Provence Lover

พี่เป็นคนชอบอ่านชอบดูหนังสือแต่งบ้านสไตล์ต่างๆ อยู่แล้ว ได้เจอบ้านสไตล์โพรวองซ์ในหนังสือก็รู้สึกชอบ พอเรียนจบได้พบคุณปีเตอร์ (สามี) ก็บอกเขาว่าเราอยากไปโพรวองซ์ เขาก็พาไป พอได้เห็นของจริงก็ชอบเลยทั้งคู่

แต่ละคนมีรสนิยมและความชื่นชอบในแบบของตนเองแตกต่างกันไป วันนี้ Praew.com แนะนำให้คุณผู้อ่านได้รู้จักกับผู้หญิงเก่งอย่าง คุณนาง-พีรยา บุนนาค ผู้ที่มีความหลงใหลในเสน่ห์ของบ้านสไตล์โพรวองซ์อย่างถอนตัวไม่ทันเสียแล้ว

สถาปัตยกรรมแสนคลาสสิกมุงหลังคากระเบื้องดินเผาสลับสี ทาฉาบตัวบ้านด้วยปูนผสมสีตามจะหาได้ในแถบนั้น รายล้อมตัวบ้านด้วยธรรมชาติที่สวยงาม ทำให้รู้สึกถึงบรรยากาศอันอบอุ่บของชาวโพรวองซ์ ชุมชนเล็กๆ ที่อาศัยอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส การดำรงชีวิตของชาวโพรวองซ์เรียบง่าย ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอย่างแท้จริง จนใครหลายคนอยากเข้าไปสัมผัสกับชีวิตแสนอัศจรรย์นี้สักครั้ง คุณนางก็เป็นอีกคนหนึ่งที่หลงใหลในความเป็นโพรวองซ์เอาเสียมากๆ ล่าสุดคุณนางได้หอบเอาบ้าน Provence หลังใหญ่มาตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางแมกไม้บนเขาใหญ่ได้สำเร็จ แถมยังเปิดเป็นโครงการไม่เล็กไม่ใหญ่มาให้คนคอเดียวกันได้มาซึมซับบรรยากาศและแชร์ประสบการณ์ดีๆ ที่นี่ร่วมกับเธออีกด้วย

6 เทคนิค เพื่อการเป็นมนุษย์เงินเดือนมืออาชีพ!!!

มนุษย์เงินเดือนมืออาชีพ จะต้องมองเห็นอุปสรรคในการทำงาน เป็นเกมส์ที่สนุกสนานท้าทาย โดยการไม่กลัวว่าเจ้านายจะมอบหมายงานที่หินๆ มาให้เราทำ ท่องให้ขึ้นใจ “ เอามาเลย เอามาเยอะๆ ผม/ดิชั้น พร้อมเสมอ สู้ๆๆ”

มนุษย์เงินเดือน คำนี้ คงต้องยอมรับว่า เป็นนิยามของคนส่วนใหญ่ในทุกสังคม มองในมุมบวก มนุษย์เงินเดือน เป็นนิยาม ของคนทำงานในระบบนายทุนกับลูกจ้าง ที่ให้ค่าจ้างเป็นจำนวนเงินเพื่อแลกกับการทำงานเป็นรายเดือน

ทำให้มีรายได้ค่อนข้างมั่นคง เมือเทียบกับการออกมาต่อสู้ ดิ้นรนหากต้องการมีธุรกิจเป็นของตนเอง ก็ต้องรับให้ได้กับความเสี่ยงในหลายๆด้าน ทำให้มนุษย์เงินเดือนทั้งหลายต้องทำทุกวิธีทาง ให้เป็นที่ยอมรับไม่ว่าจะเป็นกับเจ้านาย หรือเพื่อนร่วมงานก็ตาม นั่นหมายถึง โอกาสความก้าวหน้า และที่สำคัญ เงินที่ได้รับในแต่ละเดือนก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย

วันนี้ เราขอนำเสนอ เทคนิควิธีสร้างการยอมรับในที่ทำงาน สำหรับมนุษย์เงินเดือน ต้อนรับปี 2013 รับรองคราวนี้ คุณจะเป็น มนุษย์เงินเดือนมืออาชีพอย่างแน่นอน

1.

ข่าวปลอมๆ ไม่เคยทำอะไรฉันได้

ที่ผ่านมา คนมองว่ากิ๊บแรง แต่ถ้ารู้จักกันจริงๆ จะรู้ว่าไม่ใช่ แต่ภาพลักษณ์แบบนี้ก็มีข้อดีคือ ไม่มีใครกล้ายุ่งกับเรา อย่างเวลาไปเที่ยวกลางคืนกับมาริโอ้ จะมีผู้หญิงบางคนอยากเข้ามาหาเขา แต่พอเห็นหน้ากิ๊บจะถอย ประมาณว่า อย่ายุ่งกับมันเลย

พ.ศ. 2555 ถ้าพูดถึงนักแสดงที่ช่วยแต้มสีสัน เติมเสียงหัวเราะให้กับละครทีวีมากที่สุด ต้องมีชื่อของ ‘กุ๊บกิ๊บ-สุมณทิพย์’ สาวสวยอารมณ์ดีที่มักมีข่าวแรงๆ พ่วงท้ายมาด้วยเสมอ

วันนี้ผมชวนกุ๊บกิ๊บมาเป็นนักแสดงรับเชิญในคอลัมน์ โดยเธอรับบทเป็น ‘เจ้าหญิงแสนสวย’ ส่วนผมเป็นตัวการ์ตูน ‘มาริโอ้’ ที่อาสามาสนทนากับเจ้าหญิงกุ๊บกิ๊บแบบเข้มข้น ตั้งแต่ข่าวแรงๆ ตัวตนที่เธอบอกว่า ไม่ใช่คนตลกไปวันๆ จนถึงความรักกับมาริโอ้ (ตัวจริง)

MR.PRAEW : วันนี้ผมเหมือน ‘มาริโอ้ เมาเร่อ’ ไหม
กุ๊บกิ๊บ : เอาจริงๆ นะ เหมือนบังติดหนวดมากกว่า (หัวเราะ) เมื่อกี้กิ๊บโทรบอกโอ้ด้วยว่า มิสเตอร์แพรวติดหนวดแต่งตัวเป็นมาริโอ้ น่ารักดีนะ

MR.PRAEW : อัพเดทอาการกรามอักเสบ จะมีสักกี่คนที่กรี๊ดกร๊าดในละครจนกรามพัง
กุ๊บกิ๊บ : (หัวเราะ) ชื่อโรคที่ถูกต้องคือ โรคไขข้อกรามอักเสบ ตอนนี้ดีขึ้นแล้วค่ะ ความจริงสาเหตุไม่ใช่เพราะเล่นละครอย่างเดียว คือชีวิตจริงพูดมากอยู่แล้ว ในละครจึงยิ่งหนัก ช่วงที่กรามอักเสบใหม่ๆ ถึงขนาดกินข้าวไม่ได้ เวลาพูดหรือเคี้ยวอาหารมีเสียงกึกๆ เหมือนกรามจะหลุด หมอจึงสั่งว่า ถ้าพูดน้อยลงจะเยี่ยมมาก แต่ข้อดีคือ ทำให้กิ๊บผอมลง ช่วงหลังมีคนทักตลอดว่า หน้าเรียวจัง ทำศัลยกรรมมาหรือเปล่า ก็ต้องบอกว่า เปล่าค่ะ กรามค้าง กินข้าวไม่ค่อยได้

MR.PRAEW : แต่หน้าตาคุณเปลี่ยนไปจริงๆ ถามตรงๆ ทำอะไรมาบ้าง
กุ๊บกิ๊บ : ทำจมูกอย่างเดียว ตั้ง 4-5 ปีแล้ว ไม่เคยทำหน้าหรือคาง อาจเพราะกิ๊บเป็นคนหน้ามหัศจรรย์ เวลาเปลี่ยนสไตล์เมคอัพ หน้าตาจะเปลี่ยนตามไปด้วย จึงโดนสงสัยตลอดว่า ทำอะไรเพิ่มอีก ซึ่งจริงๆ แค่ทำจมูกก็เข็ดจะแย่แล้ว เพราะกิ๊บค่อนข้างโลดโผน ชอบเล่นกีฬาเอ็กซตรีม ต่อยมวยกับเพื่อน แต่พอทำจมูกก็ซนน้อยลง แค่ขี่เจ็ตสกียังไม่กล้า กลัวคลื่นกระแทกจมูกหักแล้วต้องทำใหม่ (หัวเราะ)

MR.PRAEW : 1 ปีที่ผ่านมา คุณเจอข่าวแรงๆ เยอะ เช่น โพสอินสตาแกรมว่า “ถ้าอยากจับผิดมาก มาเล่น IG ทำไม ไปเล่น Photo Hunt สิ ไอ้ฟาย”
กุ๊บกิ๊บ : ในอินสตาแกรมกิ๊บไม่ได้แอบว่า หรือกัดใครเลย เป็นภาพขำๆ ที่อยู่ในอินเตอร์เน็ต และหลายคนก็โพสกัน แต่ที่เป็นข่าว เพราะถูกโยงไปเรื่องนั้นเรื่องนี้มากกว่า กิ๊บไม่โพสข้อความให้ตัวเองเดือดร้อนหรอก แต่ยอมรับว่า ที่ผ่านมาโดนข่าวหนักๆ เยอะ อย่างเรื่องเข้าโรงแรมกับ ‘ชิน-ชินวุฒิ’ ก็ตลกมาก เราเป็นเพื่อนกันมานาน ไม่มีเรื่องแบบนั้นแน่นอน กิ๊บไม่ได้รู้สึกเฮิร์ทกับข่าวนะ ออกแนวขำด้วยซ้ำ เพราะรู้ดีว่า ตัวเองเป็นอย่างไร ไม่ทำเรื่องเสียหายแน่นอน เวลาได้ยินข่าวไม่ดี จึงไม่เครียด เพราะฉันมี way และความคิดของตัวเอง คำพูดของคนอื่นไม่เคยทำอะไรกิ๊บได้เลย

MR.PRAEW : ถ้าอย่างนั้น ข่าวอะไรที่ทำให้เจ็บหนักสุด
กุ๊บกิ๊บ : ท้องแล้วทำแท้ง สะเทือนใจมาก แถมตอนเป็นข่าวเรื่องนี้ กิ๊บเพิ่งอายุ 20 รู้สึกว่า เฮ้ย… ทำไมกล้าเขียนเรื่องแบบนี้กับเด็กอายุ 20 ใช้อะไรคิด แถมยังเป็นเรื่องกุขึ้นทั้งหมด ตอนนั้นร้องไห้เลย คนอื่นเขาจะคิดอย่างไร อ๋อ… ดาราทำแท้งแล้วยังอยู่ในวงการได้ แสดงว่าไม่ใช่เรื่องผิดสิ กลายเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้เยาวชนทำตามอีก กิ๊บรู้สึกว่า เรื่องอื่นพอรับได้ แต่เรื่องนี้ไม่ไหวจริงๆ

ที่ผ่านมา คนมองว่ากิ๊บแรง แต่ถ้ารู้จักกันจริงๆ จะรู้ว่าไม่ใช่ แต่ภาพลักษณ์แบบนี้ก็มีข้อดีคือ ไม่มีใครกล้ายุ่งกับเรา อย่างเวลาไปเที่ยวกลางคืนกับมาริโอ้ จะมีผู้หญิงบางคนอยากเข้ามาหาเขา แต่พอเห็นหน้ากิ๊บจะถอย ประมาณว่า อย่ายุ่งกับมันเลย จนเราต้องบอกเองว่า ไม่เป็นไรค่ะ ถ่ายรูปได้ กอดได้ กิ๊บไม่ใช่คนขี้หวง อาจเพราะรู้ด้วยว่า คนของเราเป็นอย่างไร

ติดตามอ่านเพิ่มเติมได้ที่ นิตยสารแพรว ฉบับที่ 800 วันที่ 25 ธันวาคม 2555 คอลัมน์

ฉันคือฉัน ทำไมต้องเหมือนใคร

เราคิดคอนเซ็ปท์ก่อนว่า ตัวเองอยากเป็นอะไรที่สุด คำตอบคือแม่บ้าน เราชอบทำงานบ้าน ส่วนชื่อแม่บ้านมีหนวดเป็นกิมมิคให้คนประหลาดใจว่า เฮ้ย ไอ้นี่เป็นผู้ชายชัดๆ เฟซบุ๊คนี้น่าจะมีอะไรน่าสนใจแล้วล่ะ

“พอมีผัว เลยต้องทำตัวเป็นแม่บ้าน” ประโยคเจ็บๆ นั้นคือ สโลแกนของเฟซบุ๊คสุดฮิต ‘แม่บ้านมีหนวด’ ที่กำลังร้อนแรงแบบฉุดไม่อยู่ เพียงไม่กี่เดือนมีแฟนๆ เฉียดแสน กด ‘Like’ ติดตามผู้ชายตัวกลมมีหนวดแต่งหญิงหลากสไตล์ โพสท่าแบบจัดหนัก จัดแน่น ตามสถานที่ต่างๆ ทั่วประเทศไทย!

เธอเป็นใคร ทำเพื่ออะไร เป็นผู้ชาย ผู้หญิง หรือ… ฯลฯ คือคำถามที่หลายคนฝากผมไปซัก ‘แม่บ้านมีหนวด’ และเมื่อเจอคนไม่ธรรมดา สถานที่นัดพบจึงจัดแบบเบาๆ ไม่ได้…

กลางสี่แยกแห่งหนึ่งในมหานครกรุงเทพฯ ผมพร้อมจะคุยกับเธอแล้ว

MR.PRAEW : เคยเห็นแต่รูปเพี้ยนๆ ของคุณในเฟซบุ๊ค แนะนำตัวเองหน่อยไหม
แม่บ้านมีหนวด : (ยิ้ม) เราเรียนจบด้านภาพยนตร์ จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารลาดกระบัง ตอนนี้ทำงานอิสระ เป็นครีเอทีฟ รับงานออกแบบทุกอย่าง ทั้งถ่ายแฟชั่น กองถ่ายภาพยนตร์ และโฆษณาที่เขาจ้างไปช่วยคิดคอนเซ็ปท์ แต่บางทีก็ใช้เราเข้าฉากด้วย

เกียรติยศของคนต้องขุดเอง

จำได้ว่า คลาสแรก สมัยปี 1 อาจารย์บอกให้วาดอะไรก็ได้ ฟังแบบนั้นก็มันสิ เราวาดรูปตวัดๆ มีจะงอยปาก ผสมการ์ตูนไปด้วย เป็นภาพแอ๊บสแต็ค ดูไม่รู้เรื่อง แต่คิดว่าดี

‘ตั้ม-วิศุทธิ์ พรนิมิตร’ คือหนึ่งคนที่ทำเช่นนั้น จากนักศึกษาศิลปะเกรด F ตั้มขุดเส้นทางของตัวเองด้วยปลายดินสอ ที่พาการ์ตูนและความคิดของเขาไปไกลถึงประเทศญี่ปุ่น ในฐานะนักวาดการ์ตูนไทยคนแรกที่มีผลงานตีพิมพ์ยังมหานครแห่งการ์ตูนของโลก

นอกจากนั้น ตั้มยังมีการ์ตูนแอนนิเมชั่น ภาพประกอบหนังสือ ปกซีดี และผลงานศิลปะอีกหลายชิ้นที่คนญี่ปุ่นให้การยอมรับ และคนไทยต้องภาคภูมิใจ

วันนี้ ลายเส้นการ์ตูนของตั้มเหมือนจะอ่านง่ายขึ้น จากเดิมที่บางคนบ่นว่า อ่านไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำ

2 ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จฉบับ ‘Krispy Kreme’

ทีมงานผมเงียบมากนะ (หัวเราะ) เพราะเเทบไม่มีเวลาได้เจอกันเลย ต้องเดินทางไปรอบโลกทั้ง ลอนดอน ดูไบ ฟิลิปปินส์ เกาหลี ฯลฯ อย่างการประชุมครั้งนี้ก็เดินทางมาอยู่ที่กรุงเทพฯ กันหมด ออฟฟิศเงียบไปถนัดตา

ย้อนไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว คนไทยมีโอกาสรู้จักกับ Krispy Kreme แบรนด์โดนัทสัญชาติอเมริกันครั้งแรก เบื้องหน้าคือ ความสนใจของกลุ่มคนที่ต่อแถวยาวเหยียด

แต่เบื้องหลังคือ กลุ่มคนทำงานมืออาชีพ และผู้ประกอบการสาขา ซึ่งน้อยคนจะรู้จักหน้าค่าตา วันนี้คุณตุ๊ก-อุษณีย์ มหากิจศิริ ลีโอณีโอ ประธานบริษัท เคดีเอ็น จำกัด เจ้าของแฟรนไชส์คริสปี้ ครีมประเทศไทย จึงขอเปิดตัว Jeffrey B. Welch (President International) ผู้ดำรงตำแหน่งสูงสุดดูแลคริสปี้ ครีมทุกสาขาทั่วโลก

ค่อยๆ ละเลียดเรื่องราวไปพร้อมๆ กับความอร่อยได้เลย…

ก่อนมารับตำแหน่ง President International ชื่นชอบ คริสปี้ ครีมเป็นทุนเดิมอยู่แล้วหรือเปล่าคะ

ถึงเป็นพริตตี้ แต่ก็ไม่ใช่จะถึงเนื้อถึงตัวได้ง่ายๆ

“วงการที่มีผู้หญิงสวยอยู่รวมกันก็ต้องมีชิงดีชิงเด่นเป็นธรรมดา แต่วันนี้ต๊อปเลยจุดที่ต้องแคสงานแข่งกับคนอื่นแล้ว แต่ช่วงแรกๆ บอกได้เลยว่า เหนื่อยมาก บางวันต้องตระเวนแคส 2-3 งาน แข่งกับพริตตี้กว่า 60 คน”

ก่อนจะเริ่มเรื่อง ผมอยากถามว่า คุณมองอาชีพ ‘พริตตี้’ อย่างไร ผู้หญิงสวย มีเสน่ห์ พูดเก่ง หรือหญิงสาวที่ขายรูปร่าง มีดีแค่กายแต่ไร้สมอง…

นี่คือ ตัวอย่างข้อความที่ถูกโพสขึ้นในอินเตอร์เน็ต แน่นอนว่าพริตตี้เกือบทั้งหมดเป็นได้เพียง “ผู้อ่าน” เพราะคนส่วนใหญ่อยากดูรูปเซ็กซี่ของเธอมากกว่ารู้ความคิดเห็น หรือความรู้สึก

นัททิว กับฝันครั้งใหม่ ณ แดนกิมจิ

ที่ไปครั้งนี้เหมือนเป็นโอกาสที่ดีมากๆ ผมพูดเสมอครับว่าผมไม่ได้มองไกล ตั้งแต่ไหนแต่ไร ตั้งแต่เข้าเอเอฟแล้วก็ไม่ได้มองไกลว่าเราจะไปถึงแค่ไหน แต่เรารู้ว่าตรงที่อยู่ข้างหน้าเราอ่ะ เข้ามาแล้วเราต้องทำให้ดีที่สุด

ทุกคนล้วนมีความฝัน…แต่จะมีสักกี่คนที่เดินตามฝันตัวเองจนถึงที่สุด แพรวดอทคอมมีโอกาสพาคุณผู้อ่านไปสนทนากับ “นัททิว” หรือ ณัฎฐ์ ทิวไผ่งาม

เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่เดิมตามฝันตัวเองจนถึงที่สุด ฝันก้าวแรกกับการได้เป็น The Winner ในการประกวด True Academy Fantasia ซีซั่นที่ 5 และการล่าฝันครั้งใหม่

โสดมีคอนเซ็ปต์

“ถ้าถามว่าเวลานี้แพงให้ความสำคัญกับอะไรที่สุด อันดับหนึ่งคือ งาน รองลงมา ครอบครัว ท้ายสุดคงเป็นความรัก”

ยอมรับได้เต็มปากแล้วว่า เธอคือดีไซเนอร์แห่งแบรนด์ Kwankao หลังจากฉลองครบรอบ 1 ปีของการเปิดตัวแบรนด์อย่างเป็นทางการ ความจริงช่วงนี้แพงงดออกสื่อ

เก็บตัวอยู่แต่ในออฟฟิศเพื่อทำงานดีไซน์ วันนี้ที่ยอมห่างออฟฟิศ เพราะมาร่วมฉลองวันเกิดครบ 5 ปี นิตยสาร InStyle แพรวจึงขอเข้าไปอัพเดทตามประสาคนคุ้นเคย

คู่หูล้อข่าว วิญญู-ณัฐพงศ์

“ช่วงแรกที่เดินผ่านกล้อง คนชอบ กระแสดี พอต้องมานั่งประจำจริงๆ รู้สึกว่าตัวเองเริ่มหมองลง ความหล่อลด (หัวเราะ) แล้วก็มีเสียงวิจารณ์แรงๆ ว่า ไม่ขำ ฝืด มุกแป้ก มาทำไม รำคาญ จนต้องหันไปบอกจอห์นว่า ไม่ทำแล้ว ปล่อยให้เป็นหน้าที่นายคนเดียวแล้วกัน”

ในรอบ 3 ปีนี้รายการทีวีออนไลน์ อย่าง ‘รายการเจาะข่าวตื้น’ ของสองพิธีกรรวยมุก ‘จอห์น-วิญญู วงศ์สุรวัฒน์’ และ ‘แอ้ม-ณัฐพงศ์ เทียนดี’

คือปรากฏการณ์หนึ่งของสังคม เพราะความกล้าลุกขึ้นมาแซวการเมืองแรง

Pearypie สวยสไตล์กูรู

“บางครั้งแพรก็แต่งหน้าแบบเข้มๆ เด้งๆ ในวันพักผ่อนเหมือนกัน เพื่อเป็นการฝึกฝีมือเวลาหาแบบที่ไหนไม่ได้ก็ต้องลองบนหน้าของตนเองก่อน” คุณแพรเล่าแบบขำในความกล้าของตนเอง เราจึงถามต่อว่า ลุคสุดเหวี่ยงที่เธอแต่งออกจากบ้านเป็นแบบไหน “คงเป็นครั้งที่แต่งคิ้วสีๆ คู่กับทาปากสีฟ้า”

ปักษ์นี้สาวๆ แฟนคลับของ แพร – อมตา จิตตะเสนีย์ หรือที่ชาวไซเบอร์รู้จักในฐานะ เมคอัพอาร์ทิส แพรี่พาย ต้องถูกใจเพราะจะได้ฟังเธอพูดถึงเรื่องสไตล์การแต่งตัวที่สวยใสไม่แพ้วิธีการกรีดตาให้คมกริบ และไฮไลท์หน้าให้สวยเด้ง

“สไตล์การแต่งตัวของแพรออกแนวชิล ชอบเสื้อผ้าแนวสตรีทแวร์ American Apparel และ Topshop ชุดเก่งประจำตัวคือ เสื้อยืดกับกางเกงขาสั้น สับเปลี่ยนกับเลกกิ้งพิมพ์ลาย ที่ตอนนี้ทั้งแพรและคุณแม่กำลังปลื้ม สั่งทางออนไลน์จากออสเตรเลีย ชื่อแบรนด์ Blackmilk ส่วนเวลาออกไปสังสรรค์กับเพื่อนหรือช้อปปิ้งก็ยังคงสไตล์ง่ายๆ แต่เพิ่มกระเป๋าและรองเท้าไฮแบรนด์ให้ดูดีมีกาลเทศะ ม้วนผมเป็นลอนอ่อนๆ ใส่หมวกแก็ป สำคัญที่สุดคือแต่งหน้าแบบใสๆ สวยเป็นธรรมชาติ แต่ไม่ลืมติดขนตาปลอมที่เปรียบเสมือนอาวุธลับของแพรค่ะ”

“บางครั้งแพรก็แต่งหน้าแบบเข้มๆ เด้งๆ ในวันพักผ่อนเหมือนกัน เพื่อเป็นการฝึกฝีมือเวลาหาแบบที่ไหนไม่ได้ก็ต้องลองบนหน้าของตนเองก่อน” คุณแพรเล่าแบบขำในความกล้าของตนเอง เราจึงถามต่อว่า ลุคสุดเหวี่ยงที่เธอแต่งออกจากบ้านเป็นแบบไหน “คงเป็นครั้งที่แต่งคิ้วสีๆ คู่กับทาปากสีฟ้า” เราแอบคิดว่า ไม่สวย ทำไม่ได้นะคะ

เมื่อถามถึงเคล็ดลับยามต้องแต่งสวยออกสื่อของสาวคิวทองคนนี้ ซึ่งด้วยรูปร่างหน้าตาโฉบเฉี่ยวเทรนดี้ เราเดาว่าเธอต้องรักสไตล์เปรี้ยวจี๊ด แต่ปรากฏว่าคำตอบคือ “แพรไม่เปรี้ยวเลย ออกแนวหวานด้วยซ้ำ” คุณแพรเฉลยก่อนอธิบายต่อ “สำหรับลุคหวานๆ แพรขอยกเครดิตคอสตูมชุดออกงานให้ตู้เสื้อผ้าคุณแม่ค่ะ ท่านยังแต่งตัววัยรุ่นอยู่แถมหุ่นใกล้กัน แพรจึงชอบขอยืมเดรสคัตติ้งเนี้ยบๆ มาใส่บ่อยๆ เพราะไม่ว่างานไหนจะกำหนดธีมเสื้อผ้าอะไรมา คุณแม่มีหมด หรือบางครั้งเลือกบางชิ้นมามิกซ์แอนด์แมทช์กับเสื้อยืดของแพรเองสำหรับงานที่ค่อนข้างแคชชวลก็ยังได้ จนตอนหลังท่านชวนไปเลือกช้อปด้วยกันเสียเลย ถิ่นช้อปประจำของเราสองคนคือที่อเมริกาค่ะ ห้างดังทั้งหลายอย่าง Bloomingdale’s และ Saks Fifth Avenue ยิ่งช่วงเซลส์ยิ่งสนุก เพราะจะได้เดรสไฮแบรนด์สวยๆ มาตุนเพียบ

“ส่วนเดรสสวยถ้าให้ถูกใจแพรต้องเป็นสีดำค่ะ เพราะช่วยอำพรางหุ่นให้ดูดี ทำให้มั่นใจไม่ว่าจะเดินหรือนั่ง จึงเป็นชุดประจำใส่ไปปาร์ตี้กับเพื่อนๆ ถ้าไปงานอีเว้นท์แฟชั่นก็จะเลือกที่มีดีเทลเก๋ๆ หน่อย ทำให้ดูชิค อย่างล่าสุดมีโอกาสได้ไปดูโชว์ในแฟชั่นวีคทั้งที่นิวยอร์กและลอนดอน (นอกเหนือจากงานเมคอัพอาร์ติส ที่เธอได้ร่วมโชว์ฝีมือมาสองซีซั่นติดกัน) แพรก็จัดชุดดำแบบ head-to-toe ไปเก๋ๆ ไว้ก่อนค่ะ”

หลังจากได้คุยกัน เราพบว่าเธอไม่ได้แค่แต่งหน้าเก่งระดับเทพ แต่ยังมิกซ์แอนด์แมทช์เสื้อผ้าหน้าผมไม่ว่าจะลุคชิลๆ หรือแบบเนี้ยบเป๊ะพร้อมเดินบนพรมแดงได้เยี่ยมยอด ไม่เหมือนที่เธอออกตัวเอาไว้ตอนแรกเลยสักนิด “คงเพราะแพรถือคติ กล้าลอง ไม่กลัวความผิดพลาด คือไม่ว่าจะเห็นอะไรใหม่ๆ ที่น่าสนใจ ทั้งเสื้อผ้าและการแต่งหน้า ก็อยากลอง หากออกมาดีถูกใจก็ใช้ แต่หากพลาดก็ไม่คิดมาก แค่เปลี่ยนเสื้อหรือล้างหน้าออกเท่านั้นเอง”

นี่แหละเคล็ดลับความสวยตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ของบิวตี้กูรูยุคใหม่ตัวจริง!

Credit ภาพ :

เลิกสงสาร ไม่ต้องเห็นใจ แค่เปิดโอกาสให้ผู้พิการบ้าง

เคยโดนปฏิเสธจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ตอนนั้นชมพู่สอบติดสายตรง แต่อาจารย์ที่สอบสัมภาษณ์บอกว่า สถานที่ของมหาวิทยาลัยไม่สะดวก หลายอาคารไม่มีลิฟต์ ไปเรียนที่อื่นหรือเรียนที่บ้านดีกว่าไหม เขาไม่ได้ปฏิเสธตรงๆ แต่พูดให้รู้เองว่า เรียนที่อื่นเถอะ วันนั้นทั้งเสียใจและผิดหวัง ทำไมจำกัดโอกาสแบบนี้ ทั้งที่เราตั้งใจอ่านหนังสือมาก เชื่อว่า พยายามมากกว่าคนปกติด้วยซ้ำ เพราะไปเรียนพิเศษเหมือนคนอื่นไม่ได้

สาวสวยที่ผมอุ้มอยู่ เธอเดินไม่ได้ เปล่า เธอไม่ได้อ่อนแอหรือให้ใครต้องช่วย ตรงกันข้าม เธอทั้งเข้มแข็ง ฉลาด สามารถใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติ

แม้ต้องประสบอุบัติเหตุจนเดินไม่ได้เมื่อเกือบ 5 ปี ก่อน แต่หัวใจที่เข้มแข็งพา ‘ชมพู่-ภัทราวรรณ’ ดาวคณะสังคมสงเคราะห์ รองอันดับหนึ่งดาวมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเจ้าของตำแหน่งมิสวีลแชร์ 2012 มาจนถึงวันนี้…

Celeb Blog…บล็อกของเซเลบรสแซบ ในแพรวออนไลน์

“อยู่นิวยอร์กเจอดาราฮอลลีวู้ดเป็นเรื่องปกติ มีเรื่องให้ก๊อสสิปเยอะ อย่างช่วงแฟชั่นวีคป่านไปเที่ยวที่คลับแห่งหนึ่ง แล้วเจอลินด์ซีย์ โลฮาน กับปารีส ฮิลตัน ทั้งที่คลับเล็กมาก จุได้แค่ร้อยคน อย่าว่าแต่ชีจะคุยกันเลยค่ะ หน้าก็ยังไม่มอง แล้วปารีสก็ออกไปกับนายแบบเวอร์ซาเช่ที่ชื่อ ไวเปอร์ เจอแบบนี้เราต้องทำฟอร์มนิ่ง ถ้าตื่นเต้นหรือกรี๊ด จะโดนเชิญออกจากคลับ”

หากยังไม่เคยเข้าไปเยี่ยมชม praew.com อย่าเพิ่งบอกว่าเป็นแฟนแพรวตัวจริง เพราะ ‘แพรว’ ในโลกออนไลน์นั้นยังมีข่าวสารให้อัพเดทอีกมากมาย โดยเฉพาะ ‘Celeb Blog’ ที่ได้เซเลบตัวจริงด้านแฟชั่น บิวตี้ ไลฟ์สไตล์มาบอกเล่าเรื่องราวในมุมมองที่ต่างไป

ป่าน…ณิชาภัทร สุภาพ Buyer ประจำห้างบรูมมิ่งเดล์ก ณ นิวยอร์ก ‘บล็อกเกาะติดแฟชั่นนิวยอร์ก’

ที่ยืนของนักร้องหน้าตาไม่ดี กว้างแค่ 2 ฝ่าเท้า

ดิฉันอยากเห็นคนที่มารายการ The voice มีชีวิตดีขึ้น ได้รับการยอมรับมากขึ้น ถึงบางคนตกรอบก็น่าจะถูกจ้างงาน บางคนอาจถูกเลือกไปเป็นพรีเซนเตอร์ เพราะเขามีความสามารถที่มาจากข้างใน รายการนี้ว่าด้วยเสน่ห์ของธรรมชาติที่มีมากกว่าการปรุงแต่ง

เคยถามตัวเองไหมว่า เราชอบนักร้องคนหนึ่งที่หน้าตา ความสามารถ หรือเพราะอะไร แน่นอนว่า ไม่ว่าคำตอบไหนๆ ก็คงไม่ผิด เพราะนั่นคือ รสนิยมส่วนตัว

แต่กับนักร้องคนหนึ่งล่ะ เขาคิดอ่านอย่างไร ผมมีนัดคุยเรื่องนี้กับ ‘เจนนิเฟอร์ คิ้ม’ ที่หากพูดกันตรงๆ ที่เธอมาถึงวันนี้ได้เพราะ ‘เสียง’ ล้วนๆ เช่นเดียวกับกระแสนิยมของรายการ ‘The voice’ ที่อาจเป็นหนึ่งเสียงเรียกร้องดังๆ ว่า เราลองวัดคนที่ความสามารถกันบ้างไหม

MR.PRAEW
: ‘เสียงมาก่อนหน้า’ คอนเซ็ปท์ The voice ทำให้หลายคนมีความหวังนะ
คิ้ม : ใช่ หลายรายการแข่งขันร้องเพลงที่ผ่านมา เราได้ปลูกฝังค่านิยมว่า หน้าตาสำคัญ เราตอกย้ำสิ่งเหล่านี้จนกลายเป็นความเชื่อ รายการ The voice เกิดขึ้นมาจากคนผิดหวังที่สังคมบอกว่า รูปลักษณ์ของเขาเป็นอุปสรรค ซึ่งไม่ยุติธรรมเลย ทั้งที่เวลาเราอยากเรียกร้องสิ่งต่างๆ ในโลกนี้ เราใช้เสียงเป็นเครื่องมือในการป่าวประกาศ แต่ตัวมันเองกลับไม่เคยได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรม แต่วันนี้ เวลานี้ ในรายการนี้ เสียงจะได้รับความยุติธรรม

MR.PRAEW : พูดได้ไหมว่า วงการเพลงไทย หน้าตาต้องมาก่อนเสียง
คิ้ม : ใช่ (ตอบสวนทันที) ถึงที่สุดแล้ว นักร้องหน้าตาธรรมดา ไม่มีทางสู้นักร้องที่เป็นนักแสดงหรือพรีเซนเตอร์ได้ เพราะสินค้าอยากขายความน่าเชื่อถือจากรูปลักษณ์ภายนอก บิลบอร์ดโฆษณาใหญ่ๆ มีแต่ภาพ ไม่ได้มีเสียงออกมาด้วยน่ะ

เปิดหัวใจ นายใหญ่ วิก 3 พระราม 4

เราไม่ต้องไปแสดงว่า ตัวเองสำคัญ ผมมองว่า ยิ่งทำตัวให้นอบน้อมได้เท่าไร เราก็ยิ่งมีความสำคัญในสายตาคนอื่นเท่านั้น เวลาไปไหนมาไหนผมจึงไม่เคยใช้รถนำ ไม่ต้องมีบอดี้การ์ด แต่กลัวคนตีหัวอยู่เหมือนกันนะ

น้อยครั้งที่ผู้ชายคนนี้จะให้สัมภาษณ์แบบเจาะลึก ผู้บริหารท่านหนึ่งของช่อง 3 บอกว่า นี่อาจเป็นการสนทนาขนาดยาวที่สุดครั้งหนึ่งในรอบหลายปีของ ‘ประวิทย์ มาลีนนท์’

นั่นก็เพราะว่า เรามีหลายเรื่องที่อยากคุย และอยากถามแม่ทัพใหญ่ของช่อง 3 ถึงเรื่องราวทั้งสุขและทุกข์ในการเดินทางไกลบนถนนสายโทรทัศน์ รวมถึงชีวิตส่วนตัวในบ้าน ‘มาลีนนท์’ และข่าวล่าสุดที่ไม่มีใครคาดคิด เมื่อคุณประวิทย์ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการ
“ช่อง 3 จะเป็นอย่างไรต่อ” คือ คำถามแรกที่หลายคนสงสัย ซึ่งคุณประวิทย์มีคำตอบ พร้อมทั้งเรื่องราวกว่าค่อนชีวิตที่เขาทุ่มเทไปกับวงการโทรทัศน์ไทย

คุณประวิทย์ให้เหตุผลที่ลาออกจากตำแหน่งการรมการผู้จัดการ ช่อง 3 ว่า มีปัญหาสุขภาพ รายละเอียดมากกว่านั้นเป็นอย่างไรครับ
ผมมีปัญหาสุขภาพมานานแล้วครับ เคยเข้ารับการผ่าตัดบายพาสหัวใจเมื่อ 8 ปีก่อน ตอนนั้นหมอขอว่า อย่าใช้ชีวิตที่ต้องทำงานหนักๆ อีก ผมก็รับปาก และไม่ได้ใช้ชีวิตแบบเดิมจริงๆ แต่แย่กว่าเดิมอีก ออกจากโรงพยาบาลวันที่ 4 สิงหาคม พอวันที่ 8 ก็ไปทำงานที่พัทยา แล้วตอนนั้นเป็นการผ่าตัดแบบเปิดหน้าอกด้วย จำได้ว่า ต้องไปทำแผลที่โรงพยาบาลในพัทยาก่อนแล้วค่อยไปงาน

หลังจากนั้นมีงานติดพันมาเรื่อยๆ พอผ่าตัดได้หนึ่งปี ช่อง 3 มีครอบครัวข่าว ผมจึงต้องทุ่มเวลาให้งาน ไม่มีโอกาสดูแลตัวเอง ไปตรวจร่างกายอีกทีปรากฏว่า เส้นบายพาสที่ทำไว้เส้นหนึ่งมีอาการฝ่อ ใช้งานไม่ได้ จึงเริ่มคิดว่า ถึงเวลาดูแลตัวเองอย่างจริงจังแล้ว

นอกจากนี้ เวลาที่ผ่านมาของผม 80 เปอร์เซ็นต์ ต้องทำงานอื่นที่ไม่สร้างรายได้ให้บริษัทและเครียดมากด้วย เป็นงานจุกจิกที่ต้องบริการคนอื่น หรือคนอื่นมาใช้เรา โดยเฉพาะมาจากภาคราชการหรือการเมือง ผมเหลือเวลาทำงานจริงๆ แค่ 20 เปอร์เซ็นต์ จึงอยากตัดเรื่องที่ไม่จำเป็นออก เพื่อดูแลสุขภาพ และใช้เวลาให้เป็นประโยชน์มากขึ้น จึงคุยเรื่องลาออกกับพี่น้องมาตลอด เป็นแผนที่คิดไว้มาพักใหญ่แล้ว

ช่อง 3 ที่ไม่มีคุณประวิทย์เป็นแม่ทัพจะระส่ำระสายไหมครับ
ผมไม่ห่วงบริษัทเลย เชื่อเถอะว่า หุ้นช่อง 3 ไม่ตกแน่ เพราะโครงสร้างภายในไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ยกเว้นผมที่ไม่ได้ทำงานประจำ แต่คงเข้าบริษัททุกวัน เพราะแค่ลาออกจากตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ แต่ยังทำงานตามปกติ ถ้าทีมงานต้องการคำแนะนำ หรือให้อยู่เป็นเพื่อน ก็ยินดี
แล้วทุกวันนี้ ทีมงานของเราก็เข้มแข็งขึ้น สามารถเดินได้ด้วยตัวเอง อย่างที่บอกว่า ผมทำงานแค่ 20 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือคนอื่นทำให้หมด นอกจากนี้ เรายังเป็นทีมที่คุยกันได้ทุกเรื่อง ไม่เหมือนบางแห่งที่ต่างคนต่างคิด ต่างคนต่างทำ แต่พวกเราแชร์ฝัน นำเป้าหมายมาปรึกษาหารือ แล้วทำให้เกิดเป็นรูปธรรม อย่างเช่นงานข่าว ความจริงผมฝันว่า เราจะเป็นสถานีข่าว แต่ทีมงานฝันต่าง คิดถึงคำว่า “ครอบครัวข่าว” เราแลกเปลี่ยนความคิดกัน สุดท้ายผมยอมแพ้ ซึ่งผลตอบรับตอนนี้ก็สะท้อนว่า คำว่า ครอบครัวข่าว ดีกว่าจริงๆ

แต่เราเรียกกันขำๆ ว่า “หมู่บ้านข่าว” เพราะจำนวนคนข่าวเยอะเกินครอบครัวแล้ว
ครับ (หัวเราะ) ฝ่ายข่าวโตขึ้นทุกวัน ที่เป็นแบบนี้เพราะทุกฝ่ายร่วมใจกัน อย่างเวลาฝ่ายข่าวคิดโครงการอะไรขึ้นมาสักอย่าง ฝั่งบันเทิง ฝ่ายเทคนิค หรือฝ่ายการตลาดจะยื่นมือเข้ามาช่วย ขาดฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ได้ เพราะต่อให้รายการดีขนาดไหน แต่ถ้าฝ่ายขายไม่เก่งหรือไม่ขยัน รายการคงไม่ประสบความสำเร็จ

อ่านต่อได้ที่นิตยสารแพรว ฉบับ 794

It’s My Love รักที่ไม่เคยบอกใคร ของอ้อม-สุนิสา สุขบุญสังข์

คิดแล้วยังเสียดายว่า อ้อมเกิดเร็วไป ยุคนี้มี Skype โทรไปไหนก็ไม่เสียเงิน เดี๋ยวนี้เสียค่าโทรศัพท์เป็นแสนคงไม่มีปัญญาจ่ายเหมือนสมัยก่อนที่เล่นคอนเสิร์ตครั้งเดียวก็ได้เงินเเสน พอดีกับตอนนี้โชคดีที่หมดยุคมีเเฟนอยู่เมืองนอกด้วย

20 ปี คือเวลาที่เราได้รู้จัก ‘อ้อม-สุนิสา’ ป็อบสตาร์ไอคอนตลอดกาลคนหนึ่งของวงการบันเทิงไทย ในหลากเรื่องราว ตั้งแต่บทบาทการเป็นนักร้อง นักแสดง นางแบบ ดีเจ และเส้นทางสายธรรมะที่เธอเลือกเดินอย่างจริงจัง

แต่หนึ่งเรื่องที่ไม่ค่อยมีใครรู้เกี่ยวกับอ้อมมากนักคือ ‘ความรัก’

ศูนย์ศิลปะ 3 มิติ Clay Works ดินแดนมหัศจรรย์ของเด็กๆ

“เคยมีคุณพ่อ-คุณแม่คู่หนึ่งบอกผมว่า ก่อนหน้านี้ลูกของเขาสมาธิสั้นแต่เมื่อได้มาเรียนศิลปะแล้วลูกของเขาก็มีสมาธิที่ดีขึ้น จดจ่ออยู่กับสิ่งที่ทำ และรับฟังคำสั่งของพ่อแม่มากขึ้น พวกเขาตื้นตันมาก เดินเข้ามาร้องไห้และขอบคุณด้วยความดีใจ นี่จึงเป็นเคสที่ผมรู้สึกปลื้มมากที่เรามีส่วนช่วยเหลืออยู่ด้วย”

ในปัจจุบันนี้มีโรงเรียนสอนพิเศษก่อตั้งขึ้นมามากมาย แต่สิ่งที่เรากำลังจะพูดถึงอาจไม่ใช่โรงเรียนสอนวิชาคิดคำนวน หรือความถนัดทางภาษา แต่เป็นศูนย์ศิลปะ 3 มิติ Clay Works

ที่มีคุณหมี สาธิต สุวรรณธาราเรือง เป็นผู้พัฒนา และต่อยอดงานสร้างสรรค์จากดิน Clay works ที่ช่วยฝึกทักษะทางสมองและพัฒนากายภาพทางด้านกล้ามเนื้อมือเป็นอย่างดี ซึ่งกว่าจะมาเป็นศูนย์ศิลปะ Clay works 3มิติ คุณหมีต้องผ่านอะไรมาบ้างวันนี้ praew.com มีคำตอบค่ะ

ศูนย์ศิลปะ 3 มิติ Clay Works เกิดขึ้นได้อย่างไรคะ
“เริ่มต้นด้วยการเปิดสาขาของตนเองก่อนที่ โรงแรมมาริออท เจริญนคร และใช้เวลาไม่ถึง 6 เดือนจึงได้เพิ่มเป็นสาขาที่ 2 โดยการลองผิดลองถูกด้วยตัวเองก่อน แต่ด้วยกำลังของเราเองไม่สามารถขยายสาขาได้เร็วผมจึงได้รวมตัวเพื่อนๆ และระดมความคิดให้ออกมาเป็น Franchise ศูนย์ศิลปะ 3 มิติที่เน้นงานปั้น”

ในสาขาแรกมีการปรับเปลี่ยนมากแค่ไหน
“เยอะครับ (หัวเราะ) ผมลองผิดลองถูกมาเยอะ ซึ่งในช่วงแรกมีสอนในระดับของผู้ใหญ่ด้วย แต่ก็ได้ค้นพบว่าผู้ใหญ่อาจจะสอนยากเพราะว่ากรอบความคิดของเขานั้นแน่นแล้ว และในจังหวะที่เราจะเลิกสอนผู้ใหญ่ก็มีนักพัฒนาการเด็กเป็นคุณหมอมาช่วยดีไซน์หลักสูตร 3-15 ขวบ ซึ่งในช่วง 6เดือนแรกเราก็จะเน้นไปที่เด็กเลย”

ศิลปะ 3 มิติ คืออะไร
“เวลาพูดว่าศิลปะเราจะนึกถึงวาดรูประบายสีซึ่งเป็นแบบ 2 มิติ ไม่มีองค์ประกอบของรูปทรงสัดส่วน ทางโรงเรียนจึงนำเจ้าดินตัวนี้มาเป็นศิลปะเชิง 3 มิติ เพราะถ้าพูดถึง 3 มิติก็จะนึกถึงมิติสัมพันธ์เพราะสิ่งนี่เป็นสิ่งที่เด็กจะได้ไปจริงๆ”

แล้วคำว่า “มิติสัมพันธ์” คืออะไรคะ
“มิติสัมพันธ์มาจาภาษาอังกฤษคำว่า Visual Spatial คือความสัมพันธ์ระหว่างการมองเห็นและการสัมผัสได้ของพื้นที่เช่น คนๆ หนึ่งอยู่ในห้องถือไม้ขนาดความยาว 2 เมตร และกำลังจะเดินออกจากห้อง แต่ประตูนั้นกว้างแค่เมตรเดียว เพราะฉะนั้นเราจะต้องมโนภาพอยู่ในหัวแล้วว่าถ้าเกิดเราเดินไปโดยถือไม้แบบขวาง ก็สามารถจินตนาการได้แล้วว่าเราออกจากประตูไม่ได้แน่ๆ เพราะฉะนั้นเรื่องมิติสัมพันธ์จะสอนให้มโนภาพว่าถ้าจะออกจากห้อง เราต้องตะแคงไม้ถึงจะออกประตูได้นี่คือการรับรู้จากภาพที่เห็นบวกกับสัดส่วนของมิติรอบตัว”

มิติสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันอย่างไรบ้าง
“ง่ายๆ นะครับเมื่อเราขับรถบางคนกะวงเลี้ยวผิดชนเสาไฟฟ้า หรือประตูบ้านเป็นประจำ แม้กระทั่งการถอยรถเข้าซองเราจะต้องหมุนพวงมาลัยไปด้านซ้ายหรือขวา เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องมิติสัมพันธ์เช่นกัน”

แล้วส่วนที่เกี่ยวข้องกับเด็กๆ โดยตรงล่ะคะ
“เด็กที่มีมิติสัมพันธ์ที่ดีเขาสามารถอธิบายทางให้กับเพื่อนได้อย่างเข้าใจ และชัดเจน โดยที่ตนเองไม่ได้เดินไปด้วย แต่หลับตาก็สามารถมโนภาพเห็นเป็นมิติ กว้าง ลึก ยาว สูง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็อยู่รอบๆ ตัวเรา ส่วนด้านการเรียนมีส่วนช่วยในเรื่องของมิติสัมพันธ์เป็นหลักซึ่งศิลปะเชิง 2 มิติไม่สามารถช่วยได้ เพราะศิลปะดังกล่าวต้องอาศัยการขึ้นรูปที่เหมือนงานปั้นขึ้นมาจริงๆ เมื่อพูดถึงเรื่องขึ้นรูปก็จะมีเรื่องรูปทรง สัดส่วนขึ้นมาเช่น ตาของมิคกี้เม้าท์อยู่ตรงไหน ถ้าเอียงซ้ายไปก็ไม่ใช่ตำแหน่งของดวงตาแล้วนะ ผมก็จะใช้วิธีการสอนแบบนี้ครับ”

เหตุผลที่ทำให้ ศูนย์ศิลปะ 3 มิติ Clay Works ประสบผลสำเร็จมาจนถึงทุกวันนี้
“ก่อนถึงตรงนั้นผมจะเล่าเรื่อง Franchise ให้ฟังว่าในช่วงแรกมีประสบปัญหาบ้างเพราะว่าเราจัดการเรื่อง Franchise ไม่ถูกจริงๆ จึงไปเข้าอบรมหลักสูตรของกระทรวงพาณิชย์การพัฒนาธุรกิจใช้เวลาประมาณครึ่งปีในการเข้าอบรม เมื่ออบรมเสร็จกระทรวงจะส่งเจ้าหน้าที่เป็นอาจารย์จากมหาวิทยาลัยเข้ามาตรวจสอบเราเพื่อมอบมาตรฐานคุณภาพ Franchise เพื่อการันตีว่าเรามีระบบที่ได้มาตรฐาน ซึ่งส่วนนั้นช่วยได้เยอะในเรื่องของการจัดการ ใน 4 ปีที่ผ่านมาเราได้มาตรฐานทุกปี และปีล่าสุดเราได้รางวัลพิเศษขึ้นมาด้วยคือระบบ Franchise ที่มีความโดดเด่นในเรื่องการบริหารองค์ความรู้ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นแบรนด์ดังๆ อย่างเช่น Pizza company, MK”

ศูนย์ศิลปะ 3 มิติ Clay Works มีทั้งหมดกี่สาขาแล้วคะ
“ในปีแรกเรามีทั้งหมด 8 สาขา ในช่วงแรกจะเน้นสาขาในกรุงเทพ จนขึ้นปีที่ 3 เมื่อสาขาในกรุงเทพแข็งแรงดีแล้วเราจึงเริ่มปล่อยสาขาต่างจังหวัดบ้าง ซึ่งในปีนี้ได้เปิดสาขาต่างจังหวัดเป็นจำนวนมาก รวมแล้วตอนนี้มีทั้งหมดกว่า 40 สาขาทั่วประเทศ”

อย่างนี้เท่ากับว่าปัจจุบันเปิดมา 5 ปี แล้ว มีทั้งหมด 40 สาขา ถือว่าประสบความสำเร็จยังค่ะ

ญาญ่า หญิง “ท็อปเลส จูบจริง ถ้าบทดี เปลือยเลยก็ได้”

“หญิงคิดว่า ตัวเองโชคดีที่มีทั้งวันที่มีชื่อเสียง และวันหนึ่งก็ไม่มี จนวันนี้ที่เราเริ่มสร้างใหม่อีกครั้ง ทั้งหมดสอนว่า ชีวิตก็แค่นี้ ปีหน้าหญิงอาจเงียบก็ได้ เพราฉะนั้นอยากทำวันนี้ให้ดีที่สุด”

จับตาดูผู้หญิงคนนี้ให้ดี! เธอคือ ‘คุณบุญเลื่อง’ หญิงผู้เร่าร้อนแห่ง จันดารา เวอร์ชั่น 2012 ที่ต้องอวดเนื้อหนังมังสา และความเย้ายวนระดับซี้ดปาก ที่แม้แต่สาวแรงอย่าง ‘มาช่า’ ยังไม่กล้ารับเล่น

เธอคือ ‘เมขลา’ หญิงสาวสุดเซ็กซี่ ผู้ยอมผิดศีลธรรมเพื่อแรงตัณหาราคะ จากละครเวทีอีโรติก มิวสิคัล เรื่อง แม่เบี้ย นี่คือการพลิกคาแรกเตอร์อย่างแรงของ ‘ญาญ่า หญิง’ ที่ครึ่งปีหลัง 2012 ยังมีอีกหลายงานทั้งไทยและเทศจ่อรอคิวอีกเพียบ ผมจึงชวนหญิงมาเปลือยใจ ถึงการกลับมา ‘เกิดใหม่’ ในวงการบันเทิงอีกครั้ง ถ้าถามว่า เธอจะเป็น เซ็กซี่สตาร์คนต่อไปได้ไหม… ดูแค่รูปก็น่าจะได้คำตอบ

MR.PRAEW : เหมือนว่า ปี 2012 จะเป็นปีทองของคุณ

หญิง : ใช่ค่ะตั้งแต่ต้นปีที่มีงานหลายแบบให้พัฒนาตัวเอง ตั้งแต่ละคร ต้มยำลำซิ่ง ส่วนที่กำลังจะเกิดในปลายปีนี้คือ ละครเวทีเรื่อง แม่เบี้ย หนังเรื่อง จันดารา และหนังอินดี้ของอเมริกาชื่อ ‘Only God forgives’ ซึ่งอาจเป็นความโชคดีของหญิงที่ปีก่อนงานค่อนข้างน้อย จึงใช้เวลาไปแคสติ้งงานต่างๆ ได้ หญิงชอบเดินเข้าไปตามเอเจนซี่เฮ้าส์ ให้เขาเก็บภาพ วิดีโอ และโปรไฟล์ของเราไว้ บังเอิญผู้กำกับอเมริกาคนหนึ่งดูแล้วชอบ หญิงจึงได้เล่นเรื่องนี้ ได้ร่วมงานกับนักแสดงเก่งๆ อย่าง ‘ไรอัน กรอสริ่ง’ ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่หนังทำเงิน แต่เป็นหนังชิงรางวัลอย่าง คานส์ เวนิส ได้ฉายทั่วโลก จึงรู้สึกดีที่ชื่อเราได้ติดสอยห้อยตามเขาไปด้วย (ยิ้ม)

MR.Praew : พูดถึงบทบุญเลื่อง ในจันดารา ขนาดมาช่ายังถอย ทำไมคุณกล้าเล่น

หญิง
: หญิงไม่รู้ว่า ตอนนั้นพี่ช่าคุยกับทีมถึงจุดไหน ส่วนหญิงเชื่อมั่นในตัวหม่อมน้อย และยิ่งทำงานกับคนที่เชื่อในตัวเราด้วย หญิงจะให้เต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ ถ้ากลัว คงไม่รับตั้งแต่แรกที่เสี่ยเจียงถามว่า “มีบทหนึ่งที่กูว่ามึงเล่นได้… กล้าไหมล่ะ” หญิงตอบว่า กล้า เพราะฉะนั้นหน้ากล้องแค่ไหนก็ได้ ที่เหลือทีมไปตัดต่อเอง แต่สิ่งที่หญิงบอกหม่อมตลอดคือ หนูยังมีแม่ และยังไม่มีสามีนะคะ (หัวเราะ) ซึ่งหม่อมก็ช่วยเซฟให้อย่างสวยงาม ถ้ามีบทแนวเซ็กซี่เรื่องอื่นติดต่อมา บอกได้ว่า หญิงยังมีเหลือให้โชว์อีกเยอะ ขณะที่ผู้ชมก็ได้ดูบทบุญเลื่องคุ้มค่า ไม่ขาดไม่เกิน

MR.PRAEW : ถ้าอย่างนั้นในจันดารา คุณยอมถอดแค่ไหน

หญิง : ถ้าหน้ากล้องคือท็อปเลสเลยค่ะ แต่คัตนี้ไม่ผ่านเซ็นเซอร์เมืองไทยอยู่แล้ว อาจได้เห็นข้างหลัง หรือด้านข้าง หญิงรู้สึกว่า การเป็นตัวละครต้องไม่กลัว เหมือนเวลามีอะไรกับแฟน เราก็คงไม่กลัวที่จะต้องปิด ต้องคิดแบบนั้น และนักแสดงคนอื่นก็มืออาชีพพอที่จะไม่คิดถึงมุมไม่ดี ไม่มีคนที่กลัวว่า ฉันโป๊ไป ทุกคนกลัวภาพไม่สวยมากกว่า

keyboard_arrow_up