หัวใจวายเฉียบพลัน เป็ป ณพสิทธิ์ เที่ยงธรรม

“เป็ป – ณพสิทธิ์” แชร์ประสบการณ์สุดวิกฤติ หัวใจวายเฉียบพลัน

Alternative Textaccount_circle
หัวใจวายเฉียบพลัน เป็ป ณพสิทธิ์ เที่ยงธรรม
หัวใจวายเฉียบพลัน เป็ป ณพสิทธิ์ เที่ยงธรรม

ที่ผ่านมา คุณเป็ป – ณพสิทธิ์ เที่ยงธรรม นักแสดง เจ้าของธุรกิจสร้างภาพยนตร์และละคร บริษัท ณวลาร์ท นิมิต ก็เหมือนหลายคนที่คิดว่าใส่ใจดูแลสุขภาพพอสมควร ออกกำลังกายสม่ำเสมอ จึงไม่คาดคิดว่าจะประสบกับเหตุการณ์เฉียดตายแบบนี้

“เป็ป – ณพสิทธิ์” แชร์ประสบการณ์สุดวิกฤติ หัวใจวายเฉียบพลัน

ภัยเงียบในหัวใจ

“ผมเป็นนักกีฬาตั้งแต่สมัยเรียน ทั้งเล่นฟุตบอล รักบี้ เทนนิส แบดมินตัน พอโตมาก็ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ไม่ต่ำกว่า 4 วันต่อสัปดาห์ ขณะเดียวกันก็มีความสุขกับการรับประทานของอร่อย โดยเฉพาะของหวาน เค้ก 3-4 ชิ้น ถือเป็นเรื่องธรรมดาโดยไม่กลัวอ้วน ผมใช้วิธีออกกำลังกายตามเมนูอาหารในวันนั้น (หัวเราะ) เช่น ถ้ามื้อเย็นไปร้านอาหารจีน ซึ่งผมชอบเป็ดปักกิ่งกับหมูกรอบมาก ก็บอกตัวเองว่าแม้จะกลับบ้านดึกแค่ไหนก็ต้องวิ่งอย่างน้อย 1 ชั่วโมง

“ผมใช้ชีวิตปกติแบบนั้นมาโดยไม่ได้มีสัญญาณเตือน ไม่ได้ปวดหัวหรือมีอาการบ่งชี้ที่น่ากังวลใดๆ ก่อนหน้านั้นหนึ่งวันผมอยู่ที่หัวหิน ตอนเช้าเดินออกกำลังกายจากหาดทรายหน้าบ้านไปเขาตะเกียบ ระยะทางประมาณ 7 กิโลเมตร ช่วงเย็นเต้นแอโรบิกกับปิ๋ม (ปาณิสรา เที่ยงธรรม – น้องสาว) มีแค่รู้สึกว่าหัวใจเต้นเร็ว ซึ่งเป็นเรื่องปกติเวลาเราออกกำลังกาย เช้าวันรุ่งขึ้นเป็นวันจันทร์ คนที่หาดหัวหินน้อยลงไปเยอะ พอดีเจอป้าหนู (สุภาวรรณ รัตนมังคละ – พี่สาวของคุณแม่) นั่งจิบกาแฟอยู่ที่เฉลียงบ้านข้างๆ ผมทักทายแล้วเดินออกกำลังกายตามปกติ ผ่านไปไม่ถึง 10 นาที เริ่มรู้สึกแสบที่หน้าอกเหมือนผิวบริเวณนั้นถูกขยี้ด้วยพริก ตาค่อยๆ พร่ามัวจนเบลอ เริ่มรู้ตัวแล้วว่าหัวใจน่าจะมีปัญหา พยายามเดินกลับไปที่บ้าน ผมยังมีสติดี ตั้งจิตขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายว่าขอให้เดินกลับถึงบ้านให้ได้

“พอถึงบันไดบ้านผมพยายามก้าวแล้วฟุบหน้ากับบันไดแป๊บหนึ่ง เพราะรู้สึกเหนื่อยแบบมีอาการหอบ ก่อนจะก้าวต่อไป พยายามร้องว่าช่วยด้วยๆ ความที่ยังเช้ามาก คุณแม่ (อรวรรณ เที่ยงธรรม) และคนอื่นๆ ยังไม่ตื่น โชคดีที่ป้าหนูได้ยินแล้วรีบเข้ามาช่วยพยุงให้ผมนั่งเก้าอี้ตรงระเบียง และชงยาหอมมาให้ พอผมดื่มยาก็เริ่มเห็นอะไรชัดขึ้น ผมจึงบอกป้าหนูให้ช่วยเรียกคนขับรถพาผมไปส่งโรงพยาบาล ตอนนั้นแทบไม่มีแรงจะพูดแล้ว คนขับรถต้องช่วยพยุงหิ้วปีกผมขึ้นรถ ดีว่าระยะทางไปโรงพยาบาลไม่ไกล แค่ยูเทิร์นไปนิดเดียวก็ถึงแล้ว”

หัวใจวายเฉียบพลัน เป็ป ณพสิทธิ์ เที่ยงธรรม

ผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติ

“ผมถูกเข็นเข้าห้องฉุกเฉิน พอพยาบาลเข้ามาตรวจกราฟการเต้นของหัวใจ พร้อมกับบอกว่าอาการของผมคือหัวใจวายเฉียบพลัน จากนั้นก็ให้ยา ผมคิดว่าน่าจะเป็นยาละลายลิ่มเลือด ในห้องฉุกเฉินมีแค่ผมกับคนต่างชาติที่น่าจะไปเหยียบเศษแก้วแล้วเลือดออก ระหว่างนั้นคุณแม่ น้องปิ๋ม กับน้องปอ (วรจรรย์ เที่ยงธรรม – น้องสาวคนเล็ก) มาถึงห้องฉุกเฉิน คุณแม่เห็นผมแล้วร้องไห้เลย ผมต้องปลอบว่าผมไม่เป็นอะไร แม่กลับบ้านไปก่อนนะ มาทราบทีหลังว่าบุรุษพยาบาลถามแม่ว่าใครจะเซ็นรับรองถ้าเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน ประมาณว่าเสียชีวิตแล้วจะไม่เอาเรื่องโรงพยาบาล เท่านั้นแหละ แม่ร้องไห้เลย

“สักพักพยาบาลเข้ามาบอกว่าขอโทษนะคะ โรงพยาบาลมีเครื่องมือพร้อม แต่ไม่มีศัลยแพทย์เฉพาะทางด้านโรคหัวใจ ขอโทร.เช็กที่โรงพยาบาลหัวหิน (โรงพยาบาลรัฐ) ว่ามีแพทย์อยู่ไหม หายไปพักก็กลับมาบอกว่าที่นั่นมีทีมแพทย์ด้านหัวใจอยู่ครบ ผมจึงพยายามบอกให้คุณแม่กลับไปรอที่บ้าน เพราะจะต้องส่งตัวผมไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลหัวหิน ซึ่งห่างไปไม่ถึง 10 นาที แต่กลัวว่าท่านจะตกใจอีกเพราะอายุมากแล้ว

“อาการของผมระหว่างนั้นแค่รู้สึกเหนื่อย สติยังดีครบทุกอย่าง ยังพูดคุยกับพยาบาลที่มาด้วย เมื่อถึงโรงพยาบาลหัวหิน อารมณ์เหมือนอยู่คนละโลกกับเมื่อกี้เลย ผมนึกในใจว่าจะต้องจดจำทุกอย่างไว้ ต้องบอกก่อนว่าผมไม่เคยป่วยถึงขั้นล้มหมอนนอนเสื่อแอดมิตเข้าโรงพยาบาลเลย จึงเป็นครั้งแรกที่ผมเห็นคนป่วยจำนวนมากที่นั่งรถเข็นและนอนรอบนเปลนอน ห้องฉุกเฉินมีเตียงเรียงกันกว่า 10 เตียง แพทย์และพยาบาลทำงานวุ่นกันไปหมด ไม่นานพยาบาลเข้ามาบอกว่า คุณณพสิทธิ์คะ คิวของคุณอีกครึ่งชั่วโมงนะคะ

“ตอนนั้นคิดว่าอาการเราคงไม่หนักมาก แค่อยู่ใกล้หมอก็อุ่นใจแล้ว ผ่านไป 10 นาที พยาบาลคนเดิมแจ้งว่าคนไข้ก่อนหน้านี้ทำการรักษาเสร็จแล้ว เวลานั้นไม่มีใครบอกว่าผมต้องไปทำอะไร แต่คิดไว้บ้างว่าคงต้องทำบอลลูนหัวใจ บุรุษพยาบาลเข็นผมขึ้นไปห้องซึ่งดูใหม่และมีอุปกรณ์ทางการแพทย์ทันสมัยมาก ผมได้พบกับคุณหมอกิติกร (ดร. นพ.กิติกร วิชัยเรืองธรรม) แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการสวนรักษาเส้นเลือดหัวใจ หัวหน้าศูนย์โรคหัวใจ รอยัลฮาร์ท สาขาโรงพยาบาลหัวหิน ที่อธิบายถึงวิธีการรักษา โดยจะทำการฉีดสีเพื่อดูว่าเส้นเลือดหัวใจเส้นไหนตีบหรือตัน จากนั้นจะทำการสวนหัวใจ ระหว่างนั้นผมรู้สึกตัวตลอด ยังทักถึงเครื่องมือที่ดูทันสมัยมาก คุณหมอกิติกรบอกว่าอุปกรณ์ในห้องนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 พระราชทานไว้ ผมฟังแล้วรู้สึกว่าเรามีบุญมากที่ได้รักษาที่นี่

“ระหว่างที่คุณหมอฉีดยาชาตรงขาหนีบข้างขวาจะอธิบายทุกขั้นตอนในการรักษาตลอดว่าฉีดสีแล้วพบว่ามีเส้นเลือดหัวใจตันหนึ่งเส้น ส่วนเส้นอื่นไม่มีปัญหาอะไร จากนั้นก็ทำการสวนหัวใจใส่ขดลวดเข้าไปเพื่อขยายเส้นเลือดหัวใจไม่ให้ตีบ ตอนนั้นผมรู้สึกเหมือนมีอะไรดื๊บๆ เข้าไปข้างใน สักพักคุณหมอและทุกคนในห้องเงียบ ก่อนจะบอกว่าคุณณพสิทธิ์ เรามีปัญหานิดหนึ่ง คือความดันของคุณณพสิทธิ์ตก หมายความว่าถ้าความดันตกมาก ผมอาจช็อกหรือเสียชีวิต เดี๋ยวจะใส่เส้นยางยาวๆ เป็นสายบอลลูนที่ใส่ในหลอดเลือดแดงเพื่อเพิ่มความดันไม่ให้ตก แต่มีข้อแม้ว่าพอออกจากห้องนี้ไปแล้วห้ามขยับขาข้างขวา ต้องนอนราบนิ่งๆ”

ครั้งหนึ่งใน CCU

“หลังจากนั้นเขาพาผมไปที่ห้อง CCU ซึ่งเป็นห้องรวม วันนั้นมีคนไข้ 7 เตียง แต่ละเตียงมีม่านกั้นไม่ให้เห็นกัน ผมต้องนอนหงายราบ ในใจคิดว่าเรื่องเล็กแค่นอนนิ่งๆ ไม่เห็นเป็นอะไร จนพยาบาลมาบอกว่าไม่ว่าคุณจะปัสสาวะหรือขับถ่าย ทุกอย่างต้องอยู่บนเตียงทั้งหมด ทีนี้เครียดเลย ตั้งใจว่าจะไม่ยอมถ่ายหนักบนเตียงเด็ดขาด จะรอจนกว่าจะดึงสายที่ว่านี้ออกก่อน

“จึงคิดว่าจะไม่กินอะไรที่เป็นกาก อาหารของโรงพยาบาลเป็นข้าวกับแกง น้องปิ๋มจึงอาสาทำข้าวต้มมาให้ แต่กินลำบากมาก เพราะผงกศีรษะขึ้นมาได้นิดเดียว ทำให้เคี้ยวไม่สะดวก เรียกว่าทุลักทุเลจนน้องสาวต้องนำกลับไปปั่นเพื่อให้ใช้วิธีดูดจากหลอดแทน วันนั้นคงเพราะไม่ได้กินอาหารมากนัก ทำให้มีอาการอาเจียนเป็นน้ำย่อยออกมาหมด จากนั้นอาหารไม่ว่าจะข้าว ผัก หรือเนื้อสัตว์ก็จะให้น้องสาวปั่นจนละเอียดมาให้ทุกมื้อ โชคดีที่ไม่มีอาการอยากถ่ายท้องเลย คงเพราะร่างกายและลำไส้ไม่ได้เคลื่อนไหว ขนาดวันที่คุณหมอถอดสายกระตุ้นความดันออกไปในวันที่สาม ก็ต้องใช้เวลาอีกวันถึงจะขับถ่ายได้ปกติ

“คนไข้ที่ทำบอลลูนแล้วไม่มีภาวะแทรกซ้อนส่วนใหญ่จะพักฟื้นที่โรงพยาบาลคืนเดียว วันรุ่งขึ้นก็กลับบ้านได้เลย แต่เคสของผมต้องอยู่โรงพยาบาลจนกว่าความดันจะปกติ โดยคุณหมอให้น้ำเกลือที่ผสมยาช่วยควบคุมความดัน ส่วนเส้นยางยาวๆ ตรงขาหนีบคือเครื่องพยุงการทำงานของหัวใจ ซึ่งต้องคอยมอนิเตอร์ตลอดเวลา

“ใจตอนนั้นคิดแต่ว่าอยากเดิน อยากเข้าห้องน้ำ อยากอาบน้ำ เพราะปกติผมอาบน้ำ และสระผมเช้า-เย็น พอบอกพยาบาลว่าตอนนี้ความดันปกติแล้ว ถามหมอว่าให้เอาสายนี้ออกได้หรือยัง ได้คำตอบว่าความดันที่เห็นว่าปกตินั้น เพราะในน้ำเกลือใส่ยากระตุ้นความดันไว้แรงสุด แล้วสายนั้นเป็นเครื่องกระตุ้นความดัน ถ้าถอดออกมาความดันจะไม่ปกติ เขาจะค่อยๆ ปรับยาและเครื่องกระตุ้นลง จนกว่าจะหยุดเครื่องนี้ได้เมื่อความดันปกติด้วยตัวเอง

“จากเตียงที่ผมนอนมองเห็นรูโหว่ 2 จุดบนเพดาน ทำให้น้ำแอร์หยดลงมาตรงปลายเท้าผมพอดี แล้วตอนประมาณตี 2 ผมเกิดปวดปัสสาวะ พยายามกดออดเรียกพยาบาลที่นั่งอยู่ในห้องกระจก ปรากฏว่าออดใช้การไม่ได้ ผมต้องตัดสินใจใช้วิธีเปิดไฟฉายที่โทรศัพท์ให้กะพริบ รู้ว่าเสียมารยาทมาก แต่ไม่รู้จะทำอย่างไรจริงๆ โชคดีที่พยาบาลหันมาเห็นพอดี

“ถัดมาวันที่สอง ช่วงบ่ายมีพัดลมอันใหญ่มาตั้งให้ ผมจึงถามว่าแอร์เป็นอะไรหรือครับ พยาบาลบอกว่าคนต่างชาติเตียงข้างๆ รู้สึกหนาว จึงปิดแอร์ไปสักพัก พอจะเปิดใหม่อีกทีแอร์ไม่ติดแล้ว จึงเปลี่ยนมาใช้พัดลมแทน เวลานั้นคิดว่านี่คือประสบการณ์ชีวิต เจอบ้างก็ดี จะได้เรียนรู้ ระหว่างนั้นผมคิดเลยว่าจะต้องทำอะไรให้โรงพยาบาลแห่งนี้บ้างเพื่อเป็นการตอบแทน ดังนั้นหลังจากน้องปอโพสต์ลงเฟซบุ๊กบอกเล่าถึงอาการป่วยของผม มีผู้ใหญ่และเพื่อนๆ เข้ามาแสดงความเป็นห่วง อยากมาเยี่ยมและส่งดอกไม้มาให้เป็นจำนวนมาก ผมเขียนขอบคุณทุกคน และขอเปลี่ยนจากดอกไม้เป็นเงินร่วมทำบุญที่ให้แต่ละคนบริจาคโดยตรงกับโรงพยาบาลรัฐได้เลย ซึ่งมีหลายคนส่งเงินบริจาคมาสนับสนุนโรงพยาบาลหัวหินด้วย”

หัวใจวายเฉียบพลัน เป็ป ณพสิทธิ์ เที่ยงธรรม

Give and Take

“ผ่านไป 3 วัน เมื่อความดันเข้าสู่ภาวะปกติ รุ่งขึ้นคุณหมออนุญาตให้กลับบ้านได้ ผมขอให้ที่บ้านส่งคนรถมารับแค่คนเดียวพอ เพราะช่วงนั้นโควิดยังระบาด แต่นึกได้ว่าแล้วจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลอย่างไร เพราะตัวเองมีแค่โทรศัพท์มือถือ ถ้าโอนทาง E-Banking ได้แค่หลักแสนบาท เพราะนอนอยู่โรงพยาบาลหลายวัน กลัวจะไม่พอ จึงถามพยาบาลถึงค่าใช้จ่ายทั้งหมด คำตอบคือไม่มีค่ะ เพราะผมเป็นเคสป่วยฉุกเฉินวิกฤติ ภายใน 72 ชั่วโมงรักษาฟรีทุกโรงพยาบาล เป็นสิทธิการรักษาให้กับประชาชนไทยตามนโยบายของรัฐ แล้วยาถุงใหญ่ที่ต้องกลับไปกินต่อที่บ้าน ผมจ่ายไป 30 บาท จากสิทธิประกันสุขภาพถ้วนหน้า หลังจากนั้นผมลองสอบถามค่ารักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ได้คำตอบว่าถ้ารวมทุกอย่างของการรักษาแบบที่ผมได้รับจะอยู่ที่ประมาณหนึ่งล้านบาท

“ผมทราบภายหลังว่าคุณหมอกิติกรและทีมพยาบาลเดินทางมาจากรุงเทพฯเพื่อเปิดศูนย์หัวใจที่นี่ โดยเช่าเครื่องมือของโรงพยาบาลหัวหิน คุณหมอกับทีมเดินทางมารักษาประชาชนที่นี่สัปดาห์ละ 3 วัน แล้วยังได้ออกไปรักษาประชาชนฟรีตามสถานที่ต่างๆ ผมจึงเชิญคุณหมอกิติกร ทีมแพทย์ และพยาบาลทั้งแผนกมารับประทานอาหารเย็นฝีมือคุณแม่ที่บ้านหัวหินเพื่อแทนคำขอบคุณที่ช่วยชีวิตผมไว้ พร้อมกับมอบเงินที่รวบรวมมาจากเงินส่วนตัว ญาติพี่น้อง และเพื่อนๆ ส่วนหนึ่งมอบให้โรงพยาบาลหัวหิน อีกส่วนหนึ่งมอบให้คุณหมอกิติกรเพื่อดูแลศูนย์หัวใจแห่งนี้ เมื่อไม่นานมานี้คุณหมอส่งรูปมาให้ดูว่าได้นำเงินไปซ่อมห้อง CCU หลังคาและแอร์เรียบร้อยแล้ว”

ถึงเวลาดูแลตัวเอง

“ก่อนออกจากโรงพยาบาลคุณหมอย้ำกับผมว่าให้รับประทานยาสม่ำเสมอและคุมเรื่องอาหาร ไม่ได้ห้ามเรื่องแป้งกับน้ำตาล แต่ขอให้ลดลง ส่วนการออกกำลังกายจาก 100 เปอร์เซ็นต์ให้ลดเหลือ 80 เปอร์เซ็นต์พอ ตอนนี้เวลาจะกินอะไรผมคอยระวังตลอด เวลาเห็นเค้กที่มีครีมมากๆ ก็ชิมแค่ช้อนเดียวพอ

“ถามว่าทุกวันนี้ยังกินหมูกรอบไหม กินครับ 2-3 ชิ้น แค่ให้รู้รส ตอนนี้ที่กินเพิ่มคือน้ำด่างธรรมชาติ 8+ น้ำแร่อัลคาไลน์ (ด่าง) ธรรมชาติ ค่า pH 8-9 และน้ำผักผลไม้กับธัญพืชปั่นของ Sipme วันละสองขวด เจ้าของมีสวนผักและผลไม้ออร์แกนิกของตัวเอง ผมสั่งครั้งละเป็นร้อยขวดแล้วแช่แข็งไว้ พอจะรับประทานก็นำมาใส่ช่องธรรมดา นอกจากนี้ก็กินวิตามินซีแบบ Slow Release ที่ค่อยๆ ปล่อยเม็ดยาช้าๆ ยาสมุนไพรตรีผลาแบรนด์มีบุญแบบแคปซูลวันละ 2 เม็ด และใส่แหวน OURA Ring เพื่อมอนิเตอร์ร่างกายตรวจสอบอัตราการเต้นของหัวใจตลอด 24 ชั่วโมงและดูสุขภาพการนอน

“หลังออกจากโรงพยาบาลมีดารารุ่นน้องหลายคนโทรศัพท์มาสอบถามอาการ เพราะเห็นว่าผมออกกำลังกายหนักขนาดนี้ ทำไมจึงเป็นโรคนี้ได้ ผมจึงเตือนทุกคนว่าอย่าประมาท นี่คืออุทาหรณ์ว่าแม้จะออกกำลังกายมากแค่ไหน ไขมันก็ไม่ละลายหายไป คุณต้องดูแลเรื่องการกินและหมั่นตรวจสุขภาพประจำปี ไม่ใช่แค่ตรวจเลือดอย่างเดียว แนะนำให้เดินสายพานตรวจสมรรถภาพหัวใจขณะออกกำลังกาย เพื่อตรวจหาความผิดปกติของระบบหัวใจและหลอดเลือด

“ผมถือว่าตัวเองโชคดี เพราะถ้ารักษช้ากว่านี้ครึ่งชั่วโมงอาจเสียชีวิตไปแล้ว แต่ไม่รู้ว่าทุกคนจะโชคดีอย่างผมหรือเปล่า”


ที่มา : นิตยสารแพรว ฉบับ 993

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Praew Recommend

keyboard_arrow_up