26 ปีในวงการฯ กับ 3 สิ่งที่ ‘เต๋า’ ไม่ยอมเปลี่ยน!

“ต่อให้ผมแต่งหน้าหวาน โกนหนวด ก็ยังดูโหดอยู่ ปฏิเสธไม่ได้เพราะเป็นสิ่งที่ติดตัวผมมาตั้งแต่เกิดครับ”

ยังคงคาแรคเตอร์ สมชายจรดปลายเท้าเหมือนเดิมเป๊ะ! สำหรับหนุ่มมาดเข้ม เต๋า-สมชาย เข็มกลัด มีโอกาสเจอตัวจึงอัพเดตชีวิตคุณพ่อลูกสอง กับ 26 ปีในวงการบันเทิงมาฝากชาวแพรวโดยเฉพาะ โดยล่าสุดเต๋ารับเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้กับภาพยนตร์เรื่อง Old Man ซึ่งกำลังจะเข้าฉายเร็วๆ นี้ด้วย

เต๋าบอกว่าตลอดเวลาที่อยู่ในวงการฯ มา 26ปี ด้วยคาแรคเตอร์มาดเข้ม บุคลิกดูหน้าดุทำให้หลายคนมองว่าเป็นแบดบอยตลอด “ต่อให้ผมแต่งหน้าหวาน โกนหนวด ก็ยังดูโหดอยู่ ปฏิเสธไม่ได้เพราะเป็นสิ่งที่ติดตัวผมมาตั้งแต่เกิดครับ”

“ผมว่าด้วยระยะเวลา 40 ปี หมายถึงอายุผม (ยิ้ม) ผ่านประสบการณ์ในชีวิต ร่องรอยการต่อสู้ และบาดแผลต่างๆ ซึ่งผมคงไม่เปลี่ยนอะไร เพราะเป็นประวัติเรื่องราวของเรา สมัยก่อนยิ่งเราเพลย์บอย แบดบอย คงกลับไปเปลี่ยนไม่ได้ สิ่งสำคัญสุดคือความจริง เราไม่สามารถโกหกตัวเองและคนอื่นได้

“ผมบอกภรรยาว่า 3 สิ่งที่จะไม่ทำในชีวิต คือ ไม่ศัลยกรรม ไม่ย้อมผม และจะไม่เปลี่ยนอะไรที่ผ่านมาแล้ว เพราะทั้งหมดถือเป็นประสบการณ์ที่ดีที่สุด สามารถเล่าให้ลูกฟังได้ ไม่ใช่ไปฟังจากคนอื่น เป็นหนังเรื่องยาวของชีวิตจริง สำหรับอาชีพในวงการ ทุกวันนี้ผมไม่ได้ยึดติดว่าต้องเป็นพระเอก บทที่รับมีทั้งเล่นเป็นพ่อ เป็นลุงของพระเอก…เราเล่นได้ทุกบทบาท ถ้ามีความพึงพอใจตรงจุดนั้น ขอเพียงมีที่ยืนเล็กๆ เหมือนนักบัลเล่ต์ ที่แค่เขย่งปลายนิ้ว ตรงนั้นก็เป็นที่ของเราแล้ว คนอื่นจะมายืนแทนไม่ได้”

สำหรับตารางชีวิตของ เต๋า-สมชาย นอกจากถ่ายละคร ภาพยนตร์ เขายังคงรับตำแหน่งผู้จัดการทีมฟุตบอลออลสตาร์ ช่อง 3 มานาน 5 ปี เดินสายเตะฟุตบอลหารายได้เพื่อการกุศล ซึ่งเจ้าตัวมองว่าการได้ช่วยเหลือสังคมเป็นความสุขที่แท้จริง เพราะเป็นการให้โดยมิได้หวังผลตอบแทน

เรื่อง LadyMoon
Credit ภาพ : IG

Daniel hyunoo Lachapelle นิชคุณตัวน้อยแห่งแดนโสม

ข้ามฝั่งไปดูความน่ารักของเด็กน้อยสัญชาติอื่นกันบ้าง หนุ่มน้อยคนนี้นามว่า Daniel hyunoo Lachapelle (แดเนียล ฮยอนอู ลาชาเพล) หนุ่มน้อยแดนนี่ลูกครึ่งอเมริกัน-เกาหลี วัย 7 ปี

ซุปตาร์ตัวน้อยขวัญใจชาวโซเชียล

แพรวต้อนรับวันเด็กแห่งชาติด้วยความสดใส น่ารัก น่าหยิกของเหล่าซุปตาร์ตัวน้อย ที่ไม่ว่าบรรดาพ่อแม่จะโพสรูปสักกี่ครั้ง ก็เรียกยอดไลค์ได้แบบถล่มทลาย

แพรวต้อนรับวันเด็กแห่งชาติด้วยความสดใส น่ารัก น่าหยิกของเหล่าซุปตาร์ตัวน้อย

มาร์ค จาคอบส์ ครบทั้งความเก๋และกึ๋น

ใครก็ตามที่ประกาศตัวเป็นแฟชั่นนิสต้า ต่างต้องรู้จัก มาร์ค จาคอบส์ (Marc Jacobs) ดีไซเนอร์ไอเดียเก๋า ผู้นำเทรนด์แฟชั่นบนถนน ให้ทั้งหญิงชายแท้เทียมไปทั่ว แถมยังเป็นเจ้าของผลงานบนรันเวย์ที่ทุกคนลงเสียงเป็นเอกฉันท์ว่าต้องติดตามทุกซีซั่น มิฉะนั้นจะหลงกระแส

The Queen of Burlesque

Dita Von teese
The Queen of Burlesque
เรื่อง สิริอร

เชื่อหรือไม่คะว่าความหรูหรา แบบเรียบง่ายจะไม่มีวันจางหายไปตามกาลเวลา

สาวสวยผิวขาวละเอียดราวกับกระเบื้องชั้นดีคนที่ออนเขียนถึงคราวนี้ ทุกครั้งที่เธอปรากฎตัว ด้วยการแต่งตัวสุดเนี้ยบ แฝงความเซ็กซี่ที่ดูคลาสสิกออกแนววินเทจ และรูปร่างแบบนาฬิกาทรายที่ชายหนุ่มพากันหลงใหล จนเป็นที่เลื่องลือว่าเมื่อเธอใส่คอร์เซ็ท เอวที่มีขนาดเล็กอยู่แล้วเพียง 22.5 นิ้ว จะมีขนาดลดลงเหลือเพียง 16.5 นิ้วเท่านั้น (ไส้หายไปอยู่ตรงไหนนี่?) แน่นอนที่สุด สาวคนที่ออนพูดถึงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก Dita Von teese ที่ผู้คนพากันยกให้เธอเป็น The Queen of Burlesque แห่งยุคปัจจุบันนี้นั่นเอง

การแต่งตัวสวยแบบไร้กาลเวลาที่ดูเนี้ยบสุดๆ มีกลิ่นอายวินเทจจากหนังฮอลลีวู้ดยุคเก่าตั้งแต่หัวจรดเท้านั้น เธอได้ซึมซับมาจากกิจกรรมโปรด นั่นคือการนั่งดูหนังยุค ’40 กับแม่เป็นประจำ บวกกับความชื่นชอบในชุดชั้นในสวยๆ และเริ่มสะสมชิ้นที่เป็นแนววินเทจ เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอค้นพบสไตล์ตัวเองอันเป็นเอกลักษณ์เด่นชัด ไม่เพียงเสื้อผ้า หน้า ผม การตกแต่งบ้าน แม้แต่รถยนต์ ที่เรียงรายอยู่ในโรงรถของเธอก็มีอายุเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 50 ปี (ยกเว้นรถที่เธอใช้ซิ่งในชีวิตประจำวัน) บ่งบอกถึงความชื่นชอบและความรักในวินเทจแบบเป็นตัวจริง

Blake’s got it all

หนึ่งในบรรดาดาราสาวจากฮอลลีวู้ดที่ขึ้นทำเนียบน่าอิจฉาที่สุดขณะนี้ ต้องมีชื่อของ เบลค ไลฟ์ลี่ (Blake Lively) อยู่แน่นอน ด้วยต้นทุนรูปร่างสูงระหง ทรวดทรงองค์เอวแสนเพอร์เฟ็คท์ หน้าตาสะสวย ไปจนถึงโปรไฟล์ทางการแสดงที่โดดเด่น ได้รับการยอมรับจากบุคคลในวงการมากขึ้นทุกวันๆ แถมเพิ่งเข้าพิธีวิวาห์กับดาราหนุ่มหล่อ ไรอัน เรย์โนลส์ (ปิ๊งกันหลังจากแสดงคู่ในภาพยนตร์ The Green Lantern) เห็นเหตุผลที่ทำเราตาร้อนสุดๆ หรือยัง

นอกจากคุณสมบัติที่ว่ามาแล้ว สกิลทางแฟชั่นของเบลคยังแสนเริด สามารถมิกซ์แอนด์แมทช์เสื้อผ้าหน้าผมให้ตัวเองเฉิดฉายทั้งบนพรมแดง งานอีเว้นท์ และออกรายการโทรทัศน์ แบบที่แฟนๆ ทั้งหญิงและชายต้องเหลียวหลังบ่อยๆ โดยไม่ต้องพึ่งพาสไตลิสต์ส่วนตัวอย่างที่ดาราดังๆ ทั้งหลายต่างใช้บริการกัน เบลคไม่เคยให้เหตุผลแบบแจ่มแจ้งว่า ทำไมเธอจึงไม่จ้างคนมาช่วยดูแลลุคและเครื่องแต่งกายในแต่ละวัน เพื่อแบ่งเบาภาระจากตารางงานอันแสนหฤโหด แต่เธอมักจะบอกว่า เธอหลงรักแฟชั่นมากแค่ไหน โดยสนุกกับการโทรหาผองเพื่อนดีไซเนอร์ดัง (อย่างซี้สนิทต่างวัย คริสเตียน เลอบูแตง และ คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์) เลือกเสื้อผ้าและเครื่องประดับจากช็อป นำมามิกซ์แอนด์แมทช์ประกอบเข้ากับทรงผมที่เลือกเอง เพื่อสวยมั่นใจไม่มีสะดุดตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า

แต่หลายคนแอบเม้าท์ว่า ที่เบลคแต่งตัวได้เด่นและโดนขนาดนี้มิใช่พรสวรรค์ แต่เป็นเพราะโชคที่ช่วยให้เธอได้รับบท เซเรน่า แวน เดอร์ วู้ดเซ่น (Serena Van Der Woodsen) สาวสังคมย่านคนรวยของนิวยอร์ก ในซีรีย์ดังของสหรัฐอเมริกา กอสซิปเกิร์ล (Gossip Girl) บอกเล่าเรื่องราวไลฟ์สไตล์ซ่าๆ มันๆ ของสังคมคนมีสตางค์และรวยสไตล์ โดย เบลค ในบท เซเรน่า ตัวเด่นของเรื่อง ได้แต่งตัวแบรนด์เนมซีซั่นล่าสุดเสมอ จึงเป็นสาเหตุให้คิดไปได้ว่า การมีข้าวของจากแบรนด์ดัง และอินเทรนด์ขนาดนี้ จะไม่ช่วยแต่งเติมเสริมรัศมีของเธอให้เป็นสาวแฟชั่นเนเบิ้ลตัวแม่ได้อย่างไร

ติดตามอ่านต่อได้ที่ นิตยสารแพรวฉบับ 801 วันที่ 10 มกราคม 2556 คอลัมน์ Fashion icon

Taylor Mamsen สาวมั่นแห่งยุค

ถ้าพูดถึงการแต่งตัวแนว ร็อค ผสมพั๊งค์ ที่แอบหวานแบบแสบๆ ด้วยลูกไม้โกธิคในบางอารมณ์ ก็ต้องนึกถึงนักแสดงสาววัยรุ่นมากความสามารถที่เป็นทั้งนักดนตรี และนางแบบหน้าใหม่ดาวรุ่งอย่าง Taylor Momsen ที่ตอบโจทย์การแต่งกายแนวนี้ได้อย่างตรงเป๊ะโดนใจ

Taylor Mamsen สาวมั่นแห่งยุค
เรื่อง สิริอร ม้ามณี

ถ้าพูดถึงการแต่งตัวแนว ร็อค ผสมพั๊งค์ ที่แอบหวานแบบแสบๆ ด้วยลูกไม้โกธิคในบางอารมณ์ ก็ต้องนึกถึงนักแสดงสาววัยรุ่นมากความสามารถที่เป็นทั้งนักดนตรี และนางแบบหน้าใหม่ดาวรุ่งอย่าง Taylor Momsen ที่ตอบโจทย์การแต่งกายแนวนี้ได้อย่างตรงเป๊ะโดนใจ

หลายคนคงคุ้นหน้าเธอจากซีรีส์วัยรุ่นยอดฮิตอย่าง GossipGirl กันมาบ้าง แต่ก็ต้องขอแสดงความเสียใจกับคนที่ชื่นชอบด้านการแสดงของเธอ เพราะตอนนี้เธอเลือกที่จะโฟกัสกับงานดนตรีและการเป็นนางแบบเท่านั้นแล้ว เธอสนุกกับการเป็นนักร้องนำวงดนตรีแนวร็อค The Pretty Reckless ของเธอซึ่งต้องบอกว่าประสบความสำเร็จอย่างมากจนทำให้เธอติดทำเนียบสาวคนรวยอีกหนึ่งคนเลยทีเดียว สาวสุดมั่น ที่มีสไตล์แสนเท่คนนี้ จับมิกซ์แอนด์แมทช์เสื้อผ้าในชีวิตประจำวันได้อย่างลงตัว และบ่งบอกตัวตนที่เป็นชาวร็อคได้อย่างเต็มเปี่ยม เสื้อผ้าโทนสีดำ เทา ขาว เป็นสีที่เธอสวมใส่บ่อยไม่ว่าจะเป็นแจ๊คเก็ต กางเกงยีนส์ขาดพอดีตัว กระโปรงหนังและไม่ลืมที่จะคว้าอายไลเนอร์ดำปื้ดมาย้ำความเก๋ โดยไม่ต้องพยายาม

เสน่ห์ที่ชัดเจนของเธอที่ทำให้ผู้คนไม่อาจละสายตาได้ ไม่ใช่เพียงแค่เพราะหน้าตาชวนมอง กับแฟชั่นการแต่งกายของเธอเท่านั้น แต่เธอเป็นคนมีสไตล์มีบุคลิกเป็นตัวของตัวเอง ซึ่งเรามักย้ำอยู่เสมอว่าแฟชั่นไม่ใช่หัวใจหลัก แต่สไตล์กับประกายความมั่นใจเป็นแม่เหล็กสำคัญในการดึงดูดความสนใจ บางครั้งการใส่เพียงแค่เสื้อยืด กางเกงขาสั้น ที่ดูธรรมดา เมื่ออยู่บนตัวของคนมีสไตล์ ก็ดูเก๋ได้เป็นอย่างดี เพียงแค่เต็มรายละเอียดลงไปนิดหน่อย เช่น ถุงน่อง ลายลูกไม้เล็กๆ พร้อมสายรัดที่หายเข้าไปในกางเกง (อู้ว… รายละเอียดเล็กๆ อันนี้สร้างจินตนาการใหญ่ๆ ให้ผู้พบเห็นนักว่าสายนั้นไปยึดอยู่กับอะไรนะ) เพิ่มความเท่ด้วยสร้อยคอ สายรัดข้อมือแนวๆ บวกกับแจ๊คเก็ตหนังสักตัว สาวคนนี้ก็เอาอยู่แล้วกับชุดที่ดูธรรมดาที่ไม่ธรรมดานี้

เรื่อง สิริอร ม้ามณี
ติดตามอ่านเพิ่มเติมได้ที่นิตยสารแพรวฉบับ 813 วันที่ 10 กรกฎาคม 2556 คอลัมน์ Fasion Icon

อัพเดตชีวิต-ความรัก เจมส์จิ…ฉบับล่าสุด!

“ความรักตอนนี้ไม่ได้ผิดหวัง แต่ก็ไม่ถึงกับสมหวัง อาจเพราะผมไม่ค่อยได้คาดหวังมั้งครับ ผมรู้สึกว่าผู้หญิงคนไหนที่เข้ามาในชีวิต ถ้าคุยกันรู้เรื่องเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เพราะความเข้าใจกัน เป็นสิ่งที่จะทำให้เห็นตัวตนกันมากที่สุด (เห็นมีแฟนคลับ “จิราณี” เชียร์ให้รักนอกจอ?) ผมก็ชอบเขาเหมือนกัน แต่เขาไม่สนใจน่ะสิครับ”

ขนาดยังไม่ได้วางแผง ก็เรียกเสียงฮือฮาแล้ว สำหรับฟีดแบคของพระเอกหน้าหวาน เจมส์-จิรายุ ตั้งศรีสุข กับลุคใหม่บนปกนิตยสารแพรว ฉบับ 10 มกราคมนี้ เจ้าตัวถึงกับอุทานเอง “หล่อมาก” มีโอกาสเจอหนุ่มเจมส์ “แพรว” จึงได้คุยอัพเดตตารางชีวิตแบบเกาะติด

-เป็นอย่างไรบ้างกับปกแพรวเล่มล่าสุด
“ฟีดแบคดีมาก ทุกคนพูดถึงเยอะ แฟนๆ อาจไม่เคยเห็นผมในลุคนี้มาก่อน บอกว่าหล่อมาก ผมเองยังตกใจ แปลกตา หล่อมากครับ (ยิ้มเขิน) ฝากอุดหนุนด้วยนะครับ”

สำหรับชีวิตเรื่องงานล่าสุด เจมส์บอกตอนนี้มีแพลนละคร เรื่องหนึ่งในทรวง ละครของพี่แหม่ม-ธิติมา กับป้าแจ๋ว-ยุทธนา ใกล้จะเปิดกล้องเร็วๆ นี้เล่นกับญาญ่า-อุรัสยา ส่วนละครคู่กับนางเอกคู่จิ้น เบลล่า-ราณี จะมีแพลนบ้างไหมเจ้าตัวยิ้มตอบเขินๆ

“อยากเล่นกับเขาเหมือนกันนะ (เห็นว่ารอคิวเจมส์แน่นมาก…) โอ้โฮ!! ไม่หรอกครับ ตอนนี้ผมว่างงานอยู่ รอคิวเขา (เบลล่า) นั่นแหละ คนนั้นเขาคิวเยอะ ละครตั้งหลายเรื่อง แล้วก็ขึ้นอยู่กับทางสถานีพิจารณาด้วย” ก่อนจะย้ำปิดท้ายอีกครั้งว่า “แต่ผมก็อยากเล่นกับเขานะ (ยิ้ม)”

-อัพเดตความรักของเจมส์บ้าง
หนุ่มเจมส์ตอบเขินๆ “ความรักตอนนี้ไม่ได้ผิดหวัง แต่ก็ไม่ถึงกับสมหวัง อาจเพราะผมไม่ค่อยได้คาดหวังมั้งครับ ผมรู้สึกว่าผู้หญิงคนไหนที่เข้ามาในชีวิต ถ้าคุยกันรู้เรื่องเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เพราะความเข้าใจกัน เป็นสิ่งที่จะทำให้เห็นตัวตนกันมากที่สุด (เห็นมีแฟนคลับ “จิราณี” เชียร์ให้รักนอกจอ?) ผมก็ชอบเขาเหมือนกัน แต่เขาไม่สนใจน่ะสิครับ” งานนี้ไม่รู้ว่าจะแอบรัก แอบชอบกันนอกจอ..จิ้นขนาดไหน แต่ถ้าเข้าไป instagram พื้นที่ส่วนตัวของหนุ่มเจมส์ คงจะได้เห็นรูปเบลล่า เยอะกว่าเพื่อนสาวคนอื่นๆ ก็อย่าได้ว่ากัน เพราะวันเกิดเบลล่าที่ผ่านมา เจ้าตัวยังแคปชั่นสื่อรักหวานผ่านอินสตาแกรมอีกต่าง ว่า” นี่เธอๆ HBD นะคะ love u na” ส่วนจะเป็นคู่รัก “จิราณี” เหมือนที่แฟนคลับสมาสคำให้มาจาก ‘จิรายุ+ราณี’ หรือไม่ คงต้องลุ้นกันต่อไป

ปิดท้ายด้วยแฟนๆ ที่คิดถึงเจมส์จิ แฟน..เซอร์วิส มาแน่ เตรียมตามติด…และติดตามเร็วๆ นี้ ไม่ว่าจะเป็นแฟนมีตติ้งปลายเดือนกุมภาพันธ์ และภาพยนตร์เรื่อง Time line จดหมาย ความทรงจำ กำหนดเข้าฉายช่วงวาเลนไทน์ ซึ่งเจมส์บอกว่า ได้ร้องเพลงประกอบด้วย ชื่อเพลง คำถามซึ่งไร้คำตอบ “สำหรับเพลงนี้ ผมร้องเพลงและร้องไห้ด้วย (ยิ้ม) มีเวอร์ชั่นที่ผมร้องเอง กับออริจินัลของ วง Getsunova อย่าลืมไปดูกันนะครับ ผมอยากดูแล้วเหมือนกัน…”

เรื่อง LadyMoon ภาพ instagram @jirayu_jj

เซอร์ไพรส์ “เจมส์ เต้ย” ร้อง “ไกลแค่ไหนคือใกล้”

“สำหรับเจมส์นะครับ สิ่งสำคัญที่เซอร์ไพรส์มากๆ น่าจะเป็นที่พี่เต้ยมาร้องเพลงครับ เพราะพี่เต้ยเคยบอกว่าปกติพี่ไม่ร้องเพลงนะ แต่กลายเป็นว่ามาร้องเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะอินหรือฮาดี”

เซอร์ไพรส์ “เจมส์-เต้ย” ร้อง “ไกลแค่ไหนคือใกล้” ประกอบหนัง “TIMELINE จดหมาย ความทรงจำ”

หลายคนคงทราบข่าวคู่พระนางขวัญใจวัยรุ่นแห่งยุคที่ได้รับการยอมรับว่าฮอตที่สุดในนาทีนี้ เจมส์ จิรายุ ตั้งศรีสุข และเต้ย จรินทร์พร จุนเกียรติ ว่าถูกผู้กำกับระดับแถวหน้าของเมืองไทยอย่างอุ๋ย นนทรีย์ นิมิบุตร เลือกให้มารับบท “แทน-จูน” 2 ตัวละครสำคัญที่จะมาถ่ายทอดเรื่องราวความรักความทรงจำใน “TIMELINE จดหมาย ความทรงจำ” ภาพยนตร์รักโรแมนติคเรื่องล่าสุดของ “สหมงคลฟิล์มอินเตอร์เนชั่นแนล” ที่มีโปรแกรมเข้าฉายในวันที่ 13 ก.พ.นี้กันแล้ว

ล่าสุดสหมงคลฟิล์มฯได้เตรียมเซอร์ไพรส์พิเศษที่ตั้งใจมอบให้เป็นของขวัญต้อนรับเทศกาลปีใหม่สำหรับแฟนๆ เจมส์-เต้ย รวมไปถึง ผกก. อุ๋ย-นนทรีย์ 1 ชิ้นนั่นคือ บทเพลง “ไกลแค่ไหนคือใกล้” ประกอบภาพยนตร์จากเสียงร้องของทั้งคู่ที่แอบลัดคิวงานอันยาวเหยียดก่อนปีใหม่ย่องเข้าห้องอัดบันทึกเสียงเสร็จสมบูรณ์เป็นที่เรียบร้อยโดยได้ คชภัค ผลธนโชติ หรือ “พล วง Clash” ซึ่งเป็นโปรดิวเซอร์เพลงต้นฉบับจากเสียงร้อง GETSUNOVA มารับหน้าที่โปรดิวเซอร์ติวเข้มและควบคุมการร้องทั้งเจมส์และเต้ยด้วยตัวเอง

สาวเต้ยเล่าถึงห้วงเวลาสุดแสนพิเศษนี้ว่า“จริงๆ เต้ยไม่รู้ว่าจะพิเศษกับทุกๆ คนรึเปล่า แต่ว่ามันพิเศษสำหรับเต้ยมากๆ คือตอนแรกพี่อุ๋ยเขาคงชั่งใจอยู่นานว่าจะให้เต้ยร้องเพลงนี้ดีมั้ย แต่ที่สุดเขากล้าที่จะลอง ทำให้เต้ยรู้สึกดีขึ้นไปอีก จะเรียกว่าพี่เขาเชื่อมั่นเหรอ ไม่รู้กัดฟันอยู่หรือเปล่า ยังไงก็ต้องขอขอบคุณพี่อุ๋ยมากๆ นะคะ และหวังว่ามันจะโอเคค่ะ(หัวเราะ)

“อีกอย่างเพลง ไกลแค่ไหนคือใกล้ ก็เป็นเพลงของวง GETSUNOVA ซึ่งเป็นเพื่อนของเต้ยเอง ก็รู้ๆ กันอยู่ว่าเพลงนี้ดังมากๆ เลยรู้สึกเป็นเกียรติและดีใจมากๆ ที่ได้มาร้อง cover เพลงนี้ ถือเป็นเพลงของตัวละครที่เต้ยเล่นเลยค่ะ ซึ่งก็คือบทของจูน คิดว่าน่าจะทำให้คนที่ได้ฟังอินไปกับตัวละครของเต้ยได้ และอ๋อ… น้องเจมส์ร้องเองด้วย เสียงเขาเพราะมาก เพราะฉะนั้นก็ขอฝากเพลงนี้ด้วยนะคะ

มาฟังหนุ่มเจมส์กันบ้าง “สำหรับเจมส์นะครับ สิ่งสำคัญที่เซอร์ไพรส์มากๆ น่าจะเป็นที่พี่เต้ยมาร้องเพลงครับ เพราะพี่เต้ยเคยบอกว่าปกติพี่ไม่ร้องเพลงนะ แต่กลายเป็นว่ามาร้องเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะอินหรือฮาดี (หัวเราะ)

“ต้องขอบคุณพี่อุ๋ย ผู้กำกับซึ่งคอยใส่ใจและมีไอเดียว่าถ้าเกิดมีเสียงของตัวละครในเรื่องร้องขึ้นมาจริงๆ แล้วนำมาประกอบภาพยนตร์ใน 1 ซีนหรือว่าในหลายๆ ซีนก็ตาม น่าจะช่วยโอบอุ้มอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครให้มีความแน่นมากขึ้น เป็นที่มาที่ทำให้แฟนๆ จะได้เห็นเจมส์กับพี่เต้ยที่นอกจากจะมีการถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครออกมาผ่านการแสดงแล้วก็ยังมีโอกาสถ่ายทอดอารมณ์ผ่านทางบทเพลงด้วย และคงจะทำให้ทุกคนที่ได้ฟังรู้สึกได้ว่า เฮ้ย…บทเพลงก็สามารถทำให้เรารู้สึกกับตัวละครได้ มันแตะหัวใจได้ว่ามันเต้นอยู่ในจังหวะไหนอยู่ ณ ตอนนั้น”

สำหรับบทเพลง “ไกลแค่ไหนคือใกล้” กล่าวได้ว่าเป็นอีกหนึ่งปรากฎการณ์บทเพลงสุดไพเราะแห่งปี ที่นอกจากเนื้อหาที่สื่อความหมายถึงระยะห่างของความใกล้ชิดในความสัมพันธ์ของหนุ่มสาวในยุคนี้ตรงกับความสัมพันธ์ของ 2 ตัวละครเจมส์และต้นแล้ว ยังกล่าวได้ว่าเป็นบทเพลงๆ เดียวในประวัติศาสตร์เพลงไทยที่มียอดผู้ฟังกดไลค์ให้เพลงนี้ในโซเชียลเน็ตเวิร์คไปแล้วมากถึงกว่า 96 ล้านวิว สำหรับเวอร์ชั่นเพลงประกอบภาพยนตร์ในเสียงร้องของ “เจมส์-เต้ย” พร้อมให้ทุกคนได้เข้ามารับฟัง ถ้าชอบก็อย่าลืม กดไลก์และแชร์กันต่อด้วยนะจ๊ะ ติดตามรับฟังได้ที่ https://www.facebook.com/sahamongkolfilmint

ของขวัญปีใหม่…ที่สุดในชีวิต

เวลานุ่นได้รางวัล จะบอกทุกคนว่า เราได้รางวัลในฐานะผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่ได้เกิดมาเพอร์เฟ็กท์ สวย ขาว หุ่นดี นุ่นแค่ตั้งใจ

เป็นทั้งนักแสดงสาวสวยมากความสามารถ การันตีรางวัลจากเวทีนาฏราช สำหรับ นุ่น-ศิรพันธ์ วัฒนจินดา ล่าสุดเพิ่งเข้ารับรางวัลพระราชทาน “พระสุรัสวดี” หรือรางวัลตุ๊กตาทอง ครั้งที่ 29 ในฐานะผู้แสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม จากภาพยนตร์เรื่อง Home ความรัก ความสุข ความทรงจำ ปัจจุบันเป็นเจ้าของธุรกิจผลิตภัณฑ์สกินแคร์ Cherb อีกด้วย

ปีม้าคึกคัก เซเลบฯ ขอพร…ขอลูก

“เราไปไหว้พระขอพรจริงจัง แต่ไม่ได้บนนะคะ เขาบอกว่าถ้าบนลูกจะเลี้ยงยาก ซึ่งส่วนตัวคงทำกิ๊ฟแน่นอน ปรึกษาคุณหมอไว้แล้ว เวลาขอพรถ้ามีลูกขอให้เขามีสุขภาพแข็งแรง เลี้ยงง่าย เป็นลูกที่ดีของพ่อแม่…”

เตรียมตัวมาหลายปี ฮันนีมูนมาก็หลายหน ปีนี้สองสาวเซเลบฯ พร้อมใจบอกตรงกันว่าอยากจะเป็นคุณแม่ เดินหน้าไหว้พระขอพร และไม่ลืม “ขอลูก…” เรียกว่านาทีนี้ พร้อมจะเป็นว่าที่คุณแม่เต็มทีแล้ว

เริ่มจาก คุณจิ๊บ-อชิรญา ภรรยาของ คุณก้อง-สุรเชษฐ วรวงศ์วสุ ล่าสุดขอพักจากเรื่องธุรกิจสักครู่ หลังจากคร่ำเคร่งกับการเปิดช็อปพรีเมียร่ามาตลอดทั้งปี โดยให้น้องๆ เข้ามาดูแลกิจการแทน ส่วนตัวเองแพลนทริปเที่ยวญี่ปุ่นกับคุณสามียาวนานครึ่งเดือน คุณจิ๊บได้รับคำแนะนำจากคุณหมอว่าให้ทำใจสบายๆ ปล่อยวางเรื่องทั้งปวง เพราะความเครียดมีผลกับฮอร์โมนการตั้งครรภ์ เพราะก่อนหน้านี้คุณจิ๊บเคยแท้งลูก ทำให้ต้องระวังเรื่องสุขภาพมากขึ้น

“จิ๊บเพิ่งกลับมาจากญี่ปุ่น ไปเล่นสกี สโนว์บอร์ด คือเที่ยวเต็มที่ กลัวเดี๋ยวถ้ามีลูกคงเที่ยวแบบนี้ไม่ได้ ตอนนี้ชิลๆ อยู่บ้านสบายๆ (หัวเราะ) เตรียมตัวให้พร้อมอย่างเดียว คือเราอยากมีลูกแล้วไง เวลาขอพรจะอธิษฐาน อยากมีลูกจริงๆ ให้เขาได้มาเกิดกับเราด้วย” ส่วนทายาทพรีเมียร่า จะมาเร็วมาช้า คุณจิ๊บบอกว่าคงต้องลุ้นกัน แต่ถ้ามาเร็วได้ยิ่งดี แต่ถ้าปีม้า ไม่ทัน…เธอว่าปีหน้าก็ยังรอ เอาเป็นว่า เรื่องลูก..จิ๊บรอได้ไม่ท้อ

ส่วนอีกคู่หวานที่แต่งงานไปเมื่อสองปีก่อน สำหรับอดีตดาราสาวสวยหน้าหวาน คุณขิง-ภคอร (สิริสุขะ) กับนักการเมืองหนุ่ม คุณปาล์ม-ร.ต.ปรพล อดิเรกสาร ทั้งคู่ทัวร์ฮันนีมูนกันตลอดปี ทั้งอเมริกา ยุโรป พม่า ล่าสุดบินไปเที่ยวไหว้พระขอพรที่ฮ่องกง-มาเก๊า

คุณขิง บอกว่า ลงเครื่องปุ๊บ ก็ไปขึ้นกระเช้านองปิงไหว้พระใหญ่เทียนถันทันที จากนั้นอธิษฐานขอ….ทุกแห่ง ทั้งเจ้าแม่กวนอิม วัดแชกงหมิว วัดอาม่า

“เราไปไหว้พระขอพรจริงจัง แต่ไม่ได้บนนะคะ เขาบอกว่าถ้าบนลูกจะเลี้ยงยาก ซึ่งส่วนตัวคงทำกิ๊ฟแน่นอน ปรึกษาคุณหมอไว้แล้ว เวลาขอพรถ้ามีลูกขอให้เขามีสุขภาพแข็งแรง เลี้ยงง่าย เป็นลูกที่ดีของพ่อแม่…ขอไว้ก่อน (หัวเราะ) ตอนนี้ขิงอยู่บ้าน พี่ปาล์มให้เป็นแม่บ้านค่ะ เตรียมตัวเป็นคุณแม่ของลูกอย่างเดียว” ส่วนเรื่องงานเธอบอกว่าช่วยคุณพ่อสามี (ปองพล อดิเรกสาร) ทำรายการสารคดี สุดล่าฟ้าเขียว ทางช่อง 3 โดยดูแลในส่วนหาสปอนเซอร์

เห็นสองสาวเตรียมตัวกันขนาดนี้ “แพรว” ขอให้ทั้งสองสาวสมหวัง มีทายาทน้อยๆ สมใจ…เพี้ยง!!

เรื่อง LadyMoon

ปีทองของนางเอก ‘ยิ้มหวาน’ เบลล่า-ราณี

“รู้สึกซาบซึ้ง และขอขอบคุณในความรัก แรงเชียร์ และกำลังใจที่ทุกคนมีให้กันมาตลอด เป็นอะไรที่มีความหมายมากค่ะ”

ถือเป็นปีทองของนางเอกสาวสวยยิ้มหวาน เบลล่า-ราณี แคมเปน เมื่อปีที่ผ่านมาที่ขึ้นแท่นแจ้งเกิดกับบทนางเอก 2 เรื่องคือ พรพรหมอลเวง และละครสุภาพบุรุษจุฑาเทพ ตอนคุณชายพุฒิภัทร ที่ประกบคู่กับหนุ่มเจมส์ จิรายุ ตั้งศรีสุข พากันควงคู่โด่งดังเป็นพลุแตก

และบทภรรยาคุณชายหมอนี้เองยังทำให้เบลล่าแจ้งเกิด “คู่จิ้น” กับหนุ่มเจมส์ชนิดไม่ทันตั้งตัว เพราะเล่นละครได้อิน ฟินจิกหมอนสุดๆ จนแฟนคลับยกให้เป็นคู่จิ้นแห่งปี พร้อมบัญญัติความฟิน เรียกคู่เกิด คู่นี้ว่า “จิราณี” มาจาก จิรายุ+ราณี

สำหรับปีม้าคึกคักนี้ นางเอกยิ้มหวานยังคงมาแรงไม่มีตก รับบทนางเอกถึง 3 เรื่อง ได้แก่ ลูกทา ในบท “คุณน้ำทิพย์” ประกบเคน ภูภูมิ กำลังจะออกอากาศทางช่อง 3 เร็วๆ นี้ เรื่องที่สอง “เพลิงฉิมพลี” รับบท “เนื้อนาง” คู่กับ อั้ม-อธิชาติ และปิดท้ายด้วยเรื่อง ภพรัก ประกบกับหมาก-ปริญญ์ นอกจากนี้ยังคว้าพรีเซนเตอร์อีกสองชิ้นเป็น ยาสระผม และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร พร้อมเตรียมเผยโฉมอีกหนึ่งชิ้นเป็นแบรนด์เครื่องสำอางดัง

ปีทองสองปีซ้อนขนาดนี้ วันคล้ายวันเกิดช่วงคริสต์มาสที่ผ่านมา แฟนคลับเบลล่าและแฟนคลับจิราณี ร่วมร้อยชีวิตเลยแอบไปเซอร์ไพรส์เบิร์ดเดย์นางเอกคนสวยถึงหอประชุมกองทัพเรือ ส่วนของขวัญเบลล่า ถึงขั้นบอกว่า “เยอะมากขนกลับไม่ไหว ต้องฝากไว้ที่แฟนคลับ แล้วนัดรับกันวันรุ่งขึ้นอีกที” ว่าแล้วเจ้าตัวถ่ายรูปของขวัญโพสต์ลงอินสตาแกรมเพื่อขอบคุณแฟนคลับ เห็นแล้วต้องบอกว่านาทีนี้นางเอกยิ้มหวานฮอตจริงๆ

งานนี้เบลล่าไม่ได้ป๊อบปูล่าแค่ในเมืองไทย เพราะปลายปีเธอเพิ่งไปเที่ยวเกาหลีกับเดอะแก๊ง ด้วยความสวยหวานลุคละม้ายคล้ายสาวเกาหลี ไปเข้าตาช่างภาพอิสระ blogger ชาวเกาหลี ตามขอถ่ายรูปลงเว็บไซต์กระทั่งยอดไลค์ถล่มทลาย กลายเป็นสาวไทยบินไปป๊อบไกลถึงแดนกิมจิ ไม่แพ้คู่จิ้น อย่าง หนุ่มเจมส์-จิรายุ ที่เพิ่งกลับจากเกาหลีเช่นกัน

นางเอกยิ้มหวาน บอกว่า “รู้สึกซาบซึ้ง และขอขอบคุณในความรัก แรงเชียร์ และกำลังใจที่ทุกคนมีให้กันมาตลอด เป็นอะไรที่มีความหมายมากค่ะ” ปีใหม่นี้ยังฝากสวัสดีปีใหม่แฟนๆแพรว แฟนคลับเบลล่า และแฟนคลับจิราณี ให้มีความสุข สุขภาพแข็งแรง และประสบความสำเร็จทุกอย่าง

ก็ขออวยพรกลับ..ขอให้เป็นปีทองของ ‘ราณี’ สองปี สามปี สี่ปี…ห้าปีซ้อน ยาวปายยยๆ เช่นกันจ้า

เรื่อง TheMooN ภาพ ig @bellacampen [Hd]

นาเดีย ปลื้มลูกชาย ‘น้องนพ’ ชอบเที่ยวธรรมชาติ

“โชคดีมาก น้องนพชอบธรรมชาติ ไม่ค่อยชอบเที่ยวห้างเท่าไร วันก่อนพาไปสวนลุม ชอบมาก เอาเสื่อไปปูนั่งกันเหมือนปิคนิค พาไปฟังดนตรีในสวนด้วยนะ ไปสองวันติดเลย ไปได้ไม่เบื่อ ที่สำคัญแม่ก็ชอบด้วยไง (หัวเราะ) เสียค่าที่จอดรถแค่ 10 บาท ค่าอาหารปลา 50 บาท คือขอแค่อยู่กับธรรมชาติลูกชายก็มีความสุขแล้ว”

เป็นอีกหนึ่งครอบครัวในช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา ขอเลี่ยงสถานที่ผู้คนแออัด เลือกเคาน์ดาวน์ส่งท้ายปีใหม่ในกรุงเทพ สำหรับครอบครัวโสณกุล สมาชิกอยู่กันพร้อมหน้าทั้ง ม.ล.อภิมงคล-นาเดีย และน้องนพ-นพมงคล ลูกชายวัยน่ารัก

อยู่กรุงเทพไม่รู้จะไปไหน คุณนาเดีย พาคุณสามีและลูกชายไปเที่ยวพักผ่อนที่สวนลุมพินี เพราะบอกว่าไม่บ่อยนักที่จะเห็นกรุงเทพแบบโล่งตา ซึ่งปกติจะพาลูกชายไปนั่งชิลๆ ที่สวนเบญจกิตติอยู่ประจำ แต่วันหยุดที่ผ่านมามีโอกาสพาน้องนพไปเที่ยวสวนลุมครั้งแรก ซึ่งดูเหมือนว่าลูกชายจะติดใจสวนลุมฯเข้าเสียแล้ว

“โชคดีมาก น้องนพชอบธรรมชาติ ไม่ค่อยชอบเที่ยวห้างเท่าไร วันก่อนพาไปสวนลุม ชอบมาก เอาเสื่อไปปูนั่งกันเหมือนปิคนิค พาไปฟังดนตรีในสวนด้วยนะ ไปสองวันติดเลย ไปได้ไม่เบื่อ ที่สำคัญแม่ก็ชอบด้วยไง (หัวเราะ) เสียค่าที่จอดรถแค่ 10 บาท ค่าอาหารปลา 50 บาท คือขอแค่อยู่กับธรรมชาติลูกชายก็มีความสุขแล้ว”

เป็นหนุ่มน้อยน่ารักแถมช่วยคุณแม่ประหยัดค่าของเล่นอีกโข ครบรอบวันเกิดที่จะถึงนี้ (9ม.ค.) น้องนพ จึงได้ของขวัญชิ้นใหญ่จากคุณย่า คุณหญิงบูลย์วิภา โสณกุลฯ เป็นทริปไปเที่ยวสิงคโปร์ 3วัน 2คืนจองตั๋ว แพลนทริปให้หลานชายสุดที่รัก พร้อมยกขบวนไปฉลองวันเกิด 2 ขวบกับครอบครัวใหญ่

แหม…น่ารักแบบนี้ ไม่แปลกใจที่น้องนพเป็นที่รักของทุกคน เรียกว่าคุณแม่ปลื้มเอาๆ ส่วนคุณย่าก็หลงร้ากกนักเชียว…สุขสันต์วันเกิดล่วงหน้านะคร้าบ

เรื่อง : The Moon
เครดิตภาพ : instagram @nadiakaaa

แพนเค้ก รักก็เริ่ดงานก็รุ่ง

สิ่งที่สำคัญที่สุดในการทำธุรกิจ คือ ทำด้วยใจ เราอยากมอบสิ่งดีๆ ให้กับลูกค้า เราเองต้องเชื่อมั่นในสิ่งที่เราทำก่อนที่จะให้คนอื่นเข้ามาเชื่อมั่นในสิ่งที่เราทำด้วยเช่นกัน

วันนี้ praew.com พามาอัพเดทชีวิตของนางเอกสาวแก้มป่องแพนเค้ก เขมนิจ จามิกรณ์ นางฟ้าการกุศล ที่การันตีความเป๊ะด้วยดีกรีซุปเปอร์โมเดลระดับอินเตอร์ ตอนนี้ชีวิตของเธอดูจะราบรื่นลงตัว แฮปปี้แบบสุดๆ ทั้งเรื่องรักและเรื่องงาน ล่าสุดเพิ่งทุ่มเงินลงทุนกว่า 100 ล้าน เปิดตัวธุรกิจตัวใหม่ของครอบครัวด้วย

จาก 2556 ถึง 2557 สุขแบบฉบับโก๊ะตี๋

“หนึ่งรายการที่หนูทำคือ ครัวคุณต๋อย แล้วอย่างนี้จะเอาวิธีไหนมาผอม ต้องขออนุญาตใช้คำว่า รับประทานยับ กินแบบย่อยไม่ทัน”

ปกติในช่วงสิ้นปี เรามักเห็นภาพยนตร์ที่สร้างเสียงหัวเราะและความสุข โดยมีชื่อของ‘โก๊ะตี๋ – เจริญพร อ่อนละม้าย’ เป็นหนึ่งในนักแสดงนำเสมอ
สำหรับปลายปี พ.ศ. 2556

เมื่อไม่มีหนังของโก๊ะตี๋เข้าโรงเหมือนอย่างเคย ผมจึงชวนเขามากระชับพื้นที่ความสุขในหน้านิตยสาร เราพูดคุยกันหลายเรื่อง ตั้งแต่มุมเล็กๆ ในชีวิตส่วนตัว ความสุขและสนุกแบบโก๊ะตี๋ จนถึงเวลาหลังปีใหม่ที่ทุกคนช่วยกันทำให้ประเทศมีรอยยิ้มได้

MR.PRAEW : ตามดูรายการโทรทัศน์ เห็นคุณแทบทุกวัน เวลาพักผ่อนซ่อนอยู่ตรงไหน
โก๊ะตี๋ : อยู่ระหว่างวันนี่ล่ะ เรื่องการพักผ่อน หลายคนอาจไปดูหนัง สังสรรค์กับเพื่อน แต่หนูชอบอยู่นิ่งๆ ตัดตัวออกจากความวุ่นวายทั้งหลาย ปีนี้ไปผับไม่เกิน 3-4 ครั้ง โดยทั้งหมดเป็นงานบังคับที่ต้องไป ส่วนตัวไม่ดื่มไม่เที่ยวอยู่แล้ว ไม่ชอบสถานที่เสียงดัง ตุ้ม… ตุ้ม… (ทำเสียงเอฟเฟ็คท์เหมือนในผับประกอบ) ต้องตะโกนคุยกันว่า อะไรนะ!… เอ้อ..ไปเถอะๆ

MR.PRAEW : จริงไหมที่ในวงการบันเทิง คนที่คุณยอมลงให้มีแค่ 2 คนคือ ไตรภพ กับ สรยุทธ
โก๊ะตี๋ : ใช่ครับ (ตอบทันที) เป็นผู้ใหญ่ที่หนูเคารพนับถือมาก ทั้งคู่เป็นเหมือนกระจกเงารอบตัว ถ้ามองไปข้างหน้าเจอพี่ยุทธ ข้างหลังคืออาต๋อย พี่ยุทธคอยบอกว่า เรื่องไหนควรทำ เรื่องไหนไม่ควร ส่วนอาต๋อยสอนเรื่องการดำเนินชีวิต ถ้าหนูเดินผิดไปบนถนนลูกลัง อาต๋อยจะให้คำแนะนำ หารองเท้าให้ใส่ คือไม่ได้มารับออกไปเลย ให้เดินเองเหมือนเดิมนี่ล่ะ แต่ช่วยให้เดินง่ายขึ้น

MR.PRAEW : สรยุทธเคยบอกกับแพรวว่า โก๊ะตี๋เป็นมนุษย์ขี้น้อยใจ
โก๊ะตี๋ : ใช่ (ยิ้ม) เห็นแบบนี้แต่เซ้นสิทีฟมาก บางทีอ่อนแอกับเรื่องไร้สาระ น้อยใจกับเรื่องง่ายๆ หนูเองก็ไม่อยากเผาพี่ยุทธกลับหรอกนะ แต่เขาเป็นเหมือนเด็กขาดความอบอุ่น

MR.PRAEW : นี่คือไม่อยากเผา
โก๊ะตี๋ : (หัวเราะ) คือเวลาพี่ยุทธต้องทำอะไรหรือไปที่ไหนต้องมีเพื่อน ไม่กล้าทำคนเดียว แล้วยังบ้าอำนาจ เวลากินข้าวกับลูกน้องนี่อย่าเผลอกินก่อนเชียว มีน้อยใจ ต้องกินพร้อมกัน

MR.PRAEW : อีกเรื่องที่อยากรู้ คุณเคยคิดจะลดน้ำหนักไหม
โก๊ะตี๋ : คิดสิ ไม่นานนี้หนูแข่งลดน้ำหนักกับเพื่อนคนหนึ่ง เงื่อนไขคือ ฝ่ายนั้นจะมีซิกแพ็ก ส่วนหนูจะลดให้ได้ 10 กิโลกรัม คนแพ้ต้องเลี้ยงอาหารญี่ปุ่นหนึ่งมื้อ ในที่สุดหนูชนะ ลดน้ำหนักจาก 94 กิโลกรัม ลงเหลือ 84 กิโลกรัมได้ แต่มันผิดสัญญา ไม่ยอมเลี้ยง ตั้งแต่นั้นหนูจึงกลับไปกินเต็มที่เหมือนเดิม น้ำหนักชั่งเมื่อเช้าอยู่ที่ 86 กิโลกรัม (หัวเราะ)

แล้วถามมิสเตอร์แพรวหน่อย หนึ่งรายการที่หนูทำคือ ครัวคุณต๋อย แล้วอย่างนี้จะเอาวิธีไหนมาผอม ต้องขออนุญาตใช้คำว่า รับประทานยับ (หัวเราะ) กินแบบย่อยไม่ทัน เดินออกสตูดิโอยังเหนื่อย วันหนึ่งเราอัด 14 เทป เปิดหัว 7 เทปแรกแบ่งเป็นให้ความรู้เรื่องในครัว 3 เทป อีก 4 เทป คือกิน หลังจากนั้น 7 เทปหลังนี่กินล้วนๆ แล้วอาหารคาวหวาน 90 เปอร์เซ็นต์ที่ออกรายการล้วนอร่อยมาก ที่เหลือก็อร่อย แต่อาจเป็นเมนูที่ไม่ถูกจริตเราเอง แล้วถ้ากินร้านไหนน้อยกว่าก็มีเสียใจอีก จบรายการต้องกินอีโนกันบ้าง แต่คำถามสำคัญคือ แล้วความผอมจะมาถึงได้อย่างไร

เรื่อง Mr.Praew

รักในแบบของเราไม่ต้องเหมือนใคร

“ตั้งแต่วันแรก พี่เอ๋กับเจนี่ไม่เคยคุยกันว่า เราคบกันตอนไหน พี่เอ๋ไม่ใช่ผู้ชายโรแมนติกที่จะบอกว่า เราคบกันแล้วนะ ทุกอย่างค่อยๆ เป็นไปตามความรู้สึกข้างในของเรา บางคนอาจบอกว่า รักกันเร็วจัง แต่เจนี่มองว่า ความรักไม่ใช่เรื่องเวลา เรากะเกณฑ์มันไม่ได้ เจนี่มีความสุขกับปัจจุบัน ไม่ได้เก็บเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตมาคิดเยอะ ไม่ได้มองอนาคตที่อยู่ไกลจนเกินไป เพราะไม่รู้จะอยู่ถึงวันนั้นหรือเปล่า เราอยู่กับแค่วันนี้กับพรุ่งนี้ก็พอแล้ว”

ว่ากันว่า ความรักมักจู่โจมเราแบบไม่ทันตั้งตัว เช่นเดียวกับที่ ‘เจนี่ และ ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม’ พูดถึงการเดินทางของความรักในแบบฉบับของพวกเขา หลังจากต้องเผชิญกับมรสุมข่าวหนักหน่วง

ในวันที่ชีวิตคู่เริ่มนิ่งและก้าวไปข้างหน้า “แพรว” ได้คุยกับเจนี่และเอ๋ ถึงเส้นทางใหม่ที่ทั้งคู่ได้เลือกและพร้อมแล้วที่จะเล่าให้เราฟัง

ชีวิตหลังผ่านมรสุมข่าวเป็นอย่างไรครับ
เจนี่ตอบก่อน “เป็นปกติขึ้น เจนี่อาจจะคุ้นกับการเป็นข่าวมากกว่าพี่เอ๋ แต่เอาเข้าจริง เขาก็ไม่ค่อยเก็บมาคิดให้ไม่สบายใจ เพราะสุดท้ายแล้วนี่คือชีวิตของเราสองคน”

คุณเอ๋พูดความในใจบ้าง “ถ้าพูดให้พูดตรงๆ ผมไม่อึดอัด แต่ไม่สบายใจ เหมือนต้องฟังคนพูดในสิ่งที่เราไม่ได้เป็น ถามว่า เป็นสาระของชีวิตไหม ไม่นะ เพราะสุดท้ายเวลาก็เป็นเครื่องพิสูจน์ อย่างกรณีที่บอกว่า เจนี่มีน้อง เราก็ไม่ได้ออกไปแก้ข่าวตอบโต้ แต่ถ่ายรูปขณะเล่นพิลาทิสโชว์ไปเลย ก็จบ”

เจนี่เสริม “ที่ผ่านมา คนชอบจับจ้องว่า เจนี่กับพี่เอ๋แต่งงานกันเพราะมีน้องหรือเปล่า เพราะทุกอย่างดูกะทันหัน แต่ความจริงไม่ใช่ เราวางแผนไว้หมดแล้ว เพียงแต่คนอาจช็อกว่า ทำไมเราสองคนมาคบกัน คำตอบคือ ทุกอย่างอยู่บนพื้นฐานของความรัก เราอยู่ด้วยกันแล้วมีความสุข

“ตั้งแต่วันแรก พี่เอ๋กับเจนี่ไม่เคยคุยกันว่า เราคบกันตอนไหน พี่เอ๋ไม่ใช่ผู้ชายโรแมนติกที่จะบอกว่า เราคบกันแล้วนะ ทุกอย่างค่อยๆ เป็นไปตามความรู้สึกข้างในของเรา บางคนอาจบอกว่า รักกันเร็วจัง แต่เจนี่มองว่า ความรักไม่ใช่เรื่องเวลา เรากะเกณฑ์มันไม่ได้ เจนี่มีความสุขกับปัจจุบัน ไม่ได้เก็บเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตมาคิดเยอะ ไม่ได้มองอนาคตที่อยู่ไกลจนเกินไป เพราะไม่รู้จะอยู่ถึงวันนั้นหรือเปล่า เราอยู่กับแค่วันนี้กับพรุ่งนี้ก็พอแล้ว”

ช่วงกระแสแรงๆ เจนี่เคยร้องไห้ไหมครับ
เจนี่ส่ายหน้าปฏิเสธ “เจนี่คิดว่า เพราะตัวเองได้อยู่กับคนรักจริงๆ ถ้าไม่ใช่พี่เอ๋ เจนี่คงร้องไห้ ทั้งที่มีกระแสหนักๆ อยู่พักใหญ่ แต่ไม่มีวันไหนที่รู้สึกทุกข์ใจเลย ทุกเช้าที่ตื่นนอน เห็นพี่เอ๋นอนอยู่ข้างๆ แล้วมีความสุขมาก ยังบอกเขาเลยว่า เจนี่รักพี่เอ๋จัง” (ยิ้มทั้งสองคน)

คนข้างนอกมีภาพคุณเอ๋-ชนม์สวัสดิ์แบบหนึ่ง ในมุมของภรรยาล่ะครับ
“พี่เอ๋เป็นพ่อบ้าน ทำอาหารเก่ง ขณะที่เจนี่ทำไม่เป็นเลย เขาเป็นแฟมิลี่แมน มีครบทุกอย่างของความเป็นสุภาพบุรุษ ถ้าถามว่า เพอร์เฟ็คท์ไหม สำหรับเจนี่คือ ใช่ พี่เอ๋ทำให้เจนี่มีความสุขขึ้นมากจริงๆ เวลาไปกองถ่ายละคร ผู้กำกับยังแซวว่า หน้าตาสวยขึ้น ความสุขออกมาจากแววตาชัดมาก เวลาเล่นบทร้องไห้ไม่เนียนเลย เจนี่จึงอำกลับว่า ถ้าอย่างนั้นต้องตบเจนี่แล้วล่ะ (หัวเราะ)”

เจนี่เคยให้สัมภาษณ์เรื่องหนึ่งที่หวานมากว่า ถ้าไม่เลือกคุณเอ๋เป็นคู่ชีวิต คงเสียใจทีหลัง
“ค่ะ พี่เอ๋ไม่ใช่ผู้ชายหวาน แต่เจนี่คลิกความเป็นตัวตนที่อบอุ่นคือความโรแมนติก ชีวิตคู่ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เจนี่ไม่มีสิทธิไปตัดสินชีวิตคู่ของคนอื่นว่า ต้องทางนี้จึงถูกนะ ขณะเดียวกันคนอื่นก็คงไม่เข้าใจหรอกว่า ทำไมเราจึงคลิกกันได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ความรักของเราสองคน ไม่เกี่ยวกับคนอื่น ไม่มีใครเข้าใจเรื่องนี้เท่ากับเรา นอกจากนี้ เจนี่มองว่า พี่เอ๋เป็นผู้ชายพิเศษที่ไม่ค่อยปกติ…”

เรื่อง ปารัณ เจียมจิตต์ตรง

ติดตามอ่านเรื่องราวเพิ่มเติมได้ที่ นิตยสารแพรวฉบับ 824 วันที่ 25 ธันวาคม 2556 คอลัมน์

ณัฐ ศักดาทร กับเพลงใหม่แต่งเอง “ยิ่งคุยยิ่งเหงา”

“ดีใจมากครับที่ผู้ใหญ่ไว้ใจมอบโอกาสสำคัญให้ อีกอย่างเพลงนี้เป็นเพลงที่เป็นตัวตนเราเลย เป็นอารมณ์ความรู้สึกของเราตอนนั้นจริงๆ ซึ่งพอปล่อยทีเซอร์เพลง ปล่อยดาวน์โหลด ก็ได้รับการตอบรับที่น่าชื่นใจมากครับ”

หายหน้าไปปีครึ่ง ล่าสุด “ณัฐ ศักดาธร” โผล่พร้อมเผยการได้ร่วมงานกับมิวสิกครีม (บริษัทในเครือ จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ) นั้นสุดแฮปปี้ เพราะผู้ใหญ่ให้โอกาสได้มีส่วนร่วมในการทำงานเพลงอย่างเต็มที่

โดยเลือกนำเอาเพลงที่ ณัฐ แต่งเอง ชื่อเพลงว่า “ยิ่งคุยยิ่งเหงา” มาเป็นเพลงเปิดตัวเพลงแรก

“การทำงานกับแกรมมี่ฯ ทำให้ผมได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างเพิ่มขึ้น ได้เรียนรู้เรื่องโอกาสในการสร้างสิ่งที่ดีที่สุด การเปิดใจให้ไม่กลัวกับการเปลื่ยนแปลง การอดทน การรอคอย การได้ร่วมงานกับโปรดิวเซอร์ที่ผมชื่นชอบ “พี่ต้น-สุวัธชัย” ทำให้ได้ทดลองสิ่งใหม่ๆ มากมาย ทั้งการแต่งเพลง การร้อง การทำงานในห้องอัดในแบบที่ผมยังไม่เคยทำมาก่อน และกับเพลง “ยิ่งคุยยิ่งเหงา” มันเริ่มมาจากตัวตนของผมเลย เกิดจากคืนหนึ่งในห้องนอน รู้สึกเหงาๆ ก็เลยลุกขึ้นมานั่งเล่นเปียโน ไล่โน้ตโน้นนี่นั่นไปเรื่อย จนได้ทำนองเพลงนี้ขึ้นมา ผมเลยเอาไปนำเสนอพี่ตี่ พี่ต้น และทีมงาน จนที่ประชุมสรุปออกมาว่าจะใช้เพลงนี้เป็นเพลงเปิดตัวเพลงแรก

“ดีใจมากครับที่ผู้ใหญ่ไว้ใจมอบโอกาสสำคัญให้ อีกอย่างเพลงนี้เป็นเพลงที่เป็นตัวตนเราเลย เป็นอารมณ์ความรู้สึกของเราตอนนั้นจริงๆ ซึ่งพอปล่อยทีเซอร์เพลง ปล่อยดาวน์โหลด ก็ได้รับการตอบรับที่น่าชื่นใจมากครับ เป็นการตอบรับที่ดีเกินคาดหมาย ต้องขอขอบคุณทุกคำติชม ทุกกำลังใจ ที่ส่งกันเข้ามาทางแฟนเพจเฟสบุ๊คมิวสิกครีม และไอจีของผมมากครับ ก็อย่างที่ทุกคนบอกมาครับ มันเป็นการสิ้นสุดการรอคอยที่คุ้มค่าจริงๆ คุ้มค่าที่ผมและทีมงานพิถีพิถันกับเพลงนี้ คุ้มค่าที่ผมและเราทุกคนรอคอยเพลงนี้ คุ้มค่าที่เราจะได้รักเพลงนี้ด้วยกัน ส่วนใครที่ยังไม่เคยได้ฟังเพลงนี้ก็ลองเปิดใจฟังกันดูนะครับ หรือจะลองเข้าไปอัพเดทการทำงานเพลงนี้ตั้งแต่แรกของผมใน www.facebook.com/musiccream ก่อนก็ได้นะครับ ฟังแล้วรู้สึกยังไงก็ส่งมาบอกกันได้ ผมยินดีน้อมรับทุกคำติชมครับ”

เอาเป็นว่า หนาวนี้หากใครไม่อยากเหงาเพียงลำพัง ก็กดดาวน์โหลดเพลง “ยิ่งคุยยิ่งเหงา” จาก “ณัฐ ศักดาธร” มาฟังกันได้เล้ย

พั้นช์ สุดปลื้มกระแสรักสุดฤทธิ์แรงเกินคาด

“ผลตอบรับละครก็ดีมากค่ะ รู้สึกชื่นใจ ปลื้มใจ หายเหนื่อยทีเดียว มันทำให้เราได้รู้ถึงการตอบรับที่ดีจากผู้ชม ก็ต้องขอขอบพระคุณทุกคนเลยค่ะที่ชอบ และแน่นอนที่ขาดไม่ได้เลย คือ พี่ตู่-ปิยวดี มาลีนนท์ ผู้จัดละคร ที่ให้โอกาสพั้นช์ได้มารับบทนี้”

กลายเป็นขวัญใจ และไอดอลของสาวรุ่นพี่สุดเนิร์ดจอมเฉิ่มเบร๊อะไปซะแล้ว สำหรับนักร้อง-นางเอก “พั้นช์-วรกาญจน์ โรจนวัชร” หรือ “ป้าแว่น” ( ชนมน) ของพระเอกสุดฮอต “เจมส์-จิรายุ” ในละครเรื่อง “รักสุดฤทธิ์” ที่ตอนนี้กำลังสนุกเข้มข้น จนทำเอาแฟนละคร แฟนเพลงต้องจิกหมอนรอดูฉากปะทะคารมปนฉากกุ๊กกิ๊กระหว่างนายอิทธิฤทธิ์กับ ป้าแว่นอย่างใจจดใจจ่อ เรียกได้ว่าตอนนี้เดินไปไหนมีแต่คนเรียกพั้นช์ ว่า “ป้าแว่น” แหมอินกันซะ

และเพราะกลัวว่าชมรมคนรักป้าแว่น กับนายอิท จะอินกันไม่จุใจ พั้นช์เลยส่งเพลงประกอบละคร จากเรื่องรักสุดฤทธิ์ ชื่อเพลง “ไม่เคยอยู่ในสายตา” ที่ใครได้ดูละครและฟังเพลงไปพร้อมๆ กันแล้วล่ะก็ อาจต้องเทคะแนนสงสาร และเอาใจช่วยชนมนกันซะหน่อย ซึ่งพั้นช์ได้พูดถึงความรู้สึกนี้ว่า

“สำหรับเพลง “ไม่เคยอยู่ในสายตา” เป็นเพลงที่ใช้แทนตัวนางเอกที่แอบรักพระเอก แต่พระเอกกลับไม่เคยมองเห็น ไม่ว่านางเอกจะทำดีแค่ไหน เพลงนี้ได้พี่ต้น สุวัธชัย มาโปรดิวซ์และแต่งทำนองเพลงให้ ซึ่งพั้นช์ชอบทั้งคำร้องและเมโลดี้ อารมณ์การร้องจะเป็น Feel น้อยใจ เศร้า น่าสงสาร ยิ่งเราเองเล่นเป็นตัวชนมนอยู่แล้วก็ยิ่งอินและเข้าใจในอารมณ์เพลงเข้าไปอีก วิธีการร้องมีใส่ลูกเล่นไปในตอนท้าย มีการโหนเสียง การ ADLIB เข้ามา เป็นการทำงานที่สนุกมากค่ะ เพราะได้เรียนรู้วิธีการร้องแบบใหม่ที่เรายังไม่เคยทำมาก่อน ก็ฝากไว้ด้วยนะคะเพลง “ไม่เคยอยู่ในสายตา” ดูละครไปฟังเพลงไปแล้วมาอินไปด้วยกันนะคะ

“ส่วนผลตอบรับละครก็ดีมากค่ะ รู้สึกชื่นใจ ปลื้มใจ หายเหนื่อยทีเดียว มันทำให้เราได้รู้ถึงการตอบรับที่ดีจากผู้ชม ก็ต้องขอขอบพระคุณทุกคนเลยค่ะที่ชอบ และแน่นอนที่ขาดไม่ได้เลย คือ พี่ตู่-ปิยวดี มาลีนนท์ ผู้จัดละคร ที่ให้โอกาสพั้นช์ได้มารับบทนี้ ขอบพระคุณช่อง 3 ขอบพระคุณอาดุลย์ ผู้กำกับ ขอบคุณน้องเจมส์ พี่บีม วาวา และนักแสดงทุกคน ทีมงานที่เกี่ยวข้องทุกส่วน ที่ทำให้ละครเรื่องนี้ออกมาสมบูรณ์ สนุก เข้มข้น ครบรส ยังไงก็ฝากติดตามละครเรื่องรักสุดฤทธิ์ กันด้วยนะคะ ออกอากาศวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ หลังข่าว ช่อง 3 นะคะ”

รักป้าแว่น จากรักสุดฤทธิ์ อย่าลีมโหลดของจริงกันนะจ๊ะ กดมือถือของคุณเลยจร้า *123 ตามด้วยรหัส 0509 แล้วกดโทรออก ส่วนใครอยากติชม หรือส่งกำลังใจให้ พั้นช์ ก็เข้าไปที่ www.facebook.com/musiccream จร้า

เครดิตภาพ: Instagram ดารา @punch0509

keyboard_arrow_up