทุนคือกําไร”

3.ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงมีความเพียรพยายามอันเป็นหนึ่งในคุณธรรม จริยธรรมที่บริบูรณ์ยิ่ง สังเกตได้จากหลากหลายโครงการพระราชดําริที่ทรงริเริ่มขึ้น ล้วนประสบสัมฤทธิผลได้ด้วยพระราชวิริยอุตสาหะเป็นสําคัญ สอดคล้องกับวิริยบารมีของพระโพธิสัตว์ในบทพระราชนิพนธ์เรื่องมหาชนก แปลว่า “พ่อผู้ยิ่งใหญ่” ซึ่งมีพระราชประสงค์ในการปลูกฝังให้คนไทยทุกภาคส่วนมีความเพียรพยายามในการทํางานและทําความดี สอดคล้องกับพระราชปรารภที่ว่า “ขอจงมีความเพียรที่บริสุทธิ์ ปัญญาที่เฉียบแหลม กําลังกายที่สมบูรณ์”

4. พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร เคยเล่าถึงการจดจ่อทรงงานของในหลวงว่า “พระองค์ทรงประยุกต์พระสมาธิในการประกอบพระราชกรณียกิจทุกอย่างทั้งน้อยและใหญ่ จึงทรงสามารถเผชิญกับพระราชภาระอันหนักในตําแหน่งพระมหากษัตริย์ได้โดยไม่ทรงสะทกสะท้านหรือหวั่นไหว ไม่ทรงคาดการณ์ล่วงหน้าไปไกลๆ อย่างเลื่อนลอยและเปล่าประโยชน์ ไม่ทรงอาลัยอดีตหรืออนาคต ไม่ทรงเสียเวลาหวั่นไหวไปกับความสําเร็จหรือความล้มเหลวอันเป็นเรื่องที่ผ่านพ้นไปแล้ว แต่ทรงจดจ่ออยู่กับปัจจุบัน ทรงสนพระราชหฤทัยอยู่แต่กับพระราชกรณียกิจเฉพาะพระพักตร์เท่านั้น”

5.ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงตระหนักอยู่เสมอว่า ความทุกข์ยากของพสกนิกรย่อมเปรียบเสมือนความทุกข์ยากของพระองค์เอง จึงไม่น่าแปลกใจว่าทําไมคนไทยจึงมักเห็นภาพพระพักตร์ของพระองค์ที่เต็มไปด้วยหยาดพระเสโท อันเป็นผลมาจากความตรากตรําพระวรกาย จนไพร่ฟ้าประชาชนต่างกล่าวขานกันว่าพระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงงานหนักที่สุดในโลก ทรงเอาพระราชหฤทัยจดจ่อ ไม่ทรงยอมให้ขาดจังหวะจนกว่าจะเสร็จ และไม่ทรงทิ้งขว้างแบบทําๆ หยุดๆ ดังนั้นพระราชกรณียกิจทั้งหลายจึงสําเร็จลุล่วงไปเป็นส่วนใหญ่

6. ภาพที่พระองค์มักทรงถือแผนที่ด้วยพระหัตถ์ซ้าย พระหัตถ์ขวาทรงจับปากกา พระศอสะพายกล้องถ่ายรูป ได้กลายเป็นภาพที่ชินตาและอยู่ในหัวใจของราษฎรไทยทุกภาคส่วน อุทิศพระองค์เพื่อทรงงานหนักโดยไม่ทรงเห็นแก่ความตรากตรําพระวรกาย ในบางครั้งรถพระที่นั่งต้องฝ่าเข้าไปในกระแสน้ําที่เชี่ยวกราก หากรถไม่สามารถต้านทานกระแสน้ำได้ พระองค์ก็เสด็จลงจากรถเพื่อทรงพระดําเนินต่อไปด้วยสองพระบาท

ดูดวงรายวัน ประจำวันพฤหัสที่ 13 ต.ค. 2559

ดูดวงรายวัน ประจำวันพฤหัสที่ 13 ต.ค. 2559 เช็คทุกวัน ทันทุกดวง กับ แพรวดอทคอม

ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์

การงาน : ป้าสัมผัสได้ว่า วันนี้ชาวอาทิตย์จะวุ่นวายใจ จะมีเรื่องลังเลใจหลายอย่างให้ตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรดี เพราะเริ่มเบื่อถึงขีดสุด อยากออกจากงาน

การเงิน : ใช้จ่ายเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพ

ความรัก : อย่าฟื้นฝอยหาตะเข็บ อย่าขุดเรื่องเก่ามาทะเลาะกัน ลืมๆ ไป พยายามปรับตัวปรับใจ ครอบครัวจะได้ดีขึ้น คนโสด วนหาไปก่อน เพราะที่เจอก็มีแต่หมาหยอกไก่

สุขภาพ : ภูมิแพ้กำเริบ เกิดลมพิษ ผื่นคัน

 

ผู้ที่เกิดวันจันทร์

การงาน : มีการเปลี่ยนระบบงานใหม่ ใกล้สิ้นปีแล้วต้องเคลียร์งานให้ดี อย่าหวังพึ่งเพื่อนร่วมงาน พึ่งตัวเองเท่านั้น

การเงิน : ลงทุนให้ดูดีๆ อาจถูกหลอกได้

ความรัก : เกิดความอึดอัดใจในครอบครัว เพราะมีญาติผู้ใหญ่มาเกี่ยวข้อง หรือในครอบครัวไม่สามัคคีกัน ท่านเป็นคนกลางพยายามพูดดีๆ ให้ความเสมอภาค อย่าไปฟังใครมาก คนโสด จะมีคนไม่โสด หรือเป็นม่าย จนถึงเพศเดียวกันมาชอบ

สุขภาพ : ทอลซิล หรือเจ็บคอ ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนก็ดูแลสุขภาพกันหน่อย

 

ผู้ที่เกิดวันอังคาร

การงาน : กากบาทเลย ท่านประเมิณตัวเองพลาดไปว่าจะสามารถทำงานเสร็จได้ แต่เจอทั้งงานหนัก งานเร่ง งานถูกตำหนิ ทำไม่ทัน สะสมไว้เยอะ ต้องใจเย็นๆ และสุขุม ไม่อย่างนั้นจะผ่านปัญหาได้ยากมาก

การเงิน : ของมีค่าหาย กระเป๋าเงิน หรือขโมยขึ้นบ้าน

ความรัก : เหมือนคุยกันไม่รู้เรื่อง เรื่องลูกทำให้พลอยเครียดกันทั้งบ้าน ควรใจเย็นในการเลี้ยงลูก ตั้งสติ สอนได้เท่าที่สอน คนโสด ถูกบอกเลิกรักกลางอากาศ เพื่อนฝูงแย่งแฟน

สุขภาพ : มีเกณฑ์ผ่าตัดไส้ติ่ง ควรไปเติมน้ำมันตะเกียง บริจาคเงินซื้อโลงศพบ้าง

 

ผู้ที่เกิดวันพุธ

การงาน : เครียดเกี่ยวกับเพื่อนร่วมงาน มากกว่าเรื่องงาน ป้ากลัวท่านใจไม่สู้เรื่องคนมากกว่า วันนี้งดพูดกับใครสักวัน ก้มหน้าทำงานจะได้ไม่มีเรื่อง

การเงิน   : อาจโดนหยิบยืมเงินแล้วไม่ได้คืน

ความรัก : ความสัมพันธ์ยังปกติดีอยู่ คนโสด จะมีเด็กมาชอบ ระวังจะถูกข้อหาพรากผู้เยาว์นะจ๊ะ

สุขภาพ : ระวังเรื่องนิ้วล็อค เรื่องกระดูก

 

ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี

การงาน : มีงานเข้ามาทำเรื่อยๆ อย่าเพิ่งรับงานอะไรอีก เคลียร์ของเก่าให้หมดก่อน ติดต่อประสานงานให้ดีจะมีข้อผิดพลาดได้ แม้งานเยอะ แต่ถือว่าเบากว่าทุกวัน

การเงิน : อาจหมดไปกับการกู้หนี้ยืมสิน หรือใช้หนี้แทนคนอื่น

ความรัก : คุยกันไม่ค่อยรู้เรื่อง ยิ่งอยู่ยิ่งสวนทางกัน ใจเย็นๆ คนโสดมีคนเข้ามาจากผู้ใหญ่ และถูกกดดัน หากท่านไม่ชอบก็บอกผู้ใหญ่ไปตามตรง

สุขภาพ : นอนน้อย ระวังปวดศีรษะข้างเดียวกำเริบ

 

ผู้ที่เกิดวันศุกร์

การงาน : กำลังลังเลว่า อยากเปลี่ยนงาน เพราะท่านประจบไม่เก่งจึงต้องถูกกดดันเยอะ ไม่ต้องยุ่งกับใคร หากอยู่ในขอบเขตของตัวเอง ป้ามองว่า ท่านน่าจะอยู่ได้

การเงิน : มีผู้ใหญ่ให้เงิน แต่อย่าใช้เยอะ เก็บๆ ไว้บ้าง

ความรัก : อาจมีเรื่องต้องรับผิดชอบดูแลเพิ่ม มีพ่อแม่ของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดมาอยู่ด้วย ทำหน้าที่กตัญญู คนโสด อยู่ๆ ก็มีเสน่ห์ขึ้นมาซะงั้น ไม่รู้จะเลือกใครดี

สุขภาพ : เกี่ยวกับลำไส้ ท้องเสีย ท้องผูก ระบบย่อยไม่ดี

 

ผู้ที่เกิดวันเสาร์

การงาน : มีโครงการเยอะแยะมากมาย แต่ก็ไม่ได้ดังใจ ต้องติดต่อประสานงานให้ดี งานจะได้ลื่นไหลไปได้ด้วยดี

การเงิน : ได้เยอะใช้เยอะ

ความรัก : มีเรื่องขัดใจกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง ต้องใจเย็น ต้องปลง หากทะเลาะกันแล้วเลิกได้ก็ทะเลาะไป แต่หากต้องอยู่กันต่อจะทะเลาะไปทำไม เดินข้ามอารมณ์นั้นมาให้ได้ คนโสด ไม่มีเวลาหาคู่ งานเยอะมากเลย

สุบภาพ : ระวังลื่นล้มทำให้กระดูกไม่ค่อยดี

 

 

ต้องเลือกขนตาปลอมให้เป็น มือใหม่แค่รู้วิธีติดยังไม่สตรองพอ!!

Alternative Textaccount_circle

กำลังสนใจ ขนตาปลอม แต่มีหลากหลายสไตล์จนเลือกซื้อไม่ถูก มีวิธีการเลือกอย่างไรคะ?

มือใหม่หัดติด แค่รู้วิธีติดยังไม่สตรองพอ ควรเลือกขนตาให้เหมาะกับรูปตา แล้วจะรู้เลยว่าขนตาเนรมิตเบ้าหน้าให้สวยเจิดได้จริงๆ

Know the Shape : สาวตาชั้นเดียวเลือกใช้แบบ ‘Sparse’ เป็นขนตาแผงบาง ดูเบาสบาย ช่วยให้ดวงตาดูโตขึ้น ควรหลีกเลี่ยงขนตาแผงหนา เพราะจะทำให้ดวงตาดูหนักและเล็กลงไปอีก แถมแลดูไม่เป็นธรรมชาติ ตากลมโตสไตล์เดียวกับสาวเคที เพอร์รี ควรเลือกขนตาปลอมที่มีความสั้นยาวสลับกันแบบ ‘Wispie’ ไล่ระดับความยาวจากมุมหัวตาไปจนถึงกลางตา และเริ่มสั้นลงบริเวณหางตา จะช่วยทำให้ดวงตาดูเรียวสวย ส่วนสาวที่น่าอิจฉาที่สุดคือ เจ้าของตารูปอัลมอนด์ เพราะไม่ว่าจะจับคู่กับขนตาแบบไหนก็ดูสวยได้ง่ายไปหมด แนะนำให้ลองเลือกชนิดที่เพิ่มความหนาช่วงหางตาสักนิดจะยิ่งเพิ่มความน่าดึงดูด

เห็นเทรนด์ขนตาแบบยุค 60 กำลังมาแรงบนรันเวย์ อยากรู้เทคนิคการติดขนตาแบบย้อนยุคบ้าง

เทรนด์มาแรงของ ‘Marni’ ที่หยิบลุคขนตา ‘Twiggy’ เน้นความงอนหนาแบบฟูฟ่องทั้งขนตาบนและล่างจนเหมือนตุ๊กตาดูใช้ยากในชีวิตจริง แต่ถ้าได้เทคนิคช่วยก็ทำให้สวยปังแบบโมเดิร์นสไตล์ได้

60’s Style : เขียนเส้นอายไลเนอร์ก่อนติดขนตาทั้งบนและล่าง เพื่อเพิ่มเส้นขอบตาให้ดูเนียนและช่วยให้ขนตาไม่ดูลอย จากนั้นปัดมาสคาราเพิ่มความหนาให้ขนตาจริง แล้วจึงเลือกขนตาที่มีความยาวแบบไล่ระดับ โดยให้ความยาวบริเวณส่วนกลางของขนตายาวที่สุดทั้งขนตาบนและล่าง ติดให้ต่ำกว่าโคนขนตาจริงหรือขอบอายไลเนอร์ เพื่อให้รูปตาดูกลมโต อาจเพิ่มความหนาด้วยขนตาช่อเล็กแบบ ‘Individual’ หรือจะใช้อายไลเนอร์วาดเพิ่มเป็นขนตาเสมือนจริงได้ลุค 60 แบบอิน

ขนตาปลอม

DO
แมตช์ขนตาคู่สวยกับใบหน้าแบบโทนนู้ดชมพูได้ลุคสวยปัง
DON’T
ควรเลี่ยงการวาดอายไลเนอร์เส้นหนาหรืออายแชโดว์สีเข้ม เพราะจะทำให้ดูเยอะเกินงาม

 

 

ภาพ : Pexels
ที่มา : นิตยสารแพรวปักษ์ 875 (คอลัมน์ BEAUTY SPEAK)


บทความบิวตี้อื่นๆ ที่น่าสนใจ

รีวิวลิปสติก 3 ชิ้นเด็ดจาก”ลังโคม”เลอค่าน่าครอบครอง (รุ่นใหม่ล่าสุด)

เมื่อแฟนพาบุก M.A.C Store ช็อปไม่อั้น Liptensity คอลเล็คชั่นใหม่ 24 เฉดสี

ไม่ได้ดั่งใจ!! กรีดอายไลเนอร์ทีไรเบี้ยวทุกที เรามีวิธีแก้

เมคอัพเปลี่ยนเบ้าหน้าราวฟ้ากับเหว คนเดียวกันจริงหรอ หลอกกันเปล่า?

มั่วนี่หว่า!! 16 วิธีแต่งหน้าขี้โม้ที่จะกลายเป็นตำนาน

10 เคล็ดลับเปลือยหน้าสด สวยสตรองไร้เครื่องสำอาง

เมคอัพพลิกหน้าสด จากสุดสะพรึงเป็นสวยตะลึงในพริบตา!!

เซลฟี่ สุดเป๊ะ 5 ทริคจากดาราสาวชื่อดัง แต่งหน้ายังไงให้ขึ้นกล้อง

Gabi Shull สาวน้อยยอดนักสู้ แม้ต้องสูญเสียขาเพราะมะเร็งร้าย แต่ฉันก็จะไม่หยุดเต้น!

เคยคิดเล่นๆไหมว่าถ้าคุณซึ่งเกิดมามีอวัยวะครบ 32 ส่วน แล้ววันหนึ่งต้องกลายเป็นคนพิการสูญเสียอวัยวะในร่างกายไป คุณจะเป็นยังไง? จะทำยังไงกับชีวิต?

ไม่ว่าใครจะร้องไห้หรือยอมแพ้ต่อโชคชะตาก็ตาม แต่ Gabi Shull สาวน้อยวัย 15 ปี จากรัฐ Missouri กลับไม่ใช่แบบนั้น เรื่องราวของสาวน้อยยอดนักสู้ Gabi Shull โด่งดังไปทั่วโลก เพราะความมุ่งมั่น ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคของเธอกลายเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายๆคน

1-1

ย้อนกลับไปเมื่อ 6 ปีที่แล้ว ตอนเธออายุได้เพียง 9 ขวบ เธอมีความฝันอยากจะเป็นนักบัลเลต์มาตั้งแต่เด็กๆ แต่เรื่องราวไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อเธอได้รับบาดเจ็บจากการเล่นไอซ์สเกตจนต้องเข้าโรงพยาบาลเพื่อเอกซ์เรย์ แต่กลายเป็นว่าคุณหมอพบสิ่งที่น่ากลัวมากกว่าบาดแผลจากการเล่นไอซ์สเกตของเธอ เพราะหมอพบว่าเธอเป็นโรคมะเร็งกระดูกที่เข่า นั่นเป็นสาเหตุทำให้เธอต้องสูญเสียขาขวาไปข้างหนึ่ง

1

ในตอนนั้นเธอและครอบครัวคิดว่าเธอคงกลับไปเต้นบัลเลต์หรือทำกิจกรรมเหมือนคนปกติไม่ได้อีกแล้ว แต่หลังจากนั้นไม่นานเธอก็หยุดคิดถึงการเต้นบัลเลต์ไม่ได้ และเพราะเธอรู้ว่าตัวเธอเองยังรักการเต้นบัลเลต์อยู่ จึงเลือกที่จะไม่ยอมแพ้ และไม่เลิกล้มความตั้งใจที่จะเป็นนักบัลเลต์

2

ต้องขอบคุณศัลยแพทย์ที่ช่วยเหลือเธออย่างสุดความสามารถ ถ้าใครได้ดูในคลิปจะเห็นว่าขาเธอมีลักษณะแปลกๆ ใช่แล้วละ พวกเขาไม่ได้ตัดขาเธอทิ้งทั้งหมด แต่ได้นำส่วนที่ยังใช้งานได้อย่างขาท่อนล่างไปจนถึงเท้ามาต่อเข้าไปใหม่ โดยเป็นการต่อแบบกลับด้าน เพราะการต่อแบบนี้จะทำให้เวลาเธอใส่ขาเทียมจะสามารถพับงอได้ แต่อาจจะต้องใช้ความพยายามมากกว่าปกติ

4

5

แต่ตอนนี้เธอสามารถใช้ขาเทียมได้อย่างชำนาญ ไม่ใช่แค่เธอกลับมาเดินได้เท่านั้น แต่ยังสามารถเต้นบัลเลต์ได้เก่งเชียวละ แล้ววันนี้เรามีคลิปและเรื่องราวของเธอมาฝากกันด้วย ไปชมกันเลยจ้า

เรื่อง : saipiroon_แพรวดอทคอม

ภาพ : www.boredpanda.com

จับกระแสเดอะเฟซต่อยอดแบรนด์เป็นปีที่3 ‘เมย์เบลลีน’ พร้อมเตรียมส่งผู้ชนะไปร่วมนิวยอร์กแฟชั่นวีค

เมย์เบลลีน นิวยอร์ก แบรนด์เครื่องสำอางอันดับ 1 ของโลก เดินหน้ารุกตลาดเมคอัพไตรมาสสุดท้าย ส่งกลยุทธ์สปอนเซอร์ชิปเป็นผู้สนับสนุนหลักและเอ็กซ์คลูซีฟเมคอัพในรายการเรียลลิตี้สุดฮอต THE FACE THAILAND ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3

งานนี้ทุ่มทุนแจกรางวัลพิเศษส่งผู้ชนะไปร่วมนิวยอร์กแฟชั่นวีค สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้หญิงจากแบรนด์สเตทเม้นท์ “MAKE IT HAPPEN” เพื่อมุ่งมั่นทำตามความฝันให้เป็นจริงโดยใช้เมคอัพนิวยอร์กลุคที่แต่งเองได้ง่ายๆ พร้อมดึงคอนเทนต์รายการต่อยอดสื่อสารกับผู้บริโภคแบบครบวงจร ผนวกกิจกรรมออนไลน์และโซเชียลต่อเนื่องทุกสัปดาห์จนถึงต้นปี 2560

mb the face 3 (4)

ด้านเจฟ เบลลิ่งแฮม ผู้จัดการทั่วไป เมย์เบลลีน นิวยอร์ก (ประเทศไทย) กล่าวว่า“จากความสำเร็จของการเป็นผู้สนับสนุนหลักและเอ็กซ์คลูซีฟเมคอัพรายการเรียลลิตี้โชว์ชื่อดัง เดอะ เฟซ ไทยแลนด์ มาตั้งแต่ซีซั่นแรกและซีซั่นที่สอง ทำให้ เมย์เบลลีน นิวยอร์ก ได้รับการตอบรับดีมากขึ้นทุกปีในตลาดแมสของกลุ่มเมคอัพเนื่องจากคีย์ซักเซสของกลยุทธ์สปอนเซอร์ชิปคือต้องตอบโจทย์ในการเข้าถึงตรงกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งจากกระแสของรายการที่เราได้นำพรีเซนเตอร์มาร่วมเป็นเมนเทอร์รับเชิญเพื่อเชื่อมโยงเข้ากับแบรนด์และผลิตภัณฑ์ รวมถึงการนำผู้ชนะในรายการมาร่วมทำแคมเปญต่างๆของแบรนด์นั้น ทำให้ในปีนี้เราตัดสินใจร่วมเป็นพันธมิตรอีกครั้งกับกันตนาเพื่อเป็นผู้สนับสนุนหลักรายการเดอะ เฟซ ไทยแลนด์ปีที่ 3 โดยยังคงเชื่อมั่นในกระแสที่มาแรงของรายการที่เป็นที่น่าจับตามองจากคนทั่วไป รวมทั้งสื่อมวลชนและกลุ่ม Influencer ในวงการแฟชั่นความงาม”

mb the face 3 (5)

ต่อด้วย ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด เมย์เบลลีน นิวยอร์ก (ประเทศไทย) ญาดา ศาสตรสาธิต กล่าวเสริมว่า “สิ่งสำคัญในปีนี้คือเราต้องการต่อยอดในการเข้าถึงและใกล้ชิดผู้บริโภคให้มากขึ้นจากการสร้างการรับรู้ และการมีส่วนร่วมของผู้บริโภคกับแบรนด์โดยวางแนวทางทั้งในรายการเดอะ เฟซและช่องทางการสื่อสารอื่นๆของแบรนด์ด้วยไอเดียหลักคือ New York Look Made Easy ซึ่งนำเสนอการแต่งหน้านิวยอร์กลุคง่ายๆเพียงไม่กี่ขั้นตอน ที่สามารถเป็นพลังสร้างความมั่นใจให้ผู้หญิงทำความฝันและเป้าหมายในชีวิตให้เป็นจริงได้ไม่ยาก เหมือนกับแบรนด์สเตทเม้นท์ของเมย์เบลลีน นิวยอร์ก คือ ‘MAKE IT HAPPEN’  ที่เราคุ้นเคยกันมาตั้งแต่ในซีซั่นที่แล้ว ทั้งนี้เราได้เตรียมโจทย์แคมเปญและมาสเตอร์คลาสที่จะนำพรีเซนเตอร์มาร่วมเป็นเมนเทอร์พิเศษเพื่อนำประสบการณ์จากการทำงานร่วมกับแบรนด์มาถ่ายทอดให้ผู้เข้าแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายโฆษณาทีวีและภาพนิ่ง ฯลฯ นอกจากนี้จะเป็นครั้งแรกที่เราเตรียมรางวัลพิเศษสำหรับผู้ชนะที่จะได้ไปร่วมงาน ‘นิวยอร์กแฟชั่นวีค’ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2559 เพื่อสัมผัสประสบการณ์ที่สุดของแฟชั่นและความงาม ณ มหานครนิวยอร์ก เมืองที่เต็มไปด้วยสีสันความทันสมัยและมีชีวิตชีวาซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของแบรนด์เมย์เบลลีน นิวยอร์กอีกด้วย”

mb the face 3 (1)

“สำหรับรายการเดอะ เฟซ นับเป็นแพลตฟอร์มหนึ่งในเฟสแรกของการสื่อสารกับผู้บริโภค ซึ่งจะนำไปสู่การเปิดแพลตฟอร์มใหม่ๆของแบรนด์ที่เป็นช่องทางให้ผู้บริโภคได้ติดตามต่อในอนาคตอันใกล้นี้อีกด้วย เพราะนอกจากเราจะเตรียมสื่อออนไลน์และโซเชียล มีเดียของเมย์เบลลีน นิวยอร์ก ทั้งเฟซบุ๊ค และเว็บไซต์ ก็ยังมีช่องทางใหม่อื่นๆที่จะสื่อสารไปยังผู้บริโภคเพื่อต่อยอดให้ครบวงจร พร้อมทั้งกิจกรรมร่วมสนุกและการเพิ่มช่องการขายโดยร่วมมือกับรีเทลออนไลน์หรือ E-tailer อย่าง LAZADA เพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคสามารถสั่งซื้อได้ทันที จึงทำให้เราเชื่อมั่นว่าการสนับสนุนรายการเดอะ เฟซ ไทยแลนด์ปีที่ 3 นี้จะประสบความสำเร็จดังเช่นทุกปีที่ผ่านมา”

โขนพระราชทาน ตอน พิเภกสวามิภักดิ์

ยลเบื้องหลัง 9 ฉากประณีตสุดอลัง! ก่อนชม “โขนพระราชทาน” ประจำปี 2559 “ตอน พิเภกสวามิภักดิ์”

โขนพระราชทาน ตอน พิเภกสวามิภักดิ์
โขนพระราชทาน ตอน พิเภกสวามิภักดิ์

เบื้องหลังการสร้างฉากและอุปกรณ์ ก่อนชมงาน โขนพระราชทาน ประจำปี 2559 ตอน พิเภกสวามิภักดิ์ ทีมงานด้เตรียมพร้อมและตั้งใจออกแบบงานศิลปะให้ออกมาด้วยความประณีตและอลังการ 

ในแต่ละปีทีมงานได้มีความมุ่งหวังที่จะพัฒนา โขนพระราชทาน ให้มีผลงานออกมาดีขึ้นไปเรื่อยๆ กว่าทุกครั้งที่ผ่านมา เพื่อให้สมกับการรอคอยของผู้ชมที่จัดแสดงโขนพระราชทานขึ้นเพียงปีละครั้ง และเพื่อความสุขของผู้ชมที่จะได้อิ่มเอม เต็มอารมณ์ทั้งบท ฉาก และองค์ประกอบทุกส่วนของการแสดง

การแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ประจำปี พ.ศ. 2559 จัดขึ้นเนื่องในโอกาสมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ 70 ปี และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ มีพระชนมพรรษาครบ 7 รอบ เตรียมเปิดฉากการแสดง ตอน “พิเภกสวามิภักดิ์ ” ในระหว่างวันที่ 5 พฤศจิกายน – 5 ธันวาคม 2559 ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งความอลังการของทุกองค์ประกอบการแสดง โดยเฉพาะฉากและอุปกรณ์ประกอบฉาก ก็เป็นส่วนสำคัญในการสร้างสรรค์จินตนาการให้สมจริง

อาจารย์สุดสาคร ชายเสม ผู้ออกแบบฉากและอุปกรณ์ประกอบฉากโขนพระราชทาน
อาจารย์สุดสาคร ชายเสม ผู้ออกแบบฉากและอุปกรณ์ประกอบฉาก

อาจารย์สุดสาคร ชายเสม ผู้ออกแบบฉากและอุปกรณ์ประกอบฉาก การแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ได้เล่าถึงการจัดเตรียมฉากว่า “สำหรับการเตรียมงานในด้านฉากและอุปกรณ์ประกอบฉากการแสดงโขนฯ ในปีนี้เสร็จสมบูรณ์ไปกว่า 60 เปอร์เซ็นต์แล้ว เนื่องจากในปีนี้เป็นปีมหามงคลและครบหนึ่งทศวรรษของโขนพระราชทาน จึงจัดทำกรอบเวทีที่หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ขึ้นมาใหม่เฉพาะกิจ มีประติมากรรมเหล่าเทพยดา ไม่ว่าจะเป็นพระศิวะนาฏราช, พระนารายณ์, พระพรหม, พระพิฆเนศวร, พระธนบดี (กุเวร) ฯลฯ ออกแบบพิเศษเป็นสีทองไล่น้ำหนักให้เกิดความสวยงามมีมิติ”

โมเดลกรอบเวทีเพื่อการแสดงโขนพระราชทาน
โมเดลกรอบเวทีที่ออกแบบพิเศษเพื่อการแสดงโขนปีนี้โดยเฉพาะ

สำหรับฉากที่จะใช้ในการแสดงมีทั้งหมด 9 ฉากใหญ่ ซึ่งนับว่าเยอะที่สุดตั้งแต่เคยมีการจัดแสดง โขนพระราชทาน มา โดยแบ่งเป็นฉากต่างๆ ดังนี้

1) ฉากท้องพระโรงกรุงลงกา ฉากคลาสสิก ที่ประทับของทศกัณฐ์ เนื่องด้วยฉากนี้เป็นเรื่องราวพิเภกถูกขับ ดังนั้นกรุงลงกาจะถูกเปลี่ยนหน้าตาเพื่อสื่อถึงอารมณ์ในฉากนี้ให้มากที่สุด จากเดิมที่เป็นเรือนแก้ว ก็ปรับเป็นบุษบกเกริน มีฉัตรฉลุ 7 ชั้นปักทั้ง 2 ด้าน แวดล้อมด้วยต้นไม้เงิน – ทอง คชสีห์ ราชสีห์ ให้กรุงลงกามีความสง่างาม สื่อถึงความยิ่งใหญ่ของทศกัณฐ์

ฉากท้องพระโรงกรุงลงกาในโขนพระราชทาน
ฉากท้องพระโรงกรุงลงกา
อีกมุมของฉากท้องพระโรงกรุงลงกาในโขนพระราชทาน
ฉากท้องพระโรงกรุงลงกา

2) ตำหนักพิเภก เป็นตำหนักไม้ มีเครื่องยอดใบระกาตามชั้นยศ โดยในฉากนี้จะมีการใช้เทคนิคพิเศษคือ Turn Table ในการหมุนกลับด้านได้

โมเดลฉากเรือสำเภาจีน ฉากสำคัญในโขนพระราชทาน
อาจารย์สุดสาคร ชายเสม กับโมเดลฉากเรือสำเภาจีน ซึ่งเป็นฉากสำคัญของการแสดงโขนปีนี้

3) ฉากสำเภา นับเป็นฉากไฮไลต์ สื่ออารมณ์โดยใช้ท้องทะเลแทนความเวิ้งว้าง เปรียบเสมือนจิตใจของพิเภกที่ล่องลอยไป โดยนอกจากสำเภาแล้ว พิเภกจะลงเรือสำปั้นเล็กเพื่อเดินทางไปยังฝั่งทวีปอีกด้วย สำหรับสำเภา ความยาวตัวเรือยาวร่วม 10 เมตร และความสูงของเสากระโดง 7.5 เมตร สามารถชักใบ – ลดใบได้เหมือนจริง โดยได้รับความร่วมมือจากกองทัพเรือ มีการเชิญนายทหารเรือมาแนะนำกลไกการก่อสร้างเรือสำเภา และสอนนักแสดงเรื่องการชักใบเรือ เพื่อให้เกิดความสมจริงอย่างที่สุด

เรือโทสิทธินาถเล่าถึงกลไกเรือสำเภาจีนแบบโบราณ
เรือโทสิทธินาถ คุณวัฒน์ ผู้บังคับหมวด กรมนักเรียนนายเรือรักษาพระองค์ โรงเรียนนายเรือ มาเล่าถึงกลไกเรือสำเภาจีนแบบโบราณ

ความพิเศษของฉากสำเภา อาจารย์สุดสาครเล่าเสริมว่า เรือสำเภาออกแบบให้เป็นเรือแบบจีน เพราะในช่วงสมัยรัชกาลที่ 2 มีการติดต่อค้าขายกับจีน โดยแบบเรือสำเภาได้มาจากการค้นคว้าแบบเรือโบราณจากพิพิธภัณฑ์เรือ ประกอบกับภาพจิตรกรรมเก่า

โครงสร้างเรือสำเภาจีน
โครงสร้างเรือสำเภาจีน ซึ่งเป็นฉากสำคัญของการแสดงโขนปีนี้

นำมาออกแบบเป็นเรือสำเภาในการแสดงครั้งนี้ ที่สวยงามทางศิลปกรรมและมีลักษณะถูกต้องตามแบบเรือโบราณ โดยปกติสำเภาจะมี 2 สี คือ เขียวและแดง ซึ่งในการแสดงครั้งนี้เลือกใช้สีแดง อีกทั้งยังมีกลไก รอก สมอ เหมือนจริง เพื่อให้เรือสำเภาบนเวทีแล่นได้เหมือนอยู่กลางมหาสมุทร และเมื่อพิเภกเดินทางมาใกล้ฝั่ง จะมีการเปลี่ยนเรือเป็นเรือสำปั้นโล้ออกมา

โมเดลฉากเรือสำเภาจีน
โมเดลฉากเรือสำเภาจีน

นอกจากนี้ยังมี 4) ฉากป่า 5) ฉากพลับพลาพระราม 6) ท้องพระโรงฝ่ายในกรุงลงกา 7) สนามรบ ซึ่งการแสดงในปีนี้ใช้ราชรถถึง 3 คัน จากทุกปีที่ใช้เพียง 2 คัน โดยเป็นราชรถของพระราม พระลักษณ์ และทศกัณฐ์ 8) ปราสาทกรุงลงกา และ 9) ห้องบรรทมทศกัณฐ์

แบบฉากขนาดเท่าของจริงในโขนพระราชทาน ตอน พิเภกสวามิภักดิ์
อาจารย์สุดสาคร ชายเสม วาดแบบฉากขนาดเท่าของจริง
การเพ้นต์สีฉากด้วยเทคนิคการประคบสีลงบนลายฉลุ
คณะทีมช่างกำลังเพ้นต์สีฉากด้วยเทคนิคการประคบสีลงบนลายฉลุ
ทศกัณฐ์ในท้องพระโรงกรุงลงกา โขนพระราชทาน
ฉากท้องพระโรงกรุงลงกา
ฉากท้องพระโรงกรุงลงกา โขนพระราชทาน
ฉากท้องพระโรงกรุงลงกา

เห็นความตั้งใจและความละเมียดละไมต่อผลงานที่ลงมือทำ เพื่อให้ออกมาสวยงามสมงานโขนพระราชทาน ก็ยิ่งช่วยตอกย้ำว่า เมืองไทยเรามีทีมงานที่ดีและมีศิลปวัฒนธรรมที่งดงามให้ได้ชมกันอย่างรู้คุณค่า…

สำหรับผู้ชมที่สนใจการแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ประจำปี พ.ศ.2559 ตอน “พิเภกสวามิภักดิ์” ได้เปิดให้ซื้อบัตรเข้าชมแล้วที่ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ทุกสาขา

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.khonperformance.com


เรียบเรียงโดย : Gingyawee_แพรวดอทคอม
ภาพ : บริษัทโพลีพลัส พีอาร์ จำกัด

ตือ สมบัษร ถิระสาโรช ออร์แกไนเซอร์มือทอง

ตามไปดูออร์แกไนเซอร์มือทอง “ตือ – สมบัษร” เผยชีวิตใน 1 วัน แบบนี้สิเรียกว่ามืออาชีพ!

ตือ สมบัษร ถิระสาโรช ออร์แกไนเซอร์มือทอง
ตือ สมบัษร ถิระสาโรช ออร์แกไนเซอร์มือทอง

ออร์แกไนเซอร์มือทอง “ตือ – สมบัษร” กับชีวิตใน 1 วันไม่ธรรมดา! 

ออร์แกไนเซอร์มือทอง ตือ – สมบัษร หากใครติดตามอินสตาแกรมของสุดยอดนักออร์แกไนเซอร์คนนี้ จะพบว่าชีวิตในแต่ละวันมีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย ทั้งที่เกี่ยวกับงาน ชีวิต และศิลปะ วันนี้แพรวดอทคอมจึงขอชวนคุณๆ ออกเดินทางไปพร้อมกับตือแบบเต็มเวลา 24 ชั่วโมงกันเลย

ตือ ออร์แกไนเซอร์มือทอง
ตือ – สมบัษร ถิระสาโรช

“ตารางในแต่ละวันของตือค่อนข้างยุ่ง ถ้าเปรียบคงเหมือนด้ายที่พันกันเยอะๆ ต้องใช้เวลาแกะพอสมควร (หัวเราะ) แต่ความที่อาชีพเราเป็นนักจัดการ จึงไม่เคยไม่มีปัญหา หลักของตือคือ การเรียงลำดับสิ่งที่ต้องทำ โดยเรื่องที่ให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกคือการประชุมกับลูกค้า ต่อด้วยการเคลียร์งานของตัวเอง ประชุมกับทีม และจัดเรื่องส่วนตัวเป็นอันดับสุดท้าย

“หลังจากตื่นนอน สิ่งแรกที่ตือทำทุกวันคือดื่มน้ำมะนาวสดแก้วโต เพื่อช่วยให้สดชื่นและปรับการทำงานของระบบร่างกาย ต่อด้วยการเดินยืดเส้นยืดสาย อ่านข่าวหนังสือพิมพ์ แล้วไปอาบน้ำพร้อมกับการเปิดเพลงเสียงดังๆ ซึ่งไม่ซ้ำแนว ขึ้นอยู่กับว่าวันนั้นต้องออกไปทำอะไร ถ้ามีงานแฟชั่นจะเปิดเพลงสนุกๆ เพื่อบิลด์ตัวเอง แต่ถ้าไปประชุมจะเลือกเพลงสบายๆ ให้อารมณ์ดี

ตือกับผลิตภัณฑ์อาหารเสริม I-DEE
เริ่มต้นวันทำงานด้วยความสดใส เพราะมีตัวช่วยดีๆ อย่างผลิตภัณฑ์อาหารเสริม I-DEE

“พออาบน้ำเสร็จ ตือจะออกกำลังกายด้วยการเป่าลมออกจากปาก เพื่อเติมออกซิเจนให้ร่างกาย จากนั้นไหว้พระให้จิตใจสงบ แล้วกินผลิตภัณฑ์อาหารเสริม I-DEE ซึ่งเป็นตัวช่วยในการดูแลสมอง สายตา และร่างกายให้แข็งแรง ก่อนจะกินอาหารเช้า เช่น ขนมปังกับกาแฟ หรือข้าวเหนียวไก่ทอด ส่วนมื้อกลางวันก็ยังกินเมนูง่ายๆ อย่างก๋วยเตี๋ยว เพื่อทำเวลาในการทำงาน ตือจะกินหนักที่มื้อเย็น แต่ไม่ค่อยกินแป้ง จะเน้นอาหารที่เป็นเนื้อสัตว์ ผัก และผลไม้มากกว่า

“ก่อนออกจากบ้านตอนเช้า ตือจะนั่งที่โต๊ะทำงาน ไล่ตารางคิวกับพี่มงคลที่ช่วยขับรถพาตือไปยังที่ต่างๆ เราทำงานเป็นทีมแบบนี้ทุกวัน และพอขึ้นรถก็เป็นเวลาที่คุยโทรศัพท์สั่งงานลูกน้องหรือแก้ไขงานให้ลูกค้า กระทั่งถึงที่หมายก็เริ่มประชุมงาน

ตือคุยงานบนรถยนต์
รถยนต์คือห้องคุยงานกับน้องๆ

“วันไหนมีอีเว้นต์ตอนเย็น ตือจะไปตรวจงานล่วงหน้าประมาณ 6 ชั่วโมง เพื่อซ้อมคิวนางแบบ เช็กทุกอย่างว่าเป็นไปอย่างที่เตรียมไว้ไหม พอถึงเวลาเริ่มงาน ตือจะอยู่ตรงนั้นเพื่อดูแลและสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า และรอจนถึงงานเลิกเพื่อส่งแขกที่มาร่วมงาน เสร็จจากนั้นอาจแวะไปกินข้าวกับลูกน้องนิดหน่อยแล้วกลับบ้าน

“แต่ถ้าวันไหนมีเวลาว่าง กิจกรรมโปรดคือไปร้านหนังสือกับช็อปปิ้ง (หัวเราะ) นอกจากเป็นการให้รางวัลตัวเอง ยังทำให้เห็นว่าโลกนี้มีอะไรใหม่ๆ เกิดขึ้นบ้าง ทั้งเรื่องของแฟชั่น เสื้อผ้า รองเท้า เฟอร์นิเจอร์ หรือบางทีตือก็ไปงานแสดงเอกซิบิชั่นใหม่ๆ เพื่อเติมความรู้ด้วย

ตือซ้อมคิวการแสดงโชว์
ซักซ้อมคิวแสดงโชว์ก่อนเริ่มงาน

“อีกอย่างหนึ่งที่ชอบทำคือไปเดินห้างสรรสินค้า คุยกับพนักงานขาย เพื่อติดตามว่าตอนนี้อะไรขายดี เทรนด์ของผู้บริโภคเป็นอย่างไร การคุยกับพนักงานหน้าร้านจะได้ข้อมูลเหล่านี้เยอะ เพราะเขาได้เจอกับคนมากมายในแต่ละวัน

“พอกลับถึงบ้าน ก่อนปิดสวิตช์ทำงาน ตือจะดูสมุดคิวว่าพรุ่งนี้มีงานอะไร ต้องเตรียมตัวและเตรียมเสื้อผ้าอย่างไรบ้าง จากนั้นจะนั่งพัก ดูทีวี อ่านหนังสือ เล่นโทรศัพท์มือถือ และคุยกับเพื่อน เพื่อชาร์จพลังไว้สำหรับเรื่องดีๆ ที่จะเกิดขึ้นในวันต่อไป

ตือวาดรูปและเขียนคำดีๆ
เริ่มต้นวันด้วยการวาดรูปหรือเขียนคำดีๆ

“อ่านถึงตรงนี้ หลายคนอาจคิดว่าตือทำอะไรตั้งมากมาย (หัวเราะ) แต่ตือก็มีความสุขกับทุกเวลาของตัวเอง ทั้งเรื่องงานที่สามารถจัดการได้อย่างมีระเบียบ รวมถึงการมีสุขภาพที่ดี เนื่องจากมีตัวช่วยอย่าง I-DEE มาเป็นกำลังสนับสนุน

“สำหรับตือ เวลา 24 ชั่วโมงจึงทั้งสนุกและท้าทาย จึงอยากฝากให้ทุกคนดูแลสุขภาพ เพื่อที่เราจะพร้อมมีความสุขในทุกๆ ช่วงของชีวิต”

“คลั่งกินคลีน” โรคอันตรายของผู้หญิงไส้สะอาด

ในหมู่ของคนรักสุขภาพไม่มีใครไม่รู้จัก “อาหารคลีน” แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่าการกินคลีนที่ถูกต้องควรเป็นอย่างไร เพราะหลายคนที่เคร่งจัดถึงขั้นตัดขาดจากสารอาหารที่มีประโยชน์ แทนที่จะสุขภาพดีกลับป่วยซะงั้น

คลั่งคลีนคืออะไร

โรคนี้เกิดจากอาการป่วยทางจิตที่เคร่งครัดเรื่องการ กินอาหารที่มีประโยชน์มากเกินไป คือไม่กินคาร์โบไฮเดรต ไขมัน น้ำตาล บางคนถึงขั้นตัดขาดไขมันและโปรตีน เพราะมีความเชื่อว่าสารอาหารเหล่านี้ไม่มีประโยชน์ ถ้าวันไหนเผลอกินเข้าไป วันรุ่งขึ้นต้องออกกำลังกาย อย่างหนัก ซึ่งสุดท้ายแล้วจะนำไปสู่ความเครียด ฟังแล้ว โรคนี้มีอาการคล้ายกับอะนอเร็กเซีย ต่างตรงที่คนคลั่งคลีน จะไม่ยอมแตะอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรต โปรตีน แต่ยังคง กินผักหรือผลไม้ได้บ้าง ขณะที่อนอเร็กเซียแทบไม่แตะอาหารเลย

1

ไขมัน” ไม่ใช่ผู้ร้ายเสมอไป

ไขมันมี 2 ประเภท อย่างแรกคือไขมันดี ไขมันชนิดนี้ดีต่อหลอดเลือดแดง ป้องกันไม่ให้เกิดคอเลสเตอรอลไปสะสมในหลอดเลือดโดยปกติเราสามารถเพิ่มไขมันดี ด้วยวิธีออกกำลังกาย พร้อมกับควบคุมอาหารที่มีแคลอรีสูง งดสูบบุหรี่เพราะจะทำให้ไขมันดีลดลงเราสามารถเพิ่มไขมันดีได้โดยกินพืชผักต่าง ๆ รวมทั้งเมล็ดธัญพืช ไม่ขัดสี เช่น ข้าวซ้อมมือ ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต อะโวคาโด รวมทั้งไขมัน โอเมก้า 3

ส่วนไขมันไม่ดี หรือ LDL มาจากคำว่า Low Density Lipo protein เป็นบ่อเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดอุดตัน เนื่องจากไขมัน ชนิดนี้เป็นตัวลำเลียงคอเลสเตอรอล ออกจากตับเข้าสู่กระแสเลือดที่สุดจะเกิดภาวะหลอดเลือดตีบทำให้เกิดโรคความดันสูง โรคหัวใจขาดเลือด ซึ่งไขมันไม่ดีมักมาจากสัตว์และอาหารจำพวกเค้ก ไอศกรีม คุกกี้ ฯลฯ

Processed with VSCOcam with hb1 preset

กินครบ 5 หมู‹เถิดจะเกิดผล (ดี)

การกินที่ถูกต้องควรกินให้ครบ 5 หมู่ โดยอาหารต้องสดสะอาด ไม่มีผงชูรสหรือสารกันบูด คุณควรดูว่าตัวเองมีน้ำหนักและส่วนสูงเท่าไหร่ รวมถึงมีโรคประจำตัวหรือไม่ เพื่อคำนวณว่าร่างกายต้องการพลังงานเท่าไหร่ อีกทั้งควรปรับการกินอาหารให้ถูกต้อง เช่น ในกรณีที่คุณชอบคาร์โบไฮเดรต ก็ควรเปลี่ยนมาเป็นแบบที่ยังไม่ขัดสี ควบคู่กับการออกกำลังกายอย่างพอประมาณ การกินที่ถูกต้องควรเดินทางสายกลาง ไส้สะอาด แต่สุขภาพแย่ ไม่คุ้มนะจ๊ะ

ที่มา : คอลัมน์ HEALTH CHECKUP นิตยสารแพรวฉบับที่ 890

ภาพ : www.pexels.com

 

16 ภาพพรีเวดดิ้งสุดเลิฟ นิวเคลียร์ & เพชรจ้า กับฝีมือการลั่นชัตเตอร์ของ เปา – ทวีวัฒน์

account_circle

เพียงแค่ช่วงเวลาไม่กี่ชั่วโมงหลังการลง ภาพพรีเวดดิ้ง สไตล์โคเรียของนิวเคลียร์-หรรษา และดีเจเพชรจ้า ก็ทำเอาโลกออนไลน์ร้อนฉ่าไปด้วยแรงอิจฉาในความมุ้งมิ้งน่ารักและตามมาด้วยกระแสที่หลายคนอยากรู้กันมากว่าเป็นฝีมือใครกันที่ลั่นชัตเตอร์ให้ แน่นอนว่าเราสืบมาให้แล้ว พร้อม 16 ภาพพรีเวดดิ้งที่นิวเคลียร์คัดมาให้เราได้ดูโดยเฉพาะ

img_5231

ภาพพรีเวดดิ้งที่คุณเห็นทั้งหมดนี้คือ เป็นฝีมือของ “เปา – ทวีวัฒน์ บรรยงบุญฤทธิ์” ช่างภาพพอร์ตเทรตที่หลายคนชื่นชอบในผลงานจากใน IG @paophoto เพราะด้วยสไตล์ที่ชัดเจนในการดึงอารมณ์คนถูกถ่ายออกใปรากฏเป็นภาพนิ่งที่ดูกี่ทีก็ได้อารมณ์ร่วมเสมอ

img_5242
เปา – ทวีวัฒน์ บรรยงบุญฤทธิ์

img_5227

“การถ่ายภาพพรีเวดดิ้งมีหลายแบบอยู่แล้วนะครับ แต่ถ้าโดยส่วนตัว เมื่อให้ตีโจทย์ความเป็นคู่รักในมุมมองของผมคือ คู่รักที่เป็นเพื่อนกัน ไม่ได้มีความโรแมนติกมากมาย การที่คนเราจะแต่งงานกันต้องมีพื้นฐานความเป็นเพื่อนที่จะใช้ชีวิตร่วมกันต่อไปได้ในระยะยาว เป็นคู่ที่สามารถหยอกกันได้ สนิทสนม กอดคอกันได้ และใช้ชีวิตร่วมกันแบบสนุก โดยในบางครั้งก็อาจจะแทรกอารมณ์โรแมนซ์ลงไปเป็นวาระๆ

img_5238

“สำหรับคู่นี้ ตอนที่คุยสรุปแนวการถ่ายภาพ ทั้งนิวเคลียร์และพี่เพชรจ้าไม่ได้ให้โจทย์อะไรเป็นพิเศษ เพียงแต่นิวเคลียร์อยากได้ภาพสไตล์พอร์ตเทรต ผมจึงเสนอไปว่า ถ้าอย่างนั้นภาพที่ออกมาเป็นพอร์ตเทรตที่สื่ออารมณ์และอิริยาบทที่เป็นธรรมชาติของคนสองคนดีไหม ไม่ได้เป็นการถ่ายภาพที่ต้องเก๊กหรือเกร็ง ไม่ต้องโพสต์แบบหันหน้า 45 องศานะ หรือคุณต้องเอียงตัวแบบนี้ แต่เป็นการแสดงท่าทางที่คุณสามารถกอดกัน ขยับตัวได้อิสระ จับผมลูบหัวด้วยท่าทางธรรมชาติๆ ที่ปกติเคยทำแบบไหนก็ทำแบบนั้น ซึ่งน่าจะเหมาะกับคาแรกเตอร์ของทั้งคู่ที่ชอบความเป็นธรรมชาติ เน้นการแสดงออกในตัวตน ภาพที่ออกมาจึงเป็นภาพที่ทุกคนเห็นนั่นแหละครับ”

ส่วนถ้าใครสงสัยเหลือเกินว่า แล้วเสื้อผ้าหน้าผมล่ะ ทั้งคู่ให้ใครดูแลให้ สาวนิวเคลียร์บอกกับเราว่า เสื้อผ้าทั้งหมดจัดหามาเอง ส่วนหน้าผมก็เลือกช่างด้วยตัวเอง ที่สำคัญทรงผมของเพชรจ้าที่ดูแล้วทำให้คนทั้งเมืองพากันเรียกโอปป้าๆ เนี่ย บอกตรงนี้เลยว่า พี่เค้าก็จัดมาเองนะจ้ะ

โฮลเกรล ซีเรียล อาหารเช้ามีประโยชน์

ไขความลับ “โฮลเกรน” คุณประโยชน์จากซีเรียล สู่ “อาหารเช้า” เพื่อสุขภาพ

โฮลเกรล ซีเรียล อาหารเช้ามีประโยชน์
โฮลเกรล ซีเรียล อาหารเช้ามีประโยชน์

อาหารเช้า เป็นมื้อสำคัญที่สุด เคยสังเกตไหมว่า เมื่อเราตื่นนอนในตอนเช้า ไม่นานก็จะรู้สึกหิว ทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำอะไรเลย นั่นเป็นเพราะร่างกายไม่ได้รับอาหารนาน 10-12 ชั่วโมงขณะที่นอนหลับ แต่ร่างกายยังคงทำงานและใช้พลังงานอย่างต่อเนื่อง เมื่อตื่นนอนระดับน้ำตาลในเลือดจึงต่ำนั่นเอง

อาหารเช้าการรับประทานอาหารเช้าจะช่วยเติมพลังงานให้กับร่างกายเพื่อเริ่มวันใหม่ ทำให้ร่างกายพร้อมสำหรับ
การทำงานและทำกิจกรรมต่างๆ ได้ตลอดทั้งวัน ไม่ว่าจะเป็นวัยเด็กเรียน หรือวัยทำงานก็ตาม ซึ่ง อาหารเช้า ที่มีประโยชน์ จะประกอบด้วยธัญพืช โดยเฉพาะ โฮลเกรน ใยอาหาร โปรตีน ซึ่งมีปริมาณน้ำตาลน้อย และจะช่วยเสริมสมาธิให้เราจดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง และมีความจำดีขึ้น

อาหารเช้า
คุณกรทิพย์ ฐิติธรรมจริยา ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด

คุณกรทิพย์ ฐิติธรรมจริยา ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด ได้แนะนำว่า นอกจากอาหารเช้ายอดฮิตอย่าง ข้าวต้มเครื่อง โจ๊ก ข้าวเหนียวหมูปิ้ง หรือข้าวผัดแล้ว อาหารเช้าประเภทซีเรียล ขนมปัง หรือแซนด์วิชที่ทำจากธัญพืชโฮลเกรนร่วมกับอาหารอื่นๆ ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง และควรรับประทานเสริมด้วยนมรสจืด 1 กล่อง ไข่ต้ม 1 ลูก และผลไม้ประมาณ 1 ผล เช่น ส้ม หรือแอปเปิล เพื่อให้ได้คุณค่าทางโภชนาการที่ครบถ้วนตามหลัก 5 หมู่

อาหารเช้ามาไขความลับกันดีกว่าว่า เคล็ดลับง่ายๆ ที่จะเพิ่มโฮลเกรนเข้าไปในมื้อ อาหารเช้า มีอะไรกันบ้าง

1. มองหาคำว่า ‘โฮล’ หรือ ‘โฮลเกรน’ เช่น โฮลมีล โฮลวีต หรือข้าวสาลีทั้งเมล็ด โฮลโอ๊ต หรือสัญลักษณ์โฮลเกรนบนบรรจุภัณฑ์ของอาหาร ฯลฯ ซึ่งเป็นเครื่องบ่งชี้ว่ามีโฮลเกรนเป็นส่วนผสม เนื่องจากการที่ผลิตภัณฑ์มีสีน้ำตาล ไม่ได้หมายความว่า เป็นโฮลเกรนทั้งหมด รวมถึงข้อความที่ระบุว่า มัลติเกรน หรือมีไฟเบอร์ ก็ไม่ได้แปลว่าผลิตภัณฑ์ นั้นจะทำมาจากโฮลเกรนเสมอไป

อาหารเช้า2. ลองเปลี่ยนการบริโภคเส้นพาสต้า ขนมปังสีขาว มาเป็นเส้นพาสต้า ขนมปัง หรือแป้งที่ทำจาก
โฮลเกรน โฮลวีต โฮลมีล ข้าวไรย์ ข้าวโอ๊ต เป็นต้น หรือเปลี่ยนจากข้าวสวยมาเป็นข้าวกล้อง ข้าวมันปู ข้าวบาร์เลย์ หรือข้าวสาลี เปลี่ยนจากขนมขบเคี้ยวเป็นข้าวโพดคั่วที่ไม่ผ่านการปรุงรส เป็นต้น

3. สำหรับคนที่ชอบรับประทานข้าว แนะนำให้ผสมข้าวขาวที่ผ่านการขัดสีกับข้าวซึ่งไม่ผ่านการขัดสีหรืออาจเปลี่ยนเป็นข้าวกล้องแทน

4. เริ่มต้นวันใหม่ด้วยอาหารเช้าซีเรียลโฮลเกรนที่ระบุข้างกล่องอย่างชัดเจนว่าทำมาจากโฮลเกรน เพราะนอกจากจะอุดมด้วยคุณค่าจากสารอาหารที่มีประโยชน์แล้ว ยังเป็นตัวเลือกที่สะดวกในการเตรียมมื้อเช้า ในช่วงเวลาที่เร่งรีบอีกด้วย

อาหารเช้า

อาหารเช้า

อาหารเช้า

สุขภาพที่ดีเราสามารถกำหนดและเริ่มต้นได้ด้วยตัวเองตั้งแต่มื้อเช้า ด้วยการเลือกรับประทานอาหารเช้าที่ดีซึ่งมีโฮลเกรนเป็นส่วนผสมหลัก เพื่อเสริมสร้างพัฒนาการทางร่างกายและประสิทธิภาพในการเรียนรู้ที่ดีขึ้น โดยเฉพาะสำหรับเด็ก และยังช่วยเตรียมพร้อมร่างกายสู่วันใหม่ที่สดใส ปูทางสู่การมีสุขภาพที่ดีในระยะยาวสำหรับทุกคน

 


เรียบเรียงโดย : Gingyawee_แพรวดอทคอม
ภาพ : บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด

เจ้เงาะ : ลิขิตรักขัดใจแม่! ขวัญ – กอล์ฟ วางแผนแต่ง เคลียร์คิวพักใจไปสวิส

มาแล้วจ้าาาาา เจ้เงาะ คนงามฝั่งธนมาแล้ว…สถานการณ์ความบันเทิงในช่วงนี้ เห็นทีจะหนีความดราม่าของครอบครัวนางเอกบาร์บี้ ขวัญ – อุษามณี ยังไม่พอ ความรักก็ยังขัดใจขุ่นแม่อีก นี่มันพล็อตละครหลังข่าวหรือเปล่า เจ้เองยังอึ้ง…
10 ปีก่อนตอนนั้นก็เด็กกันทั้งคู่ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ข่าวแซ่บถึงคู่รัก “ขวัญ – อุษามณี” กับ “กอล์ฟ – พิชญะ” ที่เคยห่างกันไปก็กลับมาสปาร์คแรงรักเรียกหา ยูเทิร์นกลับมาคบกันอีกครั้ง และก็ดูเหมือนฤทธาน้ำพริกถ้วยเก่าจะทวีคูณจนตัวติดกันยิ่งกว่ากาวตราช้างที่ขนมาทั้งคันรถสิบล้อ กระทั่งกลายเป็นข่าวดังสนั่นวงการบันเทิง กลบกระแสวุ้นเส้น – ชาคริต จอย – อาเล็ก ซะมิด และอย่างที่บอกว่าเมื่อก่อนมี “ขวัญ” ที่ไหนต้องมีแม่ที่นั่น แต่ตอนนี้กลายเป็นมี “ขวัญ” ที่ไหน ต้องมี “กอล์ฟ” เป็นเงา คุณแม่แอ๊วเลยต้องเปลี่ยนมาเป็นสแตนด์บายนั่งรออยู่ที่บ้าน จนติงนังพร่ำเพ้อผ่านโซเชียล และกลายเป็นดราม่าหนักหน่วงอยู่ ณ เพลานี้
ขวัญกอล์ฟ
ล่าสุดมีข่าวเมาท์มาหนาหูว่า ขวัญ – กอล์ฟ กำลังวางแผนจะแต่งงานกันแล้วจ้า เหลือก็แต่ทางครอบครัวฝ่ายหญิงจะไฟเขียวหรือไม่ เพราะประเด็นนี้ฝ่ายคุณแม่แอ๊วเองก็ดูท่าทางไม่ค่อยจะปลื้มหนุ่มกอล์ฟตั้งแต่แรกด้วย แต่ที่แน่ๆตอนนี้ทั้งคู่เตรียมเคลียร์คิวไปเที่ยวสวิส 2 ต่อ 2 จะเป็นทริปกระชับความสัมพันธ์ หรือว่าจะซ้อมฮันนีมูนกันหรือยังไงเจ้ก็ไม่รู้
ว่าแล้วเจ้ก็ขอตัวไปพักผ่อน รอชมภาพหวานๆของทั้งคู่ดีกว่า

John Drops นักคอสเพลย์เซเลบคนดัง ที่เห็นแล้วต้องขำจนน้ำตาจะไหล

บ้านเรามีน้องทรายเป็นเจ้าแม่คอสเพลย์ ที่ต่างประเทศเขาก็มีเจ้าพ่อคอสเพลย์เหมือนกันนะ John Drops คือนักคอสเพลย์เซเลบคนดังที่มักจะเลียนแบบการแต่งตัว แต่งหน้า ทำผม ของพวกเซเลบทั้งหลาย เป็นการเลียนแบบที่ไม่เน้นความสวยงาม แต่เน้นความฮาล้วนๆ

ช่วงนี้วงการบันเทิงบ้านเรามีแต่ข่าวเครียดๆ คนนั้นเลิกกับคนนี้ นางเอกสาวทะเลาะกับครอบครัวเพราะที่บ้านไม่ปลื้มแฟนหนุ่ม แต่ละวันมีเรื่องให้ต้องตามเผือกกันเยอะมากก! ทำเอาเครียดตามโดยไม่รู้ตัว พักจากเรื่องเครียดๆมาดูข่าวเบาๆอย่างข่าวนี้กันบ้าง ถ้าใครอยากอารมณ์ดี แนะนำให้เข้าไปดูอินสตาแกรมของพ่อหนุ่มคนนี้ได้เลยค่ะ @johndrops เพราะคุณจะได้ขำจนกรามค้างกับความเกรียนของเขาอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นเซเลบหรือคนดังคนไหนก็ล้วนผ่านการคอสเพลย์จากเขามาหมดแล้ว และถึงแม้จะเป็นผลงานคอสเพลย์แบบต้นทุนต่ำ ใช้ของที่มีมาประดิษฐ์มาสร้างสรรค์แบบง่ายๆ แต่ผลงานของเขานั้นกลับได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก โด่งดังจนมีแฟนคลับติดตามผลงานของเขาเยอะเลยแหละ เอาเป็นว่าเตรียมไปขำจนน้ำตาไหลได้เลยจ้า

1
โถ ทำกับขุ่นแม่คิมแบบนี้ได้ยังไง จิตใจทำด้วยอะไร ><
2
เห็นแล้วคันแทนพี่เขาจริงๆ
3
เห้ยยย ไม่ธรรมดา เหมือนอยู่นาจา
4
ตั้งแต่คอสเพลย์มา ชุดนี้เหมือนสุดละ
5
เอาที่พี่สบายใจเลยจ้า
6
เหมือนตั้งแต่หัวจรดเท้า ให้คะแนนความตั้งใจเอาไป 100 เต็ม!
7
อยากจะถามพี่ว่าเอาขวดเบียร์มาห้อยทำไมคะ?
8
ไม่บ้าจริงทำไม่ได้นะบอกเลย
9
แม้แต่ขุ่นแม่ริฮานนายังไม่รอด ใช้กระดาษฟอยล์จนหมดม้วนเลยมั้งเนี่ย
10
รู้สึกสงสารเคนดัลล์กับไคลีย์ก็คราวนี้แหละ
12
หมดกันความเซ็กซี่
13
เอาผ้าห่มที่บ้านมาเล่นทำไม!
14
ชอบชุดนี้นะ นางดูมีความตั้งใจดี

เรื่อง : saipiroon_แพรวดอทคอม

ภาพ : @johndrops

 

6 Fall Trends ที่การันตีสนุกจนอยากให้แต่งตาม

อะไรคือเทรนด์เด่นประจำ Fall/Winter2016 ที่ไม่ควรพลาด?

แต่งตามนางแบบจากแคทวอร์คหรอ? มีหวังได้หลงทางไปหลากหลายจนเกิดอาการเบลอ!!! POUND_PRAEWNISTA ขอโฟกัสไปที่เหล่า A LIST เซเลปบริตี้ของโลกดีกว่า เพราะอะไร… ก็พวกเธอเริ่มใส่เสื้อผ้าฤดูหนาวมาก่อนพวกเรา นับดีๆ เผลอๆ ตั้งแต่ตอนซัมเมอร์แล้วนะสิ และนี่คือ 6 Fall Trends ขึ้นแท่นฮิต ที่การันตรีได้ว่าใส่ตามแล้วเจิดชัวร์ แน่นอน

1. Bustiers / Corsets
เทรนด์นี้ป้ามิวเซอร์ส่งมากระแทรกใจสาวๆ ได้อย่างจัง สารภาพนะครับว่าครั้งที่เห็นใน รัยเวย์เมื่อหลายเดือนก่อน ผมถึงต้องกลับมานั่งคิดๆๆๆ ว่าจะใส่ยังไงดีหว่า? แต่คำตอบนั่นก็ได้รับการเฉลยเมื่อขุ่นแม่สะโพกสลาตัน Kim Kadeshian หยิบมามันคาดทับเสื้อยืดตัวโคร่ง สาวไทยตัวแม่อย่างชมพู่ก็ทำแบบนี้เหมือนกัน Oops!

1 Corsets
Note : เจ้า  Bustiers หรือที่เรียกอีกอย่างว่า Corsets เป็นสัญลักษณ์ของหญิงสาวชั้นสูงตั้งแต่ยุควิคตอเรีย ยุคที่สาวๆ เอ๊ะอะก็เป็นลมล้มพับไม่ว่าจะดีใจหรือเสียใจ หลายครั้งที่เมื่อเราดูหนังแล้วรู้สึกว่านางเอกเรื่องนี้โอเวอร์แอคติ้งไปหรือเปล่า แต่ถ้ามองให้ดี ผมว่าก็ต้องเข้าใจนางนิดนึงนะครับ เพราะไอ้เจ้าเข็มขัดรัดเอวเส้นหนาที่รัดตั้งแต่ปอดลงมานี้ ทำให้นางหายใจไม่ทั่วท้อง เวลานางเกิดตกใจหรือดีใจ หรืออะไรก็ตามที่ทำให้หายใจไม่ปกติ นางก็เป็นลมเสียดื้อๆ  คนรวยนี่รสนิยมแปลกๆ เน๊อะบางที

2. Tracksuit
ถ้าคุณคิดว่าฮูดดี้ดูสปอร์ตเหลือเกิน ขอให้โฟกัสที่ลุคแทรคสูทนี้ก่อน เพราะนี่มันสปอร์ตจ๋ากว่าชัดๆ เอาเป็นว่าถ้าเทรนด์ Healthy และกระแสรักสุขภาพยังไม่แผ่ว ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่เปิดรับ เทรนด์นี้ ดูอย่าง Gigi สิ ยังใส่แทรกสูทช้อปปิ้งทั่วนิวยอร์คมาแล้ว

2 Tracksuit
Note : ภาพจำที่ติดตามาที่สุดของแทรคสูทคือกางเกงและเสื้อแจ็กเก็ตสีจี๊ดกับลายเส้น 3 ขีดที่แจนเสื้อและกางเกง ใช่แล้วครับผมกำลังอวยให้กับแฟชั่นสปอร์ตแบรนด์อย่าง Adidas ที่เริ่มต้นทำเจ้าสิ่งนี้มาตั้งแต่ 1970s และถ้านั่นยังไม่ติดตาพอละก็ พระเอกหนังบู๋ ‘Bruce Lee’ ในชุดสีเหลืองฟักทองและแถบสีดำจากภาพยนตร์เรื่อง Game Of Death ละเป็นไง เห็นชัดขึ้นไหม? แต่ถ้าสำหรับฝากผู้หญิง ผมว่าชื่อของสาวซ่าอย่าง Britney Spair น่าจะเข้าวินรอบแรกๆ เพราะ จากปาร์ตี้แต่งงานของเธอเมื่อ 2004 ที่เน้นคอสตูมไปที่แทรนกสูทสีช๊อกกิ้งพิ้งค์ ถามว่าไอเดียนี้ดีไหม… เอ่อ! คงไม่ใช่คำตอบที่ดีที่สุด (หัวเราะ)

3. T-Shirt
แม้ว่าจะมีหลายเสียงกร่นเบื่อพวกดีไซน์ที่มาแบบ Logo Mania โดยเฉพาะกระเป๋าและรองเท้่า ถ้ามันร้องเร่ประกาศชัดมากว่าเป็นของแบรนด์อะไร ยิ่งถูกเมินจากลูกค้าเอคลาสมากเท่านั้่น! ข้อนี้สาวๆ ควรทราบโดยทั่วกันว่า “การถือกระเป๋าทีโชว์ยี่ห้อหรา ให้ผลเท่ากับ ‘รสนิยมติดลบ’ (คำพูดของตัวแม่ในวงการแฟชั่นคนหนึ่ง)
แต่ใช้ไม่ได้กับเสื้อยืดครับ เพราะล่าสุดทั้ง Chanel , GUCCI , Moschino , Dolce & Gabbana และ See by Chloe ต่างก็ส่งมาสวยกระแส แต่กรี๊ดสุดต้อง GIVENCHY ที่บนมาดีไซน์แบบขาดๆ พ่วงเทรนด์ ‘Ripped T- Shirt’ ไปอีกต่อ

3 T Shirt

4. Go big or Go home
ตัวอย่างเด็ดของเทรนด์นี้คือแม่เสือสาว Rihana ที่เธอเลือกใส่เฉพาะชิ้นใหญ่แบบ Over Size มาสักระยะ โดยชิ้นใหญ่ไม่ได้จำกัดไว้ที่ชิ้นใดชิ้นหนึ่ง เพราะเหมารวมไว้หมดตั้งแต่ แจ็กเก็ต ทีเชิ้ต เชิ้ตเรียบๆ หรือแม้แต่เสวตเตอร์ ถามว่ามีแบรนด์ไหนส่งมาสนับสนุนกันบ้าง นี่เลย …. Balmain, Balenciaga โดยเฉพาะ Raf Simons ที่ส่งเสวตเตอร์แบบหย๋ายใหญ่มาให้ลอง แถมใส่ได้ทั้งชายและหญิงไปอีก เรียกได้ว่าตัวเดียว สวยจบ!

4 Go Big
Note : ความใหญ่เวอร์วังนี้ มีที่มาที่ไปนะครับ เพราะถ้าให้นับกันดีแล้ว ความพลัสไซส์แบบนี้โดนใจสาวๆ มาตั้งแต่ยุค 20s แล้วละ ตั้งแต่เสื้อคลุมแบบใหญ่เวอร์ ไปจนถึงกางเกงใหญ่คาดเข็มจัดรัดขอบกางเกงให้ย่นๆ แบบ 50s และ Huge Sunglass ที่ปี 2000 และเมื่อ 2016 ทั้งทีความเวอร์วังนี้ก็กลับมาอีกครา

5. Hoodies
ลืมภาพสามสปอร์ตที่หลุดออกมาจากยิมได้เลย เพราะที่หนาวนี้เสื้อแจ็กเก็ตแบบมีฮู๊ด ใส่ได้ทั้งกลางวัน และกลางคืน เทคนิคก็คือแมทช์มันไว้กับอะไรที่มันเซ็กซี่ๆ เข้าไว้ อย่างใส่ทับชุดนอนลูกไม้สีดำ หรือกางเกงสกินนี่รัดสะโพกสุดๆ นี่มันคือ ‘NEW Sexy’ แบบใหม่ ที่ไม่ต้องโชว์เนื้อหนังให้มากความ แต่เชื่อเถอะ! หนุ่มๆ เห็นแล้วละลายแน่นอน!
5 Hooddies
Note : เจ้า Hoddies ถูกสร้างขึ้นครั้งแรกเมื่อช่วงต้น 20s โดยบริษัทอเมริกัน (Knickerbocker Knitting Company) ที่ทำขึ้นมาเพื่อฟุตบอลทีมทีมหนึ่ง แต่ก็เฉยไม่ได้ดีงเปรี้ยงเท่าไหร่ เพราะหลังจากนั้น 50 ปีเลยละถึงจะเป็นปีทองของเจ้านี่ เรื่องนี้ให้คะแนนชาวHip Hop ในช่วง 70s หรือยุคกราฟฟิตี้ในนิวยอร์คเฟื่องฟูสุด แต่เท่านั้นยังน้อยไป ความดีความชอบทั้งหมดตกอยู่ที่ภาพยนตร์คลาสสิคเรื่อง ‘ROCky’ ที่ได้ Sylvester Stallone มาโชว์กล้ามแน่นๆ กับลุคนนักมวยชื่อก้องโลก จนปี 1980 เจ้าฮู๊ดดี้ก็เข้ามาสู่โลกแฟชั่นอย่างเต็มตัวเมื่อ Norma Kamali ส่ง Sweatshirt Collection มาในที่สุดนั่นเอง
6. Velvets
ขอออกตัวแรงเลยครับว่า เทรนด์นี้หุ่นไม่เซี๊ยะจริง อย่างเพิ่งหาญกล้าไปแตะ เพราะความ Shiny ของนางทำให้สาวดูจ้ำม่ำได้ง่าย แนะนำครับ ว่า การเลือกมันแมทช์กับสกินนี่ยีนส์ ช่วยให้ความเว่อร์วังดูสตรีตขึ้นได้ทันที

6 Velvet
Note : เราไม่ถลำไปถึงชุดเดรสที่สร้างขึ้นบนผ้ากำมะหนี่จากยุคเรนองซองหรอกครับ เอาเป็นว่า ผมรวบมาให้แล้วละกับ 6 ลุค Velvets Dresses ที่ทำให้สาวๆ เปรี้ยวซ่าและก๋ากั่นแบบทุนยุคทันสมัย

Enjoy The Season นะครับ
ลมหนาวมาเจอสาวไทยแวบเดียว อย่าปล่อยให้ผ่านไปแบบไร้สไตล์++++
ผมเชียร์คุณอยู่ คุณก็รู้

เรื่อง : Pound_Praewnista

keyboard_arrow_up