แพรวดอทคอม
ภาพฝีพระหัตถ์ของจริง ร. 6 และ ร. 9 ในหอศิลป เจ้าฟ้า สมบัติล้ำค่าที่คนไทยควรไปชม
ระหว่างการเดินทางไปพระบรมมหาราชวังในช่วงที่ประชาชนคนไทยต่างพร้อมใจกันไปเคารพพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อีกหนึ่งสถานที่สำคัญอย่าง พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป์เจ้าฟ้า ที่นี่ไม่ได้มีแค่ผลงานของเหล่าศิลปินชั้นครูเท่านั้น แต่ยังมีภาพฝีพระหัตถ์ของพระมหากษัตริย์ไทยในราชวงศ์จักรี ทั้งของรัชกาลที่ 6 และรัชกาลที่ 9 อีกด้วย
ลึกซึ้งเกินกว่าจะอธิบาย เคยได้ยินไหม…พระราชดำรัสจาก “ในหลวงรัชกาลที่ 9” ถึงประชาชนคนไทยที่ควรรู้
พระราชดำรัสจาก “ในหลวงรัชกาลที่ 9” ถึงประชาชนคนไทยที่ควรรู้ “ในหลวงรัชกาลที่ 9” ทรงวางรากฐานเรื่อง “เศรษฐกิจพอเพียง” ให้คนไทยมานานหลายสิบปีแล้ว หลายคนเข้าใจว่าคือการประหยัด ใช้ชีวิตบนความเรียบง่าย ก็นับเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่ถ้าได้รู้ว่าความพอเพียงในศาสตร์พระราชา หรือปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระราชทานมามีความหมายลึกซึ้งมากกว่านั้น เพราะนับเป็นแนวทางการพัฒนาขั้นพื้นฐานที่ตั้งอยู่บนทางสายกลางและความไม่ประมาท ซึ่งคำนึงถึงความพอประมาณ ความมีเหตุมีผล การสร้างภูมิคุ้มกันในตัวเอง และเป็นแนวคิดที่ตั้งอยู่บนรากฐานของวัฒนธรรมไทย ตามที่ได้พระราชทานไว้ดังนี้ “…การพัฒนาประเทศจำเป็นต้องทำตามลำดับ ต้องสร้างพื้นฐาน คือความพอมีพอกิน พอใช้ของประชาชนส่วนใหญ่เบื้องต้นก่อน โดยใช้วิธีการและอุปกรณ์ที่ประหยัด แต่ถูกต้องตามหลักวิชาการ เมื่อได้พื้นฐานความมั่นคงพร้อมพอสมควรและปฏิบัติได้แล้ว จึงค่อยสร้างค่อยเสริมความเจริญและฐานะทางเศรษฐกิจขั้นที่สูงขึ้นโดยลำดับต่อไป…” (18 กรกฏาคม 2517) “…คนอื่นจะว่าอย่างไรก็ช่างเขา จะว่าเมืองไทยล้าสมัย ว่าเมืองไทยเชย ว่าเมืองไทยไม่มีสิ่งที่สมัยใหม่ แต่เราอยู่พอมีพอกิน และขอให้ทุกคนมีความปรารถนาที่จะให้เมืองไทยพออยู่พอกิน มีความสงบ และทำงานตั้งจิตอธิษฐาน ตั้งปณิธานในทางนี้ที่จะให้เมืองไทยอยู่แบบพออยู่พอกิน ไม่ใช่ว่าจะรุ่งเรืองอย่างยอด แต่ว่ามีความพออยู่พอกิน มีความสงบ เปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ ถ้าเรารักษาความพออยู่พอกินนี้ได้ เราก็จะยิ่งยวดได้…” (4 ธันวาคม 2517) “…เมื่อปี 2517 วันนั้นได้พูดถึงว่าเราควรปฏิบัติให้พอมีพอกิน พอมีพอกินนี้ก็แปลว่าเศรษฐกิจพอเพียงนั่นเอง ถ้าแต่ละคนพอมีพอกินก็ใช้ได้ ยิ่งถ้าทั้งประเทศพอมีพอกินก็ยิ่งดี […]
เจ้าของอาณาจักรฟาร์ม โชคชัย บูลกุล เผยเรื่องเล่าสุดซึ้งจากกระติกใส่นมถวาย “พ่อหลวง”
โชคชัย บูลกุล เป็นเจ้าของฟาร์มและสุดยอดนักสะสม แต่ไม่มีของสิ่งไหนจะมีคุณค่าเท่าสิ่งนี้อีกแล้ว… โชคชัย บูลกุล ครั้งหนึ่งเคยฝันเห็นตัวเองในชุดคาวบอยควบม้าอยู่ในฟาร์มกว้างสุดลูกหูลูกตา แต่กว่าจะก้าวถึงฝันนั้นได้ ต้องล้มลุกคลุกคลานมานับครั้งไม่ถ้วน จนได้เจอแสงสว่างที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 พระราชทานเป็นแนวทาง จนมีอาณาจักรฟาร์มโชคชัยดังเช่นทุกวันนี้ เป็นทั้งเจ้าของฟาร์มและสุดยอดนักสะสม ไล่ตั้งแต่รถยนต์คันงาม คริสตัลเพชร ปืนไรเฟิลกระบอกเท่ และของล้ำค่าอีกมากมาย แต่ก็ไม่มีสิ่งใดจะมีคุณค่าเทียบเท่ากระติกน้ำเก่าๆ ใบนี้ได้เลย เพราะเป็นกระติกใส่นมไปทูลเกล้าฯถวายพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ตำหนักสวนจิตรลดาเมื่อหลายสิบปีก่อน “ทั้งที่ขณะนั้นพระองค์ทรงมีวัวนมอยู่แล้ว 40 กว่าตัว รวมถึงโรงรีดนมและโรงงานพาสเจอไรซ์ แต่พระองค์ท่านรับสั่งว่าอยากได้นมของฟาร์มโชคชัยอาทิตย์ละ 2 ครั้ง ครั้งละ 4 ลิตร ผมจึงให้น้องภรรยานำไปทูลเกล้าฯถวายที่วัง ผมเดาว่าพระองค์ทรงอยากให้กำลังใจพวกเรา เพราะสมัยนั้นนมวัวยังไม่แพร่หลายในเมืองไทย ทำให้ขายไม่ดี และธุรกิจยังประสบปัญหาอีกสารพัด แต่ด้วยกำลังใจจากพระองค์ท่าน ทำให้ผมมีพลังสู้ต่อ และโคนมยังเป็นอาชีพพระราชทานด้วย ทำให้พวกเรารู้สึกภาคภูมิใจมาก “แล้วมีอีกครั้งตอนที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จฯไปห้วยแก้ว จังหวัดเชียงใหม่ ขณะที่พระองค์เสด็จฯกลับขึ้นรถ จู่ๆพระองค์หันหลังกลับมาหาผมที่ยืนในแถวรับเสด็จ แล้วมีรับสั่งว่า ‘คุณโชคชัย ต่อจากนี้คุณจะดีแล้ว’ น้ำตาผมไหลตรงนั้นเลย รู้สึกตื้นตันจนลืมทุกอย่าง แม้กระทั่งจะกราบเบื้องพระยุคลบาทยังคิดไม่ทัน และหลังจากนั้นฟาร์มโชคชัยก็ดีขึ้นเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบัน” เรื่อง […]
รวมภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ ในหลวงรัชกาลที่ 9 กับพระอิริยาบถอันสวยงามของสมเด็จพระบรมราชินีนาถ
นอกจากแผนที่และดินสอที่หลายคนมักเห็น ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงพกติดพระองค์ทุกครั้งยามทรงลงพื้นที่สำรวจสถานที่ต่างๆ เพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้แก่พสกนิกรชาวไทยให้มีชีวิตกินอยู่ที่ดีขึ้น กล้องถ่ายรูป ก็เป็นสิ่งสำคัญที่พระองค์ทรงพกติดพระวรกายอยู่เสมอ
“ทหารก็ต้องเป็นของประเทศชาติ หาใช่เป็นของบุคคลใด…” พระบรมราโชวาทของ ในหลวงรัชกาลที่ 9
ประเทศไทย เป็นประเทศที่รักความสงบไม่ชอบการรุกราน นั่นเป็นสิ่งที่ ในหลวงรัชกาลที่ 9 หรือพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเข้าพระราชหฤทัยและตระหนักรู้เกี่ยวกับประเทศไทยเป็นอย่างดี แต่ถึงอย่างนั้น พระองค์ก็ได้ตรัสว่า การมีกำลังรบย่อมเป็นสิ่งจำเป็น
4 ศิลปินผุดผลงานใหม่ เพื่อมูลนิธิรามาธิบดีฯ ไม่ใช่ของแบรนด์เนม แต่ลิมิเต็ดเอดิชั่น
จะบอกว่าของใช้น่ารักๆ ไม่ได้จะต้องผูกมัดกับคำว่าแบรนด์เนมเสมอไป ไอเท็มน่าใช้ที่ถูกออกแบบมาเพื่อการให้ ดังเช่นที่ มูลนิธิรามาธิบดีฯ ได้จัดทำขึ้นนี้ ก็สามารถสร้างความอิ่มเอมใจให้กับผู้นำไปใช้ได้ไม่มากก็น้อยเช่นกัน
พระปรีชาสามารถด้านศิลปะ ในหลวงรัชกาลที่ 9 กับ จิตรกรรมฝีพระหัตถ์
เป็นที่ทราบกันดีว่า ในหลวงรัชกาลที่ 9 หรือพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีพระปรีชาสามารถ เชี่ยวชาญศาสตร์หลายแขนง ไม่เว้นแม้แต่ด้านศิลปะทั้ง ภาพถ่าย ภาพวาดจิตรกรรม ซึ่งพระองค์สนพระราชหฤทัยมาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์
Sadness Survival Beauty Guide แต่งสวยซ่อนโศก
ช่วงเวลาแห่งความทุกข์โศกของคนไทยทั้งประเทศทำให้เหมือนเวลาดำเนินไปอย่างเชื่องช้า บวกกับสภาพอากาศอึมครึมชวนจิตตกทำให้ยากที่จะหลุดจากบรรยากาอาลัย จนยังต้องเสียน้ำตากันเป็นระยะๆ
สำรวจเส้นทาง ขสมก. ก่อนไปร่วมสร้างประวัติศาสตร์ ร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีถวายในหลวงรัชกาลที่ 9
นับตั้งแต่การประกาศสำนักพระราชวังเรื่องการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จนถึงวันนี้เหล่าพสกนิกรชาวไทย ต่างก็ร่วมใจแสดงความอาลัยร่ำไห้กันทั้งแผ่นดิน และในวันเสาร์ที่ 22 ตุลาคม 2559 นี้ก็จะมีเหตุการณ์สำคัญอีกครั้ง ที่จะเป็นการรวมพลังของประชาชนคนไทยทั้งชาติ ซึ่งจะมาร่วมร้องเพลงสรรเสิรญพระบารมีเพื่อแสดงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุุณ
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ตรัสถึงสิ่งที่ทำให้ พ่อหลวง ทรงพระสำราญ คือการทอดพระเนตรเห็นคนไทยรักกัน
แม้มีเรื่องโศกเศร้าอันยิ่งใหญ่จนหัวใจคนไทยแทบสลาย แต่คำสอนที่ พ่อหลวง พ่อของแผ่นดิน หรือในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่พึงตรัสให้คนไทยตระหนักรู้ถึงหน้าที่ของตัวเองนั้น ก็เป็นสิ่งที่ทำให้คนไทยหลายๆ คน ยังคงเดินหน้า ใช้ชีวิตต่อไป และหากจะเปลี่ยนแปลงบ้างก็คงเป็นเรื่องที่ คนไทยหันมาให้ความสำคัญต่อพระบรมราโชวาทของพ่อหลวง และได้นำมาปรับใช้กับชีวิตของตนเองเพื่อก่อประโยชน์สูงสุดทั้งต่อตนเองและสังคมกันมากขึ้น
จากวันนั้นถึงวันนี้ พระองค์ยังอยู่ในความทรงจำ ศาลากลางน้ำ ณ ทุ่งมะขามหย่อง
อีกหนึ่งในความทรงจำของคนในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ก็คือการได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท พระเจ้าแผ่นดินในรัชกาลที่ 9 และพระบรมวงศานุวงศ์อย่างใกล้ชิด
‘สุขพอที่พ่อสอน’ แอพพลิเคชั่นที่รวบรวมคำสอนของในหลวง
สวัสดีค่ะ อย่างที่ทราบกันว่าช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่คนไทยทั้งประเทศกำลังโศกเศร้าเสียใจต่อการจากไปของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช หรือในหลวงของเรา แต่การจมปรักเสียใจอยู่ตลอดเวลา ก็มีแต่จะถอยหลังเข้าคลอง ดังนั้นจุ๊เลยอยากแนะนำแอปพลิเคชั่น สุขพอที่พ่อสอน เพื่อแสดงความเสียใจ และเป็นประโยชน์แก่ตัวเราค่ะ
“ก็ปลื้มใจ ปลื้มใจว่ามีแม่ที่คนรัก…” พระราชดำรัสของในหลวงรัชกาลที่ 9 กษัตริย์ผู้รักแม่สุดดวงใจ
ในหลวงรัชกาลที่ 9 กษัตริย์ผู้ครองราชย์และดูแลทุกข์สุขประชาชนให้อยู่ใต้พระบารมีมากว่า 70 ปี พระองค์เปรียบเป็นศูนย์รวมใจของเหล่าพสกนิกรชาวไทย เป็นแสงสว่างชี้นำทางให้คนไทยเดินไปในเส้นทางสายกลาง พอเพียง มีความสุข เข้าใจความทุกข์ และเป็นกษัตริย์ผู้ที่คนไทยหลายสิบล้านคน เรียกพระองค์ว่า พ่อ
เบื้องหลังคำอวยพรปีใหม่ ส.ค.ส.พระราชทานจากในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่บางคนอาจยังไม่เห็น
เป็นที่ตั้งตารอของพสกนิกรชาวไทยทุกๆ ปีเมื่อถึงคราวนับวันเริ่มต้นเข้าสู่ปีใหม่ เพราะ ในหลวงรัชกาลที่ 9 หรือสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จะทรงมอบคำอวยพรลงบนบัตร ส.ค.ส.พระราชทาน ให้แก่ประชาชน ซึ่งความพิเศษนั้นคือ พระองค์ทรงนั่งพิมพ์คำอวยพรและออกแบบบัตร ส.ค.ส.พระราชทานด้วยพระองค์เอง
คณะผู้บริหาร-ศิลปินแกรมมี่ ร่วมใจแสดงความอาลัยแด่ในหลวงรัชกาลที่ 9
ไม่ว่าจะเป็นใครอยู่แห่งหนใด เวลานี้คนไทยทุกคนต่างก็มีความรู้สึกสูญเสียเช่นเดียวกัน กับการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2559 เวลา 15.52 น. ล่วงเลยมาถึงขณะนี้ต่างก็ได้เห็นความสมัครสมานสมัคคีของคนไทยที่ต่างร่วมใจแสดงความอาลัยแด่พระองค์โดยอย่างไม่มีข้อแม้
ไม่มีพระราชวังไหนในโลกเหมือนวัง “ในหลวงรัชกาลที่ 9” ต้นแบบความสุขที่ยั่งยืน
ไม่มีพระราชวังไหนในโลกเหมือน…พระตำหนักจิตรลดาฯ พระราชวังของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช นั้นไม่เหมือนวังอื่นๆ ซึ่งหรูหราอลังการด้วยสถาปัตยกรรมอันวิจิตรงดงาม เพราะที่นี่มีเพียงสิ่งปลูกสร้างเรียบง่าย แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยแนวทางสู่ความสุขและการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งพระองค์ท่านทรงวางไว้ให้เราหมดแล้ว “ไม่มีพระราชวังไหนในโลกเหมือนพระตำหนักจิตรลดาฯที่เต็มไปด้วยบ่อเลี้ยงปลาและไร่นาทดลอง อีกทั้งผองโคนม ผสมด้วยโรงสี และโรงงานหลากหลาย จึงพูดได้อย่างเต็มปากว่า ในประเทศไทยไม่มีช่องว่างระหว่างเกษตรกรและพระมหากษัตริย์ผู้ทรงทำงานอย่างหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดินด้วยพระองค์เอง” เบื้องต้นคือคำกราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคลของพลอากาศเอก หะริน หงสกุล ประธานรัฐสภา ในการพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2523 เป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นว่าพระราชวังของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช นั้นไม่เหมือนวังอื่นๆ ซึ่งหรูหราอลังการด้วยสถาปัตยกรรมอันวิจิตรงดงาม เพราะที่นี่มีเพียงสิ่งปลูกสร้างเรียบง่าย เน้นประโยชน์ใช้สอย มีทุ่งนา โรงงาน และโรงเรือนมากมาย แต่กลับดึงดูดผู้คนจํานวนมากจากทั่วประเทศ ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ให้เข้ามาเยี่ยมชมทุกปี ทุกคนต่างมาเพื่อดูว่าพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้ทรงทําสิ่งใดเพื่อประชาชนคนไทยบ้าง แล้วจะเห็นได้ว่าพระองค์ท่านได้ทรงวางแนวทางสู่ความสุขและการพัฒนาอย่างยั่งยืนไว้ให้เราหมดแล้ว สถานที่ในเขตพระราชฐาน พระตําหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิตแห่งนี้ เป็นจุดกำเนิดของโครงการทั้งสิ้นกว่า 4,000 โครงการ ซึ่งพระองค์ได้มีพระราชดําริ แล้วทรงใช้ที่ประทับส่วนพระองค์เพื่อศึกษาทดลองโครงการต่างๆตามแนวพระราชดําริด้วยพระองค์เอง เพื่อหาแนวทางพัฒนาและแก้ไขปัญหาทางการเกษตรให้แก่ประชาชน โดยใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ในการดําเนินงานทั้งสิ้น จึงเป็นที่มาของชื่อ “โครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา” พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงปลูกป่าและทำนามาตั้งแต่ปี พ.ศ.2504 โดยเริ่มจากในบริเวณสวนจิตรลดา เพราะไม่ไกลจากพระตำหนักสักเท่าไหร่ เวลาที่ทอดพระเนตรจะทรงเห็นได้ชัด แล้วยังมีพระราชดําริว่าการที่ชาวนาปลูกข้าวได้เพียงครั้งเดียวต่อปีนั้นไม่เพียงพอต่อการบริโภค จําต้องพัฒนาสายพันธุ์ข้าวซึ่งโตเร็ว ให้ผลผลิตสูง […]
ชาตินี้ไม่มีวันลืม โอ๊ต-ชัยสิทธิ์ จุนเจือดี ผู้เคยฉายพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวงรัชกาลที่ 9
ในชีวิตที่เกิดมา คงมีไม่กี่คนที่จะมีโอกาสได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับพระเจ้าแผ่นดิน 10 ปีก่อนหน้านี้ สำหรับ โอ๊ต ชัยสิทธิ์ จุนเจือดี จึงมีเรื่องเล่าความทรงจำมากมาย ที่ครั้งหนึ่งสมัยเขาอายุเพียง 19 ปี นั้นมีบุญเหลือเกินที่ได้เข้าไปรับใช้งานในสำนักพระราชวัง ในฐานะของช่างภาพ
“นั่นลูกศิษย์เรา” พระสุรเสียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 ต่อ ดร.ภาธร ศรีกรานนท์ สุดประทับใจในชีวิตสายดนตรี
เป็นเรื่องราวที่ดีที่ควรค่าแก่การบอกต่อ เพราะ ในหลวงรัชกาลที่ 9 มิได้ทรงสอนแค่การเล่นดนตรี แต่ทรงสอนการใช้ชีวิต เพื่อให้ทุกคนตระหนักรู้ถึงหน้าที่ของตัวเองและมีสติอยู่เสมอ