บ้านนี้ลูกเฟี้ยว และคุณแม่เปรี้ยวมาก…ฐณส & วิสาขา หงสนันทน์

แม้ไม่ได้เป็นดาราอย่างน้องชาย ปาล์มก็ไม่วายอยู่ในแสงสปอตไลท์เพราะเคยคว้าใจดาราสาวในวงการมาแล้ว แต่วันนี้ขอหยุดเรื่องรักในอดีต มาคุยเรื่องกุ๊กกิ๊กชวนยิ้มระหว่างลูกชายวัยหนุ่มกับคุณแม่ “วิสาขา” ที่วัยรุ่นกว่าจนลูกยังยอม

ลูกแม่…เทรนมาแล้ว

โบราณว่า “ดูช้างให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่” สำหรับเรื่องนี้เราขอเปลี่ยนเป็นดู“นาย”ให้ดูแม่ เพราะคุณแม่สุดเปรี้ยวเลี้ยงหนุ่มปาล์มมาอย่างให้อิสระเต็มที่

1

ปาล์มเปิดประเด็นเล่าถึงคุณแม่ก่อน “ผมโชคดีที่คุณแม่ค่อนข้างเปิดกว้างและเป็นได้ทุกอย่าง ทั้งห้าว ทั้งขี้เล่น นานๆ ทีก็มีดุบ้าง คือเป็นอะไรก็ได้ในทุกสถานการณ์ เป็นคุณแม่แบบMultitasking (ยิ้ม) อย่างช่วงที่ผมยังเรียนอยู่ เวลาไปเที่ยวผับกับเพื่อน ๆ คุณแม่ก็ไปด้วยนะครับ แต่ต่างคนต่างไปกับเพื่อนตัวเองแล้วเลือกโต๊ะติด ๆ กัน ถึงเวลาก็ต่างคนต่างกลับ เพราะบางทีโต๊ะผมเลิกแล้ว แต่โต๊ะคุณแม่ยังติดลมอยู่ แล้วไม่ใช่แค่ในกรุงเทพฯนะครับ แต่รวมถึงเวลาไปเที่ยวต่างประเทศด้วยอย่างครั้งหนึ่งเราไปเที่ยวกับญาติ ๆ ผมกับกลุ่มเด็ก ๆ ไปเล่นสโนว์บอร์ดกัน ส่วนรุ่นแม่ ๆ ช่วยกันทำอาหารเย็น แต่คุณแม่ผมไม่ทำนะครับ ท่านก็นั่งเล่นเกมอะไรไป พอตกดึกได้เวลาคุณแม่ก็ลุกขึ้นนำพาลูกหลานทุกคนไปเที่ยวบาร์ เป็นผู้นำทัวร์กิจกรรมยามค่ำคืน มันมาก” (ฮา)

คุณวิสาขาฟังลูกเมาท์แล้วหัวเราะชอบใจ ก่อนจะเสริมว่า“การไปกับลูกทำให้เราได้เห็นว่าสังคมเขาเป็นอย่างไร แถมยังคอยเตือนได้ด้วยว่าอย่าดื่มเยอะ หรือถ้าเมาแล้วอย่าขับรถ เรื่องตลกก็มีบ่อย ๆ เพราะช่วงหลังจะรู้จักเพื่อนลูกเยอะ บางทีเราไปเที่ยวผับกับเพื่อนเรา เมาท์อยู่ดี ๆ ก็มีเพื่อนลูกเดินเข้ามา‘คุณแม่ขา สวัสดีค่ะ’ เรารีบหันไปบอกแทบไม่ทันว่า ‘หนู…เรียกแม่ค่อย ๆ ก็ได้ อายเขา’ ” (หัวเราะ)

ปาล์มช่วยเล่าต่อ “แต่เที่ยวกับคุณแม่ผมไม่อายนะครับแค่ตอนแรกอาจจะมีเขิน ๆ ทำตัวไม่ถูกบ้าง แต่ไม่นานก็ชินสุดท้ายเพื่อนผมก็รู้จักคุณแม่กันหมด ครั้งไหนไม่มีคุณแม่ไปด้วยก็จะมีคนถามถึง หรือบางทีก็มีมาบอกว่าเพิ่งเจอคุณแม่ที่ร้านนั้นร้านนี้ ยิ่งงานวันเกิดคุณแม่นะมีแต่เพื่อนลูกมากันเต็มเลย ซึ่งผมโอเคนะ คุณแม่สนุกขนาดนี้หาได้ที่ไหน แล้วมีคุณแม่ไปด้วยก็ดีจะตาย เพราะมีคนจ่ายสตางค์ให้” (หัวเราะ)

คุณแม่ฟังแล้วถึงกับโวย “แหม…เพราะเรื่องนี้เองหรือเราก็หลงปลื้ม แต่จะว่าไปลูกชาย 2 คนน่ารักนะคะ อย่างสมัยเด็ก ๆ เวลาพาเขาไปช็อปปิ้งเป็นเพื่อน เขาจะคอยถือถุงแบกของเดินตามแม่ตั้งแต่เช้าจรดเย็น ต่อให้แม่ลองชุดนานแค่ไหนหรือลองแล้วลองอีก เขาก็ไม่บ่น เพราะเขารู้ว่าสุดท้ายแล้วเราจะซื้อของให้เขาเป็นการปิดท้าย (หัวเราะ) แต่แม่สอนตลอดว่าเป็นผู้ชายต้องช่วยผู้หญิงถือของ เพียงแต่ถ้าถือให้แม่ แม่มีรางวัลให้เพราะฉะนั้นช่วงเราช็อปปิ้ง เขาจะเล็งไว้แล้วว่าอยากได้อะไรพอแม่ช็อปเสร็จ เขาก็ค่อยมาจัดการซื้อของของเขา ปัจจุบันนี้แม่กล้าการันตีว่าใครเป็นแฟนเขานะ…สบาย เพราะเขาสามารถเดินตามแฟนช็อปปิ้งได้ คือแม่เทรนมาแล้วอย่างดี” (ยิ้ม)

เราหันไปมองหน้านักหิ้วของมือโปรเป็นเชิงขอคำยืนยันเจ้าตัวจึงสารภาพว่า “ตอนแรกที่เดินตามคุณแม่ ผมก็แทบไม่ไหวครับ (หัวเราะลั่น) ชั่วโมงแรก ๆ ไม่เท่าไร หลัง ๆ ของเริ่มเยอะก็แทบหมดแรง กว่าจะได้ซื้อของตัวเองนี่เหนื่อยเลย แต่ตอนนี้โอเคแล้วครับ เทรนมาจนอยู่ตัวแล้ว”

ว่าด้วยเรื่องกีฬาของครอบครัว “สปอร์ตี้”

2

ปาล์มได้ชื่อว่าเป็นนักกีฬาตัวยงมาตั้งแต่สมัยเรียนอยู่เมืองนอกพอเราถามถึงที่มา เจ้าตัวก็เล่าว่า “คุณแม่ให้ผมไปเรียนที่อังกฤษตั้งแต่อายุ 12 ปีครับ ซึ่งที่นั่นเขาเน้นเรื่องกีฬากัน อีกอย่างคือเล่นกีฬาแล้วจะมีเพื่อนและเป็นที่ยอมรับมากขึ้นด้วย โชคดีว่าผมชอบอยู่แล้ว อย่างตอนเด็ก ๆ คุณแม่ก็พาไปว่ายน้ำ เตะฟุตบอล ไดฟ์กอล์ฟ พอไปอยู่อังกฤษผมจึงเล่นได้หมด ทั้งรักบี้ ฮอกกี้ คริกเกต ส่วนใหญ่เล่นประมาณ 3 วันต่อสัปดาห์ จันทร์ พุธ ศุกร์ วันละเกือบ 4 ชั่วโมง เล่นจนได้เป็นนักกีฬาของโรงเรียน มีแข่งทุกวันเสาร์ สนุกดี ผมชอบการแข่งขันด้วยแหละ แต่หลังจากเรียนจบกลับมาทำงานที่เมืองไทยก็ไม่ค่อยได้เล่นแล้วครับ เพราะงานยุ่งมาก แบ่งเวลาลำบาก ส่วนใหญ่จะเข้าฟิตเนส แล้วก็มีนัดเตะฟุตบอลกับเพื่อน ๆ บ้างในวันอาทิตย์ แต่ช่วงนี้หยุดชั่วคราวครับ ปวดหลังเพราะเล่นกีฬาหนักไปหน่อย”

เห็นลูกเป็นนักกีฬาระดับนี้ มีหรือคุณแม่จะยอมน้อยหน้า ปาล์มเองยังออกปากเลยว่า “คุณแม่ก็ชอบออกกำลังนะครับ แต่ออกกำลังกับคีย์บอร์ด…คือเล่นเกมในมือถือกับในไอแพ็ด เล่นจนกล้ามนิ้วขึ้นเป็นมัด ๆแต่ช่วงนี้คงออกกำลังเยอะ ข้อมือซ้นจนหวีผมไม่ได้ (หัวเราะ) ลูกเตือนก็ไม่ฟัง”

คุณแม่ยอมจำนนด้วยหลักฐาน “ใช่ค่ะ ตอนนี้ต้องหยุดเล่นเพราะเจ็บข้อมือ และเริ่มเข้าใจลูกว่าทำไมตอนเด็ก ๆ เขาถึงได้ติดเกมแต่ก่อนเราเคยว่าเขาว่าถ้าไม่เลิกเล่นแม่จะริบเกม แต่ตอนนี้เข้าใจแล้วว่าติดเกมเพราะอะไร มันสนุกอย่างนี้นี่เอง”

เรื่องนี้…เซอร์ไพร้ส์สุด

เมื่อถามถึงความน่ารักของลูกชายคนโต คุณวิสาขาเล่าให้ฟังอย่างชื่นชมว่า “ถ้าเทียบกับเป๋า (น้องชาย) ปาล์มจะนิ่งกว่า เลี้ยงง่ายและเจ๊าะแจ๊ะแม่มากกว่า อย่างเราไปไหนเขาจะคอยโทร.ตาม คุณแม่ไปไหนจะกลับหรือยัง แต่เดี๋ยวนี้นาน ๆ จึงจะโทร.มาชวนไปกินข้าวที หรือบางทีปาล์มก็จะแวะมาหาแม่ที่บ้าน (ปาล์มอยู่บ้านคุณพ่อ) แต่มาแบบแว้บ ๆ นะ ยังไม่ทันกะพริบตา อ้าว…ลูกหายไปแล้ว (หัวเราะ) แต่เราจะไม่จู้จี้นะคะ เขาโตแล้ว ทำงานแล้ว ต้องให้อิสระเขาคิดเองทำเองไว้มีปัญหาค่อยมาถาม แต่ถ้าหายไปนาน ๆ เราก็ต้องโทร.ไปถามว่านานไปหน่อยไหม ไม่เจอหน้าเลย เขาก็จะรีบมา หรือบางทีเราโทร.ไปถามว่าปีใหม่ไปไหนลูก โน่น…ลูกพาหมาไปหัวหิน โอ้…เก๋นะ แล้วแม่ล่ะ”(หัวเราะ)

ปาล์มฟังถึงท่อนนี้แล้วแกล้งโวย “ปาล์มชวนแล้ว แต่คุณแม่ไม่ไปเอง แต่สุดท้ายก็ตามไปเจอกัน คือคุณแม่ชอบเซอร์ไพร้ส์ลูกน่ะครับอย่างสมัยผมเรียนอยู่เมืองนอก ท่านก็เคยบุกไปหา โดยทำเป็นโทรศัพท์มาคุยว่าจะนอนแล้ว พอผมวางหู คุณแม่ก็เดินเข้ามาเลย ถามว่าเป็นไงบ้างลูก ตอนนั้นผมกำลังดูทีวีอยู่กับน้องแล้วก็เพื่อน ๆ ก็ตกใจ บอกว่าคุณแม่จะบ้าเหรอ (หัวเราะ) คือไม่รู้จะพูดว่าอะไร แต่ก็ดีใจนะครับที่ท่านมาหา เซอร์ไพร้ส์ดี”

คุณแม่ขอเล่าบ้าง “เห็นอย่างนี้ปาล์มก็มีเรื่องเซอร์ไพร้ส์แม่เหมือนกันนะ เพราะเราเกิดวันที่ 12 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันแม่พอดี ปีหนึ่งปาล์มกับเป๋าถักนิตติ้งเป็นถุงใบเล็ก ๆ กับผ้าหนึ่งผืนมาให้เป็นของขวัญวันเกิด ทุกวันนี้ยังวางไว้ที่หัวนอน ปลื้มมาก คือลูกฉันไม่เป็นแต๋วนะแต่ถักมาให้แม่ได้” (หัวเราะ)

ปาล์มยิ้มสนุก “คือตอนนั้นผมเห็นคุณป้าคนหนึ่งถักอยู่ รู้สึกว่าน่าสนุก ไม่น่าจะยาก จึงลองทำดู แต่กว่าจะเสร็จใช้เวลาอาทิตย์กว่า ๆผมนั่งเป็นหุ่นยนต์เลย นั่งดูทีวีไปก็ถักไปจนสำเร็จ”

สุดท้ายวันเกิดควบวันแม่ปีนี้ ปาล์มจะมีเซอร์ไพร้ส์ให้คุณแม่ไหมยังไม่ทันได้ตอบ คุณแม่ชิงแซวก่อนว่า “แม่อายุเท่าไร รู้หรือยัง” เล่นเอาปาล์มไปไม่ถูกทาง “ผมไม่ทราบหรอกครับ (หัวเราะ) เพราะคุณแม่ชอบหลอกคนอื่นว่าอายุ 35 บ้าง เพิ่งเลยวัยเบญจเพศมาบ้าง ผมเลยไม่รู้สักที ยิ่งให้เดาจากหน้ายิ่งดูไม่ออก ใครจะไปเดาถูก สาวขนาดนี้ (ยิ้มเอาใจจนคุณแม่ใจอ่อนกระซิบอายุที่แท้จริงให้ฟัง) วันแม่ปีนี้ผมขอให้คุณแม่มีความสุขมาก ๆ ทุกปีเราจะมีปาร์ตี้อยู่แล้ว ปีนี้ 54 แล้ว ปาร์ตี้ก็ต้องจัดหนักเหมือนเดิมครับ ส่วนเรื่องลูกไม่ต้องเป็นห่วงอะไร เพราะผมจำที่แม่สอนได้ทุกอย่างสัญญาว่าจะทำตัวดี ไม่ให้ใครมาว่าได้ครับ”

 

ที่มา : คอลัมน์ LIVE STORIES นิตยสารแพรว ฉบับที่ 863 ปักษ์วันที่ 10 สิงหาคม 2558

บทความนี้ถือเป็นทรัพย์สินของเว็บไซต์แพรว ห้ามผู้ใดนำไปคัดลอก ดัดแปลง หรือทำซ้ำ อนุญาตให้แชร์บทความนี้ได้จากลิ้งค์นี้เท่านั้น

 

Praew Recommend

keyboard_arrow_up