Wellness
‘โรคอ่อนเพลียเรื้อรัง’ อาการร้ายแรงระยะยาวจะส่งผลต่อร่างกายอย่างไรบ้าง
โรคอ่อนเพลียเรื้อรัง (CFS) เป็นโรคร้ายแรงระยะยาวที่ส่งผลต่อระบบต่างๆ ของร่างกาย มีอีกชื่อหนึ่งคือ myalgic encephalomyelitis/chronic fatigue syndrome (ME/CFS) CFS มักทำให้คุณไม่สามารถทำกิจกรรมตามปกติได้ บางครั้งอาจลุกจากเตียงไม่ได้ด้วยซ้ำ ‘โรคอ่อนเพลียเรื้อรัง’ อาการร้ายแรงระยะยาวจะส่งผลต่อร่างกายอย่างไรบ้าง สาเหตุกลุ่มอาการอ่อนเพลียเรื้อรัง (CFS) คืออะไรไม่ทราบสาเหตุของ CFS อาจมีมากกว่าหนึ่งสิ่งที่ทำให้เกิด เป็นไปได้ว่าตัวกระตุ้นสองตัวหรือมากกว่านั้นอาจทำงานร่วมกันเพื่อทำให้เกิดอาการป่วย ใครบ้างที่เสี่ยงต่อโรคอ่อนเพลียเรื้อรัง (CFS)ทุกคนสามารถรับ CFS ได้ แต่พบได้บ่อยที่สุดในผู้ที่มีอายุระหว่าง 40 ถึง 60 ปี ผู้หญิงวัยผู้ใหญ่มักมีมากกว่าผู้ชายวัยผู้ใหญ่ คนผิวขาวมีแนวโน้มที่จะได้รับการวินิจฉัยโรค CFS มากกว่าเชื้อชาติอื่น แต่หลายคนที่เป็นโรค CFS ยังไม่ได้รับการวินิจฉัย อาการอ่อนเพลียเรื้อรัง (CFS) อาจรวมถึง ความเหนื่อยล้าอย่างรุนแรงที่ไม่ดีขึ้นจากการพักผ่อน ปัญหาการนอนหลับ อาการไม่สบายหลังออกแรง (PEM) ซึ่งอาการของคุณจะแย่ลงหลังจากทำกิจกรรมทางร่างกายหรือจิตใจ ปัญหาเกี่ยวกับการคิดและสมาธิ ความเจ็บปวด อาการวิงเวียนศีรษะ CFS ไม่สามารถคาดเดาได้ อาการของคุณอาจเกิดขึ้นและหายไป อาจมีการเปลี่ยนแปลงเมื่อเวลาผ่านไป บางครั้งอาจดีขึ้น และบางครั้งอาจแย่ลง การวินิจฉัยโรคอ่อนเพลียเรื้อรัง (CFS) เป็นอย่างไรCFS อาจวินิจฉัยได้ยาก ไม่มีการทดสอบเฉพาะสำหรับ CFS และการเจ็บป่วยอื่นๆ อาจทำให้เกิดอาการคล้ายคลึงกันได้ ผู้ให้บริการดูแลสุขภาพของคุณต้องแยกแยะโรคอื่นๆ ก่อนทำการวินิจฉัยโรค CFS เขาหรือเธอจะทำการตรวจสุขภาพอย่างละเอียด รวมถึง: […]
โรคอารมณ์แปรปรวนตามฤดูกาล อาการซึมเศร้าประเภทหนึ่ง พบได้บ่อยในผู้หญิง
โรคอารมณ์แปรปรวนตามฤดูกาล (SAD) เป็นโรคซึมเศร้าประเภทหนึ่งที่เกิดขึ้นตามฤดูกาล โดยปกติจะเริ่มขึ้นในช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงและต้นฤดูหนาวและจะหายไปในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน บางคนมีอาการซึมเศร้าที่เริ่มในฤดูใบไม้ผลิหรือฤดูร้อน แต่ก็พบได้น้อยกว่ามาก อาการของโรคอารมณ์แปรปรวนตามฤดูกาล อาจรวมถึง ความเศร้า มุมมองที่มืดมน รู้สึกสิ้นหวัง ไร้ค่า และหงุดหงิดง่าย สูญเสียความสนใจหรือความสุขในกิจกรรมที่คุณเคยชอบ พลังงานต่ำ นอนหลับยากหรือนอนมากเกินไป ความอยากคาร์โบไฮเดรตและการเพิ่มน้ำหนัก ความคิดเรื่องความตายหรือการฆ่าตัวตาย โรคอารมณ์แปรปรวนตามฤดูกาล อาการซึมเศร้าประเภทหนึ่ง พบได้บ่อยในผู้หญิง โรคอารมณ์แปรปรวนตามฤดูกาล พบได้บ่อยในผู้หญิง คนหนุ่มสาว และผู้ที่อาศัยอยู่ห่างไกลจากเส้นศูนย์สูตร นอกจากนี้ คุณยังมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคอารมณ์แปรปรวนตามฤดูกาล หากคุณหรือสมาชิกในครอบครัวมีอาการซึมเศร้า ไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของ โรคอารมณ์แปรปรวนตามฤดูกาล นักวิจัยพบว่าผู้ที่มีภาวะ SAD อาจมีความไม่สมดุลของสารเซโรโทนิน ซึ่งเป็นสารเคมีในสมองที่ส่งผลต่ออารมณ์ของคุณ ร่างกายของพวกเขายังสร้างเมลาโทนินมากเกินไป ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ควบคุมการนอนหลับ และวิตามินดีไม่เพียงพอ การรักษาหลักสำหรับโรคอารมณ์แปรปรวนตามฤดูกาล คือการบำบัดด้วยแสง แนวคิดเบื้องหลังการบำบัดด้วยแสงคือการแทนที่แสงแดดที่คุณพลาดไปในช่วงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว คุณนั่งอยู่หน้ากล่องบำบัดด้วยแสงทุกเช้าเพื่อรับแสงประดิษฐ์ที่สว่างสดใสทุกวัน แต่บางคนที่เป็นโรคอารมณ์แปรปรวนตามฤดูกาล ไม่ตอบสนองต่อการบำบัดด้วยแสงเพียงอย่างเดียว ยาต้านอาการซึมเศร้าและการบำบัดด้วยการพูดคุยสามารถลดอาการโรคอารมณ์แปรปรวนตามฤดูกาลได้ทั้งแบบเดี่ยวหรือร่วมกับการบำบัดด้วยแสง ข้อมูล : NIH สถาบันสุขภาพจิตแห่งชาติภาพ : Pexels บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
3 ประเภท ‘โรคการกินผิดปกติ’ ปัญหาสุขภาพจิตและกายที่ร้ายแรง บางครั้งถึงชีวิต
ถามว่า โรคการกินผิดปกติ มีจริงหรือ? คืออะไร? ความผิดปกติของการกินเป็นโรคทางสุขภาพจิตที่ร้ายแรง เป็นปัญหาที่เกี่ยวกับความคิด และพฤติกรรมการกิน คืออาจกินน้อยกว่าหรือมากกว่าที่ต้องการเสมอ สิ่งเหล่านี้ส่งผลต่อความสามารถของร่างกายในการรับสารอาหารที่เหมาะสม นำไปสู่ปัญหาสุขภาพ เช่น ปัญหาเกี่ยวกับหัวใจและไตหรือบางครั้งอาจถึงแก่ชีวิตได้ แต่มีการรักษาที่สามารถช่วยได้ โรคการกินผิดปกติ มีกี่ประเภท? ความผิดปกติของการกินที่พบบ่อย ได้แก่ การกินมากเกินไป ซึ่งเป็นการกินที่ควบคุมไม่ได้ ผู้ที่เป็นโรคการกินมากเกินไปยังคงกินต่อไปแม้จะอิ่มแล้วก็ตาม พวกเขากินบ่อยจนรู้สึกอึดอัดมาก หลังจากนั้นมักจะมีความรู้สึกผิด อับอาย และทุกข์ใจ การกินมากเกินไปบ่อยเกินไปอาจทำให้น้ำหนักขึ้นและเป็นโรคอ้วนได้ โรคการกินมากเกินไปเป็นโรคการกินที่พบได้บ่อยที่สุดในสหรัฐอเมริกา Bulimia Nervosa ผู้ที่เป็นโรคบูลิเมีย เนอร์โวซา จะมีช่วงเวลากินมากเกินไป แต่หลังจากนั้นก็กำจัดด้วยการทำให้อาเจียนหรือใช้ยาระบาย พวกเขาอาจออกกำลังกายมากเกินไปหรือเร็วเกินไป ผู้ที่เป็นโรคนี้อาจมีน้ำหนักน้อย น้ำหนักปกติ หรือน้ำหนักเกินเล็กน้อย อาการเบื่ออาหาร (Anorexia Nervosa) ผู้ที่มีอาการเบื่ออาหาร หลีกเลี่ยงอาหาร จำกัดอาหารอย่างรุนแรง หรือกินอาหารบางชนิดในปริมาณที่น้อยมาก พวกเขาอาจมองว่าตัวเองมีน้ำหนักเกิน แม้ว่าพวกเขาจะมีน้ำหนักน้อยจนเป็นอันตรายก็ตาม Anorexia Nervosa เป็นโรคที่พบได้น้อยที่สุดในบรรดาโรคการกินทั้งสามชนิด แต่มักเป็นโรคที่ร้ายแรงที่สุด มีอัตราการเสียชีวิตสูงที่สุดในบรรดาโรคทางจิตใดๆ สาเหตุการกินผิดปกติคืออะไรไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงของความผิดปกติของการกินอาหาร นักวิจัยเชื่อว่าความผิดปกติของการกินเกิดจากปฏิสัมพันธ์ที่ซับซ้อนของปัจจัยต่างๆ ซึ่งรวมถึงปัจจัยทางพันธุกรรม ชีวภาพ พฤติกรรม จิตวิทยา และสังคม ใครบ้างที่เสี่ยงเป็นโรคการกินผิดปกติทุกคนสามารถเป็นโรคการกินผิดปกติได้ แต่จะพบได้บ่อยในผู้หญิง ความผิดปกติของการกินอาหารมักเกิดขึ้นในช่วงวัยรุ่นหรือวัยหนุ่มสาว แต่ผู้คนยังสามารถพัฒนาได้ในช่วงวัยเด็กหรือช่วงหลังของชีวิต 1. อาการของการกินมากเกินไป การกินอาหารในปริมาณมากผิดปกติในระยะเวลาที่กำหนด เช่น 2 ชั่วโมง กินได้แม้ไม่หิว กินเร็วในช่วงที่ดื่มมาก กินกันจนอิ่มหนำสำราญ กินคนเดียวหรือในที่ลับเพื่อหลีกเลี่ยงความอับอาย รู้สึกเป็นทุกข์ ละอายใจ หรือรู้สึกผิดเกี่ยวกับการกินอาหารของตัวเอง […]
เรื่องสุขภาพประมาทไม่ได้! แพทย์เตือนคนรุ่นใหม่ ออกกำลังกาย ต้องรู้ถึงขีดจำกัดร่างกายตัวเอง
อย่างที่เห็นกันตามข่าวอยู่ทุกวัน ทั้งนักกีฬา นักวิ่ง ที่สุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ดี จู่ๆ ก็เสียชีวิตแบบไม่ทันตั้งตัว นักเดินทางชาวไทยที่ชื่นชอบการเดินป่า ปีนเขาที่พากันไปเสียชีวิตกันที่เทือกเขาหิมาลัย ประเทศเนปาล หรือคุณหมอที่ยังหนุ่มยังแน่นตรวจพบโรคร้ายในร่างกาย ตำรวจหนุ่มกล้ามโต หรือแม้แต่เทรนเนอร์ฟิตเนสที่ชอบ ออกกำลังกาย เป็นประจำเองก็ตาม แม้จะดูแลสุขภาพร่างกายมากขนาดไหน ก็ไม่สามารถรู้ได้เลยว่าในร่างกายมีโรคร้ายอะไรซ่อนอยู่ แพทย์เตือนคนรุ่นใหม่ ออกกำลังกาย ต้องรู้ถึงขีดจำกัดร่างกายตัวเอง ปัจจุบันโลกกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุและเกิดโรคระบาดแปลกใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน ทำให้คนส่วนใหญ่หันมาใส่ใจดูแลตัวเองมากขึ้นจนกลายเป็นเทรนด์สุขภาพ เพราะไม่อยากเจ็บป่วยด้วยโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ จนทำให้คนหันมาให้ความสนใจ Healthcare and Wellness อย่างมีนัยยะสำคัญ เพราะโรคภัยเหล่านี้หากรู้ตัวก่อนก็สามารถป้องกันได้ แต่ทว่าหนึ่งในโรคที่คนเสียชีวิตมากจนน่าตกใจ ก็คือ NCDs โรคติดต่อไม่เรื้อรัง ไม่ร้ายแรง แต่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการใช้ชีวิตหลายสิ่งหลายอย่าง ที่ปฏิบัติซ้ำๆ มาเป็นเวลานาน เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ซึ่งก็อาจจะมาจากน้ำหนักตัวที่ค่อนข้างเยอะ การบริโภคอาหารที่มีไขมันสูง การสูบบุหรี่ การกินอาหารที่มีรสเค็มมากๆ และอาจจะเกิดจากพันธุกรรม หรือกรรมพันธุ์ ซึ่งบางทีปัจจัยเหล่านี้ ก็จะส่งผลให้เกิดโรคต่างๆ ขึ้นในระยะเวลาที่แตกต่างกัน บางคนก็อาจจะเกิดจากปัจจัยหลายอย่างเป็นตัวเร่ง ทำให้เกิดอาการของโรคได้เร็วยิ่งขึ้น ซึ่งบางทีปัจจัยเหล่านี้ก็จะมีผลต่อการเร่งให้เกิดโรคต่างๆ ได้ในระยะเวลาที่แตกต่างกัน คุณหมอแอร์–นพ.อกนิษฐ์ ศรีสุขวัฒนา แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านอายุรศาสตร์ อนุสาขาอายุรศาสตร์โรคหัวใจ กล่าวว่า “บางคนใช้ชีวิตแบบมีปัจจัยที่เป็นตัวเร่งหลายอย่าง ก็จะเกิดโรค พบอาการของโรคเร็วขึ้น บางครั้งบางคนก็มาเจอตอนที่อายุมากแล้ว […]
พฤติกรรมเสี่ยง ‘มะเร็งโคนลิ้น’ โรคร้ายที่พบไม่บ่อยในคนไทย
“มะเร็งโคนลิ้น” พบได้น้อยในไทยแต่มีแนวโน้มที่มากขึ้น แนะอย่าปล่อยลุกลาม สังเกตอาการกลืนลำบากเจ็บคอเวลากลืนอาหาร เลือดออกทางช่องปาก ปวดหู พูดเสียงเปลี่ยน มีก้อนที่คอ ควรรีบพบแพทย์ รู้จัก “มะเร็งโคนลิ้น” โรคร้ายที่พบได้ไม่บ่อยในคนไทย มะเร็งโคนลิ้น เป็นส่วนหนึ่งของมะเร็ง คอหอยส่วนปากหรือที่เรียกว่ามะเร็งคอหอยหลังช่องปาก มีแนวโน้มที่พบมากขึ้นในคนไทย ผู้ป่วยส่วนมากที่เป็นโรคนี้มักจะได้รับการวินิจฉัยในระยะลุกลามแล้ว จากข้อมูลของสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ พบว่า “มะเร็งโคนลิ้น” แม้ปัจจุบันจะพบได้น้อยในคนไทย แต่ก็พบว่ามีแนวโน้มที่จะพบมากขึ้นเรื่อยๆ โดยในแต่ละปีมีผู้ป่วยมะเร็งคอหอยส่วนปากรายใหม่ประมาณ 800 ราย ซึ่งถือว่าน้อยถ้าเทียบกับจำนวนผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่ทั้งหมด ประมาณ 140,000 ราย แต่ก็พบว่ามีแนวโน้มจะพบได้มากขึ้นเรื่อยๆ พฤติกรรมความเสี่ยงที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็งโคนลิ้น ได้แก่ การดื่มสุรา การสูบบุหรี่ เคี้ยวหมากร่วมกับใบยาสูบ และการติดเชื้อไวรัส Human papilloma virus (HPV) ซึ่งเป็นไวรัสที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ดังนั้น การมีคู่นอนหลายคนและการมีเพศสัมพันธ์ทางปากจึงอาจเป็นปัจจัยเสี่ยงโรคนี้ด้วย ผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงของโรคมะเร็งโคนลิ้นส่วนใหญ่เป็นเพศชายอายุ 50 ปีขึ้นไป แต่ผู้หญิงเองก็สามารถป่วยเป็นโรคนี้ได้เช่นกันหากมีพฤติกรรมเสี่ยงข้างต้น การตรวจวินิจฉัยโรคมะเร็งโคนลิ้น หากผู้ป่วยพบว่าตนเองมีอาการกลืนลำบาก เจ็บคอเวลากลืนอาหาร มีเลือดออกทางช่องปาก ปวดหู พูดเสียงเปลี่ยนหรือมีก้อนที่คอ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย […]
9 สัญญาณเตือน ‘โรคเบาหวาน’ ภัยเงียบที่มาแบบไม่รู้ตัว
โรคเบาหวาน (Diabetes Mellitus) เป็นภาวะที่ร่างกายมีปริมาณของน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ เกิดจากการขาดฮอร์โมนอินซูลิน หรือฮอร์โมนอินซูลินทำงานได้ลดลง ซึ่งในปัจจุบันสถานการณ์ของโรคเบาหวานยังน่าเป็นห่วง โดยสหพันธ์เบาหวานนานาชาติ (International Diabetes Federation) ได้คาดการณ์ไว้ว่า ภายในปี ค.ศ. 2045 จะมีผู้ป่วยโรคเบาหวานเพิ่มขึ้นเป็น 700 ล้านคนทั่วโลก จาก 463 ล้านคนในปี ค.ศ. 2019 และเพื่อให้คนทั่วโลกเล็งเห็นถึงความอันตรายของโรคเบาหวาน สหพันธ์เบาหวานนานาชาติจึงได้กำหนดให้วันที่ 14 พฤศจิกายน ของทุกปีเป็น “วันเบาหวานโลก” โดยในประเทศไทยโรคเบาหวานถือเป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ที่คนไทยเป็นมากถึง 4.8 ล้านคน และในหลายรายจะเกิดภาวะแทรกซ้อนตามมา โดยที่ผ่านมามีผู้ป่วยเพียง 35.6% เท่านั้นในผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยและดูแลจากผู้ป่วยทั้งหมดที่สามารถบรรลุเป้าหมายในการรักษา และมีผู้ป่วยมากกว่า 200 รายในแต่ละวันที่เสียชีวิตเพราะโรคเบาหวาน ดังนั้นการสังเกตสัญญาณเตือนโรคเบาหวานจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องใส่ใจ นพ.โองการ สาระสมบัติ อายุรแพทย์ผู้ชำนาญการโรคเบาหวาน ต่อมไร้ท่อ และเมตาบอลิสม โรงพยาบาลกรุงเทพ กล่าวว่า เบาหวานเป็นภัยเงียบที่มาแบบไม่รู้ตัว เพราะผู้ป่วยส่วนใหญ่มักไม่มีอาการ ดังนั้น ในผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวาน อาทิ ผู้ที่มีภาวะอ้วน […]
‘เชวาลา เวลเนส’ เมดิคัลฮับแห่งใหม่ที่ดูแลในทุกมิติของ Well-being อย่างแท้จริง
ปัจจุบันมีคนจำนวนไม่น้อยกำลังทำงานอย่างหนักและเหน็ดเหนื่อยไปกับการใช้ชีวิตในแต่ละวัน หลายคนก็ลืมหาเวลาให้กับตัวเอง ละเลยการดูแลสุขภาพจนร่างกายเริ่มส่งสัญญาณเตือน ปัญหาสุขภาพของคนยุคดิจิทัล คงจะหนีไม่พ้นอาการยอดฮิตอย่างเช่น การนอนหลับไม่สนิท อาการเบิร์นเอาต์ ภาวะเครียดสะสม ปวดหลังเรื้อรัง อาการปวดศีรษะจากความเครียด (Tension Headache) และไมเกรน เป็นต้น ซึ่งนับเป็นอาการที่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันทั้งสิ้น และหากไม่รีบหาทางแก้ไขโดยเร็ว โรคอื่นๆ ที่ร้ายแรงกว่า ก็อาจมาเยี่ยมเยือนได้โดยไม่รู้ตัว ด้วยความกังวลนี้ คนมากมายจึงเริ่มหันมาใส่ใจสุขภาวะทางกายและจิตใจเพื่อป้องกันโรคภัยก่อนถึงวันที่สาย เทรนด์เวลเนสและการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน (Preventive Healthcare) จึงเป็นที่พูดถึงอย่างมากตลอดหลายปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ เทคโนโลยีและบริการทางการแพทย์ที่ช่วยชาร์จพลังชีวิตให้กลับมาสดชื่นกระปรี้กระเปร่า ให้ร่างกายและจิตใจได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ ในชีวิตก็กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากใน\กลุ่มคนรักสุขภาพและการดูแลตนเอง เพื่อมอบประสบการณ์การดูแลสุขภาพที่ครบวงจร ตอบโจทย์คนยุคใหม่ที่ต้องการประสบการณ์พักผ่อนแบบออลอินวันที่ครบจบในทริปเดียว ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญชั้นนำของเมืองไทย นำโดยแพทย์หญิงรัตน์กวิน จิตตวัฒนรัตน์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญอายุรศาสตร์มะเร็งและศาสตร์ชะลอวัย จึงตั้งใจปั้น “เชวาลา เวลเนส หัวหิน (CHEVALA Wellness Hua Hin)” ให้เป็นเมดิคัลเดสติเนชันแห่งใหม่ล่าสุดใจกลางหัวหิน เพื่อมอบการดูแลร่างกายและจิตใจที่ตรงจุดแบบเฉพาะบุคคล (Personalized program) ที่เหนือกว่าด้วยการใช้นวัตกรรมทางการแพทย์ระดับ “เมดิคัล เกรด” ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิดตลอดทุกขั้นตอนการรักษา พร้อมเปิดมิติใหม่ของการดูแลสุขภาพที่เหนือระดับขั้นสุดด้วยการจับมือกับรีสอร์ทหรูติดทะเลระดับโลก “อินเตอร์คอนติเนนตัล หัวหิน […]
‘วัคซีนไข้หวัดใหญ่’ จำเป็นหรือไม่? และทำไมห้ามฉีดในผู้ที่แพ้ไข่
จากสภาวะอากาศที่แปรปรวนในปัจจุบัน ส่งผลให้การระบาดของไข้หวัดใหญ่มากขึ้น โดยไข้หวัดใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัส Influenza ที่กระจัดกระจายอยู่ในอากาศ เมื่อใดที่ภูมิคุ้มกันของเราอ่อนแอลงและได้รับเชื้อเข้าไปก็จะส่งผลให้เราป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ได้ ซึ่งวิธีการป้องจากการป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ที่ดีที่สุดคือการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ‘วัคซีนไข้หวัดใหญ่‘ จำเป็นหรือไม่? และทำไมห้ามฉีดในผู้ที่แพ้ไข่ แล้ววัคซีนไข้หวัดใหญ่จำเป็นหรือไม่ พญ.อนงนุช ชวลิตธำรง ได้ให้ข้อมูลเรื่องนี้ว่า วัคซีนไข้หวัดใหญ่ เป็นวัคซีนที่ฉีดเข้าร่างกายบริเวณต้นแขน เพื่อให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันโรคไข้หวัดใหญ่มากขึ้น โดยใช้เวลา 2 สัปดาห์ก่อนจะออกฤทธิ์ วัคซีนจะช่วยป้องกันการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ได้ 3-4 สายพันธุ์ ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่มีแนวโน้มจะแพร่ระบาดในช่วงนั้นๆ โดยทั่วไปไข้หวัดใหญ่มักมีอาการรุนแรงกว่าไข้หวัดและหายใน 5-7 วัน แต่การติดเชื้อในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หญิงมีครรภ์ ผู้มีโรคเรื้อรังในระบบทางเดินหายใจ โรคหัวใจเรื้อรัง ฯลฯ อาจมีอาการรุนแรง เกิดภาวะแทรกซ้อนทำให้มีอัตราการเสียชีวิตสูง ดังนั้น การฉีดวัคซีนป้องกันจะช่วยให้ลดการติดเชื้อสายพันธุ์ที่รุนแรง และลดอันตรายจากภาวะแทรกซ้อนได้ โดยเฉพาะในผู้ที่ภูมิคุ้มกันต่ำ ที่สำคัญ ควรเลือกฉีดวัคซีนชนิดที่เป็น 4 สายพันธุ์ เพื่อประสิทธิภาพที่ดีกว่า ใครบ้างควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ผู้สูงอายุ (อายุเกิน 65 ปี) ผู้มีโรคประจำตัวเรื้อรัง เช่น โรคหืด โรคหัวใจ โรคเบาหวาน […]
จริงหรือไม่? เป็น ‘เนื้องอกในมดลูก’ เพราะมีเลือดเกาะตัวเป็นลิ่มเลือด
ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลในสื่อออนไลน์เกี่ยวกับประเด็นเป็น เนื้องอกในมดลูก เพราะมีเลือดเกาะตัวเป็นลิ่มเลือด ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าข้อมูลดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ จริงหรือไม่? เป็น ‘เนื้องอกในมดลูก‘ เพราะมีเลือดเกาะตัวเป็นลิ่มเลือด จากกรณีมีการเผยแพร่ในสื่อออนไลน์เกี่ยวกับประเด็นเป็นเนื้องอกในมดลูกเพราะมีเลือดเกาะตัวเป็นลิ่มเลือด ทางกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ชี้แจงว่าสาเหตุการเกิดเนื้องอกในมดลูกที่ชัดเจนยังไม่ทราบแน่ชัด พบว่ามีปัจจัยที่เกิดจาก ฮอร์โมนเพศของสตรี, พันธุกรรม หรือตัวเร่งการเจริญเติบโตที่มีในร่างกาย (growth factor) ซึ่งโรคดังกล่าวส่วนใหญ่ทำให้สตรีมีอาการปวดท้องน้อย, ปวดประจำเดือน, เลือดออกผิดปกติ หรือคลำก้อนได้ที่ท้อง ดังนั้นภาวะเนื้องอกในมดลูกจึงไม่เกี่ยวกับการมีพิษเย็น, เลือดเป็นพิษ หรือเลือดเกาะตัวเป็นลิ่มเลือด การวินิจฉัย ทำได้โดยการตรวจร่างกายร่วมกับการตรวจภายใน และใช้อัลตร้าซาวด์ หรือเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ เพื่อช่วยในการวินิจฉัยที่แน่นอนฃ การรักษา มีทั้งการใช้ยาฮอร์โมนภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ รวมไปถึงการผ่าตัดในกรณีมีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ แนวทางการรักษาด้วยการฟอกเลือดที่มดลูกเพื่อให้ขนาดก้อนลดลงจึงเป็นข้อมูลที่เป็นเท็จ และไม่มีการรักษาเนื้องอกในมดลูกด้วยวิธีดังกล่าว สรุปคือ สาเหตุการเกิดเนื้องอกในมดลูก มีปัจจัยที่เกิดจากฮอร์โมนเพศของสตรี, พันธุกรรม หรือตัวเร่งการเจริญเติบโตที่มีในร่างกาย (growth factor) ดังนั้นภาวะเนื้องอกในมดลูกจึงไม่เกี่ยวกับการมีพิษเย็น, เลือดเป็นพิษ หรือเลือดเกาะตัวเป็นลิ่มเลือด ข้อมูล : กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุขภาพ : Pexels บทความอื่นๆ […]
‘น้ำตาลในเลือดสูง’ หนึ่งในสาเหตุอาการปลายนิ้วชา จะส่งผลร้ายแรงในอนาคตอย่างไร
แพทย์เตือน น้ำตาลในเลือดสูง หนึ่งในสาเหตุที่มีอาการปลายนิ้วชา พบบ่อยในผู้ป่วยเบาหวานมากกว่าผู้ที่ไม่เป็นโรคเบาหวาน จะส่งผลเสียร้ายแรงได้ในอนาคต ควรปรึกษาแพทย์ทันที ในปัจจุบัน สังคมไทยการใช้ชีวิตมีความตึงเครียด เร่งรีบ ความกดดันต่างๆ และสิ่งแวดล้อมที่เป็นอยู่ ทำให้คนไทยเน้นอาหารการกินที่ไม่ดีต่อสุขภาพเป็นหลัก โดยเฉพาะอาหารที่มีรสชาติหวาน ซึ่งสถิติในปี พ.ศ. 2560 ประเทศไทยมีผู้ที่เป็นเบาหวาน 4.4 ล้านคน มากขึ้นทุกช่วงอายุ มากเป็นอันดับ 4 รองจาก จีน อินเดีย ญี่ปุ่น ที่น่าเป็นห่วงพบในช่วงวัยรุ่นและวัยทำงาน ‘น้ำตาลในเลือดสูง‘ หนึ่งในสาเหตุอาการปลายนิ้วชา จะส่งผลร้ายแรงในอนาคตอย่างไร โรคเบาหวานมี 3 ประเภท คือ 1. เกิดจากตับอ่อนไม่สามารถผลิตฮอร์โมนอินซูลินได้ 2. เกิดจากการที่ตับอ่อนผลิตฮอร์โมนอินซูลินได้ไม่เพียงพอต่อการใช้ หรือเกิดภาวะการดื้ออินซูลิน 3. เบาหวานขณะตั้งครรภ์ นอกจากโรคเบาหวานทั้ง 3 ประเภทแล้วยังมีโรคเบาหวานที่พบได้ไม่บ่อย อย่างโรคเบาหวานที่เกิดจากกรรมพันธุ์หรือแบบโมโนเจนิก อีกทั้งยังมีโรคเบาหวานจากสาเหตุอื่นๆ เช่น การใช้ยา หรือเกิดจากโรคของตับอ่อนอักเสบ หากผู้ป่วยเบาหวานควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดสูงไม่ดีพอ ก็อาจจะเป็นต้นเหตุของโรคแทรกซ้อนต่างๆ ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายได้ ผู้ป่วยโรคเบาหวานอาจเกิดภาวะเสียหายกับเส้นประสาทบริเวณมือและเท้า นำไปสู่อาการชาปลายนิ้วบริเวณนิ้วมือ หรือนิ้วเท้าได้ […]
‘เบาหวานขึ้นตา’ ฝันร้ายของผู้ป่วยโรคเบาหวาน หากปล่อยไว้อาจสูญเสียการมองเห็น
คนไข้ที่เป็นเบาหวาน มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนได้หลายอาการ ซึ่งแต่ละคนจะมีปัจจัยเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่ไม่เหมือนกัน หนี่งในภาวะแทรกซ้อนของผู้ป่วยเบาหวานที่พบได้บ่อยคือ เบาหวานขึ้นตา ซึ่งทาง แพทย์หญิงปนียา ตปนียางกูร จักษุวิทยาต้อหิน ได้อธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ถึงอาการเบาหวานขึ้นตา แนวทางการรักษา และการปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะเบาหวานขึ้นตา “เบาหวานขึ้นตา” คำนี้หลายคนอาจเคยได้ยิน เพราะเป็นหนึ่งในภาวะแทรกซ้อน ของผู้ป่วยโรคเบาหวาน หากปล่อยให้มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงเป็นเวลานาน จะส่งผลให้หลอดเลือดฝอยเสื่อมทั่วร่างกาย รวมทั้งหลอดเลือดที่จอประสาทตา ทำให้เลือดและสารต่างๆ รั่วซึมออกมา ทำให้เส้นเลือดตรงจอประสาทตาได้รับความเสียหาย และผู้ป่วยเบาหวานมักจะสูญเสียดวงตาในภาวะแทรกซ้อนนี้ โดยภาวะเบาหวานขึ้นจอตา ก็มีวิธีการรักษาที่หลากหลาย แต่ถ้าเป็นถึงขั้นรุนแรงแล้ว อาจจะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้และจะสูญเสียการมองเห็นไปตลอดชีวิต อาการของภาวะ เบาหวานขึ้นจอตา ในช่วงระยะเริ่มแรกผู้ป่วยจะไม่มีอาการผิดปกติใดๆ มีจุดเลือดออกในจอตา มีน้ำรั่วในจอตา อาจทำให้จุดรับภาพชัดบวม เกิดเส้นเลือดงอกใหม่ทำให้ เลือดออกในน้ำวุ้นตา จอประสาทตาหลุดลอก การป้องกันภาวะเบาหวานขึ้นจอตา ไม่กินอาหารที่มีแป้งมากเกินไป ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ควบคุมน้ำตาลและระดับน้ำตาลสะสม HbA1C น้อยกว่า 6.0 mg% ให้อยู่ในระดับปกติ (ระหว่าง 70-100 mg/dL) การรักษาภาวะเบาหวานขึ้นจอตา หากผู้ป่วยเป็นในระยะแรก แพทย์จะให้ผู้ป่วยควบคุมระดับน้ำตาลให้อยู่ในระดับปกติ การใช้แสงเลเซอร์ ใช้ในระยะที่เลือดออกในตายังไม่มาก ฉีดยาเข้าไปในดวงตา ในกรณีผู้ป่วยจอประสาทตาบวม เพื่อลดการบวมของจอประสาทตา การผ่าตัด ในกรณีผู้ป่วยมีเลือดเต็มจอประสาทตาหรือจอประสาทตาหลุดลอก แต่หากปล่อยทิ้งไว้นานๆ ข่าวร้ายก็คืออาจไม่สามารถรักษาให้ดวงตากลับมาเป็นปกติได้ ข้อมูล […]
‘ภาวะความดันโลหิตสูง’ อันตรายกว่าที่คิด แนะปรับพฤติกรรมที่เป็นปัจจัยเสี่ยง
แม้ว่าผู้มี ภาวะความดันโลหิตสูง จำนวนมากจะไม่มีอาการใดๆ บ่งบอกว่าเป็นผู้มีภาวะความดันสูง แต่การดูแลตัวเองและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่เป็นปัจจัยเสี่ยง ร่วมกับการพบแพทย์เพื่อติดตามอาการและรับยาอย่างสม่ำเสมอ ก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งในการช่วยควบคุมอาการภาวะความดันสูงไม่ให้มีอาการรุนแรงมากขึ้นได้ ‘ภาวะความดันโลหิตสูง’ อันตรายกว่าที่คิด แนะปรับพฤติกรรมที่เป็นปัจจัยเสี่ยง พญ.วริษฐา เล่าสกุล แพทย์เฉพาะทางอายุรศาสตร์โรคหัวใจ ได้ให้ความกระจ่างถึงสาเหตุของการเกิดภาวะความดันโลหิตสูง ตลอดจนแนวทางการปฏิบัติตน รวมถึงแนวทางการรักษา เพื่อให้ผู้ป่วยที่มีภาวะความดันสูงได้ดูแลตัวเองอย่างถูกต้องและหลีกเลี่ยงอาการรุนแรงที่อาจจะเกิดตามมาได้ ภาวะความดันโลหิตสูงคืออะไร?ความดันโลหิตสูงเป็นปัญหาทางสุขภาพที่เป็นหนึ่งในปัญหาหลักของประชากรโลกและประเทศไทย โดย “ความดันสูง” หมายถึงภาวะที่มีการเปลี่ยนแปลงความดันในหลอดเลือดแดงที่สูงขึ้น โดยในปัจจุบันคือตัวเลขความดันตัวบนมากกว่าหรือเท่ากับ 140 มิลลิเมตรปรอท และความดันตัวล่างมากกว่า หรือเท่ากับ 90 มิลลิเมตรปรอท วัดซ้ำสองครั้งแล้วได้ระดับความสูงเกินตัวเลขข้างต้น จะได้รับการวินิจฉัยว่าภาวะความดันโลหิตสูง อาการของความดันโลหิตสูงมีอะไรบ้าง – ไม่มีอาการ – มึนหัว เวียนศีรษะ และที่สำคัญคือที่สุด คือ อาการแสดงของภาวะแทรกซ้อนต่างๆ เมื่อร่างกายมีภาวะความดันโลหิตสูงมาเป็นเวลานาน อาจนำไปสู่อันตรายต่อระบบต่างๆ ของร่างกาย เช่น หัวใจล้มเหลว มีอาการหายใจเหนื่อย เหนื่อยง่ายกว่าปกติ นอนราบไม่ได้ หัวใจขาดเลือด มีอาการเจ็บหน้าอก และอาจเป็นมากขึ้นเวลาออกแรง ภาวะไตวาย มีอาการตัวบวม ปัสสาวะออกน้อยลง โรคหลอดเลือดสมองตีบ มีแขนขาชาหรืออ่อนแรง ปากเบี้ยว พูดไม่ชัด ภาวะเลือดออกในสมอง ตามองไม่ชัด จากเส้นเลือดในตาเสื่อมเนื่องจากมีความดันโลหิตสูงมาเป็นเวลานาน สาเหตุของภาวะความดันโลหิตสูง […]
ภาวะเลือดออกทางช่องคลอดผิดปกติ แต่ไม่ใช่ ‘ประจำเดือน’ เสี่ยงโรคร้ายแรงหรือไม่
เป็นเรื่องปกติที่ผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์จะมีประจำเดือนทุกๆ 21-35 วัน เลือดประจำเดือน ในแต่ละรอบไม่เกิน 5-7 วัน ขึ้นกับร่างกายของแต่ละคน รวมถึงปัจจัยอื่นๆ เช่น อายุ ความเครียด อาหาร การออกกำลังกาย และพันธุกรรม ประจำเดือน จะมีจนถึงอายุประมาณ 45-55 ปี หรือวัยหมดประจำเดือน ภาวะเลือดออกทางช่องคลอดผิดปกติ แต่ไม่ใช่ ‘ประจำเดือน’ กรณีมีเลือดออกทางช่องคลอด แต่ไม่ใช่ ‘ประจำเดือน’ อาจบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพ เช่น โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ปากมดลูกอักเสบ ช่องคลอดอักเสบ หรือเกิดภาวะตั้งครรภ์นอกมดลูก รวมถึงโรคร้ายแรงอย่างโรคมะเร็งระบบสืบพันธ์ ดังนั้น หากพบมีเลือดออกทางช่องคลอด แต่ไม่ใช่ประจำเดือน ควรรีบพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุที่แน่ชัด และรับการรักษาอย่างถูกต้อง เลือดออกทางช่องคลอด แบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ เลือดออกทางช่องคลอดปกติ (Normal Vaginal Bleeding) หรือประจำเดือน ซึ่งแต่ละรอบเดือนรังไข่จะผลิตไข่เพื่อปฏิสนธิกับอสุจิ กรณีไข่ไม่ได้รับการปฏิสนธิ เยื่อบุมดลูกที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อรองรับตัวอ่อนจะสลายออกมาเป็นประจำเดือน ทั้งนี้ ระยะเวลาของรอบเดือนจะแตกต่างกันไปในแต่ละคน เลือดออกทางช่องคลอดผิดปกติ (Abnormal […]
รู้ให้เร็ว ‘โรคพังผืดในปอด’ แนะจับ 3 สัญญาณภัยเงียบ
กลุ่มแพทย์รณรงค์สร้างความตระหนัก โรคพังผืดในปอด เผยอัตราเสียชีวิตสูงภายใน 3-4 ปีหากไม่ได้รักษาตั้งแต่เริ่มต้น รศ.นพ.แจ่มศักดิ์ ไชยคุนา นายกสมาคมอุรเวชช์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวผ่าน Facebook Live ในงานเสวนาเรื่อง Freshen Up Your Life “สูดลมหายใจให้เต็มปอด เพื่อผู้ป่วยโรคพังผืดในปอด” ว่า โรคพังผืดในปอด (lung fibrosis) เป็นโรคหนึ่งในกลุ่มโรคปอดอินเตอร์สติเชียล (interstitial lung disease หรือ ILD) จัดเป็นโรคหายากที่มีความรุนแรงมาก อัตราการรอดชีวิตใกล้เคียงกับโรคมะเร็งปอด เป็นโรคที่เกิดจากการอักเสบ แผลเป็น หรือพังผืดที่เนื้อเยื่อปอด และหลอดลมฝอยในปอด ทำให้ปอดทำงานได้ไม่เหมือนคนปกติทั่วไป ส่งผลต่อการหายใจผิดปกติ ซึ่งโรคนี้เป็นโรคเรื้อรังที่สามารถลุกลามมากขึ้นได้ จนทำให้สมรรถภาพปอดลดลง และอาการของผู้ป่วยแย่ลงได้ตลอดเวลา รู้ให้เร็ว ‘โรคพังผืดในปอด‘ แนะจับ 3 สัญญาณภัยเงียบ โรคพังผืดในปอดมี 3 ลักษณะเด่นที่พบคือ 1. ไอแห้งเรื้อรังมากกว่าสองเดือนขึ้นไป 2. เหนื่อยหอบมากขึ้น ทำให้ทำกิจวัตรประจำวันได้น้อยลง เช่น เดินได้ช้าลง ออกกำลังกายได้ลดลง 3. เมื่อแพทย์ฟังเสียงปอดจะได้ยินเสียงกรอบแกรบผิดปกติที่ชายปอดทั้งสองข้างคล้ายเสียงลอกแถบตีนตุ๊กแก นอกจากนี้ก็มีอาการอื่นๆ เช่น น้ำหนักตัวลดลงเรื่อยๆ ปวดกล้ามเนื้อและข้อ ปลายนิ้วมือหรือเท้ามีลักษณะโค้งกลมและกว้างขึ้น ส่วนสาเหตุของโรคนั้นเกิดจากโรคแพ้ภูมิต้านทานตนเอง การใช้ยาบางชนิด อาชีพและสิ่งแวดล้อม และมีบางส่วนที่ไม่ทราบสาเหตุด้วย ทางด้าน รศ.นพ.ศุภฤกษ์ ดิษยบุตร ย้ำว่าโรคนี้พบผู้ป่วยได้ไม่บ่อยนัก มักเกิดในผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป ในแถบประเทศตะวันตกมีอุบัติการณ์ประมาณ 20 คนต่อประชากร 1 แสนคนต่อปี […]
ทำไมการดูแล ‘โภชนาการ’ จึงจำเป็นต่อการออกกำลังกาย
โภชนาการ คือศาสตร์ที่ว่าด้วยเรื่องของอาหาร ทั้งการจัดแบ่งประเภทสารอาหาร ประโยชน์ของอาหาร และการย่อยอาหาร นพ.กรกฎ พานิช แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านออร์โธปิดิกส์และเวชศาสตร์การกีฬา ได้ให้ความรู้ในเรื่องของโภชนาการสำหรับการออกกำลังกายว่า ร่างกายของมนุษย์นั้น ตามหลักโภชนาการจะใช้พลังงานในการเคลื่อนไหว รวมถึงสารอาหารชนิดอื่นๆ ล้วนมีส่วนสำคัญที่ร่างกายจะดึงมาใช้ในการเคลื่อนไหวเช่นกัน หากร่างกายได้รับสารอาหารไม่ครบตามความต้องการ หรือในปริมาณที่ไม่เพียงพอ จะส่งผลให้การเคลื่อนไหวหรือการออกกำลังกายนั้นๆ จะไม่เกิดประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับตัวเราเองด้วยว่าออกกำลังกายมากน้อยเพียงใด เปรียบเทียบง่ายๆ โดยลองนึกภาพว่าถ้าร่างกายของเราเป็นรถยนต์ เมื่อเราต้องการเดินทางไกลก็จำเป็นต้องเติมน้ำมันให้เต็มถังเพื่อใช้สำหรับการเดินทาง แต่หากเราต้องการเดินทางเพียงระยะสั้นๆ เราก็ใช้น้ำมันที่มีอยู่เพื่อไปให้ถึงจุดหมาย เสมือนการออกกำลังกายที่ถูกต้องและมีโภชนาการที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายสุขภาพที่ตั้งใจไว้ ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างที่คุณอยากมี ร่างกายที่แข็งแรงขึ้น หรือออกกำลังกายได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำไมการดูแล ‘โภชนาการ‘ จึงจำเป็นต่อการออกกำลังกาย ตามปกติการออกกำลังกายในแต่ละครั้ง ร่างกายจะดึงพลังงานจากสารอาหารที่เรากินเข้าไป เช่น แป้ง น้ำตาลและไขมัน ออกมาใช้สำหรับทำกิจกรรมเคลื่อนไหวของร่างกาย ส่วนโปรตีน ร่างกายใช้สำหรับฟื้นฟูกล้ามเนื้อ ช่วยการทำงานของระบบต่างๆ ของร่างกายในระดับเซลล์ หากเราออกกำลังกายอย่างเหมาะสม จะช่วยเสริมสร้างระบบภูมิต้านทานให้ดีขึ้น แต่ถ้าออกกำลังกายหักโหม และไม่ได้รับประทานสารอาหารให้เพียงพอและเหมาะสม และไม่ได้พักผ่อน จะส่งผลให้ภูมิต้านทานลดลง ทำให้เจ็บป่วยได้ นอกจากนี้ นพ.กรกฎ พานิช กล่าวเพิ่มเติมว่า หลักโภชนาการของผู้ที่ออกกำลังกายทั่วไปนั้น ปกติร่างกายใช้คาร์โบไฮเดรตเป็นพลังงานหลักหากออกกำลังกายหนัก และใช้ไขมันหากออกกำลังกายเบา […]
โรคลมหลับ ความผิดปกติของการนอนหลับแบบเรื้อรัง ส่งผลต่อชีวิตประจำวันอย่างไร
โรคลมหลับ (Narcolepsy) เป็นโรคที่มาจากปัญหาการนอนหลับเรื้อรังง่วงนอนตลอดเวลา หลับได้โดยไม่รู้สึกตัว ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน แนะนำควรปรึกษาแพทย์ โรคลมหลับ ความผิดปกติของการนอนหลับแบบเรื้อรัง ส่งผลต่อชีวิตประจำวันอย่างไร โรคลมหลับ หรือ Narcolepsy เป็นโรคเกี่ยวกับการนอนหลับที่เกิดขึ้นแบบเรื้อรัง ผู้ป่วยมักจะมีอาการง่วงมากในตอนกลางวัน แม้ว่าตอนกลางคืนจะนอนหลับสนิทอย่างเพียงพอและบางครั้งพบว่ามีการนอนหลับเกิดขึ้นในสถานการณ์ไม่เหมาะสม เช่น เกิดขึ้นขณะพูดคุยกับบุคคลอื่น ขณะกินอาหาร ทำงาน เรียน เล่นเกมส์ หรือ ขับรถ อาจเกิดอันตรายได้ สาเหตุของโรคในทางการแพทย์ ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่เกิดจากความผิดปกติของสารสื่อประสาทที่ชื่อ โอเร็กซิน (Orexin) ที่ทำหน้าที่ควบคุมการตื่นของร่างกาย ซึ่งมีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้สารเคมีชนิดนี้ลดลง ส่งผลให้มีอาการหลับง่ายกว่าปกติ ควรหมั่นสังเกตความผิดปกติของร่างกาย หากมีอาการผิดปกติด้านการนอนหลับ ควรพบแพทย์เพื่อทำการรักษา หากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสมอาจจะมีคุณภาพชีวิตที่แย่ลงได้ อาการแสดงที่สำคัญนอกจากจะมีภาวะง่วงนอนมากผิดปกติตอนกลางวันแล้ว ผู้ป่วยอาจมีอาการภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรงเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ ภาวะผีอำ หรือ sleep paralysis โดยที่ไม่สามารถขยับตัวได้ตอนที่กำลังใกล้จะตื่น และมีอาการเห็นภาพหลอนตอนขณะเคลิ้มหลับ แพทย์วินิจฉัยโรคจากการสอบถามประวัติโรคประจำตัว และยาที่ใช้เป็นประจำ เนื่องจากมีปัจจัยภายนอกอย่างอื่นที่ทำให้เกิดอาการคล้ายโรคลมหลับ ในรายที่แพทย์สงสัยอาการเข้าได้กับโรคนี้จะให้ผู้ป่วยบันทึกการนอนอย่างน้อย 2 สัปดาห์ และส่งตรวจการนอนหลับ (polysomnogram) ร่วมกับการตรวจความง่วงนอน (multiple sleep […]
สังเกตอาการ ‘โรคหลอดเลือดสมอง’ ตามหลักการ BEFAST รู้ไว ปลอดภัยกว่า
โรคหลอดเลือดสมอง (Acute Stroke) เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 2 และพิการเป็นอันดับ 3 ของคนทั่วโลก แม้จากการสำรวจจะพบว่าโรคหลอดเลือดสมองเป็นโรคที่ร้อยละ 80 ของผู้ที่มีความเสี่ยงและสามารถป้องกันได้ โดยพบว่าในปี 2563 มีประชากรโลกป่วยด้วยโรคหลอดเลือดสมองกว่า 80 ล้านคน มีผู้เสียชีวิตประมาณ 5.5 ล้านคน และพบผู้ป่วยใหม่เพิ่มขึ้นถึง 14.5 ล้านคนต่อปี 1 ใน 4 เป็นผู้ป่วยที่มีอายุ 25 ปีขึ้นไป ซึ่งมีแนวโน้มสูงขึ้นมาก สำหรับข้อมูลในประเทศไทยในปี 2563 พบผู้ป่วยที่เป็น โรคหลอดเลือดสมอง มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป และอัตราการเกิดโรคประมาณ 328 รายต่อประชากรหนึ่งแสนคน ซึ่งมีแนวโน้มสูงขึ้น และตามมาด้วยภาวะทุพพลภาพเพิ่มขึ้นอย่างมาก โรคหลอดเลือดสมอง มักเกิดขึ้นเฉียบพลันถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีอาจถึงชีวิต หรืออาจจะต้องอยู่ในภาวะทุพพลภาพไปตลอดชีวิต ซึ่งทำให้เกิดความยากลำบากทั้งต่อตัวผู้ป่วยเองและผู้ดูแล นพ.วัชรพงศ์ ชูศรี อายุรแพทย์สมองและระบบประสาท กล่าวว่า โรคหลอดเลือดสมอง เกิดจากหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมองเกิดตีบ อุดตัน หรือแตก ทำให้เกิดภาวะสมองขาดเลือดและเนื้อสมองถูกทำลาย ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคต่างๆ เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคอ้วน ขาดการออกกำลังกาย บริโภคอาหารไม่เหมาะสม สูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ผลที่ตามมาหลังจากการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง ได้แก่ ภาวะอ่อนแรงของร่างกายซีกใดซีกหนึ่งหรือทั้งสองข้าง ทำให้เกิดการพูดลำบาก กลืนลำบาก สำลักอาหารได้ง่าย ภาวะการรับรู้สติที่แย่ลงในโรคหลอดเลือดสมองทั้งตีบและแตกที่มีขนาดใหญ่ทำให้เกิดภาวะสมองบวมและเกิดภาวะแทรกซ้อนซึ่งอาจจะจำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยการผ่าตัดนอกเหนือจากการใช้ยา ซึ่งกลุ่มบุคคลหรือผู้ป่วยเหล่านี้ท้ายที่สุดอาจมีโอกาสเสียชีวิตหรือทุพทลภาพอย่างถาวรได้ โรคหลอดเลือดสมอง สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท 1.Ischemic Stroke เป็นภาวะหลอดเลือดสมองตีบตัน หรือ ภาวะสมองขาดเลือด พบได้ประมาณ 80% ของโรคหลอดเลือดสมอง มีสาเหตุมาจากการเสื่อมสภาพของหลอดเลือดจากการสะสมของคราบไขมัน หินปูน ที่ผนังหลอดเลือดชั้นในจนหนานูน แข็ง ขาดความยืดหยุ่น […]
ภาวะกล้ามเนื้อกระตุกสัญญาณเตือน “โรคติกส์” อันตรายแค่ไหน
การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อที่เกิดขึ้นเอง หรืออาการ ‘กล้ามเนื้อกระตุก’ เกิดขึ้นทันทีทันใด สามารถเกิดขึ้นซ้ำได้ และอาจทำให้เกิดความผิดปกติอื่นตามมาได้ แนะควรได้รับการตรวจเพื่อรับการรักษาที่ถูกต้องต่อไป โรคติกส์ เป็นโรคในกลุ่มการเคลื่อนไหวผิดปกติ(movement disorders) มักพบในเด็กวัยเรียน (5-7ปี) โดยมาในรูปแบบของการเคลื่อนไหวซ้ำรูปแบบเดิมที่ไม่มีจุดประสงค์ เช่น กระพริบตา ยักคิ้ว แสยะยิ้ม พยักหน้า ยักไหล่ กระโดดหรือมีอาการกระตุกตามส่วนต่างๆ ของร่างกายที่ควบคุมไม่ได้ โดยส่วนมากผู้ป่วยมักมีความรู้สึกภายในบางอย่างนำมาก่อนที่จะเกิดอาการเคลื่อนไหว และเมื่อเคลื่อนไหวแล้วจะทำให้ความรู้สึกนั้นหายไปเหมือนได้รับการปลดปล่อย หากผู้ป่วยพยายามบังคับไม่เคลื่อนไหวจะทำให้รู้สึกอัดอั้นไม่สบายใจ ภาวะกล้ามเนื้อกระตุกสัญญาณเตือน “โรคติกส์” ควรรีบพบแพทย์ อย่างไรก็ตามผู้ป่วยสามารถที่จะอดกลั้นต่อความต้องการที่จะเคลื่อนไหวผิดปกติได้ในระยะเวลาสั้นๆ (temporary suppression) ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของโรคติกส์ โรคนี้อาจทำให้ผู้ป่วยเสียบุคลิก ขาดความมั่นใจส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน และอาจเกิดความผิดปกติอื่นตามมา ดังนั้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้อง ในผู้ป่วยบางรายอาจมา ในรูปแบบการส่งเสียงที่ผิดปกติ เช่น กระแอม เสียงกลืนน้ำลาย หรือกรณีที่มีอาการมากอาจเป็นลักษณะการพูดซ้ำ พูดเลียนแบบ หรือพูดคำหยาบคาย เป็นต้น แต่ถ้าหากผู้ป่วยมีอาการแสดงทั้งการเคลื่อนไหว และการส่งสียงผิดปกติ จะเรียกว่าโรคทูเร็ตต์ ในโรคกลุ่มนี้อาจมีอาการของกลุ่มโรคจิตเวชนำมาก่อน เช่น โรคย้ำคิดย้ำทำ โรคสมาธิสั้น เป็นต้น ส่วนสาเหตุของการเกิดโรคติกส์ อาจเกิดจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม […]