ทักษอร & สงกรานต์ เตชะณรงค์

“ก่อนหน้าที่เราจะมาคบกัน คนนอกเห็นภาพกรานต์ตามงานอีเว้นท์ต่างๆ ที่ดูเป็นผู้ชายฟู่ฟ่า ไฮโซฯ เจ้าชู้ เพลย์บอย แต่ถ้าใครไปเขาใหญ่จะเห็นภาพเขาลุยงานแบบผมเผ้าไม่ทำ ใส่กางเกงขาสั้น เสื้อยืด ไม่สนใจเรื่องลุคภายนอกเลย มีแต่งาน งาน งาน ส่วนเรื่องสาวๆ ตั้งแต่คบกันมาเขาก็ไม่เคยนอกลู่นอกทางนะคะ”

ผ่านวันวิวาห์ ของคู่รักแห่งปีอย่าง สงกรานต์ – ทักษอร เตชะณรงค์ ที่เสมือนบทพิสูจน์ให้เห็นว่า แม้ถูกเลี้ยงดูมาในครอบครัวที่ต่างกัน นิสัยใจคอแทบจะคนละขั้ว

ทว่าความแตกต่างกลับกลายเป็นสิ่งที่มาขัดเกลา และช่วยเติมเต็มความรักของพวกเขา อาจไม่หวานซึ้ง หรือเพอร์เฟคท์เหมือนนิยาย แต่สิ่งที่ทั้งคู่รับรู้คือ ความสุขทุกครั้งที่อยู่ด้วยกัน

ขอถามสงกรานต์ก่อนเลยว่า วันนี้เเอฟทำอาหารอร่อยขึ้นหรือยังคะ

เดชา ศิริภัทร นักรบอาสาแห่งท้องนาสุพรรณ

พอเรียนจบ ผมกลับมาทำงานที่บ้าน โดยขอนาจากชาวนาคืน 200 ไร่ เพื่อทำเกษตรแผนใหม่แบบที่เรียนมา ใช้เครื่องจักร ใส่ปุ๋ยสารเคมีเต็มที่ ทั้งที่ตอนนั้นหน้าแล้ง แต่เรามีเงินซื้อเครื่องสูบน้ำ จึงเป็นเจ้าเดียวในละแวกนั้นที่ปลูกข้าวได้ แต่พอข้าวออกรวง ก่อนจะเก็บเกี่ยวได้ 2 คืน ก็ไม่เหลือ เพราะหนูทั้งทุ่งมารุมกินจนหมด จึงได้เรียนรู้ว่า ต้องทำนาพร้อมคนอื่น (ยิ้ม)

‘เดชา ศิริภัทร’ เกิดมาพร้อมกับผืนนา 2 หมื่นไร่ พร้อมโรงสีข้าวขนาดใหญ่ใน จ. สุพรรณบุรี รวมถึงสมบัติกองโตที่คุณปู่ทิ้งไว้ให้ลูกหลานได้อยู่กันอย่างสุขสบาย

แต่เดชากลับเลือกที่จะทิ้งความร่ำรวย ไม่รับมรดกจากกงสีแม้สักบาท แล้วออกตามหา ‘ความสุข’ ในวิถีทางของตัวเอง
พ.ศ. 2532 เดชาก่อตั้ง ‘มูลนิธิข้าวขวัญ’ เพื่อช่วยแก้ปัญหาชาวนาไทย กระดูกสันหลังที่ถูกเอารัดเอาเปรียบ ต้องมีชีวิตอยู่อย่างแร้นแค้น การทำงานอย่างหนักกว่า 20 ปี ทำให้เขาได้รับรางวัลต่างๆ มากมาย รวมถึง รางวัลชูเกียรติ อุทกะพันธุ์ ประจำปี 2555 ซึ่งแม้ว่า ในวันนี้ ภารกิจของนักรบอาสาแห่งท้องนาวัย 64 ปี จะสำเร็จเพียง 1 เปอร์เซ็นต์ แต่เขาบอกว่า “แค่ได้เริ่มก็คุ้มค่าแล้ว”

ถ้าย้อนกลับไปสมัยเด็ก คงต้องเรียกคุณเดชาว่า เถ้าแก่ ใช่ไหมครับ

Never Ending Story เบิร์ด-ธงไชย แมคอินไตย์

เบิร์ดไม่เคยอิ่มกับการร้องเพลง ไม่เคยมีวันที่ไม่ถูกกับไมค์ มีแต่พุ่งเข้าหาเหมือนตายอดตายอยาก แต่ไม่ได้ร้องแบบพร่ำเพรื่อ ไม่ค่อยร้องคาราโอเกะ หรือร้องเล่นเพลินๆ แต่ถ้ารู้ว่าต้องเข้าห้องอัดหรือขึ้นเวทีจะมีความสุขมาก อยากร้องดีๆ ให้คนฟังเป็นเรื่องราว เบิร์ดไม่ได้เอ็นเตอร์เทนตัวเองด้วยเสียงร้อง แต่เอ็นเตอร์เทนด้วยการทำงานมากกว่า

ถ้าจะมีใครสักคน ที่ ‘ แพรว’ ชวนมาคุยกี่ครั้ง ก็มีเรื่องสนุกมาเล่าให้ฟังแบบไม่รู้จบ แถมยัง ได้รับความสุขกลับมาแบบเต็มพิกัด คนๆ นั้นคือ ‘เบิร์ด-ธงไชย’

ครั้งนี้ ‘แพรว’ กับ ‘เบิร์ด’ กระโดดขึ้นเครื่องบินไปคุยกันถึงญี่ปุ่น แต่ทริปนี้ไม่ได้มีเฉพาะเรา เพราะยังมีคำถามสนุกๆ จากแขกรับเชิญคนสำคัญ อาทิ สรยุทธ สุทัศนะจินดา, ณเดชน์ คูกิมิยะ, ญาญ่า-อุรัสยา, โน้ส-อุดม, โอปอลล์ ฯลฯ ส่งตรงขึ้นเครื่องมาด้วย

กัปตันขอประกาศเป็นครั้งสุดท้าย รัดเข็มขัดให้แน่น เราพร้อมแล้วที่จะออกเดินทางต่อไปยัง ‘เบิร์ดแลนด์’ ซึ่งบางที ดินแดนนี้ อาจมีคำขวัญว่า รอยยิ้มและความสุขก็ได้

คอนนิจิวะ…มาถึงญี่ปุ่น สิ่งที่พี่เบิร์ดไม่เคยพลาดเลยคืออะไรครับ
ไหว้พระกับกินราเมน (ตอบทันที) ถ้ามีเวลาจะขี่จักรยานเที่ยวรอบๆ เมือง อย่างครั้งหนึ่งกลางวันขี่จักรยาน กลางคืนเดินเล่น ไปยืนต่อแถวยาวรอกินซูชิ ราเมนที่ร้านข้างถนน แต่เอาเข้าจริงเบิร์ดไม่ค่อยได้ต่อเองหรอก ให้พี่น้อย (พรพิชิต พัฒนถาบุตร)ยืนเข้าคิว ส่วนเราไปเดินเล่นรอเวลา (หัวเราะ)

เบิร์ดชอบญี่ปุ่น รู้สึกว่า คนไทยกับคนญี่ปุ่นมีความคล้ายกันหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสีผิว วัฒนธรรม มีพระมหากษัตริย์เป็นองค์ศูนย์รวมจิตใจเหมือนกัน คนไทยชอบอาหารญี่ปุ่น ส่วนคนญี่ปุ่นก็ชอบอาหารไทย และในช่วงไม่กี่ปีมานี้ เราต้องเผชิญหน้ากับเหตุการณ์สึนามิ น้ำท่วมใหญ่ และยังเป็นชาติแรกๆ ที่ส่งความช่วยเหลือไปให้กันและกันด้วย

ขณะที่เบิร์ดก็ได้มาทำงานที่ญี่ปุ่นหลายครั้ง จึงค่อนข้างผูกพัน และเห็นความน่ารักของคนที่นี่ อย่างครั้งหนึ่ง พยายามบอกคนที่ร้านอาหาร ซึ่งเป็นรุ่นคุณปู่ว่า อยากกินสลัด แม้เขาไม่เข้าใจภาษาอังกฤษ แต่พยายามช่วยเต็มที่ เบิร์ดจึงชี้นิ้วไปที่ต้นไผ่ที่อยู่นอกร้าน เขาตอบว่า “ไฮ้” หลังจากนั้นเข้าไปในครัวแล้วยกสลัดออกมาจริงๆ

เข้าเรื่องกิน โอปอลล์ แขกพิเศษคนแรก ฝากถามว่า “คำถามของปอลล์ออกแนวโง่ๆ แต่อยากรู้จริงๆ เวลาปอลล์อยู่นอกบ้านแล้วไม่รู้จะกินอะไร จะสั่งผัดกะเพราทันที แล้วพี่เบิร์ดล่ะคะ”

Image Consultant อาชีพใหม่ใส่ใจภาพลักษณ์

Case ที่ประสบความสำเร็จและสร้างความภาคภูมิใจมากที่สุดคือ มีท่านผู้บริหาร บินตรงมาจากรัฐแคลิฟอเนีย เพื่อขอคำปรึกษาด้านภาพลักษณ์ ทั้งๆที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเองก็มีที่ปรึกษาด้านนี้เยอะมากแต่กลับมาเลือกเรา โดยท่านได้ให้คำตอบว่า ถ้านึกถึง เสน่ห์ ต้องนึกถึงคนไทยและคนเอเชียเท่านั้น อีกทั้งยังขอคำแนะนำการสร้างเสน่ห์สไตล์คนเอเชียเพื่อทำธุรกิจอีกด้วย

เคยได้ยินชื่ออาชีพ ที่ปรึกษาด้านภาพลักษณ์ บ้างไหมคะ? วันนี้แพรวพาคุณผู้อ่านมารู้จักกันว่าอาชีพนี้ เริ่มต้นมาจากอะไร และ กว่าจะเป็นนั้นต้องผ่านอะไรมาบ้าง

สาวมากความสามารถ คุณ ตูน กุลวดี เกษมล้นนภา ที่ปรึกษาด้านภาพลักษณ์ หรือ Image Consultant กล่าวว่า “ที่จริงแล้วอาชีพนี้นั้นมีมานานแล้วในต่างประเทศ คนที่จะปรึกษานั้นส่วนใหญ่แล้วจะเป็นคนของสาธารณะ เช่น ประธานาธิบดี นักการเมือง ดารา Hollywood ภาพลักษณ์สำหรับบุคคลกลุ่มนี้เป็นสิ่งที่สำคัญมาก และนี่จึงเป็นที่มาของอาชีพ Image Consultant” โดยคุณตูน ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับหน้าที่ของที่ปรึกษาด้านภาพลักษณ์ ว่าต้องปฏิบัติอย่างไร

1. 7 วินาทีแรก แนะนำการสร้างความประทับใจจากภาพลักษณ์ภายนอกภายใน 7 วินาทีแรก ให้ผู้รับคำปรึกษา ว่าคุณจุดเด่นของคุณคืออะไรแล้วดึงส่วนนั้นออกมาเพื่อเสริมภาพลักษณ์ให้ดูสง่ามากยิ่งขึ้น
2. ความเหมาะสมของรูปร่าง หาความเหมาะสมของ สีเสื้อผ้า รูปแบบการแต่งกาย ทรงผมให้เหมาะสมกับอาชีพ หรือบุคลิกภาพของผู้รับคำปรึกษา
3. เสน่ห์ในการสื่อสาร เพราะการสื่อสารนั้นจำเป็นอย่างยิ่งต่อการทำธุรกิจ ทางสถาบันจึงมีหน้าที่แนะนำเทคนิคการสื่อสารเพื่อปรับภาพลักษณ์ของผู้ที่มารับคำปรึกษา ให้มีเสน่ห์มากขึ้น

คุณตูนเล่าว่า “เคยเป็นพีอาร์ในองค์กรไอทีอยู่นานถึง 9 ปี ระหว่างนั้นมีผู้บริหารมาขอคำปรึกษาเกี่ยวกับด้านภาพลักษณ์อยู่ตลอดเวลา บวกกับตัวเองที่มีความชอบด้านการสื่อสารและบุคลิกภาพ เธอจึงค้นหาอาชีพด้านนี้และในที่สุดก็ได้กับพบอาชีพ Image Consultant เธอจึงตัดสินใจลาออกและบินไปตามหาฝันที่ประเทศอังกฤษ เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์สำหรับอาชีพในอนาคตของเธอ คุณตูนเรียนรู้เพิ่มเติมในเรื่องศาสตร์ต่างๆ เช่น การใช้สี การสื่อสาร ซึ่งอยู่ในสาขา Image Consulting ของสถาบัน Colour Me Beautiful” โดยคุณตูนได้ให้เคล็ดลับทิ้งท้ายว่า “การที่เราจะหาสิ่งที่เหมาะกับตนเองได้นั้น อย่างแรกคือคุณต้องหาจุดเด่นของตนเองว่า คืออะไร หลังจากนั้นก็จะดึงจุดเด่นนั้นมาเสริมกันในแบบ Be your best เป็นตัวเองในแบบที่ดีที่สุด”

นับว่าอาชีพ ที่ปรึกษาด้านภาพลักษณ์น่าสนใจมากๆ อาชีพหนึ่ง ชาวแพรวท่านไหนสนใจอาชีพนี้ หรือ ต้องการหาจุดเด่นของตนเองสามารถติดตามได้ที่ www.bybimage.com แล้วจะรู้ว่าการค้นพบตัวเองไม่ใช่เรื่องยากเลยคะ

Love will Find a Way: มีเรีย & อธิชาติ

“ถ้าพูดตรงๆ คือ ข่าวเรื่องอั้มเป็นเกย์ ทุกคนคงเคยได้ยินมานานแล้ว แต่พอนัทได้รู้จักเขาจริงๆ ก็รู้ว่า ไม่ใช่แน่นอน จากการได้สัมผัสเขาอย่างใกล้ชิด รวมถึงรู้จักเพื่อนสนิทของเขาทุกคน ซึ่งคงบอกถึงเรื่องนี้ได้ดีที่สุด”

“นัท มีเรีย” กับ “อั้ม – อธิชาติ” นั่งอยู่หลังเครื่องอัดเสียง ที่พร้อมถ่ายทอดเรื่องอินเลิฟของคู่หวาน ที่เรียกกันเองด้วยภาษาเฉพาะว่า “น้องเป็ด” กับ “พี่คิงคอง” เล่าเส้นทางความรักตั้งแต่วันแรกแบบเอกซ์คลูซีฟกับ “แพรว”

นอกหน้าต่าง หิมะโรยตัวลงจากฟ้า ระบายฉากบนเทือกเขายุงเฟราด้วยสีขาวละมุนข้างในกระจกใส “นัท – มีเรีย” กับ “อั้ม – อธิชาติ” นั่งอยู่หลังเครื่องอัดเสียง ที่พร้อมถ่ายทอดเรื่องอินเลิฟของคู่หวาน ที่เรียกกันเองด้วยภาษาเฉพาะว่า “น้องเป็ด” กับ “พี่คิงคอง”

สูตรกำจัดความดำด้าน ‘หัวเข่า ข้อศอก รักแร้’ วิ๊งขึ้นได้ไม่ง้อครีม

ใครกำลังมีปัญหาข้อศอกดำ หัวเข่าด้าน รักแร้ไม่ขาวใส

จนหมดความมั่นใจไม่กล้านุ่งสั้น โชว์เรียวแขน จะหาพวกผลิตถัณฑ์ที่มีอยูในท้องตลาดก็ช่วยไม่ได้สักที วันนี้มี 8 สูตรกำจัดปัญหาเหล่านี้มาฝาก รีบไปหาวัตถุดิบในครัวที่บ้านมาเตรียมทำตามได้แล้ว

สูตร 1

ใช้มะนาวหรือเลมอนผ่าซีกและถูที่บริเวณหัวเข่า ข้อศอก หรือรักแร้ ประมาณ 15-20 นาที และเช็ดออกด้วยผ้าเช็ดตัวชุบน้ำอุ่นจะช่วยลดเลือนความหมองคล้ำได้

สูตร 2

ผงสารพัดประโยชน์อย่างเบคกิ้งโซดาก็ช่วยได้ โดยใช้เบคกิ้งโซดา 1 ช้อนโต๊ะผสมกับนมจืด ขัดถูเป็นวงกลมให้ทั่ว ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ 1-2 วันก็เห็นผลแล้ว


สูตร 3

ผงขมิ้น นม และน้ำผึ้ง ผสมจนเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นนำไปทาทิ้งไว้ประมาณ 2 นาที ก็จะช่วยได้ เพราะในผงขมิ้นมีสารที่ชื่อAntiseptic ช่วยระงับการเกิดเชื้อโรค น้ำผึ้งช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื่น และนมจืดที่ช่วยขจัดความหมองคล้ำ

สูตร 4

นอกจากมะนาวและเลมอนที่ช่วยเรื่องขจัดความหมองคล้ำของหัวเข่า หัวไหล่ และรักแร้ได้แล้ว ผลไม้ชนิดอื่นๆ อย่างเช่น มะเขือเทศ องุ่น ก็สามารถช่วยขจัดความหมองคล้ำได้เหมือนกัน นี่แหละวัตถุดิบจากธรรมชาติ กินก็มีประโยชน์เอามาใช้แบบนี้ก็ช่วยเรื่องความมั่นใจให้กลับมาได้ด้วย


สูตร 5

โยเกิร์ตและน้ำส้มสายชู ผสมจนเข้าที่นำมาถูกเป็นวงกลมบริเวณที่มีรอยหมองคล้ำประมาณ 2 นาทีแล้วล้างออก

สูตร 6

หั่นมันฝรั่งเป็นแว่นๆ แล้วนำมาถูจนมีน้ำมันฝรั่งออกมา จากนั้นล้างออกด้วยน้ำอุ่น ทำบ่อยๆ ก็จะช่วยได้


สูตร 7

น้ำมันมะกอกกับน้ำตาลทราย ผสมกันจะช่วยขัดขี้ไคลออกได้ดี หรือจะผสมผงขมิ้นเข้าไปเพื่อลดความหมองคล้ำของผิวก็ยังได้

สูตร 8

น้ำมันมะพร้าวเพียวๆ 1 ช้อนโต๊ะ กับน้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ ผสมกันแล้วนำมาขัด จากนั้นใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นหมาดๆเช็ดออก

มีหลากหลายสูตรให้เลือกขนาดนี้ ยังไงก้อย่าลืมไปทำกันดูนะ จะได้ใส่เสื้อผ้ามั่ยใจมากขึ้นกว่าเดิม

เรื่อง : แพรวดอทคอม
ข้อมูล/ภาพ : http://makeup.saloni.pk

 

FPM กระเป๋าเดินทางดีไซน์เก๋ น้ำหนักเบามว้าก! จากมิลาน

มิลานเป็นเมืองแฟชั่น อันนี้คิดว่าใครๆ ก็รู้
มิลานเป็นเมืองศิลปะ อันนี้คิดอีกเหมือนกันว่าใครๆ ก็ทราบ

แล้วคิดดูเถอะว่าเมื่อความเป็นแฟชั่นถูกผนึกรวมเข้ากับศิลปะและก่อเกิดเป็นกระเป๋าเดินทางแบรนด์ “FPM” หรือ “FABBRICA PELLETTERIE MILANO” หน้าตาจะงดงามและดูเป็นแฟชั่นได้เพียงไหน

“FPM” ถือกำเนิดครั้งแรกในปี 1946 เป็นแบรนด์ที่เชี่ยวชาญด้านกระเป๋าเดินทาง กระเป๋าถือบุรุษ และ อุปกรณ์เสริมสำหรับเดินทาง โดยทุกคอลเลคชั่นผ่านกระบวนการคิดจากดีไซเนอร์ชื่อดัง ทั้งสถาปนิก นักออกแบบภายใน และนักออกแบบผลิตภัณฑ์ ด้วยดีไซน์และรูปทรง หรือแม้แต่ผิวสัมผัสที่เฉียบคม การเลือกผสมสีที่ชัดเจน น้ำหนักเบา มีความทนทานสูง ผลิตจากโพลีคาร์บอเนต 100 % พร้อมทั้งยังคำนึงถึงฟังก์ชั่นการใช้งานอย่างครบถ้วน เพิ่มความคล่องแคล่วให้กับการเดินทางเป็นอย่างดี

และในปีนี้ FPM ได้ส่งกระเป๋า 3 คอลเลคชั่นพิเศษมาเอาใจสาวกแฟชั่นนิสต้าผู้รักการเดินทาง ประกอบไปด้วย


MOUSE COLLECTION ออกแบบโดย Stefano Giovannoni สถาปนิกชาวอิตาเลียน เหมาะสำหรับนักเดินทางที่ต้องการกระเป๋าเดินทางขนาดกะทัดรัด รูปทรงสง่างาม โดดเด่นด้วยสีสันที่หลากหลาย


SAINT-JACQUES COLLECTION กระเป๋าเดินทางที่คิดค้นโดย Marcel Wanders นักออกแบบภายในชาวอิตาเลียน เน้นความหรูหราด้วยสี ลายนูนต่ำบนผิวกระเป๋า พร้อมฟังก์ชั่นการใช้งานที่อำนวยความสะดวกแก่ผู้เดินทางทุกทริป ทุกสถานที่


GLOBE COLLECTION สร้างสรรค์โดยสถาปนิกและนักออกแบบเฟอร์นิเจอร์ชาวอิตาเลียน Jean-marie Massuad โดยทำการทดลองรวมถึงพัฒนาผลิตภัณฑ์ออกมาเพื่อให้เหมาะกับกลุ่มนักท่องเที่ยวมืออาชีพที่รักการเดินทางจนเป็นชีวิตจิตใจ จนทราบว่าลักษณะที่ดีสำหรับกระเป๋าเดินทางควรเป็นอย่างไร ซึ่งเขาเองก็ไม่ลืมที่จะผสมความเรียบเท่ลงไปในตัวกระเป๋าเดินทางด้วย

ร่วมสัมผัสกระเป๋าเดินทางมีสไตล์ได้แล้ววันนี้ที่ Luggage Zone ชั้น 2 สยามพารากอน หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 02-293-9000 #226 และเยี่ยมชมผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมที่ www.fpm.it

รู้ไหม หุ่นคุณเหมือนผู้หญิงยุคไหนในรอบ 100 ปี

หมดสมัยแล้วที่เราจะมัวตัดสินรูปร่างกันเพียงแค่ความอวบ อ้วน หรือผอมเป็นไม้กระดาน เพราะในรอบ 100 ปีที่ผ่านมา วิวัฒนาการของรูปร่างผู้หญิงในแต่ละยุคนั้น มีเสน่ห์ดึงดูด จนหนุ่มชายตามองไม่เหมือนกัน วันนี้มาเช็ครูปร่างกันหน่อยดีกว่า ว่าคุณนั้นมีหุ่นแบบผู้หญิงยุคไหนกันบ้าง

1910’s The Gibson girl

ผู้หญิงในแบบ Gibson girl เกิดขึ้นในยุคก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 รูปร่างของผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าเพอร์เฟกต์ในยุคนี้ คือเอวต้องคอดเล็ก คอยาวระหง อกตั้งไหล่ตก แฟชั่นของคนสมัยนั้นเสื้อผ้าจึงมีลักษณะเป็นเสื้อรัดรูปดันอก และใช้สายรัดเอวหรือ Corset มามัดเอวเพื่อเน้นรูปร่างให้ดูเด่นชัดเป็นรูปตัว S หรือหุ่นนาฬิกาทราย

1920’s The Flapper

ผ่านสงครามโลกครั้งที่ 2 มาไม่ทันไร หุ่นที่เพอร์เฟกต์ของผู้หญิงในยุค 1920 ก็เปลี่ยนจากเอวคอดกิ่ว อกผาย ไหล่ตกมาเป็นสาวFlapper สุดเก๋ ที่ใช้ชีวิตสนุกสนาน เป็นสาวทำงานจัดจ้านในการเข้าสังคม ยุคนี้แฟชั่นเสื้อผ้าของหญิงสาวจะไม่เน้นโชว์สัดส่วนอีกต่อไป แต่จะเอาสิ่งที่ใส่แล้วสบายๆ หลวม พร้อมกับการมาของทรงผมบ๊อบสั้นมาเพิ่มความเปรี้ยวเข้าไปอีก

1930’s The soft siren

กลับมาสู่ยุคของผู้หญิงที่เน้นหุ่นเอวเล็กเอวบางอีกครั้ง แต่ถ้าจะให้เพอร์เฟกต์สุดๆ หุ่นของสาวยุคนี้จะต้องมีส่วนเว้าส่วนโค้งของสะโพกที่โดดเด่นด้วย รวมถึงขนาดของหน้าอกที่ระบุมาเลยว่าสาวคัพ B 34 นี่แหละที่ดูดี ใส่เสื้อผ้ากำลังสวย ยิ่งถ้ามีผมบลอนด์สั้นด้วย จะยิ่งเผยเสน่ห์ให้หนุ่มชายตามองได้ไม่ยาก

1940’s The star-spanged girl

หลังจากจบสงครามโลกครั้งที่ 2 แฟชั่นจึงได้รับอิทธิพลจากชุดเสื้อผ้าของทหาร โดยเฉพาะเรื่องการดีไซน์เสื้อผ้า ซึ่งถือเป็นยุคทองของผู้หญิงที่มีรูปร่างสูงใหญ่ อกผาย ไหล่ตั้ง ที่จะได้ใส่เสื้อผ้าสวยๆ และอยู่ในกระแสช่วงนั้นกับเขาบ้าง โดยจะสังเกตได้ว่า แม้แต่ชุดชั้นในก็จะออกแบบเป็นรูปทรงกระสุน หรือระเบิดทอร์ปิโด ให้มีกลิ่นอายของการสื่อถึงสภาพเหตุการณ์ในช่วงนั้น

1950’s The hourglass

36 – 21 – 36 นี่แหละคือหุ่นสุดเพอร์เฟกต์ของผู้หญิงยุค 50 ที่มีรูปร่างส่วนเว้าโค้งโดดเด่น เด้งมาแต่ไกล ซึ่งจะมาพร้อมกับแฟชั่นเดรสกระโปรงยาวบานคลุมเข่า เน้นรัดรูปอวดทรวดทรงองค์เอวกันสุดๆ

1960’s The Twig

ยุค60 หรือที่เรียกกันว่า Baby boomer นับว่าเป็นสมัยที่เกิดการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ ของเทรนด์แฟชั่นเยอะมาก แต่ที่เด่นสุดๆ ในยุคนี้ก็คือเสื้อผ้าแบบโคล่งๆ ไม่เน้นโชว์รูปร่างสัดส่วน ซึ่งผู้หญิงในยุคนั้น ใครที่มีหุ่นบาง เอวกับสะโพกแทบจะเท่ากัน ไม่ใช่ว่าแย่นะ แต่แบบนี้แหละที่กำลังมาแรงแซงสาวอกโตเอวเล็ก จนตกขอบไปเลย

1970’s Disco Diva

ยุคนี้มาพร้อมกับสีสันความสนุกสนานที่ทั้งผู้หญิงและผู้ชายแสดงตัวตนผ่านการแต่งตัวกันมากขึ้น เราจึงเห็นเสื้อผ้าที่เป็นUnisex เป็นที่นิยมในยุคนี้ รวมถึงเสื้อผ้าที่ดีไซน์เป็นกางเกงขายาว แขนยาว ชุดสไตล์ Maxi dress ด้วย อีกทั้งยังผสมผสานกับกลิ่นอายของวัฒนธรรมที่หลากหลายมากทั้งตะวันตก และตะวันออก สาวหุ่นสลิม เอวบาง สะโพกขนาดพอดีๆ เลยมาแรงสุดในยุคนี้ไปเต็มๆ

1980’s The Super model

สำหรับสาวเอเชียอย่างเราการเติบโตเป็นสาวสะพรั่งในยุค 80 อาจจะไม่ใช่ทางจริงๆ เพราะยุคนี้ขายาว สูงชะลูด เอวบางถึงจะนำเทรนด์ สาวร่างเล็กๆ ความสูงเฉลี่ย 160 ซม. เลยจอดในยุคนี้

1990’s The waif

ยังคงเป็นช่วงที่สาวหุ่นขาสั้น ตัวตันไม่ได้เกิดอีกแล้ว แต่ก็ไม่ต้องถึงขนาดสูงยาวแบบซุปเปอร์โมเดลอย่างยุค 80 ขอแค่รูปร่างตัวบาง แขนเล็กสมส่วนก็แจ้งเกิดในยุคนี้ได้ ส่วนแฟชั่นขอเป็นอะไรที่เรียบง่าย ไม่ต้องเยอะตามสไตล์ Minimalist

2000’s The buff beauty

เป็นช่วงเวลาที่เราเริ่มหันมาสนใจดูแลตัวเองกันมากขึ้นเป็นพิเศษไม่ใช่แค่ให้รูปร่างที่สวยสมบูรณ์แบบเท่านั้น ยุคนี้สาวๆ ที่จะเฉิดฉายได้จึงต้องมีรูปร่างเฟิร์ม หน้าท้อง และแขนมีกล้ามเล็กน้อย จะมาผอมแห้ง เอวบางเหมือนไม้เสียบผีนี่ไม่ได้แล้ว

2010’s The Booty Babe

ตั้งแต่2010 เป็นต้นมาถึงปัจจุบัน รูปร่างของผู้หญิงที่ทำให้หนุ่มๆ หันมองมากที่สุดก็คือ สาวที่มีทรวดทรงองค์เอว หน้าอกชัด เอวชัด และสะโพกแจ่ม แถมยังมีบั้นท้ายสะบึ้มนี่แหละที่ได้คะแนนชนะจาดที่สุด แฟชั่นการแต่งตัวถ้าจะให้เก๋ไปอีก ก็ต้องเป็นชุดที่โชว์สัดส่วนอย่างเดรสสั้นเข้ารูป อวดบั้นท้ายสุดเซ็กซี่ ถ้านึกภาพไม่ออก ให้นึกถึงเซเลบสาวอย่างคิม คาเดเชียน นี่แหละหุ่นสุดเพอร์เฟกต์ของยุคนี้

เรื่อง : แพรวดอทคอม
ภาพ / ข้อมูล : http://greatist.com

มาเนรมิตกาแฟให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์เสริมความงามกันเถอะ!

แน่นอนว่ากาแฟมีประโยชน์ในเรื่องของการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และมีประสิทธิภาพในการฟื้นฟูสมอง ในขณะเดียวกันก็มีโทษต่อร่างกาย ถ้าบริโภคในปริมาณที่มากเกินไป แต่ต่อไปนี้สาวๆ จะทิ้งกากกาแฟไม่ลง ถ้ารู้ว่ามันมีประโยชน์ช่วยอัพสวยแบบธรรมชาติได้ตั้งแต่หัวจรดเท้าเลยทีเดียว

6 วิธีจัดการเปลี่ยนหน้ามัน ให้มั่นไว้ก่อน

ปัญหาความมันบนใบหน้า เป็นเรื่องที่หลายคนเจอบ่อยๆ ซึ่งมักจะเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้เราขาดความมั่นใจ วันนี้เลยขอนำ 6 วิธีการจัดการปัญหาหน้ามันมาแชร์ สำหรับใครที่ยังหาทางแก้ไม่ได้

หาสิ่งที่ใช่ให้เหมาะกับหน้า

ปัญหาหนึ่งสำหรับคนหน้ามันที่แก้ไม่ได้ก็คือ การเลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่ไม่เหมาะกับสภาพผิว ความมันบนใบหน้า รวมถึงสิวจึงแก้ไม่หายสักที ดังนั้นต่อไปนี้ถ้าจะเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าควรดูที่ฉลากบอกส่วนผสมเข้าไว้ ถ้าให้ดีควรเลือกที่มีส่วนผสมของขมิ้น,สะเดา,กรดซาลิไซลิค และทีทรี ออย ก็จะช่วยได้

สครัปหน้าบ้างก็ดี

ผิวมันนอกจากจะทำให้หน้าดูเยิ้ม แต่งหน้าไม่สวยแล้ว อีกปัญหาก็คือการอุดตันของรูขุมขนที่จะก่อให้เกิดปัญหาสิวตามมา การที่เราขัดผิวด้วยสครัปบ้าง จึงช่วยลดสาเหตุของการเกิดไขมันอุดตันและเป็นสิว ควรทำสัปดาห์ละ 1 – 2 ครั้งถึงจะดี

มาร์กสหน้าด้วยเทคนิคบ้านๆ

ขัดผิวด้วยสครัปไปแล้ว อีกหนึ่งขั้นตอนที่ควรทำสัปดาห์ละครั้งก็คือ การมาร์กสหน้า โดยใช้เนื้อมะละกอสุกบดผสมกับน้ำมะนาวประมาณครึ่งซีก จากนั้นทาให้ทั่วหน้าทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น จะช่วยควบคุมความมันได้ดีทีเดียวล่ะ

หลีกเลี่ยงการใช้โทนเนอร์ที่มีแอลกอฮอล์

การใช้โทนเนอร์เป็นประจำจะช่วยขจัดความมันส่วนเกินได้ดี แต่สำหรับคนผิวมันควรเลือกโทนเนอร์ที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์จะดีกว่า เพราะจะทำให้ผิวแห้งตึงเกินไป ดังนั้นควรเลือกที่มีส่วนผสมของน้ำมาใช้แทนจะดีกว่าเพราะจะทำให้สภาพผิวไม่มัน และไม่แห้งตึงจนเกินไปด้วย

อย่ามองข้ามมอยส์เจอร์ไรเซอร์

เป็นความเชื่อที่ผิดมากว่าคนผิวมันไม่ควรทามอยส์เจอร์ไรเวอร์บำรุงผิว เพราะจะทำให้หน้ามันกว่าเดิม แต่จริงๆแล้วผิวมันก็ต้องบำรุงเหมือนกัน แต่อาจจะต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมันอยู่ในครีมบำรุง สังเกตง่ายๆที่ฉลากจะมีเขียนว่า oil-free, non-comedogenic, water-based moisturizer ก็สามารถซื้อมาใช้บำรุงได้แล้ว

ทากันแดดสม่ำเสมอ

แสงแดดยิ่งเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดความมันบนใบหน้า และยิ่งสภาพอากาศบ้านเราพอถึงเวลาร้อนก็แดดจัดแบบนี้ การใช้ครีมกันแดดจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง ไม่งั้นนอกจากหน้าจะมันแล้ว ยังได้ของแถมเป็นฝ้าติดมาด้วย ดังนั้นก็ต้องเลือกครีมกันแดดที่เป็นสูตรน้ำให้เหมาะกับสภาพผิวของเรา

ใครที่รู้ว่าตัวเองหน้ามัน ปล่อยไว้ไม่ได้แล้วนะ รีบนำไปปฏิบัติด่วน

เรื่อง : แพรวดอทคอม
ข้อมูล / ภาพ : http://www.stylecraze.com

รองเท้าส้นตึกกลับมาล้าววว

บอกเลยว่าฤดูกาลนี้ใครไม่มีรองเท้าส้นหนาติดบ้าน จัดว่าเอ้าท์ ก็ไม่ว่ารันเวย์ไหนๆทั้งไทยและเทศต่างหยิบยกรองเท้าส้นหนามาเป็นไอคอนเด็ดประจำคอลเลคชั่นกันทั้งนั้น ไล่ตั้วแต่แบรนด์ใหญ่ระดับโลกอย่าง Stella McCartney กับรองเท้า Broques ลายฉลุสุดคลาสสิค เรื่อยไปจนถึง รองเท้าส้นตึกสุดอลังของ Celine แม้กระทั่งรองเท้าทรง Mary-Jane ของ Prada ที่มาพร้อมกับส้นเตารีดด้วยเช่นกัน ข้อดีของรองเท้าส้นหนาคือ ใส่แล้วไม่ปวกเท้าแถมยังมีให้เลือกหลายรูปทรง ใส่กับชุดได้หลายลุคไม่ว่าจะเป็นสาวหวาน สาวเปรี้ยว หรือสาวโก้เก๋ก็ได้ทั้งนั้น

Stella McCartney AW 2014 Collection
Credit: Indigital

Celine AW 2014 Collection
Credit: Indigital

Prada AW 2014 Collection
Credit: Indigital

Milin AW 2014 Collection

เรื่อง N.NADINE

Mamonde Hand Cream… ใช้แฮนด์ครีมแทนน้ำหอมก็ดีนะ

มามอนด์ (Mamonde) แบรนด์ผลิตภัณฑ์ความงามจากประเทศเกาหลี ที่มีแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์จากหมู่มวลดอกไม้ตามธรรมชาติ ขอแนะนำ มามอนด์ แฮนด์ ครีม (Hand Cream) ผลิตภัณฑ์บำรุงมือและเรียวเล็บสูตรชุ่มชื่นแบบไม่ทิ้งความรู้สึกมันวาวบนผิวสัมผัส ด้วย 5 กลิ่นหอมใหม่ล่าสุด ในแพ็คเก็จจิ้งลายดอกไม้สุดน่ารักที่ออกแบบมาเพื่อกลิ่นหอมของดอกไม้ในแต่ละกลิ่นโดยเฉพาะ


Sweet Pea Anti-Wrinkle & Whitening Hand Cream กลิ่นสวีทพี มอบคุณสมบัติพิเศษช่วยลดเลือนความหยาบกร้านและริ้วรอยจากกาลเวลา พร้อมทั้งคืนความกระจ่างใสให้มือและเรียวเล็บ

Juicy Kiss Anti-Wrinkle & Whitening Hand Cream ด้วยอโรมากลิ่นหอมแนวซีตรัส พร้อมคุณสมบัติพิเศษช่วยลดเลือนความรู้สึกหยาบกร้านและเพิ่มความกระจ่างใสให้มือกับเรียวเล็บ

Pomegranate Anti-Wrinkle & Whitening Ultra Moisturizing Hand Cream สูตรมอยส์เจอไรเซอร์เข้มข้น ช่วยฟื้นบำรุงผิวสัมผัสที่หยาบกร้านให้กลับมานุ่มนวลแลดูอ่อนเยาว์อีกครั้ง

Cherry Blossom Perfume แฮนด์ครีมเพอร์ฟูมกลิ่นเชอร์รี่บลอสซั่ม มอบกลิ่นหอมหวานๆ สดใสน่ารักแบบดอกซากุระให้คุณรู้สึกรื่นรมย์ทุกครั้งที่ใช้

Ice Mint SPF17 PA+ Cooling & Light-Textured Hand Care แฮนด์ครีมเนื้อบางเบากลิ่นมินต์หอมเย็นสดชื่น ปกป้องมือจากแสงแดดด้วยค่า SPF17PA+ จึงมอบความรู้สึกเบาสบายผิวหลังการใช้

Puzzle Bag… กระเป๋าไอคอนิค นวัตกรรมแห่งการออกแบบใหม่จาก Loewe

จากแนวคิดที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของแบรนด์โลเอเว่ที่ต้องการแสดงตัวตนใหม่อันโมเดิร์นของตัวแบรนด์ซึ่งมีอดีตมายาวนานโลเอเว่จึงส่งกระเป๋ารุ่นใหม่ล่าสุด Puzzle Bag ที่โจนาธานแอนเดอร์สันดีไซน์ขึ้นมาด้วยตัวเองด้วยมุมมองที่ต้องการจะสะท้อนความเป็นตัวตนใหม่ของโลเอเว่และหลากหลายสิ่งที่หล่อหลอมให้แบรนด์มีเอกลักษณ์จนถึงทุกวันนี้มร.แอนเดอร์สันจึงสร้างสรรค์สิ่งสวยงาม ขณะเดียวกันก็แฝงความซับซ้อนน่าค้นหาเข้าไปด้วยโดยไม่ลืมหัวใจหลักที่ว่าต้องสามารถใช้งานได้จริง

ต้องบอกว่า พัซเซิลแบ็ค คือสิ่งสร้างสรรค์ที่ตอบทุกโจทย์ที่ มร.แอนเดอร์สันตั้งไว้ อย่างรูปทรงก็สะดุดตามาก เพราะเป็นทรงคล้ายลูกบาศก์แต่ในขณะเดียวกันก็นิ่มจนสามารถพับให้เป็นรูปร่างแบนได้ดูล้ำสมัยสุดๆ เมื่อผนวกเข้ากับเทคนิคการตัดเย็บที่โดนเด่นสำคัญคือทำจากหนังเกรดคุณภาพ โดยความนิ่มของหนังแสดงให้เห็นถึงการคัดสรรหนังอย่างพิถีพิถันตามแบบฉบับของโลเอเว่ ทั้งหมดนี้ทำให้กระเป๋าพัซเซิลใบนี้กลายเป็นตัวแทนของความล้ำสมัยในแบบของโลเอเว่ และเป็นไอคอนของแบรนด์ทันทีที่ถูกล้อนช์ออกมา

“ผมต้องการหาวิธีที่แตกต่างในการผลิตกระเป๋าโดยเน้นในเรื่องของรูปทรง ด้วยการนำชิ้นหนังมาตัดเย็บเข้าด้วยกันในแบบใหม่ทำให้สามารถพับจนแบนได้ในเวลาที่ไม่ได้ใช้แต่หากจะใช้เมื่อไรก็สามารถคลี่ให้กลับมาเป็นทรงเพื่อใช้งานได้จริง”

ข่าวดีคือกระเป๋าพัซเซิลไอคอนิคใหม่ของโลเอเว่ซึ่งมีสองไซส์หลากหลายสีและวัสดุทั้งหนังวัวและหนังกลับสีทองโอโร่พร้อมให้แฟนคนไทยได้เลือกสรรแล้ววันนี้ที่โลเอเว่บูติค

– ชั้น M สยามพารากอนโทร. 02-610-9825
– ชั้น M ดิเอ็มโพเรียมโทร. 02-664-9902

เผย 5 เคล็ดลับชุบชีวิตเครื่องสำอางเก่า ช่วยเชฟเงินในกระเป๋าได้เหลือเชื่อ!

หากคุณมีลิปสติกที่หักไม่ใช้แล้ว หรืออายแชโดว์ที่เยอะมากจนไม่รู้จะทำอย่างไรกับมันดี อย่าเพิ่งกลุ้มใจไป เพราะเรามีเคล็ดลับง่ายๆ และเจ๋งสุดๆ ที่จะช่วยประหยัดทั้งเงินและเวลา อีกทั้งยังช่วยฟื้นคืนสภาพเครื่องสำอางให้กลับมาใช้ประโยชน์ได้ดีอีกด้วย


ซ่อมลิปสติกหักด้วยไม้ขีดไฟ
นำลิปสติกส่วนที่หักไปวางต่อไว้ในแท่งแล้วจุดไฟแช็คหรือไม้ขีดไฟเพื่อให้เนื้อลิปสติกละลายและใช้นิ้วปิดรอยเชื่อมให้ต่อกัน หลังจากนั้นนำไปแช่ในตู้เย็น 1 คืนให้เนื้อลิปแข็งตัว เพียงเท่านี้คุณก็ได้ลิปสติกแท่งใหม่แล้ว

เปลี่ยนตลับใส่ยาให้กลายเป็นพาเลทลิปสติก
นำลิปสติกเฉดสีต่างๆ มาใส่ลงในช่องใส่ตลับยาแต่ละช่อง โดยเลือกแท่งที่ใช้ใกล้หมดแล้ว ตักลิปสติกออกมาประมาณครึ่งนิ้ว จากนั้นใช้ไดร์เป่าผมเป่าให้ลิปสติกในแต่ละช่องละลาย

ผสมลิปสติกให้ได้เฉดสีตามต้องการ
หากไม่มีเฉดสีที่ถูกใจ แนะนำให้ลองตัดแท่งลิปสติก 2 เฉดสีที่คุณต้องการ นำมาบดและผสมเข้าด้วยกันเพื่อให้ได้เฉดสีที่อยากได้ ถ้าคุณมีตลับอายแชโดว์เปล่าๆ สามารถนำมาใช้เป็นภาชนะได้อย่างดีเลยล่ะ

ผสม SPF กับรองพื้นเพื่อทำครีม BB ในแบบฉบับของคุณเอง
ไม่ต้องเปลืองเงินไปกับครีม BB รุ่นใหม่ล่าสุดอีกต่อไป ลองผสมครีมบำรุงผิวหน้าที่มีค่า SPF กับรองพื้นตัวโปรดของคุณแค่นี้ก็จบแล้ว

เปลี่ยนดินสอเขียนขอบตาหรือขอบปากให้เป็นเจลด้วยไฟแช็ค
ดินสอเขียนขอบตาหรือขอบปากแท่งโปรดของคุณสามารถเปลี่ยนเป็นเจลได้ด้วยการใช้ไฟแช็คลนเพียงหนึ่งวินาที สีของดินสอเขียนขอบตาหรือขอบปากจะเข้มขึ้นและมีลักษณะคล้ายเจล เขียนสบายคล่องมือขึ้นเยอะเลย

5 เทคนิคเบสิกกลบจุดด้อย แอ๊บหน้า-ตั้งกล้องถ่ายแบบไหนให้เกิด

สำหรับใครที่ชอบการถ่ายรูปไม่ว่าจะเป็นภาพหมู่หรือภาพเซลฟี่ตัวเอง เชื่อว่าคงเคยเจอปัญหาคล้ายๆ กันคือ ภาพตัวเองไม่สวยเหมือนเพื่อนที่อยู่ในเฟรมเดียวกัน วันนี้เรามาดูเทคนิคการแอ๊บหน้า โพสท่าแบบไหนเพื่อกลบจุดด้อยของเราได้บ้าง

รู้มุมหันด้านสวยเข้าสู้

ตัวเราเองย่อมรู้ว่าเรามีมุมสวยอยู่ตรงไหน หลายคนเวลาโพสท่าจึงสังเกตได้ว่าถ่ายด้านไหนสวยก็จะหันแต่ด้านนั้นอยู่เสมอ ซึ่งช่างภาพชื่อดังอย่าง Garance Dor

หนาวนี้แค่ผ้าพันคอไม่เกร๋นะ บอกเลย

หากใครคิดจะซื้อเสื้อผ้าสำหรับหน้าหนาวสักชิ้น หนึ่งไอเท็มที่ห้ามพลาดคือ เสื้อคลุมตัวเด่น และที่เราชื่นชอบมากเป็นพิเศษคือเสื้อคลุมผืนใหญ่ประหนึ่งผ้าห่มนั่นเอง วิธีการใส่ก็แสนง่ายเพียงแค่หยิบผ้าผืนใหญ่มาคลุมทั้งตัว เหมือนกับชุดชนเผ่าแอฟริกันหรืออินเดียนแดงนั่นแหละ ก็แหม่อะไรจะดีไปกว่าการซุกตัวอยู่ในผ้าห่มหนาๆท่ามกลางลมหนาวที่พัดผ่านมาจนเย็นยะเยือกไปทั้งเมืองแบบนี้กันเล่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าชั้นด้านในของผ้าคลุมผ้าห่มหรือ Poncho-Blanket นั้นทำจากขนสัตว์แสนนิ่มจะเริ่ดที่สุด

Burberry Prorsum AW 2014 Collection
Credit: Indigital

Sacai AW 2014 Collection
Credit: Indigital

Street Fashion

Street Fashion

Street Fashion

Street Fashion

เรื่อง N.NADINE

COACH NEON สดใสรับปีใหม่ด้วยสีนีออนสุดอิน

ปีใหม่นี้ ลืมโลโก้มาเนียขาประจำของ COACH ไปชั่วคราว เพราะ COACH เปิดปีด้วยการสร้างความแปลกใหม่ในคอลเลคชั่น NEON ซึ่ง Stuart Vevers ครีเอทีฟไดเร็คเตอร์ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากแสงนีออนอันสว่างไสวยามค่ำคืนในมหานครนิวยอร์กและเกาะคอนี่ (Coney)

Stuart ได้หยิบจับเอาจุดเด่นอันเป็นเอกลักษณ์ดั้งเดิมของ COACH ในด้านคุณภาพของเครื่องหนัง มาเติมเต็มสีสันสดใสในเฉดสีนีออน เพิ่มความสนุกสนานให้กับ COACH รูปแบบเดิมๆ พร้อมทั้งตกแต่งด้วยโลโก้เคลือบยางสีนีออนโดดเด่นกว่าใคร

ทั้งยังสร้างความแตกต่างที่ลงตัวด้วยการผสมผสานหนังสีน้ำตาล saddle ซึ่งเป็นซิกเนเจอร์ของ COACH กับสีนีออน โดยนอกจากกระเป๋าในเฉดสีนีออนแล้ว Stuart ยังได้ดีไซน์กระเป๋าที่เย็บตกแต่งขอบด้วยเฉดสีนีออน เพื่อเป็นอีกทางเลือกให้ได้สนุกกัน สำหรับคอลเลคชั่นนี้มีกระเป๋ามาให้ชื่นชมกันหลากหลายรูปทรง ไม่ว่าจะเป็นรุ่น Rhyder รุ่น Taxi Tote และรุ่น Duffle รวมทั้งแอคเซสซอรี่ชิ้นเล็กๆ เช่น กระเป๋าใส่เหรียญ กำไล และสร้อยข้อมือ

พบกับ COACH NEON Collection ได้แล้ววันนี้ที่ :

COACH FLAGSHIP STORE, THE GROOVE, ชั้น 1 และชั้น 2, โทร. 02 646 1263

COACH CentralWorld ชั้น 1 โซน เอเทรียม โทร. 02-646-1881

COACH Central Plaza Lardprao ชั้น 1 โทร. 02-541-1155

COACH Siam Paragon Shopping Complex ชั้น 1 โทร. 02-129-4664

COACH Emporium Department Store ชั้น 1

COACH Central Chidlom Department Store ชั้น 1 โทร. 02-251-4699

CentralFestival Chiangmai ชั้น 1 โทร.053-288-625

CentralFestival Phuket ชั้น 1 โทร. 076-209-226

เสื้อกันหนาวแบบไหน ที่บ่งบอกความเป็นตัวคุณ

หนาวนี้เห็นหลายคนขนเอาแฟชั่นเสื้อกันหนาวอย่างแจ็คเก็ตออกมาใส่อวดกันมากมายหลากหลายประเภท ไม่ซ้ำแบบกันเลยจริงๆ ลองมาดูกันดีกว่าว่าคาแรคเตอร์ของเสื้อแจ็คเก็ตเหล่านี้สามารถบ่งบอกอะไรในตัวคุณได้บ้าง


Hoodie
คนที่ใส่เสื้อกันหนาวแบบมีฮู้ดมักจะมีความสนุกอยู่ในตัวเสมอ เพียงมีแค่เสื้อยืดตัวเดียว พร้อมยีนส์อีกตัว และสวมฮู้ดทับก็สามารถออกจากบ้านได้แล้ว ทว่าในมุมผู้ใหญ่คุณคือคนที่ชอบแหกคอกแหกกฏอยู่เสมอ แต่เชื่อเถอะว่าท่ามกลางสาวๆ ที่แข่งกันแต่งตัวกันบนท้องถนน คุณคือคนที่หนุ่มๆ มองว่าเข้าถึงได้ง่ายที่สุด

Field Jacket
ใครที่ชื่นชอบเสื้อแจ็คเก็ตแนวนี้ แสดงให้เห็นว่าเป็นคนที่ค่อนข้างเปิดกว้าง รับฟังทุกความเห็น ชอบการผจญภัย หลงใหลศิลปะต่างๆ โดยเฉพาะดนตรีและภาพยนตร์ กล้องถ่ายรูปคือสิ่งที่คุณต้องพกติดตัวตลอดเวลา ยิ่งถ้าพูดถึงเรื่องอะไรที่มีความเป็นยุค60’s- 70’s คุณจะรีบกระโดดเข้าใส่ทันที

Parka
ไม่ค่อยได้เห็นผู้หญิงไทยใส่กันสักเท่าไรนัก เพราะเป็นเสื้อคลุมขนสัตว์ที่มีหมวกคลุมศีรษะสำหรับกันหิมะและลม แต่ขอบอกว่าแจ็กเก็ตแนวนี้มีความโดดเด่นมากโขอยู่นะ ใส่เมื่อไหร่จะดูมีออร่าออกมาอย่างชัดเจน

Tartan Jacket
หาได้ยากในเมืองไทยเช่นกันสำหรับผ้าขนสัตว์ตาหมากรุก แต่รู้หรือไม่ว่า Tartan Jacket คือไอเท็มสุดเปรี้ยว และจับคู่ยากที่สุด ดังนั้นหากคุณมิกซ์แอนด์แมทช์แจ็คเก็ตตัวนี้ออกมาให้ดูดีได้ ก็แสดงว่าคุณต้องเป็นตัวแม่เรื่องแฟชั่นอยู่พอสมควร ที่สำคัญไม่ว่าจะเดินไปไหนมาไหนคุณต้องเด่นออกมาเสมอแน่นอน

Corduroy Blazer
เพียงแค่เห็นคำว่า ‘ลูกฟูก’ อยู่บนตัวก็น่าจะพิสูจน์อะไรได้หลายอย่างแล้วว่าคุณไม่ค่อยแคร์ถึงเทรนด์ที่กำลังเกิดขึ้นเท่าไร ถึงแม้จะรู้ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นในวงการแฟชั่นก็ตาม คุณไม่ค่อยแฮปปี้กับการปาร์ตี้ร่วมกับคนไม่สนิทเท่าไร แต่เมื่อไรที่คุณปรากฎตัว ด้วยคาแรคเตอร์ของคุณก็ไม่เคยทำให้ใครต้องผิดหวังเลยจริงๆ

Pea Coat
เทียบกับในลิสต์ไอเท็มทั้งหมด เสื้อแนวนี้ดูจะหาได้ยากที่สุดในเมืองไทย เรียกว่าถ้าพบเห็นที่ไหน คงต้องขอถ่ายรูปเก็บเอาไว้ทันที ไม่ใช่ว่าคุณประหลาด แต่เราชื่นชมความมีสไตล์ของคุณเป็นที่สุด เพราะคุณคือบัญญัติของคำว่า “ผู้หญิงแต่งตัวดี” แคร์เรื่องเลเยอร์เสื้อผ้าที่สวมใส่ ใครจะเป็นแฟนคุณได้นั้นจำเป็นต้องมีเทสต์ดีพอสมควรเลยล่ะ

keyboard_arrow_up