8 วิธีบรรเทา 'โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้' ให้ดีขึ้นด้วยตัวเอง

8 วิธีบรรเทา ‘โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้’ ให้ดีขึ้นด้วยตัวเอง

Alternative Textaccount_circle
8 วิธีบรรเทา 'โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้' ให้ดีขึ้นด้วยตัวเอง
8 วิธีบรรเทา 'โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้' ให้ดีขึ้นด้วยตัวเอง

ไม่เคยชินสักที เจออากาศร้อนทีไรเหงื่อออกทุกที บางครั้งก็เดี๋ยวเข้าๆ ออกๆ ห้องแอร์ทันที จึงต้องเจอภาวะเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาวเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทำให้คนที่เป็นภูมิแพ้มีอาการจามและมีอาการต่างๆ ตามมา เช่น คัดจมูก ซึ่งโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้สามารถแก้ไขให้ดีขึ้นได้ผ่านพฤติกรรมการใช้ชีวิตหลายอย่าง เช่น การล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ การทำให้ห้องสะอาดมีอากาศถ่ายเท ฯลฯ ล้วนเป็นวิธีที่ง่ายและดีในการอยู่บ้าน นอกจากนี้ การเสริมโปรไบโอติกเป็นประจำก็สามารถช่วยได้

แต่ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจว่า ‘โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้‘ กับ ‘อาการหวัด’ ต่างกันอย่างไร?

  • ในแง่ของอาการโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้อาจมีอาการตาแดง บวม คัน จาม คันหู น้ำมูกไหล คันคอ ตาคล้ำ ลมพิษ เป็นต้น ในขณะที่อาการหวัดอาจมีอาการไอ ปวดศีรษะ เจ็บคอ และมีไข้ร่วมด้วย
  • โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ มักจะเกิดในช่วงเช้าและเย็นและอาการจะชัดเจนขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว ขณะที่โรคหวัดจะคล้ายกันตลอดทั้งวัน
  • โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้มักจะรุนแรงเป็นพิเศษ เมื่อฤดูกาลเปลี่ยนแปลง น้ำมูกจะมีสีใส ไม่เหมือนหวัดที่น้ำมูกจะข้นกว่าและมีสีเหลืองหรือเขียว

อาการภูมิแพ้นี่มันน่ารำคาญใจจริงๆ อย่างไรก็ตาม การรักษาให้หายขาดนั้นง่ายมากหากปรับพฤติกรรมประจำวัน และนี่คือ 8 นิสัยที่ควรทำสม่ำเสมอ หากต้องการปราศจากอาการภูมิแพ้

1. ออกกำลังกาย
การออกกำลังกายสามารถส่งเสริมการหดตัวของหลอดเลือดของเยื่อบุจมูก เสริมสร้างการทำงานของเส้นประสาทซิมพาเทติก ช่วยลดอาการบวมของเยื่อบุจมูก ทำให้โพรงจมูกไม่ถูกปิดกั้น และทำให้อาการแพ้ดีขึ้น

2. ทำความสะอาดโพรงจมูก
จำเป็นต้องสร้างนิสัยในการทำความสะอาดโพรงจมูกในยามปกติ เมื่อมีน้ำมูกควรเป่าออกเพื่อไม่ให้อุดรูจมูกและทำให้เกิดไซนัสอักเสบ คุณสามารถลองใช้ไอน้ำอุ่นหรือน้ำเกลือเพื่อทำความสะอาดโพรงจมูกได้ แนะนำให้ทำความสะอาดโพรงจมูกวันละครั้งในตอนเช้าและตอนกลางคืนเพื่อขจัดสิ่งสกปรกและสารก่อภูมิแพ้ที่สะสมอยู่ในอากาศ

3. รักษาสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยให้เป็นระเบียบเรียบร้อย
หมั่นทำความสะอาดสิ่งของที่สัมผัสทุกวัน เช่น หมอน ผ้าปูที่นอน ฯลฯ หากคุณมีแมวหรือสุนัขที่บ้าน ควรใส่ใจเป็นพิเศษกับเส้นผมและสะเก็ดผิวหนังของพวกเขา อย่าลืมทำความสะอาดบ่อยๆ และเครื่องฟอกอากาศ ยังช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมปลอดโปร่งขึ้น

4. ระบายอากาศภายในบ้าน ใช้เครื่องลดความชื้น

หากเปิดเครื่องปรับอากาศนานๆ อากาศภายในบ้านมีแนวโน้มที่จะมีความชื้นมากเกินไป ซึ่งเป็นการเพาะไรฝุ่นและแบคทีเรียที่ก่อภูมิแพ้ได้ง่าย ทำให้โรคภูมิแพ้รุนแรงยิ่งขึ้น ดังนั้น การใช้เครื่องลดความชื้น เพื่อขจัดปัญหาความชื้นที่มากเกินไปจึงเป็นหนึ่งในวิธีที่ดีในการปรับปรุงอาการภูมิแพ้ทางจมูก

5. นอนหลับให้เพียงพอ
ความวิตกกังวล ความตึงเครียด และความเครียดมีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดความผิดปกติของระบบประสาทอัตโนมัติ ซึ่งจะทำให้อาการของโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้แย่ลง การรักษาตารางเวลาปกติและการนอนหลับให้เพียงพอ สามารถช่วยให้ประสาทอัตโนมัติคงที่ และลดอาการแพ้ได้

6. แช่เท้าก่อนเข้านอน
เท้าเป็นรากเหง้าของร่างกายมนุษย์ การแช่เท้าสามารถส่งเสริมการไหลเวียนของหยินชี่ไปทั่วร่างกาย ส่งเสริมการไหลเวียนของชี่และเลือดในจมูก และยังมีหน้าที่ในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและทำให้ร่างกายอบอุ่น

7. เสริมผักวิตามิน A, C, E
วิตามินเอ มีฤทธิ์ในการบำรุงรักษาระบบทางเดินหายใจ วิตามินซี มีฤทธิ์ต้านการอักเสบและป้องกันโรคหวัด วิตามินอี มีฤทธิ์ต้านออกซิเดชั่นและปกป้องหลอดเลือด อัลมอนด์ อะโวคาโด บรอกโคลี คะน้า ฯลฯ อุดมไปด้วยวิตามิน A, C และ E ขอแนะนำให้ผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้กินมากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีอีกหนึ่งทางเลือก ถั่วดำยังมีวิตามินบี 12 สังกะสี ธาตุเหล็ก และซาโปนินจากถั่วเหลืองที่สามารถเสริมสร้างเยื่อบุจมูก หัวหอมอุดมไปด้วยสารเควอซิติน ซึ่งเป็นสารที่คล้ายกับสารต้านฮีสตามีน ซึ่งสามารถต่อต้านการแพ้และการอักเสบได้ดีอีกด้วย

8. เสริมโปรไบโอติก
เสริมภูมิต้านทานโรคเริ่มจากร่างกาย มีโปรไบโอติกมากมายในท้องตลาดที่เน้น “การต่อต้านภูมิแพ้” และการเลือกแบคทีเรียที่เหมาะสมก็สำคัญมากเช่นกัน ซึ่งจากการวิจัยเชิงทดลองทางคลินิก สายพันธุ์โปรไบโอติกหลักสำหรับโรคภูมิแพ้ส่วนใหญ่ ได้แก่ Lactobacillus johnsonii, Lactobacillus paracasei, Lactobacillus fermentum, Lactobacillus rhamnosus เป็นต้น แบคทีเรียเหล่านี้ผ่านการทดสอบโดยนักวิชาการแล้วว่าสามารถปรับปรุงอาการแพ้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ “จะเพิ่มพรีไบโอติกส์ (Prebiotics) หรือไม่ ” ก็เป็นจุดสำคัญเช่นกัน เนื่องจากพรีไบโอติกเป็นแหล่งอาหารและสารอาหารที่สำคัญสำหรับโปรไบโอติก การที่เราจะผลิตแบคทีเรียที่มีประโยชน์มากขึ้นในลำไส้ของเราได้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับการมีส่วนร่วมของพรีไบโอติก และพรีไบโอติกทั่วไป เช่น ใยอาหารที่ละลายน้ำได้, ฟรุกโตโอลิโกแซคคาไรด์


ข้อมูล : cosmopolitan-com.translate.goog/tw/beauty
ภาพ : Pexels

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Praew Recommend

keyboard_arrow_up