ป๊อป -อารียา ตัดใจปฏิเสธงานละครตลอด 20 ปี เพราะแม่ป่วยเป็นโรคสมองน้อยฝ่อ เผยอยากใช้เวลาทุกวินาทีให้มีค่าที่สุด และพยามสร้างรอยยิ้มให้ท่านทุกวัน
ห่างหายจากการแสดงไปนานกว่า 20 ปี สำหรับ ป๊อบ -อารียา สิริโสภา นักแสดงและอดีตนางสาวไทย ที่หันเหไปทำงานเบื้องหลัง และเป็นครูสอนโยคะ ทั้งยังต้องดูแลคุณแม่ที่ป่วยเป็นโรคสมองน้อยฝ่อมากว่า 10 ปี ซึ่งที่ผ่านมา ป๊อบ ดูแลคุณแม่ดีมาก ไม่ให้ห่างสายตาแม้แต่นิดเดียว ล่าสุดเจ้าตัวได้มานั่งเปิดใจในรายการ คุยแซ่บShow ทาง one31
ห่างหายจากวงการแสดงไปประมาณกี่ปี?
“ถ้าเป็นการแสดงน่าจะ 20 ปีค่ะ ตอนนั้นเล่นละครเรื่องแรกกับพี่เบิร์ด ธงไชยค่ะ”
ที่ผ่านมาหายไปไม่เล่นละครเลย ไปทำอะไรมาบ้าง?
“ละครบ้างเรื่องมันไม่ได้เหมาะกับเรานะคะ เราอยากจะเล่นเรื่องที่มันเหมาะสมกับเรามากกว่าค่ะ”
ล่าสุดเห็นว่ากลับมารับละครอีกครั้งในเรื่อง ลิขิตรัก?
“ตอนนั้นเรารับเล่นกับพี่เบิร์ดใช่มั้ย ตอนนี้มันมีน้องใหม่เข้ามา อีกทั้งคุณแม่รักณเดชน์กับญาญ่ามาก แอน ทองประสม โทรศัพท์มาขอให้รับบทนี้เพราะว่ามันเหมาะกับเรามาก แต่จริงๆ แล้ว เราอยากช่วยแอน และบทนี้ต้องใส่ชุดทหารด้วย”
เหตุผลหนึ่งที่ผ่านมา ที่ไม่เลือกรับงานละคร เพราะต้องดูแลคุณแม่จริงหรือเปล่า?
“จริงที่แม่ไม่สบายมาระยะหนึ่ง เป็นโรคคล้ายๆ พาร์กินสัน แต่ไม่ใช่พาร์กินสัน คือโรคสมองน้อยที่ฝ่อ มันฝ่อไปเรื่อยๆ แต่เราไม่รู้ว่ามันฝ่อเพราะอะไร อารการค่อยๆ แย่ลงตั้งแต่อายุ 60 แล้ว เซบ้าง ล้มบ้าง อุบัติเหตุที่ทำให้ฉุกคิดคือตอนที่วิ่งมารับโทรศัพท์ ซึ่งตอนนั้นคุณแม่อยู่ที่มิชิแกน ด้วยความที่วิ่งมาเลยเซล้ม เราเลยพากลับมาอยู่เมืองไทย ตอนที่ล้มก็ฟันหัก ซี่โครงร้าว”
รู้สึกยังไงที่มันเป็นเพราะโทรศัพท์ของเราทำให้คุณแม่ต้องล้ม?
“คือเราต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว แต่ไม่รู้ว่าอาการของแม่เป็นมาแบบนี้เรื่อยๆ คิดว่าครั้งแรกหมอวิเคราะห์ผิด บอกว่าเป็นน้ำในหูไม่เท่ากัน บอกมาเป็นแบบนี้มา 5-6 ปี เราก็ค่อนข้างจะรับได้ แต่อาการนี้เริ่มแย่ไปเรื่อยๆ อาการตอนนี้ของคุณแม่มันจะค่อยๆ มืด หายใจเต็มปอดยากขึ้น กล้ามเนื้อที่สายตาจะฝ่อ เลยมีปัญหา แล้วเงินของแม่อยู่ที่อเมริกา มันก็หลายอย่างอ่ะ เอาออกไม่ได้ แม่ก็เซ็นไม่ได้ พูดไม่ได้ สายตาก็จะไปแล้ว”
การรับรู้ของคุณแม่เป็นอย่างไรบ้าง?
“คุณแม่สมองดีมาก ตอนนี้มีหน้าที่เช็ครายชื่อนักเรียนที่มาเรียนโยคะกับเรา เหมือนเป็นครูใหญ่ วันนี้อยากกินอะไรท่านก็จะบอกนักเรียน แล้วนักเรียนก็จะเอามาให้กิน แม่รู้สึกว่าตัวเองมีค่า ปัจจุบันตื่นนอนมาทุกเช้าเราก็จะหอมแก้มกันทุกเช้า ให้ความรักเยอะๆ เพื่อที่ว่าวันไหนถ้าเค้าไม่อยู่ วันนั้นเราจะได้ไม่เสียใจว่าเรายังทำไม่ได้เต็มที่”
คำที่พูดกับแม่เป็นประจำ?
“รักไหม มันเป็นปมเล็กๆ น้อยๆ นะคะ คือตอนเด็กๆ มีน้องชาย แล้วถ้าใครมีลูกชายแม่ทุกคนจะรักลูกชาย ก็จะโอ๋น้อง เมื่อก่อนเวลาที่โทรศัพท์มาหาเราก็จะถามถึงน้องตลอด เรามีความรู้สึกว่าท่านมีความลำเอียงรักน้องมากกว่าเรา”
ค่ารักษาพยาบาลคุณแม่สูงมากเหมือนกัน?
“มีช่วงหนึ่งเราพาไปหาหมอ แล้วหาวิธีการรักษาให้ได้ แล้วมีหมอคนหนึ่งแนะนำมาว่าให้ฉีดพลาสม่า เข็มละ 3แสน ฉีดไป 4 เข็ม ก็ล้านกว่า ฉีดไปก็ไม่มีผลอะไรดีขึ้น แม่ก็เอาที่นาไปขาย แต่ไม่มีผลอะไรขึ้นมา เราทำได้ก็แค่เหมือนนั่งมองแม่คนหนึ่งค่อยๆ จากไป จากเรา แล้วเหมือนเขาจะจบสิ้นลง เราเลยอยากให้เขาหัวเราะให้ได้ทุกวัน แต่อาการมันจะแย่ไปเรื่อยๆ ช่วง 4 ปีหลังนี้จะหนักขึ้นค่ะ
ความรักครั้งหนึ่งมีมาให้เลือกระหว่างแม่กับตัวเอง?
“อันนั้นนานแล้ว 20 ปี เคยมีความรัก คุยกับแฟนเป็นฝรั่ง เค้าไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเก็บเงินให้พ่อกับแม่ ทำไมไม่เก็บให้ตัวเอง ให้กับครอบลครัวในอนาคตของตัวเอง ถ้าเราแต่งงานเรายังให้เงินพ่อแม่อยู่เหรอ เราก็บอกว่า ให้ เขาเลยบอก ว่าคนอื่นเขาเลิกให้กันแล้วนะ ทำไมไม่คิดถึงตัวเอง เราก็เอ้า ทำไมล่ะ พ่อแม่เราให้เราตลอดชีวิต แล้วทำไมช่วงนี้เค้าต้องการเราถึงให้ไม่ได้ แฟนก็๋เลยบอกว่าไม่รู้แหล่ะ เราต้องหยุดให้แล้ว ถ้าเราจะมีชีวิตคู่ร่วมกัน เราต้องเลือกครอบครัวในอนาคตด้วยกัน ไม่ใช่ครอบครัวในอดีต เราก็บอกว่า ถ้าพูดขึ้นมาแบบนี้ คุณก็ไม่ใช่ครอบครัวในอนาคตของชั้นแน่นอน คนนี้เราคบไม่นานนะคะ เขาไม่เข้าใจวัฒนธรรมไทย ครอบครัวไทยของเรา”
จริงหรือที่เราประกาศว่าจะไม่มีลูก ไม่มีครอบครัว?
“เราไม่ได้เกลียดผู้ชายขนาดนั้น แต่ดวงเราเอง เรารู้สึกว่าชีวิตคู่มันเป็นอะไรที่ยากมาก คนสองคนใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน เข้าใจกัน ให้เกียรติกัน จะแต่งหรือไม่แต่งก็เป็นเรื่องของสองคน
เคยมีคนมาขอแต่งงานบ้างหรือเปล่า?
“มีค่ะ มาขอประจำเลย เป็นหมอค่ะ เป็นคนไทย เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ปี 2000 รู้จักกันมานาน เค้าเป็นคนซื่อๆ มั้ง และด้วยความที่เค้าอยู่ในวงการแล้วก็เจอคนนั้นคนนี้ ก็ค่อนข้างจะโดนหลอกเยอะ แล้วก็เป็นคนขี้สงสาร คือเรารู้สึกว่า ถ้าเราเป็นผู้หญิงที่ต้องดูแลเขาหมดเลย แล้วเราต้องดูแลแม่ด้วย ถ้าเค้าไม่ได้มาเสริมเรา ขอแบบเป็นเพื่อนกันดีกว่า อีกอย่างเขาอยู่เชียงใหม่ เราอยู่กรุงเทพ นานๆ เจอที มีอะไรปรึกษากัน คอยเป็นกำลังใจให้กัน เราก็อยู่กับเขาตอนที่แม่เขาเสีย เราก็อยู่ด้วย เขาเป็นลูกคนโต เราก็เป็นลูกคนโตเหมือนกัน ต้องดูแลพ่อแม่เหมือนกัน”
เขาน้อยใจไหม มาขอหลายรอบแต่ยังไม่สำเร็จสักที?
“ยังไงดีล่ะ คือถ้ามันใช่มันก็ไม่จำเป็นต้องมีพิธีการ แต่อย่างที่บอกไง เราต้องดูแลแม่ นอกจากตื่นมาทุกวัน เราก็ต้องเป็นห่วงทุกอย่าง ตั้งแต่การกินไปจนถึงการขับถ่ายเลยค่ะ”
คุณแม่รู้จักคุณหมอคนนี้?
“โอ้โห ปลื้มมากสุดชีวิต เป็นความฝันเขาเลยค่ะ แม่อยากให้มีแฟนเป็นหมอ แต่เราเกลียดหมอมาก”