เป็นประจำทุกปีที่บรรดาดีไซเนอร์แถวหน้าของเมืองไทยจะรวมพลังกับมูลนิธิรามาธิบดีฯ เพื่อสร้างสรรค์คอลเล็กชั่นพิเศษสำหรับแคมเปญ Power of Giving เพื่อให้แฟชั่นนิสต้าใจบุญร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนการจัดหาเครื่องมือสถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ โรงพยาบาลรามาธิบดีแห่งใหม่ นับเป็นการให้คนละไม้คนละมือที่ช่วยเหลือสังคมไทยดีขึ้นอย่างแท้จริง

สำหรับ Power of Giving เป็นหนึ่งในแคมเปญของมูลนิธิรามาธิบดีฯ ที่เริ่มต้นมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2558 โดยผนึกพลังร่วมกับดีไซเนอร์จากแบรนด์ไทยเพื่อออกแบบของที่ระลึกคอลเล็กชั่นพิเศษสำหรับจัดจำหน่ายให้แฟชั่นนิสต้าและคนใจบุญทั่วประเทศมาอย่างต่อเนื่อง สำหรับความพิเศษของปีที่ 4 นี้คือ มีดีไซเนอร์ไทยเข้าร่วมมากถึง 13 แบรนด์ซึ่งมากที่สุดตั้งแต่เคยทำมา ประกอบไปด้วย DISAYA (ดิษยา), GREYHOUND ORIGINAL (เกรย์ฮาวด์ ออริจินัล), ISSUE (อิชชู่), JANESUDA (เจนสุดา), KLOSET (คลอเส็ต), MILIN (มิลิน), PAINKILLER (เพนคิลเลอร์), PATINYA (ปฏิญญา), POEM (โพเอม), ROTSANIYOM (รสนิยม), SMILEYHOUND (สไมลี่ฮาวด์), VATANIKA (วทานิกา) และ VICKTEERUT (วิคธีร์รัฐ)

ความพิเศษของคอลเล็กชั่นปีนี้ตรงที่ผลิตภัณฑ์หลากหลายประเภทให้เลือกซื้อทั้ง เสื้อยืด เสื้อสเวตเชิ้ต ผ้าพันคอ และกระเป๋าหลายรูปทรงเหมาะจะเป็นแฟชั่นไอเท็มชิ้นพิเศษคู่กายและของขวัญชิ้นพิเศษสำหรับต้อนรับปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง ที่สำคัญรายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทั้งหมดยังนำไปช่วยสมทบทุนซื้อเครื่องมือแพทย์ให้แก่สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ โรงพยาบาลรามาธิบดีแห่งใหม่ จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อเพิ่มความพร้อมให้แก่โรงพยาบาลในการรักษาผู้ป่วยได้เต็มขีดความสามารถและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการรักษาพยาบาลให้กับคนไทยทั้งประเทศ เรียกได้ว่า ช้อปแบรนด์ที่ชอบ แล้วยังได้ส่งต่อสิ่งดีๆ คืนสู่สังคมอีกต่างหาก

แต่กว่าจะมาเป็นผลิตภัณฑ์ชิ้นพิเศษไม่ใช่เรื่องง่าย เราจึงพูดคุยกับ 4 ดีไซเนอร์ชื่อดังถึงเบื้องหลังการออกแบบของแต่ละแบรนด์เพื่อแคมเปญพิเศษนี้ ซึ่งทำให้รู้ว่า แต่ละคนมีความผูกพันกับโรงพยาบาลรามาธิบดีและเต็มที่กับงานชิ้นนี้มากแค่ไหน ประเดิมด้วย ภูภวิศ กฤตพลนารา ดีไซเนอร์แบรนด์ ISSUE หนึ่งในแบรนด์ที่ร่วมแคมเปญนี้เผยการใช้ความถนัดด้านออกแบบมาช่วยเหลือสังคมว่า “เป็นโอกาสที่ดีมาก เพราะตัวเราเและแบรนด์ ISSUE ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทยมานาน แถมคุณแม่ก็รักษาตัวเราที่โรงพยาบาลรามาธิบดีและเราเองก็ตรวจสุขภาพที่นี่ทุกปี  เราจึงภูมิใจมากที่ได้ใช้ความรู้ความสามารถของอาชีพมาออกแบบคอลเล็กชั่นพิเศษซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนโรงพยาบาลแห่งใหม่ ถึงแม้จะเป็นส่วนเล็กๆ แต่เมื่อผนึกรวมกันก็สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงได้เหมือนกัน”

“ถ้าถามถึงแรงบันดาลใจของคอลเล็กชั่นของปีนี้ ต้องบอกว่า เราคิดต่อยอดจากโจทย์ที่อยากให้มีสีสัน สนุกสนานและเฟสติวัล ด้วยการผสมผสานไอเดียที่ว่า ในชีวิตของคนเรามีสิ่งที่สามารถหยิบจับมาเป็นแรงบันดาลใจขับเคลื่อนในการใช้ชีวิตได้เสมอ ดังนั้นแบรนด์จึงจับสิ่งละอันพันละน้อยที่มีความหมายเชิงบวกมาเป็นไอเดียในการออกแบบลวดลายครั้งนี้ อย่างเช่น ลายคลื่น คือแรงขับเคลื่อนของชีวิต, จดหมายและนกฮูก หมายถึงการส่งสาร หรือเงื่อนในความเชื่อของคนจีนคือความผูกพัน เมื่อรวมทั้งหมดเข้าด้วยกันจึงเกิดเป็นแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต”

ส่วน มลลิกา เรืองกฤตยา ดีไซเนอร์แบรนด์ KLOSET พูดถึงความผูกพันที่มีต่อแคมเปญนี้อย่างน่าสนใจว่า “จริงๆ เราเกิดที่โรงพยาบาลรามาธิบดีนะ แล้วพอมูลนิธิรามาธิบดีฯ ติดต่อให้เราออกแบบลายผ้าตั้งแต่ปีที่แรกของแคมเปญ เพื่อไปผลิตสินค้าและผลตอบรับดีมากจนขายได้หมดเกลี้ยงและต้องผลิตเพิ่ม เรารู้สึกดีใจมากที่คนสนใจอุดหนุนและสุขใจมากที่เราเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือสังคม”

“สำหรับแรงบันดาลใจของคอลเล็กชั่นปีนี้ เราอยากได้อะไรที่คนเห็นปุ๊บ แล้วเข้าใจเลย เห็นแล้วรู้สึกว่าสวย อยากได้ทันที เราจึงเน้นการใช้ดอกกุหลาบและไฟ เพราะหมายถึงความสดชื่นและแสงสว่างที่เป็นเหมือนกำลังใจอันยิ่งใหญ่” มลลิกา พูดถึงแรงบันดาลใจได้อย่างน่าสนใจไม่แพ้กัน

อีกคนที่ขาดไม่ได้เลยก็ พงศ์ศักดิ์ ศุภรัชชีพ ดีไซเนอร์แบรนด์ ROTSANIYOMพูดถึงแคมเปญสั้นๆ แต่ได้ใจความว่า “ได้ยินแคมเปญนี้มานานแล้ว ยิ่งพอเราได้รับการติดต่อจากมูลนิธิรามาธิบดีฯ ก็ยิ่งภูมิใจและมีความสุขที่ได้ทำงานเพื่อที่เป็นประโยชน์กับสังคมและช่วยเหลือคนอื่น ถ้าเป็นไปได้เราอยากทำให้ทุกปีเลย”

ส่วนดีไซเนอร์สาวสุดฮอตของปีนี้อย่าง วทานิกา ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา แบรนด์ VATANIKA พูดถึงการช่วยเหลือสังคมไว้เช่นกัน “จริงๆแล้ว เรื่องการช่วยเหลือสังคมถือว่าเป็นเรื่องที่แพรให้ความสำคัญมากจนเป็นส่วนหนึ่งของอุดมการณ์ของแบรนด์เลยก็ว่าได้ ดังนั้นเราจึงทำกิจกรรมเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่องและเป็นการปลูกจิตสำนึกให้กับทีมงานของเรารู้จักให้และช่วยเหลือคนอื่นๆ เสมอ”

วทานิกา พูดถึงการร่วมงานกับมูลนิธิรามาธิบดีฯ และแรงบันดาลใจของคอลเล็กชั่นนี้อย่างเป็นกันเองต่อว่า “แพรมีโอกาสร่วมงานเป็นปีที่ 2 และขอบคุณที่ให้โอกาสได้เป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญเพื่อสังคมแบบนี้มากๆ  ส่วนแรงบันดาลใจในการออกแบบลวดลายครั้งนี้มาจากแนวความคิดของการให้ โดยเลือกใช้ดอกไม้ซึ่งเป็นตัวแทนของความอ่อนหวานมาเป็นตัวดำเนินเรื่องและเลือกใช้โทนสีเข้มแทนความเข็มแข็ง ผสมผสานจนออกมาเป็นลายพิเศษที่สื่อถือเรื่องราวของ คำว่าให้…ไม่สิ้นสุด เหมือนเป็นการแบ่งปันสิ่งสวยงามให้กับผู้อื่นโดยไม่หวังผลตอบแทน”

สุดท้าย วทานิกา ฝากทิ้งท้ายว่า “แพรฝากขอบคุณทุกคนที่สนับสนุนของที่ระลึกในครั้งนี้ สำหรับน้ำใจที่ช่วยเหลือสังคมเป็นสิ่งเตือนใจได้ดีว่า เราล้วนเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน และไม่ว่าจะมีส่วนร่วมมากน้อยแค่ไหน ก็ล้วนสร้างประโยชน์และการเปลี่ยนแปลงที่ดีได้ทั้งนั้น มาสนับสนุนกันเยอะๆ นะคะ”

เห็นถึงความตั้งใจของดีไซเนอร์ทุกคนแล้วต้องบอกว่าคำว่าให้…ไม่สิ้นสุดกันจริงๆ จะเลือกให้ตัวเองก็คุ้ม ให้เป็นของขวัญก็โดนใจคนรับแน่นอนค่ะ ใครเป็นแฟชั่นนิสต้าใจบุญอย่าลืมอุดหนุนคอลเล็กชั่นพิเศษนี้กันได้ที่มูลนิธิรามาธิบดีฯ หรือสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ได้ทางเว็บไซต์ www.ramafoundation.or.th สอบถามโทร. 02-201-2222 ได้เลยมาร่วมส่งต่อพลังแห่งการให้ด้วยกัน!

Line @RamaFoundation

#powerofgiving #คำว่าให้ไม่สิ้นสุด #มูลนิธิรามาธิบดี

ในช่วงเทศกาลแห่งความสุขนี้ อะไรจะดีไปกว่าการได้เพลินพุงเพลินใจ อิ่มอร่อยแบบพุงกางด้วยอาหารรสเลิศ ท่ามกลางบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง พร้อมวิวธรรมชาติแสนสบายตา ถ่ายรูปกับไฟประดับระยิบระยับ ชมพลุสวยๆ กว่า 20,000 ดอก ในงานงาน Amazing Thailand Countdown 2020 ซึ่งเชื่อว่าตอนนี้หลายคนคงกำลังมองหาพิกัดความอร่อยและความฟิน ที่จะมาเติมเต็มความสุขให้กับช่วงเวลาดีๆ แบบนี้กันอยู่แน่ๆ 

งานนี้ แพรวดอทคอม จึงขอชวนทุกคนไปปักหมุดความฟินต้อนรับปีใหม่กันที่ “ทัศนานคร เทอเรซ”  ร้านอาหารมุมสูงบนชั้น 6 ของไอคอนสยาม โซนเอ้าท์ดอร์ ซึ่งเป็น 1 ใน 7 โซนอาหารรสเลิศ “7 Wondrous Dining” (เซเว่น วันดรัส ไดนิ่ง) แห่งไอคอนสยาม

โซน “ทัศนานคร เทอเรซ” มาพร้อมกับบรรยากาศสบายๆ ริมระเบียง บนพื้นที่กว่า 2,000 ตารางเมตร ดึงดูดใจสายชิลด้วยการนำร้านอาหารและบาร์กึ่งเอ๊าท์ดอร์ชื่อดังที่คัดสรรจากทั่วเอเชียมาไว้ด้วยกัน คือ HOBS (ฮอบส์) และ Fallabella River Front (ฟาลาเบลล่า ริเวอร์ ฟรอนท์) ในบรรยากาศสุดเริ่ดเคล้าเสียงเพลงจากวงดนตรีที่มาขับกล่อมในทุกค่ำคืน และทิวทัศน์แสนสวยงามของคุ้งน้ำเจ้าพระยาแบบพานอราม่า 180 องศา ตามคอนเซ็ปต์ของชื่อโซนที่แปลว่า พื้นที่สำคัญในการชื่นชมความงดงามของเมืองที่เรารัก

สำหรับร้าน HOBS (ฮอบส์) โดดเด่นด้วยเมนูอาหารขึ้นชื่ออย่างสปาเก็ตตี้ขี้เมาทะเล ที่อัดแน่นด้วยกุ้งและหอยตัวโตๆ ปรุงรสจัดจ้านกลมกล่อม ส่วนเมนูของกินเล่นห้ามพลาด คือ กุ้งอามาเอบิทอดกรอบที่เสิร์ฟพร้อมค็อกเทลซอสรสเข้มข้น และเฟรนช์ฟรายเบลเยียมที่มาพร้อมกับซอสดิป 3 แบบ คือ ซอสมายองเนส ซอสเพสโต้ และซอสไอโอลี่ กินคู่กับเครื่องดื่มชั้นดีที่มีให้เลือกมากมายหลายชนิด บอกเลยว่าฟินมาก

ส่วน Fallabella River Front (ฟาลาเบลล่า ริเวอร์ ฟรอนท์) ร้านอาหารสไตล์ cross culture ที่ผสมผสานความเป็นไทยและอิตาเลียนไว้ด้วยกันอย่างลงตัว มัดใจสายชิลด้วยการเป็นแหล่งรวม craft beer เจ้าต่างๆ ของไทย ทั้งแบรนด์ที่เป็นที่รู้จักระดับโลก และแบรนด์น้องใหม่ที่น่าจับตามองกว่า 100 แบรนด์ รวมถึงไม่ทิ้งคอนเซ็ปต์ความเป็นฟาลาเบลล่า ด้วยหลากหลายเครื่องดื่มสุดคลาสสิก เช่น แชมเปญ ไวน์ วิสกี้ และค็อกเทล

เมนูอาหารก็เริ่ดไม่แพ้กัน โดยพร้อมเสิร์ฟกว่า 111 เมนู ทั้งอาหารอิตาเลียนแบบต้นตำรับ เช่น  Worcestershire-Marinated Medium Frank Steak Sliced เนื้อวัวชั้นดีหมักซอสรสเปรี้ยว ย่างแบบกึ่งสุกกึ่งดิบกำลังดี Cold Angel Hair Pasta Prawn Truffle and Caviar เส้นพาสต้าแองเจิ้ลแฮร์คลุกเคล้าน้ำมันเห็ดทรัฟเฟิล กินคู่กับกุ้งและไข่กุ้ง และ Fallabella Rustica Pizza พิซซ่าซิกเนเจอร์ของฟาลาเบลล่า อีกทั้งห้ามพลาดกับอาหารไทยรสแซ่บ เช่น  กุ้งแช่น้ำปลาวาซาบิ หมูสามชั้นอบฟองเบียร์ จิ้มแจ่ว

นอกจาก “ทัศนานคร เทอเรซ” แล้ว “7 Wondrous Dining” (เซเว่น วันดรัส ไดนิ่ง) ความอร่อยแห่งไอคอนสยาม ยังมีอีก 6 โซนอาหารที่อัดแน่นไปด้วยคุณภาพ พร้อมเสิร์ฟอาหารนานาชาติจากทั่วทุกมุมโลก โดยรวบรวมมาให้เลือกลิ้มลองหลากหลายประเภทอาหาร ตั้งแต่สตรีทฟู้ดไปจนถึงมิชลินสตาร์ ในบรรยากาศสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ท่ามกลางทัศนียภาพริมแม่น้ำเจ้าพระยา และการตกแต่งภายในที่งดงามด้วยองค์ประกอบของงานศิลปะ ดังนี้

สุขสยาม มุมสวรรค์ของคนรักอาหารไทยและสุดยอดสตรีทฟู้ด ที่นำเสนอเมนูอาหารพื้นบ้านไทย 4 ภาค เหนือ อีสาน ใต้ และกลาง สูตรต้นตำรับ 

The Veranda (เดอะ วีรันดา) โซนอร่อยที่รวบรวมเชฟที่กำลังมาแรงจากทั่วเอเชียเอาไว้ อัดแน่นด้วยร้านอาหารคาวหวานชื่อดังจากทั่วโลกกว่า 20 ร้าน

SIAM Takashimaya Rose Dining (สยาม ทาคาชิมายะ โรส ไดนิ่ง) พร้อมเสิร์ฟหลากหลายเมนูอาหารจากร้านระดับไฮเอนด์ของญี่ปุ่น 

Dining on 4th (ไดนิ่ง ออน ฟอร์ธ) อีกหนึ่งมุมชิลๆที่พร้อมมอบประสบการณ์การดื่มด่ำกับรสชาติอาหารที่ทั้งสนุกและสบาย เหมาะสำหรับการสังสรรค์ทั้งกับเพื่อนฝูงและครอบครัว

Dining on 5th (ไดนิ่ง ออน ฟิฟธ์) โซนริมระเบียงบนชั้น 5 ที่มองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาและกรุงเทพฯได้แบบเริ่ดมาก มีทั้งอาหารจีน อาหารทะเล และอาหารไทยสไตล์โมเดิร์น

อลังการ โซนอาหารขนาดใหญ่บนชั้น 6 ที่ออกแบบตกแต่งเพื่อนำเสนอเรื่อง “ข้าว” ซึ่งเป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมอาหารของไทย ร้านอาหารในโซนนี้ แบ่งเป็นคาเฟ่ ร้านอาหาร และร้านอาหารนานาชาติไฟน์ไดนิ่ง 

เรียกว่ายั่วใจหนักมาก ทั้งอาหารและบรรยากาศ น่าตามไปลิ้มลองทุกโซนจริงๆ โดยเฉพาะ “ทัศนานคร เทอเรซ” ที่เหมาะกับช่วงเคาท์ดาวน์นี้สุดๆ หากอยากอิ่มอร่อยแบบจัดเต็มในบรรยากาศสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ก็พุ่งตัวไปปักหมุดกันได้เลยที่ ไอคอนสยาม สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 02-495-7080  หรือ www.iconsiam.com