คงปฎิเสธไม่ได้ว่าอาการ “อ่อนเพลียระหว่างวัน” คือศัตรูตัวร้ายของวัยทำงานโดยเฉพาะ ในช่วงเวลาหลังพักเที่ยงที่หนังท้องตึงหนังตาหย่อน อยากจะประท้วงขอปิดทำการชั่วคราวให้ได้ ส่งผลถึงประสิทธิภาพการทำงานโดยรวม ดังนั้น อย่าปล่อยให้ความอ่อนเพลียทำร้ายจนทำงานไม่ได้ดั่งใจ และนี่คือเคล็ดไม่ลับวิธีแก้อาการอ่อนเพลียระหว่างวัน รวมถึงอาการเหนื่อยง่าย เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ถ้ารู้ตัวว่านอนน้อย พักผ่อนไม่เพียงพอ และไม่อยากอ่อนเพลียระหว่างวัน แนะนำให้รีบดื่มน้ำเปล่าอย่างน้อย 300-400 มิลลิลิตรทันทีหลังตื่นนอน เพื่อเติมน้ำที่ขาดไประหว่างหลับ สร้างความสดชื่นให้ร่างกาย รวมถึงช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญ จากนั้นให้ออกไปรับแสงแดดยามเช้าสักครู่หนึ่ง เนื่องจากจะช่วยกระตุ้นการผลิตสารเซโรโทนินในสมองที่มีบทบาทในการปรับอารมณ์และทำให้รู้สึกตื่นตัว
หลายคนเข้าใจผิดว่าถ้านอนไม่พอ ตื่นมาต้องรีบซัดกาแฟ ยิ่งเข้มยิ่งดี ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิด เพราะการดื่มกาแฟทันทีหลังตื่นอาจทำให้ระดับคอร์ติซอลในร่างกายเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้น วิธีแก้อาการอ่อนเพลียที่ถูกต้องคือ ทิ้งช่วงรอก่อนดื่มประมาณ 1 ชั่วโมงหลังตื่น จะช่วยให้ได้รับประโยชน์จากคาเฟอีนอย่างเต็มที่
อีกหนึ่งเรื่องที่ควรรู้คือ มื้อเช้าควรเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลสูง เช่น โดนัท ขนมปัง ซีเรียล เพราะระดับน้ำตาลที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจะเกิดภาวะน้ำตาลตก หลังจากนั้นจะทำให้ง่วงซึมได้ ปรับพฤติกรรมการกินอาหาร อาหารมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการสร้างพลังงานในแต่ละวัน ดังนั้น จึงควรเลือกกินอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ โปรตีน ไขมันดี คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน วิตามินและแร่ธาตุ เช่น ผัก ผลไม้ ถั่ว และธัญพืช ซึ่งช่วยให้ระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในทางตรงกันข้าม วิธีแก้อาการเหนื่อยง่ายระหว่างวันคือ ควรหลีกเลี่ยงอาหารเที่ยงที่มีการพองตัวมากในกระเพาะ เช่น ข้าวเหนียว ก๋วยเตี๋ยว ขนมปัง เพราะจะทำให้รู้สึกหนักท้องและง่วงนอนหลังมื้อเที่ยง ดื่มน้ำให้เพียงพอ
วิธีแก้อาการอ่อนเพลียระหว่างวันที่ทำได้ง่ายที่สุดคือ การดื่มน้ำให้เพียงพอ เนื่องจากน้ำมีความสำคัญต่อการทำงานของร่างกาย การขาดน้ำเพียงเล็กน้อยก็ทำให้เกิดอาการอ่อนเพลียได้ ปริมาณน้ำดื่มที่แนะนำต่อวันโดยทั่วไปคือ 30 มิลลิลิตรต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม หรือประมาณวันละ 8 แก้ว ควรค่อยๆ จิบเฉลี่ยทั้งวัน อย่าดื่มรวดเดียวในปริมาณมาก
อีกหนึ่งวิธีแก้อาการเหนื่อยง่ายระหว่างวันคือ การหาเวลางีบหลับสั้นๆ ประมาณ 10-20 นาที หรือที่เรียกว่า “Power Nap” โดยวิธีนี้ถ้าทำอย่างถูกต้องจะช่วยเติมพลังงานให้สมองได้ดีทีเดียว อ้างอิงจากงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่ระบุว่าการงีบระหว่างวัน 10-20 นาที ช่วยเพิ่มความตื่นตัว เพิ่มความจำ และช่วยตัดสินใจได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ไม่ควรงีบนานเกิน 30 นาที เพราะร่างกายจะเริ่มเข้าสู่ช่วงหลับลึก ซึ่งถ้าต้องตื่นขึ้นมาในระยะนี้อาจรู้สึกมึนงงปวดหัวได้
ถ้าต้องทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ทั้งวันแนะนำวิธีดังนี้ การจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ จะทำให้ตาล้าและแห้ง
ดังนั้น วิธีแก้อาการอ่อนเพลียระหว่างวันวิธีสุดท้ายที่อยากแนะนำและเหมาะมากๆ กับวัยทำงานที่ต้องนั่งหน้าจอตลอดทั้งวันคือ ควรพักสายตาทุกๆ 20 นาที โดยมองไปยังวัตถุที่อยู่ห่างออกไป 20 ฟุต เป็นเวลา 20 วินาที (กฎ 20-20-20) นอกจากนี้การนั่งทำงานเป็นเวลานานจะทำให้กล้ามเนื้อตึงเครียด และเลือดไหลเวียนไม่ดี ควรลุกขึ้นเดินยืดเหยียดกล้ามเนื้อเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และลดอาการเมื่อยล้าทุกๆ 1-2 ชั่วโมง โดยเมื่อเลือดไหลเวียนได้ดี อาการเหนื่อยล้าก็ย่อมบรรเทาลงด้วยเช่นกัน
แต่ถ้าทำตามที่กล่าวมาแล้วไม่ดีขึ้น อยากแก้อาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ไม่มีแรง แบบตรงจุด ในปัจจุบันมีเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย สามารถตรวจหาสาเหตุและรักษาอาการอ่อนเพลียได้อย่างตรงจุด เพื่อให้ร่างกายกลับมาสดชื่น กระปรี้กระเปร่า
ข้อมูล: พญ.กฤดากร เกษรคำ แพทย์ American Board of Anti-Aging Medicine จาก Addlife Anti-Aging Center ชั้น 2 ไลฟ์เซ็นเตอร์ (คิวเฮ้าส์ ลุมพินี)
ภาพ: Pexels