DIY : MAGAZINE CLUTCH กระเป๋าคลัทช์ที่มีชิ้นเดียวในโลก!

อุปกรณ์
1. นิตยสาร
2. แผ่นเคลือบลามิเนต (ถ้าไม่มีก็ใช้สติ๊กเกอร์ใสเคลือบ)
3. ด้ายเย็บปักถักร้อย (เส้นใหญ่)
4. กรรไกร
5. เทปกาว

วิธีทำ

1

1.เริ่มต้นด้วยการเลือกหน้านิตยสารที่คุณชอบมาไว้สัก 5-6 แผ่น (หรือมากกว่านั้นถ้าต้องการลวดลายเพิ่ม)
2.เสร็จแล้วก็ฉีกหน้าที่เลือกไว้ออกมาเพื่อเตรียมไว้ทำเป็นกระเป๋าคลัทช์

2

3.หลังจากที่เลือกหน้านิตยสารได้แล้ว ก็นำมาประกอบกันให้เป็นแผ่นสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดใบก็ได้ โดยจะวางลวดลายยังไงก็ได้เช่นกัน จากนั้นก็เคลือบด้วยแผ่นเคลือบลามิเนต หรือสติ๊กเกอร์ใส เพื่อความแข็งแรงและทนทาน แต่ถ้าใครไม่มีทั้งสองอย่างก็ควรเลือกกระดาษนิตยสารที่มีความหนาหน่อย ถ้าใช้กระดาษหน้าปกเลยจะดีมาก
4.จากนั้นก็เริ่มต้นการสร้างกระเป๋าคลัทช์โดยการพับมุมทั้ง 3 มุม ให้มารวมกันตรงกลางกระดาษ จากนั้นก็ติดเทปกาวไว้

3

5.ตัดมุมกระดาษทั้ง 2 ข้างในวงกลมสีแดง เพื่อให้มุมบนสามารถพับลงมาได้ หรือเป็นที่ปิดกระเป๋าคลัทช์นั่นเอง
6.ขั้นตอนสุดท้ายคือติดกระดุมที่ปลายกระดาษเพื่อเป็นตัวล็อคกระเป๋าคลัทช์ เสร็จแล้วก็ร้อยด้ายไว้ข้างลางคลัทช์ เวลาจะปิดก็ให้เอาด้ายมาคล้องกระดุมไว้แบบในรูป

4

5

เห็นไหมว่าไม่มีขึ้นตอนไหนยุ่งยากเลย หวังว่ากระเป๋าคลัทช์ใบนี้จะถูกใจสาวๆ นักประดิษฐ์กันทุกคนนะ จะทำไว้ใช้เอง หรือเอาไว้เป็นของขวัญก็เก๋ไม่เบาเลยนะบอกเลย เพราะเป็นของชิ้นเดียวในโลก รับลองว่าทำออกมาแล้วไม่ซ้ำใครแน่นอน

เรื่อง : เรียบเรียงโดยแพรวดอทคอม

ภาพ : www.abeautifulmess.com/2012/04/magazine-clutch-diy.html

รวมภาพสุดหวานวิวาห์สไตล์รักษ์โลก ‘นุ่น & ท็อป’

Screen Shot 2015-08-23 at 10.25.51 PM copyScreen Shot 2015-08-23 at 10.27.11 PM copyScreen Shot 2015-08-23 at 10.27.32 PM copyScreen Shot 2015-08-23 at 10.27.40 PM copy Screen Shot 2015-08-23 at 10.26.00 PM copyโดยงานเช้าเน้นเรื่องคอนเซ็ปต์ ECO wedding ของบ่าวสาว เรียบง่าย ทุกอย่างเอาไปใช้ได้ใหม่ และไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม โดยแบ็กดร็อปถ่ายรูปเป็นต้นไม้ที่ไม่ได้ตัด เสร็จงานใครอยากเอากลับบ้านก็เอาไปปลูกต่อได้ Screen Shot 2015-08-23 at 10.26.14 PM copy Screen Shot 2015-08-23 at 10.26.40 PM copyScreen Shot 2015-08-23 at 10.28.04 PM copy ส่วนรูปพรีเวดดิ้งถูกแทนที่ด้วยงานศิลปะจากเศษวัสดุต่างๆ ที่ทำเอง อาหารก็เป็นอาหารออร์แกนิกปลอดสารพิษ ไม่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แต่จะใช้เป็นน้ำสมุนไพรแทน

Screen Shot 2015-08-23 at 10.53.57 PM copy Screen Shot 2015-08-23 at 10.54.19 PM copy Screen Shot 2015-08-23 at 10.54.46 PM copy Screen Shot 2015-08-23 at 10.54.57 PM copyสำหรับงานฉลองวิวาห์ตอนเย็นก็แสนเก๋ เพราะภายในงานไม่มีเค้กแต่งงานแต่เป็นการปลูกต้นไม้แทน
รวมถึงชุดเจ้าสาวเป็นแบบ Reuse ส่วนชุดเจ้าบ่าวเป็นแบบตัดใหม่ สามารถใช้งานได้ต่อ
ขอแสดงความยินดีกับทั้งคู่ด้วยจ้า

ข้อมูล/ภาพ : Fotozeed

 

คุณลูกนักบู๊ กับยอดคุณแม่นักจัดการ กฤต & นพรัตน์ กุลหิรัญ

1

จากเด็กเฮี้ยวสู่เด็กฮ็อต

เมื่อเอ่ยถึงเรื่องราวสมัยเด็ก คุณกฤตยิ้มแล้วเล่าให้ฟังว่า “สมัยเด็ก ๆ ผมเอาแต่ใจมากครับ อยากได้อะไรต้องได้ ไม่ค่อยมีเหตุผลอย่างเวลาที่บ้านพาไปห้างสรรพสินค้า ผมอยากได้เกมมาก พอคุณแม่ไม่ให้เพราะซื้อที่อื่นถูกกว่า ผมก็ลงไปนอนดิ้นกรีดร้องโวยวายทันที แต่คุณแม่ไม่สนใจ แถมยังเดินหนี พอเห็นอย่างนั้นผมก็ลุกขึ้นวิ่งตาม(หัวเราะร่า) แสบไหมล่ะครับ”

คุณแม่ขอเสริม “ลูกกฤตตัวเล็ก แต่มีฤทธิ์มาก ชอบบู๊มาตั้งแต่เด็ก สมัยเรียนอนุบาลแม่ไปรับทีไรก็เห็นเขาเล่นชกต่อยกับ รปภ.ประจำ(หัวเราะ) พอโตขึ้นมาหน่อยจึงส่งเขาไปเรียนเทควันโด ปรากฏว่าเขาชอบมาก เรียนได้ดีจนได้แข่งหลายรายการ จนสุดท้ายได้ไปแข่งชิงแชมป์ประเทศไทยตอนอายุ 11 ขวบ เราก็ตามไปดู ปรากฏว่าเพื่อนของเขาขึ้นแข่งแล้วโดนเตะจนกรามเบี้ยว ต้องส่งเข้าโรงพยาบาล เหลือลูกเราที่ได้เข้ารอบชิงเหรียญทอง ดิฉันถึงกับนั่งไม่ติด ลุกขึ้นออกเซอร์เวย์เลยว่ารอบชิงแชมป์ลูกต้องแข่งกับใคร พบว่าคู่แข่งเป็นเด็กกระบี่ที่กินนอนและฝึกอยู่ในค่ายมวยมาตลอด พอดูหน่วยก้านแล้ว แม้อายุจะเท่ากันแต่เทียบกับลูกเราเหมือนมวยคนละชั้น กล้ามเขาเป็นมัด ๆ เตะทีพั่บ ๆโอ๊ย แม่จะเป็นลม จึงรีบไปต่อรองกับกรรมการว่าไม่อยากให้ลูกแข่งสุดท้ายอ้างว่าลูกสายตาสั้น ลืมเอาแว่นมา แข่งไม่ได้ แล้วจัดแจงเซ็นรับรองเสร็จสรรพ (หัวเราะ) กรรมการก็งง ๆ เพราะก่อนหน้านั้นก็เห็นแข่งมาได้ แต่เราไม่ยอม เขาจึงปรับลูกเราตกไป”

กฤตส่ายหน้าช้า ๆ แล้วเล่าต่อ “ส่วนผมน่ะฟิต อยากแข่งไงพอรู้ว่าไม่ได้แข่งเท่านั้นแหละ ผมร้องไห้เลย โกรธมาก ทำไมในวงการขี้โกงกันอย่างนี้ ไม่รู้เลยว่าเป็นฝีมือคุณแม่ ตอนนั้นท่านปลอบผมว่าผมอาจยังไม่เข้าใจ แต่เดี๋ยวโตขึ้นจะเข้าใจเอง ผมเพิ่งมารู้ความจริงเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี่เอง” (หัวเราะ)

แม้จะพลาดแชมป์เหรียญทอง แต่กลับหนีไม่พ้นสายตาแมวมองคุณกฤตวัยกำลังหล่อได้ที่จึงได้เข้ามาชิมลางงานในวงการบันเทิงอยู่พักใหญ่ ๆ พอพูดถึงเรื่องนี้ เจ้าตัวกลับโวยวายว่า “โอ๊ย…อย่าพูดถึงเรื่องนี้เลยครับ ลืมๆ ไปเถอะ (อ้าว) คือผมอยู่ในวงการแป๊บเดียว รู้สึกว่างานการแสดงไม่เหมาะกับเราจริงๆ เหมือนไม่มีหัวทางนี้เลย ตอนนั้นรู้สึกจะช่วงมัธยม 3 – 4 งานแรกเป็นโฆษณา ผมเป็นตัวประกอบออกมายิ้มแค่ช็อตเดียวแว้บเดียว แต่ล่อไป 20 เทค จนผู้กำกับบอกว่าไม่ต้องยิ้มแล้ว ถ่ายเลยก็ได้ หลังจากนั้นมีโฆษณาอีกนิดหน่อย เช่นแฟนต้า สเวนเซ่นส์ นีเวีย แล้วก็มีหนังเรื่อง ยุวชนทหาร ของแกรมมี่ฟิล์ม รับบทเป็น ‘วัฒนา’ ซึ่งเราก็ยังเล่นไม่ค่อยดี แสดงจนแสงหมดก็ยังเล่นไม่ค่อยได้ พอหนังฉายยิ่งหนัก คือก่อนหน้านั้นหนังของแกรมมี่ฟิล์มพุ่งแรงมาก ถ้าวัดเป็นชาร์ต กราฟก็ขึ้นตลอด จนกระทั่งหนังเรื่องนี้ออกฉาย กราฟตกอย่างรวดเร็วจนบริษัทปิดตัวไปเลย (หัวเราะ) ผมก็ว่าเอ๊…ทำไมนะ ทำไมเรื่องนี้จึงเป็นเรื่องสุดท้ายของบริษัทเขา หลังจากนั้นผมจึงเลิกไป อีกอย่างคือที่บ้านก็ไม่สนับสนุนด้วยครับ เขาอยากให้มีคนมารับช่วงธุรกิจต่อ”

เรื่องกุ๊กกิ๊กฉบับแม่ – ลูก

2

เมื่อเราเปิดประเด็นให้คุณลูกเมาท์คุณแม่บ้าง กฤตเล่าว่า “ความน่ารักของคุณแม่คือ ท่านชอบเขียนชอบจดทุกอย่างเกี่ยวกับลูกลงสมุดแล้วเก็บไว้ตามซอกนั้นซอกนี้ทั่วบ้าน บางทีไม่มีสมุด อะไรอยู่ใกล้มือก็คว้ามาจดหมด ขนาดปฏิทินท่านยังเขียนเลยครับ ที่ผมประทับใจมากคือครั้งหนึ่งผมไปเห็นรูปตัวเองตอนเล่นกีฬาสีที่โรงเรียนแปะอยู่หน้าตู้เย็นแล้วคุณแม่เขียนคำบรรยายใต้ภาพไว้ว่าวันนี้ลูกกฤตทำอะไรบ้าง ผมจึงรู้สึกว่าแม้แต่สิ่งเล็ก ๆ ที่ลูกทำก็เป็นความภาคภูมิใจของคุณพ่อคุณแม่นะอีกอย่างที่เพิ่งเห็นวันนี้เป็นครั้งแรกคือ สมุดที่คุณแม่บันทึกเรื่องราวของผมตั้งแต่เกิด ถ้าไม่ได้มาสัมภาษณ์ แพรว ด้วยกันคงไม่ได้เห็น”

คุณนพรัตน์เปิดสมุดเล่มนั้นพลางอธิบายให้ฟังว่า “คือเราชอบเขียนหนังสือ จึงจดทุกอย่างเก่ยี วกับลูกไว้หมด ต้งั แต่วันท่เี ขาเกิด เดินวันแรกพูดวันแรก ไปไหนกับใครก็เขียนหมด ถามว่าจดทำไม เวลาก็ไม่ค่อยจะมีเพราะว่าเวลาที่เรารักใครสักคนหนึ่ง เราไม่ต้องการลืมสิ่งสำคัญเกี่ยวกับเขาจึงบันทึกไว้หมด” (ยิ้ม)

คุณกฤตยิ้มตาหยีก่อนจะขอเล่าวีรกรรมการเขียนครั้งสำคัญของคุณแม่ “พูดเรื่องนี้แล้วนึกขึ้นได้ ช่วงที่ผมไปเรียนต่อปริญญาโทที่ต่างประเทศแทบจะไม่ได้โทร.หากัน เพราะคุณแม่บอกว่าค่าโทรศัพท์แพงไม่ต้องโทร.มานะ แล้วใช้วิธีเขียนจดหมายส่งแฟกซ์ไปที่ออฟฟิศของคณบดีที่มหาวิทยาลัย ทางนั้นเขาก็ฝากเด็กไทยถือมาให้ผม ผมจำเนื้อความทั้งหมดไม่ได้แล้ว อารมณ์ไต่ถามสารทุกข์สุขดิบ แล้วลงท้ายจดหมายว่า “รักลูกสุดหัวใจ”  โอ้โฮ…หวานมาก! (หัวเราะ) คือผมก็ดีใจนะแต่ประเด็นคือส่งแฟกซ์มาไงครับ กว่าจะมาถึงผม ไม่รู้ผ่านมือเด็กไทยมากี่คน ครั้งนั้นโดนเพื่อนแซวเละ”

เรื่องนี้…คุณแม่ขอ (หวง)

ว่ากันว่ามีลูกชายหล่อแม่มักจะหวง ยังไม่ทันถามว่าจริงหรือไม่คุณกฤตกลับชิงถามคุณแม่ก่อน “หวงไหมจ๊ะ” คุณนพรัตน์ตอบด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ไม่หวงนะ คติเราคือ love you, love your dog.ถ้าเขารักใคร เราก็รักด้วย”

งานนี้คุณลูกค้อนขวับ “ผมว่าไม่จริงนะครับ ผมพาใครมาแนะนำให้รู้จักทีไรไม่เห็นมาดามชอบสักที (หัวเราะ) ให้เหตุผลว่าให้ชัวร์ก่อนแล้วค่อยพาเข้ามา แต่ที่ผ่านมาผมก็มีคุย ๆ กับบางคนบ้าง มีปรึกษาคุณแม่บ้าง แต่สุดท้ายก็ยึดความคิดตัวเองเป็นหลัก ถ้าผมโอเคทุกอย่างก็โอเค”

เรื่องนี้คุณแม่ขอเคลียร์ต่อ “คืออย่างนี้ค่ะ ดิฉันมีความรู้เรื่องศาสตร์โหงวเฮ้งอยู่พอสมควร ตำราก็เคยเขียนมาแล้ว จึงค่อนข้างดูคนออก พอจะรู้ว่าเจ้าชู้หรือเป็นคนอย่างไร จึงเตือน ๆ เขาบ้าง แต่เขาไม่ฟังหรอก ก็งอน ๆ กันไป แต่สิ่งสำคัญที่เราเน้นย้ำคือ คนจะเป็นคู่กันต้องเข้าใจและจริงใจต่อกัน จึงจะช่วยเหลือและดูแลกันได้ จะรวยจะจน

ก็ไม่มีปัญหา แต่สุดท้ายก็แล้วแต่วาสนาของเขา เราเคยเป็นห่วงมากอยากให้เขามีคู่ชีวิต ปีที่ผ่านมาจึงดูดวงให้ลูกกฤต ตามดวงบอกว่าเขาจะมีเพศหญิงมาอยู่ร่วมห้องด้วย โอ้โฮ…ดีใจมาก ปรากฏพอถึงเวลานั้นจริง ๆ โน่น…ลูกไปขับรถชนแมว พาไปส่งโรงพยาบาลเสร็จเกิดสงสารจึงพากลับมาอยู่บ้านด้วย นอนห้องเดียวกัน รับผิดชอบกันไปชั่วชีวิตตรงตามตำราเป๊ะ! สรุปคือได้แมวเพศหญิงมาอยู่ด้วยแทน (หัวเราะ)แต่นอกเหนือจากเรื่องนี้เราก็ไม่ห่วงอะไรแล้วนะ เพราะเขามีความรู้ความสามารถ พูดจาก็ดี รู้จักเลือกว่าอะไรควร ไม่ควร รู้ว่าหน้าที่และความรับผิดชอบคืออะไร ต่อไปก็น่าจะรับช่วงธุรกิจได้ แค่นี้แม่ก็พอใจแล้ว”

ฝ่ายลูกชายขอสรุปปิดท้าย “ความจริงผมยังไม่ได้ช่วยดูธุรกิจเต็มตัว เป็นแค่ผู้ช่วยคุณพ่อคุณแม่ บางทีเราก็มีความคิดเห็นไม่ตรงกันบ้าง ผมจะทำทางหนึ่ง คุณพ่อจะทำอีกทาง ซึ่งความจริงทุกคนล้วนหวังดีกับบริษัท แต่คุยกันไม่เข้าใจ ก็ได้มาดามนี่แหละเป็นผู้ไกล่เกลี่ยให้ทุกคนเข้ามาคุยกัน มาดามจึงเป็นเหมือนศูนย์รวมจิตใจของคนในบ้านประโยคเด็ดของท่านคือ เวลาพูดกับพ่อกับแม่ ลูกไม่ต้องมีเหตุผลมากก็ได้ ทำ ๆ ไปเถอะ (หัวเราะ)

“วันนี้ผมขอถือโอกาสบอกมาดามว่า ขอบคุณที่เลี้ยงดูผมมาอย่างดีและคอยเตือนสติทุกครั้งที่ทำผิด ทุกความรักที่คุณแม่ให้มา กฤตจะรักษาและส่งคืนความรักกลับไปให้ อย่างที่มาดามบอกว่ารักลูกสุดหัวใจกฤตก็รักคุณแม่สุดหัวใจเหมือนกัน”

 

ที่มา : คอลัมน์ LIVE STORIES นิตยสารแพรว ฉบับที่ 863 ปักษ์วันที่ 10 สิงหาคม 2558

บทความนี้ถือเป็นทรัพย์สินของเว็บไซต์แพรว ห้ามผู้ใดนำไปคัดลอก ดัดแปลง หรือทำซ้ำ อนุญาตให้แชร์บทความนี้ได้จากลิ้งค์นี้เท่านั้น

 

เที่ยวเมืองสวยที่ Tbilisi (ตอนที่ 2)

จากนั้นฉันไปชมโบสถ์คริสต์ที่ใหญ่ที่สุด สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 2002 คือ มหาวิหารซมินดา ซามีบา (Tsminda Sameba Cathedral : Holy Trinity Cathedral of Tbilisi) ตั้งอยู่บนเนินเขาขนาดย่อมชื่ออีเลีย (Elia Hill) และถือเป็นโบสถ์ออร์ทอดอกซ์ที่มีความสูงเป็นอันดับ 3 ของโลก ความใหญ่โตของโบสถ์แห่งนี้มองเห็นได้ในระยะไกล หลังคาโบสถ์เป็นโดมสีทอง ที่ตั้งของโบสถ์บนเนินสูง ทำให้สถานที่แห่งนี้เป็นอีกจุดหนึ่งที่ได้รับความนยิมในการขนึ้ มาชมวิวมุมสูงของเมือง รวมทั้งชมดวงอาทิตย์ตกในบรรยากาศแบบเมืองแห่งเทพนิยาย

อีกมุมสวยของมหาวิหารซมินดา ซามีบา
อีกมุมสวยของมหาวิหารซมินดา ซามีบา

บรรยากาศยามค่ำคืนที่นี่สวยและโรแมนติกมาก สามารถมองลงมาด้านล่างเห็นแสงสียามค่ำคืนของเมือง โดยมีเงาสะท้อนจากแม่น้ำคูรา โบสถ์แห่งนี้เข้าชมฟรี บาทหลวงแต่ละท่านยิ้มแย้มแจ่มใสเชื้อเชิญให้เข้าชมภายในด้วยความเต็มใจส่วนคนที่นิยมเดินทางด้วยรถไฟฟ้าให้ลงที่สถานีอะลาบารี (Avlabari Station) เมื่อออกจากสถานีจะมีตลาดสดตรงทางเดินขึ้นไปยังโบสถ์ แวะชมวิถีชีวิตแบบชาวบ้านที่นี่ได้

ความโดดเด่นของโบสถ์คือ ประตูทางเข้าสวยงามมาก ทางเดินที่ทอดขึ้นไปยังประตูทางเข้าเป็นขั้นบันได เมื่อเดินลงจากโบสถ์อีกด้านจะย้อนกลับเข้าเมืองอีกครั้ง โดยแวะพักผ่อนนอนเล่นที่สวนธารณะไรค์ ถือเป็นสวนสาธารณะยอดนิยมแห่งใหม่ของเมืองนี้ โดยมีวิวที่งดงามของเมืองที่เต็มไปด้วยบ้านเรือนหลังคาสีส้มตัดกับสีเขียวขจีของภูเขาโซโลลากีเป็นฉากหลัง และมีมหาวิหารทบิลิซี ไซโอนี (TbilisiSioni Cathedral) ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ ทำให้มองเห็นเงาสะท้อนในสายน้ำฉันรู้สึกว่าเมืองนี้แสนโรแมนติกมาก

จากนั้นฉันเดินข้ามสะพานที่มีความโดดเด่น ซึ่งสร้างแบบสมัยใหม่ แต่ขัดแย้งอย่างลงตัวกับความเป็นเมืองเก่า คือ สะพานพีช (Peach Bridge) สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 2010 ด้วยวัสดุที่เป็นเหล็กและแก้ว ถือเป็นสัญลักษณ์ของความทันสมัย

ส่วนคนที่หลงใหลในการสะสมสามารถหาซื้อของเก่ารวมทั้งงานศิลปะหลากหลายรูปแบบได้ที่ตลาดค้าของเก่า “Dry Bridge Market”ซึ่งชาวทบิลิซีเรียกว่า Saturday Flea Market อยู่ริมสะพานดราย (Dry Bridge) ถือเป็นตลาดค้าของเก่าที่ใหญ่ที่สุดในทบิลิซี

งานหล่อมีให้เห็น ทั่วไปในทบิลิซี
งานหล่อมีให้เห็น ทั่วไปในทบิลิซี

และอีกด้านคือสวนสาธารณะอีกแห่งที่คนเมืองนี้นิยมมานั่งพักผ่อนไม่แพ้สวนสาธารณะไรค์ จุดนี้ยังเป็นจุดจอดของบริการ Hop – on & Hop – off อีกด้วย ไม่ไกลกันคือ อาคาร Public Hallเป็นสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ มีหลังคาสีขาวทับซ้อน อยู่ริมสะพานบาราทัสวิลี (Baratashvili Bridge) สะพานแห่งนี้มีรูปหล่อมนุษย์ด้วยโลหะในท่าทางต่าง ๆ กัน

เดินชิลทั่วเมือง

ใครที่ชื่นชอบบรรยากาศชิค ๆ ต้องเดินเล่นกันที่ถนนรุสตาเวลี (Rustaveli Avenue) เป็นถนนย่านใจกลางเมืองที่ถือว่าสวยที่สุดของเมืองนี้ โดยเริ่มต้นจากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินรุสตาเวลี จะเป็นตึกเก่าแก่สวยงามมากมายตลอดสองข้างทาง จนนักท่องเที่ยวหลายคนร้องโอ้โฮออกมาด้วยความประทับใจยิ่ง ไม่ไกลกัน ฉันแวะถ่ายภาพกับจักรยานที่ใหญ่ที่สุด ในโลก และเป็นสัญญาลักษณ์ของเมืองหลวงแห่งนี้

จักรยานที่ใหญ่ที่สุดในโลกสัญลักษณ์หนึ่งของทบิลิซี
จักรยานที่ใหญ่ที่สุดในโลกสัญลักษณ์หนึ่งของทบิลิซี

จากนั้นใครที่ชื่นชอบงานศิลปะ สนใจประวัติศาสตร์ของชาวจอร์เจีย แวะชมกันได้ที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติจอร์เจีย (Georgian National Museum) ค่าเข้าชม 3 GEL เปิดบริการเวลา 10.00 น. – 18.00 น. ปิดทุกวันจันทร์และวันหยุดแห่งชาติ หรือคนที่ชอบโอเปร่าสามารถชมการขับร้องโอเปร่าและการแสดงละครกันที่โรงละครโอเปร่า (Opera House)

ฉันเดินมาอีกไม่ไกลนักก็เจออาคารสีเหลืองโดดเด่นสถาปัตยกรรมแบบแขก นั่นคือ โบสถ์แบบออร์ทอดอกซ์ชื่อ คาชเวติ (Kashveti Church of St. George) ตรงข้ามกันคืออาคารรัฐสภา (Parliament Building) เป็นอาคารสีเหลืองขนาดใหญ่มาก เป็นสถาปัตยกรรมแบบโซเวียต – จอร์เจียน (Soviet – Georgian Architecture) ความสำคัญของอาคารแห่งนี้คือ เมื่อครั้งที่ยังเป็นส่วนหนึ่งของโซเวียตได้ใช้เป็นที่ทำการของเจ้าหน้าที่จากรัสเซีย อาคารนี้ประกอบด้วยเสาคอลัมน์ขนาดใหญ่มาก 16 ต้น ซึ่งหมายถึงสหภาพโซเวียต (USSR) ในอดีต ประกอบด้วย 16 รัฐในความครอบครอง ด้านหน้าตกแต่งด้วยน้ำพุยามค่ำคืนมีการเปิดน้ำพุและแสงไฟ ทำให้ดูงดงามอย่างยิ่ง และเนื่องจากเป็นสถานที่ราชการ จึงไม่อนุญาตให้เข้าชมภายใน

ชาวจอร์เจียค่อนข้างรักความสบาย ใช้ชีวิตกันเรียบง่าย ทุกอย่างเดินช้าลง ณ เมืองหลวงแห่งนี้จึงทำให้ตลอดสองข้างทางเต็มไปด้วยผู้คนออกมานั่งชมเมืองตามเก้าอี้ที่จัดไว้ โดยนิยมมีขนมหวานชื่อเชิร์ชคีลา (Churchkhela) ซึ่งเป็นถั่วเคลือบน้ำหวานที่มาจากองุ่นตากแห้ง ฉันแทบไม่เห็นผู้คนที่นี่วิ่งกันอย่างบ้าคลั่งเพื่อไปทำงาน ส่วนใหญ่ใช้ชีวิตกันสบาย ๆ นอกจากนี้อัตลักษณ์ของชาวจอร์เจียอีกอย่าง คือชอบการทักทายและส่งยิ้มให้นักท่องเที่ยว รวมทั้งชอบขอถ่ายภาพร่วมกับนักท่องเที่ยวไว้เป็นที่ระลึกความแตกต่างของคนที่นี่เมื่อเทียบกับยุโรปคือ การแสดงออกของคู่รักไม่เปิดเผยตามแบบของยุโรป

หอนาฬิกาแห่งทบิลิซี
หอนาฬิกาแห่งทบิลิซี

ถนนสายนี้ยังเต็มไปด้วยร้านอาหาร ทั้งที่เป็นแบบจอร์เจียนแท้ อาหารญี่ปุ่น รวมทั้งผับและบาร์มากมาย จุดสิ้นสุดของถนนสายนี้คือ อนุสาวรีย์แห่งเสรีภาพ (Freedom Square) สร้างด้วยเสาสูง ด้านบนสุดมีรูปปั้นทองคำของเซนต์จอรจ์ (St. George) บริเวณนี้ถือเป็นใจกลางของการท่องเที่ยว เป็นศูนย์รวมของโรงแรมโฮสเทลราคาสบายกระเป๋า และศูนย์บริการข้อมูลท่องเที่ยว ที่ตั้งของโรงแรมห้าดาว รวมทั้งร้านค้าแบรนด์เนมดังมากมาย แต่ก็มีร้านอาหารแบบข้าวราดแกงฉบับจอร์เจียนแท้ ๆ ให้ลิ้มลองกันด้วย ราคาไม่โหดร้าย โดยราดแกง 3 อย่าง พร้อมกาแฟแค่ 50 บาท ทั้งที่ร้านอาหารอยู่ติดกับโรงแรมหรูที่สุดของที่นี่

เราปิดท้ายกันด้วยการไปสัมผัสบรรยากาศยามค่ำคืนด้วยการไปเดินเล่นที่ถนนโคติ แอบคาซี (Kote Abkhazi Street) เชื่อมระหว่างอนุสาวรีย์เสรีภาพกับย่านจัตุรัสโมดานี (Moedani Square) สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านอาหาร ผับ บาร์ และคาเฟ่ รวมทั้งร้านอาหารแบบจอร์เจียนแท้ราคาถูกมาก รวมทั้งร้านขายของที่ระลึกมากมายในราคาที่ต่อรองได้นอกจากนี้ย่านจัตุรัสโมดานียังรายล้อมด้วยร้านอาหารในบรรยากาศที่หลากหลาย และมีจุดให้ถ่ายภาพมากมาย

บรรยากาศยามโพล้เพล้ของจัตุรัสแห่งเสรีภาพ
บรรยากาศยามโพล้เพล้ของจัตุรัสแห่งเสรีภาพ

ความโดดเด่นอีกอย่างของจอร์เจีย คือ ไวน์ มีร้านให้เข้าไปลองชิมมากมาย ไวน์ส่วนใหญ่ผลิตจากไร่ทางด้านใต้ติดกับประเทศอาร์เซอไบจาน มีทัวร์ให้บริการในลักษณะพาไปชิม (Wine Tasting)รวมทั้งชมไร่องุ่นในรูปแบบ One Day Tour ชาวจอร์เจียนิยมทำไวน์ไว้ดื่มเองที่บ้าน (Local Wine) โดยไวน์เหล่านี้ใส่ไว้ในแกลลอน รสชาติดี ราคาไม่แพง ส่วนอาหารแบบจอร์เจียนแท้ ๆ เป็นหมูทอดเกลือที่เสิร์ฟ มาพร้อมกับเมล็ดธัญพืชที่ต้มจนเละคล้ายโจ๊ก และมีชีสแถมมาด้วยหนึ่งชิ้นอร่อยมาก

นอกจากนี้ ใครที่ชอบทะเลสามารถเดินทางไปชมทะเลปิดที่มีชายแดนร่วมกันหลายประเทศ คือ ทะเลดำ ตั้งอยู่ที่เมืองบาทุมี (Batumi)โดยนั่งรถตู้ ค่าโดยสาร 20 GEL ใช้เวลา 6 ชั่วโมง ไว้โอกาสหน้าเถอะ ฉันจะไปที่นั่นแน่นอน

NOTE

สายการบินที่บินตรงไปยังประเทศจอร์เจียยังไม่มีบริการ แต่สามารถใช้สายการบินของประเทศรัสเซีย คือแอร์โรฟลอตแอร์ไลน์ส www.areroflotairlines.com หรือสายการบินจากตุรกี www.thurkishairways.com ราคาอยู่ในระดับสองหมื่นต้นๆและมีโปรโมชั่นราคาค่อนข้างบ่อย

สกุลเงินคือ GEL หรือ LARIแต่ส่วนใหญ่ชาวจอร์เจียมักเรียกว่า GEL เพื่อไม่ให้สับสนกับสกุลเงินของตุรกีคือ LIRA อัตราแลกเปลี่ยน 15 บาท : 1 GEL การแลกเงินมีอัตราที่เท่ากัน ทั้งในสนามบินและในเมือง และไม่มีค่าคอมมิชชั่น

ใครที่อยากสะดวกและมีเวลาน้อยแนะนำให้เลือกบริการ Hop – on & Hop – off มีให้เลือกทั้งแบบ one dayหรือแบบ 2 day ตรวจสอบราคาได้ที่ http://www.city-sightseeing.com/tours/georgia/tbilisi.htm

จากสนามบินเข้าเมือง ใช้บริการแท็กซี่ในราคา 20 – 30 GEL ส่วนใครอยากประหยัดใช้บริการรถเมล์สาย 37 ในราคา 0.50 GEL

การเดินทางในเมืองทบิลิซี วิธีที่สะดวกที่สุดคือ รถไฟฟ้าใต้ดิน ซึ่งมี 2 สาย และผ่านสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญทั้งหมด ค่าโดยสารเที่ยวละ0.50 GEL แต่ต้องซื้อบัตรโดยสารแบบรายเดือน ค่าประกันบัตร 2.00GEL สามารถเลือกเติมเงินในบัตรตามที่ต้องการ เมื่อเลิกใช้ก็คืนบัตรและรับเงินค่าประกันคืน รถเมล์สีเหลืองมีหลายสาย ค่าบริการ 0.50GEL จ่ายด้วยบัตรหรือจ่ายด้วยเงินสดกับพนักงานขับรถ

นักท่องเที่ยวที่เป็นผู้หญิงอาจโดนตื๊อจนรำคาญ ส่วนการเดินทางออกนอกเมืองด้วยรถไฟแบบธรรมดาค่อนข้างอันตราย เนื่องจากชาวจอร์เจียในชนบทยังคงกดขี่ทางเพศจึงเข้ามาลวนลามนักท่องเที่ยวที่เป็นเพศหญิง

การเดินทางไปยังทะเลดำและเมืองอื่นทางตะวันตกและทางเหนือของจอร์เจียสามารถขึ้นรถตู้ได้ที่สถานีดิดูด(Didude Station)

การเดินทางข้ามไปยังประเทศอาร์เมเนียสามารถไปขึ้นรถตู้ได้ที่สถานีโอตาชาลา (Ortachala) ค่าโดยสาร 30 GEL (ประเทศอาร์เมเนียขอวีซ่าแบบ arrival โดยเสียค่าวีซ่า 20 GEL)

 

เรื่องและภาพ : Black Beauty

ที่มา : คอลัมน์สารคดีท่องเที่ยว นิตยสารแพรว ฉบับที่ 862 ปักษ์วันที่ 25 กรกฎาคม 2558

บทความนี้ถือเป็นทรัพย์สินของเว็บไซต์แพรว ห้ามผู้ใดนำไปคัดลอก ดัดแปลง หรือทำซ้ำ อนุญาตให้แชร์บทความนี้ได้จากลิ้งค์นี้เท่านั้น

แม่ลูกคู่ซี้ ศักดิ์ทิพ & รัศมี ปันยารชุน

2

หนุ่ม Perfectionist

หากใครเป็นแฟนละครช่อง 3 คงคุ้นหน้าคุ้นตานักแสดงหน้าใหม่คนนี้มาบ้าง แต่ตอนนี้เจ้าตัวบอกว่าขอพักงานหน้ากล้องชั่วคราว

“ตอนนี้ผมเรียนปริญญาโทด้าน MBA ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ก่อนหน้านั้นผมเรียนอยู่ที่อังกฤษตั้งแต่อายุ 12 จนจบปริญญาตรีด้านบริหารธุรกิจ ช่วงที่กลับมาเมืองไทยทำงานช่วยธุรกิจของครอบครัวเกี่ยวกับเรือสำราญประมาณ 1 ปี และผมมีโอกาสได้เล่นละครด้วย

“บังเอิญวันนั้นผมไปเล่นเทนนิสที่สปอร์ตคลับ มีพี่คนหนึ่งถามว่าสนใจอยากลองเล่นละครไหม ผมเคยผ่านงานถ่ายแบบมาบ้าง คิดว่าคงพอทำได้จึงไปลองดู ซึ่งตอนแรกผมคิดว่าจะง่ายกว่านี้นะ (หัวเราะ)คือคิดจากประสบการณ์ช่วงไฮสกูลที่เคยเรียนละครเวทีมาบ้าง แต่พอแสดงจริง ๆ ยากครับ ความที่เราเป็นมือใหม่ เวลาเข้าฉากกับนักแสดงคนอื่นๆ จะรู้สึกเกร็ง ช่วงแรกโดนติเรื่องการพูดไม่ค่อยชัด คุณแม่ต้องคอยเป็นคอมเม้นเตเตอร์ส่วนตัวให้”

คุณแม่คอมเม้นเตเตอร์ให้ความเห็น “เห็นเขาในทีวีครั้งแรกก็ตื่นเต้นนะคะ ก็มีทั้งติบ้าง ชมบ้าง บอกเขาว่าตรงนี้ยังเล่นไม่ค่อยดีหรือซีนนี้ลูกต้องแสดงอารมณ์กว่านี้อีกนะ” (หัวเราะ)

แชมป์ยิ้มเขิน “ยอมรับว่าต้องฝึกค่อนข้างเยอะครับสำหรับเรื่องแรกแต่พอเรื่องที่สองสามก็โอเคขึ้น อย่างเรื่อง ทางเดินแห่งรัก คาแร็คเตอร์ค่อนข้างตรงกับตัวเอง คือเป็นเด็กนักเรียนนอกกลับมาทำงานด้านการตลาด ทำอะไรต้องเป๊ะ เป็นเพอร์เฟ็คชั่นนิสต์เหมือนผม ที่ไม่ว่าจะทำอะไรต้องให้ดีที่สุดเสมอ อย่างตอนเรียนผมก็ค่อนข้างเครียดมาก เพราะกลัวคะแนนจะออกมาไม่ดี ไม่เป็นตามที่หวัง”

คุณแม่ช่วยเสริม “แม่ไม่อยากให้เขาเครียดเกินไป จะบอกว่าให้ทำให้ดีที่สุดก็พอ นิสัยตั้งใจของแชมป์อาจเพราะแม่ค่อนข้างเข้มงวดกับเขามากกว่าน้อง (แช้ป) เพราะเขาเป็นพี่คนโต ซึ่งเขาก็ไม่เคยทำให้แม่ผิดหวัง จบปริญญาตรีได้เกียรตินิยมอันดับ 2 และถ้าจะทำอะไรสักอย่างเขาก็สามารถทำได้หมด แม่กับแชมป์ก็สนิทกันมากด้วย คุยกันได้ทุกเรื่อง สอนเขาทุกอย่าง ทั้งเรื่องการใช้ชีวิต เข้าสังคมพูดกับผู้ใหญ่ควรทำตัวอย่างไร เวลาดูหนังหรือละครก็จะสอนเขาไปด้วย”

แม่ลูกนักกิจกรรม

ดูจะเป็นคู่แม่ลูกที่สนิทกันมาก..กจริง ๆ เพราะสามารถควงคู่ไปด้วยกันทุกที่ไม่ว่าจะไปเที่ยว ช็อปปิ้ง หรือเล่นกีฬา

คุณแม่ขอย้อนความให้ฟัง “เด็ก ๆแชมป์ซนมาก ไม่เคยอยู่นิ่งเลย แม่ต้องคอยวิ่งตามตลอด แต่พอโตมาเขาก็เปลี่ยนเอง เวลาญาติ ๆ มาเจอเขาตอนโตก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่เหมือนตอนเด็กเลยเรียบร้อยขึ้นมาก แต่อย่างหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนคือ แชมป์เป็นเด็กกิจกรรม ชอบเล่นกีฬามาก”

แชมป์คอนเฟิร์ม “ใช่ครับ ผมเล่นกีฬามาตลอด ทั้งฟุตบอล ว่ายน้ำ และอย่างที่บอกว่าถ้าทำอะไรแล้วต้องทำให้สุดจากตอนแรกที่ว่ายน้ำได้ที่สุดท้ายก็พยายามฝึกจนได้ที่ 1 แต่ตอนนี้ชอบเทนนิส เริ่มเล่นตั้งแต่อายุ 11 ขวบ เพื่อน ๆ ในหมู่บ้านชวนไปเล่น ความที่เล่นไม่เป็นจึงไม่ค่อยมีใครส่งลูกให้ และเล่นแพ้เขาตลอด พอกลับบ้านผมไปบอกคุณแม่ ท่านจึงพาไปเล่นที่อื่น ซ้อมกันสองคนทุกวันจนฝีมือโอเคและไปลงแข่งขันได้เลยครับ”

คุณแม่ช่วยยืนยันอีกเสียง “เขาเล่นแบบเอาจริงเอาจังมาก ไปแข่งขันได้ถ้วยกลับมาแทบทุกรายการ ทำให้ทุกวันนี้เทนนิสเป็นกีฬาโปรดที่เราแม่ลูกเล่นเป็นประจำ แต่จริง ๆ แล้วลูกเล่นอะไร แม่ก็เล่นด้วยทุกอย่างนะ ทั้งว่ายน้ำ ต่อมวย สเกตน้ำแข็ง บางอย่างเล่นไม่เป็นก็อาศัยฝึกไปพร้อม ๆ กับลูก ครั้งหนึ่งแชมป์อยากปีนเขาแล้วชวนแม่ไปด้วย สรุปว่าวันนั้นแม่ปีนถึงก่อนเขาอีก เอาเป็นว่าลูกอยากทำอะไรขอให้บอก แม่ไปด้วยได้ทุกที่” (หัวเราะ)

แชมป์มีเรื่องเล่าเสริม “เราชอบดูหนังกันครับ ส่วนมากจะไปพร้อมกันทั้งครอบครัว วันหนึ่งน้องไม่ว่าง ผมกับคุณแม่จึงไปกันสองคนดูเรื่อง รักจัง ซึ่งมองไปทางไหนในโรงก็มีแต่คู่รัก แต่ผมไปกับแม่”(หัวเราะ)

1

คุณแม่หวง…คุณลูกห่วง

เพราะความใกล้ชิดและสนิทสนมกันมาก จึงทำให้ทั้งคุณแม่และคุณลูกมีเรื่องให้ต้องหวงและห่วงกันเป็นธรรมดา

คุณแม่เริ่มห่วงก่อน “เขาเรียนเมืองนอกตั้งแต่เด็ก กลับมาบ้านเฉพาะช่วงปิดเทอม หรือบางทีแม่ก็บินไปหาบ้าง แต่ถ้าช่วงที่เขาเรียนแรก ๆ แม่จะไปอยู่กับเขานานหน่อย ไปช่วยเก็บกวาดบ้าน ทำอาหารให้แต่พอกลับมาเมืองไทยก็อดเหงาไม่ได้ เริ่มซึม คิดถึงลูก โทร.ไปบางครั้งเขาติดเรียน แม่ก็ส่งข้อความไปว่าคิดถึงนะ รักลูกนะ โทร.หาแม่หน่อย”

แชมป์ยิ้มอาย ๆ “แต่ผมไม่ค่อยกล้าตอบอะไรหวาน ๆ กลับไปครับเพราะเขิน (ยิ้มเขินจริงจัง) ถ้าถามว่าผมติดคุณแม่ไหม ก็คิดว่าติดนะครับเพราะไปด้วยกันทุกที่ตลอด ซึ่งถ้าเลือกระหว่างไปเที่ยวกับเพื่อนหรือไปกับแม่ ผมก็เลือกคุณแม่ จะได้คอยเป็นบอดี้การ์ดให้ท่านด้วย คอยมองซ้ายมองขวามองหน้ามองหลัง (หัวเราะ) กลัวใครจะมาทำอะไรแม่เรา

“เวลามีอะไรผมจะเล่าให้คุณแม่ฟังทุกเรื่อง ทั้งเรื่องงาน ความรักจำได้ว่าผมเคยชอบผู้หญิงคนหนึ่ง แอบซื้อของไปให้เขา ซึ่งพอคุณแม่เห็นคงจะรู้ว่าเราชอบ จึงช่วยแนะนำวิธีจีบสาวให้ด้วย”

คุณแม่หัวเราะก่อนแซวลูกชาย “แม่สอนเขาว่าคุยกับผู้หญิงต้องพูดจาอย่างไร หรือผู้หญิงชอบของแบบไหน หรือต้องพูดแบบไหนเพื่อดูใจอีกฝ่าย และไม่ว่าแชมป์จะจีบใครอยู่ แม่รู้หมด เรียกว่าไม่มีสาวคนไหนที่แม่ไม่รู้จัก ถ้าถามว่าหวงลูกชายไหม ตอบเลยว่ามากค่ะ(หัวเราะ) และที่ห่วงเขามากสุดก็เรื่องผู้หญิงนี่แหละ

“ก็แม่ดูแลเขามาตลอด แม้กระทั่งเรื่องเล็ก ๆ อย่างลูกชอบกินปลาทอดก็คอยเลาะก้างออกให้ กินก๋วยเตี๋ยว แม่ก็ปรุงให้นะ เพราะอยากให้ลูกได้กินอร่อย ๆ ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังทำให้ ฉะนั้นคนที่จะมาเป็นแฟนลูกก็ต้องดูแลเขาให้ได้เหมือนแม่ บางคนที่แชมป์พามาเจอโดนแม่สกัดตั้งแต่ด่านแรกก็มีนะ เพราะแม่ค่อนข้างตรง ถ้าคนไหนโอเคจะบอกเลยว่าแม่ชอบ แม่รักคนนี้ คือสาวคนไหนจะได้ใจลูกต้องผ่านด่านแม่ก่อน”

แชมป์พยักหน้าเชิงเห็นด้วย “จริง ๆ ผมว่าถ้าดูแลเราได้ครึ่งหนึ่งของคุณแม่ก็โอเคแล้วครับ เพราะคุณแม่ช่วยดูแลผมในทุกเรื่องจริง ๆส่วนสเป็คผมชอบผู้หญิงผมยาวและขาสวย แต่หลัก ๆ คงต้องดูที่นิสัยถ้าเลือกได้ ขอให้เป็นเหมือนคุณแม่ครับ”

 

ที่มา : คอลัมน์ LIVE STORIES นิตยสารแพรว ฉบับที่ 863 ปักษ์วันที่ 10 สิงหาคม 2558

บทความนี้ถือเป็นทรัพย์สินของเว็บไซต์แพรว ห้ามผู้ใดนำไปคัดลอก ดัดแปลง หรือทำซ้ำ อนุญาตให้แชร์บทความนี้ได้จากลิ้งค์นี้เท่านั้น

เที่ยวเมืองสวยที่ Tbilisi (ตอนที่ 1)

1

แม้จอร์เจียเคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต แต่ความจริงแล้วประเทศนี้มีประวัติศาสตร์ของตัวเองมายาวนานและน่าสนใจยิ่ง ทำให้ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวรัสเซียและยุโรปมาก นอกจากนี้ จอร์เจียยังสมบูรณ์พร้อมด้วยความงดงามทางธรรมชาติทั้งภูเขาและทะเลปิด คือ ทะเลดำ และความโดดเด่นทางศิลปวัฒนธรรมมายาวนานนับพันปี เทือกเขาคอเคซัสที่ทอดตัวผ่านเป็นระยะทางหลายกิโลเมตร เป็นสถานที่ยอดนิยมของนักปีนเขาจากทั่วโลก

คนไทยสามารถไปท่องเที่ยวประเทศนี้ได้โดยไม่ต้องใช้วีซ่า และพำนักได้นานถึง 90 วันนอกจากนี้ถ้าใครมีเวลาค่อนข้างมากก็สามารถเดินทางด้วยรถตู้ข้ามไปยังประเทศอาร์เมเนียได้ด้วย

ทบิลิซี เมืองสวยจนต้องบอกต่อ

 

 ทบิลิซีในมุมสูง
ทบิลิซีในมุมสูง

ทันทีที่ฉันขึ้นรถไฟจากสนามบินก็พบกับภาพที่ประทับใจยิ่ง เพราะสองข้างทางเต็มไปด้วยทุ่งซากุระสีขาวและชมพูกว้างไกลสุดสายตา รายรอบด้วยบ้านในแบบชนบท เมื่อก้าวพ้นจากรถไฟใต้ดินก็ได้พบกับบ้านเมืองที่สวยงามเหมือนดังเมืองในเทพนิยาย ด้วยตึกเก่าแก่ที่มีสถาปัตยกรรมอันวิจิตร

จอร์เจียในเดือนเมษายนเป็นต้นฤดูใบไม้ผลิ ทำให้สองข้างทางเริ่มมีดอกทิวลิปผลิบานหลากสี สวยจนคิดว่าตัวเองกำลังเดินอยู่ในยุโรปนอกจากนี้ยังมีดอกซากุระเล็กจิ๋วบานโผล่แซมโบสถ์ออร์ทอดอกซ์ สวยจนเหมือนเป็นสัญลักษณ์ของเมืองนี้

ฉันเริ่มออกท่องเมืองด้วยสถานที่สำคัญที่ไม่ควรพลาดคือ การชมย่านเมืองเก่า (Old Tbilisi) ซึ่งเป็นย่านเก่าแก่มาก ยังคงมีประชาชนอาศัยอยู่และรักษาไว้อย่างดียิ่ง ความโดดเด่นคือ ระเบียงบ้านสร้างด้วยไม้เก่า ๆ ยื่นออกมาจากตัวบ้านในรูปแบบคล้ายกันกับศิลปะจากโปรตุเกส

ย่างก้าวในเมืองเก่า
ย่างก้าวในเมืองเก่า

จากเมืองเก่ามีทางเดินเป็นขั้นบันไดเล็ก ๆ ทอดขึ้นสู่เนินสูงชันของเนินเขาโซโลลากี (Sololaki Hill) ด้านบนเป็นที่ตั้งของ Mother of Georgia หรือเรียกอีกชื่อว่า Kartvlis Deda เป็นรูปปั้นผู้หญิงสีขาวหล่อด้วยอะลูมิเนียม ถือเป็นสัญลักษณ์ของเมืองทบิลิซี สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองชนชาติครบ 1,500 ปี สูงถึง 20 เมตร เมื่อมองจากทางใดก็เห็นอนุสาวรีย์นี้เสมอ ตลอดทางขั้นบันไดที่สูงชันและไต่ไปตามลาดไหล่เขาจะเห็นดอกซากุระสีขาวและสีชมพูที่กำลังบาน โดยมีฉากหลังคือ โบสถ์เบเทลมี (Betelmi Church)

บรรยากาศแบบนี้แปลกตามาก เพราะส่วนใหญ่คนไทยคุ้นเคยกับซากุระที่ญี่ปุ่น แต่ไม่น่าเชื่อว่าจอร์เจียจะมีซากุระจำนวนมาก โบสถ์คาทอลิกเหล่านี้ล้วนเปิดให้เข้าชมฟรี ส่วนด้านบนเนินสูงจะสามารถมองเห็นเมืองทบิลิซีกว้างไกลสุดสายตา มีโดมของโบสถ์คาทอลิกโผล่ขึ้นมาอวดความงดงาม

นอกจากนี้ยังมองเห็นสายน้ำอันคดเคี้ยวของแม่น้ำมิตควารี (Mtkvari River) แต่ชาวทบิลิซีนิยมเรียกว่าแม่น้ำคูรา (Kura River) ที่ทอดผ่าน โดยสายน้ำแห่งนี้มีจุดเริ่มต้นจากการละลายของหิมะจากเทือกเขาคอเคซัส ส่วนด้านหลังคือ สวนพฤกษศาสตร์แห่งเมืองทบิลิซี (Tbilisi Botanical Garden) มีพันธุ์พืชมากถึง 4,500 สายพันธุ์ และมีพื้นที่กว้างใหญ่มาก ครอบคลุม พื้นที่ภูเขาโซโลลากีเกือบหมด น่าเสียดายที่เป็นช่วงต้นฤดูกาล จึงยังไม่มีดอกไม้ชนิดใดโผล่มาอวดความงามนอกจากดอกป๊อปปี้สีแดงที่ตัดกับผืนหญ้าเขียวขจี สวนแห่งนี้จะเต็มไปด้วยมวลดอกไม้ในเดือนมิถุนายน – กรกฎาคม ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นของที่นี่

ป้อมนาริกาลา
ป้อมนาริกาลา

ส่วนการเดินลงจากเนินเขา มีทางเดินไต่ลงมาอีกด้านหนึ่ง ใครที่รักความสบายก็เลือกใช้บริการเคเบิลคาร์ได้ ชื่อสถานีแอร์เรียล เคเบิลคาร์ (Areal Cable Car) ตั้งอยู่ติดกับป้อมนาริกาลา (Nariqala Fortress)โดยเชื่อมกับสวนสาธารณะไรค์ (Rike Park) ในราคาค่าบริการที่ถือว่าถูกมากคือ 1 GEL ถือเป็นการชมเมืองทบิลิซีในมุมสูงและกว้างไกลสุดตา

ส่วนฉันเลือกเดินลงโดยแวะที่โบสถ์เบเทลมี ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมืองนี้เช่นกัน ด้านหน้าโบสถ์ที่นี่มักมีขอทานและแม่ชีคอยมาเชื้อเชิญให้เข้าไปชมด้านใน การเข้าชมไม่เสียเงิน แต่โดยมารยาทควรมอบเศษเหรียญให้ขอทานที่นั่งรออยู่ ทางเดินลงอีกด้านจะเลียบกับกำแพงนาริกาลา เป็นกำแพงเมืองเก่าแก่ โดยแนวกำแพงเริ่มจากโรงอาบน้ำอะบาโนตูบานี (Abanotubani) ทอดตัวยาวพาดผ่านสวนพฤกษศาสตร์แห่งเมืองทบิลิซี ไปสิ้นสุดที่โบสถ์เซนต์นิโคลัส (St. Nicholas Church) ที่สร้างขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 12 และมีการปรับปรุงเมื่อปี 1996

แวบเข้าโรงอาบน้ำโบราณ

เมื่อสิ้นสุดทางลงจะพบกับมัสยิดนิกายสุหนี่ สร้างแบบเปอร์เซียเพียงแห่งเดียวของเมืองนี้ เพราะประชากรส่วนใหญ่ของประเทศจอร์เจียนับถือศาสนาคริสต์ มัสยิดแห่งนี้สร้างในสมัยที่มีการค้าขายผ่านเส้นทางสายไหมในอดีตเมื่อหลายร้อยปีก่อน และเมืองทบิลิซีถือเป็นจุดแวะพักที่สำคัญของกองคาราวาน ไม่ไกลกันคือโรงอาบน้ำอะบาโนตูบานี แต่บางครั้งชาวทบิลิซีก็เรียกว่า โรงอาบน้ำซัลเฟอร์ (Sulfur Bath) ฝังตัวอยู่ในพื้นดินและโผล่ออกมาเป็นลักษณะโดมพ้นขึ้นมาจากพื้น และมีหลายห้อง

ด้านนอกของโรงอาบน้ำซัลเฟอร์
ด้านนอกของโรงอาบน้ำซัลเฟอร์

โรงอาบน้ำแห่งนี้มีอายุเก่าแก่มาก ประกอบด้วยโรงอาบน้ำหมายเลข 5 (Bathhouse #5) ถือว่าเป็นโรงอาบน้ำเก่าแก่ที่สุด ติดกันคือโรงอาบน้ำของราชวงศ์ (Royal Bath : Bathhouse #4) ที่เคยใช้เป็นโรงอาบน้ำของกษัตริย์ในอดีต

โรงอาบน้ำอะบาโนตูบานีถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญแม้แต่บุคคลสำคัญระดับโลกยังเดินทางมาเพื่อสัมผัสกับบรรยากาศการอาบน้ำแบบเมื่อหลายร้อยปีก่อน รวมทั้งศิลปินระดับโลกชาวรัสเซียอย่างพุชกิน (Pushkin) ยังจารึกชื่อท่านไว้ที่นี่ มีบริการนำชมภายใน หรือใครจะลองอาบน้ำแบบในอดีตใช้บริการได้ในราคา Public Pool: 2 GEL, Private Pool: 10 – 80 GEL ต่อชั่วโมง, Massage:5 – 20 GEL โดยต้องเตรียมผ้าเช็ดตัวมาเอง

ด้านหน้าของโรงอาบน้ำตกแต่งเป็นสวนสาธารณะเต็มไปด้วยดอกไม้หลากสี และดอกแมกโนเลียสีชมพูสดใส มีทางเดินเล็ก ๆ เชื่อมกับประตูทางเข้าของสวนพฤกษศาสตร์แห่งเมืองทบิลิซี (ค่าเข้าชม 3 GEL)ด้านหน้ามีน้ำตกขนาดกลางสร้างความแปลกใจแก่ฉันมาก เพราะไม่เคยเจอเมืองหลวงของประเทศใดมีน้ำตกอยู่กลางใจเมือง แต่มีสิ่งที่น่ารำคาญคือ มีกลุ่มยิปซีคอยขอเงินตลอดเวลา โดยเฉพาะกลุ่มเด็กวัย 5 – 10 ขวบกลุ่มนี้จะคุกคามนักท่องเที่ยว ถ้าไม่ให้จะเข้ามากอดรัด บางคนอาจจะทุบตีนักท่องเที่ยว โดยใช้ความเป็นเด็กหญิง ซึ่งนักท่องเที่ยวบางคนไม่กล้าไล่หรือทำอะไรที่รุนแรง

บรรยากาศโดยรอบเป็นหลืบหินก้อนโต สายน้ำตกนี้ไหลลงมาจากภูเขาด้านบน ซึ่งเป็นที่ตั้งของสวนพฤกษศาสตร์ฉันออกจากน้ำตก เดินข้ามสะพานเมเตกิ (Metekhi Bridge) สะพานนี้เก่าแก่ที่สุดของเมืองนี้ สร้างตั้งแต่ปี ค.ศ.1821โดยเชื่อมเมืองทบิลิซีทั้งสองฝั่ง

โบสถ์เมเตกิ
โบสถ์เมเตกิ

อีกด้านของเมืองคือที่ตั้งของโบสถ์เมเตกิ (Metekhi Church) โบสถ์นี้ปรากฏเป็นภาพในโปสต์การ์ดมากที่สุดเพราะมีจุดเด่นคือ ตั้งอยู่ตรงส่วนของหน้าผาเหนือแม่น้ำคูราและไม่ว่ามองจากทางใดจะเห็นโบสถ์แห่งนี้เสมอ ในบริเวณเดียวกันยังเป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์กษัตริย์วัคตังจอร์กาซาลี (Statue of King Vakhtang Gorgasali) อดีตกษัตริย์ของจอร์เจีย

เรื่องและภาพ : Black Beauty

ที่มา : คอลัมน์สารคดีท่องเที่ยว นิตยสารแพรว ฉบับที่ 862 ปักษ์วันที่ 25 กรกฎาคม 2558

บทความนี้ถือเป็นทรัพย์สินของเว็บไซต์แพรว ห้ามผู้ใดนำไปคัดลอก ดัดแปลง หรือทำซ้ำ อนุญาตให้แชร์บทความนี้ได้จากลิ้งค์นี้เท่านั้น

ไขความลับสู่ความสำเร็จฉบับ ตือ-สมบัษร นักคิดสมองเพชรแห่งวงการอีเว้นต์ไทย

ไขความลับสู่ความสำเร็จฉบับ ตือ-สมบัษร นักคิดสมองเพชรแห่งวงการอีเว้นต์ไทย

เป็นที่ทราบกันดีกว่าในวงการแฟชั่นการโฆษณาของไทย สิ่งหนึ่งที่จะขาดไม่ได้เลยนั่นก็คือการทำการตลาดโปรโมทสินค้า หรือแบรนด์ด้วยวิธีการจัดอีเว้นต์ ซึ่งทุกวันนี้แม้จะมีบริษัทมากมายให้บรรดาเจ้าของแบรนด์ได้เลือกใช้บริการ แต่ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเจ้าแม่ใหญ่แห่งวงการอีเว้นต์ที่ทุกคนต่างยอมรับมากที่สุดในเวลานี้ก็คือ คุณตือ สมบัษร ถิระสาโรช เขามีวิธีคิด วิธีทำงานของเขาคนนี้เป็นอย่างไร วันนี้แพรวดอทคอมได้รวบรวมมาจากบทสัมภาษณ์ในนิตยสารแพรว (ฉบับ863 : 10 สิงหาคม 2558)มาให้อ่านกัน
ตือ-สมบัษร
ในช่วงเริ่มต้นของการเปิดบริษัทตือ จำกัด เมื่อปี 2540 เขาทำงานคนเดียวทุกหน้าที่ ตั้งแต่คุยกับลูกค้า วางแผนกับทีมผลิต ตกลงราคา ติดต่อสถานที่ จนกระทั่งเคลียร์งานให้จบ โดยวิธีคิดของเขา นอกจากต้องคอยหาข้อมูลเพื่อก้าวให้ทันกับรสนิยมของคนแล้ว เขาจะใส่เรื่องของไลฟ์สไตล์ความร่วมสมัย และสิ่งที่เหนือความคาดหมายลงไปในงานทุกครั้ง

ด้วยวัยที่ล่วงเลยมาถึงอายุหลัก 50 ของเขา ทุกวันนี้ตือยังศึกษาหาความรู้ให้ตัวเองอยู่ตลอดเวลา โดยเขาจะใช้เวลาไปกับการอ่านหนังสือ และแลกเปลี่ยนความรู้กับเพื่อนที่อายุน้อยกว่า หรือคนที่มีอาชีพที่แตกต่างกันไปทั้งคนขับรถแท็กซี่ เด็กเสิร์ฟ แม่ค้า รวมทั้งพนักงานขายของในห้างด้วย เพราะเขาเชื่อว่าจะเป็นการเพิ่มพูนความรู้ใหม่ๆ ให้เขา อีกทั้งสิ่งนี้จะทำให้ตัวเองสามารถปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยที่เปลี่ยนไปได้ ไม่ใช่แค่ทำเพื่อการเอาตัวรอด แต่ทำให้รู้ว่าจริงๆแล้วตัวตนเราเหมาะกับอะไร

ตือ-สมบัษร

ในช่วงที่เศรษฐกิจซบเซา การจัดอีเว้นต์จึงไม่มีมากนัก แต่ในฐานะที่เขาเป็นหัวเรือใหญ่ของบริษัท จึงมีการวางแผนการบริหารเงินได้เป็นอย่างดี โดยการสำรองเงินเผื่อไว้ยามฉุกเฉินมา 5-6 ปีแล้ว พอช่วงที่สถานการณ์ของประเทศไม่สู้ดีนัก จึงสามารถนำเงินส่วนนี้มาเลี้ยงพนักงานได้ 2 ปีแบบสบายๆ ทั้งที่ยังไม่มีงานเข้ามาให้ทำ และไม่ต้องให้พนักงานลาออก

อีกทั้งการบริหารคนในแบบตือ สมบัษร เขาจะให้ความสำคัญกับพนักงานทุกกคน เมื่อทำงานหนักก็ต้องได้ค่าตอบแทนที่คุ้มค่า ซึ่งไม่นานนี้ก็จัดทริปพาทุกคนไปเที่ยวฝรั่งเศส ตั้งแต่ผู้จัดการ โปรดิวเซอร์ ไปจนถึงแม่บ้าน โดยทุกคนที่ทำงานจะต้องให้ความเคารพนับถือกันและกัน หัวหน้าแผนกบัญชีก็ต้องไหว้แม่บ้านที่อายุมากกว่า

ตือ-สมบัษร

ในส่วนการทำงานกับลูกน้อง เขาเล่าว่าไม่เคยถามลูกน้องเลยว่างานวันนี้ได้เงินเท่าไหร่ อย่างมากจะถามว่าเหลือกำไรหรือเปล่า พอทราบตัวเลขก็จบ แล้วเริ่มทำงานใหม่ต่อ บางงานขาดทุนเพราะออกเงินเพิ่มเองก็มี แต่ก็ทำเพราะไม่อยากทำงานแบบส่งๆ เพราะลูกค้าอาจไม่ได้มองว่าที่ผ่านมาเราจัดงานดีแค่ไหน เขาดูเฉพาะงานวันนี้ ดังนั้นทุกงานจะต้องดีหมด เพื่อช่วยต่ออนาคตให้กับครั้งต่อไปได้

อาจไม่มีทฤษฎีหรือหลักการอะไรที่ชัดเจนนักสำหรับการทำงานให้ประสบความสำเร็จในแบบเขา เพราะทุกสิ่งที่เล่ามาล้วนเกิดจากวิธีคิด และลงมือทำ จากความชอบแปรเปลี่ยนเป็นความใส่ใจในรายละเอียด จุดนี้ล่ะมั้งที่ทำให้ชื่อของนักจัดอีเว้นต์ชื่อดังคนนี้ยังคงเป็นที่หนึ่งที่หลายคนอยากทำและอยากเป็นให้ได้แบบเขา

เรียบเรียง : แพรวดอทคอม
ที่มา : คอลัมน์สัมภาษณ์ นิตยสารแพรว ฉบับ 863 วันที่ 10 สิงหาคม 2558

Twitter : sriploi17

 

ติดตามอัพเดตเรื่องราวต่างๆจากนิตยสารแพรวให้สนุกยิ่งขึ้นได้ที่

www.facebook.com/praewmagazine

Instagram : @praewmag

และติดตามอ่าน แพรว E-Magazine ได้แล้ววันนี้เพียงดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น

  • Praew E-magazine
  • NaiinPann
  • Ookbee

ฟลาย-แอพส์-บ็อกซ์! เทรนด์ฟิตๆ ของเหล่าดารา

เริ่มที่ ‘โยคะฟลาย (Yoga Fly)’ ที่ฮิตติดกระแสมาได้สักพักแล้ว เป็นการออกกำลังกายที่ผสมทั้งโยคะ พีลาทิส การเต้น Calisthenics และ Aerial Art โดยมีอุปกรณ์เพียงอย่างเดียวคือผ้า Hammock ที่รองรับน้ำหนักตัวได้ถึง 1,000 กิโลกรัม ซึ่งช่วยในเรื่องของการเผาผลาญไขมันส่วนเกิน ยืดกระดูกสันหลัง กระชับกล้ามเนื้อ และพัฒนาระบบประสาท หากเล่นไปนานๆ ยังช่วยสร้างความอ่อนเยาว์ให้แก่ผิวพรรณอีกนะจ๊ะขอบอก (ถึงว่าสิ ดาราที่เล่นโยคะฟลายนอกจากหุ่นเป๊ะแล้ว หน้ายังเด็กอีกต่างหาก) ไหนดูซิว่า เมื่อเหล่าดาราสาวๆ เขาอยู่บนผ้า ลีลาของพวกนางจะเฉิดฉายโดดเด่นขนาดไหน

1เริ่มกันด้วยสาวเจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ คงไม่ต้องบอกว่าลีลานางนั้นแซ่บเหลือรับประทานจริงๆ

2ต่อด้วยสาวนุ่น วรนุช ขานี้เขาเล่นจนได้หุ่นที่ทั้งเซี๊ยะ และหน้าก็ยังเด็กล๊งเด็กลงทุกวันอีกต่างหาก

3ตามมาด้วยสองสาวมาร์กี้ ญาญ่า ก็ใสๆ แบ๊วๆ กันไป กินกันไม่ลงจริงๆ

นอกจากกระแสโยคะฟลายที่ฮอตฮิตติดลมบนกันไปแล้ว ช่วงนี้สาวๆ เขายังฮิตสร้างกล้ามเนื้อหน้าท้องกันอีกอย่าง แต่ไม่ใช่ว่าใครอยากมีหน้าท้องเป็นลอนสวยขึ้นแพคจะมีกันได้ง่ายๆ นะ เพราะต้องอาศัยความพยายาม ขยัน อดทน (ต่อกิเลศตัณหาของตัวเอง) และเลือกประเภทการออกกำลังกายที่ช่วยสร้างกล้ามเนื้อโดยตรงอย่างเช่น Abs Workout หรือ การออกกำลังกายเพื่อสร้างกล้ามเนื้อหน้าท้องนั่นเอง โดยท่ายอดฮิตในหมู่ดาราสาวๆ คงไม่พ้นท่าแพลงก์ (Plank) ไม่ว่าจะเป็นแพลงก์หน้า แพลงก์กลับด้าน แพลงก์ด้านข้าง เห็นทำกันได้ง่ายๆ ไม่เหลือบ่ากว่าแรง แต่กลับช่วยบริหารบริเวณกลางลำตัวได้อย่างดีเชียว

4 สาวเมจิ อโณมา ดูท่าแพลงก์หน้านางสิคะ ลีลาเหนือเมฆด้วยการแพลงก์บนเก้าอี้และยิมบอล ท่ายากซะขนาดนี้ไม่ยกตำแหน่งเจ้าแม่แอพส์ให้นางก็คงไม่ได้แล้วล่ะ

5ส่วนสาวแอน อลิชาก็ไม่น้อยหน้า ชวนมาแพลงก์โดยใช้ขายันกับกำแพง อาจมองดูว่าง่าย แต่เอาเข้าจริงๆ ท่านี้ลำบากตรงการทรงตัวนี่แหละ ผลจากความยากลำบาก ตอนนี้ผ่านมาห้าเดือน นางมีซิกซ์แพคสวยๆ แล้วนะจ๊ะขอบอก!6ข้ามไปดูสาวกาละแมร์ คนนี้ยอมไม่ได้จริงๆ ใครจะแพลงก์ยังไงนางสะบัดหน้าใส่ เพราะของฉันยากกว่าแน่นอน ก็นางเล่นแพลงก์ข้างด้วยมือเดียวบนเซิร์ฟบอร์ดที่ต้องใช้พลังการทรงตัวขั้นสูงแบบนี้ เห็นทีตำแหน่งแอพส์ (ท่า) ยากคงต้องยกให้นางแล้วล่ะ 7สาวพลอย ชวพร เห็นนางขยันอวดหุ่นสวย ซิกซ์แพคเก๋บนไอจีตล้อดๆ ที่แท้นางก็มีทีเด็ดเป็นท่า Knee to Elbow นี่เอง แถมเล่นท่านี้ได้ทั้งสามส่วนเลยนะจ๊ะ ไม่ว่าจะเป็นหัวไหล่ หน้าท้อง และกล้ามเนื้อกลางลำตัว เรียกว่าเป็นท่าที่สร้างซิกซ์แพคให้สาวๆ ได้อย่างดีทีเดียว

8Cycling Cross Crunches เอ๊ะยังไง เมื่อสาวแอนอลิชากับสาวเจนี่ชวนกันมาปั่นจักรยานอากาศ แล้วหนุ่มข้างๆ คนนั้นล่ะ จะชวนเขามาปั่นให้แล้วนั่งซ้อนท้ายไปด้วยกันดีไหมนะ

ฮึ่ย! ย่ะ! ป้าบ! ป้าบ! ป้าบบ…บ!

เอิ่ม อย่าเพิ่งตกใจนึกว่าใครมาทะเลาะกันแถวนี้นะคะ เพราะเสียงที่ได้ยินมันลอยมาตามกระแสกีฬาที่กำลังฮิตอยู่ตอนนี้อย่าง ‘มวยไทย’ นั่นเอง นอกจากจะเป็นกีฬาที่อยู่คู่กับบ้านเมืองเรามานานแล้ว ยังประกอบไปด้วยนานาประโยชน์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นศิลปะป้องกันตัวให้สาวๆ ได้ปกป้องตัวเองในยุคสมัยที่ชายหญิงเท่าเทียมกัน หรือสาวๆ คนไหนที่กำลังอยากลดน้ำหนัก พร้อมกับกระชับสัดส่วนไปในตัว มวยไทยก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ไม่เลวนัก เพราะคุณจะได้ใช้แทบทุกส่วนในร่างกายเลยทีเดียว และที่ฮิตๆ กันนี้ก็เพราะว่าการต่อยมวย ช่วยให้เผาผลาญพลังงานได้เร็ว ไม่ต้องวิ่งกันเป็นชั่วโมง ก็เฟิร์มได้นะจ๊ะขอบอก

ในหมู่ดาราสาวๆ เอง การเรียนมวยไทยก็ฮิตใช่หยอก เพราะนอกจากจะทำให้เสียเหงื่อมากแล้ว ยังทำให้หุ่นสวย ฟิตแอนด์เฟิร์มอีกต่างหาก โดยสาวที่ชอบมวยไทยจนถึงขนาดมีค่ายมวยเป็นของตัวเองต้องยกให้เธอคนนี้ ลีเดีย ศรัณย์รัชต์ ที่เปิดร่วมกับคุณส๊ะมี แมทธิว ดีน เรียกว่า นอกจากจะเล่นจนได้หุ่นที่ดีแล้ว ยังเรียกเงินเข้ากระเป๋าจากการเปิดธุรกิจนี้ได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ

9 10ส่วนใครที่ติดตามไอจีของสาวยิปซีจะรู้เลยว่า นางนั้นเฮลท์ตี้ขนาดไหน โดยเฉพาะมวยไทยที่นางช๊อบชอบ เวลาเปิดไอจีทีไร เห็นนางอวดหุ่นสวย ทรวดทรงองค์เอวโค้งเว้าได้สัดส่วน ขนาดผู้หญิงด้วยกันเองเห็นแล้วยังแอบเช็ดน้ำลาย แล้วหนุ่มๆ จะเหลือหรอ!

1112ติดอันดับสาวหุ่นดี ซิกซ์แพคเริ่ดอยู่บ่อยๆ ที่แท้สาวปู ไปรยานางก็แอบมาซุ่มต่อยมวยอยู่นั่นเอง เห็นแบบนี้แล้วสาวๆ คงอยากหันมาต่อยมวยกันมากขึ้นแล้วใช่ไหม 13 14หายหน้าหายตาจากวงการบันเทิงไปนาน แต่ความน่ารัก หุ่นดีของสาวเบเบ้ ธันย์ชนกนั้นไม่เปลี่ยน แถมนับวันหน้าก็ยิ่งเด็กล๊งเด็กลง นี่ถ้าต่อยมวยแล้วหน้าเด็ก พุงไม่มีแบบนี้ สาวๆ คงได้แรงบันดาลใจต่อยสามเวลาหลังอาหารเลยล่ะมั้ง

เห็นดาราสาวๆ เขาขยันออกกำลังกายจนได้หุ่นที่เชฟบ๊ะขนาดนี้ แถมยิ่งออกหน้าตาก็ยิ่งสดใส ผู้อ่านหลายคนคงได้แรงผลักดันให้ตัวเองฮึดสู้ต่อไป ทั้งคนที่กำลังลดน้ำหนักอยู่ หรือคนที่ ‘คิดจะ’ ลดน้ำหนัก แต่ของอย่างนี้ให้คิดอย่างเดียวคงไม่เกิดประโยชน์ ต้องลงมือทำ ที่สำคัญ อย่าลืมดูแลเรื่องของอาหาร และยิ่งไปกว่านั้น ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่นค่ะ ถ้าอยากได้หุ่นสวยๆ หน้าใสๆ แบบนี้ ก็ต้องมานะเข้าไว้ ความสำเร็จอยู่ไม่ไกล เราต้องไปถึงอย่างแน่นอนค่ะ!

เรื่อง : แพรวดอทคอม

ภาพ : janienineeleven,nuneworanuch,urassayas,meiji_ 27anorma,ann_laisuthruklai,karamare,

ploychava,lydiasarunrat,gypsykeerati,prayalundberg,thisisbebe

 

 

ราคาถูกเหลือเชื่อ! ช้อปปิ้งการกุศล ประมูลของแบรนด์เนมในงาน 11 ปี แพรวแชริตี้

ภาพตัวอย่างสินค้า

ภาพประกอบแพรวแชริตี้-1

ภาพประกอบแพรวแชริตี้-2

ภาพประกอบแพรวแชริตี้-3

ภาพประกอบแพรวแชริตี้-4

งานนี้ขาช้อปทั้งหลายเตรียมเฮกันได้ เพราะมีกองทัพสินค้าแบรนด์เนมสุดหรูมาให้เลือกกันเพียบ ทั้งกระเป๋า รองเท้า เสื้อผ้า ที่บรรดาเซเลบริตี้ใจบุญพร้อมกันขนมาขายในราคาถูกสุดๆ ให้ผู้อ่านแพรวช้อปและได้บุญไปพร้อมๆ กัน และพบกับงานแพรวแชริตี้ได้ในวันศุกร์ที่ 11 กันยายน 2558 ณ ศูนย์การค้าสยามพารากอน

* ช่องทางการประมูล : ผ่านทาง praew.com 30 ก.ย. – 31 ต.ค. 2558 *กรอกข้อมูลให้ครบถ้วนในหน้าประมูลผ่าน praew.com *ประมูลเพิ่มครั้งละ 500 บาทขึ้นไป ต่ำกว่านั้นถือเป็นโมฆะ *ผู้ชนะการประมูลต้องชำระเงินภายใน 2 วัน ก่อนเวลา 12.00 น. หากไม่ชำระเงินเต็มจำนวนภายในเวลาที่กำหนดถือว่าสละสิทธิ์ นิตยสารแพรวขอสงวนสิทรธิ์แก่ผู้ยื่นราคารองเป็นผู้ชนะ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ praew.com

เล่นโทรศัพท์มือถือมากเกินไป แพทย์เตือน! เสี่ยงเป็น Text Neck Syndrome

เล่นโทรศัพท์มือถือมากเกินไป แพทย์เตือน! เสี่ยงเป็น Text Neck Syndrome

ใครที่กำลังติดเล่นโทรศัพท์มือถือ แพทย์ได้ออกมาเตือนแล้วว่า การก้มหน้าเล่นโทรศัพท์มือถือเป็นเวลานาน ๆ นอกจากจะมีปัญหาด้านสายตาแล้ว อาจส่งผลกระทบต่อคอ ไหล่ และกระดูกสันหลัง ซึ่งอาจจะทำให้เกิดความเสี่ยงเป็น Text Neck Syndrome ได้

Text Neck Syndrome

Text Neck Syndrome คืออะไร 
คือ กลุ่มอาการเจ็บปวดของกล้ามเนื้อบริเวณคอ บ่า และไหล่ และอาจรวมไปถึงความเสื่อมกระดูก ข้อต่อกระดูก หรือหมอนรองกระดูกบริเวณคอได้ โดยปัญหาเหล่านี้ เกิดจากการบาดเจ็บซ้ำซากบริเวณคอ ซึ่งเกิดจากการใช้งานโทรศัพท์มือถือ หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ เป็นเวลานานเกินไป

อาการของ Text Neck Syndrome 
มีอาการปวดเรื้อรังบริเวณต้นคอ บ่า ไหล่ หรือสะบัก ในรายที่เป็นมากนั้น อาจจะมีอาการชา ปวดร้าวจากคอไปยังมือ หรือมีอาการอ่อนแรงของแขนและมือได้ โดยอาการผิดปกติดังกล่าวนั้น อาจจะดีขึ้นชั่วคราวหลังจากผู้ป่วยรับประทานยา หรือทำกายภาพบำบัด แต่อาการจะกลับมาเป็นใหม่เมื่อผู้ป่วยเริ่มมีการใช้งานโทรศัพท์มือถือในลักษณะเดิม ๆ อีก

Text Neck Syndrome  สามารถสร้างปัญหาได้มากแค่ไหน
ความรุนแรงของ Text Neck Syndrome นั้นมีหลากหลายระดับ ตั้งแต่เล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น มีการอักเสบของกล้ามเนื้อบริเวณคอ บ่า สะบัก และหัวไหล่ ไปจนถึงปัญหาที่มีความรุนแรง เช่น มีความเสื่อมของแนวกระดูก หรือหมอนรองกระดูกคอ ซึ่งก่อให้เกิดการกดทับของไขสันหลัง หรือรากประสาทบริเวณคอ ทำให้เกิดอาการชา หรืออ่อนแรงของแขนและมือได้

ท่าทาง และผลกระทบต่อคอ
สาเหตุที่การใช้งานโทรศัพท์มือถือเป็นเวลานาน ๆ ในแต่ละวันสามารถก่อให้เกิด Text Neck Syndrome นั้น เป็นเพราะขณะที่เราใช้งานโทรศัพท์มือถือ ร่างกายจะอยู่ในอิริยบถที่ไม่เหมาะสม นั่นคือ ท่าที่ศีรษะโน้มมาทางด้านหน้า ไหล่สองข้างห่อและก้มหลัง
จากการวิจัยพบว่า ยิ่งเรามีมุมในการก้มศีรษะมากเท่าใด ก็จะยิ่งมีแรงกดดันในคอเพิ่มขึ้นเท่านั้น โดยหากเราก้มศีรษะเป็นมุม 15 องศา แรงกดบริเวณคอจะเพิ่มจาก 12 ปอนด์ในท่าที่คออยู่ในแนวตรงไปเป็น 27 ปอนด์ และหากเราก้มศีรษะมากขึ้นเป็น 45 องศา แรงกดจะเพิ่มไปถึง 49 ปอนด์เลยทีเดียว

 การป้องกัน
การป้องกัน Text Neck Syndrome นั้นสามารถทำได้โดยการปรับลักษณะนิสัยในการใช้งานโทรศัพท์มือถือ หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นท่าทางในการใช้งาน หรือระยะเวลาที่ใช้งาน โดยเราควรจะพยายามให้ท่าทางของคออยู่ในแนวตรงมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่ก้มหลัง และไม่ห่อไหล่ ในขณะที่ใช้งานโทรศัพท์มือถือ และมีการพักเปลี่ยนอิริยาบถเป็นระยะ ในขณะที่มีการใช้งานโทรศัพท์มือถือต่อเนื่องเป็นเวลานาน

การรักษา

การรักษาสำหรับผู้ที่มีอาการของ Text Neck Syndrome แบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ

  1. การรักษาอาการเจ็บป่วยที่เกิดขึ้น สามารถทำได้โดยการกายภาพบำบัด เช่น การคลายกล้ามเนื้อ การยืดกล้ามเนื้อ การสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อ และการปรับท่าทางของร่างกายให้อยู่ในอิริยาบถที่เหมาะสม นอกจากนี้การใช้ยาเพื่อลดการอักเสบ และคลายกล้ามเนื้อก็สามารถช่วยลดอาการปวดได้เช่นกัน
    สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงจนถึงมีการเสื่อมของกระดูกหรือหมอนรองกระดูกคอ ร่วมกับการกดทับไขสันหลังหรือรากประสาท อาจจะต้องพิจารณาถึงการรักษาโดยวิธีการผ่าตัด
  2. การป้องกันไม่ให้อาการกลับมาเป็นซ้ำอีก สามารถทำได้โดยการปรับท่าทางของร่างกายในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ให้อยู่ในท่าทางที่เหมาะสม และสร้างความเคยชินที่ถูกต้องในการใช้งานโทรศัพท์มือถือ ทั้งในแง่ของท่าทาง และระยะเวลาในการใช้งาน

ขณะเดียวกันการรักษาในกรณีที่มีความเสื่อมของกระดูก หรือหมอนรองกระดูกอย่างมากร่วมกับการกดทับของรากประสาทรุนแรง อาจต้องพิจารณารักษาด้วยการผ่าตัด ซึ่งการผ่าตัดบริเวณกระดูกคอในปัจจุบัน สามารถทำได้ด้วยการผ่าตัดแผลเล็กและมีความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บของเส้นประสาทค่อนข้างต่ำมาก โดยการใช้เครื่องมือพิเศษเข้ามาช่วยในการผ่าตัด เช่น กล้อง Microscope และเครื่อง O-ARM ซึ่งถือว่าเป็นเครื่องช่วยในการผ่าตัดด้วยระบบคอมพิวเตอร์สร้างภาพแบบ 3 มิติ ที่ช่วยให้การผ่าตัดแม่นยำและปลอดภัยมากขึ้น ทำให้ผลของการผ่าตัดมีประสิทธิภาพสูง ดังนั้นการฟื้นตัวของผู้ป่วยก็จะฟื้นได้เร็วกว่าการผ่าตัดแบบทั่วไป
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันมีตัวช่วยในการป้องกัน Text Neck Syndrome ในรูปแบบของแอปพลิเคชันในโทรศัพท์มือถือ โดยแอปพลิเคชันเหล่านี้ จะคอยตรวจสอบมุมของหน้าจอโทรศัพท์ และคำนวณถึงความน่าจะเป็นของมุมการก้มคอของผู้ใช้งานโทรศัพท์ในขณะนั้น ซึ่งหากพบว่าในการก้มคอไม่เหมาะสม แอปพลิเคชันเหล่านี้จะทำการเตือนผู้ใช้งานให้ปรับเปลี่ยนท่าทางของตนได้

เรื่อง : โรงพยาบาลเวชธานี

ภาพ : http://www.latimes.com/health/la-he-text-neck-20150404-story.html?utm_content=buffer8cce6&utm_medium=social&utm_source=twitter.com&utm_campaign=buffer#page=1 , http://www.vox.com/2014/6/23/5832880/a-few-texts-can-help-students-go-to-college

 

ติดตามอัพเดตเรื่องราวต่างๆจากนิตยสารแพรวให้สนุกยิ่งขึ้นได้ที่

www.facebook.com/praewmagazine

Instagram : @praewmag

และติดตามอ่าน แพรว E-Magazine ได้แล้ววันนี้เพียงดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น

  • Praew E-magazine
  • NaiinPann
  • Ookbee

บ้านนี้ลูกเฟี้ยว และคุณแม่เปรี้ยวมาก…ฐณส & วิสาขา หงสนันทน์

แม้ไม่ได้เป็นดาราอย่างน้องชาย ปาล์มก็ไม่วายอยู่ในแสงสปอตไลท์เพราะเคยคว้าใจดาราสาวในวงการมาแล้ว แต่วันนี้ขอหยุดเรื่องรักในอดีต มาคุยเรื่องกุ๊กกิ๊กชวนยิ้มระหว่างลูกชายวัยหนุ่มกับคุณแม่ “วิสาขา” ที่วัยรุ่นกว่าจนลูกยังยอม

ลูกแม่…เทรนมาแล้ว

โบราณว่า “ดูช้างให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่” สำหรับเรื่องนี้เราขอเปลี่ยนเป็นดู“นาย”ให้ดูแม่ เพราะคุณแม่สุดเปรี้ยวเลี้ยงหนุ่มปาล์มมาอย่างให้อิสระเต็มที่

1

ปาล์มเปิดประเด็นเล่าถึงคุณแม่ก่อน “ผมโชคดีที่คุณแม่ค่อนข้างเปิดกว้างและเป็นได้ทุกอย่าง ทั้งห้าว ทั้งขี้เล่น นานๆ ทีก็มีดุบ้าง คือเป็นอะไรก็ได้ในทุกสถานการณ์ เป็นคุณแม่แบบMultitasking (ยิ้ม) อย่างช่วงที่ผมยังเรียนอยู่ เวลาไปเที่ยวผับกับเพื่อน ๆ คุณแม่ก็ไปด้วยนะครับ แต่ต่างคนต่างไปกับเพื่อนตัวเองแล้วเลือกโต๊ะติด ๆ กัน ถึงเวลาก็ต่างคนต่างกลับ เพราะบางทีโต๊ะผมเลิกแล้ว แต่โต๊ะคุณแม่ยังติดลมอยู่ แล้วไม่ใช่แค่ในกรุงเทพฯนะครับ แต่รวมถึงเวลาไปเที่ยวต่างประเทศด้วยอย่างครั้งหนึ่งเราไปเที่ยวกับญาติ ๆ ผมกับกลุ่มเด็ก ๆ ไปเล่นสโนว์บอร์ดกัน ส่วนรุ่นแม่ ๆ ช่วยกันทำอาหารเย็น แต่คุณแม่ผมไม่ทำนะครับ ท่านก็นั่งเล่นเกมอะไรไป พอตกดึกได้เวลาคุณแม่ก็ลุกขึ้นนำพาลูกหลานทุกคนไปเที่ยวบาร์ เป็นผู้นำทัวร์กิจกรรมยามค่ำคืน มันมาก” (ฮา)

คุณวิสาขาฟังลูกเมาท์แล้วหัวเราะชอบใจ ก่อนจะเสริมว่า“การไปกับลูกทำให้เราได้เห็นว่าสังคมเขาเป็นอย่างไร แถมยังคอยเตือนได้ด้วยว่าอย่าดื่มเยอะ หรือถ้าเมาแล้วอย่าขับรถ เรื่องตลกก็มีบ่อย ๆ เพราะช่วงหลังจะรู้จักเพื่อนลูกเยอะ บางทีเราไปเที่ยวผับกับเพื่อนเรา เมาท์อยู่ดี ๆ ก็มีเพื่อนลูกเดินเข้ามา‘คุณแม่ขา สวัสดีค่ะ’ เรารีบหันไปบอกแทบไม่ทันว่า ‘หนู…เรียกแม่ค่อย ๆ ก็ได้ อายเขา’ ” (หัวเราะ)

ปาล์มช่วยเล่าต่อ “แต่เที่ยวกับคุณแม่ผมไม่อายนะครับแค่ตอนแรกอาจจะมีเขิน ๆ ทำตัวไม่ถูกบ้าง แต่ไม่นานก็ชินสุดท้ายเพื่อนผมก็รู้จักคุณแม่กันหมด ครั้งไหนไม่มีคุณแม่ไปด้วยก็จะมีคนถามถึง หรือบางทีก็มีมาบอกว่าเพิ่งเจอคุณแม่ที่ร้านนั้นร้านนี้ ยิ่งงานวันเกิดคุณแม่นะมีแต่เพื่อนลูกมากันเต็มเลย ซึ่งผมโอเคนะ คุณแม่สนุกขนาดนี้หาได้ที่ไหน แล้วมีคุณแม่ไปด้วยก็ดีจะตาย เพราะมีคนจ่ายสตางค์ให้” (หัวเราะ)

คุณแม่ฟังแล้วถึงกับโวย “แหม…เพราะเรื่องนี้เองหรือเราก็หลงปลื้ม แต่จะว่าไปลูกชาย 2 คนน่ารักนะคะ อย่างสมัยเด็ก ๆ เวลาพาเขาไปช็อปปิ้งเป็นเพื่อน เขาจะคอยถือถุงแบกของเดินตามแม่ตั้งแต่เช้าจรดเย็น ต่อให้แม่ลองชุดนานแค่ไหนหรือลองแล้วลองอีก เขาก็ไม่บ่น เพราะเขารู้ว่าสุดท้ายแล้วเราจะซื้อของให้เขาเป็นการปิดท้าย (หัวเราะ) แต่แม่สอนตลอดว่าเป็นผู้ชายต้องช่วยผู้หญิงถือของ เพียงแต่ถ้าถือให้แม่ แม่มีรางวัลให้เพราะฉะนั้นช่วงเราช็อปปิ้ง เขาจะเล็งไว้แล้วว่าอยากได้อะไรพอแม่ช็อปเสร็จ เขาก็ค่อยมาจัดการซื้อของของเขา ปัจจุบันนี้แม่กล้าการันตีว่าใครเป็นแฟนเขานะ…สบาย เพราะเขาสามารถเดินตามแฟนช็อปปิ้งได้ คือแม่เทรนมาแล้วอย่างดี” (ยิ้ม)

เราหันไปมองหน้านักหิ้วของมือโปรเป็นเชิงขอคำยืนยันเจ้าตัวจึงสารภาพว่า “ตอนแรกที่เดินตามคุณแม่ ผมก็แทบไม่ไหวครับ (หัวเราะลั่น) ชั่วโมงแรก ๆ ไม่เท่าไร หลัง ๆ ของเริ่มเยอะก็แทบหมดแรง กว่าจะได้ซื้อของตัวเองนี่เหนื่อยเลย แต่ตอนนี้โอเคแล้วครับ เทรนมาจนอยู่ตัวแล้ว”

ว่าด้วยเรื่องกีฬาของครอบครัว “สปอร์ตี้”

2

ปาล์มได้ชื่อว่าเป็นนักกีฬาตัวยงมาตั้งแต่สมัยเรียนอยู่เมืองนอกพอเราถามถึงที่มา เจ้าตัวก็เล่าว่า “คุณแม่ให้ผมไปเรียนที่อังกฤษตั้งแต่อายุ 12 ปีครับ ซึ่งที่นั่นเขาเน้นเรื่องกีฬากัน อีกอย่างคือเล่นกีฬาแล้วจะมีเพื่อนและเป็นที่ยอมรับมากขึ้นด้วย โชคดีว่าผมชอบอยู่แล้ว อย่างตอนเด็ก ๆ คุณแม่ก็พาไปว่ายน้ำ เตะฟุตบอล ไดฟ์กอล์ฟ พอไปอยู่อังกฤษผมจึงเล่นได้หมด ทั้งรักบี้ ฮอกกี้ คริกเกต ส่วนใหญ่เล่นประมาณ 3 วันต่อสัปดาห์ จันทร์ พุธ ศุกร์ วันละเกือบ 4 ชั่วโมง เล่นจนได้เป็นนักกีฬาของโรงเรียน มีแข่งทุกวันเสาร์ สนุกดี ผมชอบการแข่งขันด้วยแหละ แต่หลังจากเรียนจบกลับมาทำงานที่เมืองไทยก็ไม่ค่อยได้เล่นแล้วครับ เพราะงานยุ่งมาก แบ่งเวลาลำบาก ส่วนใหญ่จะเข้าฟิตเนส แล้วก็มีนัดเตะฟุตบอลกับเพื่อน ๆ บ้างในวันอาทิตย์ แต่ช่วงนี้หยุดชั่วคราวครับ ปวดหลังเพราะเล่นกีฬาหนักไปหน่อย”

เห็นลูกเป็นนักกีฬาระดับนี้ มีหรือคุณแม่จะยอมน้อยหน้า ปาล์มเองยังออกปากเลยว่า “คุณแม่ก็ชอบออกกำลังนะครับ แต่ออกกำลังกับคีย์บอร์ด…คือเล่นเกมในมือถือกับในไอแพ็ด เล่นจนกล้ามนิ้วขึ้นเป็นมัด ๆแต่ช่วงนี้คงออกกำลังเยอะ ข้อมือซ้นจนหวีผมไม่ได้ (หัวเราะ) ลูกเตือนก็ไม่ฟัง”

คุณแม่ยอมจำนนด้วยหลักฐาน “ใช่ค่ะ ตอนนี้ต้องหยุดเล่นเพราะเจ็บข้อมือ และเริ่มเข้าใจลูกว่าทำไมตอนเด็ก ๆ เขาถึงได้ติดเกมแต่ก่อนเราเคยว่าเขาว่าถ้าไม่เลิกเล่นแม่จะริบเกม แต่ตอนนี้เข้าใจแล้วว่าติดเกมเพราะอะไร มันสนุกอย่างนี้นี่เอง”

เรื่องนี้…เซอร์ไพร้ส์สุด

เมื่อถามถึงความน่ารักของลูกชายคนโต คุณวิสาขาเล่าให้ฟังอย่างชื่นชมว่า “ถ้าเทียบกับเป๋า (น้องชาย) ปาล์มจะนิ่งกว่า เลี้ยงง่ายและเจ๊าะแจ๊ะแม่มากกว่า อย่างเราไปไหนเขาจะคอยโทร.ตาม คุณแม่ไปไหนจะกลับหรือยัง แต่เดี๋ยวนี้นาน ๆ จึงจะโทร.มาชวนไปกินข้าวที หรือบางทีปาล์มก็จะแวะมาหาแม่ที่บ้าน (ปาล์มอยู่บ้านคุณพ่อ) แต่มาแบบแว้บ ๆ นะ ยังไม่ทันกะพริบตา อ้าว…ลูกหายไปแล้ว (หัวเราะ) แต่เราจะไม่จู้จี้นะคะ เขาโตแล้ว ทำงานแล้ว ต้องให้อิสระเขาคิดเองทำเองไว้มีปัญหาค่อยมาถาม แต่ถ้าหายไปนาน ๆ เราก็ต้องโทร.ไปถามว่านานไปหน่อยไหม ไม่เจอหน้าเลย เขาก็จะรีบมา หรือบางทีเราโทร.ไปถามว่าปีใหม่ไปไหนลูก โน่น…ลูกพาหมาไปหัวหิน โอ้…เก๋นะ แล้วแม่ล่ะ”(หัวเราะ)

ปาล์มฟังถึงท่อนนี้แล้วแกล้งโวย “ปาล์มชวนแล้ว แต่คุณแม่ไม่ไปเอง แต่สุดท้ายก็ตามไปเจอกัน คือคุณแม่ชอบเซอร์ไพร้ส์ลูกน่ะครับอย่างสมัยผมเรียนอยู่เมืองนอก ท่านก็เคยบุกไปหา โดยทำเป็นโทรศัพท์มาคุยว่าจะนอนแล้ว พอผมวางหู คุณแม่ก็เดินเข้ามาเลย ถามว่าเป็นไงบ้างลูก ตอนนั้นผมกำลังดูทีวีอยู่กับน้องแล้วก็เพื่อน ๆ ก็ตกใจ บอกว่าคุณแม่จะบ้าเหรอ (หัวเราะ) คือไม่รู้จะพูดว่าอะไร แต่ก็ดีใจนะครับที่ท่านมาหา เซอร์ไพร้ส์ดี”

คุณแม่ขอเล่าบ้าง “เห็นอย่างนี้ปาล์มก็มีเรื่องเซอร์ไพร้ส์แม่เหมือนกันนะ เพราะเราเกิดวันที่ 12 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันแม่พอดี ปีหนึ่งปาล์มกับเป๋าถักนิตติ้งเป็นถุงใบเล็ก ๆ กับผ้าหนึ่งผืนมาให้เป็นของขวัญวันเกิด ทุกวันนี้ยังวางไว้ที่หัวนอน ปลื้มมาก คือลูกฉันไม่เป็นแต๋วนะแต่ถักมาให้แม่ได้” (หัวเราะ)

ปาล์มยิ้มสนุก “คือตอนนั้นผมเห็นคุณป้าคนหนึ่งถักอยู่ รู้สึกว่าน่าสนุก ไม่น่าจะยาก จึงลองทำดู แต่กว่าจะเสร็จใช้เวลาอาทิตย์กว่า ๆผมนั่งเป็นหุ่นยนต์เลย นั่งดูทีวีไปก็ถักไปจนสำเร็จ”

สุดท้ายวันเกิดควบวันแม่ปีนี้ ปาล์มจะมีเซอร์ไพร้ส์ให้คุณแม่ไหมยังไม่ทันได้ตอบ คุณแม่ชิงแซวก่อนว่า “แม่อายุเท่าไร รู้หรือยัง” เล่นเอาปาล์มไปไม่ถูกทาง “ผมไม่ทราบหรอกครับ (หัวเราะ) เพราะคุณแม่ชอบหลอกคนอื่นว่าอายุ 35 บ้าง เพิ่งเลยวัยเบญจเพศมาบ้าง ผมเลยไม่รู้สักที ยิ่งให้เดาจากหน้ายิ่งดูไม่ออก ใครจะไปเดาถูก สาวขนาดนี้ (ยิ้มเอาใจจนคุณแม่ใจอ่อนกระซิบอายุที่แท้จริงให้ฟัง) วันแม่ปีนี้ผมขอให้คุณแม่มีความสุขมาก ๆ ทุกปีเราจะมีปาร์ตี้อยู่แล้ว ปีนี้ 54 แล้ว ปาร์ตี้ก็ต้องจัดหนักเหมือนเดิมครับ ส่วนเรื่องลูกไม่ต้องเป็นห่วงอะไร เพราะผมจำที่แม่สอนได้ทุกอย่างสัญญาว่าจะทำตัวดี ไม่ให้ใครมาว่าได้ครับ”

 

ที่มา : คอลัมน์ LIVE STORIES นิตยสารแพรว ฉบับที่ 863 ปักษ์วันที่ 10 สิงหาคม 2558

บทความนี้ถือเป็นทรัพย์สินของเว็บไซต์แพรว ห้ามผู้ใดนำไปคัดลอก ดัดแปลง หรือทำซ้ำ อนุญาตให้แชร์บทความนี้ได้จากลิ้งค์นี้เท่านั้น

 

PREAW CLICK : แจกชุดชั้นใน BSC lingeries

1. ตอบคำถามว่า : ทำไมคุณถึงเลือกอ่านข่าวบนเว็บไซต์แพรว? และใส่ #praewselected #แพรวดอทคอม ลงในComment กิจกรรมนี้ พร้อมกด also post on facebook เพื่อแชร์กิจกรรมนี้ให้ขึ้นที่หน้า Facebook ของคุณ (ตั้งค่าเป็นสาธารณะ)

2. กดไลค์เพจ Praew magazine https://www.facebook.com/praewmagazine?ref=tn_tnmn

คัดเลือกเพื่อหาผู้โชคดีทั้ง 8 รางวัล จากผู้ที่ตอบคำถามได้โดยใจที่สุด และทำถูกต้องตามกติกา รับของรางวัลจาก BSC lingeries  ชุดชั้นใน  มูลค่ารางวัลละกว่า 1,000 บาท (สีชมพู 5 รางวัล สีเทา 3 รางวัล)

1

 

*หมดเขตร่วมกิจกรรมวันที่ 31 สิงหาคม 2558 ประกาศรายชื่อผู้โชคดีวันที่ 1 กันยายน 2558

 

สาวเปรี้ยวสไตล์ Future Move สวยล้ำสมัยกับแฟชั่นสีเมทัลลิก

สำหรับใครที่อยากเป็นสาวเปรี้ยวแต่ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน เพราะเอาจริงๆ คำนี้มันกว้างมาก สามารถแต่งได้หลายอย่าง แต่วันนี้ที่เราแนะนำก็คือสาวเปรี้ยวสไตล์ Future Move ที่เน้นความสวยและล้ำสมัย กับแฟชั่นสีเมทัลลิก เช่นสีทอง สีเงิน สีแดงหรือสีน้ำเงินเมทัลลิก ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มความเปล่งประกายและมีมิติด้วยเท็กซ์เจอร์ที่เป็นลายวิบวับสีเลื่อมๆแล้ว ยังช่วยเปลี่ยนลุคของสาวๆ ให้ดูเป็นสาวเปรี้ยวขึ้นมาทันที อย่างรองเท้าส้นตึกสีเงินเมทัลลิก จาก Steve Madden  หรือกระเป๋าถือแบบหรูหรา ดูผู้ดีสีทองเมทัลลิกจาก Ralph Lauren พูดแค่นี้ เพื่อนๆ คงยังไม่เห็นภาพ ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวเรามีตัวอย่างมาให้ดูกัน

1. กระเป๋าถือสุภาพสตรีสีทองเมทัลลิก จาก Ralph Lauren ราคา 41,800 บาท / รองเท้าส้นตึกสีเงินเมทัลลิก จาก Steve Madden ราคา 5,500 บาท

1

1-1

2. กระเป๋าเป้สีเงินเมทัลลิก จาก Steve Madden ราคา 4,500 บาท / รองเท้าเสริมส้นสีทองเมทัลลิก จาก Pretty Fit ราคา 2,690 บาท

2

2-2

3. กระเป๋าขนฟูจาก BOYY ราคา 35,000 บาท / รองเท้าแตะรัดส้นสีทองเมทัลลิก จาก Kate Spade ราคา 12,000 บาท

3

3-3

4. กระเป้สะพาย จาก Cocinelle ราคา 16,900 บาท / รองเท้าบัลเล่ต์สีน้ำเงินเมทัลลิก จาก J.B.A ราคา 2,250 บาท

4

4-4

 

เรื่อง : แพรวดอทคอม
ภาพ : เซ็นทรัล

Instagram เปิดมิติใหม่ พิ่มฟังค์ชั่นการใช้งานบนเว็ปไซต์

Instagram เปิดมิติใหม่ พิ่มฟังค์ชั่นการใช้งานบนเว็ปไซต์

ใครรู้สึกบ้างคะว่าเวลาอัพรูปผ่านแอปพลิเคชั่นบนมือถือแล้วดูได้ไม่เต็มหน้าจอ ต้องเปิดดูผ่านคอมพิวเตอร์เพื่อให้ได้ภาพที่ใหญ่ขึ้น ซึ่งจุ๊เองเป็นคนที่ต้องทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ตลอดเวลา  บางครั้งการหยิบมือถือขึ้นมาเพื่อเล่นโซเชียลอย่าง Instagram ก็มีความลำบากขึ้นนิดหน่อย

Instagram

แต่จุ๊ไม่ต้องรู้สึกลำบากอีกต่อไปแล้วค่ะ เพราะอินสตาแกรมเพิ่งปรับฟังค์ชั่นการใช้งานใหม่บนเว็บไซต์ให้ผู้ใช้ค้นหาภาพตามข้อมูลที่ต้องการได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยจะติดตั้งกล่องค้นหาหรือ search box ไว้บริเวณกึ่งกลางด้านบนสุดของหน้าเว็บไซต์ การปรับในครั้งนี้เป็นการปรับ Layout บนหน้าเว็บไซต์ของ Instagram.com ซึ่งต้องการให้มีความสอดคล้องกับตัวแอปพลิเคชั่นต่างๆบนมือถือ ซึ่งแอพเหล่านั้นมีฟังค์ชั่นเพื่อค้นหาข้อมูลต่างๆด้วยค่ะ
นี่คือภาพที่จุ๊แคปมาหลังจากเข้า www.instagram.com ค่ะ
Instagram

หลังจากนั้นก็เข้าไปล็อกอินค่ะ

Instagram

อินสตาแกรมตัดสินใจเพิ่มมิติบริการให้ผู้ใช้สามารถค้นหาข้อมูลที่ต้องการได้ง่ายขึ้น ด้วยการพิมพ์ชื่อสถานที่ ชื่อผู้ใช้ หรือป้ายคำ #Hashtag แล้วกดปุ่มค้นหาเพื่อรับชมภาพที่เกี่ยวข้อง นอกจากการเพิ่มช่องทางสำหรับ Search ขึ้นมาแล้ว อินสตาแกรมยังปรับดีไซน์หน้าบริการบนคอมพิวเตอร์ให้การใช้งานผ่านเว็บไซต์ทำได้ง่ายขึ้น จากเดิมที่แสดงผลภาพเล็ก 5 แถว เปลี่ยนให้ระบบแสดงภาพใหญ่เป็น 3 แถวแทน

นับว่าเป็นการเพิ่มความสะดวกให้แก่ผู้ใช้อินสทาแกรม โดยเฉพาะจุ๊มากเลยล่ะค่ะ ไม่ต้องดูจอคอม แล้วหยิบมือถือแบบนี้ตลอดเวลา ใครที่อยากลองใช้ฟังค์ชั่นใหม่เหล่านี้สามารถดาวน์โหลดได้จาก…. เลยค่ะ

ติดตามเรื่องราวของจุ๊เพิ่มเติมได้ที่ http://www.iamsorada.com ค่ะ

 

ติดตามอัพเดตเรื่องราวต่างๆจากนิตยสารแพรวให้สนุกยิ่งขึ้นได้ที่

www.facebook.com/praewmagazine

Instagram : @praewmag

และติดตามอ่าน แพรว E-Magazine ได้แล้ววันนี้เพียงดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น

  • Praew E-magazine
  • NaiinPann
  • Ookbee

10 ร้านอาหารคลีนบนไอจี ที่สาวกคลีนฟู้ดไม่ควรพลาด

1. EATCLEANANDCIET
แค่ชื่อร้านก็บอกอยู่แล้วว่าร้านนี้ไม่ใช่แค่ร้านขายอาหารคลีนธรรมดานะ แต่ยังเป็นร้านสุดฮิตสำหรับคนที่อยากลดน้ำหนักอีกด้วย เพราะเขาเปิดรับสมัครจัดส่งอาหารเป็นคอร์สเลยนะ โดยอาหารก็มีทั้งหมด 4 มื้อ เช้า กลางวัน บ่าย แล้วก็มื้อเย็น ขอบอกว่าแต่ละคอร์สเต็มเร็วมาก ต้องจองล่วงหน้าเป็นเดือนเลยด้วยซ้ำ แม้แต่ดาราหลายๆ คนก็ยังใช้บริการเลยนะ เมนูอาหารก็มีหลากหลายทั้งไทยละเทศสับเปลี่ยนกันไปไม่มีเบื่อ

1
2. Brunchbowl
ร้านนี้จะโด่งดังเรื่องเครื่องดื่ม ไม่ว่าจะเป็นน้ำผลไม้สกัดเย็นที่คั้นสดๆ เสิร์ฟถึงที่ มีให้เลือกถึง 17 รสชาติ และน้ำนมอัลมอนด์ก็เป็นอีกสินค้าหนึ่งที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน แถมใครที่อยาก detox เอาสารพิษออกจากร่างกาย หรืออยากให้ระบบขับถ่ายดี เขาก็มีหลากหลายโปรแกรมมาให้เราเลือกเลยนะว่าต้องการแบบไหน นอกจากเครื่องดื่มก็ยังมีเมนูอาหารคลีนด้วยนะ เรียกได้ว่าหลากหลายจริงๆ

2
3. HEALTHYBYTASTY
นี่ก็เป็นอีกร้านหนึ่งที่ฮอตฮิตไม่แพ้กัน เพราะมีอาหารที่จัดโปรแกรมลดน้ำหนักโดยที่เราไม่ต้องมานั่งคำนวนแคลอรี่ ที่สำคัญเมนูอาหารก็น่าทานดูอินเตอร์มากๆ ไม่ว่าจะเป็น แซนวิชไก่อาราเบียน แกงกะหรี่ญี่ปุ่นมันบด สเต็กสันในหมูย่างซอสปาปริก้า และอีกหลากหลายเมนูที่ทางร้านสร้างสรรค์ขึ้นมาให้ทุกมื้อที่เราทานรู้สึกตื่นเต้นและแปลกใหม่ทุกครั้ง

3
4. HEALTHYMEALTHAILAND
เดี๋ยวนี้ดาราหันมาทำธุรกิจกันเยอะ อย่างร้านอาหารคลีนที่เรานำมาแนะนำนี้ก็เป็นร้านของดาราที่เรารู้จักกันดี เป็นการเปิดร้านร่วมกันของ เจ – เจจินตัย อันติมานนท์, จิ๊บ – คีตภัทร อันติมานนท์, กำปั้น บาซู, เต้ – นันทศัย พิศลยบุตร เป็นอีกหนึ่งร้านอาหารคลีนที่น่าสนใจมาก จุดเด่นอยู่ตรงที่ร้านมีทางเลือกให้กับคนถึง 3 กลุ่มด้วยกัน โดยจะจัดอาหารตามคอร์สที่เราเลือก คอร์สแรกคือ musclemeal สำหรับคนอยากมีกล้ามลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชาย คอร์สที่สองก็คือ Slimmeal สำหรับคนที่อยากผอมก็จะมีเมนูไดเอทกว่า 20 เมนู และสุดท้ายคือ Antiagingmeal สำหรับคนที่มีอายุแล้วอยากดูอ่อนวัยก็มีอาหารที่บำรุงด้านนี้โดยเฉพาะ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งร้านที่เจาะกลุ่มลูกค้าได้อย่างตรงจุด ถูกใจหลายๆ คน

4
5. DJPOOMMENU
อีกร้านหนึ่งที่เมื่อเราพูดถึงอาหารคลีน ต้องนึกถึงร้านนี้เป็นอันดับต้นๆ นั่นก็คือร้านอาหารคลีนของดีเจภูมินั่นเอง ใครๆ ก็รู้ว่าดีเจภูมิดูแลตัวเองดีมากๆ ทั้งเรื่องอาหารและการออกกำลังกาย จนมาเปิดธุรกิจร้านอาหารคลีนเป็นของตัวเองซึ่งผลตอบรับดีมากๆ ด้วยราคาที่ไม่แพงบวกกับรสชาติอาหารที่อร่อยถูกปากคนไทย ใครที่บอกว่าอาหารคลีนรสชาติจืดต้องมาชิมร้านนี้เพราะของเขาจัดจ้านถึงเครื่องจริงๆ เรื่องคุณภาพไม่ต้องพูดถึง เพราะดีเจภูมิเขาดูแลทุกขั้นตอนจ้า

5
6. DIAMONDGRAINS
ส่วนร้านนี้จะขายอาหารคลีนประเภทกราโนล่าคลีน 100% หรือธัญพืชที่ไม่ผ่านการไม่ขัดสีนั่นเอง เป็นอาหารคลีนทางเลือกใหม่ที่กำลังเป็นที่นิยมมากๆ เพราะต้องยอมรับว่าร้านอาหารคลีนใน IG แต่ละร้านราคาค่อนข้างสูงเลยทีเดียว นั่นก็เพราะวัตถุดิบต่างๆ ก็ล้วนมีคุณภาพแถมยังทำกันวันต่อวัน ไหนจะเสียค่าส่งอีก บางคนอาจสูงราคาไม่ไหว กราโนล่าก็เป็นอาหารคลีนอีกทางหนึ่งที่ราคาไม่แพง อย่างร้านนี้ขายแค่ถ้วยละ 28 บาทเท่านั้น แถมยังมีประโยชน์มากทีเดียว ที่สำคัญเก็บไว้ได้นานซื้อทีก็เลือกได้หลากหลายรสชาติคละกันไป กินเป็นอาหารเช้าหรืออาหารลดน้ำหนักก็ได้เพราะมีการคำนวนแคลอรี่มาเรียบร้อย

6
7. SLIMINGFOODCAFE
ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนเลยว่าร้านนี้เขาเน้นของคุณภาพจริงๆ วัตถุดิบทุกอย่างเกรดพรีเมี่ยม เพราะฉะนั้นคนที่สนใจอยากจะเป็นลูกค้า ก็จะเป็นกลุ่มที่มีรายได้สูงซะส่วนใหญ่ เพราะร้านนี้เขาไม่ขายเป็นกล่องๆ แต่ขายเป็นคอร์ส โดย 1 คอร์สคือ 1 อาทิตย์ ซึ่งอาหารก็จะจัดให้ตามคอร์สที่เราเลือก แน่นอนว่าเมนูอาหารแต่ละเมนูก็ไม่ธรรมดานะ ดูชื่อแต่ละเมนูซะก่อน เช่น ลิงกวินี่ผัดเห็ดหอมและซอสมอลย่างโชยุน้ำผึ้ง, คาร์โบนาร่าเอกเบดิกซ์ ครีมซอสทำจากนมมะม่วงหิมพานต์ ขนมหวานก็อย่าง เฟรนโทสโรลบลูเบอร์รี่ครีมชีส แต่ละเมนูไม่แปลกใจเลยว่าทำไมราคาสูงขนาดนี้ ถ้าใครที่มีงบก็ลองใช้บริการกันได้นะจ๊ะ รับรองว่าไม่ผิดหวัง

7
8. baimiamg_healthy_shop
เป็นร้านขายอาหารคลีนโดยจะเน้นไปทีขนมปัง เบเกอรี่ต่างๆ ส่วนใหญ่แล้วคนที่ทานอาหารคลีนจะไม่ค่อนกล้าทานขนมเพราะไม่ค่อยมีร้านขนมที่คลีนสักเท่าไหร่ แต่เมื่อไม่กี่ปีมานี้ที่กระแสอาหารคลีนมาแรงขึ้นนั้น ก็เริ่มมีร้านที่ขายเมนูของว่าง ขนม หรือเบเกอรี่ที่คลีนมากขึ้น อย่างร้านนี้ตัวแป้งขนมปังก็ทำจากข้าวกล้องงอก ไม่ใส่นมวัว ไม่ใส่เนย เรียกได้ว่าคลีน 100% แถมยังมีแต่ขนมที่น่าทานทั้งนั้นเลย ใครที่มองหาเมนูขนมไว้ทานเล่นๆ หรือจะเอาไว้ทานสลับกับอาหารจานหลักก็เข้ามาดูกันได้เลย

8
9. Yummydiet_deliver
เป็นอีกร้านที่จัดอาหารคลีนตามคอร์ส โดยมีให้เลือกด้วยกัน 3 คอร์ส แบ่งเป็นคอร์สสั้นๆ 6 วัน, 18 วัน (แถมฟรี 3 วัน) หรือจะเลือกแบบยาวคือ 24 วัน (แถมฟรี 6 วัน) ซึ่งแต่ละมื้ออาหารก็จะสลับสับเปลี่ยนไปกัน รสชาติอาหารอร่อยและไม่ต้องกลัวว่าจะไม่อิ่มเพราะให้มาเยอะมาก แถมน้ำมะพร้าวพร้อมดื่มมาให้ไว้ดื่มตอนบ่าย หรือหิวระหว่างวันอีกด้วย

9
10. CLEANFOOD_DELIVERY
ปิดท้ายด้วยร้านอาหารคลีนที่เราหามาแล้วว่าน่าจะถูดที่สุดในไอจี เพราะราคาเพียงแค่กล่องละ 65 บาทเท่านั้น ที่สำคัญไม่ต้องสั่งเป็นคอร์ส ซื้อตามจำนวนเท่าที่เราต้องการได้ (ขั้นต่ำ 3 กล่อง) โดยค่าส่งก็คิดตามจริง ไม่ต้องห่วงว่าราคาถูกแล้วคุณภาพจะไม่ดีรึเปล่า เพราะวัตถุดิบทุกอย่างสดใหม่ทุกวันที่สำคัญคลีนแน่นอน แต่ถ้าใครอยากไปทานที่ร้านก็ได้นะ เพราะเขามีหน้าร้านอยู่ใต้ตึกเมืองไทยภัทร ใครสะดวกก็ลองแวะมาทานอาหารคลีนราคาไม่แพงกันได้นะ

10

 

เรื่อง : แพรวดอทคอม
ภาพ : IG @CLEANFOOD_DELIVERY, @Yummydiet_deliver, @baimiamg_healthy_shop, @SLIMINGFOODCAFE, @DIAMONDGRAINS, @DJPOOMMENU, @HEALTHYMEALTHAILAND, @Brunchbowl, @HEALTHYBYTASTY, @EATCLEANANDCIET

ฮอตแซงหน้าขุ่นแม่ ‘ณดา บีน่า ไลลา’ หนูน้อยซุป’ตาร์ ขวัญใจมหาชน

11

ทำเอา ลุง ป้า น้า อา หลงในความน่ารักกันทั้งงาน เมื่อคุณแม่ซุป’ตาร์ นางเอกหน้าหวาน กบ สุวนันท์ ควง น้องณดา คุณแม่ลูกครึ่งพอลล่า เทเลอร์ จูง น้องไลลา และคุณแม่นานา ไรบีนา กับ น้องบีน่า ซึ่งมาร่วมเดินแฟชั่นโชว์แฟชั่นคู่ แม่-ลูก สุดน่ารัก ในงาน สุวิมล เบบี้ (S’uvimol Baby)

งานนี้เรียกว่าแฟนคลับแน่นเวที เพราะมีทั้ง FC แม่และแฟนคลับลูกสาวตัวน้อยวัยน่ารัก ที่มาโชว์เรื่องราวความผูกพัน แม่ – ลูก ผ่านแฟชั่นกระเป๋าของโปรดของสาวๆ ทั่วโลก โดยทันทีที่เริ่มแฟชั่นโชว์ก็เปิดตัวด้วยคุณแม่นางเอกหน้าหวาน กบ-สุวนันท์ ควง น้องณดา ออกมาโพสต์ท่ายิ้มหวานสุดน่ารัก

ก่อนจะตามมาด้วยคุณแม่ พอลล่า เทเลอร์ จูงลูกสาวสุดซ่า น้องไลลา ที่ออกมาโชว์ลีลาเดินแฟชั่นคู่คุณแม่ชนิดที่นางแบบมืออาชีพยังอายเรียกเสียงกรี๊ดจากแฟนคลับสนั่นห้าง ก่อนจะปิดด้วยคู่แม่ลูกครอบครัวฮิปฮอป นานา ไรบีนา และ น้องบีน่า หลังจากนั้น 3 คุณแม่ ซุป’ตาร์ ได้เล่าสไตล์การแต่งตัวและความผูกพันระหว่าง แม่ กับ ลูก

2

โดยนางเอกคุณแม่ยังสาว กบ-สุวนันท์ ปุณณกันต์ จูงลูกสาวสุดน่ารัก น้องณดา ปุณณกันต์ เล่าว่า ชอบจับลูกสาวให้แต่งตัวเหมือนกันเวลาไปไหนมาไหนเดินด้วยกันแล้วน่ารักดี ตอนหลังเริ่มลามไปถึงลูกชายตัวเล็กและคุณพ่อด้วย เรียกว่าแต่งตัวแมชท์กันทั้งบ้าน ถือเป็นกิจกรรมสานสัมพันธ์ให้ครอบครัวเป็นอย่างดีค่ะ

3

เช่นเดียวกับคุณแม่สาวเปรี้ยว นานา ไรบีนา มากับลูกสาว น้องบีน่า บอกว่า ตัวเองเป็นครอบครัวที่ชอบแต่งตัวให้แมชท์กันอย่างตัวเองมีลูกแฝด ลูกสาวก็ให้ใส่เหมือนคุณแม่ ส่วนลูกชายก็ให้แต่งเหมือนคุณพ่อ ไม่เหมือนเป๊ะก็ต้องมีโทนสีเดียวกัน เพื่อเพิ่มกิจกรรมน่ารักๆ ให้ครอบครัวค่ะ

1

ส่วนเพื่อนสาว พอลล่า เทเลอร์ ควงลูกสาวสุดซ่า น้องไลลา บอกว่า เด็กๆ ชอบจับไลลาแต่งตัวเท่ๆ แต่พอโตขึ้นยิ่งวัยนี้เป็นวัยที่ชอบเลียบแบบคุณแม่ ก็จะชอบมาใส่รองเท้า หยิบลิปสติก หรือ ทาเล็บ ของคุณแม่หมดแต่บางทีก็แอบเป็นตัวของตัวเอง เวลาเลือกชุดเลยจะหยิบมาให้ลูกเลือก 3 – 4 ชุด แล้ว ตัวเองค่อยใส่ให้ แมชท์กับลูกแทนค่ะ

 

 

เรื่อง : แพรวดอทคอม

ภาพ : polyplus

Twitter : sriploi17

 

keyboard_arrow_up