ผู้กำกับชาวฝรั่งเศส พูดถึง 'ลิซ่า' ในงานแฟชั่นวีค

ป๊อปสตาร์เบอร์ใหญ่! ผู้กำกับชาวฝรั่งเศส พูดถึง ‘ลิซ่า’ ในงานแฟชั่นวีค

ผู้กำกับชาวฝรั่งเศส พูดถึง 'ลิซ่า' ในงานแฟชั่นวีค
ผู้กำกับชาวฝรั่งเศส พูดถึง 'ลิซ่า' ในงานแฟชั่นวีค

จากปรากฏการณ์ที่ทำปารีสเกือบเกิดจลาจลเพราะความฮ็อต ล่าสุดผู้กำกับชื่อดังชาวฝรั่งเศส ได้ออกมาพูดถึง ลิซ่า BLACKPINK ในงานแฟชั่นวีค ว่าเขาไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน มันบ้ามาก!

ในปี 2019 งาน Paris Fashion Week มีคนดังจากทั่วโลกบินไปเข้าร่วม หนึ่งในนั้นคือแฟชั่นโชว์ของ Celine คอลเล็คชั่น Spring/Summer 2020 ที่ได้ไอดอลเกาหลีสุดฮ็อต ลิซ่า BLACKPINK เป็นแขกฟร้อนท์โรว์ จนทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่แม้แต่ผู้กำกับเบอร์ใหญ่ของฝรั่งเศสยังต้องอึ้ง

เมื่อไม่นานมานี้ ผู้กำกับชาวฝรั่งเศส Loic Prigent ได้โพสต์คลิปบนช่องยูทูบของเขาในหัวข้อ “วิดีโอแฟชั่นครั้งที่ 100 ของเรา! ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของเรา” เพื่อรวมโมเม้นต์ที่ประทับใจในงานแฟชั่นวีค ซึ่งได้พูดถึงลิซ่าไว้อย่างชื่นชม เขาบอกว่า “ตอนเรามาถึงคนของเซลีนบอกว่าป๊อปสตาร์เบอร์ใหญ่กำลังมา เมื่อลิซ่ามาถึง ผู้คนหน้างานพากันส่งเสียงกรี๊ด นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นปรากฏการณ์แบบนี้ มันบ้ามาก ผมไม่เคยเห็นป็อปสตาร์คนไหนมีแฟนคลับและบอดี้การ์ดเยอะขนาดนี้มาก่อน”

ป๊อปสตาร์เบอร์ใหญ่! ผู้กำกับชาวฝรั่งเศส พูดถึง ‘ลิซ่า’ ในงานแฟชั่นวีค

'ลิซ่า' ในงานแฟชั่นวีค Loic Prigent 

'ลิซ่า' ในงานแฟชั่นวีค 'ลิซ่า' ในงานแฟชั่นวีค-1 'ลิซ่า' ในงานแฟชั่นวีค-2

ต้องบอกว่า Loic Prigent เป็นผู้กำกับตัวท็อปของฝรั่งเศส ที่เคยร่วมงานกับเลดี้ กาก้ามาก่อน ทั้งนี้เขายังย้ำว่าตั้งแต่ทำงานในวงการนี้มา ไม่เคยเห็นใครสร้างปรากฏการณ์ได้เท่าลิซ่าอีกแล้ว เรียกได้ว่าความดังและความฮ็อตของลิซ่าในครั้งนี้ก็เกิดผล เพราะในที่สุดวันที่ 22 กันยายน 2563 Celine ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่า ลิซ่า คือ GLOBAL AMBASSADOR คนแรกของแบรนด์

'ลิซ่า' ในงานแฟชั่นวีค-3 'ลิซ่า' ในงานแฟชั่นวีค-4 'ลิซ่า' ในงานแฟชั่นวีค


ภาพ : blackpinkupdate.com

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

กล่องส้มล้มทับ! ของขวัญวันเกิด ‘ดิว อริสรา’ มีแต่แบรนด์เนมชิ้นหรู

เดรสดำสวยปัง ‘จอนจีฮยอน’ ลุคใหม่ เผยมุมเซ็กซี่ ในงานเปิดตัว Kingdom

อยากได้แต่แม่ขัดใจ! พะเพื่อน-แม่อุ๊ สกุลไทย เผยแบรนด์เนมที่ซื้อแล้วเสียดายมาก

 

เฟียร์สเกินต้าน! "เจนนี่ BLACKPINK" ใส่วิกผมถ่ายแบบ ทรงบ๊อบสั้นตรง หน้าม้าเต่อ

เฟียร์สเกินต้าน! “เจนนี่ BLACKPINK” ใส่วิกผมถ่ายแบบ ทรงบ๊อบสั้นตรง หน้าม้าเต่อเหนือคิ้ว

Alternative Textaccount_circle
เฟียร์สเกินต้าน! "เจนนี่ BLACKPINK" ใส่วิกผมถ่ายแบบ ทรงบ๊อบสั้นตรง หน้าม้าเต่อ
เฟียร์สเกินต้าน! "เจนนี่ BLACKPINK" ใส่วิกผมถ่ายแบบ ทรงบ๊อบสั้นตรง หน้าม้าเต่อ

เฟียร์สเกินต้านกับลุคล่าสุดของ “เจนนี่ BLACKPINK” โดยเมื่อวานนี้ (19 ก.ค.64) ทางนิตยสาร Elle Korea ได้อัปโหลดคลิปวิดีโอเบื้องหลังการถ่ายแบบของเจนนี่ สำหรับปกนิตยสารฉบับเดือนสิงหาคม ซึ่งเจนนี่มาในลุค ทรงบ๊อบสั้นตรง หน้าม้าเต่อเหนือคิ้ว บอกเลยว่าสวยเฟียร์ส และน่ารักดูเป็นสาวสไตล์ฮิปสเตอร์ไม่เบาเลย และผมสีดำก็ขับลุคให้ดูสวยเข้ม ลึกลับ น่าค้นหามากขึ้น และความแซ่บสุดแนวของเจนนี่ในลุคผมทรงนี้ ถึงกับติดท็อปอับดับ 5 คำค้นหาใน Weibo เลยทีเดียว

แต่ใครที่เสียดายเส้นผมยาวสลวยแทนสาวเจนนี่นั้น ก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะลุคทรงบ๊อบสั้นตรง หน้าม้าเต่อเหนือคิ้วนี้ เป็นเพียงการใส่วิกให้เข้ากับธีมถ่ายแบบเท่านั้น ไม่ได้ตัดผมจริงแต่อย่างใด ฉะนั้น ไม่ต้องกังวลหรือตกใจไป ถือว่าเป็นเรื่องดีที่นานๆ ทีจะได้เห็นสาวเจนนี่ในลุคสุดฮิปสเตอร์แบบนี้

และขอเตือนว่าทรงนี้อาจจะไม่เหมาะกับผู้หญิงทุกคน เพราะต้องดูโครงหน้าด้วย หากคุณไม่ใช่สาวหน้าเรียวหรือหน้ารูปไข่ อาจจะไม่สวยปังเท่าสาวเจนนี่ ยิ่งหากเป็นสาวหน้ากลม หรือสาวหน้าเหลี่ยม ทรงนี้ขอให้ผ่านไปก่อน เพราะเป็นทรงที่จะยิ่งขับให้ใบหน้ากลมมากกว่าเดิม

 

เฟียร์สเกินต้าน! “เจนนี่ BLACKPINK” ใส่วิกผมถ่ายแบบ ทรงบ๊อบสั้นตรง หน้าม้าเต่อเหนือคิ้ว

ทรงบ๊อบสั้นตรง 4

สำหรับสาวเจนนี่ ในลุคทรงบ๊อบสั้นตรง หน้าม้าเต่อเหนือคิ้ว บอกเลยว่าผมสั้นตรงเรียบๆ แบบนี้ยิ่งทำให้ใบหน้าของดูเด็กลง เหมือนย้อนวัยกลับไปตอนวัยรุ่นชัดๆ

ทรงบ๊อบสั้นตรง 3 ทรงบ๊อบสั้นตรง 2 ทรงบ๊อบสั้นตรง 1


ข้อมูลและภาพ : ellekorea , ผมเกิดมาเป็นติ่ง

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ส่องลิสต์ ลิปสติกสีนู้ด แท่งโปรดของ 5 เซเลบริตี้สุดฮ็อต ใช้สีไหนจึงสวยสู้แมสก์

นาบีฮ็อตเกินต้าน! “ฮันโซฮี” สาวเกาหลีคนแรกที่ขึ้นแท่น Muse ของ Charlotte Tilbury

ทริคลดน้ำหนักสไตล์ “พัคชินฮเย” ลดได้จริงและรวดเร็ว เพื่อรูปร่างที่เพรียวสมส่วน

 

คริส วู

16 แบรนด์ดังเท คริส วู หลังถูก ตู้เหม่ยจู กล่าวหาล่วงละเมิดทางเพศผู้หญิง

account_circle
คริส วู
คริส วู

กำลังตกเป็นประเด็นร้อนเลยสำหรับข่าวดราม่าของ คริส วู หรือ อู๋อี้ฝาน อดีตสมาชิกวง EXO ซุป’ตาร์ชื่อดังแดนมังกร หลังเขาถูกกล่าวหาว่า ล่วงละเมิดทางเพศ และล่อลวงผู้เยาว์ โดยมีเหยื่อกว่า 30 คน

โดยงานนี้ถูกเปิดเผยโดย ตู้เหม่ยจู ที่ได้ให้สัมภาษณ์กับทาง Wangyi ว่าเธอนั้นถูกคริส วูข่มขืน นอกจากนี้ยังมีผู้หญิงที่ตกเป็นเหยื่อซึ่งถูกมอมเหล้าก่อนที่เขาจะล่วงละเมิดทางเพศพวกเธออีกด้วย

ทั้งนี้ ตู้เหม่ยจูยังกล่าวถึงวิธีการที่ คริส วูคัดเลือกเหยื่อ โดยเขาจะเลือก เน็ตไอดอล หรือ หญิงสาววัยรุ่นหน้าตาดี ซึ่งเป็นแฟนคลับของเขา ซึ่งบางรายนั้นยังไม่บรรลุนิติภาวะ  โดยคริส วูจะทำทีเป็นเชิญพวกเธอมาร่วมมีตติ้งหลัง โดยเขากล่าวว่าจะมีเพียงไม่กี่คนที่ได้รับคัดเลือก แต่พอพวกเธอมาถึงโรงแรม กลับพบว่ามีเพียงซุป’ตาร์หนุ่มเพียงคนเดียวเท่านั้น

ตู้เหม่ยจูยังเล่าอีกว่า เธอได้รับเงิน 500,000 หยวน หรือประมาณ 2.5 ล้านหยวน แต่เธอได้ส่งคืน มีการเปิดเผยอีกว่า มีการทำทีเป็นคุยเรื่องงาน แต่พอไปถึงบ้นของคริสวู กลับถูกมอมเหล้าอย่างนัก และเมื่อตื่นมาอีกทีพบว่าอยู่บนเตียงของเขาแล้ว ทั้งนี้ยังมีเด็กหญิงซึ่งเป็นผู้เยาว์อีก 2 คน ที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งพวกเธอมีหลักฐานอยู่ในมือแล้ว

ขณะเดียวกันมีรายงานว่า คริส วูถูกกล่าวหาว่า ทำผู้หญิงคนหนึ่งท้อง และเธอต้องไปทำแท้ง เพราะพบว่า คริส วูเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STD) ซึ่งตู้เหม่ยจู ได้ให้สัมภาษณ์ไว้ด้วยว่า เขามักมีเซ็กซ์แบบไม่ป้องกัน

ขณะที่ทางทีมกฎหมายของ คริส วูได้ออกมาโต้ว่าเตรียมดำเนินคดีกับ ตู้เหมยจูแล้ว ซึ่งไอดอลสาวได้ตอกกลับไปว่า เธอและหญิงสาวผู้เสียมีหลักฐานอยู่ในมือครบเตรียมส่งให้ตำรวจทั้งหมดหากต้องขึ้นศาล

ทั้งนี้ยังมีการเปิดแชทของทีมงานคริส วู และ ตู้เหมยจู โดยข้อความในแชทมีการเปิดเผยว่า เธอได้เรียกร้องเงินเป็นจำนวน 8 หยวน แต่ถูกทีมงานของคริสปฏิเสธ ก่อนนำไปสู่การตกลงกันที่ 2 ล้านหยวน ขณะเดียวยังมีการเปิดเผยหลักฐานอีกชุดทางทวิตเตอร์ว่า ทีมงานของคริสได้ยื่นเงื่อนไขให้เน็ตไอดอลสาว ลบโพสต์ทั้งหมด และออกมาบอกว่าทุกอย่างที่เธอกล่าวหาคริส วู ไม่เป็นเรื่องจริง

ขณะที่เหล่าบรรนักแสดงสาวบรรดาสาวๆ อีกจำนวน 7 คน ได้ออกมาโพสต์ถึง คริส วู ไปในทางเดียวกันถึงพฤติกรรมทางเพศของเขาไม่ว่าจะเป็น หลินซีหยา ซึ่งเคยออกเดทกับคริส โพสต์ว่า “7 ปี ความยุติธรรม? เอาเลย” , Zhang Dansan แห่ง SNH48 และ Qin Niu Zheng Wei หรือที่รู้จักในนาม Luna Qin

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ คริส วู เงียบได้พักใหญ่ ล่าสุดเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม เขาได้ออกมาโพสต์ข้อความลงใน Weibo ปฏิเสธข่าวลือทั้งหมด โดยระบุว่า

“มันมาถึงจุดที่ผมทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้วเนื่องจากมีคนปล่อยข่าวลือ ผมเคยพบเธอครั้งหนึ่งเมื่อวันที่ 5 ธ.ค. ที่งานปาร์ตี้กับเพื่อนๆ แต่ผมไม่เคยชวนเธอดื่มหรือขอเบอร์โทรฯเธอเลย ที่ปาร์ตี้มีคนเยอะมาก ผมไม่เคทำเรื่องต่างๆทั้งล่อลวงหรือข่มขืน รวมถึงกับผู้หญิงที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ถ้าผมทำอะไรแบบนี้จริง ผมจะส่งตัวเองเข้าคุกเลย ผมจะขอรับผิดชอบกับทุกสิ่งที่ผมพูดตอนนี้”

ข่าวดังกล่าวเรียกได้ว่าส่งผลกระทบเรื่องงานเป็นอย่างมาก โดยเหล่าแบรนด์ดังของประเทศจีนต่างออกมาประกาศว่าได้ปลด คริส วู จากการเป็นพรีเซนเตอร์เป็นที่เรียบร้อยไม่ว่าจะเป็น

Kans

แบรนด์สกินแคร์จากเซี่ยงไฮ้ที่ได้ออกมาประกาศออย่างเป็นทางการผ่าน Weibo ในเย็นวันอาทิตย์ (18 กรกฎาคม) ว่าพวกเขาได้ยกเลิกสัญญากับคริส วูเป็นที่เรียบร้อย

Liby

แบรนด์น้ำยาซักผ้า “แบรนด์ Liby ได้ยุติการร่วมงานทั้งหมดกับ (คริส) อู๋อี้ฟาน ”

Seeyoung

แบรนด์แมมพูแถลงการณ์ผ่าน Weibo ของพวกเขาว่า เมื่อไม่นานนี้ทางแบรนด์ได้ยกเลิกสัญญากับ คริสวูแล้ว

EtherealSound

EtherealSound (Yunting) ภายใต้ Chinese Media Group สื่อของรัฐที่เชี่ยวชาญด้านการกระจายเสียงทางวิทยุและโทรทัศน์ ประกาศว่าพวกเขาได้ยุติความร่วมมือกับคริส วู และยังได้ลบเนื้อหาทั้งหมดของเขาออกจากแพลตฟอร์มอีกด้วย

Tempo

แบรนด์ทิชชู่แถลงการณ์บน Weibo เมื่อเช้าวันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคม ว่าพวกเขาได้ยุติการทำงานกับคริส วู

Kangshifu

แบรนด์เครื่องดื่มชา ได้ยุติการเป็นพรีเซนเตอร์กับดาราดัง “XXX: Return Of Xander Cage” แล้ว

Lancôme

ด้านลังโคม แบรนดสกินแคร์ เครื่องสำอาง และน้ำหอมชื่อจากประเทศฝรั่งเศสก็ไ้ออกมาแถลงการณ์เช่นเดียวกันว่า สัญญาของคริส วูจะสิ้นสุดลงในเดือนมิถุนายน 2021

Vatti

ผู้ผลิตเครื่องใช้ในครัวได้เปิดเผยว่าสัญญาของทางแบรนด์ กับ คริส วูได้สิ้นสุดลงเมื่อต้นเดือนนี้

Honor Of Kings

เกมออนไลน์ “Honor Of Kings” ได้เผยว่าสัญญาในการทำงานกับคริสวูได้สิ้นสุดลงในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2021 และในเวลานั้นสัญญาของเขาไม่ได้ต่ออายุเพิ่ม

Tencent

เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม แพลตฟอร์มออนไลน์ชื่อดังอย่าง Tencent ได้ออกมาประกาศอย่างเป็นทางการว่า พวกเขาได้ส่งหนังสือแจ้งการยกเลิกสัญญาให้กับคริส วู และได้ยุติความสัมพันธ์ในการทำงานในระดับแบรนด์แล้ว

Porsche

Porsche แบรนด์รถยนต์หรูได้ออกมาประกาศว่ายุติการร่วมงานกับคริส วูเป็นที่เรียบร้อย

Kiehl 

คีลส์ แบรนด์สกินแคร์ในเครือลอรีอัล  ได้ลบโพสต์ของคริส วูทางโซเชียลมีเดียที่เคยร่วมงานกับแบรนด์

ขณะที่แบรนด์ไฮเอนด์ชื่อดังระดับโลกในเครือ LVMH อย่าง หลุยส์ วิตตอง  และ Bulgari ได้ออกมาเปิดเผยว่า “เราได้ให้ความสำคัญกับข้อกล่าวหาต่อ คริส วูอย่างจริงจัง และได้ระงับความสัมพันธ์กับเขาจนกว่าจะทราบผลการสืบสวนสอบสวนของศาล”

อย่างไรก็ตาม รายได้ประจำปีของคริส วู สูงถึง 150 ล้านหยวนในปี 2560 ทำให้เขาอยู่อันดับที่ 10 จากรายชื่อผู้มีชื่อเสียงของ Forbes China ในปีนั้น คริส วูไม่เพียงได้รับความเดือดร้อนจากชื่อเสียงของเขาเท่านั้น แต่เขายังสูญเสียสัญญาจากอีกหลายแบรนด์สินค้าตามที่กล่าวไปข้างต้นอีกด้วย


ที่มา : hype.my, www.globaltimes.cn, mgronline

ไมค์-พิรัชต์ นิธิไพศาล

ไมค์-พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล “มีวันนี้ได้เพราะพยายาม รางวัลสำหรับความไม่ท้อ”

Alternative Textaccount_circle
ไมค์-พิรัชต์ นิธิไพศาล
ไมค์-พิรัชต์ นิธิไพศาล

เรียกว่าดังจนฉุดไม่อยู่ สำหรับ ไมค์-พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล ที่นอกจากโกอินเตอร์ไปดังเป็นพลุแตกในเมืองจีนแล้ว ความปังของเขายังไปเตะตาฮอลลีวู้ด จนได้ร่วมงานกับนักแสดงระดับโลก ซึ่งวันนี้ไมค์ได้พูดคุยถึงเรื่องราวความพยายามขั้นสุดของเขากันค่ะ

ไมค์-พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล “มีวันนี้ได้เพราะพยายาม รางวัลสำหรับความไม่ท้อ”

หนัง The Misfits เข้าฉายที่อเมริกามาได้หนึ่งเดือนกว่าๆ แล้ว ฟีดแบ็กเป็นยังไงบ้าง?

“ตอนนี้น้องสาวผมอยู่ที่อเมริกาก็ไปดูมา เขาก็บอกว่าฟีดแบ็กก็ค่อนข้างดี แล้วก็ที่ทีมงาน The Misfits ส่งมาก็มีบางที่ที่ตั๋วหมดแล้วคือจองเต็ม แล้วก็ตามพวก Video on Demand พวกอเมซอนอะไรพวกนี้ก็มีขึ้นอันดับหนึ่งด้วย”

รู้สึกโล่งใจหรือใจชื้นขึ้นมาเลยไหม เนื่องจากสถานการณ์โควิดตอนนี้หลายคนก็ห่วงว่าถ้าหนังเข้าโรงแล้วจะเป็นยังไง แม้ว่าอเมริกาจะเริ่มคลี่คลายแล้วก็ตาม?

“จริงๆ ก็โล่งใจประมาณหนึ่งครับ ที่ตรงนั้นเขาเปิดได้ทันเวลาพอดี พอหนังเข้าปุ๊บคนเขาก็คงอาจจะไม่ได้ไปโรงหนังนานก็เลยเข้าไปดูกัน แต่คืออย่างของที่ไทยตอนนี้ยังไม่แน่ใจว่าจะได้เข้าฉายหรือเข้าโรงเมื่อไหร่เพราะว่าเราก็ต้องดูสถานการณ์ต่อไปก่อน”

ส่วนตัวพอใจมากน้อยแค่ไหน?

“ถือว่าดีเลย พอใจในระดับหนึ่ง แล้วก็คิดว่ามันก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับการเปิดตลาดใหม่ด้วยครับ”

ถ้าไม่ติดสถานการณ์โควิด ตัวเราต้องเดินทางไปร่วมโปรโมตหนังที่อเมริกาด้วยหรือเปล่า?

“ใช่ครับ ก่อนหน้านั้นจริงๆ ที่คุยกับทางทีมเขาไว้ก็คือว่าถ้ามีการเดินพรมแดงหรือเปิดตัวหนังเขาก็อยากให้ไปเผื่อมีโอกาสไปร่วมด้วย แต่ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ก็คือไม่สามารถไปไหนได้เลย”

แอบเสียดายไหม?

“แอบเสียดายครับ จริงๆ 2ปีที่ผ่านมามันก็มีหลายโอกาสที่เสียไปค่อนข้างเยอะ”

ไมค์-พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล

หลังจากหนังเรื่องนี้แล้วจะมีโอกาสต่อยอดไปในผลงานที่เป็นระดับฮอลลีวู้ดเรื่องอื่นอีกไหม?

“จริงๆ ที่ผ่านมามันก็มีแคสติ้งอยู่เรื่อยๆ อยู่ที่ว่าโปรเจ็กต์ไหนเขาจะมองหาคาแรกเตอร์ที่เป็นคนเอเชีย ซึ่งถ้าให้พูดตามตรงมันก็ไม่ได้มีเยอะมากมากขนาดนั้นสำหรับบทคนเอเชียที่เป็นแนวนี้”

ครั้งนี้ถือว่าเป็นการเบิกทางที่สวยงามของตัวเองไหม เพราะได้ร่วมงานกับนักแสดงแถวหน้าของฮอลลีวู้ดเลย?

“ใช่ครับ เป็นเหมือนกับการเปิดประตูใหม่ๆ ให้กับโอกาสทางการงานของไมค์ด้วย แล้วก็การได้ร่วมงานกับนักแสดงระดับท็อปๆ ของฮอลลีวู้ดก็ทำให้ตลาดนี้เปิดกว้างขึ้นด้วย”

กว่าจะได้เป็นส่วนหนึ่งของแต่ละเรื่องเชื่อว่าค่อนข้างยาก เคยท้อบ้างไหม?

“ท้อเป็นเรื่องปกติ แต่แค่ไม่ยอมแพ้เท่านั้นเอง มันท้อหลายๆ เรื่องอยู่แล้วครับ ทั้งเรื่องของตัวเองด้วย ทั้งเรื่องของการงาน ทั้งเรื่องของหลายๆ อย่าง แต่โดยส่วนตัวคิดว่าตราบใดที่เรายังไม่ยอมแพ้ยังไงมันก็ต้องมีวันหนึ่งที่มันเป็นวันของเรา”

ความยากที่สุดในหนังเรื่องนี้ที่ต้องใช้เวลากับมันเยอะหน่อยเป็นเรื่องอะไร?

“ด้วยความที่เรื่องนี้มันเป็นเรื่องแรกที่เป็นหนังพูดภาษาอังกฤษของไมค์ ความยากของมันก็คือเรื่องภาษานี่แหละครับ เพราะว่ามันไม่ใช่ภาษาแม่ของเราด้วย แล้วเราอาจจะไม่ได้ชิ้นลิ้นเพราะเราไม่ได้เกิดหรือโตที่โน่น มันก็อาจจะต้องทำการบ้านค่อนข้างเยอะหน่อยในการที่จะให้สำเนียงไปได้ใกล้เคียงที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ”

นักแสดงที่ต้องเข้าฉากด้วย ตัวเราตื่นเต้นแค่ไหน?

“ตื่นเต้นมากครับ ตอนที่ไปเจอครั้งแรกคือเหมือนเราได้เห็นนักแสดงอย่าง เพียร์ซ บรอสแนน เขาคือเจมส์ บอนด์007 ที่เราเห็นเขามาตั้งแต่เด็ก แล้วพอได้ไปเจอตัวจริงมันก็เหมือนกับเป็นความฝันของเราที่อยากจะร่วมงานกับดาราฮอลลีวู้ดคนนี้ด้วย พอได้ไปเจอเราก็ตื่นเต้น จำได้เลยว่าตอนจับมือเราก็มือสั่นๆ นิดหน่อย”

ถือเป็นรางวัลของความไม่ท้อของตัวเอง?

“ใช่ๆ มันอาจจะใช้เวลานานหน่อย คือจริงๆ มันเป็นความฝันตั้งแต่เด็ก ซึ่งมันก็กลายเป็นเป้าหมายของเราในชีวิต แล้วพอเราทำให้มันเกิดขึ้นมันก็กลายเป็นความจริงของเรา ซึ่งเราก็ได้ไปถึงจุดนั้น แล้วก็คาดว่าก็คงอยากจะไปต่อในอนาคต”

พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล

คาแรกเตอร์ของไมค์ในภาพยนตร์เรื่อง The Misfits เป็นอย่างไร?

“ตัวละครตัวนี้ชื่อว่า “วิค” เขาเป็นฝ่ายเทคโนโลยีของกลุ่มนี้  เป็นคนประดิษฐ์ระเบิดและเขาก็เป็นคนที่ชอบทำอะไรเกี่ยวกับระเบิด”

เราได้ใส่ไอเดียเพิ่มเติมของเราลงไปในบทนี้บ้างไหม?

“เขาบอกว่าตัวละครตัวนี้เป็นตัวละครที่สนุก ซึ่งผมก็พยายามใส่ความสนุกในแบบผมลงไป ก็มีพาร์ทที่ต้องเต้นด้วย เรียกว่าฟรีสไตล์เลย”

ในโซเชียลแฟนๆ มีเข้ามาคอมเมนต์อะไรบ้าง?

“มีแฟนๆ บอกว่ารอดูเรื่องนี้อยู่ ตื่นเต้นอยากจะเห็นแล้วว่าบทบาทเป็นอย่างไร กับอีกส่วนหนึ่งเป็นแฟนคลับที่อยู่ต่างประเทศเขาก็มีโอกาสดูแล้ว แต่ยังไม่มีใครมาสปอย”

อย่างในไทยยืนยันว่าจะได้เข้าโรงแน่ๆ ใช่ไหมคะ?

“ก็น่าจะได้เข้านะครับ แต่ยังไม่แน่ใจว่า จะเข้าช่วงไหนกันแน่ เพราะด้วยสถานการณ์ตอนนี้ยังเอาแน่เอานอนไม่ได้”

เหมือนหลายคนก็อยากดูเพื่อที่จะเป็นกำลังใจให้ไมค์?

“ใช่ครับ ปกติไมค์เล่นซีรีส์เยอะกว่าหนัง ซึ่งเป็นการเปิดทางไปสู่อนาคต เผื่อจะได้เล่นหนังมากขึ้น”

เรื่องนี้ไมค์ต้องบู๊ไหม?

“น่าเสียดายที่บทไมค์เป็นแค่นักประดิษฐ์ ไม่ได้ต่อสู้ ส่วนใหญ่การต่อสู้จะเป็นของอีกคนมากกว่า จะแยกกันค่อนข้างชัดเจน ไมค์จะเน้นเป็นการระเบิดมากกว่า”

อยากให้เล่าถึงการร่วมงานกันกับนักแสดงท่านอื่นๆ เป็นอย่างไรบ้าง?

“The Misfits  เป็นการรวมตัวกันของคนจากหลากหลายพื้นที่ มารวมตัวกันเพื่อทำภารกิจ ปล้นจากคนรวยนำมาให้กับคนที่จำเป็นต้องใช้ คล้ายๆ โรบินฮู้ด ซึ่งทีมนี้จะประกอบไปด้วย เพียร์ช บรอแนน เป็นคนนำทีม รามี่ เจเบอร์,เฮอร์ไมโอนี่ คอร์ฟีลด์,เจมี ชุง ฯลฯ มารวมตัวกัน  ซึ่งแต่ละคนมีความสามารถที่แตกต่างกันไป”

ไมค์ได้เข้าบทกับใครมากที่สุด?

เพียร์ช รอสแนน ครับ ในกองจะพูดคุยกันค่อนข้างเยอะ เพราะเราไปถ่ายกันที่ดูไบ ด้วย จะมีไปแฮ็งเอ้าท์กันด้วย ซึ่งในแต่ละวันค่อนข้างเร็ว เลยจะมีช่วงเวลาที่แตกละคนสามารถไปแฮ็งเอ้าท์ ดูสถานที่ต่างๆ ไปกินข้าว ไปดินเนอร์ได้”

ด้วยความที่ไมค์และเพียร์ช บรอสแนนอายุต่างกัน ฉะนั้นเวลาที่ต้องคุยกันนอกเหนือจากเรื่องงาน มันมีอะไรที่พูดกันหรือแชร์กันแล้วรู้สึกถูกคอ?

“เรื่องหนัง เรื่องการแสดง สถานที่ในดูไบ อะไรประมาณนี้ครับ”

เพียร์มีทาบไมค์ร่วมงานในครั้งต่อไปไหม?

“อันนี้ไม่รู้เหมือนกัน แต่ถ้าเขามาชวนก็ยินดีแน่นอน เพราะอย่างเรื่องนี้เขาก็เป็นเอ็กเซ็กคิวทีฟ โปรดิวเซอร์ด้วย

ไมค์ได้เรียนรู้หรือเก็บเกี่ยวประสบการณ์อะไรจากเพียร์ช บรอแนนมาบ้างไหม?

“ด้วยความที่ได้เข้าฉากกับเขาค่อนข้างเยอะ โดยส่วนตัวผมเองค่อนข้างเกร็ง เขาเลยค่อนข้างให้กำลังใจ เป็นคนที่ให้พลังบวกกับกองถ่ายเยอะ เวลาเขาอยู่ใกล้ๆ ทำให้เราเกิดความมั่นใจมากขึ้น มันทำให้การแสดงของเรามีประสิทธิภาพมากขึ้นและเกร็งน้อยลง”

มีคำที่ตรงไหนของ เพียร์ช บรอสแนน แล้วทำให้ไมค์ที่ประทับใจบ้าง?

“คือจริงๆ ประทับใจแทบจะทุกอย่างเลย เวลาเข้าฉากกับเขา เขาก็รู้ว่าเราเกร็งที่จะเจอเขา เขาบอกให้เรารีแล็ก ให้ทำไปเดี๋ยวมันก็ผ่านไปได้ด้วยดี เราทำได้ดีแน่นอน คือเขาให้กำลังใจและให้พลังงานด้านบวกตลอดเวลา”

อยากให้ไมค์เล่าถึงบรรยากาศของการถ่ายทำฮอลลีวู้ดเป็นอย่างไรบ้าง ?

“ผมรู้สึกเที่ยวมากกว่าทำงาน อาจจะเป็นเพราะเราไม่เคยไปดูไบด้วย แล้วชั่วโมงการถ่ายมันไม่ได้เยอะ เพราะในแต่ละวันเขาจะไม่ถ่ายเยอะ เนื่องจากจะทำให้พลังงานของนักแสดงลดลง”

หลายคนมองว่าฮอลลีวู้ดต้องเป๊ะมากพอไปสัมผัสแล้วเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า?

“เป๊ะทุกอย่างครับ โดยเฉพาะเรื่องเวลา คือเราไม่ต้องกังวลว่านอกเหนือจากหน้าที่การแสดงแล้ว เราจะต้องไปโฟกัสอย่างอื่น ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า หน้า ผม คือเราไม่ต้องกังวลเลย ”

หลังจากที่ได้ไปทำงานในหลายๆ ประเทศ อยากรู้ว่าแต่ละที่มันมีรายละเอียดวิธีการทำงานที่แตกต่างกันไหม?

“สำหรับผมไม่ค่อยรู้สึกถึงความแตกต่างเท่าไหร่ เพราะผมทำงานมาหลายประเทศ  จริงมันอยู่ที่คัลเจอร์ ของแต่ละกองว่าเป็นยังไงมากกว่า วิธีการจัดการ วิธีการดูแลอะไรอย่างนี้  ซึ่งผมว่าไม่ได้แตกต่างกัน คือมันก็คืองานที่เราต้องทำออกมาให้ดี เพราะหน้าที่ของผมคือเป็นนักแสดง ดังนั้นผมก็ต้อง พอเข้าฉากก็ต้องแสดงออกมาให้ได้ดีที่สุด”

ถือว่าไมค์ปรับตัวกับกองนี้ได้ค่อนข้างเร็วใช่ไหม?

“ไมค์เป็นคนปรับตัวเร็วอยู่แล้ว ก็เลยไม่ได้มีปัญหาในการปรับตัวมาก”

ไมค์คาดหวังหรือวางเส้นทางในวงการฮอลลีวู้ดไว้อย่างไรบ้าง?

“ส่วนตัวไม่ได้คาดหวังเลยครับ ผมเชื่อว่าถ้าทำไปเรื่อยๆ ผลลัพธ์ของการกระทำของเรามันก็จะพาเราไปสู่จุดที่เราคาดไมถึงก็ได้ เราตั้งเป้าไว้แค่นี้แต่มันอาจจะไปได้ไกลกว่านั้น อยู่กับปัจจุบัน และพยายามทำต่อไป”

ไมค์เขินไหมเวลาที่คนอาจจะบอกว่าเราเป็นนักแสดงฮอลลีวู้ด?

“โดยส่วนตัวผมก็ยังไม่ได้ขนาดนั้น ผมรู้สึกว่าตรงนี้มันเป็นแค่จุดเริ่มต้น ซึ่งยังไม่รู้ว่าในอนาคตจะไปต่อในเส้นทางไหน”

แล้วงานฝั่งไทยตอนนี้มีอะไรให้แฟนๆได้ติดตามกันบ้าง?

“จริงๆ ตอนนี้ก็ยังไม่ได้มีอะไรมากมาย ส่วนใหญ่จะเป็นงานพรีเซนเตอร์ ในอนาคตก็ไม่แน่ว่าผมอาจจะมีการทำงานเกี่ยวกับเบื้องหลังมากขึ้น เพราะมันก็เป็นสิ่งที่ชอบส่วนตัวอยู่แล้ว และก็มีแพชชั่นในเรื่อง กำกับ เขียนบท และ สร้างหนัง ในอนาคตก็อาจได้เห็นในมุมนี้มากขึ้น”

ช่วงที่อยู่เมืองไทยตอนนี้มีผู้จัดติดต่อมาบ้างไหม?

“รู้สึกว่าไม่ค่อยมีใครรู้เท่าไหร่ว่าผมอยู่เมืองไทย เนื่องจากผมไม่ได้โพสต์ลงโซเชียลมีเดียสักเท่าไหร่ ไม่ค่อยได้ออกไปไหนและไม่ค่อยได้คุยกับใครด้วย ก็เลยไม่ค่อยมีใครรู้

ถ้าตัวไมค์จะรับงานที่ไทยสามารถตัดสินใจเองได้ไหมหรือต้องปรึกษากับทางต้นสังกัด”ก่อน ?

ติดต่อได้ผ่านค่ายครับผม

แล้วงานในประเทศจีนตอนนี้ยังมีอยู่ไหมคะ?

“จริงๆ มีอยู่เรื่อยๆ คือว่าผมไม่ได้กลับจีนมาประมาณ 2 ปีแล้ว จริงๆ แพลนไว้ว่าปลายปีที่แล้วจะกลับไปรับงานที่เมืองจีน แต่เพราะติดงานเลยยังกลับไม่ได้ บวกกับเรื่องสถานการณ์หลายๆ อย่างมันก็หลับไม่ได้ เอาจริงๆ 2 ปีนี้ เสียโอกาสไปค่อนข้างเยอะมากเลย เนื่องจากมีงานใหม่ๆ ที่ต้องปฏิเสธไปเพราะไปไม่ได้”

เรียกว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ทำให้เสียโอกาสไปเยอะมากเลยใช่ไหม?

“เรียกว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ 2 ปีแห่งความว่างเปล่า”

ถ้าประเมินคร่าวๆ คิดว่าสามารถจะกลับไปทำได้เมื่อไหร่ ?

“คิดว่าเป็น ต.ค. หรือ พ.ย. ครับ แต่ถ้าเร็วกว่านั้นได้ก็ดี”


 

น้อยหน่า สิริผกา

น้อยหน่า สิริผกา – บุ๊ค ใบหยก ประกาศชัดไม่สนับสนุนรัฐบาล หมดเวลาทำหน้าที่แล้ว

account_circle
น้อยหน่า สิริผกา
น้อยหน่า สิริผกา

2 เซเลบสาว น้อยหน่า สิริผกา วัชรพล ภรรยาบิ๊กบอสจูเนียร์แห่งไทยรัฐ และ บุ๊ค พิมพ์เลิศ ใบหยก ทายาทแห่งตระกูลใบหยก ประกาศชัดไม่สนับสนุนรัฐบาล หมดเวลาทำหน้าที่ หมดความชอบธรรมในการบริหารประเทศแล้ว!!

สถานการณ์บ้านเมืองในประเทศไทย เรียกได้ว่าเข้าขั้นวิกฤติ ทั้งการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อหลักหมื่น ตายหลักร้อยต่อวัน แต่ในขณะที่การฉีดวัคซีนให้กับประชาชนยังไม่คืบหน้าเท่าที่ควรตามที่รัฐบาลได้ประกาศไว้ เกิดปัญหาการโดนเลื่อนวันฉีดวัคซีน ประชาชนหลายคนต่างเฝ้ารอวันที่จะได้ฉีดวัคซีนกันถ้วนหน้า ซึ่งปัจจุบันมีวัคซีนเพียงสองชนิดหลักที่ได้ใช้คือ ซิโนแวค และ แอสตร้าเซนเนก้า รวมถึงอีกหนึ่งวัคซีนทางเลือกอย่าง ชิโนฟาร์ม

น้อยหน่า สิริผกา – บุ๊ค ใบหยก ประกาศชัดไม่สนับสนุนรัฐบาล หมดเวลาทำหน้าที่แล้ว

ในขณะที่ประชาชนต่างออกมาเรียกร้องถึงปัญหาดังกล่าว เหล่าคนดัง ดารา นักแสดง เซเลบฯ ไทยเองก็ได้ออกมาเคลื่อนไหวด้วยเช่นเดียวกัน ดังเช่น สองเซเลบสาว น้อยหน่า สิริผกา วัชรพล และ บุ๊ค พิมพ์เลิศ ใบหยก โดยทางสาวน้อยหน่าได้โพสต์ภาพที่เขียนข้อความไว้ว่า

ไม่ได้โพสต์เรื่องการเมืองมานานมาก เพระเรามีเพื่อนหลายฝ่าย เกรงใจญาติพี่น้อง มันอึดอัด อัดอั้นมานานมาก แต่วันนี้ขอแสดงจุดยืนของตัวเอง อย่างชัดเจนไม่สนับสนุนรัฐบาล คุณได้หมดความชอบธรรม ในการบริหารประเทศไปนานแล้ว 7 ปี กับความเจ็บปวดของประชาชนเกือบทั้งประเทศพอได้แล้วหรือยัง อย่าให้มันต้องพังพินาศไปมากกว่านี้เลยค่ะ มันถึงจุดตกต่ำที่สุด แบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ไทยสงสารเพื่อนมนุษย์ สงสารประชาชนคนไทยที่ได้รับผลกระทบทุกคน

สุดท้ายนี้ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้หมอ พยาบาล และอาสาสมัครทุกๆ คน ที่กำลังต่อสู้กับวิกฤติ ในห้วงเวลาที่ยากและเหนื่อยสาหัสและให้กำลังใจผู้ป่วยทุกคนที่กำลังเผชิญปัญหา เราจะสู้ไปด้วยกัน

โพสต์นี้อาจสร้างความไม่พอใจ แต่ขออนุญาตโพสต์ความในใจ และความรู้สึก ขอโทษสำหรับคนเห็นต่างสำหรับโพสต์นี้ค่ะ

ในขณะที่ บุ๊ค พิมพ์เลิศ ใบหยก ก็ออกมาฟาดหนัก หลังเห็นภาพประชาชนที่รอตรวจวัคซีน ว่า

อยากขอฝากถึงคนที่สนับสนุนรัฐบาลนี้หน่อยนะคะ ยังนั่งเฉยๆ อดใจไม่ตะโกนด่าเด็กเก็บกระทงที่แอบมาสวมรอยเป็นนายท้ายเรือไหวไหมคะ???? ยัง #quarantineandchillathome แบบสบายใจลงไหมคะ??? ห่วงอะไรรัฐบาลนักหนาหรอคะ กลัวเขาเสียใจ? กลัวเขาไม่ได้พักผ่อน? แหกตาดูเพื่อนร่วมประเทศคุณอีก 90% ด้วยค่ะ อย่าโลกแคบอ่านแต่ไลน์กลุ่มตัวเองค่ะ

คนทั้งประเทศไม่ได้มีสมบัติเก่าของปู่ย่าตายายที่ตกทอดให้ขายแ_กเรื่อยๆ เหมือนคุณค่ะ (ทุกวันนี้เดินเข้าบ้านเจอหินอ่อนที่บ้านดิฉันยังรู้สึกผิดในใจเล็กๆ แบบหาเหตุผลไม่ได้เลยค่ะ)

7 ปีที่ผ่านมารัฐทำงานล้มเหลวค่ะ ทำไม่เป็น ประชาชนล้มตาย (จากความจนเกือบจะเท่าๆกับโรคระบาดเลยค่ะ คิดดูแล้วกัน) เศรษฐกิจพังพินาศ มากไปกว่านั้นสังเกตดูสิคะ ประชาชนยิ่งแตกแยกกว่าเดิม ถ้าจะบอกว่าใครจะรู้ว่ารัฐบาลไหนเวิร์คไม่เวิร์ค อันนั้นพอเข้าใจนะคะ (แต่ได้โปรดจำใส่หัวไว้เสมอค่ะว่าทหารไม่เคยบริหารได้ค่ะ ให้เขาเป็นทหารไปอย่างเดียวนั่นแหละค่ะถูกแล้ว ทำสิ่งที่ถนัดไปค่ะ)

แต่ถ้าเห็นแล้วว่ามันไม่เวิร์ค และยังดันทุรังหลอกตัวเอง อันนั้นเรียกโง่นะคะ ถึงเวลาให้คนใหม่มาลองดูแล้ว จริงค่ะมันอาจจะไม่เวิร์คเหมือนกันก็ได้ แต่ก็ยังฉลาดกว่าการทนให้เด็กเก็บกระทงมาบังคับเรือไททานิค ทั้งๆที่รู้ว่าเค้าไม่ใช่ Helsman ตัวจริง ขอบคุณวิดิโอจากไทยรัฐ และภาพจาก the standard, BBC Thai

 

ดูโพสต์นี้บน Instagram

 

โพสต์ที่แชร์โดย Noina (@nn_sk)

 

ดูโพสต์นี้บน Instagram

 

โพสต์ที่แชร์โดย bookbaiyoke (@bookbaiyoke)


ที่มา : @nn_sk, @bookbaiyoke/Instagram

จอนจีฮยอน ผีดิบคลั่ง บัลลังก์เดือด : อาชินแห่งเผ่าเหนือ

เดรสดำสวยปัง ‘จอนจีฮยอน’ ลุคใหม่ เผยมุมเซ็กซี่ ในงานเปิดตัว Kingdom

จอนจีฮยอน ผีดิบคลั่ง บัลลังก์เดือด : อาชินแห่งเผ่าเหนือ
จอนจีฮยอน ผีดิบคลั่ง บัลลังก์เดือด : อาชินแห่งเผ่าเหนือ

การกลับมาครั้งนี้ไม่ธรรมดา เมื่อ จอนจีฮยอน เผยลุคสาวผมสั้นสวยเซ็กซี่ในเดรสหลักแสน เพื่อร่วมงานแถลงข่าวออนไลน์ของซีรีส์ ผีดิบคลั่ง บัลลังก์เดือด : อาชินแห่งเผ่าเหนือ ที่เธอรับบทแสดงนำ

แถลงข่าวอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับซีรีส์เรื่องดัง ผีดิบคลั่ง บัลลังก์เดือด : อาชินแห่งเผ่าเหนือ (Kingdom : Ashin of the North) ตอนพิเศษที่ต่อยอดจากจักรวาลของซีรีส์ ผีดิบคลั่ง บัลลังก์เดือด (Kingdom) ซึ่งจะเผยแพร่ให้ได้ชมกันวันที่ 23 กรกฎาคมทาง Netflix และในงานแถลงข่าวแบบออนไลน์วันนี้ จอนจีฮยอนนักแสดงนำของเรื่องผู้รับบท อาชิน ก็เปิดตัวด้วยลุคสวยแซ่บในชุดเดรสสีดำ

โดยชุดเดรสสีดำที่เธอเลือกใส่ในครั้งนี้จะเป็นแบรนด์ไหนไปไม่ได้นอกจาก Alexander McQueen ที่เธอพ่วงตำแหน่งแบรนด์แอมบาสเดอร์คนแรกอยู่นั่นเอง ซึ่งชุดเดรสนี้มีชื่อรุ่นว่า Drawstring Ribbon Tie Dress ราคาประมาณ 147,500 บาท มองด้านหน้าอาจจะเห็นความเว้าช่วงเอวเล็กๆ เผยความเซ็กซี่เบาๆ แต่หันหลังเมื่อไหร่บอกเลยว่าแซ่บยิ่งกว่า จากนั้นเสริมด้วยเครื่องประดับชิ้นสวยและรองเท้าบู๊ทสีดำ บวกกับผมทรงใหม่ที่เซอร์ไพร้ส์เหล่าแฟนคลับ ก็ยิ่งทำให้ลุคนี้สวยสมบูรณ์แบบ

เดรสดำสวยปัง ‘จอนจีฮยอน’ ลุคใหม่ เผยมุมเซ็กซี่ ในงานเปิดตัว Kingdom

จอนจีฮยอน

แฟชั่น จอนจีฮยอน-2

แฟชั่น จอนจีฮยอน-3


ภาพ : Korea Press

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

กล่องส้มล้มทับ! ของขวัญวันเกิด ‘ดิว อริสรา’ มีแต่แบรนด์เนมชิ้นหรู

ใบแรกและใบเดียว! กระเป๋า Chanel ดัชเชสเคท ดียังไง ทำไมทรงใช้มาหลายปี

อยากได้แต่แม่ขัดใจ! พะเพื่อน-แม่อุ๊ สกุลไทย เผยแบรนด์เนมที่ซื้อแล้วเสียดายมาก

 

"แก้ว จริญญา" สาวสวยลุคเท่ ตอบกลับคนวิจารณ์ทำ ทรงผม แปลกตามสามี โทนี่ รากแก่น

“แก้ว จริญญา” สาวสวยลุคเท่ ตอบกลับคนวิจารณ์ตัดผมแปลกๆ แต่งตัวแปลกๆ ตามสามี

Alternative Textaccount_circle
"แก้ว จริญญา" สาวสวยลุคเท่ ตอบกลับคนวิจารณ์ทำ ทรงผม แปลกตามสามี โทนี่ รากแก่น
"แก้ว จริญญา" สาวสวยลุคเท่ ตอบกลับคนวิจารณ์ทำ ทรงผม แปลกตามสามี โทนี่ รากแก่น

สาวสวยลุคเท่ แก้ว จริญญา ศิริมงคลสกุล มักมีประเด็นที่ชาวเน็ตบางคนชอบวิจารณ์เรื่องทรงผมและสีผมมาโดยตลอด หากย้อนกลับไปช่วงปีที่แล้ว (2563) คู่รักนักแสดงและนักเดินทางสายติสต์ “โทนี่ รากแก่น” และ “แก้ว จริญญา ศิริมงคลสกุล” ได้ถือฤกษ์มงคลจัดงานวิวาห์ โดยลุคทรงผมเจ้าสาวเก๋มาก มาในสีผมทูโทน แอบแซ่บในความเรียบหรู แต่กลับมีดราม่าสีผมเจ้าสาวไม่เข้ากับชุดไทยกันเสียยกใหญ่ และตอนฉลองวิวาห์แบบจีน สาวแก้วก็มาในชุดกี่เพ้าสีแดง ตัดกับสีผมสีเขียวนีออนสะท้อนแสงสุดแซ่บในสไตล์ Front Streaks Hair เรียกว่าเก๋ คูล และแซ่บ และที่แน่ๆ ก็ไม่พ้นดราม่าจากชาวเน็ตบางรายอีกเช่นเคย

ล่าสุด เกิดประเด็นดราม่าทรงผมไม่พักอีกแล้ว เมื่อมีชาวเน็ตบางรายอีกเช่นเคย (ส่วนใหญ่มักเป็นแอคหลุม ไม่เปิดเผยตัวตน) เข้ามาคอมเมนต์วิจารณ์ทรงผมในภาพล่าสุดบนอินตาแกรมของสาวแก้วด้วยถ้อยคำที่แสดงทัศนคติที่ไม่น่ารักว่า

“แก้ว จริญญา” สาวสวยลุคเท่ ตอบกลับคนวิจารณ์ตัดผมแปลกๆ แต่งตัวแปลกๆ ตามสามี

“งงใจจริ๊ง เป็นผู้หญิงผมยาวๆ สวยๆ ใสๆ ไม่ชอบ อะไรแปลกๆ จากสามีรับมาหมด ตัดผมแปลกๆ แต่งตัวแปลกๆ แล้วมีคนชมว่าสวยหรอ ถึงชอบทำ แต่ก่อนจากสามีที่เป็นคนแปลกตอนนี้เมียรับมาหมดแล้ว แนะนำครั้งหน้าโกนหัวเลยแจ่มแน่ คนรอบข้างไม่บอกหรอว่าตัดแล้วสวยหรือไม่ หรือชอบก็ตัด โนสนโนแคร์ว่าสวยหรือไม่”

แก้ว จริญญา

หลังจากนั้น ด้านสาวเเก้วก็ได้เข้ามาคอมเมนต์ตอบกลับนิ่มๆ ว่า “อย่าลบนะคะ ดูเสล่อดี ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะ เย้ๆ” ซึ่งชาวเน็ตคนดังกล่าวก็ยังเข้ามาคอมเมนต์เพิ่มต่ออีกว่า “อย่าแปลกให้มากเดี๋ยวคนตามไม่ทันจากคนสวยแต่อยากขี้เหร่ งงจริ๊ง”

งานนี้ เหล่าแฟนคลับส่วนใหญ่ของสาวแก้วเลยร่วมคอมเมนต์ต่อว่าชาวเน็ตคนดังกล่าวที่เป็นแอคหลุม (ไม่เปิดเผยตัวตนที่แท้จริง) กันกระหน่ำ และยังร่วมคอมเมนต์ชื่นชมทรงผมลุคล่าสุดของสาวแก้วด้วย อาทิเช่น น่ารัก , ผมทรงนี้แปลกตรงไหน ตามจากข่าวค่ะ ขอบอกว่าทรงนี้ก็เหมือน FFK สมัยก่อน ไม่สวยตรงไหนเอาปากกามาวง งงมากแม่ , สวย น่ารัก เท่ดีไปหมด ฯลฯ

แก้ว จริญญา 1 แก้ว จริญญา 2 แก้ว จริญญา 3 แก้ว จริญญา 4 แก้ว จริญญา 5 แก้ว จริญญา 6 แก้ว จริญญา 7 แก้ว จริญญา 8 แก้ว จริญญา 9


ข้อมูลและภาพ : kaewjarin

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ตอกกลับแซ่บเว่อร์ หลัง “อีจูยอง” พ่อครัวแห่งทันบัม โดนชาวเน็ตติงให้ “แต่งหน้าบ้าง”

แซ่บสุด! “แก้ว จริญญา” ทำสีผมแบบ Front Streaks Hair ไฮไลต์สีเขียวนีออน

“ปุยฝ้าย” โชว์ “รอยแผลเป็น” ที่คอ ย้ำไม่ทุกข์ใจ แค่ยอมรับเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต

ฉันรู้สึกเซ็กซี่..โอเคนะ Celine Dion ตอกกลับคน วิจารณ์รูปร่าง หลังเธอฟิตหุ่นจนผอม

‘แอบรักใครอยู่หรือเปล่า วันนี้แอบเล็ง แอบส่องไม่อยู่แล้ว’ ดูดวงรายวัน 20 กรกฏาคม 2564

ดูดวงรายวัน 20 กรฏาคม 2564 #หมอปุ้ยพยากรณ์ เช็กทุกวัน เป๊ะปังทุกดวง ทั้งการงาน การเงิน ความรัก และสุขภาพ

‘แอบรักใครอยู่หรือเปล่า วันนี้แอบเล็ง แอบส่องไม่อยู่แล้ว’

ดูดวงรายวัน 20 กรกฏาคม 2564

ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์

การงาน  :  สำหรับผู้ที่อยู่ในระดับบริหารสูงสุดในทุกๆ ภาคส่วน ทั้งภาคธุรกิจ การเมือง การปกครอง ฯลฯ คุณมีความรู้ ความสามารถ สามารถทำงานได้หลากหลายมิติ จึงมีความทะเยอทะยานที่จะประสบความสำเร็จสูง หากวันนี้คุณจะรับอาสาเจ้านายไปปฏิบัติงาน ก็ควรเปิดใจรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นให้มาก ไม่ควรยึดติดอยู่กับอีโก้ของตัวเอง จนไม่สนใจความคิดเห็นของคนอื่นเลย เพราะดวงบริวารของคุณวันนี้ไม่ค่อยดี มีความเสี่ยงที่จะเกิดการขัดแย้งจนถึงขั้นทะเลาะเบาะแว้งกัน ถูกใส่ร้ายป้ายสีจากเพื่อนร่วมงานที่เคยช่วยเหลือกันมาตลอด แล้วหากงานผิดพลาด คุณก็จะถูกรุมกระหน่ำซ้ำเติมอีกต่างหาก

การเงิน  :  จากเงินไม่พอใช้ วันนี้มีโอกาสที่จะมีรายได้เข้ามาบ้าง แต่เนื่องจากคุณยังไม่สามารถลด ละ เลิกการซื้อของฟุ่มเฟือยได้ เงินจึงมีโอกาสสะดุดได้ตลอด

ความรัก :  จากเหตุการณ์มือที่สามที่เข้ามา ก็ไม่แปลกหากวันนี้คุณจะไม่ไว้ใจคู่คุณเหมือนเดิมอีกต่อไป ด้วยการเลือกที่จะให้เวลากับการทำงาน เพื่อที่จะไม่ต้องมีโอกาสได้ใกล้ชิดกัน   คนโสด มีโอกาสที่คุณจะยอมรับการเป็นรักที่ซ่อนเร้นของเขาด้วยความสมัครใจ เพราะจะได้ไม่ต้องเสียเวลาทำงานของคุณมาก

สุขภาพ  : ต้องระวังเรื่องลำไส้อักเสบ ระบบย่อยอาหาร โรคกระเพาะ จะมีอาการท้องอืดท้องเฟ้อ วันนี้ควรงดดื่มแอลกอฮอลล์ และรับประทานอาหารให้ตรงเวลา

 

ผู้ที่เกิดวันจันทร์

การงาน  :  สำหรับผู้ที่ทำงานหรือเกี่ยวข้องกับงานด้านบริการ เช่น เปิดร้านอาหาร เครื่องดื่ม โรงแรม การท่องเที่ยว สปา พนักงานต้อนรับ ฯลฯ  มีความเป็นไปได้ที่ในช่วงเวลาอันใกลนี้คุณจะเข้าสู่การประมูล หรือลงสนามแข่งขัน ซึ่งคุณคาดหวังถึงความสำเร็จอย่างแรงกล้า จนสามารถทำได้ทุกอย่างแม้จะเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องชอบธรรมนักก็ตาม แต่ทางที่ดีควรทำในสิ่งถูกต้องดีกว่าค่ะ เพราะมีความเสี่ยงที่คุณจะเข้าไปพัวพันกับทางกฎหมาย สัญญาต่างๆ ซึ่งอาจเป็นคดีความในอนาคตได้

การเงิน : มีโอกาสได้เงินพิเศษจากงานพิเศษ หากวันนี้คุณคิดจะลงทุนกับคนรัก ผู้ใหญ่จะสนับสนุนและให้การอุปถัมภ์ด้วยดี

ความรัก : มีความเป็นไปได้ที่คุณกำลังอยู่ในสถานการณ์ยื้อแย่งลูก หรือบุตรบริวารในบ้าน ซึ่งวันนี้อาจไปถึงขั้นขึ้นโรงขึ้นศาล ใช้กระบวนการทางยุติธรรมตัดสินเลยก็ได้ คนโสด  แอบรักใครอยู่หรือเปล่าคะ วันนี้หากยังคงเก็บอยู่ในใจเงียบๆ มีโอกาสพลาดสูง เพราะมีมือดีจ้องจะแย่งอยู่ใกล้ๆ

สุขภาพ  : ควรให้ความสำคัญกับการขับถ่าย ไม่ควรกลั้นปัสสาวะเป็นเวลานาน เพราะมีความเสี่ยงที่จะกระเพาะปัสสาวะและกรวยไตจะมีปัญหา หากในกรณีรุนแรงจะติดเชื้อในกระแสเลือดได้เลย

 

ผู้ที่เกิดวันอังคาร

การงาน :  คุณมีความสามารถ มีเทคนิค แท๊คติกแพรวพราว สามารถปรับเปลี่ยนพลิกแพลงกลยุทธ์ ทำงานได้หลากหลายมิติ แม้ว่าคุณจะมีนารีขี่ม้าขาวสนับสนุนส่งเสริม เป็นแบคอัพที่ดี พร้อมจะเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งให้คุณอยู่ตลอดเวลา แต่วันนี้ยื้อไม่ไหวจริงๆ ค่ะ มีความเป็นไปได้ว่า งานจะดำเนินมาถึงวาระสุดท้ายเสียแล้ว คิดในทางบวกไว้ค่ะว่า จบวันนี้เพื่อเริ่มต้นใหม่ที่ดีกว่า

การเงิน :  จากที่คุณเคยได้รับโชคลาภแบบเฮงๆ ปังๆ จากผู้ใหญ่ผู้หญิง แต่วันนี้มีโอกาสที่ท่านจะยกเลิก ซึ่งก็มีผลให้คุณเดือดร้อนได้นะคะ

ความรัก : หากคุณมีนัดหมายกับญาติๆ ในครอบครัว วันนี้มีโอกาสจะถูกยกเลิกนะคะ คนโสด มีเสน่ห์มากมาย แต่หากวันนี้คุณคิดที่จะสวมบทนารีอุปถัมภ์ให้กับหนุ่มที่คุณถูกใจ ก็มีความเสี่ยงที่จะแยกจากกันไปเสียก่อน

สุขภาพ  :  มีความเป็นไปได้ว่า ระบบย่อยอาหาร หรืออวัยวะในช่องท้องจะมีปัญหา หากคุณเพิ่งผ่าตัด ระวังแผลจะอักเสบ รวมถึงแผลจากการผ่าคลอดด้วย

 

ผู้ที่เกิดวันพุธ

การงาน :  สำหรับผู้ที่อยู่ในตำแหน่งหน้าที่การงานระดับสูง ไม่ว่าจะบุคคลในเครื่องแบบ ข้าราชการ นักธุรกิจ วิศวกร ฯลฯ วันนี้บอกเลยว่า ความสำเร็จไม่ได้มาด้วยความบังเอิญ แต่ต้องแลกด้วยพลังกายพลังใจที่แรงกล้า เพราะมีความเป็นไปได้ว่า จะมีเหตุการณ์ที่ทำให้คุณอึดอัด ร้อนรุ่มไปหมด ทั้งบรรยากาศการทำงาน เพื่อนร่วมงาน และผู้บังคับบัญชา จนอยากลาออกให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย แต่หากคุณอดทนจนผ่านจุดนั้นมาได้ จะได้พบช่องทางทำมาหากินใหม่ๆ ยิ่งหากทำงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ด้วยแล้ว ผลงานที่ตรากตรำทำงานมานาน จะได้หายเหนื่อยเสียที

การเงิน :  สามารถสร้างรายได้อย่างมั่นคงด้วยความความสามารถของคุณ แต่วันนี้ก็อาจสะดุด เพราะมีความเป็นไปได้ว่า คุณจะต้องออกเงินสำรองจ่ายในการทำงานไปก่อน

ความรัก :  คู่คุณจากที่เคยช่วยเหลือส่งเสริมคุณมาตลอด วันนี้มีความเป็นไปได้ว่า เขาจะมีพฤติกรรมที่ไม่น่าไว้วางใจ เหมือนกำลังแอบคุยกับคนอื่น แล้วปรับความเข้าใจกันไม่ได้ด้วย  ซึ่งคุณก็อาจหาทางออกด้วยการแยกไปอยู่ในพื้นที่ของคุณเอง เสี่ยงต่อการทะเลาะ คนโสด มีโอกาสที่จะได้พบรักกับหนุ่มทำงานมีอนาคตไกล แต่ก็ดูให้ดี เพราะเขาเนื้อหอม มีแฟนเยอะ มีความเสี่ยงที่จะเกิดความหึงหวงขึ้นได้นะคะ

สุขภาพ :  ปกติคุณดูแลสุขภาพร่างกายตัวเองอย่างดีมาตลอด แต่วันนี้ก็ควรดูแลเพิ่มขึ้น ยกการ์ดให้สูงกว่าเดิม เพราะรอบตัวคุณมีความเสี่ยงสูงเหลือเกิน

 

ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี

การงาน  :  สำหรับผู้ที่ทำงานหรือเกี่ยวข้องกับงานที่ต้องใช้อารมณ์ ความรู้สึกในการแสดงออก เช่น งานศิลปะ งานบันเทิง ธุรกิจที่เกี่ยวกับความสวยความงาม หรือสินค้า บริการที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบ ฯลฯ วันนี้มีความเป็นไปได้ที่คุณจะได้ร่วมงานหรือร่วมหุ้นลงทุนกับเพื่อนสนิท (ผู้หญิง) ซึ่งคุณจะใช้ความรู้ ความสามารถ ความเชี่ยวชาญชำนาญเฉพาะทาง ระดับเทพเลยทีเดียว เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายความสำเร็จที่คุณตั้งไว้ที่ระดับท็อป จึงควรเปิดใจรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่างด้วย อย่ายึดติดแค่ในกลุ่มเพื่อนพ้องน้องพี่ของตัวเองเท่านั้น เพราะจะทำให้คุณไปไม่ถึงฝัน

การเงิน : มีการบริหารจัดการเงินดี หาเงินได้อย่างคล่องมือ ซึ่งวันนี้มีความเป็นไปได้ว่า คุณมุ่งไปที่ผลประโยชน์ ตัวเงิน กำไรมากกว่าจะคิดถึงจิตใจของผู้ร่วมงาน

ความรัก :  เน้นที่ความสัมพันธ์ระหว่างญาติมิตร หรือเพื่อนสนิทผู้หญิง ซึ่งวันนี้คุณเน้นการหาเงินสร้างฐานะ และยึดติดอยู่กับหลักการและเหตุผล ความเชื่อ ค่านิยม ประเพณีมากกว่าเวลาและความอบอุ่นที่จะให้กับพวกเธอ คนโสด  มีโอกาสที่เพื่อนสนิทจะเข้ามาสนิทสนมเป็นพิเศษ จนถึงขั้นขอพัฒนาความสัมพันธ์เป็นคนพิเศษ เพราะหวังผลประโยชน์จากคุณ

สุขภาพ :  ระบบหมุนเวียนน้ำในร่างกาย เช่น น้ำเหลือง น้ำเลือด น้ำย่อย น้ำในหู จนถึงระดับฮอร์โมนอาจแปรปรวน ส่งผลให้คุณป่วย และหงุดหงิดได้ง่าย ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่า จะมีสาเหตุมาจากการทำงานหนัก

 

ผู้ที่เกิดวันศุกร์

การงาน :  สำหรับผู้ที่ทำงานหรือเกี่ยวข้องกับงานติดต่อประสานงาน การเจรจา การโฆษณา ประชาสัมพันธ์ สื่อมวลชน จนถึงผู้ที่มีความเชี่ยวชาญชำนาญในการใช้ภาษา มีความเป็นไปได้ว่าช่วงนี้คุณอาจต้องเผชิญกับปัญหาและอุปสรรคที่จะเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยที่คุณต้องใช้ความสามารถในการเจรจาต่อรอง ประนีประนอม  เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้สำเร็จลงไปด้วยดี ซึ่งหากคุณอดทนจนผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ ผลตอบแทนที่ได้รับก็ถือว่า คุ้มค่ากับความเหนื่อย

การเงิน : มาจากหยาดเหงื่อและแรงงาน แต่วันนี้จะมีรายจ่ายที่มาจากความรัก หรือลูกหลาน มีความเป็นได้ว่า จะเป็นการลงทุนใหม่ๆ การเดินทางท่องเที่ยว และการเข้าสังคม

ความรัก :  หากคุณเป็นคนเจ้าชู้ แม้จะแต่งงานมีครอบครัวแล้ว ก็หยุดที่จะหว่านเสน่ห์ไม่ได้ วันนี้อาจเจอดราม่า จะมีพวกปากหอยปากปูแซะว่า คุณแอบซุกกิ๊กไว้ ซึ่งจะทำให้คุณกับคู่มีปัญหา ซึ่งมีโอกาสลุกลามบานปลายอย่างไม่คาดคิด  คนโสด คุณกำลังมีความรักหรือเปล่าคะ วันนี้แอบรักแอบเล็งอยู่เงียบๆ ไม่ได้แล้ว เพราะคู่แข่งหัวใจจะปรากฏตัว

สุขภาพ :  ขับขี่ยวดยานพาหนะ วันนี้อุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา หากคุณประมาท เพราะมีความเสี่ยงที่คุณจะเกิดการบาดเจ็บช่วงขา ตั้งแต่สะโพกลงไป

 

ผู้ที่เกิดวันเสาร์

การงาน :  สำหรับผู้ที่ทำงานหรือเกี่ยวข้องกับงานที่มีกฎระเบียบ พิธีการชัดเจน ขั้นตอนในการทำงานเคร่งครัด เช่น หน่วยงานรัฐบาล รัฐวิสาหกิจ งานธุรการ งานบัญชี งานในโรงพยาบาล ฯลฯ แม้คุณจะชอบทำงานในเซฟโซน ไม่ชอบโยกย้ายเปลี่ยนแปลงการทำงานก็ตาม แต่วันนี้มีความเป็นไปได้ที่คุณจะริเริ่มงานใหม่ หรือได้พบช่องทางการทำงานใหม่ๆ แต่ก็ต้องแลกกับการแบกรับภาระหน้าที่ ความรับผิดชอบอย่างหนักหนาสาหัส แล้วอยู่ภายใต้การติดตามดูแลอย่างใกล้ชิดจากเจ้านายด้วย

การเงิน : ทำงานเก่ง มีโอกาสสร้างเงินได้จากการทำงานหนัก แต่ก็ไม่ควรหลงเชื่อคำพูดที่มีหลักการและเหตุผล เพราะมีความเสี่ยงที่จะถูกมิจฉาชีพหลอกลวง หรือถูกฉ้อโกง

ความรัก : คุณให้ความสำคัญกับการทำงานมาก จนวันนี้แทบไม่มีเวลาให้กับคู่ ให้กับครอบครัวเลย ยิ่งประกอบกับอยู่ในช่วงรักษาระยะห่างด้วย ก็ยิ่งมีความเสี่ยงที่จะห่างหายกันไปเลย  คนโสด  วันนี้คุณทำงานๆๆ เพื่อชีวิตที่สดใสในอนาคต ส่วนความรัก วันนี้ยังไม่มาคุณก็ไม่เดือดร้อน

สุขภาพ : อย่ามองข้าม การ์ดตก ปล่อยปละละเลยสุขภาพนะคะ เพราะมีความเป็นไปได้ที่วันนี้คุณจะโหมงานหนักจนไม่ได้พักผ่อน รับประทานอาหารไม่ตรงเวลา จะมีโอกาสเกิดโรคสะสมเรื้อรัง รักษายาก

 

Lee Young Ae

Lee Young Ae แห่งแดจังกึม 50 ปีแล้ว แต่ยังสวยอมตะหน้าเด็กไม่มีเปลี่ยน

Alternative Textaccount_circle
Lee Young Ae
Lee Young Ae

ถ้าให้นึกถึงซูเปอร์สตาร์เอเชียที่มีผิวสวยแลดูสุขภาพดีมากๆ คนแรกเลยที่ แพรวดอทคอม นึกถึงคือ ลียองเอ ( Lee Young Ae ) นักแสดงสาวชื่อดังชาวเกาหลีใต้ ที่น้อยคนนักที่จะไม่รู้จักเธอกับบทบาท แดจังกึม จอมนางแห่งวังหลวง ที่โด่งดังมากๆ และด้วยตัวเธอเองมีอะไรหลายๆ อย่างที่น่าประทับใจ ไม่ว่าจะหน้าตาที่สวยหวานน่ามอง ผิวพรรณที่ดีผุดผ่อง รอยยิ้มพิมพ์ใจ และการแสดงที่เก่งเข้าถึงบทบาทได้ดีเยี่ยม จึงไม่น่าแปลกใจแม้ซีรี่ส์เรื่องดังจะจบมาสิบกว่าปีแล้ว แต่ภาพจำของลียองเอกลับไม่จางหายไปจากความทรงจำ และที่สำคัญเลยคือ ผิวพรรณที่สวยเปล่งประกาย ถือเป็นไอคอนประจำตัว ทำให้แบรนด์สกินแคร์ชื่อดังในเกาหลีใต้รุมจีบอยากให้เธอเป็นพรีเซ็นเตอร์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ Mamonde แบรนด์สกินแคร์ระดับไฮเอนด์อย่าง The History of Whoo ซึ่งถ้าใครที่ได้ติดตามผลงานของเธอจะรู้ว่านอกจากงานแสดงจะเลือกรับเล่นแต่บทคุณภาพแล้ว งานเกี่ยวกับโฆษณาต่างๆ และพรีเซ็นเตอร์ผลิตภัณฑ์ความงามเธอนั้นเลือกรับงานน้อยมากจริงๆ

ยืนหนึ่งเรื่องผิวสวย! Lee Young Ae แห่งแดจังกึม 50 ปีแล้ว แต่ยังสวยอมตะหน้าเด็กไม่มีเปลี่ยน

และแม้เราจะได้เห็นหน้าค่าตาของเธอบ้างประปรายไม่บ่อยนัก เพราะไปมีชีวิตครอบครัว รวมทั้งมีลูกแฝดชายหญิงอีกหนึ่งคู่ แต่เชื่อว่าความสวยผิวดีออร่าจับของเธอยามเมื่อเอ่ยถึงก็คงทำให้ทุกคนนึกถึงได้ไม่ยาก และที่สำคัญปีนี้เธออายุ 50 ปีแล้วจ้า โอมายก้อดดดด แต่ความสวยยังคงอมตะ หน้าเป๊ะเหมือนเดิมแทบไม่มีเปลี่ยน ใบหน้ายังอ่อนเยาว์ดูไม่เหมือนคนที่อายุเข้าสู่เลข 5 เลยสักนิด ซึ่งที่ผ่านมาเธอใช้ชีวิตอย่างสงบและเรียบง่ายมาโดยตลอด จนได้รับฉายาว่า “ผู้หญิงที่เปรียบเสมือนเป็นอ๊อกซิเจน” และเรื่องที่ทุกคนอยากรู้นั่นคือเคล็ดลับผิวดีของเธอนั่นเอง

เท่าที่เห็น ลียองเอ มีผิวหน้าที่ขาวใส ไร้สิวฝ้า แต่ก็เป็นผิวที่ระคายเคืองง่าย ดังนั้น เวลาที่ไม่ได้ทำงาน เธอจะพยายามไม่แต่งหน้า และตอนล้างหน้าก็ใช้แต่น้ำเปล่าล้างเท่านั้น เพื่อเป็นการรักษาความชุ่มชื้นของใบหน้า พร้อมกับฝานมันฝรั่งแผ่นบางๆ วางมาสก์หน้าสัปดาห์ละครั้ง และในแต่ละวันจะดื่มน้ำอุ่นไม่ต่ำกว่า 8 แก้ว เพื่อเป็นการขับสารพิษในร่างกายออกไป ทำให้หน้าตาและผิวพรรณสดใส ส่วนแอลกอฮอล์ กาแฟ และช็อคโกแลต เรียกได้ว่าแทบจะไม่แตะต้องเลยด้วยซ้ำ นอกจากนี้ เธอมักต้มซุปพุทราจีนกินเป็นประจำ เพื่อช่วยให้เลือดไหลเวียนดี ผิวพรรณเลยดูมีเลือดฝาดเป็นธรรมชาติและอ่อนกว่าวัยนั่นเอง ว่าแล้วแอดขอตัวไปต้มซุปพุทราแปปนะจ๊ะ อิอิ

 

 

View this post on Instagram

 

A post shared by Lee Young Ae /이영애 (@leeyoungae_official) on

ดูได้จากเรื่อง My ID is Gangnam Beauty ที่ไม่เพียงแค่สาวเกาหลีเป็นปลื้มชื่นชอบ และยกให้เป็นบิวตี้ไอคอนเท่านั้น แต่ฟากผู้ชายเองก็ยังชื่นชอบลียองเอมากเช่นกัน

อีกหนึ่งความสำคัญของการสตั๊ฟฟ์หน้าเด็กคือ การออกกำลังเป็นประจำสม่ำเสมอ เพื่อให้ร่างกายยืดหยุ่น มีรูปร่างที่ดี แถมส่งผลให้ผิวสุขภาพดีอีกด้วย


เรื่อง : PP_แพรวดอทคอม
ภาพ IG : leeyoungae_official

 

สะใภ้จิราธิวัฒน์

ชีวิต สะใภ้จิราธิวัฒน์ ‘มาร์กี้ ราศรี’ บทบาทเปลี่ยน ความคิดโต ขยันเก็บเงินมากกว่าใช้

Alternative Textaccount_circle
สะใภ้จิราธิวัฒน์
สะใภ้จิราธิวัฒน์

สะใภ้จิราธิวัฒน์ ‘มาร์กี ราศรี บาเล็นซิเอก้า‘ นอกจากเธอจะมีนามสกุลจิราธิวัฒน์เติมท้ายแล้ว ยังมีลูกแฝดชายหญิง ‘มีก้า – มีญ่า’ สุดน่ารักมาเติมเต็มชีวิต ทำให้สิ่งที่สัมผัสได้คือรายละเอียดหลายอย่างอาจจะเปลี่ยนไปตามวันเวลา แต่ความคิดและความสนุกสนานในมุมมองชีวิตของเธอยังชัดเจนเหมือนเดิม

ปีที่ผ่านมาของมาร์กี้เป็นอย่างไรคะ

“สนุก ง่วนอยู่กับลูกเป็นหลักค่ะ (ยิ้ม) กำลังซนเลย ช่วงต้นปีที่ผ่านมา ด้วยสถานการณ์ต่างๆ กี้กับพี่ป๊อกได้อยู่กับลูกเต็มๆ เน้นถ่ายรายการตัวเองเป็นหลัก (ป๊อกกี้ on the run) พอทุกอย่างคลี่คลายก็เริ่มมีงานโฆษณา ละคร อีเว้นต์ต่างๆ และวันไหนไปทำงานที่ใช้เวลาไม่นานในสถานที่ที่ไม่ร้อน ไม่ลำบากนัก กี้จะพาลูกๆ ไปด้วย เพราะอยากให้เขาคุ้นกับการออกไปข้างนอก ไม่อยากให้ลูกกลัวคน แบบที่เวลาเจอใครแล้วร้องไห้โวยวายจะอยู่แต่กับแม่อย่างเดียว อย่างนั้นเราจะเอาไม่อยู่

“เวลาไปประชุมออฟฟิศก็พาไปด้วยสัปดาห์ละ 1 วัน เหมือนเป็นวันทำงานของเขาไปเลย (หัวเราะ) แต่ยังไงก็ต้องมีวันที่ได้อยู่บ้านชิลๆ เล่นกับแก๊งเพื่อนเขาในคอนโดด้วยค่ะ

“อย่างหนึ่งที่ทำให้เขาไม่ค่อยกลัวอะไรคือกี้มีถ่ายคลิปลูกๆ เก็บไว้ตลอด ใครดูรายการจะเห็นว่าเขาไม่ค่อยกลัวกล้อง อาจเพราะรายการเราค่อนข้างเหมือนโฮมวิดีโอ กี้ถ่ายบ้าง พี่ป๊อกถ่ายบ้าง ลูกเลยคุ้น ที่จริงคือตั้งใจถ่ายเก็บไว้ เพียงแต่ยุคนี้เราแชร์ให้คนอื่นดูด้วยได้”

มาร์กี้ ราศรี

เรียกว่าเป็นทั้งคุณแม่และเป็น Youtuber

“ใช่ค่ะ เหมือนงานประจำอย่างหนึ่ง เมื่อก่อนเราไม่ได้กำหนดชัดเจนว่าต้องออนแอร์รายการวันนี้ๆ แต่พอทำไปสักพักก็กลายเป็นรายการประจำ มีทุกอาทิตย์ จนตอนนี้เกือบ 5 ปีแล้ว เร็วมากๆ พูดแล้วตกใจเหมือนกันนะ”

งานละครล่ะคะ

“ตอนนี้กี้เริ่มกลับมารับงานแล้วค่ะ เพราะลูกเริ่มทำกิจกรรมกับยาย พี่เลี้ยง หรือน้าได้บ้างแล้ว ไม่ได้อยู่ติดกับแม่คนเดียวเหมือนช่วงให้นมที่ไม่มีใครทำแทนเราได้ ละครเป็นแนวโรแมนติกคอมเมดี้ค่ะ มีความลึกลับนิดๆ คือหลังจากหายไป 2 ปี ก็อยากมาในแนวถนัดที่เป็นตัวเราก่อน จะได้ไม่กดดัน”

มาร์กี้ ราศรี

ชีวิต สะใภ้จิราธิวัฒน์ ‘มาร์กี้ ราศรี’ บทบาทเปลี่ยน ความคิดโต ขยันเก็บเงินมากกว่าใช้

บทบาทคุณแม่ของลูกๆ จากวันแรกจนถึงวันนี้เปลี่ยนไปไหมคะ

“กี้ว่าคงเป็นความระแวงที่มีเพิ่มมาเอง สมมติเวลาไปพักโรงแรม พอเปิดประตูเข้าไปจะเป็นตาเหยี่ยวซูมไปทางซ้าย มุมโต๊ะแหลมเกินไป แล้วความสูงเท่ากับหน้าผากของลูกพอดี หรือตรงนั้นมีปลั๊กที่ลูกจะแหย่นิ้วเข้าไปได้ หันไปอีกทาง โต๊ะนี้ใกล้หัวเตียงมาก ถ้าลูกสะบัดหัวมาล่ะ ซูมไปที่ซิงค์น้ำร้อนน้ำเย็น ถ้าลูกหมุนเปิดเป็นน้ำร้อนขึ้นมา ฯลฯ คือสายตาสแกนทุกอย่างในห้องว่าอะไรที่มีความเป็นไปได้บ้าง อันไหนเสี่ยง เช่น พรมอันนี้ดูลื่นๆ นะ แต่ถามว่าถ้าลูกเหยียบพลาดก็แค่ล้ม อาจจะไม่เป็นไร คอยระวังหน่อย แต่อันไหนที่เรารู้สึกว่าอันตรายก็จะเปลี่ยนทันที หลีกเลี่ยง คืออะไรที่ไม่มากไปก็ให้เขารู้จักเจ็บ รู้จักจำบ้าง แล้วเราคอยดูว่าจะเป็นอย่างที่คิดไหม ซึ่งบางทีเป็น บางทีก็ไม่เป็น”

มาร์กี้ ราศรี

กี้เป็นคุณแม่ที่ดุหรือขี้บ่นไหม

“กี้จะมีวิธีดุหรือห้ามว่าอันนี้ไม่ได้ ไม่ดี ห้ามทำ ก็จะทำเสียงสองโหมด คือพูดจริงจังว่าไม่ได้ ไม่ดี กับพูดยิ้มๆ ไม่ได้นะจ๊ะ ไม่ได้จ้ะ คนละเสียง แต่ถามว่าได้ไหม ก็ไม่ได้อยู่ดีนั่นแหละ แต่ผ่อนลงบ้าง ส่วนพี่ป๊อกไม่ค่อยดุ เว้นว่าถ้าสิ่งนั้นไม่ได้จริงๆ เขาจะจริงจังขึ้น ไม่ได้นะ ทำแบบนี้ไม่ได้นะ”

มาร์กี้ ราศรี

ตอนนี้วีรกรรมของฝาแฝดเป็นยังไงบ้าง

“เริ่มรู้เยอะ มารยาเยอะ อย่างมีญ่า พอกินข้าวแล้วไม่อยากกินอีกจะทำเป็นอ้วก ทำการแสดง แบบเชื่อในตัวละครจริงๆ จนมีอ้วกออกมาให้เห็นบ้าง คือเค้น เขารู้ว่าถ้าทำแบบนี้ อ้วกออกมาได้ เราจะไม่ให้เขากินต่อ ส่วนมีก้า มีความขี้อ้อน ชอบกอดแล้วจุ๊บ จุ๊บขา จุ๊บแขน ถ้าเรานั่งอยู่ก็จุ๊บเท้า เป็นสายอ้อน หวาน จุ๊บละมุน

“มีก้ากับมีญ่าต่างกัน มีญ่ามีความเป็นผู้นำ สามารถอยู่ของเขาเอง นอนเองได้ ตื่นมาไม่เห็นใครก็เรียก ไม่งอแง สามารถเล่นคนเดียว อยู่คนเดียวได้ แบบสนุกสนานด้วยนะ ไม่ได้อยู่แบบเงียบๆ ต่อจิ๊กซอว์ วิ่งเล่นอะไรไป แต่มีก้าไม่ได้ ต้องมีคนอยู่ด้วย ถ้าตื่นขึ้นมาแล้วไม่เห็นใครจะร้อง เสียใจที่โดนทิ้ง ต้องคอยบอกว่าหันไปดูสิ มีญ่าก็อยู่ พอเขาเห็นมีญ่า ก็จะอุ่นใจ ไม่ร้อง”

มาร์กี้ ราศรี

ความสัมพันธ์กับสามี พอมีลูก ความหวานหรือการดูแลกันลดน้อยลงไหม

“อะไรที่กี้กับพี่ป๊อกเคยทำตั้งแต่ก่อนมีลูก เราก็ยังทำเหมือนเดิมนะคะ อย่างไปดูหนัง ไปกินข้าว ไปดริ๊งก์กัน เพราะเรามีพี่เลี้ยงช่วย กับฝากคุณยายและคุณย่า ซึ่งจะฝากได้ก็ช่วงเย็นๆ ที่เขาหลับ ไม่ได้วิ่งเล่นแล้ว ช่วงเวลานั้นเราอาจจะแว่บไปดูหนังได้สักเรื่องหนึ่งหรือไปกินข้าวกัน บางทีเราทำงานข้างนอกเสร็จก็ไปกินข้าวด้วยกันก่อน แล้วค่อยกลับบ้าน คือยังมีกิจกรรมช่วงที่เป็นแฟนกัน เราก็ทำด้วยกัน”

มาร์กี้ ราศรี

แล้วในแง่การใช้ชีวิต มุมมองความคิดเปลี่ยนไปไหมคะ

“ไม่มากนะคะ แค่รูทีนที่เปลี่ยน แต่ความคิดยังค่อนข้างเหมือนเดิมทั้ง เรื่องงานและมุมมองเรื่องเงิน คือกี้รู้สึกว่าหาเงินเยอะๆ เพื่อที่จะใช้เยอะๆ ถามว่าทำได้ไหม ได้ แต่มันเหนื่อยกว่าการที่หาเงินได้ประมาณหนึ่งแล้วประหยัด ค่อยๆ ใช้มันอย่างมีความสุข แบบนี้สบายกว่า เหนื่อยน้อยกว่า ตอนนี้ทำได้เท่าไรจะเก็บค่อนข้างเยอะ สมมติเกิดโควิด 5 ปี แล้วกี้ยังอยู่ได้ อย่างนั้นเลย”

มาร์กี้ ราศรี

คือเก็บเกิน 50 เปอร์เซ็นต์

“ใช่ คือมีกองทุนเผื่อความเสี่ยงไว้เยอะ แต่ไม่ได้เก็บขนาดที่ว่าไม่ใช้อะไรเลย หรือไม่ได้มีความสุข เรายังไปเที่ยว ซื้อของอยู่ แต่ไม่ได้ซื้อแบบกระเป๋ารุ่นนี้ออกมาใหม่แล้วต้องมี ถามว่าเคยผ่านช่วงที่ซื้อของเยอะๆ ไหม เคยไปเมืองนอก หมดเงินเป็นล้านกับการซื้อกระเป๋า รองเท้า เสื้อ บางแบรนด์มีโควตาให้ซื้อได้คนละใบ เราซื้อใบหนึ่ง แล้วขอโควตาเพื่อนมาซื้ออีกใบ ต่างหูซื้อได้คนละไม่เกิน 4 คู่ เราจัด 4 คู่ แล้วยังใช้โควตาเพื่อนซื้อเพิ่มอีก คือซื้อจริงๆ แต่แล้วมันก็เปลี่ยนไป ไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นอีก

“กี้ไม่รู้เหมือนกันนะว่าจุดเปลี่ยนมันมาได้ยังไง แต่จู่ๆ ก็รู้สึกว่าไม่อยากได้ขนาดนั้น เวลาเห็นเพื่อนซื้อกระเป๋าใหม่มา เฮ้ย สวย เริด ดี แต่ก็ถามตัวเองทันทีว่าชอบมากไหม ชอบมาก แต่จะใช้กับเสื้อผ้าชุดไหนบ้าง ต้องมีขนาดนั้นไหม หรือว่าเดี๋ยวมันก็ผ่านไป คือมีคำนี้อยู่ในใจเรื่อยๆ คิดว่าอันนี้ต้องมีไหม หรือแค่มีแป๊บๆ สักประมาณ 1 ปีก็ไม่ได้ใช้แล้ว แฟชั่นนี้จะผ่านไป ถ้าเราคิดว่าเดี๋ยวมันก็ผ่านไป ไม่กี่วันก็จบแล้ว ก็จะไม่เสียเงิน

“แต่ของจำเป็นอย่างนมลูก กับข้าวลูก เราจะซื้อที่ดีๆ เช่น เลือกผักออร์แกนิก ซึ่งอาจจะแพง แต่คุณประโยชน์ของมันคุ้มที่จะเสียเงิน หรือของเล่น บางทีมันจะต้องมีความเซฟตี้นิดหนึ่ง ก็จัดไป”


อ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็มได้ที่ นิตยสารแพรว ฉบับ 965

ภาพ : margie_rasri

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ 

แม่ก็จะวุ่นๆ มาร์กี้ ควงสองจิ๋ว มีก้า-มีญ่า ออกงาน หวานละมุนในสไตล์วินเทจ

มีแต่ตัวท็อป! เปิดกรุกระเป๋าแบรนด์เนม ‘มาร์กี้ ราศรี’ มูลค่ารวม 4 ล้านกว่าบาท

ช้อปอย่างคุ้มค่า ‘มาร์กี้’ แวะร้านข้างทางซื้อเสื้อผ้าให้ลูกแฝด ย้ำใส่ได้ทุกอย่าง

มัดหมี่ พิมดาว พานิชสมัย เปิดใจกับบทบาทใหม่ ‘นักพูดสร้างแรงบันดาลใจ’

มัดหมี่ พิมดาว พานิชสมัย เปิดใจกับบทบาทใหม่ ‘นักพูดสร้างแรงบันดาลใจ’

มัดหมี่ พิมดาว พานิชสมัย เปิดใจกับบทบาทใหม่ ‘นักพูดสร้างแรงบันดาลใจ’
มัดหมี่ พิมดาว พานิชสมัย เปิดใจกับบทบาทใหม่ ‘นักพูดสร้างแรงบันดาลใจ’

มัดหมี่ พิมดาว พานิชสมัย เป็นทั้งนักร้อง นักแสดง และรับราชการทหารมานานกว่าห้าปี แต่วันนี้เธอตัดสินใจลาออกจากราชการ เพื่อทุ่มเทเวลาให้กับอีกงานที่รักไม่น้อยไปกว่ากัน

มัดหมี่ พิมดาว พานิชสมัย เปิดใจกับบทบาทใหม่ ‘นักพูดสร้างแรงบันดาลใจ’

“มัดหมี่เพิ่งตัดสินใจลาออกเมื่อไม่กี่เดือนมานี้เอง การทำงานที่ผ่านมาถือเป็นประสบการณ์เยี่ยมมาก ทำให้ได้ฝึกเรื่องความอดทน ความมีวินัย แต่ด้วยความที่มัดหมี่เป็นนักร้องและนักแสดงด้วย ซึ่งเป็นงานอีกด้านที่เรารัก บางครั้งต้องแบ่งเวลาไปทำ จึงคิดว่าเราลาออกมาเพื่อสร้างประโยชน์ด้านอื่นให้สังคมโดยไม่จำเป็นต้องรับราชการดีกว่า”

มัดหมี่ พิมดาว พานิชสมัย
‘คำคม’ สร้างแรงบันดาลใจ

อีกบทบาทหนึ่งที่เธอเริ่มทำ นอกเหนือจากงานแสดง คือ การเป็นนักเขียน และนักพูดสร้างแรงบันดาลใจ ที่มีจุดเริ่มต้นมาจากการเป็นที่ปรึกษาของเพื่อนๆ

“ตั้งแต่เด็กถึงปัจจุบัน มัดหมี่มักจะเป็นที่ปรึกษาให้เพื่อนๆ ตลอด บวกกับเราชอบงานศิลปะ ชอบคิด ชอบเขียนคำคมมาตั้งแต่อายุ 15 และเราเป็นนักร้อง นักแต่งเพลง เขียนเพลงเกี่ยวกับการให้กำลังใจ อยู่แล้ว จึงคิดว่าเราน่าจะสร้างประโยชน์จากตรงนี้ได้ เพราะรู้สึกว่าคำพูดสร้างแรงบันดาลใจให้คนได้ โดยเฉพาะในช่วงที่เขาเศร้า วิตกกังวล หรือกำลังมีปัญหา เพื่อให้เขามีกำลังใจและรู้สึกดีขึ้น

มัดหมี่ พิมดาว พานิชสมัย
“ปี 2013 จึงเริ่มนำคำคมที่เขียนไว้ พิมพ์เป็นหนังสือชื่อ ‘มัดใจ’ จำนวน 1,000 เล่ม นำรายได้โดยไม่หักค่าใช้จ่ายสมทบทุนมูลนิธิอะมีรุลมุอ์มินีน เพื่อช่วยเหลือเด็กกำพร้า 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และตอนนี้ออกหนังสือ ‘มัดใจเล่ม 2’ ออกมา เพราะทุกวันนี้โลกเปลี่ยนเป็นโลกาภิวัตน์ เต็มไปด้วยวัตถุ และกิเลส ถ้าเราเป็นหนึ่งในคนที่สามารถทำให้โลกสว่างขึ้น มีความสุขขึ้น มีแรงบันดาลใจมากขึ้น ก็น่าจะเป็นสิ่งที่ดี ถ้าดูข่าวทุกวันนี้ จะเห็นว่าคนเป็นโลกซึมเศร้า ฆ่าตัวตาย และมัดหมี่เคยมีเพื่อนเป็นแบบนี้ จึงเข้าใจว่า ถ้าเป็นไปได้ เราควรเป็นผู้ฟังที่ดี ยิ่งถ้าเราสามารถเป็นแรงบันดาลใจเล็กๆ ที่จะทำให้เขาดีขึ้นได้ ก็น่าจะเป็นสิ่งที่ดี”

มัดหมี่ พิมดาว พานิชสมัย
เธอจึงเริ่มโพสต์คำคมที่เขียน ประกอบรูปภาพลงไอจี ปลายปีที่แล้ว เริ่มพูดคุยแลกเปลี่ยนกับขุนเขา สินธุเสน ฌอน หิรัญบูรณะ เจนนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ ฯลฯ ซึ่งเธออธิบายว่า
“เป็นการคุยเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ เพื่อช่วยให้คนที่กำลังทุกข์ ได้รับพลังงานบวกกลับไป ทำให้ชีวิตเขาดีขึ้น เพราะชีวิตมีทั้งสุขและทุกข์ เราต้องค่อยๆ ปรับตัวที่จะอยู่กับโลกใบนี้ ล่าสุดมัดหมี่ได้รับเชิญไปพูดแชร์ประสบการณ์ที่โรงเรียนจิตรลดา รวมทั้งมีงานอื่นๆ ติดต่อเข้ามา อย่างวันเกิดปีที่แล้ว มัดหมี่จัดเป็นการทอล์คหารายได้ช่วยการกุศล ปีนี้ก็ว่าจะทำอีก แต่ขอปรึกษาสามีก่อน”

 มัดหมี่ พิมดาว พานิชสมัย
ช่วยด้วยธรรมะและศาสตร์การละคร

“คำคมสร้างแรงบันดาลใจที่มัดหมี่เขียน ล้วนมาจากประสบการณ์ส่วนตัว จากที่มีคนมาปรึกษา และการที่เราได้เรียนรู้ธรรมะ ซึ่งพ่อแม่ส่งมัดหมี่ไปปฏิบัติธรรมตั้งแต่เด็ก โตขึ้นเรียนแอคติ้งและวิชาชีวิตกับหม่อมน้อย (ม.ล.พันธุ์เทวนพ เทวกุล) ทำให้ได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์จากศาสตร์ละครมาผสมผสาน ชีวิตมนุษย์เราเปรียบเหมือนละครเรื่องหนึ่ง เกิดมาหลายภพหลายชาติ และไม่รู้ว่าในภพนี้ที่เราใช้ชีวิตตั้งแต่เกิดจนปัจจุบัน เราเอาขยะเข้าสู่ใจมากน้อยแค่ไหน ทำให้มัดหมี่สนใจเรียนรู้การฟื้นฟูจิตใจ เริ่มจากตัวเราเองก่อน ค่อยๆ เรียนรู้และเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในแบบฉบับของเราให้มากที่สุด

 มัดหมี่ พิมดาว พานิชสมัย

 มัดหมี่ พิมดาว พานิชสมัย

ความกลัว/ความรัก/ซึมเศร้า/ท้อแท้/ขาดกำลังใจ 5 ปัญหาของสาวออฟฟิศและนักศึกษา

เราขอให้เธอยกตัวอย่าง 5 ปัญหาที่แฟนคลับส่วนใหญ่ ขอคำแนะนำหรือทางออกในการแก้ปัญหา เธออธิบายว่า

“แฟนคลับมัดหมี่ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง มีตั้งแต่วัย 18-45 ปี เป็นนักศึกษาก็เยอะ คนทำงานก็มีปัญหาส่วนใหญ่มักเกี่ยวกับ กลัวล้มเหลว ไม่กล้าลงมือทำ มีปัญหาเรื่องงาน ผิดหวังเรื่องความรัก ทำอะไรแล้วไม่เป็นไปตามเป้าหมาย เป็นโรคซึมเศร้า รู้สึกท้อใจ ขาดกำลังใจ สิ่งที่เราทำได้ คือให้กำลังใจและคำแนะนำเขาเล็กๆ น้อยๆ แต่คำแนะนำที่ดีที่สุด คือ ‘ธรรมะ’ เพราะธรรมะ คือ ธรรมชาติ ตราบใดที่เราเข้าใจธรรมชาติของตัวเอง เข้าใจธรรมชาติของคนอื่น ทุกข์ก็จะน้อยลง

มัดหมี่ พิมดาว พานิชสมัย

 

“การที่ได้แบ่งปันเรื่องราวดีๆ ให้คนอื่นที่กำลังท้อแท้หรือหลงทาง ให้กลับมามีชีวิตที่ดีขึ้น ทำให้เรารู้สึกดีที่ได้ ‘ให้’ ซึ่งเป็นคุณค่าอันดับแรกของการมีชีวิตอยู่บนโลก เพราะเมื่อไหร่ที่เราให้ โดยไม่คาดหวังว่าเขาจะได้รับมากหรือน้อย แค่เราทำให้ดีที่สุดก็พอ และเมื่อเขาได้รับแล้วมีความสุข นั่นก็เป็นความสุขที่เราได้รับกลับมาเช่นกัน

“มัดหมี่อยากช่วยให้คนที่กำลังเป็นทุกข์ หรือหลงทาง ได้กลับมาพบแสงสว่างในตัวเองอีกครั้ง เพราะมนุษย์ทุกคนมีแรงบันดาลใจ และมีคุณค่าในตัวเอง”

ภาพ : @mutmeepimdao


ติดตามอ่านเรื่องราวอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องได้ที่

มัดหมี่ พิมดาว ‘ว่าที่ร้อยตรีหญิง’ คนใหม่ของวงการ

ซึ้งเวอร์! 7 ดาราสาวคนดังปาร์ตี้สละโสด ก่อนเป็นเจ้าสาวสักครั้งให้ชุ่มฉ่ำหัวใจ

หม่อมน้อย เผยฉากสถาปนาองค์มหาอุปราช ใช้ดารากว่า 200 ชีวิตในฉากเดียว

มัดหมี่  ร้อยโทหญิงพิมดาว Muse สาวคนแรกของ Atelier de Prestige บูติคน้ำหอมระดับโลก

น่าจับตา! บวงสรวงซีรี่ส์ “ศรีอโยธยา” อิงประวัติศาสตร์ไทย เค้นนักแสดงฝีมือกะทิโดยเฉพาะ

29 พ.ย.ฤกษ์ดี& คู่รักไฮโซฯ แห่จัดงานวิวาห์หวานซึ้งต่างสไตล์

 

Hospital Playlist S2

ยิ้มจนปวดแก้มกับ 8 โมเม้นต์สุดฮาจาก Hospital Playlist S2

Alternative Textaccount_circle
Hospital Playlist S2
Hospital Playlist S2

ยิ้มจนปวดแก้มกับ 8 โมเม้นต์สุดฮาจาก “Hospital Playlist S2 ซีรีส์เพิ่มพลังแห่งความสุขที่จะทำให้คุณหุบยิ้มไม่ได้!

หลังจากออนแอร์ให้ได้ชมกันมาแล้วพักหนึ่ง ซีรีส์ฟีลกู้ดอย่าง เพลย์ลิสต์ชุดกาวน์ ซีซั่น 2 ยังคงประสบความสำเร็จในการเรียกเสียงหัวเราะจากแฟนๆ ได้อยู่เสมอ ซึ่งนอกเหนือไปจากฉากที่น่ารักและอบอุ่นประทับใจแล้ว ฉากที่สอดแทรกมุกฮาๆ นี่เองที่ทำให้เราหัวเราะและอารมณ์ดีขึ้นมาได้ ในระหว่างที่ยังรอชมตอนต่อไปของ เพลย์ลิสต์ชุดกาวน์ กันอยู่นี้ เราจึงขอรวบรวมโมเมนต์สุดฮาที่เป็นฉากโปรดของใครหลายคนมาให้ย้อนชมกันอีกที

ยิ้มจนปวดแก้มกับ 8 โมเม้นต์สุดฮาจาก Hospital Playlist S2

Hospital Playlist S2

1.เมื่อคิมจุนวานโดนปาม้วนทิชชู่ใส่หน้า

บ่อยครั้งที่ความขี้เหนียวบ่งบอกถึงมิตรภาพอันแท้จริง คิมจุนวาน (จองคยองโฮ) โดนปาม้วนทิชชู่เข้าหน้าอย่างจัง หลังยอมรับว่าเขาแอบใช้แชมพูของอันจองวอน (ยูยอนซอก) ถึงแม้ว่าจองวอนจะอุทิศเงินเดือนแทบทั้งหมดเพื่อช่วยเหลือคนอื่น แต่พ่อพระกลับโมโหเมื่อคนที่เป็นทั้งเพื่อนสนิทและรูมเมทแอบใช้แชมพูสุดรักสุดหวงของเขา

2.เมื่อซงฮวาบอกว่าเธออยากเป็นเจ้าแห่ง “วายร้าย” ของโรงพยาบาลนี้

แชซงฮวา (จอนมีโด) บอกยงซอกมิน (มุนแทยู) กับฮอซอนบิน (ฮายุนคยอง) ว่าเธอไม่อยากเป็นมนุษย์ป้า แต่เธออยากเป็น “วายร้าย” ซึ่งเป็นการเล่นมุกข้ามไปถึงเนื้อเรื่องในซีซั่น 1 ที่อีอิกจุน (โจจองซอก) อำซงฮวาว่าคำว่า “วายร้าย” ในภาษาอังกฤษ แปลว่าคนที่ทำงานหนัก

จอนมีโด

3.ฉากทะเลาะแย่งขนม

อิกจุนโดนจับได้ว่าแอบกินขนมของจุนวาน จุนวานจึงต่อว่าเขาที่มาแอบกินของโปรด ทันใดนั้นอิกจุนก็พรมน้ำใส่จุนวาน เพื่อที่จะไล่ผีขี้เหนียวของจองวอนให้ออกไปจากร่างของจุนวานและในตอนที่จุนวานคว้าหมอนมาฟาดเขานี่เอง อิกจุนก็หาจังหวะกินขนมเข้าไปอีกชิ้นจนได้ในจังหวะที่ฮาสุดๆ แล้วทั้งสองก็ลงท้ายด้วยการจั๊กจี้กัน การที่ทั้งสองทะเลาะกันเหมือนเด็กๆ เช่นนี้ทำให้เรายิ่งขำไปใหญ่เพราะมันช่างสวนทางกับตอนที่พวกเขาทำหน้าที่เป็นหมออย่างจริงจัง

4.ปฏิกิริยาของเพื่อนๆ เมื่อเห็นรถคันใหม่ของซงฮวา

ตอนที่เพื่อนทั้งสี่อ้าปากค้างเมื่อได้เห็นรถคันใหม่สุดหรูของซงฮวาก็ว่าน่ารักแล้ว แต่ยิ่งฮาหนักเข้าไปอีกเมื่อพวกเขาได้เข้าไปในรถ ไม่ว่าจะเป็นอิกจุนที่ดันไปทำให้ซงฮวาโมโห ด้วยการลอกแผ่นฟิล์มพลาสติกออกจากคอนโซลรถของเธอโดยพลการ  และจองวอนที่เอาแต่บ่นอุบเพราะตัวเองได้นั่งเบาะกลาง

5.เมื่อจุนวานกับจองวอนเอาบัตรเครดิตของอิกจุนไปรูด

ทันทีที่รู้ว่าจางคยออุล (ชินฮยอนบิน) มีบัตรเครดิตของอิกจุนอยู่ในมือ  พวกเขาจึงยึดมาไว้กับตัวและสั่งทุกอย่างที่อยู่บนเมนูเมื่ออิกจุนที่น่าสงสารเห็นข้อความแจ้งยอดการใช้บัตรเครดิตที่แพงหูฉี่ก็โมโหรีบเดินจนเกือบรองเท้าหลุด

6.เมื่อซงฮวาบังเอิญทำรามยอนกระเด็นใส่หน้าอิกจุนเต็มๆ

เป็นที่รู้กันว่าซงฮวากับจุนวานเป็นสองคนที่รักการกินอาหารที่สุดในแก๊งเพื่อน จึงไม่น่าแปลกใจเมื่อซงฮวาพยายามจะคีบเส้นรามยอนให้ได้มากที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้ แต่เคราะห์ร้ายเมื่อเส้นรามยอนหล่นพรวดจากตะเกียบกลับลงหม้อ จนน้ำซุปกระเด็นใส่หน้าอิกจุนเข้าเต็มๆ แล้วจุนวานก็ขยี้ซ้ำด้วยการใช้โอกาสนี้ฉวยฝาหม้อมาแล้วกินเองเสียหมด

7.เมื่ออิกจุนเต้นในโรงอาหาร

โจจองซอกโชว์สเต็ปน่ารักน่าหยิก! แม้ว่าอิกจุนเคยเต้นมาแล้วในซีซั่นก่อนหน้า แต่ฉากที่เขาเต้นเบาๆ ด้วยท่าทะเล้นๆ ระหว่างเดินออกจากโรงอาหารในซีซั่นนี้ก็ทำให้อดขำไม่ได้จริงๆ

8.ทุกฉากที่คู่ Winter Garden รอดพ้นการโดนจับไต๋ได้

คยออุลกับจองวอนเก็บความสัมพันธ์ของพวกเขาไว้เป็นความลับ แต่เพื่อนร่วมงานในโรงพยายาลก็สังเกตเห็นว่าจองวอนเอาใจใส่คยออุลต่างๆ นานา แทนที่พฤติกรรมเหล่านี้จะทำให้หลายคนคิดว่าทั้งสองคบหากัน ทุกคนกลับเออออกันไปว่าจองวอนนี่ช่างเป็นพ่อพระและเป็นสุภาพบุรุษเสียจริงๆ  และยิ่งขำหนักเมื่อจองวอนบีบหลังคออิกจุนเป็นเชิงข่มขู่ หลังจากอิกจุนเกือบจะหลุดปากพูดความลับของทั้งคู่ออกมา

ยังมีอีกหลายโมเมนต์ที่เรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะได้เสมอเมื่อเห็นแก๊งเพื่อนสนิททำตัวไร้สาระไปด้วยกัน มีฉากไหนที่ตลกโดนใจใครหรือเปล่า อย่าลืมตามไปชมโมเมนต์สุดฮาทั้งหมดนี้ได้ใน เพลย์ลิสต์ชุดกาวน์ ซีซั่น 2


 

Poem Business Look

อยากขึ้นยานแม่ต้องแวร์โพเอม! พาเช็ก Business Look อีกสไตล์ที่แบรนด์ถนัด

Poem Business Look
Poem Business Look

ใครว่าโพเอมมีแต่ชุดราตรีเอวเล็ก อวดทรวดทรง ต้องมาส่องทางนี้เลย กับ Business Look อีกหนึ่งดีไซน์ที่แบรนด์การันตีว่าสวยสมาร์ทไม่แพ้สไตล์อื่น

ฌอน-ชวนล ครีเอทีฟไดเร็คเตอร์ กล่าวถึงชุดของโพเอมว่ามีหลากหลายสไตล์ ไม่ได้มีเพียงชุดเดินพรมแดงหรือชุดสำหรับออกงานอีเว้นท์เท่านั้น เพราะสาวๆ วัยทำงานก็สามารถครีเอทลุคจากชุดของโพเอมได้ ซึ่งฌอน-ชวนล ได้ให้สัมภาษณ์ว่า “โพเอมมีลุคที่ค่อนข้างหลากหลาย เรามีชุดสำหรับลุคทำงาน ผู้บริหาร ชุดลำลองเราก็มี หรือชุดสไตล์ business look ลุคที่เป็นทางการ ดูเรียบร้อย สำหรับการใส่ทำงานหรือแม้แต่การเข้าประชุมสภาก็ใส่ได้ มันเป็นการเน้นเทเลอริ่งสูทในแบบที่โพเอมถนัดอีกอย่างหนึ่ง ไม่ได้มีแค่คอร์เซ็ทหรือกระโปรงเอไลน์เท่านั้น จริงๆ เราก็ถนัด Pantsuit ด้วยเช่นกัน”

ฌอน-ชวนล ครีเอทีฟไดเร็คเตอร์

จากบทสัมภาษณ์ที่แพรวดอทคอมได้ยกหูคุยกับ ฌอน-ชวนล ทำให้เราได้รู้จักสไตล์ของโพเอมในอีกมุมที่หลายคนอาจไม่คุ้นชิน วันนี้เราจึงหยิบยกความสมาร์ทแคชชวล ความเป็นเวิร์คกิ้งวูแมนมาให้สาวๆ ได้รู้จักดีไซน์อื่นๆ ของแบรนด์มากขึ้น ว่านอกจากชุดเอวเล็ก กระโปรงบานแล้ว ยังมีอีกสไตล์ที่สาวๆ จะต้องชอบอย่างแน่นอน

โดยอีกหนึ่งเอกลักษณ์ของแบรนด์ที่โด่งดัง ก็คือการใช้เทคนิคไล่สี เป็นการถ่ายทอดความสวยงามของแสงเงาผ่านเทคนิคการพิมพ์ไล่สี (Ombre) ที่ใช้แทนการย้อมสี เพราะการย้อมจะไม่สามารถควบคุมการซึมของสีบนเสื้อผ้าให้ออกมาสวยงามได้ ทำให้ชุดของโพเอมมีการไล่เฉดสีที่ละมุน กลมกลืนไม่ขาดตอน

อยากขึ้นยานแม่ต้องแวร์โพเอม! พาเช็ค Business Look อีกสไตล์ที่แบรนด์ถนัด


เรื่อง : ฮานะ_แพรวนิสต้า

ภาพ : Poem

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

สวยสง่าในชุด Poem ส่องลุค ‘หลิวซือซือ’ นางเอกซีรีส์จีน ปู้ปู้จิงซิน

กล่องส้มล้มทับ! ของขวัญวันเกิด ‘ดิว อริสรา’ มีแต่แบรนด์เนมชิ้นหรู

อยากได้แต่แม่ขัดใจ! พะเพื่อน-แม่อุ๊ สกุลไทย เผยแบรนด์เนมที่ซื้อแล้วเสียดายมาก

อแมนด้า ชาลิสา ออบดัม

เปิดมุมมอง “อแมนด้า ออบดัม” นางงามยุคมิลเลนเนียม เธอมีดีมากกว่าความสวย

Alternative Textaccount_circle
อแมนด้า ชาลิสา ออบดัม
อแมนด้า ชาลิสา ออบดัม

ถือเป็นอีกหนึ่งบุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ และทำคนไทยทั้งประเทศลุ้นหนักมาก สำหรับ “อแมนด้า ชาลิสา ออบดัม” ตัวแทนสาวงามจากประเทศไทย ที่สามารถไปได้ถึงรอบ 10 คนสุดท้ายในเวทีประกวดมิสยูนิเวิร์ส ครั้งที่ 69 (Miss Universe 2020) ที่ฟลอริด้า ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

แม้ไม่ได้คว้ามงกุฎมาครอง แต่อแมนด้าก็สร้างความภาคภูมิใจให้คนทั้งประเทศ ตลอดเวลาที่ผ่านมาพิสูจน์แล้วว่าเธอทำดีที่สุดแล้วบนเส้นทางสายนางงาม ที่ไม่ว่าจะหนักขนาดไหน เธอก็พร้อมสู้และเอนจอยไปกับทุกช่วงเวลาที่เลือกเอง อีกทั้งเธอยังมีความเป็นนางงามยุคใหม่ที่สมมง ซึ่งไม่ใช่แค่สวยเก่งเท่านั้น แต่เธอยังสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้อื่นด้วย นี่แหละคือมงลงที่แท้ทรู

เปิดมุมมอง “อแมนด้า ออบดัม” นางงามยุคมิลเลนเนียม เธอมีดีมากกว่าความสวย

อแมนด้า ชาลิสา ออบดัม

หลุมดำของชีวิต

สิ่งหนึ่งที่มาคู่กับคนรักคือคำวิจารณ์ ดังนั้นกว่าจะมีวันนี้ อแมนด้าผ่านเรื่องราวดราม่าและคำวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ มาไม่น้อย แต่อแมนด้าบอกว่า คำพูดเหล่านั้นทำอะไรเธอไม่ได้ เพราะเธอเคยผ่านวิกฤติครั้งใหญ่ที่เหมือนตกอยู่ในหลุมดำของชีวิตมาแล้ว

“สมัยเรียนมหาวิทยาลัยโทรอนโตที่แคนาดา ด้าเคยเป็นโรค Eating Disorder คือลดน้ำหนักจนเข้าข่ายเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ช่วงเรียนน้ำหนักด้าขึ้นมาเยอะมาก ประมาณ 15 – 20 กิโลกรัมได้ พอกลับเมืองไทยช่วงปิดเทอมมีคนทัก ซึ่งเขาคงไม่ได้มีเจตนาร้าย แค่พูดประมาณว่า ‘ไปเรียนหรือไปกิน ทำไมอ้วนขนาดนี้’ พอโดนทักบ่อยๆ เข้าก็เสียความมั่นใจ และบอกตัวเองว่าเดี๋ยวกลับไปแคนาดาจะผอมให้ดู

“จากนั้นด้าก็หมกมุ่นอยู่กับการเข้ายิมออกกำลังกาย แล้วกินน้อยลงเรื่อยๆ จนถึงขั้นไม่อนุญาตให้ตัวเองกินเลย คือมองว่าอาหารเป็นศัตรู มันคือแคลอรี ถ้ากินเข้าไปคืออ้วน ความผิดปกติคือเราเห็นอาหารแล้วหิวมาก แต่สมองบอกว่ากินไม่ได้ ห้ามกิน และไม่ว่าน้ำหนักจะลงแค่ไหน ด้าก็ยังรู้สึกว่าตัวเองอ้วนอยู่ ต้องลดอีก ช่วงแรกเพื่อนๆ เป็นห่วง เข้ามาถามว่าให้ช่วยอะไรไหม แต่ตอนนั้นด้ายังไม่ยอมรับ เหมือนยังไม่รู้ตัว ก็รู้สึกว่าพูดแบบนี้ได้ยังไง ฉันไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย จึงเริ่มเก็บตัว ไม่ไปหาเพื่อน เพราะถ้าออกไปก็ต้องกิน หรือกลัวว่าเพื่อนจะพูดอะไรอีกหรือเปล่า กลายเป็นเก็บตัวอยู่คนเดียว ออกห่างจากสังคมไปอีก

“ตอนนั้นคือช่วงที่แย่ที่สุดในชีวิต เพราะเราเริ่มไม่รักตัวเอง ดูตัวเองในกระจกทีไรก็ไม่แฮ็ปปี้ อยากผอมกว่านั้น แล้วก็เสียความมั่นใจ ไม่มีสังคม คุยกับใครก็ไม่มีใครเข้าใจ เหมือนอยู่คนเดียวในโลก เหนื่อยมาก จนมาถึงจุดพีคตอนที่ด้าเห็นอาหารแล้วร้องไห้ รู้สึกอยากกินจังเลย แต่กินไม่ได้ ก็เลยเริ่มขอความช่วยเหลือจากคนรอบตัว แต่คนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจว่านี่เป็นเรื่องของสุขภาพจิต เขาก็จะตอบกลับมาว่าหิวก็กินสิ ทำไมไม่กิน กระทั่งด้ากลับมาซัมเมอร์ที่ประเทศไทย ได้กลับมาอยู่กับครอบครัวและเพื่อนสนิทที่โตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ซึ่งเป็นบรรยากาศที่อบอุ่นและเต็มไปด้วยความรัก ทุกคนถามด้าอย่างจริงใจว่าโอเคไหม เป็นอะไร ทำให้คิดว่าคนรอบข้างรักเราขนาดนี้ แล้วทำไมเราจึงไม่รักตัวเอง เหมือนจู่ๆ ก็คิดได้เอง รู้สึกอยากลองเปลี่ยนให้ดีขึ้น อยากกลับมารักตัวเอง แต่ด้าทำไม่ได้ทันทีนะคะ ต้องใช้เวลา

“นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ด้าพลิกความคิด ต้องอธิบายว่า Eating Disorder คือ Mental Disorder เป็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นในสมอง ต้องค่อยๆ บอกตัวเองว่า ‘เธอกินได้ ไม่อ้วนหรอก อาหารจะทำให้เธอมีชีวิตอยู่ต่อนะ’ ด้าบอกตัวเองแบบนี้ทุกครั้งที่ตักข้าวเข้าปาก เรียกว่าให้กำลังใจตัวเองเป็นวันๆ ไป คอยปลอบตัวเองตลอดเวลา เป็นช่วงที่ทรมานมาก แต่ก็ค่อยๆ ดีขึ้นทีละนิด ใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะกลับมาเป็นปกติ แต่พอผ่านช่วงเวลาที่เราไม่รักตัวเองมาแล้ว และรู้สึกดีขึ้นแล้ว ด้าบอกกับตัวเองไว้เลยว่าจะไม่ให้คำพูดของคนอื่นมากระทบกับเราอีก ดังนั้นไม่ว่าจะมีดราม่าอะไรเกิดขึ้น หรือมีคอมเมนต์แย่ๆ เกี่ยวกับตัวเรา ด้าบอกเลยว่าทำอะไรเราไม่ได้ ด้าโอเคกับการพูดตรงๆ ของคนที่ไม่รู้จักเรานะคะ แต่ด้าจะไม่เก็บมาคิดให้ไม่สบายใจอีกแล้ว ถ้ามีอะไรไม่สบายใจ ด้าจะปรึกษาครอบครัว เพื่อนสนิท และคนใกล้ชิดมากกว่า”

อแมนด้า ชาลิสา ออบดัม

จงสวยแบบรักตัวเอง

ในฐานะคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวในเรื่องรูปลักษณ์มาแล้ว อแมนด้าบอกว่า ไม่เคยกลับไปไดเอตอีกเลย แต่ขอเลือกสวยสตรองแบบสุขภาพดีทั้งภายใน และภายนอก “พอกลับมารักตัวเองแล้ว อยากกินอะไรก็กิน ขนาดช่วงเก็บตัว ประกวดมิสยูนิเวิร์ส เขามีสเต๊กทุกวัน ก็กินทุกวันเลยค่ะ (หัวเราะ) แค่ระวังเรื่อง ปริมาณ เพราะที่อเมริกาเขาเสิร์ฟอาหารจานใหญ่ ปริมาณมาก ด้าใช้วิธีถ้ารู้สึกอิ่ม แล้วก็หยุด และจะไม่กินมื้อใหญ่หลัง 6 โมงเย็น ถ้าหิวจริง ๆ ก็กินขนมหรือช็อกโกแลตนิดหน่อย ไม่อดค่ะ ถ้าวันไหนกินเยอะหน่อยค่อย ออกกำลังกายตามวิดีโอในยูทูบสัก 10 นาทีก่อนนอน แต่ก่อนไป ประกวดด้าอาจจะเล่นถี่หน่อย คือจะเล่นเวตเทรนนิ่งตามยูทูบ ที่บ้านสัก 15 – 20 นาทีต่อวัน ประมาณ 4 – 5 ครั้งต่อสัปดาห์ แต่ตอนเข้ากองประกวดจะทำได้น้อยหน่อย เพราะเหนื่อยมาก ๆ เลยค่ะ กว่าจะถึงห้องก็อยากนอนแล้ว

“ส่วนเรื่องสุขภาพจิต ด้ารู้สึกเลยว่าพอเปลี่ยนวิธีพูดหรือ เลือกคำพูดบอกตัวเอง เราจะเริ่มมองโลกบวกขึ้น คือสมัยก่อน ด้ามักใช้คำพูดที่ค่อนข้างรุนแรงกับตัวเอง เช่น ทำไมไม่ดีเลย ทำไมทำแย่ได้ขนาดนี้ แต่พอเราค่อย ๆ เปลี่ยนตัวเองช่วงที่พยายาม รักษาตัวจาก Eating Disorder หันมาใช้คำพูดที่ใจดีกับตัวเอง มากขึ้น อย่างสมมติวันนี้เรายังทำได้ไม่ดีก็ไม่เป็นไร บอกตัวเอง ว่าพรุ่งนี้เริ่มใหม่ได้ พออะลุ่มอล่วยกับตัวเองมากขึ้น จิตใจก็ ค่อย ๆ กลับมาโอเค ถ้าวันไหนรู้สึกไม่โอเค ด้าจะใช้วิธีคุยกับเพื่อน หรือคุณพ่อคุณแม่ พอเราปรับความคิด ทุกอย่างก็ค่อย ๆ ดีขึ้นเอง

“พอความคิดดีแล้ว ก็จะสามารถดูแลตัวเองได้เต็มที่ อย่าง เรื่องความสวยความงาม ถ้าให้แชร์บิวตี้รูทีนของด้าในฐานะนางงาม ที่ต้องดูแลเป็นพิเศษคือการล้างเครื่องสำอางให้เกลี้ยงก่อนนอน เพราะด้าแต่งหน้าทุกวัน ถ้ามีสิ่งตกค้างอาจทำให้อุดตันจนมีผดผื่น หรือเป็นสิว จากนั้นค่อยบำรุงผิวด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ ซึ่งด้ามี ผิวผสม คือทีโซนมัน แต่บริเวณอื่นแห้งมาก จึงเน้นมอยส์เจอ- ไรเซอร์ที่เพิ่มความชุ่มชื้นและไม่มีน้ำหอม แต่ช่วงประกวดได้นอน น้อย ต้องเสริมด้วยมาสก์หน้าแบบแผ่น หรือถ้าวันไหนหน้าแห้ง หนักมากจริง ๆ ก็จะใช้เฟซออยล์เสริมด้วย ถ้าปล่อยให้ผิวแห้ง จะแต่งหน้าไม่ติด เช่นกันกับผิวตัวที่ด้าเน้นบำรุงเพิ่มความชุ่มชื้น ด้วยโลชั่นเนื้อครีมหรือบัตเตอร์ที่เนื้อหนักหน่อย โดยทาทันที หลังอาบน้ำ เพราะช่วยดูดซับความชุ่มชื้นได้ดีกว่า และมีสครับ ผิวบ้างสัปดาห์ละครั้ง

“ส่วนเรื่องแต่งหน้า ด้าเน้นดวงตาเป็นพิเศษ เพราะเรา สามารถสื่อความรู้สึกออกมาทางสายตาได้ เทคนิคของด้าคือคิ้ว ทรงโก่งและการเบลนด์อายแชโดว์ให้เนียน ไม่ให้เป็นก้อน โดย ต้องมีแปรงที่ไม่มีสีอายแชโดว์ไหนติดอยู่เลยมาใช้เบลนด์ จึงจะ เนียนสวยค่ะ แต่ทั้งหมดทั้งมวลต้องเสริมด้วยการกรีดอายไลเนอร์ ด้าจะใช้แบบดินสอกรีดที่ขอบตาด้านในก่อน แล้วใช้แปรงเบลนด์ ให้ฟุ้ง ๆ นัว ๆ ติดขนตา ตามด้วยอายไลเนอร์แบบปลายแหลม กรีดทับรอยเส้นขนตาปลอมอีกที เป็นอันเป๊ะเฉี่ยว (ยิ้ม) อ้อ ที่ขาดไม่ได้เลยคือลิปกลอส ต้องมาทุกลุค ด้าชอบให้ปากดูสวยฉ่ำสุขภาพดี (ยิ้ม) ส่วนผมนี่ความจริงด้าพอทำเองได้นะคะ แต่ถ้าขึ้นเวทีประกวด ขอพึ่งช่างผมมืออาชีพดีกว่า ทรงสวยรอดปลอดภัยของด้าคือแสกกลางมวยต่ำ หรือปล่อยยาวสลวยค่ะ

“แต่สุดท้ายแล้วไม่ว่าจะมีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร ด้ามองว่าผู้หญิงสวย คือคนที่มั่นใจมาจากภายใน สวยโดยไม่ต้องแคร์ว่าคนอื่นคิดอย่างไร จงสวย ด้วยความรู้สึกและความคิดที่ดีต่อตัวเอง ถ้าเรารู้สึกดีแล้ว ลุคข้างนอกจะตาม มาเองค่ะ” (ยิ้ม)

อแมนด้า ชาลิสา ออบดัม

โลกต้องการ “ผู้ฟัง”

ในฐานะที่เคยต่อสู้กับโรค Eating Disorder อแมนด้าจึงอยากช่วยเหลือ ผู้ป่วยทางสุขภาพจิตผ่านโปรเจ็กต์ “Have You Listened” โครงการด้านสุขภาพจิตที่เน้นการรับฟังผู้ป่วยโรคซึมเศร้า อันเป็นแนวทางในการเข้าใจปัญหา เพื่อช่วยเหลือ ผู้ป่วยได้อย่างเป็นรูปธรรม

“แคมเปญ Have You Listened เกิดมาจากการที่ด้า เคยเผชิญกับโรค Eating Disorder ซึ่งตอนนั้นด้าเคยขอความช่วยเหลือ แต่ ความที่คนอื่นไม่เข้าใจว่าเราเป็นโรคอะไร จึงพูดกลับมาว่าหิวก็กินสิ ซึ่งไม่ใช่ การรับฟัง ทำให้ตอนนั้นด้ารู้สึกว่าโดนปฏิเสธการร้องขอความช่วยเหลือ ทำไม ไม่มีใครฟังเลยว่าเรากำลังขออะไร นั่นจึงเป็นที่มาของแคมเปญนี้

“ด้ายกประเด็นเรื่อง Eating Disorder ขึ้นมาเพราะอยากให้คนในสังคมเข้าใจ ปัญหาด้านสุขภาพจิตมากขึ้น เพราะถ้าไม่เข้าใจ คงไม่รู้ว่าจะช่วยอย่างไร เราอาจ ไม่รู้หรอกว่าใครกำลังต้องการความช่วยเหลือบ้าง แต่ถ้าหยุดรับฟัง เราอาจจะเป็น คนหนึ่งที่ได้ช่วยเขา คืออยากให้ทุกคนหันมารับฟังซึ่งกันและกัน ซึ่งตั้งแต่ด้า ออกมาพูดเรื่องนี้ก็มีหลายคนเข้ามาร้องไห้กับด้า บอกว่าขอบคุณที่พูดเรื่องนี้นะ เพราะเขาก็เคยเป็น ด้าจึงอยากเป็นกระบอกเสียงช่วยอธิบายว่า Eating Disorder เป็นความผิดปกติทางสมองและทางจิต มีหลายแบบ อาการของโรคแตกต่างกันไป ซึ่งปัจจุบันสามารถไปปรึกษาคุณหมอได้ อยากให้รู้ว่าการป่วยทางจิตเป็นเรื่องปกติ เหมือนไม่สบายทั่ว ๆ ไป มันเกิดขึ้นได้ ขอให้เริ่มต้นด้วยการกล้าพูดคุย กล้าบอก ว่าวันนี้รู้สึกไม่ดีอย่างไร ขณะเดียวกันด้าก็อยากให้คนรอบตัวของผู้ป่วยรับฟังด้วย ความเห็นอกเห็นใจ ถามกันดี ๆ ว่าต้องการความช่วยเหลือไหม เราอยู่ตรงนี้นะ พร้อมรับฟังและช่วยเหลือ หลายคนมักชอบบอกว่าไม่เป็นอะไรหรอก ทั้ง ๆ ที่ ยังไม่ได้ฟังเลยว่าเขาเป็นอะไร

“และไม่ใช่แค่กับเรื่องนี้เท่านั้นนะคะ ด้าว่าการฟังเป็นอีกหนึ่งทักษะสำคัญ โลกต้องการคนฟังมากขึ้น เพราะทุกวันนี้เราอยู่ในสังคมที่ทุกคนอยากจะพูดกันหมด ทั่วโลกจึงมีคนทะเลาะกันมากขึ้น ต่างคนต่างมีความเห็นของตัวเอง แล้วมองว่า ความเห็นคนอื่นผิด ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้ฟังเลยว่าเพราะอะไรเขาจึงมีความคิดเห็น แบบนั้น แล้วเราจะเคารพความคิดเห็นเขาได้ไหม จึงอยากรณรงค์ให้ทุกคนหันมา รับฟังกันและกัน คือการพูดแสดงความคิดเห็นนั้นไม่ผิด แต่เมื่อพูดแล้วควรหยุด รับฟังคนอื่นบ้าง ถ้าเราสามารถบาลานซ์การพูดและฟังให้อยู่ 50/50 ได้ สังคม น่าจะดีขึ้น อย่างน้อยไม่ทะเลาะ โดยเฉพาะประเทศไทยที่เรายังมีความแตกแยก ทั้งที่เราอยู่บนแผ่นดินเดียวกัน ด้าว่าการคิดต่างไม่ใช่เรื่องผิด แต่เราต้องเคารพ ซึ่งกันและกันด้วย จึงจะเดินไปข้างหน้าได้ค่ะ”

อแมนด้า ชาลิสา ออบดัม

นางงามยุคมิลเลนเนียม

สุดท้ายเมื่อถามถึงคุณสมบัติที่นางงามยุคใหม่ควรต้องมี อแมนด้าตอบทันทีว่า “ปัจจุบันนางงามสวยแค่ภายนอกไม่พอ แต่ต้องสามารถ Empower หรือสร้างพลัง ให้คนอื่นได้ จึงต้องมั่นใจและเชื่อมั่นในตัวเอง รักตัวเอง รู้ว่าตัวเองชอบหรือไม่ชอบอะไร รวมถึงเมื่อพูดออกมาแล้วสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้อื่นได้ พูดง่ายๆ ว่านางงามในปัจจุบันต้องเป็น Total Package คือมีความสามารถรอบด้านจริงๆ

“ส่วนตัวด้าเองเคยผ่านช่วงเวลาที่คิดมากและไม่รักตัวเองมาก่อน พอผ่านตรงนั้นมาได้ ทำให้รู้เลยว่าหากอยากทำอะไรแล้ว อย่าคิดเยอะ ลุยทำไปเลยค่ะ ใช้ชีวิตให้เต็มที่ ทำให้ดีที่สุด ถ้าทำแล้วผิดหวังหรือผิดพลาดก็ไม่เห็นเป็นไร ดีกว่าผ่านไปแล้วมาคิดว่าทำไมฉันไม่ลองทำอะไรเลย อย่างน้อยก็ได้เคยลองทำแล้ว และทำอย่างดีที่สุดด้วย แม้จะได้ผลลัพธ์มาแค่นี้ แต่ก็ภูมิใจและดีใจกับตัวเอง ด้าอยากเป็นแรงบันดาลใจให้ทุกคนรู้จักรักตัวเองให้มาก เพราะบางทีเราชอบเปรียบเทียบกับคนอื่นแล้วคิดว่าตัวเองไม่ดีพอ ด้าอยากบอกว่าทุกคนมีค่า ไม่ว่าจะอยากทำอะไร ถ้าตั้งใจแล้ว ทุกคนทำได้ค่ะ

“ดังนั้นสำหรับใครที่มีความฝันอยากประกวดนางงาม หรืออยากทำอะไร ด้าขอแนะนำให้ทำเลย อย่ามัวแต่คิดว่าทำไม่ได้หรอก จงเป็นผู้หญิงที่พร้อมจะตามความฝัน ไม่กลัวอะไรไปก่อน นี่แหละคือผู้หญิงในยุคของเรา”


ติดตามอ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็มได้ที่ นิตยสารแพรว ฉบับ 972

ภาพ : amanda.obdam

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ทุกโมเม้นต์ชนะใจคนไทย “อแมนด้า ออบดัม” บนเวที MU 2020 เธอเก่งที่สุดแล้ว

เปิดใจอดีตสาวคลั่งผอม อแมนด้า ออบดัม เผชิญโรคอะนอเร็กเซีย 2 ปีเต็ม

สื่อถึงอันดามัน! ราตรีสีน้ำเงิน ‘อแมนด้า’ ถอดแบบ ปุ๋ย ภรณ์ทิพย์?

 

ผิวเนียนกริบด้วย เทคนิคลงรองพื้น แบบ Dakota Fanning ที่ทำแล้วเวิร์คมี 2 อย่าง

ผิวเนียนกริบด้วย เทคนิคลงรองพื้น แบบ Dakota Fanning ที่ทำแล้วเวิร์คมี 2 อย่าง

Alternative Textaccount_circle
ผิวเนียนกริบด้วย เทคนิคลงรองพื้น แบบ Dakota Fanning ที่ทำแล้วเวิร์คมี 2 อย่าง
ผิวเนียนกริบด้วย เทคนิคลงรองพื้น แบบ Dakota Fanning ที่ทำแล้วเวิร์คมี 2 อย่าง

การมาของโควิด-19 ถือเป็นการอวสานระยะยาวของงานผิวแบบปกปิดแน่นตึ้บ ใครไม่รู้ สาวรักเมคอัพต้องรู้ รองพื้นแน่นๆ กับการสวมแมสก์ถือเป็นการจับคู่สุดสยอง เพราะนอกจากทำให้ผิวอับชื้น กระตุ้นให้เกิดสิว รองพื้นที่ไหลเยิ้ม ยังทำให้เกิดคราบจนเสียลุค แถมยังสร้างริ้วรอยตามบริเวณที่กดทับของแมสก์ พอถอดออก เห็นทีไรเสียความมั่นใจสุดๆ

งานผิวแบบไฟลท์บังคับนาทีนี้จึงต้องบางเบาแนบสนิทเป็นเนื้อเดียวกันกับผิว ไม่เกิดคราบ ไม่กระตุ้นสิว ปล่อยให้ผิวได้หายใจ เทคนิคที่ใช่ก็เป็นปัจจัยสำคัญ จึงขอนำ เทคนิคลงรองพื้น แบบ Dakota Fanning ให้ผิวเนียนสนิทแบบไม่ต้องลงรองพื้นหนาๆ ให้หนักผิว

เทคนิคลงรองพื้น แบบ Dakota Fanning

ผิวเนียนกริบด้วย เทคนิคลงรองพื้น แบบ Dakota Fanning ที่ทำแล้วเวิร์คมี 2 อย่าง

“ฉันเป็นแฟนตัวยงของรองพื้นเนื้อบางเบา โดยเฉพาะในวันที่มีนัดแบบไม่เป็นทางการ ลงรองพื้นนิดเดียวผิวก็ดูสดใสขึ้นได้แล้ว และจากการลองจับคู่ รองพื้นเนื้อบางเบากับอุปกรณ์มาหลายรูปแบบ จึงสังเกตได้ว่าใช้แปรงแบนแล้วไม่รอด เพราะมักทิ้งรอยลาก จากขนแปรง ลงเท่าไรก็ไม่เรียบเนียน แปรงรองพื้นทรงต่างๆ ฉันลองมาหมดแล้ว รู้สึกว่าลงได้บางจริง แต่รองพื้นจะติดผิวไม่ทนนานเท่าที่ควร

“ที่ทำแล้วเวิร์คมีอยู่สองอย่างคือ ฟองน้ำหรือไม่ก็นิ้วมือไปเลย ฟองน้ำนั้นช่วยในการกด ทำให้รองพื้นที่บางมีความเรียบแน่น ติดทนนานขึ้น ส่วนมือ ซึ่งผ่านอุณหภูมิของร่างกายที่มีความอุ่นจะช่วยให้รองพื้นละลายแนบสนิทเป็นเนื้อเดียวกับผิว แถมการสัมผัสด้วยมือยังทำให้กะปริมาณการลงในแต่ละจุดได้ดีขึ้นด้วย”

เทคนิคลงรองพื้น 4 เทคนิคลงรองพื้น 3 เทคนิคลงรองพื้น 2 เทคนิคลงรองพื้น 1


ข้อมูล : นิตยสารแพรว ฉบับ 972
ภาพ : dakotafanning , ellefanning03

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

เปิดลิสต์ 10 แบรนด์บิวตี้ ของเหล่าคนดังฮอลลีวู้ดที่มีมูลค่าในตลาดความงามสูงลิ่ว

ทริคถนอมผิวกายฉบับ “มาร์โก ร็อบบี” ด้วยสูตร 90 วินาที ไม่ให้ผิวแห้งแตกรอย

ผิวสวยโกลว์โชว์ชัดทะลุจอ! เพราะคุณแม่เจโล (J-LO) มีสกินแคร์รูทีนที่เคร่งครัด

 

ศรีกาญจนา

สวยยกบ้าน สาวสามใบเถา ‘ปรางค์-พิม-พลอย’ พี่น้องบ้าน “ศรีกาญจนา”

ศรีกาญจนา
ศรีกาญจนา

สวยยกบ้าน 3 ‘ปรางค์-พิม-พลอย’ พี่น้องบ้านศรีกาญจนา ลูกสาวสามใบเถาของ “จุลพยัพ ศรีกาญจนา” ประธานคณะกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชียประกันภัย 1950

ต้องยอมรับว่าสมัยนี้บุคคลที่มีชื่อเสียงในแวดวงสังคมหรือที่เราเรียกว่าเหล่าเซเลบ มีบทบาทในวงการบันเทิงบ้านเรามากขึ้น โดยเฉพาะบรรดาเซเลบหนุ่มสาว ทายาทเจ้าของธุรกิจชื่อดังต่างๆ ก็โผล่มาให้เห็นตามสื่อหรือตามหน้าจอทีวีมากขึ้น เพราะพวกเขาเหล่านี้ไม่ได้มีดีแค่ฐานะ เรื่องหน้าตาแต่ละคนก็สวยหล่อสูสีดารา พร้อมไปด้วยคุณสมบัติต่างๆ ที่ทำให้เราต้องติดตามพวกเขา

ศรีกาญจนา

โดยเฉพาะสามสาว สามใบเถาของตระกูลศรีกาญจนา ทายาทของ จุลพยัพ ศรีกาญจนา เจ้าของบริษัท เอเชียประกันภัย กับยูกิ-นราวดี ผู้บริหาร เพนดูลัม และร้านอาหารนารา ที่เพียบพร้อมไปด้วยความสวย รวย เก่ง ในแวดวงสังคมไม่มีใครไม่รู้จักพวกเธอ ซึ่งแต่ละคนก็มีความสวยที่ต่างสไตล์ ถือเป็นสามสาวพี่น้องที่น่าสนใจมาก วันนี้เรามาอัพเดทข่าวคราวของพวกเธอ พร้อมทั้งตามไปเจาะลึกถึงสไตล์ของแต่ละคนกันเลยดีกว่า น่ารักขนาดนี้หนุ่มๆ หัวใจไม่อยู่กับเนื้อกกับตัวแน่ๆ

ลูกสาวคนโต ปรางค์-อภินรา ศรีกาญจนา ที่ตอนนี้หันมาช่วยงานธุรกิจประกันภัยของคุณพ่อ ร้านอาหารนาราของคุณแม่ และยังเป็นผู้บริหาร U Drink I Drive,Thailand อีกด้วย ถือเป็นพี่สาวคนโตที่เก่งมาก มีความเป็นผู้ใหญ่สูง เพราะต้องดูแลทั้งธุรกิจและน้องๆ อีกสองคน เห็นเธอตัวเล็กๆ แบบนี้แต่คล่องแคล่ว ว่องไว ทำงานเก่ง ถือว่าเป็นผู้หญิงที่เพอร์เฟ็คมากจริงๆ


ปรางค์เป็นทายาทที่ถูกจับตามองมากที่สุด เพราะเธอเป็นลูกสาวคนโตและดูแลธุรกิจครอบครัวด้วย หลายคนที่ไม่รู้จักเธออาจมองว่าเป็นผู้ใหญ่เกินตัว เพราะเธอเป็นคนที่ชอบอะไรเรียบๆ ไม่หวือหวาเหมือนสาวๆ ยุคนี้ ขอมอบคำที่ต้องบัญญัติให้กับผู้หญิงคนนี้คือ สวยหรูดูแพงเท่านั้น!

ศรีกาญจนา

 

เห็นบอกว่าบ้านนี้ทั้งคุณแม่คุณลูกใส่เสื้อผ้าไซส์เดียวกันหมด บางทีก็สลับกันใส่ก็มี อย่างปรางค์จะดูลุคผู้ใหญ่หน่อยสไตล์สาวเวิคกิ้งวูแมน แต่จริงๆ แล้วเธอมีเสื้อผ้าใส่ทุกสไตล์ ทั้งหวาน ทั้งเปรี้ยว กล่อมกล่อมลงตัวไม่น่าเบื่อดี
3 พี่น้องบ้านศรีกาญจนางานโชว์หลังก็มานะจ๊ะ ถึงจะทำงานหนักแค่ไหนแต่ก็ดูแลตัวเองดีมาก ผิวก็ดีหน้าก็เด็ก แถมรู้จักเลือกชุดที่ใส่ออกงานส่วนใหญ่เป็นชุดที่มีลวดลายดอกไม้สดใส ทั้งเดรส ชุดราตรี กลายเป็นสาวหวานสุดฮอตไปเลยล่ะ

คนที่สอง พิม-พิมพ์พยัพ ศรีกาญจนา สาวสวยหน้าใส  เป็นอีกสาวหนึ่งที่ใครเห็นเป็นต้องหลงรัก เพราะเธอดูเป็นผู้หญิงหวานๆ สดใส สไตล์เกาหลี แต่สิ่งที่เธอชอบนั้นดูจะขัดกับบุคลิกที่คนทั่วไปเห็นเพราะอีกมุมหนึ่งจริงๆ แล้วเธอเป็นสาวขาลุย รักการท่องเที่ยว การเดินทางเป็นชีวิตจิตใจ ในอินสตาแกรมเธอมีแต่รูปสถานที่สวยๆ ทั้งนั้น เปิดเข้าไปดูนึกว่าแกลเลอรีรูปภาพซะอีก

ศรีกาญจนาศรีกาญจนา
เป็นสาวหวาน ที่ใครๆ ก็บอกว่าเธอเป็นคนเรียบร้อย ถึงแม้จะเป็นลูกคนที่สอง แต่มีมุมเด็กๆ ขี้เล่น จนนึกว่าเป็นน้องคนสุดท้องซะอีก แต่ก็ไม่ใช่ผู้หญิงเรียบร้อยหัวอ่อนแบบในละครนะ เพราะในชีวิตจริงเรื่องทำงานเธอก็ไม่เป็นรองใครเลยล่ะ เรียกได้ว่าเก่งกันทั้งบ้านจริงๆ

ศรีกาญจนา
3 พี่น้องบ้านศรีกาญจนาพิมเป็นสาวสดใสแค่ไหนก็ดูสิ ยิ้มออกมาทีหนุ่มๆ แทบละลาย อย่างที่บอกว่าเธอเป็นคนชอบท่องเที่ยวมาก รูปส่วนใหญ่มีแต่ทะเล ภูเขา ชุดที่เธอใส่เลยเป็นชุดที่สบายๆ ชิลๆ เน้นสีขาว สีฟ้า บวกกับหน้าตาน่ารักใสๆ  ทำให้ดีกรีความฮอตไม่แพ้คนพี่เลยล่ะ
3 พี่น้องบ้านศรีกาญจนาอีกมุมหนึ่งที่เราอยากให้รู้จัก เห็นใสๆ แบบนี้ขึ้นเหนือลงใต้มาครั้งนับไม่ถ้วน วันนี้โผล่ทะเล พรุ่งนี้โผล่ภูเขา สลัดภาพไฮโซสาวทิ้งซะอยู่หมัด แต่ก็ดูเป็นผู้หญิงที่เรียบง่ายและมีเสน่ห์ อย่างที่เขาบอกว่าถ้าอยากรู้ว่าใครสวยจริงๆ ให้มองตอนเขาใส่แค่เสื้อยืดกับกางเกงยีนส์ธรรมดาๆ พิมก็เป็นหนึ่งในนั้น ที่ให้อารมณ์สวยแบบธรรมชาติไม่ปรุงแต่งอะไรมาก

ส่วนคนสุดท้าย พลอย-พลอยพยัพ ศรีกาญจนา น้องสาวคนเล็กของบ้านที่ดีกรีความสวยพอๆ กับความแซ่บ! เพราะเธอรักการแต่งตัว สนใจเรื่องแฟชั่นจนทำให้เลือกศึกษาต่อที่ London College of Fashion (LCF) ที่ประเทศอังกฤษ ในสาขา Footwear เป็นสาวสวยไฟแรง มีความเป็นตัวเองและความเป็นศิลปินสูง นอกจากนี้ยังเป็นสาวสวยที่รักสุขภาพ เพราะดูจากหุ่นเอวเอส ซิกแพคมาเต็มๆ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าสาวพลอยฟิตแอนด์เฟิร์มมากแค่ไหน

ศรีกาญจนา

แน่นอนว่าในบรรดาสาวๆ ทั้งสามคนนี้พลอยดูจะมีสไตล์การแต่งตัวที่เก๋ เปรี้ยว กว่าพี่ๆ ทั้งสอง เพราะด้วยความที่เธอรักและเลือกเรียนด้านแฟชั่นทำให้ไม่ว่าจะหยิบจับใส่ชุดไหน ก็ดูดีไปหมด เป๊ะตั้งแต่หัวจรดเท้า แว่นตา หมวก กระเป๋า มาเต็ม แต่ละชุดผ่านการคิดมาอย่างดีแล้ว เห็นแล้วรู้สึกชอบและสนุกไปกับการแต่งตัวในแต่ละวันของเธอจริงๆ

ศรีกาญจนา

มาดูลุคเปรี้ยวเข็ดฟันกันบ้าง คนที่เซ็กซี่ไม่จำเป็นต้องใส่โป๊โชว์เนื้อหนัง อย่างพลอยอินเนอร์ออกมาผ่านทั้งชุดและท่วงท่าที่มันไปด้วยกันดีจนรู้สึกว่า ผู้หญิงคนนี้เธอเป็นคนที่รู้จักใช้ของที่ตัวเองมีได้อย่างดี ไม่เยอะไม่น้อยไป อยู่ในระดับที่น่ามอง เป็นผู้หญิงที่ไม่ว่าจะใส่อะไรก็ดูแพงไปซะหมด


แม้แต่ลุคหวานๆ ที่พลอยเลือกใส่เป็นชุดกระโปรงก็เถอะ ก็ไม่ดูหวานเกินไปจนเลี่ยน ออกแนวเรียบหรูแทน คาแรกเตอร์ความเป็นสาวหัวอินเตอร์ที่ทันสมัย มันพุ่งทะลุแว่นตาออกมาจริงๆ นะ

ลูกสาวบ้านนี้เรียกได้ว่าสวย เก่งทุกคน หนุ่มๆ คนไหนที่คิดอยากขายขนมจีบ อาจจะต้องผ่านหลายด่านหน่อยนะ และดูเหมือนว่าพวกเธอจะมีหวานใจเข้าให้แล้วด้วย


เรื่อง : แพรวดอทคอม

ภาพ : IG@p_apinara, ploypayap_s, pimpayap


 

รองเท้า Keds x Kate Spade

5 รุ่นที่ต้องส่อง! รองเท้า Keds x Kate Spade น่ารักขนาดนี้ ราคาดีไหม

รองเท้า Keds x Kate Spade
รองเท้า Keds x Kate Spade

ใครที่เป็นแฟนประจำของรองเท้า Keds โดยเฉพาะรุ่นพิเศษที่ทางแบรนด์มักจับมือออกแบบร่วมกับแบรนด์ต่างๆ บอกเลยว่าไม่ควรพลาดคอลเล็คชั่นส่งท้ายซีซั่นฤดูร้อน 2021 นี้อย่าง รองเท้า Keds x Kate Spade New York ด้วยประการทั้งปวง เพราะในคอลเล็คชั่นนี้นอกจากจะเป็นการร่วมงานกันของสองแบรนด์ดังแล้ว ยังมีความพิเศษตรงการนำเทคนิคการตัดเย็บแบบใหม่ๆ และวัสดุที่ทั้งความหลากหลายมาใช้ ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่มีทั้งความสดใสและนุ่มสบายในคราวเดียวกัน

5 รุ่นที่ต้องส่อง! รองเท้า Keds x Kate Spade น่ารักขนาดนี้ ราคาดีไหม

Keds x Kate Spade New York Crew Kick Rubber Applique Canvas White (ราคา 3,250 บาท)

หยิบเอาความน่ารักสไตล์สปอร์ตวินเทจของรองเท้า Keds รุ่น Crew Kick75 มาใช้ พร้อมประดับลายหัวใจที่ทำจากยางโทนสีเดียวกับตัวรองเท้าและขอบรองเท้า อีกทั้งยังผสมผสานระหว่างความสปอร์ตและกลิ่นอายความเป็นผู้หญิงในแบบของ Kate Spade ได้อย่างลงตัว ซึ่งรองเท้ารุ่นนี้สามารถแมตช์กับเสื้อผ้าได้หลากสไตล์ ไม่ว่าจะเป็นกางเกงเลกกิ้ง กางเกงยีนส์ ชุดเดรส หรือแม้แต่ชุดว่ายน้ำเก๋ๆ ริมชายหาด โดยตัวรองเท้าทำจากผ้าแคนวาส บุด้วยนวม Kiss Foam บริเวณส่วนบนและส่วนหุ้มข้อเพื่อให้ใส่สบายมากยิ่งขึ้น

Keds x Kate spade New York Crew Kick Slip on Hearts (3,250 บาท)

สำหรับสาวๆ คนไหนที่ชอบรองเท้าสนีกเกอร์สไตล์ Slip on ที่ยังมีความเท่ทะมัดทะแมงแบบสปอร์ต แต่ยังเจือด้วยกลิ่นอายหวานๆ สไตล์เฟมินีนอยู่ เราขอแนะนำรุ่น Crew Kick รองเท้าทรงสปอร์ตย้อนยุคที่แค่เห็นครั้งแรกก็สัมผัสได้ถึงความคิ้วท์ โดยใช้ผ้าใบสีชมพูอ่อนเป็นวัสดุหลักชองตัวรองเท้า พร้อมตกแต่งด้วยยางทรงหัวใจสีขาวบนตัวรองเท้าและขอบรองเท้า นอกจากจะสวมใส่สบายด้วยพื้นด้านในแบบ Softerra แล้วยังบุด้วยนวม Kiss Foam บริเวณส่วนบนและส่วนหุ้มข้อเพื่อให้ใส่สบายมากยิ่งขึ้นด้วย

Keds x Kate Spade New York Kickstart Mule TPU Clear (2,450 บาท)

นี่เป็นการโคจรมาเจอกันของรองเท้าเจลลี่และหนึ่งในรองเท้าผ้าใบรุ่นยอดนิยมอย่าง Kickstart Mule ด้วยการนำเอาจุดเด่นของรองเท้าเจลลี่ที่มีความโปร่งใสมาออกแบบโดยใช้รูปทรงของรุ่น Kickstart Mule พร้อมเพิ่มรูระบายอากาศบริเวณด้านในของรองเท้า เพื่อช่วยให้ระบายอากาศได้ดียิ่งขึ้น ทำให้ได้ผลลัพธ์เป็นรองเท้าดีไซน์น่ารักสดใสที่สามารถสวมใส่ง่ายในชีวิตประจำวัน

Keds x Kate Spade New York Triple Decker Stripe Mesh (2,850 บาท)

อีกหนึ่งรองเท้ารุ่นใหม่ที่นำวัสดุอันหลากหลายมาใช้ในการผลิต โดยครั้งนี้ได้นำผ้าตาข่ายที่มีคุณสมบัติเบาและถ่ายเทอากาศได้ดีมาใช้กับรองเท้าสไตล์สลิปออนแพลตฟอร์มของแบรนด์อย่าง Triple Decker โดยตาข่ายที่เลือกมาใช้นั้นเป็นตาข่ายลายทางสีเขียวมิ้นท์ ซึ่งทางแบรนด์สั่งทำพิเศษขึ้นสำหรับคอลเล็คชั่นนี้โดยเฉพาะ เหมาะสำหรับใส่คู่กับกางเกงยีนส์ที่ให้ลุคทะมัดทะแมง หรือจะลองหยิบไปแมตช์กับเสื้อผ้าสไตล์อื่นๆ เพื่อเพิ่มดีเทลสนุกๆ ก็ยังได้

Keds x Kate Spade New York Triple Kick Multi Stripe Canvas (3,250 บาท)

ปิดท้ายคอลเล็คชั่นพิเศษนี้ด้วยการนำรองเท้ารุ่น Triple Kick มาระบายสีใหม่ โดยได้แรงบันดาลใจมากจากเทคนิกการต่อลายผ้ามาปริ้นท์ลงบนผืนผ้าแคนวาส ให้ความรู้สึกที่สดใส และพร้อมรับพลังบวกแบบเต็มๆ โดยสะท้อนผ่านสีสันหลากหลายเฉดสีของสายรุ้งที่พาดบนตัวรองเท้า ตัดกับของยางสีขาวและเชือกรองเท้าสีเดียวกัน เป็นการจับคู่สีในแบบของแบรนด์ Kate Spade New York มาใช้ อีกทั้งยังให้สัมผัสนุ่มสบายในทุกย่างก้าวที่เดินอีกด้วย


บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

เท่บาดใจ! รองเท้า adidas FORUM 3 สีใหม่ คู่ไหนปังสุด

2 สีใหม่! รองเท้า Converse x PLAY COMME des GARCONS ใส่ง่ายเข้าได้ทุกลุค

ใบเดียวจบ! กระเป๋า Furla 3 รุ่นใหม่ ดีไซน์น่ารัก สะพายได้ตั้งแต่เช้าจรดเย็น

 

ม.ล.อภิมงคล

นาเดีย โพสต์หวานฉลองครบรอบแต่งงาน 10 ปี ม.ล.อภิมงคล ขอบคุณที่ไม่ลืมสัญญา

account_circle
ม.ล.อภิมงคล
ม.ล.อภิมงคล

หวานไม่สร่างเลยสำหรับคู่ของ นาเดีย และ ม.ล.อภิมงคล โสภณกุล ซึ่งล่าสุดนาเดียได้ฉลองครบรอบแต่งงาน 10 ปี โพสต์ภาพครอบครัวสุดอบอุ่น ในชุดราตรีสีขาวสวยละมุน

นาเดีย โพสต์หวานฉลองครบรอบแต่งงาน 10 ปี ม.ล.อภิมงคล ขอบคุณที่ไม่ลืมสัญญา

แม้จะผ่านมา 10 ปี จนมีโซ่ทองคล้องใจแล้วถึง 2 คนคือ อย่างน้องนพ และ น้องโมนา แต่คู่นี้เขาก็ยังคอยหมั่นเติมความหวานให้กันตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโอกาสครบรอบแต่งงาน 10 ปีของทั้งคู่ ซึ่งสาวนาเดียวก็ได้โพสต์ซึ้งถึงคุณสามี ม.ล.อภิมงคล โสภณกุล ว่า

Just married ( 10 years ago) ตอนแต่งงานเคยสัญญาว่าจะดูแลครอบครัวด้วยแรงกายแรงใจทั้งหมดที่มี จะร่วมทุกข์ร่วมสุข ไม่ว่าจะขึ้นเขาลงห้วยก็จะไม่ทิ้งกัน คิดว่าสิปปีที่ผ่านมาเดียทำให้เห็นอย่างที่เคยสัญญาไว้แล้วนะจ๊ะ และจะยังคงเป็นเช่นนั้นเสมอ ขอบคุณที่รักและดูแลกันมาตลอดและขอให้เป็นอย่างนั้นตลอดไป สิ่งที่ตั้งใจจะทำต่อไปนี้คือจะบ่นน้อยลง จะยิ้มมากขึ้น หวังว่าสามีจะสบายหูสบายตามากขึ้นนะคะ Did then … Still do… and always will


 

keyboard_arrow_up