ไม่ใช่สีชมพูก็หวานได้ กับ 10 ธีมสีงานแต่งงานหวานแหววสุดโรแมนติก

account_circle

เบื่อกันไหมกับ ธีมสีงานแต่งงาน สีชมพูสุดหวานแหวว ซึ่งถ้าคุณกำลังตามหาสีอื่นๆ ที่มาให้ความหวานโรแมนติกในวันงาน แพรว wedding หามานำเสนอแล้ว กับไอเดียสีหวาน 10 สีที่ไม่มีสีชมพูมาเอี่ยว มาเริ่มที่สีแรกกันเลยค่ะ

Soft Gray

หวานได้ด้วยสีเทาอ่อนและการจัดเซ็นเตอร์พีชทรงสูงด้วยไม้ใบแบบนี้ ให้ความรู้สึกเป็นงานแต่งงานที่ใส่ไอเดียไม่ซ้ำใครแถมยังได้อารมณ์สดชื่นและโปร่งสบาย

Peach

เลี่ยงสีสุดฮิตอย่างสีชมพูด้วยการหันมาใช้บริการสีพีชที่ให้ความส้มอ่อนๆ และแซมใส่ด้วยสีเหลืองคู่กับสีขาวกับดอกไม้สวยๆ ที่คู่ควรกับเจ้าสาวแบบคุณ

Sea Glass

งานแต่งงานริมทะเลสุดโรแมนติกด้วยสีฟ้าน้ำทะเลในหลายเฉดที่ให้ทั้งความรู้สึกผ่อนคลายและแสนเข้ากันกับงานแต่งงานในฝันของคุณ 

White & Beige

อ่อนหวานและให้ความละมุนแบบบวกๆ กับการจับคู่สีนุ่มๆ ของสีขาวและสีเบจ ถ้าจะให้ดีและดูมีความเป็นธรรมชาติ ต้องไม่ลืมใส่ดอกไม้แห้งสีน้ำตาลลงไปด้วย

Gentle Blue

สีฟ้าอ่อนๆ ถึงอ่อนมากจับคู่กับเก้าอี้สีขาวและตั้งไว้ในงานแต่งงานเอาทดอร์ รับรองว่าความฟ้านี้จะช่วยเพิ่มความสดใสให้งานแต่งงานภายใต้ท้องฟ้าสีครามอย่างแน่นอน

Muted Orange

ใส่สีส้มให้กับเซ็นเตอร์พีชของงานด้วยการเลือกใช้ผลส้มและลูกพีช ตัดด้วยใบ้ไม้สีเขียวบนโต๊ะไม้ในงานแต่งสไตล์รัสติค

Gray & Marigold

อย่าคิดว่าสีเทาคือความหม่นหมอง ของแบบนี้อยู่ที่ว่าคุณจะเลือกให้สีเทาอยู่คู่กับอะไร อย่างครั้งนี้คือเทาคู่กับส้มทองที่แซมด้วยสีเหลืองสุดสดใส ให้ความรู้สึกถึงครอบครัวใหม่ที่เพิ่งเปิดตัว

Green & White

สีขาวเขียวยังคงเป็นสีสุดฮิตและอมตะนิรันดร์กาล เพราะจับคู่เข้ากันได้ไม่ยาก แต่ถ้าอยากใส่กิมมิคลงไป ลองเอาใบโคลเวอร์มาเป็นอินสไปเรชั่นดูสิคะ

Lavender

เมื่อก่อนคนไทยบอกว่า สีม่วงคือสีแม่ม่าย แต่ตอนนี้สีม่วงคือสียอดฮิตที่ช่วยนำมาซึ่งความสงบ เยือกเย็น แต่แฝงไว้ด้วยความหรูหรา

Soft Yellow 

ไม่มีอะไรที่จะนำความรู้สึกของความสุขได้มากกว่าสีเหลือง และนี่จะเป็นอีกวิธีหนึ่งในการทำให้แขกของคุณรู้สึกสดชื่นตามไปกับสตอรี่เลิฟของคุณ ยิ่งถ้าเติมแต่งด้วยคำศัพท์น่ารักๆ หรือประโยครักๆ โดนใจลงไปในงานแต่งแบบนี้ รับรองว่าอินกันทั้งงาน

เป็นยังไงกันบ้างคะ กับ 10 สีที่ให้ความหวานในงานไม่แพ้สีชมพู ลองเลือกใช้สีที่เหมาะกับคุณดูนะคะ เราเชื่อว่างานแต่งของคุณจะออกมาดูดีและหวานมากไม่แพ้งานไหนๆ แน่นอนค่ะ

>> ดูไอเดียงานแต่งงานเพิ่มเติม คลิกเลย <<

5 เรื่องเช็กให้ชัวร์ก่อนแต่ง ช่วยถนอมชีวิตหลังแต่งงานให้ราบรื่น

account_circle

แน่นอนค่ะว่าการแต่งงานคือจุดเริ่มต้นของชีวิตคู่ แต่สิ่งสำคัญก็คือ หลังจากวันวิวาห์ผ่านพ้นไปจะประคอง ชีวิตหลังแต่งงาน อย่างไรให้ราบรื่นและมีความสุข เรามีเคล็ดไม่ลับสำหรับชีวิตคู่มาฝากคู่รักที่กำลังจะตัดสินใจแต่งงานค่ะ

1. ดูให้แน่ใจว่าคุณรู้จักคนรักดีพอ ก่อนจะตอบตกลงแต่งงาน

สิ่งสำคัญของการแต่งงานไม่ได้อยู่ที่ว่าคุณแต่งงานเร็วหรือช้า แต่อยู่ที่ว่าระหว่างที่คุณและคนรักคบกันได้เรียนรู้อะไรของกันและกันบ้าง เขาเป็นคนแบบไหน ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร พูดง่ายๆ ก็คือ “คุณรู้จักเขาดีแค่ไหน” เพราะการแต่งงานคือการใช้ชีวิตอยู่กับสิ่งที่เขาเป็น ไม่ใช่แค่หวังว่าแต่งไปแล้วเขาจะเปลี่ยนตัวเองในแบบที่คุณต้องการ ถ้าคุณคิดแบบนี้ก็เตรียมรับมือกับเรื่องปวดหัวหลังชีวิตคู่เริ่มต้นได้เลย

2. แต่งงานกับคนที่มีอะไรคล้ายกัน

เรามักจะได้ยินว่า “เหมือนกันเกินไป” มักจะไปด้วยกันไม่ได้ ซึ่งแพรวเวดดิ้งว่ามันก็จริงนะคะ แต่ถ้าจะให้แต่งงานกับคนที่ “ต่างกันเกินไป” ก็คงไปไม่รอดอยู่ดีใช่ไหมล่ะ ถ้าเพียงแค่คุณฟังเพลงคนละแนว ชอบดูหนังคนประเภท ก็ไม่ได้หมายความว่าชีวิตคู่จะล้มเหลวนะคะ สิ่งที่คุณควรจะโฟกัสให้มีคล้ายกันหรือเหมือนกันก็คือ มุมมองการใช้ชีวิต การใช้เงิน การมีลูก และแผนการในอนาคต เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องใหญ่ของชีวิตคู่ ต่างกันนิดหน่อยในเรื่องไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตก็พอไหว แต่เรื่องสำคัญๆ ขอให้คิดไปในทางเดียวกัน ขาเตียงจะได้ไม่หักภายหลัง

3. การสื่อสาร พูดคุย เป็นสิ่งสำคัญ

การหันหน้าเข้าหากันและพูดคุยกันคือเรื่องสำคัญในชีวิตคู่นะคะ หลายครั้งที่คู่ชีวิตต้องเผชิญปัญหาต่างๆ มีทะเลาะเบาะแว้งกันบ้างเป็นเรื่องธรรมดา แต่สิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ปัญหาคลี่คลายไปได้คือการ “เปิดใจคุยกัน” ช่วยกันคิดหาหนทางแก้ไข ลดทิฐิของตัวเองลงบ้าง แล้วชีวิตคู่ก็จะราบรื่น

4. การแต่งงานคือพันธะสัญญาระหว่างกัน

ขอให้คุณจำไว้ว่าการแต่งงานคือการสร้างพันธะสัญญาสำคัญระหว่างกันและกัน การอยู่เคียงข้างกันไม่ว่าจะเจอเรื่องร้ายหรือดี อย่างที่เขาว่ามีสุขร่วมสุข มีความทุกข์ให้ช่วยกันแก้ไข ลองค่อยๆ คิดหาหนทางกันไป ฮีบินเชื่อว่าทุกปัญหามีทางออกค่ะ บางคนอาจคิดว่าการเซ็นใบหย่าคือทางออกที่ดีที่สุดเมื่อพบเจอกับปัญหา แต่ขอให้มันเป็นทางเลือกสุดท้ายแล้วกันนะคะ

5. เราคือทีมเดียวกัน

ช่วงระยะเวลาที่คุณตอบตกลงแต่งงานของให้คุณจำไว้ว่า คุณได้กลายเป็นหนึ่งเดียวกันตั้งแต่วินาทีนั้นแล้ว ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น จะดีหรือร้ายก็เป็นความรับผิดชอบของคุณทั้งคู่ ถ้าใครคนหนึ่งผิดพลาด ไม่ควรโยนความผิดไปมา เพราะการอยู่เคียงข้างกัน ให้กำลังใจกัน ช่วยเหลือกันจะทำให้คุณเรียนรู้และเข้าใจกันมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้ความสัมพันธ์ของคุณแข็งแรงขึ้นด้วย

5 ข้อที่บอกไปนี้ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับคนรักกันนะคะ ลองนำไปหรับใช้กับชีวิตคู่ที่กำลังจะเริ่มต้น รับรองว่าความรักจะราบรื่น แข็งแรง ไม่แตกหักง่ายๆ แน่นอน

>> อ่านบทความเกี่ยวกับความรักและความสัมพันธ์เพิ่มเติม คลิกเลย <<

ข้อมูล : www.cheatsheet.com

10 วิธีง้อแฟนให้เธอยอมใจอ่อนแบบง่ายๆ รับรองสำเร็จภายใน 1 วัน

account_circle

คนรักกันก็ต้องมีบ้างที่กระทบกระทั่งกันจนเกิดอาการพ่อแง่แม่งอน แต่ถ้าคนหนึ่งงอนอีกคนก็ต้องง้อสิคะ แต่จะง้อยังไงให้เขาหรือเธอยอมใจอ่อน เรามีคำแนะนำมาฝากกันกับ 10 วิธีง้อแฟน หากตอนนี้แฟนคุณกำลังงอนตุ๊บป่องอยู่ล่ะก็ ลองเลือกไปใช้ดูสักมุกนะคะ

1. ของขวัญแทนคำขอโทษ

คำขอโทษที่มาพร้อมกับของขวัญถูกใจสักชิ้นน่าจะทำให้เขาหรือเธอใจอ่อนได้ง่ายขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคุณก็ต้องรู้นะคะว่าเขาหรือเธอชอบอะไรไม่ชอบอะไร เพราะถ้าของขวัญไม่ถูกใจอาจจะกลายเป็นความแป้กไปเลยก็ได้

2. ง้อด้วยดอกไม้

ผู้หญิงส่วนมากชื่นชอบความสวยงามของดอกไม้ค่ะ ยิ่งถ้าเธอได้รับดอกไม้ที่ชอบพร้อมคำขอโทษอย่างจริงใจสถานการณ์ขุ่นมัวของเธอจะดีขึ้นจนหายสนิทแน่นอน  แต่บอกไว้เลยนะคะว่า ใครที่คิดว่าวิธีนี้เหมาะสำหรับให้หนุ่มๆ นำไปใช้ง้อสาวๆ เท่านั้น ขอให้คิดใหม่ค่ะ เพราะจริงๆ แล้ว การให้ดอกไม้หนุ่มข้างกายเพื่อแทนคำขอโทษก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามนะคะ เพราะดอกไม้ที่แฝงไปด้วยความอ่อนโยนจะช่วยขัดเกลาให้ใจเขาอ่อนยวบก็เป็นได้

3. มอบเพลงแทนใจ

ถ้าเขินอายที่จะง้อหรือขอโทษกันตรงๆ ใช้บทเพลงเป็นตัวช่วยสิคะ จะส่งเพลงที่มีความหมายตรงใจไปให้ฟังเฉยๆ ก็ได้ แต่ถ้ากลัวว่าจะธรรมดาเกินไปก็ร้องเองเล่นเองมันซะเลย จะอัดคลิปแล้วส่งไปให้ดูหรือร้องสดๆ ให้ฟังกันต่อหน้า ถ้าจะให้ดีเริดประเสริฐศรีจัดรีวิวประกอบเพลงไปด้วยเลย รับรองเวิร์คแน่

4. พาไปทานของอร่อย

วิธีนี้ต้องอาศัยการจดจำและใส่ใจรายละเอียด ต้องรู้ว่าเขาหรือเธอชอบทานอะไรและโปรดปรานร้านไหนเป็นพิเศษ ถึงยามเขาหรือเธอมีอาการงอนตุ๊บป่องเมื่อไหร่ จะได้งัดไม้นี้มาใช้แบบไม่พลาด แต่ค่ะแต่…ถ้าคนข้างกายของคุณกำลังอยู่ในช่วงควบคุมน้ำหนัก จะใช้มุกนี้ต้องคิดก่อนให้จงหนัก โดยเลือกร้านที่ไม่ทำให้เธอพุงป่องน้ำหนักทะลุ ไม่งั้นจะกลายเป็นกริ้วกว่าเดิมไม่รู้ด้วยนะ

5. โชว์ฝีมือให้เธอชิม  

เบื่อแล้วมุกเข้าร้านอาหารพาไปง้องอน งั้นลองมาเช็คดูสิว่าคุณเป็นคนที่มีเสน่ห์ปลายจวักหรือเปล่า ถ้ามีจงงัดมันมาใช้ให้เป็นประโยชน์ เพราะอาหารจานโปรดของเขาหรือเธอจากฝีมือคุณ แสดงออกได้ถึงความตั้งอกตั้งใจและความใส่ใจที่คุณมี วิธีนี้จึงน่าจะทำให้เขาหรือเธอบรรเทาความโกรธลงได้ แต่ถ้าคุณคิดว่ารสมือไม่เสถียรหรือรสชาติไม่น่าลองแน่นอนก็ทอดแค่ไข่เจียวให้เขาทานก็ยังได้ เชื่อสิว่าเขาจะเห็นความพยายามของคุณอย่างแน่นอน

6. จัดทริปแสนสวีท

บางทีบรรยากาศเดิมๆ อาจไม่เป็นใจให้เขาหรือเธอหายโกรธ ลองพากันไปเปลี่ยนบรรยากาศด้วยทริปท่องเที่ยวแสนสวีทสิค่ะ จะเป็นภูเขาหรือทะเลก็เลือกกันตามใจชอบ เชื่อสิว่าบรรยากาศดีๆ จะช่วยประสานใจให้คืนดีกันได้ง่ายขึ้น ยิ่งถ้าจัดสร้างโมเม้นต์สวีทขึ้นมาระหว่างทริปด้วยละก็ บรรยากาศแห่งความหวานชื่นหวนคืนมาเร็วอย่างแน่นอน

7. พาไปช้อปปิ้ง

วิธีนี้หนุ่มๆ ต้องรีบเมมโมรี่ไว้ เพราะรับประกันได้เลยว่าน่าจะได้ผลชะงัดนัก ถ้านำไปใช้ง้อคุณผู้หญิงขาช้อปทั้งหลาย ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ แค่ประโยคที่ว่า “ไปช้อปปิ้งกันไหม” จะทำให้เจ้าหล่อนอารมณ์ดีขึ้นได้และหายงอนเป็นปลิดทิ้ง

8. ปล่อยมุกให้เธอยิ้ม  

ในช่วงเวลาวิกฤติที่เขาหรือเธอบึ้งตึงใส่ มุกตลกหรือมุกเสี่ยวทั้งหลายก็ใช้ได้ผลเหมือนกันนะคะ หยอดไปทีละมุกสองมุกให้อมยิ้ม พอเขาหรือเธอเริ่มผ่อนคลาย ก็จะเคลียร์กันได้ง่ายขึ้น (แต่ถ้าคุณทำผิดร้ายแรงวิธีนี้ก็อาจจะใช้ไม่ได้ผลนะคะ)

9. ทำเซอร์ไพร้ส์

ถ้าลองมาสารพัดวิธีแล้วยังไม่สำเร็จ คงต้องงัดไม้เด็ดอย่างการทำเซอร์ไพร้ส์มาช่วยง้อแล้วล่ะ อาจต้องคิดสักนิดว่าอะไรที่จะทำให้เขาหรือเธอประหลาดใจได้บ้าง เช่น ทำในสิ่งที่คุณไม่เคยทำมาก่อน ซื้อของที่เขาหรือเธอไม่คิดว่าคุณจะซื้อให้

10. พูดตรงๆ ไปเลย

สุดท้ายเป็นวิธีง่ายๆ สไตล์แมนๆ ทำอะไรผิดไว้ก็ขอโทษกันไป ขอแค่ใส่ความจริงใจลงไปให้เกินร้อย อาจตบท้ายด้วยคำมั่นสัญญาว่าจะไม่ทำผิดซ้ำอีก (อันนี้ต้องแน่ใจว่าสามารถทำได้จริงด้วยนะคะ) สำนึกผิดขนาดนี้ คงไม่มีใครใจร้ายใจดำโกรธกันนานๆ หรอก

>> อ่านบทความเกี่ยวกับความรักและความสัมพันธ์เพิ่มเติม คลิกเลย <<

แต่งงานอายุเท่าไหร่ ? สาวไป แก่ไป แต่งตอนนี้เร็วไปหรือช้าไปนะ

account_circle

หลายคนมักจะมีคำถามว่า แต่งงานอายุเท่าไหร่ ถึงจะเหมาะสม? ถ้าย้อนไปเมื่อร้อยกว่าปีก่อนก็คงตอบกันว่า 16-17 ปีกำลังเป็นวัยขบเผาะพอดี แต่พอมายุคสมัยนี้บางคนก็ว่า 25 ไหมละ ไม่ช้าไม่เร็ว ถ้าอย่างนั้นไปดูกันดีกว่าว่า หญิงชายเขาคิดจะแต่งงานตอนอายุเท่าไหร่กันบ้าง

คำถามที่หลายคนสงสัย แต่งงานอายุเท่าไหร่ ถึงจะเหมาะสม?

แต่งงานอายุเท่าไหร่
Photo by freestocks on Unsplash

สาวใส 20-23 ปี : รักวัยรุ่น โลกนี้ยังสีชมพู

อย่างที่รู้ๆ กันว่า หนุ่มสาวสมัยนี้บางคนก็ใจเร็วด่วนได้ อยากรีบแต่งงานกันไวๆ แต่สำหรับใครที่คิดจะแต่งงานในช่วงอายุเท่านี้ แพรวเวดดิ้งขอเตือนให้ระวังและคิดให้ดีๆ เพราะความสัมพันธ์ในช่วงวัยสะรุ่นแบบนี้ 99% มักจะรักร้าง เลิกรา อยู่กันไม่ยืด เนื่องจากมุมมองความรักของหนุ่มสาววัยนี้ยังมีความโลกสวยแบบในซีรี่ส์เกาหลี เพ้อฝันว่ารักฉันดีเป็นสีชมพู บางคนก็ยังไม่ทำงานทำการ บางคู่ยังเรียนไม่จบเสียด้วยซ้ำ พอแต่งงานกันไปแล้วอายุเพิ่มขึ้น ความคิดโตขึ้น ก็มักจะพบความจริงว่ารักที่เคยฝันไว้กลับกลายไม่เหมือนฝันซะแล้ว สุดท้ายก็จบด้วยการเลิกรา เอาเป็นว่าอย่าเพิ่งรีบ รออีกสักปีสองปีค่อยคิดแต่งก็ยังทัน

แต่งงานอายุเท่าไหร่
Photo by Gift Habeshaw on Unsplash

าวพร้อม 25-30 ปี : ช่วงอายุพอดิบพอดี ใครๆ ก็แต่งกัน

ใครที่บ่มเพาะความรักจนเข้าขั้นมั่นใจว่าคนนี้ใช่แล้ว ช่วงอายุนี้แหละค่ะถึงเวลาที่คุณควรจะสละโสดเสียที (รอนานไปเดี๋ยวจะเฉา) ซึ่งอายุส่วนใหญ่ที่สาวๆ ตั้งเป้าไว้ก็จะอยู่ที่ 25-28 ปี เพราะช่วงนี้คุณจะเรียนจบแล้ว ทำงานแล้ว ได้พบปะคนหลากหลายทำให้มีมุมมองและทัศนคติในเรื่องความรักและชีวิตครอบครัวที่สมเหตุสมผลมากขึ้น ไม่เพ้อฝันโลกสวยแบบตอนเด็กๆ อีกทั้งยังเป็นช่วงที่ร่างกายสมบูรณ์พร้อมผลิตทายาทเต็มที่ ใครที่ไม่โสดแล้วแพรวเวดดิ้งก็ขอบอกว่า แต่งงานเหอะ!

แต่งงานอายุเท่าไหร่
Photo by Gift Habeshaw on Unsplash

สาวใหญ่ 31-35 ปี : รักมาช้า แต่ก็ยังมาให้ได้แต่ง

ปฏิเสธไม่ได้ว่าสาวๆ หลายคนก็โสดจนอายุเหยียบเลข 3 เรียกได้ว่าเกือบจะไม่ทันรถไฟขบวนสุดท้าย บางคนเรียนจบปริญญาโท ปริญญาเอกมาหลายปี มีชีวิตหน้าที่การงานที่ดีและมั่นคง พรั่งพร้อมทั้งฐานะและเงินทอง บางคนออกอาการเจ้าสาวกลัวฝน ความรู้เยอะสเป็กคู่ชีวิตก็สูงตาม อยากได้คนที่พร้อมจะรักและแต่งงานใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันจริงๆ หมดเวลาที่จะมาคุยกันเล่นๆ ข้อดีก็คือคนวัยนี้จะมีมุมมองความรักที่ชัดเจนมากขึ้น มีเหตุมีผล และวางแผนอนาคตครอบครัวได้ดี ส่วนเรื่องที่ต้องระวังก็คงเป็นเรื่องลูก เพราะอายุก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้ว ถ้าคิดจะมีลูกต้องปรึกษาคุณหมอและดูแลสุขภาพตัวเองมากเป็นพิเศษ

Photo by NATHAN MULLET on Unsplash

ผู้ชายเพียบพร้อม 30-35 ปี : ความจริงที่ผู้ชายคิดไว้

ถ้าคุณวิ่งไปถามผู้หญิงว่าอยากแต่งงานเมื่อไหร่ คำตอบก็จะสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ช่วงตามที่แพรวเวดดิ้งบอกไว้ข้างบน แต่ถ้าคุณถามผู้ชาย 80% มักจะตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า อายุ 30-35 ปี เป็นช่วงที่เหมาะสมที่สุด เพราะว่าผู้ชายจะติดภาพการเป็นหัวหน้าครอบครัว มีหน้าที่ต้องดูแลคนรักและลูกๆ ผู้ชายส่วนใหญ่จึงมองว่าควรจะสร้างเนื้อสร้างตัว และลงหลักปักฐานให้มั่นคงก่อนจะรับใครสักคนเข้ามาดูแล บางคนก็อยากบวชก่อนได้เบียด แต่กว่าจะหาเวลาปลีกตัวจากงานไปบวชได้ก็ 20 ปลายๆ เสียแล้ว ฮ่าๆ

จากความจริงข้อสุดท้ายของผู้ชาย แพรวเวดดิ้งก็เลยแอบคิดว่า ถ้าจะให้หญิงชายบาลานซ์กัน คุณผู้หญิงควรจะมีแฟนแก่กว่าตัวเองสัก 3-5 ปี ส่วนคุณผู้ชายก็ต้องหัดเคี้ยวหญ้าอ่อนกว่าตัวเองสัก 3-5 ปี แบบนี้ Demand และ Supply จะได้พอดีกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับวุฒิภาวะ ความคิดความอ่าน และความรับผิดชอบในชีวิตของแต่ละคนด้วยนะจ๊ะ

ภาพ : Unsplash.com

>> อ่านบทความเกี่ยวกับความรักและความสัมพันธ์เพิ่มเติม คลิกเลย <<

BOYY UP

BOYY UP แฟชั่นกระเป๋า คอลเล็กชั่นสุดลิมิเต็ด ดีไซน์เก๋ใส่ใจสิ่งแวดล้อม

BOYY UP
BOYY UP

BOYY UP คอลเล็คชั่นล่าสุดจาก BOYY ที่ได้แนวคิดการออกแบบจากสองผู้ก่อตั้ง BOYY เจสซี่ ดอร์ซี่ และวรรณศิริ คงมั่น โดยคอลเล็คชั่นนี้จะไม่ได้มีแค่กระเป๋าและไอเท็มที่คุ้นตาเท่านั้น

BOYY UP

BOYY UP เป็นคอลเล็คชั่นที่สร้างขึ้นมาเพื่อเป็นหนึ่งในวิถีทางของ BOYY เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างสร้างสรรค์ และเพื่อสร้างโปรดักต์ที่มหัศจรรย์ ยั่งยืน และสร้างแรงบันดาลใจ ส่วนหนึ่งของรายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของ BOYY UP จะบริจาคให้กับ ‘Rabbit in the Moon Foundation’ มูลนิธิที่สร้างความเข้าใจระหว่างสังคม สิ่งแวดล้อม และธรรมชาติ รวมถึงระบบนิเวศให้กับเด็กๆ โดยจะเผยโฉมครั้งแรกในวันที่ 18 กันยายน 2020 ที่ สยาม พารากอน ศูนย์กลางวัฒนธรรมและการค้าใจกลางย่านช้อปปิ้งของกรุงเทพฯ และสามารถเข้าชมได้จนถึงวันที่ 3 มกราคม 2021 ภายในพื้นที่ป๊อบอัพสเปซโทนสี ‘Muted Cream’ ที่ให้คุณได้สัมผัสกับประสบการณ์สุดพิเศษผ่านคอลเล็กชั่นสุดลิมิเต็ดของ BOYY UP

BOYY UP

นอกจากภายในพื้นที่ป๊อปอัพของ BOYY UP แล้ว สาวกของ BOYY ยังสามารถรับชมเรื่องราวเกี่ยวกับแนวคิดออกแบบผ่านทางไมโครไซต์ www.boyy-up.com ที่นำเสนอต้นกำเนิด เรื่องราว และการทำงานเบื้องหลังผ่านสารคดีชุด 3 ตอน รวมไปถึงรายละเอียดเกี่ยวกับการสร้างและหลอมรวมองค์ประกอบต่างๆ จนเกิดเป็นคอลเล็กชั่นนี้ ถ่ายทอดผ่านเรื่องราวการเดินทางของความคิดสร้างสรรค์อันเป็นเอกลักษณ์ของผลงานแต่ละชิ้น

BOYY UP

 

อ่านเรื่องราวอื่นๆ ที่นี่

มีอะไรพิเศษบ้าง? กระเป๋ารุ่นใหม่ BOYY CRUISE 19 มาพร้อมป็อปอัพสโตร์แห่งแรกในโลก

เปิดลิสต์ 16 กระเป๋า Navy Blue โทนสีสุภาพ เรียบหรู แมทช์กับชุดไหนก็ดูแพง

สวนกระแส! เหตุใดความต้องการซื้อ สินค้าแบรนด์เนม ของจีนจะเพิ่มขึ้น 30% ในปีนี้

แม่เลิฟเล็กๆ! ม.ล.พลอยนภัส เผยคลังกระเป๋าแบรนด์เนมไซส์มินิ แต่มูลค่ามหาโหด

แม่เลิฟเล็กๆ! ม.ล.พลอยนภัส เผยคลังกระเป๋าแบรนด์เนมไซส์มินิ แต่มูลค่ามหาโหด

Alternative Textaccount_circle
แม่เลิฟเล็กๆ! ม.ล.พลอยนภัส เผยคลังกระเป๋าแบรนด์เนมไซส์มินิ แต่มูลค่ามหาโหด
แม่เลิฟเล็กๆ! ม.ล.พลอยนภัส เผยคลังกระเป๋าแบรนด์เนมไซส์มินิ แต่มูลค่ามหาโหด

บุกคลังกระเป๋าแบรนด์เนมไซส์มินิ แต่มูลค่ามหาโหดของ ‘ม.ล.พลอยนภัส ลีนุตพงษ์’ บอกเลยว่าน่ารักและเลอค่าทุกใบ ยั่วใจสาวกไฮเอนด์มากแม่!

เรื่องของความหลงใหล ความนิยมชมชอบ หรือที่เรียกว่า “แพสชั่น” ของแต่ละคนนั้น ย่อมแตกต่างกันไป สำหรับสาวนักธุรกิจคนนี้ คุณขวัญ – ม.ล.พลอยนภัส ลีนุตพงษ์ เธอรักและชื่นชอบกระเป๋าไซส์มินิเป็นพิเศษ จึงเป็นที่มาของคลังมินิแบ็กกว่า 50 ใบ ซึ่งครั้งนี้ แพรว คัดมาให้ชมเฉพาะไซส์มินิใบเริ่ดๆ คูลๆ กระตุกต่อมอยากสะสมยิ่งนัก

จากไซส์ใหญ่ถึงไซส์เล็ก

กระเป๋าที่ขวัญมีไม่ได้เพิ่งมาซื้อช่วงไม่กี่ปีมานี้นะคะ แต่เก็บสะสมมาเรื่อยๆ ขวัญชอบรองเท้าและกระเป๋าที่มีลูกเล่นแตกต่างกันไปตามดีไซน์

จำได้ว่ากระเป๋าแบรนด์เนมที่ขวัญและพี่แก้ว (ม.ล.อรดิศ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา) ได้รับจากคุณพ่อ (ม.ร.ว.ศุภดิศ ดิศกุล) คนละใบคือกระเป๋า Gucci รุ่นขอนไม้ เวลาใช้กระเป๋าใบนี้ทีไร จะรู้สึกว่าท่านรักและดูแลเอาใจใส่เราเสมอ จนตอนหลังที่ขวัญทำงานหารายได้เอง เริ่มรู้จักบริหารเงิน ซื้อเสื้อผ้าน้อยลง กินข้าวที่บ้านแทนที่จะออกไปกินข้าวนอกบ้าน เพื่อเก็บเงินซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมมูลค่าสูงๆ ไว้ใช้ เป็นความภูมิใจของเราเอง ทุกครั้งที่ซื้อกระเป๋า ขวัญไม่เคยรู้สึกว่าซื้อของฟุ่มเฟือย เพราะเราได้ใช้งานตลอด กระเป๋ากับรองเท้าเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้รู้สึกมั่นใจเวลาทำงาน ทั้งเวลาทำงานที่ออฟฟิศ ไปงานขอบคุณลูกค้าที่ให้เกียรติใช้สินค้าและบริการของเรา รวมทั้งการไปออกงานอื่นๆ เวลาคนเห็นเราถือกระเป๋า เขาก็จะกรี๊ดกับความน่ารักของกระเป๋า

กว่าสิบปีที่ขวัญเก็บสะสมมา ราคากระเป๋าขึ้นตลอด ไม่มีตก แต่เราก็ต้องวิเคราะห์ว่าควรเก็บใบไหน รุ่นไหน ไม่ต่างอะไรกับการซื้อขายหุ้น

แม่เลิฟเล็กๆ! ม.ล.พลอยนภัส เผยคลังกระเป๋าแบรนด์เนมไซส์มินิ แต่มูลค่ามหาโหด

4 Hermes Kelly Doll กระเป๋าไซส์มินิสุดโปรด

ก่อนหน้านี้ขวัญใช้กระเป๋า Birkin ไซส์ 35 ซึ่งพอใช้กระเป๋าใบใหญ่ เรามักจะใส่ของลงไปเกินความจำเป็น เช่น ที่ปัดแก้ม ดินสอเขียนคิ้ว ทั้งที่ไม่เคยหยิบออกมาใช้ระหว่างวันเลย หรือกระเป๋าใส่ยาที่ยาเก่าหมดอายุ โทรศัพท์มือถือสองเครื่อง กล้องถ่ายรูป สมุดจดงาน ไอแพ็ด ฯลฯ เพราะคิดว่ามีกระเป๋าแล้วก็ใช้ๆ ไป ตอนนั้นกระเป๋าไซส์เล็กสุดที่ใช้คือ Kelly ไซส์ 25 แต่ตอนนี้กลายเป็นใหญ่เกินไปสำหรับขวัญแล้ว จะใช้เฉพาะเวลาออกงานใหญ่ๆ เท่านั้น ถ้าไปงานน่ารักๆ ขวัญชอบใช้กระเป๋าไซส์มินิแทน เพราะรู้สึกว่าความเล็กคือความน่ารัก ความสนุกและคล่องตัว ไม่ต้องคอยพะวงกับกระเป๋าใบใหญ่ ตอนหลังจึงกลายเป็นว่าพอเราจำกัดพื้นที่กระเป๋าเล็กก็จะใส่แต่ของที่จำเป็นต้องใช้จริงๆ เช่น ลิปสติก โทรศัพท์มือถือ บัตรเครดิต เพราะขนาดมันใส่ได้แค่นั้น (หัวเราะ)

กระเป๋าไซส์มินิใบแรกที่ขวัญซื้อเมื่อสิบปีที่แล้วเป็นแอร์เมส รุ่น Kelly Doll สีส้ม ความพิเศษคือเป็นกระเป๋าที่มีคิ้ว ตา ปาก แขน และเท้าคล้ายตุ๊กตา สามารถขยับแขนได้ตามชอบ จะทำท่ากอดหรือยกมือก็ได้ มีขาน่ารักๆ เห็นแล้วชอบ จึงซื้อมาจากร้านค้ามือสอง (Reseller) ใบละกว่าสองแสนบาท โดยที่ไม่ได้คิดว่าจะใช้ เพราะไซส์เล็กมาก (ลากเสียงสูง) ถ้าเทียบกับเบอร์กิ้นไซส์ 35 ที่ใช้อยู่ แต่พอได้ใบแรกมารู้สึกว่าดูน่ารัก อยากได้อีก จึงซื้อใบสีดำด้วย จนวันหนึ่งมีคนที่ได้กระเป๋าเคลลี่ดอลล์จากช็อปแอร์เมสราคาแสนกว่าบาทมาบอกขวัญว่าตอนนี้กระเป๋ารุ่นนี้ราคาขึ้น พอรู้ราคาที่เขาได้มา ขวัญบอกเลยว่าเขาได้ราคาที่น่าอิจฉามาก (หัวเราะ) ขณะที่เราได้ราคารีเซลเลอร์ที่เขาบวกๆ กันมาหลายทอด

แม่เลิฟเล็กๆ! ม.ล.พลอยนภัส เผยคลังกระเป๋าแบรนด์เนมไซส์มินิ แต่มูลค่ามหาโหด

ช่วงนั้นจากที่ขวัญใช้กระเป๋าไซส์มินิเฉพาะเวลาออกงาน ตอนหลังขยับมาใช้ในชีวิตประจำวันด้วย ทั้งถือไปทำงาน ไปเดินห้างสรรพสินค้า ฯลฯ รู้สึกทะมัดทะแมงดี ยิ่งตอนนี้ขวัญทำงานเกี่ยวกับรถซูเปอร์คาร์ จะให้ไปออกงานกับลูกค้าแล้วถือกระเป๋าคุณนายก็อาจดูไม่เหมาะ เราต้องทำตัวให้ทะมัดทะแมง เพราะต้องคอยดูแลลูกค้าด้วย จึงเลือกหยิบกระเป๋าไซส์มินิมาใช้บ่อย สามารถสะพายเป็นครอสบอดี้ได้ ดูแลลูกค้าได้เต็มที่ จึงจำเป็นต้องมีไว้หลายๆ สีเพื่อให้เข้ากับการออกงาน เพราะขวัญชอบการวางแผน ไม่ชอบเหตุการณ์ที่เมื่อต้องไปออกงานแล้วไม่มีชุดใส่ ต้องรีบออกไปช็อปปิ้งหาชุด เพราะฉะนั้นจึงมีเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋าครบทุกสี เรียกว่าพร้อมออกงานได้ทุกธีม ขอให้บอก (ยิ้ม)

จากนั้นได้เคลลี่ดอลล์สีม่วงจากรีเซลเลอร์ราคาเกือบหนึ่งล้านบาท ยอมรับว่าการซื้อกระเป๋าไซส์มินิตอนหลังกลายเป็นความชอบส่วนตัวล้วนๆ เหมือนเป็นรางวัลชีวิตให้ตัวเอง เพราะเราชอบและภูมิใจที่ซื้อด้วยเงินเราเอง หรือบางชิ้น พี่นัท (อภิชาติ – สามี) ซื้อให้ เพราะรู้ว่าชอบ เวลาวางไว้ด้วยกันแล้วน่ารักดี เคลลี่ดอลล์ใบที่สี่เป็นสีเหลือง เท้าสีชมพู ซึ่งเป็นใบหายากอีกเช่นกัน เสิร์ชหาแล้วไม่มีใครมีเลย จึงแจ้งไปทางช็อปว่าถ้ามีสีนี้เข้ามาให้บอกด้วย ปรากฏว่าผ่านไปหนึ่งสัปดาห์พนักงานโทร.มาบอกว่ามีอย่างที่ขวัญต้องการ ดีใจมาก ตัดสินใจซื้อในราคา 450,000 บาท

“เคลลี่ดอลล์รุ่นต่อไปจะมิกซ์สีเท้ากับแขนไม่เหมือนกัน เรียกว่าออกมาอีกก็ซื้อได้อีก ซึ่งใบต่อไปอยากได้สีขาว ปัญหาคือพอตอนนี้ซื้อราคาช็อปแล้ว ก็ไม่มีแก่ใจซื้อราคารีเซลเลอร์ซึ่งแพงกว่ามาก เราสามารถนำส่วนต่างไปซื้อของอย่างอื่นได้อีกเยอะเลย”

Limited Edition คำนี้จี๊ดใจ

ขวัญแพ้คำว่าลิมิเต็ด (หัวเราะ) เพราะถ้าแอร์เมสบอกว่าเป็น ‘ลิมิเต็ด’ หมายความว่าต้องผ่านไปอีกประมาณเป็นสิบปี เขาจึงจะทำใหม่อีกรอบ หรือบางรุ่นจะทำหรือเปล่ายังไม่รู้เลย ต้องรอกันไป เพราะฉะนั้นถ้าทางช็อปบอกว่าเป็นลิมิเต็ด ขวัญจะซื้อทันที

แม่เลิฟเล็กๆ! ม.ล.พลอยนภัส เผยคลังกระเป๋าแบรนด์เนมไซส์มินิ แต่มูลค่ามหาโหด
ใบนี้บอกเลยว่าราคาใช้ได้เลยทีเดียวเมื่อเทียบกับใบอื่น เพราะเป็นกระเป๋า Hermes Kelly หนัง Crocodile รุ่น Special 3 สี

อย่างกระเป๋าแอร์เมส รุ่น Picnic ลิมิเต็ดเอดิชั่น เป็นรุ่นที่แอร์เมสเคยผลิตเมื่อสิบปีที่แล้ว แต่เป็นใบใหญ่ คล้ายกระเป๋าใส่เอกสาร ซึ่งเราไม่ค่อยได้ใช้อยู่แล้ว จนล่าสุดออกมาเป็นไซส์มินิ แต่รายละเอียดเหมือนใบที่เคยออกมาเมื่อสิบปีที่แล้วเป๊ะ ดูแล้วเป็นขวัญมากๆ เหมือนเกิดมาเพื่อฉัน มีทั้งความเป็นวินเทจและลิมิเต็ดเอดิชั่น เห็นนางแบบถือครั้งแรกบนรันเวย์ ขวัญรีบแคปหน้าจอส่งถามช็อปว่ามีไหม

แม่เลิฟเล็กๆ! ม.ล.พลอยนภัส เผยคลังกระเป๋าแบรนด์เนมไซส์มินิ แต่มูลค่ามหาโหด
กระเป๋า Hermes Picnic เป็นรุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่นที่น้อยคนนักจะมี

ผ่านไปหนึ่งปีจนลืมไปแล้ว คิดว่าคงไม่ได้หรอก เพราะหายาก เคยเห็นของรีเซลเลอร์เหมือนกัน แต่ดูราคาแล้วคิดว่าไม่จำเป็นต้องจ่ายขนาดนั้น จนวันหนึ่งไปงานแต่งงานเพื่อนที่โรงแรมโอเรียนเต็ล จู่ๆ พนักงานแอร์เมสโทร.มาบอกว่ารุ่นนี้มาแล้วนะ ระหว่างที่เพื่อนยืนพูดบนเวที เราก็พยายามให้เพื่อนเห็นหน้าว่ามาแล้วนะ ยังไม่ทันได้ถ่ายรูปกันด้วยซ้ำ ขวัญรีบนั่งเรือไปช็อปที่ไอคอนสยามเพื่อไปรับกระเป๋าอย่างด่วนเลยจ้า (หัวเราะ)

อีกรุ่นคือ ‘Bolide’ ซึ่งมีความพิเศษอยู่ที่ลายผ้า และเป็นแฮนด์เมดด้วย ยิ่งทำให้ราคาสูง อีกรุ่นเป็น ‘Constance’ แม้จะเป็นไซส์ใหญ่ แต่เป็นรุ่นลิมิเต็ดเช่นกัน ขวัญชอบลวดลาย สีสัน และความหายาก แม่ค้ารีเซลเลอร์บอกว่าถ้าชอบแอร์เมสแล้วจะไม่มีใบนี้ได้อย่างไร เพราะเป็นรุ่นคลาสสิกที่ต้องมี รองจากเบอร์กิ้นและเคลลี่ รุ่นเล็กสุดน่าจะเป็นไซส์ 18 ซึ่งขวัญไม่ได้อินกับรุ่นนี้มาก จะอินเฉพาะความเป็นลิมิเต็ด จึงมีแค่ 3 ใบ โดย 2 ใน 3 เป็นลิมิเต็ดเอดิชั่น ตั้งแต่ซื้อมาไม่เคยใช้เลย แต่อยากเก็บไว้เพราะเป็นรุ่นลิมิเต็ดที่ออกปี 2018 ใบหนึ่งเป็นหนังลูกวัว อีกใบเป็นผ้าสไตล์วินเทจ ส่วนอีกใบเป็นลวดลายหนัง

แม่เลิฟเล็กๆ! ม.ล.พลอยนภัส เผยคลังกระเป๋าแบรนด์เนมไซส์มินิ แต่มูลค่ามหาโหด
กระเป๋า Hermes สามใบโปรดของคุณขวัญ ซ้ายมือเป็น Birkin Himalaya ไซส์ 28 ซึ่งกลายเป็นใบใหญ่สุดในบรรดากระเป๋าของคุณขวัญเวลานี้ ใบกลางเป็น Kelly หนัง Lizard สี Ombre และขวามือเป็น Hermes Kelly Himalaya สี Gris Chender ที่แสนหายาก ซึ่งเธอชอบใช้เวลาที่รู้สึกดาวน์หรือหมดพลัง คล้องไว้ด้วย Kelly ไซส์จิ๋วที่ใช้ได้เหมือนกระเป๋าจริงทุกอย่าง

ส่วนใบเล็กจิ๋วที่สามารถรูดซิปเปิด-ปิดได้จริง เอาไว้ใช้ ห้อยตกแต่งกระเป๋า เคยซื้อแพงสุดราคาใบละ 50,000 บาท ขวัญก็นึกว่าใบนี้คงราคาประมาณกัน พอถามรีเซลเลอร์ เขาบอก 190,000 บาท จึงตัดสินใจถามไปทางช็อป ปรากฏว่ามีของมาพอดี ราคาใบละ 100,000 บาท ขวัญรีบบอกว่า ‘รับค่ะ’

แม่เลิฟเล็กๆ! ม.ล.พลอยนภัส เผยคลังกระเป๋าแบรนด์เนมไซส์มินิ แต่มูลค่ามหาโหด
กับกระเป๋า Hermes KellyPochette หนัง Crocodile สีโปรด

ก่อนซื้อใบไหน ขวัญจะศึกษาข้อมูลรายละเอียดต่างๆ ก่อน เรารู้สึกว่ากระเป๋าเป็นเหมือนงานศิลปะ ชอบความเล็กและสีสันพิเศษ หรือถ้ายิ่งมีความหายาก จะรักมากกว่าใบอื่นๆ แน่นอน

เปิดโพยกระเป๋าไซส์มินิลิมิเต็ดเอดิชั่นไฮแบรนด์

ส่วนกระเป๋าแบรนด์อื่นที่เป็นลิมิเต็ดเอดิชั่น ขวัญก็ตามหามาจนได้และมีอีกหลายใบ โดยเฉพาะใบที่เป็นไฮไลต์และเป็นรุ่นพิเศษต่างๆ

Bombay Doll เป็นรุ่นพิเศษของ Chanel ออกแบบโดยคาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ คล้ายตุ๊กตารัสเซีย เป็นกระเป๋ารูปหน้าเด็กผู้หญิงอินเดีย นอกจากนี้ยังมีหน้าตุ๊กตาจีนและหน้าตุ๊กตารัสเซียด้วย ต้องตามหาอยู่นานกว่าจะได้มา ทั้งที่ตอนแรกทางช็อปถามแล้ว แต่ตอนนั้นขวัญมองว่าขนาดกระเป๋าเล็กไป จะใส่อะไรได้ ราคาก็สูง ใบละ 250,000-300,000 บาท

แม่เลิฟเล็กๆ! ม.ล.พลอยนภัส เผยคลังกระเป๋าแบรนด์เนมไซส์มินิ แต่มูลค่ามหาโหด
(จากซ้าย) 1. Chanel รุ่น Bombay Doll 2. Chanel รุ่น Cruise 2020 3. Chanel รุ่น Rocket

กระทั่งวันหนึ่งรู้สึกอยากได้กระเป๋าใบนี้ ตามหาที่ไหนก็ไม่มี ร้านรีเซลเลอร์ในเมืองไทยไม่นำเข้ามาอยู่แล้ว เพราะราคาสูง จนไปได้จากแม่ค้ารีเซลเลอร์ที่อังกฤษ พอดีเป็นช่วงที่เราจะไปอังกฤษพอดี จึงนัดเจอกัน แต่ข้อเสียคือเราต้องโอนเงินให้เขาก่อนกว่า 1 ล้านบาทโดยที่ไม่รู้จักกัน และเขาอยู่อังกฤษอีกต่างหาก แต่ด้วยความอยากได้ จึงต้องตัดใจลองโอนเงินไป ปรากฏว่าได้ของจริงๆ พอได้มาแล้วก็รักมาก เพราะเวลาใช้จะรู้สึกว่า โอ๊ย…กว่าจะได้มาเหนื่อยยาก ทั้งที่เคยอยู่ในมือมาแล้ว ทำให้ขวัญเจ็บและเหนื่อยในการตามหาที่สุด นึกแล้วก็ยังเจ็บใจ และเพราะเหตุการณ์นี้แหละที่ทำให้ขวัญแพ้คำว่า ‘ลิมิเต็ด’ เพราะถ้าช็อปบอกว่าเป็นลิมิเต็ด แน่นอนว่ามูลค่าต้องขึ้น ขวัญจะพูดคำเดียวว่า…โอเคค่ะ รับค่ะ เพราะไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นอีก

แม่เลิฟเล็กๆ! ม.ล.พลอยนภัส เผยคลังกระเป๋าแบรนด์เนมไซส์มินิ แต่มูลค่ามหาโหด
(จาก Chanel ขึ้นแล้ววนขวา) 1. Chanel Vintage รุ่น Wood Vanity Hand Bag  2. Hermes รุ่น Bolide 3. Louis Vuitton x Supreme 4. Louis Vuitton Collection Cruise 2019 x Coddington

Chanel รุ่น Rocket เป็นคอลเล็คชั่นที่คาร์ลออกแบบเป็นอวกาศ ดูน่ารัก ล้อกับคอลเล็คชั่นเสื้อผ้า

Louis Vuitton Cruise 2020 ดีไซเนอร์คนใหม่ของชาเนลตั้งใจออกแบบให้เป็นเหมือนไฟฉายใช้ส่องดูตั๋วโดยสารในขบวนรถไฟ

Chanel Vintage รุ่น Wood Vanity Hand Bag ได้จากร้านมือสอง เป็นวินเทจแท้ ขวัญได้มาเก็บไว้สิบปีแล้ว ราคาไม่เคยตก มีแต่แพงขึ้นเรื่อยๆ

สำหรับกระเป๋าลิมิเต็ดของหลุยส์ วิตตอง ที่มีไม่กี่สิบใบในประเทศไทย โดยเขาจะมีแค็ตตาล็อกให้ดูล่วงหน้าหกเดือนก่อนนำเข้ามา ถ้าอยากได้ต้องจ่ายเงินเต็มราคา แล้วค่อยลุ้นกันว่าใครจะได้หรือไม่ได้ อย่างรุ่นที่ขวัญต้องไปแย่งซื้อ ได้แก่

แม่เลิฟเล็กๆ! ม.ล.พลอยนภัส เผยคลังกระเป๋าแบรนด์เนมไซส์มินิ แต่มูลค่ามหาโหด
(จากซ้ายบนแล้ววนขวา) 1. Louis Vuitton สี Ombre 2. Louis Vuitton รุ่น Petite Boite Chapeau 3. Louis Vuitton รุ่น Capucines

Louis Vuitton สี Ombre เป็นกระเป๋าสะพาย ได้จากช็อปฝรั่งเศส ขวัญแพ้กระเป๋าหนังที่มีลวดลายและเท็กซ์เจอร์ อีกทั้งยังเป็นสีเงินด้วย เห็นแล้วชอบ เมืองไทยไม่มีขาย

Louis Vuitton รุ่น Petite Boite Chapeau ต้องสั่งจองและรอให้ผู้จัดการชาวฝรั่งเศสเป็นคนเลือกว่าใครจะมีสิทธิ์ได้ เพื่อให้เกิดความยุติธรรม เพราะไม่รู้จักใครที่จะมาขอสิทธิพิเศษ ขวัญต้องคอยถามพนักงานขายตลอดว่ามีสิทธิ์ได้ไหม พอได้มาจึงดีใจมาก

Louis Vuitton รุ่น Capucines เป็นใบคลาสสิกที่ออกมาเป็นไซส์มินิ และลิมิเต็ดเอดิชั่น ใบละ 240,000 บาท เพิ่งได้มาเมื่อปลายปีที่แล้ว

แม่เลิฟเล็กๆ! ม.ล.พลอยนภัส เผยคลังกระเป๋าแบรนด์เนมไซส์มินิ แต่มูลค่ามหาโหด
(จากซ้ายขึ้นบนแล้ววนขวา) 1.- 2. Louis Vuitton Monogram Limited Edition 3. Louis Vuitton Square Bag Limited Edition 4. Louis Vuitton รุ่นขนมจีบ 5. Louis Vuitton ใบกลม รุ่น Reverse Monogram

Louis Vuitton Monogram Limited Edition เป็นรุ่นลิมิเต็ดที่ขวัญ ได้จากรีเซลเลอร์ เพราะมีขายเฉพาะบางประเทศ ส่วนในประเทศไทยไม่มีขาย

Louis Vuitton Square Bag Limited Edition ดีไซน์ให้เหมือนวินเทจ ใช้แล้วน่ารัก ต้องออร์เดอร์ล่วงหน้า

Louis Vuitton รุ่นขนมจีบ แต่ทำใบเล็ก จัดว่าหายาก เพราะไม่ทำอีกแล้ว

Louis Vuitton ใบกลม รุ่น Reverse Monogram ด้านหนึ่งสีดำ อีกด้านเป็นสีน้ำตาลเข้ม เป็นไซส์มินิที่มีแต่คนอยากได้ และต้องจ่ายเงินออร์เดอร์ล่วงหน้า เป็นกระเป๋าสำหรับเก็บหมวก

Louis Vuitton x Supreme พอได้มาใช้แล้วถูกแซวว่าวัยรุ่นจัง จึงขาย ไป 80,000 บาทเท่ากับราคาที่ได้จากช็อป ลงไอจีสองวินาทีมีคนซื้อทันที วันดีคืนดีเกิดอยากได้ใบนี้ขึ้นมา จึงต้องหาซื้อใบใหม่จากรีเซลเลอร์ในราคา 170,000 บาท ซึ่งสูงมาก แต่ความอยากได้ก็ต้องยอม เพราะหายาก ตอนนี้มีแต่คนบอกว่ารุ่นใหม่ที่ออกมาเดี๋ยวนี้ใบละ 200,000 บาทแล้ว

Louis Vuitton Collection Cruise 2019 x Coddington รูปหมาและแมวที่เป็นสัตว์เลี้ยงในจินตนาการของคอดดิงตัน ซึ่งเป็นนักวาดภาพประกอบที่มาร่วมดีไซน์กระเป๋าคอลเล็คชั่นนี้กับดีไซเนอร์คนใหม่ของหลุยส์ วิตตอง เป็นอีกใบที่ราคาขึ้นสุดๆ

Goyard Goyardine Saigon เป็นกระเป๋าที่ไม่ค่อยได้ใช้ แต่เป็นสามใบที่ขวัญต้องมี เพราะคำว่าลิมิเต็ดเอดิชั่น

แม่เลิฟเล็กๆ! ม.ล.พลอยนภัส เผยคลังกระเป๋าแบรนด์เนมไซส์มินิ แต่มูลค่ามหาโหด
Goyard Goyardine Saigon

เลือกใช้กระเป๋าตามอารมณ์

การจะเลือกใช้กระเป๋าใบไหน ขึ้นอยู่กับอารมณ์แต่ละวัน เมื่อไหร่ที่ขวัญรู้สึกเหนื่อยจัดๆ ขวัญจะใช้กระเป๋าใบที่รักที่สุด เป็นการชดเชยทางจิตใจ คือ Kelly Himalaya ไซส์ 25 สี Gris Chender ซึ่งเป็นสีหายากที่สุด แต่ถ้ารู้สึกสนุกสนาน งานเยอะ อยากเข้าออฟฟิศทำงานให้สนุก จะถือ Kelly Doll สีม่วงหรือสีเหลือง เหมือนเป็นการสร้างกำลังใจในการทำงาน สร้างความสนุกให้ตัวเอง

ความที่เริ่มอายุมากขึ้น บางครั้งขวัญไม่มั่นใจว่าการถือกระเป๋าฟรุ้งฟริ้งแบบที่เราชอบจะยังเหมาะอยู่ไหม ทำให้เวลาจะเลือกซื้อกระเป๋ามักชอบคิดเผื่อ ด้วยการถามตัวเองตลอดว่าซื้อเพื่ออะไร เรามีกระเป๋าใบอื่นที่ใกล้เคียงกันไหม จำเป็นต้องใช้จริงๆ หรือเปล่า และที่ตอนนี้เพิ่มขึ้นมาอีกข้อคือ ถ้าเราแก่จะยังใช้ ได้ไหม

แต่ตอนนี้ได้คำตอบว่า เราชอบกระเป๋าไซส์มินิ เพราะฉะนั้นก็ถือกระเป๋าไซส์เล็กไปก่อนแล้วกัน เลือกใช้อย่างที่ชอบนั่นแหละดีสุด


ที่มา : นิตยสารแพรว ฉบับ 957

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ม.ล.พลอยนภัส เปิดใจกว่าจะได้เป็น คุณแม่ของลูกชายคนที่ 2 ในวัยที่อายุเยอะ

ส่อง 4 นาฬิกา มหาเศรษฐีโลก รวยล้านล้าน แต่ใช้นาฬิกาเรือนเก่า ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

จากภาพวาด 23 ล้าน สู่เจ็ท 200 ล้าน ของขวัญสุดหรู “ลูกสาว” ซุป’ตาร์ระดับโลก

 

สมแล้วที่เปย์แอร์เมสให้! "กวิน" ยอมรับแมนๆ ผมเป็นคนดีขึ้นเพราะ "ปุ้มปุ้ย"

สมแล้วที่โดนเปย์แอร์เมส! “กวิน” ยอมรับแมนๆ ผมเป็นคนดีขึ้นเพราะ “ปุ้มปุ้ย”

Alternative Textaccount_circle
สมแล้วที่เปย์แอร์เมสให้! "กวิน" ยอมรับแมนๆ ผมเป็นคนดีขึ้นเพราะ "ปุ้มปุ้ย"
สมแล้วที่เปย์แอร์เมสให้! "กวิน" ยอมรับแมนๆ ผมเป็นคนดีขึ้นเพราะ "ปุ้มปุ้ย"

เสือสิ้นลายที่แท้ทรู! แบดบอยกลับใจ “กวิน ดูวาล” ยอมรับแมนๆ ผมเป็นคนดีขึ้นเพราะเมีย “ปุ้มปุ้ย-พรรณทิพา อรุณวัฒนชัย”

“กวิน ดูวาล” หรือ Gavin.D นักร้องหนุ่มมาดกวน อดีตสมาชิกวง 3.2.1 เล่าแบบแมนๆ ให้ แพรว ฟังว่า ชีวิตเขาผ่านอะไรมามากมายทั้งดี ร้าย เหลวไหล ฯลฯ แต่เลี้ยวกลับมาได้เพราะภรรยาคนนี้ อย่างล่าสุดก็กลายเป็นสาวก #คนรักเมีย เต็มตัว เปย์แอร์เมสเซอร์ไพร้ส์วันเกิด “ปุ้มปุ้ย-พรรณทิพา อรุณวัฒนชัย” เล่นเอาผู้หญิงทั้งบางตาลุกวาว

สมแล้วที่เปย์แอร์เมสให้! "กวิน" ยอมรับแมนๆ ผมเป็นคนดีขึ้นเพราะ "ปุ้มปุ้ย"

Hot Guy!

“ถ้าถามว่าเมื่อก่อนซ่าขนาดไหน ต้องตอบว่ามากอยู่ครับ (หัวเราะ) ตอนเริ่มทำวง 3.2.1 ผมยังเด็ก เรื่องเที่ยวเรื่องจีบหญิงจึงยังไม่มา กระทั่งช่วงทำเพลงแน่นอก (พ.ศ. 2556) ตอนนั้นแหละครับที่เริ่มเกเรแล้ว

“เกเรในที่นี้คือไม่รับผิดชอบ เที่ยวดึก ไปทำงานสาย และเริ่มซ่าในเรื่องผู้หญิงมากๆ เริ่มมาจากผมอกหักแล้วเสียใจมาก ก็เลยบอกกับตัวเองว่าผมจะต้องไม่โดนหักอกอีก ผมจะไม่รักใครอีก ฉะนั้นจึงคิดว่างั้นคุยกับใครก็ได้ คุยหลายคนด้วย จนทำให้หลายคนอกหัก ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ดีนะ

“ตอนนั้นผมยังวัยรุ่น พอเวลาผ่านไป โตขึ้นก็เข้าใจโลกมากขึ้น แต่ความซ่าก็มากขึ้นตามไปด้วย เริ่มตั้งแต่ช่วงเข้ามหาวิทยาลัย ถือเป็นช่วงหนักหน่วง ของชีวิต ตอนนั้นงานเยอะ เที่ยวก็เยอะ เคยเที่ยวติดกัน 7 วัน เที่ยว…นอน… ตื่นมาไปเที่ยวใหม่ เป็นช่วงกำลังฮ็อต หน้าตาดี เงินก็มี (หัวเราะ) ไปปาร์ตี้แบบเต็มที่มาก เอาเป็นว่าเขารู้กันหมดอะว่ากวินเจ้าชู้

“สไตล์จีบสาวของผมจะคุยตรงๆ เหมือนจริงใจ…แต่ก็ไม่จริงใจ อารมณ์แบบคุยเล่นๆ มากกว่า (หัวเราะ) แต่ผมไม่โกหกนะ อาจเพราะด้วยภาษาไทย ที่ไม่แข็งแรง พูดไม่ค่อยรู้เรื่อง โกหกไม่เนียนเท่าไร จึงถนัดพูดตรงๆ ไม่อ้อมค้อม อย่างเช่น ถ้าโดนจับได้ว่าผมคุยกับผู้หญิงอีกคน ผมก็ยอมรับเลยว่าใช่ ถ้าอีกฝ่ายไม่โอเค ก็จบ แยกย้าย ไม่คุยต่อ หรือสมมติว่ามีใครมาพยายามทำตัวเป็นเจ้าของ ผมก็ตัดเลยเหมือนกัน

กวิน ดูวาล

“แต่ตอนนั้นเวลาใครบอกว่ากวินแบดบอย ผมกลับรู้สึกดีใจนะ เพราะจริงๆ ก็ตั้งใจอยากให้ภาพลักษณ์ออกมาแบบนั้นด้วยแหละ ผมรู้สึกว่าการที่ลุคดูแบด หน้าดูร้าย ทำให้หลายคนอยากเข้ามาทำความรู้จัก อยากรู้ว่าเราร้ายจริงหรือเปล่า

“แต่ตัวจริงผมเฟรนด์ลี่และใจดีมากนะ จนบางทีโดนเอาเปรียบ ผมจึงสร้างภาพลักษณ์แบบนั้นขึ้นมา เหมือนเป็นการปกป้องตัวเองอย่างหนึ่ง เพราะถ้าผมแต่งตัวแบบสดใสๆ จะดูเด็กมาก แถมหน้าหวานอีก เลยชอบแต่งตัวแบบเท่ๆ เข้มๆ เพื่อให้ลุคดูโตขึ้น เท่ขึ้น ฉะนั้นใครบอกว่ากวินแบดบอย ผมแฮ็ปปี้ครับ (ยิ้ม) แต่ต้องแยกกันนะ เรามีภาพลักษณ์ภายนอกที่ดูแบดได้ แต่ไม่จำเป็นว่านิสัยต้องแบดด้วย

“ส่วนเรื่องเที่ยว เรื่องผู้หญิงในตอนนั้น ผมยอมรับว่าเป็นการกระทำที่ไม่ดี ซึ่งกระทบหลายๆ อย่างในชีวิต ไม่ใช่แค่ผู้หญิง แต่กระทบถึงงานด้วย เพราะพอเที่ยวดึกก็ตื่นสาย ไปงานเลต ซึ่งตอนนั้นผมทำเพราะสนุกอย่างเดียว ไม่ได้คิดอย่างอื่น แต่ถ้าถามว่าผมจะกลับไปเปลี่ยนไหม ก็คงไม่ให้มันเป็นประสบการณ์ชีวิตที่ทำให้รู้ว่า ถ้าไม่รู้จักเปลี่ยนแปลงตัวเอง ชีวิตจะเป็นแบบนั้นไปตลอด”

“ผมตั้งใจว่าจะไม่กลับไปทำตัวแย่ๆ อีก ลองไปสมัครงานก็ไม่โอเค สุดท้ายจึงเลือกขับรถรับจ้าง ช่วงนั้นท้อมาก เคยนั่งกินก๋วยเตี๋ยวแล้วร้องไห้ จากที่เคยมีชื่อเสียง ทำไมชีวิตเป็นแบบนี้”

กวิน ดูวาล

Turning Point

“จุดเปลี่ยนที่ทำให้ผมเป็นคนที่ดีขึ้นคือปุ้มปุ้ย (พรรณทิพา อรุณวัฒนชัย) ซึ่งผมเคยพูดกับเพื่อนว่า ถ้าได้คบกับปุ้ย…ผมจะหยุดทุกอย่าง แต่ช่วงแรกเขาไม่ยอมคุยกับผมเลยนะ อาจเพราะลุคที่ดูไม่น่าไว้ใจมั้ง (หัวเราะ) และความที่ผมพิมพ์ภาษาไทยไม่คล่อง เขาก็ไม่ค่อยเข้าใจภาษาอังกฤษ ผมถึงขั้นใช้แอพพลิเคชั่นช่วยแปล ให้เพื่อนช่วยพิมพ์คุยกับเขา แต่เขาก็ไม่ตอบ ลองส่งข้อความไปขอซื้อเสื้อที่เขาขายในไอจี เขาก็ยังไม่คุยด้วยอีก ระหว่างนั้นผมก็ยังคุยกับคนอื่นอยู่ด้วยนะ แต่บอกตัวเองไว้ว่าถ้าปุ้ยยอมคุยด้วยเมื่อไหร่ ผมจะหยุดคุยกับทุกคนทันที (หัวเราะ)

“แล้ววันหนึ่งเขาก็ยอมใจอ่อนจริงๆ ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน เขาไม่เคยบอก ผมคิดว่าน่าจะเพราะความพยายามที่แสดงให้เห็นว่าผมจริงใจกับเขา กระทั่งผ่านไปสองเดือน ผมบอกปุ้ยว่าสักวันหนึ่ง…เรากับเธอจะได้แต่งงานกันนะ แต่เขาบอกว่า ‘บ้าหรือเปล่า เมาเหรอ’ (หัวเราะ) แล้วก็ไม่ตอบอะไรอีก คืนนั้นผมร้องไห้เลย เขียนลงสมุดไว้ด้วยว่าทำไมเราถึงอยากแต่งงานกับคนนี้ เป็นเรื่องแปลกมาก เพราะผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครเลย

“ผมคิดว่า…น่าจะเพราะเขาคุมผมได้ ให้คำแนะนำได้ มีความเป็นผู้นำ ชอบวางแผน จัดการ และคอยเตือนผมในทุกๆ เรื่อง แต่ถ้าอยู่ด้วยกันสองคน เขาก็มีมุมมุ้งมิ้งแบบผู้หญิงนะครับ (ยิ้ม) อีกอย่างคือผู้ชายเจ้าชู้ ชอบเที่ยว ต้องเจอผู้หญิงแบบปุ้ยที่กล้าสั่ง เช่น ‘ถ้าไป…ชั้นเลิกนะ’ อะไรแบบนั้น (หัวเราะ) คือพูดขู่ให้เราไม่กล้าทำ ซึ่งผมก็ยอมนะ รวมถึงเปลี่ยนตัวเองให้ดีขึ้นเพื่อเขาด้วย

กวิน ดูวาล

 

“ปุ้ยยังเป็นคนที่อยู่กับผมในทุกช่วงชีวิต ตั้งแต่มีเงิน…กระทั่งไม่มีเงินสักบาท ไทม์ไลน์ชีวิตผมเป็นแบบนี้ พอเรียนจบผมต้องไปเป็นทหารเกณฑ์ ซึ่งเป็นช่วงที่ทำให้ผมเกือบจะเสียเขาไป ระหว่างหนึ่งปีนั้นผมรู้ว่ามีผู้ชายจีบเขาเยอะ แต่เขาก็เลือกจะรอผม แต่พอผมเกณฑ์ทหารออกมา เราทะเลาะกันบวกกับตอนนั้นตัวผมลำบาก ไม่มีงาน ไม่มีเงิน เรียกว่าไม่เหลืออะไรเลย ผมคิดขึ้นมาว่างั้นเลิกเถอะ เขาควรไปเจอคนที่พร้อมและดีกว่าผม

“พอเลิกกับปุ้ย ชีวิตผมก็กลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อน คือเที่ยวถึงเช้าทุกวัน ขอเงินที่บ้านบ้าง ยืมเพื่อนบ้าง วนอยู่อย่างนี้ จนวันหนึ่งตื่นมาถามตัวเอง นี่เรากำลังทำอะไร ทำไมเหลวไหลได้ขนาดนี้ จึงทำให้รู้ว่าชีวิตผมคงขาดเขาไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเละเทะแน่นอน อาจจะดูเห็นแก่ตัวนะ แต่ผมกล้ายอมรับตรงๆ เลยว่า ถ้าไม่ได้เลิกกันไปสองเดือน ผมก็จะไม่รู้ว่าเขาสำคัญขนาดไหน

“เราจึงปรับความเข้าใจและกลับมาคบกัน ผมตั้งใจเลยว่าจะไม่กลับไปทำตัวแย่ๆ อีกแล้ว ผมลองไปสมัครงานประจำ แต่ก็ไม่โอเค สุดท้ายจึงเลือกขับรถรับจ้าง ช่วงนั้นท้อมากครับ เคยนั่งกินก๋วยเตี๋ยวอยู่คนเดียวแล้วร้องไห้ จากคนที่เคยอยู่ในวงการ ยืนอยู่บนเวทีมีชื่อเสียง จนมาถึงวันที่ไม่มีอะไรเลย ทำไมชีวิตเป็นแบบนี้ กระทั่งมีข่าวออกไปว่าผมทำงานขับรถ ก็มีคนให้โอกาสอีกครั้ง ผมจึงเริ่มมีกำลังใจ พอมีเงินเก็บบ้าง จึงเริ่มทำเพลงอีกครั้ง

กวิน ดูวาล

“ตอนนั้นได้พี่ชิน (ชินวุฒ อินทรคูสิน) ช่วย ทำเพลงแรกให้ เพราะเราเป็นทหารเกณฑ์มาด้วยกัน จากนั้นได้เจอกับนีโน่ (เกริก ชาญกว้าง) โปรดิวเซอร์ที่คอยช่วยเหลือและให้กำลังใจผมมาตลอด เพราะตอนนั้นทำเพลงเท่าไหร่ก็ไม่ดังสักที ผมไม่อยากได้แค่ยอดวิว 1 หรือ 2 ล้าน แต่ผมอยากได้ร้อยล้าน อยากไปอยู่ในจุดที่เราเคยผ่านมาให้ได้ กระทั่งเกิดเป็นเพลงเกาะสวาทหาดสวรรค์ ที่ทำให้ผมกลับมามีพลังและเป็นที่รู้จักอีกครั้งในชื่อ Gavin D.

“จากนั้นพองานเริ่มดีขึ้น เป้าหมายต่อไปของผมคือเก็บเงินเพื่อแต่งงาน ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยมีความคิดแบบนี้เลย แต่ปุ้ยทำให้ผมรู้สึกว่าเขาคือคนที่ใช่ และทำให้ผมอยากเป็นคนที่ดีขึ้น ชีวิตผมผ่านอะไรมาเยอะ ขณะที่ปุ้ยก็เป็นนักสู้เหมือนกัน เขาทำงานดูแลตัวเองตั้งแต่เด็ก ทั้งถ่ายแบบ ขายเสื้อผ้า เป็นผู้นำครอบครัว ดูแลทุกคนในบ้าน

“ฉะนั้นพอนักสู้มาเจอกัน จึงพากันไปในทิศทางที่โอเค ช่วยกันทำงาน มีเป้าหมาย ซึ่งผมจะตั้งเป้าหมายไปเรื่อยๆ จากเป้าหมายแรก เก็บเงินซื้อรถ พอทำได้ก็ขยับเป็นซื้อบ้าน จากนั้นแต่งงานสร้างครอบครัว”

กวิน ดูวาล

Better Together

“ที่สุดผมกับปุ้ยแต่งงานกันแล้ว เราตั้งโจทย์สำหรับการใช้ชีวิตคู่ไว้ว่า ถ้าทะเลาะกัน ห้ามงอนแล้วหนีหน้า ต้องเคลียร์ให้จบในวันนั้น เพราะเราจะจับมือผ่านทุกอุปสรรคไปด้วยกัน

“ถึงวันนี้ผมมั่นใจว่าปุ้ยเชื่อใจผม อาจเพราะผมทำตัวโปร่งใสมากๆ ไปไหนก็ลงรูปให้ดู ส่งข้อความรายงานว่าถึงแล้วนะ อยู่ที่นี่นะ เขาจะได้สบายใจว่าผมอยู่ที่ไหน ทำอะไร ยิ่งตอนนี้เวลาแฟนคลับเจอผม ก็จะส่งรูปไปให้ปุ้ย ฉะนั้นไม่ต้องแอบอะไรเลยครับ และเขาก็รู้ทันผมทุกเรื่องด้วย (หัวเราะ)

“สิ่งที่ผมประทับใจที่สุดคือ ไม่ว่าผมจะดีหรือแย่ มีปัญหาหรือมีความสุข ปุ้ยไม่เคยทิ้งไปไหน คอยช่วยเหลืออยู่ข้างๆ เสมอ อย่างตอนผมไม่มีเงิน เขาก็ให้ผมใช้ก่อน แล้วพอผมมีก็ค่อยมาคืนเขา ผมคิดว่าเวลาดูใจกันต้องดูทั้ง ตอนที่ลำบากและตอนสบาย เพราะตอนมีเงินทุกอย่างสบายและง่าย แต่ในวันที่ลำบาก…เขาจะยอมลำบากกับเราด้วยหรือเปล่า

“เดี๋ยวนี้เวลาขึ้นคอนเสิร์ต ผมจะพูดเสมอว่าผมมีเมียแล้วนะ…โคตรดุเลย ผมเจอคนที่ใช่แล้ว ขอให้ทุกคนสมหวังในความรักเหมือนผมนะ แฟนๆ ก็จะเฮกัน

“แม้จะยังไม่มีลูก แต่ผมรู้สึกเหมือนเป็นคุณพ่อแล้ว (หัวเราะ) คือเป็นหัวหน้าครอบครัวที่โตขึ้น ใจเย็นขึ้น แม้ว่าลุคจะดูแบดบอยอยู่ก็ตาม” (ยิ้ม)


ที่มา : นิตยสารแพรว ฉบับ 954

ภาพ : pantipa.a

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ชีวิตจริงยิ่งกว่าซีรีส์ “ผึ้ง-ประภาภรณ์” ธุรกิจโดนโกง สามีนอกใจ ฮึดสู้สู่เจ้าของแฟรนไชส์

เปิดใจคู่กันครั้งแรก “มาดามแป้ง-อธิบดีเอ” ความรักดั่งบุพเพสันนิวาสครั้งสุดท้าย

เปิดใจคู่ ‘นาตาลี-ฟลุค’ ไม่ง่ายกว่าจะมีวันนี้ พิสูจน์รัก 10 ปี ลบคำว่าคาสโนวาเกลี้ยง

รักได้แต่ต้องรักให้เป็น หากริจะรักผู้ชายเจ้าชู้ สาวๆ ต้องฝึกวิทยายุทธรับมือคาสโนว่า

account_circle

บ่อยครั้งที่สาวๆ มักจะพบเจอกับผู้ชายที่หน้าตาดี ฐานะดี การงานดี เรียกได้ว่า “เพอร์เฟ็กต์สุดๆ” แต่สิ่งที่พ่วงมากับความดูดีเหล่านี้ก็คือกิตติศัพท์ในความเจ้าชู้ของเขา ถึงแม้จะได้ยินมาเยอะแต่พอรู้ตัวอีกทีก็ตกหลุมรัก ผู้ชายเจ้าชู้ ไปซะแล้ว สำหรับสาวคนไหนที่อยากท้าทายความสามารถตัวเองในการปลูกต้นรักกับคนเจ้าชู้ เรามีวิธีรับมือมาฝากกันค่ะ

คิดจะรักกับ ผู้ชายเจ้าชู้ สาวๆ ต้องรู้ทันและแก้เกมพ่อปลาไหลให้เก่ง

ผู้ชายเจ้าชู้
Photo by cottonbro from Pexels

1. ถามใจตัวเองก่อนว่า “ไหวหรือเปล่า?”

ก่อนจะพูดถึงการรับมือข้ออื่นๆ อยากให้คุณลองถามใจตัวเองดูซะก่อนว่า “คุณจะรับความเจ้าชู้ของเขาได้หรือไม่” คุณสามารถทำใจร่มๆ ได้หรือเปล่าเวลาที่เห็นเขาชายตามองสาวคนอื่น ถ้าคุณคิดว่าเรื่องแค่นี้คุณรับได้สบายมากก็สานต่อความสัมพันธ์ได้เลย แต่ถ้าคุณเป็นสาวโลกสวย อ่อนไหวง่าย อยากให้เขาจับจ้องสายตามาที่คุณแค่คนเดียว บอกได้เลยว่าถอยออกมาเถอะค่ะ อย่าไปฝืนคบเขาเลย ไม่อย่างนั้นตัวคุณเองนั่นแหละที่จะไม่มีความสุข

สำหรับใครที่กำลังจะตัดสินใจในขั้นนี้ขอให้คุณคิดและพิจารณาผู้ชายคนนั้นให้ดีว่าเขาแค่เจ้าชู้กรุ่มกริ่มแบบชอบมองสาวไปทั่วแต่ไม่คิดอะไรเกินเลย หรือว่าเป็นประเภทที่คบซ้อนซ่อนเงื่อนมีสาวในสต๊อกไว้คุยเป็นโหลๆ ถ้าเป็นอย่างแรกก็พอรับมือไหว แต่ถ้าเป็นอย่างหลังขอให้คิดดีๆ คิดเยอะๆ นะจ๊ะ

2. อย่าคาดหวังกับคนเจ้าชู้

ถ้าคุณตัดสินใจแล้วว่าผู้ชายคนนี้คุณ “เอาอยู่” และอยากจะลองรักกับหนุ่มเฟลิร์ทดูสักตั้ง คุณต้องบอกกับตัวเองว่า “อย่าตั้งความหวังในตัวเขามากจนเกินไป” เขาอาจจะพาคุณไปดินเนอร์ ดูหนัง หรือไปเที่ยว นั่นเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าเมื่อไหร่คุณเริ่มคาดหวังว่าเขาจะต้องดูแลคุณยามเจ็บป่วย หาหยูกยาอาหารมาป้อนให้ คอยอยู่ใกล้ดูแลไม่ห่างแล้วล่ะก็ ขอให้รู้ตัวไว้เลยว่าคุณเริ่มจะตั้งความหวังในตัวคนเจ้าชู้อย่างเขาสูงเกินไปแล้ว ระวังจะร้องไห้ช้ำใจเพราะเขาไม่เป็นอย่างที่คุณหวังไว้ก็แล้วกัน  (ถือว่าเตือนแล้วนะ!)

3. ชอบไม่ชอบก็บอกกันแล้วทำข้อตกลงซะ

แน่นอนค่ะว่าคนเราก็ต้องมีขอบเขตกันบ้าง ไม่ต้องทำตัวเป็นนางเอกแล้วแสร้งว่าฉันยอมได้ทุกอย่างหรอกนะ คุณควรจะบอกให้เขารู้ไปเลยว่าสิ่งไหนที่คุณรับได้และสิ่งไหนที่คุณรับไม่ได้ อย่างเช่น  คุณไม่ชอบให้เขารับโทรศัพท์ผู้หญิงคนอื่นต่อหน้าคุณ หรือคุณรับได้ถ้าเขาจะส่งสายตามองผู้หญิงคนอื่น แต่นั่นต้องไม่ใช่เวลาที่คุณทั้งคู่อยู่ด้วยกัน การทำข้อตกลงหรือเปิดใจถึงเรื่องเหล่านี้ตั้งแต่เริ่มต้นจะทำให้คุณทั้งคู่ได้รู้ว่าจะสามารถทำตามข้อตกลงของกันและกันได้หรือไม่ และถ้าทำไม่ได้คุณจะได้ถอนตัวถอนใจจากผู้ชายเจ้าชู้ทันเวลา

ผู้ชายเจ้าชู้
Photo by Andrea Piacquadio from Pexels

4. นิ่งเข้าไว้ ใจเย็นๆ อย่าหึงจนเลือดขึ้นหน้าเด็ดขาด

ถามตัวเองดูอีกครั้งว่า “คุณเป็นคนขี้หึงหรือเปล่า?” ถ้าคำตอบคือใช่ ผู้ชายเจ้าชู้ก็ไม่เหมาะจะเป็นคู่ควงของคุณหรอก เพราะแน่นอนว่าคุณจะต้องตามหึงตามหวงจนไม่เป็นอันทำอะไร คอยแต่จะเช็คข้อความ เช็คโทรศัพท์ของเขา รับรองว่าทั้งคุณและเขาจะไม่มีความสุขกับรักครั้งนี้แน่นอน

ในทางตรงกันข้ามถ้าคุณใจเย็นเป็นน้ำเย็น (น้ำแข็งได้ยิ่งดี) ไม่ว่าโทรศัพท์ของเขาจะดังสักกี่รอบ คุณก็ยังคงนิ่งและไม่สนว่าใครจะส่งข้อความมา ขอให้คุณรู้ไว้เลยว่าคุณทำถูกต้องแล้ว

5. “ผูกพัน” ได้แต่ไม่ใช่ “ผูกมัด”

เป็นเรื่องปกติที่คนเจ้าชู้มักจะไม่ชอบผูกมัดตัวเองกับใคร เพราะฉะนั้นการที่คุณจะพาเขาไปทำความรู้จักกับกลุ่มเพื่อนสนิทหรือพ่อแม่และคนในครอบครัวย่อมเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยาก ยิ่งถ้าคุณกดดันแกมบังคับด้วยล่ะก็ บอกเลยว่าเขาคงไม่ชอบใจและพยายามถอยห่างจากคุณแน่นอน

ทางที่ดีให้เวลาได้ทำหน้าที่ของมันจะดีกว่า ปล่อยให้ความรักระหว่างคุณและเขาเติบโตขึ้นในแบบที่ควรจะเป็น ไม่เร่งรัดเขาจนเกินไป และถ้าวันหนึ่งเขามั่นใจว่าพร้อมจะหยุดที่คุณ เรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นเองแบบที่คุณไม่ต้องร้องขอเลย

6. อย่าปล่อยให้เขาเข้ามามีอิทธิพลกับคุณ

คิดจะคบกับคนเจ้าชู้คุณก็ต้อง “อยู่คนเดียว” ให้เป็นนะ อย่าไปยึดติดกับเขามากจนเกินไป ถ้าคุณมัวแต่คิดว่าเมื่อไหร่จะได้เจอกันอีก เมื่อไหร่จะได้ไปทานข้าวด้วยกันอีก หรือตอนนี้เขาจะอยู่ที่ไหน อยู่กับใคร ทำอะไรอยู่ และอีกสารพัดความคิดเกี่ยวกับเขามากมาย รับรองเลยว่าตัวคุณเองนั่นแหละที่จะกระวนกระวายจนไม่มีความสุข  คุณควรคิดไว้เสมอว่า ไม่มีเขาก็ไม่เป็นไรคุณก็อยู่ได้สบายมาก!

เขาว่ากันว่าคนเจ้าชู้ถ้าจะให้หยุดที่ใครสักคนก็คงจะยาก เอาเป็นว่าถ้าคุณลองทำตามวิธีเหล่านี้แล้วยังรู้สึกว่ารับมือไม่ไหว รักครั้งนี้กับคนเจ้าชู้มันยากและเหนื่อยเกินไปก็ถอยออกมาดีกว่า จะได้ไม่ต้องเสียใจและไม่เสียเวลาไปหาคนใหม่ที่รักเดียวใจเดียวอีกด้วย

ภาพ : pixabay.com

>> อ่านบทความเกี่ยวกับความรักและความสัมพันธ์เพิ่มเติม คลิกเลย <<

คิดก่อนใส่! กับ ชุดไปงานแต่งที่ขอร้องว่าอย่าได้ใส่ไปร่วมงานแต่งจะดีกว่า

account_circle

เวลาได้รับเชิญไปงานแต่งงาน แขกทั้งหลายมักจะคิดๆๆๆ แล้วก็คิดว่าชุดแบบไหนที่ใส่แล้วสวยใส่แล้วเกิด ใส่แล้วหล่อ แต่สำหรับบางคนไม่ค่อยอยากคิด แต่ขอแบบว่าเอาง่ายเข้าว่าก็เลยแบบว่ามีชุดไหนก็จะใส่ไป โดยมีข้ออ้างสารพัด ไม่ว่าจะเป็นไม่มีเวลาเตรียมตัวจริงๆ หรือแม้แต่ว่า…อ้าวก็ชุดแบบนี้ชั้นว่าสวยนี่นา งั้นมาดูกันไหมว่า มี ชุดไปงานแต่ง แบบไหนที่อย่าได้คิดจะใส่ไปงานแต่งเด็ดขาด

ชุดที่สวนทางกับธีมงาน

เรื่องนี้แพรว wedding ขอบอกว่าคือการให้เกียรติเจ้าภาพเลยก็ว่าได้ เพราะถ้าเขากำหนดธีมงานมาชัดเจนในการ์ดแต่คุณมาดื้อดึงแต่งตัวด้วยธีมตรงข้าม หรือแม้แต่ให้เหตุผลว่าไม่อยากเสียเงินซื้อใหม่เนี่ย ดูจะเป็นเรื่องไม่น่ารักสักเท่าไหร่ ก็แหม…เขาอุตส่าห์มีธีม คุณก็แค่แต่งตามธีมแค่นั้นดีออกจริงไหม จะมาคิดทำตัวโดดเด่นอะไรมากมายในวันสำคัญของคนอื่น แบบนั้นไม่ค่อยมีมารยาทนะจ้ะ

เดรสสีขาว

แน่นอนว่าการใส่ชุดเดรสสีขาวนั้นมีแต่จะเป็นแฝดกับเจ้าสาว ซึ่งไม่ควรอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเดรสที่มีลูกไม้สีขาวเต็มๆ อย่างไรเสียถ้าไม่มีความจำเป็นบางอย่างจริงๆ หรือชุดสีขาวที่จะใส่เป็นโจทย์สั่งตรงจากเจ้าสาวที่อนุญาตให้อย่างเต็มใจให้ใส่ก็ค่อยจัดไป แบบนั้นโอเคกว่าเนอะ เพราะงานแต่งควรจะมีแต่เจ้าสาวเท่านั้นที่ใส่ชุดเดรสสีขาวนะคะ

ยีนส์

ยีนส์นั้นเป็นการแต่งตัวที่คลาสสิคมาทุกยุคทุกสมัยไม่มีเอาท์เทรนด์ แต่การจะแต่งตัวอย่างเป็นทางการแบบงานแต่งงานนั้นถือว่ายีนส์ไม่ควร เพราะการใส่ยีนส์จะเหมาะกับการแต่งตัวชิลๆ ประมาณไปเที่ยว หรือปาร์ตี้ อะไรทำนองนั้นซะมากกว่างานเป็นทางแบบนี้

ชุดเว่อร์วังเกินหน้าเจ้าสาว

ต่อให้คุณอยากล่าหนุ่มๆ มาเป็นคู่ครองเพราะเบื่อเหลือเกินกับความโสด เราขอให้คุณพับเก็บความคิดนี้ไปก่อนนะจ๊ะ กรุณาอย่ากันซีนเจ้าสาวขนาดนั้นเลย และปล่อยให้เจ้าสาวได้เฉิดฉายอย่างเต็มที่ในวันสำคัญวันนี้ของชีวิต ส่วนคุณก็เก็บชุดที่เล็งไว้ใส่วันปาร์ตี้สละโสดหรือโอกาสอื่นๆ จะเหมาะกว่า

โป๊จนเกินงาม

แม้เราจะต้องการเน้นให้การแต่งกายดูเซ็กซี่และมีเสน่ห์เฉพาะตัวในวันสำคัญเช่นนี้ของใครสักคน แต่การแต่งตัวโป๊โชว์เรือนร่างจนเกินงามถือว่าไม่เหมาะสมกับงานวันมงคลเช่นนี้

รองเท้าแตะ

แต่งตัวโอเคแล้วแต่ใส่รองเท้าแตะนี่ไหวป่ะ? ก็ไม่มีใครห้ามหรอกว่าห้ามใส่รองเท้าแตะไปงานแต่ง หรือให้ใส่แต่ส้นสูงไป แตเราก็ควรจะพิจารณาด้วยว่ารองเท้าแบบไหนที่เราควรใส่ไป

>> ดูไอเดียเรื่องชุดเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย! <<

ภาพ : weddingfact.net a a

5 ข้อตกลง “ไม่ควรมี” ก่อนแต่งงาน ถ้าไม่อยากให้ชีวิตคู่ต้องอึดอัด

account_circle

เราเคยแนะนำคุณผู้อ่านที่กำลังจะตัดสินใจแต่งงานกันแล้วว่า ก่อนที่คุณสองคนจะเซย์เยสใช้ชีวิตคู่ พวกคุณควรจะพูดคุยและมีข้อตกลงกันให้ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องลูก เรื่องเงิน และการวางแผนชีวิตและครอบครัวอีกจิปาถะ แต่! มันก็ยังมีบางเรื่อง ก่อนแต่งงาน ที่ต้องละไว้ในฐานที่เข้าใจกันสองคน ไม่จำเป็นต้องหยิบยกมาให้เป็นเรื่องเป็นราวจริงจัง ไม่เช่นนั้นชีวิตคู่ของคุณคงอึดอัดไม่น้อย

1. ตั้งเวลากลับบ้านแบบเป๊ะๆ

เรามักจะเห็นกันตามละครหลังข่าวหรือมุกตลกในหนังสือการ์ตูนที่เหล่าภรรยาจะตั้งเวลากลับบ้านให้กับสามี เช่น เลิกงานปุ๊บต้องกลับบ้านปั๊บ ห้ามเถลไถลไม่เกิน 6 โมงเย็น! หากกลับหลังจากนั้นคุณภรรยาจะยืนถือสากกะเบือหรือไม้กอล์ฟคอยท่าที่หน้าประตู! แหมม…คุณค่ะ สามีก็คนนะคะ ไม่ใช่นาฬิกาปลุกที่จะให้เขาตามเวลาเป๊ะๆ บางวันเขาอาจต้องทำโอทีหรือสังสรรค์กับเพื่อนร่วมงานบ้าง ถ้ามัวแต่คอยจับผิด โทรจิกโทรตามให้กลับบ้านตรงเวลาแบบนี้ก็คงจะอึดอัดและทะเลาะกันได้ง่ายๆ

2. ต้องเก็บเงินที่ฉันทั้งหมด เดี๋ยวจะแบ่งให้ใช้รายวัน

ข้อนี้แพรวเวดดิ้งเจอมากับคนใกล้ชิดค่ะ โดยมักจะเป็นการตกลง (แบบที่สามีรู้เท่าไม่ถึงการณ์) กันก่อนแต่งงานว่า เมื่อแต่งไปแล้วจะต้องรวมเงินเป็นกระเป๋าเดียวกัน แล้วต้องให้ภรรยาดูแลเงินทั้งหมด แบบนี้ถ้าภรรยาเก็บเงินเก่ง ใจดี และไม่ขี้เหนียวจนเกินไป คุณสามีก็ยังพอใช้เงินได้แบบสบายๆ แต่ถ้าบางบ้านภรรยาขี้เหนียวมากๆ แบ่งเงินให้ใช้วันละ 200-300 บาท แบบนี้สามีคงต้องส่ายหน้า เพราะแค่ค่าน้ำมันรถไปทำงาน ค่ากิน ค่ากาแฟก็แทบจะไม่พอแล้ว! ถ้าเป็นแบบนี้นานๆ คุณสามีคงออกอาการเบื่อหน่ายแน่นอน

3. ใจกว้างยอมให้เขาเที่ยวอาบ อบ นวด (นาบ)

อีกหนึ่งวิธีเด็ดที่สาวๆ หลายคนใช้ปราบพยศผู้ชายเจ้าชู้ด้วยการทำตัวใจกว้างยอมให้เขาเที่ยวกลางคืนได้ เพียงเพราะหวังว่าเขาจะเกรงใจและหยุดพฤติกรรมเจ้าชู้ที่เคยทำ (ทำตัวเหมือนเป็นเมียหลวงที่ดี) โดยยื่นข้อเสนอว่า “อยากจะเที่ยวก็ได้นะ แต่ต้องใส่ถุงยางทุกครั้ง” แหม…แล้วจะรู้ได้ยังไงละคะว่าเขาใช้ condom ทุกครั้งจริงเหรอเปล่า! แพรวเวดดิ้งขอฟันธงเลยว่า 90 % ของคู่สามีภรรยาที่ตกลงกันแบบนี้ก่อนแต่งมักจะต้องแยกทางกันชัวร์! เพราะคงไม่มีใครที่ไหนทนเห็นสามีเที่ยวกลางคืน (กับผู้หญิง) ไปได้ตลอดรอดฝั่งหรอกค่ะ เพราะฉะนั้นอย่าคิดจะทำข้อตกลงแบบใจกว้างเป็นแม่น้ำอย่างนี้เลย เชื่อเหอะ!

4. กำหนดแบบตายตัวว่าบ้านนี้ 3 วัน บ้านนั้น 4 วัน!

จุ๊ๆๆ บ้านนี้กับบ้านนั้น แพรวเวดดิ้งไม่ได้หมายถึงบ้านเมียหลวงกับบ้านเมียน้อยนะคะ ฮ่าๆ แต่กำลังพูดถึงเรื่องที่พักอาศัยในกรณีที่คู่สามีภรรยาต้องแยกบ้านกันอยู่เนื่องจากเหตุผลต่างๆ อย่างเช่น บ้านอยู่ไกลจากที่ทำงาน หรือต้องไปทำงานที่ต่างจังหวัด เป็นต้น ในกรณีแบบนี้คงต้องอาศัยความเข้าอกเข้าใจและไว้ใจกันให้มาก อาจไม่สามารถกำหนดตายตัวได้ว่าต้องกลับมาบ้านนี้ 3 วัน แล้วต้องไปอยู่ที่อีกบ้านหนึ่ง 4 วัน แบบนี้นอกจากจะเหนื่อยกับการทำงานแล้ว ยังต้องเหนื่อยเดินทางอีกด้วยนะ แต่ก็ใช่ว่าจะกำหนดวันอยู่บ้านไม่ได้เลย จริงๆ แล้วสามารถกำหนดได้นะคะ แต่ในบางครั้งก็ต้องมีหยวนๆ กันบ้างถ้าเกิดว่าเขาติดงานหรือติดธุระสำคัญ ซึ่งมันอาจจะไม่ได้ตรงวันเป๊ะๆ หรือถ้าจะให้ดีก็สลับกันไปสลับกันมา แบบนี้น่าจะเวิร์ก!

5. แบ่งแยกอำนาจกันอย่างชัดเจน!

มีหลายครอบครัวที่มักจะตกลงกันว่า เรื่องในบ้านภรรยาเป็นใหญ่ ส่วนเรื่องนอกบ้านต้องยอมให้คุณสามีเป็นใหญ่ แบบนี้ก็คงจะดูแปลกๆ ไปหน่อยนะคะ เพราะถ้าอยู่ในบ้านคุณสามีอาจจะเกิดอาการอึดอัดขัดใจ จะทำอะไรแต่ละอย่างก็ไม่สบายตัว หรือพอออกนอกบ้านคุณภรรยาก็ต้องคอยแต่จะเป็นช้างเท้าหลัง ออกสิทธิ์ออกเสียงอะไรก็ลำบากเต็มที ถ้าจะให้ดีแพรวเวดดิ้งคิดว่ากระจายอำนาจ 50-50 หรือตามแต่ความเหมาะควรของสถานการณ์จะดีกว่า อย่าลืมนะคะว่านี่คือครอบครัว ไม่ใช่การเมืองนะจ๊ะ อิอิ!

แน่นอนว่าก่อนแต่งงานคุณและคนรักคงมีเรื่องราวมากมายให้ตกลงและทำความเข้าใจกันเยอะแยะ แต่ 5 เรื่องที่แพรวเวดดิ้งกล่าวมาข้างต้นนั้น หลายคู่รักมักจะทำไม่ได้ตามที่ตั้งไว้ จนบางครั้งเลยเถิดไปถึงขั้นทะเลาะกันใหญ่โตเลิกราหย่าร้างไปก็หลายคู่ เพราะฉะนั้น จะตกลงหรือสร้างข้อกำหนดอะไรในการใช้ชีวิตร่วมกันก็ขอให้ดูความเหมาะสม ไลฟ์สไตล์ และหน้าที่การงานของแต่ละคนด้วยนะจ๊ะ

ภาพ : www.kirkcameron.com

>> อ่านบทความเกี่ยวกับความรักและความสัมพันธ์เพิ่มเติม คลิกเลย <<

6 โมเม้นต์ วิลเลียม-เคท หวนระลึกถึงคู่ ‘เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์-เจ้าหญิงไดอานา’

account_circle

หลังจากเจ้าชายวิลเลี่ยม องค์รัชทายาทลำดับที่ 2 แห่งราชวงศ์อังกฤษ เข้าพิธีเสกสมรสกับ เคท มิดเดิลตัน และทรงใช้ชีวิตคู่ร่วมกันในฐานะ ดยุกและดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ ทั้งสองพระองค์ได้แสดงความเคารพและระลึกถึง เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์-ไดอานา เจ้าหญิงแห่งเวลล์ ในหลาย ๆ ครั้ง และหลาย ๆ โอกาส

นอกจากนี้ พระอิริยาบท พระจริยาวัตร และองค์ประกอบต่าง ๆ ที่ทั้งสองพระองค์ทรงดำเนินในชีวิตประจำวัน ยังย้อนให้นึกถึงภาพของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ และเจ้าหญิงไดอานา อย่างปฏิเสธไม่ได้

นับตั้งแต่พิธีหมั้น ชุดของดัชเชสเคท เป็นชุดสีน้ำเงินเข้ม navy blue เช่นเดียวกับสีชุดในพิธีหมั้นของเจ้าหญิงไดอานา หลังจากดัชเชสเคททรงมีพระประสูติกาลพระโอรส ทรงฉลองพระองค์ด้วยชุดสีฟ้าลายจุด polka dot ที่สั่งตัดพิเศษ ออกมาจากโรงพยาบาลเพื่อทักทายกับสื่อที่มาเฝ้ารอคอยรายงานข่าว เช่นเดียวกับเจ้าหญิงไดอานา ที่ทรงเลือกฉลองพระองค์เป็นชุดเดรสลายจุด polka dot สีน้ำทะเลจากแบรนด์ Catherine Walker และทรงอุ้มเจ้าชายวิลเลียม ออกมาปรากฏกายเป็นครั้งแรก

เคท มิดเดิลตัน

นอกจากนี้ ฉลองพระองค์ของเจ้าชายจอร์จ พระโอรสองค์โต ยังมีสไตล์คล้ายกับฉลองพระองค์ของเจ้าชายวิลเลียม เมื่อทรงพระเยาว์ รวมถึงการปฏิบัติพระกรณียกิจต่างๆ อย่างการเสด็จเยือนประเทศอินเดีย และราชอาณาจักรภูฏาน ซึ่งทั้งสองพระองค์ได้เสด็จเยือนสุสานหินอ่อน ทัชมาฮาล อนุสรณ์สถานแห่งความรัก ซึ่งนับเป็นการเสด็จตามรอยเจ้าหญิงไดอานา ที่เคยเสด็จเยือนมาก่อนแล้วในปี 1992

6 โมเม้นต์ของ เจ้าชายวิลเลียม และ เคท มิดเดิลตัน ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ ที่ทำให้หวนระลึกถึงคู่พระบิดา พระมารดา ‘เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์-ไดอานา เจ้าหญิงแห่งเวลล์’

1. พระฉายาลักษณ์วันพิธีหมั้น

เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ยืนควงแขนเลดี้ไดอานา สเปนเซอร์ ซึ่งเป็นพระคู่หมั้นในขณะนั้น บริเวณหน้าพระราชวังบักกิงแฮม โดยเจ้าหญิงไดอานาทรงอยู่ในฉลองพระองค์สีน้ำเงิน Navy Blue ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 1981

ขณะที่ในวันพิธีหมั้นของเจ้าชายวิ ลเลียม และแคเธอรีน มิดเดิลตัน ในวันที่ 16 พฤศจิกายน 2010 ดัชเชสเคททรงฉลองพระองค์ในชุดเดรสสี navy blue เช่นเดียวกัน พระฉายาลักษณ์นี้ ฉายบริเวณหน้าพระตำหนักเซนต์เจมส์ ในกรุงลอนดอน โดยเจ้าชายวิลเลี่ยมและดัชเชสเคทเคท ทรงยืนควงแขนกันในพระอิริยาบทเดียวกันกับคู่ของพระบิดาและพระมารดา

2. ทรงจุมพิศขณะเสด็จออกสีหบัญชร บริเวณพระเบียงมุข พระราชวังบักกิงแฮม

เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 1981 เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ และเจ้าหญิงไดอานา เสด็จออกสีหบัญชร บริเวณพระเบียงมุข พระราชวังบักกิงแฮม และทรงจุมพิศกันท่ามกลางการร่วมแสดงความยินดีของคนทั้งโลก

เคท

เช่นเดียวกับ เจ้าชายวิลเลียม และดัชเชสเคทเคท ที่เสด็จออกสีหบัญชร และทรงจุมพิศอย่างหวานชื่น บริเวณระเบียงมุข พระราชวังบักกิงแฮม หลังพระราชพิธีเสกสมรส โดยมีพสกนิกรชาวอังกฤษ พร้อมประชาชนทั่วโลกที่ชมการถ่ายทอดสดร่วมเป็นสักขีพยาน ในวันที่ 29 เมษายน 2011

3. โบกพระหัตถ์ทักทายพระสกนิกร

เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ และเจ้าหญิงไดอานา โบกพระหัตถ์ทักทายพสกนิกรที่มาร่วมแสดงความยินดี บริเวณด้านหน้าพระราชวังบักกิงแฮม เนื่องในพิธีอภิเสกสมรส ในวันที่ 29 กรกฎาคม 1981

เคท

ส่วนเจ้าชายวิลเลียม และดัชเชสเคทเคท ก็ทรงโบกพระหัตถ์ทักทายพสกนิกรในวันเสกสมรสเช่นกัน บริเวณด้านหน้าพระราชวังบักกิงแฮม เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2011 เช่นกัน

4. วันเสด็จออกจากโรงพยาบาล หลังมีพระประสูติกาลพระโอรสองค์แรก

เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ และเจ้าหญิงไดอานา เสด็จออกจากโรงพยาบาลเซ็นต์แมรี่ ในกรุงลอนดอน เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 1982 หลังเจ้าหญิงไดอานา ทรงมีพระประสูติการเจ้าชายวิลเลียม พระโอรสองค์แรก โดยทั้งสองพระองค์ทรงกำลังช่วยกันอุ้มประคองพระโอรสอย่างทะนุถนอม

ส่วนในวันที่ 23 กรกฎาคม 2013 เจ้าชายวิลเลียม และดัชเชสเคท ก็เสด็จออกจากโรงพยาบาลเซ็นต์แมรี่ ในกรุงลอนดอน หลังทรงมีพระประสูติการเจ้าชายจอร์จ พระโอรสองค์แรกเช่นเดียวกัน โดยทรงมีพระอิริยาบทที่คล้ายคลึงกัน คือการช่วยประคองพระโอรสอย่างทะนุถนอม นอกจากนี้ ดัชเชสเคทยังฉลองพระองค์ด้วยชุดเดรสสีฟ้าลายจุด polka dot คล้ายกับเจ้าหญิงไดอานาในวันดังกล่าวด้วย

5. พ่อลูกคู่เหมือน…เจ้าชายจอร์จ ฉลองพระองค์คล้ายพระบิดา

ในวันที่ 16 กันยายน 1984 เจ้าชายวิลเลียม ฉลองพระองค์ในชุดสุดน่ารัก เสื้อสีชาว กางเกงสีแดง พร้อมสวมถุงเท้า และรองเท้าสีดำ เสด็จไปยังโรงพยาบาลเซ็นต์แมรี่ ในกรุงลอนดอน หลังเจ้าหญิงไดอานา พระมารดา เพิ่งมีพระประสูติการเจ้าชายแฮร์รี่ ส่วนในวันที่ 5 กรกฎาคม 2015

เคท

เจ้าชายจอร์จ พระบิดาในเจ้าชายวิลเลียม ทรงฉลองพระองค์ในชุดแบบเดียวกันกับพระบิดาเมื่อยังทรงพระเยาว์ เป็นเสื้อสีขาว กางเกงสีแดง พร้อมสวมถุงเท้า และรองเท้าสีดำ เสด็จร่วมพิธีศีลจุ่มของเจ้าหญิงชาร์ลอตต์ พระขนิษฐา ที่โบสถ์เซ็นต์แมรี่ แม็กดาลีน ในเขตพระตำหนักซานดริงแฮม

6. อิริยาบทคล้ายกันทั้งพระบิดาและพระโอรส ตั้งแต่สมัยนั้นถึงสมัยนี้

พระฉายาลักษณ์เก่า ๆ ที่เคยฉายไว้ ปรากฎให้เห็นอิริยาบทที่แสนจะคล้ายคลึงกันสุด ๆ โดยในวันที่ 6 มิถุนายน 1984 เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ ได้ทรงอุ้มเจ้าชายวิลเลียม ไว้ข้างลำตัวขณะทอดพระเนตรพิธีสวนสนาม จากระเบียงมุข พระราชวังบักกิงแฮม

เคท

ส่วนในวันที่ 13 มิถุนายน 2015 ที่ผ่านมา เจ้าชายวิลเลียม ก็ทรงอุ้มเจ้าชายจอร์จไว้ข้างลำตัว ขณะทอดพระเนตรพิธีสวนสนามเช่นเดียวกัน และอีกประการคือชุดที่สวมใส่ของเจ้าชายวิลเลียมเมื่อทรงพระเยาว์ กับชุดของเจ้าชายจอร์จ ยังมีสีและสไตล์ละม้ายคล้ายกันอีกด้วย


ยลโฉมเครื่องประดับสุดรักของ เจ้าหญิงไดอานา ที่เคท-เมแกนชอบใส่เป็นประจำ

5 อันดับราชนิกุลผู้มี ‘ใบหน้าสัดส่วนทองคำ’ ไดอานา อันดับ 1 เมแกน ชนะเคท

ดัชเชสเคท ราชวงศ์องค์ถัดไปที่จะใช้พระยศ “เจ้าหญิงแห่งเวลล์” ต่อจากไดอานา

 

 

 

ผ้าไทย

ผ้าไทย แมทช์ยังไงก็งาม! ส่องแก๊งลูกเจี๊ยบ ไปวัดสวยๆ ดูดีอย่างมีสไตล์

Alternative Textaccount_circle
ผ้าไทย
ผ้าไทย

หวานละมุนยกทีม! แก๊งลูกเจี๊ยบ นำทีมโดย บัว-นลินทิพย์ ,โม-มนชนก ,พรีม-รณิดา ,เปรี้ยว-ทัศนียา ,พัดพัด-รัตน์ฟ้า ,แพรว-จรัสพิมพ์  พร้อมใจใส่ ผ้าไทย ไปทำบุญ งดงามอย่างมีสไตล์

ก๊วนนางเอกสาวสวย บัว-นลินทิพย์ สกุลอ่องอำไพ, โม-มนชนก แสงฉายเพียงเพ็ญ, พรีม-รณิดา เตชสิทธิ์, เปรี้ยว-ทัศนียา การสมนุช, พัดพัด-รัตน์ฟ้า ไชยชื่นจิตต์ และเมคอัพอาร์ติสสาวเก่ง แพรว-จรัสพิมพ์ อิทธิธนากร ขอจัดหนักจัดเต็ม ตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ แต่งองค์ทรงเครื่องด้วยชุดผ้าไทย มาร่วมทำบุญไหว้พระเนื่องในวันคล้ายวันเกิด พี่แพร-ภรณ์มณี เมษสิทธิ์สิริ ผู้จัดการส่วนตัว ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) ซึ่งแต่ละคนแมทช์ลุคออกมาได้อย่างสุภาพและงดงามสุดๆ  บอกเลยว่าเทรนด์ผ้าไทยใส่ยังไงก็ไม่มีเอ้าต์

ผ้าไทย

ซึ่งสาวโมได้พูดถึงธีมการแต่งกายในวันนี้ว่า “ผ้าไทยเป็นภูมิปัญญาของคนไทย ถือเป็นมรดกที่ส่งต่อและพัฒนาสืบต่อกันมายาวนาน ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน  คนไทยจำนวนมาก และชาวต่างชาติที่มาท่องเที่ยวที่บ้านเรา เมื่อได้รู้จักก็ล้วนหลงใหลในความปราณีตและสวยงามของผ้าไทย ไม่ว่าจะเป็นผ้าไหม ผ้าฝ้าย ผ้าทอพื้นเมือง หรือผ้าซิ่น โมเองก็อยากจะเป็นส่วนหนึ่งในการสืบทอดความสวยงามของผ้าไทยนี้ให้อยู่คู่กับคนไทยไปนานๆ ด้วยการสนับสนุนและเลือกสวมใส่เสื้อผ้าที่ทำจากผ้าไทยในชีวิตประจำวัน หรือในโอกาสต่างๆ ให้มากขึ้นค่ะ”

ขณะที่เปรี้ยวให้ความเห็นว่า  “พอรู้ว่ามีโอกาสจะได้มาทำบุญไหว้พระที่วัดพระแก้ว ซึ่งเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองที่เก่าแก่และสวยงาม มีเปรี้ยวกับเพื่อนๆ ก็นัดกันเลยว่า จะใส่ชุดผ้าไทยมาถ่ายรูปกัน เป็นการแต่งกายที่เหมาะสมกับสถานที่ รูปถ่ายที่ได้ก็สวย ผ้าไทยของเราสวยมาก และสามารถนำมาประยุกต์ออกแบบตัดเย็บให้ดูร่วมสมัยเพื่อใส่ในชีวิตประจำวันได้ อีกทั้งบ่งบอกถึงเอกลักษณ์ความเป็นไทย ที่ไม่เหมือนใครด้วยค่ะ”

เอาเป็นว่างานนี้สิบปากว่า ไม่เท่าตาเห็น เลยขอประมวลภาพถ่ายสาวๆ ในชุดผ้าไทยสวยๆ มาฝากทุกคน บอกเลยว่างดงามทรงคุณค่าจริงๆ ค่ะ

บัว-นลินทิพย์ สกุลอ่องอำไพ

โม-มนชนก แสงฉายเพียงเพ็ญ

พรีม-รณิดา เตชสิทธิ์

เปรี้ยว-ทัศนียา การสมนุช

พัดพัด-รัตน์ฟ้า ไชยชื่นจิตต์

เมคอัพอาร์ติสสาวเก่ง แพรว-จรัสพิมพ์ อิทธิธนากร


สามารถติดตามอ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่

สวยหรู คุณหนูสายบุญ ‘เกรซ กาญจน์เกล้า’ ในเดรสผ้าไทยราคาแค่ 2 พันบาท!

จากฉลองพระองค์ สมเด็จพระพันปีหลวง รังสรรค์สู่ ชุดไทยจิตรลดา สาวงาม MUT

ชุดไทย สายกูตูร์! ส่องลุคสวยทำบุญราคาหลักแสนของเหล่าคนดัง

มีคุณค่าทางจิตใจ! เปิด 14 อันดับไอเท็มหรูของไอดอลเกาหลี ที่ราคาแพงที่สุด

มีคุณค่าทางจิตใจ! เปิด 14 อันดับไอเท็มหรูของไอดอลเกาหลี ที่ราคาแพงที่สุด

มีคุณค่าทางจิตใจ! เปิด 14 อันดับไอเท็มหรูของไอดอลเกาหลี ที่ราคาแพงที่สุด
มีคุณค่าทางจิตใจ! เปิด 14 อันดับไอเท็มหรูของไอดอลเกาหลี ที่ราคาแพงที่สุด

รายการดังเกาหลีใต้ เปิดเผย 14 อันดับไอเท็มหรูของ ไอดอลเกาหลี ที่มีราคาแพงที่สุด บางชิ้นมูลค่าสูงจนสามารถซื้อรถยนต์ตัวท็อปได้เลย

เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา รายการ TMI NEWS ได้ทำสกู๊ปรวบรวมของมีค่าราคาแรงที่ไอดอลเกาหลีเป็นเจ้าของ โดยจัดมาทั้งหมด 14 อันดับด้วยกัน ในรายการยังเผยด้วยว่าบางไอเท็มมีมูลค่าสูงจนสามารถซื้อรถยนต์รุ่นดีๆ สักคันได้เลย และจากสกู๊ปที่ทีมงานนำเสนอ ทำเหล่าพิธีกรต้องร้องว้าว! ตลอดทั้งรายการ รวมถึงกลุ่มแฟนคลับของศิลปินที่ได้รับชมสกู๊ปตัวนี้ ก็อึ้งไปตามๆ กัน

แต่อยากจะบอกว่า นอกจากสินค้ามูลค่าหลักแสนหลักล้านจะเป็นการซื้อความสุขให้ตัวเอง หลังจากทำงานมาอย่างเหน็ดเหนื่อยของศิลปินแล้ว ก็ยังมีอีกหลายไอเท็มที่กลุ่มแฟนคลับตั้งใจมอบให้ศิลปินคนโปรดเป็นของขวัญเนื่องในโอกาสพิเศษ โดยเฉพาะวันเกิดที่มักจะมีมหกรรมการเปย์ของแฟนคลับแต่ละบ้าน ซึ่งไอเท็มเหล่านี้เป็นที่ชื่นชอบของไอดอลไม่น้อย หรือไม่ก็เป็นของที่ทางแบรนด์ส่งให้ เพราะได้ร่วมงานกัน

เรามาเช็คกันดูว่าใน 14 อันดับที่รายการ TMI NEWS จัดมา จะมีไอดอลคนไหนบ้าง และของแต่ละชิ้นจะราคาแรงขนาดไหน ซื้อรถยนต์ได้จริงเหรอ? พูดเว่อร์เกินไปหรือเปล่า

มีคุณค่าทางจิตใจ! เปิด 14 อันดับไอเท็มหรูของไอดอลเกาหลี ที่ราคาแพงที่สุด

ไอดอลเกาหลี
อันดับ 14 ฮยอนอา : นาฬิกา Rolex ที่เธอซื้อเป็นไอเท็มคู่ให้กับตัวเองและแฟนหนุ่ม ราคาประมาณ 200,000 บาท
อันดับ 13 นาอึน Apink : กระเป๋า Chanel 2.55 Flap Bag ราคาประมาณ 230,000 บาท ซึ่งนาอึนเป็นแฟนชาเนลตัวยงเลยล่ะ ยังมีกระเป๋าของแบรนด์นี้อีกเพียบ!
ไอดอลเกาหลี
อันดับ 12 ซูจี : กระเป๋า Mini Lady Dior Art ราคาประมาณ 280,000 บาท ซูจีถือกระเป๋าใบนี้เข้าร่วมงานอีเว้นท์ในฐานะ Spokesperson ของดิออร์
อันดับ 11 บ๊อบบี้ iKON : นาฬิกาแบรนด์หรู Piaget ราคาประมาณ 370,000 บาท บ๊อบบี้ใส่นาฬิกาเรือนนี้เพื่อเข้าร่วมงานอีเว้นท์ของแบรนด์
ไอดอลเกาหลี
อันดับ 10 ทิฟฟานี่ : นาฬิกา Rolex รุ่น Lady Datejust Oyster 28 ราคาประมาณ 390,000 บาท ทิฟฟานี่เป็นอีกคนที่มีเครื่องประดับและไอเท็มราคาแรงอยู่เยอะมาก แม้กระทั่งเคสมือถือยังเป็นของ Louis Vuitton
อันดับ 9 ฮาซองอุน : นาฬิกา Rolex รุ่น Submariner Date ราคาประมาณ 450,000 บาท เป็นไอเท็มที่กลุ่มแฟนคลับมอบให้เป็นของขวัญวันเกิด
อันดับ 8 เจสสิก้า : กระเป๋า Hermes Birkin ราคาประมาณ 690,000 บาท และนี่เป็นเพียงแอร์เมสใบหนึ่งจากคลังกระเป๋าของเธอเท่านั้น!
อันดับ 7 คังแดเนียล : นาฬิกา Vacheron Constantin รุ่น Overseas Chronograph ราคาประมาณ 990,000 บาท ซึ่งแฟนคลับมอบให้เป็นของขวัญ
อันดับ 6 ลิซ่า Blackpink : นาฬิกา Rolex รุ่น Datejust 31 ราคาประมาณ 1,030,000 บาท เป็นนาฬิกาอีกหนึ่งเรือนจาก Rolex ที่ลิซ่าชื่นชอบและใส่บ่อยมากๆ
อันดับ 5 ซิโค่ Block B : นาฬิกา Rolex 2 เรือน ราคาประมาณ 1,200,000 บาท โดยซิโค่ใส่ออกรายการวาไรตี้ Knowing Bros ของเกาหลีใต้ ทำเหล่าพิธีกรอึ้งไปเลย
ไอดอลเกาหลี
อันดับ 4 คิมนัมจุน BTS : นาฬิกา Patek Philippe รุ่น Nautilus 5712r ราคาประมาณ 2.4 ล้านบาท ซึ่งนัมจุนเป็นอีกคนที่โปรดปรานนาฬิกามาก นอกจาก Patek Philippe เขายังมีนาฬิกาแบรนด์ดังอีกหลายเรือน
อันดับ 3 ชานยอล Exo : นาฬิกา Rolex รุ่น Daytona Platinum Ice Blue ราคาประมาณ 3.1 ล้านบาท ไอเท็มชิ้นนี้แฟนคลับมอบให้เป็นของขวัญ
อันดับ 2 ไอรีน Red Velvet : สร้อยเพชร Damiani ราคาประมาณ 7 ล้านบาท! ไอรีนได้รับการสนับสนุนคอลเล็คชั่นเครื่องเพชร เนื่องจากเป็นมิวส์คนแรกของเอเชียให้กับแบรนด์ Damiani
อันดับ 1 จี-ดรากอน : นาฬิกาของจีดีเป็นสินค้าที่แพงที่สุดจากแบรนด์ Richard Mille ราคาประมาณ 15 ล้านบาท!!! เป็นรุ่นลิมิเต็ดที่ตอนนี้ไม่สามารถหาซื้อได้แล้ว

กว่าจะไล่มาถึงอันดับ 1 เกือบหัวใจวายเลยทีเดียว เพราะแค่เริ่มต้นก็ปาไปแล้ว 2 แสนบาท แต่ถึงจะเป็นข้าวของที่ราคาสูงยิ่งกว่ากำแพง เหล่าไอดอลก็ใช้งานอย่างคุ้มค่า ถือเป็นของขวัญชิ้นพิเศษที่มอบให้ตัวเอง หรือจะเป็นสิ่งที่คนอื่นมอบให้ ก็ล้วนมีความหมายและมีคุณค่าทางใจทั้งนั้น


ที่มา : Mnet TMI NEWS

ภาพ : [email protected] , IG@lalalalisa_m , IG@hyunah_aa , MoneyS , Limittender , Lizahasavona , Twitter@EXOXOXOID , DIVERSE CHANYEOL , [email protected] , Korea Press

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

สวยจบในชิ้นเดียว! แฟชั่นจั๊มสูท เทรนด์ที่สุภาพสตรีในราชวงศ์ต่างประเทศชื่นชอบ

เจ้าพ่อซูเปอร์แบรนด์ บาส-นิติ DIY หน้ากากจากผ้าแอร์เมส-ชาเนล พร้อมทำบริจาค

เปิดห้องเสื้ออีกครั้ง! Dior ผลิตหน้ากากอนามัย มอบให้บุคลากรทางการแพทย์

ไปให้สุดค่ะแม่! แฟชั่น STAYHOME ฉบับ ‘วทานิกา’ ดีไซเนอร์สุดแซ่บ

หล่อมาดนายแบบ! ‘เกาเหว่ยกวง’ หรือ ‘มหาเทพตงหัว’ กับแฟชั่นมิดชิดช่วงโควิด-19

เหตุใด ดัชเชสเคท แต่งตัวผ่อนคลายขึ้น หลัง เมแกน ออกจากการเป็นราชวงศ์ชั้นสูง

ถูกวิจารณ์เยอะเกินพอดี! คอสตูม ดั่งดวงหฤทัย ไม่เรียบง่ายตามบทนิยาย

บลิ๊งค์ขอความเท่าเทียม! สปอร์ตแบรนด์ดังตัดภาพ จีซู BLACKPINK บนเว็บไซต์จีน

#ดูเอาเถิด ลุคเข้าสวน-ทำครัวของ เจ้าแม่แฟชั่น ‘ชมพู่ อารยา’

เปลี่ยนลุคเหมือนลดอายุ! ซงฮเยคโย ถ่ายแฟชั่นเซ็ตรับซัมเมอร์

ปกป้องตัวเองแบบมีสไตล์! 9 แบรนด์ไทยโชว์ไอเดียออกแบบ หน้ากากผ้า

แม่จีนเปย์ไม่พัก! จัดแบรนด์เนมหรูให้ ‘ลิซ่า’ ฉลองวันเกิด 23 ปี

Burberry ดัดแปลงโรงงานในอังกฤษ ผลิตชุดคลุมและหน้ากาก มอบทางการแพทย์

แบรนด์ไทย NARONG ออกแบบหน้ากากอนามัย สวยแถมซักได้ในราคาหลักร้อย

สวยใจบุญ ‘ศรีริต้า’ แจกหน้ากากอนามัย 5 พันชิ้น ได้แรงสนับสนุนจากแบรนด์ไทย

ลุคเรียบง่ายแค่หลักพัน ‘ดัชเชสเคท’ เข้าเยี่ยมเจ้าหน้าที่สุขภาพในวิกฤต COVID-19

มัดรวมไอเท็มกู้ผิวอ่อนแอ สำหรับ 3 สภาพผิว ใครมีปัญหาไหน ตามมาดูกัน!

สาวๆ ที่กำลังเผชิญปัญหาผิวอ่อนแอต้องรู้! Cetaphil ไม่ได้มีแค่คลีนเซอร์ที่เป็นไอเท็มยอดฮิตเท่านั้น แต่ยังมีอีกหลายไอเท็มที่ดีงามต่อผิวแบบครบเซ็ต ตั้งแต่ล้าง บำรุง ไปจนถึงปกป้อง ซึ่งพร้อมดูแลทุกสภาพผิว

Cetaphil

หากจะพูดถึงปัญหาผิวของสาวๆ ยุคนี้ ก็ต้องบอกเลยว่าสาหัสจริงๆ ด้วยสารพัดมลภาวะที่ถาโถมกระหน่ำแบบไม่พัก ไม่ว่าจะเป็น แสงแดด ฝุ่นควัน หรือความเครียด ที่ล้วนเป็นต้นเหตุของปัญหาผิวอ่อนแอทั้งสิ้น ซึ่งถือเป็นปัญหาใหญ่ เพราะอาจทำให้เกิดปัญหาผิวอื่นๆ ตามมาได้ แถมยังมีโอกาสเกิดขึ้นได้กับสาวๆ ทุกสภาพผิว โดยสามารถสังเกตอาการได้จากสัญญาณผิวอ่อนแอ เช่น ผิวแห้งกร้าน ขาดความชุ่มชื้น ผิวระคายเคืองง่าย เกิดผดผื่นคัน เนื่องจากอาการแพ้

Cetaphil

แม้สาวๆ จะไม่สามารถควบคุมมลภาวะให้ห่างไกลจากผิว แต่สามารถปกป้องผิวจากมลภาวะ เพื่อป้องกันไม่ให้สัญญาณผิวอ่อนแอเกิดขึ้นกับผิวได้ พูดง่ายๆ ก็คือสามารถเสริมสร้างผิวให้ดูสุขภาพดีเอาไว้ก่อนที่จะเกิดอาการผิวอ่อนแอนั่นเอง ซึ่งหนึ่งในวิธีที่ง่ายที่สุด ก็คือการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้ผิวดูสุขภาพดี และป้องกันอาการผิวอ่อนแอได้ อย่าง Cetaphil Gentle Skin Cleanser มาเป็นไอเท็มแรกของการดูแลผิว

Cetaphil

แน่นอนว่าสาวๆ คงรู้จัก Cetaphil Gentle Skin Cleanser คลีนเซอร์ตัวดังนี้กันเป็นอย่างดี เพราะ 95%1 ของผู้หญิงไทยเลือกใช้ และที่สำคัญคือขึ้นชื่อลือชาว่าสามารถทำความสะอาดผิวได้อย่างเกลี้ยงเกลา แถมยังช่วยป้องกันการสูญเสียน้ำของผิวได้อีกด้วย เรียกว่าสามารถล้างสิ่งสกปรก และล็อกความชุ่มชื้นให้ผิวได้พร้อมๆ กันเลยทีเดียว โดยต้องยกความดีความชอบให้กับนวัตกรรม Moisturizing Film ซึ่งทำหน้าที่เป็นฟิล์มบางๆ เคลือบผิวไว้ไม่ให้ความชุ่มชื้นระเหยออกจากผิว หลังใช้ผิวจึงไม่แห้งตึง

Cetaphil

นอกจากนี้ Cetaphil Gentle Skin Cleanser ยังขึ้นแท่นไอเท็มลูกรักของสาวๆ ที่มีผิวบอบบาง แพ้ง่าย และเป็นไอเท็มที่ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังแนะนำ ด้วยคุณสมบัติที่อ่อนโยนต่อผิว ไม่ว่าจะเป็น ค่า pH 6.5 ที่ใกล้เคียงผิวตามธรรมชาติ ไม่มีฟอง ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม ผ่านการวิจัยแล้วว่าไม่ทำให้เกิดอาการแพ้ และไม่อุดตันผิว

Cetaphil

และอย่างที่บอกกันไปในตอนต้นว่า Cetaphil ไม่ได้เริ่ดแค่คลีนเซอร์เท่านั้น แต่ยังมีอีกหลายไอเท็มที่ดีงามต่อผิว แถมยังจัดมาให้ครบทั้ง 3 ขั้นตอน ล้าง บำรุง และปกป้อง ตามสมการผิวสุขภาพดีของ Cetaphil และที่สำคัญยังจัดเซ็ตผลิตภัณฑ์สำหรับการดูแลผิว 3 ประเภท คือ ผิวบอบบาง แพ้ง่าย ผิวมัน เป็นสิวง่าย และผิวแห้ง ขาดน้ำ เอาไว้เสร็จสรรพ เพื่อให้สาวๆ แต่ละสภาพผิวเลือกใช้กันได้อย่างเหมาะสมอีกด้วย หากสาวๆ อยากมีผิวดูสุขภาพดีแบบครบสูตร ก็ต้องตามไปเก็บลิสต์นี้เอาไว้กันเลย

Cetaphil ผิวบอบบางแพ้ง่าย

เริ่มกันที่สาวๆ ผิวบอบบาง แพ้ง่าย ขอแนะนำให้ล้างหน้าด้วย Cetaphil Gentle Skin Cleanser แล้วบำรุงผิวเป็นประจำด้วย Cetaphil Moisturising Cream ที่ช่วยฟื้นฟูผิวบอบบางให้กลับมาดูสุขภาพดี และที่ขาดไม่ได้เด็ดขาดคือปกป้องผิวจากรังสียูวีด้วยครีมกันแดดสูตรอ่อนโยนที่ใช้ได้เป็นประจำทุกวัน ซึ่ง Cetaphil มีให้เลือกใช้ 2 สูตร คือ Cetaphil UVA/UVB Defense SPF 50+ / UVA 28 ที่เหมาะสำหรับการปกป้องผิวจากแสงแดดที่ต้องเผชิญในชีวิตประจำวัน และ Cetaphil Sun SPF50+ PA++++ Light Gel ที่เหมาะสำหรับวันที่ต้องทำกิจกรรมหรือออกกำลังกายกลางแจ้ง

Cetaphil ผิวมันเป็นสิวง่าย

มาต่อกันที่สาวๆ ผิวมัน เป็นสิวง่าย2 ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่ช่วยกำจัดความมันส่วนเกินได้ดีอย่าง Cetaphil Oily Skin Cleanser ซึ่งมีนวัตกรรม Gentle Foaming Action ที่มีประสิทธิภาพในการลดความมันส่วนเกินได้จริง 54%3 จากนั้นใช้ Cetaphil Daily Advance Ultra Hydrating Lotion โลชั่นบำรุงผิวที่อุดมไปด้วย Vitamin A และ E ธรรมชาติจาก Shea Butter บำรุงให้ผิวชุ่มชื้นทันทีที่ใช้ และคงความชุ่มชื้นยาวนาน 24 ชั่วโมง แล้วปิดท้ายด้วย Cetaphil UVA/UVB Defense SPF 50+ / UVA 28 หรือ Cetaphil Sun SPF50+ PA++++ Light Gel ที่ช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวีได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Cetaphil ผิวแห้งขาดน้ำ

ส่วนสาวๆ ผิวแห้ง ขาดน้ำ และต้องเผชิญมลภาวะหรือฝุ่นควันในชีวิตประจำวัน ควรล้างหน้าด้วย Cetaphil Gentle Foaming Cleanser โฟมเนื้อนุ่มที่ช่วยทำความสะอาดผิวได้อย่างหมดจด ทั้งสิ่งสกปรก ความมัน และเครื่องสำอาง แถมช่วยขจัด 80% ของสารก่อมลภาวะและฝุ่นละอองขนาดเล็กได้ โดยไม่ทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นตามธรรมชาติ จากนั้นบำรุงผิวด้วยเซ็ตไอเท็ม Cetaphil Daily Hydrating Lotion สำหรับกลางวัน Cetaphil Hydrating Rich Night Cream สำหรับกลางคืน และ Hydrating Eye Cream Serum สำหรับผิวรอบดวงตา ซึ่งช่วยบำรุงผิวได้อย่างเข้มข้นด้วยเนื้อผลิตภัณฑ์แบบ Lightweight HYAluronic Acid4 ที่บางเบา ซึมเร็ว ไม่เหนอะหนะผิว ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นได้มากถึง 1,000 เท่า5 ยาวนาน 24 ชั่วโมง ด้วยส่วนผสมของ HYAluronic Acid แล้วปกป้องผิวจากรังสียูวีเป็นประจำด้วย Cetaphil UVA/UVB Defense SPF 50+ / UVA 28 หรือ Cetaphil Sun SPF50+ PA++++ Light Gel

Cetaphil

บอกแล้วว่านอกจากคลีนเซอร์ตัวดังในตำนาน Cetaphil ยังมีไอเท็มที่น่าใช้อีกเพียบ แถมยังเข้าใจปัญหาผิวอ่อนแอของสาวๆ เป็นอย่างดี จึงจัดเซ็ตมาให้ใช้กันแบบง่ายๆ ครบทุกขั้นตอน หากสาวๆ รู้แล้วว่าตัวเองมีสภาพผิวแบบไหน ก็ตามไปหาซื้อ Cetaphil ได้เลยที่ร้านค้าชั้นนำ ร้านขายยาทั่วไป และช่องทางออนไลน์ หรือติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.cetaphil.co.th และ Facebook : Cetaphil Thailand

  1. 95% ของผู้หญิงไทยอายุระหว่าง 18-40 ปี (213 จาก 223 คน) เห็นด้วยว่ารู้สึกผิวดีทันทีหลังล้างหน้าด้วย เซตาฟิล เจนเทิล สกิน คลีนเซอร์ จากการสำรวจบนเว็บไซต์ www.tryandreview.com ประเทศไทย ระหว่างเดือน ธ.ค. 2562 – ม.ค. 2563
  2. Zoe D. Draelos, MD Wake Faest University School of Medicine, Winston-Saiem, NC USA
  3. Chris T. McAllister, et. al., Clinical Assessment of a Cleanser for Moderately Oily Acne-Prone Skin, 1997
  4. มีส่วนผสมของ Hyaluronic Acid และเป็นเนื้อผลิตภัณฑ์แบบ Lightweight
  5. Hyaluronic Acid สามารถอุ้มน้ำได้มากถึง 1,000 เท่า ขึ้นอยู่กับน้ำหนักโมเลกุล

เป็นแบรนด์สกินแคร์อันดับ 1 ที่แนะนำโดยผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง*

*จากผลสำรวจการแนะนำผลิตภัณฑ์ของแพทย์ผิวหนังในประเทศสหรัฐอเมริกา จำนวน 1,532 คน พฤศจิกายน 2562 โดย IQVIA ประเทศสหรัฐอเมริกา

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
Cetaphil Gentle Skin Cleanser
Cetaphil Moisturising Cream
Cetaphil UVA/UVB Defense SPF 50+ / UVA 28
Cetaphil Sun SPF50+ PA++++ Light Gel
Cetaphil Oily Skin Cleanser
Cetaphil Daily Advance Ultra Hydrating Lotion
Cetaphil Gentle Foaming Cleanser
Cetaphil Daily Hydrating Lotion
Cetaphil Hydrating Rich Night Cream 
Cetaphil Hydrating Eye Cream Serum

ไอซ์-สารวัตร

นักข่าวหนุ่มสุดฮ็อต ไอซ์-สารวัตร กิจพานิช “ซุปตาร์บ้านกกกอก”

Alternative Textaccount_circle
ไอซ์-สารวัตร
ไอซ์-สารวัตร

ปังกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว นักข่าวหนุ่มสุดฮ็อต ไอซ์-สารวัตร กิจพานิช ผู้สื่อข่าวอมรินทร์ทีวี เอชดี ช่อง 34  เจ้าของฉายา “ซุปตาร์บ้านกกกอก”

ปังกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว! สำหรับผู้สื่อข่าวมาแรง “ไอซ์-สารวัตร กิจพานิช” ผู้สื่อข่าวงานดี ช่องอมรินทร์ทีวี เอชดี ช่อง34 ที่ลงพื้นที่จริง ตามติดคดีดัง “บ้านกกกอก” จนเป็นที่รู้จักทั่วประเทศ ด้วยบุคลิกการรายงานข่าวที่เจาะลึก และ เข้าถึงแหล่งข่าว จนชาวเน็ตให้ฉายากันว่า “ซุปตาร์บ้านกกกอก” ล่าสุดเดินทางมาเปิดใจถึงความฮ็อตที่รายการ Z story ช่องอมรินทร์ทีวี ทุกกระแสความดังในโลกออนไลน์ ผ่านรายการไว้ว่า

ไอซ์-สารวัตร

ประสบความสำเร็จชั่วค่ำคืนจากการรายงานลงพื้นที่จริง

“จริงๆ เราไม่รู้เลยนะว่าคนให้ความสนใจเยอะ เพราะตอนที่เราไปอยู่ที่บ้านกกกอก มันมีคนไม่เยอะมาก ประมาณ 200 คน ไปไหนก็อยู่นั้น คิดว่าคนคงรู้จักเราแค่ในพื้นที่อีสาน สกลนคร มุกดาหาร แค่นี้ เรารู้แค่ว่าอยู่ตรงนั้นมีคนขอถ่ายรูป เรารู้แค่นั้นไม่คิดว่ากลับมากรุงเทพแล้วจะยังไง ไปไหน ที่อื่นๆ หรือว่าเดินห้างแล้วจะเป็นยังไง แต่พอกลับมาที่กรุงเทพ กระแสก็คือมีคนรู้จักมากขึ้น อย่างช่องทางการติดต่อของผม Facebook ตอนแรกมีคนติดตาม 3,000 กว่า ตอนนี้ก็อยู่ที่ 80,000กว่า ไอจี และ ติ๊กต๊อกก็คือขึ้นมาหมด คนนี้คนตามอยู่ที่ประมาณ 250,000 ก็ขอบคุณทุกคนที่ติดตามผมทุกช่องทาง”

ไอซ์-สารวัตร

กลายเป็นขวัญใจพ่อยก แม่ยก และเด็กๆ คอยส่งข้าวส่งน้ำให้เพียบเลย

“อย่างคนที่ติดตามเรา แรกๆที่ทำข่าวส่วนใหญ่จะเป็นอายุคนทำงาน อายุประมาณ 35 ขึ้นไป แต่ว่าพอมาทำข่าวน้องชมพู่ ที่บ้านกกกอกเนี้ย ปรากฏว่าที่เรารู้เนี้ย เด็กๆก็ติดตามข่าว เด็กก็มาหาเรา มาเรียกพี่ไอซ์อะไรแบบนี้ เวลาเราไปทำกิจกรรมแบบที่โรงเรียน เด็กๆก็ออกมาดู วิ่งตามกรี๊ดกร๊าด ทุกวันนี้พวกแม่ๆพอๆก็จะมีของมาให้เราตลอดคือน่ารักมาก อย่างล่าสุดก็มีคนซื้อมะพร้าวมาให้เรา 40-50 ลูก คือทุกคนน่ารักมาก เป็นเหมือนกำลังใจให้เราในการทำงาน”

ติดตามทุกประเด็นร้อนชุบซิบทุกเรื่องที่เป็น ทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ใน รายการ Z story เพราะทุกที่มีเรื่องเม้าท์” ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์  เวลา 16.00 น.- 16.45 น. ทางอมรินทร์ทีวี เอชดี ช่อง 34 หรือรับชมย้อนหลัง youtube : amarintvhd


สามารถติดตามอ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่

ทำความรู้จัก Anisha Isa-Kalebic สาวผู้กุมหัวใจ เจ้าชายอับดุล มาทีน

ขึ้นแท่นมหาเศรษฐี หวงจื่อเทา อดีต EXO พ่อเสียชีวิตทิ้งมรดกให้ 9 หมื่นล้านบาท

เส้นทางรัก แบรด พิตส์ กับแฟนสาววัย 27 นิโคล โพทูราสกี นางแบบ คุณแม่ลูก 1

“มูลนิธิเอสซีจี” ส่งหนังสั้น “จดหมายจากปลายเท้า” ถึงคนไทย ปลุกคุณค่าและพลังพิเศษในตัวทุกคน

มูลนิธิเอสซีจี ส่งต่อความเชื่อมั่นในคุณค่าของตัวเอง ผ่านหนังสั้น “จดหมายจากปลายเท้า” นำเสนอเรื่องราวชีวิตจริงของ 4 บุคคล ที่ต้องเผชิญวิกฤตโควิด-19 สะท้อนวิธีคิด วิธีปรับตัว และการรับมือในช่วงวิกฤต เพื่อเป็นแรงบันดาลใจ ปลุกพลังและความหวังให้คนไทยทุกคนก้าวข้ามวิกฤตโควิด-19 ไปด้วยกัน

สุวิมล จิวาลักษณ์ กรรมการและผู้จัดการ มูลนิธิเอสซีจี กล่าวว่า จากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เกิดขึ้น มูลนิธิเอสซีจีได้ดำเนินการช่วยเหลือในระยะเร่งด่วนนับแต่เดือนมกราคม 2563 ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการให้ความช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์ เด็กและเยาวชน กลุ่มผู้ยากไร้และผู้ขาดโอกาส ทั้งในด้านของนวัตกรรมทางการแพทย์ ด้านสุขอนามัย ด้านอุปโภคบริโภค อย่างไรก็ตาม ยังมีผู้คนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 อีกจำนวนมากที่ตกงาน ถูกลดเงินเดือน กิจการต้องปิดลง สูญเสียทุกอย่างที่เคยสร้างมา ทำให้หลายคนอาจจะรู้สึกว่าคุณค่าในตัวเองลดหายไป หมดหวัง เสียกำลังใจ  บางคนถึงขั้นตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง

 “มูลนิธิเอสซีจี ในฐานะองค์กรสาธารณกุศลที่ให้ความสำคัญและมุ่งมั่นในการพัฒนา คนเราเชื่อมั่นในคุณค่า ในความสามารถและศักยภาพของ คน จึงได้หยิบยกประเด็นความสามารถในการ ปรับตัวซึ่งถือเป็นพลังพิเศษที่แฝงอยู่ในตัวของทุกคน มาร้อยเรียงเป็นเรื่องราวถ่ายทอดผ่านหนังสั้นเรื่อง จดหมายจากปลายเท้า ที่นำเสนอชีวิตจริงของ 4 บุคคล ไม่ว่าจะเป็น บิวตี้บล็อกเกอร์, เจ้าของบาร์, ช่างซ่อมเครื่องซักผ้า และเชฟภัตตาคาร เพื่อบอกเล่าเรื่องราวของคนธรรมดาที่มีแนวคิดไม่ธรรมดา โดยแต่ละคนนั้นสามารถปรับตัวและรับมือกับโควิด-19 ในแบบของฉบับของตัวเองที่แตกต่างกันออกไป จนสามารถก้าวข้ามผ่านความยากลำบากในครั้งนี้ มูลนิธิฯ หวังว่าเรื่องราวชีวิตจริงที่เราหยิบยกขึ้นมาเป็นแรงบันดาลใจ จะช่วยส่งต่อความเชื่อมั่นในคุณค่าของตนเอง ปลุกพลัง ปลุกกำลังใจ เหมือนที่ในหนังบอกไว้ว่า ถ้ายังไม่สูญเสียลมหายใจ ยังไงคุณก็จะรอด 

ผู้สนใจสามารถรับชม หนังสั้นเรื่องจดหมายจากปลายเท้าโดยมูลนิธิเอสซีจี ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปผ่านทางยูทูปแชนเนล scgfoundation และเฟซบุ๊กแฟนเพจมูลนิธิเอสซีจี

มหาเศษฐี

ขึ้นแท่นมหาเศรษฐี หวงจื่อเทา อดีต EXO พ่อเสียชีวิตทิ้งมรดกให้ 9 หมื่นล้านบาท

Alternative Textaccount_circle
มหาเศษฐี
มหาเศษฐี

นักธุรกิจวัย 52 ปี  หวงจงตง เสียชีวิตทิ้งมรดก 9 หมื่นล้านบาท ให้ลูกชายคนเดียว หวงจื่อเทา อดีตสมาชิกวง EXO ขึ้นแท่นมหาเศรษฐีอายุน้อย

 หวงจื่อเทา

สำนักข่าวปักกิ่งนิวรายงานว่า เมื่อวันที่ 11 กันยายนที่ผ่านมา นักธุรกิจวัย 52 ปี หวงจงตง (Huang Zhongdong) ผู้ก่อตั้งและผู้บริหาร Long Tao Entertainment  ซึ่งเป็นพ่อของ นักร้องวัยรุ่นชื่อดังของเมืองจีน หวงจื่อเทา (Huang Zi Tao) และยังเคยเป็นอดีตสมาชิกบอยแบนด์ชื่อดังของเกาหลีวง EXO ได้เสียชีวิตจากโรคมะเร็งตับอ่อน ซึ่งสร้างความเศร้าโศกเป็นอย่างมากให้กับครอบครัว แต่อีกด้านหนึ่งในโลกออนไลน์ เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นที่ร้อนแรงอย่างมาก เมื่อมีการเปิดเผยว่า เขาอาจจะขึ้นแท่นมหาเศรษฐี อายุน้อยของโลก หลังจากที่คุณพ่อของเขาทิ้งมรดกไว้ให้มากถึง 2 หมื่นล้านหยวน (ประมาณ 92,000 ล้านบาท)

โดย 4 วันก่อนที่บิดาของเขาจะเสียชีวิตจื่อเทาได้ Live ลงโซเชียลส่วนตัว ซึ่งจากที่เห็นแฟนๆ ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าใบหน้าของเขาซีด ผมยุ่งเหยิง เบ้าตาดำคล้ำ ดูน่าสงสารเป็นอย่างมาก ก่อนที่จะรำพึงรำพันว่า “ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉัน” แน่นอนว่าแฟนคลับต่างรู้สึกไม่เข้าใจเขา แต่เมื่อมีการเปิดเผยเรื่องการเสียชีวิตของคุณพ่อของเขาออกมาก็ทำให้ทุกคนเข้าใจได้ ว่าเขาต้องเผชิญกับความสูญเสียครั้งใหญ่ในชีวิต

หวงจงตง
หวงจงตง

สำหรับจงตงและจื่อเทาเป็นคุณพ่อคุณลูกที่สนิทสนมกันมากๆ พวกเขามักแบ่งปันเรื่องราวและปรึกษากันอยู่เสมอโดยไม่มีปิดบัง ยกเว้นในวัยเด็กที่ถูกคุณพ่อหลอกว่าที่บ้านจน

คุณพ่อจงตงเคยเปิดใจเล่าถึงเรื่องราวชีวิตของเขาว่าชีวิตของเขาเคยลำบากมากๆ ตอนที่ตัดสินใจมาอยู่ที่ชิงเต่าแทบจะไม่มีเงินเลยสักแดงเดียว แต่ด้วยความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้า เขาจึงทำงานอย่างหนัก และได้เงินมาจำนวนหนึ่งจึงตัดสินใจลงทุนในตลาดหุ้น เขาใช้เวลา 13 ปี ในการปลุกปั้นบริษัทให้มั่นคง และมันก็ทำรายได้ให้เขาอย่างงามถึง 2 หมื่นล้านหยวน

 หวงจื่อเทา

ถึงแม้ว่าจงตงจะมีรายได้มากระดับมหาเศรษฐีแต่กลับยังใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย โดยในช่วงที่จื่อเทายังเด็ก เขามักจะบอกลูกชายว่าที่บ้านจน และให้เงินไปโรงเรียนแค่เพียง 1 หยวนเท่านั้น ขณะที่เพื่อนๆ ได้เงินไปโรงเรียน 10-100 หยวน โดยในช่วงมัธยมลูกชายสุดที่รักของเขาได้เขียนจดหมายถึงเขาว่า ไม่อยากไปโรงเรียนแล้ว และอยากที่จะหางานทำมากกว่า กระทั่งวันหนึ่งจื่อเทาได้งานพาร์ทไทม์เป็นงานแจกใบปลิว เขาทำงานอย่างหนัก และนั่งรถรถเมล์กลับบ้านดึกๆ ทุกวัน ซึ่งทุกๆ อย่างที่จื่อเทาทำนั้นพ่ออย่างเขาก็เห็นมากับตาและก็ทำให้น้ำตาซึมเลยทีเดียว แต่เมื่อโตขึ้นเขาก็เปิดเผยความจริงกับซึ่งทำให้ลูกชายคนเดียวของเขาเซอร์ไพร้ส์เป็นอย่างมาก

Huang Zi Tao

สำหรับ หวงจงตง มีบริษัทส่วนตัวซึ่งมีมูลค่า 2 หมื่นล้านหยวน เขามีบ้าน 4-5 หลังอยู่ที่ชิงเต่า นอกจากนี้เขายังเป็นหัวเรือใหญ่ที่สนับสนุนลูกชายให้เปิดบริษัท Long Tao Entertainment  หลังจากที่ย้ายจากเกาหลีใต้กลับมาที่เมืองจีน

อย่างไรก็ตามจื่อเทาได้ยืนยันว่าเขาจะรักษาบริษัทของพ่อให้ดีที่สุด เขาจะไม่ยอมให้หยาดเหงื่อของพ่อที่ทำมาตลอดชีวิตต้องเสียเปล่า เขาจะไม่ทำให้พ่อผิดหวังตลอดชีวิต


ข้อมูลจาก : PANTIP โดย TAOmyth,sohu,chinapress

สามารถติดตามอ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่

IU (ไอยู) จากเด็กน้อยที่กินมันต้ม อยู่ห้องแมลงสาบ สู่สุดยอดผู้ใจบุญแห่งเกาหลี

9 มหาเศรษฐีฟันน้ำนม รวยไม่เกรงใจ ใสๆ แบ๊วๆ ทรัพย์สินแตะระดับพันล้าน!

โฟร์ซีซั่นส์ รีสอร์ท เชียงใหม่ เปิดตัวสปาใหม่ที่มีชื่อว่า “วรา ชีวา สปา”

เฉลิมฉลองของขวัญแห่งชีวิตเพื่อความเป็นอยู่ที่ดี ผ่านทรีทเม้นท์ภายใต้ 4 ประการสำคัญของการมีชีวิตที่สมดุล – ร่างกาย อารมณ์ สังคมและคุณค่าทางโภชนาการ

หลายศตวรรษที่ผ่านมาชาวเหนือได้สืบทอดวัฒนธรรมและพิธีกรรมที่มุ่งเน้นให้ชีวิตดำรงอยู่อย่างสมดุล โฟร์ซีซั่นส์ รีสอร์ท เชียงใหม่ พร้อมทีมผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพซึ่งนำโดย ลุยซา แอนเดอร์สัน – ผู้อำนวยการสปาประจำภูมิภาค ได้รับแรงบันดาลใจและนำเอาศาสตร์ความรู้และภูมิปัญญาเหล่านี้มาเพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่บนเส้นทางแห่งความเป็นอยู่ที่ดี “วรา ชีวา สปา” นั้นหมายถึงการเฉลิมฉลองของขวัญแห่งชีวิตและมอบประสบการณ์ใหม่ที่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อการบำบัดแบบองค์รวมทั้งภายในและภายนอกที่เราต่างแสวงหา” ลุยซา แอนเดอร์สัน กล่าว

 “เราภูมิใจที่โฟร์ซีซั่นส์ รีสอร์ท เชียงใหม่ ให้ความสำคัญกับวัฒนธรรมและทำงานใกล้ชิดกับชุมชนอย่างแน่นแฟ้นตลอดระยะเวลา 25 ปีที่ผ่านมา” กล่าวโดยแอนโธนี กิลล์ ผู้จัดการทั่วไป โฟร์ซีซั่นส์ รีสอร์ท เชียงใหม่ และโฟร์ซีซั่นส์ เต็นท์แคมป์สามเหลี่ยมทองคำ

“ตั้งแต่ผู้เชี่ยวชาญที่สปาของเราเองซึ่งนำเอาประสบการณ์ของพวกเขามาใช้ในการทำทรีทเม้นท์แต่ละครั้ง รวมทั้งอิทธิพลของศาสตร์แบบดั้งเดิมที่ใช้วัตถุดิบท้องถิ่นที่ปลูกเองมาเป็นส่วนประกอบของทรีทเม้นท์ที่ วรา ชีวา สปา (Wara Cheewa Spa)

สปาเมนูถูกออกแบบมาเพื่อสร้างความสอดคล้องและก่อให้เกิดการผสมผสานกันระหว่างร่างกาย จิตใจและจิตวิญญาณ โดยจำแนกประเภทตามเสาหลัก 4 ประการสำคัญของการมีคุณภาพชีวิตที่ดี ได้แก่ ด้านร่างกาย ด้านอารมณ์ ด้านสังคมและด้านคุณค่าทางโภชนาการ

พร้อมนำเสนอทรีทเม้นท์หลากหลาย อาทิ การนวด การสครับขัดผิว ทรีทเม้นท์ดูแลผิวหน้า และทรีทเม้นท์ที่มีเอกลักษณ์ของแต่ละประเภทข้างต้น “เราอยากให้แขกได้สัมผัสกับองค์ประกอบพื้นฐานของการมีสุขภาพและการเป็นอยู่ที่ดี โดยใช้สัญชาตญาณในการเลือกทรีทเม้นท์ที่จะตอบโจทย์ความต้องการในสภาวะปัจจุบันได้ดีที่สุด”  กล่าวโดย เจมมา อาบาด ผู้อำนวยการฝ่ายสปา

ฟื้นฟูด้วยการบำบัดและปรับสมดุลร่างกาย

ทรีทเม้นท์ที่อยู่ในหมวด Physical Wellbeing  เน้นเรื่องการปรับสมดุลร่างกายด้วยการเข้าถึงพลังของธาตุดิน “ เพื่อการฟื้นฟูและมอบพลังกลับคืน ด้วยการเยียวยาที่เป็นดั่งของขวัญจากแม่ธรณี การตระหนักถึงความสำคัญและความเกี่ยวเนื่องกันของการพักผ่อนที่ส่งผลต่อการฟื้นฟูร่างกาย” เจมมากล่าวถึง เพื่อการพักผ่อนร่างกายและการสัมผัสถึงความผ่อนคลายได้อย่างเต็มที่ เธอขอแนะนำทรีทเม้นท์ที่มีชื่อว่า Rice & Spice Scrub ซึ่งเป็นซิกเนเจอร์ทรีทเม้นท์ที่สะท้อนถึงจิตวิญญาณแห่งผืนดิน โดยมีส่วนประกอบสำคัญเป็นเมล็ดข้าวหอมมะลิผสมผสานกับสมุนไพรและเครื่องเทศในท้องถิ่นนานาชนิด เพื่อใช้สำหรับการขัดผิวและคืนความอ่อนเยาว์” ซึ่งล้วนเป็นภูมิปัญญาของชาวนาที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุ ส่วนผสมที่ลงตัวของสมุนไพรและเครื่องเทศจากดิน ผสมผสานด้วยมือในห้องครัวสปาของเราจะช่วยผลัดเซลล์ผิว ทำให้กล้ามเนื้อคลายตัวและกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดเพื่อให้คุณมีผิวพรรณเปล่งปลั่งและสุขภาพดี” เธอกล่าวเสริม

สัมผัสถึงหัวใจกลางของความสมดุลแบบฉบับภาคเหนือ

ทรีทเม้นท์เมนูในหมวด Social Wellbeing  นั้นใช้ส่วนประกอบที่ผสมผสานกันระหว่างวัตถุดิบจากท้องถิ่นและศาสตร์ความรู้ของบรรพบุรุษ “ทรีทเม้นท์เหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถปรับเปลี่ยนความสนใจมาสู่ปัจจุบันขณะ เพื่อค้นพบความสมดุลที่เกิดจากความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของ ณ ที่นี้” เจมมาอธิบาย แขกผู้เข้าพักสามารถสัมผัสกับประสบการณ์นี้ไปกับทรีทเมนท์ Spirit of Freedom Couple’s Ritual ซึ่งมีน้ำเป็นองค์ประกอบที่มีบทบาทหลักในการบำบัดโดยธรรมชาติ “เป็นทรีทเม้นท์ที่สามารถสัมผัสได้ถึงการหลอมรวมเป็นส่วนหนึ่งส่วนเดียวกันกับผู้อื่นและการยอมจำนนต่อคลื่นแห่งความเป็นอยู่ที่ดี สามารถทำทรีทเม้นท์นี้ได้ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหน้าฝน” เธอกล่าวเสริม

ค้นพบความปลอดโปร่งจากภายใน

ทรีทเม้นท์ในหมวด Emotional Wellbeing  คือภาพสะท้อนที่แท้จริงของความหมายของคำว่า ‘ดินแดนแห่งรอยยิ้ม’ เมนูนี้มุ่งเน้นไปที่การดูแลตนเองผ่านการรับรู้ถึงความสงบและความสุขที่มาจากความรู้สึกถึงความเป็นหนึ่งเดียวกัน “ผู้เชี่ยวชาญของเราจะยกระดับจุดศูนย์กลางของอารมณ์และทำให้ร่างกายและจิตใจท่วมท้นไปด้วยความเมตตา” เจมมากล่าว สำหรับการเดินทางเพื่อค้นพบความสมดุลทางอารมณ์ที่แท้จริงนั้น  ด้วยทรีทเม้นท์ที่มีชื่อว่า Silk Samunprai Massage เป็นทรีทเม้นท์ที่อ่อนโยนเพื่อคืนความสมดุลภายในและเพิ่มระดับของความเมตตา ความเอื้ออาทรและความเป็นอยู่ที่ดี “เปิดใจของคุณและค้นพบความสมดุลทางอารมณ์อีกครั้ง ด้วยการประคบด้วยลูกประคบสมุนไพรอุ่นๆ ห่อผ้าไหมอย่างหรูหราซึ่งจะทำให้คุณกลับมาสู่ภายใน พร้อมการนวดน้ำมันที่สกัดจากส้มและขิงเพื่อปลุกศักยภาพภายในตัวคุณ” เธอกล่าว

ดูแลและปรนนิบัติร่างกาย ความคิด และจิตใจ

ทรีทเม้นท์เมนูในหมวด Nutritive Wellbeing สร้างแรงบันดาลใจให้แขกได้ใช้เวลาในการฟื้นฟูและคืนกลับสู่การมีสุขภาพที่ดีจากภายใน ด้วยทรีทเมนท์ที่อุดมไปด้วยสารอาหารเพื่อการฟื้นฟูจากภายนอกสู่ภายในร่างกาย “ปรนนิบัติร่างกายด้วยการทำทรีทเม้นท์ Oriental Blend Massage ที่เน้นการบำรุงร่างกายด้วยพลังในการรักษาของธรรมชาติ” เจมมากล่าว ด้วยการนวดน้ำมันหอมระเหยที่มอบความชุ่มชื้นกลับสู่ผิวและเทคนิคการนวดอย่างอ่อนโยน พร้อมการนวดกดจุดแบบดั้งเดิมของชาวตะวันออกเพื่อการฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์แบบทั้งระดับผิวและระดับพลังงานภายใน

เฉลิมฉลองของขวัญแห่งชีวิตไปกับศาสตร์ภูมิปัญญาภาคเหนือ และผู้เชี่ยวชาญที่จะช่วยสร้างความสมดุลในชีวิต เพื่อยกระดับการมีสุขภาพที่ดีแบบองค์รวมในเมืองเชียงใหม่ “สวรรค์แห่งความเป็นอยู่ที่ดี”

เปิดบริการทุกวันตั้งแต่ 09:00 น. – 19:00 น. ผู้เข้าพักสามารถจองเพื่อสัมผัสประสบการณ์เหล่านี้ผ่านทาง FS CHAT หรือโทร 053 298 181

keyboard_arrow_up