swedish princess

แฟชั่นนิสต้าตัวน้อย! ส่องกระเป๋าใบโปรดของ เจ้าหญิงเอสเตลล์แห่งราชวงศ์สวีเดน

swedish princess
swedish princess

ฉายแววแฟชั่นนิสต้าในพระชันษา 9 ปี เจ้าหญิงเอสเตลล์แห่งราชวงศ์สวีเดน กับกระเป๋าลายสก็อต ขนาดกะทัดรัด ที่ทรงหยิบมาใช้ จนผู้คนให้ความสนใจ

เจ้าหญิงเอสเตลล์ ซิลเวีย อีวา มารี ดัชเชสแห่งเอิสเตร์เยิตลันด์ รัชทายาทลำดับที่ 2 แห่งราชวงศ์สวีเดน เป็นพระราชธิดาพระองค์แรกในมกุฎราชกุมารีแห่งสวีเดน กับเจ้าชายดาเนียล ดยุกแห่งเวสเตร์เยิตลันด์ ถือเป็นพระราชนัดดาพระองค์แรกของสมเด็จพระราชาธิบดีคาร์ลที่ 16 กุสตาฟ กับสมเด็จพระราชินีซิลเวีย

ซึ่งมีพระชันษาครบ 9 ปี ไปเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และครั้งที่พระองค์ทรงเข้าร่วมงานเปิดสะพานใหม่ Slussbron ที่เชื่อมระหว่าง Stadsholmen และ Södermalm ในสตอกโฮล์ม เมืองหลวงของสวีเดน การแต่งกายของเจ้าหญิงพระองค์น้อยถูกพูดถึงเป็นอย่างมาก

โดยพระองค์ทรงสวมเสื้อโค้ตสีเดียวกับพระมารดา ถือเป็นแฟชั่นแม่ลูกที่ดูเข้ากันได้ดีมากๆ เจ้าหญิงเอสเตลล์ใส่เสื้อโค้ตสีน้ำตาลคู่กับกางเกงขายาวสีดำ ที่ด้านปลายของกางเกงบานออกเล็กน้อย เสริมลุคด้วยผ้าพันคอสีดำผืนใหญ่ที่ให้ความอบอุ่นได้ดี ส่วนถุงมือและรองเท้าก็ทรงเลือกสวมสีดำเช่นกัน

แต่นอกจากชาวสวีเดนจะให้ความสนใจกับโททัลลุคที่ออกมาสมบูรณ์แบบแล้ว ไอเท็มที่ถูกโฟกัสและเห็นชัดมาแต่ไกลก็คือกระเป๋าสะพายข้างใบสีน้ำตาลนั่นเอง ที่ดีไซน์มีความวินเทจมาพร้อมกับลายสก็อตสีเขียวม่วงตกแต่งด้วยลายพิมพ์ม้า แม้ยังไม่ทราบว่าเป็นของแบรนด์ใด หรือเป็นสินค้าที่มีขายทั่วไปในสวีเดน แต่ผู้คนต่างหยิบมาเป็นประเด็นและพูดถึงกันอย่างมาก

   

ย้อนไปเมื่อช่วงต้นปี 2020 เจ้าหญิงเอสเตลล์ก็ทรงหยิบกระเป๋าใบนี้ออกมาใช้เช่นกัน เรียกได้ว่าเป็นกระเป๋าใบโปรดของเจ้าหญิงพระองค์น้อยเลยทีเดียว ด้วยความที่มีขนาดกะทัดรัดกำลังดี ไม่เล็กหรือใหญ่จนเกินไป เด็กๆ สามารถสะพายได้อย่างคล่องตัว


ภาพ : IG@royaladdicted_new , adviser.pk

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ปังได้อีก! ลุคทำบุญ ชมพู่ อารยา ใส่เสื้อเชิ้ต นุ่งผ้าซิ่น ประโคมแบรนด์เนม

ทำไม เจนนี่ BLACKPINK เลี่ยงการสวมเครื่องประดับในชีวิตประจำวัน

ชุดเดียวแสน 4! ซอเยจี บนพรมแดง งานประกาศรางวัล สวยเซ็กซี่จนหัวใจจะวาย

 

‘จากไม่เคยแคร์ แต่วันนี้ดวงเปลี่ยน คุณพร้อมจะหยุดตรงนี้ที่เธอ’ ดูดวงรายวัน 10 เมษายน 2564

ดูดวงรายวัน 10 เมษายน 2564 #หมอปุ้ยพยากรณ์ เช็กทุกวัน เป๊ะปังทุกดวง ทั้งการงาน การเงิน ความรัก และสุขภาพ

‘หากได้พบคนที่ใช่ คุณก็พร้อมจะหยุดตรงนี้ที่เธอ’

ดูดวงรายวัน 10 เมษายน 2564

ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์

การงาน : คุณเป็นผู้หญิงเก่งที่มีทั้งความรู้ ความสามารถ และบารมีจากตำแหน่งหน้าที่การงาน แต่ตอนนี้อาจมีงานบางชิ้นที่ยังไม่ผ่านขั้นตอนการอนุมัติเสียที ซึ่งส่งผลให้คุณร้อนรุ่ม กระวนกระวาย เป็นทุกข์ใจกับการทำงานอย่างมาก เมื่อทำอะไรให้ดีขึ้นไม่ได้ ก็คงต้องทำใจ ยึดมั่นในความถูกต้อง ถูกครรลองคลองธรรม ไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับงานสีเทาทุกรูปแบบ เพราะจะนำความเดือดร้อนมาให้คุณได้ในภายหลัง

การเงิน  :  มีความสามารถสร้างรายได้เลี้ยงตัวเอง แต่ช่วงนี้อาจเพราะรายจ่ายเยอะ จึงเริ่มติดขัดจนถึงร้อนเงิน เพราะฉะนั้นก็ควรประหยัด อยู่อย่างพอเพียง

ความรัก หากคุณมีตำแหน่งหน้าที่การงานสูง มีสถานะภาพทางสังคม ประมาณไฮโซ  เซเล็บก่อนจะตัดสินใจออกไปสังสรรค์ปาร์ตี้กับผู้อื่นที่ไม่ใช่คู่คุณ ก็ควรไตร่ตรองให้ดี เพราะช่วงนี้ทางการดูแลสถานบันเทิงเข้มงวด จึงมีความเสี่ยงสูงที่จะตกเป็นข่าว คนโสดคุณทำงานเก่ง แต่เรื่องความรักอาจตกอยู่ในเงามืด เปิดเผยไม่ได้ จนเข้าใจสัจจธรรมแล้วว่า มีรักก็มีทุกข์

สุขภาพ : คุณมีพลังล้นเหลือจึงยากที่จะเจ็บไข้ได้ป่วย วันนี้อาจพลาดตรงที่คุณทำงานหนัก จนร่างกายไม่ได้พักผ่อนเต็มที่ รับประทานอาหารไม่ตรงเวลา รวมถึงการดื่มแอลกอฮอลล์

 

ผู้ที่เกิดวันจันทร์

การงาน  :  สำหรับผู้ทำงานหรือเกี่ยวข้องกับงานที่ต้องติดต่อประสานงาน การเจรจาประนีประนอม ฝ่ายขาย งานโฆษณา ประชาสัมพันธ์ ฯลฯ รวมทั้งผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในการใช้ภาษา ช่วงนี้คุณขยันและตั้งใจทำงานอย่างมาก นอกจากงานของตัวเองแล้ว ยังรับเป็นที่ปรึกษาให้กับผู้อื่นด้วย โดยใช้ความรู้ ความสามารถ และบารมีจากตำแหน่งหน้าที่การงานของตัวเอง จนเพื่อนร่วมงานและผู้ใต้บังคับบัญชาให้การยอมรับในความสามารถของคุณ ซึ่งจะส่งผลไปถึงโอกาสในการเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งในเวลาอันใกล้นี้

การเงิน :ปกติคุณเป็นคนประหยัด ยกเว้นเรื่องที่เกิดจากความรักหรือคนรักที่คุณไม่อาจขัดได้ ช่วยเหลือตลอดๆ จนคุณเองเดือดร้อน จึงควรเก็บเงินไว้บ้าง

ความรัก :ชีวิตคู่ของคุณเรียกว่ารักกันดี อยู่กันอย่างราบเรียบ และราบรื่น ช่วยกันทำมาหากิน เป็นคู่คิดและให้คำปรึกษาที่ดีต่อกัน คู่คุณก็ให้เกียรติคุณอย่างดี วันนี้จึงไม่น่าจะมีปัญหาอันใด คนโสด คุณเป็นนักรักตัวยง แล้วก็ขี้หึงสุดๆ ซึ่งวันนี้หากคุณเลือกที่จะคบกับใครจะมีเป้าหมายชัดเจนเลยว่า มีความเป็นไปได้ที่จะพัฒนาไปถึงชีวิตคู่

สุขภาพ  : หากใครที่จะเดินทางกลับบ้านในช่วงหยุดยาวสงกรานต์ ควรดูแลตัวเองให้ดี อย่าประมาท ทั้งในเรื่องของโรคภัย และอุบัติเหตุ หลีกเลี่ยงการสังสรรค์ปาร์ตี้ ดื่มไม่ขับ

 

ผู้ที่เกิดวันอังคาร

การงาน :  ที่ผ่านมาถือว่าคุณโชคดีในการทำงาน ทั้งผู้ใหญ่ให้การสนับสนุน ส่งเสริม ช่วยเหลือ รวมถึงเพื่อนร่วมงาน และผู้บังคับบัญชาก็รักและเอ็นดูคุณเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ทำงานหรือเกี่ยวข้องกับงานเขียน งานสื่อมวลชน รวมถึงนักวิทยาศาสตร์ นักประดิษฐ์คิดค้น ช่วงนี้มีความเป็นไปได้สูงที่คุณจะได้บุกเบิกงานใหม่ หรือได้พบช่องทางทำมากินใหม่ๆ  โดยได้รับมอบหมายให้เป็นหลักของทีมทำงาน แต่ก็ต้องลดอีโก้และความเชื่อมั่นในตัวเองลง ใส่ใจในความรู้สึกของทีมงานให้มากขึ้น เพื่อป้องกันการเกิดดราม่าจนส่งผลเสียต่อการทำงาน

การเงิน :รายจ่ายของคุณอยู่ที่การช่วยเหลือผู้อื่น และทำงาน ซึ่งคุณก็ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับผลตอบแทนอยู่แล้ว ก็อาจขัดสนบ้างในช่วงแรก แต่เมื่อมีผลงานก็จะทำให้คุณมีทั้งชื่อเสียง และเงินทอง

ความรัก :  ชีวิตครอบคุณคุณอยู่กันอย่างผู้ใหญ่ เป็นเพื่อนคู่คิดและที่ปรึกษาในการทำงานมากกว่าจะหวานแหวตามประสาคู่รัก แม้วันนี้จะเป็นวันหยุดที่เริ่มต้นวันหยุดยาว แต่คุณก็ให้ความสำคัญกับเรื่องงานมากกว่าครอบครัว คนโสด  จากประสบการณ์ที่เคยผิดพลาด ทำให้คุณไม่กล้าที่จะรักใครอีก วันนี้จึงทุ่มไปที่งานและครอบครัวมากกว่า

สุขภาพ  :  เดินดีๆ นะคะ ระวังหกล้ม จะทำให้เกิดอาการบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อ กระดูก และเส้นเอ็นต่างๆ โดยเฉพาะช่วงขาและหลังมีโอกาสที่จะปวดหลัง ปวดตามข้อ และกระดูก  จึงควรยืดเหยียด ร่างกายอย่างสม่ำเสมอ

 

ผู้ที่เกิดวันพุธ

การงาน :  สำหรับผู้ที่ทำงานหรือเกี่ยวข้องกับงานที่ต้องใช้ความคิดและจินตนาการ เช่น งานออกแบบสร้างสรรค์ งานโฆษณา ประชาสัมพันธ์ ศิลปิน นักเขียน ฯลฯ แต่เพราะจินตนาการของคุณที่ล้ำเกินขอบเขตที่จะทำได้ จึงทำให้คุณทำงานร่วมกับคนอื่นยาก แล้ววันนี้เพื่อนร่วมงานหรือเจ้านายก็มีแนวโน้มที่จะไม่ยอมรับความคิดเห็นของคุณเสียด้วย ดังนั้น หากเป็นไปได้จึงควรรับงานมาทำเอง หรือทำเป็นโครงการของตัวเอง สบายใจกว่า ไม่ต้องเครียดด้วย

การเงิน :  คุณใจดี ใจบุญ ช่วยเหลือผู้อื่นโดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน โดยเฉพาะวันนี้วันเสาร์อาจมีนัดเลี้ยงสังสรรค์ในหมู่เพื่อนฝูง ญาติมิตร ก็ต้องระวังเงินจะหมดและโควิด-19 ด้วยนะคะ

ความรัก :  คุณมีความคิดเป็นของตัวเองชัดเจนมาก และไม่ยอมที่จะปรับเปลี่ยน ดังนั้น จึงกลายเป็นปัญหาที่แก้ไม่ตกในชีวิตคู่ของคุณ วันนี้ก็เช่นกัน มีความเป็นไปได้ที่หัวข้อความขัดแย้งจะเกี่ยวกับการไปเที่ยว สังสรรค์ปาร์ตี้ ซึ่งคุณน่าจะชนะนะ   คนโสด คุณมีเสน่ห์ จึงไม่น่าเป็นห่วงในเรื่องนี้นัก แต่ที่น่าเป็นห่วงก็คือ ต้องดูให้ออกว่า ใครหลอกลวง หรือจริงใจ ซึ่งคุณก็ไม่เหนื่อยที่จะลองคบไปเรื่อยๆ

สุขภาพ :  สภาพร่างกายของคุณจะไวต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ช่วงนี้เดี๋ยวฝนตก เดี๋ยวแดดออก จึงต้องระวังจะเจ็บไข้ได้ป่วย แล้วยิ่งสถานการณ์ตอนนี้แม้คุณจะป่วยเป็นไข้หวัดธรรมดา จิตอาจตกได้ เพราะอาการเบื้องต้นคล้ายกับโควิด-19  ทางที่ดีควรดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงไว้ดีที่สุดค่ะ

 

ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี

การงาน  :คุณเป็นคนทำงานสายสตรอง ลุย ถึงไหนถึงกัน ไม่ค่อยรับฟังความคิดเห็นของคนอื่น ก็ต้องระวังการตัดสินใจที่เฉียบขาด แต่ขาดความรอบคอบ จะทำให้เกิดความผิดพลาดที่ไม่น่าเกิดขึ้น เช่น คุณอาจต้องแบกรับภาระความรับผิดชอบงานหนักอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ มีปัญหาและอุปสรรคที่ต้องแก้ไข ซึ่งอยู่ภายใต้การจับตามองของเจ้านายอย่างใกล้ชิด แต่อย่างไรก็ตามเมื่อถึงที่สุดแล้ว ด้วยปฏิภาณ  ไหวพริบ และบารมีจากตำแหน่งหน้าที่การงานของคุณ ก็จะสามารถพลิกแพลงกลยุทธ์หาทางออกให้กับตัวเองได้

การเงิน :  คุณเป็นนักลงทุน ทำงานมาได้เท่าไหร่ก็นำไปลงทุนจนหมด แล้ววันนี้คุณมีโอกาสได้รับโชคลาภ หรือลาภลอยมาแบบเฮงๆ ปังๆ อย่างไม่คาดคิดมาก่อน

ความรัก :  สำหรับสาวสตรองอย่างคุณ ให้ความสำคัญกับการทำงานมากกว่าเวลาของครอบครัว แต่หากคุณหึงหวง หรือเรียกร้องความสนใจก็เต็มที่เหมือนกัน คู่คุณก็ห้ามขัดใจ คนโสด ากเป็นเมื่อก่อน หากคุณถูกใจใครก็ไม่แคร์ว่าจะถูกต้องหรือเปล่า เพราะด้วยภาระหน้าที่ทำให้คุณไม่สามารถจะจริงใจด้วยได้ แต่วันนี้หากได้พบคนที่ใช่ คุณก็พร้อมที่จะหยุดตรงนี้ที่เขา

สุขภาพ :  โหมงานหนักมาก จึงต้องระวังจะเกิดโรคที่สืบเนื่องจากการปฏิบัติงาน โดยเฉพาะหัวใจ และสมอง

 

ผู้ที่เกิดวันศุกร์

การงาน : หากคุณกำลังเผชิญอยู่กับปัญหาและอุปสรรคที่สร้างความขัดแย้งในออฟฟิศ จนเพื่อนร่วมงานทะเลาะกันเอง ซึ่งส่งผลให้คุณรู้สึกวิตกกังวล  ไม่สบายใจ หรือท้อแท้ใจกับความสัมพันธ์ในระยะยาว ดังนั้น วันนี้จึงควรใช้ความรู้ ความสามารถ และบารมีจากตำแหน่งหน้าที่การงานของคุณ คลี่คลายปัญหาให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี แต่ก็ยังต้องระวังดราม่าที่จะส่งผลให้คุณถูกฟ้องร้อง เป็นคดีความ จึงควรหาเพื่อนที่ไว้ใจ หรือปรึกษาผู้รู้ผู้มีประสบการณ์จะทำให้งานดำเนินไปได้อย่างราบรื่น

การเงิน : มีความสามารถทำงานสร้างรายได้ที่มั่นคงให้กับตัวเอง ซึ่งมาจากอำนาจ วาสนา และบารมี แต่วันนี้อาจมีรายจ่ายประเภทงานเลี้ยงสังสรรค์  ก็ไม่ควรรับอาสากู้ยืมเงินแทน หรือเซ็นสัญญาค้ำประกันให้ใคร เพราะคุณอาจต้องรับผิดชอบหนี้สินแทน

ความรัก :หากคุณอยู่ด้วยกันเพื่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่น เพื่อครอบครัว เพื่อผู้ใหญ่ หรือเพื่อตำแหน่งหน้าที่การงาน ก็ควรลดทิฐิหรือความเชื่อมั่นในตัวเองลงบ้าง จะได้อยู่กันอย่างมีความสุข  คนโสดสำหรับผู้หญิงทำงาน มีอำนาจบารมี หากจะมีแฟนก็คงต้องส่งเสริมและสนับสนุนในหน้าที่การงานของคุณได้ วันนี้คุณมีดวงที่จะได้พบกับบุคคลนั้นค่ะ

สุขภาพ :  คุณมีพลังล้นเหลือ ความเจ็บป่วยทำอะไรคุณไม่ได้ ยกเว้นหากคุณทำงานหนักจนร่างกายไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ อวัยวะที่จะมีผลกระทบเป็นอันดับแรกคือ  หัวใจ และโรคที่เกี่ยวกับหัวใจทุกประเภท รวมถึงสายตา

 

ผู้ที่เกิดวันเสาร์

การงาน  :  สำหรับผู้ที่ทำงาหรือเกี่ยวข้องกับงานที่ต้องใช้ความรู้ ความสามารถ ในการแก้ปัญหา เช่น บุคคลในเครื่องแบบ นักกฎหมาย นักการเมือง การปกครอง ทนายความ ผู้พิพากษา ฯลฯ ที่ผ่านมาคุณอาจใช้ความคิดและจินตนาการมากเกินขอบเขตในอำนาจหน้าที่ จนยากที่จะทำงานร่วมกับผู้อื่น วันนี้คุณมีช่องทางที่จะได้ไปบุกเบิกงานใหม่ของตัวเอง หรือนำโครงการเดิมมาปรับปรุงพัฒนาใหม่ ซึ่งเป็นทางออกที่ดี และก็มีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จด้วยดี

การเงิน :  คุณทำงานเก่ง สามารถหมุนเงินและต่อยอดเงินได้ดี แต่อุปสรรคของคุณก็คือ ใจดี ชอบช่วยเหลือผู้อื่นโดยไม่หวังผลตอบแทน วันนี้ก่อนจะตกลงรับปากหรือเซ็นสัญญาใดๆ โดยเฉพาะเรื่องผลประโยชน์และเงินทองควรดูให้ดี เพราะคุณอาจเสียทั้งเงินและเครดิต ในกรณีที่ทำไม่ได้อย่างที่รับปากไว้

ความรัก :วันเสาร์นี้คู่คุณอาจเซอร์ไพร์ส ด้วยการอยู่บ้านเป็นแฟมิลี่แมนที่ดี แม้คุณจะไม่คุ้นชินกับการพูดคุยกันกระหนุงกระหนิงประสาคู่รัก แต่ก็นับว่าเป็นโอกาสดี ก็ปรึกษาหารือในเรื่องงาน และเรื่องครอบครัวก็ได้ คนโสด คุณชอบอยู่กับสังคม เรียนรู้มิตรมากหน้าหลายตา เพื่อนำสิ่งที่ได้จากการเรียนรู้มาเปรียบเทียบเพื่อหาผู้ที่เหมาะสมกับคุณมากที่สุด

สุขภาพ :  วันหยุดยาวนี้เหมาะกับการบิ๊กคลีนนิ่งอย่างยิ่ง เพราะเดิมร่างกายคุณก็อ่อนไหวกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงง่ายอยู่แล้ว หากยิ่งเจอฝุ่นในบ้านเข้าไปอีก จะยิ่งทำให้เป็นภูมิแพ้ หายใจไม่สะดวก จนถึงเป็นไซนัสอักเสบ

 

 

kunjun

สุภาพ เทคแคร์เก่ง นี่แหละ! น้องคุณ-น้องจุน ลูกชาย เคน-ธีรเดช วงศ์พัวพัน

Alternative Textaccount_circle
kunjun
kunjun

ถือเป็นสองครอบครัวที่สนิทสนทกันมาตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่เลยทีเดียว สำหรับแก๊งเด็กทายาทคนดัง พี่คุณ & พี่จุน (ลูกชายของ เคน-ธีรเดช และ หน่อย-บุษกร) กับ น้องสายฟ้า & น้องพายุ (ลูกชายของ ชมพู่-อารยา และ น็อต-วิศรุต) ที่มักไปทำกิจกรรมเล่นสนุกด้วยกันอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งนอกจากความน่ารักของทั้ง 4 หนุ่มแล้ว สิ่งหนึ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจนเลยก็คือพี่ๆ ทั้งสองคน คุณและจุน สุภาพ ใจเย็น เทคแคร์ดูแลน้องๆ สายฟ้าและพายุ ได้ดีมากๆ จนขนาดแม่ชมเองก็เคยเอ่ยปากชื่นชมด้วย

ลูกชาย เคน-ธีรเดช วงศ์พัวพัน

ความสุภาพ : ครั้งหนึ่งในรายการ 3 แซบ ได้เชิญเคนและลูกชายทั้งสองไปออกรายการ ซึ่งตลอดทั้งเทปน้องๆ นอกจากจะตอบคำถามได้น่ารักน่าเอ็นดูแล้ว ก็ยังพูดจาไพเราะ จนหลายคนชมไม่ขาดปาก ซึ่งคุณแม่หน่อยภูมิใจมากและได้ออกมาขอบคุณทุกคนที่รักและเอ็นดูลูกๆ ของเธอ

เทคแคร์เก่ง : ก่อนหน้านี้คุณพ่อสุดหล่อเองก็เคยให้สัมภาษณ์ถึงลูกชายว่า ทั้งสองค่อนข้างที่จะเป็นเด็กที่ดูแลกันและกัน แม้จะมีทะเลาะกันบ้างตามประสาเด็กผู้ชายแต่เดี๋ยวก็ดีกัน ขณะที่แม่หน่อยก็เคยให้สัมภาษณ์เช่นเดียวกันว่าแม้สามีจะให้ความใกล้ชิดกับลูกมาก ค่อนข้างดุแต่ก็เป็นคนที่ใจเย็นและมีเหตุผลมากๆ  ซึ่งจากเหตุผลนี้เองนี่อาจเป็นหนึ่งสิ่งดีๆ ที่สองหนุ่มได้รับการถ่ายทอดมาจากคุณพ่อก็เป็นได้

สุภาพ  เทคแคร์เก่ง นี่แหละ! น้องคุณ – น้องจุน ลูกชาย เคน-ธีรเดช วงศ์พัวพัน

ครอบครัว หน่อย-บุษกร

น้องคุณ-น้องจุน น้องคุณ-น้องจุน

ลูกชาย เคน-ธีรเดช วงศ์พัวพัน

ลูกชาย เคน

ลูกชาย หน่อย

น้องคุณ

น้องจุน

น้องจุน


ภาพจาก : TIK TOK @Little_ohae

สามารถติดตามอ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่

เปิดบ้านสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่ญี่ปุ่นของ “หน่อย-เคน” พื้นที่อบอุ่นของครอบครัววงศ์พัวพันธ์

ย้ำ! ไม่เคยนอกใจคนรัก เคน-ธีรเดช สายเปย์ (เมีย) ถือคติ “ภรรยาแฮ็ปปี้ เราก็แฮ็ปปี้”

นี่สิ! นักแสดงคุณภาพตัวจริง หน่อย-บุษกร Real Star…So Shine

นาย ณภัทร

หล่อ นิสัยดี กตัญญู “นาย ณภัทร” เผยเป้าหมายใหญ่ในชีวิต เก็บเงินซื้อบ้านให้แม่

นาย ณภัทร
นาย ณภัทร

รอยยิ้มและเสียงหล่อระดับซูเปอร์วอร์มของ นาย ณภัทร เสียงสมบุญ คือซิกเนเจอร์ที่เชิญชวนให้สาวๆ ตกหลุมรัก ยิ่งได้พุดคุยกับเขาทั้งเรื่องความคิดและความตั้งใจในชีวิต หรือจะเป็นฝีไม้ลายมือในหลายๆ ด้านของเขา ก็ยิ่งสัมผัสถึงเสน่ห์และความสามารถที่จะทำให้เขาก้าวต่อไปได้อีกยาวนาน

หล่อ นิสัยดี กตัญญู “นาย ณภัทร” เผยเป้าหมายใหญ่ในชีวิต เก็บเงินซื้อบ้านให้แม่

“บ้าน” คือเป้าหมายใหญ่

“เป็นความตั้งใจของผมมาตั้งแต่เด็กแล้วว่าพอทำงานแล้วจะเก็บเงินซื้อบ้านให้แม่  ประกอบกับผมติดบ้านมากๆ พอกลับจากการทำงานเหนื่อยๆ จะอยากนอนพักอย่างเดียว ซึ่งถ้าบ้านมีทุกอย่างที่ผมต้องการก็ไม่อยากออกไปไหนแล้ว ผมชอบบ้านแบบโมเดิร์นมินิมัลสีขาวที่มีการออกแบบโครงสร้างโดยคำนึงถึงเรื่องแสงและทิศทางลม มีต้นไม้เยอะๆ รวมทั้งมีเสียงเพลงในบ้าน ซึ่งสไตล์ผมกับแม่ไม่เหมือนกันเลย จึงต้องมีตีกันแน่นอนครับ (หัวเราะ) เพราะแม่ชอบบ้านแบบมีพื้นที่เยอะๆ มีสวนกว้างๆ และไม่ใช่สไตล์โมเดิร์น  จึงต้องพยายามหาดีไซน์ที่ลงตัว ผมคิดว่าถ้าสร้างบ้านทั้งทีก็ต้องอยู่นานเกิน 10 ปี จึงอยู่ระหว่างการตัดสินใจว่าจะซื้อบ้านสำเร็จรูปหรือจะสร้างใหม่ในพื้นที่ของตัวเอง เวลาผมไปตระเวนดูตามหมู่บ้าน พอเห็นบ้านดีไซน์ถูกใจก็จะเกิดกำลังใจและไฟในการทำงาน เพื่อให้เป้าหมายเรื่องบ้านสำเร็จในปีนี้ให้ได้”

นาย ณภัทร เสียงสมบุญ

“กล้องฟิล์ม” ของสะสมสุดรัก

อีกเรื่องที่นายกำลังอินสุดๆ ตอนนี้คือ กล้องฟิล์ม “ผมมองว่าการถ่ายภาพเป็นกิจกรรมที่ช่วยคลายเครียดดี หรือบางทีเวลากลับจากการทำงานเหนื่อยๆ แค่เปิดตู้หยิบกล้องออกมาจับดู แค่นี้ก็แฮ็ปปี้แล้ว ตอนนี้ผมชอบกล้องฟิล์ม  เพราะทำให้การถ่ายรูปสนุกขึ้นซึ่งกล้องแต่ละตัวมีคาแร็คเตอร์ไม่เหมือนกันเลย  ผมจึงมีหลายตัว(ยิ้ม)  ล่าสุดสั่งทำตู้โชว์ไว้ แม้อายุการใช้งานของกล้องจะค่อนข้างนานแต่พอถ่ายภาพได้แนวที่ต้องการจนรู้สึกว่าอยากเปลี่ยนสไตล์ก็จะขายต่อไปบ้าง ที่เปลี่ยนบ่อยหน่อยคงจะเป็นเลนส์ครับ  เพราะพอเปลี่ยนเลนส์ สไตล์ของภาพก็จะเปลี่ยนไปด้วย  เมื่อก่อนผมชอบถ่ายภาพทิวทัศน์หรือไม่ก็อาคารที่มีโครงสร้างสวยๆ เน้นแสงเงากับแนวแอ๊บสแตร็กต์ แต่พักหลังหันมาถ่ายรูปผู้คนด้วย เป็นแนวพอร์เทรตสามารถเข้าไปติดตามผลงานของผมได้ในไอจี @naphat_nine_film นะครับ”

นาย ณภัทร เสียงสมบุญ

น้ำใจจากพี่นายถึงน้องๆ

“ผมทำโครงการที่ช่วยเรื่องทุนการศึกษาของเด็กๆมาพอสมควร อย่างปีที่แล้วผมทำปฏิทินและจัดนิทรรศการ ‘ปฏิทิน นาย ณภัทร 2019’ ที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร  เพื่อหาทุนจากการประมูลไปมอบให้น้องๆในโรงเรียนต่างจังหวัด เป็นงานที่ผมลงมือทำเองทุกขั้นตอน ตั้งแต่อาร์ตไดเร็คชั่น งานเลย์เอ๊าต์ ดีไซน์ รวมไปถึงกราฟิก ที่สุดได้เงินบริจาคกับเงินประมูลประมาณกว่า 6 แสนบาท นำไปมอบให้โรงเรียนทั้ง 6 แห่งเรียบร้อยแล้วครับ (ยิ้มปลื้ม)

“ส่วนอีกงานคือ ‘นาย ปาล์ม ระหว่างทางเพื่อน’ เป็นนิทรรศการภาพถ่ายกล้องฟิล์มของงานเบื้องหลังภาพยนตร์ Friend Zone ซึ่งรายได้ทั้งหมดจากการขายภาพก็นำไปมอบให้โรงเรียนขาดแคลนแล้วเช่นกัน นอกจากนี้ผมยังมีบริจาคอุปกรณ์กอล์ฟให้โรงเรียนที่ต้องการอีกด้วย

“เหตุผลที่ผมอยากช่วยเรื่องการศึกษาอย่างจริงจัง นอกจากเรื่องของความสุขใจแล้ว ยังจำได้ว่าสมัยเด็กคุณแม่ทำงานคนเดียวค่าใช้จ่ายเรื่องเรียนของผมสูงมาก เนื่องจากเรียนโรงเรียนนานาชาติแล้วยังชอบเล่นกอล์ฟ ซึ่งตอนนั้นผมก็อยากเอาดีทั้งสองอย่าง  แต่ความที่บ้านเราไม่ได้มีสตางค์ จึงรู้สึกว่าโชคดีมากที่มีผู้ใหญ่ใจดีรวมทั้งโรงเรียนคอยช่วยเหลือมอบทุนให้ผม พอโตขึ้นก็คิดว่ายังมีเด็กที่เป็นแบบผมอีกเยอะ ในฐานะที่ผมเคยได้รับการช่วยเหลือจึงเข้าใจอย่างดีเลยว่าการได้โอกาสแต่ละครั้งมีความสุขขนาดไหน มันเหมือนได้รับแรงบันดาลใจให้ชีวิต ผมรู้สึกว่าตัวเองมีค่าขึ้นและคิดว่าต้องทำทุกอย่างให้ดียิ่งๆขึ้นไปอีก ผมยังจำความรู้สึกนั้นได้เสมอจึงอยากมอบโอกาสนี้ให้เด็กๆ น่าเสียดายที่ผมยังไม่สามารถลงพื้นที่ด้วยตัวเอง เพราะงานเยอะมากจริงๆ  แต่ได้มีโอกาสคุยกับน้องๆบ้าง จึงได้รู้ว่าเขาแฮ็ปปี้มาก ซึ่งผมตั้งใจไว้แล้วว่าจะพยายามให้มีโครงการดีๆ เกิดขึ้นทุกปี นอกจากเป็นการทำประโยชน์เพื่อผู้อื่นแล้วข้อดีอีกอย่างของการทำโครงการนี้คือ ผมได้นำวิชาความรู้ด้านกราฟิกที่เรียนมาใช้ให้เกิดประโยชน์ด้วย ทุกครั้งที่ทำผมจึงมีความสุขมาก”

นาย ณภัทร เสียงสมบุญ

กำลังใจคือสิ่งสำคัญ

“เดี๋ยวนี้ผมแบ่งได้แล้วว่าเวลาทำงานคือจริงจัง อยู่กับเพื่อนก็เต็มที่ ส่วนเวลาอยู่กับแม่ก็คือให้แม่หมด แต่ก่อนผมซีเรียสมาก (เน้นเสียง) ทุกอย่างต้องเป็นระเบียบเป๊ะ ซึ่งที่สุดก็เรียนรู้ด้วยตัวเองว่าไม่สามารถใช้วิธีนี้กับงานแสดงได้ อะไรที่เครียดมากไปหรือสบายไปก็ไม่ดี ทุกอย่างต้องบาลานซ์ เมื่อละลายพฤติกรรมตรงนั้นได้ ก็ทำให้เราพัฒนาตัวเองได้ง่ายขึ้น

“พอไม่เครียดก็ไม่กดดัน คืออย่างน้อยผมก็ไม่กดดันตัวเอง ส่วนใหญ่จะโดนคนอื่นกดดัน (หัวเราะ) ว่าต้องทำอะไรบ้าง  เวลาทำงานสิ่งที่ผมต้องการคือกำลังใจ มีคนสนับสนุน คอยบอกว่าสู้ๆ ต้องการแค่นี้เลย ส่วนใหญ่ผมจะได้กำลังใจจากเพื่อน ซึ่งกำลังใจที่ว่าไม่ได้หมายถึงคำชมนะ  และตัวผมเองก็ไม่ค่อยชอบฟังคำชมด้วย เพราะนำมาพัฒนาต่อไม่ได้  แต่ถึงอย่างนั้นในยามที่เรารู้สึกแย่ ถ้ามีคำชมเข้ามาก็จะช่วยเรื่องความรู้สึกได้ อย่างแม่จะไม่ใช่สายให้กำลังใจ  แต่จะบอกวิธีปรับปรุง  อย่างถ่ายแบบวันนี้ ถ้ากลับไปแม่จะทบทวนกับผมว่ามีอะไรผิดพลาดบ้างหรือเปล่า เหมือนคอยเป็นกระจกสะท้อนให้

“เวลาเหนื่อยหรือรู้สึกมีปัญหากับอะไรก็ตาม  วิธีที่ทำให้หายเร็วที่สุดสำหรับผมคือของกินอร่อยๆ (หัวเราะ) เวลาอยู่บ้านผมชอบทำอาหาร ซึ่งทำเป็นแค่ 2 เมนูเท่านั้น คือไข่เจียวกับสเต๊กเนื้อ ผมชอบซื้อเนื้อกลับมาทำเองที่บ้าน เพราะราคาถูกกว่าไปกินที่ร้านตั้งครึ่ง แต่ช่วง 7 เดือนที่ผ่านมาแทบไม่ได้เข้าครัวเลย เพราะทำงานหนักมาก ต้องใช้วิธีสั่งอาหารมากินกับแม่แทน ถ้าได้ออกไปกินข้างนอก แค่เป็นเมนูเนื้อ หรืออาหารญี่ปุ่น หรือเมนูอะไรก็ได้ ขอให้อร่อยเป็นพอ เวลากินเหมือนผมตัดความฟุ้งซ่าน หยุดจินตนาการทุกอย่างและอยู่กับรสชาติดตรงนั้น  ซึ่งไม่เหมือนกับการถ่ายรูปนะครับ คือแม้ผมจะบ้ากล้อง แต่เวลาเล่นกล้องก็ยังแอบแว่บคิดนู่นนี่อยู่ดี ไม่เหมือนการกินที่ใจเราจะจดจ่อแบบมีความสุข (หัวเราะ) อีกวิธีคือหลับครับ พอตื่นขึ้นมา ผมเชื่อว่าจะมีอะไรดีๆเข้ามา นอกจากนี้ก็ดูหนัง ผมชอบโมเมนต์ที่อยู่ในโรงหนังนะ  มันช่วยตัดทุกอย่างออกไปก่อน เพราะเราจะโฟกัสแค่เสียงและภาพที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้น

“ส่วนเรื่องโกรธ ผมโกรธคนยากมากนะ และไม่ได้โกรธพร่ำเพรื่อจะโกรธเฉพาะเวลาที่โดนเอาเปรียบ หรือเวลาที่ไม่ได้ผิดแต่ถูกกล่าวหาอันนั้นก็ไม่ยอมเหมือนกันครับ แต่ส่วนใหญ่ผมค่อนข้างมองโลกในแง่ดีขอสมมติตัวอย่างสถานการณ์นะครับ ถ้ามีคนบีบแตรรถอยู่ข้างหลังหลายครั้ง ผมก็จะคิดว่าเขาคงรีบ แล้วก็ปล่อยให้เขาไป จบ”

คุยเปิดโลก

“เวลาว่างผมชอบเจอเพื่อน แต่ละคนทำงานเป็นเจ้าของกิจการจะมีเรื่องเล่าและประสบการณ์แปลกใหม่ต่างๆมาแชร์ บวกกับผมชอบฟังก็จะเพลิน  ผมชอบเวลาที่ตีกอล์ฟกับเพื่อนเสร็จแล้วไปกินข้าวกันต่อ ชีวิตจะแฮ็ปปี้มาก คือได้ทั้งกินและฟังเพื่อนเล่า การพูดคุยทำให้ผมรู้จักกับคนมากขึ้น ได้รู้วิธีคิด วิธีบริหารของแต่ละคนว่าเป็นอย่างไร ยิ่งถ้ามีผู้ใหญ่อยู่ในวงสนทนาจะยิ่งชอบมาก  เพราะเขามีประสบการณ์เยอะกว่า ผมว่าการเรียนรู้จากหนังสืออย่างเดียวไม่พอ การได้เรียนรู้จากประสบการณ์ชีวิตด้วยจะเจ๋งกว่ามาก ซึ่งในชีวิตที่ผ่านมามีผู้ใหญ่หลายคนที่คอยสอนผม ตั้งแต่ผู้กำกับที่แนะนำเรื่องงานแสดงต่างๆ ไปจนถึงแม่บ้านสวัสดิการที่แนะนำผมให้หากิจกรรมทำเวลาที่ผมเครียด” (ยิ้ม)

นาย ณภัทร เสียงสมบุญ

เติบโตทางการแสดง

“ต้นปีนี้ผมมีเปิดกล้องละครเรื่องสร้อยสะบันงา เป็นละครพีเรียดเรื่องแรก เล่นคู่กับใบเฟิร์น- พิมพ์ชนก ออนแอร์ทางช่อง 3 จริงๆที่ผ่านมาผมเพิ่งเล่นละครไป 2 เรื่องกับหนังอีก 2 เรื่องเองนะ นอกนั้นเป็นนายแบบโฆษณา ผมถือว่าประสบการณ์ด้านการแสดงยังน้อย จึงมองหาโอกาสทางการแสดงไว้อีก อยากลองเล่นโรแมนติกดราม่า หรือคอมเมดี้ดูบ้าง ทุกวันนี้ผมเรียนรู้การแสดงจากนักแสดงที่ผมชอบทั้งเบเนดิกต์  คัมเบอร์แบตช์, วิลล์ สมิท และยังมีนักแสดงอีกหลายคนการแสดงบางอย่างที่เราเคยได้ดูอาจนำมาปรับใช้กับตัวละครที่ต้องรับบทก็ได้ วิธีที่ดีที่สุดคือการสังเกตผู้คนครับ ต้องพยายามฟังและคิดภาพตาม ยิ่งถ้าเป็นบทที่ไกลตัวมากก็ต้องฟังเยอะ ๆ แล้วคิดเป็นภาพอย่างที่แม่จะสอนผมเสมอว่า เวลาอ่านบทให้คิดออกมาเป็นภาพ จำลองตัวเราอยู่ในเหตุการณ์นั้นๆ จะทำให้จินตนาการง่ายขึ้น”

นาย ณภัทร เสียงสมบุญ

สาวเก่ง อารมณ์ดี ไม่ต้องสวย แต่หมวยก็ได้

“ผมยังโสดครับ เพราะแค่ทำงานก็เหนื่อยมากแล้ว อีกอย่างผมติดเพื่อนด้วย  ถ้าเป็นผู้หญิงที่ชอบ ผมมักแพ้ทางให้ผู้หญิงเวิร์คกิ้งวูแมน ทำงานแล้วเด็ดขาด  ไม่ห่วงสวย อารมณ์ดี จริง ๆ คือ นิสัยแบบพี่โอปอล์ ผมว่ามีเสน่ห์ แล้วเสน่ห์สำคัญกว่าความสวยอีกนะ  เพราะอยู่ด้วยแล้วไม่เบื่อ แต่ถ้าถามว่าชอบหน้าตาสไตล์ไหน คงเป็นแบบหมวยๆกับแนวสาวสปอร์ตเกิร์ล เพราะเขาดูแลตัวเอง ส่วนเรื่องอื่นขอแค่จิตใจดี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ พอแล้ว เมื่อก่อนผมจะปรึกษาแม่เรื่องสาวๆตลอดนะ แต่ตอนนี้ไม่ต้องผ่านด่านแม่แล้วครับ ไม่ใช่ว่าผ่านยากหรอกนะ  ผมแค่รู้สึกว่าแม่มีหลายเรื่องให้คิดเยอะแล้ว (หัวเราะ) “ถ้าผมเป็นคนรักของใคร คงเป็นแบบที่มีความเป็นเพื่อนให้สูง เพราะผมว่าพออยู่ด้วยกันไป 10-20 ปี ชีวิตคู่สุดท้ายก็กลายเป็นเพื่อนอยู่ดี ความเป็นเพื่อนจึงเป็นสิ่งที่ยั่งยืนกว่าครับ”


 

ที่มา : นิตยสารแพรว 954

ภาพเพิ่มเติม : @pimpaka

ล็อคเป้าหมาย! 7 Timeless Bags

ล็อคเป้าหมาย! 7 Timeless Bags ที่คุณไม่มีวันเบื่อ จะกี่ปีก็ไม่มีเอ้าท์

ล็อคเป้าหมาย! 7 Timeless Bags
ล็อคเป้าหมาย! 7 Timeless Bags

พาส่อง Timeless Bags กระเป๋าที่ไม่มีวันตกยุค เรียกได้ว่าผ่านมาแล้วทุกยุคก็ว่าได้ เพราะเป็นกระเป๋าใบคลาสสิกประจำแบรนด์ที่ใครเห็นต้องรู้จัก

หากจะพูดถึงกระเป๋าของแต่ละเแบรนด์ เชื่อว่าหลายคนจะมีภาพของกระเป๋าสักใบแว๊บเข้ามาในหัว เช่นถ้าพูดถึงกระเป๋า Dior แน่นอนว่าหลายคนจะต้องนึกถึง Lady Dior นั่นเป็นเพราะว่าแต่ละแบรนด์มีกระเป๋าใบเด็ดที่เป็นเหมือนตัวแทนของแบรนด์ ใครเห็นก็รู้ได้ทันทีว่ามาจากแบรนด์ไหน ซึ่งส่วนมากแล้วกระเป๋าเหล่านี้ มักจะเป็นกระเป๋ารุ่นคลาสสิกที่ยังคงได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน หรือที่เรียกกันว่าTimeless Bags นั่นเอง

ไหนๆ ก็พูดมาขนาดนี้ ถ้าจะไม่แนะนำกระเป๋าที่ไม่มีวันหมดอายุก็คงไม่ได้แล้ว วันนี้เราเลยคัดกระเป๋ารุ่นคลาสสิกมาเสิร์ฟถึง 7 ใบด้วยกัน ส่วนจะมีกระเป๋ารุ่นไหนบ้าง มาเช็คกันเลย

 

ล็อคเป้าหมาย! 7 Timeless Bags ที่คุณไม่มีวันเบื่อ จะกี่ปีก็ไม่มีเอ้าท์

 

Fendi Peekaboo

Timeless Bags

เกือบ 10 ปีแล้ว ที่ Fendi แบรนด์สัญชาติอิตาลี ได้เปิดตัวกระเป๋ารุ่นดังอย่าง peekaboo ในช่วง Spring ปี 2009 ไม่ว่าจะมีการจัดอันดับใดๆ กระเป๋ายอดฮิตรุ่นนี้เป็นต้องติดโผกับเขาด้วย เรียกได้ว่าถ้าพูดถึงกระเป๋า Fendi ทุกคนก็จะต้องนึกถึงรุ่น  peekaboo อย่างแน่นอน โดยลูกเล่นสุดเด่นของกระเป๋ารุ่นนี้คือตัว Hardware ภายในกระเป๋าที่มีลักษณะคล้ายดวงตา ซึ่งดูแปลกและแตกต่างไปจากแบรนด์อื่นๆ ไม่ว่าตัวกระเป๋าจะถูกเปลี่ยนลวดลายหรือวัสดุไปในแบบไหน แต่เอกลักษณ์ตรงนี้ก็ยังอยู่ ทำให้ Fendi peekaboo ยังคงเป็นสินค้าขายดีตลอดกาลของแบรนด์ นอกจากนี้ทางแบรนด์ยังมีพวงกุญแจเป็นตัวตุ๊กตาเอาไว้ห้อยกระเป๋าแบบเก๋ๆ ด้วย ทำให้กระเป๋ารุ่นนี้ไม่น่าเบื่อ สามารถรวมความซนและความหรูหราไว้ได้ในใบเดียวอย่างลงตัว ถือว่าเป็น It Bag ที่คูลมากๆ

 

Chanel Classic flap

Timeless Bags

กระเป๋า Chanel Classic Flap Bag ถือเป็นอีกหนึ่งรุ่นขายดีของชาเนล เพราะไม่ว่าคุณจะเป็นคนที่ต้องการพกพากระเป๋าใบเล็กๆ สีสันฉูดฉาดอยู่ข้างกาย หรือเป็นสาวออฟฟิศที่กำลังมองหากระเป๋าดีๆ สักใบ เราขอบอกเลยว่ากระเป๋าอีกหนึ่งรุ่นที่จะตอบโจทย์ความคลาสสิกและความสนุกสนานได้ ก็คือ Chanel Classic Flap Bag ที่มีการพัฒนาดีไซน์รูปลักษณ์ตลอดเวลา ไม่ว่าจะหนัง สีกระเป๋า หรือสีของฮาร์ดแวร์ก็มีให้เลือกหลากหลาย ทำให้กระเป๋าออกมาแล้วโดนตาต้องใจทุกครั้ง ถึงแม้จะเป็นรุ่นเดิมก็ตาม แต่การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ ก็สามารถสร้างความตื่นเต้นให้เหล่าแฟชั่นนิสต้าได้ไม่น้อย ในขณะเดียวกันก็ไม่ทิ้งความเป็นตัวตน สีคลาสสิกต่างๆ ที่ได้รับความนิยมตลอดกาล ก็ยังมีให้ได้เลือกสรร ถือเป็นกระเป๋าที่ความฮ็อตไม่มีทีท่าจะลดลงจริงๆ

 

Gucci Bamboo Bag

Timeless Bags

แม้กุชชี่จะเปลี่ยนครีเอทีฟไดเร็คเตอร์เป็น อเลสซานโดร มิเคเล่ (Alessandro Michele) ซึ่งเป็นคนรื้อความคอนเซอร์เวทีฟและปลุกความสนุกเฟี้ยวฟ้าวให้แบรนด์ แต่สิ่งหนึ่งที่อเลสซานโดรไม่เคยทิ้งไปนั่นคือ “หูหิ้วไม้ไผ่” สัญลักษณ์ที่มีมาแต่ดั้งเดิมตั้งแต่ปี 1947 ของกุชชี่ จากการที่ช่างฝีมือของกุชชี่ตัดท่อนไม้ไผ่มาขัดมันและสร้างสรรค์ให้เป็นหูกระเป๋าโค้งมน ผ่านมาหลายทศวรรษ ไม้ไผ่ยังคงเป็นวัสดุที่ใช้ในการผลิตกระเป๋า จนกลายเป็นเอกลักษณ์ของกุชชี่ในที่สุด รวมถึงผลตอบรับจากเหล่าแฟชั่นนิสต้าก็เข้ามาอย่างท่วมท้นเช่นกัน

 

Balenciaga Motorcycle Bag

Timeless Bags

Motorcycle bag เกิดขึ้นในปี 1999 จากการออกแบบของ Nicolas Ghesquière แต่ทางทีมผลิตของ Balenciaga กลับปฏิเสธที่จะทำกระเป๋าใบนี้ออกมา เพราะกระเป๋ามีทรงที่ย้วยและนิ่มเกินไป แต่แล้วผู้ที่เล็งเห็นและชื่นชอบในกระเป๋ารุ่นนี้ก็คือนางแบบดัง Kate Moss  เธอได้มาเห็นกระเป๋าใบนี้ในวันฟิตติ้ง เพื่อเดินแบบให้กับ Balenciaga เธอมองว่ามันเป็นกระเป๋าที่มีสไตล์ จนในที่สุด Nicolas Ghesquière ก็ได้ขอร้องให้ Balenciaga ผลิตกระเป๋ารุ่นนี้ออกมาได้สำเร็จ

ซึ่งในช่วงแรกก็ได้ผลิตออกมาเพียงไม่กี่ใบเท่านั้น เพื่อขายให้กับเหล่าดาราและนางแบบที่สนใจอยากได้ แต่ต่อมาความต้องการกระเป๋าใบนี้ก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น ทำให้ Balenciaga ต้องผลิตกระเป๋นรุ่นนี้ออกมาเป็นจำนวนมากในทุกๆ ปี จนกลายมาเป็นกระเป๋ารุ่นคลาสสิกที่ยังคงฮิตติดลมบนมาจนถึงทุกวันนี้

 

Christian Dior , Lady Dior Bag

กระเป๋า Lady Dior เป็นอีกหนึ่งไอเท็มในฝันของสาวๆ หลายคน เพราะไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปี กระเป๋ารุ่นนี้ก็ไม่เคยตกเทรนด์ และถือเป็นรุ่นที่ขายดีที่สุดของดิออร์ กระเป๋ารูปทรงสี่เหลี่ยมใบนี้ดึงดูดด้วยแพทเทิร์นของหนังที่ตัดเย็บแบบควิลต์ เรียกว่าลายคานนาจ (Cannage) หูจับเชื่อมด้วยห่วงสีทองและห้อยตัวอักษรของโลโก้ Dior ทั้งหมดนี้เป็นผลงานการออกแบบของ จอห์น กัลลิอาโน (John Galliano) แม้ Lady Dior จะถูกปรับเปลี่ยนไปตามขนาดและวัสดุต่างๆ และมีออกมาอีกหลายสีก็ตาม แต่ลายคานนาจก็ถือว่าคลาสสิกสุดและควรมีไว้ครอบครอง

 

Givenchy Antigona

กระเป๋ารูปทรงหกเหลี่ยมที่ทีแรกไม่มีใครคิดว่าจะกลายมาเป็น Most Iconic Style วางขายครั้งแรกในปี 2010 ก่อนจะถูกนำมาเปลี่ยนสีและหนังแตกต่างกันไปในแต่ละซีซั่น มาพร้อมสายสะพายยาว สามารถใช้ทั้งแบบถือ คล้องแขน หรือครอสบอดี้ก็ได้ กลายเป็นที่ชื่นชอบอย่างรวดเร็ว เพราะเหมาะเจาะกับการใช้ในชีวิตประจำวันที่สุด

 

Goyard Saint Louis Tote

Goyard เป็นแบรนด์กระเป๋าที่หลายๆ คนคุ้นชื่อกันเป็นอย่างดี เพราะคือแบรนด์เครื่องหนังที่เก่าแก่ที่สุดในโลกสัญชาติฝรั่งเศส กระเป๋ารุ่นดังของ Goyard คือ Saint Louis ถือเป็นกระเป๋าที่แสนจะคลาสสิก มีจุดเด่นคือผ้าแคนวาสจะถูกเคลือบด้วยลายโมโนแกรมที่ในตอนนี้ได้กลายมาเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ไปแล้ว ส่วนตัวผ้า Goyardine ที่ถูกผลิตขึ้นในปี 1892 ก็มีความแข็งแรง ทนทาน แต่น้ำหนักเบา ตัวดีไซน์รวมความเรียบง่ายและความหรูหราเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว สามารถกลับใช้ได้สองด้าน  จึงเป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์มากๆ สำหรับผู้หญิงที่ต้องการมีกระเป๋าใบเก่งสักใบ มีราคาที่สามารถซื้อได้ ไม่แพงจนเกินไปเมื่อเทียบกับคุณภาพ แต่อาจจะไม่ใช่สินค้าที่หาซื้อได้ง่ายๆ เพราะไม่วางขายทางออนไลน์ หากใครอยากชัวร์ว่าได้กระเป๋าของแท้ไปนอนกอด ก็ต้องเข้าไปในช็อปนะจ๊ะ


ภาพ : www.purseblog.com  , fustany.com , www.bayareafashionista.com

ส่องรถ 10 มหาเศรษฐีพันล้าน รวยล้นฟ้า แต่ยังขับรถคันเก่า

account_circle

ส่องรถ 10 มหาเศรษฐีพันล้าน (ดอลลาร์) แม้พวกเขาจะรวยล้นฟ้า มีเงินเป็นกอบเป็นกำ แต่ยังขับรถคันเก่า แม้พวกมันจะมีราคาไม่แพง แต่บางคันก็มีคุณค่าทางจิตใจ

สำหรับ เจฟฟ์ เบซอส, บิล เกตต์, มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก และ แจ็ค หม่า มหาเศรษฐีพันล้าน (ดอลลาร์) นักธุรกิจด้านเทคโนโลยีของโลกนั้น การหาเงินพันล้าน (ดอลลาร์) สำหรับอาชีพของพวกเขานั้นง่ายเหมือนปลอกกล้วยเข้าปาก

มหาเศรษฐีเหล่านี้สามารถใช้เงินซื้อสิ่งต่างๆ ได้มากมายเพียงแค่ใจนึก จะซื้อรถซูเปอร์คาร์รุ่นใหม่ที่มีสมรรถนะเหนือชั้น อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีก็ทำได้ แต่สำหรับพวกเขานั้นก็ยังคงเลือกที่จะขับรถคันเก่า หรือรถที่ราคาไม่แพงอยู่บ่อยครั้ง

เจฟฟ์ เบซอส  ($113 พันล้านดอลลาร์)

มหาเศรษฐีพันล้าน

ใครจะเชื่อว่า มหาเศรษฐีอันดับ 1 ของโลก ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ Amazon จะยังคงขับรถเก๋งยี่ห้อ Honda รุ่น Accord ปี 2013 เพราะถึงแม้ในคอลเล็คชั่นรถของเขาจะมีซูเปอร์คาร์อยู่หลายคัน แต่เจฟฟ์ก็ยังเก็บเจ้าคันนี้ไว้ และขับมันบ่อยครั้ง ซึ่งเขาเคยให้สัมภาษณ์ว่า “มันเป็นรถที่ยอดเยี่ยมมากๆ”

บิลล์ เกตต์  ($98 พันล้านดอลลาร์)

มหาเศรษฐีพันล้าน

เช่นเดียวกับเจฟฟ์ บิลล์ เกตต์ ผู้ก่อตั้งบริษัท Microsoft รวยติดอันดับ 2 ของโลก ที่สามารถซื้อรถคันไหนในโลกก็ได้ อย่างล่าสุดที่เจ้าพ่อไมโครซอฟท์ได้ซื้อก็คือ Porsche Taycan รถสปอร์ตไฟฟ้ารุ่นใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวไม่นานมานี้

แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม บิลล์ เกตต์ ก็ยังไม่ทิ้ง Porsche 911 Carerra รถคู่ใจที่เป็นคู่หูพาเขาไปทุกที่ ซึ่งเขาซื้อมันหลังจากที่ก่อตั้งบริษัท Microsoft โดยบิลล์ เกตต์ให้สัมภาษณ์กับพิธีกรชื่อดัง Ellen DeGeneres ว่าเป็นรถที่ดีที่สุดของเขา

วอร์เรน บัฟเฟตต์  ($67.5 พันล้านดอลลาร์)

มหาเศรษฐีพันล้าน

ยกให้เป็นมหาเศรษฐีที่ใช้ชีวิตแบบสมถะจริงๆ กับ วอร์เรน บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐีอันดับ 4 ของโลก หากใครเคยอ่านประวัติของคุณปู่วอร์เรนจะพบว่าเขาเป็นนักธุรกิจที่น่าทึ่งมาก รวมถึงเขายังประหยัดกับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ รอบตัว เช่นเดียวกับรถที่เขาขับ ที่ผ่านมา 10 ปีแล้ว แต่คุณปู่วอร์เรนยังคงขับรถ Cadillac DTS ปี 2549 อยู่ แม้ลูกสาวของเขาจะโน้มน้าวให้พ่ออัพเกรดเป็นรุ่นที่ดีกว่าเดิมอย่าง Cadillac XTS แต่คุณปู่ก็ไม่เอา พร้อมยังบอกเหตุผลกับ Fobes ว่า “ผมขับรถ 3,500 ไมล์ต่อปีเท่านั้น ดังนั้นนานๆ ที ผมถึงจะซื้อรถคันใหม่”

มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ($54.7 พันล้านดอลลาร์) 

หนึ่งในมหาเศรษฐีที่อายุน้อยที่สุดติดอันดับ 6 ของโลก มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก เจ้าพ่อ Facebook เป็นอีกหนึ่งคนที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าที่เขาใส่ก็มักไม่ใช่แบรนด์หรูราคาแพง รวมถึงรถที่ขับก็ถูกแสนถูกถ้าเทียบกับความมั่งคั่งของเขา โดยรถที่มาร์คยังคงนำมาใช้อยู่ในปัจจุบันคือ Acura TSX ซึ่งเหตุผลที่เขาเลือกรถรุ่นนี้เพราะ มีความปลอดภัยและรู้สึกสบายเวลาขับ

แลร์รี่ เพจ ($50.9 พันล้านดอลลาร์) และเซอร์เกย์ บริน ($49.1 พันล้านดอลลาร์)

มหาเศรษฐีพันล้าน

สองคู่หูผู้ร่วมกันก่อตั้ง Google จับมือกันใช้รถจากญี่ปุ่นยี่ห้อ Toyota รุ่น Prius ซึ่งพวกเขาให้เหตุผลว่าเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไม่เป็นพิษต่ออากาศ และที่สำคัญ อย่างที่รู้กันว่ารถรุ่นนี้ใช้ระบบไฮบริดมันจึงประหยัดน้ำมันมาก

ไมเคิล บลูมเบิร์ก ($48 พันล้านดอลลาร์)

นอกจากจะทำหน้าที่เป็น CEO ของ Bloomberg ผู้ให้บริการทางการเงิน, ซอฟต์แวร์ และมีเดีย แล้ว ไมเคิลยังพ่วงตำแหน่ง นายกเทศมนตรีของนครนิวยอร์ก ซึ่งเขาดำรงตำแหน่งนี้ติดต่อกันถึง 3 สมัย ตั้งแต่ปี 2544 และเมื่อเร็วนี้ ไมเคิล บลูมเบิร์ก ได้ประกาศว่าหากตัวเขาได้เป็นประธานาธิบดีของสหรัฐ เขาพร้อมที่จะขาย “บลูมเบิร์ก แอล.พี.” ทันที ซึ่งรถประจำตำแหน่งของ CEO และท่านนายกเทศมนตรีนั้น ไมเคิลเลือก Chevrolet Suburban ไว้เป็นพาหนะที่ใช้ในชีวิตประจำวัน

แจ็ค หม่า ($38.8 พันล้านดอลลาร์)

แจ็ค หม่า นักธุรกิจชาวจีน ผู้ร่วมก่อตั้งของ Alibaba Group กลุ่ม บริษัทข้ามชาติ และยังเป็นเจ้าของสื่อยักษ์ใหญ่อย่าง South China Morning Post แจ็ค หม่า ถูกจัดว่าเป็นหนึ่งในนักธุรกิจที่มีอำนาจมากที่สุดของโลก และปัจจุบันเขายังเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศจีน แต่สำหรับรถยนต์ที่เขาใช้นั้นไม่ใช่ซูเปอร์คาร์แต่อย่างใด แต่เขาเลือกรถระดับกลาง แต่สมรรถนะยอดเยี่ยมอย่าง Roewe RX5 SUV ปี 2018

หลายคนคงเคยได้ยินคำพูดที่ว่ามีเงินให้ซื้อบ้านก่อนรถ เพราะรถมีแต่คำว่า “ลด” เมื่อใช้ไปนานๆ มีรุ่นใหม่ออกมา ราคาค่างวดของมันก็มีแต่ลด ลด ลด รวมถึงเรายังต้องเสียค่าน้ำมัน ค่าบำรุงรักษา ค่าประกัน ค่าอื่นๆ อีกจิปาถะ หากลองคำนวนเงินดูแล้วเราสูญเสียไปกับมันไม่ใช่น้อยเลยใช่ไหม? แต่หากคุณยังมีรถคันเก่าที่ยังขับได้ แอร์ยังเย็นชุ่มฉ่ำ พาคุณไปได้ทุกที่ ก็อย่าเพิ่งทิ้งมันไปเสียก่อนล่ะ


ข้อมูล และ ภาพ : scmp, businessinsider

 

 

ฉลองพระองค์ของ ดัชเชสเคท รู้ไหมหรือไม่ ใครจ่ายให้?

account_circle

ฉลองพระองค์ของ ดัชเชสเคท ที่ทรงใส่ ขณะเสด็จประพาสตามที่ต่างๆ รู้หรือไม่ ว่าชุดพวกนี้ใครเป็นคนจ่ายเงินให้?

นับว่าเป็นไอคอนเรื่องการแต่งกายให้กับสาวๆ ทั่วโลกเลยก็ว่าได้ สำหรับ เคท มิดเดิลตัน ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ซึ่งทุกๆ ครั้งที่พระองค์ปรากฎพระวรกายตามงานต่างๆ นั้นเรียกได้ว่า ฉลองพระองค์ จะต้องถูกสื่อจับตามอง และแน่นอนว่าตัวไหนที่ราคาไม่แพงจนเกินไป ก็จะเป็นไอเท็ม Must Have ขึ้นมาทันที

แต่ถึงอย่างไร ฉลองพระองค์ที่เราเห็นดัชเชสเคททรงใส่ออกงานในแต่ละครั้งนั้นราคาตัวหนึ่งก็ไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว มีตั้งแต่หลักร้อยจนถึงหลักพันดอลลาห์สหรัฐ ขึ้นนะจ๊ะ ตัวนึงก็แค่สามหมื่นกว่าบาทเท่าน้านนนน คำถามคือ แล้วชุดสวยๆ ที่พระองค์ใส่นั้น ใครเป็นคนจ่ายเงินให้ แพรวดอทคอมได้ไปหาคำตอบมาให้คุณๆ ได้รู้กัน

ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่า ในช่วงที่พระองค์ทรงคบหาดูใจกันในฐานะแฟนกับเจ้าชาย และต้องเสด็จออกงานเพื่อทำพระกรณียกิจต่างๆ เพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่การเป็นสมาชิกราชวงศ์นั้น ดัชเชสจะทรงจ่ายเงินค่าฉลองพระองค์จากเงินส่วนตัวของพระองค์เองทั้งหมด ราชวงศ์อังกฤษมิได้ให้ความช่วยเหลือแต่อย่างใด จนถึงพิธีเสกสมรส

ตัวอย่างเช่น ฉลองพระองค์ชุดแต่งงานที่ดัชเชสเคททรงใส่ในพิธีเสกสมรสนั้น ทางครอบครัวของพระองค์เป็นคนจัดการค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ทั้งหมด โดยชุดนี้มาจากแบรนด์ Alexander McQueen ออกแบบโดย Sarah Burton ว่ากันว่าชุดแต่งงานของดัชเชสเคทนั้นมีการคาดการณ์ว่ามีมูลค่าสูงถึง 400,000 ดอลลาห์สหรัฐ (13 ล้านบาท) ถึงแม้ว่าดัชเชสจะมาจากครอบครัวสามัญชน เฉกเช่นเดียวกับดัชเชสเมแกน แต่ฐานะทางครอบครัวของดัชเชสเคทนั้น ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว

หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่าครอบครัวของดัชเชสเคทนั้นทำกิจการเกี่ยวกับ ขายอุปกรณ์งานรื่นเริงที่ชื่อว่า Party Pieces ในประเทศอังกฤษ ซึ่งบริษัทนี้มีมูลค่า 50 ล้านดอลลาห์สหรัฐ เรียกว่าไม่น้อยเลยทีเดียว ส่วนทรัพย์สินของดัชเชสเคท ก่อนเข้าพิธีเสกสมรสนั้น มีประมาณ 10 ล้านดอลลาห์ เพราะฉะนั้นชุดราคาแค่นี้เรียกว่าจิ๊บๆ สำหรับงานสำคัญที่สุดในชีวิตของลูกสาวบ้านมิดเดิลตัน

แล้วหลังเข้าพิธีเสกสมรสล่ะ ! แน่นอนว่าเมื่อดัชเชสเคทเข้ามาเป็นสมาชิกราชวงศ์แบบเต็มตัว รายได้ที่เคยมีจากการทำอาชีพต่างๆ ที่เคยทำก็ต้องขาดหายเป็นธรรมดา แต่ถึงอย่างไร ดัชเชสเคทก็ได้เงินเดือนจากราชวงศ์มาเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ

สำหรับบ้านเราอาจจะเห็นกันจนชินตา ว่าแบรนด์ดังน้อยใหญ่ต่างๆ มักจะส่งเสื้อผ้าและแอคเซสซอรี่ มาให้เซเลบและดาราใส่ เพื่อเป็นการโฆษณาทางอ้อมผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย แต่สำหรับดัชเชสเคทนั้น การรับของกำนัลต่างๆ พวกนี้ถือว่าผิดกฎราชสำนัก

เช่นเดียวกับเจ้าหญิงไดอานา แห่งเวลล์ ในตอนนั้นพระองค์ก็เรียกได้ว่าเป็นแฟชั่นไอคอนให้กับผู้หญิงทั่วโลก ฉลองพระองค์ที่เจ้าหญิงไดอานาทรงใส่เกือบทุกชดนั้นสวยงามมาก อีกทั้งก่อนที่พระองค์จะเสด็จสวรรคต เจ้าหญิงไดอานาได้นำฉลองพระองค์จำนวน 79 ชุดนำมาประมูลเพื่อหารายได้นำไปช่วยเหลือมูลนิธิเกี่ยวกับโรคมะเร็งและโรคเอดส์ โดยการจัดประมูลครั้งนั้นได้รายได้ไปถึง $3.25 ล้านดอลลาห์สหรัฐ

หากจะมองในแง่ที่ว่า หลายครั้งที่เราได้เห็นดัชเชสเคททรงใส่ฉลองพระองค์ราตรี ที่สวย เลอค่า อีกทั้งราคายังแพงได้ใจนั้น พระองค์จะทรงใส่ครั้งเดียวหรือเปล่า แล้วชุดพวกนั้นไปเก็บไว้ที่ไหน ก็คงตอบได้ว่า มีหลายครั้งที่ดัชเชสเคททรงนำฉลองพระองค์ มาทรงใส่ซ้ำกันอีกหลายๆ ครั้ง

นอกจากนี้ฉลองพระองค์ชุดแต่งงานของดัชเชสเคทก็ได้มีการนำไปจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ และหากพระองค์อยากจะเก็บไว้ประมูลแบบเจ้าหญิงไดอานา ก็คงบอกเลยว่าไม่แปลกถ้าพระองค์จะทรงเดินตามรอยเจ้าหญิงไดอานา ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีด้วยซ้ำ


ภาพ : IG (@kensingtonroyal)

แฟชั่นยั่งยืน! สไตล์ของ ‘ดัชเชสเคท’ คำนึงถึงความเห็นประชาชนและงบที่ต้องจ่าย

ดัชเชสเคท ราชวงศ์องค์ถัดไปที่จะใช้พระยศ “เจ้าหญิงแห่งเวลล์” ต่อจากไดอานา

เจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินบะระ

เส้นทางรักนิรันดร์ ควีนเอลิซาเบธที่ 2 – เจ้าชายฟิลิป รักแท้ยาวนานที่สุดแห่งราชวงศ์อังกฤษ

account_circle
เจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินบะระ
เจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินบะระ

นับเป็นข่าวอันโศกเศร้าไปทั่วโลกกับการประกาศข่าวจากสำนักพระราชวังอังกฤษว่า เจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินบะระ พระชนมายุ 99 พรรษา พระสวามีผู้ทรงเป็นที่รักของ สมเด็จพระบรมราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ได้ทรงสิ้นพระชนม์อย่างสงบ ณ พระราชวังวินด์เซอร์

สำหรับ สมเด็จพระบรมราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 และ เจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินบะระ นั้นเรียกได้ว่าทรงเป็นคู่ที่ร่วมทุกข์ ร่วมสุข ทรงครองรักกันมาอย่างยาวนานถึง 74 นับตั้งแต่ที่ทั้งสองพระองค์อภิเษกสมรสเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2490

 เจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินบะระ

การนี้ แพรวจะพาไปย้อนเส้นทางรัก ซึ่งเป็นรักนิรันด์ของ  ควีนเอลิซาเบธที่ 2 – เจ้าชายฟิลิป และยังเป็นรักแท้ที่ยาวนานที่สุดแห่งราชวงศ์อังกฤษ

 ควีนเอลิซาเบธที่ 2 - เจ้าชายฟิลิป

สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงพบกับเจ้าชายฟิลิปแห่งกรีซและเดนมาร์ก (พระอิสริยยศในขณะนั้น) ครั้งแรก เมื่อปี 2477 ทั้งสองพระองค์ทรงเป็นพระญาติชั้นที่หนึ่งของกันและกัน ผ่านทางสายพระโลหิตของพระเจ้าคริสเตียนที่ 9 แห่งเดนมาร์ก และทรงเป็นพระญาติชั้นที่สาม ผ่านทางสายพระโลหิตของสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย

 ควีนเอลิซาเบธที่ 2 - เจ้าชายฟิลิป

จากนั้นทรงพบกันอีกครั้งที่วิทยาลัยราชนาวีอังกฤษในปี 2482 ซึ่งขณะนั้น สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงมีพระชนมายุเพียง 13 พรรษา แต่ทรงยอมรับว่ามีพระเสน่หากับเจ้าชายฟิลิป นับจากนั้นทั้งสองพระองค์ก็ทรงมีพระราชหัตถเลขาถึงกันและกันเรื่อยมา กระทั่งประกาศพิธีหมั้นอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2490

การหมั้นครั้งนั้นเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมาหนาหู เนื่องจากเจ้าชายฟิลิปทรงไม่มีฐานะทางการเงินที่แน่นอน ทั้งยังประสูติจากต่างแดน รวมถึงการที่พระเชษฐภคินีของเจ้าชายฟิลิปเสกสมรสกับขุนนางชาวเยอรมัน ผู้มีสายสัมพันธ์กับพรรคนาซี ทำให้ก่อนการอภิเษกสมรสจะเกิดขึ้น เจ้าชายฟิลิปทรงสละบรรดาศักดิ์ของกรีซและเดนมาร์ก และทรงเปลี่ยนจากนิกายกรีกออร์ทอดอกซ์มาเข้ารีตแองกลิคัน รวมถึงทรงใช้พระยศ “ร้อยเอกฟิลิป เมาท์แบตเตน” ซึ่งเป็นนามสกุลของบรรพบุรุษอังกฤษฝั่งพระมารดา และก่อนการอภิเษกสมรสจะเกิดขึ้นจะเกิดขึ้นไม่นาน ก็ทรงได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น ดยุกแห่งเอดินบะระ ชั้นรอยัลไฮเนส

ทั้งสองพระองค์อภิเษกสมรสกัน เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2490 ณ เวสต์มินสเตอร์แอบบีย์ ท่ามกลางความไม่ราบรื่นนักแต่ก็งดงาม เนื่องจากอังกฤษยังคงบอบช้ำจากสงคราม เจ้าหญิงเอลิซาเบธจึงต้องใช้บัตรปันส่วนในการจัดหาวัตถุดิบสำหรับตัดฉลองพระองค์ที่ใช้ในวันอภิเษกสมรส ซึ่งออกแบบโดยนอร์มัน ฮาร์ตเนลล์ บวกกับสายสัมพันธ์กับชาวเยอรมันของเจ้าชายฟิลิป ก็ไม่เป็นที่ยอมรับของสาธารณชนชาวอังกฤษ ที่เพิ่งจะผ่านพ้นความทุกข์ยากของสงครามมา จึงทำให้พระเชษฐภคินีทั้งสามพระองค์ของเจ้าชายฟิลิป ไม่ได้รับเชิญให้เสด็จมาร่วมพระราชพิธีอภิเษกสมรส ในขณะที่ดยุกและดัชเชสแห่งวินด์เซอร์ ก็ไม่ได้รับเชิญให้เสด็จมาร่วมพระราชพิธีเช่นกัน แต่ทั้งสองพระองค์ทรงได้รับของขวัญวันอภิเษกสมรสจำนวน 2,500 ชิ้น จากทั่วทุกมุมโลกเลยทีเดียว

หากนับจากวันอภิเษกสมรสจวบจนวันนี้ สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ และเจ้าชายฟิลิป ทรงครองรักกันมายาวนานกว่า 74 ปีแล้วทีเดียว ซึ่งนับเป็นความรักที่ยาวนานที่สุดแห่งราชวงศ์อังกฤษ


บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

เผยสาเหตุ ทำไม เจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินบะระ ถึงไม่ได้เป็นกษัตริย์

ไร่ monsoon valley

ร่วมฉลองปีเก็บเกี่ยวองุ่นดีที่สุดประจำปี 2021 จากไร่ MONSOON VALLEY จากผลองุ่นคุณภาพเยี่ยม

ไร่ monsoon valley
ไร่ monsoon valley

ร่วมฉลองปีเก็บเกี่ยวองุ่นดีที่สุดประจำปี 2021 จากไร่ MONSOON VALLEY จากผลองุ่นคุณภาพเยี่ยม..สู่ไวน์ชั้นเลิศระดับโลก รับรองโดยรางวัลกว่า 320 รางวัลทั่วโลก

เปิดไร่ต้อนรับนักท่องเที่ยวและแขกพิเศษ ไปเมื่อวันก่อน กับงานฉลองเก็บเกี่ยวองุ่นดีที่สุดประจำปี 2021 จากไร่ MONSOON VALLEYCelebrating Exceptional 2021 Harvest for Monsoon Valley Vineyard”

ไร่ monsoon valley

โดยในงานนี้ ได้เชิญ คุณโศรยา หอมชื่น ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานประจวบคีรีขันธ์ มาร่วมงานแสดงความยินดี อีกทั้งยังได้รับเกียรติจากผู้บริหารหลากหลายท่านจาก กลุ่มบริษัท สยาม ไวเนอรี่ มาร่วมฉลองความสำเร็จด้วยกันในงานนี้ ได้แก่ คุณคริสโตเฟอร์ คาร์เตอร์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ (COO), คุณเอวิกา แจ้งเจนกิจ ผู้ช่วยรองกรรมการผู้จัดการ, คุณยีน เฉลิมวงศ์เสนีย์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด, คุณกุยโด คัมปิกอตโต ผู้อำนวยการฝ่ายอาหารและเครื่องดื่ม, คุณศุภเชษฐ์ สะสมสิน รองผู้อำนวยการผลิตไวน์และนวัตกรรม, คุณธนชัย จิรธรรมมาวงค์ ผู้อำนวยการฝ่ายขาย เป็นต้น

ไร่ monsoon valley

นายคริสโตเฟอร์ คาร์เตอร์ (Mr. Christopher Carter) ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ (Chief Operating Officer) บริษัท สยาม ไวเนอรี่ จำกัด กล่าวว่า “เราเริ่มต้นในปี 2001 ด้วยวิสัยทัศน์ที่จะมุ่งมั่นสร้างสรรค์ไวน์คุณภาพระดับโลกให้ได้ในประเทศไทย และความตั้งใจนี้ จึงได้ทุ่มเท ทดลอง บวกกับความหลงใหลเสน่ห์ของไร่องุ่นในหัวหินมากว่า 20 ปี ทำให้เราได้มีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว จนได้ชื่อว่าเป็นไร่องุ่นคุณภาพที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และจากจุดเริ่มต้นวันนั้นจนถึงวันนี้ เราสามารถให้ผลผลิตองุ่นชั้นเยี่ยมดีที่สุดถึง 300 ตันต่อปี นำมาซึ่งการผลิตไวน์คุณภาพชั้นเลิศที่ได้ผ่านการรับรางวัลการรันตีมาแล้วมากมายจากทั่วโลก เป็นจำนวนกว่า 300,000 ขวดต่อปี โดย 70% จำหน่ายในประเทศไทย และ 30% ส่งออกไปจำหน่ายยังตลาดต่างประเทศ โดยล่าสุดในปี 2021 นี้ เราได้มีการเก็บเกี่ยวผลผลิตองุ่นที่ยอดเยี่ยมที่สุด และเรารู้สึกตื่นเต้นมากที่จะสร้างสรรค์ไวน์คุณภาพจากผลผลิตที่ดีแบบนี้ในปีต่อๆไปอีกด้วย”

ไร่ monsoon valley

“และเพื่อตอกย้ำความเป็นที่สุดในคุณภาพของไวน์มอนซูนแวลลีย์ ที่เป็นไวน์ไทยระดับโลกแบรนด์เดียว ที่ได้รับรางวัลระดับนานาชาติมากกว่า 320 รางวัลในช่วงหลายปีที่ผ่านมา, ไวน์ที่โดดเด่น ได้แก่ “Monsoon Valley White Shiraz” ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นเหมือนกุหลาบที่ดีที่สุดในโลก จาก นายเจมส์ ซัคคลิ่ง (Mr. James Suckling) ที่ได้มีการทดสอบรสชาติไวน์แบบ Blind Taste ในปี 2018 และยิ่งไปกว่านั้น ความภูมิใจสูงสุดคือการที่ได้เป็นไวน์ไทยเพียงหนึ่งเดียว ที่ได้ถวายการรับรองอาคันตุกะราชวงศ์จากทั่วโลกในงานเฉลิมฉลองครองราชย์ 60 ปี ในหลวงรัชกาลที่ 9 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช”

“และนี่จึงไม่ใช่ความลับหรือข้อสงสัยใดๆอีกต่อไป จากองุ่นคุณภาพเยี่ยม จึงเป็นที่มาของการสร้างไวน์คุณภาพเยี่ยม และนี่คือผลงานที่คุ้มค่า ที่ได้จากการเราตั้งใจทำงานพัฒนาไร่องุ่น Monsoon Valley อย่างหนักในตลอดหลายปีที่ผ่านมานั่นเอง”

นายฮานส์ ปีเตอร์ โฮเฮน (Mr.Hans-Peter Hoehnen) นักเชี่ยวชาญพืชไร่และองุ่นทำไวน์ในเขตร้อนชาวเยอรมัน ที่มีประสบการณ์มากว่า 25 ปีอธิบายว่า “ต้องยอมรับว่า เมื่อผู้ผลิตไวน์รายใดก็ตาม จะทำการปลูกองุ่นในเขตร้อนชื้นเช่นในประเทศไทย จะต้องเตรียมตัวต่อสู้กับความท้าทายมากมาย  เพราะเป็นเขตพื้นที่มีความร้อนชื้นสูงตลอดทั้งปี ซึ่งทำให้พืชไร่มีถึงสองฤดู นอกจากนี้ ในช่วงมรสุมจะมีฝนตกหนักและความชื้นสูงมาก ทำให้กิ่งก้านองุ่นอ่อนแอต่อโรค อีกทั้งจะมีช่วงเวลากลางวันและโดนแสงแดดที่จำกัด และอยู่ใกล้กับเส้นศูนย์สูตร ด้วยเหตุนี้ในไร่องุ่นจึงต้องการการดูแลทุกขั้นตอนอย่างละเอียดและพิถีพิถัน เพื่อให้องุ่นเจริญงอกงาม แต่ถึงแม้จะมีความท้าทายเหล่านี้ การทำงานอย่างหนักและการทดลองตลอดในช่วงหลายปีที่ผ่านมาในไร่องุ่น Monsoon Valley ทำให้ฤดูเก็บเกี่ยวปี 2021 ได้ผลผลิตองุ่นที่ดีที่สุด และเราจึงหวังว่าไวน์รสเลิศที่มาจากผลผลิตคุณภาพเยี่ยมของเรา จะได้รับความนิยมจากผู้คนทั่วโลก”

นายศุภเชษฐ์ สะสมสิน (Mr. Suppached Sasomsin) รองผู้อำนวยการผลิตไวน์และนวัตกรรม. (Deputy Director –Innovation & Winemaking) บริษัท สยาม ไวเนอรี่ จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า “ในฐานะคนทำไวน์ (Winemaker) ผมรู้สึกตื่นเต้นมาก เกี่ยวกับผลผลิตไวน์คุณภาพเยี่ยมในปีนี้ ไม่เพียงแค่เป็นการเก็บเกี่ยวที่อุดมสมบูรณ์เท่านั้น แต่ความที่ผลองุ่นมีคุณภาพที่สูงยังช่วยให้ผมสามารถใช้เทคนิคการผลิตไวน์แบบดั้งเดิมขั้นสูง เพื่อให้รสชาติไวน์ได้แสดงออกถึง

ลักษณะแหล่งกำเนิดและเอกลักษณ์ของสายพันธุ์องุ่นตัวเองออกมาได้อย่างเต็มที่ และด้วยพันธ์องุ่นกว่า 30 ชนิด ในปีนี้ ทำให้ผมรอคอยที่จะสร้างสรรค์ไวน์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ดีต่อไปในไร่องุ่น Monsoon Valley แห่งนี้”

“นอกจากองุ่นพันธุ์ Shiraz(ชีราซ), Sangiovese(แซงโจเวเซ่), Chenin Blanc(เชนิน บลอง) และColombard(โคลอมบาร์ด) แล้ว ผมรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งกับคุณภาพขององุ่น Merlot(แมโลต์) ในปีนี้อีกด้วย ซึ่งในอดีตเป็นเรื่องที่ท้าทายมากในการปลูกองุ่นสายพันธ์นี้ในประเทศไทย ซึ่งเราได้ทดลองปลูกองุ่นพันธุ์ Merlot นี้มาเกือบ 10 ปีแล้ว และก็

เจริญเติบโตเต็มที่ได้ผลผลิตที่ดีมีคุณภาพอย่างสม่ำเสมอในช่วง 3-4 ฤดูกาลที่ผ่านมา ผมหวังว่าเราจะเป็นหนึ่งในผู้ผลิตไวน์แห่งแรกของประเทศไทยในการแนะนำไวน์ Merlot ที่ปลูกได้ในท้องถิ่นประเทศไทยในปีนี้”

“ปัจจุบัน Monsoon Valley ผลิตไวน์คุณภาพออกสู่ตลาดคอไวน์ระดับโลก แต่เราจะขอแนะไวน์คุณภาพชั้นเลิศที่โดดเด่น 4 รุ่นดังนี้ คือ รุ่นคลาสสิก ที่จะเสิร์ฟในร้านอาหารไทยทั่วโลกเป็นหลัก รุ่นพรีเมียมและรุ่นซิกเนเจอร์จะให้บริการที่โรงแรมชั้นนำทั่วประเทศไทย และรุ่นCuvée ซึ่งทำจากองุ่นที่ดีที่สุดจากไร่องุ่นของเราในแต่ละปี”

ไร่ monsoon valley

Monsoon Valley ยังคงเป็นผู้พัฒนาบุกเบิกเทคนิคขั้นสูงการปลูกองุ่นในประเทศไทย เพื่อพิสูจน์ว่า Monsoon Valley ไวน์ไทยสามารถเอาชนะสภาพอากาศร้อนชื้น และได้รับรางวัลมากกว่า 300 รางวัลจากทั่วโลก นอกจากนี้รางวัลของเรา ยังรับรองว่าเกษตรกรไทยสามารถปลูกองุ่นคุณภาพเยี่ยมและผลิตไวน์ที่คุณภาพดีที่สุด

จากความสำเร็จดังกล่าว เราขอเชิญชวนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมาลิ้มลองไวน์ไทยคุณภาพดีที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลที่ไร่องุ่น Monsoon Valley และรับประทานอาหารที่ The SALA Wine Bar & Bistro หรือคุณสามารถเยี่ยมชมไร่องุ่นของเราซึ่งเต็มไปด้วยการกิจกรรมที่สนุกสนานตลอดทั้งปี เช่น การนั่งรถและขี่จักรยานชมไร่องุ่น, ชิมไวน์

ไร่ monsoon valley

สนุกสนานกับการให้อาหารช้าง, ไวน์ซาฟารี และที่สำคัญที่สุด คือการได้สัมผัสประสบการณ์จากเทศกาลเก็บเกี่ยวผลองุ่น ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงเมษายน นอกจากนี้ ทางไร่องุ่นยังปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัยของ COVID-19 อย่างเคร่งครัด เพื่อให้ทุกคนสามารถเยี่ยมชมไร่ ด้วยความมั่นใจและเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่สนุกสนานกลับไปอย่างมีความสุขทุกคนอย่างแน่นอน

(รายละเอียดเพิ่มเติม www.monsoonvalley.com )

ประชาสัมพันธ์ (ประเทศไทย)  ชุรีภรณ์ คัมภีร์ 064-8295161 อีเมล์ : [email protected]

เพียเจต์

เพียเจต์ เปิด MUST HAVE ลิสต์! ปีนี้สาวๆ ควรมีเรือนไหนไว้ครอบครอง

account_circle
เพียเจต์
เพียเจต์

กลายเป็นอีก Must Have ไอเท็มที่ถูกจับตาทันที หลังเมซงเปิดตัวเรือนเวลากลไกอัตโนมัติตัวแรกในซีรีส์ Limelight Gala ของ เพียเจต์ เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา และสำหรับสาวๆ ที่รออัพเดทล่าสุดปีนี้เตรียมจดลิสต์กันได้เลย

เพียเจต์ จะมาเปิดภาพให้ชมกันชัดๆ กับ 6 เรือนเวลาลิมิเต็ดประจำปี 2021 ที่เพิ่งเผยโฉมในงาน Watches & Wonders ไปหมาดๆ

เริ่มด้วย 3 โมเดลที่มาพร้อมกลไกอัตโนมัติล่าสุด 501P1 กับ Limelight Gala Precious Limited Editions ผลงานจากดวงอาทิตย์ กับ 3 โทนสีล่าสุดที่เมซงนำมาถอดรหัสให้ได้ชมในฤดูกาลนี้

Blue: Limelight Gala Precious Sunrise แสงอาทิตย์อ่อนๆ ในบรรยากาศท้องฟ้ายามเช้า

Yellow: Limelight Gala Precious Zenith แสงเหลืองอร่ามเหนือศีรษะ ณ เวลาเที่ยงวัน

Pink: Limelight Gala Precious Sunset ประกายนวลชมพูขณะเตรียมลับขอบฟ้า

Limelight Gala Precious Sunrise

เรือนเวลาที่หยิบประกายงามของดวงอาทิตย์ยามเช้าขณะซ่อนตัวอยู่หลังก้อนเมฆมาเล่าเรื่องราว – ตัวเรือนไวท์โกลด์ขนาด 32 มิลลิเมตร ขอบตัวเรือนตกแต่งด้วยแซฟไฟร์บริลเลียนต์คัตสีน้ำเงินไล่เฉดสี 32 เม็ด (ราว 4.70 กะรัต) และเพชรบริลเลียนต์คัต 10 เม็ด (ราว 0.90 กะรัต) หน้าปัดประดับเพชรกว่า 289 เม็ด (ราว 1.76 กะรัต) ซึ่งแต่ละเม็ดถูกฝังอย่างประณีตด้วยเทคนิค Snow Setting เข้าคู่สายรัดข้อมือที่ตกแต่งด้วยเทคนิคงานฝีมือแบบ Palace Décor ผลิตจำกัดเพียง 18 เรือน

Limelight Gala Precious Zenith

เรือนเวลาที่หยิบยืมความเจิดจรัสของดวงอาทิตย์ ขณะหยอกล้อเล่นแสงยามเที่ยงวันมาเป็นแรงบันดาลใจ – ตัวเรือนไวท์โกลด์ขนาด 32 มิลลิเมตร ผสมผสานแซฟไฟร์บริลเลียนต์คัตสีเหลืองไล่เฉดสี 32 เม็ด (ราว 4.70 กะรัต) กับเพชร บริลเลียนต์คัต 10 เม็ด (ราว 0.90 กะรัต) ไว้อย่างเข้ากัน หน้าปัดประดับเพชร 289 เม็ดด้วยเทคนิค Snow Setting จับคู่สายรัดข้อมือไฮจิวเวลรี่ที่สอดประสานเพชรบริลเลียนต์คัต 267 เม็ด และแซฟไฟร์สีเหลืองน้ำงามอีก 124 เม็ด ได้อย่างโดดเด่น ทั้งยังมอบสัมผัสที่บางเบาเป็นเนื้อเดียวกับข้อมือผลิตจำกัดเพียง 8 เรือนเท่านั้น

Limelight Gala Precious Sunset

เรือนเวลารับซัมเมอร์ที่มาพร้อมประกายอบอุ่นของดวงอาทิตย์ยามอัสดง – ตัวเรือนโรสโกลด์ขนาด 32 มิลลิเมตร ขอบตัวเรือนประดับด้วยแซฟไฟร์บริลเลียนต์คัตสีชมพูไล่เฉดสี 32 เม็ด (ราว 4.70 กะรัต) และเพชรบริลเลียนต์คัต 10 เม็ด (ราว 0.90 กะรัต) ตัดรับกับหน้าปัดมาเธอร์ออฟเพิร์ลสีขาวได้อย่างลงตัวจับคู่สายรัดข้อมือซาตินสีขาว ผลิตจำกัดเพียง 50 เรือน

Limelight Gala High Jewellery Black Opal

ต่อด้วยความสง่างามแบบที่ยากจะลอกเลียนกับ เรือนเวลาชั้นสูงที่มาพร้อมหน้าปัดประดับอัญมณีหายาก อย่าง
แบล็ค โอปอล ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องปรากฏการณ์แห่งสีสันที่ทอประกายนับไม่ถ้วนยามต้องแสง โดยปัจจุบันแบล็คโอปอลที่เมซงนำมาใช้คัดสรรจากแหล่งคุณภาพในออสเตรเลีย ขณะที่สายรัดข้อมือ ขาตัวเรือนและรอบหน้าปัดรายล้อมด้วยเพชรบริลเลียนต์คัต 91 เม็ด (ราว 5.25 กะรัต) และมรกตทรงมาร์คีส์ 83 เม็ด (ราว 8.18 กะรัต) โดยทรงมาร์คีส์นี้ถือเป็นหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์สำคัญของเมซง เมื่อพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศสมีประสงค์ให้ช่างฝีมือเจียระไนเพชรทรงใหม่ที่สะท้อนถึงรอยยิ้มงดงามของมาดามอันเป็นที่รักอย่าง Marquise de Pompadour ซึ่งปัจจุบันซิกเนเจอร์คัตเลื่องชื่อดังกล่าว ยังคงมอบประกายงามได้อย่างแตกต่างและชวนหลงใหลเช่นเคย นอกจากนี้ยังใส่กลไกควอตซ์ 56P ที่ผลิตขึ้นภายในโรงงานของแบรนด์เองไว้อีกด้วย

หรูหราลุคใหม่ในเฉดสีรุ้ง กับ Limelight Gala Rainbow

ความน่าสนใจของ Limelight Gala เฉดสีรุ้งเรือนนี้ นอกจากจะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของเมซงที่นำเสนอเรือนเวลาที่ผสานเข้ากับอัญมณีหลากหลายสีสันแล้ว ยังเสริมความเป็นเลิศด้วยการใส่ระบบกลไกอัตโนมัติแบบใหม่ล่าสุดที่ผลิตขึ้นในโรงงานของเมซง อย่าง 501P1 ไว้อีกด้วย ตัวเรือนโรสโกลด์ขนาด 32 มิลลิเมตร ขณะที่หน้าปัดและสายรัดข้อมือคราฟต์ขึ้นอย่างประณีตด้วยวัสดุชนิดเดียวกัน แต่พิเศษกว่าตรงที่แบรนด์เลือกใช้เทคนิคหัตถศิลป์เก่าแก่อย่าง Palace Décor มาผสานไว้ได้อย่างแยบยล โดยการแกะสลักแบบดั้งเดิมนี้ อาศัยทักษะจากช่างฝีมือที่ผ่านการฝึกฝนอย่างชำนาญจาก “Atelier de l’Extraordinaire” ซึ่งปัจจุบันมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ทำได้ กล่าวคือ ชิ้นส่วนหน้าปัดใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมงในการตกแต่ง ขณะที่สายรัดข้อมือใช้เวลาเป็น 4 เท่าของหน้าปัดเลยทีเดียว

โดยแรงบันดาลใจหลักของแพทเทิร์นต่างๆ มักถ่ายทอดต้นแบบมาจากธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็น ขนนก คลื่น ผืนป่า ขนสัตว์ ทุ่งหญ้า เปลือกไม้ใบไม้ เกล็ดงู ตลอดจนความมหัศจรรย์อื่นๆ อีกมากมาย เพื่อเสริมประกายงามให้ดูเด่นขึ้นอีกขั้น แบรนด์เลือกตกแต่งขอบตัวเรือนด้วยเหล่าอัญมณีหลากสี อย่าง ซาวอไรต์ สีเขียว และ แซฟไฟร์ไล่เฉดตั้งแต่ สีแดง ส้ม เหลือง น้ำเงิน อินดิโก ไปจนถึงสีม่วง

โดยร้อยเรียงแต่ละเม็ดด้วยเทคนิค Serti Descendu ที่ช่วยเผยให้เห็นประกายงามได้ชัดเจนกว่าการฝังลงไปในเนื้อทองแบบที่ใช้ทั่วไปในปัจจุบัน ขณะที่การแสวงหาอัญมณีสีที่เข้ากับเรือนเวลาได้อย่างสมบูรณ์แบบ ก็ถือเป็นอีกความท้าทายอันดับต้น ๆ ที่เพียเจต์ให้ความสำคัญ และเพื่อผลลัพธ์ที่พึงพอใจที่สุด การสำรวจหินสีจำนวนมหาศาลจึงจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะนอกจากสีจะตรงกับความต้องการแล้ว

ขนาดและคุณภาพระดับสูงก็ต้องอยู่บนมาตรฐานที่เมซงรับรองด้วยเช่นกัน และนี่จริงเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมเรือนเวลาชิ้นนี้จึงเป็น Limited Piece ที่ควรค่าแก่การครอบครอง สนนราคา 3,370,000 บาท

Limelight Gala Mother-of-Pearl Palace

เรือนเวลาที่ผลิตจำกัดเพียง 300 เรือน มาพร้อมตัวเรือนโรสโกลด์ขนาด 26 มิลลิเมตรขอบตัวเรือนประดับเพชร บริลเลียนต์คัตรวม 60เม็ด (ราว 0.92 กะรัต) โอบล้อมหน้าปัดมาเธอร์ออฟเพิร์ลสีขาวที่แกะสลักด้วยเทคนิค Palace Décor ไว้อย่างเข้ากัน เข้าคู่สายหนังจระเข้สีขาวที่เสริมสไตล์ในแบบโมเดิร์นลักชัวรีอย่างมีเอกลักษณ์ สนนราคา 815,000 บาท


 

อีกวางซู

ออกงานคู่ 2 เพื่อนสนิท ซงจุงกิ และ อีกวางซู ร่วมงานวิวาห์กลางสายฝน

Alternative Textaccount_circle
อีกวางซู
อีกวางซู

โมเม้นต์นี้ไม่ได้มีบ่อยๆ 2 นักแสดงหนุ่มเพื่อนซี้ ซงจุงกิ และ อีกวางซู รับหน้าที่พิธีกรในงานแต่งงานของคนสนิท

เข้าวงการมาในเวลาไล่เลี่ยกัน แถมยังได้เป็นพิธีกรหลักรายการวาไรตี้ชื่อดังRunning Man ร่วมกัน ทำให้ 2 หนุ่ม  ซงจุงกิ และ อีกวางซู กลายเป็นเพื่อนซี้กันไปโดยปริยาย และถึงแม้ว่าพระเอก ซงจุงกิ จะลาออกจากรายการไปนานแล้ว สืบเนื่องจากตารางงานที่แน่นขนัด แต่จนถึงทุกวันนี้ 2 หนุ่มก็ยังเป็นเพื่อนสนิทกันอยู่ดี

โดยที่ผ่านมาทั้งคู่ต่างผลัดกันสนับสนุนหน้าที่การงานของกันและกันเป็นอย่างมาก อย่างในซีรีส์ Descendants Of The Sun กวางซูได้มาสร้างสีสันในฐานะแขกรับเชิญ

ล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้ 2 หนุ่มได้ไร่วมงานแต่งงานของเจ้าบ่าว-เจ้าสาวคู่หนึ่ง ทั้งยังรับหน้าที่เป็น MC อีกด้วย โดยในงานทั้งสองยังแสดงความให้เห็นถึงมิตรภาพซึ่งเป็นโมเม้นต์ดีๆ ที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ

ออกงานคู่ 2 เพื่อนสนิท ซงจุงกิ และ อีกวางซู ร่วมงานวิวาห์กลางสายฝน

อีกวางซู


สามารถติดตามอ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่

อีซอนบิน แฟน อีกวังซู เผยเกี่ยวกับบ้านที่อยากอาศัยอยู่กับคนรัก

สมาร์ทมากพ่อ! ‘ซงจุงกิ’ หล่อ เนี้ยบ หน้าใส คัมแบ็กอย่างเท่ในบท ทนายมาเฟีย

หน้าเด็กเป็นสไตล์! เปิดสูตรผิวใส “ซงจุงกิ” ดูกลาสสกินแบบวาววับกระแทกใจ

IKEA

อิเกีย จัดโปรโมชั่นพิเศษฉลองเทศกาลสงกรานต์เมษายนนี้

IKEA
IKEA

กรุงเทพฯ 5 เมษายน 2564 – อิเกีย จัดโปรโมชั่นพิเศษเอาใจลูกค้า ต้อนรับเทศกาลสงกรานต์ 2564
ยกขบวนสินค้ายอดนิยมมาลดราคาพิเศษ เริ่มต้น 25 บาท และลดเพิ่มอีก 15% สำหรับสมาชิก IKEA Family เฉพาะวันที่ 13 – 15 เมษายน 2564…เติมพลังและความสดชื่นด้วยเมนูพิเศษเฉพาะสงกรานต์นี้ พร้อมด้วยกิจกรรมพิเศษมากมายเพื่อให้ทุกคนในครอบครัวใช้เวลาแห่งความสุขร่วมกัน อาทิ เวิร์คช็อปจัดโต๊ะอาหาร แต่งชุดไทยถ่ายรูปลุ้นรับบัตรของขวัญอิเกีย 2,000 บาท กิจกรรมงานวัดสำหรับคุณหนูๆ และรับฟรีเมนูอาหารเช้า สำหรับสมาชิก IKEA Family และเมนูคุณหนู Kids Eat Free สำหรับเด็กอายุไม่เกิน 12 ปี ชวนกันมาสนุกกันทั้งครอบครัวในวันหยุดสงกรานต์ วันที่ 8 – 18 เมษายน 2564 นี้ ที่อิเกีย บางนา อิเกีย บางใหญ่ และ อิเกีย ภูเก็ต

นอกจากนี้ ยังมีโปรโมชั่นสุดคุ้มลด 15% เมื่อช้อปสินค้าในหมวดที่นอน หมอน ผ้าห่ม ผ้าคลุมเตียง ปลอกผ้านวมและปลอกหมอน ให้คนไทยเนรมิตห้องนอนในฝันแบบสบายกระเป๋า วันที่ 8 เมษายน – 3 พฤษภาคมนี้ ที่อิเกีย บางนา อิเกีย บางใหญ่ อิเกีย ภูเก็ต และ IKEA.co.th

8 – 18 เมษายน 2564: โปรโมชั่นพิเศษรับเทศกาลสงกรานต์ ที่อิเกีย บางนา อิเกีย บางใหญ่ อิเกีย ภูเก็ตและ IKEA.co.th/Songkran

  • พบกับเฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้านในราคาสุดพิเศษ และลดกระหน่ำกว่าเดิมสำหรับลูกค้า IKEA Family รับส่วนลดเพิ่มอีก 15% เฉพาะวันที่ 13-15 เมษายน 2564 (สามารถสมัคร IKEA Family ฟรี และรับส่วนลดได้ทันทีที่สโตร์อิเกียทุกสาขา)

IKEA

ตู้หนังสือ

ตู้หนังสือบานกระจก รุ่น BILLY/บิลลี่
ราคาพิเศษ 4,990 บาท
ราคาสมาชิก IKEA Family 4,242 บาท

ปกติ 5,990 บาท

 

ตู้ลิ้นชัก

ตู้ลิ้นชักมีล้อเลื่อน รุ่น ALEX/อเล็กซ์
ราคาพิเศษ 2,590 บาท
ราคาสมาชิก IKEA Family 2,200 บาท

ปกติ 4,690 บาท

 

ตุ้กตาฉลาม

ตุ๊กตาผ้าฉลาม รุ่น BLÅHAJ/บลัวฮัย
ราคาพิเศษ 499 บาท
ราคาสมาชิก IKEA Family 424 บาท

ปกติ 599 บาท

 

ชุดเครื่องครัว

ชุดเครื่องครัว 5 ชิ้น รุ่น ANNONS/อันนุนส์ ราคาพิเศษ 349 บาท
ราคาสมาชิก IKEA Family 296 บาท
ปกติ 399 บาท

 

ไม้ประดิษฐ์ในกระถาง

ไม้ประดิษฐ์ในกระถาง รุ่น FEJKA/เฟคก้า

ราคาพิเศษ 129 บาท
ราคาสมาชิก IKEA Family 109 บาท

ปกติ 199 บาท

 

ที่วางขวด

ที่วางขวดเครื่องเทศในลิ้นชัก
รุ่นVARIERA/วาเรียร่า

ราคาพิเศษ 69 บาท
ราคาสมาชิก IKEA Family 59 บาท

ปกติ 139 บาท

 

ถุงหิ้วถุงหิ้ว รุ่น SKYNKE/ควินเก้
ราคาพิเศษ 25 บาท
ราคาสมาชิก IKEA Family 21 บาท

ปกติ 39 บาท

 

ถุงหิ้วถุงหิ้ว รุ่น SKYNKE/ควินเก้
ราคาพิเศษ 25 บาท
ราคาสมาชิก IKEA Family 21 บาท

ปกติ 39 บาท

  • เมนูพิเศษแบบไทยๆ เสิร์ฟเฉพาะช่วงสงกรานต์เท่านั้น ได้แก่ เซ็ตข้าวน้ำตกไก่ และบัวลอยเผือก ราคาสมาชิก IKEA Family 120 บาท ราคาปกติ 100 บาท เครื่องดื่มข้าวเหนียวมะม่วงปั่น ราคาสมาชิก IKEA Family 65 บาท ราคาปกติ 85 บาท ไอศกรีมมะพร้าวนมสดท็อปปิ้งเผือกบอล ราคาสมาชิก IKEA Family 65 บาท ราคาปกติ 85 บาท และเผือก&มันบอล ราคาสมาชิก IKEA Family 30 บาท ราคาปกติ 40 บาท (เมนูอาหารแตกต่างกันในแต่ละสโตร์)
  • อิ่มอร่อยฟรี เมนูอาหารเช้า สำหรับสมาชิก IKEA Family ที่อิเกีย บางนา และอิเกีย บางใหญ่ และ ฟรีเมนูคุณหนูเมื่อซื้อเมนูปกติที่ที่สโตร์อิเกียทุกสาขา พร้อมเติมความสดชื่นให้กับลูกค้าที่มาช้อปปิ้งที่ศูนย์การค้าเมกาบางนา และเซ็นทรัล พลาซ่า เวสต์เกต รับคูปองเครื่องดื่มซัมเมอร์โซดา ฟรี! เฉพาะวันที่ 13-15 เมษายน 2564
  • กิจกรรมแต่งชุดไทย ชวนครอบครัว เพื่อน หรือคนรักแต่งชุดไทยถ่ายรูปในโชว์รูมที่ตกแต่งสไตล์ไทยๆ หรือมุมต่างๆ ในอิเกีย โพสต์ภาพบนเฟซบุ๊กหรืออินสตาแกรม พร้อมแฮชแท็ก #SongkranatIKEA #IKEAThailand รับทันทีคูปองอาหาร 50 บาท (สำหรับสมาชิก IKEA Family) และยังสามารถร่วมสนุกลุ้นรับบัตรของขวัญอิเกีย 2,000 บาท จำนวน 5 รางวัล สำหรับภาพที่มีไอเดียสื่อถึงช่วงเวลาแห่งความสุขที่อิเกียได้ดีที่สุด ที่อิเกีย บางนา อิเกีย บางใหญ่ และอิเกีย ภูเก็ต
  • เวิร์คช็อปจัดโต๊ะอาหารอย่างมีสไตล์ สมาชิก IKEA Family เข้าร่วมเวิร์คช็อปฟรีพร้อมรับคูปองมูลค่า 100 บาท (ใช้สำหรับซื้อเฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้านที่อิเกีย) วันที่ 10-11 เมษายน 2564 มี 2 รอบ เวลา 00 น. และ 16.00 น. (จำกัดรอบละ 10 ท่าน) ที่อิเกีย บางนา และอิเกีย บางใหญ่ จองล่วงหน้าที่ 02-708-7999 ภายในวันที่ 1 – 7 เมษายน 2564
  • กิจกรรมงานวัด สำหรับสมาชิกสมอลส์และลูกหลานสมาชิก IKEA Family ให้คุณหนูๆ ได้เพลิดเพลินกับเกมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเกมตักไข่, เกมโยนห่วง และเกมโยนลูกปิงปองลงแก้ว พร้อมลุ้นรับของรางวัล อาทิ บัตรของขวัญ และคูปองไอศกรีม วันที่ 12-18 เมษายน 2564

ชวนกันมาอิเกียในเทศกาลวันหยุดสงกรานต์นี้ ที่อิเกีย บางนา อิเกีย บางใหญ่ และอิเกีย ภูเก็ต ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ IKEA.co.th/Songkran และเฟซบุ๊กอิเกีย

แขกงานแต่ง

บัวไม่ช้ำ น้ำไม่ขุ่น! วิธีรับมืออย่างสุภาพ พฤติกรรมไม่น่ารักของ แขกงานแต่ง

แขกงานแต่ง
แขกงานแต่ง

ไม่ว่างานสังคมไหนๆ ก็ตาม มารยาท เป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนคาดหวังไว้ว่าจะต้องมี ไม่ว่าจะเป็นมารยาทของตัวเราเองที่มีต่อคนรอบข้าง ต่อสถานที่ที่ไป หรือมารยาทที่เราคาดหวังว่าจะได้รับกลับคืนมาจากคนอื่นด้วย ในงานแต่งงานก็เช่นเดียวกัน แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ถ้าจะมีแขกหนึ่งหรือสองคน ที่มักจะมีพฤติกรรมที่ไม่เป็นไปตามมารยาทพื้นฐานของงานแต่งงาน อาจจะเพราะความไม่รู้ หรือด้วยความเผอเรออะไรก็แล้วแต่ จึงจำเป็นจะต้องมีการชี้แนะ เพื่อนำพาเขากลับเข้าสู่พฤติกรรมที่เหมาะสม แต่การจะไปตำหนิหรือว่ากล่าวคนอื่นต่อหน้าคนเยอะๆ ก็จะเป็นการเสียมารยาทซะเอง แพรวเวดดิ้ง เลยมีวิธีการรับมือกับ แขกงานแต่ง ที่มีพฤติกรรมไม่น่ารักด้วยวิธีสุภาพมาฝาก ให้บ่าวสาวสามารถจัดการสถานการณ์อึดอัดภายในงานได้อย่างสันติ และไม่มีใครต้องผิดใจกัน จะมีวิธีอะไรบ้าง ตามไปดูกันเลย

บัวไม่ช้ำ น้ำไม่ขุ่น! วิธีรับมืออย่างสุภาพ พฤติกรรมไม่น่ารักของ แขกงานแต่ง

1. แขกที่แต่งตัวหลุดธีม

ไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้าใจความหมายของ dress codes ได้ตรงกัน ไหนจะเรื่องของรสนิยมหรือสไตล์ของแขกที่แตกต่างกัน บางคนชิลเกินไป บางคนอาจจะเปิดเผยเยอะไป บางคนอาจจะแต่งมาเยอะเกินไปด้วยซ้ำ เพื่อเป็นการเคลียร์คำพูดของเราให้ชัดเจนและให้ทุกคนเข้าใจตรงกัน อย่างแรกต้องทำให้แน่ใจว่า ระดับความเป็นทางการของชุดใส่มางานแต่งที่เราวางแผนไว้ จะสะท้อนออกมาให้เห็นในการ์ดเชิญงานแต่ง อย่างที่สองนอกจากจะเขียนบอก dress codes เช่น งานทางการ งานกึ่งทางการ แล้ว การะบุลายละเอียดสถานที่จัดงาน สภาพแวดล้อมก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน อย่างถ้าเราจัดงานแต่งนอกสถานที่ที่เป็นสวน หรือ เป็นพื้นทรายริมหาด อาจจะให้แขกสวมรองเท้าแตะมางานก็ได้ อย่างที่สาม อาจจะต้องยกตัวอย่างโดยใช้ภาษาพูดให้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้น เพื่อความเข้าใจตรงกันของทุกฝ่าย การอธิบายให้เห็นโดยใช้คำพูดง่ายๆ จะทำให้แขกสามารถนึกภาพและวางแผนเสื้อผ้าได้ถูกต้อง

แขกงานแต่ง

 

2. แขกที่ไม่มาตามนัด

การที่แขกงานแต่งคอนเฟิร์มก่อนแล้วว่าสามารถเข้าร่วมงานได้ แต่พอถึงวันจริงกลับไม่เห็นตัว ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ไม่ค่อยจะน่ารักสักเท่าไหร่ แต่อย่างไรเราก็ทำอะไรไม่ได้ จะให้บ่าวสาวต้องมาวุ่นวายปวดหัวกับเรื่องนี้ในวันสำคัญที่พวกเขาควรจะมีความสุขก็ไม่ใช่ที่ ดังนั้นแล้ววิธีการรับมือคือ ไม่จำเป็นต้องไปป่าวประกาศให้ทุกคนที่ร่วมงานรู้ว่ามีแขกที่ไม่ได้มาร่วมพิธี ซึ่งจะเป็นการสร้างซีนโดยไม่จำเป็น แค่บอกคนใกล้ตัว จะเป็นสต๊าฟอีเวนท์ก็ดี เพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวก็ดี ไปบอกทางสถานที่ว่าให้เคลียร์เก้าอี้ที่วางตัวนั้น ถ้ามีชื่อของแขกอยู่ที่โต๊ะก็ให้หยิบออกแล้วจัดระเบียบโต๊ะใหม่ แค่นี้ก็ไม่ต้องภาพเก้าอี้ว่างในงานให้อึดอัดใจแล้ว

แขกงานแต่ง

 

3. แขกที่เกาะติดบ่าวสาวแบบเหนียวแน่นหนึบ

ในทุกๆ งานสังคมเราจะต้องได้เจอสักคนหนึ่ง หรือสองคนที่มักจะมีความกระตือรือร้น ตื่นเต้นกับทุกสิ่งทุกอย่างเสมอ ในงานแต่งก็เช่นกัน มักจะมีแขก เครือญาติ หรือเพื่อนสักคนที่จะเข้ามาหาเราจากนั้นก็จะไม่ยอมปล่อยเราไปเลย ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ ในงานแต่งงานที่รวมเอาญาติสนิทมิตรสหายที่ไม่ได้เจอกันนานให้มาอยู่ร่วมกันอีกครั้ง การที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวจะทักทายและพูดคุยกับแขกในงานก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นเดียวกัน แต่การต้องรับมือกับแขกที่คุยไม่หยุดสักทีก็ลำบากใจเหมือนกัน วิธีการรับมือแขกประเภทนี้คือ แนะนำให้เขารู้จักกับแขกคนอื่นๆ หรือถ้าไม่ได้ ก็ให้คอยจังหวะแล้วขอตัวออกไปอย่างสุภาพว่า มีอย่างอื่นที่ต้องทำ คนส่วนมากจะเข้าใจได้ทันทีว่า เจ้าบ่าวเจ้าสาวมักจะต้องเดินไปนู่นไปนี้และค่อนข้างยุ่งอยู่แล้วในวันแต่งงาน ดังนั้นไม่มีการผิดใจกันแน่นอน

แขกงานแต่ง

 

4. แขกที่ไม่นั่งตามที่จัดไว้ให้

เราอุตส่าห์ใช้เวลาและความคิดในการจัดแจงผังที่นั่งอยู่เป็นเดือน แต่ก็มักจะเพื่อนๆ หรือญาติๆ ที่ด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่รู้ได้ ชอบเปลี่ยนที่นั่งกับคนอื่นๆ อยู่ ซึ่งจะต้องมีในทุกงาน อาจจะเพราะอยากจะนั่งคุยกับคนรู้จักที่ไม่ได้เจอกันนาน หรืออาจจะอย่างเลี่ยงคนที่ไม่ค่อยอยากเจอในโต๊ะที่ถูกจัดไว้ให้ก็เป็นได้ ถ้าการเปลี่ยนโต๊ะที่ว่า ไม่ได้อยู่ในส่วนของแขกสำคัญ อย่างสมาชิกในครอบครัวที่ใกล้ชิดของบ่าวสาว ก็อนุโลมให้ ทำเป็นปล่อยผ่านไปก็ไม่มีปัญหา ถึงแม้ว่าแขกคนนั้นควรจะต้องเคารพในการจัดแจงที่นั่งของเราก็ตาม แต่จะให้มาปวดหัวกับเรื่องเล็กน้อยในวันสำคัญของเราก็ดูจะไม่คุ้ม แต่ถ้าแขกคนนั้นเปลี่ยนที่แล้วกระทบหรือเบียดเบียนมาถึงที่นั่งพิเศษที่เราจัดไว้แล้วละก็ ก็คงต้องรบกวนขอให้แขกคนนั้นย้ายที่กลับไป หรือจะให้เพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวไปบอกให้แทนก็ได้ว่า “ขอโทษนะคะ ที่ตรงนี้จองไว้สำหรับคนในครอบครัวบ่าวสาวนะคะ รบกวนย้ายกลับไปนั่งในที่ที่จัดไว้ให้ได้ไหมคะ ขอบคุณมากค่ะ”

แขกงานแต่ง


ข้อมูล : insideweddings.com, pinterest.com

เรียบเรียง : KimZ

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

บ่าวสาวควรรู้ไว้ 5 เหตุผลที่ควรซ้อมรันคิว พิธีเลี้ยงฉลองงานแต่ง ก่อนเวลาจริงมาถึง

เลื่อนดีกว่าเลิก 7 เหตุผลที่ควร เลื่อนงานแต่ง ดีกว่ายกเลิกในสถานการณ์โควิด-19

4 เคล็ดลับช่วย ช่างภาพงานแต่ง ให้เก็บภาพถ่ายได้อย่างเพอร์เฟ็กต์ในวันแต่งงาน

 

ฟลุค-นาตาลี ต้อนรับลูกสาวในชุด Baby Gucci

ฟลุค-นาตาลี ต้อนรับลูกสาวในชุด Baby Gucci สมกับเป็นทายาทแสนล้าน

ฟลุค-นาตาลี ต้อนรับลูกสาวในชุด Baby Gucci
ฟลุค-นาตาลี ต้อนรับลูกสาวในชุด Baby Gucci

จัดเต็มไปเลย ฟลุค-นาตาลี เลือกชุดเซ็ต Baby Gucci สุดน่ารักต้อนรับลูกสาวคนแรก งานนี้ซื้อทีเดียวได้ถึง 3 ชิ้น แม้ราคาจะเฉียดหมื่นก็คุ้มค่า ทั้งยังสบายกระเป๋าคุณพ่อฟลุคและคุณแม่ลีอีกด้วย

เป็นอีกหนึ่งข่าวดี เมื่อวันที่ 6 เมษายน นาตาลี ณัฏฐินี เจียรวนนท์ ได้คลอดลูกสาวคนแรก ซึ่งถูกตั้งชื่อให้ว่า ‘นาตาชา’ โดยมีคุณพ่อฟลุค เกริกพล คอยดูแลทั้งคุณแม่และคุณลูกอยู่ไม่ห่าง โดยคุณแม่ได้โพสต์ข้อความถึงลูกสาวว่า “หนูน้อยมาแล้วค่ะ หนูเสียงดังดีลั่นห้องเลย โมเม้นต์นี้คือตอนเห็นหนูครั้งแรก แม่ขอบันทึกไว้นะคะ เป็นช่วงเวลาที่ลืมความเจ็บเลย รักจัง”

ฟลุค-นาตาลี ต้อนรับลูกสาวในชุด Baby Gucci

หลังจากนั้นคุณแม่ก็โพสต์ต่อเนื่องว่า “รอมา 9 เดือน กว่าที่จะได้เจอหนู ภาพนี้เป็นตอนที่ได้อุ้มหนูครั้งแรก บรรยายเป็นความรู้สึกไม่ถูกเลยค่ะ”

ฟลุค-นาตาลี ต้อนรับลูกสาวในชุด Baby Gucci

ฟลุค-นาตาลี ต้อนรับลูกสาวในชุด Baby Gucci

ฟลุค-นาตาลี ต้อนรับลูกสาวในชุด Baby Gucci สมกับเป็นทายาทแสนล้าน

ซึ่งน้องนาตาชามาในชุดเด็กแสนน่ารักโทนสีชมพูจาก Gucci เรียกว่าสมกับเป็นทายาทแสนล้านจริงๆ คลอดปุ๊บก็ใส่ได้แบรนด์เนมแล้ว โดยชุดมีชื่อรุ่นว่า Baby Gucci logo cotton gift set มาพร้อมกัน 3 ชิ้นคือ ชุดบอดี้สูท หมวก และผ้ากันเปื้อน ราคาประมาณ 8,500 บาท

ตัวชุดโดดเด่นด้วยโลโก้สไตล์วินเทจของ Gucci ทำให้ชุดของขวัญที่เข้ากันนี้มีกลิ่นอายย้อนยุค แต่งด้วยผ้าฝ้าย 100% แขนสั้นแบบชิ้นเดียว จับคู่กับหมวกที่มีดีเทลแถบสีเขียวและแดง เช่นเดียวกับผ้ากันเปื้อน ได้รับแรงบันดาลใจจากคอลเล็คชั่น RTW สำหรับบุรุษและสตรี ผลิตขึ้นในอิตาลี

ชุด Baby Gucci

Baby Gucci logo cotton gift set

หลังจากคุณพ่อคุณแม่ลงรูปลูกสาวรัวๆ บนอินสตาแกรมส่วนตัว ก็มีเพื่อนๆ ทั้งในและนอกวงการ รวมถึงแฟนๆ ต่างเข้ามาแสดงความยินดีกับสมาชิกใหม่ของครอบครัว รวมถึงพี่ชาย อชิ อชิรวัตติ์ ก็มาเยี่ยมน้องสาวด้วยเช่นกัน

อชิ อชิรวัตติ์

ฟลุค-นาตาลี ต้อนรับลูกสาวในชุด Baby Gucci

Baby Gucci

ชุด Baby Gucci

ชุด Baby Gucci

ชุด Baby Gucci

ชุด Baby Gucci

Baby Gucci


ภาพ : IG@lee_natalie  , @fluke777

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

รู้หรือไม่ รองเท้า Christian Louboutin เกิดจากชีวิตรักแสนเศร้าของ เจ้าหญิงไดอาน่า

งดงามทุกมุม! ตั๊ก บงกช เดินสายทำบุญใน ชุดไทยบรมพิมาน สวยหวานดั่งผ้าพับไว้

สวยเท่ไม่โป๊! ชุดว่ายน้ำ Louis Vuitton ‘ญาญ่า’ เท่าไหร่ก็ยอมจ่าย

LINE FASHION ANNUALE 2021

LINE เปิดตัว 15 แบรนด์แฟชั่นไทย เดินหน้าสู่เวิร์คช้อป “มืออาชีพแฟชั่นในยุคดิจิทัล”  

LINE FASHION ANNUALE 2021
LINE FASHION ANNUALE 2021

LINE เปิดตัว 15 แบรนด์แฟชั่นไทย เดินหน้าสู่เวิร์คช้อป “มืออาชีพแฟชั่นในยุคดิจิทัล”  

สร้างสรรค์คอลเลคชั่นใหม่ โชว์ผลงานใน LINE FASHION ANNUALE 2021 เดือนกรกฎาคมนี้

LINE สานฝัน SME แฟชั่นไทยก้าวไกลสู่ระดับมืออาชีพ เปิดตัว 15 แบรนด์ที่ได้รับการคัดเลือกร่วมงาน LINE FASHION ANNUALE 2021 เดินหน้าเข้าสู่การกรูมมิ่งและเวิร์คช้อปกับมืออาชีพแถวหน้าของเมืองไทย อาทิ ป้าตือ-สมบัษร ถิระสาโรช ฟอร์ด-กุลวิทย์ เลาสุขศรี และเหล่ากูรูในโลกแฟชั่นมากมาย พร้อมเรียนรู้การตลาดยุคดิจิทัลแบบจัดเต็ม เพื่อสร้างสรรค์ผลงานคอลเลคชั่นใหม่สุดเอ็กซ์คลูซีฟ เฉิดฉายบนรันเวย์สุดล้ำ LINE FASHION ANNUALE 2021 เดือนกรกฎาคมนี้

หลังจากเปิดตัว “LINE FASHION ANNUALE 2021 (ไลน์ แฟชั่น แอนนัวเล่ 2021)” โครงการเพื่อมุ่งยกระดับ SME ไทยสายแฟชั่นให้ก้าวไกลกว่าเดิม ด้วยการพัฒนาทักษะด้านการออกแบบอย่างมืออาชีพและการทำธุรกิจดิจิทัล สู่เส้นทางแห่งรันเวย์ครั้งยิ่งใหญ่ โดยได้สิ้นสุดการรับสมัครไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พร้อมกระแสตอบรับดีเยี่ยมด้วยยอดผู้ประกอบการแฟชั่นสมัครเข้ามากว่า 500 แบรนด์ โดย LINE ได้จัด Pitching Day เพื่อเปิดโอกาสให้แบรนด์ที่ผ่านการคัดเลือกรอบแรกได้นำเสนอผลงานต่อหน้าคณะกรรมการ ทั้งฝั่งกูรูด้านแฟชั่นและผู้เชี่ยวชาญด้านดิจิทัลไปเมื่อกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ล่าสุด LINE พร้อมเผยโฉม เปิดตัว 15 แบรนด์แฟชั่นที่ผ่านการคัดเลือกมาแล้ว ดังนี้

LINE FASHION ANNUALE 2021

  • กลุ่มแบรนด์เสื้อผ้า เครื่องแต่งกายสำหรับผู้ชาย ได้แก่ แบรนด์ Grouderbkk แบรนด์ Roserompstudio และแบรนด์ Salawan
  • กลุ่มแบรนด์เสื้อผ้า เครื่องแต่งกายสำหรับผู้หญิง ได้แก่ แบรนด์ ALLA MODA BANGKOK แบรนด์ EVERYDAY APPARELS แบรนด์ FLAT2112 แบรนด์ LUBNA แบรนด์ ROCE แบรนด์ TinyyyStyle และ PETCHPLOY BRAND
  • กลุ่มแบรนด์เสื้อผ้า เครื่องแต่งกายสำหรับทั้งผู้ชาย ผู้หญิง ได้แก่ แบรนด์ CMCT และแบรนด์ SAAMU
  • กลุ่มแบรนด์เครื่องประดับอื่นๆ ได้แก่ แบรนด์ JITTRAKARN – เครื่องประดับสำหรับผู้หญิง แบรนด์ Plushstudio – รองเท้า กระเป๋า เครื่องหนังสําหรับผู้หญิง และแบรนด์ Tribe Official – กระเป๋า รองเท้า เสื้อผ้าจากไทย

LINE FASHION ANNUALE 2021

ทั้ง 15 แบรนด์ มีการนำเสนอแนวคิด สไตล์ และตัวอย่างการออกแบบเสื้อผ้าของแบรนด์ได้อย่างดีเยี่ยม ถือว่าล้วนเป็นทีมที่มีศักยภาพในการพัฒนาต่อยอดเพื่อก้าวสู่มืออาชีพในระดับสากล โดยหลังจากนี้ ตลอด 3 เดือนข้างหน้า ทั้ง 15 ทีม จะได้เข้าเวิร์คช้อปรับความรู้ ข้อแนะนำเชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญทั้งด้านการสร้างแบรนด์ การบริหารแบรนด์แฟชั่น อาทิ ป้าตือ-สมบัษร ถิระสาโรช คุณฟอร์ด-กุลวิทย์ เลาสุขศรี และเหล่ากูรูในโลกแฟชั่นอีกมากมาย เพื่อพัฒนาผลงานคอลเลคชั่นใหม่สุดเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับแสดงในงาน LINE FASHION ANNUALE 2021 ในเดือนกรกฎาคมนี้ นอกจากนี้ ทั้ง 15 แบรนด์จะได้เป็นส่วนหนึ่งของรายการ LINE FASHION ANNUALE 2021 – Behind the Stage ซีรี่ส์เรียลลิตี้บน LINE TV ถ่ายทอดเบื้องหลังสุดเข้มข้นของเส้นทางสู่วันงานรันเวย์ครั้งใหญ่ พร้อมโอกาสการถ่ายทำเซ็ตภาพถ่ายแฟชั่นคอลเลคชั่นโดยทีมงานมืออาชีพระดับประเทศ และได้รับการโปรโมทผ่านสื่อต่างๆ ของ LINE อย่างต่อเนื่องอีกด้วย

LINE FASHION ANNUALE 2021

นางสาวสกุลรัตน์ ตันยงศิริ ผู้อำนวยการธุรกิจ SME LINE ประเทศไทย เปิดเผยว่า ผู้ประกอบการด้านแฟชั่นของไทยถือเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีศักยภาพมาก หลายแบรนด์สามารถไปไกลได้ถึงระดับประเทศ LINE ในฐานะแพลตฟอร์มดิจิทัลในการทำธุรกิจของ SME ไทยเห็นถึงศักยภาพที่แข็งแกร่งตรงนี้ จึงมุ่งยกระดับทั้งในส่วนความเป็นมืออาชีพในสายแฟชั่น และการทำแบรนด์ การตลาดด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล และจะเป็นแรงกำลังสำคัญช่วยให้ผู้ประกอบการไทยก้าวไกลได้มากกว่าที่เคยเป็น

ผู้ที่สนใจ สามารถติดตามอัพเดทความเคลื่อนไหวของทั้ง 15 แบรนด์และงาน LINE FASHION ANNUALE 2021  แฟชั่นอีเวนต์รูปแบบไฮบริดครั้งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในเดือนกรกฎาคมนี้ ได้ผ่าน LINE Official Account: LINE for Business (@linebizth) #LINEFashionAnnuale2021 #LINEforBusiness

BAO BAO ISSEY MIYAKE

ซัมเมอร์นี้ต้องสดใส 4 ซีรีส์ที่ต้องมี จาก BAO BAO ISSEY MIYAKE คอลเล็คชั่น SS21

BAO BAO ISSEY MIYAKE
BAO BAO ISSEY MIYAKE

สาวๆ ทีม BAO BAO ISSEY MIYAKE มารวมกันตรงนี้ แพรว จะพาไปอัปเดตกระเป๋า BAO BAO ISSEY MIYAKE คอลเล็คชั่นใหม่ล่าสุด Spring/Summer 2021 ที่จะเติมความสดใสซาบซ่าให้กับลุคซัมเมอร์ของสาวๆ แบบจัดเต็ม

กระเป๋า BAO BAO ISSEY MIYAKE คอลเล็คชั่น Spring/Summer 2021 โดดเด่นด้วยสีสันสดใสรับซัมเมอร์ และดีไซน์เก๋กรุบแบบไทม์เลสที่ครองใจสาวๆ ทุกสไตล์ หยิบไปแมตช์กับลุคไหนๆ ก็ปัง จะใช้ตอนไปเที่ยวก็เริ่ด หรือจะใช้สำหรับ everyday look ก็เป๊ะ เพราะใช้ง่ายด้วย function ตอบโจทย์ทุกการใช้งานของสาวๆ ที่หลากหลาย น้ำหนักเบา จุของได้เยอะแบบจุใจ และที่สำคัญอีกอย่างคือดูแลรักษาง่ายมาก จะใช้งานแบบสมบุกสมบันแค่ไหน ก็ไม่ต้องคอยกังวลใจให้หมดสนุก

สำหรับสาวๆ ที่อยากรู้จักกระเป๋า BAO BAO ISSEY MIYAKE ให้มากขึ้นก่อนจะจับจองเป็นเจ้าของ แพรว หยิบ 6 ซีรีส์สุดฮ็อตจากคอลเล็คชั่น Spring/Summer 2021 มาซูมเน้นๆ กันตรงนี้แล้ว ตามไปส่องกันเลยค่ะ

ซัมเมอร์นี้ต้องสดใส 4 ซีรีส์ที่ต้องมี จาก BAO BAO ISSEY MIYAKE คอลเล็คชั่น SS21

WRING GLOSSBAO BAO ISSEY MIYAKE WRING GLOSS

ซีรีส์กระเป๋าที่มาพร้อมกับความสดใสของสีประจำซีซั่นอย่าง สีเทาอ่อนที่เข้ากันได้ดีกับทุกลุคในชีวิตประจำวัน สีส้มคอรัลที่จะชวนให้นึกถึงบรรยากาศของฤดูร้อน และสีฟ้าเทอร์ควอยซ์ที่จะเพิ่มความมีชีวิตชีวาให้กับผู้ใช้ แถมยังมากไปด้วยความคล่องตัวจากสายกระเป๋าที่จะครีเอตลุคปังให้กับสาวๆ ทั้งแบบหูหิ้วและแบบสะพายครอสบอดี้

PLATINUM MERMAID

BAO BAO ISSEY MIYAKE PLATINUM MERMAID

โดดเด่นด้วยการผสมผสานวัสดุเคลือบเอฟเฟคแบบกระจกอันเป็นเอกลักษณ์ของซีรีส์ PLATINUM บริเวณด้านบนของตัวกระเป๋า และใช้วัสดุเคลือบลงยาที่ด้านล่าง PLATINUM MERMAID เหมาะ

สำหรับใส่กระเป๋าสตางค์และโทรศัพท์มือถือ ในขณะที่ช่องใส่ของแบบมีซิปที่อยู่ด้านข้างเหมาะสำหรับใส่สิ่งของขนาดเล็ก เช่น กุญแจ บัตร และลิปสติก เรียกว่ามากไปด้วยฟังก์ชั่น และแวววาวโดดเด่นซึ่งจะช่วยครีเอตสไตล์ได้เป็นอย่างดี

FRAME

BAO BAO ISSEY MIYAKE FRAME

BAO BAO ISSEY MIYAKE FRAME

เอาใจสาวๆ แฟชั่นนิสต้าที่ไม่ยอมตกเทรนด์ ด้วยซีรีส์ใหม่ล่าสุดอย่าง FRAME ที่เริ่ดเหมาะกับช่วงซัมเมอร์สุดๆ ดีไซน์เก๋กว่าใครด้วยกรอบสามเหลี่ยมแบบซีทรู ให้ความรู้สึกโปร่ง ดูมีมิติ  ไม่ว่าจะถือไปเที่ยวทะเลเอย เที่ยวคาเฟ่เอย บอกเลยว่าเหมาะทุกทริป โดยเฉพาะรุ่นที่เป็นกระเป๋าแบบรูดเปิดปิดได้ พอรูดปิดปากกระเป๋าจะกลายเป็นรูปทรงสามมิติ รับรองว่าถ่ายรูปออกมาสวยชิคแน่นอน

CRYSTAL GLOSS

BAO BAO ISSEY MIYAKE CRYSTAL GLOSS

BAO BAO ISSEY MIYAKE CRYSTAL GLOSS

มาถึงซีรีส์ที่สาวๆ ปลื้มกันหนักมากอย่าง CRYSTAL GLOSS กระเป๋าเนื้อกลอสที่มีความแวววาว ช่วยอัพลุคเรียบหรูดูดี เพียบพร้อมด้วย function ทั้งหูหิ้วและสายสะพายยาว แถมยังจุของได้เยอะด้วยก้นกระเป๋าที่กว้าง CRYSTAL GLOSS จะช่วยเติมเต็มคอลเล็คชั่น Spring/Summer 2021 ด้วยสีสันสดใส เหมาะสำหรับลุคซัมเมอร์ของสาวๆ ทุกคน

PRISM GLOSS

BAO BAO ISSEY MIYAKE PRISM GLOSS

BAO BAO ISSEY MIYAKE PRISM GLOSS

ปิดท้ายแบบสวยๆ ด้วยซีรีส์ฮ็อตที่สาวก BAO BAO ISSEY MIYAKE ตัวจริงห้ามพลาด! สำหรับ PRISM GLOSS ที่พื้นผิวของกระเป๋าจะส่องประกายยามสะท้อนแสงแดดอุ่นๆ ของฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน มาพร้อมกับ 4 สีใหม่ คือ สีเหลืองที่ดูสดใส สีเขียวที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากต้นไม้ใบหญ้า สีม่วงลาเวนเดอร์ดูสบายตา และสีเทาชาร์โคลที่ดูเรียบหรู อีกทั้งยังมีให้เลือกทั้งแบบ TOTE และแบบ CROSSBODY ที่มาพร้อมกับสายสะพายยาว ช่วยเพิ่มความความคล่องตัวให้กับสาวๆ ได้เป็นอย่างดี

BLOCKY

BAO BAO ISSEY MIYAKE BLOCKY

สำหรับสาวๆ ที่อยากเปลี่ยนลุคให้เป็นสาวเท่ BLOCKY ซีรีส์ที่ประกอบด้วยแผ่นสามเหลี่ยมขนาดใหญ่ก็ตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี เนื่องจากแผ่นสามเหลี่ยมจะช่วยสร้างรูปทรงที่แตกต่างให้กับกระเป๋าได้อย่างหลากหลาย อีกทั้งมาพร้อมกับสายกระเป๋าสามารถปรับขนาดได้ ซึ่งสามารถใช้ได้ทั้งแบบสะพายไหล่และครอสบอดี้ เพิ่มความคล่องตัวให้กับผู้ใช้ และสะดวกต่อการพกพา

น่าเป็นเจ้าของทุกซีรีส์เลยใช่ไหมล่ะคะ สำหรับ BAO BAO ISSEY MIYAKE คอลเล็คชั่น Spring/Summer 2021 ที่มากไปด้วยความสนุกทั้งดีไซน์และสีสัน เหมาะกับช่วงซัมเมอร์นี้สุดๆ ซึ่งสาวๆ ที่อยากสอยตอนนี้เลย ก็ไม่ต้องรอช้าค่ะ สามารถตามไปลองหยิบ ลองจับ ลองสะพายกันได้เลยที่ช็อป BAO BAO ISSEY MIYAKE ทุกสาขาในประเทศไทย

BAO BAO ISSEY MIYAKE PRISM GLOSS

แถมยังเอาใจขาช้อปที่ชอบท่องเที่ยว แม้ในช่วงที่เดินทางไปต่างประเทศไม่ได้แบบนี้ สาวๆ ก็สามารถเป็นเจ้าของกระเป๋า BAO BAO ISSEY MIYAKE ได้ในราคาดีใกล้เคียงกับการบินไปซื้อที่ญี่ปุ่น และได้ของแท้แน่นอน แถมอุ่นใจกว่าด้วยบริการหลังการขาย รับประกันคุณภาพของกระเป๋าทุกใบนานถึง 1 ปีเต็ม

สาวหมวย ชาเลนจ์ลดน้ำหนัก กินแตงกวาติดต่อกัน 21 วัน ผลที่ได้....

อยากผอม! สาวหมวย ชาเลนจ์ลดน้ำหนัก กินแตงกวาติดต่อกัน 21 วัน ผลที่ได้….

Alternative Textaccount_circle
สาวหมวย ชาเลนจ์ลดน้ำหนัก กินแตงกวาติดต่อกัน 21 วัน ผลที่ได้....
สาวหมวย ชาเลนจ์ลดน้ำหนัก กินแตงกวาติดต่อกัน 21 วัน ผลที่ได้....

หากพูดถึง เทรนด์อวดผอม ในการสรรหาทำชาเลนจ์เกี่ยวกับความผอมเพรียว เอวบางร่างน้อย และการลดน้ำหนักต่างๆ ต้องยกให้สาวจีนยืนหนึ่ง!!! เพราะที่ผ่านมามักมีชาเลนจ์แปลกๆ เกี่ยวกับการรูปร่างมาโดยตลอด

อย่างเช่นชาเลนจ์ดังๆ ก่อนหน้านี้ อาทิ เทรนด์อวดผอม ด้วย Headphone Wire Waist Challenge ใช้สายหูฟังพันรอบเอว หรือที่โด่งอีกชาเลนจ์ก็คือ การใช้กระดาษ A4 แผ่นเดียวมาวางทาบที่หน้าท้อง ซึ่งถ้าใครทาบแล้วกระดาษ A4 ปิดหน้าท้องสนิทจนมองไม่เห็นเอวที่เกินออกมานั้น ก็เหมือนเป็นการฟันธงว่าคนๆ นั้น หุ่นดี เอวคอดเป๊ะมาก ต่อมาก็ไม่จบแค่เอวกระดาษ A4 แต่ยังมีการท้าพิสูจน์เรียวขาว่าสวยจริงหรือสวยหลอก โดยการใช้ไอโฟน 6 วัดเรียวขา เพียงแค่นั่งหนีบขา แล้วนำไอโฟน 6 มาวางไว้บนเข่า หากท่อนขาทั้งสองข้างไม่เกินแนวนอนของสมาร์ทโฟน ก็หมายความว่าขาสวยเรียวเล็ก

แถมต่อมาก็ฮิตโชว์ความผอมด้วยการให้สาวๆ เอื้อมมือไขว้หลังไปจับสะดือที่อยู่ด้านหน้าให้ได้ ใครทำได้ถือว่าผอม หุ่นดี เอวเล็กมากเว่อร์ แต่ก็ต้องเป็นคนที่มีความยืดหยุ่นของร่างกายกันพอสมควรด้วยนะถึงจะทำได้ หลังจากนั้นไม่นานก็เริ่มหันมาฮิตเทรนด์วางเหรียญบนไหปลาร้าแทน ใครที่สามารถวางเหรียญไว้บนไหปลาร้าได้เยอะแบบไม่ตก ก็แปลว่าผอมนั่นแหละ ช่างสรรหากันซะเหลือเกิน

ชาเลนจ์ลดน้ำหนัก กินแตงกวาติดต่อกัน 21 วัน ผลที่ได้….

ล่าสุด 2021 อีกชาเลนจ์ที่กำลังเป็นกระแสในโซเชียลมีเดียของจีน คือ ชาเลนจ์ลดน้ำหนัก ด้วยการกินแตงกว่านานติดต่อกันถึง 21 วัน ซึ่งก็มีคนร่วมชาเลนจ์จำนวนมาก และหลายคนก็แชร์ประสบการณ์ของตัวเอง แต่มีสาวจีนรายหนึ่ง ทำให้เกิดเป็นประเด็นจนถูกติดแฮชแท็กที่แปลได้ว่า #อย่าลองลดน้ำหนักด้วยแตงกวาแบบง่ายๆ

สาวหมวย ชาเลนจ์ลดน้ำหนัก

โดยหญิงสาวรายนี้ ได้โพสต์รูปภาพแตงกวาในกล่องจำนวนมาก พร้อมกับบอกว่า ขอเริ่มชาเลนจ์ 21 วัน ลดน้ำหนักด้วยแตงกวา หลังจากเห็นสาว ๆ หลายคนใช้วิธีนี้แล้วค่อนข้างได้ผลดี เธอจึงอยากลองทำบ้าง และเธอก็เริ่มอัพเดตตั้งแต่เริ่มกินว่า

  • วันแรก มีอาการปกติดี ตอนเช้ากินไป 1 ลูก และยังไม่ได้กินอะไรเลยจนถึงตอนนี้ หิวมาก ดื่มน้ำไป 4 แก้ว น้ำหนักเริ่มต้นที่ 52.8 เป้าหมายอยู่ที่ 47 สู้ๆ
  • วันที่ 2 น้ำหนักลดลงอยู่ที่ 52.2 เหตุเพราะเมื่อวาน กินแตงกวาและดื่มน้ำไป 7-8 แก้ว รอดมาได้ แต่ตอนเที่ยงคืนหิวมาก แอบกินบะหมี่ไก่งวงไป บาปมาก วันนี้จะต้องไม่เป็นแบบนั้น เมื่อไม่กิน น้ำหนักต้องได้ 51.6
  • วันที่ 3 ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงวันนี้ กินแค่แตงกวาและปลาเป็นอาหารเย็น ชั่งน้ำหนักไม่เปลี่ยนแปลง 52.1
  • วันที่ 4 (เจ้าตัวไม่ได้อัพเดตเอง) เพราะเธอนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล กำลังให้น้ำเกลืออยู่ จากสิ่งที่เกิดขึ้น คาดว่าชาเลนจ์ดังกล่าวจะไม่ถูกสานต่ออีกเป็นแน่
  • อัพเดตด้วยตัวเองครั้งสุดท้ายของชาเลนจ์นี้ พร้อมกับภาพสายน้ำเกลือ และบอกว่าการลดน้ำหนักอย่าหาทำแบบง่ายๆ สาวๆ คนไหนที่มีอาการปวดท้องอย่าพยายาม ตอนนี้ฉันโอเคแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง

สาวหมวย ชาเลนจ์ลดน้ำหนัก

หลังจากประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับของเธอถูกแชร์ไปในโลกโซเชียล หลายคนต่างพากันรู้สึกเห็นใจ ขณะเดียวกันก็มองว่าเป็นประโยชน์กับคนอื่นๆ เป็นอุทาหรณ์ว่าการลดน้ำหนักต้องมีสติ เพราะเสี่ยงอันตราย การควบคุมอาหารควรทำอย่างถูกต้องตามหลักโภชนาการ ควบคู่ไปกับการออกกำลังกายจะดีที่สุด

ชาเลนจ์ลดน้ำหนัก กินแตงกวาติดต่อกัน 21 วัน ผลที่ได้....


ภาพจาก Weibo
ข้อมูล : sohu.com , Kapook.com

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

‘ไอซ์ ปรีชญา’ ชาเลนจ์ฟิตหุ่น ให้เอวเหลือ 23 นิ้ว ถ้าพังเจอลงโทษมาสก์หน้าอึสุนัข ฯลฯ

เทรนด์อวดผอม ล่าสุดHeadphone Wire Waist Challenge ใช้สายหูฟังพันรอบเอว

เทรนด์อวดผอมไม่เคยเอ้าท์! ใหม่ The Pen Challenge พิสูจน์ความบางเอวร่างน้อย

อย่าหาทำ! เตือนลดพุงด้วย ฮูล่าฮูป ไซส์จัมโบ้ 6 โลขึ้น อาจอันตรายกระดูกสันหลัง

 

 

 

หมอโจ้ THE DEMIS CLINIC

กว่าจะสำเร็จ…ไม่ง่าย “หมอโจ้” แพทย์ความงามมือดีที่เซเลบฝากหน้าให้ดูแล

หมอโจ้ THE DEMIS CLINIC
หมอโจ้ THE DEMIS CLINIC

ตลาดความต้องการที่จะสวยเร็วสวยไวทำให้เงินสะพัดในเหล่าคลินิกเสริมความงาม แพทย์ในสายนี้จึงเดินหน้ารับทรัพย์ แต่ “หมอโจ้” หรือ “นายแพทย์ดิสพงศ์ ปณิฐาภรณ์” แห่ง THE DEMIS CLINIC ที่มีเซเลบริตี้ตบเท้าเข้าไปทำสวยอย่างไม่ขาดสาย บอกว่าเขามาถึงทุกวันนี้ได้เพราะ “รู้จักรอ” การแนะนำคนไข้ให้ได้รับการรักษาในแนวทางที่ปลอดภัยและยั่งยืน บางครั้งก็กลายเป็นเรื่องขัดใจลูกค้า แต่หมอโจ้ขอมาเวย์นี้ด้วยจรรยาบรรณอันแข็งแกร่ง จนกระทั่งวันแห่งความสำเร็จมาถึง บอกเลยว่าไม่ไกลเกินรอ

กว่าจะสำเร็จ…ไม่ง่าย “หมอโจ้” แพทย์ความงามมือดีที่เซเลบฝากหน้าให้ดูแล

หลายคนเชื่อว่าคนเป็นหมอต้องเรียนเก่ง สำหรับหมอโจ้เป็นแบบนั้นไหมคะ

“ไม่เลยครับ สมัยเด็กผมเรียนไม่เก่งเลย โดยเฉพาะช่วงประถมนี่เรียกว่าดิ่งเหว สร้างความทุกข์ให้คุณพ่อคุณแม่มาก ต้องไปไหว้วานญาติๆ มาช่วยติวคนละวิชาซึ่งเราก็ยังไม่ใส่ใจอยู่ดี แต่ลึกๆ รู้สึกว่าบาปเนอะที่แม่ต้องมาร้องไห้เพราะเรา กระทั่งเข้าเรียนมัธยมที่โรงเรียนอัสสัมชัญ ทางโรงเรียนมีการสอบคัดเกรดใหม่จาก 500 คนเหลือ 100 คนเพื่อเข้าห้องคิงและห้องควีน จุดนั้นกลายเป็นโอกาสที่เราต้องถีบตัวเองให้ตั้งใจเรียนจนได้เข้ามาเป็นคนที่ 100 พอดี

“เมื่อได้เข้าไปแล้วก็เหมือนบรรยากาศพาไป เขาเรียนกันอย่างไร จดเลกเชอร์แบบไหน เราจึงมีความตั้งใจมากขึ้นเรื่อยๆ ค่อยๆ ขยับจากการนั่งหลังห้องมาหน้าห้อง การเรียนก็ดีขึ้นตามลำดับ พอเข้าสู่มัธยมปลายมีโปรเจ็กต์ของโรงเรียนที่ตั้งเป้าให้เด็กระดับหัวกระทิ 100 คนเอนทรานซ์ติดให้ได้ มีการจัดครูแนะแนวมาประกบจนเราค้นตัวเองเจอว่าอยากเรียนหมอ พอรู้สายที่จะไปแล้ว ทางโรงเรียนก็จับแยกติวเข้มเลย จนได้เข้าเรียนแพทย์ที่รามาธิบดีในที่สุด”

แล้วอะไรคือเหตุผลที่ทำให้ตัดสินใจเลือกเป็นแพทย์ด้านผิวหนังคะ

“เพราะเป็นเรื่องที่ผมเผชิญมาด้วยตัวเอง คือตอนเรียนปี 4 ผมเป็นสิวหนักมาก จนมาได้อาจารย์หมอที่ใช้เครื่องเลเซอร์ช่วยดูแลให้จนเริ่มดีขึ้น จากสิวเต็มทุกพื้นที่ก็หายเกลี้ยงเป็นปกติเลย จึงรู้สึกแฮ็ปปี้กับการรักษาครั้งนั้นมาก ชีวิตมีความสุข รู้สึกดีกับตัวเองขึ้นเยอะ กลายเป็นจุดที่ทำให้มุ่งมั่นว่าอยากเรียนแพทย์ผิวหนัง ประกอบกับตอนนั้นเป็นปีแรกๆ ที่เลเซอร์ IPL เข้ามาพอดี ผมเองชอบเทคโนโลยีอยู่แล้ว เมื่อได้ทดลองใช้ดูก็รู้สึกว่าเจ๋งมาก ใช้เลเซอร์รักษาสิวได้ด้วย แต่รุ่นนั้นคือเจ็บมากนะ ยิงแล้วเหมือนโดนดีดแรงๆ ทั้งหน้าเลย (หัวเราะ) แต่เป็นการรักษาที่ปลอดภัยและยั่งยืนกว่าสเตียรอยด์ที่ใช้กันอยู่ตอนนั้น ถือว่าผมเริ่มมาตั้งแต่รุ่นหนูทดลองเลย ก็เลยเริ่มศึกษาเกี่ยวกับเลเซอร์เพื่อรักษาผิวมาตั้งแต่ตอนนั้น”

หมอโจ้ THE DEMIS CLINIC

ทราบว่าคุณหมอเป็นแพทย์รุ่นแรก ๆ ที่ได้ไปเรียนด้าน “โบท็อกซ์” ในต่างประเทศ

“ก็ไม่เชิง…เล่าก่อนว่าที่บ้านผมไม่ได้มีฐานะอะไร ไม่ได้ไปเรียนต่างประเทศกับใครเขา แต่ช่วงนั้นผมเริ่มอิ่มตัวจากการทำเลเซอร์ที่ฝึกจนเชี่ยวชาญแล้ว จึงมองหาเทคโนโลยีใหม่ๆ ก็พอดีมีกระแสพูดถึงโบท็อกซ์ว่าดีอย่างนั้นอย่างนี้ ผมสนใจแต่ไม่รู้จะไปเรียนที่ไหน พอลองสืบค้นก็พบว่ามีอาจารย์ท่านหนึ่งที่ถือว่า เป็น ‘เทพโบท็อกซ์’ โดยเขาเปิดคอร์สสอนระยะเวลา 15 วัน เป็นการฝึกแบบเข้มข้น สอนเทคนิคจริงจังครบทุกอย่าง แต่อยู่ไกลถึงแซนแฟรนซิสโก ซึ่งผมอยากเรียนมาก แต่เงินเดือนตอนนั้นแทบไม่พอใช้ ไหนจะผ่อนบ้านอีก เรื่องเรียนจึงเป็นเหมือนความฝัน

“กระทั่งเจอพี่อีกคนที่อยากไปเรียนเหมือนกัน จึงคุยกันว่าเอาละเราจะกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป (หัวเราะ) คือประหยัดทุกวิถีทาง เก็บเงินกันอยู่นาน สุดท้ายก็ได้ไปเรียนจริงๆ โชคดีที่ผมมีเพื่อนเป็นเชฟอยู่ที่นั่น จึงขอแบ่งพื้นที่ในห้องเขาพักอาศัยด้วย ส่วนพี่อีกคนที่ไปด้วยกัน ภายหลังเขาป่วยหนักจนเรียนไม่ได้จึงต้องกลับ

“ต้องบอกว่าผมโชคดีมากที่ได้ไปเรียน เพราะครั้งนั้นเป็นคลาสสุดท้ายของศาสตราจารย์ท่านนี้ก่อนจะเกษียณอายุ ถือเป็นการเปิดโลกเลยว่าวิธีการฉีดโบท็อกซ์ที่ถูกต้องและเทคนิคต่างๆ เป็นอย่างไร ช่วงแรกที่ฝึกก็มีมือสั่นบ้าง แต่พอฝึกสั่งสมประสบการณ์ไปเรื่อยๆ ก็คล่องเอง”

แล้วจุดเริ่มต้นของการทำคลินิกล่ะคะ

“หลังกลับมาจากคอร์สที่แซนแฟรนซิสโก ผมทำงานกับคลินิกแห่งหนึ่งอยู่พักใหญ่ แล้วพบว่าเคสที่เจอมักเป็นโรคเฉพาะทาง แต่เรามีแพสชั่นในเรื่องของเทคโนโลยีเลเซอร์ อยากเจอเคสรักษาสิวด้วยเลเซอร์ที่ท้าทายกว่านั้น อยากเริ่มทำอะไรใหม่ๆ จึงชักชวนหมอหลิน (แพทย์หญิงนิโลบล เจริญวุฒิ) ซึ่งสนใจเรื่องเลเซอร์เหมือนกันมาทำคลินิกด้วยกัน เราโชคดีได้โลเกชั่นที่สยามฯ ซึ่งเหมาะมาก จึงเริ่มออกมาดูแลคนไข้กันเอง”

ช่วงแรกเป็นอย่างไรบ้างคะ

“แทบไม่มีคนเลย (ยิ้ม) แม้จะอยู่ที่สยามฯ ฟังดูเหมือนดีแต่ลำบากมาก เพราะเป็นคลินิกแบบสแตนด์อะโลน ไม่ได้อยู่ในห้างแถมอยู่บนชั้น 3 ของตึกเล็กๆ โดยไม่มีหน้าร้านอยู่ชั้นล่างด้วยซ้ำ คือค่าเช่าถูกที่สุดเท่าที่จะหาได้ พนักงานก็มีกันอยู่แค่ 2 คน ผมถือนโยบายว่าพนักงานทำอะไร เราต้องทำด้วยทุกอย่าง เช่น จัดเวรกันล้างห้องน้ำโดยผมก็ทำด้วย ส่วนเรื่องการโปรโมตสมัยนั้นยังไม่มีโซเชียลเน็ตเวิร์คใดๆ วิธีเดียวที่ทำได้ก็คือโบรชัวร์ ผมทำอาร์ตเวิร์คเอง เดินแจกเองกับวางตามหน้ารถยนต์ เรียกว่าทำเท่ากับพนักงานคนหนึ่งทุกอย่าง ช่วงแรกๆ บางวันไม่มีคนไข้เลย ก็ใจหวิวเหมือนกันนะ เพราะเรามีค่าใช้จ่ายตลอด แต่เมื่อมีลูกน้องมาอยู่กับเราจะท้อไม่ได้ วันไหนคลินิกเงียบไม่มีคนไข้ ผมจะถอดเสื้อกาวน์ออก เปลี่ยนเป็นเสื้อยืด แล้วเรียกป้าจันทร์ทีมงานผม ให้ไปแจกโบรชัวร์กันที่หน้าคลินิก บางทีก็เจอคนมาไล่ต้องวิ่งหนีกันชุลมุน”

คุณหมอยังจำคนไข้คนแรกได้ไหมคะ

“จำได้ครับ ชื่อพี่นัท – คัทลียา รหัส 00001 ทำงานอยู่ที่ อย.ด้วย เราได้ดูแลกันเพราะการแจกโบรชัวร์นี่แหละ ปัจจุบันก็ยังเจอกันอยู่ เพิ่งรำลึกความหลังกันไปว่าพี่นัทรหัสนี้นะ จำได้ไหมที่เจอกันเพราะวันนั้นพี่นัทมาช็อปปิ้ง ผมเข้าไปแจกโบรชัวร์เลยได้พูดคุยกันและถูกชะตา เขาบอกว่าอยากสนับสนุนจึงลองมารักษากับผม เคสพี่นัทตอนนั้นคือเป็นฝ้าหนักมาก ผมบอกเขาตรงๆ ว่าไม่หายในครั้งเดียวนะ เขาบอกว่านี่เป็นคลินิกแรกที่พูดว่าไม่หาย เขาเคยเจอแต่พนักงานที่เชียร์แหลก ทำครั้งเดียวหายแน่นอนแต่ผมบอกตรงๆ ว่าฝ้าพี่ไม่หายขาดนะ ไม่ต้องไปทุ่มเงินขนาดนั้น แต่ถ้าเราทำให้ผิวแข็งแรงจะทำให้ฝ้าดูจางและลดลง จนพี่รู้สึกว่าอยู่กับมันได้แบบนั้นจะดีกว่า”

คุณหมอพูดว่า “ไม่” กับคนไข้คนแรกเลยเหรอคะ

(พยักหน้า) “ถือเป็นจรรยาบรรณที่แพทย์ผิวหนังพึงมี ผมพูดว่า ‘ไม่’ บ่อยมาก ตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงเดี๋ยวนี้ ยิ่งสมัยนี้มีคนมากมายที่เดินเข้ามาบอกหมอว่าขอสวยเหมือนคนนั้นคนนี้ อยากรู้ว่าดาราคนนี้ทำอะไรจะได้ทำตามเขาบ้าง ผมจะบอกเลยว่าไม่ได้ สเต็ปที่ถูกต้องคือลืมไปก่อนว่าคนนั้นทำอะไร ผมจะดูตามความเหมาะสม หากบางอย่างไม่เหมาะกับบางคน ผมจะบอกเลยว่าอย่าเอาเงินก้อนแรกมาลงทุนแบบนี้เลย

“ซึ่งในความเป็นจริงถ้าผมบอกให้คนไข้ทำอะไร เขาก็คงเชื่อหมด แต่ถ้าผมพูดไปแล้ว อีกหน่อยพอเขาอยากทำหน้า เขาก็จะมาด้วยเงินก้อนแล้วขอทำอัลเทอร่า โบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ เลเซอร์พร้อมกันในคราวเดียว ซึ่งผมไม่สนับสนุนวิธีการแบบนี้ ลองอัลเทอร่าก่อนแล้วรอดูผลลัพธ์เป็นอย่างๆ ว่าจำเป็นหรือเปล่า ถ้าในที่สุดเราเห็นตรงกันว่าเขายังสวยได้อีก ก็ค่อยโบท็อกซ์เป็นสเต็ปต่อไป ซึ่งจะทำให้เขาได้เรียนรู้ว่าวิธีการที่เขาเลือกทำเหมาะกับตัวเองหรือเปล่า”

จากวันแรกที่แทบไม่มีลูกค้ามาเริ่มเป็นที่รู้จักตอนไหนคะ

“มาบูมจริงๆ ในยุคเริ่มต้นของโซเชียลมีเดีย พอดีคุณมด Cinnamongal บิวตี้บล็อกเกอร์ มีปัญหาหนักมากเรื่องสิวที่หลัง แล้วไปเจอข้อมูลการรักษาด้วยเครื่อง ‘ไอโซลาซ’ ซึ่งที่คลินิกเรามี คุณมดจึงมาหาโดยที่ผมไม่รู้จักเธอ พอมาถึงก็บอกเลยว่าให้ทำที่หลังอย่างเดียว ไม่แตะที่หน้าเลย ระหว่างรักษาคุณมดก็ถามขึ้นมาว่ารู้จักคำว่า ‘บล็อกเกอร์’ ไหม เขาทำบล็อกของตัวเองอยู่ ชื่อ Cinnamongal ผมก็บอกว่าไม่รู้จัก ไม่เคยติดตามเลย เพราะสมัย 8 ปีที่แล้วยังไม่มีเฟซบุ๊ก หรือไอจีใดๆ มีแค่ห้องโต๊ะเครื่องแป้งในพันทิป แต่ก็บอกคุณมดไปว่าถ้ามาเมื่อไร ก็ยินดีรักษาให้ คุณมดก็ไม่ได้พูดอะไร รักษาเสร็จก็จ่ายค่ารักษากันตามปกติ จากนั้นคุณมดก็กลับมารักษากับผมอยู่ 4 – 5 ครั้ง

“จนมาเห็นอีกทีในออนไลน์ว่าคุณมดไปเที่ยวหัวหิน ใส่ชุดบิกินี่โชว์หลังเนียนผิวสวย ซึ่งคนที่ตามคุณมดจะรู้ว่าเธอมีปัญหาสิวที่หลังเรื้อรัง และนี่คือครั้งแรกที่ใส่บิกินี่โชว์ได้ แล้วก็ลงท้ายคำบรรยายภาพที่โพสต์ว่ารักษาผิวที่ไหน เท่านั้นแหละได้เรื่อง รุ่งขึ้นมีคนหลั่งไหลมาเรื่อยๆ จาก 10 คนกลายเป็น 20 คน แล้วก็ บอกต่อๆ กัน ต้องยอมรับว่า THE DEMIS เป็นที่รู้จักจากการบอกปากต่อปากเยอะมาก ผมเคยปรึกษากับทีมว่าเราจะชวนดารามารีวิวคลินิกดีไหม แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจว่าไม่เอาดีกว่า ขอทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดไปก่อน จนเพิ่งมาปีหลังๆ ที่จู่ๆ ก็มีดาราติดต่อมาให้เราได้พิสูจน์ผลงาน ทำให้ผมมองว่าถ้าที่ผ่านมาเรามัวแต่อยากเข้าไปหาดาราในวันที่ฝีมือเราอาจจะยังไม่ถึง สุดท้ายชื่อของเราคงจบแค่วันนั้น แต่ผลลัพธ์ของการรอคอย ฝึกฝน และทุ่มเทก็ทำให้วันนี้คลินิกเรา เป็นที่บอกต่อกันเองในหมู่ดาราโดยที่ไม่ต้องโปรโมตอะไร”

หมอโจ้ THE DEMIS CLINIC

คิดว่าอะไรคือจุดอ่อนและจุดแข็งของ THE DEMIS CLINIC คะ

“สำหรับผมจุดอ่อนกับจุดแข็งของเราคือสิ่งเดียวกัน คือเรารักษาไม่เหมือนใครเลย ถ้าตอนนั้นผมอยากได้กำไรมากๆ บอกเลยว่าฉีดสิวคือได้กำไรที่สุด แต่ผมเลือกที่จะบอกให้คนไข้อดทนรอรักษาด้วยวิธีเลเซอร์ ซึ่งในมุมหนึ่งก็เป็นจุดอ่อนตรงที่เมื่อคนไข้เปิดประตูเข้ามาถาม พอคุยเสร็จ อ้าว…ไม่มีฉีดสิว เขาก็เดินออกไปเลย

“ต้องอธิบายว่าที่ผมยึดมั่นจะไม่ฉีดสิวเพราะรู้ว่าได้ผลไม่ยั่งยืน เนื่องจากผมเคยมีประสบการณ์ตรงมากับตัวเองอย่างที่บอกเวลาใช้สเตียรอยด์ช่วงแรกผิวจะดีขึ้นราวกับยาผีบอก ทำให้รู้สึกว้าวมาก แต่ถ้าทิ้งช่วงสิวจะบุกกลับมาหนักมาก เรียกว่าสิวสเตียรอยด์ เพราะผิวเสพติดสเตียรอยด์ จึงอยากบอกต่อถึงโทษในการรักษาด้วยการฉีดสิว ขณะที่การรักษาด้วยเลเซอร์อาจไม่ให้ผลลัพธ์ในทันที เพราะต้องใช้เวลาในการปรับสภาพผิวให้แข็งแรง แต่หากอดทนรอจะได้ผลในระยะยาว อย่างที่ผมได้ลองกับตัวเองมาแล้ว

“ซึ่งเมื่อคนไข้เข้าใจจุดนี้ เราจึงได้รับการยอมรับมากขึ้นเรื่อยๆ จากคนไข้ 1 คน ไปเป็นหมื่นๆ คน จุดอ่อนนี้จึงกลายเป็นจุดแข็งและจุดเด่นของคลินิกเราไปแล้วว่าหากรักษาสิวที่ไหนไม่หาย ถ้ามาหาเราจะหายแน่ๆ จนถึงทุกวันนี้วิธีการรักษาจึงเป็นสูตรสำเร็จไปแล้ว ซึ่งไม่ได้เกิดจากที่เรียนมา แต่เกิดจากการที่เราดูแลคนไข้ ถ่ายรูป และเก็บสถิติทุกวัน เราเรียนรู้ผ่านประสบการณ์จนรู้ว่าถ้ายิงเลเซอร์จูลเท่านี้ได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์ ถ้าคนไข้แบบนี้มาเราจะจ่ายยาอะไรบ้าง หรือเราบอกได้เลยว่าถ้ารักษาแบบนี้ ภายใน 3 สัปดาห์เขาจะดีขึ้นกี่เปอร์เซ็นต์ แล้วถ้าไม่ดีขึ้นเท่านี้ เปอร์เซ็นต์ จะแปลว่าอะไรได้บ้าง”

สำหรับคุณหมอแล้วเส้นแบ่งหรือจรรณยาบรรณข้อไหนที่จะไม่มีวันข้ามไปเด็ดขาด

“ ‘คุณธรรม’ คือสิ่งที่ต้องมี สิ่งที่เรามอบให้คนไข้ต้องปลอดภัยและเห็นผลที่สุด อย่างตอนที่เทรนด์เรื่องการยกกระชับกำลังมา ผมก็มองหาเครื่องที่ดีที่สุด พยายามเก็บเงินจนซื้อเครื่องอัลเทอร่าได้ แต่ด้วยความที่อัลเทอร่าเมื่อ 7 ปีที่แล้ว รักษาทีตกครั้งละ 80,000 – 100,000 บาท ซึ่งเป็นเงินที่สูงมาก ประกอบกับผมยังไม่มั่นใจว่าการจ่าย 1 แสนนั้นจะเห็นผลเป็นที่น่าพอใจหรือไม่ จึงหาตัวเลือกเป็นการร้อยไหม ลงทุนซื้อไหมไป 1 ล้านบาท แต่พอได้ลองทำแล้วพบว่ามีสิ่งที่ขัดกับคุณธรรมในใจผมอยู่มาก เนื่องจากความเสี่ยงสูง พอร้อยไหมให้คนไข้ไปได้สัก 10 คน ผมเริ่ม นอนไม่หลับเพราะไม่แน่ใจว่าสะอาดพอหรือเปล่า จะติดเชื้อหรือเปล่า แม้ผมจะระวังเต็มที่แล้วก็ตาม ในที่สุดจึงต้องยอมทิ้ง 1 ล้านบาทสำหรับไหมกล่องนั้นไว้เป็นอนุสรณ์ แล้วกลับไปมุ่งมั่นทำอัลเทอร่า เพราะเป็นสิ่งที่ผมมั่นใจที่สุด”

จะบอกรุ่นน้องที่อยากเป็นหมอผิวหนังอย่างไรดีคะ

“หมอผิวหนังเป็นอาชีพที่มีความท้าทายต่อศีลธรรมอยู่เสมอ ความที่เราอยู่กับ ความสวยความงาม แต่ก็เกี่ยวกับชีวิตคน จึงเป็นงานที่เหมือนเล่นและทำธุรกิจ ไปด้วยในตัว แล้วปัจจุบันก็มีทางเลือกหลากหลาย บุคลากรที่ไม่ใช่หมอก็มี ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ก็มีให้เลือกหลายเกรดหลายราคา ไม่ว่าจะเป็นเลเซอร์ โบท็อกซ์ จากขวดละหมื่นเหลือ 3,000 ก็มี หรือถ้าเลือกฉีดสิวแทนเลเซอร์ ก็ยังได้ต้นทุนถูกกว่ามากซึ่งคนไข้ไม่รู้ ฉะนั้นทุกครั้งที่ผมดูแลคนไข้ ผมต้องแยกให้ได้ระหว่างผลกำไรกับผลการรักษา ถ้าจะให้ผลการรักษาดีและผลกำไรเยอะก็ทำได้ มีวิชามารมากมายในวงการนี้ที่จะช่วยลดต้นทุนได้ เปรียบเทียบกับการทำอาหาร ถ้าอยากทำให้อาหารอร่อยจริงๆ จนคนกินแล้วจดจำได้ เคล็ดลับก็คือต้องใส่เครื่องไม่ยั้ง ไม่หวงสูตร ไม่หวงต้นทุน ผลลัพธ์จึงจะดี ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ผมทำมาตลอด

“ดังนั้นการเป็นหมอในวงการความงาม เราต้องคอยดึงจิตวิญญาณของความเป็นหมอให้สูงกว่านักธุรกิจให้ได้ในทุกๆ เคส ที่เราเผชิญ เพราะหากเราตัดสินใจผิดแค่เสี้ยววินาที จะส่งผลต่ออาชีพอย่างแน่นอน หรือถ้าเราละเลยจนลูกค้าเสียโฉมไปออกสื่อ ก็จะส่งผลถึงความน่าเชื่อถือของเราทันที การรักษาให้ได้มาตรฐานและรู้จักชั่งน้ำหนักจึงสำคัญมาก”

เป้าหมายต่อไปของคุณหมอคืออะไรคะ

“ตอนนี้กำลังจริงจังกับแบรนด์ DDC ครับ แบรนด์นี้เกิดขึ้นโดยใช้หลักการเดิมคือ ใช้ศีลธรรมเข้ามาจับในพาร์ตของธุรกิจ และยังคงแหวกแนวจากแบรนด์อื่นๆ คือเป็นสกินแคร์ที่ต่อให้เป็นครีมรักษาสิวก็ไม่ใส่ยาแก้อักเสบ กรด และสเตียรอยด์เลย เราใช้สมุนไพรไทยล้วนๆ ซึ่งใช้เวลากว่า 2 – 3 ปีในการทดสอบ จนมั่นใจว่าเราจะยืนหยัดด้วยเส้นทางนี้ โดยมียาแต้มสิวเป็นสินค้าตัวแรกและเป็นที่ยอมรับเร็วมาก ตอนนี้แตกไลน์ไปเป็น 20 ตัวแล้ว มีทั้งสกินแคร์ เครื่องสำอางและอาหารเสริม โดยยึดมั่นความเป็นแบรนด์ที่พัฒนาโดยแพทย์ผิวหนัง ปราศจากสารที่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้”

ในฐานะที่เป็นเบอร์ต้นๆ ของวงการ คุณหมอมองเรื่องความสำเร็จและความล้มเหลวอย่างไรคะ

“ผมอยู่ในวงการนี้มา 12 ปี คลินิกมีอายุ 10 ปี ถือว่าเติบโตมาพร้อมกัน ในระหว่างทางที่ผ่านมาผมเห็นคลินิกที่เกิดขึ้นมาแล้วก็ต้องปิดตัวไป ยิ่งช่วงโควิดหลายแห่งได้รับผลกระทบเยอะ ช่วงล็อกดาวน์เราก็ปิดตามมาตรการของรัฐบาล ตอนนั้นก็ทุกข์ไม่แพ้คนอื่น แต่พอกลับมาเปิดอีกครั้ง ปรากฏว่าลูกค้าพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอยากกลับมาหา เพราะช่วงวิกฤติกลับทำให้เขาตระหนักเรื่องการใช้จ่ายว่าจะสะเปะสะปะไม่ได้ ต้องเลือกสิ่งที่ เชื่อมั่นจริง ๆ และเขาก็เก็บเราไว้เป็นตัวเลือกเดียว ทำให้เรามั่นใจว่ามาตรฐานและความแตกต่างอย่างที่เราเป็นนี่แหละที่ทำให้ลูกค้าไว้ใจ

“ผมจึงคอยเตือนตัวเองอยู่เสมอว่าความสำเร็จคือสิ่งที่เราทำแล้วจบ อย่าไปหลงระเริงกับมัน ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วจะหยุดพัฒนา ตรงกันข้าม เราต้องปรับตัวให้ทันโลกและยุคสมัยเสมอ เพราะความสำเร็จจะนำมาซึ่งความไว้วางใจให้คนเดินเข้ามาหา ยิ่งเราเป็นหมอ ความไว้วางใจจึงยิ่งทวีคูณ แต่ถ้าเราใช้ความไว้วางใจของคนไข้ในทางที่ผิด เชียร์อะไรที่เกินเหตุหรือยัดเยียดสิ่งที่ไม่จำเป็นให้คนไข้ เชื่อว่าไม่นานก็พลิกไปสู่ความล้มเหลวได้ ตอนนี้ผมจึงไม่ได้สู้กับอะไรที่ยิ่งใหญ่ไปกว่าการสู้กับใจตัวเองทุกวัน ว่าจะไม่หลงระเริงไปกับความสำเร็จและกิเลสที่เข้ามา เป็นความสำเร็จที่คอยเตือนตัวเองอยู่เสมอครับ”

วิถีหมอโจ้

• ดูแลทีมงานเหมือนคนในครอบครัว วันแรกที่เหนื่อย ก็ลำบากไปด้วยกัน ผ่านไปสิบปี วันนี้พนักงานคนแรก จึงยังอยู่ด้วยกัน

• จรรยาบรรณของแพทย์ผิวหนังที่สำคัญคือ มีคุณธรรม และกล้าเซย์โนกับคนไข้ ไม่ยัดเยียดขายในสิ่งที่เกินความจำเป็น จนคนไข้ต้องเสียเงินก้อนโตไปกับสิ่งที่ไม่เห็นผลจริง

• หมอด้านความงามต้องคอยดึงจิตวิญญาณความเป็น หมอให้สูงกว่าการเป็นนักธุรกิจ ต้องไม่ยอมลดต้นทุน เพื่อให้ได้กำไรมากขึ้น

• “โชคดี” หมายถึง โอกาสที่เข้ามาในเวลาที่เราพร้อม แต่โอกาสไม่ได้เข้ามาง่าย ๆ จึงต้องให้ความสำคัญกับการ ฝึกฝนพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ และอดทนรอคอย เพื่อเตรียมพร้อมรับโอกาสที่จะเข้ามา แล้ววันนั้น จะเป็นโชคดีของเรา


ที่มา : นิตยสารแพรว ฉบับ 968

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ชีวิตจริงที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ มาดามแป้ง นวลพรรณ CEO นักสู้หญิงเหล็ก

คัมภีร์นักสู้! ของคนจริง “ตัน ภาสกรนที” ยอมรับปัญหาให้ไว เริ่มแก้ไขให้เร็ว

ชัยชนะบนวีลแชร์ สายสุนีย์ จ๊ะนะ ความพิการไม่ใช่ขวากหนามชีวิต สู่สุดยอดนักกีฬา

keyboard_arrow_up